Alchemy Emperor of the Divine Dao 1402-1408

ตอนที่ 1402

 

ใครกันที่กล้าหาญถึงขนาดล่วงเกินจนทำให้ผู้นำตระกูลหลู่ต้องลงมือด้วยตัวเอง


“หลิงฮัน?”


“ว่าไงนะ หลิงฮันกลับมาแล้ว?”


“หลิงฮันยังมีชีวิตอยู่?”


เมื่อรู้ว่าตัวการที่ทำให้เกิดความวุ่นวายคือหลิงฮัน ทุกคนก็ไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจอันใด แม้แต่ชาหยวนกับจ้าวหลุนที่เป็นทายาทของปรมาจารย์ระดับดาราหลิงฮันยังกล้าที่จะล่วงเกิน กับแค่ทำให้ผู้นำตระกูลหลู่เกรี้ยวกราดมีรึที่จะทำไม่ได้


เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้พวกเขาจะต้องดูให้ได้


ข่าวแพร่งพรายไปสิบคน สิบคนแพร่งพรายเป็นร้อยและคนที่รู้ข่าวก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดข่าวก็ไม่ถึงหูของแม่ทัพชา


ชาหยวนตกตายด้วยเงื้อมมือหลิงฮัน แต่ก่อนที่แม่ทัพชาจะเดินทางไปแก้แค้นนิกายสวรรค์เยือกแข็งก็ถูกทำลายไปเสียแล้วและหลิงฮันได้หายตัวไป ไม่กี่ปีที่ผ่านมาแม่ทัพชาคิดว่าหลิงฮันตายไปแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อรู้ข่าวว่าหลิงฮันยังมีชีวิตอยู่เขาก็เกิดความคิดจะลงมือสังหารทันที


แม้ชาหยวนจะไม่ได้บุตรที่โดดเด่นที่สุดของแม่ทัพชา แต่ก็ใช่ว่าใครจะสามารถสังหารเขาได้ตามใจชอบ


‘พรึบ’ แม่ทัพชาเหาะเหินขึ้นฟ้า ความเกรี้ยวกราดของปรมาจารย์ระดับดารานั้นแม้แต่องครักษ์ของเมืองจักรพรรดิก็ยังหวาดกลัว ผู้อาวุโสซ้ายขวาและแม่ทัพอีกหกคนก็ตื่นตระหนกเช่นกัน


เนื่องจากข่าวที่แพร่งพรายไปช้ากว่าเล็กน้อย ผู้นำตระกูลหลู่จึงนำกำลังคนมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารก่อนแม่ทัพชา


“หลิงฮัน ยังไม่รีบโผล่หัวมารับความตายอีก!” เหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูลหลู่คำราม


หลิงฮันกำลังนั่งกินอาหารอยู่ซึ่งสามารถมองเห็นได้ผ่านรูรูปทรงมนุษย์บนกำแพง ‘เพี๊ยะ เพี๊ยะ’ หลิงฮันสะมือตบหน้าเหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูลหลู่จนร่างกระเด็นและหมดสติไป


นี่ถือว่าหลิงฮันยังเมตตา ไม่เช่นนั้นหากปรมาจารย์ระดับดาราลงมือ ไม่ต้องกล่าวถึงจอมยุทธระดับภูผาวารีเลย ต่อให้เป็นตัวตนระดับสุริยันจันทราก็ไม่อาจมีชีวิตรอด


ผู้นำตระกูลหลู่กลายเป็นเกรี้ยวกราดและกล่าว “หลิงฮัน เจ้าช่างกล้าหาญนักที่บังอาจทำร้ายคนของตระกูลหลู่ต่อหน้าชายชราผู้นี่”


“เป็นตาเฒ่าที่น่ารำคาญเสียจริง ข้าจะยอมเล่นกับเจ้าก็ได้” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส ในเมื่อสถานการณ์ลามมาถึงจุดนี้แล้วเขาก็จะยอมตามน้ำไปด้วย


ผู้นำตระกูลหลู่หัวเราะด้วยความโกรธ เขาไม่ได้มีอายุมาอย่างยาวนานจนโชกโชนประสบการณ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นถึงตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดอีกด้วย ทั่วทั้งจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะจะมีกี่คนเชียวที่สามารถเอาชนะเอาได้?


ไม่เกินยี่สิบ!


“ลงมาซะ ชายชราจะสั่งสอนเจ้าเองว่าเมื่ออยู่ต่อหน้า…”


‘เพี๊ยะ!’


ผู้นำตระกูลหลู่ยังไม่ทันได้พูดจบ ใบหน้าของเขาก็ถูกตบอย่างแรง


“เจ้าคิดจะสั่งสอนข้า?” หลิงฮันกล่าว


ใบหน้าของผู้นำตระกูลหลู่เปลี่ยนเป็นแดงก่ำและมืดมน ฟันของเขาค่อยหลุดออกมาทีละซี่พร้อมกับโบหน้าถูกชโลมไปด้วยโลหิต


ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นน่ะเอาไว้ก่อน… ตอนนี้ผู้นำตระกูลหลู่กำลังตกตะลึงอย่างมาก


สามารถทำกับเขาราวกับเป็นลูกไก่ในกำมือได้เช่นนี้ มีเพียงปรมาจารย์ระดับดารา!


จิตใจของเขาสั่นสะท้าน แม้จะไม่อยากจะเชื่อแต่การที่เขาถูกตบเข้าที่ใบหน้าอย่างง่ายดายก็เป็นเรื่องจริง


ระดับดารา!


หลิงฮันเป็นจอมยุทธระดับดาราจริงๆ!


บัดซบ นี่เขาต้องโง่ขนาดไหนที่ต้องล่วงเกินปรมาจารย์ระดับดาราเพียงเพื่อต้องการผูกมิตรกับสุนัขติดตามของปรมาจารย์ระดับดารา?


แต่ใครจะติดว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี มดปลวกที่มายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านการเปิดสวรรค์จะกลายเป็นตัวตนระดับดาราได้


ไม่เพียงแค่ผู้นำตระกูลหลู่ที่ตกตะลึง ผู้คนโดยรอบเองก็อ้าปากค้างและกลายเป็นไร้คำพูด


ระดับดารา… ระดับดาราไม่ผิดแน่!


Anchor


เซียงเฉิงหยินอยากจะร้องไห้ หากเจ้าบอกเสียก่อนว่าบรรลุระดับดาราแล้วข้าคงไม่กล้าแม้แต่จะคิดชั่วร้าย ตอนนี้เขาล่วงเกินปรมาจารย์ระดับดาราไปแล้ว ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายนจะโกรธเขาแน่นอน


“ระดับดารา!” บุตรสาวตระกูลหลู่ดวงตาส่องประกาย บุรุษแบบนี้คือคนที่เหมาะสมจะเป็นสามีของนาง!


เหล่ารุ่นเยาว์ของเมืองจักรพรรดิค่อยๆปรากฏตัว ไม่ว่าจะเป็นหลี่เหว่ยเหว่ย หลัวป้า หลินยู่ หม่าชิง เฉิงฮ่าวเฟยหรือแม้กระทั่งจ้าวหลุนก็มา ใบหน้าของจ้าวหลุนมืดมนและปรากฏร่องรอยของความหวาดกลัวในแววตา


หลิงฮันบรรลุระดับดาราแล้ว!


ในตอนแรกเขาได้สร้างความอัปยศให้หลิงฮันนับครั้งไม่ถ้วนและถึงขนาดวางแผนสังหารหลิงฮันให้ตายเนื่องจากเขามีปรมาจารย์ระดับดาราคอยหนุนหลัง


แล้วตอนนี้ล่ะ?


หลิงฮันกลายเป็นปรจารย์ระดับดาราด้วยตนเอง คราวนี้หากหลิงฮันคิดจะสังหารเขาใครจะทำอะไรได้?


“หลิงฮัน เจ้ากลับมาแล้ว?” หลี่เหว่ยเหว่ยตระโกนเสียงดัง “เจ้าอันธพาล เจ้ารู้รึเปล่าว่าคุณหนูผู้นี้คิดว่าเจ้าตายไปแล้ว”


หลิงฮันโบกมือและยิ้ม “ไม่ได้พบกันนาน” ในตอนที่เขากับหลี่เหว่ยเหว่ยและจื่อหยุนเอ๋อร่วมมือกันค้าขายหาเงินถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สนุกพอสมควร


Anchor


สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เค้นเสียงกล่าว “นางก็เป็นสตรีของเจ้า? ทำไมเจ้าถึงไม่เคยพูดถึงมาก่อน?”


‘ครืนนน!’ ทันใดนั้นเองแรงกดดันอันรุนแรงก็ถาโถมลงมาพร้อมกับมีร่างหนึ่งปรากฏตัวออร่าอันเกรี้ยวกราด


แม่ทัพชา ชาจิ่ง!


‘พรึบ’ ตัวตนที่ทรงพลังอีกคนปรากฏตัวตามมา


แม่ทัพจ้าว จ้าวเจี้ยนไป๋!


หลังจากนั้นก็มีปรมาจารย์คนที่สามปรากฏตัว


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย หลี่เฉิง


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายจ้องมองไปยังหลิงฮัน… หลิงฮัน! เป็นหลิงฮันจริงๆ!


รุ่นเยาว์ผู้นี้สามารถก้าวสู่ระดับดาราได้รวดเร็วเพียงนี้!


เขารู้ว่าหลิงฮันมีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธที่โดดเด่นอย่างน่าอัศจรรย์ แต่เขาคิดว่าต่อให้หลิงฮันจะมีวาสนาอันท้าทายสวรรค์ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองล้านปีในการบรรลุระดับนี้ ซึ่งในช่วงระยะเวลาล้านปีย่อมมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นโดยเฉพาะกับหลิงฮันที่เป็นตัวสร้างปัญหา ด้วยเหตุนั้นแล้วเขาจึงไม่อยากให้บุตรสาวสุดที่รักใกล้ชิดกับหลิงฮันมากเกินไป


ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้!


