Alchemy Emperor of the Divine Dao 1325-1331
ตอนที่ 1325
เกวียนยังคงเคลื่อนที่ต่อไปด้านหน้า ห้วงความฝันเองก็ดำเนินต่อไปเช่นกัน
ความฝันครั้งนี้คือเส้นทางการเติบโตของติงจื่อเฉินในการทดสอบท้ายปีของแต่ละปี ความทรงจำล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งและเจ็บปวด
ติงเหยาหลงยังคงโดดเด่นเหมือนเคย เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราและได้อันดับสูงขึ้นในการประลองของตระกูล
ติงจื่อเฉินยังคงครองอันดับสุดท้าย ทุกๆครั้งเขาถูกสมาชิกร่วมตระกูลเยาะเย้ยเนื่องจากไร้การพัฒนาใดๆ
ปีแต่ละปีผ่านไปจนติงเหยาหลงอายุได้สิบหกปี เขาไม่สามารถเข้าร่วมการประลองของตระกูลได้อีกต่อไป เนื่องจากบรรลุระดับดาราแล้ว การประลองของตระกูลติงนั้น มีกฎไม่ให้จอมยุทธระดับดาราเข้าร่วม
แต่ถึงอย่างนั้นติงเหยาหลงก็ยังเฉิดฉาย เขาเป็นที่ชื่นชอบของสตรีมากมายในตระกูลรวมถึงสตรีที่ติงจื่อเฉินหลงรักด้วย
ติงเหยาหลงเป็นบุรุษผู้ชื่นชอบเรื่องรักๆใคร่ๆ เขาไม่ปฏิเสธสตรีมากมายที่เข้าหา มีสตรีมากมายที่ตั้งท้องกับเขา แต่ถึงอย่างไรติงเหยาหลงก็ไม่คิดจะแต่งงานกับใครทั้งสิ้นเนื่องจากตัวเขาเป็นดาวจรัสแสงของตระกูลติง เขาจะแต่งงานกับคนที่เหมาะสมจริงๆเท่านั้น สตรีที่ผ่านมาล้วนเป็นเพียงของเล่นสำหรับเขา
สตรีที่ติงจื่อเฉินหลงรักเองก็ตั้งท้องเช่นกัน หลังจากนางถูกปฏิเสธการแต่งงานนางก็ตัดสินใจจบชีวิตตนเอง
เรื่องนี้ทำให้ติงจื่อเฉินเกรี้ยวกราดมากและบุกไปท้าประลองติงเหยาหลง แต่ยังไม่ทันที่จะได้พบติงเหยาหลงเขาก็ถูกผู้ติดตามของอีกฝ่ายทุบตีจนเกือบตาย
เหตุการณ์นี้ทำให้เขานอนซมอยู่บนเตียงถึงครึ่งปีกว่าจะหายดี หลังจากนั้นติงจื่อเฉินได้ออกจากตระกูลเพื่อเดินทางฝึกตนไปทั่วโลกล้า เขารู้ดีว่าหากเขายังอยู่ในตระกูลเขาไม่มีทางก้าวข้ามติงเหยาหลงได้แน่
พันปีผ่านไป หมื่นปีผ่านไป ติงจื่อเฉินก็ยังคงเป็นขยะไร้ค่า พลังบ่มเพาะของเขายกระดับจากขั้นต้นชั้นต่ำมายังขั้นต้นชั้นกลางเท่านั้นซึ่งเขาได้เข้าสู่ช่วงวัยกลางคนแล้ว
มาถึงตอนนี้ ในที่สุดความมุมานะของติงจื่อเฉินก็เริ่มแสดงผล เขาติดตามกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งไปสำรวจโบราณสถาน กลุ่มของพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตจนเขาเป็นผู้เหลือรอดเพียงคนเดียว แต่ในที่สุดเขาก็ค้นพบเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง
ทันทีที่กินเม็ดยานั่นเข้าไป ไม่เพียงแต่อายุขัยจะเพิ่มพูน แต่ทั้งกายหยาบและพรสวรรค์ของเขาก็เปลี่ยนแปลงราวกับเกิดใหม่
ติงจื่อเฉินได้รับบาดเจ็บตั้งแต่อยู่ในท้องมารดา ดังนั้นเมื่อเขาเกิดมาเขาจึงมีพลังเพียงระดับรวมธาตุ ไม่เหมือนกับสมาชิกตระกูลคนอื่นที่เกิดมาพร้อมกับพลังบ่มเพาะระดับทะลายมิติ ข้อบกพร่องแต่กำเนิดนี้แทบจะทำให้เส้นทางการบ่มเพาะพลังของเขาพังทลาย แม้จะบ่มเพาะพลังจนบรรลุระดับพระเจ้าได้แต่ก็ต้องฝืนพึ่งพาทรัพยากรของตระกูล
หลังจากกินเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์เข้าไป ข้อบกพร้องแต่กำเนิดของเขาก็หายไปและพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ผ่านไปเพียงสิบปีเขายกระดับพลังบ่มเพาะของตนเองจากระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นกลางมาเป็นระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด
การพัฒนาของเขาไม่ได้หยุดช้าลงเพียงแค่นั้น หนึ่งร้อยปีต่อมาติงจื่อเฉินทะลวงผ่านระดับดารา พออีกพันปีเขาได้กลายเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์
เมื่อมาถึงจุดนี้บวกกับเวลาหลายหมื่นปีก่อนหน้า ติงจื่อเฉินสามารถเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะชั้นแนวหน้า
บรรลุระดับวารีนิรันดร์ก่อนอายุห้าหมื่นปี!
แต่เท่านี้ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุด หลังจากนั้นอีกหมื่นปีเขาได้กลายเป็นเซียน
พรวด!
ฉือหวงและคนอื่นตื่นจากห้วงความฝันอีกครั้ง ใบหน้าของทุกคนประดับไว้ด้วยความตกตะลึง
ในความฝันที่พวกเขาเห็น ติงจื่อเฉินนั้นออกมาจากตระกูลทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าติงเหยาหลงที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะบรรลุระดับพลังใดแล้ว แต่การที่ติงจื่อเฉินกลายเป็นเซียนได้ในระยะเวลาเพียงหกหมื่นปีนั้นเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เกินกว่าจะพบเจอได้จากที่ใด!
“บิดาของข้าที่ถือกำเนิดจากสวรรค์และปฐพียังต้องใช้เวลาถึงสองร้อยล้านปีกว่าจะบรรลุระดับระดับสร้างสรรพสิ่ง” ฉือหวงกล่าวด้วยสีหน้าไร้คำพูด
“อาจารย์ของข้า… ใช้เวลาสามร้อยล้านปี” เป่ยหวงกล่าวเช่นกัน
เมื่อเทียบกันแล้วติงจื่อเฉินเป็นสัตว์ประหลาดอย่างเห็นได้ชัด!
“หรือในเขตดวงดาวของพวกเราจะเคยมีเซียนอยู่และตกตายลงที่นี่?”
“ไม่เช่นนั้นแล้วดาวดวงนี้จะมีป่าภูผาวารีกับหุบเขาสุริยันจันทราได้อย่างไร?”
ด้วยความสงสัย พวกเขาจึงหลับตาเข้าห้วงความฝันต่อ
หลังจากบรรลุเป็นเซียนแล้ว ติงจื่อเฉินได้กลับไปยังตระกูลติงและท้าประลองติงเหยาหลงอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาไม่ถูกผู้ติดตามของติงเหยาหลงทุบตีอีกต่อไปและเข้าถึงตัวติงเหยาหลง ทั้งสองคนปะทะกันปลดปล่อยทักษะศักดิ์สิทธิ์ออกมาไม่ขาดสาย แต่ท้ายที่สุดเมื่อติงเหยาหลงใช้ทักษะลับออกมาติงจื่อเฉินก็พ่ายแพ้ทันที ทักษะลับที่อีกฝ่ายใช้นั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากแต่ก็แลกมาด้วยอายุขัยของผู้ใช้ ติงเหยาหลงสูญเสียอายุขัยไปอย่างน้อยร้อยล้านปี
เพียงแต่ว่าถึงแม้ติงจื่อเฉินจะพ่ายแพ้ แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากตระกูลในที่สุด ตระกูลทุ่มเทฝึกฝนและนัดหมายการแต่งงานให้แก่เขา คู่หมั้นของเขามาจากขุมอำนาจที่ทรงพลังทัดเทียมกับตระกูลติงและนางเองก็เป็นอัจฉริยะเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าเมื่อใดที่ติงจื่อเฉินยกระดับพลังตนเองสูงขึ้นอีกระดับ ทั้งสองถึงจะแต่งงานกัน
สูงขึ้นอีกระดับ?
ทุกคนตื่นขึ้นจากห้วงความฝันอีกครั้ง พวกเขาตกตะลึงและกลายเป็นไร้คำพูด
ติงจื่อเฉินบรรลุระดับเซียนแล้ว… เป็นไปได้อย่างไรที่จะยกระดับพลังสูงขึ้นอีก?
หลิงฮันมั่นใจทันทีว่าตระกูลติงต้องเป็นขุมพลังของดินแดนแห่งเซียนไม่ผิดแน่ ณ ที่แห่งนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะสามารถกลายเป็นปรมาจารย์ที่อยู่เหนือระดับสร้างสรรพสิ่ง
ยิ่งกว่านั้น ในด้านของฮูหนิวนางน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าเสียด้วยซ้ำที่สามารถเป็นเซียนได้ในระยะเวลาเพียงห้าปี
ทุกคนรีบเข้าห้วงแห่งความฝันต่อ พวกเขาอยากรู้ว่าถ้าติงจื่อเฉินยกระดับพลังของตนเองได้อีก ระดับพลังหลังจากเซียนจะเป็นอะไร
แม้ติงจื่อเฉินจะเป็นสุดยอดอัจฉริยะแล้วเขาก็ยังทะลวงผ่านระดับต่อไปไม่สำเร็จ ตอนนี้เขากับติงเหยาหลงสองคนกลายเป็นสองผู้นำรุ่นเยาว์สองตระกูลติงและเป็นตัวแทนอนาคตของตระกูล
หลังจากนั้นอีกพันล้านปี เป็นติงเหยาหลงที่ทะลวงผ่านระดับนำไปก่อน แต่อีกสามสิบล้านปีต่อมาติงจื่อเฉินก็ทะลวงผ่านระดับไปตามๆกัน
ระดับโลกียนิพพาน!
