Alchemy Emperor of the Divine Dao 1460-1465
ตอนที่ 1460
“ศัตรูของตระกูลหูตือ ตระกูลติงแห่งเมืองธุรีจันรทรา!”
หูหยู่กล่าวพร้อมกับกัดฟันด้วยความแค้น
ตระกูลติง!
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน หรือจะเป็นตระกูลติงของติงเหยาหลงกับติงจื่อเฉิน?
เขายังไม่ทันได้เอ่ยถาม หูหยู่ก็ส่งผ่านพลังของสมบัติเข้าสู่ร่างกายของเขา
“นี่คือเพลิงเก้าสวรรค์ มันถูกผนึกเอาไว้ในแผ่นหินทองคำ พลังงานจากภายนอกไม่สามารถทำลายมันได้”
“ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดอยู่นับร้อย เพลิงเก้าสวรรค์เป็นเพลิงบรรพบุรุษของดินแดนแห่งเซียน ซึ่งเพลิงบรรพบุรุษเป็นต้นกำเนิดของเปลวเพลิงทั้งมวล”
“เพลิงเก้าสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในเพลิงต้นกำเนิดเหล่านั้น”
“แน่นอนว่า เพลิงเก้าสวรรค์นี้เพิ่งจะเป็นเปลวแรกเริ่มเท่านั้นเนื่องจากมันเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาและยังไม่มีพลังอำนาจที่น่ากลัว ตอนนี้ข้าได้หลอมเพลิงเก้าสวรรค์เข้าไปในร่างเจ้าแล้ว เมื่อเจ้าขัดเกลากลุ่มก้อนเปลวเพลิวในร่างได้อย่างสมบูรณ์ เพลิงเก้าสวรรค์จะยกระดับเป็นเพลิงบรรพบุรุษในอนาคตและมันจะมอบพลังอันเหนือจินตนาการให้แก่เจ้า”
“น่าเสียดายที่ข้าเพิ่งรู้ถึงเรื่องนี้หลังจากตายแล้วและผนึกดวงวิญญาณเข้ามายังแผ่นหินนี้”
“ไม่ว่าอย่างไรเพลิงเก้าสวรรค์ก็เป็นเพลิงบรรพบุรุษ แม้จะถูกผนึกอยู่ในแผ่นหินสีทองมันก็ยังแฝงไว้ด้วยอำนาจที่ทรงพลัง หากเจ้าไม่ขัดเกลามันอย่างระมัดระวัง อะ… อะไรกัน!”
จู่ๆหูหยู่ก็ตกตะลึงจนต้องอุทานออกมา
เหลือเชื่อ!
Anchor
เพลิงเก้าสวรรค์ถูกหลิงฮันดูดซับและขัดเกลาจนกลายเป็นก้อนพลังอย่างง่ายดายและราบรื่น
ในความคิดของหูหยู่ หลิงฮันจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยล้านปีในการดูดซับและขัดเกลาเพลิงเก้าสวรรค์ เนื่องจากเพลิงนี้เป็นถึงเพลิงบรรพบุรุษ แม้จะเป็นดินแดนแห่งเซียนก็มันเผาผลาญปรมาจารย์ที่ทรงพลังมาแล้วนับไม่ถ้วน
แต่หูหยู่ไม่มีทางรู้ได้ว่าหลิงฮันนั้นขัดเกลาร่างกายในหอคอยทมิฬด้วยเพลิงนิรันดร์มาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งจนสามารถเข้าใจหลักการของกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้ ต่อให้เป็นเพลิงบรรพบุรุษที่ทรงพลังมากขนาดไหน พลังของเปลวเพลิงแรกเริ่มนี้ก็ยังห่างไกลจากเปลวเพลิงของวิหคเพลิงอมตะมากนัก สำหรับหลิงฮันแล้วการขัดเกลามันย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
ในร่างของหลิงฮัน รูปแบบอาคมมากมายนับไม่ถ้วยปรากฏขึ้นมาและมีความซับซ้อนยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านๆมาในอดีต
นี่ไม่ใช่รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์แต่เป็นตราประทับนิรันดร์!
‘ครืนน’ ร่างกายของหลิงฮันปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาเป็นหัวของวิหคเพลิงอมตะ ด้วยการกระตุ้นจากเพลิงบรรพบุรุษ ความเชี่ยวชาญในหลักการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านของเขาจึงทะยานสูงขึ้นไปอีก
ก่อนหน้านี้เขาสามารถใช้กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้เพียงหนึ่งครั้งและต้องฟื้นฟูพลังของแก่นกำเนิดพลังในร่างอยู่เป็นเวลานานถึงจะใช้ได้อีกครั้ง แต่ด้วยความเข้าใจที่ยกระดับสูงขึ้นพรวดพราดเช่นนี้ทำให้เขาสามารถใช้กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านสองครั้งหรือสามครั้งติดต่อกัน!
“นี่ข้าพบเจอกับสัตว์ประหลาดเข้าแล้วรึไง?” หูหยู่พึมพำ พรสวรรค์เช่นนี้แม้แต่ในดินแดนแห่งเซียนก็ถือว่าอยู่ในระดับต้นๆ
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ล้าหลังเช่นนี้กลับมีอัจฉริยะที่สามารถทัดเทียมกับดินแดนแห่งเซียนได้ ทำให้เขาทั้งรู้สึกหวาดกลัวและดีใจ
ความแค้นของตระกูลหู… ต้องชำระล้างได้สำเร็จแน่!
ที่จริงเขาคาดหวังในตัวกู่ต้าวอี้มากกว่าเนื่องจากอีกฝ่ายมีแก่นกำเนิดนิรันดร์ทำให้ศักยะภาพของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าอัจฉริยะคนใดในดินแดนแห่งเซียน แต่น่าเสียดายที่กู่ต้าวอี้ไม่ใช่ผู้ชนะ
เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก หลิงฮันไม่ได้ด้อยไปกว่ากู่ต้าวอี้!
“ในเมื่อเจ้ากำลังขัดเกลาเพลิงเก้าสวรรค์เสร็จอยู่ งั้นข้าจะส่งมอบทักษะของตระกูลหูให้ผ่านสัมผัสสวรรค์แล้วเจ้าค่อยเรียนรู้มันในภายหลัง” หูหยู่กล่าว “ในเรื่องการแก้แค้นนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลอะไรมาก ตระกูลติงนั้นไม่ใช่ตระกูลใหญ่ในดินแดนแห่งเวียน ผู้นำตระกูลของพวกเขาเป็นจอมยุทธระดับโลกียนิพพานเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลติงก็เป็นถึงปรมาจารย์สี่นิพพานซึ่งน่าสะพรึงกลัวพอสมควร”
หูหยู่กลัวว่าหลิงฮันจะไม่เข้าใจจึงอธิบายต่อ “หากจะทะลวงผ่านเป็นระดับนิรันดร์นั้น สิ่งจำเป็นคือการตัดขาดความรู้สึกทางโลก ซึ่งแบ่งเป็นนิพพานที่หนึ่ง นิพพานที่สอง นิพพานที่สาม นิพพานที่สี่”
“นิพพานที่หนึ่งเปรียบเสมือนระดับโลกียนิพพานขั้นต้น ตระกูลติงมีปรมาจารย์เช่นนั้นอยู่สี่คน!”
หลิงฮันไม่สามารถเปิดปากพูดตอบโต้ ตอนนี้อักขระที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วนกำลังส่งผ่านมายังห้วงจิตวิญญาณของเขาผ่านสัมผัสสวรรค์
“ทักษะแผ่ไพศาล!”
“ทักษะรัตติกาลเงาทมิฬ!”
“ทักษะเศษพิรุณ!”
“ทักษะมังกรพิโรธร่วงหล่น!”
“ทักษะทำนองแปรผันกาลเวลา!”
