Alchemy Emperor of the Divine Dao 1409-1415

ตอนที่ 1409

 

จักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสามีเขตชายแดนอยู่หลายแห่ง ดังนั้นสงครามระหว่างจักรวรรดิจึงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกปีหรืออาจจะทุกเดือน แต่ขนาดของสงครามนั้นเป็นเพียงสงครามขนาดเล็กและส่วนใหญ่จอมยุทธที่ทำสงครามก็เป็นจอมยุทธที่ต่ำกว่าระดับพระเจ้า


แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง


จักรวรรดิทั้งสองมีผู้นำทัพเป็นปรมาจารย์ระดับดารา เพียงแค่ระยะเวลาสามวันพวกเขาก็ยึดครองอาณาได้จำนวนมาก การบุกรุกยังคงดำเนินต่อไปจนใกล้จะมาถึงเมืองจักรพรรดิ


จากที่ดูแล้ว จักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองคงต้องการยึดครองจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะและทำให้ดาวเหอหนิงกลับไปมีจักรวรรดิราชวงศ์เพียงสองดังเดิม


แต่ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีมากจริงๆเนื่องจากทั้งจักรพรรดินีแห่งดาราและเจ้าราชินีต่างก็เก็บตัวบ่มเพาะพลัง ปรมาจารย์ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงผู้อาวุโสซ้ายขวาและเจ็ดแม่ทัพที่ตอนนี้เหลือแค่หก


ตราบใดที่อาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะถูกยึดไปทั้งหมด จักรพรรดินีก็จะไม่สามารถใช้งานอำนาจแห่งจักรภพได้ แต่จักรพรรดิโจ้วเทียนกับจักรพรรดิปี้ลั่วนั้นแตกต่างออกไป ยิ่งมีอาณาเขตในครอบครองมากขึ้น พลังของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น!


หลิงฮันเตรียมตัวให้ทุกคนพร้อมรบกับศัตรูซึ่งในอีกสามวันถัดมาก็มีข่าวใหม่มาถึง


การบุกรุกจากทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์ทวีความรุนแรงขึ้น จากกองทัพเดียวที่นำโดยปรมาจารย์ระดับดาราเพียงคนเดียวได้ยกระดับเป็น สิบกองทัพที่นำโดยปรมาจารย์ระดับดาราถึงสิบคน ยิ่งกว่านั้นมีข่าวหลุดออกมาด้วยว่าแม้กระทั่งจักรพรรดิทั้งสองก็เคลื่อนไหวด้วยตัวเอง


หลังจากได้รับข่าวนี้ หลิงฮันก็ล้มเลิกความคิดที่จะนำกองกำลังบุกตอบโต้และตัดสินใจลงมือคนเดียวแทน


เหตุผลก็เป็นเพราะพลังของจักรวรรดิต้าหลิงยังไม่เพียงพอในการต่อต้านจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสอง


หากอีกฝ่ายบุกมาเพียงกองทัพเดียว หลังจากหลิงฮันกำจัดปรมาจารย์ระดับดาราที่เป็นแม่ทัพของอีกฝ่ายทิ้งแล้ว แค่เขาปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ออกมาก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์


แต่ตอนนี้แม้กระทั่งจักรพรรดิของทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์ก็ยังลงมือบุกรุกด้วยตัวเอง


แม้หลิงฮันจะมั่นใจในพลังของตนเองขนาดไหน พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ก็ยังสามารถกำราบได้เพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดทั่วไป แต่จักรพรรดิทั้งสองไม่ใช่แค่บรรลุระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด พวกเขายังเป็นอัจฉริยะสี่ดาวอีกด้วย!


ยิ่งศัตรูบุกเข้ามาได้เยอะเท่าไหร่ อาณาเขตก็ต้องตกเป็นของพวกมันเยอะเท่านั้น และอำนาจแห่งจักรภพที่ศัตรูสามารถใช้ได้ก็จะทรงพลังจนไม่อาจต่อต้าน


ด้วยเหตุนั้นแล้วแผนการของหลิงฮันจึงไม่ใช่บุกไปจัดการผู้บุกรุกแต่เป็นการช่วยเหลือจักรพรรดินีแห่งดารา เขาจะนำนางเข้าไปในหอคอยทมิฬและหลบหนีไป ตราบใดที่นางทะลวงผ่านระดับดาราขั้นสมบูรณ์ได้สำเร็จ ด้วยพลังต่อสู้ของนาง จักรพรรดินีแห่งดาราก็จะกลายเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของดาวเหอหนิง ไม่สิ อาจจะแข็งแกร่งที่สุดในเขตดวงดาวแห่งนี้


หลิงฮันบอกให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และคนอื่นๆรอคอยอยู่ที่จักรวรรดิต้าหลิง แผนการของเขาคือการแอบไปนำตัวจักรพรรดินีหลบหนีมาจึงไม่จำเป็นต้องพาคนคนอื่นไปด้วย


สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และคนอื่นๆถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้า


เพื่อไม่ให้ทุกอย่างสายเกินไปหลิงฮันจึงออกเดินทางทันที


ด้วยความเร็วของหลิงฮัน เขาได้เข้าสู่เขตชายแดนของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะอย่างรวดเร็ว ยิ่งเขาเข้าใกล้เมืองจักรพรรดิเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรับรู้สถานการณ์มากขึ้น ความเร็วในการรุกรานของทั้งสองจักรวรรดินั้นรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ เพียงแค่ไม่กี่วันพวกเขาก็ยึดครองจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว


กองกำลังตอบโต้ของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายขวาและหกแม่ทัพรีบทำการถอนตัวกลับเมืองจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว


การล่าถอยถือว่าเป็นการกระทำที่ฉลาด ไม่เช่นนั้นหากพวกเขาฝืนต่อสู้ไปพวกเขาจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของสองจักรพรรดิได้อย่างไร? ดิ้นรนฝืนสู้ไปก็มีแต่จะทำให้อาณาเขตถูกยึดครองไปไวกว่าเดิม


ตอนนี้เมืองจักรพรรดิได้ถูกปกคลุมไว้ด้วยรูปแบบอาคมป้องกันขนาดใหญ่ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมคือปรมาจารย์ระดับดาราทั้งเจ้า รูปแบบอาคมนี้แม้แต่จักรพรรดิทั้งสองที่เป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดก็อาจจะไม่สามารถทำลายได้


ผ่านไปไม่กี่วันหลิงฮันก็รุดหน้ามาถึงหน้าเมืองจักรรพรดิ


“เปิดรูปแบบอาคมให้ข้าเข้าไปด้วย” หลิงฮันตะโกน


ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังมาก ดาวเหอหนิงแหง่นี้มีจอมยุทธระดับดาราเพียงหยิบมือ แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อนหลิงฮันกลับสังหารปรมาจารย์เหล่านั้นเป็นว่าเล่นราวกับเป็นผักปลา ดังนั้นใครบางคนจึงนำเรื่องที่หลิงฮันมาถึงไปแจ้งและปรมาจารย์ระดับดาราทั้งสี่คนก็รีบมาทันที


Anchor


ฉีเชียวเซวี่ย ผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย ผู้อาวุโสฝ่ายขวาและชาจิ่ง


“ตอนนี้กล่าวได้ว่าศัตรูแทบจะบุกมาถึงเมืองจักรพรรดิได้ตลอดเวลา หากชายคนนี้เป็นสายลับของศัตรูพวกเราจะทำอย่างไร เมื่อเขาเข้ามาเขาก็จะสามารถร่วมมือทำลายรูปแบบอาคมกับพรรคพวกที่อยู่ด้านนอกได้” ชาจิ่งกล่าว


บ้ารึปล่า ข้าจะเป็นสายลับได้อย่างไร?


จักรพรรดินีคือภรรยาของข้า!


หลิงฮันสบถในใจ ความสัมพันธ์ของเขากับจักรพรรดินีมีเพียงพวกเขาที่รู้กันแค่สองคน


แต่คำพูดของชาจิ่งก็ใช้ว่าจะเป็นการใส่ร้าย หลิงฮันมีสิ่งใดพิสูจน์ว่าตนเองไม่ใช่สายลับ? ในช่วงเวลานี้หากตัดสินใจผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวจักรวรรดิก็จะถึงคราวจบสิ้น!


ความหวังของพวกเขาในตอนนี้มีเพียงรอให้จักรพรรดินีปรากฏตัวออกมา ตราบใดที่จักรพรรดินีทะลวงผ่านระดับได้สำเร็จนางจะต้องทรงพลังกว่าเดิมแน่นอน ก่อนหน้านี้นางก็สามารถต่อสู้ได้อย่างทัดเทียมกับสองจักรพรรดิอยู่แล้ว หากนางแข็งแกร่งขึ้นใบอีกจะต้องสามารถบดขยี้ศัตรูได้อย่างง่ายดายแน่นอน


นี่คือสิ่งที่ทุกคนคิด ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรพวกเขาก็ห้ามทำอะไรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว


แม้กระทั่งฉีเชียวเซวี่ยก็ยังมีสีหน้าสงสัยในตัวหลิงฮัน เพราะอย่างไรหลิงฮันก็เป็นเพียงราชาของจักรวรรดิที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ จะมีสิ่งใดรับประกันความซื่อสัตย์ของเขาได้? ยิ่งกว่านั้นพลังของหลิงฮันในตอนนี้ก็แข็งแกร่งอย่างมาก หากเขาเป็นสายลับจริงใครจะสามารถหยุดยั้งเขาได้?


“หลิงฮัน เจ้ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลืองั้นรึ?” นางเอ่ยถาม


“ถูกต้อง!” หลิงฮันพยักหน้า


“เมื่องจักรพรรดิมีข้าและปรมาจารย์คนอื่นๆคอยดูแลอยู่ ไม่มีทางที่ศัตรูจะบุกเข้ามาได้แน่” ฉีเชียวเซวี่ยกล่าว “เจ้าจงทำหน้าที่สำรวจภายนอกเมืองและนำข้อมูลกลับมา เมื่อใดที่องค์จักรพรรดินีปรากฏตัว ความดีความชอบของเจ้าจะต้องได้รับการตอบแทน”


ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร ฉีเชียวเซวี่ยและคนอื่นๆก็คงส่ายหน้าปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าไปในเมือง


หลิงฮันยิ้มอย่างขมขื่น ในเมืองคนเหล่านี้เชื่อมั่นในรูปแบบอาคมป้องกันขนาดใหญ่ว่าจะสามารถป้องกันการโจมตีของสองจักรพรรดิได้ เขาก็ทำได้เพียงเชื่อในการตัดสินใจของพวกเขาและไปนั่งรอบนยอดเขาที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง เมื่อใดที่กองทัพของสองจักรวรรดิราชวงศ์มาถึงที่นี่หรือหากรูปแบบอาคมป้องกันถูกทำลายเขาก็ยังลงมือทันที


ภรรยาของเขานั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยให้ได้


วันเวลาค่อยๆผ่านไป ครึ่งเดือนต่อมาบนท้องฟ้าได้ปรากฏธงสัญลักษณ์ลอยมาจากทิศทางทั้งสิบด้าน


สองจักรวรรดิราชวงศ์ยึดครองอาณาทั้งหมดแล้วยกเว้นเมืองจักรพรรรดิเพียงเมืองเดียว ในตอนนี้อำนาจแห่งจักรภพของทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์ทรงพลังเป็นอย่างมาก


“จงสวามิภักดิ์ต่อข้า ใครขัดขืนต้องตาย!” จักรพรรดิโจ้วเทียนสวมเกราะรบสีทอง แขนข้างหนึ่งที่เคยขาดฟื้นสภาพกลับมาเรียบร้อยแล้ว อำนาจของเขาทรงพลังเป็นอย่างมาก “รีบเปิดประตูเมืองบัดเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะต้องตายไปพร้อมกับเมืองนี้!”