เรื่องนี้ทำให้ตระกูลติงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น ทั้งสองคนกลายเป็นสองบรรพบุรุษระดับโลกียนิพพานแห่งตระกูลติงซึ่งทำให้อำนาจของตระกูลสูงขึ้นอย่างมาก
ระดับโลกียนิพพานแบ่งออกเป็นสี่ขั้นย่อยเหมือนเดิมคือ ขั้นต่ำ กลาง สูง สูงสุด มีคำกล่าวว่าการจะทะลวงผ่านระดับนี้จำเป็นต้องสละตัดขาดชีวิตแห่งความเป็นมนุษย์ถึงสี่ครั้ง เมื่อสะสมปราณแห่งเซียนได้อย่างสมบูรณ์แล้ว อายุขัยจะกลายเป็นไร้ขีดจำกัดและใช้ชีวิตไม่แก่ตายเคียงคู่ไปกับจักรวาล
ติงจื่อเฉินเกือบต้องทิ้งชีวิตไปจากขั้นตอนเหล่านี้ หลังจากทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานเขาก็ออกเดินทางฝึกตนอีกครั้ง นี่เป็นอิสระครั้งสุดท้ายก่อนจะแต่งงานและรับหน้าที่เป็นบรรพบุรุษของตระกูล
เพียงแต่ว่าในขณะที่เดินทาง เขาบังเอิญไปพบเจอกับสตรีที่ทำให้เขาตกหลุมรักเพียงแรกเห็น ด้วยการที่รู้ดีว่าคู่หมั้นของตนเองทะนงในศักดิ์ศรีขนาดไหน เขาจึงไม่กล้าพาสตรีผู้นี้กลับตระกูลติงและเลือกที่จะใช้ชีวิตอาศัยอยู่กับสตรีผู้นี้แทน
เป็นเวลากว่าสามหมื่นปีที่ติงจื่อเฉินไม่ได้กลับตระกูลติงอีกเลย เขาเลือกปิดบังชื่อของตนเองและปลีกตัวไปใช้ชีวิตกับคนรักอย่างสงบสุข
สี่หมื่นปีต่อมาคนรักของเขาได้ให้กำเนิดบุตรสาวชื่อว่าติงหลิน
แต่ในช่วงเวลานี้เอง ในที่สุดคู่หมั้นของเขาก็พบตัวเขาและรับรู้ว่าเขาได้ทำการละทิ้งสัญญาณแต่งงานไปครองคู่กับสตรีอื่นจนให้กำเนิดบุตรสาว นางเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมากและฉวยโอกาสในตอนที่ติงจื่อเฉินไม่อยู่สังหารคนรักและบุตรสาวของเขา
พวกหลิงฮันตื่นขึ้นจากความฝันอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกจากดวงตา นี่ไม่ใช่ความรู้สึกของพวกเขาเองแต่ได้รับผลกระทบมาจากความรู้สึกในความทรงจำของติงจื่อเฉิน พวกเขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและเศร้าโศกราวกับหัวใจถูกฉีกขาด
ตอนที่ 1326
เรื่องคือปมที่เหลือค้างของติงจื่อเฉิน?
“เซียนไม่ใช่ระดับพลังสูงสุด!” นอกจากหลิงฮัน ร่างของคนอื่นๆสั่นสะท้านไม่หยุด สามัญสำนึกของพวกเขาถูกทำลายอย่างไม่อาจยอมรับได้
พวกเขาเชื่อมาตลอดว่าเซียนคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล คนที่จะสังหารเซียนได้… คือเซียนเหมือนกันเท่านั้น!
หรือนี่จะเป็นเรื่องหลอกลวงที่ติงจื่อเฉินสร้างขึ้นมา?
ทั้งฉือหวงและเป่ยหวงต่างไม่มั่นใจ มีเพียงหลิงฮันเท่านั้นที่รู้ว่านี่คือเรื่องจริงเนื่องจากเขารู้ว่าเหนือกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังมีดินแดนแห่งเซียน แม้ดินแดนทั้งสองจะอยู่ในจักรวาลเดียวกันแต่ดินแดนแห่งเซียนเป็นดินแดนที่อยู่เหนือกว่า
เดี๋ยวก่อน… ถ้าเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์คือดินแดนแห่งเซียน แล้วในด้านของดินแดนใต้พิภพล่ะ?
ไม่ถูกต้อง… หากต้องการเปิดผนึกเข้าไปยังดินแดนแห่งเซียน จำเป็นต้องผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเซียนหรือจ้าวอสูรก็สมควรมีเงื่อนเช่นนี้เหมือนกัน
ดังนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือดินแดนใต้พิภพ สุดท้ายแล้วเส้นทางของพวกเขาย่อมเป็นการเปิดผนึกเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนเหมือนกัน
เพราะอย่างไรปราณแห่งเซียนที่พวกเขาดูดซับมานั้นแฝงไว้ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดน… หลิงฮันรู้สึกราวกับจับจุดอะไรบางอย่างได้ แต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไรเขาก็ไม่เข้าในความรู้สึกนั้นซึ่งทำให้เขาหงุดหงิดอย่างยิ่ง
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”
ทุกคนอยากจะรู้เรื่องราวต่อไป เกวียนได้เดินหน้าต่อพร้อมกับทุกคนเข้าสู่ห้วงความฝัน
เมื่อติงจื่อเฉินกลับมาแล้วพบว่าคนรักกับบุตรสาวของตนถูกสังหาร ความเศร้าโศกในใจเขาได้ถูกจุดขึ้นมา บรรยากาศของเขตดวงดาวในบริเวณนั้นก็เปลี่ยนเป็นมืดสลัวทันที ดวงอาทิตย์กลายเป็นสีแดงราวกับโลหิต ทั่วทั้งเขตดวงดาวได้กลายเป็นเขตดวงดาวแห่งความตาย
นี่คือพลังที่ของตัวตนที่อยู่เหนือเซียน เพียงแค่ร่ำไห้ก็สามารถเปลี่ยนเขตดวงดาวที่มีดวงดาวอยู่นับไม่ถ้วนให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตาย
ติงจื่อเฉินกลับไปยัง ‘บ้านเกิด’ ของตนเองและบุกไปยังตระกูลของคู่หมั้น เขาลงมือสังหารนางด้วยเงื้อมมือตนเองและนำสมบัติของนางไปวางไว้ยังหลุมศพของคนรักกับบุตรสาว
การกระทำของติงจื่อเฉินทำให้เขาถูกสองตระกูลไล่ล่า ตระกูลติงที่ต้องการแก้ไขความบาดหมางระหว่างสองตระกูลได้ส่งติงเหยาหลงเป็นคนออกไล่ล่า ในการต่อสู้นองเลือดของทั้งสอง ติงจื่อเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสจนอำนาจแห่งเต๋าเสียหายอย่างไม่อาจรักษากลับมาได้
แม้เขาจะหลบหนีมาได้อย่างหวุดหวิดแต่ก็เหลือพลังชีวิตไม่มาก
เขาฝังร่างของตนเองให้หลับใหลอย่างนิรันดร์อยู่เคียงข้างกับคนรักผู้ล่วงลับ ส่วนสมบัติที่เขาชิงมาจากคู่หมั้นนั้นถูกใช้ให้กับบุตรสาว ในตอนที่บุตรสาวของเขาถูกสังหารเขาสามารถรวบรวมวิญญาณของนางกลับเข้ามารวมกันใหม่ได้สำเร็จและมอบโอกาสเกิดใหม่ให้แก่นาง
อั่ก!
ทุกคนสำลักออกมาหลังจกสที่เห็นเห็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของติงจื่อเฉินกับติงเหยาหลงในความฝัน มันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ดวงดาวมหึมามากมายถูกเป่าเป็นจุล สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนสูญพันธุ์ภายในพริบตา
“เซียนไม่ได้มีพลังขนาดนั้น!” เป่ยหวงกล่าว “แม้อาจารย์ของข้าจะเป็นเพียงเซียนระดับต่ำก็ตามที แต่ต่อให้เป็นเซียนระดับสูง หากต้องการทำลายดวงดาวก็จำเป็นต้องใช้ทักษะที่ทรงพลังที่สุดออกมา”
“แต่ว่าแค่คลื่นพลังจากการต่อสู้ของสองคนนั้นกลับทำให้ดวงดาวนับไม่ถ้วนแหลกสลาย แม้แต่ราชาเซียนก็ไม่สามารถทำได้” ฉือหวงกล่าวต่อ
ทุกคนพยักหน้า ตอนนี้พวกเขามั่นใจแล้วว่ามีระดับพลังที่เหนือกว่าเซียนอยู่จริงๆ ซึ่งก็คือระดับโลกียนิพพาน
เพียงแต่ว่าจากในห้วงความฝันของติงจื่อเฉิน ดวงดาวบ้านเกิดของเขาดูเหมือนว่าจะมีปรมาจารย์ระดับโลกียนิพพานอยู่มากมาย ที่ตระกูลติงมีตัวตนเช่นนั้นอยู่ราวๆสิบคน ตระกูลของคู่หมั้นเขาเองก็มีจำนวนใกล้เคียงกัน
น่าสะพรึงกลัว!
เขตดวงดาวของพวกเขามีเซียนอยู่เพียงแค่หยิบมือ แต่ที่ที่พวกติงจื่อเฉินอยู่กลับมีตัวตนที่เหนือกว่าเซียนอยู่เกินสิบ!
สถานที่นั่น… คือสถานที่ใดกัน?
ดินแดนแห่งเซียน!
