Alchemy Emperor of the Divine Dao 1276-1282
ตอนที่ 1276
หลิวสือคิดจะหยุดหลิงฮันแต่ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
ดาบของหลิงฮันปลดปล่อยปราณดาบออกมานับพัน ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นแห่งดาบ
“อ้ากก!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น เพียงแค่การโจมตีเดียว คนของนิกายดาบสวรรค์ทั้งเจ็ดก็ร่วงลงไปเหลือห้าคน นอกจากหลิวสือแล้ว อีกคนที่รอดชีวิตได้รับบาดเจ็บสาหัส บรืเวณซี่โครงของพวกเขาถูกฟันลึกจนเห็นกระดูก
หลิวสือดวงตาเปิดกว้าง เขาทั้งเกรี้ยวกราดและตะลึง เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าหนูนี่จะแข็งแกร่งเพียงนี้?
พลังโจมตีของอีกฝ่ายคือพลังของระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดที่อ่อนด้อยกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้พลังบ่มเพาะของเขาจะยังไม่บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด แต่เขาก็มีพลังอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นกลาง
ไม่เพียงแค่อีกฝ่ายบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังมีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวอีกด้วย
เป็นไปได้อย่างไรที่โลกใบเล็กจะมีอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์เช่นนี้?
หลิวสือประหลาดใจมาก
คนเดียวทีรอดชีวิตจากการโจมตีเมื่อครู่เหงื่อไหลท่วม น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก… หากเมื่อครู่เขาตอบสนองได้ไม่เร็วพอคงมีสภาพเหมือนอีกห้าคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นแล้ว แค่คิดเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก
“เจ้ามดปลวก บังอาจนัก!” จิตใจของหลิวสือเจ็บปวด รู้รึเปล่าว่านิกายต้องใช้ทรัพยากรไปมากมายขนาดไหนถึงจะฟูมฟักศิษย์ระดับสุริยันจันทราขึ้นมาได้? เพื่อให้ศิษย์ระดับภูผาวารียกระดับเป็นระดับสุริยันจันทรา พวกเขาต้องแบ่งส่วนมอบเม็ดยาที่หลอมจากสิ่งมีชีวิตของโลกใบเล็กให้ศิษย์เหล่านั้น
การหลอมเม็ดยาที่ว่าขึ้นมาได้จำเป็นต้องใช้เวลาถึงหมื่นปี เม็ดยาที่หลอมขึ้นมาก็ต้องแบ่งออกเป็นห้าส่วนให้กับนิกายทั้งห้า แต่หลังจากที่หลิงฮันเปิดสวรรค์พวกเขาก็ไม่สามารถหลอมเม็ดยาได้อีกเลยแม้แต่เม็ดเดียว
ด้วยเหตุนั้นแล้วสำหรับห้านิกายโบราณเช่นพวกเขา ศิษย์ระดับสุริยันจันทราจึงล้ำค่าอย่างมาก
หลิงฮันสะบัดดาบอสูรนิรันดร์ ใบดาบส่องประกายราวกับหิมะขาวที่ไม่มีโลหิตเปื้อนแม้แต่น้อย “น่าขัน พวกเจ้าคิดจะสังหารข้า แต่ข้าห้ามสังหารพวกเจ้างั้นรึ?”
หลิวสือรู้ว่าเขาพล่ามไร้สาระออกไป แต่ด้วยความโกรธที่ปะทุอยู่ในใจจะให้เขาทำอย่างไรล่ะ?
“โลหิตต้องชำระล้างด้วยโลหิต!” หลิวสือสูดหายใจลึก รุ่นเยาว์ตรงหน้าเขาน่าสะพรึงกลัวเกินไป แม้พลังของเขาจะแข็งแกร่งกว่าแต่ก็กล้าประมาทแม้แต่น้อย
เขานำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของตนเองออกมา มันคือหอคอยผลึกหยกใสเจ็ดชั้น ทันทีที่มันปรากฏออกมา ตัวของหอคอยก็ส่องแสงเป็นประกายเจิดจ้าราวกับแม้แต่ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าก็ไม่อาจส่องสว่างสู้มันได้
“หืม!” หลิงฮันตะลึง เขาโคจรเนตรแห่งสัจธรรมมองอย่างรอบคอบ “หอคอยนั่น… มีอำนาจแห่งสุริยันจันทราของเจ้าผสานเอาไว้!”
เขาเคยคิดยินมาว่าอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถนำอำนาจของสุริยนัจันทราของผู้ใช้ผสานเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกันได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นทำให้รู้สึกสนใจไม่น้อย
ผู้ใช้กับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน?
“ทำลายหอคอนั่นซะ!” เสียงของหอคอยน้อยดังขึ้นในห้วงจิตของหลิงฮัน มันรังเกียจอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปร่างหอคอยเช่นมัน เพียงแค่เห็นแวบแรกมันก็รู้สึกโมโหอย่างไม่มีเหตุผล
หลิงฮันไม่สนใจหอคอยน้อยและกล่าว “ขอข้าดูพลังของมันหน่อยแล้วกัน”
“เจ้าจะได้เห็นแน่นอน!” หลิวสือกล่าว “และเจ้าต้องจ่ายค่าดูด้วยชีวิต!”
เขาควบคุมหอคอยโจมตีใส่หลิงฮัน ‘ครืนน’ หอคอยปลดปล่อยคลื่นแสงออกมา คลื่นแสงแค่ละเส้นร้อนระอุราวกับเปลวเพลิงที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง ชั้นบรรยากาศถูกเผาไหม้จนเกิดเสียง
หลิวสือเป็นผู้ใช้ทักษะบ่มเพาะเปลวเพลิง อำนาจของสุริยันจันทราของเขาก็เป็นเปลวเพลิงเช่นกัน ดังนั้นเมื่อผสานพลังเข้ากับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์จึงสามารถดึงพลังแห่งเปลวเพลิงออกมาใช้ได้เต็มที่
หลิงฮันพยักในใจ การผสานอำนาจสุริยันจันทราของตนเองเข้าไปอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังมากก็จริง แต่ข้อเสียของมันก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อใดที่ผสานอำนาจบ่มเพาะของตนเองไปแล้ว คนคนนั้นจะไม่สามารถทะลวงผ่านระดับที่สูงขึ้นได้อีกในชีวิตนี้
คนของเหล่าห้านิกายโบราณนั้นเก้าในสิบส่วนไม่สามารถทะลวงผ่านระดับดาราได้ ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่สนใจหากจะสละพลังบ่มเพาะของตนเอง
ในเมื่อทะลวงผ่านไม่ได้ พวกเขาจึงเลือกที่จะทำให้พลังระดับสุริยันจันทราของตนเองทรงพลังที่สุด
แต่ต่อให้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายจะทรงพลังขนาดไหน มันจะเทียบกับดาบอสูรนิรันดร์ได้?
ดาบของหลิงฮันสะบั้นขึ้นท้องฟ้า แม้จะเป็นการฟันดาบที่ไร้ทักษะ แต่คลื่นดาบนับฟันที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากดาบอสูรนิรันดร์นั้นน่าสะพรึงกลัวมา
‘ตูมม’ คลื่นแสงเปลวเพลิงถูกผ่าออก คลื่นดาบปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าราวกับจะบดขยี้โลกทั้งใบ
“ฮึ่ม!” หลิวสือรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการหลิงฮันด้วยพลังของหอคอยเพียงอย่างเดียว ร่างของเขาพุ่งไปด้านหน้า ในมือของเขาปรากฏดาบกวัดแกว่งเข้าใส่หลิงฮัน
ดาบเล่มนั้นปลดปล่อยอำนาจแห่งเปลวเพลิงออกมา
หลิงฮันตะลึง ดาบเล่มนั้นผสานไว้ด้วยอำนาจสุริยันจันทราเช่นกัน!
หมอนี่คงไม่ในผสานสุริยันจันทราทั้งสี่ลูกเข้าในในอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์หมดเลยหรอกนะ?
“ยังมีอีกรึไม่?” หลิงฮันกล่าวดด้วยยิ้ม เขาถามอย่างสงสัยแม้จะกำลังห้ําหั่นกันอยู่
“แน่นอน!” หลิวสือแสยะยิ้ม ‘พรึบ’ เขานำดาบอีกเล่มออกมา ในมือทั้งสองข้างของเขาถือดาบในขณะที่หอคอยทำหน้าที่โจมตีด้วยตัวมันเอง มันปลดปล่อยลำแสงเปลวเพลิงออกมาอย่างไม่หยุดยี้งราวกับพยายามจะหลอมหลิงฮันให้ละลาย
ดาบเล่มที่สองที่อีกฝ่ายหยิบออกมามีอำนาจแห่งสุริยันจันทราผสานอยู่เช่นกัน หากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าอีกฝ่ายใช้สุริยันจันทราทั้งสามดวงของตนเองหลอมเข้ากับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ไปหมดแล้ว และเนื่องจากอีกฝ่ายยังบ่มเพาะพลังไม่ถึงขั้นที่จะสร้างสุริยันจันทราดวงที่สี่จึงมีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ผสานพลังแล้วแค่สามชิ้น
โดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ในการต่อสู้หลายชิ้นเนื่องจากพลังของจอมยุทธมีจำกัดทำให้ไม่สามารถควบคุมอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์หลายชิ้นได้เต็มที่ การใช้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เพียงชิ้นเดียวในการต่อสู้ย่อมดีกว่า
แต่อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของหลิวสือทั้งสามนั้นผสานอำนาจของสุริยันจันทราของเจ้าตัวเข้าไปทำให้แตกต่างออกไป อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างของเขา การควบคุมจึงไม่ใช่เรื่องยากและสามารถรีดเค้นพลังออกมาได้ถึงขีดสูด
นิกายเล็กๆก็มีประโยชน์ในตัวมันเอง เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถทะลวงผ่านระดับดาราได้จึงสรรหาวิธีต่างๆมาทำให้พวกเขาแข็งแกร่งที่สุดในระดับสุริยันจันทรา
หลิวสือก้าวเดินเข้ามา มือทั้งสองของเขาถือดาบไว้แน่นพร้อมกับปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาอย่างไร้ที่สุดสุด
หลิงฮันยืนนิ่งรอคอยอีกฝ่าย ทันทีที่หลิวสือเข้ามาใกล้เขาใช้งานทักษะจิตเจ็ดสังหารสั่นสะท้านจิตวิญญาณของอีกฝ่ายทันที
“อั่ก!” หลิวสือบ่มเพาะพลังมาแล้วหลายล้านปี จิตวิญญาณของเขาจึงมั่นคงมาก เมื่อถูกทักษะจิตเจ็ดสังหารจู่โจม เขาเพียงรู้สึกมึนงงเล็กน้อยและนำมือกุมหัว
หลิวสือชะงักและรีบควบคุมหอคอยให้มาคุ้มกันทันที ‘ครืนน’ หอคอยเจ็ดชั้นขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าและร่วงลงมาคลุมหัวเพื่อปกป้องเขา
ตูม!
