Alchemy Emperor of the Divine Dao 1269-1275

ตอนที่ 1269

 

เมื่อธิดาซื่อเย่วปรากฏตัว ทุกคนรีบเปิดทางให้นางเดินทางทันที


เชี่ยตงหลายจ้องมองไปที่หลิงฮันไม่หยุด ถึงแม้เขาจะประมูลศิลาวิญญาณปฐพีมาไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็มาไม่ได้เช่นนั้น แล้วประเด็ดสำคัญคือเขาประมูลแพ้ให้กับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์


หลังจากที่ทุกคนส่งมอบผลึกก่อเกิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จินหมิงก็ไปหาหลิงฮันด้วยตัวเองและมอบถุงมิติให้กับหลิงฮันพร้อมกับพูดว่า “นายน้อยฮัน ผลึกก่อเกิดทั้งหมด 365,580,000 ก้อนถูกบรรจุอยู่ในถุงมิตินี้เรียบร้อยแล้ว”


พรวด!


เชี่ยตงหลายแทบตาถลนและเกือบกัดลิ้นไก่ตัวเองขาด เดี๋ยวก่อนนะ หลิงฮันไม่ได้มาที่นี่เพื่อประมูล แต่มาเพื่อขายอย่างนั้นรึ?


ผลึกก่อเกิดที่เขาได้รับมากกว่าสามร้อยล้านก้อนที่เขาได้รับมาหมายความว่าอย่างไร?


นั่นหมายความว่าหลิงฮันเป็นคนนำผลึกวิญญาณปฐพีมาประมูล มิฉะนั้นเขาจะได้รับผลึกก่อเกิดมากกว่าสามร้อยล้านก้อนได้อย่างไร?


สีหน้าของเชี่ยตงหลายเปลี่ยนไปมาก ราวกับถูกอีกฝ่ายตบหน้าอย่างแรง


ก่อนหน้านี้เขาพูดอย่างมั่นใจว่าจะประมูลผลึกวิญญาณปฐพีมาให้ได้และปล่อยให้หลิงฮันเจ็บใจ ทว่าหลิงฮันกลับเป็นคนที่นำผลึกศิลาวิญญาณปฐพีมาประมูล! และเขายังประมูลแข่งกันด้วยราคาที่สูงลิ่วแบบนั้น แล้วด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขามีปัญหากับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์


น่ารังเกียจ! น่ารังเกียจ! น่ารังเกียจ!


ข้าเป็นลูกหลานของแม่ทัพเชี่ยที่มีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์หนุนหลังอยู่ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักปรุงยาระดับแปด แต่ถ้าจะเทียบกับข้าน่ะหรือ เจ้าไม่มีคุณสมบัติเป็นที่รองเท้าของข้าเลยด้วยซ้ำ!


หลิงฮันรับถุงมิติจากจินหมิงและเก็บเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที โดยที่ไม่ตรวจสอบ


“นายน้อยฮันจะไม่ตรวจสอบหน่อยหรือ?” จินหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม


“ข้าไว้วางใจผู้อาวุโสจินหมิง” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน


จินหมิงพยักหน้า โรงประมูลตระกูลจินของพวกเขามีชื่อเสียงในด้านความซื่อสัตย์มาโดยตลอด และไม่เคยมีประวัติโกงลูกค้า แต่ว่าผลึกก่อเกิดจำนวนเกือบสี่ร้อยล้านก้อนเป็นจำนวนที่มหาศาลที่แม้แต่จอมยุทธระดับดารายังต้องไหวติ่ง


ทว่าหลิงฮันกลับไว้วางใจเขามากและไม่ขอตรวจสอบ ซึ่งเรื่องนี้เองที่ทำให้จินหมิงรู้สึกพึงพอใจในตัวหลิงฮันเป็นอย่างมาก


“เจ้าเป็นนักปรุงยาอย่างนั้นรึ?” ธิดาซื่อเย่วจู่ๆก็พูดถามหลิงฮัน


“ใช่แล้ว ข้าเป็นนักปรุงยา” หลิงฮันพยักหน้า


“ว่ากันว่าเจ้าเป็นนักปรุงยาระดับแปด เรื่องนั้นจริงหรือไม่?” ธิดาซื่อเย่วถามอีกครั้ง


“จริง!” ต่อหน้าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เช่นนาง เขาไม่มีทางพูดจาเหลวไหลอยู่แล้ว


ธิดาซื่อเย่วแสดงสีหน้าชื่นชมและพูดว่า “อายุที่แท้จริงของเจ้าน่าจะน้อยกว่าห้าสิบปี ทว่าเจ้าไม่ได้เป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นเท่านั้น แต่ยังเป็นนักปรุงยาระดับแปดอีกด้วย ความสำเร็จของเจ้าอาจทำให้ผู้คนทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องอิจฉา”


อะไรนะ!


จินหมิงและเชี่ยตงหลายรู้สึกตกตะลึงมาก สิ่งแรกที่พวกเขาคิดคือความรู้สึกของธิดาซื่อเย่วนั้้นผิด มันจะมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในวิถีวรยุทธและเป็นนักปรุงยาได้อย่างไร?”


อายุน้อยกว่าห้าสิบปี?


เป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!


แต่ว่าสายตาของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จะมองผิดได้อย่างไร?


หลิงฮันแอบยิ้มอยู่ในใจ ยังไงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ก็คือจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์อยู่ดี แม้ทุกคนจะทราบดีอยู่แล้วว่าเขายังเป็นรุ่นเยาว์ แต่จากมุมมองของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราจะคิดว่าเขามีอายุน้อยกว่าพันปี ส่วนจอมยุทธระดับดาราจะคิดว่าเขามีอายุน้อยกว่าร้อยปี


ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ อีกฝ่ายตัดสินใจว่าเขามีอายุน้อยกว่าห้าสิบปี มันเป็นการตัดสินใจที่แม่นยำกว่ามาก สายตาของนางช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก


“ถ้าความสำเร็จของเจ้ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ภายในหนึ่งพันปี เจ้าคงกลายเป็นนักปรุงยาระดับสิบห้าได้สำเร็จ เมื่อถึงเวลานั้นข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว” ธิดาซื่อเย่วกล่าว


นักปรุงยาระดับสิบห้า?


หลิงฮันคิดในใจว่าบางทีธิดาซื่อเย่วอาจเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง ดังนั้นนางจึงต้องการเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบห้า


“ขอบคุณสำหรับคำชื่นชมของท่าน เมื่อใดที่ข้ากลายเป็นนักปรุงยาระดับสิบห้า ข้ายินดีที่จะหลอมเม็ดยาให้ท่านอย่างไม่มีเงื่อนไข” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“โอ้?” ธิดาซื่อเย่วประหลาดใจ หลอมเม็ดยาให้อย่างไม่มีเงื่อนไข มันไม่ใช่คำสัญญาณแค่ลมปาก


ยิ่งเป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจมากเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายในการขอให้หลอมเม็ดยาให้ก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขึ้นไปที่ต้องใช้เวลาหลอมนานขึ้นจากหลายเดือนจนเป็นหลายปี


อย่างเช่นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบห้า มันต้องใช้เวลาประมาณสิบปีในการหลอมแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นอะไรที่เสียเวลาชีวิตมาก


ดังนั้นหากต้องการให้นักปรุงยาระดับสูงหลอมเม็ดยาให้จะต้องเสนอราคาที่มากพอ


แต่หลิงฮันกลับพูดว่าจะหลอมเม็ดยาให้อย่างไม่มีเงื่อนไข เขาช่างเป็นคนใจกว้างยิ่งนัก


หลิงฮันพูดเสริมว่า “ท่านคิดว่าเป็นเรื่องแปลก? อันที่จริงแล้วเหตุผลของข้านั้นง่ายมาก ข้ามีภรรยาอยู่ในกองทัพจันทราม่วงที่อยู่ภายใต้การดูแลของท่าน ซึ่งข้าอยากขอให้ท่านดูแลนางให้ดี”


ธิดาซื่อเย่วส่งเสียงหัวเราะออกมาทันที แม้คำขอของหลิงฮันจะเห็นแก่ตัว แต่นางก็พึงพอใจ นางเชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้มีความจริงใจมาก แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขายอมจ่ายค่าตอบแทนไม่อั้นเพื่อหญิงสาวที่เขารัก


“เจ้าเดินไปกับข้า!” ธิดาซื่อเย่วกล่าว


“ขอรับ!”