หลิงฮันกล่าวในใจ ติงจื่อเฉินมีต้นกำเนิดคือดินแดนแห่งเซียนจึงไม่แปลกที่สถานที่นั้นจะมีปรมาจารย์อยู่มากมาย จากระดับชั้นพลังของที่นั่น ระดับโลกียนิพพานไม่มีทางเป็นระดับพลังที่แข็งแกร่งที่สุด
“ในเมื่อพวกเจ้าปรากฏตัวที่นี่แล้วย่อมหมายความว่าบุตรสาวของข้าผสานวิญญาณได้สมบูรณ์แล้ว” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของพวกเขา ทุกคนรู้สึกคุ้นกับเสียงนี้มาก
มันคือเสียงของติงจื่อเฉิน!
“ช่วยเหลือบุตรสาวของข้าในขั้นตอนสุดท้ายของการผสานวิญญาณแล้วพวกเจ้าจะได้รับทักษะระดับนิรันดร์ ‘กาลเวลาแปรผันพันปี’ ที่ข้าทิ้งเอาไว้” เสียงของติงจื่อเฉินดังขึ้นอีกครั้ง
นั่นไม่ใช่เสียงคนพูดจริงๆแต่เป็นเสียงจากสัมผัสสวรรค์ที่ดังขึ้นในห้วงจิตใจของพวกเขา เป็นติงจื่อเฉินที่ตายไปแล้วไม่รู้กว่ากี่พันล้านปีได้ทิ้งเศษเสี้ยวจิตวิญญาณเอาไว้เพื่อช่วยเหลือบุตรสาว
ทันใดนั้นเองทุกคนตื่นตัวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้ในห้วงความฝัน ติงเหยาหลงได้ใช้ทักษะลึกลับของตระกูลติงในการควบคุมเวลา เขาสามารถเร่งเวลาให้พลังโจมตีของศัตรูลดลงได้เป็นร้อยพันเท่า ทักษะเช่นนี้เป็นได้ทั้งสุดยอดทักษะป้องกันและทักษะโจมตีในเวลาเดียวกัน
ต้องนำมาครองให้ได้!
จังหวะนี้เอง ทุกคนมองหน้ากันและแสดงสีหน้าไร้ความลังเล
ทักษะลับเช่นนั้น ใครบ้างจะไม่อยากได้มาครอบครอง?
หลิงฮันกล่าว “อย่างแรกคงต้องตามหาบุตรสาวของผู้อาวุโสติงเสียก่อน”
ในเมื่อติงจื่อเฉินยอมถึงขนาดมอบทักษะที่ล้ำค่าเช่นนั้นให้ การกำเนิดใหม่คงไม่ในเรื่องง่ายๆแน่
นอกจากซั่วเฉียนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นอัจฉริยะระดับราชา พวกเขาสามารถควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี ทุกคนพยักหน้าและระงับความโลภในใจเอาไว้
ห้ามรีบร้อน
เกวียนขยับเดินหน้าอีกครั้ง แต่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปในห้วงความฝันได้อีกต่อไปเนื่องจากติงจื่อเฉินได้ให้พวกเขาเห็นสิ่งที่ต้องการหมดแล้ว
ตอนนี้ทุกคนพอเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง
ทำไมป่าภูผาวารีจะเปิดออกในช่วงเวลาสามหมื่นปี ส่วนหุบเขาสุริยันจันทราจะเปิดออกในช่วงสี่หมื่นปีน่ะรึ? นั่นเพราะติงจื่อเฉินใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับคนรักเป็นเวลาสามหมื่นปีและสี่หมื่นปีต่อมาเขาถึงได้ให้กำเนิดบุตรสาว
เรื่องยิบย่อยเหล่านี้ก็ส่วนหนึ่งของเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่หลงเหลือไว้
ทำไมสองที่นั้นถึงมีปราณแห่งเซียน? นั่นก็เพราะติงจื่อเฉินมีต้นกำเนิดคือดินแดนแห่งเซียน เหนือไปกว่านั้นก็คือเขาเป็นตัวตนระดับนิรันดร์!
หรือว่าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่เกิดในที่แห่งนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับติงจื่อเฉิน?
มีความเป็นไปได้…
ที่นี่คือสนามรบสองดินแดนซึ่งเป็นสถานที่ที่โลหิต วิญญาณ กระดูกและจิตวิญญาณของติงจื่อเฉินถูกฝังเอาไว้ จะมีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ส่วนเม็ดทรายสีทองเองก็อาจจะเป็นเลือดเนื้อของติงจื่อเฉินที่ถูกเปลี่ยนสภาพหลังจากสิ้นชีวิต
เพียงแต่ว่าในเมื่อพวกเขาสามารถเข้าสู่ห้วงความฝันนั่นได้ เหล่าตัวตนระดับวารีนิรันดร์ทั้งสี่ที่เข้ามาก่อนหน้าพวกเขาก็สมควรเห็นความฝันนี้เหมือนกัน
“ต้องรีบแล้ว!”
ทุกคนจ้องตากัน ฉือหวงเร่งความเร็วของเกวียนขึ้นทันที
‘ครืนน’ เกวียนเคลื่อนที่บดขยี้ทุกอย่างที่ขวางหน้า ภายใต้ระดับเซียนไม่มีอะไรสามารถหยุดมันได้ ราวๆหนึ่งวันต่อมาหมอกรอบด้านก็กระจายตัวทำให้มองเห็นภูเขาที่อยู่เบื้องหน้า ภูเขาลูกนี้ราวกับว่ามันถูกตัดจนทำให้มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยม
“นั่นไม่ใช่ภูเขา… มันคือโลงศพ!”
ตอนที่ 1327
เมื่อหมอกสลายไปได้มีโลงศพขนาดเท่าภูเขาปรากฏอยู่เบื้องหน้า
มาถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้พวกเขาตกตะลึงแล้ว จากห้วงความฝันทำให้พวกเขารู้ว่าติงจื่อเฉินได้ฝังร่างบุตรสาวสุดที่รักเอาไว้และพวกเขาต้องช่วยฟื้นคืนชีพให้ติงหลิน
โลงศพคือที่ที่ร่างของนางถูกฝังเอาไว้?
เพียงแต่จะเรียกว่าโลงศพมันก็มีขนาดใหญ่เกินไป มันสูงถึงพันฟุตและกว้างสามพันฟุต ขนาดของมันเท่ากับภูเขาพอดิบพอดี
อีกด้านหนึ่งของโลงศพมีคนสี่คนยืนอยู่โดยเว้นระยะห่างกัน แต่ละคนปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังราวกับเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล
ราชันสวรรค์เฉินเฟิง นักพรตกว่างฉิง นักปราชชุดขาว ชายร่างใหญ่หัวหมาป่า พวกเขาคือตัวตนระดับวารีนิรันดร์ทั้งสี่
“เอาล่ะ ลงมาได้แล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับตัวพวกเจ้าเอง” ทุกคนเดินลงจากเกวียน
“น้องชายฮัน ไว้มีเวลาก็มายังเขตดวงดาวของข้าบ้างล่ะ” ฉือหวงกล่าว “จริงสิ อีกร้อยปีที่จะถึงสำนักละอองดาราของเขตดวงดาวสี่ทิศจะเปิดรับสมัครศิษย์ เหล่าอัจฉริยะจากเขตดวงดาวนับร้อยเขตจะมาแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งศิษย์ที่มีเพียงร้อยตำแหน่ง ข้าหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะได้พบน้องชายอีกครั้ง”
เป่ยหวงเองก็ยิ้มไปยังหลิงฮันด้วยท่าทีเป็นมิตรอย่างมาก
อย่ามองว่าพวกเขาทั้งสองเป็นทายาทของเซียนแล้วจะเป็นเซียนได้ อนาคตของพวกเขานั้นโอกาสที่จะบรรลุระดับเซียนแทบจะเป็นศูนย์ สำหรับพวกเขาแล้วการบรรลุระดับวารีนิรันดร์นั้นไม่ยากเย็นอะไร แต่สำหรับการบรรลุเป็นเซียนนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
ยิ่งระดับพลังสูงขึ้น สิ่งที่ปรมาจารย์รุ่นก่อนจะสอนทายาทของตนได้ก็ยิ่งมีน้อยลง ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องจะก้าวข้ามเซียนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาทั้งสองเลย แค่จะมีบรรลุระดับพลังที่เท่ากันยังไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่า
แต่ในกรณีของหลิงฮันนั้น เขามีโอกาสสูงมากที่จะกลายเป็นเซียน
เพราะงั้นแล้วทั้งสองจึงผูกมิตรกับหลิงฮันโดยไม่สนว่าตัวเองจะเป็นจอมยุทธระดับดาราหรือเป็นทายาทของเซียน พวกเขาจงใจลดความยิ่งยโสลง
“สำนักละอองดารา?” หลิงฮันเอ่ยด้วยความสงสัย
“สำนักละอองดารานั้นก่อตั้งขึ้นโดยเซียนซิงฉาที่เป็นเซียนระดับสูง ตั้งแต่ที่สำนักถูกก่อตั้งมาเป็นเวลากว่าหมื่นล้านปี เขาบ่มเพาะสร้างศิษย์ระดับเซียนขึ้นมาได้ถึงแปดคน” เป่ยหวงอธิบาย “เซียนซิงฉากล่าวว่าเขาจะรับศิษย์สูงสุดแค่เก้าคน หากได้ศิษย์คนสุดท้ายแล้วเขาจะไม่รับใครเป็นศิษย์อีก เนื่องจากอายุขัยของเขาคงไม่เพียงพอที่จะสร้างเซียนคนที่สิบ”
“ดังนั้นเหล่าอัจฉริยะทุกคนถึงคิดจะมุ่งหน้าไปยังสำนักละอองดาราเพื่อถวายตัวเป็นศิษย์ของเซียนซิงฉา หากสามารถเป็นศิษย์คนที่เก้าของเขาได้ สถานะของคนผู้นั้นจะทะยานสูงขึ้นอย่างจินตนาการไม่ถึง!” ฉือหวงกล่าวต่อ
หยางหลิน แม่นางหยุน เย่วหยิงและคนอื่นๆได้ยินอย่างชัดเจนและแสดงสีหน้าอันมุ่งมั่นออกมาอย่างปิดไม่มิด
เซียนระดับสูง!
