Alchemy Emperor of the Divine Dao 1416-1429
ตอนที่ 1416
‘ครืนนน’ ออร่าแห่งเซียนทำให้อากาศสั่นไหวราวกับคลื่นทะเล ผืนดินสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วใบหน้าซีดขาวและมีเหงื่อไหลออกมา พวกเขามีความรู้สึกว่าขอให้เซียนหวู่เซียงนึกคิด ชีวิตของพวกเขาก็จะดับสูญทันที
ณ ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าสงสัยในตัวอีอกฝ่ายอีกต่อไป
เซียนหวู่เซียงเองก็เหงื่อไหลด้วยความเคร่งเครียด โชคดีที่เขาทำให้คนเหล่านี้หวาดกลัวได้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นคนที่ต้องหวาดกลัวเองจนกลับกลายมาเป็นตัวเขา
แววตาของเขานิ่งขรึมและกล่าว “ที่พวกเราได้เจอกันถือว่าเป็นการพบพานแห่งวาสนา เห็นว่าพวกเจ้าติดอยู่ที่คอขวดของการบ่มเพาะพลัง ข้าจะให้ชี้แนะให้สักเล็กน้อย”
ทุกคนทั้งปลาบปลื้มและรู้สึกสงสัย
ตัวตนระดับวารีนิรันดร์ที่สูงส่งขนาดนั้นกลับยอมลดตัวลงมาเป็นฝ่ายเสนอว่าจะชี้แนะให้แก่พวกเขา ถึงแม้มันจะดูแปลกๆแต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธโอกาสงามเช่นนี้
หากพวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ระดับวารีนิรันดร์แต่เป็นเซียน พวกเขาจะต้องตกตะลึงยิ่งกว่านี้เป็นแน่ และหากพวกเขารู้อีกว่าเซียนหวู่เซียงในตอนนี้เป็นเซียนที่ไร้พลัง พวกเขาจะต้องดีใจยิ่งกว่าเดิมและบังคับช่วงชิงเอาความลับทั้งหมดมาจากอีกฝ่ายให้ได้
เซียนหวู่เซียงเมินเฉยต่อสิ่งที่คนเหล่านี้กำลังคิดและกล่าวชี้แนะปัญหาที่จอมยุทธระดับดารามักพบเจอออกมา
ปรมาจารย์ทุกคนตั้งใจฟังและเผลอนั่งลงโดยไม่รู้ตัว แม้แต่จักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วก็ไม่มีข้อยกเว้น ร่างกายของพวกเขารู้สึกถึงพลังบางอาจที่กึกก้องราวกับว่าได้เข้าสู่สภาวะรู้แจ้งชั่วขณะ
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เนื่องจากความเข้าใจอันสูงส่งในวิถียุทธของเซียนหวู่เซียง คนเหล่านี้จึงสามารถเข้าใจปัญหาที่ตนเองพบเจออยู่ได้อย่างง่ายดาย แต่ที่จริงพวกเขาจะเข้าใจได้ถึงขนาดไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับวาสนาของแต่ละคน
เซียนหวู่เซียงยืนสง่าราวกับเป็นนักปราชผู้สูงส่งโดยมีปรมาจารย์ระดับดาราจำนวนมากนั่งอยู่เบื้องหน้า แม้กระทั่งพวกฉีเชียวเซวี่ยก็เผลอนั่งลงตามไปโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่เซียนหวู่เซียงกำลังชี้แนะวันเวลาก็ค่อยๆผ่านไป หนึ่งวัน สองวัน สามวัน… จอมยุทธระดับดาราไม่จำเป็นต้องกินหรือดื่มอยู่แล้ว ร่างกายของพวกเขาสามารถดูดซับพลังวิญญาณจากธรรมชาติมาเป็นพลังงานได้ด้วยตัวเองจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความหิว
หนึ่งเดือน สองเดือน สามเดือน… วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ขณะนี้เมืองจักรพรรดินั้นถูกจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองยึดครองไปเป็นที่เรียบร้อย เหล่าจอมยุทธของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะนั้นมีทางเลือกอยู่สองทางหรือยอมจำนนหรือถูกสังหาร ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะหลบหนีได้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้ามายังสถานที่ที่พวกหลิงฮันอยู่ ล้อเล่นรึเปล่า? ที่นี่มัปรมาจารย์ระดับดาราอยู่มากมายขนาดนี้ ใครบ้างจะกล้าเข้ามายุ่งวุ่นวาย?
เหล่าปรมาจารย์ระดับดาราตกอยู่ในภวังค์ของการชี้แนะจากเซียนหวู่เซียงอย่างสมบูรณ์โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเวลาได้ผ่านไปสามเดือนแล้ว
สมกับเป็นเซียน สามารถหลอกผู้คนได้อย่างแนบเนียนจริงๆ
หลิงฮันไม่กล้าลงมือผลีผลาม โดยเฉพาะความคิดที่จะลอบสังหารจักรพรรดิทั้งสองนั้นเลิกคิดไปได้เลย ต่อให้พวกเขากำลังอยู่ในภวังค์ก็ตาม พลังของเขากับทั้งสองคนก็แตกต่างกันเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะลอบสังหารได้สำเร็จ
ทางทีดีคือต้องพยายามถ่วงเวลาให้ได้หลายปีเพื่อรอคอยจักรพรรดินีแห่งดารา
เวลาค่อยๆผ่านไป ครึ่งปี… หนึ่งปี… สองปี!
หืม?
จักรพรรดิโจ้วเทียนดึงสติกลับมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่เวลาก็ผ่านไปสองปีแล้วแต่ทำไมพลังบ่มเพาะของเขาถึงไม่ก้าวหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว? ยิ่งกว่านั้นผู้อาวุโสตรงหน้าก็จะใจดีเกินไปหรือเปล่าที่คอยชี้แนะให้พวกเขาตั้งสองปี?
ไม่ถูกต้อง นี่มันไม่ถูกต้อง!
เขาเคยคิดว่าผู้อาวุโสตรงหน้าแข็งแกร่งแค่เพียงเปลือกนอกเท่านั้น แต่เพราะความหวาดกลัวที่มีต่อออร่าของอีกฝ่ายทำให้เขาสลัดความคิดนั้นทิ้งไป แต่ตอนนี้เขาเริ่มกลับมาสงสัยแบบเดิมอีกครั้ง
‘ครืนน’ จักรพรรดิโจ้วเทียนปลดปล่อยการโจมตี ‘ตูม’ เปลวเพลิงอันไร้ที่สิ้นสุดเริงระบำกลางอากาศ ร่างของเขาที่อยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงดูราวกับเป็นเทพเจ้าแห่งอัคคี
“แย่แล้ว เจ้าหนู ช่วยข้าเร็ว!” เซียนหวู่เซียงใบหน้าซีดขาว ตัวเขายังมีศัตรูที่ต้องล้างแค้นและไม่อาจยอมตายออยู่ที่นี่
หลิงฮันจะกำลังนั่งอยู่ แม้เขาไม่ได้ฟังการชี้แนะของเซียนหวู่เซียงและนำเม็ดยาเชื่อมรากฐานเปิดสวรรค์ออกมากินเพื่อบ่มเพาะพลังในทุกๆวันเขาก็ยังแบ่งประสาทสัมผัสไว้ส่วนหนึ่งเพื่อคอยดูการเคลื่อนของของสองจักรพรรดิและปรมาจารย์คนอื่นๆ
ดังนั้นเมื่อจักรพรรดิโจ้วเทียนลงมือเขาจึงสามารถตอบสนองได้ทันและคว้าร่างเซียนหวู่เซียงเข้ามาในหอคอยทมิฬอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเองเหล่าปรมาจารย์ทั้งหมดก็ตื่นจากภวังค์
ก่อนหน้านี้พวกเขาตกตะลึงในออร่าอันน่าเกรงขามของเซียนหวู่เซียงทำให้ลืมนึกถึงเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวออกมาได้อย่างไร แต่ครั้งนี้พวกเขาตระหนักได้ถึงเรื่องนี้แล้ว
เป็นไปได้อย่างไรที่คนคนหนึ่งจะปรากฏตัวและหายไปได้อย่างไร้ร่องรอยในพริบตาเดียว?
อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์!
ยิ่งกว่านั้นหากอีกฝ่ายเป็นตัวตนที่ทรงพลังจริงๆ เขาจะหวาดกลัวเพียงเพราะการโจมตีของจักรพรรดิโจ้วเทียนได้อย่างไร?
“ฮึ่ม ข้าเกือบถูกหลอกแล้ว!” จักรพรรดิโจ้วเทียนแสยะยิ้ม
หลิงฮันหัวเราะ “ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าทั้งหมดถูกหลอกไปแล้วหรอกรึ?”
จักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วใบหน้าบูดบึ้ง เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ พวกเขาถูกหลอกให้นั่งอยู่เฉยๆเป็นเวลากว่าสองปี
โดยเฉพาะจักรพรรดิปี้ลั่วที่เกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก การที่เขารู้สึกตัวหลังจักรพรรดิโจ้วเทียนนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้า
“ตาย!” จักรพรรดิโจ้วเทียนคำรามและลงมือ ทั่วร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นโปร่งใสและขยายใหญ่ขึ้นจนสูงถึงพันพันฟุต ภายในร่างอันโปร่งใสของเขามีวารีถูกควบแน่นไหลเวียนอยู่
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์!
ตูม!
จักรพรรดิปี้ลั่วลงมือ การโจมตีขนาดมหึมาของเขาไม่เพียงแค่ครอบคลุมไปทั่วร่างหลิงฮัน แต่เนินเขาที่อยู่ด้านหลังหลิงฮันก็ถูกโจมตีไปด้วย หรือก็คือเป้าของเขาไม่สังหารหลิงฮันอย่างเดียวแต่ต้องการทำลายเนินเขาเพื่อนำจักรพรรดินีออกมาด้วย
พวกเขาถูกถ่วงเวลามามากเกินไปแล้ว
หลิงฮันสูดหายใจลึก ร่างของเขาสั่นไหวและขยายออกจนสูงพันฟุตเช่นกัน ยิ่งระดับพลังสูงขึ้นก็ยิ่งขยายร่างได้สูงขึ้นและคงสภาพอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้อย่างมั่นคง หลิงฮันปล่อยออกไปด้านหน้าเพื่อตอบโต้จักรพรรดิปี้ลั่ว
ปัง!
ทันทีที่การโจมตีของทั้งสองปะทะกัน ร่างของหลิงฮันก็ลอยกระเด็นราวกับอุกกาบาต แม้จะใช้Anchorกาลเวลาแปรผันพันปีเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิปี้ลั่ว
“ฮึ่ม!” จักรพรรดิโจ้วเทียนแอบลงมือจากด้านหลังหลิงฮัน
ลอบโจมตี? ร่วมมือกันจัดการศัตรู?
จักรพรรดิโจ้วเทียนไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว จักรพรรดิเช่นเขา เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายแล้วไม่ว่าต้องใช้วิธีการแบบใดเขาก็ไม่สน
หลิงฮันที่เพิ่งรับการโจมตีของจักรพรรดิปี้ลั่วมา สถาพของเขาในตอนนี้จะป้องกันการลอบโจมตีได้อย่างไร?
ปัง!
ร่างของเขาถูกโจมตีอย่างรุนแรง แม้กระทั่งกระดูกศักดิ์สิทธิ์ในร่างก็ไม่อาจต้านทานไหว ‘แคร่ก แคร่ก แคร่ก’ เสียงกระดูกแตกหักดังออกมาจากร่างของหลิงฮันและดังก้องไปทั่วบริเวณ
หลิงฮันกัดฟัน เขารู้สึกเจ็บปวดเกินจะพรรณนา พลังของเขากับศัตรูแตกต่างกันเกินไป แค่หนึ่งการโจมตีของอีกฝ่ายก็แทบจะพรากชีวิตของเขาไปแล้ว!
สภาพของหลิงฮันในตอนนี้น่าอนาถอย่างแท้จริง ร่างของเขาบิดเบี้ยวผิดรูป โลหิตและกล้ามเนื้อไหลออกมาด้านนอกทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่ายังดูเหมือนคนอยู่รึไม่
จักรพรรดิโจ้วเทียนเค้นเสียงและยกมือขวาขึ้นอีกครั้ง เขาต้องการลบตัวตนของหลิงฮันให้หายไปอย่างสมบูรณ์
แต่ในตอนนั้นเอง หยดวารีนิรันดร์ก็ถูกใช้งาน หลิงฮันลุกขึ้นยืนพร้อมกับร่างกายที่ฟื้นสภาพอย่างรวดเร็วจนมองทันด้วยตาเปล่า
“ข้าบอกว่าอย่าคิดแม้เพียงจะแตะต้องภรรยาของข้า!”
ตอนที่ 1417
บัดซบ เจ้ามันสัตว์ประหลาด!
ทุกคนตกตะลึงและไร้คำพูด
นี่มันเกินกว่าที่พวกเขาจะยอมรับได้ ทั้งที่ร่างกายถูกทุบตีจนรูปร่างบิดเบี้ยวแต่เจ้ากลับสามารถฟื้นสภาพกลับมาได้ในพริบตา?
แต่ทันใดนั้นเอง เหล่าปรมาจารย์ดาราต่างก็สูดหายใจลึกและดวงตาส่องประกาย
พลังฟื้นฟูนั่นต้องเป็นพลังของทักษะบ่มเพาะแน่นอนเนื่องจากพวกเขาไม่เห็นว่าหลิงฮันใช้สมบัติใดๆ!
ต่อให้ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลขนาดไหนเพื่อใช้ทักษะบ่มเพาะนี้ แต่หากสามารถฟื้นฟูบาดแผลได้พริบตามันก็จะกลายเป็นไพ่ลับที่ช่วยให้รอดชีวิตได้อย่างแน่นอน
ขนาดหลิงฮันถูกโจมตีเละเทะจนคนอื่นคิดว่าตายไปแล้วยังฟื้นฟูกลับมามีสภาพสมบูรณ์ได้ในพริบตา ภายใต้ท้องฟ้านี้ มีทักษะบ่มเพาะที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
อยากได้! ข้าอยากได้!
ปรมาจารย์ระดับดาราแต่ละคนจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาละโมภ แม้แต่จักรพรรดิโจ้วเทียนกับจักรพรรดิปี้ลั่วก็เช่นกัน แววตาของพวกเขาจดจ้องไปยังหลิงฮันราวกับไม่สนใจจักรพรรดินีแล้วในตอนนี้
ในโลกนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือพลัง หากมีพลังอำนาจ สถานะและสตรีงามก็จะเข้ามาหาเอง!
พวกเขาต้องการแย่งชิงทักษะบ่มเพาะของหลิงฮันมาเพื่อยกระดับพลังของตนเอง
“ไม่เลว แต่เจ้าจะทำแบบนั้นได้อีกกี่ครั้ง?” จักรพรรดิโจ้วเทียนลงมือปล่อยหมัดออกไป แม้หมัดจะดูเรียบง่ายแต่คลื่นของหมัดกลับครอบคลุมไปทั่วทุกทิศทาง
จักรพรรดิปี้ลั่วไม่ลงมือและเลือกที่จะรอ หลังจากหลิงฮันรับการโจมตีเขาก็จะลอบจู่โจมจากด้านหลังเหมือนกับที่จักรพรรดิโจ้วเทียนทำก่อนหน้านี้
“พวกตัวบัดซบ!” หลิงฮันสะบัดมือโยนเม็ดยาเพลิงลอยล่อง ก่อนหน้านี้จักรพรรดิปี้ลั่วใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่เป็นธาตุวารีและขยายร่างจนมีขนาดใหญ่ทำให้ไม่ได้รับผลจากเม็ดยาเพลิงลอยล่องเท่าไหร่
แต่จักรพรรดิโจ้วเทียนนั้นไม่ได้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ธาตุวารี
เม็ดยาระเบิดออกก่อให้เกิดคลื่นพลังที่รุนแรงกึกก้อง ชั้นอากาศที่ว่างเปล่าบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปร่าง เหล่าปรมาจารย์ระดับดาราโดยรอบต่างแสดงท่าทีตกตะลึงในจำนวนเม็ดยาเพลิงลอยล่องที่หลิงฮันโยนออกไป
ใบหน้าของจักรพรรดิโจ้วเทียนเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด มือขวาของเขามีหยดโลหิตไหลซึมออกมาเนื่องจากการโจมตีเมื่อครู่ของหลิงฮัน
ถึงแม้จะเป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อย แต่การที่เขาถูกทำให้บาดเจ็บโดยจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางนั้นคือเป็นความอัปยศอันใหญ่หลวง
จักรพรรดิเช่นเขาไม่อาจมีชื่อเสียงมัวหมอง!
เจักรพรรดิโจ้วเทียนคำราม เขาใช้งานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์แปลงเป็นยักษ์เพลิงสูงพันฟุตและยกเท้ากระทืบเข้าใส่หลิงฮันและเนินเขาไปพร้อมกัน
ข้าจะเหยียบย้ำเจ้าด้วยเท่าให้เจ้าอัปยศยิ่งกว่าข้า!
หลิงฮันทะยานร่างขึ้นฟ้า เขาไม่อาจหลบไปไหนได้เนื่องจากต้องปกป้องเนินเขาด้านหลังที่ภรรยาของเขาบ่มเพาะพลังอยู่
หลิงฮันใช้กาลเวลาแปรผันพันปี แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกับที่ผ่านๆมา ร่างเขาถูกซัดกระเด็นและจักรพรรดิปี้ลั่วก็ใช้โอกาสนี้ลอบจู่โจม หลิงฮันไม่สามารถหลบหลีกได้ เขาถูกทุบตีจนร่างกายบิดเบี้ยวและบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง
เขาใช้งานหยดวารีนิรันดร์เหมือนเดิม แต่หากใช้หยดวารีนิรันดร์ติดกันในช่วงสั้นๆ ประสิทธิภาพของมันจะลดลงอย่างมาก เมื่อเขาใช้หยดวารีนิรันดร์หยดที่สอง แม้ร่างกายจะฟื้นฟูกลับมามีสภาพสมบูรณ์แต่ความความที่ฟื้นฟูก็ช้ากว่าเดิมมาก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออก ความสามารถในการรักษาบาดแผลที่น่าอัศจรรย์เช่นนั้นสามารถใช้ได้ติดต่อกัน!
“ช่างเข้าขากันได้ดีจริงๆ หรือว่าแท้จริงแล้วสวะเช่นพวกเจ้าจะร่วมมือกันรุมจัดการศัตรูมาตั้งนานก่อนหน้านี้แล้ว?” หลิงฮันเช็ดเลือดที่ปากและสบถด่า
ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วเปลี่ยนสีหน้าทันใด ปากของเจ้าหนูนี่ช่างหยาบคายยิ่งนัก เขากล้าด่าหยาบคายแม้กระทั่งกับจักรพรรดิเช่นพวกเขา!
“รนหาที่ตาย!”
หลิงฮันหัวเราะ เขาตั้งแขนเป็นคันศรและยิงศรฆ่ามังกรทะลวงดาราออกไป ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นลูกษรพลังปราณที่พุ่งเข้ามา พวกเขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากลูกศรพลังปราณนี้
ขนาดพวกเขายังรู้สึกถึงภัยอันตราย คนอื่นๆเองก็ย่อมรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน จอมยุทธคนใดที่พลังบ่มเพาะต่ำกว่าระดับดาราขั้นสูงสุด พวกเขาล้วนแต่หวาดกลัวจนแผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ หากเป้าหมายของลูกศรนั่นพุ่งมายังพวกเขา ในหมู่พวกเขาต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่สิ้นชีพ
แต่พร้อมกันนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิโจ้วเทียนหรือจักรพรรดิปี้ลั่วต่างก็ไม่ขยับตัวหลบ
นั่นเป็นเพราะหลิงฮันไม่ได้ยิงศรฆ่ามังกรทะลวงดาราออกไปอย่างเดียวแต่ยังปลดปล่อยอำนาจสวรรค์เหนี่ยวรั้งการเคลื่อนไหวของทั้งสองเอาไว้ด้วย
เพียงแต่ว่าจักรพรรดิก็ยังคงเป็นจักรพรรดิ ด้วยอำนาจอันองอาจและพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าหลิงฮันหลายขั้นทำให้พวกเขาขยับตัวหลบได้ในทันที หลังจากนั้นทั้งสองคนได้ปลดปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา
พวกเขาหันมองหน้ากันและมองเห็นความแน่วแน่ในแววตาของอีกฝ่าย
‘ต่อให้คราวนี้จะไม่สามารถได้ตัวจักรพรรดินี พวกเขาก็ต้องสังหารหลิงฮันให้ได้!’
