Alchemy Emperor of the Divine Dao 1395-1401
ตอนที่ 1395
ตระกูลหวังไม่ใช่ขุมอำนาจของเมืองนี้แต่เป็นเมืองใหญ่
ตระกูลหวังในปัจจุบันมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสองล้านปีและเต็มไปด้วยปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด ในจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์พวกเขาถือว่าเป็นขุมอำนาจอันดับต้นๆ
ผู้นำของตระกูลหวังนั้นได้ให้กำเนิดบุตรทั้งหมดสิบเอ็ดคน ซึ่งบุตรทั้งสิบเอ็ดต่างก็เปี่ยมล้นไปด้วยพรสวรรค์ มีบุตรเก้าคนที่สามารถก้าวสู่ระดับสุริยันจันทราได้ในขณะที่อีกสองคนก็ด้อยกว่าเพียงหนึ่งขั้น ทั้งสิบเอ็ดคนถูกเรียกว่าสิบเอ็ดพยัคฆ์แห่งตระกูลหวัง
ครั้งนี้สิบเอ็ดพยัคฆ์แห่งตระกูลหวังได้ออกเดินทางมาเพื่อเก็บเกี่ยวสมบัติที่กำลังจะปรากฏออกมา แต่เพราะว่าสมบัติยังไม่ถูกค้นพบ พยัคฆ์ห้าคนจึงได้คอยเฝ้าดูอยู่ในขณะที่พยัคฆ์ที่เหลือทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลในเมือง
เมื่อสิบเอ็ดพยัคฆ์ออกเดินทางมาที่นี่ พวกเขาได้นำรุ่นเยาว์ของตระกูลติดตามมาด้วยมากมายเพื่อเปิดหูเปิดตา ชายที่พวกเจียนเสี่ยวหลิงลงมือด้วยคือหลานชายของหวังฉวนฉี
หลานชายถูกเตะไข่จนปูดบวม มีรึที่หวังฉวนฉีจะทนไหว
แม้หวังฉวนฉีจะไม่ใช่คนผลีผลาม แต่ออร่าของหลิงฮันนั้นธรรมดาสามัญจนเหมือนกับคนทั่วไป ส่วนคนรอบข้างเขาเท่าที่มองดูก็มีแค่เพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น
มดปลวกระดับภูผาวารีกล้ายั่วยุตระกูลหวังงั้นรึ?
หลิงฮันกวาดสายตามองก่อนที่จะชักสายตากลับ หวังฉวนฉีเป็นเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นเท่านั้น เขาไม่แยแสที่จะลงมือแม้แต่น้อยจึงสะบัดมือไล่ “สั่งสอนรุ่นเยาว์ของเจ้าให้ดี ไม่เช่นนั้นเจ้าจะลำบาก”
หวังฉวนฉีเกรี้ยวกราด เจ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว! เขากวาดสายตามองผ่านร่างหลิงฮันและกล่าว “ฮึ่ม ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตายเช่นนี้ ข้าก็จะสังหารพวกเจ้าทั้งหมด… ส่วนเด็กสาวคนนั้นข้าจะนำไปมอบให้กับหลานชายข้า!” เขาชี้ไปยังเจียนเสี่ยวหลิง
หวังฉวนฉีลงมือโจมตีสังหารทันที ในความคิดของเขากลุ่มคนเหล่านี้เป็นเพียงลูกไก่ในกำมือที่มีพลังเพียงระดับภูผาวารี เขาสามารถสังหารทุกคนพร้อมกันได้ในพริบตา
หลิงฮันถอนหายใจและกล่าว “จะให้ข้าลงมือกับเจ้าก็เหมือนรังแกคนไม่มีทางสู้” เพียงแต่เมื่ออีกฝ่ายเลือกลงมือ เขาก็ไม่ลังเลที่จะตอบโต้เช่นกัน หลิงฮันชี้นิ้วไปทางหวังฉวนฉี พริบตาเดียวร่างของอีกฝ่ายก็สั่นสะท้านและระเบิดเป็นฝนโลหิต
เขาสะบัดมืออีกฝ่ายเพื่อสลายฝนโลหิตจนหายไปราวกับหวังฉวนฉีไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
“อาจารย์ปู่ช่างแข็งแกร่ง!” เจียนเสี่ยวหลิงกล่าวประจบ
“นั่นคือสิ่งที่นายท่านโสมสอนให้เอง” โสมเฒ่ากระโดดขึ้นไหล่หลิงฮันและกล่าวอย่างภูมิใจ
“ข้าไม่ได้กินซุปโสมมานานแค่ไหนแล้วนะ” หลิงฮันกล่าวลอยๆ
โสมเฒ่ารู้ว่าหลิงฮันพูดล้อเล่น แต่เขาก็ยังหวาดกลัวและรีบวิ่งไปหลบที่ไหลของเจียนเสี่ยวหลิง
พยัคฆ์เจ็ดของตระกูลหวังถูกสังหารไปแล้ว เหตุการณ์นี้ถือว่าใหญ่โตมากและเกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็ว
“อาจารย์ พวกเราแย่งชิงสมบัติมาได้!” ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินหลุยเจียงและคนอื่นๆก็กลับมาพร้อมกับถือดาบไม้สีดำสนิทอยู่ในมือ บนตัวดาบมีรูปริแตกมากมายจนดูเหมือนไม่ใช่สมบัติแม้แต่นิดเดียว
“นั่นน่ะรึสมบัติที่พวกเจ้าแย่งมาได้?” หลิงฮันใบหน้ากระตุก
“อาจารย์อย่าได้มองสิ่งนี้เพียงผิวเผิน แม้มันจะดูไม่เหมือนสมบัติเท่าไหร่ แต่ต่อให้เป็นพลังของพวกเราก็ไม่สามารถทำลายมันได้” จิ่วเยากล่าว
หลิงฮันประหลาดใจและคว้าดาบมาดูก่อนจะลองใช้ฟันใส่โต๊ะจนโต๊ะขาดพังทลาย
หลิงฮันขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ตกตะลึงที่ดาบสามารถฟันทำลายโต๊ะได้ สิ่งที่เขาตกตะลึงคือเมื่อครู่เขาได้ชี้นำพลังให้เข้าไปในตัวทำเพื่อทำลายโต๊ะ หรือก็คือดาบไม้เล่มนี้ทนทานเป็นอย่างมากที่สามารถต้านทานพลังของเขาได้
หลิงฮันพยายามทำลายดาบไม้ แต่ครั้งนี้เขาก็ต้องตกตะลึงอย่างแท้จริง แม้แต่พลังของเขาก็ไม่สามารถทำลายมันได้
ด้วยความทนทานเช่นนี้อย่างน้อยมันก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยม
“วางดาบลง!”
“พี่ใหญ่ พี่สอง พี่สาม!” ทันใดนั้นเอง กลุ่มคนสองกลุ่มก็มายังโรงน้ำชาพร้อมกัน
“หืม เฒ่าหก เฒ่าแปก เฒ่าเก้า เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ได้ข่าวอะไรมารึไง?”
“ไม่ได้การแล้ว เฒ่าเจ็ดถูกสังหาร!”
“ว่าไงนะ!”
บังเอิญเหลือเกินที่คนทั้งสองกลุ่มเป็นคนของตระกูลหวัง หนึ่งกลุ่มรับหน้าที่แย่งชิงสมบัติและไล่ตามมาถึงที่นี่ ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มที่รับหน้าที่หาข่าวในมือและรับรู้ว่าหวังฉวนฉีถูกสังหารจึงได้มุ่งมาที่นี่เพื่อแก้แค้น
“ส่งมอบดาบมาและยอมรับความตายซะ!” พี่ใหญ่ของตระกูลหวังกล่าว พวกเขาเที่ยวอาละวาดมาเป็นเวลากว่าล้านปี นี่เป็นครั้งแรกที่พี่น้องของพวกเขาตกตายซึ่งทำให้พวกเขาโกรธเป็นอย่างมาก
ตัวเขาบ่มเพาะพลังจนบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้วโดยที่ด้อยกว่าบิดาเพียงหนึ่งขั้น
“ฮึ่ม กล้าออกคำสั่งกับอาจารย์ของข้ารึ!” เฉินหลุยเจียงออกหน้าเป็นคนแรก
เหล่าพยัคฆ์ของตระกูลหวังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเนื่องจากออร่าของหลิงฮันถูกซ่อนเอาไว้จนดูเหมือนคนธรรมดา ซึ่งเป็นไปได้อย่างที่คนธรรมดาจะลูกศิษย์เป็นถึงจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา? แต่ตอนนี้อีกฝ่านได้ล่วงเกินตระกูลหวังแล้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกหลิงฮันก็ต้องตาย!
ณ เวลานี้ ผู้คนมากมายได้ค่อยปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ทุกคนคือกลุ่มคนที่แย่งชิงสมบัติล้มเหลว หลังจากรู้ว่าพวกเฉินหลุยเจียงเป็นคนได้สมบัติไปพวกเขาจึงไล่ตามมา
“มอบสมบัติมา!” คนอย่างน้อยหนึ่งร้อยกว่าคนกล่าวพร้อมกับมีคนค่อยๆมาถึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ได้สมบัติไปแล้วยังไม่รีบหนีไปซ่อนตัวอีกแถมยังกล้ามาผ่อนคลายที่โรงน้ำชา สมองของกลุ่มคนเหล่านี้คงผิดปกติเป็นแน่
“ถ้าอยากให้สมบัติก็เข้ามา ข้าจะเป็นคนเล่นกับพวกเจ้าเอง” เจียนเยว่ซวนกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วยุโดยที่มือหนึ่งถือพัดเอาไว้
“ฆ่า!” ทุกคนไม่ลังเล แม้พวกเขาทุกคนจะไม่รู้ว่าสมบัติคืออะไร แต่แค่คำว่าสมบัติก็เพียงพอแล้วที่จะให้พวกเขาต่อสู้เพื่อแย่งชิง
เฉินหลุยเจียงและศิษย์คนอื่นๆลงมือตอบโต้ ในฐานะลูกศิษย์พวกเขาต้องเป็นคนรับหน้าจัดการปัญหาแทนอาจารย์
หลิงฮันไม่ลงมือ ด้วยพลังของเขาในตอนนี้เขาสามารถบดขยี้กลุ่มคนเหล่านี้ได้ในพริบตา เพราะงั้นคงเป็นการดีกว่าหากให้เหล่าศิษย์ของเขาใช้แรงเสียบ้าง
“หยุด!” เสียงอันทรงอำนาจดังขึ้น
เสียงนี้แฝงไว้ด้วยอำนาจราวกับฟ้าฝ่า ทุกคนตกตะลึงจนหยุดมือโดยไม่ตั้งใจ
เสียงนั่นต้องเป็นของปรมาจารย์ระดับดาราเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ทรงพลังเพียงนั้น
ร่างหนึ่งปรากฏตัว สายตาของเขาจับจ้องมายังดาบไม้ในมือหลิงฮัน “สหาย เจ้าจะยอมปล่อยมือจากสมบัตินั่นได้รึไม่?”