อย่ามองเซียนชิงไห่กับเซียนจิตวิญญาณศิลาเป็นเซียนแล้วจะเหมือนกัน ทั้งสองเป็นเซียนระดับต่ำ แม้พวกเขาไปที่ใดก็ย่อมเป็นที่เคารพ แต่เมื่อเทียบกับเซียนระดับสูงแล้ว เรียกว่าต่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี
ถ้าทิ้งเรื่องศักดิ์ศรีไปเกรงว่าเซียนจิตวิญญาณศิลากับเซียนชิงไห่คงจะยินยอมสวามิภักดิ์เป็นศิษย์ของเซียนซิงฉา บางทีพวกเขาอาจจะมีโอกาสเลื่อนเป็นเซียนที่ระดับสูงขึ้น ไม่เช่นนั้นระดับพลังของทั้งสองคงหยุดอยู่ที่เซียนระดับต่ำไปตลอดชีวิต
หลิงฮันพยักหน้าเบาๆและกล่าว “ตกลง ภายในหนึ่งร้อยปีข้าจะไปยังสำนักละอองดาราแน่นอน”
“เราคงได้เจอกันแน่” ฉือหวงหัวเราะ “แต่วาสนาในครั้งนี้ ข้าคงไม่ยกให้น้องชายหลิงง่ายๆ!” เขา ควบคุมเกวียนลอยไปยังบริเวณบนสุดของโลงศพโบราณ
ด้วยเกวียนนี้ทำให้เขามั่นใจและไม่เกรงกลัวปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ทั้งสี่
‘ครืนน’ เกวียนลอยขึ้นไปยังส่วนบนสุดของโลงศพโบราณจนไม่สามารถมองเห็นอีกต่อไป
หลิงฮันและคนอื่นๆเองก็แยกย้ายกันไปเพื่อมองหาความลับของโลงศพโบราณจากหลายๆมุม
ร่างคนตายต้องอยู่ภายในโลงศพนี้แน่ หากต้องการทำให้อีกฝ่ายฟื้นคืนชีพ แน่นอนว่าต้องนำร่างของนางออกมาจากโลงศพให้ได้เสียก่อน ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำคือการเปิดโลงศพหรือไม่ก็หาวิธีเข้าไปด้านใน
หลิงฮันแน่นอนว่าแยกตัวออกมาด้วยกันกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ พวกเขาเดินวนรอบโลงศพโบราณและพบเพียงว่าบนตัวโลงศพมีสัญลักษณ์เรียงติดกันมากมายราวกับเป็นรูปแบบอาคมหรือไม่ก็เจตจำนงยุทธ
หลังจากเดินวนดูแล้วก็ไม่พบร่องรอยใดๆที่จะทำให้เปิดหรือเข้าไปในโลงศพได้เลย
หรือจะเป็นด้านบน?
หลิงฮันกระโดดขึ้นฟ้าและคิดจะปีนโลงศพ แต่ในขณะที่เท้าของเขากำลังจะแตะโดนโลงศพนั่นเอง ความรู้สึกเย็นยะเยือกก็ผุดขึ้นในจิตใจของเขาราวกับเป็นสัญญาณเตือนว่าหากเท้าของเขาแตะโลงศพนี้เขาจะต้องตาย
เขาฝืนดันตัวเองกลับออกมาทำให้ร่างของเขาร่วงหล่นกระแทกเข้ากับพื้น
“เจ้าทำอะไร?” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ถามด้วยความสับสน
ยังไม่ทันที่หลิงฮันจะกล่าวตอบพวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากทิศทางหนึ่ง มีคนคิดจะทำเหมือนกับหลิงฮันคือการปีนขึ้นไปบนโลงศพ ในขณะที่ร่างกายของเขาสัมผัสโดนตัวโลงศพร่างของคนคนนั้นก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆพร้อมกับโลหิตสาดกระจายทันที
แม้คนคนนั้นจะไม่ใช่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งและเป็นเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แต่เขาตายเพียงเพราะสัมผัสกับโลงศพเนี่ยนะ?
โลงศพอันนี้อันตราย!
ในขณะเดียวกัน เสียงโครมครามก็ดังขึ้นจากด้านบนพร้อมกับเกวียนที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า มันคือเกวียนที่เป็นยานพาหนะของฉือหวง ตอนนี้เขาของกระทิงม่วงด้านหน้าเกวียนได้หักหายไป บริเวณด้านข้างของตัวเกวียนเองก็พังทลาย
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนไปทันที เกวียนนั่นถูกสร้างขึ้นจากวัตถุดิบเซียน การที่มันถูกทำลายแสดงให้เห็นว่าโลงศพโบราณอันตรายขนาดไหน
พวกเขาห้ามลืมว่าติงจื่อเฉินเป็นตัวตนระดับนิรันดร์!
อำนาจของตัวตนระดับนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำลายวัตถุดิบเซียน
“จบสิ้นแล้ว ข้าต้องตายแน่ๆ!” ฉือหวงโอดครวญ เกวียนนี้ไม่ใช่ของเขา แต่เพราะอยากเปิดตัวอย่างโดดเด่นเขาจึงแอบนำมันมาใช้
จากเขตดวงดาวของเขามาถึงเขตดาวดวงนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เกวียนจะได้รับความเสียหาย เพราะเขตดวงดาวเขตนี้ไม่มีตัวตนระดับเซียนแม้แต่คนเดียว หากเขานำเกวียนมาใช้ที่นี่ย่อมสร้างความตกตะลึงได้อย่างมาก
แต่ตอนนี้เกวียนกลับได้รับความเสียหายเสียแล้ว ยิ่งกว่านั้นดูทรงแล้วอาจจะซ่อมแซมไม่ได้ด้วย เมื่อกลับไปเขาจะต้องถูกบิดาลงโทษอย่างอเนจอนาถแน่นอน
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์หวาดกลัวทันที ถ้าหลิงฮันล่าถอยไม่ทันเขาคงจะกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว
หลิงฮันขมวดคิ้วและกล่าวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ “พาข้าขึ้นไปด้านบน”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์พยักหน้า นางกางปีกและยกร่างหลิงฮันบินขึ้นฟ้า
เมื่อทั้งสองคนมาถึงด้านบนสุดของโลงศพโบราณและมองสำรวจอย่างถี่ถ้วน พวกเขาพบว่าโลงศพโบราณนี้ราวกับว่าถูกเชื่อมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน มันไม่มีรอยต่อระหว่างฝาโลงกับตัวโลงศพเลย หรือต่อให้มีใครจะกล้าเปิดฝาโลงศพ?
แปลกมาก… ทางเข้าเองก็ไม่มีเช่นกัน เช่นนี้แล้วจะช่วยบุตรสาวของติงจื่อเฉินให้คืนชีพได้อย่างไร?
หลิงฮันคิดว่าอาจจะมีทางเข้าซ่อนเอาไว้ แต่ด้วยสัญชาตญาณอันแหลมคมของเขาบอกกับเขาว่าไม่มีมีทางเข้าใดซ่อนอยู่
ไม่เช่นนั้นคนอย่างฉือหวงคงไม่บุ่มบ่ามลงมือจนเกวียนที่เป็นอุปกรณ์ระดับเซียนเสียหาย
ถ้างั้น… จะทำอย่างไรดี?
ตอนที่ 1328
แม้โลงศพโบราณจะไร้รอยต่อและดูเหมือนไม่มีทางเข้า ก็ไม่ใครที่มาที่นี่คิดจะล่าถอยกลับไป
วาสนาครั้งนี้คือโอกาสที่หาไม่ได้อีกแล้ว!
ไม่เพียงแต่ไม่มีใครกลับออกไป คนกลับยิ่งเข้ามาที่นี่เพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่หมอกห้วงความฝันก่อนหน้านี้ได้จางหายไปหมดแล้ว มีเพียงคนที่เข้ามาในตอนแรกที่เห็นความฝันช่วงชีวิตของติงจื่อเฉิน
เมื่อเรื่องราวในห้วงความฝันถูกแพร่กระจายออกไป เหล่าคนที่มาทีหลังล้วนแต่เกิดความรู้สึกสงสัยไม่อยากจะเชื่อ แต่พอเห็นว่าปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ทั้งสี่ไม่คิดจะออกจากไปที่นี่ ทุกคนจึงตัดสินใจอยู่ดูสถานการณ์ต่อไป
ไม่ว่าอย่างไรอายุขัยของจอมยุทธระดับพระเจ้าก็มากมายอยู่แล้ว ต่อให้เสียเวลาอยู่ที่นี่สักสิบหรือยี่สิบปีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
เพราะงั้นแล้วที่นี่ถึงได้มีคนเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากร้อยคนในตอนแรกเพิ่มเป็นหลายพันคน หลายพันคนเพิ่มเป็นหมื่นคน แสนคน และเกรงว่าหากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปคงจะถึงล้านคน
ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ค่อยๆปรากฏตัว ไม่เพียงแค่ธิดาซื่อเยว่ แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ของสองจักรวรรดิราชวงศ์อย่างแม่ทัพเชี่ยและคนอื่นๆที่หลิงฮันไม่รู้จักก็มาเช่นกัน ทุกคนล้วนเป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงของดาวหยุนติ่ง
แม้แต่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของดาวดวงนี้อย่างจักรพรรดิชื่อเยี่ยนแห่งจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์กับจักรพรรดิหลันอวิ๋นแห่งจักรวรรดิราชวงศ์เมฆาครามก็ยังตื่นตัว ทั้งสองบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดและอยู่ในช่วงของการทะลวงผ่านขั้นต่อไปอันสำคัญ ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้จึงส่งตัวแทนของตระกูลราชวงศ์ออกมาแทน
ตัวแทนของจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์คือกู๋ซื่อ ผู้สืบทอดรุ่นที่สี่ของจักรพรรดิชื่อเยี่ยน พลังบ่มเพาะของเขาคือระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง ในกลุ่มตัวแทนที่ถูกส่งมาจากจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด
ตัวแทนของจักรวรรดิราชวงศ์เมฆาครามคือบุตรคนที่เก้าของจักรพรรดิหลันอวิ๋น เขาคือบุตรที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดและจะได้รับสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิในอนาคต เขาเองก็มีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงเช่นกัน
ในด้านของดินแดนใต้พิภพนั้นไม่มีใครทราบ แต่เชื่อว่าพวกเขาคงส่งปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งพอๆกันมาไม่ผิดแน่
เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆจึงมีเพียงขุมอำนาจของดาวหยุนติ่งที่มาถึงก่อน แต่หากโลงศพนี้ยังคงมีอยู่ไปอีกสักปี เหล่าปรมาจารย์ของเขตดวงดาวแสงคงกระพันแห่งนี้คงมากันทั้งหมด หากเป็นอีกสิบปีเกรงว่าปรมาจารย์ของเขตดวงดาวอื่นก็คงรุดหน้ามาที่นี่
แม้แต่เซียนก็อาจจะปรากฏให้เห็น
เนื่องจากไม่สามารถทำอะไรกับโลงศพโบราณตรงหน้าได้ หลิงฮันจึงเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อบ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฏ
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เองก็เข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อขัดเกลาพลังบ่มเพาะให้บรรลุขั้นสมบูรณ์เช่นกัน ทั้งสองคนนั่งอยู่ใต้ต้นสังสารวัฏโดยมีเซียนหวู่เซียงคอยชี้แนะบ้างเป็นบางครั้ง
จากคำกล่าวของเซียนหวู่เซียง หากใครต้องการทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง คนคนนั้นต้องขัดเกลาพลังบ่มเพาะให้บรรลุขั้นสมบูรณ์อย่างน้อยหนึ่งระดับ
ตัวของเซียนหวู่เซียงนั้นเขาเคยขัดเกลาพลังบ่มเพาะให้บรรลุขั้นสมบูรณ์มาแล้วถึงสองระดับ คือระดับสุริยันจันทราและระดับดารา ดังนั้นเขาจึงสามารถชี้แนะหลิงฮันได้ตรงจุด ที่จริงตอนนี้เขาว่างไม่มีอะไรให้ทำด้วยซ้ำ การจะให้คำชี้แนะบ้างจึงไม่เสียเวลาอะไร
วันเวลาค่อยๆผ่านไปจนผ่านไปสองเดือน
หลิงฮันไม่ยอมเสียโอกาสขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์ ต่อให้ตอนนี้จะไม่สามารถกินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้เขาก็ยังฝึกฝนเคล็ดลับกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน เขาในตอนนี้รู้สึกเร่งรีบอยากบรรลุขั้นสมบูรณ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังผ่านไปอีกสามเดือน ในที่สุดหลิงฮันรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังจะทะลวงผ่าน!