รุ่นเยาว์ผู้นี้น่าสะพรึงกลัวเกินไป ด้วยอายุที่ไม่เกินห้าร้อยปีกลับมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ หากลองให้เวลาเขาสักห้าร้อยปีล่ะ?
เขาจะกลายภัยคุกคามในระดับที่จักรวรรดิอาจล่มสลาย!
ฆ่า! ต้องฆ่าหลิงฮันให้ได้! หลังจากช่วงชิงทักษะบ่มเพาะของอีกฝ่ายแล้วพวกเขาก็จะบุกไปชิงตัวจักรพรรดินี
“เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอันแข็งแกร่ง เจ้าจะยังเล่นเล่ห์อะไรได้อีก?” จักรพรรดิโจ้วเทียนนำดาบออกมา แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ดาบเก้าอสุรกาย แต่ถึงอย่างนั้นอำนาจของดาบก็น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก คลื่นดาบทะยานสูงเสียดฟ้า ดาบเล่มนี้ต้องเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ประเภทดาบที่ทรงพลังที่สุดในระดับดาราเป็นแน่
จักรพรรดิปี้ลั่วมีท่าทีเคร่งขรึมและค่อยๆนำหอกสีมรกตเข้มออกมาอย่างช้าๆ หอกเล่มนี้เป็นสมบัติของจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม ถึงแม้พลังของมันจะยังไม่ถึงขั้นของระดับวารีนิรันดร์ แต่ในหมู่ระดับดาราแล้วมันคืออุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่ง
พวกเขาหวาดกลัวในศักยภาพของหลิงฮัน หากสังหารหลิงฮันไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตสัตว์ประหลาดตนนี้จะกลายเป็นภัยคุกคามขนาดไหน นอกจากนั้นพวกเขาก็ต้องแย่งชิงทักษะบ่มเพาะที่น่าอัศจรรย์ของหลิงฮันมาให้ได้
“จะวัดกันด้วยอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์?” หลิงฮันแสยะยิ้ม ทันทีที่เขานึกคิดดาบอสูรนิรันดร์ก็ปรากฏออกมาลอยเหนือหัวและปลดปล่อยแสงอันเจิดจรัส เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบ แต่อำนาจที่มันปลดปล่อยออกมากลับเหนือยิ่งกว่าดาบของจักรพรรดิโจ้วเทียนและหอกของจักรพรรดิปี้ลั่วไม่รู้กี่เท่า
ทุกคนตกตะลึง เพียงแค่ดาบเล่มเดียวเหตุใดถึงได้มีอำนาจอันทรราชย์เพียงนี้?
แต่พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าในอนาคตแร่โลหะที่ใช้หลอมดาบอสูรนิรันดร์จะกลายเป็นแร่โลหะระดับนิรันดร์ เมื่อผสานกับเจตจำนงยุทธของหลิงฮันและอำนาจสวรรค์ พลังของมันจึงสูงยิ่งขึ้นไปอีก
โดยแก่นแท้แล้ว ดาบอสูรนิรันดร์มีระดับที่สูงกว่าหลิงฮันมากนัก
ในมือของหลิงฮันมีดาบไม้ถูกถือเอาไว้ มันคือดาบมารจากดินแดนใต้พิภพที่เขายังไม่สามารถฟื้นฟูอำนาจของมันให้กลับมาได้ แต่ตราบใดที่มันได้สัมผัสโลหิต พลังทำลายที่มันปลดปล่อยออกมาไม่ได้ด้อยไปกว่าดาบอสูรนิรันดร์เลย
ดาบอสูรนิรันดร์ปลดปล่อยแสงสว่างเจิดจรัสไปทั่วท้องฟ้า อำนาจของมันบดบังรัศมีความองอาจของดาบและหอกในมือจักรพรรดิทั้งสองจนแทบจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่ดาบไม้นั้นแม้จะดูไร้พิษภัยแต่ภายในกลับแฝงเอาไว้ด้วยอำนาจแห่งความชั่วร้าย
ตอนที่ 1418
รุ่นเยาว์ผู้นี้มีสมบัติอยู่มากมายเพียงใดกันแน่?
ทุกคนทั้งตกตะลึงและสงสัย ดาบทั้งสองเล่มที่หลิงฮันถืออยู่นั้นเรียกได้ว่าเป็นสมบัติสุดทรงพลัง แต่ตอนนี้สมบัติที่ว่ากลับตกอยู่มือของคนเพียงคนเดียว
ต่อให้นำสมบัติทั้งชีวิตของพวกเขามารวมกันทั้งหมดก็ยังไม่ล้ำค่าเท่ากับสมบัติของรุ่นเยาว์ที่อายุน้อยกว่าห้าร้อยปีผู้นี้!
Anchor
จักรพรรดิโจ้วเทียนแสดงสีหน้าจริงจังและรู้สึกว่าจิตวิญญาณของดาบในมือกำลังสั่นไหวราวกับกำลังหวาดกลัว
ดาบนั่นมันอะไรกัน? แม้ภัยคุกคามที่เขาสัมผัสได้จะไม่เท่าไหร่ แต่อำนาจของตัวดาบเหตุใดถึงน่าสะพรึงกลัวเพียงนั้น? ต้องรู้ก่อนว่าดาบในมือเขานั้นเป็นสมบัติสืบทอดของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์จากรุ่นสู่รุ่น หากพลังของมันถูกฟื้นฟูกลับไปเหมือนยุคสมัยก่อนพลังอำนาจของมันจะสามารถทัดเทียมได้แม้แต่ตัวเขา!
ขนาดสมบัติเช่นนี้ยังหวาดกลัวต่อดาบตรงหน้าที่ไม่ได้เป็นแม้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ระดับสูงกว่ามัน ช่างน่าแปลก!
ต่อให้ดาบของเขาอยู่ต่อหน้าอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับวารีนิรันดร์มันก็ยังไม่มีอาการเช่นนี้!
“ลงมือ!” จักรพรรดิปี้ลั่วหวัดแกว่งหอกในมือ เขาเองก็สัมผัสได้เช่นกันว่าหอกวารีเยือกแข็งในมือของเขากำลังหวาดกลัว ดังนั้นเขาจึงต้องการสังหารหลิงฮันให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นจิตวิญญาณในหอกเล่มนี้อาจจะหวาดกลัวจนสลายไป!
‘พรึบ’ ดาบอสูรนิรันดร์ปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ออกมาทำให้พลังต่อสู้ของจักรพรรดิปี้ลั่วลดลงไปสองดาว
ด้วยการขัดเกลาจากหลิงฮัน ดาบอสูรนิรันดร์จึงสามารถแสดงพลังของอำนาจสวรรค์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์เนื่องจากมัตัวนถูกสร้างมาจากแร่โลหะนิรันดร์ หากลองเปลี่ยนอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ชนิดอื่น พวกมันจะไม่สามารถต้านทานแรงกดดันไเจตจำนงยุทธ์ของอำนาจสวรรค์ได้และพังทลายไปในทันที
จักรพรรดิปี้ลั่วรู้สึกว่าพลังของเขาลดลงไปถึงร้อยเท่า!
เขารีบหยุดมือทันที การที่พลังต่อสู้ลดลงไปมากขนาดนี้ทำให้เขาระมัดระวังตัวยิ่งกว่าเก่า
จักรพรรดิโจ้วเทียนขมวดคิ้วในขณะที่มองจักรพรรดิปี้ลั่ว นี่เจ้าเป็นอะไรของเจ้า?
เขาเค้นเสียงและกวัดแกว่งดาบ แต่ยังไม่ทันได้โจมตีเขาก็ต้องหยุดชะงักเหมือนกับจักรพรรดิปี้ลั่ว เขามองไปยังดาบอสูรนิรันดร์บนท้องฟ้าด้วยสายตาละโมบ
พลังต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนหากได้ครอบครองดาบเล่มนั้น?
หากทำให้พลังต่อสู้ของศัตรูลดลงได้สองดาวก็เปรียบเสมือนตัวเขามีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นสองดาว!
พลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นขนาดนั้นสามารถเทียบได้กับอำนาจแห่งจักรภพเลยทีเดียว
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “จักรพรรดิปี้ลั่ว เจ้าสนใจมาร่วมมือกับข้าสังหารจักรพรรดิบัดซบนั่นรึเปล่า?”
ว่าไงนะ?
จักรพรรดิปี้ลั่วมึนงง นี่เจ้าคิดจะใช้แผนการสิ้นคิดแบบนั้นหลอกข้า?
หลิงฮันกล่าวต่อ “หากพวกเจ้าสังหารข้าแล้วสุดท้ายก็ต้องไปสู้กันเองอยู่ดี งั้นข้าขอถามเจ้าหน่อยว่าเจามั่นใจรึไงว่าจะเอาชนะจัดรพรรดิบัดซบนั่นได้?”
“แน่นอนว่าเจ้าไม่มีทางมั่นใจ!” หลิงฮันพูดเองตอบเอง “ดังนั้นข้าถึงชวนให้เจ้ามาร่วมมือกับข้า อย่างที่เจ้าเห็นว่าดาบของข้าสามารถลดพลังต่อสู้ของศัตรูได้สองดาว ด้วยข้อได้เปรียบสองดาวนี้ไม่ใช่ว่าเจ้าจะสามารถสังหารจักรพรรดิบัดซบได้อย่างง่ายดายหรอกรึ?”
“สังหารจักรพรรดิบัดซบก่อนค่อยมาสังหารข้าทีหลังก็ไม่สายใช่รึเปล่า?”
ก็ถูกอย่างที่หลิงฮันว่า!
ต้องยอมรับว่า ณ วินาทีนี้จักรพรรดิปี้ลั่วรู้สึกลังเลอย่างมาก หากใช้ประโยชน์จากหลิงฮันในการสังหารจักรพรรดิโจ้วเทียนได้ หลังจากนี้ต่อให้เขาต้องถูกหลิงฮันลดพลังต่อสู้สองดาวก็ยังไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะสังหารหลิงฮัน
เมื่อเห็นสีหน้าที่กำลังถูกชักจูงของจักรพรรดิปี้ลั่ว จักรพรรดิโจ้วเทียนก็รีบกล่าว “อย่าได้ถูกเจ้าหนูนั่นหลอก! เจ้าหนูนั่นเจ้ามีเล่ห์เหลี่ยมมากมายไม่สิ้นสุด หากปล่อยไว้ก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีแผนการอะไรอีก เราต้องกำจัดเขาเป็นคนแรก!”
จักรพรรดิโจ้วเทียนเคร่งเครียด หากจักรพรรดิโจ้วเทียนตามน้ำไปกับคำพูดของหลิงฮันจริงๆ ด้วยความต่างของพลังต่อสู้สองดาว เขาต้องพ่ายแพ้ต่อจักรพรรดิปี้ลั่วแน่นอน!
จักรพรรดิปี้ลั่วลังเล คำพูดของหลิงฮันช่างล่อตาล่อใจมากนักแถมยังมีโอกาสสำเร็จสูง หากพลาดโอกาสนี้ไปต่อให้เขาครอบครองจักรพรรดินีแห่งดาราได้ ในอนาคตก็ยังต้องก่อสงครามกับจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์อย่างไม่สิ้นสุด
“อย่าได้คิดว่าแผนเจ้าเล่ห์ของเจ้าจะได้ผล!” จักรพรรดิโจ้วเทียนสะบัดมือโจมตีหลิงฮัน ตราบใดที่สามารถสังหารหลิงฮันได้และยึดครองดาบเล่มนั้นมาเขาก็จะลงมือจัดการกับจักรพรรดิปี้ลั่ว
จักรพรรดิปี้ลั่วมีท่าทีลำบากใจ เขาเองก็หวั่นเกรงว่าหลิงฮันจะมีแผนอะไรซ้อนเอาไว้อีกทีรึไม่ ยิ่งกว่านั้นเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายมีไพ่ลับซ่อนอยู่อีกมากมายแค่ไหน
ก่อนอื่นคือต้องนำดาบเล่มนั้นมาให้ได้!
จักรพรรดิทั้งสองไม่กล้าลงมือผลีผลาม เป้าหมายของเขาในตอนนี้คือดาบของหลิงฮัน หากครอบครองมันได้พวกเขาก็จะกลายเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์
หลิงฮันแอบแสยะยิ้มและกระดกลิ้น ในที่สุดเขาก็สามารถทำให้ศัตรูทั้งสองแตกแยกกันได้
เพียงแต่ว่าจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดของจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองก็มีจำนวนรวมกันถึงเจ็ดคนหากไม่รวมสองจักรพรรดิ สถานการ์ของเขาไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่
แต่เจ็ดก็ยังดีกว่าเก้า
หลิงฮันปลอบตัวเองในใจ ‘ครืน’ ดาบอสูรนิรันดร์สั่นไหวเล็กน้อยและปลดปล่อยอำนาจแห่งสวรรค์ไปยังเหล่าปรมาจารย์ระดับดารา
“ฮ่าๆ มาอยู่ในมือข้าซะ!” จักรพรรดิปี้ลั่วลงมือ เป้าหมายของเขาไม่ใช่หลิงฮันแต่เป็นดาบอสูรนิรันดร์
“งั้นรึ?” จักรพรรดิโจ้วเทียนลงมือขัดขวางไม่ยอมให้จักรพรรดิปี้ลั่วทำสำเร็จ
จักรพรรดิทั้งสองพัวพันกันแย่งชิงดาบอสูรนิรันดร์ การต่อสู้อันดุเดือดทำให้ดาบอสูรนิรันดร์ไม่สามารถช่วยเหลือหลิงฮันได้และตอบโต้จักรพรรดิทั้งสอง
เมื่อไม่มีดาบอสูรนิรันดร์คอยช่วย พลังต่อสู้ของเหล่าปรมาจารย์ทุกคนก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม พวกเขาถอนหายใจโล่งอกและกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง
หลิงฮันยิ้ม พวกเจ้าคิดว่ามีเพียงดาบอสูรนิรันดร์อย่างเดียวที่สามารถลดพลังต่อสู้ของพวกเจ้าได้?
‘ครืนน’ หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจแห่งสวรรค์ออกมา
“อะไรกัน!”
“เหตุใดพลังของข้าถึงอ่อนแอลงอีกครั้ง?”
“แปลก ข้าอยู่ห่างจากดาบนั่นตั้งไกลแล้วแท้ๆ!”
เหล่าปรมาจารย์ระดับดาราสับสน เหตุใดพวกต่อสู้ของพวกเขาถึงถูกทำให้ลดลงอีกครั้ง?
“ใช่แล้ว ต้องเป็นเพราะหมอนั่นแน่นอน!” ใครบางคนชี้ไปยังหลิงฮัน
ปรมาจารย์คนอื่นจ้องมองไปยังหลิงฮันด้วยใบหน้าโง่งม
เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนที่มีความสามารถแบบนี้?
ขี้โกงเกินไปแล้ว!
หลิงฮันจับดาบไม้เอาไว้แน่นและกล่าว “วันนี้คือวันที่ข้าจะเข่นฆ่าพวกเจ้า!”
เขาเป็นฝ่ายเปิดโจมตีก่อนด้วยทักษะดาบฟ้าคำรามและกาลเวลาแปรผันพันปี ร่างของเขาเคลื่อนไหวด้วยเร็วดุจสายฟ้า เมื่อดาบไม้ถูกสะบั้นออกไปโลหิตก็สาดกระจายไปทั่ว
แม้ดาบไม้จะได้ได้ถูกสร้างจากแร่โลหะนิรันดร์ แต่มันมีแฝงเอาไว้ด้วยพลังทำลายแห่งความชั่วร้าย ระดับของสมบัติชิ้นนี้จะต้องไม่ต่ำแน่นอน ขนาดมันพุพังอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์พลังทำลายของมันยังทรงพลังเพียงนี้
โดยเฉพาะเมื่อดาบไม้นี้ถูกใช้สังหารสิ่งมีชีวิต ตัวดาบจะปลดปล่อยออร่าอันน่าหวาดกลัวออกมาและทำลายพลังชีวิตของเป้าหมายโดยตรง เมื่อศัตรูตกตายดาบไม้จะทำการดูดซับโลหิตของซากศพและค่อยๆส่องประกายสว่างขึ้นเรื่อยๆราวกับว่าจ้าวอสูรกำลังถูกปลุกขึ้นมาจากภายในดาบ
ตอนที่ 1419
แม้แต่หลิงฮันก็รู้สึกขนลุกในใจ หากดาบเล่มนี้มีจ้าวอสูรปรากฏตัวออกมาจริงๆคงตลกน่าดู
แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือภรรยาของเขา!
ฆ่า!
หลิงฮันเคลื่อนไหวด้วยย่างก้าวไล่ตามดาราและจู่โจมอย่างรวดเร็วด้วยทักษะดาบฟ้าคำราม เมื่อผสานเข้ากับพลังทำลายอันน่าสะพรึงกลัวของดาบไม้ด้วยแล้ว ตัวเขาในตอนนี้กล่าวได้ว่าเป็นเครื่องจักรสังหารดีๆนี่เอง
โลหิตและอวัยวะลอยกระเด็นไปทั่วบริเวณ!
ปรมาจารย์ทุกคนที่นี่เป็นตัวตนระดับดารากันทั้งหมดแต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งหลิงฮันได้ ปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงทั้งสิบเก้าคนถูกหลิงฮันไล่สังหารอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปเพียงครึ่งวันจำนวนของพวกเขาก็ลดเหลือเพียงสิบเอ็ดคน
การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ดาวเหอหนิงเป็นแน่ ขนาดในช่วงเวลาอย่างน้อยหนึ่งพันล้านปีที่ผ่านมาก็ไม่มีจอมยุทธระดับดาราตกตายมากเท่าการต่อสู้ในครั้งนี้
ถึงแม้จะยังมีปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดอยู่ถึงเจ็ดคนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดหลิงฮันด้วยพลังต่อสู้ที่ลดลงสองดาว
ดาบของหลิงฮันนั้นรวดเร็วเกินไปโดยไม่ที่สามารถคาดเดาได้ว่าใครจะเป็นคนถูกโจมตี ทันทีที่ดาบของหลิงฮันสะบั้นออกมาก็สายไปแล้วที่ช่วยเหลือปรมาจารย์ที่ตกเป็นเป้าโจมตีของหลิงฮัน
ตอนนี้แม้กระทั่งระดับดาราขั้นสูงก็ยังไม่ใช่ศัตรูของหลิงฮัน?
“บัดซบ!” ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วเปลี่ยนสีหน้า นอกจากพวกเขาสองคนแล้วไม่มีใครจัดการหลิงฮันได้เลย?
“พวกเจ้าโจมตีไปยังเนินเขา!” จักรพรรดิปี้ลั่วกล่าวขึ้น
ใช่แล้ว!
ก่อนหน้านี้หลิงฮันไม่เป็นฝ่ายบุกจู่โจมและเลือกที่จะรับการโจมตีของพวกเขาก็เพื่อจะปกป้องประตูหินที่เนินเขา
นั่นคือจุดอ่อนของเขา!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ปรมาจารย์ทุกคนก็ลงมือทันใด พวกเขาพุ่งทะยานหันการโจมตีไปยังเนินเขา
หลิงฮันเกรี้ยวกราดและปลดปล่อยจิตสังหารออกมายิ่งกว่าเดิม ตัวเขาได้รับผลกระทบจากดาบไม้ในมือ ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นแดงฉาย เส้นผมสยายชี้ขึ้นฟ้า เสื้อผ้าฉีกขาดทำให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับหิน
หลิงฮันเคยดูดซับแก่นพลังของจ้าวอสูรมาก่อน ตอนนี้เมื่อเขาได้รับผลกระทบบางอย่างจากดาบไม้ ทั่วทั้งร่างของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์สีดำปรากฏขึ้นบนผิวหนังพร้อมกับปลดปล่อยออร่าอันชั่วร้าย
“สิ่งมีชีวิตใต้พิภพ!”