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ทุกคนรวมทั้งสิบพยัคฆ์ของตระกูลหวังก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
เหตุใดปรมาจารย์ที่แท้จริงอย่างระดับดาราถึงได้มีท่าทีสุภาพเช่นนี้?
ตอนที่ 1396
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้ามีอะไรมาแลกเปลี่ยน?”
ชายคนนั้นลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “ผลึกก่อเกิดหนึ่งล้านผลึก!”
ทุกคนแทบจะเป็นลม ผลึกร้อยล้านผลึกถือจำนวนเงินอันมหาศาล
ระดับศาสตร์วรยุทธของดาวเหอหนิงไม่ได้สูงเทียบเท่าดาวหยุนติ่ง เหตุผลก็มาจากทั้งทักษะบ่มเพาะที่มีบวกกับสภาพแวดล้อมของดวงดาวที่สามารถผลิตผลึกก่อเกิดได้จำนวนน้อย
เพราะงั้นแล้วผลึกก่อเกิดจำนวนหนึ่งร้อยล้านจึงรับว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก
ทุกคนชะงัก ขนาดปรมาจารย์ระดับดารายังยื่นข้อเสนอถึงหนึ่งร้อยล้านผลึกก่อเกิด หรือว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้จะแข็งแกร่งจริงๆ? ไม่เช่นนั้นแล้วทำไมปรมาจารย์ระดับดาราถึงต้องยื่นข้อแลกเปลี่ยนด้วยแทนที่จะแย่งชิงมาเลย
“ชายคนนั้นหรือว่าจะเป็น ‘เทพดาบลอยล่อง’ ปรมาจารย์เหลยตง?”
“ใช่แล้ว เป็นเขา!”
“ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่ปรมาจารย์เหลยก็ยังสนใจในสมบัติชิ้นนี้!”
ทุกคนกระซิบกระซาบพูดคุยถึงตัวตนของปรมาจารย์ระดับดาราผู้นี้
“ยังไม่พอ” หลิงฮันส่ายหัว ถึงแม้เขาจะไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงของดาบเล่มนี้ แต่มูลค่าของมันต้องมากกว่าหนึ่งร้อยล้านผลึกก่อเกิดแน่นอน
ทุกคนสูดลมหายใจลึก หนึ่งร้อยล้านผลึกก่อเกิดยังไม่เพียงพอรึ นี่เจ้าต้องโลภขนาดไหนกัน
เหลยตงแสดงท่าทีไม่พึงพอใจเล็กน้อย ที่ดาวเหอหนิงแห่งนี้ ผลึกก่อเกิดจำนวนหนึ่งร้อยล้านถือว่าเป็นทรัพยากรจำนวนมหาศาล หากไม่ใช่เพราะหลิงฮันเองก็เป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางเหมือนกัน เขาคงจะลงมือขโมยมาแล้ว
แต่เพียงเพราะว่าหลิงฮันมีระดับพลังเท่ากันกับเขา เหลยตงจึงไม่คิดจะลงมือผลีผลาม
เขาแสดงท่าทีลังเลและกล่าว “ข้าขอรู้ชื่อของสหายได้รึไม่ รวมถึงเจ้ามาจากขุมอำนาจใด?”
Anchor
ดาวเหอหนิงมีปรมจารย์ระดับดาราเพียงหยิบมือ ถึงแม้บางคนจะเป็นจอมยุทธที่ปลีกตัวสันโดษไม่ยุ่งกับทางโลก แต่พวกเขาก็ล้วนแต่เป็นจอมยุทธเฒ่าที่บ่มเพาะพลังมานานแล้วไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนปี
แต่เห็นได้ชัดว่าชายตรงหน้าเขานั้นยังมีพลังชีวิตอันเปี่ยมล้น อีกฝ่ายจะต้องเป็นรุ่นเยาว์ที่มีอายุน้อยกว่าห้าร้อยปีแน่นอน
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก สามารถบรรลุระดับดาราได้ก่อนอายุห้าร้อยปีเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเกินไป บางทีอีกฝ่ายอาจจะมีความสามารถอันทรงพลังเกินกว่าจะจินตนาการ
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ก่อนจะถามชื่อแซ่คนอื่น ไม่ใช่ว่าเจ้าควรจะบอกของตัวเองมาก่อนรึ?”
ช่างอวดดี!
สิบพยัคฆ์แห่งตระกูลหวังตกตะลึง ไม่น่าแปลกใจที่หลิงฮันกล้าสังหารคนของตระกูลหวัง ขนาดแม้แต่ปรมาจารย์ระดับราหลิงฮันก็ยังกล้าต่อล้อต่อเถียง
เหลยตงไม่แสดงท่าทีโมโหเนื่องจากเขารู้ถึงระดับพลังบ่มเพาะของหลิงฮัน “ข้าคือเหลยตงแห่งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์”
เขาจงใจกล่าวคำว่าจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ออกไปเพราะว่าหลิงฮันนั้นไม่มีทางเป็นของจักรวรรดิแห่งนี้ ไม่เช่นนั้นหากมีปรมาจารย์ระดับดาราที่เยาว์วัยเช่นนี้อยู่ในจักรวรรดิเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่เคยได้ยินมาก่อน
หลิงฮันยิ้ม “หลิงฮัน จักรวรรดิต้าหลิง”
จักรวรรดิต้าหลิง?
เหลยตงแสดงสีหน้าสับสน มันคือจักรวรรดิแห่งใดกัน?
“จักรวรรดิต้าหลิง… ข้ารู้จัก!” จู่ๆก็มีใครบางคนเอ่ยแทรก “มันคือจักรวรรดิเล็กๆภายใต้การปกครองของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ จักรวรรดิที่ว่าเพิ่งจะปรากฏขึ้นจากการเปิดสวรรค์เมื่อยี่สิบปีก่อน”
พรวด!
เหลยตงสำลักออกมาทันที มาจากการเปิดสวรรค์เมื่อยี่สิบปีก่อน? นั่นไม่ได้หมายความว่าหลิงฮันใช้เวลาเพียงแค่ยี่สิบปีในการยกระดับจากระดับทลายมิติมายังระดับดาราหลอกรึ?
ต้องเป็นเรื่องโกหกแน่!
“เจ้าเป็นคนของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ?” เหลยตงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลิงฮันยักไหล่และกล่าว “ถ้าเจ้าจะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิด” จักรพรรดินีจะเป็นภรรยาของเขาในอนาคต จะบอกว่าเขาเป็นคนของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะก็ไม่ผิดอะไร
“สหาย เจ้าช่างกล้านัก!” เหลยตงกล่าว
คนของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะบังอาจล้ำเส้นมาปรากฏตัวที่นี่แถมยังช่วงชิงสมบัติของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์โดยไม่เห็นปรมาจารย์ของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์อยู่ในสายตา?
“งั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มและทำท่าที่ไม่ใส่ใจ
ในที่สุดเหลยตงก็คิดที่จะลงมือ
อีกฝ่ายเป็นศัตรูของจักรวรรดิ และตอนนี้เมื่อเขาอยู่ที่นี่แล้วเขาก็ต้องเป็นคนรับหน้าที่จัดการผู้บุกรุกต่อให้ไม่มีเรื่องสมบัติเข้ามาเกี่ยวก็ตาม
และในเมื่อหลิงฮันเป็นคนของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ อีดฝ่ายย่อมไม่สามารถใช้อำนาจแห่งจักรภพที่นี่ได้ แต่ตัวเขายังสามารถใช้อำนาจแห่งจักรภพเพื่อเพิ่มพลังต่อสู้ขึ้นหนึ่งดาว
ปรมาจารย์เช่นพวกเขา พลังต่อสู้หนึ่งดาวมีค่าขนาดไหน?
ดังนั้นเมื่อมั่นใจว่าจะชนะเขาจึงตัดสินใจลงมือ
“เหอๆ ในเมื่อเจ้ากล้ามาถึงที่นี่เจ้าก็ต้องรับความเสี่ยงของเจ้าเอง!” หลี่เฉิงคำราม เบื้องหลังของเขาปรากฏดวงดาราสองดวงที่มีขนาดเท่ากัน
นั่นหมายถึง… เขามีพลังบ่มเพาะระดับดาราขั้นกลางชั้นสูงสุด!