 

 

 


ตอนที่ 1410

 

ในอีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิปี้ลั่วเองก็นำกองทัพจำนวนมากบุกเข้ามา ออร่าจักรพรรดิของเขาทรงพลังจนทำให้ศัตรูที่จ้องมองหมดความคิดจะต่อต้าน


ถึงแม้จักรพรรดิทั้งสองจะอยู่ในระยะที่ห่างไกล ทุกคนหรือแม้กระทั่งปรมาจารย์ระดับดารา


ในเมืองจักรพรรดอก็ตัวสั่นสะท้าน


ทั้งสองไม่ใช่ตัวตนระดับดาราขั้นสูงสุดทั่วไปแต่เป็นจักรพรรดิที่มีอำนาจอันสูงส่ง คำพูดของพวกเขาเปรียบเสมือนคำสั่งที่ไม่อาจต่อต้าน


“ยังไม่รับเปิดประตูเมืองอีกรึ!” จักรพรรดิปี้ลั่วกล่าว น้ำเสียงของเขาก้องกังวานราวกันฟ้าผ่า


บนกำแพงเมือง ปรมาจารย์ระดับดาราทั้งเก้าคนยืนเคียงข้างกันโดยไม่กล่าวอะไร


“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ําตาสินะ!” จักรพรรดิโจ้วเทียนแสยะยิ้มและชี้นิ้วไปด้านหน้า “โจมตี!”


ในขณะเดียวกัน จักรพรรดิปี้ลั่วได้ออกคำสั่งแบบเดียวกัน ในตอนนั้น เครื่องยิงปืนใหญ่ขนาดมหึมาก็ปรากฏออกมา เครื่องยิงปืนใหญ่เครื่องนี้มีความสูงและยาวหนึ่งร้อยฟุต ความใหญ่โตมโหฬารของมันทำให้ผู้คนที่จ้องมองรู้สึกหวาดกลัว


สิ่งนี้ไม่ใช่เครื่องยิงปืนใหญ่ธรรมดา มันถูกสลักเอาไว้ด้วยรูปแบบอาคมทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว


ด้วยขนาดที่ใหญ่เช่นนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะเก็บเอาไว้ในอุปกรณ์มิติ แถมด้วยน้ำหนักอันมหาศาลของมันจึงต้องมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเป็นผู้ขับเคลื่อน


เครื่องยิงปืนใหญ่สิบเครื่องตั้งเรียงรายกันพร้อมกับบรรจุกระสุนที่สร้างจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ กระสุนปืนใหญ่มีรูปทรงกลมและมีรัศมีความกว้างสิบฟุต ผิวของพวกมันปกคลุมเอาไว้ด้วยลวดหนามที่แหลมคม หากถูกกระสุนโจมตีเข้าโดยตรง ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราก็ต้องตกตายในทันที


แต่ด้วยความแม่นยำที่ต่ำและการเตรียมยิงที่ต้องใช้เวลานาน หากมีใครถูกกระสุนโจมตีใส่โดยตรง คนคนนั้นก็ถือว่าโชคร้ายเป็นอย่างมาก


จุดประสงค์ของการใช้เครื่องยิงปืนใหญ่นี้คือการทำลายเมืองเนื่องจากเมืองนั้นเป็นเป้านิ่งขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้


ปัง! ปัง! ปัง!


เครื่องยิงปืนใหญ่เริ่มทำการกระหน่ำยิง อาวุธประเภทนี้ถูกสร้างมาเพื่อการนี้ ดังนั้นการโจมตีของมันจึงมีพลังทำลายล้างที่เอาไว้บดขยี้รูปแบบอาคมป้องกันขนาดใหญ่ เมื่อกระสุนตกกระทบเป้าหมาย โล่แสงที่อยู่เหนือเมืองจักรพรรดิก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง


เหล่าปรมาจารย์ในเมืองรีบควบคุมให้รูปแบบอาคมมั่นคงอย่างรวดเร็วโดยการชี้นำพลังปราณของตนเองเข้าไป


เพื่อที่จะใช้กลยุทธ์ป้องกันนี้ เหล่าปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราจากเมืองใหญ่ข้างๆได้ถูกเรียกตัวมาที่เมืองจักรพรรดิ ดังนั้นตอนนี้ในเมืองจักรพรรดิจึงมีปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทรานับหมื่นคอยช่วยกันทำให้รูปแบบอาคมป้องกันขนาดใหญ่มั่นคง


พวกเขาแบ่งกลุ่มกันออกเป็นกลุ่มละหนึ่งพันคน หลังจากแต่ละกลุ่มใช้พลังปราณจนเหือดแห้งอีกกลุ่มหนึ่งก็จะเข้าไปแทนที่


เพียงแต่ว่านี้ยังเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น


ไม่เพียงแค่เครื่องยิงปืนใหญ่ที่ทำหน้าที่โจมตี เหล่าจอมยุทธจำนวนมากในกองทัพบุกรุกเองก็กระหน่ำโจมตีใส่ประตูเมืองจักรพรรดิเช่นกัน ตราบใดที่พลังทำลายล้างรุนแรงเกินกว่าที่รูปแบบอาคมป้องกันจะต้านทานไหว รูปแบบอาคมก็จะพลังทลายทันที


แน่นอนว่าผู้คนในเมืองจักรพรรดิย่อมไม่นิ่งเฉย พวกเขานำอาวุธจำพวกธนูออกมาใช้โจมตีสวนเพื่อปกป้องเมือง


“เหล่าปรมาจารย์มาก็เยอะจริงๆ” หลิงฮันกวาดสายตามอง ถึงแม้เขาจะอยู่ในตำแหน่งที่ห่างไหลเขาก็ยังสามารถมองเห็นเหล่าผู้บุกรุกที่แข็งแกร่งจำนวนมาก นอกจากจักรพรรดิโจ้วเทียนกับจักรพรรดิปี้ลั่วแล้วก็ยังมีปรมาจารย์ระดับดาราอีกสามคนที่บรรลุระดับดาราขั้นสูงสุด


“จะป้องกันเอาไว้ได้อีกนานเท่าใด?” หลิงฮันพึมพำ


การที่จักรวรรดิทั้งสองนำกองกำลังที่แข็งแกร่งมาทั้งจักรวรรดิ พวกเขาจะต้องมั่นใจแน่นอนว่าตนเองจะชนะและไม่มีทางถูกหยุดเอาไว้ได้ด้วยรูปแบบอาคมป้องกันเมือง


ปัญหาในตอนนี้คือพวกเขาจะใช้เวลานานเท่าใดในการทำลายเมือง?


หากสามารถต้านเอาไว้ได้นานจนกระทั่งจักรพรรดินีปรากฏตัวกลับออกผู้บุกรุกจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน แต่หากไม่สามารถต้านเอาไว้ได้… จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป!


แต่ไม่มีใครรู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจักรพรรดินีจะกลับออกมา ตอนนี้เมืองจักรพรรดิจึงต้องเผชิญหน้ากับสงครามที่ไม่รู้ว่าจะเอาชนะได้เมื่อใด


‘ตูม ตูม ตูม’ เสียงกระแทกที่รุนแรงจากเครื่องยิงปืนใหญ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง


วันที่สามในที่สุดผู้บุกรุกระดับดาราก็เริ่มลงมือ พวกเขายืนอย่างองอาจและปลดปล่อยกระบวนท่าใหญ่ที่ทรงพลังออกมาทีละคน


นี่มันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก


ในการปะทะกันซึ่งๆหน้าใครจะกล้าโจมตีด้วยกระบวนท่าใหญ่ที่ใช้เวลาเตรียมการนาน? แต่ในสงครามที่พวกเขาเป็นผู้โจมตีอยู่ฝ่ายเดียว กระบวนท่าเหล่านี้จึงสามารถนำมาใช้ได้


ปัง! ปัง! ปัง!


จอมยุทธระดับดาราสามารถชี้นำพลังแห่งดวงดาวมาใช้โจมตีได้ พวกเขาควบคุมอุกกาบาตให้ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อุกกาบาตแต่ละลูกโอบล้อมไปด้วยเปลวเพลิงที่เสียดสีกับอากาศ แสงสว่างเจิดจ้าจากพวกมันทำให้แม้แต่แสงจากดวงตะวันก็ต้องถูกบดบัง


ผู้คนในเมืองจักรพรรดิหวาดกลัวจนอ้าปากค้าง บางคนขวัญอ่อนถึงขนาดล้มลงไปนอนกับพื้น แม้แต่ฉีเชียวเซวี่ยกับปรมาจารย์ระดับดาราคนอื่นก็ยังเหงื่อไหลด้วยความหวั่นเกรง


รูปแบบอาคมป้องกัน… จะสามารถต้านทานเอาไว้ได้หรือไม่?


เมื่ออุกกาบาตกระแทกลงมา คลื่นทำลายอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทุออกมาจนโล่ป้องกันสั่นไหวราวกับคลื่นน้ำ


“ถอยไป!”