เขาออกมาจากหอคอยทมิฬ ทันใดนั้นเองเมฆสายฟ้าก็รวมตัวกันบนท้องฟ้า แม้จะเป็นที่แห่งนี้ก็ไม่สามารถหลบหนีสายตาของสวรรค์และปฐพี
หลิงฮันสลายการป้องกันของกายหยาบและชี้นำทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เข้ามาในร่างเพื่อชำระล้างกระดูก ดาบอสูรนิรันดร์เองก็ถูกนำออกมาดูดซับพลังของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เช่นกัน แต่ได้มีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น ในขณะที่ดาบดูดซับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ตัวดาบเกิดการหดตัวจนมีขนาดเล็กกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นคุณภาพของมันได้ถูกยกระดับขึ้นเป็นอุปกรณ์ศศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด!
หรือว่า… ต่อให้ไม่ต้องกลืนกินแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ดาบก็สามารถพัฒนาตัวเองได้?
หลิงฮันที่จะรู้สึกไม่ได้ว่านี่มันน่าอัศจรรย์เกินไป ราวกับว่าดาบเล่มนี้มีสัญชาตญาณที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้นในตัวมันเอง
เพียงแต่ว่าการพัฒนาตัวเองเช่นนี้ทำให้ขนาดของดาบอสูรนิรันดร์หดเล็กลงหลายเท่า ถ้าดาบยังพัฒนาตนเองเช่นนี้ต่อไป ในอนาคตขนาดของมันจะไม่เหลือเท่าเข็มรึไง?
เขาต้องพยายามหาแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดจำนวนมากมาให้ดาบอสูรนิรันดร์กลืนกินจนกลับมามีขนาดเท่าเดิม!
ช่วงเวลานี้ในหัวทุกคนมีแต่เรื่องของโลงศพโบราณ ไม่มีใครคิดสนใจมาดูคนแปลกหน้ารับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
หลิงฮันใช้เวลาทะลวงผ่านครึ่งวัน เขาโคจรหยดวารีอมตะฟื้นฟูร่างกายและกลับเข้าไปในหอคอยทมิฬก่อนนำเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งออกมากินและบ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฏต่อ
สามวันต่อมาเขายกระดับของตัวเองขึ้นเป็นขั้นสมบูรณ์ชั้นกลาง!
ในด้านของโลงศพโบราณนั้นยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้จำนวนคนที่ปรากฏตัวจะมีมากขึ้นก็ยังไม่สามารถหาทางเข้าโลงศพเจอ ขุมพลังที่แข็งแกร่งร่วมมือกันจนค้นพบว่าสัญลักษณ์มากมายบนโลงศพนั้นที่แท้กลับล้ำค่าอย่างมาก การศึกษาสัญลักณ์เหล่านั้นได้ช่วยให้พลังบ่มเพาะของพวกเขาที่หยุดแน่นิ่งจนขึ้นสนิมมานานเริ่มขยับอีกครั้ง
ด้วยการค้นพบนี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนกลับออกไป ที่นี่กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของการบ่มเพาะไปโดยปริยาย จำนวนคนที่มารับวาสนามีมากขึ้นเรื่อยๆ
โลงศพโบราณก็ส่วนหนึ่ง ในขณะเดียวกันเม็ดทรายสีทองที่อยู่ที่นี่ก็สามารถทำการดูดซับได้เช่นกัน เม็ดทรายสีทองล้ำค่าอย่างมาก แม้แต่เซียนก็ยังสามารถยกระดับพลังของตนเองได้หากดูดซับทรายสีทองเหล่านี้
ทั้งโลงศพโบราณและเม็ดทรายสีทองได้ทำให้สถานที่แห่งนี้ดึงดูดผู้คนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
หลิงฮันมองเห็นเชี่ยตงหลายมาที่นี่ หมอนั่นทำให้ตระกูลเสียหน้าขนาดนั้นกลับถูกปล่อยตัวแล้ว?
แต่พอคิดดูแล้วก็มีเหตุผล สถานที่แห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์บนโลงศพหรือเม็ดทรายสีทองก็สามารถทำให้แม้แต่ตัวตนระดับเซียนหวั่นไหว ตระกูลเชี่ยจะให้เชี่ยตงหลายที่เป็นทายาทคนสำคัญพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร?
บางทีที่เขามาบ่มเพาะพลังที่นี่ก็เพื่อทะลวงระดับ?
หลิงฮันอยากจะลงมือสังหารอีกฝ่าย แต่เชี่ยตงหลายนั้นนั่งอยู่ที่บริเวณมุมหนึ่งของโลงศพโบราณทั้งวันซึ่งที่นั่นแม่ทัพเชี่ยก็อยู่ด้วย ด้วยการคุ้มครองจากปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ หลิงฮันสังหารอีกฝ่ายได้อย่างไร?
‘ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะอยู่ที่นั่นตลอดไปโดยไม่ขยับไปไหน!’
หลิงฮันครุ่นคิด หากว่าเชี่ยตงหลายมาที่นี่เพื่อทะลวงผ่านขั้นสมบูรณ์ของระดับสุริยันจันทราล่ะก็ เขาที่บรรลุขั้นสมบูรณ์ชั้นกลางแล้วย่อมกำราบอีกฝ่ายได้ แต่ถ้าเชี่ยตงหลายคิดจะทะลวงผ่านระดับดาราล่ะ?
ด้วยพรสวรรค์ของเชี่ยตงหลาย เมื่อทะลวงผ่านระดับดาราแล้วเขาสมควรมีพลังต่อสู้อย่างน้อยสามดาว ต่อให้หลิงฮันบรรลุขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดก็คงไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
“ดูจากศักยภาพของเชี่ยตงหลายแล้ว หากเขาจะทำการทะลวงผ่านคงไม่ใช่ขั้นสมบูรณ์แต่เป็นระดับดารา” หลิงฮันคาดการณ์ “ข้าต้องรีบบ่มเพาะพลังให้บรรลุขั้นสมบูรณ์สูงสุด หากเชี่ยตงหลายจะทะลวงผ่านระดับก็ต้องรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ข้าจะฉวยโอกาสในตอนนั้นสังหารเขา!”
ตอนที่ 1329
ในระดับสุริยันจันทรา หลิงฮันไม่จำเป็นต้องสะสมพลังปราณด้วยตัวเอง แค่กินยาเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นสิ่งที่หลิงฮันทำมีเพียงการหลอมเม็ดยา ดูดซับเม็ดทรายสีทองและศึกษาสัญลักษณ์บนโลงศพโบราณ
เขานำเม็ดทรายมากมายเข้ามาในหอคอยทมิฬ ภายในหอคอยทมิฬนี้เขาสามารถดูดซับเม็ดทราบสีทองได้ง่ายขึ้น
“อะไรกัน?” หอคอยน้อยปรากฏตัวและอุทาน “ในเม็ดทรายเหล่านี้มีเจตจำนงยุทธของจอมยุทธระดับนิรันดร์แฝงเอาไว้”
“บางทีอาจจะเป็นเพราะตัวตนระดับนิรันดร์ได้ตกตายที่นี่ เลือดเนื้อของเขาจึงส่งผลกระทบบางอย่างต่อผืนดิน” หลิงฮันพยักหน้า
หอคอยน้อยส่ายไปส่ายมาเบาๆโดยไม่กล่าวอะไรต่อราวกับมันกำลังจ้องมองดูเม็ดทราย “ถ้าเจ้านำเม็ดทรายเหล่านี้เข้ามาในคอยทมิฬได้ในจำนวนมาก ข้าสามารถคัดแยกทักษะระดับนิรันดร์ที่อยู่ในทรายเหล่านี้ออกมาได้”
ร่างของหลิงฮันสั่นสะท้านก่อนจะกล่าว “ทักษะระดับนิรันดร์ที่ว่าคืออะไร?”
“ทักษะบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมเวลา ต้องลองคัดแยกออกมาก่อนถึงจะรู้” หอคอยน้อยกล่าว
หรือจะเป็นทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีของตระกูลติง?
หลิงฮันตื่นเต้นขึ้นมาทันที ทักษะลับนี้คือทักษะคู่สายเลือดของตระกูลติง สมาชิกทุกคนของตระกูลต่างฝึกฝนทักษะนี้ เป็นไปได้ว่าติงจื่อเฉินคงฝึกฝนทักษะนี้จนทักษะได้ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างของเขา ต่อให้วิญญาณจะสลายไปอำนาจของทักษะก็ยังคงเหลืออยู่ในเลือดเนื้อ เมื่อเขาตกตายอำนาจของทักษะจึงผสมเข้ากับแผ่นดินของที่นี่
แม้จะมีคนรู้เรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคัดแยกทักษะออกมาจากเม็ดทราย ต่อให้เป็นเซียนก็ตามที
มีเพียงหอคอยทมิฬที่สามารถทำได้เนื่องจากมันคืออุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงของดินแดนแห่งเซียน
หลิงฮันถูกกระตุ้นทันที ในขณะที่คนส่วนใหญ่บ่มเพาะพลังกันอยู่รอบๆโลงศพโบราณ ตัวเขาได้ทำการขุดดินนำเม็ดทรายเข้ามาในหอคอยทมิฬ ตอนนี้ภายในหอคอยทมิฬได้มีกองทรายสีทองสูงเท่าภูเขากองรวมกันอยู่
“เท่านี้พอรึยัง?” หลิงฮันถาม
“ยัง” หอคอยน้อยกล่าว
……
“นี่ล่ะพอรึยัง?”
“ยัง”
……
หลิงฮันขุดดินต่อไปเรื่อยๆจนผ่านไปสามเดือนหอคอยน้อยถึงพยักหน้าบอกว่าน่าจะเพียงพอแล้ว ที่ต้องใช้เม็ดทรายจำนวนมากเป็นเพราะเม็ดทรายสีทองเหล่านี้เพียงแค่ปนเปื้อนไปด้วยเลือดเนื้อบางส่วนเท่านั้น ยิ่งเวลาผ่านมาไม่รู้กี่แสนกี่ล้านปี เจตจำนงยุทธที่อยู่ภายในเม็ดทรายย่อมเริ่มเสื่อมสลายไปแล้ว
หากทักษะนิรันดร์ทักษะนี้ไม่ใช่ทักษะควบคุมกาลเวลา เกรงว่าเจตจำนงที่อยู่ภายในคงไม่สามารถคงสภาพมาได้ถึงทุกวันนี้
หลิงฮันขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์อีกครั้งในระหว่างที่หอคอยทมิฬทำการคัดแยกทักษะออกมาจากกองทรายสีทอง
สามวันต่อมา รูปลักษณ์ของหลิงฮันกลับไปเป็นร่างของเด็กหนุ่มอายุสิบปี เขาในตอนนี้ใกล้จะเข้าใจเคล็ดลับของกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านช่วงต้นแล้ว หลังจากขัดเกลากายหยาบเสร็จหลิงฮันนำเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งออกมากินและบ่มเพาะพลังต่อ
ขั้นสมบูรณ์ชั้นปลาย!
“รับไป!” หอคอยน้อยกล่าวพร้อมกับมีก้อนแสงขนาดเล็กเท่าจุดลอยเข้ามาหาเขา แม้จะเล็กแต่ก้อนแสงนี้กลับส่องประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงตะวัน
“คัดแยกสำเร็จแล้ว?” หลิงฮันถาม
“เนื่องจากเจตจำนงยุทธภายในเม็ดทรายมีน้อยเกินไป ข้าจึงคัดแยกออกมาได้เพียงขนาดเท่าจุด ถ้าเจ้าไม่สามารถทำความเข้าใจได้สำเร็จในครั้งนี้ก็ต้องไปหาเม็ดทรายจำนวนมากมาอีกครั้ง” หอคอยน้อยกล่าว
ก้อนแสงขนาดเท่าจุดนี้คือความพยายามตลอดสามเดือนของเขา…
หลิงฮันพนักหน้าและคิดจะทำความเข้าใจทักษะในทันที
หลิงฮันมายังใต้ต้นสังสารวัฏพร้อมกับก้อนแสง จากนั้นเขาได้ปล่อยสัมผัสสวรรค์ออกไปโอบล้อมก้อนแสงและเริ่มทำความเข้าใจ
ครืนนน!
ภายในห้วงจิตใจของเขาสั่นสะท้านทันทีราวกับถูกคลื่นยักษ์ถาโถมทะลวงเข้ามาในหัว
ก้อนแสงค่อยๆปรากฏขึ้นในห้วงจิตใจของเขา หลิงฮันพยายามเอื้อมไปสัมผัสมัน ทันใดนั้นเองก่อนแสงได้แตกสลาย กระจัดกระจายแยกออกไปทั่วห้วงจิตใจ
หลิงฮันรีบทำความเข้าใจทักษะที่อยู่ในก้อนแสงทันที ใต้ต้นสังสารวัฏต้นนี้ กล่าวได้ว่าเขามีเวลามากกว่าคนอื่นๆถึงสี่ร้อยเท่า
เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะไม่สามารถเข้าใจทักษะนี้ได้ด้วยเวลาที่มากกว่าปกติถึงสี่ร้อยเท่า ต่อให้เขาล้มเหลวเขาก็ต้องจับเคล็ดบางอย่างได้บ้างและค่อยๆศึกษาเคล็ดที่ว่าให้เกิดเป็นรูปเป็นร่าง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หนึ่งเดือนต่อมาหลิงฮันก็ลืมตาขึ้น
“กาลเวลาแปรผัน” เขาพึมพำก่อนจะเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังมุมหนึ่งของหอคอยทมิฬและดีดนิ้วใส่ต้นไม้ใหญ่ ภายในชั่วพริบตาใบไม้บนต้นไม้ก็เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองและร่วงลงพื้น เวลาของต้นไม้ต้นนี้ถูกเร่งจนสิ้นอายุขัย
“ข้าเข้าใจได้แค่เบื้องต้นของทักษะ ด้วยการดีดนิ้วเมื่อครู่ข้าสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตสูญเสียอายุขัยไปหนึ่งพันปี”
“ที่ข้าทำได้คือการลดทอนอายุขัย ไม่ใช่เร่งเวลา ไม่งั้นต้นไม้สมควรจะเบ่งบานไม่ใช่ตายไปดื้อๆแบบนี้”
“แม้จะสามารถใช้ทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีได้ แต่พลังของมันยังอ่อนแอเกินไป หากต้องการจะลดอายุขัยของจอมยุทธระดับภูผาวารีให้ตาย ข้าต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันเต็มๆ ด้วยพลังบ่มเพาะของข้าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสังหารที่ยุ่งยากเช่นนั้น”
“น่าเสียดาย หากข้าหยุดเวลาได้เหมือนฉื้อหวงจี่่คงจะดี”
หลิงฮันถอนหายใจ แม้จะเป็นการควบคุมเวลาเหมือนกันแต่หลักการนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าเขาหยุดเวลาได้แม้เสี้ยววินาทีจะมีประโยชน์ในการต่อสู้อย่างมหาศาล
ในทางกลับกัน หากทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีถูกใช้ออกอย่างเต็มประสิทธิภาพ การดีดนิ้วของเขาสมควรลดทอนอายุขัยได้อย่างน้อยล้านปี ด้วยการลดทอนอายุขัยเพียงหนึ่งพันปีในตอนนี้คงไม่สามารถทำให้จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์หรือระดับสร้างสรรพสิ่งเจ็บปวดได้
“หลิงฮัน!” จู่ๆสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็เรียกเขา “ข้าต้องการทะลวงระดับ!”
หลิงฮันรีบนำนางออกจากหอคอยทมิฬ ‘ครืนนนน’ เมฆสายฟ้าก่อตัวขึ้นพร้อมกับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่เตรียมพร้อมจะผ่าลงมา
“มาพยายามไปด้วยกัน” หลิงฮันยิ้มก่อนจะนั่งลง เขาตั้งใจจะดูดซับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เพื่อยกระดับอำนาจสวรรค์
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ชะงักก่อนจะกล่าว “ไม่จำเป็น ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์น่าสะพรึงกลัวก็จริงแต่ข้ามั่นใจว่าจะผ่านมันไปได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยข้า” นางกลัวว่าหลิงฮันจะได้รับบาดเจ็บไปด้วย
“ฮะๆ!” หลิงฮันไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาไม่ได้หวาดกลัวทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์แม้แต่น้อย กลับกันเขาต้องการจะใช้ประโยชน์จากมันให้กลายมาเป็นพลังของตัวเขาเอง หลิงฮันเดินเข้าไปใกล้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และจูบเข้าที่ริมฝีปากของนาง
“เจ้า!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ถลึงตามองแรง ในเวลาแบบนี้หลิงฮันยังจะทำเรื่องไร้สาระอยู่อีก
‘ครืนน’ ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์กระหน่ำลงมาราวกับว่าพระเจ้าทนดูไม่ไหวอีกต่อไปและต้องการสังหารหลิงฮัน
หลิงฮันชูมือขึ้นท้องฟ้า เมื่อทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์สัมผัสกับร่างของเขา แม้แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่หลุดร่วง…
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ตกตะลึงจนพูดไม่ออกทันที
ตอนที่ 1330
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์รู้ว่าหลิงฮันมีกายหยาบที่ท้าทายสวรรค์ แต่นางไม่คิดว่าจะขนาดนี้
“คนเขากำลังพลอดรักกันอยู่ อยู่เงียบๆก่อนไม่ได้รึไง?” หลิงฮันกล่าวพร้อมกับยิ้มเยาะเย้ยไปที่ท้องฟ้าก่อนจะก้มหัวจูบสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์อีกครั้ง
‘ครืน! ครืน! ครืน!’