ทักษะมากมายปรากฏขึ้นในห้วงจิตวิญญาณของหลิงฮัน แต่ไม่ใช่ว่าทุกทักษะจะเป็นทักษะระดับนิรันดร์ทั้งหมด ตระกูลหูเป็นขุมอำนาจระดับเดียวกับตระกูลติง เพราะงั้นทักษะระดับนิรันดร์ที่พวกเขามีจึงมีจำกัด ทักษะส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นทักษะระดับสร้างสรรพสิ่ง
แต่ทักษะระดับนิรันดร์ทักษะหนึ่งได้ทำให้หลิงฮันประหลาดใจจนต้องนึกถึงติงจื่อเฉินและติงเหยาหลงของตระกูลติง
ทักษะทำนองแปรผันกาลเวลา
แม้มันจะไม่เหมือนทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีเสียทีเดียวแต่มันก็มีความใกล้เคียงกันอย่างมาก
กาลเวลาแปรผันพันปีมีความสามารถในการเร่งระยะเวลาของของเป้าหมายเพียงอย่างเดียว ส่วนทำนองแปรผันกาลเวลานั้นเป็นทักษะที่ทั้งเร่งกาลไหลของเวลาให้ย้อนกลับหรือไปข้างหน้า!
นี่คือทักษะนิรันดร์ที่สมบูรณ์ บางทีตระกูลติงอาจจะลอกเลียนแบบทักษะส่วนหนึ่งของตระกูลหูไปและกลายเป็นทักษะประจำตระกูลติงในที่สุด เพราะงั้นเหตุกาลของติงจื่อเฉินสมควรเกิดขึ้นหลังจากที่ตระกูลหูถูกทำลายไปนานแล้ว
ทักษะระดับนิรันดร์ที่แข็งแกร่งสามารถส่งผ่านกันทางสายเลือดจากรุ่นสู่รุ่น ทุกวันนี้ตระกูลติงได้ดับสูญไปแล้ว ทักษะทำนองแปรผันกาลเวลาจึงถูกคัดลอกกลายเป็นทักษะประจำตระกูลของตระกูลติง ช่างน่าอัปยศยิ่งนัก
เพลิงเก้าสวรรค์ตั้งรากฐานขึ้นในร่างกายของหลิงฮันและกลายเป็นก้อนเพลิงที่มีชีวิต ในระหว่างที่หลิงฮันกำลังขัดเกลาเปลวเพลิง พลังบ่มเพาะของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆกัน เพลิงนี้คือเพลิงบรรพบุรุษ มันสามารถมอบผลประโยชน์ให้หลิงฮันได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ที่โลกภายนอก ราชาทุกคนกำลังอาบแสงวาสนาจากสวรรค์และปฐพี
ที่จริงแล้วแสงนี้มาจากแผ่นหินสีทองที่ทำหน้าที่ผนึกเพลิงเก้าสวรรค์เอาไว้ แม้พลังจะรั่วไหลออกมาเพียงน้อยนิด แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ศักยะภาพของจอมยุทธในดินแดนศักดิ์แปรเปลี่ยนไปราวกับเกิดใหม่
“นี่ก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว เหตุใดวาสนาถึงยังไม่สิ้นสุดอีก?”
“ในอดีตเพียงแค่สิบวันก็จบแล้วแท้ๆ!”
“หรือจะเป็นเพราะมีใครบางคนขึ้นไปยังแผ่นหินสีทองได้?”
“มีคนได้รับวาสนาเต็มไปหมด!”
หนึ่งเดือน สามเดือน ครึ่งปี… วาสนายังคงดำเนินต่อไปจนแม้กระทั่งตัวตนระดับเซียนก็ยังตื่นตัว เซียนได้มาตรวจสอบสถานการณ์ด้วยตัวเอง เมื่อพบว่าทุกคนกำลังได้รับวาสนาอย่างไม่มีภัยอันตรายเขาจึงกลับไป
หนึ่งปี สามปี ห้าปี!
เวลาผ่านไปจนคนที่ดูอยู่ส่วนใหญ่กลับไปหมดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นวาสนาก็ยังไม่สิ้นสุด วาสนาจากสวรรค์และปฐพีครั้งนี้น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ตราบใดที่สามารถผ่านไปยังจุดสองของหุบเขาได้คนคนนั้นก็จะได้รับวาสนาและทรงพลังขึ้นอย่างไม่อาจก้าวกระโดด
ขนาดคนอื่นๆยังได้รับผลประโยชน์เช่นนี้แล้วหลิงฮันล่ะ?
ตอนที่ 1461
สิบปีผ่านไป
มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลืมง่าย ต่อให้เป็นเหตุการณ์ที่หุบเขาเฉินเอี๋ยนจะทำให้แม้กระทั่งตัวตนระดับเซียนตื่นตัว แต่หลังจากผ่านไปสิบปี ผู้คนส่วนมากก็เริ่มเฉยชาและหมดความสนใจ
จอมยุทธที่ผ่านจุดที่สองของหุบเขาขึ้นไปได้ยังคงอาบแสงอันเจิดจรัสจากแผ่นหินสีทอง กายหยาบของพวกเขาถูกขัดเกลาจนผิวหนังชั้นนอกส่องกระกายสองระยิบออกมา
‘พรึบ!’
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆแสงที่ส่องลงมาจากหุบเขาก็หายไป ทุกคนที่อาบแสงอยู่ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกัน
วาสนาจากสวรรค์และปฐพีจบลงแล้ว
“ดูเหมือนว่าความเข้าใจในทักษะบ่มเพาะของข้าจะเพิ่มขึ้น!”
“นี่มัน… พลังบ่มเพาะของข้ายกระดับขึ้นจากดาราขั้นกลางชั้นต้นเป็นชั้นกลาง!”
“ข้าด้วย ระดับดาราขั้นสูงชั้นกลางถูกยกระดับเป็นชั้นปลาย!”
“ร่างกายของข้าพัฒนาขึ้น ดูเหมือนตอนนี้ข้าจะดูดซับพลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีได้ราบรื่นกว่าเดิม”
ทุกคนอุทานด้วยความประหลาดใจ ระยะเวลาสิบปีที่รับวาสนาทำให้มีการพัฒนาเกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างน่าอัศจรรย์
Anchor
กู่ต้าวอี้เองก็ชะงักเล็กน้อยในตอนแรกก่อนจะปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรวดเร็วและมองไปยังแผ่นหินสีทองบนท้องฟ้า
เขารู้สึกโกรธแค้นจนแทบจะตรอมใจตาย
อย่างแรกคือแก่นกำเนิดนิรันดร์ของมีการพัฒนาจริง แต่ก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่ อย่างที่สองคือเขาบรรลุขั้นสูงสุดของระดับดาราแล้ว หรือก็คือหากไม่ทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์คงเป็นไปไม่ได้ที่พลังบ่มเพาะของเขาจะมีการยกระดับ
หากผลประโยชน์ที่คนอื่นได้รับคือสิบล่ะก็ ผลประโยชน์ที่เขาได้รับคงมีแค่หนึ่ง!
ที่น่าแค้นกว่านั้นคือ ผลประโยชน์ของหลิงฮันอาจจะเป็นร้อย
ตัวเขาเดือดดาลไปด้วยความแค้น ไม่ว่าผลประโยชน์ที่หลิงฮันได้รับจะเป็นอะไรเขาก็จะสังหารอีกฝ่ายให้ได้ วาสนาอันยิ่งใหญ่นั่นต้องเป็นของเขา
พรึบ!
กู่ต้าวอี้เหาะเหินขึ้นท้องฟ้า หุบเขาเฉินเอี๋ยนกลับสู่สภาวะปกติแล้วทำให้กลับมาเหาะเหินได้ เขาลอยขึ้นมาด้านบนและหยุดอยู่ที่แผ่นหินสีทอง
ก่อนหน้านี้เขาเห็นหลิงฮันเข้าไปยังแผ่นหินสีทองและยังไม่ได้ออกมาแน่นอน หากโจมตีในขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้ระมัดระวังเช่นนี้ หลิงฮันจะต้องบาดเจ็บหรือหรืออาจถึงได้ตายเลยก็เป็นได้
นั่นเพราะตัวเขาในตอนนี้ไม่ได้มีพลังบ่มเพาะระดับดาราขั้นต้นอีกต่อไปและกลับมามรีพลังตามปกติแล้ว
ระดับดาราขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุด ต่อให้ศัตรูเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นเขาก็สามารถต่อกรได้!
“บังอาจ!” จักรพรรดินีลงมือ
“หยุดมือ!” จักรพรรดิรุณลงมือ
“กล้าหยาบคายกับอาจารย์ของข้า!” ติงผิงกับจิ่วเยาก็เช่นกัน
AnchorAnchor
สวีเหลิน เซียนหวู่เซียงกับสตรีนกอมตะ แม้ทั้งสามจะไม่กล่าวอะไรแต่ก็โจมตีใส่กู่ต้าวอี้
“กลุ่มของมดปลวกคิดจะหยุดยั้งข้า?” กู่ต้าวอี้แสยะยิ้ม ตอนนี้พลังของเขากลับมาแล้ว ด้วยแก่นกำเนิดนิรันดร์และทักษะทั้งสิบ ในระดับดารานี้ใครจะหยุดยั้งเขาได้?