ถึงแม้ดาวดวงนี้จะไม่มีประตูผ่านระหว่างสองดินแดน แต่ทุกคนก็รู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตใต้พิภพเนื่องจากดินแดนใต้พิภพนั้นทำสงครามกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลานาน แม้ในดาวที่สงบสุขก็คงมีเพียงน้อยคนที่จะไม่รู้จักพวกมัน
“เจ้าหนูนั่น… แปลงกลายเป็นอสูร!”
“ฆ่า! สิ่งมีชีวิตใต้พิภพเป็นสิ่งที่พวกเราต้องร่วมมือกันกำจัด!”
“ฮึ่ม ในเมื่อเขากลายเป็นอสูรแล้วย่อมต้องถูกกีดกันโดยสวรรค์และปฐพีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้ไม่สามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้อีกต่อไป หากไร้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เขาอาจจะอ่อนแอกว่าจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางทั่วไปด้วยซ้ำ”
หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีดีใจออกมา การที่หลิงฮันแปลงเป็นอสูรก็ไม่ต่างอะไรกับการตัดแขนทั้งสองข้างของตัวเอง
“แปลงเป็นอสูรแล้วมันอย่างไร!” หลิงฮันหัวเราะ ดวงตาของเขามีรูปแบบอาคมที่ดูชั่วร้ายส่องสว่างออกมา รูปแบบอาคมชั่วร้ายแพร่กระจายลามไปทั่วใบหน้า หลิงฮันในตอนนี้ราวกับถูกจ้าวอสูรครอบงำ ออร่าที่สัมผัสได้รอบกายของเขานั้นทรงพลังเกินกว่าจะเป็นของจอมยุทธระดับดารา
“ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องคนของข้า ต่อให้ข้ากลายเป็นอสูรเก้าพิภพ ข้าก็จะคลานขึ้นมาจากนรกเพื่อสังหารพวกเจ้าให้หมด!” หลิงฮัวหัวเราะ ‘ครืนน’ จู่ๆดาบไม้ก็เกิดการเผาไหม้ ไม่สิ… ดาบไม่ได้ถูกเผาไหม้แต่เปลวเพลิงได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวดาบ
เพลิงทมิฬ… เปลวเพลิงแห่งความตาย!
‘พรึบ’ หลิงฮันกวัดแกว่งดาบ เปลวเพลิงแห่งความตายถูกฟันออกไป ปรมาจารย์ระดับดาราขั้นต้นคนหนึ่งที่คอยมองดูสถานการณ์อยู่ในระยะห่างไกลจู่ๆถูกเพลิงโอบล้อมเอาไว้โดยไม่รู้ตัว เขารีบปล่อยการโจมตีเพื่อดับเปลวเพลิงอย่างลุกลี้ลุกลน
แต่ที่น่าตกตะลึงก็คือ… เพลิงสีดำเหล่านี้ไม่สามารถดับได้!
ไม่เพียงแต่ไม่ดับมอด แต่เปลวเพลิงทมิฬเหล่านี้ยังลามขึ้นมาบนตัวและค่อยๆเผาไหม้แก่นพลังของเขา!
แก่นพลังคือสิ่งสำคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิต หากแก่นพลังเสียหายพลังชีวิตก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย เขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกพันปี ร้อยปีหรืออาจจะเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
ปรมาจารย์ระดับดาราขั้นต้นรู้สึกหวาดกลัว เขายังไม่อยากตาย!
เขารีบไปขอความช่วยเหลือกับปรมาจารย์ระดับดาราขั้นกลาง แต่ผลลัพธ์ก็คือ… คนที่ช่วยเหลือเขาถูกเพลิงเผาไหม้ไปด้วย
หรือก็คือเพลิงแห่งความตายเหล่านี้สามารถแพร่กระจายหาผู้อื่นได้?
ครั้งนี้ปรมาจารย์ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง
ปรมาจารย์สองคนที่ถูกเพลิงเผาไหม้ต้องการขอให้ปรมาจารย์คนอื่นช่วย แต่ปรมาจารย์คนอื่นๆได้หลบหลีกพวกเขาทั้งสองอย่างรวดเร็ว
“องค์จักรพรรดิ!” ปรมาจารย์ทั้งสองคนไปขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิโจ้วเทียน ทั้งสองคนคือคนของAnchorจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์
จักรพรรดิโจ้วเทียนผลักฝ่ามือเขาหาทั้งสองคนพร้อมกับปลดปล่อยพลังอันรุนแรงออกมา แม้การเผาไหม้ของเปลวเพลิงจะถูกยับยั้งเอาไว้ได้แต่เปลวเพลิงก็ไม่ได้สลายไป
ใบหน้าของจักรพรรดิโจ้วเทียนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดและหวาดกลัว
อย่างที่คิด เจ้าหนูนี่ไม่อาจดูถูกได้เลย อีกฝ่ายยังมีไพ่ลับเก็บซ่อนเอาไว้
“พี่ชายโจ้วเทียน จัดดารเจ้าหนูนั่นกันก่อน!” จักรพรรดิปี้ลั่วกล่าว เขารู้สึกว่าในตอนนี้หลิงฮันคือคนที่เป็นภัยคุกคามมากที่สุด เขาหวั่นเกรงหลิงฮันยิ่งกว่าจักรพรรดิโจ้วเทียนเสียอีกจึงต้องกำจัดก่อนเป็นอันดับแรก
“ก็ดี!” จักรพรรดิโจ้วเทียนพยักหน้า เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งสองก็พุ่งเข้าหาหลิงฮัน
‘พรึบ’ หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ พลังต่อสู้ของจักรพรรดิทั้งสองถูกลดลงทันที
ตราบใดที่ศัตรูไม่ได้มีระดับพลังที่ห่างจากหลิงฮันมากเกินไป อีกฝ่ายจะได้รับผลกระทบจากอำนาจสวรรค์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นในการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดน อัจฉริยะสิบดาวเหล่านั้นมีวิธีรับมือกับอำนาจสวรรค์ของเขาได้
แต่พวกเขาเหล่านั้นคืออัจฉริยะสิบดาว!
ส่วนจักรพรรดิโจ้วเทียนกับจักรพรรดิปี้ลั่วนั้นไม่ใช่
“เจ้าเด็กเปรต!” จักรพรรดิทั้งสองปิดความตกตะลึงเอาไว้ไม่มิด นอกจากดาบของหลิงฮันจะสามารถลดพลังต่อสู้ของพวกเขาได้แล้ว ตัวของหลิงฮันก็ยังทำแบบเดียวกันได้ด้วย จักรพรรดิทั้งสองหวาดกลัวจนจิตใจเย็นยะเยือก
ตราบใดที่มีพลังบ่มเพาะเท่าหลิงฮัน ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้? แม้กระทั่งอัจฉริยะสองดาวยังถูกลดพลังต่อสู้ถึงสองดาว!
จักรพรรดิทั้งสองไม่ลังเลอีกต่อไปและใช้ทักษะทรงพลังออกมา
จักรพรรดิทั้งสองแข็งแกร่งเกินไป พวกเขากระหน่ำปลดปล่อยทักษะอันทรงพลังออกมาจนหยดวารีนิรันดร์ไม่สามารถรักษาบาดแผลได้อีกต่อไป
หลิงฮันมีหยดวารีนิรันดร์อยู่ทั้งหมดสิบหยด ยิ่งใช้ติดต่อกันประสิทธิ์ภาพก็ยิ่งลด เมื่อหยดวารีนิรันดร์ทั้งสิบหยดถูกใช้จนหมดหลิงฮันก็เหมือนกับถูกต้อนจนมุม
“ตาย!” จักรพรรดิทั้งสองโจมตีผสาน คลื่นวารีและเปลวเพลิงไม่ต่อต้านกันแม้แต่น้อยและกลับเกื้อหนุนกันจนเกิดเป็นการโจมตีที่ทรงพลัง
คลื่นวารีและเปลวเพลิงผสานกันเป็นคลื่นพลังขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่หน้าอกหลิงฮันและประตูหินที่อยู่ด้านหลัง มั่นใจได้เลยว่าด้วยการโจมตีผสานของจักรพรรดิทั้งสอง ประตูหินที่ไม่มีอำนาจแห่งจักรภพค่อยสนับสนุนอีกต่อไปแล้วคงพังทลายด้วยการโจมตีครั้งเดียว
หลิงฮันกัดฟันและโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เต็มพลังเพื่อสร้างการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด
หากเข้าใจหลักการของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์จนถึงขั้นสูงสุด เขาจะสามารถป้องกันหนึ่งการโจมตีจากตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งได้ ด้วยความเข้าใจในหลักการที่ว่าของหลิงฮันในตอนนี้ ต่อให้เป็นการโจมตีของระดับวารีนิรันดร์เขาก็ไม่สะทกสะท้าน
ตูม!
หลิงฮันไขว้มือทั้งสองเอาไว้ด้านหน้า เสาวารีและเปลวเพลิงที่พุ่งเข้ามาปะทะกับร่างของเขาก่อให้เกิดเป็นคลื่นกระแทกอันรุนแรง พลังทำลายที่ระเบิดออกมาไม่ใช่พลังของทักษะอย่างเดียวแต่ยังเป็นพลังทำลายจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของจักรพรรดิทั้งสอง
เพียงแต่ว่าหลิงฮันสามารถป้องกันคลื่นทำลายได้อย่างสมบูรณ์!
ตอนที่ 1420
อะไรกัน!
ทุกคนอ้าปากค้างลิ้นห้อย ก่อนหน้านี้ที่หลิงฮันถูกกระบวนท่าของจักรพรรดิคนหนึ่งโจมตีใส่ยังบาดเจ็บจนกระดูกแตกหัก แต่ตอนนี้เมื่อถูกการโจมตีผสานของสองจักรพรรดิเขากลับยืนแน่นิ่งไม่บาดเจ็บตรงไหนเลยซึ่งยากที่พวกเขาจะยอมรับได้
เมื่อการโจมตีสลายไปหลิงฮันก็นำมือลง ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ เขาสามารถป้องกันการโจมตีของระดับวารีนิรันดร์ได้สามกระบวนท่า แต่หากเป็นการโจมตีของระดับดาราขั้นสูงสุด การจะป้องกันให้ได้อย่างน้อยหนึ่งร้อยกระบวนท่าย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
Anchor
จักรพรรดิปี้ลั่วและจักรพรรดิโจ้วเทียนมองหน้ากัน พวกเขามองเห็นความตกตายภายในดวงตาของอีกฝ่าย
รุ่นเยาว์ผู้นี้… ไม่อาจปล่อยให้มีชีวิตรอดไปได้จริงๆ!
ทั้งสองผสานการโจมตีกันอีกครั้ง คลื่นวารีและเปลวเพลิงผสานรวมกันก่อให้เกิดพลังอันไร้ที่สิ้นสุด
กายหยาบของหลิงฮันไร้เทียมทานจนไม่ต้องใช้ปราณก่อเกิดป้องกันเลยก็จริง แต่หากต้องการเรียกใช้อำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์นั้นเขาจำเป็นต้องโคจรปราณก่อเกิด
ตูม! ตูม! ตูม!
ท่ามกลางการถูกกระหน่ำโจมตี ปราณก่อเกิดของเขาค่อยๆถูกเผาผลาญด้วยอัตราที่รวดเร็ว
“เจ้าหนูนั่นกำลังเข้าตาจนแล้ว!”
“ในที่สุดก็จะจบเสียที!”
ทุกคนถอนหายใจโล่งอก พวกเขาไม่เคยเห็นการสังหารจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางที่ลำบากขนาดนี้มาก่อน ที่พวกเขาสามารถจัดการหลิงฮันได้เป็นเพราะหลิงฮันคอยป้องกันประตูหินเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงไม่มีใครสังหารเขา
“ตาย!”
สองจักรพรรดิไม่เคยอยากรีบสังหารใครให้ตายอย่างขนาดนี้มาก่อน พวกเขาลงมือปลดปล่อยกระบวนท่าสุดท้ายอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันไม่มีทางรอดแน่!
‘ตูม’ เมื่อถูกกระบวนท่าสุดท้ายจู่โจม พลังปราณก่อของหลิงฮันก็ไม่เหลืออีกต่อไป ด้วยกายหยาบของเขาเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถต้านทานพลังทำลายของสองจักรพรรดิได้อย่างสมบูรณ์ กาลเวลาแปรผันพันปีเองก็ไร้ผล ภายใต้คลื่นทำลายที่น่าสะพรึงกลัว กระดูกทั่วร่างของเขาแตกหักแม้กระทั่งดวงวิญญาณก็แหลกสลาย
ฮ่าๆ ในที่สุดก็ตายแล้ว!
ทุกคนอยากจะปรบมือดังๆ พวกเขาไม่มีทางสังหารหลิงฮันได้เลยหากจุดอ่อนของอีกฝ่ายไม่ใช่จักรพรรดินี
ครืนนนน!
จู่ๆดวงวิญญาณที่แตกสลายของหลิงฮันก็ส่องประกายพร้อมกับถูกก้อนเปลวเพลิงเผาไหม้
เปลวเพลิงที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งจักรพรรดิทั้งสองก็ต้องเปลี่ยนสีหน้า จากที่พวกเขาเห็น เปลวเพลิงดวงนี้น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเพลิงแห่งความตายก่อนหน้านี้เสียอีก ต่อหน้าเพลิงแห่งความตายพวกเขายังยับยั้งไว้ได้ แต่หากสัมผัสดับเพลิงดวงนี้ พวกเขาจะถูกเผาเป็นเถ้าธุลีในพริบตาแน่นอน
เพลิงดวงนี้คือเพลิงนิรันดร์… เพลิงแห่งชีวิตของวิหคเพลิงอมตะ!
‘ฮึมม’ ดวงเพลิงล่องลอยไปมาโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ทันใดนั้นเสียงของวิหคเพลิงอมตะก็ร้องดังออกมา ดวงเพลิงขยายใหญ่อย่างรวดเร็วพร้อมกับปลดปล่อยอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพี พริบตาเดียวทั้งดวงวิญญาณและกายหยาบของหลิงฮันก็กลับสู่สภาพสมบูรณ์
เขาเดินออกมาจากเพลิงนิรันดร์ ไม่เพียงแค่ร่างกายจะไม่มีบาดแผลแต่พลังปราณก็ฟื้นสภาพกลับมาอย่างสมบูรณ์อีกด้วย
ข้าจะบ้าตาย!
ณ เวลานี้ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
เจ้ายังมีชีวิตอยู่ทั้งๆที่ดวงวิญญาณแหลกสลายไปแล้วเนี่ยนะ เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า?
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสขนาดไหนหลิงฮันก็ฟื้นฟูบาดแผลได้ แต่ตอนนี้มันยิ่งกว่านั้นอีก ขนาดทั้งร่างกายและดวงวิญญาณแหลกสลายไปแล้วเขาก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้แถมยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอีก นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?
รุ่นเยาว์ผู้นี้… จะถูกใครสังหารได้จริงๆรึ?
“ฮ่าๆ ชายชราคงไม่ได้มาช้าไปสินะ?” เสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้น จากนั้นร่างของชายชราที่บึกบึนเล็กน้อยก็เดินเข้ามา ด้านหลังของเขาปรากฏดวงดาวสี่ดวงที่มีขนาดเท่ากัน
ระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด!
เพียงแต่รอบกายของชายชรากลับมาโซ่บางอย่างพันเอาไว้อยู่ หากมองให้ดีจะพบว่าโซ่เหล่านั้นไม่ใช้โซ่ของจริงเป็นแบบอาคมที่ถูกสลักเอาไว้บนร่างของชายชรา
Anchor
สวีเหลิน!
หลิงฮันเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางดีใจ “ผู้อาวุโส ในที่สุดท่านก็มา”
สวีเหลินยิ้ม เขาลังเลอยู่นานว่าจะเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ดีไหม หากพลังของเขายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เขาย่อมไม่หวาดกลัวแน่ แต่ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาถูกผนึกเอาไว้ อันที่จริงแล้วตัวเขาก็ไม่ต่างกับเซียนหวู่เซียง
แต่จะอย่างไร ตอนนี้หลิงฮันก็ได้ผู้ช่วยที่แข็งแกร่งมาแล้ว!
“ไม่ต้องหวาดกลัว พลังบ่มเพาะของคนคนนั้นถูกผนึกเอาไว้ เขาก็เป็นแค่ตัวไร้ค่า!” จักรพรรดิโจ้วเทียนกล่าว แม้กระทั่งเซียนหวู่เซียงเขาก็ยังมองออกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเพียงเปลือกนอก ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธที่มีพลังบ่มเพาะเท่ากัน
“ไม่ผิด” จักรพรรดิปี้ลั่วเองก็พยักหน้าเห็นพ้องกับจักรพรรดิโจ้วเทียน
“สวรรค์และปฐพีมีย่อมมีความยุติธรรม แม้แต่เซียนก็ยังตายได้ เจ้าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น!” จักรพรรดิโจ้วเทียนชี้ไปยังหลิงฮัน “ช้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะคืนชีพได้อีกครั้ง!”
“วันนี้เจ้าต้องตาย!” จักรพรรดิโจ้วเทียนคำราม เสียงที่อัดแน่นไปด้วยเจตจำนงของเขาดังก้องไปทั่วบริเวณ
“แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น!” เสียงอันเย็นชาดังขึ้นจากท้องฟ้า นำเสียงนี้แฝงไว้ด้วยความองอาจและหยิ่งยโสอย่างถึงที่สุด
ตุบ!
ร่างหนึ่งลอยลงมาจากท้องฟ้า ‘ครืนน’ แรงกดดันจากชายคนนี้ส่งผลให้เหล่าปรมาจารย์ระดับดารารอบข้างทรุดตัวลงกับพื้น แรงกดดันนี้รุนแรงจนพวกเขาลุกขึ้นยืนไม่ไหว!
ใบหน้าของหลิงฮันแสดงออกถึงความตะลึงและตื่นเต้น “พี่สอง!”
เป็นจักรพรรดิพิรุณ!
“ฮ่าๆๆ ว่าอย่างไรน้องสี่!” จักรพรรดิพิรุณกล่าวอย่างมั่นใจ ออร่าที่สัมผัสได้จากตัวเขาคือระดับดาราขั้นสูงสุด!
แต่เป็นเพียงขั้นสูงสุดชั้นต้นไม่ใช่ชั้นสูงสุด
หลิงฮันทำได้เพียงกล่าวอย่างตกตะลึง “พี่สองได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่ยิ่งนัก!” ก่อนหน้านี้ที่จักรพรรดิพิรุณหายตัวไปในเขตแดนลี้ลับ หลิงฮันเคยคาดเดาเอาไว้ว่าอีกฝ่ายคงได้รับมรดกสืบทอดอของปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
“ฮ่าๆ ก็แค่วาสนาเล็กๆน้อยๆ” จักรพรรดิพิรุณพยักหน้า “ข้ากลับไปยังจักรวรรดิต้าหลิงก่อนที่จะมาที่นี่”
“รบกวนพี่สองแล้ว” หลิงฮันกล่าวขอโทษ สงครามครั้งนี้จักรวรรดิต้าหลิงไม่เกี่ยวข้องแท้เขากลับลากอีกฝ่ายเข้ามาเกี่ยวด้วย
“พวกเราเป็นพี่น้องกัน เหตุใดถึงพูดเหมือนข้าเป็นคนนอก?” จักรพรรดิพิรุณกล่าวก่อนจะหันไปจ้องมองจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่ว “พวกเจ้าคิดจะสังหารน้องสี่ของข้า?”
ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วแสดงท่าทีไม่พึงพอใจ นั่นคือคำพูดที่เจ้าใช่ต่อหน้าจักรพรรดิเช่นพวกเขา? เหตุใดคนรอบตัวหลิงฮันถึงได้มีแต่พวกอวดดี จะมีใครบ้างไหมที่เป็นคนปกติ?
ตอนนี้หลิงฮันมีปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดสองคนคอยช่วยเหลือ และถึงแม้ตัวของหลิงฮันจะยังมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับดาราขั้นกลาง แต่พลังต่อสู้ของเขาก็ไม่สามารถวัดได้จากระดับพลังบ่มเพาะ
พวกเขาจะยังสู้กับหลิงฮันต่อดีไหม?
แน่นอนว่าต้องสู้!
หากพลาดโอกาสครั้งนี้ ในอนาคตจะมีโอกาสสังหารเจ้าหนูนี่ได้อีกรึเปล่า? ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันก็ยังมีความลับที่ล้ำค่าซ่อนอยู่ในร่างกายด้วย พวกเขาต้องแย่งชิงมันมา
“อยากตายขนาดนั้นเลย? งั้นก็เข้ามา!” จักรพรรดิพิรุณกล่าวด้วยน้ำเสียงองอาจ ต่อหน้าจักรพรรดิทั้งสองเขาไม่มีท่าทีหวาดกลัวใดๆ
ตอนที่ 1421
มีเพียงกลิ่นอายแห่งทรราชย์เท่านั้นที่หลิงฮันไม่สามารถทัดเทียมจักรพรรดิพิรุณได้
เขาเป็นบุรุษที่เกิดมาเพื่อเป็นจักรพรรดิที่อยู่เหนือทุกคน
หลังจากได้รับมรดกสืบทอดจากเขตแดนลี้ลับแล้ว พลังของจักรพรรดิพิรุณสมควรจัดอยู่ในอัจฉริยะระดับราชา
ภายตายออร่าอันกดขี่ของจักรพรรดิพิรุณ ทุกคนรอบข้างล้วนแต่มีสีหน้าหวาดหวั่นและหายใจไม่ทั่วท้อง
นี่คืออำนาจแห่งจักรพรรดิที่แท้จริง
“เพิ่งทะลวงผ่านขั้นสูงสุดกลับกล้าอวดดีถึงเพียงนี้!” จักรพรรดิโจ้วเทียนเผยใบหน้าเหยียดหยามและปล่อยการโจมตี
เขาไม่เชื่อว่าจักรพรรดิพิรุณจะจัดการยากเท่าหลิงฮัน!
หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ ในขณะเดียวกันจักรพรรดิพิรุณก็ปล่อยหมัดออกไป
ตูม!
จักรพรรดิพิรุณยังคงยึดมั่นอยู่กับวิถีหมัดของตนเอง แต่อำนาจวิถีหมัดของเขาในตอนนี้ถูกยกระดับสูงขึ้นมาจากเดิม หมัดที่เขาปล่อยออกไปราวกับเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล
เห็นได้ชัดว่าถึงแม้จักรพรรดิพิรุณจะได้รับมรดกสืบทอดจากตัวตนระดับวารีนิรันดร์แต่เขาก็ยังไม่ละทิ้งวิถีวรยุทธของตนเอง เขาเพียงแค่ใช้ประโยชน์จากมรดกสืบทอดในการพัฒนาระดับพลังบ่มเพาะให้เร็วขึ้นเท่านั้น
หลิงฮันรู้สึกว่าหากจักรพรรดิพิรุณเลือกเดินตามรอยวิถีวรยุทธขงอเจ้าของมรดกสืบทอด ป่านนี้เขาคงบรรลุระดับวารีนิรันดร์ไปแล้ว
ปัง!
จักรพรรดิพิรุณปะทะกับจักรพรรดิโจ้วเทียนโดยไม่พึ่งพาอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ใดๆ เขากระหน่ำปล่อนหมัดใส่ศัตรูอย่างไม่สนใจว่าอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายจะทรงพลังหรือไม่
หลิงฮันจ้องมองไปยังจักรพรรดิปี้ลั่ว จักรพรรดิพิรุณนั้นไม่ได้มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งเหมือนเขาที่ตายแล้วยังเกิดใหม่ได้ หลิงฮันไม่มีทางยอมให้จักรพรรดิพิรุณถูกจักรพรรดิทั้งสองรุมโจมตีแน่นอน
ทั้งสี่คนปะทะกันอย่างดุเดือด
หลิงฮันกับจักรพรรดิพิรุณตกเป็นเสียเปรียบ ถึงแม้จักรพรรดิพิรุณในตอนนี้จะมีพลังต่อสู้หกดาว แต่จักรพรรดิโจ้วเทียนนั้นเป็นอัจฉริยะสี่ดาวและมีระดับพลังสูงกว่าถึงสามชั้นย่อย นอกจากนั้นเขายังมีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งและใช้งานอำนาจแห่งจักภพได้อีก ดังนั้นต่อให้พลังต่อสู้ของจักรพรรดิโจ้วเทียนจะถูกหลิงฮันทำให้ลดไปสองดาวก็ยังแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิพิรุณอยู่ดี
สถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นมากเท่าไหร่เลย เนื่องจากฝ่ายของสองจักรพรรดิมีปรมาจารย์ระดับดาราอยู่มากมาย แม้สวีเหลินจะต้านทานปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดเอาไว้ในแต่ก็ได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ร่างของสองพี่น้องถูกอาบไปด้วยโลหิต ถึงแม้การโจมตีส่วนใหญ่จะถูกหลิงฮันรับเอาไว้ แต่ตราบใดที่จักรพรรดิรุณถูกโจมตีแม้แต่ครั้งเดียวเขาก็จะบาดเจ็บสาหัส
หลิงฮันกับจักรพรรดิพิรุณกินเม็ดยาฟื้นฟูกันอย่างบ้าคลั่ง แต่เม็ดศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกินในจำนวนมากติดต่อกันก็ยิ่งทำให้ประสิทธิภาพของมันลดลง
พวกเขายังมีใครที่จะมาช่วยเหลืออีกรึเปล่า?
หลิงฮันส่ายหัว ถ้าหากคนที่มาช่วยเหลือไม่ใช่ฉือหวงกับเป่ยหวงก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งสองคนมีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้พวกเขาไร้เทียมทานในหมู่จอมยุทธระดับดาราและสามารถโค่นล้มตัวตนระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นได้ แต่สถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้คือดาวเหอหนิง ทั้งสองคนจะมาที่นี่ได้อย่างไร?
แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดี?
“พี่สอง ท่านหลบไปก่อน!” หลิงฮันกล่าว ตัวเขานั้นยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ในตอนนี้ได้ไหว แต่จักรพรรดิพิรุณนั้นถึงแม้จะมีพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าเขาแต่พลังป้องกันกับความสามารถในการฟื้นฟูนั้นไม่สามารถเทียบกับเขาได้
ที่เขาบอกว่าหลบไปก่อนย่อมหมายถึงเข้าไปในหอคอยทมิฬ
“ไม่จำเป็น!” จักรพรรดิพิรุณปฏิเสธ เขารู้ว่าหลิงฮันต้องการช่วยเหลือจักรพรรดินี ซึ่งสตรีผู้นี้ในอนาคตจะเป็นน้องสะใภ้ของเขา เขาจึงจำเป็นต้องสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย
ตอนนี้เขายังสู้ไหว!
“ฮึ่ม พวกเจ้าทั้งสองมีชะตาต้องตายที่นี่!” จักรพรรดิโจ้วเทียนแสยะยิ้ม
“ถูกต้อง พวกเจ้าสองพี่น้องจะต้องตายไปด้วยกัน!” จักรพรรดิปี้ลั่วโจมตีอย่างโหดเหี้ยม
‘ตูม’ ร่างของหลิงฮันกับจักรพรรดิพิรุณสั่นสะท่านและลอยกระเด็นร่วงลงพื้นอย่างรุนแรงทีละคน
ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียน จักรพรรดิปี้ลั่วและเหล่าปรมาจารย์ต่างแสยะยิ้ม มีเพียงกลุ่มของพวกฉีเชียวเซวี่ยทีแสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมา จากที่เห็นหลิงฮันกับจักรพรรดิพิรุณคงไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้แล้ว
สุดท้ายจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะก็ต้องล่มสลายเพื่อเพราะคนทรยศคนหนึ่ง
หลิงฮันยังคงฝืนลุกขึ้นยืนและนำจักรพรรดิพิรุณเข้าไปในหอคอยทมิฬ หากเข้าตาจนถึงขั้นต้องใช้อำนาจของหอคอยทมิฬเขาก็ไม่สนใจ
แต่ทันใดนั้นเองร่างของเขาก็ต้องหยุดชะงัก
‘ตุบ!’
เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นอย่างบางเบา หากไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่มีทางได้ยิน ด้วยสัมผัสสวรรค์อันเฉียบแหลมของหลิงฮันเสียงที่ว่าได้เข้ามาในหูเขาอย่างไม่อาจเล็ดลอด
เสียงนั่น… ดังมาจากในเนินเขา!
เสียงที่ว่าคือเสียงหัวใจ!
ก่อนหน้านี้ภายในเนินเขาไม่มีเสียงอะไรดังเลยแม้แต่เสียงเดียว แต่ตอนนี้การที่เขาได้ยินเสียงหัวใจนั้นหมายความว่าอะไร?
ในที่สุดจักรพรรดินีก็ออกจากสภาวะบ่มเพาะพลังแล้ว?
ตุบ!
เสียงค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับลำแสงบางอย่างได้พุ่งออกจากเนินเขาทะยานขึ้นท้องฟ้า
พอถึงตอนนี้ทุกคนก็รู้สึกตัวทันที
จักรพรรดินีออกมาแล้ว?
ทุกคนหยุดมือและจ้องไปยังประตูหิน
ปัง!
ประตูหินถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ‘พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ’ เศษหินลอยกระเด็นไปทั่วทิศทางด้วยพลังที่รุนแรงจนทุกคนต้องหลบหรือไม่ก็ป้องกัน บางหวาดหวาดกลัวจนถึงขนาดลอยหนีขึ้นบนอากาศ ร่างที่ปรากฏออกมายืนอยู่หน้าประตูหินคือสตรีที่งดงามหาใครเปรียบ
จักรพรรดินี!
‘หืม? ทำไมนางถึงออกมาคนเดียว แล้วราชินีทั้งเก้าล่ะ?’
มีเพียงหลิงฮันที่รู้สาเหตุ จักรพรรดินีเคยอธิบายว่าหากนางทะลวงผ่านระดับสำเร็จ ราชินีทั้งเก้าจะกลับมารวมเข้ากับนางเพื่อยกระดับพลังบ่มเพาะของนางให้สูงขึ้น
ระดับดาราขั้นสมบูรณ์!
หลิงฮันถอนหายใจโล่งอก แต่ถึงจักรพรรดินีจะทะลวงผ่านไม่สำเร็จก็ไม่ใช่ปัญหา หากเป็นเช่นนั้นทันทีที่เขาเห็นนางเขาจะนำนางเข้าไปหลบซ่อนตัวในหอคอยทมิฬทันที
“องค์จักรพรรดินี!” ฉีเชียวเซวี่ย ผู้อาวุโสซ้ายขวาและเหล่าแม่ทัพกลับมามีความหวังอีกครั้ง
“จักรพรรดินีหล่วนซิง!” ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วทำตาขึงขัง จักรพรรดินีคือปรมาจารย์ที่มีพลังทัดเทียมพวกเขา
“ฮึ่ม ตอนนี้เจ้าไม่สามารถใช้อำนาจแห่งจักรภพได้แล้ว แต่พวกข้าสามารถใช้อำนาจแห่งจักรภพเพื่อเพิ่มพลังต่อสู้ขึ้นอีกสามส่วน เจ้าไม่มีโอกาสชนะพวกข้า!” จักรพรรดิปี้ลั่วกล่าว “ครองคู่กับข้าแล้วจะยกบัลลังก์ให้เจ้า หากพวกเราร่วมมือกันการจะได้ครอบครองดาวดวงนี้ก็อยู่เพียงแค่เอื้อม”
“ไร้สาระ!” จักรพรรดิโจ้วเทียนรีบเอ่ยแทรก “อะไรที่เขาให้เจ้า ข้าก็ให้เจ้าได้เช่นกัน แถมข้ายังดีกว่าด้วย!”
‘ครืนน!’
จักรพรรดินียังไม่ทันได้กล่าวอะไร เมฆสีดำก็ก่อขึ้นบนท้องฟ้า
Anchor
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์?
‘เดี๋ยวก่อน จักรพรรดินีแห่งดาราบรรลุระดับดาราขั้นสูงสุดแล้ว หากนางต้องผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์อีกครั้งล่ะก็… ระดับวารีนิรันดร์!’
ตอนที่ 1422
จักรพรรดินียืนอย่างไม่หวาดหวั่น แม้ว่าทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์กำลังจะเริ่มนางก็ไม่หวาดกลัวและกวาดสายตามองไปรอบด้าน
เมื่อเมืองจักรพรรดิล่มสลาย ธงสัญลักษณ์ย่อมหายไปด้วย การที่นางไม่สามารถสัมผัสถึงอำนาจจักรภพได้ย่อมหมายถึงจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะถูกยึดครองไปแล้ว
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่นางต้องเก็บมาใส่ใจ
คนที่ทำให้นางรู้สึกเป็นห่วงได้มีเพียงบุรุษผู้เดียว!
สายตาของจักรพรรดินีหยุดค้างที่หลิงฮัน ภาพที่นางเห็นคือทั่วร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยโลหิตแม้กระทั่งแก่นพลังชีวิตก็ได้รับความเสียหาย ใบหน้าของนางแสดงออกถึงความเป็นทุกข์และเกรี้ยวกราดทันที
ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ว่าหลิงฮันต้องพยายามปกป้องนางไม่ให้ถูกรบกวนตอนกำลังบ่มเพาะพลังแน่นอน
นางรู้ว่าหลิงฮันมีหอคอยทมิฬ ตราบใดที่เข้าไปซ่อนภายในนั้นแม้แต่เซียนก็ไม่อาจหาตัวเขาพบ!
หลิงฮันปกป้องประตูหินเพื่อนาง
สำหรับสตรี นอกจากบุรุษเช่นนี้พวกนางจะต้องการอะไรอีก?
แม่ใบหน้าของจักรพรรดินีจะมีออร่าปั่นป่วนที่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของนาง แต่ทุกคนที่นี้ล้วนแต่เป็นปรมาจารย์ระดับดาราทั้งสิ้น ใครบ้างจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของจักรพรรดินี?
พวกเขาสามารถมองเห็นวันในขณะที่จักรพรรดิกำลังจ้องมองมายังชายหนุ่มผู้นี้ สีหน้าของนางแสดงออกถึงความห่วงใย?
พวกฉีเชียวเซวี่ยชะงักในใจ หลิงฮันกับติงหลีอันไม่ได้โกหก จักรพรรดินีเป็นคนรักกับหลิงฮันจริงๆ! แต่คำถามก็คือพวกเขาไปมีสายสัมพันธ์กันตอนไหน เท่าที่พวกเขารู้ทั้งสองมีโอกาสพบกันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
แต่พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจักรพรรดินีคือเผ่าเก้าอสรพิษที่สามารถแยกร่างออกมาเก้าร่างได้และหนึ่งในร่างแยกนั้นก็ได้มีปฏิสัมพันธ์กับหลิงฮันจนสุดท้ายจักรพรรดินีก็ถูกบีบบังคับจนเกือบต้องทำลูกกับหลิงฮัน
Anchor
จักรพรรดิโจ้วเทียนและเองก็สัมผัสได้เช่นกัน ความโกรธของพวกเขาพุ่งทะยานยิ่งกว่าเดิมนับสิบเท่า ไม่สิ พันเท่าหรืออาจจะหมื่นเท่า!
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้ยินเหมือนกันว่าหลิงฮันเรียกจักรพรรดินีว่าภรรยาข้า แต่ด้วยนิสัยของจักรพรรดินี พวกเขาจึงคิดว่าหลิงฮันเป็นเพียงบุรุษเพ้อฝัน เป็นไปได้อย่างไรที่จักรพรรดินีผู้สูงส่งจะหลงใหลในบุรุษเพศ?
หากนางจะยอมรับบุรษซักคน คนคนนั้นก็ต้องเป็นหนึ่งในพวกเขาสองจักรพรรดิ
แต่ความจริงที่ปรากฏอยู่ได้ตบหน้าพวกเขาอย่างจัง แววตาของพวกเขามัวหมองราวกับบุรุษที่อกหัก
แต่คนที่เป็นจักรพรรดิจะมีจิตใจที่บอบบางเหมือนกับกระจกได้อย่างไร ความเศร้าโศกของพวกเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น
ฆ่า! ต้องการรุ่นเยาว์ผู้นี้ให้ได้!
จักรพรรดิทั้งหมดเดือดดาลไปด้วยจิตสังหาร ถึงแม้ก่อนหน้านี้พวกเขาจะพยายามสังหารอย่างเอาเป็นเอาตายแต่นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาหวาดกลัวในศักยะภาพของหลิงฮัน แต่ในตอนนี้เป้าหมายของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสังหารเพราะหึงหวง ต่อให้หลิงฮันจะไม่มีพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวพวกเขาก็จะสังหารเขาให้ไวอยู่ดี
ตูม!
จักรพรรดิทั้งสองโจมตีพร้อมกันโดยไม่กลัวว่าจักรพรรดินีที่ปรากฏตัวออกมาจะขัดขวาง
เหตุผลนั้นง่ายมาก ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์กำลังจะเริ่มต้น จักรพรรดินีจะมีเวลามาขัดขวางพวกเขาได้อย่างไร? หากจะผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งวัน ป่านนั้นหลิงฮันก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
“รนหาที่ตาย!” จักรพรรดินีหล่วนซิงกล่าวพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารอันรุนแรง
นางยกมือขวาขึ้น ‘พรึบ’ ดวงดาราสี่ดวงปรากฏขึ้นด้านหลังของนางซึ่งไม่ต่างจากระดับดาราขั้นสูงสุดทั่วไป แต่ที่แตกต่างคือออร่าของนางที่ทรงพลังกว่าจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดอย่างจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วร้อยเท่าหรืออาจจะพันเท่า
เหลือเชื่อ จักรพรรดิทั้งสองบรรลุขั้นสูงสุดของระดับดาราแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขาขนาดนั้น?
ปัง! ปัง!
จักรพรรดิทั้งสองถูกซัดลอยกระเด็นไปพร้อมกัน ร่างของพวกเขาชุ่มไปด้วยโลหิตและใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” จักรพรรดินีหล่วนซิงไม่แม้แต่จะแยแสจักรพรรดิทั้งสอง ดวงตาของนางไม่ละห่างจากร่างของหลิงฮันแม้แต่วินาทีเดียว
พวกฉีเชียวเซวี่ยไม่อยากเชื่อในสายตาตนเอง ทางฝั่งของปรมาจารย์จากจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองก็เช่นกัน ใครบ้างจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของจักรพรรดินี
เมื่อเห็นสตรีที่งดงามหาผู้ใดเปรียบเป็นห่วงเป็นใยบุรุษคนหนึ่งมากขนาดนั้น เหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายที่จ้องมองอยู่ก็แทบบ้าคลั่ง!
แต่ว่าเหตุใดจักรพรรดินีถึงได้แข็งแกร่งเช่นนั้น? นางแข็งแกร่งเกินไป!
หลิงฮันยิ้มและกล่าว ‘ขอแค่เจ้าไม่เป็นอะไรข้าก็สบายดี”
จักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วรู้สึกอิจฉาอย่างหาอะไรเปรียบในขณะที่มองไปยังทั้งสองที่กำลังพลอดรักกัน
จักรพรรดินีพยักหน้าและกล่าว “พวกที่ทำร้ายเจ้า ข้าจะให้พวกมันชดใช้!”