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายรู้สึกว่าใบหน้าของตนกำลังแสบร้อนราวกับถูกตบเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง


ช่างมีตาหามีแววไม่!

 

 

 


ตอนที่ 1403

 

“หลิงฮัน เจ้าสังหารบุตรข้า วันนี้เจ้าจะต้องชดใช้!” ชาจิ่งกล่าวอย่างโหดเหี้ยม เขาไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของหลิงฮันก็จริง แต่เขาก็ไม่หวาดกลัวเพราะนึกเพียงว่าพวกเขามีระดับพลังเท่ากัน


เพียงแต่ว่าระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี หลิงฮันจะทัดเทียมเขาได้อย่างไร?


หากเป็นระดับดาราขั้นต้นเหมือนกัน เขามั่นใจว่าตัวเองสามารถเอาชนะหลิงฮันได้อย่างง่ายดาย


แน่นอนว่าถึงแม้จะมีกฎห้ามสังหารในเมืองจักรพรรดิ แต่เขาที่เป็นแม่ทัพแถมยังมีความบาดหมางที่อีกฝ่ายสังหารบุตรของเขา เขาจึงกล้าที่สังหารหลิงฮันและอ้างว่าเพื่อมอบความยุติธรรมดาให้บุตรของตน


“ชาหยวนบุตรของเจ้า พยายามสังหารข้าหลายต่อหลายครั้ง ข้าจะสังหารเขาก็ไม่ใช่ความคิดของข้า” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส


“เช่นนั้นเจ้าก็ตายซะ!” แม่ทัพชาโคจรปราณก่อเกิด คลื่นพลังที่เกิดจากการลงมือของปรมาจารย์ระดับดารานั้นน่าสะพรึงกลัวมาก


แรงกดดันอันทรงพลังส่งผลให้ทุกคนรอบข้างทรุดตัวลงกับพื้น มีเพียงไม่กี่คนอย่างจ้าวหลุนที่มีแม่ทัพจ้าวคอยคุ้มครองและหลี่เหว่ยเหว่ยที่มีผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายปกป้องอยู่


กลุ่มของหลิงฮันเองก็มีทั้งเขาและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์คอยคุ้มครอง


“รอก่อน” หลิงฮันสะบัดมือและกวาดสายตามองไปยังผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย ชาจิ่งและจ้าวเจี้ยนไป๋พร้อมกับกล่าวออกมา “ในตอนที่ข้ากำลังมุ่งหน้าไปยังนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ข้าถูกไล่ล่าและถูกพังเรือเหาะอวกาศ คนร้ายต้องเป็นหนึ่งในพวกเจ้า”


จอมยุทธระดับดาราที่มีความเกี่ยวข้องกับเขาในตอนนั้นมีไม่มาก จักรพรรดินีแห่งดารากับฉีเชียวเซวี่ยไม่มีแรงจูงใจที่จะทำเช่นนั้น ดังนั้นผู้ต้องสงสัยจึงเหลือเพียงสามคนนี้โดยเฉพาะชาจิ่งกับจ้าวเจี้ยนไป๋


“เหอะ เจ้าคิดว่าตัวเองมีค่าพอให้ข้าลงมือไล่ล่า?” แม่ทัพชากล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม


จ้าวเจี้ยนไป๋กับผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเองก็มีท่าทีไม่ต่างกัน พวกเขามีความหยิ่งยโสในตนเอง แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของหลิงฮัน


หลิงฮันรู้สึกมึนงง เขาจำออร่าของคนร้ายที่ลอบโจมตีเขาได้ซึ่งเป็นออร่าที่แตกต่างกับทั้งสามคนนี้ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามออกไป บางทีคนร้ายอาจจะจงใจเปลี่ยนออร่าของตนเอง เนื่องจากพลังบ่มเพาะที่ต่ำต้อยของเขาในตอนนั้นคนร้ายอาจจะสามารถตบตาเขาได้


แต่ประเด็นก็คือคนร้ายในตอนนั้นมีพลังที่สามารถบดขยี้เขาได้อย่างง่ายดาย เหตุใดต้องเปลี่ยนออร่าของตัวเองให้ยุ่งยากด้วย?


“ฮึ่ม ถ่วงเวลาไปก็ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้!” ชาจิ่งกล่าวอย่างเย็นชาและต้องการลงมือแก้แค้นโดยไว


“ช้าก่อน!” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายยื่นมือออกไป “น้องชายชา หลิงฮันเป็นคนของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะของเรา ตอนนี้เขาก้าวสู้ระดับดาราแล้ว ข้าว่าพวกเราควรจะเป็นมิตรกันไว้ดีกว่า”


“สังหารบุตรของข้ายังคิดจะให้ข้าเป็นมิตรกับมัน?” ชาจิงแสยะยิ้ม ช่าวน่าขัน!


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายตัดสินใจสร้างความสัมพันธ์กับหลิงฮันเสียใหม่ ระดับดาราที่เยาว์วัยเช่นนี้ย่อมมีอนาคตอันไร้ขีดจำกัด


เขาเคยพลาดมาแล้วครึ่งหนึ่งจึงไม่ต้องการทำพลาดอีกครั้ง


“น้องชายชา ผู้ที่เป็นคนกำหนดทุกอย่างตอนนี้คือข้า ก่อนที่จักรพรรดินีจะเก็บตัวบ่มเพาะพลัง นางได้มอบหมายหน้าที่ดูแลจักรวรรดิให้แก่ข้าและพี่ชายตู้” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายอ้างชื่อของจักรพรรดินีแห่งดาราซึ่งเป็นอาวุธที่สามารถสยบทุกคน


ซึ่งมันก็ได้ผล แม้ทัพชาแสดงท่าทีลังเล จักรพรรดินีคือผู้ที่สามารถทำทุกอย่างได้ตามใจ ก่อนหน้านี้แม้กระทั่งแม่ทัพก็ยังถูกนางสังหาร หากเขาฝ่าฝืนคำสั่งต่อให้เขาเป็นปรมาจารย์ระดับดาราก็ไม่ช่วยอะไร


“พี่ชายหลี่ ไม่ใช่ว่าบุตรของพี่ชายชาก็เป็นคนของจักรวรรดิเราเหมือนกันรึไง?” แม่ทัพจ้าวกล่าว “รุ่นเยาว์ผู้นั้นเป็นเพียงคนของจักรวรรดิที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิของเรา การที่เขากล้าสังหารแม้กระทั่งบุตรของแม้ทัพ หากยังไม่ลงโทษและจะมีกฎเอาไว้ทำไม?”


“ใช่แล้ว!” ชาจิ่งกล่าวเสริมทันที ไม่เพียงแค่คำกล่าวของจ้าวเจี้ยนไป๋จะฟังดูถูกต้อง แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยังยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเขาอีกด้วย


“พี่ชายหลี่ ท่านสมควรร่วมมือกับข้าเพื่อจับกุมกบฏผู้นี้” จ้าวเจี้ยนไป๋กล่าวกดดัน ต่อให้หลิงฮันจะก้าวสู่ระดับดาราแล้ว แต่ทุกคนก็มีพลังระดับดาราขั้นต้นเท่ากัน การจะกำราบหลิงฮันย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ


หากพวกเขาสามคนร่วมกันก็จะสำเร็จง่ายขึ้น


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเริ่มลังเล เขาต้องการสร้างสายสัมพันธ์กับหลิงฮัน แต่ก็ไม่ต้องการแตกหักกับแม่ทัพทั้งสองเช่นกัน


จะคุ้มค่าจริงๆรึ?


ตอนนี้ถึงแม้เขาจะมีอำนาจอยู่ในมือแต่ก็ยังทัดเทียมกับผู้อาวุโสฝ่ายขวา และเนื่องจากแม่ทัพทั้งเจ็ดไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเขากับผู้อาวุโสฝ่ายขวาจึงมีอำนาจเคียงบ่างเคียงไหล่กัน หากจ้าวเจี้ยนไป๋กับชาจิ่งหันไปอยู่ฝ่ายเดียวกับผู้อาวุโสฝ่ายขวาทั้งคู่ อำนาจของเขาจะถูกผู้อาวุโสฝ่ายขวานำทันที


จะให้ล่วงเกินปรมาจารย์ระดับดาราถึงสองคน… ไม่ค่าค่าเอาเสียเลย


เขาครุ่นคิดก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ “ในเมื่อพวกเจ้ามีความบาดหมางส่วนตัวงั้นก็ตัดสินกันเอาเอง ข้าจะไม่ยุ่ง!”


“ท่านพ่อ!” หลี่เหว่ยเหว่ยไม่สบอารมรณ์ ที่บอกว่าจะไม่ยุ่งหมายความว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้งั้นรึ?


จ้าวเจี้ยนไป๋กับชาจิ่งไม่พอใจเท่าไหร่ แต่เมื่อเพื่อผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายไม่คิดจะแทรกแซงอย่างน้อยก็ตัดปัญหาไปได้พอสมควร


พวกเขาทั้งสองเป็นปรมาจารย์ระดับดาราที่โชกโชนประสบการณ์ ส่วนหลิงฮันนั้นเพิ่งทะลวงผ่านระดับดารา พวกเขาที่ร่วมมือกันจะไม่สามารถจัดการหลิงฮันได้รึ?