ในขณะที่หลิงฮันสะบั้นดาบทันทีหลังจากใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหาร การโจมตีของเขาก็ปะทะเข้ากับหอคอยจนเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ผิวของหอคอยแตกร้าวและมีเศษเล็กๆน้อยๆหลุดออกมา สุดท้ายดาบของเขาก็ถูกหยุดเอาไว้ได้
ไม่ว่าอย่างไรจิ้งจอกเฒ่าตนนี้ก็มีชีวิตอยู่มาแล้วมากกว่าสามล้านปี ประสบการณ์ในการสู้รบของเขาย่อมมีมากมาย
หลิงฮันไม่โจมตีต่อแต่มองไปยังคนของนิกายดาบสวรรค์คนที่รอดชีวิต
ตอนที่ 1277
หลิวสือมีการป้องกันจากหอคอยอยู่ ดังนั้นในเมื่อตอนนี้เขาไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ในระยะเวลาสั้นๆเขาจึงไม่ต้องการจะเสียเวลาเปล่าและทำการเปลี่ยนเป้าหมาย
“เจ้าเองก็มีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ประหลาดๆด้วยรึไม่?” หลิงฮันถามไปยังคนของนิกายดาบสวรรค์อีกคน
ชายคนนั้นหวาดกลัวจนฉี่ราด
เขาคิดว่าหากหลิวสือลงมือแล้ว หลิงฮันจะถูกกำจัดอย่างง่ายดาย แต่ผลลัพธ์ตรงหน้านั้นเหนือความคาดหมายของเขามาก หลิวสือถูกบังคับให้ต้องป้องกันตัวเอง ส่วนเขาก็กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของหลิงฮัน
ตอนนี้เขาหวาดกลัวจนเงื่อท่วมตัว ขาทั้งสองคนอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง แม้แต่ยืนให้มั่นคงก็ยังทำไม่ได้
การผสานอำนาจพลังบ่มเพาะกับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์นัน้เป็นทักษะลับที่นิกายจะสอนให้กับจอมยุทธที่บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดแล้วเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งติดตัวเหมือนหลิวสือ ต่อให้มีเขาก็ยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำอยู่ดีแล้วจะให้ต่อกรกับหลิงฮันได้อย่างไร?
“อย่าได้บังอาจ!” เสียงของหลิวสือดังออกมาจากหอคอย การโจมตีจากดาบลอยออกมาจากด้านในและจู่โจมใส่หลิงฮัน
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบปล่อยปราณดาบสลายการโจมตีของหลิวสือ ซึ่งคนของนิกายดาบสวรรค์ได้ใช้โอกาสนี้หลบหนี เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวอย่างมากจริงๆ เขาของเขาอ่อนแรงจนวิ่งหนีได้ไม่เร็วพอ
“คิดจะหนี?” หลิงฮันส่ายหัวและโจรทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา ‘ฉัวะ’ คันศรถูกยิ่งออกไปอย่างรวดเร็วและทะลุผ่านหน้าอกของชายคนนั้น ร่างของอีกฝ่ายถูกระเบิดออกเป็นสองส่วนทันที
เพียงแต่ว่าจอมยุทธระดับสุริยันจันทรานั้นมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ต่อให้ร่างจะถูกแยกออกเป็นสองส่วนก็ยังไม่ตาย อีกฝ่ายพยายามตะเกียกตะกายขยับแขนและขาให้ร่างต่อกัน หากใช้ปราณก่อเกิดเชื่อมต่อร่างเข้าด้วยกันอีกไม่กี่ปีร่างกายก็จะกลับสู่สภาพเดิม
“ช่างน่ารำคาญเสียจริง!” หลิงฮันควบแน่นคันศรอีกครั้ง
“ฮึ่ม ฝันเถอะ!” หลิวสือคำราม เขายกหอคอยขึ้นและควบคุมให้หอคอยเข้าทับหลิงฮัน
หลิงฮันเปลี่ยนมุมของคันศรและยิงใส่หลิวสือ ’พรึบ’ ลูกศรปราณก่อเกิดเคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็ว ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดก็ยากที่จะป้องกันได้ทัน
ฉัวะ!
ลูกศรแทงทะลุเข้าที่ไหล่ซ้ายของหลิวสือ ถ้าเขาหลบช้ากว่านี้อีกนิดเดียวลูกศรคงทะลวงผ่านหัวใจไปแล้ว ต่อให้ไม่ตายเขาก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
หลิวสือตกตะลึง ลูกศรนี้เคลื่อนที่ไวเกินไปแถมพลังทำลายก็ยังน่าสะพรึงกลัวขนาดที่ว่าร่างกายของเขาไม่สามารถป้องกันได้ แม้เขาจะยังมีทักษะและไพ่ลับที่ยังไม่ได้ใช้ แต่ตอนนี้จิตใจของเขาไม่เหลือไฟสู้รบแล้ว
รุ่นเยาว์ตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจเอาชนะได้
ในใจของเขาเกิดความคิดที่ว่าต่อให้ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายลงมือก็อาจจะไม่สามารถจัดการรุ่นเยาว์ผู้นี้ได้ แต่ว่าหากหนึ่งตนทำไม่ได้ ทำไมไม่ลงมือพร้อมกันสองหรือสามคนล่ะ?
ต่อให้เป็นพระเจ้าก็ยังมีพลังจำกัด ตราบใดที่อีกฝ่ายถูกต้อนจนมุมก็ไม่มีทางหลบหนีไปไหนได้
เขาตัดสินใจกลับไปรายงานทันทีว่าหลิงฮันมาถึงดาวหยุนติ่งแห่งนี้แล้วและจำเป็นส่งเหล่าปรมาจารย์ของนิกายดาบสวรรค์… ไม่สิ ต้องให้ห้านิกายโบราณส่งเหล่าปรมาจารย์มาสังหารหลิงฮัน
ไม่เช่นนั้นด้วยพรสวรรค์ในการเติบโตของเจ้าหนูนี่ เกรงว่าหากเวลาผ่านไปอีกไม่กี่ปีห้านิกายโบราณอาจจะไม่อยู่ในจุดยืนที่จะต่อกรกับหลิงฮันได้ไปตลอดกาล
เขาเป็นคนที่ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อเอาชีวิตรอด หลิวสือกัดฟันหันหลังเพื่อเผ่นหนีทันที หอคอยทำการหมุนเบาๆสร้างชั้นเปลวเพลิงขึ้นมาป้องกันตัวเขา
“ปรมาจารย์หลิว! ปรมาจารย์หลิว!” ชายที่เหลือรอดของนิกายดาบสวรรค์ร้องโอดครวญ เขาต่อร่างของตัวเองทั้งสองส่วนเข้าหาได้อย่างหยาบๆแล้ว แต่ยังต้องการเวลาอีกเล็กน้อยถึงจะฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่เสียหายได้
แต่ตอนนี้ในเมื่อหลิวสือทิ้งเขาไปย่อมหมายความว่าชีวิตของเขาคงจบสิ้นแน่ๆ
“ฮ่าๆๆ ข้าจะให้เจ้ากินส่วนหนึ่งของร่างกายนายท่านโสมเอง! เอาฝ่าเท้าของนายท่านโสมไปกิน!” โสมเฒ่าเริ่มอวดเบ่งอีกครั้ง ศัตรูที่แข็งแกร่งเผ่นหนีไปแล้วเหลือเพียงหนึ่งคนที่กำลังจะตาย แน่นอนว่ามันย่อมไม่หวาดกลัวอีกต่อไปและพุ่งออกมาไล่เตะศัตรูที่กำลังจะตาย
ชายผู้น่าสงสารคนนั้นเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูง หากเป็นในตอนปรกติเพียงแค่มือเดียวเขาก็สามารถจัดการโสมเฒ่าได้แล้ว แต่ตอนนี้เขากลับทำได้เพียงถูกโสมเฒ่ากระทืบไม่หยุด เขากระอักโลหิตออกมาสองสามครั้งก่อนจะสิ้นลมด้วยฝ่าเท้าของโสมเฒ่า
“ให้ตายเถอะ นายท่านโสมช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก เพิ่งทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราได้ไม่นานก็เอาชนะศัตรูระดับสุริยันจันทราขั้นสูงกับสูงสุดได้แล้ว!” โสมเฒ่ารู้สึกภูมิใจ “แบบนี้ต้องฉลองด้วยชุดชั้นในร้อยปี”
มันนำชุดชั้นในสีชมพูออกมาและสูดดมอย่างเคลิบเคลิ้ม
“โรคจิต!” หลิงฮันกับเจ้ากระต่ายเตะโสมเฒ่าพร้อมกัน
เพียงแต่ว่าหลิวสือหนีไปได้เสียแล้ว
หลิงฮันครุ่นคิดชั่วครู่และล้มเลิกความคิดที่จะไล่ตาม อีกฝ่ายมีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์หอคอยที่มีพลังป้องกันที่ยอดเยี่ยม หากจะทำลายหอคอยนั่นเขาจำเป็นต้องใช้ดาบอสูรนิรันดร์โจมตีนานพอสมควร ซึ่งอีกฝ่ายคงไม่นั่งนิ่งเฉยๆให้เขาทำลายการป้องกันของตัวเองแน่
แต่ที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากเมืองเขี้ยวหมาป่าด้วย
“เอาเถอะ ปล่อยงูไปหนึ่งตัวเพื่อให้ล่อตัวอื่นๆย้อนกลับมา ใช้โอกาสนี้ในการสังหารพวกมันเพิ่มแล้วกัน” หลิงฮันกล่าวในใจ ใครจะเป็นเหยื่อหรือใครจะเป็นผู้ล่านั้นไม่สำคัญ
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทุกๆสามเดือนพลังของข้าจะยกระดับขึ้นอย่างมาก ขอเวลาครึ่งปีข้ามั่นใช้ว่าจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดจะต้องถูกสังหารด้วยดาบข้า”
ตอนนี้เขาสามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดด้วยการพึ่งพาบุปผาหมอกครอบงำจิตเพียงอย่างเดียว แต่ตราบใดที่ระดับพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกนิด การสังหารศัตรูเช่นนั้นด้วยมือตัวเองจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
“ที่อื่นอาจจะมีศิลาวิญญาณปฐพีอยู่อีกก็ได้ ข้าเป็นคนที่มาบนดินแดนนี้จากการเปิดสวรรค์ ด้วยพรจากสวรรค์และปฐพีวาสนาของข้าจึงยิ่งใหญ่กว่าคนทั่วไป”
สำหรับหลิงฮัน การดูดซับผลึกก่อเกิดเพื่อบ่มเพาะพลังนั้นไม่รวดเร็วเท่าการดูดซับพลังงานจากเม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง ดังนั้นหากให้เขาบ่มเพาะพลังด้วยผลึกก่อเกิดไปก็เสียเวลา ดังนั้นสิ่งที่เขาจะทำคือหลอมเม็ดยา เดินตระเวนหาศิลาวิญญาณปฐพีและสังหารสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ
วาสนาของเขายิ่งใหญ่อย่างที่ว่า เขาเดินตระเวนไปมาและพบศิลาวิญญาณปฐพีมาพอสมควร แต่พวกมันมีขนาดเท่านิ้วก้อยเท่านั้น มันเทียบกับศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่ก่อนหน้านี้ไม่ได้แม้แต่หนึ่งในร้อย
“ดูเหมือนดวงข้าจะหมดซะแล้ว!”