ปรมาจารย์ระดับดาราทั้งเก้ารีบวิ่งไปยังแกนกลางของรูปแบบอาคมป้องกันและทำการควบคุมรูปแบบอาคมด้วยตัวเอง ภายในการควบคุมของพวกเขาในที่สุดรูปแบบอาคมป้องกันก็ค่อยๆกลับมามั่นคง


แต่หากเป็นแบบนี้คงรั้งเอาไว้ได้ไม่นาน


จำนวนของปรมาจารย์ระดับดาราของอีกสองจักรวรรดินั้นรวมกันแล้วมีมากถึงหนึ่งร้อยในขณะที่พวกเขามีกันแค่เก้าคน อีกฝ่ายสามารถผลักกันโจมตีโดยที่ใครเหนื่อยก็พัก แต่หากพวกเขาทั้งเก้าต้องคอยประคับประคองรูปแบบอาคมเป็นเวลาหนึ่งปี ห้าปีหรือสิบปี พลังของพวกเขาจะต้องแห้งเหือดสักวันหนึ่ง


“ผลัดกันควบคุมรูปแบบอาคม”


ปรมาจารย์ระดับดาราทั้งเก้าผลัดกันควบคุมรูปแบบแคมคนล่ะวัน ด้วยการช่วยเหลือจากจอมยุทธระดับสุริยันจันทราจำนวนมาก พวกเขาจึงสามารถประคับประคองรูปแบบอาคมเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด


ตอนนี้สถานการณ์พอจะอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง


หลิงฮันถอนหายใจโล่งอกและกลับไปนั่งลงที่ยอดเขา


เพียงแต่ว่า เมื่อผ่านไปอีกห้าวัน สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง


รูปแบบอาคมป้องกันเมือง… จู่ๆก็สลายไป!


ไม่ใช่ถูกทำลายแต่มันสลายไปด้วยตัวมันเอง ราวกับว่า… มีคนภายในเมืองเป็นคนปิดรูปแบบอาคม


นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือคนในเมืองต้องการจะยอมตาย?


“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


“เหตุใดจู่ๆรูปแบบอาคมถึงได้ปิดไปเองเช่นนี้?”


“บัดซบ แล้วทีนี้จะทำอย่างไรกันดี?”


เมืองจักรพรรดิตกสู่ความโกลาหลทันที หากไร้รูปแบบอาคมป้องกัน พวกเขาจะต่อต้านจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองได้อย่างไร?


จบสิ้น… จบสิ้นแล้ว!


“ฮ่าๆๆ ทุกคนจงบุกโจมตีและยึดครองเมืองจักรพรรดิ!” จักรพรรดิโจ้วเทียนหัวเราะลั่น เขานำดาบออกมาและชี้ตรงไปเบื้องหน้า


หลิงฮันขมวดคิ้วด้วยความสับสน ทำไมรูปแบบอาคมป้องกันถึงได้สลายไปดื้อๆแบบนั้น? แต่ถึงจะยังไม่เข้าใจเขาก็พุ่งทะยานไปยังทิศทางของเมืองจักรพรรดิโดยไม่ลังเล

 

 

 


ตอนที่ 1411

 

หลิงฮันโจมตีสังหารศัตรู ใครที่กล้าขวางทางไม่ให้เขาไปช่วยเหลือภรรยา พวกมันจะต้องตาย!


ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!


จิตสังหารของเขาเดือดพล่านราวกับเทพปีศาจ


เนื่องจากการโจมตีพุ่งมาจากด้านนอกเมือง ในตอนแรกเหล่าผู้บุกรุกถึงนึกว่าหลิงฮันเป็นพรรคพวกตนเอง แต่ไม่นานก็มีคนพบว่ามีบางอย่างแปลกๆ สำหรับปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งนั้น พวกเขาต้องจดจำรูปลักษณ์ของตัวตนระดับนั้นได้หมดอยู่แล้ว


“เจ้าเป็นใคร?” เสียงอันเย็นชาเอยถาม


หลิงฮันคร้านที่จะพล่ามไร้สาระ เขาตั้งใจจะไปให้ถึงเมืองจักรพรรดิโดยไม่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่วินาทีเดียว


หลิงฮันสะบัดมือ ‘โพล๊ะ’ คนที่เอ่ยถามเขาถูกบดขยี้ทันทีพร้อมกับโลหิตที่สาดกระกายราวกับห่าฝน ร่างของหลิงฮันทะยานต่อไปโดยไม่หยุด


เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคนไปโดยปริยาย


“มีไส้ศึก!”


“จัดการเขา!”


“ฆ่า!”


พริบตาเดียวจอมยุทธเกินกว่าสิบคนก็โจมตีใส่หลิงฮัน พวกเขาทั้งหมดเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา เหล่าปรมาจารย์ระดับดารานั้นเหาะเหินออกคำสั่งอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาไม่มีทางไปรายงานตัวตนระดับนั้นเพียงเพราะว่ามีศัตรูปรากฏขึ้นแค่คนเดียว


หลิงฮันไม่ต้องการเสียเวลาโจมตีตอบโต้ เพราะอย่างไรกายหยาบของเขาก็แข็งแกร่งเทียบเท่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสอง ต่อให้ถูกรุมโจมตีโดยจอมยุทธระดับสุริยันจันทราหลายร้อยล้านคนเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาปลดปล่อยออร่าของระดับดาราออกมาและพุ่งทะยานไปจากเบื้องล่าง


หากเหาะเหินขึ้นไปบนท้องฟ้าเขาจะกลายเป็นเป้าโจมตีของปรมาจารย์ระดับดารา ดังนั้นการเคลื่อนที่จากพื้นดินจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่า


ต้องรู้ก่อนว่าจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามนั้นไม่ใช่จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาเพียงหนึ่งล้านปี พวกเขามีทั้งปรมาจารย์ระดับดาราขั้นต้น ขั้นกลางไปจนถึงขั้นสูงสุด


หากต้องคอยระวังการโจมตีของจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุด เขาก็จะเคลื่อนไหวได้เชื่องช้าลง


‘ครืนน’ ออร่าอันเกรี้ยวกราดของหลิงฮันกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ เหล่าจอมยุทธระดับสุริยันจันทราที่ล้อมเขาอยู่ร่างสั่นสะท้านและกลายเป็นเศษเนื้อทันที


“ไม่ใช่… ศัตรูไม่ใช่ระดับสุริยันจันทราแต่เป็นระดับดารา!” ใครบางคนอุทานออกมา


“รีบแจ้งให้เบื้องบนทราบ!”


หลังจากนั้นไม่นาน จอมยุทธระดับดาราคนหนึ่งที่ควบคุมสถานการณ์อยู่บนท้องฟ้าก็รับรู้ถึงความผิดปกติและจ้องมองมายังหลิงฮัน


“ช่างกล้าหาญนักที่ลอบกัดโจมตีกองกำลังที่ข้าดูแล!” จอมยุทธระดับดาราผู้นั้นลงมือ แม้เขาจะอยู่ห่างไกลว่าสิบไมล์แต่พริบตาเดียวมือปราณก่อเกิดขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าหลิงฮัน


หลิงฮันไม่หลบหลีกหรือโจมตีตอบโต้แต่เลือกที่จะพุ่งเข้าใส่มือขนาดใหญ่ตรงๆ


ตูม!


ร่างของหลิงฮันโผล่ทะลุออกมาจากมือปราณก่อเกิด ในขณะที่มือปราณก่อเกิดได้ปรากฏรูขนาดใหญ่ จอมยุทธระดับดาราที่อยู่บนต้องฟ้าใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน ที่มือขวาของเขาปรากฏหลุมโลหิตหลายจุด


เขาตกตะลึงเพราะรู้ว่าหลิงฮันนั้นไม่ได้ปลดปล่อยการโจมตีใดๆ แต่เป็นพลังโจมตีของเขาเองที่ปะทะกับร่างของหลิงฮันและเป็นฝ่ายพังทลายเอง


กายหยาบที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้จะเปรียบเทียบง่ายๆเลยก็คือแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ในรูปร่างของมนุษย์!


“ใช้ทุกอย่างหยุดเขาเอาไว้ให้ได้!” จอมยุทธระดับดาราผู้นั้นกล่าว


ทันใดนั้นเองเหล่าจอมยุทธเบื้องล่างก็ร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งหลิงฮัน


ตูม!


หลิงฮันพุ่งทะลวงใส่จอมยุทธเหล่านั้น ร่างของแต่ละคนลอยกระเด็นขึ้นฟ้าโดยที่ไม่อาจยับยั้งเขาไว้ได้แม้แต่น้อย บางคนถึงขนาดร่างกายถูกบดขยี้กลางอากาศ ไม่ว่าจะจอมยุทธระดับภูผาวารีหรือระดับดาราก็ไม่อาจหยุดยั้งเขาไว้ได้


เมื่อเป็นเช่นนี้ เหล่าปรมาจารย์ระดับดาราที่อยู่บนฟ้าก็เปลี่ยนสีหน้าทันใด


เหลือเชื่อ!


จอมยุทธระดับสุริยันจันทราไม่ได้แข็งแกร่งเท่าระดับดาราก็จริง แต่ประเด็นสำคัญคือหากจอมยุทธระดับสุริยันจันทรานับหมื่นคนนับแสนร่วมมือกันอย่างน้อยก็สมควรมีพลังที่จะต้านทานจอมยุทธระดับดาราเอาไว้ได้บ้าง


หลิงฮันเป็นดั่งกระทิงคลั่ง เขาไม่ได้ใช้อำนาจแหง่กฎเกณฑ์หรือทักษะใดๆออกมา ในการบุกทะลวงเขาพึ่งพาเพียงพลังจากร่างกายอย่างเดียวเท่านั้น


“ฮึ่ม!” ปรมาจารย์ระดับดาราอีกคนลงมือ คลื่นดาบถูกโจมตีไล่หลังหลังหลิงฮันไปอย่างรวดเร็ว


หลิงฮันขมวดคิ้ว คนที่โจมตีมาเป็นปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงซึ่งสามารถทำให้เขาเจ็บปวดได้เล็กน้อย


แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปต่อ!


หลิงฮันตัดสินใจมุ่งหน้าทะลวงฝ่าวงล้อมต่อไป


ตอนนี้รูปแบบอาคมป้องกันถูกปิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ในเมืองจักรพรรดิต้องกำลังตกอยู่ในความโกลาหลแน่ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องรีบถึงที่นั่นให้ไวที่สุด


ตูม!


คลื่นดาบปะทะเข้ากับแผ่นหลังหลิงฮัน เสื้อของเขาขาดกระจายออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย บริเวณแผ่นหลังของเขาปรากฏรอยช้ำและมีโลหิตไหลซึมออกมา


เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า เหล่าปรมาจารย์ระดับดาราของจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวทันที


บ้าไปแล้ว กายหยาบนั่นมันอะไรกัน? เจ้าจะผิดมนุษย์มนาเกินไปแล้ว!


ต้องรู้ก่อนว่าปรมาจารย์ระดับดาราที่โจมตีเมื่อครู่นั้นเป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงที่เป็นอัจฉริยะสี่ดาว คลื่นดาบของเขาสมควรมีพลังทำลายเทียบเท่าการโจมตีของระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด ใครบ้างจะกล้ารับการโจมตีนั่นด้วยร่างกายตนเอง?


แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่าตกใจที่สุด ผ่านไปครู่หนึ่งเหล่าปรมาจารย์ระดับดาราก็ต้องสูดหายใจลึกด้วยความตะลึง


พวกเขามองเห็นบาดแผลบนแผ่นหลังของหลิงฮันค่อยๆพื้นสภาพด้วยความเร็วที่มองทันด้วยตาเปล่าจนไม่เหลือแม้แต่รอยขีดข่วน!


หากไม่มีคราบเลือดติดอยู่ ใครจะเชื่อว่าเมื่อครู่หลิงฮันถูกการโจมตีกระแทกใส่จริงๆ?


หลิงฮันละทิ้งความคิดทุกอย่างและมุ่งหน้าไปยังเมืองจักรพรรดิอย่างไม่คิดชีวิต


ด้วยความเร็วของจอมยุทธระดับดารา จะใช้เวลานานเท่าไหร่กันเชียว?


เหล่าจอมยุทธของจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามแสยะยิ้ม การเข้าไปในเมืองจักรพรรดิในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการนำพาตนเองเข้าสู่กับดักที่จะร่วงหล่นไปพร้อมกับเมือง


หลิงฮันเข้าเมืองจักรพรรดิได้อย่างรวดเร็วและปลดปล่อยสัมผัสสวรรค์ออกมา เขาพบว่ามีออร่าที่ทรงพลังแปดจุดรวมตัวกันอยู่ในบริเวณหนึ่งจึงมุ่งหน้าไปนั่นทันที


เบื้องหน้าเขา มีฉีเชียวเซวี่ยและผู้อาวุโสซ้ายขวายืนอยู่ด้วยกัน


“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดรูปแบบอาคมป้องกันถึงได้สลายไป?” หลิงฮันถาม


ฉีเชียวเซวี่ยและคนอื่นตั้งท่าป้องกันทันที ตอนนี้ไม่ว่าใครหากเป็นบุคคลภายนอกล้วนแต่มีสิทธิที่จะเป็นศัตรู


หลิงฮันกวาดสายตามองและพบกับแม่ทัพหลายคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขากวาดสายตามองได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องขมวดคิ้ว “แล้วติงหลีอันล่ะ?”


มีจอมยุทธระดับดาราอยู่กันเพียงแปดคน


ใบหน้าของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเปลี่ยนเป็นมืดมนและกล่าว “วันนี้เป็นวันที่ติงหลีอันต้องควบคุมรูปแบบอาคมป้องกัน!”


“นั่นหมายความว่าหมอนั่นจงใจทำลายรูปแบบอาคมเพื่อให้ศัตรูเข้ามา?” หลิงฮันเข้าใจเรื่องราวทันทีและรีบหันไปหาฉีเชียวเซวี่ย “จักรพรรดินีเก็บตัวอยู่ที่ไหน พาข้าไปเดี๋ยวนี้!”

 

 

 


ตอนที่ 1412

 

การที่ปรมาจารย์ระดับดาราคอยคุ้มกันอยู่ ใครจะสามารถบุกมาทำลายรูปแบบอาคมได้?


แทบจะไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นตัวของติงหลีอันเองที่ทำลายแกนกลางรูปแบบอาคมเพื่อเปิดทางให้ศัตรู!


แต่คำถามก็คือทำไมถึงต้องทำเช่นนั้น… มีเหตุผลอะไรที่ติงหลีอันต้องทรยศจักรพรรดินี?


ที่จริงปรมาจารย์ระดับดาราทั้งแปดเองก็พอจะคาดเดาได้ว่าติงหลีอัน แต่พวกเขายังปฏิเสธที่จะทำใจเชื่อ


ใบหน้าของฉีเชียวเซวี่ยเปลี่ยนเป็นเย็นชาและกล่าว “เจ้าต้องการรู้ไปทำไม?” สถานที่ที่จักรพรรดินีเก็บตัวอยู่นั้นเป็นความลับระดับสูงสุด


“ในเมื่อติงหลีอันไม่อยู่ที่นี่ย่อมหมายว่าเขากำลังไปตามหาจักรพรดรินี!” หลิงฮันกล่าวอย่างร้อนรน


“เป็นไปไม่ได้ ติงหลีอันไม่มีทางรู้ว่าจักรพรรดิอยู่ที่ไหน!” ฉีเชียวเซวี่ยกล่าวอย่างมั่นใจ


“สตรีโง่ ความลับไม่มีทางปิดบังเอาไว้ได้ตลอดการ นอกจากติงหลีอันจะเป็นจอมยุทธระดับดาราแล้วเขายังอาศัยอยู่ในเมืองจักรพรรดิมาเป็นเวลานานกว่าล้านปี การปกปิดความลับในเมืองจักรพรรดิจากสายตาเขาเป็นสิ่งที่ยากมาก!” หลิงฮันกล่าวยด้วยน้ำเสียงโมโห


ฉีเชียวเซวี่ยร่างสั่นสะท้านและเริ่มไม่มั่นใจ


อันที่จริงตัวนางรู้สึกเชื่อใจในสหายที่อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลากว่าล้านปีอย่างติงหลีอันมากกว่าหลิงฮันด้วยซ้ำ หลิงฮันนั้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยการเปิดสวรรค์ที่ผ่านไปเพียงยี่สิบปี จะให้นางเชื่อในตัวเขาได้อย่างไร?


หลิงฮันไม่สนใจว่าฉีเชียวเซวี่ยจะเชื่อเขาใจหรือไม่ เขาไม่มีเวลามัวเกลี้ยกล่อมนางและเอื้อมมือออกไปด้านหน้าทันที


“หยุด!” ผู้อาวุโสฝ้ายซ้ายและปรมาจารย์ระดับดาราคนอื่นลงมือหยุดยั้งหลิงฮัน


หลิงฮันเค้นเสียงพร้อมกับปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ ‘ครืนน’ ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและปรมาจารย์คนอื่นๆเรี่ยวแรงหดหายทรุดลงกับพื้นในทันที หากใครพลังต่อสู้ไม่ทัดเทียมหลิงฮัน คนเหล่านั้นก็ไม่มีสิทธิแม้จะยืนอยู่ต่อหน้าเขา!


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและปรมาจารย์คนอื่นรู้ว่าในตอนที่หลิงฮันสังหารจ้าวเจี้ยนไป๋นั้นยังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกมา


ศักยภาพของรุ่นเยาว์ผู้นี้น่าสะพรึงกลัวเกินมาที่พวกเขาจะจินตนาการได้


“ถ้าภรรยาของข้าบาดเจ็บแม้เพียงผมเส้นเดียว ข้าจะฉีกกระฉากร่างของพวกเจ้าทุกคนให้เหลือแต่กระดูก!” หลิงฮันคว้าร่างของฉีเชียวเซวี่ยเอาไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม


ว่าไงนะ!


ทุกคนแสดงท่าทีตกตะลึงออกมาอย่างปิดไม่มิด


ชายคนนี้พูดเรื่องอะไร?


ภรรยาของข้า?


ฮึ่ม!


ปรมาจารย์ที่อยู่ที่นี่ไม่มีใครโง่ พวกเขาเข้าใจทันทีว่าหลิงฮันต้องหลงรักในตัวจักรพรรดินีจนเรียกนางว่าภรรยา แต่คำถามก็คือความรักที่ว่าเป็นของหลิงฮันเพียงฝ่ายเดียวรึเปล่า?


สมองของทุกคนสับสันงงงวย ถึงแม้จักรพรรดิจะงดงามหาใครเปรียบในโลกล้า แต่นางก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ในเชิงคนรักกับบุรุษหรือสตรีคนไหนมาก่อน ดังนั้นคำกล่าวของหลิงฮันจึงไม่อาจทำให้พวกเขายอมรับได้


“ฮึ่ม!” หลิงฮันยกร่างของฉีเชียวเซวี่ยขึ้นมาและตบไปที่ใบหน้าของนางโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะงดงามหรือไม่


ฉีเชียวเซวี่ยทั้งอับอายและโมโห แต่ตอนนี้พลังต่อสู้ของนางไม่อาจขัดขืนได้แถมอำนาจแห่งจักรพรรดิก็ไม่อาจใช้งานได้แล้ว นางไม่มีทางต่อกรกับหลิงฮันได้เลย หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่นางก็ตัดสินใจพร้อมกับกล่าวออกมา “ข้าจะนำทางเจ้าไปเอง”


“บอกทางมา!” หลิงฮันไม่ให้ฉีเชียวเซวี่ยเป็นคนเดินนำไปเพราะความเร็วของอีกฝ่ายเชื่องช้าเกินไป


ฉีเชียวเซวี่ยชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง หลิงฮันจับร่างของนางเอาไว้และพุ่งไปทันที พวกเขาเข้าสู่ปราสาทและเดินหันซ้ายขวาอยู่นานพอสมควรก่อนจะมาถึงสวนแห่งหนึ่งที่มีเนินเขาขนาดย่อมอยู่ภายใน


แน่นอนว่าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและปรมาจารย์คนอื่นย่อมตามมาด้วย พวกเขากวาดสายตามองก่อนจะตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ติงหลีอัน เจ้ากำลังทำอะไร!”


บนเนินเขามีห้องลับอยู่ แต่ตอนนี้สิ่งที่ใช้คำพรางห้องลับที่ว่าได้ถูกพลังทลายไม่เหลือซากจนมองเห็นประตูหิน และที่ด้านหน้าประตูหินนั่นมีร่างของติงหลีอันที่กำลังทำลายประตูหินยืนอยู่


ณ ตอนนี้แม้ทุกคนจะไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ


“เป็นเจ้าจริงๆ!”


“ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้!”


“บังอาจปล่อยให้ศัตรูบุกรุกเข้ามาได้ จักรพรรดินีไปทำอะไรให้เจ้าแค้นเคืองรึไงกัน? การกระทำของเจ้าไม่ต่างกับการทรยศบ้านเกิด!”


ติงหลีอันหยุดมือและหันหลังมากวาดสายตามอง


หลิงฮันปล่อยมือจากฉีเชียวเซวี่ยและกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “ไม่คาดคิดว่าคนที่ลอบสังหารข้าในอวกาศจะเป็นเจ้า!”


เมื่อตรวจสอบออร่าของติงหลีอัน หลิงฮันจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือคนที่ลอบสังหารเขา


ถึงแม้หลิงฮันจะเคยพบเห็นติงหลีอันมาก่อน แต่ในตอนนั้นมันก็เป็นเวลานานมาแล้ว พลังบ่มเพาะของตัวเขายังอ่อนแอเกินไปที่จะรับรู้ออร่าของปรมาจารย์ระดับดารา


ติงหลีอันจ้องมองหลิงฮัน ในดวงตาของเขาปรากฏประกายเปลวเพลิงสู้รบ มันไม่ใช่แววตาที่ต้องการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งแต่เป็นแววตาที่ต้องการกำจัดคู่แข่งด้านความรัก


หลิงฮันตกตะลึงและพอเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาบ้าง “เจ้าไล่ล่าข้าเพราะความสัมพันธ์ของข้ากับจักรพรรดินี? แต่เป็นไปได้อย่างไรที่ในตอนนั้นเจ้าจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของข้ากับนาง?”