เขาผลักฝ่ามือซ้ายตอบโต้การโจมตีของทั้งเจ็ดคนในขณะที่ผลักฝ่ามือขวาเข้าใส่แผ่นหิน
ปะทะเจ็ดราชาด้วยตัวคนเดียว ความหยิ่งผยองของเขาช่างสูงส่งเสียดฟ้า
ตูม!
การโจมตีของกู่ต้าวอี้ปะทะเข้ากับแผ่นหินสีทองจนเกิดเสียงสนั่นไปทั่วท้องฟ้า แผ่นหินขนาดใหญ่พังทลายแหลกเป็นเศษซากนับร้อยล้านชิ้น
หลังจากนั้นฝ่ามือซ้ายของเขาก็ขยายใหญ่ยักษ์ป้องกันการโจมตีของราชาทั้งเจ็ดได้อย่างสมบูรณ์
แต่ถึงอย่างนั้นกู่ต้าวอี้ก็ต้องขมวดคิ้ว เขายกมือขึ้นมาดูและพบว่าฝ่ามือซ้ายของเขาปรากฏรอยแผลสามรอย
หนึ่งเกิดจากจักพรรดินี หนึ่งเกิดจากจักรพรรดิพิรุณและอีกหนึ่งเกิดจากเซียนหวู่เซียง
กู่ต้าวอี้ตกตะลึงอย่างมาก เป็นไปได้อย่างคนเหล่านี้จะสามารถทำให้เขาบาดเจ็บ?
ดูเหมือนจะดูถูกคนเหล่านี้เกินไป!
จอมยุทธคนอื่นๆในหุบเขายิ่งตกตะลึงกว่า ราชาทั้งเจ็ดที่ลงมือนั้นในหมู่พวกเขามีสองคนที่เป็นสุดยอดราชาที่รู้จักกันในฉายา ‘เพชรฆาตราชา’ และ ‘อสูรหมัด’ แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ามือของกู่ต้าวอี้กลับมีเลือดออกเพียงเล็กน้อย
กู่ต้าวอี้ทรงพลังเหมาะสมกับที่เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะยิ่งนัก
แต่เมื่อสายตาของหลายคนจ้องมองไปยังตำแหน่งที่เคยมีแผ่นหินสีทองอยู่ พวกเขาก็พบเห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่อย่างองอาจ
หลิงฮัน!
กู่ต้าวอี้ทำลายแผ่นหินสีทองได้สำเร็จ?
แน่นอนว่าไม่ใช่ ไม่เพียงแค่ตอนนี้เขามีพลังแค่ระดับดารา ต่อให้เขากลับไปมีพลังบ่มเพาะเหมือนเดิมตอนอยู่ในดินแดนแห่งเซียนก็ไม่มีทางทำลายได้ ไม่เช่นนั้นเพลิงเก้าสวรรค์คงถูกตระกูลหูค้นพบไปเมื่อหลายหมื่นล้านปีก่อนแล้ว
เหตุผลที่ทำไมแผ่นหินถึงแตกสลายได้นั้นเป็นเพราะพลังของมันสูญสลายไปหมดแล้วและกลายเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา
หลิงฮันยังคงหลับตาอยู่ ภายในห้วงจิตวิญญาณของเขาอัดแน่นไปด้วยข้อมูลต่างๆจำนวนมหาศาล
เพลิงเก้าสวรรค์ฝังรากลึกในร่างของเขาและกลายเป็นแก่นกำเนิดพลังของเขาแล้ว ถึงแม้เพลิงนี้จะยังเปรียบเสมือนเด็กน้อย แต่เมื่อใดที่พลังของมันพัฒนาขึ้นมาแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นแม้กระทั่ง ราชานิรันดร์ก็ต้องหวั่นไหว!
ครืนนน!
ท้องฟ้าสีครามแหวกออกพร้อมกับเมฆสีดำที่พัวพันไปด้วยสายฟ้าได้ก่อตัวรวมกัน เมฆสายฟ้านั้นมีขนาดใหญ่หลายร้อยฟุต เพียงแค่จ้องมองก็ทำให้หัวใจของทุกคนสั่นไหว
นี่โลกกำลังจะล่มสลายหรืออย่างไร เหตุใดพลังของเมฆนี้ถึงได้น่าสระพรึงกลัวขนาดนี้!
ทุกคนส่ายหัว ถึงแม้หลายคนในหุบเขาจะถูกยกระดับพลังขึ้นมา แต่พลังของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเพียงไม่กี่ชั้นย่อยเท่านั้น ดังนั้นเมฆสายฟ้านี่ต้องไม่ใช่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของพวกเขาแน่นอน
พวกเขาสงสัยเป็นอย่างมาก ใครกันที่กำลังจะรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวครั้งนี้
กู่ต้าวอี้ที่กำลังจะลงมือโจมตีหลิงฮันต้องหยุดมือ
เขารับรู้ได้ว่าทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์นี้เป็นของหลิงฮัน
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่ปรากฏนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แม้แต่ตัวเขาก็ยังจิตใจสั่นสะท้าน หากเขาลงมือ… เกรงว่าแท้จะเป็นเขาก็ไม่อาจมีชีวิตรอด!
เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้?
หลิงฮันไม่ประหลาดใจ ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาถูกยะระดับเป็นระดับดาราขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดจึงไม่แปลกที่ต้องรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คู่ เพราะงั้นพลังของมันจึงเหนือกว่าทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ทั่วไปมากนัก
ทำไมทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไม่ปรากฏทีละครั้งก่อนหน้านี้?
ภายในแผ่นหินสีทองคือมิติที่แบ่งออกมาจากสวรรค์และปฐพี! เนื่องจากมันเป็นหินที่มาจากดินแดนแห่งเซียนการที่จะบดบังสายตาของสวรรค์จึงใช้ว่าจะเป็นไปไม่ได้
‘ครืนนนน’ ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและปลดปล่อยคลื่นสายฟ้าขนาดมหึมาผ่าลงใส่ศีรษะของหลิงฮัน
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คู่ไม่ใช่ว่าพลังของมันจะเพิ่มเป็นสองเท่า พลังของมันเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า!
ตูม!!
ทุกคนมองเห็นอย่างชัดเจน พริบตาที่ฟ้าสวรรค์ผ่าลงมือหลิงฮันทำการสลายกายหยาบของตนเอง
ฆ่าตัวตาย?
ถึงแม้ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จะน่าสะพรึงกลัว แต่เจ้ากลับฆ่าตัวตายโดยไม่พยายามแม้แต่น้อยเลยงั้นรึ?
ใบหน้าของกู่ต้าวอี้เปลี่ยนไป เขาที่มีแก่นกำเนิดนิรันดร์ ต่อให้จะมีสายฟ้าสวรรค์ขวางกั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าหลิงฮันนั้นยังไม่ตายเนื่องจากออร่ายังไม่หายไป
หลิงฮันจงใจสลายพลังป้องกันของตนเองเพื่อขัดเกลากายหยาบด้วยทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
สัตว์ประหลาด!
ตอนที่ 1462
เป็นอย่างที่กู่ต้าวอี้คิด หลิงฮันไม่เพียงสามารถรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย แต่เขายังสลายการป้องกันด้วยตนเองเพื่อใช้ประโยชน์จากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์มาขัดเกลากายหยาบให้ยกระดับไปอีกขึ้น
แต่ครั้งนี้แม้จะเป็นหลิงฮันก็ต้องลำบากเล็กน้อย
เพราะทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ในครั้งนี้คือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คู่!
กู่ต้าวอี้อยากลงมือ ณ เวลานี้กายหยาบของหลิงฮันไร้การป้องกันอย่างสมบูรณ์ หากเขาโจมตีหลิงฮันคงมีโชคชะตะเดียวคือตกตาย แต่ปัญหาคือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของหลิงฮันทรงพลังเกินจินตนาการ บางทีเขาอาจจะติดร่างหายตกตายตามไปด้วย
เพื่อที่จะสังหารมดปลวกจำเป็นต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงด้วย? เขาส่ายหัว การกระทะเช่นนั้นไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
เขามั่นใจว่าหลังจากหลิงฮันผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์สำเร็จแล้ว เขาก็ยังสามารถสังหารอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
เขาคือกู่ต้าวอี้! แก่นกำเนิดนิรันดร์ที่ถือกำเนิดขึ้นในชีวิตที่สิบด้วยการสังเวยชีวิตทั้งเก้าภาพนั้นทำให้เขาถูกกำหนดเอาไว้ว่าต้องไร้เทียมทาน!