“หลิงฮัน เจ้ายังไม่คุกเข่ารับโทษอีกรึ! หรือเจ้าจงใจจะให้จักรวรรดิต้าหลิงล่มสลายไปพร้อมกับเจ้า?” จ้าวเจี้ยนไป๋สร้างแรงกดดันให้กันหลิงฮันโดยการอ้างจักรวรรดิต้าหลิง


“ให้ข้าจัดการเอง!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก้าวออกหน้า นางเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับดาราจึงอยากจะทดสอบพลังของตนเอง


“อืม” หลิงฮันพยักหน้า


สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์พลักฝ่ามือกระแทกกำแพงร้านอาหารลอยกระเด็นก่อนจะก้าวเท้าเหาะเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า


อะไรกัน!


ทันทีที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง


ไม่ใช้สิ่งใดช่วยเหลือแต่กลับสามารถเหาะเหินกลางอากาศได้… ระดับดารา!


ที่แท้ข้างกายหลิงฮันก็มีปรมาจารย์ระดับดาราอยู่อีกคน สถานการณ์ในตอนนี้ยากที่จะคาดเดาผลลัพธ์เสียแล้ว


Anchor


เซียงเฉิงหยินชะงักด้วยความหวาดกลัว


ทำไมน่ะรึ?


เขากล้าบอกให้ปรมาจารย์สตรีผู้นั้นอยู่ดื่มด้วยกันกับเขา ไม่ใช่ว่านั้นเป็นการแส่หาที่ตายหรอกรึ?


ชาจิ่งและจ้าวเจี้ยนไป๋มีสีหน้าจริงจัง แม้ออร่าของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์จะไม่มั่นคง แค่เห็นก็สามารถบอกได้ว่านางเพิ่งทะลวงผ่านระดับดาราได้ไม่นาน แต่ตราบใดที่ก้าวเท้าเข้าสู่ระดับดาราแล้วอีกฝ่ายก็ไม่อาจประมาทได้เด็ดขาด เพราะอย่างไรพวกเขาก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นต้นชั้นสูงสุด


“แม่นาง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า เหตุใดต้องเข้ามายุ่งด้วย?” ชาจิ่งกล่าวโน้มน้าว


สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์สยายปีกนกอมตะทั้งสองข้างออกมาด้านหลัง ปีกแต่ละข้างมีความยาวพันไมล์ เพียงแค่ปักกระพือเบาๆก็ทำให้ก้อนเมฆสั่นไหวราวกับกำลังเริงระบำ “หลิงฮันคือสามีของข้า!”


เมื่อได้ยินคำกล่าวของนาง ชาจิ่งก็กล่าวอะไรไม่ถูกทันที


แต่ตัวเขาก็เกิดความรู้สึกอิจฉาริษยาขึ้นมาเช่นกัน ถึงแม้เขาจะเป็นจอมยุทธระดับดาราก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหาภรรยาที่เป็นจอมยุทธระดับดาราเหมือนกัน


“หากเป็นเช่นนั้น พวกเราคงหลีกเลี่ยงการต่อสู้กันไม่ได้” ชาจิ่งนำกระบี่ออกมา สมบัติชิ้นนี้เป็นอาวุธที่อยู่เคียงคู่เขาในสนามรบมาแล้วไม่รู้นานเท่าไหร่ซึ่งมีเจตจำนงของเขาประทับเอาไว้

 

 

 


ตอนที่ 1404

 

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ไม่กล้าดูถูกอีกฝ่าย


นางทะลวงผ่านระดับดาราด้วยรากฐานระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ พลังต่อสู้ของนางจึงอยู่ที่ราวๆห้าดาวถึงหกดาว แต่จากที่ได้ยินมา แม่ทัพทั้งเจ็ดและผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายขวานั้นเป็นอัจฉริยะสี่ดาว รวมกับพลังบ่มเพาะระดับดาราขั้นต้นชั้นสูงสุดของพวกเขาและอำนาจแห่งจักรภพ พลังต่อสู้ของพวกเขาสมควรมากกว่านางสองถึงสามดาว


ความต่างนี้ไม่ใช่น้อยๆ


แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็มีสายเลือดพิเศษของนกอมที่แท้จริง นางสามารถยกระดับพลังต่อสู้ขึ้นมาได้อีกหนึ่งดาว


ดังนั้นความต่างของนางกับชาจิ่งสมควรอยู่ที่ราวๆหนึ่งถึงสองดาว


ชาจิ่งคำรามปลดปล่อยพลังทั้งหมด รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์บนกระบี่ส่องประกายที่ละจุดพร้อมกับระเบิดกลิ่นอายสังหารออกมา


เขาไม่ใช่สุดยอดอัจฉริยะเหมือนหลิงฮัน แต่กล่าวได้ว่าจำนวนคนที่เขาลงมือสังหารไปนั้นหลิงฮันเทียบเขาไม่ติดแน่นอน


“ไปสู้กันบนฟ้า!” ชาจิ่งเหาะเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า


สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ไม่โต้แย้งและสยายปีกด้านหลังลอยขึ้นฟ้า


ปัง!


ทั้งสองคนไม่พูดพล่ามและเข้าปะทะกันทันใด คลื่นพลังทำลายล้างแพร่กระจายออกเป็นวงกว้างแต่ถูกรูปแบบอาคมป้องกันของเมืองจักรพรรดิป้องกันเอาไว้ ในขณะเดียวกัน หัวหน้าองครักษ์อย่างฉีเชียวเซวี่ยเองก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเมืองจักรพรรดิและแสดงสีหน้าตกตะลึง


เมื่อใดกันที่จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะมีจอมยุทธสตรีระดับดารา?


ยิ่งกว่านั้นถึงแม้อีกฝ่ายจะยังเพิ่งทะลวงผ่านระดับดารา พลังต่อสู้กับน่าสะพรึงกลัวมาก ต่อให้จะยังไม่สามารถทัดเทียมกับชาจิ่งได้แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบมากนัก


เป็นเพราะนางกำลังอยู่ในหน้าที่จึงไม่สามารถไปดูการต่อสู้ได้ นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมากว่าสตรีผู้นั้นเป็นใคร


“ท่านพ่อ!” จ้าวหลุนเอ่ยกระซิบ แววตาของเขาปรากฏร่องรอยของความอาฆาต


Anchor


จ้าวเจี้ยนไป๋มองไปยังบุตรชายของตนก่อนจะเค้นเสียงไม่พอใจ


เขารู้ว่าบุตรของเขาต้องการให้เขาลงมือสังหารหลิงฮัน


ช่างเป็นบุตรที่ไร้ประโยชน์เสียจริง!


หลิงฮันก้าวสู้ระดับดาราแล้วส่วนเจ้าไม่สามารถ… แต่ประเด็นคือพอมีปัญหาเจ้าก็มาขอให้ข้าช่วย


ลูกผู้ชายสมควรจะใช้พลังของตนเองในการแก้แค้น


จ้าวเจี้ยนไป๋ถอนหายใจ ใครใช้ให้เขามีบุตรชายเพียงคนเดียวกันล่ะ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่ช่วยเหลือบุตรของตนเอง?


“หลิงฮัน ไปสู้กันบนฟ้า!” จ้าวเจี้ยนไป๋เอ้ยกล่าว เสียงของเขาดังก้องกังวาลด้วยจิตใจที่พร้อมสู้รบ


หลิงฮันนั่งนิ่งและกล่าว “หากข้าลงมือจะมีปรมาจารย์คนหนึ่งหายไป เจ้าแน่ใจว่าต้องการขุดหลุมฝังตัวเอง?”


นะ นะ นี่มัน!


อย่าว่าแต่จ้าวเจี้ยนไป๋เลย แม้แต่ผู้คนโดยรอบที่ได้ยินต่างก็คิดว่าหลิงฮันอวดดีเกินรึเปล่า?


จ้าวเจี้ยนไป๋เป็นปรมาจารย์ระดับดารามาเป็นเวลานานแล้ว เขาขัดเกลาระดับพลังมานานไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนปี ส่วนเจ้าเป็นเพียงปรมาจารย์เพิ่งก้าวสู่ระดับดารา ยิ่งกว่านั้นถึงแม้หลิงฮันจะเป็นคนของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ แต่อำนาจแห่งจักรภพที่สามารถเรียกใช้ได้ก็แตกต่างกับจ้าวเจี้ยนไป๋ที่เป็นถึงแม่ทัพ


จ้าวเจี้ยนไป๋แสยะยิ้มและหัวเราะ “เจ้าหนู เจ้าที่สามารถทะลวงผ่านระดับดาราได้ด้วยอายุเพียงเท่านั้นแน่นอนว่าเจ้าสามารถดูหมิ่นโลกทั้งใบ แต่อย่าคิดว่าตนเองสูงส่งที่สุด มาปะทะกับข้าบนท้องฟ้า!”


“แต่เจ้าก็ไม่ได้สูงสุดที่สุดในโลก” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “ในเมื่อเจ้าต้องการ ก็ตามใจเจ้า!”


หลิงฮันนำดาบไม้พุพังออกมา แม้ดาบเล่มนี้จะมีประโยชน์เพียงความทนทาน แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะบดขยี้จอมยุทธระดับดาราขั้นต้นแล้ว


เมื่อจ้าวเจี้ยนไป๋เห็นอาวุธของหลิงฮัน ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึงทันที


นั่นเรียกว่าอาวุธได้รึ?


เจ้าตั้งใจจะใช้อาวุธเช่นนั้นต่อสู้กับข้า… นี่เจ้าดูถูกข้าขนาดไหนกัน?


“ดีมาก! ดีมาก! ดีมาก!” ใบหน้าของจ้าวเจี้ยนไป๋เปลี่ยนเป็นมืดมน “หากข้าไม่สังหารในวันนี้ ข้าจะไม่ใช่แซ่จ้าวอีกต่อไป!”