“เหอๆ พวกเจ้าคิดว่าข้ามีชีวิตอยู่มานานเป็นล้านปีโดยที่ไม่ทำอะไรเลย?” ติงหลีอันแสดงสีหน้าเหยียดหยาม ร่างกายของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนออร่าของเขาจะถูกปลดปล่อยออกมาเป็นวงกว้าง


“อะไรกัน!” ฉีเชียวเซวี่ยและปรมาจารย์คนอื่นๆตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ออร่าของอีกฝ่ายทรงพลังเกินกว่าที่พวกนางจะรับรู้ได้ว่าเป็นขั้นพลังใด


“ระดับดาราขั้นกลาง?”


“ไม่ผิดแน่!”


เหล่าปรมาจารย์ตะโกนออกมา พวกเขาทั้งตกตะลึงและอิจฉา หลังจากผ่านไปล้านปี ติงหลีอันได้แซงหน้าพวกเขาไปแล้ว


หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “จากที่ดู พลังบ่มเพาะของเจ้าสมควรเป็นระดับดาราขั้นสูง!” เมื่อเทียบกับเขาแล้วออร่าของอีกฝ่ายหนักแน่นกว่าพอสมควร


ฉีเชียวเซวี่ยและปรมาจารย์คนอื่นแทบจะเป็นลม ชายที่ทำตัวไม่โดดเด่นมาตลอด แท้จริงแล้วไม่ได้นำหน้าพวกเขาไปขั้นเดียวแต่มากกว่านั้นอีก?


“หากข้าไม่แข็งแกร่งระดับนี้คงไม่สามารถลอบเข้ามาพระราชวังและรับรู้ความลับมากมายได้” ติงหลีอันกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ตอนนี้เมื่อรู้ความแข็งแกร่งของข้าแล้วพวกเจ้าก็ไสหัวไป!”


ใบหน้าของฉีเชียวเซวี่ยเปลี่ยนเป็นซีดขาว อีกฝ่ายแอบลักลอบเข้ามาในพระราชจริงๆรึ? แถมดูแล้วคงไม่ใช่เพียงครั้งสองครั้งได้ แต่ในฐานะที่นางเป็นหัวหน้าองครักษ์ของพระราชวังนางกลับไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย


“ติงหลีอัน เจ้าเปิดทางให้ศัตรูบุกเข้ามาทำไม?” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายตะคอก


ติงหลีอันหันหน้ากลับและเริ่มทำลายอักขระป้องกันต่อพร้อมกับกล่าว “แน่นอนว่าด้วยการร่วมมือกันของจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสอง จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะจะต้องล่มสลาย หากยังคงมีอำนาจแห่งจักรภพปกป้องที่นี่อยู่ข้าก็จะไม่สามารถทำลายอักขระป้องกันบนกำแพงหินได้”


“ในอนาคตจะไม่มีใครสามารถหยุดยั้งข้าที่จะได้ครองคู่กับจักรพรรดินีอีกต่อไป!”


เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของเขาคือการเปิดประตูหินนี้และได้อยู่ครองรักกับจักรพรรดินีแห่งดารา


ข่าวลือที่ว่าติงหลีอันนั้นเป็นคนบ้าคลั่งในความรักนั้นไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว เขากล้าแม้กระทั่งฉวยโอกาสในขณะที่จักรพรรดินีเก็บตัวอยู่วางแผนการยิ่งใหญ่เช่นนี้


หลิงฮันกล่าวแทรก “การบุกรุกของจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองก็เป็นฝีมือของเจ้า?”


“แน่นอน หากไม่ใช่เพราะข้าเป็นคนแพร่งพรายข่าว พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจักรพรรดินีกำลังเก็บตัวอยู่” ติงหลีอันกล่าวอย่างไม่แยแส ที่จริงจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองก็ไม่ได้เชื่อข่าวโดยสมบูรณ์ พวกเขาจึงเลือกที่จะส่งกองทัพที่นำโดดปรมาจารย์ระดับดาราหนึ่งคนมาก่อนแล้วค่อยบุกรุกด้วยกองกำลังทั้งหมด


หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ลงนรกไปได้แล้ว!”

 

 

 


ตอนที่ 1413

 

หลิงฮันไม่คิดจะถามให้มากความ บางทีติงหลีอันอาจจะรู้แม้กระทั่งความลับที่ว่าราชินีทั้งเก้าคือร่างแยกของจักรพรรดินี


ความลับของเผ่าเก้าอสรพิษไม่อาจแพร่งพรายให้ใครรู้


“หลิงฮัน ที่ข้าไม่ได้สังหารเจ้าตั้งแต่เนิ่นๆนับว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง!” ติงหลีอันยกฝ่ามือขวาขึ้น ฝ่ามือของเขาค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเรียบเนียนดั่งหยก แม้กระทั่งสีของผิวหนังก็เปลี่ยนเป็นโปร่งใสจนสามารถมองเห็นการไหลเวียนของเส้นเลือด


“ฝ่ามือยกมารสวรรค์!” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาอุทานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


แม้กระทั่งฉีเชียวเซวี่ยและปรมาจารย์คนอื่นๆก็เปลี่ยนสีหน้า


ทักษะฝ่ามือนี้เป็นทักษะที่ทรงพลังอย่างมาก ที่จริงมันไม่ใช่ทักษะลับที่หายากอะไร ปรมาจารย์ระดับดาราทุกคนสามารถเข้าไปยังห้องสมบัติของจักรวรรดิเพื่อฝึกฝนมันได้ เพียงแต่ว่าหลายแสนหลายล้านปีที่ผ่านมานี้ไม่มีใครเคยฝึกฝนสำเร็จเลยสักคน


แต่ทว่าติงหลีอันกลับสามารถทำได้


คนผู้นี้ถือว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง ด้วยระยะเวลาเพียงล้านปีสามารถก้าวกระโดดจากระดับดาราขั้นต้นไปยังระดับดาราขั้นสูงได้ หากเขาจะฝึกฝนทักษะฝ่ามือยกมารสวรรค์สำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องแปลก


ฝ่ามือถูกปล่อยออกมาพร้อมกับอำนาจที่ราวกับจะบดขยี้ทุกชีวิต


ไม่ต้องกล่าวถึงจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางเลย ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงก็ยังต้องใช้พลังทั้งหมดป้องกันฝ่ามือนี้ ไม่เช่นนี้คงต้องพบกับจุดจบ


แววตาของหลิงฮันแสดงออกถึงความจริงจังยิ่งกว่าเดิม บังอาจมีความคิดชั่วร้ายกับภรรยาของเขา… ถือว่าเจ้าแส่หาความตายแล้ว!


ฆ่า!


หลิงฮันพุ่งทะยานไปด้านหน้าโดยไม่หลบหลีก


“รนหาที่ตาย!” ติงหลีอันกล่าวอย่างเย็นชา ตัวเขาต้องปิดบังพลังมาตลอดล้านปี ตอนนี้ในที่สุดเขาก็สามารถปลดปล่อยพลังออกไปทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมอย่างพูดไม่ถูก


หลิงฮันนำดาบไม้ออกมา ดาบเล่มนี้จากนี้ตรวจสอบดูเหมือนว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อสัมผัสกับโลหิตของจอมยุทธที่แข็งแกร่ง แต่เนื่องจากปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่ชอบสังหารมั่วซั่วเขาจึงไม่ได้ทดสอบเสียที หลิงฮันสะบัดดาบออกไปพร้อมกับโคจรทักษะกาลเวลาแปรผันพันปี


อำนาจอันน่าสะพรึงกลัวของฝ่ามือถูกเร่งเวลาจนสูญเสียพลังทำลายไปอย่างรวดเร็ว


“อะไรกัน!”


ติงหลีอันตกตะลึง ทักษะฝ่ามือยกมารสวรรค์นี้แม้แต่เขาก็ยังต้องใช้เวลากว่าสามแสนปีในการฝึกฝน เขามั่นใจว่าหากศัตรูมีระดับพลังต่ำกว่าเขา ฝ่ามือนี้จะต้องบดขยี้ศัตรูทุกคนได้อย่างราบคาบ


ไม่ใช่เพียงฝ่ามือของเขาจะสังหารจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางไม่ได้ แม้กระทั่งรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ก็ไม่สามารถทำได้โดยที่ดาบไม้ได้พุ่งโจมตีเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว


“ฮึ่ม!”


ไม้เท้ายาวแท่งหนึ่งปรากฏออกมา อาวุธคู่มือของติงหลีอันคือไม้เท้าแท่งนี้ เขาร่วมสู้รบกับมันมาเป็นเวลายาวนานจนความคิดเป็นหนึ่งเดียวกันกัน ติงหลีอันใช้ไม้เท้าปัดป้องดาบที่พุ่งเข้ามา


พรึบ!


เมื่อถูกดาบเฉือนเข้าใส่ ไม้เท้ายาวก็ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนทันที ดาบยังคงไม่หยุดโจมตีและฟันเข้าหาเป้าหมาย


อั่ก ติงหลีอันกระอักโลหิตออกมา ไม้เท้ายาวนั่นมีความนึกคิดที่เชื่อมต่อกับเขา ดังนั้นเมื่อไม้เท้าถูกผ่าครึ่งตัวเขาก็ได้รับความเจ็บปวดที่เหมือนถูกดาบฟันเข้าใส่ด้วยเช่นกัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว


ดาบไม้กำลังฟันเข้าใส่เขา!


ติงหลีอันตั้งใจกระโดดหลบหลีกแต่เบื้องหลังของเขากลับเป็นประตูหิน แบบนี้เขาจะหลบดาบอันเกรี้ยวกราดของหลิงฮันได้อย่างไร?


‘ฉัวะ’ ร่างของติงหลีอันถูกผ่าเป็นสองส่วน ดาบไม้ได้อาบโลหิตของปรมาจารย์และรูปแบบอาคมบนตัวดาบก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ลายเส้นรูปแบบอาคมหมุนบิดราวกับเป็นอสรพิษพร้อมกับปลดปล่อยออร่าอันชั่วร้ายออกมา


นี่มัน.. สมบัติของดินแดนใต้พิภพ!


หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าทำไมออร่าของดาบเล่มนี้ถึงชั่วร้ายและกระตุ้นให้ตัวเขาเกิดความคิดอยากจะฆ่าฟัน


ฉีเชียวเซวี่ยและปรมาจารย์คนอื่นๆอ้าปากค้างจนพูดอะไรไม่ออก


ก่อนหน้าหน้านี้ก็มีจ้าวเจี้ยนไป๋ที่ถูกหลิงฮันสังหารด้วยดาบเดียว แต่จ้าวเจี้ยนไป๋ก็เป็นเพียงระดับดาราขั้นต้นเท่านั้น ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ติงหลีอันที่เป็นถึงระดับดาราขั้นสูงก็ยังถูกหลิงฮันสังหารในดาบเดียว… นี่หลิงฮันมีพลังระดับใดกันแน่?


หลิงฮันก้าวเดินไปด้านหน้าและเริ่มทำลายอาคมป้องกันเพื่อประตูหิน


หลังจากได้เป็นพยานให้แก่พลังของหลิงฮัน ผู้อาวุโสซ้ายขวาและเหล่าแม่ทัพต่างไม่มีใครเอ่ยห้าม มีเพียงฉีเชียวเซวี่ยคนเดียวที่กล่าวออกไป “เจ้ากำลังทำอะไร?”


“แน่นอน ข้าจะเปิดประตูพาภรรยาของข้าหลบหนีไป หรือเจ้าจะให้ข้าปล่อยนางให้รอความตายอยู่ที่นี่?” หลิงฮันเค้นเสียง แต่ถึงอย่างไรความเข้าใจในรูปแบบอาคมของเขาก็ตื้นเขิน และรูปแบบอาคมที่อยู่เบื้องหน้านั้นมีระดับเหนือกว่าขีดจำกัดความเข้าใจของเขา


ภายในระยะเวลาสั้น เขาไม่มีทางทำลายมันได้แน่


ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้เขารอให้ติงหลีอันทำลายอาคมให้เสร็จก่อนแล้วค่อยสังหารเขาดีกว่า


‘ครืนน’ แต่ทันใดนั้นเอง ร่างหนึ่งที่รอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันน่าเกรงขามก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า ด้านหลังเขามีจอมยุทธระดับดาราเหาะเหินเรียงกันอยู่อย่างน้อยห้าสิบคน


ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับดารา!


ชายที่อยู่เบื้องหน้าคือจักรพรรดิโจ้วเทียน อีกฝ่ายกล่าวออกมาอย่างยิ่งยโส “อยู่ต่อหน้าข้าแล้ว ยังไม่คุกเข่าเคารพอีก?”


‘ตูมม’ แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวโอบล้อมไปทั่วบริเวณ แม้แต่ผ้าอาวุโสฝ่ายซ้ายขวาและเหล่าแม่ทัพก็ยังร่างกายสั่นสะท้าน


หลิงฮันหันหลังเข้าประตูหิน สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว แผนที่จะทำลายอาคมเพื่อนำตัวจักรพรรดินีหลบหนีไปไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป สิ่งที่เขาต้องทำคือตรงข้ามจากแผนเดิม เขาจะปกป้องประตูหินนี้ไม่ให้ใครเข้าใกล้


“จักรพรรดิบัดซบ ถูกทำลายแขนไปข้างหนึ่งเจ้ายังไม่เข็ดอีกรึ หรืออยากจะแขนขาดอีกครั้ง?” ทันที่เปิดปาก หลิงฮันก็สบถด่าทันที


เหล่าจอมยุทธระดับดาราด้านหลังจักรพรรดิโจ้วเทียนแสดงท่าทีตกตะลึง ก่อนหน้านี้จักรพรรดิของพวกเขาถูกทำลายแจนไปข้างหนึ่งโดยไม่ทราบสาเหตุ ฟังจากคำพูดของรุ่นเยาว์คนนั้น หรือว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้?


ใบหน้าของจักรพรรดิโจ้วเทียนเปลี่ยนเป็นมืดมน ในตอนที่เขาพยายามครอบครองดาบเก้าอสุรกายแขนของเขาข้างหนึ่งได้ถูกทำลาย เรื่องนี้มีเพียงเขากับพี่ชายของเขาที่รู้กันสองคน เป็นไปได้อย่างไรที่รุ่นเยาว์ตรงหน้าจะรู้เรื่องนี้ด้วย? หากจะบอกว่าพี่ชายของเขาเป็นคนบอก เขาย่อมไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด


ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันก็ยังปากดีเป็นอย่างมาก แต่เพิ่งพบกันก็เรียกเขาว่าจักรพรรดิบัดซบ!


“ใครสักคนจงจัดการเจ้าหนูนั่นให้ข้า” จักรพรรดิโจ้วเทียนกล่าวอย่างไม่แยแส ในฐานะผู้นำจักรวรรดิเขาย่อมไม่ลงมือเองง่ายๆ


“ฮ๋าๆ ข้าคงไม่มาสายไปสินะ?” ร่างอีกร่างหนึ่งลอยลงมาจากฟ้า เขาคือจักรพรรดิปี้ลั่วที่นำจอมยุทธระดับดาราจำนวนมากติดตามมาด้วย


ผู้อาวุโสซ้ายขวาและเหล่าแม่ทัพมีสีหน้าซีดเผือดราวกับคนตาย ตอนนี้นอกจากยอมจำนนกับยอมตาย พวกเขายังมีทางเลือกที่สามอีกรึไม่?


“ให้ชายชราลงมือเอง” จอมยุทธเฒ่าคนหนึ่งเสนอตัวจัดการหลิงฮัน รอบกายเขาอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความตาย แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าพลังชีวิตของชายชราผู้นี้เหลืออยู่ไม่มาก เพียงแต่ว่าออร่าที่ชายชราปลดปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก


การที่สามารถเรียกตนเองว่าชายชราต่อหน้าจักรพรรดิโจ้วเทียนได้ จอมยุทธเฒ่าผู้นี้ย่อมไม่ธรรมดา เขาเป็นตัวตนระดับดาราขั้นสูงสุด ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักมาก่อนยุคสมัยการปกครองของจักรพรรดิโจ้วเทียนเสียอีก


และเพราะมีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว อายุขัยของเขาจึงใกล้จะสิ้นุสด


ชายชราจ้องมองมายังหลิงฮัน แววตาของเขาปรากฏทั้งร่อยรอบของเขาสงสัยและความอิจฉา


รุ่นเยาว์ผู้นี้สามารถบรรลุระดับดาราได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ อีกฝ่ายจะต้องมีความลับบางอย่างอยู่กับตัวแน่นอน หากเขาแย่งชิงมาได้บางทีเขาอาจจะสามารถทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์สำเร็จ เมื่อเป็นเช่นนั้นไม่เพียงแค่อายุขัยของเขาจะเพิ่มขึ้นแต่พลังของเขาย่อมแข็งแกร่งที่สุดในเขตดวงดาวแห่งนี้


เมื่อคิดเช่นนี้จึงเป็นธรรมดาที่ชายชราจะเกิดความโลภ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อยเสียทีเดียว หรือบางทีหลิงฮันอาจจะกินสมุนไพรอันล้ำค่าแห่งสวรรค์และปฐพีเข้าไป?


“รุ่นเยาว์เอ๋ย ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะสังหารเจ้าให้เจ็บปวดน้อยที่สุด” ชายชรากล่าวพร้อมกับปล่อยฝ่ามือพลังปราณออกไป ฝ่ามือพลังปราณของเขามีสีดำสนิทราวกับถูกย้อมด้วยหมึก


นี่คือการโจมตีของปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด หลิงฮันจะต้านทานได้อย่างไร?

 

 

 


ตอนที่ 1414

 

อีกฝ่ายไม่ใช่จอมยุทธระดับดาราขั้นต้นหรือขั้นสูงแต่เป็นขั้นสูงสุดแถมยังบรรลุชั้นสูงสุดอีกด้วย!


นอกจากนั้นชายชราก็ยังเป็นอัจริยะสามดาว


ความต่างในพลังต่อสู้ของหลิงฮันกับชายชรานั้นมีมากถึงสิบเอ็ดดาว ห่างรวมอำนาจแห่งจักรภพและทักษะยุทธอื่นๆด้วยแล้ว… หลิงฮันต้องมีพลังต่อสู้อย่างร้อยสิบห้าดาวเพื่อต่อกรกับชายชรา


แต่เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้รึ?


ไม่มีทาง!


หลิงฮันจ้องไปยังประตูหินด้านหลัง สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นหนักแน่น


เบื้องหลังนี้มีภรรยาของเขาอยู่ เขาไม่อาจหลบหนีหรือถอยหลัง!


ต้องสู้!


หลิงฮันคำรามและปลดปล่อยอำนาจของกาลเวลาแปรผันพันปี นี่คือทักษะที่ทรงพลังที่สุดในตอนนี้ของเขา


‘พรึบ’ มือพลังปราณขนาดใหญ่ของชายชราค่อยๆจางหายไป เมื่อฝ่ามือมาถึงด้านหน้าหลิงฮันอำนาจของมันก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์


เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ทุกคนก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก


อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าหลิงฮันกับชายชรานั้นมีพลังที่ห่างกันราวๆสิบห้าดาว ใต้ท้องฟ้านี้จะมีอัจฉริยะขนาดนั้นได้อย่างไร?


แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริง หลิงฮันสามารถสลายการโจมตีเมื่อครู่ได้


“น่าสนใจ!” จักรพรรดิโจ้วเทียนแววตาส่องประกาย


“ฮ่าๆ!” จักรพรรดิปี้ลั่วเองก็ตะลึงไม่แพ้กัน นิ้วมือทั้งห้าของเขากระตุกเล็กน้อยราวกับอยากลงมือด้วยตัวเอง


“ยอดเยี่ยม!” ชายชราเอ่ยชม ถึงแม้ฝ่ามือเมื่อครู่จะไม่ใช่พลังทั้งหมดของเขา แต่มันก็ยังทำให้เขาสนใจในตัวหลิงฮันยิ่งขึ้นไปอีก เห็นแบบนี้แล้วหากยังจะบอกว่าหลิงฮันไม่มีสมบัติล้ำค่าอยู่กับตัวล่ะก็ ต่อให้ถูกตัดหัวเขาก็ไม่เชื่อ


ชยาชราโจมตีอีกครั้ง คราวนี้เขาใช้พลังมากกว่าเดิมสิบเท่า!