เขาเบี่ยงสายตาไปยังจักรพรรดินี
นางเป็นอีกคนหนึ่งที่บ่มเพาะทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญ หากเขาสามารถกลืนกินอีกฝ่ายได้แก่นกำเนิดนิรันดร์ของเขาจะทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก บางทีแม้กระทั่งอัจฉริยะที่แท้จริงของเหล่านิกายมหาอำนาจในดินแดนแห่งเซียนก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
จักรพรรดินีเค้นเสียงและโจมตี
ยังอาจจู่โจมใส่สามีสุดที่รักของนาง ต่อให้กู่ต้าวอี้ไม่ได้บ่มเพาะทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญ นางก็จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดทรมานราวกับถูกสังหารนับร้อยครั้ง
“รนหาที่ตาย!” กู่ต้าวอี้กล่าวด้วยเสียงเย็นชา เขาที่มีพลังบ่มเพาะกลับมาเป็นปกติ ในระดับพลังเดียวกันใครจะสามารถต่อกรเขาได้?
กู่ต้าวอี้ตอบโต้จักรพรรดินี ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด
การต่อสู้ในครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้ามาก
พลังบ่มเพาะของทั้งสองกลับคืนมาเป็นระดับดาราขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดแล้ว พลังต่อสู้ของพวกเขาทัดเทียมกับระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น แถมด้วยพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดบางทีต่อให้เป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นกลางก็อาจจะถูกพวกเขาจัดการ
การต่อสู้เช่นนี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะมองดูในระยะใกล้ พวกเขาจำเป็นต้องถอยห่างออกไปไกลไม่ใช่เช่นนั้นจะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย
จักรพรรดิพิรุณและพรรคพวกคนอื่นๆไม่ร่วมต่อสู้ด้วย พวกเขาไม่ชอบรุมใครคนหนึ่งที่อยู่ในระดับพลังเดียวกัน
ผ่านไปไม่นานราชาคนอื่นๆก็ปรากฏตัว
หลงเซียงเยว่ เทียนเซี่ยตี้เอ้อ หงหม่าและสุดยอดราชาคนอื่นๆก็มาทันทีที่ได้ยินข่าว อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องการรู้ว่าวาสนาที่ได้รับนั้นคืออะไร
สุนัขตัวดำเองก็มาเช่นกัน มันยืนสองขาราวกับเป็นมนุษย์ แต่รูปลักษณ์ของมันนั้นดึงดูดสายตาเป็นอย่างมากเนื่องนางมันสวมกางเกงในเหล็กเอาไว้!
เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ที่มันถูกดึงอวัยวะระหว่างขาก่อนหน้านี้จะกลายเป็นเงาดำฝังลึกอยู่ในจิตใจของมันไปแล้ว ตอนนี้เมื่อสวมใส่กางเกงในเหล็กจึงมั่นใจได้ว่าอวัยวะส่วนนั้นของมันจะปลอดภัย
มันพาดขาหน้าไว้ด้านหลัง ภาพที่มันเดินราวกับมนุษย์และสวมใส่กางเกงในเหล็กนั้นเห็นแล้วช่างน่าขำยิ่งนัก
ผู้คนมากมายในหุบเขาที่จากไปเมื่อสิบปีก่อน พอได้เห็นสุนัขตัวดำในสภาพนี้พวกเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
“ใครเป็นคนขำ? โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!” สุนัขตัวดำหันหน้าและใช้เท้าหน้าชี้ไปยังคนที่หัวเราะมันทันใด
“ฮ่าๆๆๆๆ!” เมื่อเป็นเช่นนี้คนที่หัวเราะมั่นก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางคนทนไม่ไหวจนต้องอำมือกุมท้องหรือบางคนถึงขั้นร้องไห้ออกมาเลยก็มี
“โฮ่ง นายท่านหมาจะกัดห้นออกเก้าออกเป็นสามส่วน!” สุนัขตัวดำเกรี้ยวกราดและลงมือจู่โจม
สถานการณ์กลายเป็นยุ่งเหยิงกว่าเดิม หลิงฮันกำลังรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ จักรพรรดินีกับกู่ต้าวอี้กำลังปะทะกันอย่างดุเดือด ส่วนสุนัขตัวดำก็กลายเป็นบ้าวิ่งไล่งับผู้คน
หลิงฮันยกระดับพลังบ่มเพาะสองขั้นย่อยโดยไม่รับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ การกระทำของเขาถือเป็นการหลอกลวงสวรรค์และปฐพี เพราะงั้นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่ผ่าลงมาจึงค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้เวลาจะผ่านไปครึ่งวันหรือหนึ่งวันความรุนแรงก็ยังคงเพิ่มพูนต่อไป
หลิงฮันรู้สึกย่ำแย่ ในตอนแรกเขาเจ็บปวดเล็กน้อยซึ่งยังพอรับมือไหว แต่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์กลับค่อยๆรุนแรงขึ้นแถมเนื่องจากมันเป็นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คู่แม้จะผ่านไปครึ่งวันหรือหนึ่งวันก็ยังไม่จบ
เขาโคจรหยดวารีนิรันดร์และควบแน่นกายหยาบให้กลับมาดังเดิมเพื่อต่อต้านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
เขาไม่จำเป็นต้องสลายพลังป้องกันอีกต่อไปเนื่องจากกายหยาบของเขาบรรลุเทียบแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามแล้ว ซึ่งนี่คือขีดจำกัดในระดับพลังของเขา ณ ปัจจุบัน ยิ่งทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์รุนแรงขึ้นด้วย เขายิ่งจำเป็นต้องทำให้สภาพร่างกายกลับมาสมบูรณ์ที่สุดเพื่อรับมือกับมัน
ฮึ่ม!
ผู้คนที่มองดูอยู่ตกตะลึง มีใครบ้างที่เคยเห็นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์อันยาวนานเช่นนี้?
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เพียงครึ่งวันทั่วไปก็แทบจะทำให้จอมยุทธทุกคนถูกบดขยี้แล้ว หนึ่งวันยิ่งไม่ต้องจินตนาการถึง… แต่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์กลับดำเนินไปยาวนานกว่าหนึ่งวันเสียอีก หากไม่เห็นด้วยตาตัวเองใครจะเชื่อ?
“เขาต้องตายแน่นอน!”
“แต่ถ้าหากผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์นี้ไปได้ อนาคตของเจ้าหนูนั่นยอมไร้ขีดจำกัด!”
หลิงฮันเริ่มย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ในตอนนี้รุนแรงเกินกว่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นต้นไปนานแล้ว เมื่อวานนี้ความรุนแรงของมันคือระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นกลาง ไม่นานที่ผ่านมาความรุนแรงของมันคือระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นชั้นสูง และตอนนี้ความรุนแรงของมันกำลังจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นปลาย
ตามหลักแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่รุนแรงขนาดนี้สมควรบดขยี้จอมยุทธระดับดาราทุกคนได้อย่าง
ง่ายดาย
เพราะงั้นมีรึที่หลิงฮันจะไม่เจ็บปวดทรมาน?
เขาดิ้นรนใช้ทักษะต่างๆที่มีออกมา
ทักษะที่เขาใช้มากที่สุดย่อมเป็นกาลเวลาแปรผันพันปีที่สามารถเร่งการโจมตีที่ปะทะเข้ามาให้สลายไปเร็วขึ้น ถึงแม้ทักษะนี้จะไม่ค่อยมีประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ แต่อย่างน้อยมันก็พอช่วยได้บ้าง หลิงฮันฝากความหวังทั้งหมดไว้กับคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ซึ่งในดินแดนแห่งเซียนมันอาจจะเป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุด
คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ไม่ได้ช่วยเสริมให้เขาโจมตีได้ทรงพลัง แต่กลาวได้ว่าในด้านของพลังป้องกันแล้ว อย่างน้อยที่เขารู้ก็ไม่มีทักษะใดสามารถทัดเทียมได้
ร่างของหลิงฮันโลหิตสาดกระจาย ต่อให้เป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามก็ยังไม่อาจต้านทานไหว แต่ทันทีที่ร่างของเขาถูกโอยล้อมไปด้วยแสงสลัวสีทองของหยดวารีนิรันดร์ บาดแผลทั้งหมดก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
เขายังไม่ตาย!
ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ก่อนหน้านี้แม้ทุกคนจะรับรู้ว่าหลิงฮันมีกายหยาบที่ทรงพลังมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทรงพลังถึงขั้นไหน แต่ ณ เวลานี้ทุกคนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว
หลังจากนี้… ห้ามเป็นศัตรกับหลิงฮันเต็มขาด กายหยาบของเขาทนทานเกินไป แม้แต่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็ยังไม่สามารถบดขยี้เขาได้!
ครึ่งวันต่อมา ความรุนแรงของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ถูกเพิ่มขึ้นเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นสูงสุดซึ่งเขาให้เส้นผมของหลิงฮันตั้งชัน โลหิตของเขาสาดกระจายไปทั่วท้องฟ้าพร้อมกับกระดูกในร่างที่ถูกบดขยี้ในไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าย่ำแย่เป็นอย่างมาก
ทุกอย่างจะจบลงที่ตรงนี้?
ตอนที่ 1463
“ไม่มีทางรอดแน่!” ทุกคนส่ายหัว
แค่หลิงฮันทนมาได้ถึงขั้นนี้ ทุกคนก็รู้สึกนับถือแล้ว แต่การจะต่อต้านอำนาจของสวรรค์และปฐพีนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ มนุษย์มีขีดจำกัดของพลัง แต่สวรรค์และปฐพีนั้นไม่มี
ไม่มีใครคิดว่าหลิงฮันไม่ใช่อัจฉริยะ เพียงแต่ว่าต่อหน้าสวรรค์และปฐพี ต่อให้เป็นเซียนก็ทำได้เพียงก้มหัว ไม่งั้นแล้วตัวตนระดับเซียนคงจะสามารถฝ่าฝืนความตายและอยู่เหนือกฎของสวรรค์และปฐพีไปแล้ว
ใครใช้ให้วาสนาของหลิงฮันยิ่งใหญ่เกินไปล่ะ พลังบ่มเพาะของเขายกระดับขึ้นถึงสองขั้นจนดึงดูดให้เกิดทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คู่
ใครจะคิดว่าวาสนาอันยิ่งใหญ่จะนำพามาสู่ความพินาศย่อยยับ?
“ไม่… เจ้าหนูนั่นไม่ใช่คนที่จะยอมตายง่ายๆ” สุนัขตัวดำหยุดไล่กัดและยืนสองขาพาดอุ้งเท้าไว้ด้านหลังเหมือนมนุษย์ ท่าทีของมันราวกับกำลังระลึกถึงอะไรบ้างอย่างและเผยสีหน้าจริงจัง
แต่กางเกงในเหล็กของมันได้ทำลายภาพลักษณ์อันสุขุมของมันอย่างสมบูรณ์ สุนัขตัวดำเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วและส่ายหัว “เอาเถอะ เจ้าหนูนั่นจะตายหรือไม่ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนายท่านหมา”
สถานการณ์ของหลิงฮันย่ำแย่ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ความรุนแรงของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เพิ่มขึ้นจนความเร็วในการฟื้นฟูบาดแผลของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ไล่ตามไม่ทัน กระดูดทั่วร่างของเขาถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ส่วนบนจนถึงส่วนล่าง
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จะยืนหยัดต่อต้านจนถึงวินาทีสุดท้าย
ดาบอสูรนิรันดร์ถูกนำออกมา ประกายแสงอันเจิดจ้าของมันส่องสว่างท่ามกลางทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ภายใต้การขัดเกลาจากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คู่ระดับของดาบอสูรนิรันดร์ค่อยๆถูกยกระดับขึ้น
หลิงฮันโคจรหยดวารีนิรันดร์อย่างต่อเนื่องจนประสิทธิภาพของมันลดลงฮวบฮาบ ผ่านไปไม่นานหยดวารีนิรันดร์ที่เขามีทั้งสิบหยดก็ถูกใช้จนหมด
แต่ทว่าทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ยังคงไม่หายไป
ครืนนน!
คลื่นสายฟ้าผ่าลงมาบดขยี้แขนของหลิงฮันจนแหลก โลหิตของจอมยุทธระดับพระเจ้านั้นเต็มแฝงไว้ด้วยพลังชีวิตอันเข้มขน เหล่าหญ้าและต้นไม่เบื้องล่างที่ดูดซับโลหิตของเขามีขนาดใหญ่ขึ้นหลายสิบฟุตในพริบตา
ครืนนน!
คลื่นสายฟ้าอีกระลอกหนึ่งผ่าลงมา คราวนี้เป็นขาของหลิงฮันที่ถูกบดขยี้ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องล่างเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เหล่าไพรเหล่านั้นมีทั้งสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าหรือแม้กระทั่งระดับสิบ
ครืนนน!
คราวนี้เป็นคลื่นสายฟ้าสวรรค์ที่โหดเหี้ยมอย่างแท้จริง คลื่นสายฟ้าผ่าลงที่ลำคอของหลิงฮันจนร่างของเขาฉีกขาดจนแทบจะแยกออกเป็นสองส่วน โลหิตทั่วร่างของเขาสาดกระจายจนทั่วทั้งหุบเขาเฉินเอี๋ยนอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสีเขียวขจี
ครืนนน!
สวรรค์และปฐพีไร้ความปรานี คลื่นสายฟ้าถูกฝ่าลงมาเพื่อทำการปลิดชีพ ‘ตูม’ ร่างของหลิงฮันระเบิดออกกลายเป็นเศษธุรี
จบสิ้น… สุดยอดอัจฉริยะแห่งยุคสมัยจบสิ้นแล้ว
เขาเป็นถึงราชาที่สามารถต่อกรกับกู่ต้าวอี้ได้แท้ๆ!
“ตายไปก็ดี!” เนี่ยเทียนเฉิงและตันจิงอี่แสยะยิ้ม พวกเขาถูกหลิงฮันโจมตีจนพลาดวาสนา ถึงแม้พวกเขาจะกลับขึ้นมาได้ก็ต้องร่วงลงสู่ใต้หุบเหวอีกครั้งเพราะสุนัขตัวดำ
ดังนั้นเมื่อเห็นหลิงฮันสิ้นชะ จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกพึงพอใจ
ปกติแล้วเมื่อจอมยุทธตกตาย ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็จะหายไป แต่ในขณะที่เมฆสายฟ้ากำลังสลายตัวจู่ๆมันก็กลับมาก่อตัวกันเหมือนกัน
“เกิดอะไรขึ้น?” ทุกคนงุนงง
ร่างของหลิงฮันไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุรีไปแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จะยังผ่าใส่อะไรอีก?
‘ครืนนน’
เปลวเพลิงปรากฏขึ้นกลางอากาศและค่อยๆรุนแรงขึ้น เงาบางอย่างค่อยๆรวมเข้าด้วยกันจากอากาศที่ว่างเปล่าจนก่อตัวเป็นร่างหนึ่งอย่างรวดเร็วและก้าวเดินออกมาจากเปลวเพลิง
หลิงฮัน!
เป็นไปไม่ได้!
ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า ทุกคนก็ตกตะลึงตาถลนและอ้าปากค้าง
หมอนั่นตายไปแล้วไม่ผิดแน่ แม้กระทั่งเศษเถ้าธุรีของซากศพก็ไม่เหลือ แม้กระทั่งทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็เริ่มทำการสลายตัวไปแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง?
หลิงฮันก้าวเดินออกมาพร้อมกับเปลวเพลิงอันไร้ที่สิ้นสุดได้ถูกดูดกลับเข้าไปในร่างของเขา
คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์… กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน!
ครืนน!
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่เวลาสองวันใกล้จะมาถึงแล้ว ผ่านไปไม่นานก็ไม่มีคลื่นสายฟ้าผ่าลงมาอีกต่อไป เมฆสีดำค่อนๆสลายตัวและปรากฏท้องฟ้าใสอีกครั้ง
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวจบแล้ว!