ทันใดนั้นเองคลื่นสายฟ้าก็กระหน่ำลงมาไม่หยุดราวกับพระเจ้ากำลังโกรธเกรี้ยวที่หลิงฮันบังอาจแทรกแซงทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของคนอื่น
โดยปรกติแล้วไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธระดับใดก็ล้วนแต่ต้องรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์อย่างไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่ตัวตนระดับเซียนก็เช่นกัน เพียงแต่ว่าทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์นั้นจะรุนแรงขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับระดับพลังของจอมยุทธคนนั้น
หลิงฮันนั้นแม้จะมีกายหยาบที่ไร้เทียมทานจนสามารถเมินเฉยทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ในระดับพลังของตนเองได้ แต่หากเขาไปแทรกแซงทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของตัวตนระดับดาราหรือวารีนิรันดร์ ชะตากรรมของเขาคงหนีไม่พ้นถูกบดขยี้ไม่เหลือซาก
แต่ปัญหาก็คือการแทรกแซงทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ย่อมเป็นการกระตุ้นให้สวรรค์และปฐพีเกรี้ยวกราด
อย่างเช่นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ที่หลิงฮันเข้ามาแทรกแซง… พลังทำลายของมันได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึงสิบเท่าตัว
แต่ว่าแค่สิบเท่า… หลิงฮันย่อมไม่หวาดกลัวเนื่องจากกายหยาบของเขาในตอนนี้ยกระดับเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าหรืออาจจะสูงกว่านั้นแล้ว
ครั้งนี้เขาไม่ได้สลายพลังป้องกันของกายหยาบเพื่อขัดเกลากระดูกแต่เลือกที่จะดูดซับทำความเข้าใจนำพลังของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์มาเป็นพลังของตนเอง ยิ่งทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์กระหน่ำลงมา รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าในมือของเขาก็ยิ่งลึกลับซับซ้อนขึ้น
ครึ่งวันผ่านไป สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็ผ่านการทดสอบของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้สำเร็จ ตอนนี้นางเป็นราชาในหมู่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราแล้ว!
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มีความสุขมาก นางไม่เคยฝันมาก่อนว่าวันหนึ่งนางจะบรรลุชั้นสมบูรณ์ได้จริงๆ! แม้ในตอนระดับภูผาวารีนางจะไม่ได้ขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ทำให้พลังต่อสู้ของนางไม่สามารถบรรลุถึงสิบดาว แต่แค่เก้าดาวก็ทำให้นางตื่นเต้นมากแล้ว
“ยินดีด้วยภรรยาข้า ข้าขอจูบให้เป็นรางวัลแล้วกัน” หลิงฮันเดินไปหาอีกฝ่าย
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ไม่ใช่สุ่ยเยี่ยนยวี่ นางขัดขืนอย่างเต็มแรงทันที แต่โชคร้ายที่นางไม่สามารถสู้แรงหลิงฮันได้ นางถูกกำราบและบังคับจูบในทันที
“อันธพาล เจ้ารังแกข้า!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กล่าวขึ้นเสียงด้วยท่าทีที่มองแล้วยั่วยวนเหลือเกิน
หลิงฮันแทบจะระเบิดความใคร่ออกมา ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ แต่โชคร้ายที่ร่างกายของเขาในตอนนี้เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบปีทำให้ไม่สามารถจับกดอีกฝ่ายได้
“เจ้าเป็นอะไร?” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นหลิงฮันแน่นิ่งไป
“ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากอยู่เฉยๆ… แล้วไม่ต้องถามด้วยว่าทำไมข้าถึงอยากอยู่เฉยๆ”
……
เวลาผ่านไปอีกสามเดือน หลิงฮันขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์อีกครั้งและกินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อยกระดับพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดก่อนจะทะลวงผ่านระดับดารา
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเข้าไปเช่นกัน ผ่านไปสามวันนางสามารถยกระดับพลังของตนเองขึ้นมาได้หนึ่งขั้นย่อยทำให้นางรู้สึกเต้นมาก นี่คือข้อได้เปรียบของนักปรุงยาที่สามารถเร่งระดับพลังบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็ว!
หลิงฮันยังมีหยดพลังวิญญาณใส่ขวดที่ฉือหวงมอบให้อยู่อีก แต่สมบัติระดับดาราเช่นนั้นจะนำมาใช้ตอนนี้ก็มีแต่จะเสียของและฤทธิ์ของมันจะไปขัดแย้งกับเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเสียเปล่าๆ รอให้เขาทะลวงผ่านระดับดาราก่อนค่อยดูดซับมันแล้วกัน
ทั้งสองคนมุ่งหน้ากลับไปยังโลงศพโบราณ พวกเขายังคงรู้สึกสงสัยไม่หาย ติงจื่อเฉินกล่าวว่าต้องการให้พวกเขาช่วยเหลือบุตรสาวของตน แต่แม้แต่หน้าตาของนางพวกเขายังไม่อาจได้เห็น แล้วแบบนี้จะช่วยนางได้อย่างไร?
เพียงแต่ว่าหลิงฮันที่เข้าใจหลักการของทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีแล้วย่อมหมดความสนใจในรางวัลของติงจื่อเฉิน ที่เขายังอยู่ที่นี่ต่อก็เพราะเม็ดทรายสีทองที่ล้ำค่าเหล่านี้สามารถนำไปขายเป็นเงินได้ สัญลักษณ์บนโลงศพโบราณเองก็สามารถศึกษาเพิ่มยกระดับความเข้าใจแห่งเต๋าได้
“ฮ่าๆๆ ข้าจะทะลวงผ่านระดับแล้ว!” ใครบางคนตะโกนเอ่ยขึ้น
เรื่องแบบนี้สำหรับที่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ด้วยการที่มีสัญลักษณ์บนโลงศพโบราณให้ช่วยเหลือ เวลาผ่านไปเพียงก็มีคนมากมายที่ยกระดับพลังบ่มเพาะขึ้นเป็นระดับใหม่แทบทุกวัน
ยิ่งระดับพลังสูงขึ้นก็ยิ่งยกระดับพลังได้ยากขึ้น อย่างเช่นตัวตนระดับวารีนิรันดร์ที่มาที่นี่นั้นยังไม่มีใครเลยที่ทะลวงผ่านระดับ บางทีพวกเขาอาจจะต้องอยู่ที่สักสิบปี ร้อยปี หรืออาจจะพันปี
แต่สำหรับตัวตนระดับนั้น แค่สามารถทะลวงผ่านระดับในระยะเวลาต่ำกว่าล้านปีได้ก็นับว่าน่าตกตะลึงแล้ว!
ที่มีคนตะโกนออกมาเมื่อจะทะลวงผ่านระดับพลังก็เพื่อเรียกร้องความคนใจให้คนอื่นรู้สึกอิจฉา
หลิงฮันมองไปยังต้นเสียง แววตาของเขาส่องประกายด้วยจิตสังหารทันที
หมอนั่นคือเชี่ยตงหลาย!
เป็นอย่างที่คิด อีกฝ่ายคิดจะทะลวงผ่านระดับดารา รอบกายของเขาปรากฏให้เป็นประแสงแห่งดาราอันเรือนราง ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เขาเป็นคนแรกที่จะทะลวงผ่านระดับดารา
“ฮ่าๆๆๆ!” เชี่ยตงหลายหัวเราะอย่างเหยียดหยาม แต่ต่อให้เขาจะอวดดีขนาดไหนก็ไม่กล้าทะลวงผ่านระดับพลังรบกวนใครที่นี่เนื่องจากรอบด้านมีตัวตนระดับวารีนิรันดร์อยู่มากมาย ต่อให้เป็นเขาก็ไม่กล้าทำให้ปรมาจารย์เหล่านั้นโมโห แค่หนึ่งหมัดของพวกเขาก็สามารถบดขยี้ชีวิตเขาได้
เชี่ยตงหลายกวาดสายตามองรอบด้านก่อนจะเห็นหลิงฮัน แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นคมกริบทันที รอให้เขาทะลวงผ่านระดับก่อนเถอะ… คนแรกที่เขาจะสังหารคือหลิงฮัน จากนั้นก็อู่เมี่ยนและปิดฉากด้วยสตรีที่กล้านอกใจหักหน้าเขา!
ฮึ่ม!
เขากระโดดลอยไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ตระกูลเชี่ยไม่ได้ส่งใครติดตามเชี่ยตงหลายไป ภัยอันตรายจากการทะลวงผ่านระดับคือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เพียงอย่างเดียว มีใครบ้างที่จะกล้าสังหารคนอื่นในขณะที่กำลังรับบททดสอบทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์? ต่อให้สังหารคนที่รับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้สำเร็จ คนที่ลงมือก็จะติดร่างแหได้รับผลกระทบจากความโกรธเกรี้ยวของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไปด้วย
เพราะงั้นแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จึงถือว่าเป็นทั้งภัยที่อันตรายที่สุดและเกราะคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด
หลิงฮันลุกขึ้นยืน เขารอโอกาสนี้อยู่แล้ว
ตอนที่ 1331
ร่างของเชี่ยตงหลายค่อยๆเคลื่อนไปยังระยะที่ห่างไกล
ใบหน้าของเขาประดับไว้ด้วยความตื่นเต้น เขาเป็นอัจฉริยะที่บรรลุระดับภูผาวารีได้ด้วยอายุร้อยกว่าปีและบรรลุระดับสุริยันจันทราได้ในอีกพันปีต่อมา แต่หลังจากนั้นอีกสามพันปี เมื่อบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดพลังบ่มเพาะของเขาติดคอขวดไม่ขยับไปไหน
อย่ามองว่าการก้าวจากระดับสุริยันจันทราไปยังระดับดาราเป็นเรื่องง่ายๆ เส้นบางๆที่กั้นอยู่นี้ไม่รู้มีคนมากมายขนาดไหนที่ไม่อาจข้ามผ่านได้
แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็จะกลายเป็นระดับดาราแล้ว
เขาจะเหาะเหินบนท้องฟ้าได้และถูกจะเรียกขานว่าปรมาจารย์!