“อืม” หลิงฮันพยักหน้า เขารู้ว่าหลังจากที่จักรพรรดินีทะลวงผ่านระดับดาราขั้นสมบูรณ์ อย่างน้อยในอาณาเขตดวงดาวนี้ย่อมไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกไปโดยไม่กังวล
พวกฉีเชียวเซวี่ยรู้สึกสลด จักรพรรดินี… นี่ท่านไม่เห็นพวกเราบ้างรึไง? ท่านจะมองเห็นคนคนเดียวอยู่ในสายตาไม่ได้!
‘ครืนนน!’
ทันใดนั้นเอง คลื่นสายฟ้าอันรุนแรงได้ทะยานลงมาจากฟากฟ้าเข้าใส่จักรพรรดินี
จักรพรรดิยกฝ่ามือขึ้นเหนือหัว ‘ตูม’ คลื่นสายฟ้าที่ฝ่าลงมาถูกฝ่ามือของนางกระแทกอย่างจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ
นี่มันเรื่องจริงรึ?
สามารถทำลายได้แม้กระทั่งคลื่นสายฟ้าของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์… นี่เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า?
ดวงตาของหลิงฮันส่องประกาย จักรพรรดินีไม่ได้เพิ่งบรรลุระดับดาราขั้นสมบูรณ์ชั้นต้นแต่เป็นชั้นสูงสุด!
เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะบรรลุชั้นสูงสุดทั้งๆที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับสมบูรณ์?
นั่นจะต้องเกี่ยวข้องกับร่างแยกทั้งเก้าเป็นแน่ คนอื่นอาจจะทะลวงผ่านขั้นพลังเดียวเพียงหนึ่งครั้ง แต่สำหรับจักรพรรดินี นางทะลวงผ่านขั้นพลังเดียวซ้ำกันถึงสิบครั้ง ชั้นพลังย่อยของนางจะบรรลุชั้นสูงสุดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
พลังของนางในตอนนี้เทียบเท่ากับระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น ด้วยเหตุนี้นางจึงสามารถรับมือกับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของระดับดาราได้อย่างง่ายดาย
ครืน! ครืน! ครืน!
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์กระหน่ำผ่าลงมาอย่างไม่สิ้นสุด แต่แค่จักรพรรดินีปล่อยฝ่ามือออกไปอย่างลวกๆ คลื่นสายฟ้าเหล่านั้นก็ถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย
เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ปรมาจารย์ทุกคนตกตะลึงจนสั่นสะท้านไปทั่วทั่งร่าง
พวกเขาไม่เคยเห็นใครรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์อย่างง่ายดายเช่นนี้มาก่อน… แต่นั่นก็เพราะพวกเขายังไม่เคยเห็นหลิงฮันตอนรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ไม่เพียงแค่เขาจะใช้อำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์มาขัดเกลากายหยาบ แต่เขายังนำมันมาเป็นพลังของตัวเองอีกด้วย
“ต่อให้พวกเจ้าบุกรุกจักรวรรดิของข้า ข้าก็ไม่สนใจ!”
“ต่อให้พวกเจ้าสังหารคนของข้ามากมายขนาดไหน ข้าก็ไม่แยแส!”
“แต่หากเจ้าทำร้ายเขา ข้าไม่มีวันทนอยู่เฉย!”
จักรพรรดินีกล่าวในขณะที่ร่างอาบไปด้วยสายฟ้า นางก้าวเดินไปยังจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วด้วยสีหน้าเย็นชา
จะยึดครองจักรวรรดิหรือสังหารคนของนางก็ไม่ใช่ปัญหา! ที่จักพรรดินีพูดหมายความว่าอย่างไร?
หลิงฮันสำคัญกว่าจักรวรรดิและประชากรของนาง!
พวกฉีเชียวเซวี่ยมีสีหน้าสลด จักรพรรดินีสนใจใยดีความความพยายามและความซื่อสัตย์ของพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ทุกคนในจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะต่างหลั่งเลือดในสงคราม แต่ทำไมถึงมีเพียงหลิงฮันคนเดียวที่ได้รับความชื่นชอบจากจักรพรรดินี?
ท่านพูดแบบนั้นท่านไม่คิดว่าคนในจักรวรรดิจะเสียใจบ้างรึไง? ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะแล้วก็ตามที
ตอนที่ 1423
จักรพรรดินีสะบัดมือ ‘พรึบ’ คลื่นพลังที่ไม่อาจต้านทานระเบิดออกมา ‘โพล๊ะ โพล๊ะ โพล๊ะ’ พริบตาเดียวร่างของปรมาจารย์ระดับดารานับสิบคนก็ระเบิดเป็นหมอกโลหิต
อั่ก! อั่ก!
จักรพรรดิโจ้วเทียนกับจักรพรรดิปี้ลั่วกระอักโลหิตออกมาและมองหน้ากัน
จักรพรรดินียังผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไม่เสร็จแท้ๆ เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?
ด้วยพลังบ่มเพาะของพวกเขากับอำนาจแห่งจักรภพยังไม่อาจต้านทานแม้แต่หนึ่งฝ่ามือของจักรพรรดินี!
เป็นไปได้อย่างไร?
อีกฝ่ายไม่สามารถชี้นำอำนาจแห่งจักรภพไปใช้งานได้แท้ๆ!
จักรพรรดิทั้งสองจ้องมองไปที่หลิ.ฮัน หากไม่ใช่เพราะรุ่นเยาว์ผู้นี้ผลลัพธ์คงไม่เป็นแบบนี้
หากพวกเขาพังประตูหินได้ทันจักรพรรดินีก็จะไม่สามารถทะลวงผ่านระดับได้ และหากถูกรบกวนในขณะที่กำลังบ่มเพาะพลังจักรพรรดินีก็จะถูกพลังของตนเองตีย้อนกลับ หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็จะสามารถสยบจักรพรรดินีได้อย่างง่ายดาย
ดูจากท่าทางของจักรพรรดินี ไม่เพียงนางจะต้องการสังหารพวกเขาอย่างเดียว แต่แม้กระทั่งร่างกายของพวกเขานางก็คงบดขยี้ไม่เหลือซาก ด้วยการที่พวกเขาเป็นจักรพรรดิที่อยู่เหนือผู้อยู่มาเป็นเวลานาน พวกเขาย่อมรู้อยู่แกใจว่าตัวตนเช่นพวกเขาไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่หากตัดสินใจสังหารใครแล้ว ดังนั้นจักรพรรดิทั้งสองจึงไม่คิดจะร้องขอความเมตตาและเพ่งสายตามองไปยังหลิงฮัน
หากพวกเขาจะตายก็ต้องลากหลิงฮันไปสู่จุดจบด้วย
หากพวกเขาไม่ได้ครอบครองจักรพรรดินี เจ้าหนูนี่ก็ต้องไม่ได้เช่นกัน!
“ฆ่า!”
จักรพรรดิทั้งสองตะโกนพร้อมกัน พวกเขากระตุ้นใช้งานอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เต็มพลังและปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับดาราออกมาพร้อมกับโจมตีเข้าใส่หลิงฮัน
นี่คือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขา
แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้จักรพรรดินีในตอนนี้จะมีพลังบ่มเพาะระดับดาราแต่พลังต่อสู้ของนางนั้นข้ามขั้นไปเป็นระดับวารีนิรันดร์แล้ว
‘พรึบ’ จักรพรรดินียกมือขึ้นอยากลวกๆ ทันใดนั้นร่างของจักรพรรดิทั้งสองก็หยุดชะงักถูกตรึงเอาไว้จนแทบจะขยับไม่ได้ ไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่ได้ผล
“บังอาจทำร้ายคนรักของข้า พวกเจ้ารนหาที่ตายเอง!” เส้นผมสีดำของจักรพรรดินีสยายออก เสื้อคลุมของเขาสะบัดพลิ้วไหว แม้ท่าทีของนางจะกำลังโกรธเกรี้ยวแต่กลับยังงดงามไม่น่ากลัวแม้แต่น้อย
ทันที่ได้ยินคำกล่าวของนาง ทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง
ถึงแม้ทุกคนจะรู้อยู่แล้ว แต่ด้วยนิสัยของจักรพรรดินีไม่น่าเชื่อว่านางจะเป็นคนกล่าวออกมาเองอย่างไม่ปิดบังว่าว่าหลิงฮันเป็นคนรักของนาง
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือของจักรพรรดินีสะบัดไปยังอากาศที่ว่างเปล่า ใบหน้าของจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วถูกตบพร้อมกัน
“ข้าจะบดขยี้ซากศพของเจ้าและนำไปให้สุนัขป่ากิน!”
จักรพรรดินีกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด ความรู้สึกโมโหของนางไม่ได้ลดลงเลย ตรงกันข้ามกลับจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นด้วยซ้ำ ในตอนแรกนางกังวลเพียงแค่เรื่องอาการบาดเจ็บของหลิงฮัน แต่เมื่อความกังวลนั้นหายไปความคิดอื่นก็เข้ามาในหัวนางแทน
หากตอนที่นางออกมา หลิงฮังตายไปแล้วล่ะ?
เพียงแค่คิดเรื่องนี้ดวงตาของจักรพรรดินีก็เปลี่ยนเป็นแดงฉาน ผมยาวดำของนางสยายออกด้วยจิตสังหาร แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกรี้ยวกราด
ถ้าหลิงฮันตาย นางจะสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของดาวเหอหนิงเพื่อหลิงฮัน!
เพี๊ยะ!
จักรพรรดินียังคงตบหน้าสองจักรพรรดิต่อไปโดยที่ไม่ออมแรง ยิ่งนางตบตีใบหน้าของสองจักรพรรดิก็ยิ่งปูดบวม ผ่านไปสักพักสองจักรพรรดิก็ทนไม่ไหว พวกเขากระอักโลหิตบ้วนฟันที่แตกหักออกมา สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงในตอนนี้ทำให้ทั้งสองคนดูเหมือนจักรพรรดิแม้แต่น้อย
จักรพรรดินีไม่หยุดมือ แม้เสียงของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จะกระหน่ำผ่าลงมาอย่างต่อเนื่องแต่เสียงตบด้วยฝ่ามือของนางก็ยังดังก้องกังวาล
ความเกรี้ยวกราดของจักรพรรดินีเพิ่มขึ้นไม่หยุด แม้นางจะอยากสังหารสุนัขสองตัวนี้ให้ตายขนาดไหนก็ไม่อาจปล่อยให้ทั้งสองตายไปอย่างสบาย ดังนั้นนางจึงควบคุมพลังเอาไว้ และในขณะเดียวกันดวงตาของนางก็จดจ้องไปยังเหล่าปรมาจารย์ระดับดาราของอีกสองจักรวรรดิ ทันทีที่นางชี้นิ้วไปยังปรมาจารย์เหล่านั้น ‘โพล๊ะ โพล๊ะ โพล๊ะ’ ร่างของพวกเขาก็แหลกสลายกลายเป็นหมอกโลหิต
นี่คืออำนาจของจักรพรรดินี ในระดับพลังเดียวกันนางคือตัวตนไร้เทียมทาน
“จักรพรรดินีจงเจริญ!” พวกฉีเชียวเซวี่ยเอ่ยตะโกนด้วยความตื่นเต้น
นี่คือผู้นำของพวกนาง เพียงหนึ่งการโจมตีสามารถสังหารศัตรูได้มากมาย จักรพรรดินีผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก!
จักรพรรดิทั้งสองมองหน้ากันและเผยสีหน้าแห่งความสิ้นหวัง
พลังของพวกเขากับจักรพรรดินีนั้นต่างกันจนถึงระดับที่ไม่อาจคาดเดา แม้แต่จะตายอย่างสบายพวกเขาก็ยังทำไม่ได้
ฮึ่ม! จักรพรรดิไม่อาจถูกทำให้ความอัปยศ!
จักรพรรดิทั้งสองคำรามและตอบโต้
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้คิดจะสู้เป็นตายกับนาง พวกเขาตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ทำให้ตนเองตายอย่างสงบ ตามหลักของกฎแห่งสวรรค์และปฐพี หากโจมตีคนที่กำลังรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ผู้ที่โจมตีก็จะต้องรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ตามไปด้วย
หากได้รับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ พวกเขาย่อมสามารถควบคุมความตายของตัวเองได้
‘ครืนน’ ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์แยกออกมาสองส่วน พลังของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ทั้งสองถูกลดให้เทียบเท่ากับระดับพลังบ่มเพาะของสองจักรพรรดิ
แววตาของจักรพรรดินีหรี่ลง พวกเจ้าคิดจะฆ่าตัวตาย?
‘ครืนน’ ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ผ่าลงมา ซึ่งเป้าหมายก็คือสองจักรพรรดิ
จักรพรรดิทั้งสองแสดงสีหน้าราวกับกำลังหลุดพ้น ทีนี้พวกเขาจะได้ตายเสียที
จักรพรรดิก็ยังมีความภาคภูมิใจในฐานะจักพรรดิ หากจะตายก็ต้องตายให้สมเกียรติ
พรึบ!
มือปราณก่อเกิดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศและโอบล้อมร่างของสองจักรพรรดิเอาไว้ มือปราณก่อเกิดนี้ทั้งงดงามและเรียบเนียนอย่างน่าอัศจรรย์
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่ผ่าลงมาถูกมือขนาดใหญ่บังเอาไว้ทำให้ร่างกายของจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
มือที่ว่า… คือมือของจักรพรรดินี!
ใครจะไปคาดคิดว่านางจะทำเช่นนี้?
ทำไมจักรพรรดินีถึงต้องปกป้องทั้งสองคนด้วย? ไม่ใช่ว่านางเป็นคนทำให้จักรพรรดิทั้งสองจนตรอกจนต้องทำแบบนี้เองหรอกรึ?
แต่ผ่านไปครู่หนึ่งทุกคนก็เข้าใจ
ที้จักรพรรดินีทำเช่นนี้ก็เพราะไม่ต้องการให้ทั้งสองคนตายง่ายเกินไปและจะค่อยๆทรมานไปอย่างช้าๆ
‘ครืนนน’ ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ระลอกต่อไปที่ผ่าลงมามีพลังมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า
นี่เป็นการแจ้งเตือนจากสวรรค์และปฐพี ใครก็ตามที่แทรกแซงทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คนผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษ
พลังที่เพิ่มขึ้นสิบเท่าของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์นั้นแม้แต่พลังของจักรพรรดินีก็ไม่อาจต้านทานได้ และนี่ก็เป็นเพียงการแจ้งเตือนครั้งแรกเท่านั้น หากจักรพรรดินียังลงมือต่อ พลังของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า พันเท่าหรืออาจจะหมื่นเท่า พลังของมันจะเพิ่มขึ้นจนกว่าผู้ที่แทรกแซงจะตกตาย
ดังเมื่อพลังของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เพิ่มขึ้น แม้แต่จักรพรรดินีที่หยิ่งทนงก็ไม่กล้าที่จะลงมือต่อ
ตอนที่ 1424
จักรพรรดินีไม่ลงมือต่อ จักรพรรดิทั้งสองรับยอมรับความตายโดยไม่ต่อต้านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ร่างของพวกเขาถูกเผาเป็นเถ้าธุลีอย่างรวดเร็ว
“ฮึ่ม!” ความโกรธของจักรพรรดินียังไม่จางหาย จักรพรรดิบัดซบทั้งสองถูกทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์บดขยี้จนไม่เหลือแม้แต่เศษซากให้นางนำไปป้อนสุนัข
นางจ้องมองไปยังปรมาจารย์ระดับดาราของสองจักรวรรดิที่เหลือและลงมือ ‘โพล๊ะ โพล๊ะ โพล๊ะ’ แน่นอนว่าปรมาจารย์เหล่านั้นกลายเป็นหมอกโลหิตในพริบตา แม้แต่โอกาสร้องขอชีวิตพวกเขาก็ไม่มี
พวกฉีเชียวเซวี่ยตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จักรพรรดินีของพวกนางไร้เทียมทาน! นางเพียงคนเดียวสามารถบดขยี้ปรมาจารย์ของสองจักรวรรดิจนไม่เหลือแม้แต่ซาก
“องค์จักรพรรดินี!”
“องค์จักรพรรดินี!”
จักรพรรดินีไม่แม้แต่จะต้องมองพวกฉีเชียวเซวี่ย นางยิ้มให้กับหลิงฮัน “รอข้าสักครู่!”
พรึบ!
นางเหินขึ้นท้องฟ้าเพื่อรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ต่อ ยิ่งเวลาผ่านไปทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็จะยิ่งทรงพลังขึ้น ถึงแม้นางจะไม่หวั่นเกรงแต่นางกลัวว่าหลิงฮันจะได้รับผลกระทบไปด้วยจึงลอยขึ้นไปรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์บนฟ้า
ด้วยอำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ บาดแผลของหลิงฮันจึงฟื้นฟูขึ้นมากแล้ว
เขาลุกขึ้นยืนและนำจักรพรรดิพิรุณออกมา “พี่สอง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ก็ยังไม่ตาย!” จักรพรรดิพิรุณหัวเราะ ใบหน้าของเขาประดับเอาไว้ด้วยความพึงพอใจ “หลังจากการต่อสู้นี้วิถีวรยุทธของข้าก้าวหน้าไปอีกขั้น ระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นกลางคงอยู่อีกไม่ไกล”
หลิงฮันพยักหน้า ประสบกาณณ์การต่อสู้อันดุเดือดได้แปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจในวิถียุทธที่ช่วยเกื้อหนุนให้จักรพรรดิรุณก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ต่อให้ไม่มีเม็ดยาของเขาคอยสนับสนุน ความสำเร็จในวิถียุทธของจักรพรรดิพิรุณก็ไม่มีทางธรรมดาสามัญ
เขาเป็นเพชรที่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็จะเจิดจรัส
“ผู้อาวุโสสวี” หลิงฮันมองไปยังสวีเหลินที่ก่อนหน้านี้คอยช่วยตรึงจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดเอาไว้ให้
ปากของสวีเหลินกระตุกและมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าตกตะลึง
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมหลิงฮันถึงกล้าบอกว่าจะขอร้องจักรพรรดินีให้ปลดผนึกพลังบ่มเพาะให้แก่เขา ที่แท้ทั้งสองก็เป็นคู่รักกันนี่เอง!
เขาเผลอกังวลไปเองว่าหากหลิงฮันทำเช่นนั้นจริงๆเขาจะถูกจักรพรรดินีทุบตี
“จะ จะ เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!” สวีเหลินยดกนิ้วโป้งให้หลิงฮัน การที่สามารถครองหัวใจของขจักรพรรดินีได้เป็นความสำเร็จที่ควรค่าแก่การชมเชย
พวกเชียวเซวี่ยไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้พวกหลิงฮันเนื่องจากพวกเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ
พวกหลิงฮันทั้งสามคนนี้ใครบ้างที่ไม่มีพลังต่อสู้ระดับดาราขั้นสูงสุด? เทียบกับพวกนางที่เป็นเพียงระดับดาราขั้นต้นแล้ว ความแตกต่างระหว่างพวกนางกับพวกหลิงฮันนั้นกว้างใหญ่ราวกับสวรรค์และปฐพี
“ได้เวลาจัดการความวุ่นวายที่เหลือแล้ว”
“ปรมาจารย์ระดับดาราของทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์ตกตายกันเกือบหมด ถึงเวลาที่จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะของพวกเขาจะเป็นผู้ปกครองดาวดวงนี้เสียที”
“ความรุ่งโรจน์ตลอดกาล!”
ฉีเชียวเซวี่ยและคนอื่นตื่นเต้นอย่างมาก ใครจะไปคิดว่าพวกเขาที่เกือบตาย สุดท้ายสถานการณ์จะกลับตาลปัตรเช่นนี้?