หลิงฮันนั่งลงกับพื้นด้วยร่างกายที่ฟกช้ำ เขารู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้งราวกับเป็นโลหะ
ทุกคนมองไปที่หลิงฮันด้วยความเลื่อมใสและหวาดกลัวราวกับว่าเขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์ประหลาด
ตายแล้วยังคืนชีพกลับมาได้ พวกเขาไม่เคยเห็นใครทำแบบนี้ได้มาก่อน
หลิงฮันขมวดคิ้วเคร่งเครียด ครั้งนี้เขาดันเปิดเผยไพ่ลับที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปต่อหน้าสาธารณะชนเสียแล้ว โชคดีที่เขายังมีไพ่ลับอีกอย่างคือหอคอยทมิฬ
นอกจากนั้นก็ยังมีเพลิงเก้าสวรรค์ ไพ่ลับใบนี้คงเป็นไพ่ลับที่ทรงพลังไม่แพ้หอคอยทมิฬในตอนนี้
“กู่ต้าวอี้ มาสู้กับข้า!” หลิงฮันลุกขึ้นยืนและคำราม
การต่อสู้ระหว่างกู่ต้าวอี้กับจักรพรรดินีดุเดือดเป็นอย่างมาก ซึ่งฝ่ายที่ได้เปรียบคือกู่ต้าวอี้!
แม้จักรพรรดินีจะแข็งแกร่งเหมือนกันก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถเหนือกว่ากู่ต้าวอี้ที่มีแก่นกำเนิดนิรันดร์ หากไม่ใช่เพราะก้อนหินในมือเกรงว่านางคงพ่ายแพ้ไปแล้ว
หลิงฮันจะยอมมองดูภรรยาของตนเองพ่ายแพ้ต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร?
กู่ต้าวอี้หยุดมือก่อนจะมองไปยังหลิงฮันด้วยท่าทีหวาดระแวง
หากหลิงฮันกับจักรพรรดินีร่วมมือกัน แม้แต่เขาก็คงรับมือลำบาก
“เจ้าคิดจะสู้กับข้า?” เขากล่าวอย่างองอาจ
“ถึงแม้ข้ากับนางจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ข้าไม่คิดจะรังแกเจ้า มาสู้กับข้าตัวต่อตัว!” หลิงฮันปล่อยหมัดออกไป ถึงแม้ทั่วร่างของเขาจะปกคลุมไปด้วยโลหิต แต่สภาพร่างกายได้ถูกฟื้นฟูกลับมาแล้ว
ปัง!
กู่ต้าวอี้อยากกล่าวเหยียดหยาม แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดหลิงฮันก็ปล่อยหมัดมาเสียก่อนเขาให้เขาต้องหุบปากและถอยหลังหลบไปถึงสามร้อยฟุต
กู่ต้าวอี้กัดฟันโมโห ก่อนหน้านี้ก็มีแบบนี้ เขาอยากจะกล่าวบางอย่างแต่หลิงฮันก็โจมตีไม่หยุดจนเขากล่าวอะไรออกไปไม่ทัน
“ฮึ่ม!” กู่ต้าวอี้เริ่มคร้านที่จะพล่ามและคิดจะสังหารหลิงฮันให้จบๆไป
“ทักษะที่สิบ!” ร่างของกู่ต้าวอี้ทั้งสิบคนร่วมมือกันจู่โจมใส่หลิงฮัน
ครั้งนี้เขามีพลังบ่มเพาะอยู่ในสภาพสมบูรณ์และมีอุปกรณ์เซียนในมือ
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย เขาไม่จำเป็นต้องปกปิดพลังของตนเองอีกต่อไป เขาปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ลดพลังต่อสู้ของกู่ต้าวอี้ลงไปสองดาวในพริบตาพร้อมกับนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา ทันทีที่ยกดาบในมือขึ้นฟ้า แสงอันเจิดจรัสก็ส่องประกายแพรวพราว
สีหน้าของกู่ต้าวอี้เปลี่ยนเป็นมืดมนอย่างช่วยไม่ได้
ตอนที่ 1464
“บังอาจช่วงชิงวาสนาของข้าไป เจ้าต้องตาย!” กู่ต้าวอี้กล่าวอย่างเย็นชา
เขารู้สึกได้ว่าวาสนาที่หลิงฮันได้มานั้นต้องทรงพลังมากเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ต้องการมันมาตั้งแต่แรก อยากที่รู้ว่าเขาเคยเห็นจอมยุทธระดับนิรันดร์ การที่จะทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากไขว่คว้าได้สมบัตินั่นจะต้องน่าดึงดูดขนาดไหน?
“ไร้สาระ!” หลิงฮันคำรามพร้อมกับสะบั้นดาบอสูรนิรันดร์ปลดปล่อยปราณดาบไร้ที่สิ้นสุด
“ฮึ่ม คิดว่าข้าหวาดกลัวเจ้า?” กู่ต้าวอี้เค้นเสียง ร่างของเขาปลดปล่อยแสงสว่าง เหนือผิวของเขามีอักขระมากมายปรากฏออกมาห่อหุ้มราวกับทำหน้าที่เป็นเกราะทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบจากอำนาจสวรรค์
เพียงแต่ว่านั่นก็แค่ร่างหลักเท่านั้น ร่างแยกอีกเก้ายังคงได้รับผลกระทบอยู่
นี่คือพลังของแก่นกำเนิดนิรันดร์!
หลิงฮันจ้องมองอักขระเหล่านั้นด้วยเนตรแห่งสัจธรรม อักขระเหล่านั้นสมควรมเป็นความลับของแก่นกำเนิดนิรันดร์ ตอนที่เขาขัดเกลาเพลิงเก้าสวรรค์ก็มีอักขระเช่นนี้ปรากฏออกมาเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกันแล้วแก่นกำเนิดนิรันดร์ของกู่ต้าวอี้ดูเหมือนจะมีระดับที่ต่ำกว่ามาก
เพลิงเก้าสวรรค์คือเพลิงบรรพบุรุษซึ่งมีอำนาจเทียบกับราชานิรันดร์!
แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันก็ไม่สามารถมองอักขระเหล่านั้นออก…
หลิงฮันรู้สึกเสียดายเล็กน้อย อักขระเหล่านั้นคือตราประทับนิรันดร์ซึ่งมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก การจ้องมองเพียงชั่วครู่ไม่มีทางทำให้เขาเข้าใจในอักขระเหล่านั้นได้
เลิกสนใจสิ่งอื่นแล้วต่อสู้!
หลิงฮันลงมือโจมตี เขาสะบั้นดาบออกไปพร้อมกับปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำราม
กู่ต้าวอี้เองก็ไม่ได้อ่อนแอ อุปกรณ์เซียนในมือของเขาคืออาวุทะธที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนแห่งนี้ แถมถึงแม้ร่างแยกทั้งเก้าจะถูกลดพลังต่อสู้ไปสองดาว แต่เมื่อปลดปล่อยทักษะทั้งเก้าออกมาพร้อมกันก็ยังเป็นการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ดี
แต่กายหยาบของหลิงฮันแข็งแกร่งขนาดไหน?