หลิงฮันถอนหายใจ
……
หลังจากหลิวสือกลับไปยังเมืองเขี้ยวหมาป่า เขาได้เรียกรวมพลคนของนิกายดาบสวรรค์และรายงานเรื่องที่ว่าเขาได้พบเจอหลิงฮันและศิษย์ร่วมนิกายได้ถูกสังหาร นอกจากนี้เขายังรายงานส่งข่าวไปยังนิกายดาบสวรรค์ด้วย
เขาเน้นย้ำว่าต่อให้หลิงฮันจะเป็นมดปลวกที่มาจากโลกใบเล็ก แต่อีกฝ่ายเป็นสัตว์ประหลาดที่เติบโตด้วยการบ่มเพาะพลังเพียงไม่เกินสิบเท่านั้น
ศัตรูเช่นนี้… จำเป็นต้องจัดการด้วยพลังทั้งหมดที่มี ไม่เช่นนั้นนิกายดาบสวรรค์จะตกอยู่ในวิกฤตครั้งใหญ่
หลังจากได้รับฟังเรื่องราวแล้ว ทางฝั่งนิกายดาบสวรรค์ได้เห็นด้วยกับความคิดของหลิวสือ พวกเขาตัดสินใจรวมกำลังทั้งห้านิกายเพื่อไล่ล่าหลิงฮัน แต่ก็ยังมีบางคนที่คิดว่าหลิวสือนั้นกล่าวเกินจริง
ตั้งแต่หลิงฮันเปิดสวรรค์ขึ้นมาเวลายังไม่ผ่านไปสิบปีเลย อีกฝ่ายจะเป็นภัยคุกคามได้อย่างไร?
ล้อเล่นรึเปล่า? เวลาเพียงสิบปี สำหรับจอมยุทธระดับพระเจ้าแม้แต่จะยกระดับพลังเพียงน้อยนิดยังทำไม่ได้เลย แค่อีกฝ่ายทะลวงผ่านมายังระดับพระเจ้าได้ก็ถือว่าน่าอัศจรรย์แล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง?
สุดท้ายแล้ว เมื่อปรมาจารย์ที่เก็บตัวฝึกฝนมานานหลายปีรับรู้ข่าวนี้ การประชุมก็ถูกจัดสินและลงมติว่านิกายดาบสวรรค์จะทำการเรียกรวมอีกสี่นิกายเพื่อไล่ล่าหลิงฮันทันที
ตอนที่ 1278
ห้านิกายโบราณนั่งประชุมหารือกันถึงวิธีการที่จะจัดการหลิงฮัน
ตัวตนระดับสูงในระดับสุริยันจันทราซึ่งเป็นตัวแทนจากห้านิกายมาร่วมมือกันเพื่อไล่สังหารมดปลวกระดับสุริจันทราขั้นกลางจากโลกใบเล็กเพียงคนเดียว เรื่องแบบนี้ช่างเหนือจะจินตนาการ
“เจ้าหนูนั่นสามารถเปิดสวรรค์ได้สำเร็จจึงได้รับวาสนาอันยิ่งใหญ่จากสวรรค์และปฐพี ไม่เช่นนั้นด้วยเวลาเพียงไม่กี่ปีย่อมไม่มีทางยกระดับได้เร็วถึงขนาดนี้”
“เจ้าหนูนั่นจะต้องพบเจอสมบัติล้ำค่าที่สุดในทวีปฮงเทียนแน่นอน เมื่อขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัตินั่นก็ยังช่วยให้เขาพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด”
“ทวีปฮงเทียนนั้นไม่อาจดูแคลน อย่างน้อยที่โลกใบเล็กใบนั้นก็มีเขตแดนลี้ลับสิบสองสวรรค์ที่มีสมบัติสืบทอดอันยิ่งใหญ่ของราชันวารีสวรรค์”
“โชคร้ายที่โลกใบเล็กมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ป้องกันเอาไว้ พวกเราจึงไม่สามารถเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับสิบสองสวรรค์ที่ว่าได้”
“บางที… เจ้าหนูนั่นอาจจะได้รับสืบทอดสมบัติของราชันวารีสวรรค์!”
ฮึ่ม!
ตัวแทนทั้งห้าคนไม่อาจสงบสติได้อีกต่อไป ราชันวารีสวรรค์เป็นใครนั้นไม่มีใครรู้ แต่ที่พวกเขารู้ก็คืออีกฝ่ายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งหาผู้ใดเปรียบ แม้แต่สิบสองผู้ติดตามของเขาก็ยังไร้เทียมทาน
ถ้าได้รับสมบัติสืบทอดจากราชันวารีสวรรค์… ไม่สิ ขอแค่เป็นสมบัติสืบทอดจากเขตแดนลี้ลับสิบสองสวรรค์ก็สมควรเป็นสมบัติของตัวตนระดับวารีนิรันดร์เป็นอย่างน้อย?
“ต้องจับกุมตัวเจ้าหนูนั่นให้ได้!”
“ในเมื่อเขาอยู่ไม่ไกลและเป็นฝ่ายแส่หาความตายเอง ทำไมไม่สนองให้เขาล่ะ?”
“ส่งปรมาจารย์ทุกคนออกตามล่า!”
ทั้งห้าคนลงมติเป็นเอกฉันท์อย่างรวดเร็ว เหล่าปรมาจารย์ของห้านิกายจะถูกส่งออกไปตามล่าหลิงฮัน และเพื่อป้องกันไม่ให้นิกายใดนิกายหนึ่งฮุบเก็บสมบัติเอาไว้คนเดียว กองกำลังที่จะไล่ล่าหลิงฮันจึงต้องมีคนของทั้งห้านิกายอยู่ในกองกำลัง
แน่นอนว่าด้วยจำนวนของปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราของห้านิกายโบราณที่มีจำกัด การตามหาหลิงฮันในสนามรบสองดินแดนอันกว้างใหญ่จึงไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร
ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันมักจะเข้าไปฝึกฝนหลอมเม็ดยาอยู่ในหอคอยทมิฬด้วย โอกาสพบเจอตัวเขาจึงยิ่งน้อยลงไปอีก
หลิงฮันไม่ได้จงใจจะหลบซ่อนตัว เขายินดีอย่างมากที่จะปะทะกับศัตรูในสนามรบสองดินแดนและออกตามหาศิลาวิญญาณปฐพี
เวลาผ่านไปสามเดือนอย่างรวดเร็ว เขาสามารถดูดซับเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเพื่อยกระดับพลังได้อีกครั้ง แต่เมื่อคิดว่าก่อนจะทำเช่นนั้นได้เขาต้องผ่านการขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์เสียก่อน มุมปากของเขาก็กระตุกไม่หยุด
‘ปัง ปัง ปัง’
เสียงการปะทะดังขึ้นที่บริเวณด้านหน้าของเขา หลิงฮันไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องคนอื่น แต่ที่นี่คือสนามรบสองดินแดน หากสิ่งมีชีวิตใต้พิภพกำลังสู้รบกับเผ่ามนุษย์อยู่ล่ะ?
เขารุดหน้าไปทันที แต่เมื่อมาเห็นสองฝ่ายที่กำลังปะทะกันอยู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
มันไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างสิ่งมีชีวิตใต้พิภพกับมนุษย์ แต่เป็นความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ บางทีที่นี่อาจจะมีศิลาวิญญาณปฐพีอยู่ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้งกัน
พลังของทั้งสองฝ่ายแข็งแกร่งมาก พวกเขาเป็นตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด
เมื่อเห็นหลิงฮันปรากฏตัว ทั้งฝายก็หยุดชะงักเล็กน้อย แต่เมื่อพบว่าหลิงฮันมาคนเดียวและมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับสุริยันจันทราขั้นกลางพวกเขาก็เลิกสนใจ
“หยุดก่อน!” แต่ทันใดนั้นเอง ฝ่ายหนึ่งได้กล่าวหยุดการปะทะ
“เหอะ จะรีรออะไรอยู่ พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” อีกฝ่ายกล่าวถาม
“เราจะยอมยกศิลาวิญญาณปฐพีให้พวกเจ้า” คนที่กล่าวหยุดการปะทะเอ่ยต่อ
อีกฝ่ายตกตะลึงประหลาดใจ ที่จริงพวกเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ด้วยซ้ำ พวกเขาตั้งแต่จะหาโอกาสแย่งชิงศิลาวิญญาณปฐพีและหาโอกาสเผ่นหนี แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนยุติการปะทะเช่นนี้
พวกเขาค่อยๆเดินจากไปและพบว่าอีกฝ่ายไม่ขยับไล่ตามแม้แต่นิดเดียว เมื่อพวกเขาเขยิบออกมาได้ไกลพอสมควรพวกเขาก็รีบเผ่นหายไปอย่างรวดเร็ว
“เหอๆ ข้ากำลังตามหาเจ้าอยู่พอดี แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้ากลับกลายเป็นคนที่เดินเข้ามาหาพวกข้าเอง” ชายวัยกลางคนที่พาดดาบไว้ด้านหลังกล่าวอย่างโหดเหี้ยม เขามองไปยังหลิงฮันด้วยจิตสังหาร
“ตรงกับข้อมูลที่ได้มา เขามีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง!” สตรีวัยกลางคนกล่าวต่อ
“เจ้าหนู ยอมรับความตายเสียโดยดี แล้วเจ้าจะได้ตายอย่างเจ็บปวดน้อยที่สุด” หญิงชราหลังค่อมคนหนึ่งกล่าว มือข้างหนึ่งของนางยันไม้เท้าเอาไว้
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ช่างบังเอิญ ข้าเองก็กำลังตามหาพวกเจ้าอยู่พอดี!”