‘พรึบ’ มือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บสีดำและโจมตีเข้าใส่หลิงฮัน อำนาจของกรงเล็บนี้เพียงพอที่จะสังหารเฉินหลุยเจียงและคนอื่นๆ
หลิงฮันชี้นิ้วออกไป ‘ตูม’ กรงเล็บถูกทำลายทันที ปราณก่อเกิดที่แตกสลายกระจัดไปทั่วบริเวณส่งผลให้โรงน้ำชาพังทลายและเมืองทั้งเมืองสั่นสะเทือน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมปรมาจารย์ระดับดาราถึงมักจะต่อสู้กันบนฟากฟ้า พลังทำลายของการโจมตีของพวกเขานั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป
เหลยตงไม่แยแส ในสายตาของเขา ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราก็ยังเป็นเพียงมดปลวกที่ไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นหรือตาย สีหน้าของเหลยตงเปลี่ยนเป็นจริงจัง พลังของอีกฝ่ายเหนือกว่าที่เขาคาดไว้ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถสลายการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย
ใบหน้าของสิบพยัคฆ์แห่งตระกูลหวังแสดงออกถึงความหวาดกลัว พวกเขาไม่รู้ว่าหลิงฮันแข็งแกร่งขนาดไหน แต่การที่หลิงฮันสามารถตอบโต้การโจมตีของปรมาจารย์ระดับดาราได้หมายความว่าอย่างไร?
หลิงฮันเองก็เป็นปรมาจารย์ระดับดารา!
พวกเขาช่างกล้าหาญยิ่งนักที่รนหาที่ตายคิดจะทวงความแค้นกับปรมาจารย์เช่นนั้น
เหลยตงชักดาบออกมา เขาที่ถูกเรียกว่าเทพดาบลอยล่องแน่นอนว่าต้องเชี่ยวชาญทักษะการใช้ดาบ
หลิงฮันยังคงนิ่งเฉย เขาเคยแม้แต่สังหารจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงมาแล้ว เหลยตงย่อมไม่อยู่ในสายตาของเขา
“ไปสู้กันบนฟ้า!” เหลยตงกล่าว การต่อของปรมาจารย์เช่นพวกเขาจะส่งผลให้สิ่งมีชีวิตรอบข้างตกตาย หากเป็นเช่นนั้นชื่อของเขาก็จะถูกตราหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อถูกประชากรรังเกียจ อำนาจแห่งจักรภพก็จะส่งผลเสียต่อตัวเขาเอง
“แล้วแต่เจ้า” หลิงฮันกล่าว
ทั้งสองลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและเริ่มปะทะกันด้วยความสูงที่ห่างจากฟุตหลายหมื่นเมตร
“เพลงดาบลอยล่องหมื่นลี้ ดาบพิฆาตไร้ร่องลอย!” เหลยตงสะบั้นดาบ ‘พรึบ’ คลื่นดาบนับไม่ถ้วนเคลื่อนที่เรียงกันอย่างเป็นรูปแบบพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
คลื่นดาบนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่บนท้องฟ้าจนไร้ที่หลบ
“รับดาบของข้าบ้าง” หลิงฮันใช้นิ้วแทนดาบสะบัดออกไปด้านหน้า
Anchor
ทักษะดาบฟ้าคำรามผสานกับอำนาจสวรรค์!
เรียบง่ายแต่ทรงพลัง การโจมตีของเขาน่าสะพรึงกลัวราวกับจะบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง
ตอนที่ 1397
เทียบกับคลื่นดาบอันท่วมล้นท้องฟ้าของเหลยตง คลื่นดาบของหลิงฮันถูกฟันออกไปเพียงเส้นเดียวเท่านั้น
แค่คลื่นดาบเพียงหนึ่งเดียวนี้เป็นดั่งราชาคลื่นดาบที่อัดแน่นไปด้วยอำนาจไร้เทียมทาน
‘ครืนน’ หนึ่งนิ้วที่ปัดแกว่งราวกับจะทำให้สวรรค์ชั้นฟ้าพังทลาย
เหลยตงแสดงท่าทีตกตะลึง ก่อนหน้านี้ที่หลิงฮันสามารถสลายการโจมตีของเขาได้ทำให้เขาระมัดระวังขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะอย่างไรนั่นก็เป็นเพียงการโจมตีอย่างเรียบง่าย
แค่การโจมตีในตอนนี้นั้นแตกต่างกันออกไปเนื่องจากเขาโจมตีออกไปด้วยทักษะ แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีของเขาก็ยังถูกหลิงฮันสลายได้อย่างง่ายดายอีกครั้ง
เป็นไปได้อย่างไรที่อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเช่นนี้?
เหลยตงสูดหายใจลึกและเรียกใช้ธงสัญลักษณ์ของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ ในที่สุดเขาก็ต้องใช้อำนาจแห่งจักรภพ
‘พรึบ’ ธงสัญลักษณ์ปรากฏออกมาและลืมตาจับจ้องไปยังหลิงฮัน
ธงลักษณ์ดูราวกับมีชีวิต ดวงตาที่อยู่บนธงสัญลักษณ์ปลดปล่อยอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวราวกับอยู่เหนือทุกสิ่ง
หลิงฮันรู้ว่านั่นไม่ใช่ธงสัญลักษณ์ทั่วไปแต่เป็นอำนาจของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์
ตราบใดที่จักรพรรดิต้องการ เขาสามารถสอดส่องสถานที่ทุกแห่งผ่านธงสัญลักษณ์หรือแม้กระทั่งกระตุ้นให้ธงสัญลักษณ์โจมตี
แน่นอนว่าการที่ปรมาจารย์ระดับดาราเรียกใช้อำนาจแห่งจักรภพนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ด้วยเหตุนั้นจักรพรรดิโจ้วเทียนที่เป็นผู้นำของจักรวรรดิแห่งนี้จึงมองดูหลิงฮันผ่านธงสัญลักษณ์
หลิงฮันยื่นอย่างองอาจ จริงอยู่ที่ต่อหน้าจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดเขาอาจจะไม่สามารถโค่นล้มอีกฝ่ายได้
แต่ขอเวลาเขาอีกไม่นาน การสังหารปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดจะเป็นเรื่องง่ายดั่งสังหารสุนัข
หลิงฮันจ้องมองธงสัญลักษณ์ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนหน้านี่ที่เกิดการบุกรุกจากจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์และมีการสังเวยโลหิตนองเลือดมากมายก็เป็นเพราะจักรพรรดิโจ้วเทียนต้องการครอบครองดาบเก้าอสุรกาย เหตุการณ์นั้นทำให้หลิงฮันเกิดความรู้สึกอยากสังหารจักรพรรดิโจ้วเทียน
เหลยลงชี้นำอำนาจแห่งจักรภพและยกระดับพลังต่อสู้ขึ้นทันที
หลังต่อสู้หนึ่งดาวสามารถทำให้ตัวเขาแข็งแกร่งขึ้นอีกสิบเท่า!
เหลยคงคำรามและกวัดแกว่งดาบอีกครั้ง ตัวดาบส่องประกายเย็นยะเยือกสะท้อนกับท้องฟ้าจนบดบังดวงตะวัน
“ดาบเคลื่อนภูผาต้านวารี!” เขาตะโกนพร้อมกับสะบั้นดาบเข้าใส่หลิงฮัน คลื่นดาบกระหน่ำจู่โจมราวกับห่าฝนจนไม่มีที่ให้หลบ
หลิงฮันยังคงใช้เพียงหนึ่งนิ้วปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำรามออกไป
‘ครืนนนน’ คลื่นดาบราวกับห่าฝนสลายหายไปในพริบตา แต่คลื่นดาบของหลิงฮันยังคงพุ่งเข้าใส่เหลยตงโดยที่พลังทำลายไม่ลดลงแม้แต่น้อย
“อะไรกัน!” เหลยตงตกตะลึง เหตุใดเจ้าถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?
เขาฝืนดึงสะบัดดาบกลับเพื่อป้องกันคลื่นดาบที่พุ่งเข้ามา ‘ปัง’ ร่างของเขาลอยกระเด็นราวกับว่าวเชือกขาดไปไกลถึงร้อยไมล์
‘พรึบ’ ในตอนนั้น ธงสัญลักษณ์บนฟ้าก็สั่นไหว มือขนาดใหญ่ปรากฏออกมาและเอื้อมไปคว้าร่างหลิงฮัน
จักรพรรดิโจ้วเทียนลงมือ!
หลิงฮันแสดงท่าทีเหยียดหยามและปล่อยหมัดตอบโต้ “จักรพรรดิโจ้วเทียน หากเจ้ามาที่นี่และลงมือด้วยตัวเองก็อาจจะยังพอมีคุณสมบัติจะเอาชนะข้าได้ แต่คิดจะใช้พลังผ่านธงสัญลักษณ์เพื่อจัดการข้ารึ? ความคิดเจ้ายังอ่อนหัดเกินไป!”
‘ปัง’ หมัดปะทะเข้ากับมือขนาดใหญ่จนแหลก ธงลัญลักษณ์เองก็แตกสลายเป็นชิ้นๆก่อนจะฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม
ใบหน้าของจักรพรรดิโจ้วเทียนปรากฏออกมาจากธงสัญลักษณ์ ดวงตาของเขาจับจ้องมายังหลิงฮันเพื่อจดจำรูปลักษณ์ของหลิงฮันให้แม่นยำ เวลาผ่านไปครู่หนึ่งเขาได้กล่าวออกมา “ข้าขอบัญชาออกคำสั่งสังหารหลิงฮันด้วยภัยระดับ ‘สวรรค์’ ”
‘ครืนนน’ คำพูดนี้ไม่ได้ดังขึ้นเฉพาะเมืองที่หลิงฮันอยู่แต่ดังไปทั่วทั้งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ผ่านธงสัญลักษณ์
ทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ก็กลายเป็นเงียบสงัดก่อนจะส่งเสียงฮือฮา
คำสั่งสังหารสวรรค์!
ในจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์มีคำสั่งสังหารทั้งหมดสามระดับเรียงตาม ‘สวรรค์’ ‘ปฐพี’ ‘มนุษย์’ ยกตัวอย่างเช่นหากเป็นคำสั่งสังหารระดับมนุษย์ จอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วทั้งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์จะต้องระดมพลลงมือสังหารเป้าหมาย หากใครฝ่าฝืนจะนับว่าเป็นกบฏ
ส่วนคำสั่งสังหารระดับปฐพีนั้น ปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราจะต้องลงมือ ในขณะที่คำสั่งสังหารระดับสวรรค์… แม้แต่ปรมาจารย์ที่แท้จริงระดับดาราก็ต้องลงมือไล่ล่าสังหารเป้าหมาย
ในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ ผ่านมานานกี่ล้านปีแล้วที่ไม่ได้มีคำสั่งสังหารระดับสวรรค์?