นอกจากฉีเชียวเซวี่ยที่ยังอยู่ที่นี่เพราะหน้าที่องครักษ์จักรพรรดินีแล้ว ผู้อาวุโสซ้ายขวาและแม่ทัพทั้งห้าต่างมุ่งหน้าไปจัดการความวุ่นวานที่เหลืออยู่
ครึ่งวันต่อมา จักรพรรดิก็ผ่านบททดสอบทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้สำเร็จและร่อนลงพื้น
“องค์จักรพรรดินี…”
พรึบ!
ฉีเชียวเซวี่ยเอ่ยปากเรียก แต่ทันใดนั้นจักรพรรดิก็สะบัดแขนเสื้อพาหลิงฮันเหาะเหินหายไป นางในตอนนี้ที่มีพลังต่อสู้ระดับวารีนิรันดร์ ความเร็วของนางจะรวดเร็วขนาดไหน?
“ฮ่าๆ คู่รักหนุ่มสาวเขาอยากจะคุยกับสองต่อสอง เจ้าจะไปยุ่งทำไม?” สวีเหลินหัวเราะ
จักรพรรดิพิรุณยิ้ม เขามีผู้สืบทอดมากมายตั้งแต่ที่อยู่บนโลกใบเล็ก เป้าหมายเพียงอย่างเดียวของเขาในตอนนี้คือวิถีวรยุทธ แม้เขาจะละทิ้งความรู้สึกรักชอบไปแล้ว จักรพรรดิพิรุณก็ยังหวังให้หลิงฮันจักรพรรดินีไปกันได้ดี เพราะอย่างไรจักรพรรดินีก็เป็นสตรีที่ยอดเยี่ยม
……
หลิงฮันและจักรพรรดินีมายังเนินเขาสีเขียวขจีแห่งหนึ่ง จักรพรรดินีกุมมือหลิงฮันเอาไว้ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ข้ากอดเจ้าได้รึไม่?” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“เจ้าบาดเจ็บ” จักรพรรดินีกล่าว แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้ปฏิเสธ “เอาไว้เจ้าหายบาดเจ็บแล้วข้าจะให้เจ้ากอด”
หลิงฮันจิตใจสั่นไหวจนแทบจะกลายเป็นหมาป่าหิวโหย แต่ถึงจะอยากกินสตรีงามล่มเมืองผู้นี้ขนาดไหนเขาก็ต้องกัดฟันทนไว้ การต่อสู้ที่ผ่านมาเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก หยดวารีนิรันดร์ถูกใช้จนหมด แม้กระทั่งกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านก็ยังถูกนำออกมาใช้ และสุดท้ายเขาก็ถึงกับต้องเผาผลาญพลังชีวิตของตนเอง
ตอนนี้เขามีพลังอยู่ชีวิตเหลืออยู่อย่างน้อยไม่กี่ล้านปี!
หลิงฮันไม่สนใจเรื่องนี้เสียเท่าไหร่ ตัวเขายังมีอายุที่น้อยมาก ยังมีโอกาสอีกมากมายที่จะได้พบสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้ ยิ่งกว่านั้นเขาก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่าตนเองต้องไปยังดินแดนแห่งเซียนได้สำเร็จ ในดินแดนแห่งนั้นอายุขัยของจอมยุทธจะไม่มีขีดจำกัดอีกต่อไป
หลิงฮันกล่าว “ภรรยาข้า ขอข้าจูบเจ้าได้รึไม่?”
จักรพรรดินีส่ายหัว หลิงฮันที่เห็นเช่นนั้นก็ผิดหวังทันที แต่ในตอนนั้นจักรพรรดินีได้ก้มหัวลงมาและจูบไปที่ปากหลิงฮัน “เจ้าบาดเจ็บอยู่ ข้าจะเป็นคนจูบเอง”
หลิงฮันมีความสุขและเอื้อมไปกุมมืออันเนียนนุ่มของจักรพรรดินี
จักรพรรดินีไม่ขัดขืน นางกุมมือเขาตอบและกล่าว “ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เจ้าไปอยู่ไหนมา มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?”
หลิงฮันเล่าเรื่องต่างๆออกไปคร่าว มีเหตุการณ์อย่างเหตุการณ์ที่ทำให้จักรพรรดินีมีน้ำโหขึ้นมาทันที
มีคนกล้ารังแกคนรักของนางงั้นรึ?
“แล้วเจ้ามีแผนการจะทำอย่างไรต่อไป?” หลิงฮันเอ่ยถาม
“แน่นอนว่าต้องไปสำนักละอองดารากับเจ้า” จักรพรรดินีกล่าวโดยไม่คิด “ข้าไม่มีทักษะบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ ต่อให้ข้าจะยังสามารถพัฒนาระดับพลังต่อไปได้แต่มันก็ช้าเกินไป”
“ยิ่งกว่านั้นเหตุผลที่ข้าก่อตั้งจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะขึ้นมาก็เพื่อสร้างอำนาจแห่งจักรภพและเพื่อให้ราชินีทั้งเก้าบรรลุระดับดาราขั้นสูงสุดให้เร็วที่สุด”
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “อืม พวกเราจะไปสำนักละอองดาราด้วยกัน เพียงแต่ว่าปัญหาที่ยังเหลืออยู่ที่นี่พวกเราต้องสะสางให้เสร็จสิ้นเสียก่อน”
“ทำไมกัน?” จักรพรรดินีถามด้วยท่าทางมึนงง
หลิงฮันรู้สึกราวกับจะเป็นบ้า จักรพรรดินีผู้นี้ช่างไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย
ตอนที่ 1425
ในเมื่อจักรพรรดินีไม่สนใจเรื่องจักรวรรดิ รึว่าหลิงฮันจะต้องเป็นคนทำหน้าที่แทน? เขาต้องช่วยผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายขวาในการจัดการรูปแบบการปกครองและฟื้นฟูอาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะรวมไปถึงบุกยึดครองจักรวรรดิราชวงศ์อีกสองจักรวรรดิ
งานของที่ว่าไม่ใช่งานที่จะเสร็จในเวลาวันสองวัน แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปี
ดังนั้นหลิงฮันจึงโยนหน้าที่นี้ไปให้คนอื่นเหมือนกัน…
หลิงฮันขอให้จักรพรรดินีปลดผนึกให้กับสวีเหลิน ส่วนสมบัติที่ยืมมาก็ถูกนำกลับคืนไปยังห้องสมบัติของจักรวรรดิ
สตรีของสวีเหลินก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเช่นกัน นางเป็นสตรีงดงามที่มีรูปลักษณ์อยู่ในช่วงอายุยี่สิบปี ชื่อของนางคือเฉินเสี่ยว ท่าทีอันอ่อนน้อมของนางทำให้ผู้ที่อยู่รอบข้างรู้สึกผ่อนคลาย ไม่น่าแปลกใจที่นางจะสามารถครองหัวใจของสวีเหลินได้
ต้องรู้ก่อนว่าสวีเหลินนั้นเป็นหนึ่งในอัจฉริยะแห่งยุคสมัย ด้วยระยะเวลาเพียงสองแสนปีก็สามารถบรรลุระดับดาราขั้นสูงสุดได้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายขนาดไหนที่อิจฉาความสำเร็จนี้
แต่ก็แน่นอนว่าเขายังด้อยกว่าราชาในหมู่ราชาอย่าง ฉือหวงและเป่ยหวง
เขาจะสามารถเข้าร่วมสำนักละอองดาราได้รึไม่นั้นก็พูดยากอยู่พอสมควร
หลิงฮันกลับไปยังจักรวรรดิต้าหลิงพร้อมกับจักรพรรดินี ทันใดนั้นเองเหล่าราชาของทุกเมืองในจักรวรรดิต้าหลิงก็ตื่นตัว
นี่มันเรื่องอันใดกัน… จักรพรรดินีกลายเป็นคนรักของหลิงฮัน?
จักรวรรดิต้าหลิงของพวกเขาอยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ จักรพรรดินีคือผู้นำของพวกเขา หากนางแต่งงานมีสามีไม่ได้หมายความว่าอาณาเขตทั้งทั่วจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะจะตกเป็นของหลิงฮันหรอกรึ?
หมายความว่าจักรวรรดิต้าหลิงจะยิ่งใหญ่ที่สุด?
จักรพรรดิของพวกเขาช่างยอดเยี่ยม!
มีบางคนมีความสุขก็ย่อมมีบางคนที่เป็นทุกข์ ซึ่งก็คือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์
นางได้ยินมานานแล้วว่าจักรพรรดินีนั้นเป็นสตรีที่งดงามหาใครเปรียบ แต่จนกระทั่งได้มาเห็นด้วยตาตัวเองนางไม่ได้นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะงดงามเพียงนี้ ขนาดนางที่เป็นสตรีเหมือนกันก็ยังอดไม่ได้ที่หัวใจจะสั่นไหว
นางเป็นกังวลว่าหัวใจทั้งหมดของหลิงฮันจะถูกจักรพรรดินีขโมยไป
เพียงแต่ว่าหลังจากที่ได้คุยกับจักรพรรดินีอยู่พักหนึ่งสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็เปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว นางไม่ปฏิเสธจักรพรรดินีอีกต่อไปและเรียกอีกฝ่ายว่าพี่สาว
เสน่ห์ของจักรพรรดินีรุนแรงเป็นอย่างมาก ไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เพียงคนเดียว แม้กระทั่งพี่ชายของเขาอีกสองคนและลูกศิษย์ทั้งหกก็ยังถูกจักรพรรดินีกำราบจนเรียกนางว่านายหญิง มีเพียงจักรพรรดิพิรุณคนเดียวเท่านั้นที่พอจะเมินเฉยต่อเสน่ห์จักรพรรดินีได้
หลิงฮันตั้งใจพักอาศัยอยู่ในจักรวรรดิต้าหลิงอีกห้าสิบปีก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเขตดวงดาวแสงคงกระพัน
ในช่วงเวลาห้าสิบปีนี้เขาจำเป็นต้องห้าเมล็ดพันธุ์ที่ดีในการสืบทอดจักรวรรดิต้าหลิง ในอนาคตที่เขากลับมาเขาไม่ต้องการเห็นจักรวรรดิต้าหลิงที่เสื่อมถอยแต่เป็นจักรวรรดิต้าหลิงที่รุ่งโรจน์
จักรพรรดินีกล่าวว่าไม่ต้องไปสนใจเรื่องพวกนี้ ตอนนี้ทั่วทั้งดาวเหอหนิงอยู่ในกำมือของนางแล้ว หากนางต้องการล่ะก็นางสามารถบุกไปทำลายได้แม้กระทั่งดวงดาวที่อยู่ในอาณาเขตใกล้เคียง แต่ถึงอย่างนั้นนางก็โยนการจัดการทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของหลิงฮัน
หลิงฮันไม่ถนัดด้านการดูแลเมืองหรือจักรวรรดิดังนั้นเขาจึงโยนหน้าที่ทั้งหมดไปให้กับญาติของเขา เพราะอย่างไรก็ยังมีผู้อาวุโสซ้ายขวาคอยช่วยเหลืออยู่จึงไม่น่าเป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหาอะไร
อีกห้าสิบปีข้างหน้า มีคนจำนวนไม่มากที่หลิงฮันตั้งใจจะพาไปยังสำนักละอองดาราเนื่องจากเงื่อนไขในการเข้าร่วมสำนักนั้นยากลำบากเป็นอย่างมาก ผู้เข้าทดสอบจำเป็นต้องบรรลุขั้นสมบูรณ์อย่างน้อยหนึ่งระดับ ซึ่งตัดจอมยุทธเก้าในสิบส่วนของดาวงดวงนี้ทิ้งไปได้เลย
แถมนี่ยังเป็นเพียงเงื่อนไขต่ำสุดในการเข้าทดสอบ จอมยุทธที่จะถูกเลือกให้เข้าร่วมกับสำนักต้องเป็นอัจฉริยะหนึ่งร้อยคนที่แข็งแกร่งที่สุดหรือก็คือราชาในหมู่ราชา!
ในการเข้าร่วมสำนักละอองดารานั้นแม้แต่เป่ยหวงกับฉือหวงก็ยังไม่กล้าตบหน้าอกอย่างมั่นใจว่าจะสามารถเข้าร่วมได้สำเร็จ
ดังนั้นหลิงฮันจึงพาคนเพียงไม่กี่คนที่บรรลุขั้นสมบูรณ์ติดตามไปด้วยซึ่งนอกจากเขาแล้วก็มี จักรพรรดินีหล่วนซิง สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ จักรพรรดิพิรุณ ติงผิง จิ่วเยาและสวีเหลิน ครั้งนี้พี่ใหญ่เฟิงโปหยุนกับพี่สามมู่หลงชิงต้องอยู่ในจักรพรรดิต้าหลิงต่อไป
การจะบรรลุขั้นสมบูรณ์ได้นั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือพรสวรรค์ หากไร้พรสวรรค์ต่อให้มีความพยายามร้อยเท่าล้านเท่าก็ไร้ความหมาย
คนเราไม่ได้เท่าเทียมกันมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว
หลังจากเก็บตัวบ่มเพาะพลังในหอคอยทมิฬ เวลาผ่านไปเพียงเจ็ดปีก็มีเมล็ดพันธุ์สองคนที่หลิงฮันคัดเลือกมาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราได้ หลิงฮันนำเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งออกมาให้พวกเขาพัฒนาระดับพลังต่อไป
ต่อให้ไม่ได้หลอมกายาด้วยเพลิงนิรันดร์ เม็ดยาปราณโลหิตคลั่งก็สามารถกินได้หนึ่งเม็ดในสามปี ช่วงระยะห้าสิบปีนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่เมล็ดพันธุ์ทั้งสองจะบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดหรืออาจะทะลวงผ่านระดับดารา
ตราบใดที่ทั้งสองบรรลุระดับดารา พวกเขาก็จะมีสถานะทัดเทียมกับผู้อาวุโสซ้ายขวาและไม่ต้องกังวลว่าจะถูกพวกเขาบงการ
คังซิวหยวนและหยุนหย่งหวังฝึกฝนหลอมเม็ดยาอย่างเอาเป็นเอาตาย หลิงฮันมอบหมายภารกิจให้พวกเขาคือต้องกลายเป็นนักปรุงยาระดับแปดให้ก่อนก่อนเขาจะจากไป!
พลังบ่มเพาะของเจียนเยว่ซวนและคนอื่นเองก็ยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งทุกคนสามารถทะลวงผ่านชั้นพลังย่อยได้ทุกๆสามปี และที่สำคัญก็คือใบของต้นสังสารวัฏสามารถนำไปต้มเป็นชาที่ช่วยเสริมความเข้าใจในวิถียุทธได้
สะสมปราณก่อเกิดด้วยเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งและทำความเข้าใจระดับพลังบ่มเพาะด้วยชาจากใบของต้นสังสารวัฏ ภายในหอคอยทมิฬที่หนึ่งวันเท่ากับหนึ่งปี ตราบใดที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี ในระยะเวลาไม่กี่ปีนี้ระดับพลังบ่มเพาะของพวกเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
สิ่งที่ทำให้หลิงฮันหดหู่คือสมุนไพรสำหรับหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งมีไม่พอ
แถมต้นสังสารวัฏก็สามารถรองรับจอมยุทธได้เพียงสิบคน แต่ตอนนี้มีสหายของเขามากมายที่ต้องการทำความเข้าใจภายใต้ต้นสังสารวัฏ โชคดีที่ใบของต้นสังสารวัฏสามารถนำไปต้มเป็นชาได้ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้พอดิบพอดี
ยิ่งกว่านั้นกลุ่มของพวกเขาก็มีปรมาจารย์นักปรุงยาอยู่ถึงสามคนโดยเฉพาะหลิงฮันที่เป็นจักรพรรดิแห่งศาสตร์ปรุงยา หลังจากยึดครองทรัพยากรของอีกสองจักรวรรดิราชวงศ์มาแล้ว ทั้งสามก็หลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ได้จำนวนมาก
ถึงแม้ประสิทธิภาพของพวกมันจะไม่เทียบเท่าเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งแต่ก็ถือว่ายอดเยี่ยม ดังนั้นระดับวรยุทธของจักรวรรดิต้าหลิงจึงเติบโตด้วยความเร็วที่บ้าคลั่ง
พลังของหลิงฮัน สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และจักรพรรดิพิรุณเองก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน มีหลิงฮันที่เป็นจักรพรรดิปรุงยาอยู่ทั้งคน พวกเขาจะไม่มีเม็ดยากินได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นก่อนหน้านี้ที่เข้าไปยังถ้ำจ้าวสมุนไพร เขาก็เก็บเกี่ยวสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มาได้จำนวนมหาศาล
เมื่อสมุนไพรมาอยู่ในมือเขาย่อมไม่มีทางถูกทำให้สูญเปล่า
ในขณะเดียวกัน แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบได้ถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ทั่วทั้งดาวเหอหนิงแต่เขายังซื้อพวกมันมาจากทั่วทั้งเขตดวงดาวบริเวณนี้ โดยร้านค้าตระกูลโม่เป็นผู้ดูจัดการทุกขั้นตอนให้กับเขา
และแล้วระยะเวลาห้าสิบปีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 1426
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เวลาห้าสิบปีไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก
สำหรับจอมยุทธที่บรรลุระดับพระเจ้าแล้ว อย่าว่าแต่ห้าสิบปีเลย แม้จะผ่านไปห้าพันปีก็ยังไม่สามารถทะลวงผ่านได้แม้แต่ชั้นพลังย่อย เพียงแต่ว่าภายในจักรวรรดิต้าหลิง ห้าสิบปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก
จักรพรรดิพิรุณบรรลุระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด
หลิงฮันบรรลุระดับดาราขั้นกลางชั้นสูงสุด
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์บรรลุระดับดาราขั้นต้นชั้นสูงสุด
ติงผิงและจิ่วเจาบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์
เฟิงโปหยุน มู่หลงชิง เจียนเยว่ซวน คังซิวหยวน เฉินหลุยเจียง หยุนหย่งหวัง เฮ่อเหลียนเทียนหยุน อสูรศิลา เจ้ากระต่าย โสมเฒ่าและจักรพรรดิจอมอสูรบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด
ที่จริงก็ยังมีเหยียนเฮิงเหอ ช่างเย่และคนอื่นๆที่พัฒนาขึ้นมาเช่นกันแต่ไม่อาจเทียบได้กับเหล่าคนที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ คนที่พลังบ่มเพาะไม่มีการพัฒนาใดๆเลยมีเพียงจักรพรรดินีคนเดียวเนื่องจากนางบรรลุขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดของระดับดาราแล้ว นางจะยกระดับพลังได้ก็คือต้องทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์เท่านั้น
ด้วยการที่ไม่มีทักษะบ่มเพาะพลัง ต่อให้นางเป็นอัจฉริยะและมีการช่วยเหลือจากต้นสังสารวัฏนางก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหมื่นปีในการทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์
น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถทะลวงผ่านระดับดาราได้ แม้กระทั่งเมล็ดพันธุ์สองคนที่เขาเลือกมาก็เช่นกัน
สิ่งที่หลิงฮันพึงพอใจมากที่สุดก็คือดาบอสูรนิรันดร์ได้แข็งแกร่งเกินเขาไปแล้ว ในตอนนี้มันกลายเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเอ็ดเรียบร้อย แม้กระนั้นหลิงฮันก็รู้สึกหดหู่ไปพร้อมๆกัน กล่าวได้ว่าทรัพยากรทั้งหมดของดาวเหอหนิงได้ถูกใช้เพื่อพัฒนาดาบอสูรนิรันดร์ แต่ผลลัพธ์คือระดับของดาบอสูรนิรันดร์เพิ่มขึ้นมาเพียงหนึ่งระดับเท่านั้น หากจะขัดเกลาให้ดาบอสูรนิรันดร์พัฒนาขึ้นในระดับต่อไป… หลิงฮันไม่กล้าคิดถึงจำนวนทรัพยากรที่ต้องใช้เลย
บางทีหลังจากที่เขากลายเป็นตัวระดับเซียน เขาอาจจะท่องตระเวนไปทั่วจักรวาลเพื่อรวบรวมแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์มาขัดเกลาดาบอสูรนิรันดร์ให้กลายเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับนิรันดร์
ตอนนี้เมื่อสะสางทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วก็ถึงเวลาที่หลิงฮันจะออกเดินทาง
หลิงฮันส่งข่าวไปแจ้งสวีเหลิน ผ่านไปไม่กี่วันสวีเหลินก็มาหาเขาพร้อมกับภรรยา
“เอ่อ… พี่ชายสวี?” หลิงฮันกล่าวอย่างกระอักกระอ่วนเนื่องจากไม่สามารถเรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโส
ถึงแม้หัวของสวีเหลินจะเต็มไปด้วยเส้นผมสีขาว แต่ผิวของเขาในตอนนี้เรียบเนียนไม่เหลือร่องรอยความชราอีกต่อไป หากไม่ใช่เพราะผมสีขาวของเขา สวีเหลินย่อมเป็นบุรุษหล่อเหลาที่สตรีผู้ใดเห็นก็ต้องตกหลุมรักแน่นอน
หลังจากไม่เหลืออะไรแล้ว หลิงฮันก็ตัดสินใจออกเดินทาง
เมื่อเห็นถึงความจริงใจของสวีเหลินที่ยืนหยัดอยู่เคียงข้างเขาแม้จะเป็นสถานการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต หลิงฮันจึงนับสวีเหลินเป็นสหายที่แท้จริง
เขาบอกถึงการมีอยู่ของหอคอยทมิฬและต้นสังสารวัฏ
สวีเหลินหายสงสัยทันทีว่าทำไมหลิงฮันถึงได้บรรลุระดับดาราได้ก่อนอายุร้อยปี
น่าเสียดายที่ทุกคนไม่มีใครครอบครองทักษะบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์พวกเขาจึงต้องเข้าร่วมสำนักละอองดารา สถานที่แห่งนั้นมีตัวตนระดับเซียนขั้นสูงอยู่ แม้แต่เซียนหวู่เซียงเมื่อพบกับตัวตนระดับนั้นก็ต้องเรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโส
เซียนหวู่เซียงที่เป็นอดีตเซียนในตอนนี้เขาบรรลุระดับดาราแล้ว ความเร็วในการบ่มเพาะพลังเช่นนี้ทำให้หลิงฮันรู้สึกอิจฉาอย่างมาก
เซียนหวู่เซียงกล่าวว่าเขาเองก็ต้องการเข้าร่วมสำนักละอองดารา เขาไม่รู้สึกละอายใจแม้แต่น้อยที่จะได้ประลองฝีมือกับเหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งยุค
ด้วยเหตุนี้แล้วคนที่จะเดินทางไปพร้อมกับหลิงฮันในครั้งนี้คือ จักรพรรดินีหล่วนซิง สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ จักรพรรดิพิรุณ ติงผิง จิ่วเยา สวีเหลินและเซียนหวู่เซียง นอกจากคนเหล่านี้แล้วเฉินเสี่ยว หลี่ลั่วถง ติงจือจือ โสมเฒ่าและเจ้ากระต่ายก็ร่วมทางไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้พวกนางจะไม่สามารถเข้าร่วมสำนักละอองดาราได้พวกเขาก็ไม่ต้องการแยกกับครอบครัวของตนเอง
ส่วนในกรณีของโสมเฒ่าและเจ้ากระต่าย ทั้งสองเพียงต้องการไปก่อความวุ่นวานที่สำนักละอองดาราเท่านั้น
หลิงฮันคิดจะปฏิเสธทั้งสอง แต่เมื่อคิดว่าสุนัขตัวดำก็จะไปที่นั่นเช่นกัน โสมเฒ่ากับเจ้ากระต่ายก็คงไม่สามารถสร้างความวุ่นวายได้เทียบเท่าสุนัขตนนั้น
‘ครืนน’ อุปกรณ์บินแหวกเมฆาทะลวงชั้นบรรยากาศเหาะเหินขึ้นไปยังอวกาศอันมืดมิด
ที่ดาวเหอหนิงถึงแม้จะไม่มีสุดยอดปรมาจารย์คอยดูแลอยู่แล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่ข่าวการตายของจักรพรรดินีย่อมไม่มีใครกล้าสร้างปัญหา ไม่เช่นนั้นหากจักรพรรดินีกลับมาในภายหลังใครจะสามารถรับมือกับนางได้?