ในกลุ่มคนเหล่านี้ เขามองเห็นสองคนมีสัญลักษณ์ของนิกายดาบสวรรค์ปักอยู่บนแขนเสื้อ ส่วนอีกแปดคนก็มีสัญลักษณ์ของนิกายตนเองปักอยู่เช่นกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขามาจากนิกายโบราณอีกสี่นิกาย
“เหอะ ข้าอยากเห็นมาตลอดว่าเจ้าหนูที่เปิดสวรรค์สำเร็จจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่าเจ้ากินมังกรหรือวิหคเพลิงเข้าไปถึงได้มีความกล้าขนาดนั้น!” หญิงชรายกไม้เท้าขึ้นและกระแทกลงพื้น ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ พื้นดินปรากฏรอยร้าวทันและค่อยๆลามไปยังบริเวณที่หลิงฮันยืนอยู่
ทันทีพื้นดินถูกกระแทก เงาแสงสีดำอันมืดมิดได้ปรากฏขึ้นมาจากรอยร้าวเบื้องล่างและผสานรวมกันเป็นรูปร่างของอสรพิษ
หากมองให้ดีจะพบว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่อสรพิษ แต่เป็นไส้เดือนที่มีอำนาจแฝงของมังกรปฐพี
“ฮึ่ม!” หลิงฮันเค้นเสียงและสะบัดดาบ คลื่นดาบนับพันถูกปลดปล่อยออก ไส้เดือนมังกรปฐพีเหล่านั้นถูกฟันจนสลายร่างกลับไปเป็นเงาแสงสีดำดังเดิม
ทันทีที่ดาบถูกนำออกมา กลุ่มคนทั้งสิบของห้านิกายโบราณก็ตกตะลึงทันที
ถึงแม้หญิงชราจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่การที่หลิงฮันสลายการโจมตีของนางได้ก็น่าเหลือเชื่อเกินไป
รุ่นเยาว์ผู้นี้… ไม่อาจดูถูกได้เลยจริงๆ
“ให้ข้าจัดการเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามให้เจ้าหนูนั่นหลบหนีไปเด็ดขาด” ชายพาดพลังไว้ที่ด้านหลังก้าวเดินมาด้านหน้า ทันทีที่เขาหยิบดาบลงมา เจตจำนงแห่งดาบอันรุนแรงก็ระเบิดไปทั่วบริเวณ แม้แต่อากาศโดยรอบก็ถูกฉีกขาด
ชายคนนี้เป็นปรมาจารย์ของนิกายดาบสวรรค์
เขาเจตจำนงแห่งดาบของเขาทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
ในหมู่ห้านิกายโบราณ ทั้งนิกายมังกรปฐพี นิกายนกอมตะเมฆาหรือนิกายอัสนีบาตรสีครามนั้น พวกเขาไม่ใช่เผ่ามนุษย์บริสุทธิ์แต่เป็นครึ่งมนุษย์ หรือก็คือพวกเขาเป็นลูกหลานของสัตว์เทพและเผ่ามนุษย์
พวกเขามีความแข็งแกร่งมากกว่าจอมยุทธทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อใดที่สายเลือดของพวกเขาตื่นขึ้นมา พลังต่อสู้ของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นหนึ่งดาว
แต่น่าเสียดายที่ห้านิกายนั้นมีอำนาจที่จำกัด พวกเขาไม่มีทักษะบ่มเพาะที่จะช่วยให้ยกระดับสูงขึ้นไปกว่าสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ หากไม่พบเจอวาสนาชั่วชีวิตของพวกเขาก็ต้องติดอยู่ในระดับพลังนี้
การที่นิกายดาบสวรรค์ที่ไม่มีสายเลือดของสัตว์เทพสามารถยืนหยัดทัดเทียมกับนิกายโบราณอีกสามนิกายนั้น แสดงให้เห็นว่าทักษะดาบของพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะทดแทนสายเลือดได้
โดยเฉพาะปรมาจารย์ระดับดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดตรงหน้าผู้นี้ เพียงแค่อีกฝ่ายนำปลายดาบชี้มายังหลิงฮัน เขาก็รู้สักราวกับว่าผิวหนังกำลังถูกฉีกกระชาก เจตจำนงของอีกฝ่ายน่าสะพรึงกลัวมาก
แข็งแกร่ง!
ตอนที่ 1279
พลังต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับพลังบ่มเพาะ
หลิงฮันเชื่อว่าชายที่ชี้ปลายดาบมาที่เขาต้องเป็นอัจฉริยะอย่างน้อยสามหรือสี่ดาว!
ตัวเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถต่อกรกับปรมาจารย์เช่นนี้ได้
พลังต่อสู้ของเขานั้นทัดเทียมกับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นปลาย หากใช้อำนาจสวรรค์ลดพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายลงมาขั้นย่อย เขาจะสามารถต่อกรกับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นต้นได้ หากเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้บุปผาหมอกครอบงำจิตก็ยังพอทำให้เขาเอาชนะได้อยู่
แต่หากเป็นการปะทะซึ่งๆหน้า เกรงว่าหลิงฮันคงจะถูกอีกฝ่ายผ่าออกเป็นสองส่วน
ด้วยพลังทำลายของเจตจำนงแห่งดาบของอีกฝ่าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากายหยาบของหลิงฮันในตอนนี้ที่เทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดย่อมไม่มีทางป้องกันได้แน่ หรือต่อให้กายของเขายกระดับเป็นแร่โลหะระดับแปด ถ้าอีกฝ่ายมีพลังต่อสู้สามหรือสี่ดาวจริง แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดก็คงได้รับความเสียหายอยู่ดี
หลิงฮันนำบุปผาหมอกครอบงำจิตออกมา ทันใดนั้นเองจิตใจของคนทั้งสิบคนก็ตกอยู่ในภวังค์ แต่ผ่านไปไม่นานปรมาจารย์ทั้งสี่ของนิกายดาบสวรรค์กับนิกายกระบี่ไร้เทียมทานก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
พวกเขาเป็นจอมยุทธที่ขัดเกลาแก่นแท้แห่งดาบและแก่นแท้แห่งกระบี่จนถึงระดับรู้แจ้ง จิตวิญญาณของพวกเขาจึงมั่นคงเกินกว่าจะสั่นคลอนได้เป็นเวลานาน
“ตาย!” ดาบถูกฟันเข้าใส่หลิงฮัน สุริยันจันทราสี่ดวงที่ลอยอยู่ด้านหลังปลดปล่อยอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
เมื่อเห็นว่าบุปผาหมอกครอบงำจิตใช้ไม่ได้ผล หลิงฮันก็รีบเก็บดอกไม้กลับเข้าไปและโคจรย่างก้าวไล่ตามดาราเผ่นหนีทันที
“คิดจะไปไหน!” ปรมาจารย์อีกสามคนของนิกายดาบสวรรค์กับนิกายกระบี่ไร้เทียมทานใช้ดาบและกระบี่กระหน่ำโจมตีเช่นกัน
เจ้าหนูนี่มีสมบัติอันแปลกประหลาด หากไม่ใช่เพราะพวกเขาทั้งสี่ฝึกฝนแก่นแท้แห่งดาบและแก่นแท้แห่งกระบี่ เกรงว่าพวกเขาคงได้รับผลกระทบจากดอกไม้นั่นไปแล้ว
เมื่อคิดว่าจิตใจของตนเองเกือบจะถูกทำให้สับสนโดยเงื้อมมือของมดปลวก พวกเขาก็เกรี้ยวกราดและกระหน่ำโจมตีหลิงฮันทันที
แน่นอนว่าหลิงฮันไม่คิดสู้และเคลื่อนไหวหลบหนีอย่างรวดเร็ว
“คิดว่าจะหนีพ้น?” ปรมาจารย์อีกหกคนกล่าวอย่างเย็นชา ในหมู่พวกเขาคนที่มีพลังบ่มเพาะต่ำสุดคือระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นต้น หากทั้งสิบคนร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดคนใดก็ต้องสิ้นชีพ ไม่ต้องกล่าวถึงหลิงฮันที่มีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นกลางเลย
‘ตูม ตูม ตูม’ การโจมตีมากมายพัวพันกันจนเกิดเป็นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว
‘อั่ก’ หลิงฮันร้องโอดครวญ เขาหลบการโจมตีส่วนใหญ่ได้และสามารถหลบหนีออกมาได้ในที่สุด
บนร่างของเขาปรากฏหลุมเลือดเจ็ดจุด แต่นั่นไม่ใชเรื่องที่หลิงฮันจะสนใจ “หนี้แค้นครั้งนี้ข้าจะจำเอาไว้แล้วเอาคืนพวกเจ้าทีละคน!”
สีหน้าของทั้งสิบคนแสดงออกถึงความตะลึงอย่างปิดไม่มิด เขายังไม่ตายอีกรึ?
ถ้าลองเปลี่ยนเป็นพวกเขา ไม่ว่าจะคนใดในกลุ่มพวกเขาย่อมไม่มีทางรอดชีวิตแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นจอมยุทธที่มีพลังเพียงระดับสุริยันขั้นกลางกลับสามารถรอดไปได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขารู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงก้นบึ้งหัวใจ
เจ้าหนูนั่น… ห้ามปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปเด็ดขาด!