ณ เวลานี้ชื่อและรูปลักษณ์ของหลิงฮันได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วทั้งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ผ่านธงสัญลักษณ์เรียบร้อย ตัวตนระดับดาราจะต้องหยุดมือในสิ่งที่กำลังทำอยู่และออกล่าสังหารเป้าหมายทันที
มีเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดเท่านั้นที่สามารถเพิกเฉยต่อคำสั่งสังหารระดับสวรรค์ได้ เนื่องจากสถานะของพวกเขาแม้แต่จักรพรรดิก็ไม่ต้องการล่วงเกิน
แต่นอกจากตัวตนระดับนั้นแล้วใครอื่นจะกล้าฝ่าฝืนคำสั่ง? ปรมาจารย์ระดับดาราอย่างน้อยห้าสิบคนออกไล่ล่า
“ฮ่าๆๆๆ!” เหลยตงตัวเราะ “ไม่คาดคิดเลยว่าองค์จักรพรรดิจะออกคำสั่งสังหารเจ้า! หลิงฮัน เจ้ายังไม่รีบเผ่นหางจุกตูดกลับจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะไปอีกรึ? แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องทิ้งดาบไม้เอาไว้ที่นี่ ไม่เช่นนั้นข้าจะรั้งตัวเจ้าเอาไว้ไม่ให้หลบหนี ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งขนาดไหนเจ้าก็ต้องตาย”
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “หากเจ้าขวางทางข้า เจ้าก็ต้องตาย! ยิ่งกว่านั้นเจ้าก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อข้าเลยแม้แต่น้อย ข้าสามารถสังหารเจ้าด้วยหนึ่งกระบวนท่า”
เหลยตงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง คิดจะสังหารเขา? เจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน? พลังที่หลิงฮันแสดงให้เห็นเมื่อครู่ทรงพลังมากก็จริง แต่นั่นยังไม่เพียงพอที่จะบดขยี้ฟ้าดิน
“ก็ดี งั้นข้าขอดูหน่อยว่าเจ้าจะสังหารข้าได้ยังไง?”
ฉัวะ!
หัวของเหลยตงหลุดออกจากบ่าและลอยขึ้นฟ้า ภาพที่เขาเห็นคือหลิงฮันกำดาบอยู่ในมือ ร่างที่ไร้หัวของเขาค่อยร่วงลงสู้พื้นดิน
กระบวนท่าเดียวจริงๆ!
เขามองเห็นแม้แต่ว่าหลิงฮันหยิบดาบออกมาตอนไหน จริงอยู่ที่เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่พุ่งเข้ามาแต่ก็ไม่อาจตอบโต้ได้ทัน
‘ตูม’ พลังทำลายแทรกเข้าไปในห้วงจิตวิญญาณของเหลยตง พลังชีวิตของเขาแตกสลายและตกตายทันที
หลิงฮันเหาะลงมาจากฟ้า หัวและร่างของเหลยตงก็ร่วงลงมาถึงพื้นพร้อมๆกัน ‘ครืนน’ ร่างอันทรงพลังของปรมาจารย์ระดับดาราก่อให้เกิดคลื่นกระแทกพื้นอันรุนแรงราวกับแผ่นดินไหว
ทุกคนหวาดกลัวจนดวงดาแข็งข้าง แม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่บนท้องฟ้าแต่ก็สามารถมองเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้น หลังจากจักรพรรดิออกคำสั่งสังหารผ่านธงสัญลักษณ์ จู่ๆหลิงฮันก็ลงมือกวัดแกว่งดาบเข้าใส่เหลยตง
ที่ดาวเหอหนิงแห่งนี้ ตัวตนระดับดาราคือพระเจ้า ผ่านมากี่หมื่นกี่แสนปีแล้วไม่รู้ที่ไม่มีเหตุการณ์การตกตายของปรมาจารย์ระดับนั้น แต่ตอนนี้เหตุการณ์ที่ว่ากลับเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา
เพียงแค่ดาบเดียว!
สัตว์ประหลาดชัดๆ!
สิบพยัคฆ์แห่งตระกูลหวังหวาดกลัวจนเยี่ยวแตกและเกือบจะเป็นลม
ตอนที่ 1398
หลิงฮันกล่าวอย่างหยิ่งยโส “ใครอยากสังหารข้าก็ตามสบาย ข้าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก”
เขาจำเป็นต้องรอสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และติงผิง เพราะงั้นจึงไปจากที่นี่ไม่ได้
ผู้คนของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์กลายเป็นเกรี้ยวกราด ศัตรูอยู่ในถิ่นฐานของพวกเขาแท้ๆแต่ยังกล้าทำตัวหยิ่งผยองอีก? แต่ก็ยังมีคนส่วนหนึ่งที่ชื่นชมหลิงฮัน ขนาดถูกจักรพรรดิออกคำสั่งสังหารแล้วแท้ๆ หลิงฮันยังกล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่ออีก!
หนึ่งวันผ่านไป สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กับติงผิงก็กลับมา หนึ่งคนกลายเป็นจอมยุทธระดับดาราในขณะที่อีกคนกลายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา
“งั้นก็ไปกันได้แล้ว”
พวกเขาเดินทางออกจากเมือง สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กับติงผิงรับรู้ว่าพวกเขากำลังถูกตามล่า แต่แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่หวาดกลัว ไม่ต้องกล่าวถึงว่าในกลุ่มพวกเขามีจอมยุทธระดับดาราถึงสองคน แค่พวกเขาโยนเม็ดยาเพลิงลอยล่องออกไปก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าปรมาจารย์ระดับดาราหวาดกลัวแล้ว
พวกเขาออกเดินทางโดยไม่เร่งรีบเนื่องจากในกลุ่มมีบางคนที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วนัก ดังนั้นเมื่อผ่านไปอีกหนึ่งวัน ปรมาจารย์ระดับดาราคนหนึ่งก็ไล่ตามพวกเขาทัน
อีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์ระดับดาราขั้นต้น ที่เขาสามารถไล่ตามทันเป็นคนแรกไม่ใช่ว่าเขาสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วที่สุดแต่ว่าเขาอยู่ใกล้บริเวณที่หลิงฮันอยู่ที่สุด
อีกฝ่ายไม่กล้าผลีผลามลงมือเนื่องจากกลุ่มของหลิงฮันมีจอมยุทธระดับดาราอยู่ถึงสองคน หนึ่งคนเป็นถึงระดับดาราขั้นกลางซึ่งแข็งแกร่งกว่าเขาอีก
หากเขารู้ว่าแม้แต่เหลยตงที่เป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางชั้นสูงสุดก็ยังถูกหลิงฮันสังหาร เขาจะต้องร้องไห้ดีใจให้กับการตัดสินใจไม่ลงมือผลีผลามของตนเองแน่นอน
ผ่านไปอีกครึ่งวัน ปรมาจารย์ระดับดาราอีกคนก็มาถึง ปรมาจารย์คนนี้แข็งแกร่งกว่าคนแรกมาก พลังบ่มเพาะของเขาคือระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นต้น ดังนั้นทันทีที่เขามาถึงก็ได้ลงโจมตีอย่างไม่รีรอ
ช่างโชคร้ายที่หลิงฮันเองก็เคยสังหารจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงมาก่อนแล้ว
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบโจมตีออกไปพร้อมกับอำนาจสวรรค์ ปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงตกตายภายใต้เงื้อมมือของเขาอย่างรวดเร็ว หลิงฮันจ้องมองไปยังตำแหน่งของจอมยุทธระดับดาราคนแรกแต่ยังเลือกที่จะไม่ลงมือ
จอมยุทธระดับดาราคนนั้นหวาดกลัวจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว ปรมาจารย์ที่หลิงฮันสังหารไปเป็นถึงตัวตนระดับดาราขั้นสูง แม้ตะพึ่งทะลวงผ่านก็ตามทีอีกฝ่ายก็ยังมีพลังบ่มเพาะสูงกว่าหลิงฮันอยู่ดี
พลังต่อสู้ที่ห่างกันสีดาวรวมกับอำนาจแห่งจักรภพก็ยังไม่ใช้ศัตรูของหลิงฮัน?
เขากรีดร้องในใจ โชคดีที่หลิงฮันไม่ลงมือโจมตีเขาไม่เช่นนั้นเขาคงตายไปแล้ว
จอมยุทธระดับดาราขั้นต้นกัดฟันหันหลังเผ่นหนี สัตว์ประหลาดเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต่อกรได้
อีกหนึ่งวันผ่านไปก็มีตัวตนระดับดาราขั้นสูงชั้นสูงสุดปรากฏตัว ปรมาจารย์ผู้นี้เป็นอัจฉริยะสามดาวซึ่งต่อกรกับหลิงฮันได้อย่างสูสี
ครั้งนี้หลิงฮันทำได้เพียงเสมอกับอีกฝ่ายโดยยังไม่ใช่กาลเวลาแปรผันพันปี ระยะเวลาต่อสู้ลากยาวจนกระทั่งปรมาจารย์ระดับดาราอีกคนปรากฏตัวแล้วเข้ามาร่วมสู้
หลิงฮันไม่หวั่นเกรง กายหยาบของเขาไร้เทียมในระดับพลังเดียวกัน
เมื่อจำนวนของคู่ต่อสู้เพิ่มขึ้นถึงเจ็ดคน หลิงฮันก็ใช้กาลเวลาแปรผันพันปีในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีแบบใดก็ต้องถูกเร่งเวลาจนพลังทำลายสลายไป ผ่านไปไม่กี่กระบวนท่าปรมาจารย์ถึงสามคนก็ถูกหลิงฮันสังหารโดยสี่คนที่เหลือก็เลือกที่จะหลบหนีไป
เมื่อข่าวของเหตุการณ์นี้แพร่งพรายออกไป จักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ก็กลายเป็นเงียบสงัดโดยที่ไม่มีใครไล่ตามหลิงฮันมาอีก
นอกจากปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุด ใครจะต่อกรกับหลิงฮันได้?