เมื่อทั้งสองคนเริ่มเดิน เชี่ยตงหลายอยากจะติดตามไปด้วย แต่ธิดาซื่อเย่วก็สะบัดมือและส่งเชี่ยตงหลายกระเด็นไปที่ไหนสักแห่ง


“นายน้อย!” ชายชราสองคนรีบติดตามเชี่ยตงหลายไปทันที เพราะหน้าที่หลักของพวกเขาคือปกป้องเชี่ยตงหลาย


ธิดาซื่อเย่วดูสนใจหลิงฮันเป็นอย่างมาก ระหว่างเดินทางก็ถามเขาเกี่ยวความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ ซึ่งนั่นยังทำให้นางเข้าใจความบาดหมางระหว่างเขากับเชี่ยตงหลาย และนางก็อดหัวเราะไม่ได้แล้วพูดว่า “ปล่อยให้ภรรยาของเจ้าอยู่กับข้าซักพัก หากนางอยู่ในกองทัพจันทราม่วงของข้าต่อให้เชี่ยเฉียนมาที่นี่ด้วยตัวเอง เขาก็ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้!”


เสียงของนางเต็มไปด้วยความหนักแน่น


“ขอบคุณท่านมาก!” หลิงฮันพูดด้วยความจริงใจ ก่อนออกจากดาวติงหยุน กองทัพจันทราม่วงน่าจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหค เมื่อใดที่เขากำจัดห้านิกายโบราณได้แล้ว เขาก็จะกลับไปที่จักรวรรดิต้าหลิงพร้อมกับนาง


“เจ้าจงรับแผ่นป้ายเหล็กนี้ไป แผ่นป้ายเหล็กนี้จะทำให้เจ้าสามารถเข้าออกกองทัพจันทราม่วงได้เดือนละหนึ่งครั้งเพื่อไปหาภรรยาของเจ้า” ธิดาซื่อเย่วโยนแผ่นป้ายเหล็กให้กับหลิงฮัน


หลิงฮันรู้สึกมีความสุขมาก ถึงจะพบได้แค่เดือนละหนึ่งครั้ง แต่ค่ายทหารกองทัพจันทราม่วงไม่เคยอนุญาตให้ชายใดเข้าไปมาก่อน


จากนั้นธิดาซื่อเย่วก็โบกมือลา และร่างของนางก็หายไปในพริบตา


จอมยุทธระดับดาราสามารถบินบนท้องได้ ซึ่งแน่นอนว่าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เองก็สามารถบินบนท้องฟ้าได้เช่นกัน ทั้งยังมีความเร็วที่น่าทึ่้งกว่ามาก


หลิงฮันเก็บแผ่นป้ายด้วยรอยยิ้ม ถ้าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเห็นเขาในค่ายทหารกองทัพจันทราม่วง นางจะแสดงสีหน้าเช่นไร?


อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้รับผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาลมาแล้ว แน่นอนว่าเขาจะนำมันไปซื้อแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ เขาเดินกลับไปที่โรงประมูลตระกูลจินอีกครั้งและขอให้อีกฝ่ายจัดหาซื้อแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าหรือสูงกว่านั้นขึ้นไปในนามของเขา


แค่ตัวหลิงฮันเองก็มีสถานะเป็นนักปรุงยาระดับแปดแล้ว และดูเหมือนว่าเขาจะได้รับความโปรดปรานจากธิดาซื่อเย่วอยู่ไม่น้อย ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้จินหมิงประเมินหลิงฮันสูงขึ้นมาก และพยักหน้าตอบรับคำขอหลิงฮันทันที โดยไม่แม้แต่จะคิด

 

 

 


ตอนที่ 1270

 

สองเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว


หลิงฮันสะสมพลังปราณได้มากพอที่จะทะลวงผ่านขั้นถัดไปแล้ว การฝึกฝนใต้ต้นสังสารวัฎ มันช่วยเหลือเขาได้มาก ซึ่งทำให้เขาสามารถทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นกลางได้ทุกเมื่อ แต่เขายังไม่ทำเช่นนั้นทันทีและคิดจะแวะไปที่โรงประมูลตระกูลจินก่อน


จินหมิงจัดหาแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ให้เขาได้มากมาย แต่จำนวนของมันจ่ายจริงแค่สามแสนผลึกก่อเกิดเท่านั้น


อย่างไรก็ตาม แร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าที่ได้มานั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ดาบอสูรนิรันดร์ทะลวงผ่านขั้นถัดไป


หลิงฮันปล่อยให้ดาบอสูรนิรันดร์กลืนกินแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่านไปครึ่งวันดาบอสูรนิรันดร์ก็มาถึงจุดสูงสุด ตราบใดที่มันกลืนกินแร่เหล็กจนหมด มันก็สามารถเปลี่ยนแปลงจากดาบระดับห้าเป็นระดับหกได้ทุกเมื่อ


แต่หลิงฮันไม่รีบกระบวนการดังกล่าว และเริ่มที่ทะลวงผ่านระดับสุริยันัจนทราขั้นกลางแทน


เขาต้องการให้ดาบอสูรนิรนดร์อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดในตอนที่เขารับทัณฑ์สวรรค์ เมื่อรับทัณฑ์สวรรค์พร้อมกัน มันก็จะทำให้เขาและดาบอสูรนิรันดร์แข็งแกร่งขึ้น


หนึ่งเดือนต่อมา หลังจากที่หลิงฮันฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎมานานกว่าสามสิบปี เขาก็ออกมาจากหอคอยทมิฬและทันใดนั้นเองเมฆดำก็ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับสายฟ้าที่วิ่งพาดผ่าน


แต่สิ่งที่แปลกคือมันไม่ได้มีสายฟ้าสีขาวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสายฟ้าสีดำด้วย!


ที่นี่คือสนามรบสองดินแดน ซึ่งเป็นทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพ ดังนั้นทัณฑ์สวรรค์ของที่นี่…จึงแสดงลักษณะของทั้งสองดินแดน


หลิงฮันออกจากเมืองเขี้ยวหมาป่ามานานไปที่สนามรบสองดินแดน การฝึกฝนภายในหอคอยทมิฬเขาไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใครรบกวน และหลังจากที่ออกมาเขาก็สามารถรับทัณฑ์สวรรค์ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำร้ายคนอื่น


ภายในก้อนเมฆ มีสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัววิ่งไปมาไม่หยุดและสายฟ้าขนาดใหญ่ก็ผ่าลงมาที่เขาอย่างกะทันหัน


เปรี๊ยง!


แต่หลิงฮันก็ไม่สะทกสะท้าน เขารีบกระบวนการทำลายและสร้างขึ้นมาใหม่ทันที ขณะรับทัณฑ์สวรรค์


ในขณะเดียวกันดาบอสูรนิรันดร์ก็ดูดกลืนแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ชิ้นสุดท้ายเสร็จ หลิงฮันนำมันออกมารับทัณฑ์สวรรค์พร้อมกับเขา ตัวดาบเริ่มปรากฏรอยแตกหักและมีกากเหล็กลอยออกมา จากนั้นมันก็เริ่มเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น


ไม่เลว!


หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ทัณฑ์สวรรค์ก็หายไป


ทว่าหลิงฮันกลับรู้สึกว่าเขายังเรียนรู้จากมันได้ไม่มากพอ!


แต่ไม่เป็นไร ถ้าทัณฑ์สวรรค์ที่เขาจะได้รับในอนาคตรุนแรงแบบนี้ เขาก็ไม่ต้องกังวล เพราะอนุภาพของมันจะรุนแรงกว่าครั้งนี้อย่างน้อยสองเท่า


ดาบอสูรนิรนดร์สั่นเล็กน้อยและลอยไปมาอยู่รอบตัวหลิงฮันพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่หนาวเย็น


กายหยาบของหลิงฮันนั้นมีการป้องกันที่แข็งแกร่งและความยืดหยุ่นที่น่าทึ่ง ขณะที่ดาบอสูรนิรันดร์มีพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัว


ถ้าเขาใช้ดาบอสูรนิรันดร์โจมตีใส่ร่างกายของตัวเอง ดาบอสูรนิรดนร์จะโจมตีผ่านพลังป้องกันของเขาได้หรือไม่?