“ไม่ว่าอย่างไรมันต้องตายวันนี้!” ทั้งสิบคนกล่าว หลิงฮันจะต้องถูกจำกัดทิ้ง ไม่เพียงแค่อีกฝ่ายจะกลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งในอนาคต แต่เขายังครอบครองสมบัติที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ด้วย
พวกเขาไม่เชื่อมดปลวกจากโลกใบเล็กจะพัฒนามาจนถึงจุดนี้ได้ด้วยความสามารถของตัวเองเพียงอย่างเดียว หลิงฮันต้องมีวาสนาอันยิ่งใหญทำให้อาจจะได้รับมรดกสืบทอดของราชันวารีสวรรค์
หลิงฮันเค้นเสียงก่อนจะย่างก้าวไล่ตามดาราวิ่งเผ่นไปอย่างด้วยเร็ว
ห้าคนในกลุ่มพวกเขารีบไล่ตามหลิงฮันไป แต่ก็ไล่ไม่ทัน!
ไม่เพียงแค่ไล่ไม่ทันแต่ระยะทางยังค่อยๆห่างออกไปอีกด้วย
“เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นนั้น”
“ไล่ตามไป เจ้าหนูนั่นต้องถูกกำจัด”
ผ่านไปไม่นานหลิงฮันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งสิบคนหมดหนทางและทำได้เพียงแยกย้ายกันตามหาต่อ
หลังจากที่หลิงฮันหนีออกมาได้ เขาได้เข้ามาซ่อนตัวในหอคอยทมิฬ
ที่เขาไม่เข้ามาในหอคอยทมิฬตั้งแต่แรกเป็นเพราะไม่ต้องการเปิดเผยความลับของหอคอยทมิฬ อย่างที่สองคือหากตกในสถานการณ์เขาไม่อยากพึ่งพาหอคอยทมิฬมากเกินไป ทันทีที่เขาเข้ามาด้านในเขารีบโคจรหยดวารีอมตะรักษาบาดแผลจนหายเป็นปลิดทิ้งในพริบตา
ที่จริงแล้วเขาเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
จะอย่างไหร่นั่นก็เป็นการกระหน่ำโจมตีจากเหล่าปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด บางคนในหมู่พวกเขาไม่เพียงบรรลุขั้นสูงสุดแต่ยังมีพลังต่อสู้สามถึงสี่ดาว การโจมของพวกเขาทำให้กล้ามเนื้อของเขาฉีกขาด แม้แต่กระดูกก็แทบจะแตกหัก
ถ้ากระดูกของเขาไม่ทนทานพอ ร่างของเขาคงแยกส่วนออกจากกันแล้ว
“หืม?”
ในหอคอยทมิฬที่ระยะสายตาของเขาไม่ถูกจำกัด เขามองเห็นคนคนหนึ่งไล่ตามเขามาทิศทางนี้ อีกฝ่ายคือหญิงชราของนิกายมังกรปฐพี
อย่าดูถูกนางเพียงเพราะนางใช้ไม้เท้าค้ำร่างกายเอาไว้ ความเร็วที่นางเคลื่อนที่นั้นว่องไวมาก แค่ก้าวเดียวของนางก็เขยิบได้ไกลถึงร้อยฟุต
หลิงฮันแสยะยิ้ม ความแค้นก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะได้เอาคืนแล้ว
จู่ๆหญิงชราก็หยุดชะงัก นางมีสายเลือดของมังกรทำให้มีประสาทสัมผัสที่ไวต่อกลิ่น นางได้กลิ่นออร่าของหลิงันอย่างเรือนรางตามทางมาตลอด แต่พอมาถึงบริเวณจุ่ๆกลิ่นก็หายไป
แปลก… เป็นไปได้อย่างไร?
นางส่งเสียงคำรามเพื่อเรียกให้คนอื่นมาที่นี่
แต่ทันใดนั้นเอง คลื่นแสงแห่งดาบอันรุนแรงที่แฝงไว้ด้วยจิตสังหารก็พุ่งเข้ามาใส่คอของนาง
อะไรกัน!
หญิงชราตกตะลึง บริเวณนี้ไม่มีใครแท้ๆ แล้วคลื่นดาบนี่มาได้อย่างไร? นางกวัดแกว่งไม้เท้าตอบโต้คลื่นดาบ เมื่อนางหันหลังมาก็พบกับรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งที่เป็นคนโจมตีใส่นาง
เป็นหลิงฮัน!
นางทั้งตะลึงและเกรี้ยวกราด ไม่คาดคิดว่าไม่เพียงหลิงฮันจะไม่หนีไปแต่ยังกล้าซุ่มโจมตีนางอีกด้วย แต่วิธีการที่อีกฝ่ายใช้ซ่อนตัวนับว่ายอดเยี่ยมมา แม้แต่นางก็ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย ออร่าของหลิงฮันหายไปอย่างไร้ร่องรอยทำให้นางอยู่ในสภาวะประมาท
คลื่นดาบที่พุ่งเข้ามาหนักหน่วงราวกับขุนเขาถล่มท้องฟ้าทลาย พลังทำลายของมันรุนแรงเกินจะบรรยาย
ตูม!
เนื่องจากตอบโต้กลับไปอย่างไม่มีการเตรียมตัว พลังที่ใช้ออกไปจึงไม่เพียงพอและไม่สามารถสลายพลังของคลื่นดาบได้ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็หาจังหวะพลิกร่างล่าถอยออกมาทัน
หลิงฮันพุ่งเข้าไป เนื่องจากระยะของทั้งใกล้ชิดกันมากเขาจุงไม่มีพื้นที่พอให้กวัดแกว่งดาบ เขาปล่อยดาบอสูรนิรันดร์เข้าไปในหอคอยทมิฬและปล่อยหมัดทั้งสองเข้าใส่หญิงชรา
หญิงชราไม่มีเวลาตั้งตัวและใช้มือทั้งสองข้างป้องกันร่างตนเองเอาไว้ นางไม่มีเวลามัวจะมาคิดว่าหลิงฮันที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปก่อนหน้านี้สามารถฟื้นฟูบาดแผลจนหายดีราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร
แต่ทันใดนั้นเองเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างทั้งเก้าที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
หญิงชราโล่งอก ขอแค่นางถ่วงเวลาได้อีกนิดหน่อยกำลังเสริมก็จะมาถึง
“เจ้าไม่มีโอกาสรอด!” หลิงฮันแสยะยิ้มและนำบุปผาหมอกครอบงำจิตออกมา
หญิงชราตกตะลึงและพยายามหลับตา แต่บุปผาหมอกครอบงำจิตนัน้ส่งผลกระทบต่อสัมผัสสวรรค์โดยตรงไม่ใช่การมองเห็น ในขณะที่นางกำลังจะหลับตา นางมองเห็นร่างเก้าร่างพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางรอบตัว
นี่เป็นภาพสุดท้ายที่นางเห็นก่อนจะสิ้นชีพ
ฉัวะ!
หลิงฮันปล่อยหมัดใส่หัวหญิงชรา แม้แต่วิญญาณของนางเขาก็ไม่ปล่อยให้เล็ดรอดไปได้ เขาหันไปมองยังร่างทั้งเก้าอย่างเย็นชาก่อนที่จะพุ่งหลบหนีไปอย่างไม่ลังเล ร่างของเขาทิ้งระยะห่างกับทั้งเก้าคนอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 1280
ผู้คนจากห้านิกายโบราณทั้งเก้าคนรีบพุ่งเข้าไปหาหญิงชรา แต่ก็สายเกินไปและใบหน้าของพวกเขาก็ดูเย็นชามากอย่างบอกไม่ถูก
พวกเขาสิบคนกระจายตัวออกไปตามหาหลิงฮัน แต่ในขณะที่ออกตามหาหลิงฮันก็สามารถฆ่าพวกเขาคนหนึ่งได้
ต้องทราบก่อนว่าก่อนหน้านี้หลิงฮันถูกพวกเขากระหน่ำโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
นี่แสดงให้เห็นว่ากายหยาบของเขาช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
ศัตรูอย่างหลิงฮัน มันทำให้จิตใจของพวกเขาทั้งเก้าคนรู้สึกหนักอึ้งและเต็มไปด้วยความมืดมน
“เจ้าเด็กนี่…จะต้องรีบกำจัดให้เร็วที่สุด”
“ถูกต้อง มิฉะนั้นพวกเราจะเป็นฝ่ายที่ถูกฆ่าตายแทน!”
ทั้งเก้าคนจ้องมองไปที่ศพไร้หัวของหญิงชราด้วยความกลัวและความโศกเศร้า เพราะบางทีรายต่อไปอาจเป็นพวกเขาคนใดคนหนึ่งก็ได้
แม้จะมีคนของนิกายดาบสวรรค์และนิกายกระบี่ไร้เทียมทานอย่างละสองคนที่เข้าใจแก่นแท้แห่งดาบและแก่นแท้แห่งกระบี่ ทำให้พวกเขาสามารถกำจัดอารมณ์ทั้งเจ็ดไปได้ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ดี เพราะหลิงฮันไม่ได้มีเพียงแค่บุปผาครอบงำจิตเท่านั้น แต่ยังมีความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งอีกด้วย
บางทีในอีกร้อยปีต่อมา อีกฝ่ายอาจมีความแกร่งที่จะถอนรากถอนโคลนห้านิกายโบราณของพวกเขา
หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาที่เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเวลาแค่หนึ่งร้อยปีถือว่าเร็วมาก และเวลาที่สั้นแบบนั้น ห้านิกายโบราณของพวกเขาไม่มีทางเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้ทันอย่างแน่นอน เวลามันน้อยเกินไป
เวลาหนึ่งร้อยปีสำหรับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราทั่วไปเป็นเหมือนการกระพริบตาที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับจอมยุทธที่เป็นอัจฉริยะ มันสามารถทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างมาก
“ตามหาให้พบและฆ่ามันซะ!” ทั้งเก้าคนกัดฟันแน่น สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่ฆ่าหลิงฮันเพื่อคว้าโอกาสจากอีกฝ่าย แต่เพื่อความอยู่รอดของพวกเขา
ไม่มีใครคนใดในหมู่พวกเขาอยากตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่แข็งแกร่งอย่างพวกเขา
….