หลิงฮันพุ่งออกไปพร้อมกับกวัดแกว่งดาบไม้ในมือขวาและสะบั้นใส่จ้าวเจี้ยนไป๋อย่างเรียบง่าย


จ้าวเจี้ยนไป๋โกรธทนแทบจะกระอักโลหิต ใช้ดาบไม้หักๆเล่มนั้นต่อกรกับเขา คิดว่าเขาเป็นลูกไก่ที่อ่อนแอขนาดนั้นเลยรึไง? ก็ได้ หากเจ้าต้องการข้าก็จะส่งเจ้าไปสู่ความตายเอง!


มือขวาของเขาสั่นไหวก่อนจะมีดาบเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือขวา


หืม!


แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกตะลึง การโจมตีของหลิงฮันรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงแค่สะบัดดาบลวกๆผ่านไปพริบตาเดียวตัวดาบก็แทบจะมาถึงตัวเขาแล้ว จ้าวเจี้ยนไป๋รีบใช้ดาบในมือมาปัดป้องทันที เขาเชื่อว่าด้วยอำนาจของดาบในมือ ไม่เพียงแค่ดาบไม้ของหลิงฮันจะพังทลาย แต่ร่างของหลิงฮันต้องถูกเขาผ่าออกเป็นสองส่วน


เมื่อดาบของเขาเข้าปะทะกับดาบไม้ ‘แคร่ก’ เสียงแตกร้าวก็ดังขึ้น สิ่งที่ไม่คาดคิดคือดาบของจ้าวเจี้ยนไป๋ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนโดยที่ดาบไม้ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ และในตอนนั้นเอง คลื่นพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาเบื้องหน้าเขา


จ้าวเจี้ยนไป๋สั่นสะท้าน ในชีวิตนี้เขาสังหารคนมามากมายและคุ้นชินกับความกระหายเลือดในการต่อสู้ แต่ต่อหน้าคลื่นพลังตรงหน้านี้ เขากลับรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงเหยื่อที่ไม่อาจขัดขืน


เมื่อดาบไม้ปะทะกับร่างของเขา กายหยาบของเขาก็ระเบิดออกเป็นสองส่วนและแม้กระทั่งดวงวิญญาณก็ถูกทำลาย


เหลือเชื่อ!


ปรมาจารย์ระดับดาราถูกสังหารด้วยดาบเดียว ใครจะทำใจเชื่อได้ลง?


จิตใจของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายสั่นสะท้าน แววตาของเขาเฉียบคมทำให้รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งจนถึงระดับที่สามารถสังหารจ้าวเจี้ยนไป๋ได้ในดาบเดียว จะกล่าวว่าเพราะเห็นหลิงฮันใช้ดาบไม้จ้าวเจี้ยนไป๋จึงประมาทก็ไม่ใช่เสียทีเดียว


ต่อให้หลิงฮันใช้อาวุธอื่น จ้าวเจี้ยนไป๋ก็คงถูกสังหารอย่างง่ายดายไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่


แท้จริงแล้ว… หลิงฮันไม่เพียงก้าวสู่ระดับดารา แต่ยังเหนือกว่าพวกเขาไปแล้วด้วย


พลังต่อสู้ของหลิงฮันสมควรอยู่ในระดับดาราขั้นสูงเป็นอย่างน้อย ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถสังหารจ้าวเจี้ยนไป๋ได้ในดาบเดียว!


หลิงฮันรั้งดาบกลับมาและพบว่าดาบไม้ในมือค่อยๆมีแสงเงาสีดำปรากฏออกมา ในขณะที่มองดูเงาสีดำนั่น แม้แต่ตัวเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความสยดสยองอันน่าหวาดกลัว ดูเหมือนว่าดาบเล่มนี้จะไม่ใช่ดาบไม้ผุพังทั่วไปแต่เป็นดาบที่ผ่านสงครามนองเลือดมานับไม่ถ้วน


เขาคาดเดาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าดาบเล่มนี้ไม่ใช่ดาบธรรมดา แต่ไม่นึกว่ามันจะเปิดเผยพลังออกมาหลังจากที่ได้สัมผัสกับเลือด ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นลวดลายบนตัวดาบได้อย่างชัดเจน แม้ลวดลายของดาบจะดูธรรมดาสามัญ แต่กลิ่นอายที่มันปลดปล่อยออกมานั้นยิ่งใหญ่เกินจะพรรณนา


ดาบสังหารที่สามารถทำลายดวงวิญญาณได้โดยตรง!


เอาไว้ค่อยศึกษาดาบเล่มนี้ทีหลัง


หลิงฮันเก็บดาบและมองไปยังจ้าวหลุน


รุ่นเยาว์แสนหยิ่งยโสคนนี้ยังคงไม่หายตะลึงกับการตายของจ้าวเจี้ยนไป๋ เขาไม่อาจยอมรับความจริงได้ว่าบิดาที่ผู้ยิ่งใหญ่ของเขาจะตกตายด้วยเงื้อมมือของหลิงฮัน


จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงแววตาอันเย็นชาของหลิงฮัน ร่างของเขาก็สั่นสะท้านและตื่นจากความตะลึง


“จะ เจ้าสังหารบิดาข้า!” จ้าวหลุนรีบไปหลบอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย “ผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย หมอนั่นสังหารแม่ทัพของจักรวรรดิ การกระทำของเขาไม่ต่างอะไรกับการกบฏ ข้าขอให้ผู้อาวุโสลงมือเพื่อมอบความยุติธรรมให้แก่จักรวรรดิ!”


อย่านำข้าไปเกี่ยว!


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายปากกระตุกจนเกือบจะสบถคำหยาบออกมา คำพูดของจ้าวหลุนไม่ใช่ว่ากำลังหาพลักเขาเข้าสู่กองไฟหรอกรึ?

 

 

 


ตอนที่ 1405

 

ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายมีสีหน้าปั้นยาก


คำกล่าวของจ้าวหลุนนั้นมีเหตุผลพอสมควร การที่แม่ทัพของจักรวรรดิถูกสังหารนั้น ตัวเขาในฐานะผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายย่อมไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ แต่ปัญหาก็คือหลิงฮันแข็งแกร่งเกินไป เพียงแค่ดาบเดียวก็จัดการจ้าวเจี้ยนไป๋จนสิ้นชีพ เกรงว่าต่อให้เป็นเขาก็คงไม่ต่างกัน


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายต้องการพลังและอำนาจ แต่ถ้าหากต้องเอาชีวิตตนเองไปเสี่ยงเขาก็คงปฏิเสธ


เขาแอบสาปแช่งอยู่ในใจ สถานการณ์ก็ดำเนินมาสักพักแล้ว เหตุใดผู้อาวุโสฝ่ายขวากับแม่ทัพอีกห้าคนถึงยังไม่ปรากฏตัวอีก?


ไม่ใช่ว่าพวกเขายังมาไม่ถึง พวกเขามาถึงแล้วแน่นอนแต่เลือกที่จะแอบดูสถานการณ์อยู่ในเงามืดไม่กล้าออกมา ในอนาคตหากมีปัญหาใดๆเกิดขึ้นพวกเขาคงจะแสร้งว่าตนเองไม่รู้ จะให้ทำอย่างไร?


บัดซบ โยนความลำบากให้ข้าคนเดียว!


ปากของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกระตุก สถานการณ์อันยากลำบากในตอนนี้ เกรงว่านอกจากจักรพรรดินีกับราชินีทั้งเก้าที่บรรลุระดับพลังเกินกว่าระดับดาราขั้นกลางแล้วคงไม่มีใครสามารถหยุดยั้งหลิงฮันได้


“ผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย แก้แค้นให้ท่านพ่อของข้าด้วย!” จ้าวหลุนคุกเข่าลงพร้อมกับน้ำตาไหลพราก


เมื่อสูญเสียบิดาไป แน่นอนว่าเขาต้องโศกเศร้า แต่น้ำตาที่ไหลนองราวกับน้ำตกนั้นเกรงว่าจะดูเกินจริงไปหน่อย


ผู้คนมากมายมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่มีใครเลยที่กล้าส่งเสียง นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์ระดับดารา พวกเขาไม่มีคุณสมบัติจะไปยุ่งเกี่ยว


“เรื่องนี้…” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกล่าวตะกุกตะกัก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะหลิงฮัน แต่การที่แม่ทัพคนหนึ่งเสียชีวิตไปเขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่ได้เช่นกัน


“หลิงฮัน!” เสียงดุดันดังขึ้น พร้อมกับร่างของสตรีผู้นี้ค่อยๆปรากฏตัวเข้ามาใกล่ นางสวมชุดเกราะรบเต็มตัวและผ้าคลุมสีชาดที่ยาวลอยพริ้วไปตามสายลม


ฉีเชียวเซวี่ย หัวหน้าองครักษ์จักรพรรดินี!


ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายปรากฏตัว ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็ถอนหายใจโล่งลง ในแก่ของอำนาจแล้ว ฉีเชียวเซวี่ยมีสถานะที่สูงกว่าเขาเนื่องจากรับหน้าที่ดูแลพระราชวังโดยตรง นอกจากจะดึงอำนาจแห่งจักรภพมาใช้ได้มากกว่าเขาแล้ว นางยังสามารถกระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมขนาดใหญ่ของเมืองจักรพรรดิได้ด้วย


“หัวหน้าองครักษ์ฉี!” หลิงฮันผสานมือกล่าวทักทายฉีเชียวเซวี่ยด้วยท่าทีค่อนข้างสุภาพ


ฉีเชียวเซวี่ยเค้นเสียง “เจ้าบรรลุระดับดาราแล้วสถานะในตอนนี้ของเข้าทัดเทียมกับข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องทำท่าทีสุภาพเช่นนั้น ที่ข้าอยากรู้ก็คือเจ้ามาที่นี่เพื่อโอ้อวดพลังของตัวเอง?”


หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ข้าไม่ได้จะโอ้อวดอะไรทั้งนั้น ข้าแค่ต้องการพบองค์จักรพรรดินีเท่านั้น แต่ในเมื่อจักรพรรดินีเก็บตัวบ่มเพาะพลังอยู่ ข้าจึงจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก แต่ไม่คาดคิดว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น”


ใบหน้าของฉีเชียวเซวี่ยชะงักเล็กน้อย “เจ้าสังหารแม่ทัพไปแล้ว ความผิดครั้งนี้ไม่ใช่เล็กน้อยที่จะปล่อยผ่านไปได้ รอให้จักรพรรดินีกลับออกมาเพื่อเป็นคนตัดสินว่าจะดำเนินการอย่างไร”


“อืม!” หลิงฮันพยักหน้า เขากับจักรพรรดินีมีความสัมพันธ์กันแบบใด? ยิ่งกว่านั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจ้าวเจี้ยนไป๋ก็เป็นคนเริ่มท้าทายเขาก่อนด้วย


แววตาของจ้าวหลุนเปลี่ยนเป็นมืดมน เขารู้แล้วว่าการกำจัดหลิงฮันในตอนนี้เป็นไปไม่ได้ ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายไม่กล้าลงมือฉีเชียวเซวี่ยเองก็เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะแอบหลบหนีไปอย่างเงียบๆ


“เจ้าจะหนีไปไหน?” ในขณะที่เขากำลังจะก้าวเดิน เสียงอันไม่แยแสของหลิงฮันก็ดังก้องในหูของเขา ก่อนที่มือที่มองไม่เห็นจะกดลงมา


“หลิงฮัน!” ฉีเชียวเซวี่ยจ้องด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ เจ้าสังหารแม้กระทั่งแม่ทัพของจักรวรรดิไปแล้ว ยังคิดจะสังหารคนเพิ่มอีก? ในฐานะองครักษ์จักรพรรดินีนางไม่สามารถทำเป็นไม่เห็นได้


ปัง!


เสียงของการปะทะดังสะท้านก้องกังวาน ร่างของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ค่อยลอนลงมาในขณะที่ชาจิ่งยังคงยื่นอย่างองอาจอยู่บนท้องฟ้า ไม่ว่าจะอย่างไรพลังบ่มเพาะของเขาก็สูงกว่า แถมเมื่อได้อำนาจแห่งจักรภพเข้ามาช่วย การต่อสู้ครั้งนี้เขาจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ


“หลิง…” ชาจิ่งที่กำลังจะตะโกนสังเหตเห็นเสียก่อนว่าร่างของจ้าวเจี้ยนไป๋ได้ถูกบดขยี้ออกเป็นสองส่วน


อะไรกัน!


ชาจิ่งมันใจว่าไม่ใช่ฝีมือของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกับฉีเชียวเซวี่ยแน่นอนเนื่องจากทั้งคู่ไม่มีพลังที่จะทำเช่นนี้ได้!


เหลือเพียงคนเดียว… หลิงฮัน!


เหลือเชื่อ รุ่นเยาว์ผู้นี้แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?


ชาจิ่งไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของหลิงฮันจึงนึกว่าเป็นเพราะหลิงฮันจงใจปกปิดพลังเอาไว้และมีพลังเพียงระดับดาราขั้นต้นเท่ากับตน แต่ตอนนี้เขารู้แล้วตัวเองคิดผิด


ที่เขาไม่สามารถมองเห็นนั้นเป็นเพราะระดับพลังของหลิงฮันอยู่เหนือเขา!


เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หลิงฮันจะสามารถสังหารจ้าวเจี้ยนไป๋ได้อย่างง่ายดาย การโจมตีของอีกฝ่ายนั้นเรียบง่ายจนแม้แต่เขาก็ไม่สังเกตุเห็น ในขณะที่กำลังต่อสู้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ เขาจะกล้าเสียสมาธิได้อย่างไร?


ร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว


การที่เขาเคยผ่านสงครามนองเลือดหรือสังหารคนมาแล้วนับล้านก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อตนเองต้องมาอยู่ด้านหน้าความตาย เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหงื่อตกด้วยความหวาดกลัว


จะยังสังหารหลิงฮันเพื่อแก้แค้นอยู่ไหม?


ไม่มีทาง… เขาไม่ใช่จ้าวเจี้ยนไป๋เสียหน่อย ตัวเขามีบุตรอยู่มากมาย ชาหยวนเป็นเพียงหนึ่งในบุตรของเขาเท่านั้นแถมยังไม่ใช่บุตรที่โดดเด่นที่สุด หากชาหยวนตาย…ก็คงต้องปล่อยไป


“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิงฮันมองไปยังสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์


ร่างกายของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เต็มไปด้วยคราบเลือด ปากของนางกระอักโลหิตออกมา แต่ถึงอย่างไรพลังชีวิตของนางก็ไม่ได้รับความเสียหาย นางแสดงสีหน้าเศร้าโศกก่อนจะกล่าว “ข้าแพ้!”


หลิงฮันส่ายหัว “เจ้าแพ้ที่ไหนกัน? เจ้าคงจำผิดแล้ว!” เขามองไปยังชาจิ่งและเอื้อมมืออีกข้างออกไป ทันใดนั้นเองมือปราณก่อเกิดขนาดใหญ่ก็ได้กดลงมาทับร่างของชาจิ่ง


นิ้วมือทั้งห้าของฉีเชียวเซวี่ยเคลื่อนไหวและกำลังจะมือ แต่เมื่อนางพบว่าหลิงฮันไม่ได้ปลดปล่อยจิตสังหารใดๆออกมา นางก็เลือกที่จะยั้งมือเอาไว้


ชาจิ่งจะสามารถต้านทานได้อย่างไร? เมื่อมือขนาดใหญ่ทับลงมา ร่างของเขาก็ถูกกดลงสู่พื้นดินทันที ชาจิ่งร้องโอดครวญอย่างความเจ็บปวดด้วยสีหน้าอัปลักษณ์


หลิงฮันดึงมือกลับมาและยิ้ม “ดูสิภรรยาข้า เขาบาดเจ็บยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก เพราะงั้นเจ้าเป็นฝ่ายชนะ”


นี่มัน…


ใต้ท้องฟ้ากลางวันแสกๆ เจ้ากล้าโกหกหน้าด้านๆเช่นนี้!


หลิงฮันยังไม่หยุดแค่นี้และเอ่ยถามชาจิ่งด้วยแววตาโหดเหี้ยม “พี่ชายชา ท่านเป็นฝ่ายแพ้สินะ?”


ชาจิ่งรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เขากัดหมัดแน่นอย่างไม่ยินยอมก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเบา “ข้าแพ้นาง”

 

 

 


ตอนที่ 1406

 

“ภรรยาข้า เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม เขาเป็นคนบอกเองว่าเจ้าเป็นผู้ชนะ!” หลิงฮันมองไปยังสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์


ทุกคนอึ้งจนกลายเป็นไร้คำพูด หลิงฮันหน้าด้านเกินไป!


แต่สตรีมากมายก็รู้สึกเร้าร้อนยิ่งกว่าเดิม บุรุษเช่นนี้คือบุรุษชั้นยอดที่พวกนางต้องการแต่งงานด้วย


สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา นางเขินอายเล็กน้อยและตีไปที่แผ่นหลังของหลิงฮันด้วยความสุข


“พี่ชายชา หายจากบาดแผลไวๆล่ะ” หลิงฮันปล่อยมือออกชาจิ่ง


ถึงแม้เขาจะมีความบาดหมางกับขาหยวน แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรชาจิ่ง ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ล้ำเส้นจนเกินไปเขาก็ไม่สร้างความลำบากให้อีกฝ่าย ยิ่งกว่านั้นฉีเชียวเซวี่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย เขาจำเป็นต้องไว้หน้านางบ้าง


ชาจิ่งไม่กล้ากล่าวอะไรและหันหลังจากไป ท่าทีของเขาในตอนนี้อ่อนน้อมราวกับไม่ใช่แม่ทัพ


อีกด้านหนึ่ง จ้าวหลุนหวาดกลัวจนฉี่ราด แม้กระทั่งแม่ทัพชายังถูกทุบตีราวกับสุนัข แถมขนาดหลิงฮันลงมือขนาดนั้นแล้ว หัวหน้าองครักษ์อย่างฉีเชียวเซวี่ยยังไม่แทรกแซงทำอะไรด้วย


เขายังไม่อยากตาย หากต้องการแก้แค้นเขาจะมาตายที่นี่ไม่ได้!


“จ้าวหลุน ข้าไม่รังเกียจที่จะต่อสู้กันแบบยุติธรรมหรอกนะ แต่เป็นเจ้าเองคิดจะสังหารข้าหลายต่อหลายครั้งในตอนที่ข้ามีพลังบ่มเพาะต่ำต้อยกว่าเจ้า” หลิงฮันกล่าว “ตอนนี้พลังบ่มเพาะของข้าสูงกว่าเจ้าแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการรังแกเจ้าเกินไป หากเจ้ารับการโจมตีสามครั้งของข้าได้ ข้าจะยอมไว้ชีวิตเจ้า”


สามครั้งน้องสาวเจ้าสิ!


จ้าวหลุนสบถในใจ บิดาของเขาไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่หนึ่งการโจมตีจากเจ้า แต่เจ้าคิดจะให้ข้ารับการโจมตีถึงสามครั้งงั้นรึ นี่เจ้าตั้งใจมอบโอกาสรอดชีวิตให้ข้าจริงๆรึเปล่า?