ผ่านไปสองปีอุปกรณ์บินแหวกเมฆาก็มาถึงดาวหยุนติ่ง
หลิงฮันไปยังตำหนักเป่าหลินก่อนเป็นอันดับแรกเนื่องจากสัญญาเอาไว้ว่าจะสอนหานซินเหยียนหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาจากไปอีกฝ่ายยังไม่สามารถหลอมเม็ดยาชนิดนี้ได้สำเร็จ แต่เขาที่เป็นคนรักษาสัญญาแม้จะผ่านไปเจ็ดสิบปีก็ยังต้องกลับมาสอนนางต่อ
เขาเดินเคียงข้างจักรพรรดินีและมาถึงสถานที่อันเป็นจุดหมาย
“หากท่านทั้งสองต้องการซื้อ… ปะ ปรมาจารย์หลิง!” ผู้ดูแลร้านเอ่ยทักทายลูกค้าตามปกติ แต่เมื่อรู้ว่าคนที่เข้าร้านมาคือหลิงฮัน ผู้ดูแลร้านก็ยิ้มด้วยความประหลาดใจทันที
หลิงฮันเป็นตัวแทนของตำหนักเป่าหลินสาขาอังหยวนที่ได้อันสองในการแข่งขันของตระกูลหลิน ชื่อเสียงของเขาโด่งดังจนเป็นที่จดจำมาถึงเมืองที่ห่างไกลเช่นเมืองนี้
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “แม่นางหลินอยู่ที่นี่รึไม่?”
“เหอๆ นายท่านของข้ากำลังรอท่านอยู่เลย” ชายผู้ดูแลร้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอ้?” หลิงฮันประหลาดใจ หลินอวีฉีรอคอยให้เขาให้คำชี้แนะกับหานซินเหยียน?
“ที่จริงนายท่านหญิงถูกเรียกตัวกลับไปตระกูลหลัก แต่นางยังคงยืนกรานว่าจะอยู่ที่ต่อเพราะนางเชื่อว่าวันหนึ่งปรมาจารย์หลิงจะกลับมา ซึ่งนางก็ไม่ได้คาดเดาผิดเลยจริงๆ” ชายผู้ดูแลกล่าว
หลิงฮันอดไม่ได้ที่แอบชำเลืองมองไปยังจักรพรรดินี ภรรยาของเขาคนนี้ไม่แสดงใบหน้าหึงหวงออกมาแม้แต่น้อยผิดกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ ใบหน้าของนางยังคงนิ่งสงบไม่แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดออกมาให้เห็น
แต่แน่นอนว่าด้วยออร่าปันป่วนที่ปกคลุมใบหน้าของนางเอาไว้ คนทั่วไปย่อมไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนางได้ ไม่เช่นนั้นชายผู้ดูแลคนนี้คงอึ้งกับความงดงามจนพูดอะไรไม่ออกไปแล้ว
“ปรมาจารย์โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปแจ้งให้นายหญิงทราบเดี๋ยวนี้” ชายผู้ดูแลรีบวิ่งไปกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับกล่าวให้หลิงฮันดีบจักรพรรดินีไปยังตำหนักภายใน ชายผู้ดูแลไม่มีสิทธิ์ที่จะเดินผ่านเข้าไปตำหนักภายในเขาจึงทำได้เพียงยืนจ้องมองอยู่ที่เดิม
พวกหลิงฮันเดินเข้าไปยังตำหนักภายในและพบเจอหลินอวีฉีในสวนขนาดย่อมแห่งหนึ่ง สตรีผู้นี้นั่งเอนกายขี้เกียจโดยไม่สวมรองเท้าเผยให้เห็นเท้าอันบอบบางและปราณีตราวกับหยกงาม
“โอ้ น้องชายรูปหล่อ ในที่สุดเจ้าก็มาหาพี่สาวแล้วรึ?”
ตอนที่ 1427
เวลาเกือบร้อยปีที่ผ่านมานี้ หลินอวีฉีไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
“อย่าได้เข้าใจผิด ข้ามาเพื่อดูว่าหานซินเหยียนหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้ถึงไหนแล้ว ข้าใช้เวลาไม่นานก็จะรีบจากไป” หลิงฮันไม่ต้องการยุแหย่สตรีเย้ายวนผู้นี้
หลินอวีฉีหันหน้ามอง “เหตุใดถึงรีบเช่นนั้น? หรือเจ้าจะไปสำนักละอองดารา?”
แม้แต่เรื่องนี้นางก็รู้?
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย ถึงแม้สตรีผู้นี้จะเรียกว่าเป็นอัจฉริยะในศาสตร์วรยุทธแต่นางก็ยังห่างไกลจากราชาในหมู่ราชา นางไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าร่วมสำนักละอองดารา
“เหอๆ ดูสิว่าพี่สาวใส่ใจเจ้าขนาดไหน เจ้าช่างจิตใจเย็นชานักที่ปล่อยให้พี่สาวรอนานขนาดนี้!” หลินอวีฉีแสร้งทำเป็นเศร้า “วันนี้เจ้าต้องชดเชยให้แก่พี่สาว!”
“เข้าเรื่องกันดีกว่า หานซินเหยียนอยู่รึไม่?” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่มีอารมณ์ร่วม
“เดี๋ยวก่อนสิ อย่างน้อยก็ให้พี่สาวช่วยอุ่นเตียงให้เจ้าเป็นอย่างไร?” หลินอวีฉีลุกขึ้นยืนและค่อยๆเดินอย่างยั่วยวนเข้าใกล้หลิงฮัน
‘ฉึบ’ จู่ๆก็มีมือหนึ่งจับข้อมืองามของนางเอาไว้
หลินอวีฉีตกตะลึง ในตอนแรกนางนึกว่าเป็นมือของหลิงฮัน แต่มือนี้เป็นมือเรียบเนียบและอ่อนนุ่มของสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายหลิงฮัน ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้พยายามสะบัดมือหนี นางกำลังตกตะลึว่าเหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!
นางชำเลืองมองไปยังอีกฝ่ายก่อนจะอ้าปากค้าง ในโลกนี้มีสตรีที่งดงามเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร? ดวงตาของนางเผยสีหน้าหลงไหลและพร้อมกับมีน้ำลายไหลออกมาจากปาก
เหลือเชื่อ…
นางเป็นสตรีที่งดงามมากคนหนึ่งแท้ๆ เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะลุ่มหลงในเสน่ห์ของสตรีอื่น?
หลินอวีฉีรู้สึกว่าขอแต่อีกฝ่ายเอ่ยคำขอออกมา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะออกคำสั่งอะไรนางก็จะทำตามแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นความตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด เสน่ห์ที่รุนแรงนี้คืออะไรกัน? แม้กระทั่งนางที่เป็นสตรีด้วยกันยังหลงขนาดนี้ หากเป็นบุรุษเพศไม่ใช่ว่าพวกเขาจะยอมแม้แต่คุกเข่าก้มหัวเพื่อแค่ได้มองข้อเท้าของอีกฝ่ายหรอกรึ?
หลิงฮันยิ้มในใจ หลินอวีฉีไม่รู้ว่าจักรพรรดินีนั้นมีเสน่ห์อันหาใครเทียบเคียง แม้กระทั่งสองจักรพรรดิก็ถึงขนาดยอมยกจักรวรรดิของตนเองให้กับนาง
“เจ้าคิดจะหลับนอนกับสามีข้างั้นรึ?” จักรพรรดินีอย่างอย่างไร้อารมณ์
“เอ่อ เรื่องนั้น…” แม้จะเป็นปีศาจสาวที่ชอบยั่วยวนผู้อื่น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดิท่าทีของนางกลับกลายเหมือนเป็นเพียงเด็กสาว
“ก็ได้ งั้นคืนนี้เจ้ามาร่วมเตียงกับพวกข้า!” จักรพรรดินีกล่าวบางสิ่งที่เหลือเชื่อออกมา “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะเป็นคนของตระกูลหลิงและต้องเรียกข้าว่าพี่สาว!”
“คือว่าเรื่องนั้น เอ่อ ข้าแค่ล้อเล่น!” หลินอวีฉีตกตะลึง จะให้นางไปร่วมเตียงด้วยคืนนี้? แถมยังต้องเรียกอีกฝ่ายว่าพี่สาว?
“โอ้?” จักรพรรดินีปลดปล่อยกลิ่นอายอันสูงศักดิ์และกล่าว “จงเรียกข้าว่าพี่สาว!”
หลินอวีฉีรีบระเบิดปราณก่อเกิดออกมาเพื่อดึงข้อมือออกจากมืออีกฝ่าย แต่ทันใดนั้นนางก็พบว่ามือที่กำลังจับนางเอาไว้นั้น นอกจากจะงดงามประณีตราวกับงานแกะสลักชั้นยอดแล้ว ยังทรงพลังจนนางไม่สามารถดึงข้อมือออกมาได้!
นางพยายามอยู่หลายต่อหลายครั้งโดยที่ใบหน้าของจักรพรรดินีนั้นยังคงสงบนิ่งราวกับไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมาย
พลังต่างกันเกินไป!
หลิงฮันส่ายหัว จักรพรรดินีขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์แล้ว แถมยังเป็นขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดอีกด้วย ที่สำคัญคือนางเป็นอัจฉริยะของเผ่าเก้าอสรพิษแห่งเผ่าสวรรค์บรรพกาลที่มาจากดินแดนนิรันดร์!
หากจะให้เทียบแล้วก็ลองดูอย่างตระกูลติงของติงจื่อเฉิน คนในตระกูลติงทุกคนสามารถใช้ทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีที่เป็นทักษะอันน่าสะพรึงกลัวได้ทุกคน
ต่อให้ระดับพลังของหลิงฮันเท่ากับจักรพรรดินี หากเขาต้องการเอาชนะนางก็ยังเป็นเรื่องยากและคงต้องพึ่งพลังป้องกันของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์จนกว่าพลังปราณของจักรพรรดินีจนถูกเผาผลาญจนหมด เช่นนั้นแล้วหลินอวีฉีจะสามารถต่อต้านจักรพรรดินีได้อย่างไร?
“พี่สาว!” หลินอวีฉีรีบเผยรอยยิ้มประจบประแจง ในที่สุดนางก็รู้ว่าไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่างหรือแม้กระทั่งนิสัยนางก็ไม่สามารถทัดเทียมอีกฝ่ายได้ แต่ความแค้นของสตรีนั้นสามปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย!
ตอนที่จักรพรรดินีไม่อยู่ ค่อยดูเถอะว่านางจะลวนลามหลิงฮันอย่างไร!
“ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น พี่สาวโปรดอย่าเก็บไปใส่ใจ!” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและกระพริบตาปริบๆ
แน่นอนว่าจักรพรรดินีย่อมไม่สนใจและกล่าวตอบ “ล้อเล่น? เจ้าหมายถึงเจ้ากำลังล้อเล่นกับข้า?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินอวีฉีหายไปทันที จิตสังหารที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมาทำให้นางต้องยอมศิโรราบ นางเผลอก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวโดยที่ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับสตรีตรงหน้าอีกต่อไป ใบหน้าของนางกระตุกพร้อมกับกล่าว “ขะ ข้าจะกล้าล้อเล่นกับพี่สาวได้อย่างไร!”
จักรพรรดินีจ้องมองหลินอวีฉีด้วยใบหน้าจริงจัง “ข้าไม่เคยล้อเล่นกับใคร ในเมื่อเจ้ากล้าล้อเล่นกับข้าเจ้าก็ต้องชดใช้! เจ้าต้องถูกลงโทษโดยการหลับนอนกับสามีของข้าคืนนี้!”
บ้าบอที่สุด!
หลินอวีฉีแทบจะกระอักโลหิตออกมา ทำไมเจ้าต้องให้ข้าไปหลับนอนด้วย? ข้าแค่พูดล้อเล่นเฉยๆเหตุใดต้องสร้างความลำบากให้ข้าขนาดนี้? นางยังคงฝืนยิ้มและกล่าว “พี่สาวช่างชอบพูดตลกเสียจริง!”
“ฮึ่ม!” จักรพรรดินีเค้นเสียง นางกุมมือของหลินอวีฉีอย่างเบาบางก่อนจะส่งผ่านปราณก่อเกิดเข้าไปในร่างหลินอวีฉี เจตจำนงยุทธของนางทำการผนึกพลังบ่มเพาะของหลินอวีฉีทันที
ด้วยพลังของนาง หลินอวีฉีจึงไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย
อะไรกัน!
หลินอวีฉีตกตะลึง หากพลังบ่มเพาะของนางถูกผนึกนางก็ไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป! หากนางถูกปลดเสื้อผ้าและจับโยนลงเตียงของหลิงฮันนางจะทำอย่างไร? นี่นางจะต้องถูกเด็กน้อยอย่างหลิงฮันปู้ยี่ปู้ยำจริงๆรึ?
“เอิ่ม เลิกคิดได้เลย ข้าไม่ยอมรับว่าตัวเองจะมีความคิดสกปรกเช่นนั้น!” หลิงฮันรีบกล่าว แค่มองหน้าหลินอวีฉีเขาก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
“พี่สาว ข้าผิดไปแล้ว!” หลินอวีฉีกล่าวโอดครวญไปยังจักรพรรดินี
“เจ้าสำนึกแล้วจริงๆรึว่าตนเองผิด?” จักรพรรดินีกล่าวอย่างไม่แยแสด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“สำนึกแล้ว” หลินอวีฉีกล่าวด้วยเสียงต่ำ นางกลัวจะถูกอีกฝ่ายลงโทษเป็นอย่างมาก
ตอนที่ 1428
หลินอวีฉีเป็นสตรีงดงามที่ชื่นชอบการเย้ายวนผู้อื่นโดยเฉพาะชายหนุ่มรุ่นเยาว์ที่ไร้ประสบการณ์ การทำให้พวกเขาเหล่านั้นเขินอายเป็นสิ่งที่ทำให้นางมีความสุข
แต่ตอนนี้นางกลับต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว ต่อให้พลังบ่มเพาะของนางจะกลับมานางก็ยังหวาดกลัวอยู่ดีเนื่องจากนางมีความรู้สึกว่าสตรีตรงหน้าไม่ได้พูดเล่น
หลิงฮันหัวเราะในใจก่อนจะกล่าว “หานซินเหยียนหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งสำเร็จรึยัง?”
“สำเร็จแล้ว” หลินอวีฉีกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรง นางเคยแต่หยอกล้อผู้อื่น แต่ตอนนี้กลับต้องกลายมาเป็นเหยื่อที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย นางจึงรู้สึกหดหู่มาก
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้จากไปอย่างสบายใจ จริงสิ ว่าแต่เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไปสำนักละอองดารา?”
“ทำไมเจ้าไม่ลองเข้ามาถามพี่สาวคนนี้ใกล้ๆล่ะ?” หลินอวีฉีเผลอตัวกล่าวยั่วยวนออกไปเหมือนปกติ แต่หลังจากที่หันไปเห็นจักรพรรดินี ท่าทีของนางก็กลับไปเป็นหวาดกลัวและรีบกล่าว “ในอดีต มีศิษย์ของเซียนซิงฉาเพียงคนเดียวที่เปิดรับลูกศิษย์ แต่ครั้งนี้ศิษย์ของเซียนซิงฉาทั้งเก้านั้นจะเปิดรับศิษย์กันทุกคน ด้วยเหตุนี้อัจฉริยะรุ่นเยาว์ผู้ใดบ้างจะไม่อยากลองทดสอบเข้าร่วมสำนักละอองดารา?”