“ดาบของเจ้าไม่เลวเลย!” เสียงชื่นชมของใครบางคนดังมาจากระยะไกล มันเป็นเสียงของคนผู้หนึ่งที่สวมชุดคลุมสีขาวปกปิดทั้งร่างกาย แม้แต่เส้นผมของเขาก็ยังถูกผ้าคลุมปิดมิดชิด ดังนั้นหลิงฮันจึงมองไม่เห็นดวงตา จมูก หรือปากของอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย เขาเป็นคนที่แปลกประหลาดมาก


ดังนั้นหลิงฮันจึงตัดสินไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นชายหรือหญิง แม้จะฟังเสียงของอีกฝ่ายก็ไม่สามารถตัดสินใจได้


จากนั้นอีกฝ่ายก็นำพิณออกมาวางไว้ต้นขา มือซ้ายบรรเลงไปมา และทันใดนั้นเสียงพิณอันไพเราะก็ดังขึ้น


คนๆนี้แข็งแกร่งมาก!


หลิงฮันคิดในใจ เขาไม่สามารถมองเห็นระดับอีกฝ่ายได้ นั่นแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขา และสัญชาตญาณของเขาเองก็บอกเช่นนั้น


การชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนกำลังใกล้เข้ามา อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งก็ปรากฏตัวออกมามากมายราวกับเห็ด


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ใช่แล้ว มันเป็นดาบที่ดีจริงๆ”


“แล้วเจ้าสามารถขายดาบเล่มนี้ให้กับข้าได้หรือไม่?” คนในชุดคลุมขาวถาม


“โทษที ข้าไม่ขาย” หลิงฮันส่ายหัว


คนในชุดคลุมขาวบรรเลงพิณหนักหน่วงขึ้น จากนั้นสักพักอีกฝ่ายก็หยุดมือและพูดว่า “ถ้างั้นพวกเรามาเดิมพันกันเถอะ ถ้าข้าเป็นฝ่ายชนะ เจ้าจะต้องขายดาบเล่มนี้ให้กับข้า!”


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ข้าไม่สนใจ!”


“แล้วถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนวรยุทธซึ่งกันและกันล่ะ?” คนในชุดคลุมขาวกล่าวอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้


“ก็ได้!” หลิงฮันกล่าวและเก็บดาบอสูรนิรันดร์


คนในชุดคลุมขาวรีบกล่าวขึ้นมาทันทีว่า “เจ้าแน่ใจหรือที่จะไม่ใช้ดาบเล่มนั้น?”


“เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ ข้าก็จะใช้มันเอง!” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แล้วข้าควรเรียกเจ้าว่าอะไรดี?”


คนในชุดคลุมขาวดูลังเลและพูดว่า “อู่เมี่ยน” (ไร้หน้า)


อู่เมี่ยน?


คนในชุดคลุมขาวเรียกตัวเองว่าอู่เมี่ยน เจ้าจะบอกว่าตัวเองไร้ตัวตนอย่างนั้นรึ?


อู่เมี่ยนหมายถึงไร้หน้า


“ข้าหลิงฮัน” หลิงฮันกล่าวและยกหมัดขึ้นมา ในเมื่อเขามีพลังป้องกันที่น่าทึ่ง ดังนั้นเขาจึงชอบใช้หมัด ความรู้สึกที่ได้แนบเนื้อของอีกฝ่ายนั้นเป็นอะไรที่เขารู้สึกสุดยอดมาก


“เตรียมรับมือ!” อู่เมี่ยนเริ่มบรรเลงพิณ และคลื่นเสียงก็ก่อตัวเป็นดาบที่แหลมคมพุ่งเข้าหาหลิงฮัน


ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะเผยสีหน้าประหลาดใจ การโจมตีครั้งนี้ทรงพลังมากถึงทำให้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากอีกฝ่าย แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะแรงกดดันของอีกฝ่ายโดยตรง แต่เป็นแรงกดดันของการโจมตีครั้งนี้


อีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูง!


ไม่ ไม่ใช่ หลิงฮันหลบการโจมตีและคิดพร้อมกัน การโจมตีของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงไม่น่าจะทรงพลังขนาดนี้


ขั้นสูงสุด!


ใช่แล้ว อีกฝ่ายสมควรที่จะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด มันถึงจะมีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะมีพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้


ต้องทราบก่อนว่าหลิงฮันเพิ่งทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดล่ะก็มันจะต่างชั้นกันแค่ไหน?


มันจะต่างชั้นราวกับฟ้าและเหว


“โอ้ว จริงสิ เจ้าเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นต้นเท่านั้น” อู่เมี่ยนพยักหน้า ราวกับเพิ่งจะรู้ตัว “ถ้างั้นข้าจะลดระดับพลังชั่วคราวเพื่อต่อสู้ในระดับเดียวกับเจ้า”


กลิ่นอายของเขาลดลงในพริบตา และหยุดอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นกลาง


แม้อู่เมี่ยนจะแสดงความยุติธรรม แต่ความยุติธรรมก็อาจทำให้พ่ายแพ้ได้ ดังนั้นเขาจึงลดระดับพลังให้เหนือกว่าหลิงฮันเล็กน้อย


มันไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริงอยู่บนโลกใบนี้


ตึง ตึง ตึง อู่เมี่ยนดีดพิณอีกครั้ง ตึง ตึง ตึง คลื่นเสียงอีกระลอกก่อตัวเป็นดาบและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน


ปัง!


การโจมตีของอู่เมี่ยนไร้ผล และถูกหลิงฮันทำลายหายไป

 

 

 


ตอนที่ 1271

 

อู่เมี่ยนจริงจังยิ่งขึ้นและดีดสายพิณอย่างรวดเร็ว ‘ตึง ตึง ตึง’ เสียงพิณส่งเสียงดังด้องพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นเสียงออกมาทีละระลอก คลื่นเสียงแปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างของยุทธภัณฑ์มากมายโจมตีใส่หลิงฮัน


ท้องฟ้าแทบจะถูกปกคลุมไปด้วยยุทธภัณฑ์ บรรยากาศโดยรอบกลายเป็นเย็นยะเยือก


หลิงฮันไม่เกรงกลัว นอกจากขั้นพลังแล้ว กายหยาบของเขาก็ยกระดับสูงขึ้นจนเทียบเท่ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด ต่อให้เป็นการโจมตีของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดอย่างมากเขาก็แค่กระอักโลหิต


อีกฝ่ายลดขั้นพลังของตนเองลงมาเหลือเพียงระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นกลาง ต่อให้ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีพลังต่อสู้มากกว่าหกดาวก็ยังถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้กายหยาบของเขาบาดเจ็บ


‘ตูม’ หลิงฮันตอบโต้ทำลายคลื่นเสียงด้วยหมัดและค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้อู่เมี่ยน


อู่เมี่ยนแสดงท่าทีตะลึงเล็กน้อย ในการต่อสู้ระดับเดียวกัน คู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งมาก! แต่คนที่แข็งแกร่งเช่นนั้นก็ทำให้โลหิตของเขาเดือดพล่าน เขาใช้ของมือดัดพิณปล่อยคลื่นเสียงเพิ่มขึ้นหลายระลอก ครั้งนี้คลื่นเสียงไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นยุทธภัณฑ์แต่เปลี่ยนเป็นรูปร่างมนุษย์


มันคือยักษ์ที่สูงสิบฟุต ทั่วร่างสวมใส่เกราะเหล็กโดยที่หนึ่งมือถือขวาน หากมองให้ดีจะเห็นว่ายักษ์ตนนี้เป็นซากศพที่เน่าเปื่อยจนเห็นโครงกระดูก ดวงตาของมันส่องสว่างราวกับดวงไฟที่ลุกโชน


ทันทีที่ยักษ์ตนนี้ปรากฏตัวมันเหวี่ยงขวานในมือโจมตีใส่หลิงฮันทันที เกราะบนร่างของมันปลดปล่อยรูปแบบอารมศักดิ์สิทธิ์ลึกลับออกมาทำให้ยักษ์ตนนี้ดูราวกับเป็นของจริง


เพียงแค่คลื่นเสียง เหตุใดถึงได้ให้ความรู้สึกเหมือนจริงขนาดนี้?