“ถูกต้อง ข้าไม่คิดจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิต!” หลิงฮันกล่าวพร้อมกับกำมือ ‘ตูม’ ร่างของจ้าวหลุนถูกบดขยี้ แม้กล้ามเนื้อและโลหิตของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราจะอัดแน่นไว้ด้วยพลังที่แข็งแกร่ง แต่พลังปราณขนาดใหญ่ของหลิงฮันได้ทำให้พลังเหล่านั้นสลายไปจนหมด


จ้าวหลุนตกตายโดยไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวดวงวิญญาณ


ใบหน้าของเซียงเฉิงหยินเปลี่ยนจากซีดเผือดเป็นสีเขียวและเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำราวกับกิ้งก่า ตอนนี้ศัตรูของหลิงฮันค่อยๆถูกกำจัดไปทีล่ะคน แล้วเขาล่ะจะรอดไหม? ประเด็นสำคัญสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้คนที่ทำให้มันเกิดขึ้นคือตัวเขาเอง


หากเขาไม่ได้ต้องการห้องส่วนตัวนั่นล่ะก็…


“นายท่าน ช่วยข้าด้วย!” เซียงเฉิงหยินโคจรปราณก่อเกิดควบคุมขาที่ไร้เรี้ยวแรงไปหยุดอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและก้มหัว


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายนั้นถึงแม้จะเห็นเหตุการณ์ที่ปรมาจารย์ระดับดาราตกตาย แต่เขาไม่รู้เซียงเฉิงหยินเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ เขารู้สึกมึนงงว่า จอมยุทธระดับภูผาวารีตัวจ้อยเช่นนี้จะไปล่วงเกินอะไรปรมาจารย์ระดับดาราได้?


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายสะบัดมือและกล่าว “เจ้าลุกขึ้นก่อนแล้วบอกมาว่ามีเรื่องอะไร”


ไม่ว่าอย่างไรเซียงเฉิงหยินก็เป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของเขา ต่อหน้าสาธารณะชนเขาจำเป็นต้องปกป้องเซียงเฉิงหยิน


เซียงเฉิงหยินไม่กล้าลุกขึ้นยืน เหงื่อของเขาไหลออกมาไม่หยุด “นายท่านต้องช่วยข้า! นายท่านต้องช่วยข้า!”


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายหัวเราะ เขาคิดไปเองว่าเซียงเฉิงหยินนั้นหวาดกลัวต่อพลังของปรมาจารย์ระดับดาราจนเสียสติ เขาเอื้อมมือออกไปจับที่ไหล่ของเซียงเฉิงหยินและกล่าว “เจ้าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายช่างห่วงใยคนของตนเองจริงๆ”


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายจะรู้ได้อย่างไรว่าเซียงเฉิงหยินคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด? เขาคิดว่าหลิงฮันกล่าวชมเขาจริงๆจึงเผยรอยยิ้มให้หลิงฮัน


หากเป็นก่อนหน้านี้ หากหลิงฮันกล่าวชมเขาแบบนี้เขาไม่มีทางรู้สึกดีเป็นแน่ กลับกันเขาคงโมโหด้วยซ้ำ


แต่ตอนนี้หลิงฮันเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง เมื่อถูกชมเขาจึงรู้สึกดีขึ้นมาทันที


บางประโยค ต่อให้คำพูดจะเหมือนกัน แต่หากคนพูดไม่ใช่คนเดียวกันความรู้สึกก็ย่อมแตกต่าง


“ฮ่าๆ แน่นอนอยู่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกล่าวด้วยใบหน้าปลื้มปริ่ม


หลิงฮันหัวเราะออกมาเช่นกัน “พี่ชายเซียงกล้าหาญเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ที่ข้ากำลังกินอาหารอยู่กับพี่น้องและสหายในห้องอาหาร พี่ชายเซียงได้ใช้อำนาจยืนกรานว่าจะยึดห้องอาหารที่ข้าอยู่ แถมพอข้ายกห้องอาหารให้กับเขา พี่ชายเซียงเฉิงหยินก็ยังบอกให้ภรรยาของข้าไปดื่มกับเขาด้วย”


พรวด!


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายสำลักและใบหน้าเปลี่ยนสีทันที


เขาจ้องมองไปยังเซียงเฉิงหยินที่ตอนนี้ตัวสั่นราวกับคนป่วย เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก!


ให้ปรมาจารย์ระดับดารายกห้องอาหารให้ไม่พอ เจ้ายังบอกให้ปรมาจารย์ระดับดาราอยู่ดื่มกินกับเจ้าด้วย?


ก่อนหน้านี้ข้าถูกจ้าวหลุนทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากไปรอบหนึ่งแล้ว ส่วนครั้งนี้เป็นเจ้างั้นรึที่ทำกับข้า?


นี่เจ้ามีความบาดหมางหรือรังเกียจข้ารึไง? ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายสูดหายใจและทุบตีเซียงเฉิงหยินทันที


ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายทำให้ผู้คนโดยรอบชะงัก


ทุกคนกลายเป็นไร้คำพูด ท่าทีอันเกรี้ยวกราดของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายที่กำลังทุบตีคนของตัวเองทำให้ภาพลักษณ์ของเขาพังทลายอย่างสิ้นเชิง


“นั่นใช่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายจริงๆรึ?”


“นายท่านโปรดเมตตา! นายท่านยกโทษให้ข้าด้วย!” เซียงเฉิงหยินโอดครวญ เขาไม่นึกว่าก่อนว่าก่อนที่หลิงฮันจะลงมือกับเขาผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกลับเป็นคนลงมือเสียก่อน


เสียงของเซียงเฉิงหยินค่อยอ่อนแรงลงจนพลังชีวิตดับไปในที่สุด


สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หลิงฮันด้วยความหวั่นเกรง หลิงฮันในตอนนี้คือตัวตนที่อยู่เหนือกว่าผู้อาวุโสซ้ายขวาและแม่ทัพทั้งเจ็ด อย่างที่เห็นว่าท่าทีของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายในตอนนี้หวาดกลัวขนาดไหน


หากราชินีทั้งเก้าไม่ลงมือ ใครจะสามารถหยุดยั้งหลิงฮันได้?


และเนื่องจากระดับพลังบ่มเพาะที่ต่างกันเกินไป สหายเก่าอย่างหลินยู่และคนอื่นๆที่ถูกหลิงฮันชักชวนให้ไปคุยกันต่างมีท่าทีกระตุกกระตักและหวั่นเกรง หลิงฮันเองก็ไม่บีบบังคับพวกเขา หลังจากมอบเม็ดยาให้แล้วเขาก็ขอตัวกลับ


หลิงฮันบอกให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และคนอื่นๆไปหาโรงเตี๊ยมพักก่อนในขณะที่ตัวเขามุ่งหน้าไปยังสำนักนภาสีชาด


ด้วยพลังของหลิงฮันในตอนนี้ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเขาได้ ต่อให้ในสำนักมีกฎต้องห้ามมากมายเขาก็มาถึงห้องตำราของสำนักได้อย่างรวดเร็ว


เฒ่าสวียังคงนั่งแน่นิ่งปิดตาเหมือนดั่งเคย

 

 

 


ตอนที่ 1407

 

ก่อนหน้านี้หลิงฮันไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของเฒ่าสวีได้ แต่ตอนนี้หลิงฮันพบว่าเฒ่าสวีจะต้องเป็นปรมาจารย์ระดับดาราแน่นอน แถมยังเป็นระดับดาราขั้นสูงหรืออาจจะขั้นสูงสุดอีกด้วย เนื่องจากเขาในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของอีกฝ่าย!


เพียงแต่ว่าพลังบ่มเพาะของเฒ่าสวีนั้นดูเหมือนกับถูกผนึกเอาไว้ทำให้ดูอ่อนแรงกว่าปกติ


“ผู้อาวุโส” หลิงฮันเอ่ยทัก


“เจ้ากลับมาแล้ว” เฒ่าสวีไม่แสดงท่าทีประหลาดใจใดๆ “ชายชราได้ยินว่าเจ้าสังหารจ้าวเจี้ยนไป๋ด้วยดาบเดียว เช่นนั้นแล้วพลังต่อสู้ของเจ้าสมควรเทียบเท่าระดับดาราขั้นสูง”


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “รุ่นเยาว์เดินทางไปยังเขตดวงดาวแสงคงกระพันและฝึกฝนอยู่ที่นั่นเป็นเวลากว่าสิบปี”


“ในเมื่อเจ้าบรรลุระดับดาราแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าผู้อาวุโสอีกต่อไป อีกอย่างชยาชราผู้นี้ก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นด้วย” เฒ่าสวีกล่าว เขาบอกเองแท้ๆว่าตนเองไม่ได้แก่แต่กลับเรียกแทนตนเองว่าชายชรา


หลิงฮันส่ายหัว “ในความคิดของข้า ไม่ว่าเมื่อผู้อาวุโสก็ยังคงเป็นผู้อาวุโส”


เฒ่าสวีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ในที่เขาก็ลืมตาและพยักหน้า “เจ้าเป็นคนดี ข้ามองคนไม่ผิดจริงๆ”


“ผู้อาวุโสเคยมองคนผิดด้วย?” หลิงฮันสงสัย


“เหอๆ แน่นอนอยู่แล้ว ชายชราอยู่ที่นี่มากนานกว่าหมื่นปีและชี้แนะรุ่นเยาว์มามากมาย แต่ไม่ว่าคนใดก็ล้วนแต่ไม่สำนึกบุญคุณ พอระดับพลังบ่มเพาะสูงขึ้นแล้วพวกเขาก็ไม่เคยโผล่หน้ามาหาข้าอีกเลย” เฒ่าสวีถอนหายใจ


หลิงฮันยิ้ม “ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องรอคอยอีกต่อไปแล้ว” เขานำแก่นไขกระดูกหยกออกมา


“กะ กะ แก่นไขกระดูกหยก!” จู่เฒ่าสวีก็ลุกพรวดขึ้นยืน


เฒ่าสวีคว้าไปที่แก่นไขกระดูกหยก “เจ้าหนู รอเจ้าอยู่ที่นี่หนึ่งคืน ข้ามีบางอย่างจะพูดคุยกับเจ้า”


เมื่อกล่าวประโยคนี้เสร็จ เฒ่าสวีก็เข้าไปยังห้องตำรา ที่น่าแปลกก็คือเขาเปิดช่องลับของห้องตำราและลงไปยังชั้นใต้ดิน


หลิงฮันไม่ได้ตามไป เฒ่าสวีบอกเอาไว้แล้วว่าให้เขารออยู่ที่นี่


ถึงแม้เขาจะสงสัยมากแค่ไหน แถมพลังบ่มเพาะของเฒ่าสวีก็ยังถูกผนึกเอาไว้ทำให้ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ก็ตาม หลิงฮันก็ยังเลือกที่จะทำตามที่เฒ่าสวีบอก เขาจะเสียมารยาทกับคนที่ทำดีกับเขาได้อย่างไร?