เมื่อจินตนาการถึงภาพต่างๆหลังจากที่ตัวเองกลายเป็นจอมยุทธระดับดาราแล้ว เขาก็หัวเราะออกมาไม่หยุด มุมปากของเขาฉีกยิ้มจนแทบจะถึงใบหู
‘อู่เมี่ยน… หลิงฮัน… รอก่อนเถอะ!’
เชี่ยตงหลายกล่าวในใจและเร่งฝีเท้า เขาต้องการจะผ่านบททดสอบทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ให้เร็วที่สุดเพื่อกลายเป็นตัวตนระดับดารา ด้วยความตื่นเต้นและเร่งรีบทำให้เชี่ยตงหลายไม่สังเกตุเลยว่ามีใครบางคนตามหลังมา
หลังจากหลิงฮันผสานทักษะย่างก้าวไล่ตามดาราเข้ากับอำนาจแห่งสายฟ้าสวรรค์สำเร็จ ความเร็วของเขาก็รวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ ไม่ต้องเอ่ยถึงเชี่ยตงหลายในตอนนี้ที่ยังไม่ก้าวผ่านระดับดาราเลย ต่อให้เขาทะลวงผ่านระดับแล้วก็อาจจะยังเร็วไม่เท่าหลิงฮัน
หลังจากเคลื่อนที่ไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง เชี่ยตงหลายก็หยุดและเตรียมพร้อมรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
อีกแค่ครึ่งวันเขาก็จะกลายเป็นตัวตนระดับดารา!
เขาระเบิดพลังปราณที่สะสมเอาไว้ออกมา ‘ครืนนน’ เมฆสายฟ้าก่อตัวกันเป็นสัญญาณว่าทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์กำลังจะผ่าลงมา กลิ่นอายของเชี่ยตงหลายค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นจนเหนือกว่าระดับสุริยันจันทราแต่ยังไม่ถึงระดับดารา
ครืนนน!
สายฟ้าสวรรค์ละลอกแรกผ่าลงมา เชี่ยตงหลายคำรามและนำดาบออกมาแทงขึ้นฟ้าเพื่อต่อต้าน
หลิงฮันที่หลบซ่อนอยู่เคลื่อนไหวลงมือทันที
“เชี่ยตงหลาย วันนี้ถึงเวลาชำระหนี้แค้นแล้ว!” เขาคำราม
“หลิงฮัน!” เชี่ยตงหลายตกตะลึงก่อนจะมีท่าทีเกรี้ยวกราด เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือกับเขาในขณะที่กำลังรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการแส่หาที่ตายเลยไม่ใช่รึไง? เขาหัวเราะลั่นและกล่าว “ข้ายังไม่ทันจะไปหาเจ้า แต่เจ้ากลับมารนหาที่ตายเอง!”
“เชี่ยตงหลาย พวกเขาพบหน้ากันก็หลายรอบแล้ว แต่มีครั้งไหนบ้างที่เจ้าสังหารข้าได้?” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูก
ฮึ่ม!
เชี่ยตงหลายเถียงไม่ออก ในด้านของพลังบ่มเพาะแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าเขาเหนือกว่าหลิงฮันอย่างสิ้นเชิง แต่หลิงฮันนั้นดวงดีเกินไป ครั้งแรกก็ธิดาซื่อเยว่คนนึงที่เข้ามาแทรกแซง ครั้งต่อมายังมีอู่เมี่ยนด้วยอีกคน เขาไม่มีโอกาสใช้พลังของตัวเองบดขยี้อีกฝ่ายเสียที
แต่ครั้งนี้ล่ะ… ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย!
“หลิงฮัน ข้าจะก้าวสู่ระดับดาราในไม่ช้า ถึงตอนนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้าก็เป็นไม่ได้แม้แต่มดปลวก!” เชี่ยตงหลายหัวเราะและเป็นฝ่ายโจมตีหลิงฮันก่อน ตราบใดที่ลากหลิงฮันเข้ามาติดร่างแหของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้ ต่อให้อีกฝ่ายไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
แต่เขาไม่คิดจะให้หลิงฮันตายง่ายๆอยู่แล้ว ด้วยความแค้นมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจ มีเพียงการสังหารหลิงฮันด้วยมือตัวเองเท่านั้นเขาถึงจะพึงพอใจ
ที่จะทำให้อีกฝ่ายเป็นเป้าหมายของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็เพราะอยากหลิงฮันได้รับบาดเจ็บและสร้างความสนุกให้กับตัวเขาเองเท่านั้น
แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมไม่หวาดกลัวและพุ่งลงมือตอบโต้เชี่ยตงหลาย
ตูม!
การโจมตีของทั้งสองคนเข้าปะทะกัน ด้วยเหตุนี้หลิงฮันจึงถือว่าได้แทรกแซงทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของเชี่ยตงหลายเป็นที่เรียบร้อย สวรรค์และปฐพีเกิดความไม่พอใจ เมฆสายฟ้าอีกกลุ่มหนึ่งก่อตัวขึ้นด้านบนหลิงฮัน
ร่างของเชี่ยตงหลายสั่นสะท้านก่อนจะลอยกระเด็นถอยหลัง ใบหน้าของเขาประดับไว้ด้วยความตกตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าพลังโจมตีของตัวเองจะด้อยกว่าหลิงฮัน!
เป็นไปได้อย่างไร?
แม้เขาจะยังทะลวงผ่านระดับดาราไม่สำเร็จ แต่เขาในตอนนี้สมควรจะมีพลังที่สามารถบดขยี้จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดทุกคน เป็นไปได้อย่างไรที่พลังของเขาจะด้อยกว่า? นอกเสียจากว่า…
เขาคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมาได้พร้อมกับใบหนี้ที่เปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวปนอิจฉา
“ระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์! ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนถึงขั้นนี้ได้!” เชี่ยตงหลายแทบจะบ้าคลั่งเนื่องจากตัวเขาเองใช้เวลาไปหลายพันปีกับการพยายามบรรลุขั้นสมบูรณ์ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่รู้สึกถึงความสำเร็จ หลังจากพ่ายแพ้ให้กับอู่เมี่ยนอย่างหมดรูปเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็นทะลวงผ่านระดับดาราเพื่อกลับไปแก้แค้น
เขาไม่นึกเลยว่าระดับพลังที่ตนเองทำได้เพียงวาดฝันหลิงฮันจะบรรลุได้สำเร็จ
อีกทั้งยังใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีด้วย
“ต่อให้เจ้าบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ แต่ตราบใดที่ข้าก้าวผ่านเป็นระดับดารา การสังหารเจ้าก็ยังเป็นเรื่องง่ายอยู่ดี!” เชี่ยตงหลายกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ แต่สิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง เขาที่เป็นอัจฉริยะสี่ดาว ต่อให้เพิ่งจะทะลวงผ่านระดับดาราก็สมควรมีพลังต่อสู้อยู่ที่สามดาวอยู่ดี
แม้หลิงฮันจะมีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ก็ต้องพ่ายแพ้หแก่เขา
“คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ามีโอกาสทะลวงผ่านระดับดารารึไง!” หลิงฮันคำรามและนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาโดยคิดจะสังหารเชี่ยตงหลายให้เร็วที่สุด
“หลิงฮัน พวกเราปะทะกันมาสามครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นเจ้าเองก็แส่หาที่ตาย!” เชี่ยตงหลายกล่าว เขาตั้งใจจะรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไปพร้อมๆกับตอบโต้หลิงฮัน หากอีกฝ่ายโจมตีและสัมผัสโดนแม้แต่เศษเสี้ยวของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ระดับดาราที่ผ่าใส่เขา หลิงฮันย่อมได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
แต่เรื่องที่เชี่ยตงหลายไม่รู้เลยก็คือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์นั้นเป็นเหมือนยาชูกำลังสำหรับหลิงฮันดีๆนี่เอง
หากสัมผัสโดนทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ระดับดาราเข้าจริงๆ ผิวหนังและกล้ามเนื้อของเขาอาจจะถูกบดขยี้ แต่กระดูกของเขาไม่มีทางได้รับความเสียหาย สำหรับหลิงฮันแล้วการฟื้นฟูตนเองจากอาการบาดเจ็บแค่นั้นไม่ได้ยากเย็นอะไร
ครืนนน!
คลื่นสายฟ้าสวรรค์ผ่าลงมาใส่หลิงฮันกับเชี่ยตงหลาย หนึ่งคลื่นคือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ระดับดาราในขณะที่อีกหนึ่งคลื่นคือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไม่ทางจู่โจมเป้าหมายผิดแน่นอน
“อ้ากกก!” เชี่ยตงหลายโอดครวญอย่างเจ็บปวดพร้อมกับกระอักโลหิต
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะคนไหน ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็ถือว่าเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัว การผ่านบททดสอบทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จำเป็นต้องใช้ทั้งพลังกายและใจทั้งหมดไปกับการต่อต้านสายฟ้าสวรรค์ แต่ตอนนี้ล่ะ? เขากำลังถูกทั้งหลิงฮันและทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จู่โจมพร้อมๆกัน พลังของหลิงฮันคือระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ไม่ผิดแน่ แต่การโจมตีของเขากลับรุนแรงไม่แพ้สายฟ้าสวรรค์ที่ผ่าลงมาเลย
แล้วแบบนี้จะได้เขาตอบโต้ไหวได้อย่างไร?
ที่จริงแล้วสถานการณ์ของหลิงฮันเองก็เหมือนกันกับเขา อีกฝ่ายรับทั้งการโจมตีจากเขาและทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เช่นกัน เพียงแต่ปัญหาก็คือหลิงฮันไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย อีกฝ่ายรับการโจมตีผสานของเขากับสายฟ้าสวรรค์ไปพร้อมๆกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้เขาตกตะลึงและหวาดกลัว กายหยาบของหลิงฮันผิดมนุษย์มนาเกินไปจนเหนือสามัญสำนึกของเขาไปอย่างสิ้นเชิง
“บัดซบ!” เชี่ยตงหลายสบถด่า
“ตัวบัดซบน่ะมันเจ้า!” หลิงฮันกระตุ้นดาบอสูรนิรันดร์ปลดปล่อยพลังทำลายล้างอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น