แต่ถึงอย่างไรหลิงฮันก็ไม่หวั่นเกรง เขากำหมัดตอบโต้ขวานขนาดมหึมา คลื่นปะทะที่เกิดขึ้นส่งผลให้พื้นดินรอบด้านพังทลายไม่เหลือซาก


เพียงแต่ว่าสถานที่แห่งนี้คือเขตรกร้าง ต่อให้จะเกิดความเสียหายมากขนาดไหนก็ไม่เป็นอะไร


ที่น่าตกใจก็คือยักษ์ตนนั้นสามารถป้องกันการโจมตีของหลิงฮัน


เรื่องนี้ทำให้หลิงฮันอดคิดไม่ได้จริงๆว่าเพียงแค่คลื่นเสียงเหตุใดถึงได้ทรงพลังเพียงนี้?


หลิงฮันหัวเราะสนุกและรัวหมัด รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายบนหมัดและแขนของเขา พลังทำลายของหมัดถูกยกขึ้นไปอีกระดับและทำลายยักษ์ทิ้งทันที


แต่เพียงอู่เมี่ยนดีดสายพิณอีกไม่กี่ครั้ง ยักษ์อีกตัวก็ปรากฏออกมาและโจมตีใส่เขา


ไม่จบไม่สิ้น!


หลิงฮันส่ายหัว เขาโคจรทักษะย่างก้าวไล่ตามดาราเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพุ่งเข้าไปประจันหน้ากับอู่เมี่ยน


“หืม?” อู่เมี่ยนชะงัก นึกไม่ถึงว่าหลิงฮันจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วขนาดนี้ แต่เขาก็แค่ตะลึงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาหยิบดาบเล่มบางออกมาจากพิณและแทงเข้าใส่หลิงฮัน


ดาบถูกซ่อนอยู่ในพิณ? ช่างเป็นการโจมตีสังหารฉับพลันที่คาดไม่ถึงจริงๆ


ช้าไปแล้วที่หลิงฮันจะเปลี่ยนวิถีของทักษะย่างก้าวไล่ตามดารา เขาพยายามฮึดเบี่ยงร่างของตัวเอง


‘พรึบ’ ร่างของเขาเบี่ยงลอยถอยหลังราวกับใบไม้ที่ร่วงจากต้น


‘ฉัวะ’ ปลายดาบเฉียดจมูกของหลิงฮัน หากเขาเบี่ยงหลบน้อยกว่านี้อีกนิดเดียวจมูกของเขาคงถูกเฉือนแน่ ถึงแม้ดาบจะฟันไม่เข้าแต่ก็คงเจ็บไม่น้อย


ด้านหลังของหลิงฮัน ยักษ์ได้เตรียมโจมตีเอาไว้แล้ว ขวาของมันฟาดลงมายังหลังของเขา


อู่เมี่ยนไม่ปล่อยให้หลิงฮันมีโอกาสตั้งตัว เขาโจมตีจากด้านหน้าอีกทางเพื่อกดดันหลิงฮัน


‘ปัง ปัง ปัง’ เขากับยักษ์ร่วมมือกันผสานการโจมตีกระหน่ำใส่หลิงฮัน


รุนแรงมาก!


จิตใจของหลิงฮันรู้สึกบีบรัด ในการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกไล่ต้อนเช่นนี้ ที่จริงต่อให้บอกว่าระดับพลังเท่ากัน แต่ความจริงขั้นพลังของอีกฝ่ายสูงกว่าเขาหนึ่งขั้นย่อย แถมต่อให้อู่เมี่ยนลดพลังของตัวเองลงมา ความเข้าใจในการควบคุมอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของอีกฝ่ายก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี


ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พลังต่อสู้ของทั้งสองแตกต่างกันอย่างมาก


แต่ในโลกนี้จะมีการต่อสู้ที่ยุติธรรมอย่างแท้จริงรึไง? หากจะโทษก็สมควรโทษตัวเขาเองที่มีพลังไม่มากพอ


หลิงฮันไม่บ่นร้องขอความเป็นธรรม ในเมื่ออีกฝ่ายใช้อาวุธเขาก็ไม่จำเป็นต้องออมมืออีกต่อไป เขาคำรามและจับดาบอสูรนิรันดร์


ทันใดนั้นเอง พลังปราณอันเข้มข้นทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า


ดาบอสูรนิรันดร์ยกระดับเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกแล้ว พลังของมันเรียกได้ว่าชั้นหนึ่ง และเมื่อผสานพลังเข้ากับอำนาจสวรรค์ พลังทำลายของมันจึงน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม หลิงฮันสะท้านดาบออกไป ‘ฉัวะ’ ยักษ์ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนในพริบตา คลื่นดาบยังไม่สลายไปและบดขยี้ร่างที่ถูกผ่าครึ่งของยักษ์จนไม่เหลือซาก


“เป็นดาบที่ดี!” อู่เมี่ยนไม่ลืมที่จะเอ่ยชมพร้อมกับกวัดแกว่งดาบของตนไปพร้อมๆกัน


ปัง!


ดาบของทั้งคู่ปะทะเข้าหากันก่อให้เกิดประกายลุกโชน


ดาบของอู่เมี่ยนนั้นเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด แต่มันไม่สามารถกำราบดาบอสูรนิรันดร์ลงได้ ดาบเล่มนี้อยู่กับอู่เมี่ยนมานานจนเจตจำนงของเขาถูกสลักลงบนตัวดาบแล้วอย่างสมบูรณ์ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่สามารถชิงความได้เปรียบจากดาบอสูรนิรันดร์ได้เลย


อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกที่สามารถต่อกรกับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดได้… อู่เมี่ยนจะต้องการมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก


ปัง! ปัง! ปัง!


อู่เมียนจะต้องเป็นรุ่นเยาว์ระดับราชาที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ผิดแน่ พลังต่อสู้ของเขาน่ากลัวเกินจะบรรยาย


เขาเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ยิ่งกว่าหลิงฮัน ส่วนหลิงฮันก็มีกายหยาบที่ทนทานราวกับสัตว์ประหลาด คนหนึ่งมีพลังโจมตีที่รุนแรงกับอีกคนหนึ่งมีพลังป้องกันที่ทนทาน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้นยากที่จะคาดเดา


เพียงแต่ว่า หากการต่อสู้ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้ชนะที่ยืดหยัดเป็นคนสุดท้ายสมควรเป็นหลิงฮัน


นั่นเพราะพลังป้องกันของเขาคือกายหยาบที่คงสภาพอยู่ตลอด ในขณะเดียวกันเมื่อใดที่อู่เมี่ยนใช้พลังปราณจนแห้งเหือด แค่อีกฝ่ายถูกโจมเล็กน้อยเล็กก็ตัดสินการต่อสู้ได้แล้ว


“ฮ่าๆๆๆ” เสียงเราะลากยาวดังขึ้น อู่เมี่ยนเป็นฝ่ายหยุดสู้ก่อนและกล่าว “ในการต่อสู้ระดับเดียวกันข้าเอาชนะเจ้าไม่ได้จริงๆ”


“ข้าก็ชนะเจ้าไม่ได้เช่นกัน” หลิงฮันกล่าวตอบ


“ถ้าระดับพลังของเจ้าเท่ากับข้าจริงๆ เจ้าอาจจะเอาชนะข้าได้ เพราะอย่างไรข้าก็แค่ลดระดับพลังลงมาเท่านั้น ความเชี่ยวชาญในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของข้ายังเหนือกว่าเจ้าอยู่ดี” อู่เมี่ยนกล่าวตามตรง


“แต่…” เขาหยุดพูดไปชั่วครู่ “นั่นก็แค่การสู้ประลองเท่านั้น ถ้าเป็นการฆ่าฟันของจริงก็ไม่มีใครรู้ว่าฝ่ายใดจะรอดหรือตาย”


หลิงฮันพยักหน้า อัจฉริยะเช่นพวกเขาจะไม่มีไพ่ลับซ่อนเอาไว้ได้อย่างไร?


การต่อสู้เมื่อครู่เขาไม่ได้ใช้อำนาจแห่งสวรรค์ แถมต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเขาก็ยังมีหยดวารีอมตะที่สามารถฟื้นฟูบาดแผลทันที และต่อให้จะเป็นโอกาสหนึ่งในร้อยส่วนก็ตามเขาก็ยังสามารถกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้อีก


และแน่นอนว่าไพ่ลับก้นหีบที่แท้จริงย่อมเป็นหอคอยทมิฬ หากสถานการณ์ย่ำแย่จริงๆต่อให้เขาเข้าไปซ่อนในนั้นแม้แต่เซียนก็หาเขาไม่พบ!