แต่สถานะของปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดนั้นยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่จักรพรรดิโจ้วเทียนก็ไม่สามารถออกคำสั่งได้ จักรพรรดิโจ้วเทียนต้องมอบผลประโยชน์ที่มากพปรมาจารย์ระดับนั้นถึงจะยอมลงมือ แต่การจะทำเช่นนั้นก็จำเป็นต้องใช้เวลามากพอสมควร
ด้วยเหตุนั้นเอง กลุ่มของหลิงฮันจึงเดินทางออกจากเขตชายแดนของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์และเข้าสู่อาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะได้ทัน เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปรมาจารย์จากจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ไล่ตามอีกต่อไป
อีกไม่กี่วันต่อมาในที่สุดพวกเขาก็เดินทางถึงเมืองจักรพรรดิ
หลิงฮันต้องการพบเจอจักรพรรดินีในทันที แต่เขาได้ข่าวมาว่าจักรพรรดินีได้เก็บตัวบ่มเพาะพลังไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆของจักรพรรดิถูกยกให้เป็นหน้าที่การดูแลของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและขวา ไม่เพียงเท่านั้น ราชินีทั้งเก้าเองก็เก็บตัวบ่มเพาะพลังไปพร้อมกับจักรพรรดินีด้วยเช่นกัน
คนอื่นๆอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มีเพียงหลิงฮันที่รู้ว่าจักรพรรดิกำลังจะทะลวงผ่านระดับจึงได้รวมร่างแยกทั้งเก้ากลับเป็นหนึ่งเดียว
อืม… ทักษะเก้าอสรพิษของนางกับทักษะเก้าชาติภพของกู่ต้าวอี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน แต่เห็นได้ชัดว่าทักษะของกู่ต้าวอี้นั้นทรงพลังกว่า อีกฝ่ายสามารถใช้ชีวิตทั้งเก้าภพเป็นรากฐานเพื่อถือกำเนิดอย่างทรงอำนาจในชีวิตที่สิบ อัจฉริยะจากดินแดนแห่งเซียนไม่ใช่ตัวตนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะเทียบเคียงได้
“ถ้าเช่นนั้นก็กลับจักรวรรดิต้าหลิงก่อนแล้วกัน”
เนื่องจากกลุ่มของเขามีคนที่เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก พวกเขาจึงตัดสินใจเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของเมืองนี้ก่อน ซึ่งหลังจากนี้หลิงฮันจะต้องไปยังสำนักนภาสีชาดเพื่อมอบแก่นไขกระดูกหยกให้กับเฒ่าสวี
หลังจากซื้อของกันเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็เข้าไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อสังหารอาหารมากิน
ถึงแม้ที่ดาวหยุนติ่งจะมีระดับของศาสตร์วรยุทธที่เหนือกว่าดาวดวงนี้ แต่เนื่องจากมีสนามรบสองดินแดนมาเกี่ยวข้อง เผ่ามนุษย์กับสัตว์อสูรจึงเป็นพันธมิตรกันโดยห้ามฝ่ายใดสังหารและกินกันเอง แต่ดาวดวงนี้แตกต่างออกไป หากต้องการกินสัตว์อสูรก็สามารถกินได้ตามใจชอบ
อาหารของร้านอาหารแห่งนี้ก็ถูกทำขึ้นจากเนื้อสัตว์อสูร พรรคพวกของหลิงฮันชื่นชอบมากจนต้องสั่งเพิ่ม
หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ประตูห้องอาหารส่วนตัวก็ถูกเคาะพร้อมกับเด็กรับใช้ที่พลักประตูเดินเข้ามา เขาแสดงสีหน้านอบน้อมพร้อมกับกล่าว “แขกทุกๆท่านช่วยย้ายไปกินที่อื่นได้รึไม่?”
“ทำไมล่ะ?” หลิงฮันเอ่ยถาม แม้เขาจะไม่ใช่คนชอบรังควานใคร แต่เขาก็ไม่คิดจะให้ใครข้ามหัวเอาเปรียบ
“เรื่องนั้น…” คนรับใช้มีท่าทีลังเล “มีแขกพิเศษมาที่ร้านของเรา แต่ว่าห้องส่วนตัวเต็มแล้ว เพราะงั้นข้าจึงอยากขอให้พวกท่านเข้าใจด้วย เจ้าของร้านกล่าวเอาไว้ว่าพวกท่านไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าอาหารใดๆ”
โสมเฒ่าทุบโต๊ะทันทีและกล่าว “เจ้าเห็นพวกเรามาจากที่อื่นเลยคิดจะเอาเปรียบกันง่ายๆ? ไปเรียกเจ้าของร้านมา นายท่านโสมจะเตะไข่มัน!”
หลิงฮันไม่กล่าวอะไรแต่ก็ไม่รั้งห้ามโสมเฒ่า การที่เขาไม่ห้ามปรามใดๆก็หมายถึงว่าเขาเห็นด้วยและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
โสมเฒ่าชำเลืองมองก่อนจะรู้สึกฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิม ในเขตดวงดาวแห่งนี้ ต่อให้หลิงฮันจะไม่ได้ไร้เทียมทานที่สุด พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใคร
คนรับใช้มีสีหน้าหดหู่ที่ถูกต้นโสมชี้นิ้วใส่หน้า หากไม่มีหลิงฮันกับคนอื่นอยู่ด้วยเขาคงจะนำสมบัติเดินได้ต้นนี้ไปต้มเป็นซุปแล้ว “ข้าต้องขออภัยพวกท่านจริงๆ เอาแบบนี้เป็นอย่างไร ทางเราจะมอบเครื่องดื่มให้พวกท่านเป็นพิเศษเพื่อเป็นการชดเชย”
เขาได้รับคำสั่งมาว่าหากเป็นไปได้ก็แค่ไม่จำเป็นต้องคิดค่าอาหาร แต่หากจำเป็นก็ให้มอบสุราและเครื่องดื่มต่างๆได้โดยไม่คิดเงิน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องนำห้องส่วนตัวมาให้ได้เนื่องจากแขกที่มาใหม่ทั้งสองคนมีสถานะสูงส่งจนไม่อาจล่วงเกินได้
ตอนที่ 1399
คนรับใช้พยายามยื่นข้อเสนอต่างๆรวมถึงแอบกล่าวคำขู่ออกไปบ้างว่าสภานะของแขกทั้งสองที่ต้องการใช้ห้องอาหารส่วนตัวไม่ใช่ตัวตนที่พวกหลิงฮันสามารถล่วงเกินได้
โสมเฒ่า เจ้ากระต่ายและทุกคนต่างปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด โดยเฉพาะเจียนเยว่ซวนและเหล่าศิษย์ที่เลือดร้อน พวกเขาปฏิเสธที่จะลุกจากโต๊ะเพื่อรอดูหน้าแขกสองคนที่ว่า
“ยังจัดการไม่เรียบร้อยอีกรึ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส
ช่างคุ้นหู
หลิงฮันกล่าวในใจ เสียงนั่นรึว่าจะเป็นเซียงเฉิงหยิน?
เมื่อตอนที่เขาเพิ่งมาถึงดาวดวงนี้จากการเปิดสวรรค์ เป็นเซียงเฉิงหยินที่ผู้อาวุโสฝ้ายซ้ายส่งมารับจักรวรรดิต้าหลิงให้ไปอยู่ในการปกครองของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ ในตอนแรกความสัมพันธ์ของเขากับอีกฝ่ายก็ไม่ได้แย่นัก แต่ยิ่งหลิงฮันเข้าไปพัวพันกับปัญหามากขึ้น เซียงเฉิงหยินก็ตีตัวออกห่างจนพวกเขากลายคนแปลกหน้า
โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเตือนไม่ให้หลิงฮันใกล้ชิดกับหลี่เหว่ยเหว่ยเกินไป เซียงเฉิงหยินย่อมอยู่ฝั่งเดียวกับผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและตัดขาดกับหลิงฮันอย่างสมบูรณ์
และเมื่อหลิงฮันเดินทางไปยังดาวเฟยหยุนเขาก็ไม่ได้พบกับเซียงเฉิงหยินอีกเลย
ไม่ได้พบกับอีกฝ่ายมาเป็นเวลาหลายปี ไม่สิ… พูดตามหลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วระยะเวลาไม่กี่สิบปีไม่สามารถเรียกได้ว่าหลายปี เซียงเฉิงหยินเองก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนใดๆไปจากเดิม เขายังคงเลียแข้งเลียขาผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายอยู่ตลอด โดยเฉพาะเมื่อตอนนี้ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและขวาเป็นผู้รับหน้าที่ดูแลสถานการณ์ทั้งหมดของจักรวรรดิ ความโอหังของเซียงเฉิงหยินก็พุ้งทะยานสูงเสียดฟ้า
“นายท่านเซียง โปรดรอซักครู่ ห้องส่วนตัวนี้จะถูกจัดเตรียมในไม่ช้า” คนรับใช้เหงื่อตก ในเวลานี้ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการล่วงเกินเซียงเฉิงหยิน ไม่ใช่แค่คนต่ำต้อยเช่นเขา แม้แต่ปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราก็ไม่กล้า ตราบใดที่เซียงเฉิงหยินนำเรื่องของพวกเขาไปใส่ร้ายให้ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายฟัง พวกเขาคงจบสิ้น
“ฮึ่ม คนในห้องนั้นเป็นใครกัน ช่างกล้านักที่มัวแต่ลีลา!” เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับรุ่นเยาว์คนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เขาเป็นจอมยุทธที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับภูผาวารี แต่ท่าทางของเขากลับหยิ่งยโสโอหังราวกับอยู่เหนือสวรรค์
สิ่งที่เขาเข้ามาเห็นไม่ใช่เพียงคนจำนวนหนึ่งที่อยู่ในห้อง แต่ยังมีกระต่ายและโสมที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าของเขากระตุกทันทีที่เห็น
ถึงแม้สัตว์อสูรจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด แต่การที่พวกมันมาอยู่ร่วมกับมนุษย์โดยเฉพาะในเมืองหลวงเช่นนี้เป็นภาพที่เขาไม่คุ้นเคยเท่าไหร่
ยิ่งกว่านั้นสตรีทั้งสามคนที่อยู่ในห้องก็ยังงดงามมากอีกด้วย หนึ่งคนเป็นสตรีวัยแรกแย้ม หนึ่งคนเป็นสตรีมีออร่าความเป็นผู้ใหญ่ ในขณะที่สตรีคนสุดท้านนั้นมีเสน่ห์อันน่าย้ำยวนที่สุด นางงดงามหาใครเปรียบราวกับเป็นจักรพรรดินีแห่งดาราในตำนาน เพียงแค่จ้องมองก็ทำให้ผู้คนสูญเสียสมาธิ
แต่อย่างไรสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็ไม่ใช่จักรพรรดินีแห่งดารา รุ่นเยาว์ผู้นี้รีบดึงสติกลับมาก่อนจะกล่าวอย่างอวดดี “พวกเจ้าเป็นใคร?”