เขาไม่กล้าใช้ร่างกายรับอุปกรณ์เซียนของกู่ต้าวอี้โดยตรงก็จริง แต่นั่นไม่ใช่กับทักษะทั้งเก้า เมื่อเขาถูกทักษะเหล่านั้นกระแทกอย่างมากร่างกายของเขาก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะเดียวกันกู่ต้าวอี้เองก็ไม่กล้ารับการโจมตีของดาบอสูรนิรันดร์โดยตรง ด้วยอำนาจทำลายล้างที่ไร้ขีดจำกัดของดาบนี้ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับนิรันดร์ก็อาจจะถูกสังหารลงได้
ราชาทั้งสองเข้าปะทะห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะแยกออกว่าฝ่ายใดกันแน่ที่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบ
หลิงฮันไม่ใช่เพลิงเก้าสวรรค์ ไพ่ใบนี้เขาจะใช้ก็ต่อเมื่อรู้ถึงพลังทั้งหมดของกู่ต้าวอี้แล้วเท่านั้น แต่ใม่ว่าอย่างไรตอนนี้การสังหารกู่ต้าวอี้ก็คงเป็นไปไม่ได้
บนดาวมู่ถูดวงนี้มีเซียนอยู่ทั้งหมดสิบคน สัมผัสสวรรค์ของพวกเขาสามารถสอดส่องดาวทั้งดวงได้ตลอดเวลาซึ่งไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยให้ตัวเขา กู่ต้าวอี้ เทียนเซี่ยตี้เอ้อหรือสุดยอดราชาคนอื่นๆในยุคสมัยนี้ตกตายเด็ดขาด
มีเพียงทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เท่านั้นที่แม้แต่เซียนก็ไม่กล้าเอื้อมมือเข้ามายุ่งเกี่ยว
เพราะงั้นแล้วหลิงฮันจึงไม่คิดจะเปิดเผยไพ่ลับใบนี้เร็วเกินไป
ซึ่งก็เป็นอย่างที่คาด หลังจากสู้กันไปสักระยะ เซียนก็เข้ามาแทรกแซงการปะทะกันระหว่างหลิงฮันกับกู่ต้าวอี้ ภายใต้อำนาจของเซียนต่อให้หลิงฮันกับกู่ต้าวอี้จะไม่หวาดกลัวพวกเขาก็ต้องยอมลามือ
พวกเขายังไม่เท่าไหร่ จอมยุทธบางคนนั้นถึงขนาดคุกเข่าลงกับพื้นแสดงความเคารพ
เซียนที่มามีคือเซียนจิ่วชิง เขาเป็นลูกศิษย์คนที่เก้าของเซียนซิงฉาและเป็นเซียนที่อายุน้อยที่สุดในเขตดวงดาวนับร้อยใกล้ๆนี้ วันนี้อายุของเขาเพิ่งจะผ่านพ้นสามร้อยล้านปีพอดี
รูปลักษณ์ของเขาดูเหมือนกับปราชผู้ทรงภูมิ แม้ใบหน้าของเขาจะไม่หล่อเหลาแต่กลิ่นอายลึกล้ำของเขากลับสามารถทำให้ผู้คนจิตใจหวั่นไหว
“พวกเราจะไปยังสำนักละอองดารา การรับสมัครศิษย์ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว!” เซียนจิ่วชิงกล่าวพร้อมกับสะบัดมือ ร่างของทุกคนถูกยกขึ้นและลอยไปยังสำนักละอองดารา
ความเร็วของเซียนนั้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ตอนนี้เซียนจิ่วชิงยังไม่ฉีกช่องว่างมิติด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นแล้วเพียงแค่ก้าวเดียวเขาก็สามารถแตะเท้าไปยังดวงดาวอีกดวงได้
สำนักละอองดาราปรากฏขึ้นตรงหน้าของทุกคน
ที่จริงสำนักละอองดาราแบ่งแยกออกไปอีกเก้าสำนักย่อย แต่ละสำนักย่อยจะมีเซียนที่เป็นศิษย์ของเซียนซิงฉาทั้งเก้าคอยทำการชี้แนะ ตอนนี้พวกเขามาถึงสำนักย่อยที่เก้าซึ่งเป็นสำนักของเซียนจิ่วชิง
“รออยู่ที่นี่ การรับศิษย์จะเริ่มในอีกสามวัน” เซียนจิ่วชิงกล่าว
คำพูดของเซียนแม้จะเป็นคนที่หยิ่งทะนงอย่างกู่ต้าวอี้ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง เพราะอย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราที่ต่ำต้อย เซียนสามารถสังหารเขาได้เพียงแค่นึกคิด
ทุกคนรอคอยอย่างเชื่อฟังเพื่อให้สามวันผ่านพ้นไป
จักรพรรดินีและคนอื่นๆเดินเข้ามาหาหลิงฮัน กลุ่มของพวกเขาไม่ได้พบหน้ากันมานานกว่าสิบปี
หลิงฮันโอบดอกสตรีนกอมตะด้วยมือซ้ายและโอบกอดจักรพรรดินีด้วยมือขวา เขาไม่สามารถกล่าวถึงวาสนาที่ได้รับมาในสถานการณ์เช่นนี้เนื่องจากสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับดินแดนแห่งเซียนนั้นยิ่งใหญ่เกินไป
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว สำนักย่อยที่เก้าคับคั่งไปด้วยผู้คน ไม่เพียงแค่ราชาที่เข้าร่วมแย่งชิงวาสนาในหุบเขาเฉินเอี๋ยน แต่ยังมีจอมยุทธระดับภูผาวารีและระดับสุริยันจันทราด้วย
สิ่งที่สำนักละอองดาราต้องการไม่ใช่ระดับพลังบ่มเพาะแต่เป็นพรสวรรค์ ต่อให้พลังบ่มเพาะจะต่ำหรือสูงก็ไม่สำคัญเพราะของแบบนั้นสามารถยกระดับเพิ่มได้ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนได้แม้จะมีพลังบ่มเพาะสูงขึ้นก็คือศักยภาพติดตัวแต่กำเนิด
หากต้องการเป็นเซียน ระดับพลังบ่มเพาะไม่ใช่กุญแจสำคัญ
เพียงแต่ว่าเงื่อนไขต่ำสุดที่สำนักละอองดาราต้องการคือจอมยุทธที่เข้าร่วมต้องขัดเกลาพลังบ่มเพาะบรรลุขั้นสมบูรณ์อย่างน้อยหนึ่งขั้น ดังนั้นแล้วจำนวนของผู้สมัครเข้าสำนักที่มีมากกว่าสามพันคนนี้ เกินกว่าสองพันเก้าร้อยคนเป็นราชาระดับหนึ่ง จำนวนของราชาระดับสองลดมาเหลือสามร้อยคน ในขณะที่ราชาระดับสามมีเพียงสิบสองคนเท่านั้น
“เซียนทั้งเก้าทำการเลือกศิษย์!” ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์คนหนึ่งของสำนักละอองดาราก้าวออกมาและประกาศเริ่มการคัดเลือกศิษย์เข้าร่วมสำนัก “ชื่อของผู้เข้าร่วมจะถูกเอ่ยขานออกมา ซึ่งเซียนทั้งเก้าจะเป็นผู้ตัดสินด้วยตัวเอง หากถูกเซียนเพียงคนเดียวเลือก จอมยุทธผู้นั้นก็จะถูกจัดให้กลายอยู่ภายใต้การชี้แนะของเซียนผู้นั้นทันที แต่หากถูกเซียนคนที่สองหรือมากกว่าเลือกพร้อมกัน จอมยุทธผู้นั้นจะเลือกได้ด้วยตัวเองว่าจะยอมเป็นอยู่ภายใต้การชี้แนะของเซียนผู้ไหน”
“กู่ต้าวอี้!”
ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์เอ่ยขานชื่อแรก
ตอนที่ 1465
คนแรกที่ถูกขานชื่อย่อมไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เข้าร่วมที่มีพรสวรรค์มากที่สุด
กู่ต้าวอี้ อัจฉริยะอันดับหนึ่งในทุกยุคสมัย!
ทุกคนมองไปยังกู่ต้าวอี้ด้วยแววตาอิจฉา ชายคนนี้เป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์และศักยภาพที่โดดเด่นที่สุด น่าเสียดายที่ในการต่อสู้กับหลิงฮันและจักรพรรดินีเขาไม่อาจเอาชนะทั้งสองได้ทำให้ชื่อเสียงของเขาลดงลงเล็กน้อย
แต่ไม่ว่าอย่างไรเซียนทั้งเก้าก็ต้องการตัวเขามาก ถึงได้จัดรายชื่อของเขาไว้อันดับแรกสุด
สามารถทำให้เซียนชื่นชอบได้เช่นนี้ ช่างเป็นเกียรติยศอันสูงส่ง!
กู่ต้าวอี้ไม่เห็นเซียนอยู่ในสายตา ตัวเขานั้นเคยเป็นถึงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน! แต่ถึงอย่างไรการที่เขาถูกจัดรายชื่อเอาไว้เป็นคนแรกก็ยังทำให้เขารู้สึกภูมิใจเล็กน้อยอยู่ดี
“ข้าต้องการตัวเขา” เซียนผู้หนึ่งเอ่ย
“ข้าต้องการตัวเขา” เซียนอีกคนกล่าวตาม
“ข้าต้องการตัวเขา”
“……”
“ข้าต้องการตัวเขา”
เซียนทั้งเก้าเอ่ย พวกเขาทั้งหมดต้องการรับกู่ต้าวอี้เป็นศิษย์ สิ่งนี้ทำให้ราชามากกว่าสามพันคนอิจฉาอย่างมาก
กู่ต้าวอี้รู้สึกพึงพอใจ ในความคิดเขาเซียนนั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นอาจารย์ของเขา แต่ตอนนี้เขามีพลังบ่มเพาะเพียงระดับดารา แถมสมุนไพรที่รวบรวมเอาไว้ที่ถ้ำจ้าวสมุนไพรก็ถูกใช้ไปเกือบหมดแล้ว หากเขาต้องการกลับไปเป็นเซียนให้เร็วที่สุด เขาจำเป็นต้องพึงพำขุมอำนาจภายนอก
ซึ่งสำนักละอองดาราคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
เป้าหมายของเขาคือสร้างความประทับใจต่อเซียนซิงฉาเพื่อให้อีกฝ่ายรับเขาเป็นศิษย์สายตรงคนที่สิบและทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดมาฝึกฝนเขา เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็จะสามารถกลับไปเป็นราชาเซียนได้ภายในระยะเวลาพันปี!
เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะเปิดประตูสู่ดินแดนแห่งเซียนและก้าวหน้าต่อไปอีก
เขา.. กู่ต้าวอี้ผู้นี้คือคนที่จะเป็นราชาในดินแดนแห่งเซียนและมีโชคชะตาที่จะได้ห้ำหั่นกับทายาทของนิกายหรือขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่
“กู่ต้าวอี้ เจ้าต้องการรับการชี้แนะจากใคร?” เซียนคนที่หก เซียนอันหมิงกล่าว
กู่ต้าวอี้ไม่คิดอะไรมาก ตอนนี้เขายังไม่มีคุณสมบัติเอ่ยขอเป็นศิษย์ของเซียนซิงฉาโดยตรง จากที่ดูแล้วเป็นไปได้ว่าเซียนซิงฉาจะพิจารณาศิษย์ทั้งหมดเสียก่อนถึงจะเลือกคนที่ถูกใจที่สุดเป็นศิษย์โดยตรง
เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ไม่ได้สังหารหลิงฮันตั้งแต่พบกันในตอนแรกทำให้กลายเป็นปัญหาลามมาจนถึงตอนนี้
อันที่จริงแม้จะเป็นในตอนนั้นก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่กู่ต้าวอี้จะสังหารหลิงฮันเนื่องจากการมีอยู่ของหอคอยทมิฬ
กู่ต้าวอี้คุร่นคิดก่อนจะกล่าว “ข้าอยากอยู่ภายใต้การชี้แนะของเซียนเฮยเหอ”
เซียนเฮยเหอเป็นศิษย์ของคนแรกของเซียนซิงฉา กล่าวได้ว่าพลังของเขาแข็งแกร่งที่สุดในหมู่เซียนทั้งเก้าและมีโอกาสก้าวหน้าขึ้นเป็นเซียนระดับกลาง เพียงแต่ว่าที่กู่ต้าวอี้เลือกเซียนเซียนเฮยเหอนั้นไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายมีโอกาสเป็นเซียนระดับกลางแต่เป็นเพราะคำว่าเซียนคนแรกนั้นเหมาะสมกับสถานะของเขาที่สุด
“อืม!” เซียนเฮยเหอพยักหน้าและเอื้อมมือออกไป ทันใดนั้นร่างของกู่ต้าวอี้ก็ลอยเข้ามายืนอยู่บนแท่นของเขา
ตำแหน่งทั้งเก้าร้อยตอนนี้หายไปแล้วหนึ่ง
“หลิงฮัน!” ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์คนก่อนหน้านี้เอ่ยขานชื่ออีกครั้ง คงมีเพียงสำนักละอองดาราเท่านั้นที่สามารถใช้จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศ
หลิงฮัน… คือคนที่สอง!
ดูเหมือนว่าในสายตาของเหล่าเซียน พวกเขาจะต้องการตัวกู่ต้าวอี้มากกว่า
“ข้าต้องการตัวเขา”
“ข้าต้องการตัวเขา”
“……”
“ข้าต้องการตัวเขา”
เซียนทั้งเก้าเอ่ยออกมาพร้อมกัน ในความคิดพวกเขาหลิงฮันด้อยกว่ากู่ต้าวอี้ในด้านพรสวรรค์แต่กำเนิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในด้านของกายหยาบที่ทรงพลังแล้ว หลิงฮันเป็นเมล็ดพันธุ์ที่หายากและคุ้มค่าแก่การบ่มเพาะ
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมหลิงฮันถึงเป็นคนที่สอง
“หลิงฮัน เจ้าตัดสินใจเลือกเซียนผู้ใด?” เซียนเฮยเหอกล่าว
ใบหน้าของหลิงฮันสงบนิ่ง แต่ภายในกลับไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
เขาด้อยกว่ากู่ต้าวอี้?
การต่อสู้สองครั้งที่ผ่านมาเขาไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแม้แต่น้อย แม้กระทั่งการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดก็ยังไม่ได้ใช้ออกมา หากสู้กันเป็นตายจริงๆเขาก็สามารถคืนชีพได้ด้วยกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านซึ่งเปรียบเสมือนเขามีสองชีวิต เช่นนี้แล้วเขายังจะด้อยกว่ากู่ต้าวอี้อีก?
ทำไมถึงเอ่ยชื่อเขาหลังกู่ต้าวอี้?
ในสายตาของเซียนเหล่านี้ ดูเหมือนพวกเขาจะให้ความสำคัญกับศักยภาพ ซึ่งกู่ต้าวอี้มีแก่นกำเนิดนิรันดร์!
เอาเถอะ รอให้ถึงคราวที่เขาเหยียบย่ำใบหน้าของกู่ต้าวอี้ในอนาคต ดูสิว่าเซียนเหล่านี้จะมีสีหน้าอย่างไร
หลิงฮันไม่แยแส อันที่จริงเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะเข้าร่วมกับเซียนผู้ใดเขาเพียงแค่ต้องการทักษะจำนวนมากเท่านั้น
เขากวาดสายตามองก่อนจะกล่าว “ข้าต้องการรับคำชี้แนะจากเซียนหมิงซิน”
หืม?
เซียนทั้งเก้าประหลาดใจเล็กน้อย ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเซียนเหมือนกัน แต่ทั้งเก้าคนนั้นมีพลังที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าในหมู่พวกเขาคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือเซียนเฮยเหอ แถมความเชี่ยวชาญของเซียนเฮยเหอยังเป็นวิถีดาบอีกด้วย ไม่ว่ามองอย่างไรหลิงฮันก็ควรจะเลือกรับคำชี้แนะจากเซียนเฮยเหอแท้ๆ
หรือจะเป็นเพราะความบาดหมางระหว่างเขากับกู่ต้าวอี้?
แต่ทำไมถึงได้เลือกเซียนหมิงซิน? ในหมู่เก้าเซียน เซียนหมิงซินนั้นเชี่ยวชาญในศาสตร์รูปแบบอาคม
หรือหลิงฮันคิดจะเรียนรู้ศาสตร์รูปแบบอาคมจากเซียนหมิงซิน? แต่การทำฝึกฝนรูปแบบอาคมให้แข็งแกร่งระดับเซียนนั้นยากลำบากเป็นอย่างมาก หลายร้อยล้านปีที่ผ่านมานี้มีเพียงเซียนหมิงซินคนเดียวที่ฝึกฝนสำเร็จ
“อืม!” เซียนหมิงซินเอ่ย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นเซียนที่สูงส่ง ตัวตนเช่นเขาจะไม่สามารถให้คำชี้แนะกับจอมยุทธระดับดาราได้เชียวรึ? เขาเอื้อมมือไปออกไปนำร่างของหลิงฮันลอยเข้ามายังแท่นยืนของตน
“จักรพรรดินี… จักรพรรดินีหล่วนซิง?” ผู้ประกาศระดับวารีนิรันดร์มองไปยังรายชื่อและพูดติดขัดเล็กน้อย มีใครบางคนที่นำฉายามาอยู่นำหน้าชื่อของตนเองด้วย? แถมคำว่าจักรพรรดินีนั้นฟังดูสูงส่งจนเขาทำให้เขาที่เป็นคนเอ่ยชื่อเกิดความไม่พอใจเล็กน้อย
แต่สตรีผู้นี้ถูกจัดอยู่ในชื่อที่สาม ซึ่งเป็นข้อยืนยันว่าพรสวรรค์ของนางล้ำเลิศขนาดไหน
ดังนั้นเขาจึงระงับความไม่พอใจเอาไว้และไม่แสดงสีหน้าใดๆ
จักรพรรดินีก้าวออกมา เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจผู้คนโดยรอบก็กลายเป็นนิ่งเงียบและหลงในเสน่ห์ของนาง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น