ทั้งสองคนมีความรู้สึกเหมือนกับเป็นสหายเก่าที่พบเจอกันอีกครั้ง ทั้งสองนั่งลงสนทนาคุยกันอย่างสนิทสนม แม้อู่เมี่ยนจะมีระดับพลังที่สูงกว่า แต่ความเข้าใจในศาสตร์แห่งวรยุทธของหลิงฮันก็ทำให้เขาได้รับรู้สิ่งใหม่ๆอย่างคาดไม่ถึง


หลิงฮันก็ได้เรียนรู้จากการสนทนากับอีกฝ่ายเช่นกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็มีระดับพลังที่สูงกว่าเขา


พวกเขาพูดคุยกันอย่างออกรสจนแม้จะผ่านไปสามวันแล้วก็ยังไม่หยุด พวกยังคุยกันราวกับว่าต่อให้ผ่านไปอีกเจ็ดถึงแปดวันพวกเขาก็ยังมีเรื่องให้คุยกันต่อได้


“ฮ่าๆๆ ในที่สุดข้าก็เจอตัวเจ้าแล้ว!” น้ำเสียงที่ฟังดูโกรธแค้นดังขึ้นพร้อมกับร่างของเชี่ยตงหลายที่เดินเข้ามา ด้านหลังของเขาตามมาด้วยคนรับใช้ชราสองคนและสตรีวัยกลางคนคนหนึ่ง


จูหลี่หยุน

 

 

 


ตอนที่ 1272

 

แววตาของหลิงฮันส่องประกายด้วยจิตสังหาร


สตรีเห็นแก่ตัวผู้นี้เมื่อตนเองไม่สนหวังในความรักกลับเลือกผลักสหายเข้าสู่กองเพลิง เขาไม่เคยพบเจอสตรีคนไหนที่น่ารังเกียจขนาดนางมาก่อน! ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่นางหลงรักก็คือสถานะปรุงยาระดับแปดของเขาที่นางคิดไปเองว่าเป็นเพียงระดับห้า


หลิงฮันไม่ชอบสังหารใครมั่วซั่ว แต่สำหรับสตรีผู้นี้เขาไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่


เชี่ยตงหลายแสยะยิ้มและพยักหน้าให้กับจูหลี่หยุนก่อนจะกล่าว “หมอนี่อยู่ที่นี่จริงๆ!”


หลี่หยุนรีบยิ้มประจบ “ข้าเดาว่าเจ้าหนูนั่นหลังจากที่แยกกับสตรีสำส่อนนั่นแล้วอาจจะย้อนกลับไปยังเมืองเขี้ยวหมาป่าจึงได้ตรวจสอบทุกและพบว่าเขามุ่งหน้ามายังเส้นทางนี้ ตัวข้าย่อมไม่มีทางทำให้นายน้อยเชี่ยผิดหวัง!”


ที่จริงพวกเขาตามหาหลิงฮันบริเวณนี้มานานสักพักแล้ว แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้หลิงฮันฝึกฝนอยู่ในหอคอยทมิฬ พวกเขาจะหาเจอได้อย่างไร? ถ้าเชี่ยตงหลายไม่ได้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นและต้องการแก้แค้นหลิงฮันล่ะก็ คนธรรมทั่วไปคงล้มเลิกการตามหาไปแล้ว


การตามหาคนในสนามรบสองดินแดนแห่งนี้ แม้จะรู้เส้นทางก็ไม่ต่างกับการงมเข็มในมหาสมุทรอยู่ดี


“หลิงฮัน ที่แท้เจ้าก็เป็นชายชู้ของสตรีสำส่อนนั่น ถึงว่าทำไมชื่อเจ้าถึงได้คุ้นหูนัก!” เชี่ยตงหลายมองหลิงฮันอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาปริ่มไปด้วยจิตสังหาร เขาเจ้าใจแล้วในที่สุดว่าทำไมหลิงฮันถึงได้พยายามขัดแย้งกับเขานัก ที่จริงแล้วอีกฝ่ายมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับสตรีนกอมตะสวรรค์นี่เอง


เหอะ ต่อให้เจ้าเป็นนักปรุงยาระดับแปดก็เถอะ หากเจ้าถูกสังหารอย่างเงียบเฉียบที่นี่ใครจะรู้?


ต่อให้มีคนสงสัยเขา แต่หากไม่หลักฐานใครจะกล้าสรร้างปัญหาให้กับทายาทของตัวตนระดับวารีนิรันดร์เช่นเขา?


หลิงฮันมองไปยังอู่เมี่ยนและกล่าว “พี่ชายอู่เมี่ยน ท่านช่วยกีดกันบุรุษสามคนออกไปให้ข้าได้รึไม่? ข้าต้องการสังหารสตรีผู้นั้น”


อู่เมี่ยนไม่ได้ถามเหตุผลและกล่าว “เจ้าแน่ใจว่าสามารถจัดการนางได้? แม้พลังต่อสู้ของนางจะไม่ได้ล้ำเลิศ แต่ระดับพลังของนางก็สูงกว่าเจ้า” เขาสามารถมองออกอย่างชัดเจนว่าพลังต่อสู้ของหลิงฮันน่าจะยังไม่เทียบเท่ากับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด


หลิงฮันเผยรอยยิ้มมั่นใจ “ไม่มีปัญหา!”


“เช่นนั้นปล่อยอีกสามคนเป็นหน้าที่ข้าเอง” อู่เมี่ยนพยักหน้าโดยไม่แยแสพวกเชี่ยตงหลาย


ท่าทีของเขาจะเป็นแบบนั้นก็ไม่แปลก อู่เมี่ยนเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ บางทีอาจจะขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดเลยก็ได้ ต่อให้พวกเชี่ยตงหลายจะมีกันสามคนพวกเขาก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด การปะทะกับอู่เมี่ยนก็ไม่ต่างกันการเผชิญหน้ากับตนตนระดับดารา


อย่างน้อยแค่พวกเขาสามคนย่อมไม่เพียงพอ หากคิดจะเอาชนะอู่เมี่ยนที่เป็นระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์จริงๆจพเป็นต้องใช้คนระดับเดียวกันพวกเขาถึงสิบคน ร้อยคนหรืออาจจะพันคน


หลิงฮันเบาใจและเดินตรงไปหาจูหลี่หยุน เขาต้องจัดการงูพิษที่หลบซ่อนอยู่ข้างกายสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เสียก่อนไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจสบายใจได้


“พวกเจ้ามันบ้าแท้ๆ!” เชี่ยตงหลายได้ยินการสนทนาของหลิงฮันกับอู่เมี่ยน ทั้งสองมีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นกลางแท้ๆ แต่หนึ่งคนกลับกล้าบอกว่าจะกีดกันพวกเขาสามคน ส่วนอีกหนึ่งบอกว่าจะสังหารจูหลี่หยุน


พวกเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?


เขาเห็นได้ชัดเจนว่าออร่าของอู่เมี่ยนกับหลิงฮันเป็นเพียงระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง เป็นธรรมดาที่เขาจะมีท่าทีเหยียดหยาม


หืม!


แต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว เชี่ยตงหลายก็รู้สึกเย็นยะเยือกทันที หลิงฮันสามารถทะลวงผ่านขั้นกลางได้รวดเร็วเพียงนี้? หรือว่าอีกฝ่ายจะบรรลุขั้นต้นชั้นปลายมาเป็นเวลานานมากแล้ว?


หากคิดแบบนี้ก็พอรับได้… ไม่เช่นนั้นเจ้าหนูนี่ก็คงพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวเกินไป!


แต่อย่างที่รู้ว่าธิดาซื่อเยว่ได้กล่าวว่าอายุที่แท้จริงของหลิงฮันนั้นไม่เกินห้าสิบปี นั่นเป็นคำพูดของตัวตนระดับวารีนิรันดร์ใครบ้างจะไม่เชื่อ?


จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางอายุห้าสิบปี!