หลังจากที่หลิงฮันหลบหนีไปไกล เขาก็กลับเข้าไปในหอคอยทมิฬอีกครั้ง
เขาค่อนข้างพึงพอใจกับผลงานของตัวเอง แม้จะถูกล้อมรอบโดยจอมยุทธสิบคน แต่ก็ยังสามารถสังหารหนึ่งในพวกมันได้
“อย่างไรก็ตาม ข้าพึงพาบุปผาครอบงำจิตมากเกินไป ตอนนี้พลังของมันลดลงไปมาก” หลิงฮันรีบหยุดพอใจกับตัวเองและรีบครุ่นคิดหาวิธี
“ครบสามเดือนแล้ว!”
หอคอยน้อยปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน และแจ้งให้หลิงฮันทราบว่าเขาสามารถขัดเกลาร่างกายด้วยเพลิงนิรันดร์ได้แล้ว
ถึงจะผ่านศึกหนักมาก แต่เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่ลังเล หลังจากที่ถูกจอมยุทธจากห้านิกายโบราณตามล่า ทำให้เขาต้องหลบหนี ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้น
จากนั้นหลิงฮันก็กระโดดเข้าไปในเปลวเพลิงนิรันดร์
สามวันต่อมา หลิงฮันเดินออกมา ซึ่งแน่นอนว่าร่างกายของเขากลายเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาดูเหมือนเด็กอายุประมาณสิบเดือน
“หากเจ้ารักษาความเร็วนี้เอาไว้ได้ เจ้าก็จะสามารถเกิดใหม่จากเถ้าถ่านได้เกือบร้อยครั้ง” หอคอยน้อยกล่าว
หากเกิดใหม่จากเถ้าถ่านได้เกือบร้อยครั้ง แน่นอนว่ามันจะทำให้เขามีความก้าวหน้ามาก
ทว่าใบหน้าของหลิงฮันกลับดูมืดมน เกิดใหม่จากเถ้าถ่านเกือบร้อยครั้ง? แค่คิดก็ทำให้เขารู้สึกสยองแล้ว
แต่ยังไงข้าก็เพิ่งผ่านเปลวเพลิงนิรันดร์มา อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องพวกนั้นจะดีกว่า!
หลิงฮันนับเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งออกมา นี่คือเหตุผลหลักที่เขายอมถูกเผาด้วยเปลวเพลิงนิรันดร์
เขาต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น
ใต้ต้นสังสารวัฎ เวลาสามวันก็เหมือนสามปี
หลิงฮันลุกขึ้นยืน ระดับบ่มเพาะพลังของเขาในตอนนี้อยู่ห่างจากระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นปลายแค่อีกก้าวเดียวเท่านั้น และมีพลังต่อสู้ในระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นต้น ถ้าบวกกับอำนาจสวรรค์และใช้ดาบอสูรนิรันดร์แล้วล่ะก็…มันจะทำให้เขามีพลังต่อสู้เทียบเท่าระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นปลาย
“อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดก็ยังยากลำบากอยู่ดี นอกจากนั้นพวกมันยังมีพลังต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา ทั้งยังมีจำนวนคนมากกว่า”
หลิงฮันไม่นิ่งนอนใจ ถ้าเขาสามารถทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ล่ะก็…พวกมันจะไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย
“เอาล่ะ ข้าจะใช้พวกมันทดสอบความแข็งแกร่งของข้าสักหน่อย”
หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬและตามหาจอมยุทธจากห้านิกายโบราณ
แต่ทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมา เขาก็รู้ว่าห้านิกายโบราณกำลังตามล่าเขา โดยให้ทุกคนที่อยู่ในเมืองเขี้ยวหมาป่าช่วยกันตามหา ถ้าใครคนใดหาหลิงฮันพบและแจ้งให้ห้านิกายโบราณทราบก็จะได้รับศิลาวิญญาณปฐพีเป็นรางวัล
แม้ว่าเมืองเขี้ยวหมาป่าจะมีกฎว่าห้ามฆ่ากันเอง แต่ห้านิกายโบราณแค่ต้องการตามหาหลิงฮัน ซึ่งพวกเขาไม่ได้บอกว่าจะทำอะไรกับหลิงฮัน – ถึงแม้ทุกคนจะรู้อยู่แก่ใจแล้วก็ตามว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
ถึงสนามรบสองดินแดนนั้นกว้างใหญ่ แต่ก็มีหลายคนที่กำลังออกตามหาหลิงฮันอยู่ เมื่อมีใครบางคนหาหลิงฮันพบ เขาก็จะนำข่าวกลับไป แล้วจอมยุทธจากห้านิกายโบราณก็จะรีบแห่กันมาเพื่อฆ่าหลิงฮันทันที
หลังจากต่อสู้กันอย่างดุเดือด หลิงฮันก็สามารถสังหารจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้สองคน แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตาม
แต่การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้จอมยุทธจากห้านิกายโบราณหวาดหวั่น เพราะพวกเขาพบว่าหลิงฮันแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างน่าตกใจ ทั้งที่ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
จอมยุทธจากห้านิกายโบราณแทบบ้าคลั่งและรีบตามหาหลิงฮันอย่างเร่งด่วน เพื่อฆ่าหลิงฮันให้เร็วที่สุด และถ้าหากพวกเขาไม่สามารถกำจัดหลิงฮันได้ พวกเขาก็จะขอร้องให้จอมยุทธระดับดาราเป็นคนลงมือไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
แต่หลิงฮันหนีไปที่กองทัพจันทราม่วง
ข้าไม่เห็นหน้าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะตั้งนาน นางจะต้องรู้แน่ว่าข้ากำลังถูกห้านิกายโบราณตามล่าอยู่ ด้วยแผ่นป้ายที่ข้ามี มันจะทำให้ข้าสามารถเข้าไปในกองทัพจันทราม่วงได้อย่างราบรื่น
ในขณะเดียวกันสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเองก็ไม่ได้เห็นหน้าหลิงฮันมานาน ทำให้นางรู้สึกเป็นห่วงเขามาก หลังจากที่นางเพิ่งจะทำภารกิจใหญ่ของกองทัพจันทราม่วงเสร็จ นางก็ขอหยุดพักสักสองสามวันและไปกับหลิงฮัน
แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมมีความสุข แต่น่าเสียดายที่ร่างกายที่แท้จริงของเขายังเป็นแค่เด็กน้อยประมาณสิบเดือน มิฉะนั้นเขาคงจับนางกดไปแล้ว ตอนนี้เขาทำได้แค่อดทนเท่านั้น
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะรู้สึกตกตะลึงกับความเร็วในการก้าวหน้าของหลิงฮัน ถึงนางจะรู้ว่าหลิงฮันเป็นจักรพรรดินักปรุงยา แต่เป็นไปไม่ได้ที่ผลของเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์จะทำให้เขาก้าวหน้าเร็วขนาดนี้
“มานี่ ข้าจะแสดงอะไรบางอย่างให้เจ้าเห็น”
หลิงฮันพาสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเข้าไปในหอคอยทมิฬ และพานางไปดูต้นสังสารวัฎกับเซียนหวู่เซียง
นี่ทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะแปลกใจมาก หลิงฮันทำได้ยังไงกัน แม้แต่ตัวตนระดับเซียนก็ยังอาศัยอยู่ในอุปกรณ์มิติของเขา
“เมื่อใดที่ข้าทะลวงผ่านระดับดารา ข้าสามารถปิดด่านฝึกตนที่นี่ได้ แต่ตอนนี้-” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะส่ายหัว การพัฒนาของนางนั้นแตกต่างจากคนอื่น นางจำเป็นต้องสะสมความแข็งแกร่งทางสายเลือด ซึ่งต้นสังสารวัฏนั้นไม่อาจช่วยเหลือนางได้
ทั้งสองคนพูดคุยกันต่ออีกสักพัก ก่อนที่จะออกมาจากหอคอยทมิฬ
หลิงฮันเริ่มก่อไฟ แล้วนำสมุนไพรล้ำค่าที่ปลูกในหอคอยทมิฬออกมา รวมถึงเนื้อโสมที่เป็นส่วนหนึ่งของโสมเฒ่า ซึ่งเขาได้รับมันมาหลังจากที่โสมเฒ่าทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา มันเป็นยาบำรุงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เขาต้องใช้เวลาผสมผสานวัตถุดิบพวกนี้
เกือบจะสองวันต่อมา กลิ่นหอมก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว
หลิงฮันตักซุปให้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะและกำลังเอาไปให้นาง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นสัตว์อสูรตัวน้อยที่โผล่มาจากไหนไม่รู้และคว้าชามของเขาไป
“ช่างน่ารักจริงๆ!” ดวงตาทั้งสองข้างของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเปล่งประกาย
ตอนที่ 1281
หลิงฮันหันไปมองพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมาทันที
มันคือสิ่งมีชีวิตจากดินแดนใต้พิภพ!
แต่เขาก็ไม่ลงมือฆ่ามันทันที เพราะสัตว์อสูรตัวน้อยเพิ่งทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าเท่านั้น ความแข็งแกร่งของมันต่ำมาก ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่ามันยังไม่มีสติปัญญา
สัตว์อสูรน้อยตัวนี้มีรูปร่างเหมือนแมวที่มีขนสีขาวหิมะที่ให้ความรู้สึกนุ่มอ่อนโยน ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องอยากเอ็นดูมัน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะถึงอุทานออกมาแบบนั้น
“จูจูจู” สัตว์อสูรน้อยส่งเสียงร้องโหยหวนใส่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ พร้อมกับน้ำลายที่ไหลพราก
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะหันไปจ้องมองหลิงฮันทันทีและพูดว่า “แบ่งให้เจ้าตัวน้อยนี้ด้วย”
“เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตจากดินแดนใต้พิภพ?” หลิงฮันถาม
“แต่มันน่ารัก!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะพูดอย่างไม่มีเหตุผล
สัตว์อสูรตัวน้อยส่งเสียงเบาลงทำให้มันดูน่ารักมายิ่งขึ้น
หลิงฮันถอนหายใจและนำถ้วยออกมาอีกใบเพื่อแบ่งซุปให้กับอสูรน้อยตัวนี้ จากนั้นเขาก็พูดว่า “เจ้าตัวน้อย เข้ามากินซะสิ สัตว์อสูรอย่างเจ้าควรจะอยู่ในดินแดนใต้พิภพ ทำไมเจ้าถึงมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้?”