ใครขณะเดียวกัน เซียงเฉิงหยินเองก็เดินเข้ามาในห้อง แต่เพราะมุมที่เขายืนอยู่ทำให้มองไม่เห็นหลิงฮัน และด้วยการที่หลิงฮันปิดบังออร่าของตนเองเอาไว้ทำให้เขาไม่สามารถตรวจจับพลังของหลิงฮันได้อีกเช่นกัน
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางคาดคิดเอาไว้ว่าหลิงฮันนั้นก้าวเข้าสู่ระดับดาราแล้ว ซึ่งสามารถทุบตีผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายได้อย่างง่ายดาย!
ท่าทีของเซียงเฉิงหยินเองก็หยิ่งยโสไม่แพ้กัน ถึงแม้สถานะของเขาจะไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย แต่การที่มีผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายหนุนหลังทำให้เขามั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก
เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าเหล่าคนในห้องนี้มีออร่าอันทรงพลัง แต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจ
จอมยุทธระดับดาราในจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะนั้นมีเพียงหยิบมือ ดังนั้นคนเหล่านี้ไม่มีทางเป็นปรมาจารย์ระดับนั้นแน่นอน อย่างมากคนเหล่านี้ก็คงเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แต่เขาจำเป็นต้องกลัวอะไรกับตัวตนระดับนั้น? ไม่เพียงแค่ไม่กลัว แต่แม้แต่ตัวตนระดับสุริยันจันทราก็ต้องไว้หน้าเขา!
ยกตัวอย่างเช่นรุ่นเยาว์ที่ชวนเขามาดื่มในวันนี้คืออัจฉริยะนามว่าหลู่โหย่วจิงแห่งตระกูลหลู่ที่เป็นขุมอำนาจระดับสุริยันจันทรา ครั้งนี้เขานัดพูดคุยกับอีกฝ่ายก็เพราะต้องการหมั้นหมายกับบุตรสาวตระกูลหลู่
ต้องรู้ก่อนว่าไข่มุกของตระกูลหลู่นั้น ในไม่กี่ปีมานี้ได้เติบโตงดงามจนกลายเป็นสี่สตรีงามแห่งเมืองจักรพรรดิ
แม้เซียงเฉิงหยินจะชื่นชอบหลี่เหว่ยเหว่ย แต่ตัวเขาเองรู้ดีว่าในสายตาของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย เขาเพียงเป็นสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์เท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้มีรึที่เขาจะนำหลี่เหว่ยเหว่ยมาเป็นภรรยาได้?
ดังนั้นเขาจึงตัดใจเปลี่ยนเป้าหมายเป็นยุตรสาวของตระกูลหลู่ที่งดงามไม่แพ้หลี่เหว่ยเหว่ย ตระกูลหลู่เองก็มีผู้นำที่เป็นถึงตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด กล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นตระกูลชั้นหนึ่ง
การได้เป็นลูกเขนตระกูลหลู่นั้นจะทำให้เซียงเฉิงหยินได้รับผลประโยชน์มากมายและตระกูลหลู่ก็จะมีเส้นสายกับผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย กล่าวได้ว่าพวกเขาได้รับผลประโยชน์กันทั้งคู่
เซียงเฉิงหยินตอนนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจที่สูงส่งราวกับสวรรค์ ตราบใดที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้าเจ็ดแม่ทัพเขาก็ไม่ต้องหวาดกลัวใคร
โสมเฒ่าทุบโต๊ะและกล่าว “ข้าคือท่านปู่ของเจ้าไง่ล่ะ!”
หลู่โหย่วจิงกลายเป็นเกรี้ยวกราด เหตุใดโสมต้นนี้ถึงได้อันธพาลเพียงนี้?
“พวกเจ้าทั้งหมดใสหัวไปแต่โสมต้นนี้ต้องอยู่ต่อและกลายเป็นซุป!” หลู่โหย่วจิงกล่าว การที่สมุนไพรมีสตินึกคิดจนเคลื่อนไหวเองได้นั้นประสิทธิภาพของมันจะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าสมุนไพรในระดับเดียวกันไม่รู้กี่เท่าตัว
“คิดจะกินนายท่านโสมยังเร็วไปแสนปี! อย่าเจ้าได้กินแค่น้ำล้างเท้าของนายท่านโสมก็เพียงพอแล้ว!” โสมเฒ่ากระโดดขึ้นบ่นไหล่ของติงผิงและกล่าว “หนุ่มน้อยติง จัดการมันให้นายท่านโสม!” มันรู้ว่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้คือติงผิง
ติงผิงนั้นมีนิสัยใจเย็นไม่ได้กระหายเลือดเหมือนจิ่วเยา ไม่ได้รักสนุกเหมือนเจียนเยว่ซวน ไม่ได้เข้มงวดเหมือนเฉินหลุยเจียงและไม่เหมือนศิษย์อีกสองคนที่ฝึกฝนศาสตร์ปรุงยาอย่างหยุนหย่งหวังและคังซิวหยวน
ติงผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่นิ่ง “พวกเรายังกินอยู่ ช่วยออกไปด้วย หลังจากกินเสร็จพวกเราจะไปเอง”
คำพูดของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความอ่อนน้อมหรือหยิ่งยโส แต่เป็นหลักความจริงที่ว่าพวกเขามาก่อนก็ต้องมีสิทธิ์ก่อน
“เยี่ยม ช่างกล้าหาญ!” หลู่โหย่วจิงมีสีหน้าเย็นชาแต่ก็ยังเลือกที่จะไม่ลงมือ
เขาสัมผัสได้ว่าติงผิงและคนอื่นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อย่างน้อยคนเหล่านี้ก็ต้องมีพลังบ่มเพาะสูงกว่าเขา ดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์ผู้หนุนหลัง “พวกเจ้ารู้ถึงสถานะของพี่ใหญ่เซียงรึเปล่า? เขาคือผู้ติดตามที่ใกล้ชิดกับผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายที่สุด!”
เขากล่าวอย่างอวดดีก่อนที่สายตาจะจดจ้องไปยังใบหน้าอันงดงามของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์
ในเมืองจักรพรรดินี้เกรงว่าคงมีเพียงจักรพรรดินีที่งดงามกว่าสตรีนางนี้ ที่จริงก็เคยมีสุ่ยเยี่ยนยวี่ที่งดงามเทียบเท่ากับนาง แต่โชคร้ายที่หลังจากเกิดโศกนาฏกรรมทำลายล้างขึ้นที่นิกายสวรรค์เยือกแข็ง นางก็สูญหายไปเลยโดยทุกคนต่างสงสัยไปในทางเดียวกันว่านางตายไปแล้ว
ด้วยความมั่นใจอันเต็มเปี่ยมทำให้เขาเริ่มมีความกล้าที่จะคิดชั่ว
ตอนที่ 1400
ในเมื่อหลู่โหย่วจิงเอ่ยถึงชื่อของเซียงเฉิงหยิน หลิงฮันก็ไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อีกต่อไป
เขากล่าว “ที่แท้ก็เป็นพี่ชายเซียงนี่เอง”
ที่จริงด้วยพลังตอนนี้ของหลิงฮัน ต่อให้ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายมาที่นี่เขาก็ยังมีสถานะทัดเทียมกับอีกฝ่าย แถมอีกฝ่ายก็อาจต้องเรียกเขาว่าพี่ชายด้วยซ้ำเนื่องจากมีคำกล่าวว่าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นต้นเท่านั้น
เพียงแต่ว่าหลิงฮันเป็นคนไม่ลืมบุญคุณ ในตอนที่เพิ่งมาถึงจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ เซียงเฉิงหยินได้คอยดูแลเขาในหลายๆเรื่อง
“หลิง… หลิงฮัน!” ทันทีที่เซียงเฉิงหยินเห็นหลิงฮัน เขาก็ตกตะลึงจนดวงตาแทบถลน
ที่จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะโดยเฉพาะในเมืองจักรพรรดินี้ หลิงฮันคือตัวตนอันเป็นตำนาน
…ถูกจักรพรรดินีเรียกเข้าพบถึงสองครั้ง นับเป็นวาสนาอันไร้ขีดจำกัด
…ครอบครองสุ่ยเยี่ยนยวี่ที่งดงาม ไม่รู้ว่ามีบุรุษมากมายเท่าใดในเมืองจักรพรรดิที่อิจฉาจนอยากสังหารหลิงฮัน
…ขัดแย้งกับจ้าวหลุนแถมยังล่วงเกินเจ็ดแม่ทัพ
แม้หลิงฮันจะหายสาบสูญไปอยากลึกลับ แต่ชื่อเสียงของเขาก็ยังหลงเหลือทิ้งไว้
แต่ตอนนี้หลิงฮันกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งแล้ว!
ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เขาหายไปไหนกัน?
แต่เซียงเฉิงหยินก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว วันนี้ต่างจากอดีตผ่านมา ณ เวลานี้ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายคือตัวตนที่มีอำนาจสูงที่สุด ตัวเขาถึงขนาดถูกคนอื่นกล่าวขานว่าเป็น ‘ผู้อาวูโสฝ่ายซ้ายน้อย’ แม้พลังบ่มเพาะของเขาจะอยู่เพียงระดับภูผาวารี แต่ปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราก็ยังหวั่นเกรงไม่กล้าล่วงเกินเขา
แล้วหลิงฮันล่ะเป็นอะไร?
ก็แค่อัจฉริยะที่โลกนี้ไม่ขาดแคลน
เขาจ้องมองไปยังสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และจิตสั่นสะท้าน ก่อนหน้านี้ก็เป็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ เหตุใดหลิงฮันถึงได้มีดวงสมพงษ์กับสตรีงดงามนัก?
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ในเมื่อเป็นพี่ชายเซียง ข้าจะยอมให้แล้วกัน”
เฟิงโปหยุนและคนอื่นๆมึนงง หลิงฮันไม่ใช่คนที่จะยอมถูกเอาเปรียบง่ายๆ เหตุใดครั้งนี้เขาถึงยอม? แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เคารพในการตัดสินใจของหลิงฮัน พวกเขายืนขึ้นโดนไม่โต้แย้งใดๆ
แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมไม่ได้หวาดกลัวเซียงเฉิงหยินหรือผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เซียงเฉิงหยินจะต้องรู้สึกภูมิใจเอาไว้ที่ปรมาจารย์ระดับดาราสองคนถึงขนาดยอมสละห้องอาหารส่วนตัวให้เขา
แต่ทันทีหลิงฮันลุกขึ้นยืนก็ได้ถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนสิ้นสุดลง
เซียงเฉิงหยินรู้สึกอิจฉา ออร่าที่สัมผัสได้จากหลิงฮันนั้นธรรมดาสามัญ แต่ผู้คนรอบข้างหลิงฮันกลับเต็มไปด้วยปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราแถมยังเชื่อฟังคำพูดของหลิงฮันด้วย จากที่เห็นคือทั้งกลุ่มเชื่อฟังหลิงฮันโดยไม่ปริปากใดๆ
แต่แน่นอนว่านั่นอาจจะเป็นเพราะคนเหล่านี้หวาดกลัวในสถานะของเขา
เมื่อคิดเช่นนี้ ความอวดดีของเซียงเฉิงหยินก็ทะยานสูงขึ้นจนหยุดไม่ได้ “สตรีคนนั้นไม่เลวเลย เจ้าจงอยู่ดื่มกับข้า!”
เฉินหลุยเจียงและศิษย์คนอื่นๆเปลี่ยนสีหน้าทันใด มดปลวกตัวนี้กล้าคิดไม่ซื่อกับภรรยาของอาจารย์พวกเขา?
แต่ก็ยังไม่มีใครผลีผลามลงมือและรอการตัดสินใจของหลิงฮัน
“ฮ่าๆ พี่ชายเซียงบอกให้เจ้าอยู่ถือว่าเป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่แล้ว ยังไม่รีบขอบคุณพี่ชายเซียงอีกรึไง!” หลู่โหย่วจิงตะโกนใส่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ แต่ภายในปากของเขาได้แอบน้ำลายไหล เขาเองก็อยากได้สตรีผู้นี้เหมือนกัน
แววตาของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ‘พรึบ’ เขาสะบัดแขนผลักฝ่ามือใส่หลู่โหย่วจิง ‘ปัง’ กำแพงร้านปรากฏรูรูปทรงมนุษย์พร้อมกับร่างของหลู่โหย่วจิงลอยกระเด็นร่วงไปยังถนน
“หลิงฮัน เจ้ากล้าดีอย่างไรที่ทำร้ายคนอื่นในเมืองจักรพรรดิ!” เซียงเฉิงหยินเหงื่อตก เขานึกออกทันทีว่าหลิงฮันเป็นคนอุกอาจขนาดไหน แม้แต่บุตรชายของแม้ทัพจ้าวอีกฝ่ายก็ยังกล้าล่วงเกิน
เซียงเฉิงหยินหวาดกลัวจนตัวสั่น
“เห็นแก่หน้าเจ้า ครั้งนี้ข้าจะยอมปล่อยไป!” หลิงฮันสะบัดมืออีกครั้ง ‘ปัง’ ร่างของเซียงเฉิงหยินถูกส่งลอยกระเด็นทะลุกำแพงเป็นคนที่สอง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนด้านนอกตลกอย่างมาก บางคนถึงขนาดกลั้นหัวเราะไม่ไหว แต่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนที่กระเด็นลงมาเป็นเซียงเฉิงหยินกับหลู่โหย่วจิง พวกเขาก็กลายเป็นหวาดกลัวและรีบเผ่นทันที
อีกไม่นานที่นี่จะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอน!
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “แมลงน่ารำคาญบินไปแล้ว พวกเรากินอาหารต่อดีกว่า”
“อืม!” ทุกคนพยักหน้า
ที่บนถนน เซียงเฉิงหยินกับหลู่โหย่วจิงค่อยๆคลานลุกขึ้นยืน ใบหน้าของพวกเขาทั้งมืดมนและแดงก่ำ ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความโกรธแค้น
“พี่ชายเซียง กลับไปขอความช่วยเหลือกันก่อน” หลู่โหย่วจิงกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
“ไป!” เซียงเฉิงหยินเองก็โมโหจนแทบคลั่ง ในฐานะผู้ติดตามของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย หากเขาไม่สามารถทวงคืนความแค้นครั้งนี้ได้ เขาจะไม่มีหน้าอยู่ในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้อีกต่อไป
เพียงแต่ว่าตัวเขาเป็นเพียงคนรับใช้ของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย อีกฝ่ายจะเคลื่อนไหวเพียงเพราะเขาถูกทุบตีได้อย่างไร?
เพราะงั้นจึงต้องไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลหลู่
ตระกูลหลู่เป็นตระกูลระดับสุริยันจันทราชั้นแนวหน้า นอกเหนือจากปรมาจารย์ระดับดาราแล้ว ไม่มีใครที่ตระกูลหลู่จัดการไม่ได้
ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังตระกูลหลู่ เมื่อทางตระกูลรับรู้ว่าเซียงเฉิงหยินถูกทุบตี แม้แต่ผู้นำของตระกูลหลู่ก็ตกตะลึง เขาส่งบุตรชายคนโตให้รับหน้าที่แก้แค้นหลิงฮัน
บุตรคนโตของตระกูลหลู่มีชื่อว่าหลู่เฉิงเฟิง เขาเพิ่งทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ไม่นาน กล่าวได้ว่าเขาเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งอันดับต้นๆคนหนึ่ง
เซียงเฉิงหยินพึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่คู่หมั้นในอนาคตของเขาก็รับรู้ถึงความอัปยศของเขาครั้งนี้เช่นกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา รอให้เขาเหยียบย่ำใบหน้าของหลิงฮันก่อน ชื่อเสียงของเขาก็จะกลับมาเอง
กลุ่มของพวกเขารีบมุ่งหน้ากลับไปยังร้านอาหารอย่างรวดเร็ว
“เจ้าคนโอหัง ยังไม่รีบโผล่หัวออกมาและคุกเข่ายอมรับความผิดอีกรึ!” กลุ่มของพวกเขาหยุดยืนหน้าร้านอาหารพร้อมกับรุ่นเยาว์คนหนึ่งของตระกูลหลู่ได้ตะโกนออกมา กลุ่มคนที่ถูกส่งมาแก้แค้นรวมแล้วมีทั้งสิ้นสิบเจ็ดคน
ตอนที่ 1401
“ท่านอาจารย์ ให้ข้าจัดการเอง!” ติงผิงร้องขอเป็นคนสู้
“ไม่ ให้เป็นหน้าที่ข้า!” จิ่วเยากล่าว หลังจากที่แพ้ติงผิงเขาก็พยายามจะพัฒนาตนเองให้อยู่เหนือติงผิงมาตลอด
หลิงฮันไม่สนใจทั้งสองและสะบัดฝ่ามือเข้าใส่อากาศที่ว่างเปล่า ‘ปัง’ รุ่นเยาว์ตระกูลหลู่คนนั้นถูกกระแทกลงพื้นทันที ร่างของเขาทะลุพื้นดินลงไปอย่างง่ายดายราวกับถนนไม่ได้สร้างจากอิฐแข็งแต่เป็นเต้าหู้
“ช่างกล้า!” สีหน้าของหลู่เฉิงเฟิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“หลิงฮัน ที่นี่คือเมืองจักรพรรดิ!” เซียงเฉิงหยินกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม การที่ถูกทุบตีจนร่วงพื้นต่อหน้าสาธารณะชนทำให้เขาอยากสังหารหลิงฮันเป็นอย่างมาก
แต่ด้วยกฎหมายที่ห้ามมีการสังหารในเมืองจักรพรรดิทำให้แม้แต่ผู้อาวุโสซ้ายขวาหรือแม้แต่แม่ทัพทั้งเจ็ดก็ไม่มีข้อยกเว้น มีเพียงราชินีทั้งเก้าเท่านั้นที่อยู่เหนือกฎหมาย
เขาต้องการยั่วยุให้หลิงฮันลงมือสังหารคนของตระกูลหลู่ หากเป็นเช่นนั้นแล้วเขาก็จะหาข้ออ้างเพื่อสังหารหลิงฮันได้
“แล้วมันอย่างไร?” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส ไม่ต้องกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจักรพรรดินี เพียงแค่พลังของเขาในปัจจุบันแม้แต่ปรมาจารย์มากมายของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ก็ยังถูกเขาเข่นฆ่า เขาไม่จำเป็นต้องสนใจกฎหมายใดๆ
น่าเสียดายที่ข่าวจากทางฝั่งของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ยังไม่ส่งมาถึงที่นี่ ไม่เช่นนั้นเซียงเฉิงหยินไม่มีทางกล้ายั่วยุหลิงฮันแน่นอน
“เหอๆ เช่นนั้นเจ้ากล้าสังหารคนรึเปล่า?” เซียงเฉิงหยินกล่าวอย่างโหดเหี้ยม แต่แน่นอนว่าเขากล่าวทั้งๆที่ตัวเองหลบซ่อนอยู่ด้านหลังหลู่เฉิงเฟิง
บุตรสาวแห่งตระกูลหลู่มองไปยังเซียงเฉิงหยินด้วยสายตาเหยียดหยาม
ปากดีแต่ไร้ความกล้า นี่เจ้ายังเรียกว่าเป็นบุรุษอยู่อีกรึ?