จิตสังหารของเชี่ยตงหลายระเบิดออกทันที ศัตรูเช่นนี้ไม่อาจปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้


“ฆ่า!” เชี่ยตงหลายกล่าว แน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องลงมือเองและให้คนรับใช้ชราสองคนจัดการแทน


“ขอรับนายน้อย!” คนรับใช้ชราสองคนเดินออกมาด้านหน้า


“ฮ่าๆ ข้าจะเป็นคนเล่นกับพวกเจ้าเอง” อู่เมี่ยนเดินขึ้นหน้าออกมาเช่นกัน


“อยู่ดีไม่ว่าดี แต่แส่หาความตาย?” เชี่ยตงหลายแสยะยิ้ม


อู่เมี่ยนไม่แสดงท่าทีใดๆและาดีดสายพิณ ‘ตึง’ ดาบเล่มยาวปรากฏออกมาพุ่งเข้าใส่เชี่ยตงหลาย


“ช่างกล้า!” คนรับใช้ชราทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่คนหนึ่งจะเลือกเผชิญหน้ากับอู่เมี่ยน ส่วนอีกคนเลือกพุ่งไปจัดการหลิงฮัน


‘ตึง’ อู่เมี่ยนดีดสายพิณอีกครั้ง หอกแท่งยาวปรากฏออกมาและโจมตีไปยังคนรับใช้ชราที่พุ่งไปหาหลิงฮัน


ปัง!


คนรับใช้ชราหันหลังและปล่อยหมัดตอบโต้หอกยาว ส่วนชายชราอีกคนก็พุ่งเข้าใส่ปล่อยฝ่ามือใส่อู่เมี่ยน


‘อัก!’ ร่างของอู่เมี่ยนลอยกระเด็นร่วงลงพื้นและกระอักโลหิตออกมา “ลืมไปเลยว่าข้าลดระดับพลังของตัวเองอยู่”


หลิงฮันอึ้งไปชั่วขณะ เขาไม่คาดคิดว่าอู่เมี่ยนจะมีนิสัยสะเพร่าเช่นนี้ด้วย


ถ้าเขาถูกสังหารเพราะลืมไปว่าลดระดับพลังตัวเองอยู่จะทำอย่างไร?


ปัง!


ในขณะที่คิดหลิงฮันก็ปล่อยหมัดตอบโต้ไปยังคนรับใช้ชราที่โจมตีเข้ามา ร่างของเขาลอยกระเด็นเล็กน้อยทันที แม้พลังของเขาจะเทียบอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ด้วยกายหยาบที่แข็งแกร่งของเขาทำให้สลายพลังทำลายของการโจมตีจากอีกฝ่ายได้


เขาถูหมัดของตัวเองด้วยความเจ็บปวด กระดูกในร่างของเขาสั่นสะท้าน “พี่ชายอู่เมี่ยน ท่านอย่ามัวแต่เล่นสิ”


“ขอโทษที ข้าสะเพร่าเอง” อู่เมี่ยนกล่าว


“เจ้าหนูนั่นเป็นภัยคุกคามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!” เชี่ยตงหลายเค้นเสียง “รีบๆจัดการได้แล้ว!” ความเร็วในการเติบโตของหลิงฮันทำให้เขาหวาดกลัว ถ้ายังปล่อยไว้เช่นนี้ภายในหนึ่งร้อยปีเจ้าหนูนี่จะต้องบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดเป็นแน่ และภายในพันปีเขาจะทะลวงผ่านระดับดารา


ความเร็วในการเติบโตเช่นนี้ไม่ใช่ของมนุษย์แล้ว


คนรับใช้ชราทั้งสองคนยังแยกกันสู้ คนหนึ่งจัดการหลิงฮันส่วนอีกคนจัดการอู่เมี่ยน


“ข้าบอกว่าข้าจะเล่นกับพวกเจ้าเอง!” อู่เมี่ยนหัวเราะและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากร่างของเขา


ปัง!


เขาเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้ามาปรากฏด้านหน้าหลิงฮันและปล่อยฝ่ามือใส่คนรับใช้ชรา พลังอันรุนแรงส่งร่างของคนรับใช้ชราที่เพ่งเล็งหลิงฮันลอยกระเด็นใส่คนรับใช้ชราอีกคน


ร่างของชายชราทั้งสองพัวพันเข้าด้วยกันและไถลกับพื้นไปไกลพอสมควรก่อนจะหยุด


การโจมตีจากฝ่ามือเมื่อครู่ส่งผลให้พื้นดินสั่นสะเทือน พวกเชี่ยตงหลายตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง


อะไรกัน?


จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดถูกฝ่ามือกระแทกจนร่างกระเด็นไม่พอแต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราสูงสุดอีกคนยังได้รับลูกหลงไปด้วย


บ้าชัดๆ!

 

 

 


ตอนที่ 1273

 

อู่เมี่ยนยืนอย่างองอาจราวกับขุนเขา สายลมอ่อนๆพัดชุดของเขาให้พริ้วไหวเสริมให้เขารู้ทรงอำนาจยิ่งขึ้น


เชี่ยตงหลายตกตะลึง จู่ๆออร่าของอีกฝ่ายก็แข็งแกร่งขึ้นมาจนไม่อาจหยั่งถึง อีกฝ่ายดูสูงส่วราวกับพระเจ้าที่ไม่อาจเอื้อมจับ


เป็นไปได้อย่างไร เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นเพียงระดับสุริยันขั้นกลางแท้ๆ เหตุใดตอนนี้ถึงกลายเป็นปรมาจารย์ไปได้?


“ปรมาจารย์… ท่านมีชื่อแซ่ว่าอะไร?” เชี่ยตงหลายถามอย่างตระกุกตระกัก เขาไม่กล้าดูถูกอีกฝ่ายอีกต่อไป


อู่เมี่ยนยิ้มและกล่าว “เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะรู้ชื่อของข้า”


เชี่ยตงหลายเกรี้ยวกราดทันที เขาไม่มีคุณสมบัติงั้นรึ? เขาเป็นถึงทายาทของแม่ทัพเชี่ย ผู้หนุนหลังของเขาคือตัวตนระดับวารีนิรันดร์ ถึงอย่างนั้นแค่ชื่อของเจ้าข้าก็ไม่มีคุณสมบัติจะรับรู้?


ชายคนนี้บ้าอีกกว่าหลิงฮันเสียอีก!


“ฆ่ามัน!” เขาตะโกนออกมา เขาอดกลั้นความรู้สึกไม่พอใจมาตั้งแต่ความอัปยศในเมืองเขี้ยวหมาป่าแล้ว แถมก่อนหน้านั้นก็ยังถูกขับไล่ออกมาจากกองทัพจันทราม่วงอีก ตอนนี้อารมณ์ของเขาระเบิดออกมาแล้ว


คนรับใช้ชราสองคนลุกขึ้นยืนและนำอาวุธออกมา


ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดเพียงว่าหลิงฮันกับอู่เมี่ยนมีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นกลางจึงไม่ระมัดระวัง


“พี่ชายอู่เมี่ยน ข้าขอฝากท่านด้วย!” หลิงฮันยิ้ม


“ไม่มีปัญหา” อู่เมี่ยนกล่าวอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เขายืนอยู่บนจุดสุงสุดของระดับสุริยันจันทรา ตัวเขานั้นสามารถสังหารพวกเชี่ยตงหลายได้ด้วยมือข้างเดียว


อู่เมี่ยน? (ไร้หน้า)


เชี่ยตงหลายได้ยินหลิงฮันเรียกชื่อนี้มาสักพักแล้ว แต่เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครที่ชื่อแบบนั้นจริงๆ ถึงได้ถามชื่อของอีกฝ่ายและถูกหักหน้ากลับมา


ช่างน่ารังเกียจนัก!


คนรับใช้ชราสองคนร่วมมือกันพุ่งโจมตีใส่อู่เมี่ยน พวกเขาใช้รูปแบบยุทธวิธีก้าวย่างหยินหยาง หนึ่งคนเคลื่อนที่ทางซ้ายหนึ่งคนทางขวา การโจมตีของพวกเขาตอบสนองเข้าหากันทำให้การโจมตีทรงพลังยิ่งขึ้น


อู่เมี่ยนดีดสายพิณ ‘ตึง’ คลื่นเสียงดังออกมาและแปรเปลี่ยนเป็นหอกพุ่งเข้าหาชายชราทั้งสอง


‘ตูม’ หอกโมตีถูกเป้าหมาย ชายชราทั้งสองไม่สามารถต้านทานได้และถูกส่งร่างกระเด็นทันที


นี่มัน!