สัตว์อสูรตัวน้อยรีบม้วนลิ้นและกินซุปอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนมันจะอร่อยมาก หัวของมันแทบจะจุมลงไปในซุป เลยทำให้มันสูญเสียการทรงตัวและขาหลังของมันก็ยกขึ้น
หลิงฮันถอนหายใจ เขาเกรงว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะจะทนความน่ารักของมันไม่ได้และทำตัวไร้เหตุผล และเมื่อเขาหันไปมอง มันก็เป็นอย่างที่เขาคิด แววตาของนางเต็มไปด้วยความเอ็นดู
สัตว์อสูรตัวน้อยรีบดื่มซุปอย่างรวดเร็วและทำให้พลังของมันก้าวหน้าขึ้น มันไม่มีสติปัญญาอย่างนั้นรึ? มันส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสารไปที่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ เหมือนกับต้องการความช่วยเหลือของนาง
แน่นอนว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะรีบหันไปหาหลิงฮันทันที โดยไม่จำเป็นต้องพูดหลิงฮันก็เข้าใจนาง
เขาถอนหายใจอีกครั้งและตักถ้วยซุปให้สัตว์อสูรตัวน้อยอีกถ้วย
หลังจากที่สัตว์อสูรตัวน้อยกินซุปของหลิงฮันเข้าไปหลายตัวก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะแปลกใจ ต้องทราบก่อนว่าวัตถุดิบที่เขาใส่ลงไปนั้นมีประโยชน์อย่างมากต่อเขาและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ ถ้าจอมยุทธระดับภูผาวารีกินเข้าไป ถึงแม้จะกินได้ แต่ก็กินได้ไม่มาก
ถ้าจอมยุทธระดับภูผาวารีกินเยอะเหมือนสัตว์อสูรน้อยตัวนี้ มันจะทำให้ร่างกายระเบิดตาย แต่ในความเป็นจริง สัตว์อสูรตัวน้อยยังมีชีวิตอยู่และรีบวิ่งเข้าไปประจบสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างมีความสุข และไม่มีท่าทีว่าร่างกายของมันจะระเบิดแต่อย่างใด
แปลกมาก!
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะลูบและอุ้มขึ้นมากอดสัตว์อสูรตัวน้อยด้วยความรัก กระทั่งหวีขนให้มัน ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ เพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะไม่เคยปฏิบัติกับเขาด้วยความอ่อนโยนขนาดนี้แม้แต่ครั้งเดียว
ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรตัวน้อยจะสัมผัสได้ถึงสายตาที่ชั่วร้ายของหลิงฮัน มันรีบมุดหน้าซุกเข้าไปในอ้อมแขนของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะทันที
“เจ้าอย่าทำให้มันกลัวสิ!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเตือนหลิงอัน
เจ้ากินอาหารของข้า และตอนนี้ยังจะแย่งภรรยาของข้าอีกงั้นรึ?
หลิงฮันจ้องมองไปที่สัตว์อสูรตัวน้อยอย่างไม่กระพริบตา ในขณะเดียวกันมันก็ไม่เผยจุดอ่อนให้หลิงฮันเห็น มันแอบชำเลืองมองหลิงฮันและเลียหัวสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเพื่อแสดงให้เห็นว่าใครได้รับความชื่นชอบมากกว่า
“เจ้าสัตว์อสูรตัวน้อย ในเมื่อเจ้ากินเสร็จแล้วยังไม่รีบไปอีกงั้นรึ!” หลิงฮันกล่าวข่มขู่
“จูจู!” สัตว์อสูรตัวน้อยสะดุ้งและสั่นด้วยความกลัว
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะหันไปเหลือบมองและกล่าวเตือนหลิงฮันอีกครั้ง หลิงฮันทำได้แค่ถอนหายใจอย่างไร้หนทาง
แคร๊ก!
แต่ในขณะนั้นเอง หลิงฮันก็ได้ยินเสียงบางอย่างกำลังร้าว เขาเลยรีบไปดูไข่ที่เคยเก็บมาก่อนหน้านี้ทันที
มันใกล้จะฟักแล้ว!
รอยร้าวเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ทำให้หลิงฮันรู้สึกมีความสุขมาก ในที่สุดมันก็ฟักสักที
นี่คือไข่ของอีแร้งเพลิงสีคราม แม้ว่าความจริงมันจะไม่มีประโยชน์อะไรสำหรัลหลิงฮัน ถึงกระนั้นเขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้เห็นการกำเนิดของสิ่งมีชีวิต
แคร๊ก! แคร๊ก! แคร๊ก!
เปลือกไข่เริ่มยุบตัวลงและเผยให้เห็นหัวของอีแร้งเพลิงสีครามที่อยู่ด้านใด หัวของมันเริ่มขยับและกัดกินเปลืองไข่ แล้วในไม่ช้าหัวของมันก็โผล่ออกมา
แต่ดูเหมือนเปลือกไข่นี่จะอร่อยมาก แม้หัวของมันจะโผล่ออกมาจากเปลือกไข่แล้ว แต่มันก็ยังไม่หยุดกิน ทำให้หลิงฮันเกิดความอยากรู้อยากเห็นและหยิบขึ้นมาชิมเล็กน้อย
ไม่อร่อย!
หลิงฮัน สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะและสัตว์อสูรตัวน้อยต่างจ้องมองอีแร้งเพลิงสีครามกินเปลือกไข่ที่เหลืออย่างช้าๆ และในที่สุดมันก็ลุกขึ้นยืนและหันไปมองรอบๆ
มันหันไปมองสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเป็นคนแรกด้วยความสงสัย จากนั้นไม่นานมันก็หันไปมองสัตว์อสูรตัวน้อย แล้วหันไปมองหลิงฮันเป็นคนสุดท้าย แต่ทันใดนั้นเองขาเล็กๆของมันก็วิ่งไปหาหลิงฮัน แล้วเอนตัวเข้าหาเพื่อพักผ่อน
มันคิดว่าเขาเป็นแม่?
เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน ข้าเป็นผู้ชายคนเดียวที่อยู่ที่นี่ แต่เจ้ากลับคิดว่าข้าเป็นแม่? ตาของเจ้ามีปัญหาหรือเปล่า?
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะหัวเราะคิกคัก เรื่องที่เกิดขึ้นนางสามารถนำมาล้อเลียนหลิงฮันได้ไปจนตาย
หลิงฮันส่ายหัวและส่งมันเข้าไปในหอคอยทมิฬ และคิดว่าในอนาคตอีแร้งเพลิงสีครามจะต้องแข็งแกร่งเป็นแน่ ว่ากันว่าอีแร้งเพลิงสีครามมีสายเลือดของสัตว์เทพโบราณ เมื่อใดที่สายเลือดของมันตื่นขึ้น เจ้านกตัวนี้ก็จะแข็งแกร่งมาก
“เอ่อ สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ!” ด้านนอกที่พักมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งมาเพื่อหาสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ
คนเหล่านั้นคือศิษย์ของห้านิกายโบราณ
ในห้านิกายโบราณ ตัวตนของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเป็นเหมือนตำนาน นางสามารถทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ก่อนหมื่นปี นางถูกยกย่องเป็นที่เคารพบูชาของใครหลายคน อย่างไรก็ตาม สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะก็เริ่มใช้ชีวิตอย่างสันโดษ และหลังเหลือเพื่อแค่ตำนานของนางเท่านั้น
ดังนั้น จึงทำให้กลุ่มคนของห้านิกายโบราณที่มาหาสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะที่นี่รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบเจอนาง
“ห…หลิงฮัน!” แต่เมื่อพวกเขาเห็นคนที่อยู่ด้านข้างคนที่พวกเขาเคารพบูชา สีหน้าของพวกเขาก็กลายเป็นมืดมนทันที
เขาคือหลิงฮัน!
ไม่กี่เดือนก่อน จอมยุทธที่แข็งแกร่งหลายคนของห้านิกายโบราณถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของหลิงฮัน เขาเป็นคนบาปที่เปิดสวรรค์ขึ้นมา ทำให้ความมั่งคั่งของห้านิกายโบราณที่อยู่ในทวีปเทียนฮงบนโลกใบเล็กที่สะสมมาหลายล้านปีต้องหายไปตลอดกาลเพราะหลิงฮัน
ดังนั้น ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไงก็ตาม ศิษย์ของห้านิกายโบราณก็เกลียดชังหลิงฮันเข้ากระดูก
“สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ ชายคนนี้คือหลิงฮัน รีบถอยห่างออกจากมันเร็วเข้า!” ใครบางคนรีบกล่าวเตือนสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ เพราะกลัวว่านางจะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหลิงฮัน และได้รับบาดเจ็บจากหลิงฮัน
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะพูดเบาๆว่า “ข้าตัดขาดจากนิกายนกอมตะเมฆาแล้ว และเรื่องของห้านิกายโบราณมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้า”
ตั้งแต่ที่นิกายนกอมตะเมฆา ‘ขาย’ นางให้กับเชี่ยตงหลาย นางก็ไม่ติดที่จะยุ่งเกี่ยวกับนิกายนกอมตะเมฆาอีกต่อไป
ศิษย์ของห้านิกายโบราณทั้งรู้สึกตกตะลึงและตกใจ หลิงฮันทำอะไรกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะของพวกเขากันแน่ ถึงทำให้นางตัดขาดกับห้านิกายโบราณ!
ตอนที่ 1282
“สตรีนกอมตะสวรรค์ ห้ามถูกเจ้าปีศาจนั่นหลอกเด็ดขาด!” เหล่าคนของห้านิกายโบราณส่งสัญญาณให้กัน
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กอดสัตว์อสูรน้อยเอาไว้และกล่าว “ถ้าพวกเจ้ายังไม่เลิกพล่ามไร้สาระก็อย่าหาว่าข้าไร้ความเมตตา!” แววตาของนางเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด ในเมื่อนางตัดขาดกับนิกายโบราณแล้ว ผู้ใดที่ร้ายกับหลิงฮันก็เปรียบเหมือนร้ายกับนางด้วย
“สตรีนกอมตะสวรรค์ ไม่ใช่เจ้าเป็นคนบอกเองรึไงว่าตัวเองเป็นภรรยาของตระกูลหลิงที่ตายไปแล้ว? แล้วชายที่อยู่ตรงนั้นมันหมายความว่าอย่างไร?” เสียงเยาะเย้ยดังมาจากระยะที่ห่างไกล หลังจากนั้นชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์
บนหลังของเขาแบกดาบที่ปล่อยกลิ่นอายโบราณและทรงพลังเอาไว้
ดวงตาของหลิงฮันกวาดมองอีกฝ่ายและชะงักทันที
จักรพรรดิดาบ!