“โอ้?” หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย หากเป็นเช่นนั้นจำนวนของผู้ผ่านการทดสอบเข้าร่วมสำนักก็คงเพิ่มขึ้น
“ก่อนหน้านี้สิทธิในการเข้าร่วมสำนักมีเพียงหนึ่งร้อยสิทธิเท่านั้น!” หลินอวีฉียกนิ้วขึ้นมาเก้านิ้ว “แต่ครั้งนี้สิทธิในการเข้าร่วมจะเพิ่มขึ้นเป็นเก้าร้อยสิทธิ แถมในหมู่เก้าร้อยคนที่ได้เข้าร่วมสำนักจะมีหนึ่งคนที่เซียนซิงฉาจะเป็นคนชี้แนะด้วยตัวเองและในอนาคตย่อมสามารถกลายเป็นเซียนได้อย่างแน่นอน”
“ใครบ้างจะต้านทานความยั่วยวนขนาดนั้นได้ไหว?”
อย่างที่หลินอวีฉีว่า ต่อให้เป็นAnchorเป่ยหวงกับฉือหวงก็ไม่กล้าตบหน้าอกอย่างมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถกลายเป็นเซียนได้ ขั้นตอนการเป็นเซียนเป็นเส้นทางที่ยากลำบากเกินไป แต่หากได้เป็นศิษย์โดยตรงของเซียนซิงฉา รับประกันได้ว่าคนคนนั้นในอนาคตจะกลายเป็นเซียนได้แน่นอน
นั่นเพราะเซียนซิงฉาคือเซียนระดับสูง!
หากจะพูดตรงๆ ต่อให้คนที่เข้าร่วมสำนักละอองดาราได้จะมีถึงเก้าร้อยคน แต่คนที่สามารถกลายเป็นเซียนนั้นมีเพียงคนเดียวโดยคนอื่นๆจะกลายเป็นหินรองเท้าของคนผู้นั้น
มีเพียงคนเดียวที่จะได้กลายเป็นเซียน?
หลิงฮันไม่เชื่อคำพูดนี้ ไม่เพียงแค่เขาคนเดียวที่จะกลายเป็นเซียน แต่สหายรอบๆตัวเขาก็ต้องกลายเป็นเซียนได้สำเร็จ!
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หลิงฮันกล่าวลา
“น้องชายรูปหล่… เอ่อ ไว้เจอกันใหม่ที่สำนักละอองดารา” หลินอวีฉีต้องการหยอกล้อหลิงฮัน แต่เมื่อเห็นจักรพรรดินีที่อยู่ด้านข้างนางก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังทันที
หลิงฮันเค้นเสียงและกล่าว “เจ้าก็จะไปที่นั่นด้วย?” ต่อให้จำนวนสิทธิเข้าร่วมสำนักจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ใช่ว่านางจะสามารถเข้าร่วมได้
“ฮึ่ม ข้าคือคนของตระกูลพ่อค้า ข้าจะไปยังเขตดวงดาวสี่ทิศเพื่อขยายสาขาของตำหนักเป่าหลิน” หลินอวีฉีกล่าว
ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น
“หลิงฮัน เจ้าอย่างได้ประมาท มีข่าวลือว่าอายุขัยของเซียนซิงฉาเหลือไม่มากแล้ว การเข้าร่วมสำนักครั้งนี้เซียนซิงฉาจึงตั้งใจคัดเลือกหาผู้สืบทอดที่แท้จริง เมื่อเป็นเช่นนั้นการแข่งขันเพื่อแย่งชิงสิทธิย่อมดุเดือดกว่าครั้งที่ผ่านๆมา เจ้าอาจจะไม่สามารถแย่งชิงสิทธิเก้าร้อยสิทธิได้เลยด้วยซ้ำ” หลินอวีฉีเตือน
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “อืม”
หลินอวีฉีไม่กล่าวอะไรต่อ เพราะอย่างไรนางก็ต้องไปสำนักละอองดาราเหมือนกัน ทั้งสองมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นตอนนี้นางก็หวาดกลัวจักรพรรดินีจนไม่กล้าพูดอะไรออกไปด้วย
“สามีข้า เจ้าจะไม่พานางไปด้วยรึ?” จักรพรรดินีกล่าว “ตอนกลางคืนจะได้มีคนมานอนจับเจ้าเพิ่มไง”
‘ตุบ’ หลินอวีฉีหวาดกลัวจนล้มลงที่เก้าอี้
จักรพรรดินียิ้ม คิดว่านางพูดล้อเล่นไม่เป็นรึไง?
“ฮ่าๆๆ!” หลิงฮันตับข้อมือของจักรพรรดินีและเดินจากไป
“ภรรยาข้า วันนี้เจ้ามาหลับนอนกับข้าได้รึไม่?” หลิงฮันกระซิบข้างหูจักรพรรดินี ถึงแม้จักรพรรนีจะเรียกเขาว่าสามีแต่พวกเขาทั้งสองก็ยังไม่เคยร่วมหลับนอนอย่างใกล้ชิดกันสักครั้ง
จักรพรรดินีชำเลืองมองเขาและกล่าว “ทักษะศักดิ์สิทธิ์เผ่าเก้าอสรพิษของข้ายังไม่สมบูรณ์ ร่างกายของข้าจึงต้องคงสภาพเอาไว้โดยไม่บอบช้ำ แต่ถ้าเจ้าอยากจริงๆล่ะก็…” นางจักรพรรดิกล่าวด้วยท่าทางอ่อนโยนราวกับสายน้ำ
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้านและกำข้อมือของนางแน่นกว่าเดิม ถึงแม้จักรพรรดินีจะยิ่งทะนงอยู่ตลอดเวลา แต่ในเวลาแบบนี้นางกลับอ่อนหวานยิ่งกว่าใครๆ
ยิ่งนางเป็นแบบนั้นมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งหลงรักนางมากขึ้น หลิงฮันจูบไปที่ริมฝีปากของจักรพรดินีและกล่าว “รอก่อนดีกว่า ข้าไม่อยากเร่งรัดเจ้าเกินไป”
จักรพรรดินีพยักหน้าพร้อมกับกล่าว “อืม”
แม้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดูเรียบง่าย แต่ใครว่าความรู้สึกที่พวกเขามีให้กันจะไม่แน่นแฟ้น? จักรพรรดินีกล้าถึงขนาดล่วงเกินปรมาจารย์สามวิถีเพื่อเขา แถมเขาก็ยังไม่ลังเลที่จะเป็นศัตรูกับสองจักรพรรดิเพื่อนาง
ความรักไม่จำเป็นว่าพวกเขาต้องตัวติดกันทั้งวัน
“เมื่อใดที่ทักษะของเจ้าจะสมบูรณ์?” หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
จักพรรดินีหัวเราะ นางครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “อย่างน้อยต้องบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่ง!”
หลิงฮันถอนหายใจ ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมนางเคยบอกกับเขาว่านางต้องบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งเสียก่อนถึงจะแต่งงานด้วย ที่แท้ไม่ใช่ว่านางมีเป้าหมายที่สูงส่งแต่นางจำเป็นต้องบรรลุระดับนั้น
ระดับสร้างสรรพสิ่ง… จะบรรลุก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยร้อยปี!
หลิงฮันหดหู่ขึ้นมาทันที เขารักจักรพรรดินีก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่เขาอยากหลับนอนกับนางก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มีบุรุษคนไหนบ้างที่ไม่อยากร่วมรักกับคนรักไปตลอดชีวิต?
“ที่จริงข้าเองก็อยากเหมือนกัน” จักรพรรดินีกล่าวด้วยเสียงเบาบางข้างหูเขา
ฮึ่ม!
สติของหลิงฮันแทบจะเตลิด ใครจะไปคาดคิดว่าจักรพรรดินีจะพูดเช่นนี้ออกมา? เขาอยากจะจับสตรีงดงามล่มเมืองผู้นี้เสียแต่ตอนนี้เลย แต่เนื่องจากไม่อาจทำได้เขาจึงต้องฝืนระงับอารมณ์พลุกพล่านของตัวเองเอาไว้
“คืนนี้ให้สตรีนกอมตะสวรรค์ปลดปล่อยอารมณ์ให้เจ้า!” จู่ๆจักรพรรดินีก็เอ่ย
คำนึงถึงสามีขนาดนี้ ช่างเป็นสตรีในอุดมคติ!
หลิงฮันรู้สึกชื่นใจ ในขณะที่เขายังไม่สามารถร่วมรักจักรพรรดินีได้ เขาย่อมไม่ปล่อยให้Anchorสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์อยู่อย่างโดดเดี่ยว!
ตอนที่ 1429
น่าเสียดายที่พวกเขาต้องออกเดินทางทันทีหลิงฮันจึงไม่มีโอกาสหลับนอนกับAnchorสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์
อุปกรณ์บินแหวกเมฆาเริ่มขับเคลื่อนอยู่เป็นเวลานานนับปีก่อนจะมาถึงเขตดวงดาวสี่ทิศและมุ่งหน้าต่อไปยังดาวมู่ถู
ดาวมู่ถูคือดวงดาวที่สำนักละอองดาราตั้งอยู่
ขนาดของดาวดวงนี้ใหญ่โตเป็นอย่างมากและเป็นดาวเปิดที่ไม่มีการป้องกันเข้มงวด
แต่ถึงอย่างคนผู้คนบนดาวก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกลอบบุกโจมตี
ล้อเล่นรึเปล่า? บนดาวดวงนี้มีสำนักละอองดาราตั้งอยู่ เซียนที่นั่งอยู่ในสำนักนั้นมีถึงสิบคน!
เซียนสิบคนเป็นจำนวนที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหน?
โดยปกติแล้ว เขตดวงเขตหนึ่งแต่มีเซียนถือกำเนิดขึ้นสักคนก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว อย่างเขตเขตดวงดาวแสงคงกระพันของพวกหลิงฮันก็ไม่มีเซียนเลยแม้แต่คนเดียว เพียงแค่ตัวตนระดับวารีนิรันดร์ก็ถือว่าเป็นราชาในเ-ตดวงดาวของพวกเขา แต่ดาวดวงนี้กลับมีเซียนอยู่ถึงสิบคน
หากมีใครกล้าบุกโจมตีดาวดวงนี้ สมองคนเหล่านั้นคงจะผิดปกติเป็นแน่
เมื่อมีเซียนอยู่บนดาว ยังมีความจำเป็นอันใดที่ต้องใช้รูปแบบอาคมคุ้มกันทั่วทั้งดวงดาว? ทำแบบนั้นก็มีแต่จะทำให้ผลึกก่อเกิดสูญเปล่า!
อุปกรณ์บินแหวกเมฆาร่อนลงมาที่พื้น แม้จะไม่รู้ว่าตนเองกำลังลงจอดที่ใดแต่หลิงฮันก็ไม่รู้เส้นทางที่แน่ชัดอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอะไรมากและสุ่มๆร่อนลงที่พื้น
ทุกคนออกมาจากหอคอยทมิฬและมองเห็นหนองน้ำที่อยู่เบื้องหน้า ทิศทัศน์รอบๆปกคลุมไปด้วยหมอกทำให้การมองเห็นถูกจำกัด
“พลังวิญญาณช่างยอดเยี่ยม!”
“ยิ่งพลังวิญญาณหนาแน่นมากเท่าใด ผลึกก่อเกิดก็จะถูกควบแน่นขึ้นมาได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและระดับวิถีวรยุทธของที่นี่ก็จะสูงตามไปด้วย” เซียนหวู่เซียงกล่าว หลังจากบรรลุระดับดาราแล้วแม้จะเป็นเขา ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของก็ยังช้าลง
ดังนั้นเขาจึงไม่เสียเวลาเก็บตัวอยู่ในหอคอยทมิฬและออกมาด้านนอกเพราะไม่ต้องการให้หลิงฮันโยนร่างเขาออกมาทุกครั้งที่เพื่อใช้เป็นโล่
“สมกับเป็นสถานที่ที่เซียนอาศัยอยู่!”
ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น ขนาดบริเวณนี้มีเพียงหนองน้ำธรรมดาซึ่งไม่ใช่สถานที่สำหรับบ่มเพาะพลังยังน่าอัศจรรย์ขนาดนี้ หากเป็นยอดเขาสูงหรือแม่น้ำที่มีผลึกก่อเกิดอยู่เบื้องล่างล่ะ พลังวิญญาณจะหนาแน่นขนาดไหน
พวกเขามุ่งหน้าออกเดินทาง ถึงแม้เหล่าคนที่ยังไม่บรรลุระดับดาราจะไม่สามารถเหาะเหินได้แต่การก้าวเดินบนผิวน้ำนั้นเป็น
ตูม!
จู่ๆสัตว์อสูรตนหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากใต้น้ำและอ้าปากหวังจะเขมือบพวกหลิงฮัน สัตว์ที่ปรากฏออกมาคือจระเข้สีชาดขนาดใหญ่ บนหัวของมันมีเขาคู่หนึ่งประดับเอาไว้และมีขาทั้งสี่ข้างเหมือนกับของหมาป่า รูปร่างของมันดูแล้วแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
เสี่ยวชิง(อีแร้งเพลิงสีคราม)คำรามและจู่โจมจระเข้ยักษ์ทันที กรงเล็บทั้งสองของมันคว้าร่างของจระเข้สีขาดเอาไว้ ปีกของเสี่ยวชิงที่กระพือไปมานั้นมีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าจระเข้สีขาดเสียอีก
จระเข้สีขาดเป็นสัตว์อสูรระดับทลายมิติเท่านั้น มันไม่อาจตอบโต้เสี่ยวชิงได้ พบิตาเดียวกระดูกทั่วร่างของมันก็ถูกกรงเล็บบดขยี้และตกตาย
“กล้ามากที่ลอบโจมตีพวกเรา สมควรตายแล้ว!”
“เพียงแต่ว่าสภาพแวดล้อมของดาวดวงนี้เหมาะสมกับการบ่มเพาะพลังจริงๆ แต่สัตว์อสูรที่พบเจอตัวแล้วก็มีพลังระดับทลายมิติแล้ว แสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายขนาดไหน”
“อืม ถึงแม้พวกเราจะแข็งแกร่ง แต่ไม่ประมาทย่อมดีกว่า”
พรึบ!
ทันใดนั้นเอง คลื่นแสงบางอย่างก็พุ่งทะลวงเข้ามาโดยมีเสี่ยวชิงที่ตอนนี้มีขนาดตัวถึงหนึ่งพันฟุตเป็นเป้าหมาย
หลิงฮันมองเห็นได้ชัดว่าคลื่นแสงที่พุ่งเข้ามาคือลูกศร!
เขาดีดนิ้วไปยังคลื่นแสง ทักษะดาบฟ้าคำรามถูกปลดปล่อยออกมา ‘ตูม’ ลูกศรคลื่นนั้นระเบิดออกทันที
หลิงฮันแสดงออกถึงความเกรี้ยวกราด พวกเขายังไม่ทันได้ล่วงเกินใครแท้ๆกลับมีใครก็ไม่รู้ยิงลูกศรมาใส่พรรคพวกเขาโดยไร้เหตุผล?
เพียงแต่ว่าก่อนที่พวกเขาจะไปตามหาว่าคนที่ลอบโจมตีเป็นใคร พวกเขาก็เห็นร่างหนึ่งลอบเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราด ด้านหลังของชายที่ลอยเข้ามามีชายชราตามมาอีกสองคนราวกับเป็นคนรับใช้
“ใครกล้าขัดขวางการล่าของข้า?” ชายคนนั้นกล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส
การล่า? นี่เขามองเสี่ยวชิงเป็นสัตว์อสูรทั่วไป?
หลิงฮันเค้นเสียง เสี่ยวชิงถูกโจมตีโดยไร้เหตุผล มีรึที่เขาจะไม่โมโห?
“นั่นคือสัตว์อสูรของข้าที่เกือบจะถูกเจ้าทำร้าย เจ้าจะชดใช้เรื่องนี้อย่างไร?” หลิงฮันกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน
“ชดใช้?” ชายคนนั้นหัวเราะลั่น ชายชราคนรับใช้สองคนที่ติดตามเขามานั้นไม่แม้แต่จะชำเลืองมองหลิงฮันและทำเพียงยืนนิ่งเฉยอย่างเคารพ
“ช่างน่าขัน มีคนกล้าบอกให้หลิวซื่อเหวียนผู้นี้ชดใช้ด้วยงั้นรึ”
“ไม่คิดจะชดใช้?” หลิงฮันพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะโจมตีเจ้าด้วยคันศรเพื่อความเท่าเทียม”
Anchor
หลิวซื่อเหวียนชะงักก่อนจะเค้นเสียงด้วยความโกรธ
“เจ้ารนหาที่ตาย?” ตั้งแต่ที่พี่ชายของเขากลายเป็นราชาในหมู่รุ่นเยาว์ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดจากับเขาเช่นนี้
“จะยอมชดใช้หรือรับคันศรจากข้า!” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแสแต่น้ำเสียงกลับหนักแน่น
“ช่างอวดดี!” คนรับใช้ชราทั้งสองก้าวมาด้านหน้า “กล้าพูดกับนายน้อยของข้าเช่นนี้ เจ้าคงอยากตายเร็วสินะ!”
หลิวซื่อเหวียนกอดอกและแสยะยิ้ม “เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าเป็นใคร?”
พรวด!
หลิงฮันและพรรคพวกแทบจะหัวเราะลั่น ชายคนนี้คงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากรุ่นเยาว์จอมเสเพล
“พะ พวกเจ้า!” หลิวซื่อเหวียนเกรี้ยวกราด ท่าทีเช่นนั้นมันอะไร?
“กล้าดีอย่างไร!” คนรับใช้ชราทั้งสองพุ่งทะยานพร้อมกันและปลดปล่อยแรงกดดันออกมา
ติงผิงและจิ่วเยาก้าวออกมา ‘ตูม’ ทั้งสองคนปล่อยหมัดออกไป พริบตาเดียวคนรับใช้ทั้งสองก็อักโลหิตและลอยกระเด็นไปด้านหลัง
‘ตุบ ตุบ’ ร่างของทั้งสองร่วงลงพื้น แม้จะพยายามอย่างไรพวกเขาก็ไร้เรี่ยวแรงและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
นี่มัน!
หลิวซื่อเหวียนรู้สึกเย็นยะเยือก ถึงแม้ชายชราทั้งสองจะเป็นเพียงคนรับใช้ของเขา แต่ในด้านพลังทั้งสองคนถือว่าแข็งแกร่งกว่าเขา สองชายชราเป็นคนรับใช้ของตระกูล ซึ่งรุ่นเยาว์ในตระกูลมีเพียงพี่ชายของเขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติมีคนรับใช้ประจำตัวเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด
แต่ไม่คาดคิดว่าชายชราทั้งสองจะไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่หนึ่งหมัดของสองรุ่นเยาว์!
“พะ พวกเจ้าอย่างได้ทำอะไรไร้สาระ!” เมื่อเห็นติงผิงกับจิ่วเยาก้าวเดินเข้ามาใกล้ หลิวซื่อเหวียนก็ก้าวถอยหลังทันที บริเวณหน้าผากของเขามีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด ใครจะไปคิดว่าแค่การออกมาล่าเพื่อฆ่าเวลาจะเป็นการนำภัยพิบัติมาใส่ตัว
หลิงฮันคร้านจะพล่ามต่อ เขาโคจรศรฆ่ามังกรทะลวงดารา ‘ครืนน’ คลื่นแสงสีทองส่องประกายและลูกศรได้ถูกยิงไปที่ไหล่ซ้ายของหลิวซื่อเหวียน ‘ฉัวะ’ แขนข้างหนึ่งของเขาระเบิดกระจุยพร้อมกับโลหิตสาดกระจายออกมา
นี่ถือว่าหลิงฮันเมตตาแล้ว ไม่เช่นนั้นหากเขาเอาจริง อีกฝ่ายที่เป็นเพียงระดับสุริยันจันทราขั้นต้นจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?
“จะ เจ้า…” หลิวซื่อเหวียนโอดครวญ “พี่ชายของข้าคือหลิวจวินเทียน เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้า พี่ชายของข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”
“ไสหัวไป” หลิงฮันสะบัดมือไล่โดยไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าใครคือหลิวจวินเทียน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น