เชี่ยตงหลายสั่นสะท้าน คนรับใช้ชราทั้งคนที่ติดตามเขานั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่เขายังต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงจะเอาชนะทั้งสองคนได้ แต่แค่อีกฝ่ายดีดพิณกลับเอาชนะคนรับใช้ที่ทรงพลังทั้งสองได้อย่างราบคาบ


“สุริยันจันทรา… ขั้นสมบูรณ์!” เสียงของเขาสั่นเครือ นอกจากความเป็นไปได้นี้เขาก็นึกเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แล้ว


อู่เมี่ยนไม่ลงมือต่อ “หน้าที่ของข้าคือทำให้พวกเจ้าอยู่เฉยๆ ดังนั้นแล้วพวกเจ้าควรจะให้ร่วมมือแต่โดยดีเสียจะดีกว่า ข้าเกลียดคนที่ทำให้ข้าต้องขยับมือขยับขาออกแรง หากพวกเจ้าไม่เชื่อฟังข้าคงต้องกำจัดพวกเจ้าทิ้ง”


“คงเข้าใจสินะ?”


ใบหน้าของเชี่ยตงหลายกลายเป็นบูดบึ้ง เขาเป็นถึงทายาทของตัวตนระดับวารีนิรันดร์ การถูกข่มขู่เช่นนี้ช่างเป็นเรื่องน่าอัปยศยิ่งนัก


แต่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นแล้วว่าหากเขาขัดขืนทำลงมือสังหารทันที ซึ่งเขาก็ไม่คิดว่าคำพูดนั่นเป็นเพียงคำพูดเล่นๆ จากที่ดูแล้วอีกฝ่ายเป็นประเภทที่หากคิดจะลงมือล่ะก็จะไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย


ทั้งสามคนไม่กล้าขยับตัว ต่อให้เขาจะมีตราสัญลักษณ์ของแม่ทัพเชี่ยติดตัวอยู่ก็ตาม ถ้าหากอีกฝ่ายคิดจะสังหารเขาอย่างเงียบเฉียบที่นี่พวกเขาคงไม่มีโอกาสหลบหนีพ้น


และแน่นอนว่าเชี่ยตงหลายย่อมไม่โง่ ถ้าหากเขาสามารถโน้มน้ามให้อีกฝ่ายมาเป็นพวกได้ ตำแหน่งในตระกูลเชี่ยของเขาจะต้องสูงขึ้นอีกขั้น


ใช่ว่าจะโน้มน้าวไม่ได้ เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังไม่รู้ถึงสถานะที่แท้จริงของเขา


เหอะๆ เจ้าเป็นอัจฉริยะแล้วอย่างไร? เจ้าสามารถอยู่เหนือระดับวารีนิรันดร์ได้รึไง?


“พี่ชายอู่เมี่ยน ข้าจะ…”


ฉัวะ!


ทันทีที่เชี่ยตงหลายเปิดปาก ปราณดาบก็พุ่งเข้าใส่ปากเขาจนเลาะฟันเขาร่วงทันที ด้วยความเจ็บปวดจึงทำให้เขาต้องเผลอหุบปาก


“หากยังกล่าวอะไรไร้สาระอีก ครั้งหน้าจะไม่ใช่แค่ฟันแน่!” อู่เมี่ยนกล่าวอย่างเย็นชา


เชี่ยตงหลายทั้งเกรี้ยวกราดและอับอาย ทำไมเขาต้องมาได้รับความอัปยศเช่นนี้ด้วย? แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าเปิดปากบ่น เขาจ้องมองไปยังอู่เมียนอย่างเกลียดชัง ความโกรธแค้นครั้งนี้เขาจะเอาคืนให้ได้!


เขาต้องทะลวงผ่านระดับดาราให้เร็วที่สุดและใช้ประโยชน์จากระดับพลังที่เหนือกว่ากำราบอีกฝ่าย


เพียงแต่ว่าสำหรับตอนนี้เขาไม่กล้าพูดอะไรออกไปแม้แต่นิดเดียว


หลิงฮันเดินไปหยุดหน้าจูหลี่หยุน


“เจ้าคิดจะสังหารข้า?” จูหลี่หยุนเผยสีหน้าเหยียดหยาม นางยอมรับว่าหลิงฮันเป็นอัจฉริยะแห่งศาสตร์ปรุงยา แต่หากเป็นในด้านของศาสตร์วรยุทธเขาจะมีดีเท่าไหร่เชียว? พลังของเจ้าคือระดับสุริยันจันทราขั้นกลางเท่านั้น…


จูหลี่หยุนชะงัก นางจำได้ว่าครั้งแรกที่นางพบหลิงฮัน อีกฝ่ายมีพลังอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นกลางเท่านั้น แต่เวลาผ่านไปไม่กี่เดือนหลิงฮันกลับก้าวขึ้นเป็นระดับสุริยันจันทราขั้นกลางแล้ว… นี่มันจะน่ากลัวเกินไปรึเปล่า


แค่ด้านปรุงยาอย่างเดียวเจ้ายังไม่พอใจรึไง?


“ข้าไม่ได้แค่คิด แต่ข้าจะสังหารเจ้าจริงๆ!” หลิงฮันกล่าวด้วยเสียงมืดมน เขาเกลียดคนประเภทจูหลี่หยุนมากที่สุด


“เหอะ ต่อให้เจ้าเติบโตได้เร็วราวกับติดปีก พลังของเจ้าก็ยังต่ำกว่าข้าสองสองขั้น คิดว่าจะสังหารข้าได้จริงๆรึไง!” จูหลี่หยุนแสยะยิ้ม ถ้าเปลี่ยนให้อู่เมี่ยนเป็นคนลงมือกับนาง นางคงหวาดกลัวจนฉี่ราด แต่กับหลิงฮันน่ะรึ? เหอๆ


“งั้นรึ?” หลิงฮันนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา เขาต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อสังหารสตรีผู้นี้


จูหลี่หยุนนำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาเช่นกัน นางไม่คิดจะออมมือเพียงเพราะอีกฝ่ายมีพลังบ่มเพาะต่ำกว่า


หลิงฮันไม่พล่ามไร้สาระอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เขาจะทำคือสังหารสตรีชั่วร้ายตรงหน้า!


ทันทีที่เขาสะบั้นดาบ ดาบอสูรนิรันดร์ก็ระเบิดแสงอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา คลื่นแสงของดาบพุ่งขึ้นฟ้าราวกับมังกรที่ทะยานขึ้นสวรรค์


เชี่ยตงหลายที่มองอยู่แววตาได้ปรากฏร่องรอยของความโลภ ดาบเล่มนั้นทรงพลังจนแม้แต่เขาก็ยังรู้สึกถูกคุกคาม ถ้าเขาได้มันมาพลังต่อสู้ของเขาต้องเพิ่มขึ้นมหาศาลแน่นอน


แต่ตอนนี้ข้างกายเขามียมทูตแห่งความตายยืนอยู่ เขาจะกล้าลงมือแย่งชิงได้อย่างไร?


แต่ต่อให้ดาบจะทรงพลังขนาดไหน จูหลี่หยุนก็ไม่ได้อ่อนแอ พลังบ่มเพาะของนางที่เหนือกว่าไม่ใช่สิ่งที่อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์จะสามารถชดเชยความต่างได้ นางกวัดแกว่งกระบี่เล่มใหญ่ปล่อยคลื่นกระบี่ที่ทรงพลัง


ด้วยการโจมตีของนาง หลิงฮันตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที


ไม่มีใครประหลาดใจ ขั้นพลังที่ต่างกันของทั้งสองคนเทียบเป็นพลังต่อสู้แล้วต่างกันถึงสิบเอ็ดดาว ต่อให้หลิงฮันเป็นอัจฉริยะสิบดาวก็ยังไม่สามารถต่อกรกับนางได้อยู่ดี และมีเพียงการบรรลุขั้นสมบูรณ์เท่านั้นถึงจะมีพลังต่อสู้สิบดาวได้


หลิงฮันไม่คิดจะต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างยืดเยื้อโดยใช้ประโยชน์จากกายหยาบของตัวเอง เขานำบุปผาหมอกครอบงำจิตออกมา


เมื่อจูหลี่หยุนเห็นดอกไม้ ร่างของนางก็หยุดชะงักและมีท่าทีเหม่อลอย


ฉัวะ!