หมื่นปีก่อนที่ทวีปฮงเทียนมีจอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งหมดเจ็ดคน ทั้งเจ็ดคนนั้นถูกขนานนามว่าเจ็ดราชันโดยที่จักรพรรดิดาบเป็นราชันที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับหนึ่ง รองลงมาคือจักรพรรดิกระบี่ตะวันและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ หลังจากเวลาผ่านพ้นมาหมื่นปี จักรพรรดิดาบผู้นั้นได้บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงแล้ว แม้จะไม่โดดเด่นเท่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์แต่ก็ยังนับว่ายอดเยี่ยมอยู่ดี
แม้เม็ดยาที่หลอมขึ้นจากโลกใบเล็กจะมีประสิทธิ์ภาพ แต่ปัจจัยสำคัญก็คือพรสวรรค์ของตัวเขาเอง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถยกระดับพลังตนเองขึ้นมาได้สูงขนาดนี้ภายในระยะเวลาเพียงหมื่นปี
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มองไปยังศัตรูเก่า “ข้าจะทำอะไรก็เรื่องของข้า เจ้าเกี่ยวอะไรด้วย?”
ในขณะที่พวกเขาสนทนากัน ผู้คนโดยรอบมากมายก็ค่อยเข้ามาใกล้ ปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดมีปากเสียงกันเช่นนี้ย่อมเป็นธรรมดาที่จะดึงดูดความสนใจ
“ฮ่าๆๆ!” จักรพรรดิดาบหัวเราะและส่ายหัวอย่างเหยียดหยาม
เจ้าที่เย็นชาและอวดตัวว่าไม่หวั่นไหวต่อความรักกลับเปลี่ยนใจไปหาบุรุษคนอื่น
หลิงฮันไม่ต้องการให้ใครมาดูหมิ่นภรรยาของตน ต่อให้จะเป็นเพียงการเข้าใจผิดก็ตามที “จักรพรรดิดาบ ไม่ได้เจอกันเสียนาน เจ้ากล้าประลองกับข้ารึไม่?”
จักรพรรดิดาบ?
คนหลายคนมึนงงทันที เจ้าหนูนี่กำลังพูดถึงใคร?
จักรพรรดิตะลึง ชื่อที่อีกฝ่ายเรียกเป็นฉายาของเขาที่โลกใบเล็ก เมื่อขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้วเขาได้เลิกใช้ชื่อนั่นและเปลี่ยนมาใช้ชื่อจริงของตน
ไม่เช่นนั้นหากเรียกตนเองว่าจักรพรรดิดาบบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้คงไม่ต่างกับการรนหาที่ตาย
แต่ว่าเจ้าหนูนั่นรู้ได้อย่างไร?
เดี๋ยวก่อน… เจ้าหนูนั่นมีชื่อว่าหลิงฮัน… แถมสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็ยังยอมขัดแย้งกับนิกายเพื่อเขา!
ถ้าหลิงฮันเป็นคนที่เขากำลังคิดอยู่จริงๆ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมีอายุยืนยาวได้ขนาดนี้?
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขา
ข้ามผ่านเวลา!
เมื่อนานมาแล้ว เหล่าห้านิกายโบราณที่ลงไปสร้างรากฐานบนโลกใบเล็กได้ถูกหม่าตั้วเปาบดขยี้ทำลายแทบจะไม่เหลือซาก อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ผนึกร่างกายให้ข้ามผ่านกาลเวลาได้ก็ถูกขโมยไป
ถ้าหลิงฮันมีชีวิตรอดมาได้ด้วยวิธีนี้ก็ฟังดูสมเหตุสมผล
“เจ้าคือ… หลิงฮันคนนั้น!” จักรพรรดิดาบจ้องมองหลิงฮัน
หลิงฮันรู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรและตอบกลับ “ฮ่าๆ ในตอนนั้นเพื่อที่จะให้ข้าหลอมเม็ดยาให้ เจ้าถึงขนาดยอมยกทักษะสามดาบเร้นลับให้ข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดิดาบก็ไม่สงสัยอีกต่อไป หลิงฮันตรงหน้านี้ไม่ใช่เพียงคนที่เปิดสวรรค์ได้แต่ยังเป็นจักรปรุงยาเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน!
หากมีเม็ดยาคุณภาพสูงให้กินทุกวันก็ไม่น่าแปลกใจที่อีกฝ่ายบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วขนาดนี้
“ไม่คาดคิดว่าที่แท้เจ้าก็คือคนที่เคยสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว!” จักรพรรดิดาบแสดงสีหน้าตื่นเต้น “หากก่อนหน้านี้ข้ารู้ว่าเจ้าจะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อนิกาย ข้าควรจะสังหารเจ้าไปเสียแต่เนิ่นๆ!”
เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน หลิงฮันมีระดับพลังเท่ากับเขาก็จริง แต่ในเรื่องของพลังต่อสู้ล่ะ? เทียบกันแล้วช่างน่าขัน
“จางเหิง เจ้าคิดจะแส่หาที่ตาย?” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เกรี้ยวกราด จิตสังหารของนางรุนแรงกว่าของจักรพรรดิดาบเสียอีก
ชื่อที่แท้จริงของจักรพรรดิดาบคือจางเหิง เมื่อขึ้นมายังบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาเลิกใช้ฉายาจักรพรรดิดาบและเปลี่ยนมาใช้ชื่อจริงแทน
“ภรรยาข้า ให้ข้าจัดการเอง” หลิงฮันดันร่างของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์หลบไปด้านหลัง เขารอคอยที่จะได้ปะทะกับจักรพรรดิดาบและจักรพรรดิกระบี่ตะวันมานานแล้ว ตอนนี้แม้พลังพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายจะสูงกว่าเขาก็ไม่มีทางถูกรังแก
“ระวังด้วย เขาเป็นถึงอัจฉริยะสี่ดาบ!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กระซิบเตือน นางไม่อยากให้หลิงฮันพ่ายแพ้ต่อจักรพรรดิดาบ
พลังต่อสู้ของหลิงฮันเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นต้น แต่จักรพรรดิดาบมีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นสูงชั้นปลาย ด้วยพลังต่อสู้สี่ดาวทำให้อีกฝ่ายมีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นปลาย
นั่นหมายความว่าหลิงฮันจะเป็นฝ่ายแพ้
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ไม่ต้องกังวล แม้ตอนนี้ข้าจะยังเอาชนะเจ้าไม่ได้ แต่กับหมอนั่นน่ะรึ… เรื่องกล้วยๆ!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มองบน หลิงฮันประมาทเกินไปแล้ว เขาจำไม่ได้รึไงว่าสมัยก่อยเคยพ่ายแพ้อีกฝ่ายมากี่ครั้ง?
“จักรพรรดิดาบ มาสู้กับข้า!” หลิงฮันเชื้อเชิญ
จักรพรรดิดาบเผยสีหน้าจริงจังก่อนจะกล่าว “ข้าไม่ได้ถูกเรียกว่าจักรพรรดิดาบมานานมากแล้ว เพียงแต่ว่า… สักวันข้าจะหวนกลับไปใช้ฉายานั่นอีกครั้ง!”
ช่างเป็นความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่!
บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คำนำหน้าว่าจักรพรรดิไม่ใช่สิ่งที่จะใช้เรียกกันง่ายๆเนื่องจากการมีอยู่ของจักรวรรดิราชวงศ์
ยกตัวอย่างเช่น หากจางเหิงเรียกตนเองว่าจักรพรรดิดาบ นั่นหมายถึงเขามีสถานะทัดเทียมกับผู้นำจักรวรรดิที่มีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ หากเป็นเช่นนั้นจอมยุทธระดับดาราจะคิดอย่างไร?
จอมยุทธระดับสุริยันจันทราตัวเล็กๆมีกล้าใช้ฉายาที่ไม่เห็นหัวพวกเขา?
แส่หาที่ตาย!
เมื่อครู่ที่จางเหิงกล่าวว่าวันหนึ่งจะกลับมาใช้ฉายาตจักรพรรดิดาบอีกครั้งนั่นหมายถึงเขามั่นใจว่าตนเองจะบรรลุระดับวารีนิรันดร์ได้
หลิงฮันพยักหน้า ชายที่มีความทะเยอทะยานเช่นนี้คือจักรพรรดิดาบที่เขารู้จัก
เขากล่าวตอบ “เห็นแก่ที่พวกเรารู้จักกันตั้งแต่อดีต ข้าหวังว่าหากเจ้าแพ้เข้าจะออกจากนิกายดาบสวรรค์และเดินตามเส้นทางของตัวเอง ”
“ฮ่าๆ ไว้เอาชนะให้ได้ก่อนแล้วค่อยกล่าวเช่นนั้นกับข้าอีกครั้ง!” จางเหิงกล่าว ‘ครืนน’ คลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จิตใจสู้รบของเขาผสานเข้ากับเจตจำนงแห่งดาบ คลื่นพลังที่เกิดขึ้นรุนแรงจนราวกับจะทำให้ท้องฟ้าแยกออก
หลิงฮันถอนหายใจ มีเพียงด้านวิถีแห่งดาบเท่านั้นที่อีกฝ่ายก้าวหน้าเหนือกว่าเขา จักรพรรดิดาบนั้นมุ่งเน้นฝึกฝนแต่เพียงวิถีดาบเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวเขานั้นการบ่มเพาะพลังยังสะเปะสะปะอยู่แถมยังมีศาสตร์ปรุงยาให้ฝึกฝนอีก
แต่เพราะการฝึกฝนที่หลากหลายนั่นทำให้เขาแข็งแกร่งอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
หลิงฮันไม่นำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาและเลือกใช้หมัดในการปะทะ รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นพัวพันรอบมือทั้งสองข้างของเขาทำให้ปลดปล่อยอำนาจที่หนักแน่นไร้ขีดจำกัดราวกับขุนเขาออกมา
ตูม!
เขาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น