ที่ผ่านมานางเคยเห็นแต่ด้านอันหยิ่งยโสของเซียงเฉิงหยินที่มีแต่คนเข้าหาเขาเพื่อประจบประแจง แต่ตอนนี้ความประทับใจที่นางมีต่อเขาได้ลดลงฮวบทันที
หลิงฮันไม่กล่าวตอบ เขาจำเป็นต้องต่อล้อต่อเถียงกับจอมยุทธระดับภูผาวารีตัวจ้อยด้วย? เขากดฝ่ามือลงไป ‘ตุบ’ เซียงเฉิงหยินไม่อาจต่อต้านคลื่นพลังที่ถ่าโถมเข้าใส่ได้ ขาของเขาอ่อนแรงและล้มลงกับพื้น ‘ครืนนน’ คลื่นพลังจากฝ่ามือนั้นทรงพลังจนทำให้ทั่วทั้งถนนสั่นสะเทือนไปและส่งผลให้กระดูกในร่างของเซียงเฉิงหยินค่อยๆแตกหัก
“อ้ากกก” ’ เซียงเฉิงหยินกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
หลู่เฉิงเฟิงมีสีหน้าเย็นชา รุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างอวดดีนัก ขนาดตัวเขาอยู่ตรงนี้ก็ยังกล้าลงมือ!
“รนหาที่ตาย!” เขายกหมัดขึ้นและโจมตีไปยังทิศทางของร้านอาหาร
“ข้าเอง!” ติงผิงลงมือ
“ข้าเอง!” จิ่วเยาก็ไม่น้อยหน้า
ทั้งสองคนลงมือพร้อมกัน ‘ตูม ตูม’ แต่ติงผิงนั้นเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ระดับสุริยันจันทรา ส่วนจิ่วเยาเองก็มีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุด เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะสามารถต้านทานการโจมตีของตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด พริบตาเดียวร่างของทั้งสองก็ถูกส่งลอยกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับกระอักโลหิตออกมากลางอากาศ
โชคดีที่ทั้งสองฝึกฝนทักษะกายาเก้ามังกรทรราช แม้พวกเขาจะไม่มีกายหยาบที่ไร้เทียมทานเหมือนหลิงฮันแต่ก็ยังถือว่ามีกายหยาบที่แข็งแกร่งกว่าจอมยุทธทั่วไป ไม่เช่นนั้นด้วยระดับพลังที่ห่างกันหลายขั้นเกรงว่าร่างของพวกเขาคงกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว
“โง่เขลา!” หลู่เฉิงเฟิงเยาะเย้ย ระดับพลังของพระเจ้านั้นแม้จะห่างกันเพียงขั้นย่อยพลังต่อสู้ก็ต่างกันมหาศาล แต่ถึงอย่างนั้นภายในใจของเขาก็รู้สึกหวาดกลัว ทั้งสองคนยังเยาว์วัยยิ่งนัก อายุของทั้งสองยังไม่เกินแม้กระทั่งห้าร้อยปี!
ยังไม่อายุไม่ถึงห้าร้อยปีก็สามารถทะลวงผ่านภูผาวารีได้ ในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ อัจฉริยะเช่นนี้ไม่ไม่เกินสิบคน แม้ในยุคสมัยนี้จะมีจ้าวหลุนที่นับว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะ แต่อีกฝ่ายก็ยังทะลวงผ่านระดับภูผาวารีในขณะที่มีอายุราวๆเจ็ดร้อยถึงแปดร้อยปี
หลิงฮันเอื้อมมือไปยังอากาศที่ว่างเปล่าและคว้าร่างของติงผิงกับจิ่วเยาเอาไว้ เขารู้ว่าทั้งสองไม่ได้บาดเจ็บสาหัสจนถึงแก่ชีวิต ไม่เช่นนั้นเขาก็คงลงมือแทรกแซงไปแล้ว
“ถึงคราวเจ้ารับหมัดของข้าบ้าง” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแสพร้อมกับปล่อยหมัดออกไป
หมัดที่ปล่อยออกไปเชื่องช้าเป็นอย่างมาก แต่ทันทีที่คลื่นพลังทำลายไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าหลู่เฉิงเฟิง อีกฝ่ายก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวและรีบปล่อยหมัดตอบโต้ทันใด
ปัง!
หมัดสองหมัดเข้าปะทะกัน หลู่เฉิงเฟิงไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและกล่าวอย่างอวดดี “ของแค่นี้…” ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวเสร็จ ใบหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนสี คลื่นหมัดของหลิงฮันยังไม่สลายไปและทำให้เขาต้องล่าถอยไปสามก้าวก่อนจะตั้งหลักได้ แต่เหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง พลังของคลื่นหมัดยังอยู่ทำให้เขาล่าถอยไปอีกสามก้าว
เหตุการณ์ที่หลู่เฉิงเฟิงค่อยๆล่าถอยเกิดขึ้นวนซ้ำไปมา เหมือนเขาอยากจะถูกอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่สามารถกล่าวออกมาได้
ในตอนแรกผู้คนรอบข้างก็รู้สึกขบขัน แต่พอเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำไปมาหลายสิบครั้งก็ไม่มีหัวเราะออกและแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาแทน
เพียงแต่หมัดเดียว เหตุใดคลื่นพลังของหมัดถึงคงสภาพอยู่ได้นานขนาดนี้? ยิ่งกว่านั้นหลู่เฉิงเฟิงก็ยังเป็นถึงปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดด้วย!
เซียงเฉิงหยินจ้องมองด้วยท่าทางมืดมน หลิงฮันบรรลุระดับพลังใดแล้วกันแน่?
ตั้งแต่แรกหลิงฮันก็ได้แสดงพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาดออกมาให้เห็นแล้ว พลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายๆค่อยยกระดับขึ้นจนเหนือกว่าเขา ตอนนี้ตัวเขายังไม่แม้แต่จะก้าวสู้ระดับสุริยันจันทราแต่เกรงว่าหลิงฮันคงต้องบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดแล้วแน่นอน บางทีอาจจะเป็นระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นเซียงเฉิงหยินจะถูกต้อนจนมุมเพียงเพราะหนึ่งหมัดได้อย่างไร?
แน่นอนว่าเซียงเฉิงหยินไม่มีทางคิดว่าหลิงฮันกลายเป็นตัวตนระดับดาราแล้วเนื่องจากมันไร้สาระสิ้นดี เขาเป็นคนเห็นด้วยตาตัวเองว่าไม่กี่ปีก่อนหลิงฮันยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับทลายมิติที่เขาสามารถเอาชนะได้ด้วยมือข้างเดียว
เมื่อเห็นสภาพของหลู่เฉิงเฟิง คนของตระกูลหลู่ก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ พวกเขาไปช่วยพยุงแขนของหลู่เฉิงเฟิงคนละข้าง
บุตรสาวตระกูลหลู่แววตาส่องประกาย นางเคยได้ยินตำนานของหลิงฮันมาก่อนและไม่คาดคิดว่าตำนานที่ว่าจะมาปรากฏอยู่ต่อหน้านาง หลิงฮันตัวจริงแข็งแกร่งกว่าตำนานที่เล่าขานกันเสียอีก
เมื่อล่าถอยไปถึงสิบไมล์ หลู่เฉิงเฟิงก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ปากของเขากระตุกไม่หยุดพร้อมกับเหงื่อไหลท่วมตัวและผมตั้งกระเซอะกระเซิง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ไปเรียกผู้นำตระกูลมา!” หลู่เฉิงเฟิงคำราม พลังของหลิงฮันแข็งแกร่งเกินไป จำเป็นที่จะต้องให้จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดเป็นคนจัดการ ไม่สิ บางทีต่อให้เป็นจอมยุทธระดับนั้นก็อาจจะทำได้เพียงแต่เสมอไม่อาจเอาชนะได้
คนของตระกูลหลู่รีบรุดหน้ากลับไปยังตระกูลหลู่ หลังจากรับรู้สถานการณ์ของหลู่เฉิงเฟิง ผู้นำตระกูลหลู่ก็เริ่มลังเลเล็กน้อย
จะคุ้มค่าจริงๆรึที่ต้องไปขัดแย้งกับปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด?
แต่เซียงเฉิงหยินได้กล่าวยั่วยุสร้างแรงกดดันส่งผลให้ผู้นำตระกูลหลู่ทำได้เพียงกัดฟันยอมทำตาม
เพื่อที่จะสร้างสายสัมพันธ์กับผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายจำเป็นต้องพึ่งพาเซียงเฉิงหยิน!
ผู้นำตระกูลหลู่ตัดสินใจลงมือด้วยตัวเองและนำคนของตระกูลหลู่กว่าครึ่งมุ่งหน้าไปยังร้านอาหาร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น