หนึ่งคืนผ่านพ้นไปเฒ่าสวีก็ปรากฏตัวอีกครั้ง บนใบหน้าของเขาปรากฏร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยแต่ก็แฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นและความสุข


“มานั่งข้างในก่อน!” เฒ่าสวีพาหลิงฮันเข้ามายังห้องตำราและยกเก้าอี้ให้กับหลิงฮัน


“ชื่อของข้าคือ… สวีเหลิน” เฒ่าสวีเอ่ยนามของตนเอง


*ก่อนหน้านี้ผู้แปลอีกคนแปลไว้ว่าฉือเหลิน ผมขอเปลี่ยนะครับ*


สวีเหลิน?


อัจฉริยะที่เปิดสวรรค์ขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อสามแสนปีก่อน ด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่นเขาได้ใช้เวลาเพียงหนึ่งพันปีในการบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด สวีเหลินคนนั้นน่ะรึ?


ไม่น่าแปลกใจที่อีกฝ่ายกล่าวว่าตนเองไม่ได้แก่ขนาดนั้น ด้วยอายุสามแสนกว่าปีหากเทียบกับจ้าวเจี้ยนไป๋และผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายแล้ว สวีเหลินนับว่าเยาว์วัยมาก


“ฮ่าๆ หลังจากที่ข้าบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด ข้าก็ออกจากดาวเหอหนิงไปยังโลกกว้างเพื่อฝึกฝนตนเอง” สวีเหลินกล่าว “เพียงแต่ว่าเนื่องจากข้าไม่มีทักษะบ่มเพาะระดับดารา พลังของข้าจึงติดขอขวดอยู่เพียงเท่านั้น”


“หลังจากออกเดินทางเป็นเวลากว่าสามหมื่นปี ณ โบราณสถานแห่งหนึ่งข้าก็ค้นพบทักษะหกธาตุผสานที่สอนให้เจ้าและทะลวงผ่านสู่ระดับดารา”


“ตั้งแต่นั้นมาข้าก็พบเจอกับวาสนามากมาย ขาบรรลุระดับดาราขั้นสูงสุดด้วยเวลาแสนปีและได้พบกับรักแท้ของข้า”


แววตาของชายชราอ่อนโยนในขณะที่ระลึกถึงความหลัง “พวกเราออกเดินทางฝึกฝนไปด้วยกัน แต่เพราะความดื้อรั้นของข้า ข้าจึงเข้าไปยังดินแดนโบราณที่อันตรายแห่งหนึ่ง ผลลัพธ์ก็คือนางถูกคำสาปจนแน่นิ่งไปราวกับเป็นหิน”


“ข้าใช้พลังงของข้าคงสภาพพลังชีวิตของนางเอาไว้และออกตามหาวิธีรักษาไปทั่วทุกที่ หลังจากเวลาผ่านพ้นไปอย่างยาวนานข้าก็พบว่าวิธีเดียวที่จะรักษานางได้คือใช้แก่นไขกระดูกหยกขับไล่คำสาปบนตัวนาง”


“แต่ในตอนนั้นพลังของข้าก็เหือดแห้งจนแทบจะไม่สามารถคงสภาพพลังชีวิตของนางเอาไว้ได้อีกต่อไป”


“ข้าเคยได้ยินมาว่ามีสมบัติที่เรียกว่าโลงศพเก้าพิภพเยือกแข็งอยู่ในพระราชวังของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ ศพที่ถูกเก็บอยู่ในโลงศัพนั่นจะไม่มีทางเน่าเปื่อยไปตลอดกาล แต่ถ้าหากนำร่างของคนที่ยังมีชีวิตอยู่เข้าไป พลังชีวิตของร่างนั้นก็จะหยุดนิ่งไม่ลดลงเสมือนกับถูกแช่แข็งเอาไว้”


“ข้ากลับมายังดาวเหอหนิงและวางแผนลอบขโมยสมบัติที่ว่า แต่สุดท้ายก็ถูกจักรพรรดินีกำราบเสียก่อน”


“เพียงแต่ว่าหลังจากจักรพรรดินีได้ยินเรื่องราวของข้า นางได้ให้ยืมโลงศพเก้าพิภพเยือกแข็งมาแต่ต้องแลกกับการผนึกพลังบ่มเพาะของข้าและห้ามข้าออกไปจากที่แห่งนี้เด็ดขาด ดังนั้นข้าจึงขอความช่วยเหลือจากคนที่ผ่านมาที่นี่และหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้แก่นไขกระดูกหยกมาอยู่ในมือ”


สวีเหลินกล่าวมาอย่างยืดยาวในที่สุดก็หยุดกล่าว


หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าทำใมปรมาจารย์อย่างสวีเหลินถึงได้ตกอยู่ในสภาพอ่อนแรงเช่นนี้แถมยังไม่ออกไปไหนมาไหนอีก


การลงโทษเช่นนี้ก็สมกับนิสัยของจักรพรรดินี แต่นางยังถือว่าปรานีอยู่พอสมควร


แทนที่จะสังหารสวีเหลินกับสตรีของเขา นางกลับเลือกที่จะให้ยืมโลงศพเก้าพิภพเยือกแข็งและมอบความหวังอันริบหรี่ให้แก่สวีเหลิน


หลิงฮันพยักหน้าเข้าใจและกล่าว “เมื่อจักรพรรดินีออกมา ข้าจะบอกนางให้ปลดผนึกที่ผนึกพลังบ่มเพาะของผู้อาวุโสอยู่ออกให้เองและพลังของท่านก็จะกลับมาเป็นเหมือนปกติ”


สวีเหลินดีใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “จักรพรรดินีงั้นรึ… นางไม่มีทางฟังคำพูดของเจ้าแน่นอน!”


หลิงฮันหัวเราะแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ


หลังจากพูดคุยกับสวีเหลินไปอีกสักพัก อดีตอัจฉริยะผู้นี้ก็สนใจที่จะเข้าร่วมกับสำนักละอองดาราเช่นกัน หากสามารถปลดผนึกออกได้จริงๆ เขาก็จะออกเดินทางไปพร้อมกับหลิงฮัน


หลิงฮันเดินทางออกจากเมืองจักรพรรดิ ด้วยพลังที่แข็งแกร่งเกินไปของเขาในตอนนี้ทำให้ผู้คนในเมืองจักรพรรดิไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างสงบจิตสงบใจ


ดังนั้นกลุ่มของพวกเขาจึงตัดสินใจออกเดินทางไปยังจักรวรรดิต้าหลิง


จักรวรรดิไม่สามารถคงอยู่ได้หากไร้ผู้นำ ซึ่งในที่สุดราชาของพวกเขาก็กลับมาแล้ว



 

 

 


ตอนที่ 1408

 

เมื่อหลิงฮันกลับมาทั่วทั้งจักรวรรดิก็เร่าร้อนทันที


ข่าวจากเมืองจักรพรรดิมาถึงที่นี่แล้ว ผู้คนของจักรวรรดิต้าหลิงฮันอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นอย่างออกหน้าออกตา


ราชาของพวกเขา… กลายเป็นปรมาจารย์ระดับดาราแล้ว!


ในตอนแรกที่หลิงฮันเปิดสวรรค์ขึ้นมา จักรวรรดิของพวกเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยตัวแทนจากจักรวรรดิมากมายที่หวังจะยึดครองจักรพรรดิต้าหลิง สุดท้ายหลิงฮันก็ได้ยอมที่จะอยู่ภายอำนาจของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ


เหตุการณ์ในตอนนั้นได้สร้างความอัปยศไปทั่วทั้งจักรวรรดิต้าหลิง


แต่เวลาผ่านไปเพียงยี่สิบปี หลิงฮันก็เปลี่ยนจากมดปลวกตัวจ้อยกลายเป็นตัวตนอันสูงสุดซึ่งทำให้ประชากรทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก


ใครเป็นคนกำหนดกันว่าคนจากโลกใบเล็กจะมีชะตากรรมที่ต่ำต้อย?


พวกเรามีราชาเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว!


“โฮ่ง! โฮ่ง!” อสูรศิลาพุ่งเข้ามาหาหลิงฮันอย่างรวดเร็ว มันไม่ได้วิ่งสองขาตามปกติแต่ใช้ขาและสองทั้งสองคู่ยันพื้นเอาไว้ราวกับเป็นสุนัข


“โอ้ ฮันน้อย นี่เจ้าเลี้ยงสุนัขศิลาเอาไว้ด้วยรึ?” โสมเฒ่าเอ่ยกล่าว


ตูม!