หลิงฮันคำรามปลดปล่อยอำนาจของกาลเวลาแปรผันพันปีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่อให้เป็นกาลเวลาแปรผันพันปีก็ไม่สามารถสลายพลังโจมตีของชายชราได้อย่างสมบูรณ์ ภายใต้คลื่นกระแทกอันรุนแรง ร่างของเขาสั่นสะท้านและถูกทำให้ล่าถอยเกินกว่าสิบก้าว


เมื่อเห็นว่าหากล่าถอยอีกเพียงก้าวเดียวร่างของตนเองจะกระแทกเข้ากับประตูหิน หลิงฮันก็กัดฟันพร้อมกับกระทืบเท้าขวาลงที่พื้นจนสามารถทรงตัวได้


หลิงฮันยืนยืนตระหง่านอย่างองอาจ ร่างของเขาเหยียดตรงราวกับหอก


ภาพตรงหน้าทำให้ฉีเชียวเซวี่ยและปรมาจารย์คนอื่นๆของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะรู้สึกเลื่อมใส


เทียบกับความรักอันบ้าคลั่งของติงหลีอันแล้ว ความรักของหลิงฮันดูจริงจังกว่ามากนัก


เพียงแต่ว่าต่อหน้าอำนาจอันทรงพลัง ความรักที่จริงใจจะมีประโยชน์อันใด? ต่อให้เจ้าป้องกันการโจมตีของศัตรูคนแรกได้ แต่เจ้าจะป้องกันกันโจมตีจากศัตรูที่มีอยู่นับสิบนับร้อยได้รึ?


“เฒ่าเก๋อ พาเขาไปที่อื่น” จักรพรรดิโจ้วเทียนกล่าว


ตอนนี้หลิงฮันกำลังป้องกันขัดขวางไม่ให้เขาทำลายอาคมบนประตูหิน


“อืม!” ชยาชราพยักหน้า “รุ่นเยาว์ ไปสู้กันบนท้องฟ้า”


“สู้น้องสาวเจ้าสิ!” หลิงฮันกล่าว “หากข้ายังอยู่ที่นี่ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถแตะต้องภรรยาข้าได้!”


จักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วเปลี่ยนสีหน้าทันใด


ที่พวกเขาส่งกองกำลังมาบุกรุกจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ หากไม่ใช่เพราะต้องการครอบครองตัวจักรพรรดินีจะยังมีเหตุผลใดอีก?


ทั้งสองจักรพรรดินั้นเคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า ตราบใดที่จักรพรรดิแห่งดารายินดีจะแต่งงานด้วย พวกเขาสามารถยอมสละได้แม้แต่บัลลังของจักรพรรดิและมอบอำนาจทั้งหมดให้จักรพรรดินี


ตอนนี้เมื่อได้ยินหลิงฮันกล่าวว่าจักรพรรดินีเป็นภรรยาของเขา สองจักรพรรดิจึงเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก


ชายชราเองก็โมโหเช่นชั้น เมื่อกี้เจ้าพูดว่า ‘สู้น้องสาวเจ้าสิ’ งั้นรึ?


เขาโกรธจนควันออกหูและปล่อยหมัดออกไปด้านหน้า บอลแสงสีดำทมิฬถูกปล่อยออกมาจากหมัด ความมืดมิดของบอลแสงนี้ดำมืดเกินกว่าจะพรรณนา มันปลดปล่อยกลิ่นอายของความตายออกมาราวกับว่าหากสัมผัสมันจะต้องสิ้นชีพทันใด


“ห้าหยินดับสูญ!” ชายชราคำราม ทักษะนี้คือทักษะที่เขาคิดค้นขึ้นโดยมีทักษะโบราณเป็นแบบอย่าง


หลิงฮันยังคงตอบโต้ด้วยทักษะกาลเวลาแปรผันพันปี ทักษะนิรันดร์ทักษะนี้สามารถใช้ได้ทั้งจู่โจมและป้องกัน


ด้วยกายหยาบที่เทียบเท่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสองของหลิงฮัน เขาสามารถต้านทานพลังทำลายที่หลงเหลือจากการใช้ทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีได้


จักรพรรดิโจ้วเทียน จักรพรรดิปี้ลั่วและปรมาจารย์คนอื่นตกตะลึงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หลิงฮันไม่ได้แค่ป้องกันการโจมตีได้อย่างเดียว แต่สภาพของเขายังสมบูรณ์ไร้รอยขีดข่วนอีกด้วย หากเป็นแบบนี้ต่อไปการต่อสู้คงลากยาวไปถึงสิบปี


แต่พวกเขาไม่สามารถรอนานขนาดนั้นได้ ตอนนี้จักรพรรดินีกำลังเก็บตัวอยู่ซึ่งไม่รู้ว่าจะกลับออกมาเมื่อไหร่


ต่อให้นางไม่ทะลวงผ่านระดับ แต่แค่พลังดั้งเดิมของนางแม้จักรพรรดิทั้งสองร่วมมือกันก็ไม่อาจเอาชนะเอาได้อยู่แล้ว


ดังนั้นในขณะที่นางเก็บตัวบ่มเพาะพลังอยู่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุด!


“โจมตีพร้อมกัน จัดการเจ้าหนูนั่นและทำลายประตูหิน!” จักรพรรดิโจ้วเทียนกล่าวเสียงดัง


ในขณะเดียวกัน จักรพรรดิปี้ลั่วเองก็ออกสั่งคำแบบเดียวกัน


ทันใดนั้นเอง ปรมาจารย์ระดับดารากว่าร้อยคนก็ปลดปล่อยกระบวนท่ากระหน่ำโจมตีใส่หลิงฮัน


แบบนี้ยังจะต้านทานเอาไว้ได้อีกรึเปล่า?


ไม่มีทางแน่นอน!


ฉีเชียวเซวี่ยและเหล่าแม่ทัพรู้สึกสิ้นหวัง คราวนี้หลิงฮันทำได้เพียงยอมรับความตายเท่านั้น


หลิงฮันแสยะยิ้ม ‘พรึบ’ เขาปลดปล่อยอำนาจสวรรค์พร้อมกับสะบัดมือโยนเม็ดยาเพลิงลอยล่องออกไป


เม็ดยาที่โยนออกไปไม่ใช่หนึ่งเม็ดแต่เป็นหนึ่งกำมือ!


ภายใต้อำนาจสวรรค์ จอมยุทธที่มีระดับพลังต่ำกว่าหลิงฮันกลายเป็นไร้เรี่ยวแรงและร่วงหล่นสู่พื้นดินทันที แม้กระทั่งจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางก็ยังมีสีหน้าไม่สู้ดี พลังต่อสู้ของพวกเขาถูกลดลงไปสองดาว


พริบตาเดียวหลังจากนั้น เม็ดยาเพลิงลอยล่องก็ระเบิดออกมา


ตูม! ตูม! ตูม!


เม็ดยาเพลิงลอยล่องหลายสิบเม็ดระเบิดพร้อมกันเปรียบเสมือนจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางหลายสิบคนโจมตีพร้อมกันด้วยพลังเต็มที่ คลื่นระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวทำให้แม้กระทั่งผู้อาวุโสซ้ายขวาและเหล่าแม่ทัพที่อยู่ห่างออกไปก็ยังได้รับผลกระทบ


แต่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือทางด้านของเหล่าปรมาจารย์จากจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์และจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม ปรมาจารย์ระดับดาราตกตายไปเจ็ดคน สิบเจ็ดคนได้รับบาดเจ็บสาหัสในขณะที่ยี่สิบเอ็ดคนบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย


โศกนาฏกรรมที่รุนแรงครั้งนี้เพียงพอที่จะสลักลงไปยังประวัติศาสตร์ของดาวเหอหนิง


“หลิง! ฮัน!” จักรพรรดิโจ้วเทียนทนไม่ไหวและคำรามออกมา หากเทียบกับจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามแล้ว จักรวรรดิของเขาถือว่าได้รับความเสียหายกว่ามากเนื่องจากเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ปรมาจารย์ระดับดาราในจักรวรรดิของเขาจำนวนหนึ่งก็ถูกสังหารโดยหลิงฮัน


“เรียกหาบิดาเจ้ารึ!” หลิงฮันเอ่ยตอบอย่างไร้ความสุภาพ

 

 

 


ตอนที่ 1415

 

จักรพรรดิโจ้วเทียนเกรี้ยวกราด ตั้งแต่เกิดมาเขาเคยโดนดูถูกขนาดนี้ด้วย?


“รนหาที่ตาย!” เขาพยายามระงับความโกรธ ‘ครืนน’ ออร่าที่ปลดปล่อยออกมาจากทั่วร่างของเขาเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเพลิงที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศก่อนจะค่อยปรากฏเป็นรูปร่างของสัตว์อสูรที่มีทั้ง มังกรเพลิง วิหคเพลิงและกิเลนเพลิง


“เข้ามา!” หลิงฮันกวัดมือท้าทาย “เชื่อหรือไม่ว่าหากข้ามีเวลาสักหนึ่งพันปี ข้าจะบดขยี้เจ้าได้อย่างราบคาบ! แต่ต่อให้ไม่ต้องรอนานขนาดนั้น แค่ภรรยาของข้ากลับออกมานางก็สามารถสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดาย”


“ฮึ่ม!” จักรพรรดิโจ้วเทียนลงมือ


การโจมตีนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา จักรพรรดิโจ้วเทียนไม่ได้เป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด แต่ยังเป็นถึงอัจฉริยะสี่ดาว และด้วยสถานะผู้นำแห่งจักรวรรดิ หากจักรวรรดิไม่ล่มสลายและร่างกายของเขาสามารถรับไหว เขาจะสามารถดึงอำนาจแห่งจักรภพมาใช้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด


ด้วยอำนาจแห่งจักรภพพลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกสองดาวจากสี่!


หลิงฮันจะต้านทานพลังโจมตีที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้ไหว?


ต่อให้หลิงฮันใช้อำนาจของAnchorกาลเวลาแปรผันพันปี ร่างของเขาก็ยังถูกซัดจนกระเด็นไปกระแทกกับประตูหิน ร่างของเขาปรากฏบาดแผลนับไม่ถ้วนจนร่างถูกย้อมไปด้วยโลหิต


“พลังเพียงเท่านี้ยังกล้าคิดชั่วร้ายกับภรรยาของข้า? ระยะเวลาหลายล้านปีที่เจ้าบ่มเพาะพลังมาทำให้เจ้าแข็งแกร่งได้เพียงเท่านี้?” หลิงฮันยังคงสบถคำด่าออกไปไม่หยุด


แม้จักรพรรดิโจ้วเทียนจะโมโหแต่เขาก็ยังตกตะลึง หลิงฮันเป็นเพียงระดับดาราขั้นกลางเท่านั้นแต่กลับแข็งแกร่งขนาดนี้ หากมีเวลาอีกสักหน่อย หลิงฮันไม่จำเป็นต้องบรรลุระดับระดับดาราขั้นสูงสุด ขอแค่อีกฝ่ายบรรลุระดับดาราขั้นสูงได้ เกรงว่าในหมู่จอมยุทธระดับดาราด้วยกันก็คงไม่มีใครสามารถสังหารเขาได้แล้ว


รุ่นเยาว์ผู้นี้… ไม่อาจปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป!