อสูรศิลาประจบประแจงเพียงหลิงฮันคนเดียวเท่านั้น เมื่อเห็นท่าทีดูถูกของโสมเฒ่ามันได้ปล่อยหมัดออกไปทันที


“นายท่านโสมกลัวแล้ว!” โสมเฒ่ารีบเผ่นหนี มันมีดีแค่การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแต่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง


หลิงฮันหัวเราะและนำผลึกหินที่ได้จากหอคอยทมิฬจำนวนมากออกมาให้อสูรศิลา ผลึกหินเหล่านี้สามารถช่วยยกระดับพลังของอสูรศิลาได้อย่างยอดเยี่ยม


อสูรศิลารีบวิ่งมาหยิบผลึกหินโดยไม่สนใจคนรอบข้าง ท่าทีของมันเร่งรีบราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งมันผลึกหินของมันไป


Anchor


สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ เฉินหลุยเจียงและคนอื่นๆจิตใจสั่นไหวและระลึกถึงความทรงจำเก่า พวกเขาไม่ได้เห็นทิวทัศน์ของทวีปฮงเทียนไม่นานกว่าหมื่นปีแล้ว


หลังจากที่จัดงานสังสรรค์ขึ้นทั่วทั้งจักรวรรดิ หลิงฮันก็วางแผนจะจัดงานแต่งงานขึ้น


ไม่ใช่งานแต่งของเขากับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ แต่เป็นของติงผิงกับหลี่ลั่วถง


ตอนนี้หลิงฮันไม่ใช่ตัวประกันอีกต่อไป เขาเป็นปรมาจารย์ระดับดาราที่มีอำนาจ และเมื่อที่หลิงฮันสังหารจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์มาถึง ชื่อเสียงของหลิงฮันก็น่าสะพรึงกลัวขึ้นไปอีก


ตอนนี้เป็นที่รู้กับแล้วว่าพลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นทัดเทียมกับตัวตนระดับดาราขั้นสูงสุด แม้กระทั่งจักรพรรดิก็ไม่สามารถกำราบเขาได้!


ดังนั้นเมื่อจะมีงานแต่งของลูกศิษย์หลิงฮัน ใครบ้างจะกล้าไม่ไหวหน้าเขา?


โดยเฉพาะเหล่าขุมอำนาจที่กลัวว่าหลิงฮันจะกลับมาชำระหนี้แค้น พวกเขาต่างส่งของขวัญมาไม่ขาดสาย แม้กระทั้งราชาของบางจักรวรรดิก็ยังมางานแต่งด้วยตัวเองเพื่อเป็นการไว้หน้าหลิงฮัน


ที่จริงการที่พวกเขาสามารถเข้าร่วมงานแต่งได้ สมควรเรียกว่าหลิงฮันยอมไว้หน้าพวกเขาดีกว่า


งานแต่งนี้ข่าวแพร่กระจายไปถึงแม้กระทั่งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ พวกเขาส่งอัครทูตนำของขวัญมาร่วมยินดีเช่นกัน แต่พอเปิดมาด้านในกลับเป็นโลงศพขนาดเล็ก


แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่พวกเขาจะแสดงความยินดีต่อหลิงฮัน ของขวัญที่พวกเขาส่งมาแทนคำสาปแช่ง!


หลิงฮันไล่อัครทูตคนนั้นกลับไปทันทีแต่เลือกที่จะไม่ทำลายโลงศพ เขาเก็บไว้และตั้งใจจะใช้มันฝังร่างของจักรพรรดิโจ้วเทียนในภายหลัง


เมื่องานสิ้นสุด จักรวรรดิต้าหลิงฮันก็กลับคืนสู่ความสงบ


หลิงฮันตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ยกระดับพลังบ่มเพาะของจักรวรรดิต้าหลิง


การทดสอบเข้าร่วมสำนักละอองดารานั้นยากลำบากมาก เกรงว่าลูกศิษย์ของเขาที่มีความหวังว่าจะเข้าร่วมได้จึงมีเพียงติงผิงกับจิ่วเยาเท่านั้น พี่ชายทั้งสองของเขาเองก็เกรงว่าคงหมดสิทธิ์ แต่ถ้าหากจักรพรรดิพิรุณยังอยู่ที่นี่เขาต้องสามารถเข้าร่วมได้สำเร็จเป็นแน่


การจะเข้าร่วมสำนักละอองดาราจำเป็นต้องขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์อย่างน้อยหนึ่งระดับ!


หลิงฮันคิดมานานแล้วว่าอยากยกระดับวรยุทธให้กับจักรวรรดิต้าหลิงให้สูงขึ้นที่สุด ซึ่งตอนนี้เขากำลังหลอมเม็ดยาไม่หยุดในทุกๆวันเพื่อทำให้ระดับพลังบ่มเพาะของสหายรอบกายเขาสูงขึ้น


Anchor


คังซิวหยวนกับหยุนหย่งหวังคอยช่วยเหลือเขาเช่นกัน ด้วยการชี้แนะของหลิงฮัน ความเข้าใจในศาสตร์ปรุงยาของพวกเขาจึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว


แม้ระยะเวลาหนึ่งร้อยปีจะดูเยอะ แต่สำหรับตัวตนระดับพระเจ้าเวลาเพียงแค่นั้นไม่นับว่ายาวนานเลยแม้แต่น้อย


สามปีหลังจากงานแต่ง ติงผิงกับหลี่ลั่วถงได้ให้กำเนิดบุตรสาวคนหนึ่ง ความน่ารักของสาวน้อยตัวเล็กทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มีท่าทีตื่นเต้น


หลิงฮันใช้โอกาสนี้หว่านล้อมให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มีบุตร แต่นางก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธจนหลิงฮันรู้สึกหดหู่ท้อใจ


เพียงแต่ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็แค่รู้สึกอายเท่านั้น หากหลิงฮันลองตื้อให้มากกว่านี้ล่ะก็…


หลิงฮันไม่เก็บมาคิดมาก ตัวเขาในตอนนี้ไม่ได้ตั้งใจบ่มเพาะพลังก็จริงแต่ พลังบ่มเพาะของเขาก็ไม่ได้พัฒนาไม่อย่างเชื่องช้า


เม็ดยาเม็ดยาเชื่อมรากฐานเปิดสวรรค์ที่เขาหลอมขึ้นมานั้นต่อให้ฤทธิ์ของมันจะไม่ยอดเยี่ยมเหมือนกับเม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง แต่มันก็ยังช่วยเพิ่มระดับพลังบ่มเพาะของเขาได้มากอยู่ดี


ด้วยเม็ดยานี้ หลิงฮันน่าจะใช้เวลาราวๆหนึ่งร้อยปีในการยกระดับไปยังระดับดาราขั้นกลางชั้นกลาง


เวลาเพียงเท่านี้ถือว่ารวดเร็วมาก แต่หลิงฮันก็ยังไม่พอใจ


หลังจากเข้าร่วมสำนักละอองดาราได้แล้ว เขาตั้งใจว่าจะออกเดินทางไปยังโบราณสถานต่างๆ ส่วนในตอนนี้เขาต้องทำหน้าที่ให้สมกับเป็นราชาของจักรวรรดิ


หรือเขาสมควรยกบัลลังก์ให้คนอื่น?


หลิงฮันครุ่นคิดถึงปัญหานี้ วันหนึ่งตัวเขาต้องไปยังดินแดนแห่งเซียน ซึ่งดินแดนแห่งเซียนไม่สามารถเข้าไปได้โดยการเปิดสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงมีโชคชะตาที่ต้องจากที่นี่ไป หากเป็นเช่นนั้นเขาสมควรจะหาใครที่ไว้ใจได้ให้คอยสืบทอดจักรวรรดิต้าหลิงเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ


หากไม่คิดอะไรมากก็สามารถรวมจักรวรรดิต้าหลิงฮันเข้ากับจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะได้เลย


“ฉีเชียวเซวี่ยก็ไม่เลว” หลิงฮันครุ่นคิดอยู่นานสักพัก “เอาไว้รอให้จักรพรรดินีของข้าออกมาก่อนค่อยคุยกับนางอีกครั้ง”


พริบตาเดียว วันเวลาก็ผ่านไปยี่สิบปี


สำหรับคนส่วนใหญ่ เวลาเพียงยี่สิบปีไม่ได้ทำให้ผมหงอกงอกขึ้นบนหัวพวกเขาแม้แต่เส้นเดียว แต่ระยะเวลาเพียงเท่านี้ก็เพียงพอจะให้กำเนิดรุ่นเยาว์รุ่นถัดไป


บุตรสาวของติงผิงกับหลี่ลั่วถง ติงจือจือได้เติบโตจากเด็กทารกเป็นหญิงสาว เหล่าคนที่เคยเป็นรุ่นเยาว์ของทวีปฮงเทียนก็มีหลายคนที่ตอนนี้มีครอบครัวเป็นของตนเองแล้ว อยากเช่นญาติของหลิงฮัน เย่วไค่หยู่เองก็มีผู้สืบทอดแล้ว เขาแต่งงานกับสตรีที่งดงามพร้อมกันที่เดียวถึงสามคนและให้กำเนิดบุตรที่แข็งแรงสามคน


ทางด้านจิ่วเยาเองในที่สุดก็ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราในที่สุด พลังต่อสู้ของเขาค่อยๆน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ออร่าแห่งการฆ่าฟันของเขาทะยานสูงเสียดฟ้าจนไม่มีใครกล้าเข้าใคร ยิ่งกว่านั้นจิ่วเยาเองก็ไม่มีความคิดจะมีครอบครัวด้วยซึ่งทำให้หลิงฮันเป็นกังวลมาก


ท่ามกลางความสงบสุขจู่ๆก็มีเหตุการณ์โกลาหลครั้งใหญ่อุบัติขึ้น สองจักรวรรดิราชวงศ์อย่างจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์และจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามได้ส่งกองกำลังเข้ามาบุกรุกจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะอย่างเต็มกำลังพร้อมกัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)