“ฮ่าๆ ขอข้าร่วมวงด้วย!” จักรพรรดิปี้ลั่วหัวเราะและปล่อยหมัดออกไปในเวลาเดียวกัน มังกรวารีปรากฏออกมาจากคลื่นหมัดและพุ่งทะยานเข้าใส่หลิงฮันทันที


‘ครืนนน’ เสียงของคลื่นวารีดังก้องไปนภา พลังของมันน่าสะพรึงกลัวมาก


จักรพรรดิทั้งสองร่วมมือกันเพียงเพื่อต้องการกำจัดรุ่นเยาว์เพียงคนเดียว?


ช่างไร้ยางอายนัก!


แต่ใครจะกล้าพูดอะไร? ด้วยสถานะของพวกเขา จำเป็นด้วยรึที่ต้องเก็บความคิดของผู้อื่นมาใส่ใจ? อย่าแต่ร่วมมือกันกำจัดจอมยุทธระดับดารากันกลางเลย หากพวกเขาร่วมมือกันกำจัดจอมยุทธระดับภูผาวารี ใครจะตำหนิอะไรพวกเขา?


แล้วทีนี้หลิงฮันจะต้านไหวรึไม่?


หลิงฮันนำเม็ดยาเพลิงลอยล่องจำนวนมากออกมา ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ เขาสะบัดมือโยนเม็ดยาใส่การโจมตีที่พุ่งเข้ามา


ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!


เสียงระเบิดดังก้องกังวานอย่างต่อเนื่อง ทุกๆคนหวาดกลัวจนขาสั่น พลังทำลายเช่นนี้ไม่ได้อยู่ในระดับดาราขั้นกลางอีกต่อไป คลื่นระเบิดนับร้อยซ้อนทับกันจนพลังทำลายล้างทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้า


หลิงฮันใช้กาลเวลาแปรผันพันปีอีกครั้งและสลายพลังโจมตีของจักรพรรดิทั้งสองได้ในที่สุด


หลังจากได้เห็นพลังทำลายที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างอ้าปากค้างไม่หุบ ต่อให้พวกเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับดารา สิ่งที่พวกเขาเห็นก็น่าตกตะลึงเกินไป


จักรพรรดิทั้งสองร่วมมือโจมตีพร้อมกันก็ยังล้มเพลวในการกำจัดหลิงฮัน การโจมตีของทั้งสองถูกสลายไปอย่างสมบูรณ์!


ไม่ว่าหลิงฮันจะใช้พลังจากสิ่งนอกกายหรือไม่ก็ตาม ทั่วทั้งดาวเหอหนิงดวงนี้ จักรพรรดิโจ้วเทียนกับจักรพรรดิปี้ลั่วนั้นถือว่าเป็นตัวตนอันไร้เทียมทาน เมื่อการโจมตีผสานของทั้งสองไร้ผล การต่อสู้นี้จึงทำให้ชื่อเสียงของหลิงฮันน่าเกรงขามขึ้นไปอีก


น่าเสียดายเหลือเกินที่รุ่นเยาว์อัจฉริยะเช่นนี้จะต้องมีชะตากรรมตกตายอยู่ที่นี่


“ฮึ่ม มาดูกันว่าเจ้าจะมีสมบัติแบบนั้นอยู่มากเพียงใด?” จักรพรรดิปี้ลั่วแสยะยิ้ม


“อย่างน้อยก็มากพอที่จะทำให้เจ้ากลับบ้านเก่า!” หลิงฮันสะบัดมือ เม็ดยาเพลิงลอยล่องจำนวนมากปรากฏขึ้นในมือของเขาอีกครั้ง


อะไรกัน!


จิตใจของจักรพรรดิทั้งสองสั่นสะท้าน เป็นไปได้อย่างไรที่สมบัติอันทรงพลังขนาดนั้นจะมีอยู่จำนวนมาก? นี่เจ้าไปลักลอบขโมยสมบัติมาจากสุสานของตัวตนระดับวารีนิรันดร์รึเปล่า?


แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางรู้ว่านอกจากหลิงฮันจะเป็นจักรพรรดิปรุงยาแล้ว เขายังนำต้นผลเพลิงระเบิดมาปลูกเอาไว้ในหอคอยทมิฬทำให้เขาสามารถหลอมเม็ดยาเพลิงลอยล่องขึ้นมาได้จำนวนมากจนน่าอัศจรรย์


“ทุกคนลงมือ ต้องทำให้เขาใช้สมบัติทั้งหมดออกมาให้เร็วที่สุด!” จักรพรรดิโจ้วเทียนกวาดมือออกคำสั่ง ปรมาจารย์ระดับดาราทั้งหมดก็เตรียมพร้อมตั้งท่าโจมตีทันที


จักรพรรดิปี้ลั่วเองก็ออกคำสั่งแบบเดียวกัน สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือสังหารหลิงฮันแล้วค่อยทำลายประตูหินไปกำราบจักรพรรดินีแห่งดารา


รวมๆแล้วฝั่งพวกเขามีจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดเก้าคน ระดับดาราขั้นสูงสิบเก้าคน ส่วนจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไปเนื่องจากจำนวนเหลือไม่เพียงพอ ยิ่งกว่านั้นจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางก็มีพลังไม่เพียงพอจะทำให้หลิงฮันบาดเจ็บด้วย


หลิงฮันหายใจลึก ด้วยการร่วมมือกันของปรมาจารย์จำนวนมากเช่นนี้ เม็ดยาเพลิงลอยล่องคงไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่เท่าไหร่


“พวกเจ้ากำลังบังคับให้ข้าทางเลือกสุดท้าย?” หลิงฮันกล่าวด้วยเสียงบางเบา


“จัดการ!”


จอมยุทธของทั้งสองจักรวรรดิลงมือจู่โจม ด้วยการร่วมมือกันของปรมาจารย์จำนวนมากเช่นนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวหลิงฮัน


“ฮึ่ม พวกเจ้าแต่ละคนอย่าร้องไห้ทีหลังแล้วกัน!” หลิงฮันยกมือขวาขึ้นและโยนร่างของใครบางคนออกมา


“ข้าจะสั่งสอนเจ้า!” ร่างที่ถูกโยนออกมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเซียนหวู่เซียงที่กำลังเกรี้ยวกราด อีกไม่นานเขาก็จะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราได้อยู่แล้วแต่กลับถูกโยนออกมานอกหอคอยทมิฬกะทันหัน


แต่ทันใดนั้นเองปากของเขาก็ต้องกระตุก


เจ้าหนูคนนี้เป็นดวงดาวแห่งหายนะโดยแท้จริง นี่เจ้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาใดอีกแล้ว?


หากเป็นในชีวิตก่อนเขาคงไม่แยแสจอมยุทธระดับดารามาอยู่ในสายตา แต่ตอนนี้พลังของเขาทำได้เพียงข่มขู่เท่านั้น! หากต้องสู้จริงๆเขาคงหนีไม่พ้นความตาย


“รนหาที่ตาย!” แต่ถึงอย่างนั้นเซียนหวู่เซียงก็ยังเค้นเสียงคำราม ออร่าของตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายเขา


อะไรกัน!


เหล่าปรมาจารย์ระดับดารายั้งมือทันที ใบหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความตะลึงเนื่องจากออร่าของอีกฝ่าย… แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาจะที่พวกเขาจะจินตนาการ หากอีกฝ่ายคิดจะลงมือโจมตี พวกเขาคงไม่ทางต้านทานได้แม้เพียงเสี้ยววินาที


ระดับวารีนิรันดร์ ต้องเป็นปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ไม่ผิดแน่


พริบตาเดียวทุกคนก็ตกอยู่ในความหวาดกลัวและไม่สังเกตเลยว่าเซียนหวู่เซียงนั้นแข็งแกร่งเพียงเปลือกนอก


“คารวะผู้อาวุโส!” ไม่ว่าจะจักรพรรดิโจ้วเทียนหรือจักรพรรดิปี้ลั่ว ทุกคนล้วนแสดงท่าทียำเกรง ออร่าของอีกฝ่ายนั้นเป็นระดับที่อยู่เหนือระดับดาราแน่นอน


เซียนหวู่เซียงทำสีหน้านิ่งเฉยและกล่าว “รุ่นเยาว์ผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับข้า พวกเจ้าคิดจะสร้างปัญหาให้แก้เขา?”


ทุกคนชะงักแน่นิ่ง ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมพลังบ่มเพาะของหลิงฮันถึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ที่แท้เขาก็มีปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์คอยชี้แนะอยู่นี้เอง พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกอิจฉาริษยา หากพวกเขามีปรมาจารย์เช่นนั้นอยู่เบื้องหลังบ้างล่ะก็…


แต่หากหลิงฮันมีปรมาจารย์เช่นนี้คอยหนุนหลังอยู่ ทำไมหลิงฮันต้องมัวเสียเวลาต่อสู้กับพวกเขาอยู่นานสองนาน?


ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วขมวดคิ้วพร้อมกัน เมื่อครู่พวกเขาหวาดกลัวต่อออร่าของเซียนหวู่เซียง แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่ามีบ้างอย่างไม่ถูกต้อง


เพียงแต่ว่าออร่าของปรมาจารย์ที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขานั้นทรงพลังเกินกว่าจะจินตนาการ


แม้จะสงสัยทั้งสองคนก็ไม่กล้าโจมตี


แต่ที่พวกเขาสงสัยก็ไม่ได้ผิด ตัวตนระดับสุริยันจันทรานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ต่อให้พวกเขาเป็นผู้นำจักรวรรดิอีกฝ่ายก็สามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ


“ผู้อาวุโสโปรดเมตตา!” จักรพรรดิโจ้วเทียนกล่าวในขณะที่กำลังสังเกตเซียนหวู่เวียง


พวกเขาบุกรุกมาจนถึงจุดนี้แล้ว เซียนหวู่เซียงกลับยังไม่สังหารพวกเขาแต่เลือกที่จะกล่าวข่มขู่แทน นี่มันจะไม่น่าสงสัยรึไง?


จอมยุทธที่ใจกว้างขนาดนั้นจะมีอยู่ได้อย่างไร?


เซียนหวู่เซียงมีแววตาที่เฉียบแหลม แน่นอนว่าเขาย่อมมองเห็นว่าจักรพรรดิโจ้วเทียนและคนอื่นๆกำลังรู้สึกสงสัย เขาเค้นเสียงและปลดปล่อยออร่าที่รุนแรงกว่าเดิมออกมา แรงกดดันของออร่านี้หนักหน่วงราวกับถูกภูเขาหล่นทับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)