คลื่นแสงของดาบถูกฟันออกไป หัวของจูหลี่หยุนร่วงหล่นจากบ่าพร้อมกับโลหิตสาดกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

 

 


ตอนที่ 1274

 

หลิงฮันเก็บดาบ ตุบ แล้วร่างที่ไร้หัวของจูหลี่หยุนก็ล้มลงกับพื้นและหัวของนางก็ตกลงมาจากท้องฟ้า สีหน้าของนางดูตกตะลึง ราวกับไม่เชื่อว่าจะถูกฆ่าตาย


เชี่ยตงหลายเผยสีหน้าตกใจออกมาให้เห็นทันที เขาเกือบถูกบุปผาหมอกครอบงำจิตเล่นงานเข้าให้แล้ว แต่โชคดีที่เขาอยู่ไกลจากมันพอสมควร


แต่คนรับใช้ชราสองคนนั้นแตกต่าง จนถึงตอนนี้พวกเขายังคงรู้สึกมึนงง จนเกือบลืมว่าตัวเองเป็นใคร


บุปผาหมอกครอบงำจิต!


อย่างไรก็ตาม อู่เมี่ยนไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่อยากรู้อยากเห็นและพูดว่า “น้องชายหลิง มันเป็นบุปผาหมอกครอบงำจิตใช่หรือไม่?”


“สายตาของพี่ชายอู่เมี่ยนช่างแหลมคมยิ่งนัก!” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว มันคือบุปผาหมอกครอบงำจิต”


หลิงฮันกำลังถือบุปผาหมอกครอบงำจิตในมือซ้ายและจับดาบอสูรนิรันดร์ในมือขวา แล้วพุ่งตรงเข้าหาเชี่ยตงหลาย


สีหน้าของเชี่ยตงหลายเปลี่ยนไปอย่างมาก ทันใดนั้นเขาก็กัดฟันแน่น และนำแผ่นยันต์อาคมทองคำออกมา จากนั้นก็แปะมันไว้ที่อก จากนั้นแสงสีทองอันแรงกล้าระเบิดออก ซึ่งทำให้หลิงฮันและอู่เมี่ยนต้องล่าถอยโดยไม่รู้ตัว


มันสว่างเจิดจ้ามาก ถึงขั้นเกือบทำให้พวกเขาตาบอด


เมื่อพวกเขาหันหลับไปมองเชี่ยตงหลายอีกครั้ง พวกเขาก็พบว่าแสงสีทองนั่นกำลังห่อหุ้มร่างของเชี่ยตงหลายและคนรับใช้ชราสองคนก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า


ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงแค่จอมยุทธระดับดาราที่เขาใจอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพีได้อย่างลึกซึ้งเท่านั้นที่จะบินบนท้องฟ้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือสนามรบสองดินแดนที่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์จะแปรปรวนอย่างมาก และจะทำให้การบินบนท้องฟ้ายากขึ้นไปอีก


ทว่าเชี่ยตงหลายและชราชราสองคนกลับบินบนท้องฟ้าได้ด้วยแสงสีทองดังกล่าว เห็นได้ชัดนั่นจะต้องเป็นยันต์อาคมที่ถูกสร้างขึ้นโดยจอมยุทธระดับดาราขึ้นไป


ในเมื่อตระกูลเชี่ยมีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะสร้างยันต์อาคมให้กับคนรุ่นต่อไป


อย่างไรก็ตาม ตระกูลเชี่ยมีจำนวนคนมาก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จะสร้างยันต์อาคมได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน ดังนั้นยันต์อาคมดังกล่าวน่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูลเชี่ย ที่แม้แต่คนอย่างเชี่ยตงหลายยังมียันต์อาคมดังกล่าวแค่ใบเดียวเท่านั้น


แต่มันก็คุ้มค่าที่ทำให้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้


หลิงฮันส่ายหัวและเก็บดาบอสูรนิรันดร์กับบุปผาหมอกครอบงำจิต ในความเป็นจริงการใช้บุปผาหมอกครอบงำจิตนั้นมีข้อจำกัด อย่างน้อยที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คืออู๋เมี่ยน ยิ่งฝ่ายตรงข้ามมีจิตใจที่แกร่งกล้ามากเท่าไหร่ก็จะสามารถต่อต้านอำนาจของบุปผาหมอกครอบงำจิตได้มากขึ้นเท่านั้น


หลังจากเรื่องทั้งหมดผ่านไป อูเมี่ยนก็ไม่ได้ถามหลิงฮันว่าเขามีความบาดหมางอะไรกับเชี่ยตงหลายและจูหลี่หยุน แต่เลือกที่จะแลกเปลี่ยนวรยุทธกับหลิงฮันแทน หลังจากผ่านไปเจ็ด เขาก็กล่าวอำลากับหลิงฮัน


การแลกเปลี่ยนวรยุทธครั้งนี้มีประโยชน์สำหรับเขามากและทำให้เขามีแรงบันดาลใจมากมาย ถึงขั้นทำให้เขาอยากจะปิดด่านฝึกตนสักสองสามเดือนหรืออาจสองสามปีเพื่อทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด


หลิงฮันเข้าไปในหอคอยทมิฬ


นี่ก็ครบสามเดือนแล้วตั้งแต่ที่เขาขัดเกลากายหยาบด้วยเปลวเพลิงนิรันดร์ครั้งล่าสุด


เมื่อพูดถึงเรื่องการขัดเขลากายหยาบด้วยเปลวเพลิงนิรันดร์แล้ว มันทำให้หลิงฮันมีความทรงจำอันเจ็บปวด ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากจะถูกเผาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน


แต่เพื่อความแข็งแกร่ง เขาก็ทำได้แค่เผชิญหน้ากับมันเท่านั้น


สามวันต่อมา หลังจากที่หลิงฮันขัดเกลากายหยาบด้วยเปลวเพลิงนิรันดร์เสร็จ ร่างกายของเขาก็กลายเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง แต่ถ้าเทียบกับครั้งแรกที่เขาดูเหมือนเด็กน้อยอายุไม่เกินสามเดือนแล้ว ครั้งนี้เขามีอายุอย่างน้อยเจ็ดเดือน


นี่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดใหม่จากเถ้าถ่าน


อย่างไรก็ตาม มันก็ทำให้เขาสามารถกินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้อีกครั้ง!


กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน ทำให้กายหยาบแข็งแกร่งขึ้นทีละเล็กน้อย แต่ถ้ากินเม็ดยาปราณโลหิตเข้าไปมันจะเห็นผลทันที และทำให้ทะลวงผ่านขั้นเล็กๆ


ใต้ต้นสังสารวัฎ หลิงฮันกำลังนั่งฝึกฝนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลาสามวัน


ระดับบ่มเพาะพลังของเขาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นกลาง  แต่ความเข้าใจของระดับพลังตัวเองยังค่อนข้างแย่ นั่นเป็นเพราะเขาใช้เวลาฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎแค่สามปีเท่านั้น ยิ่งมีระดับบ่มเพาะพลังสูงเท่าไหร่ การทำความเข้าใจก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น


หลิงฮันจึงตัดสินใจฝึกฝนต่ออีกสักพัก จนกระทั่งพลังของตัวเองมั่นคง ก่อนที่จะกลับไปที่เมืองเขี้ยวหมาป่าเพื่อไปหาสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ โอกาสที่เขาจะพบนางได้คือเดือนละหนึ่งครั้ง หากพลาดเดือนนี้ไปเขาก็จะเสียโอกาสที่จะได้พบเจอนาง


เขาไปที่กองทัพจันทราม่วงและพูดคุยกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะอยู่ซักพัก แต่เมื่อหลิงฮันต้องการแสดงความรักที่เขามีให้กับนาง เขาก็ถูกสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะตบหน้าทันทีเมื่อริมฝีปากของเขาเริ่มเข้าใกล้ริมฝีปากของนาง


อย่างที่คิด นางไม่ได้เปลี่ยนไปเลย!


อันที่จริงนางไม่ได้รังเกียจหลิงฮัน นางแค่ประหม่าและเผลอตบหลิงฮันเท่านั้น


“หึ่ม! เมื่อข้าทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์เมื่อไหร่ ข้าจะทำให้เจ้าต้องสยบต่อข้า!”


เมื่อพูดจบ หลิงฮันก็ออกจากค่ายทหารและเดินไปบ่นไป แต่ยังไงก็ตามตอนนี้เขายังไม่แข็งแกร่งเท่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ ดังนั้นตอนนี้เขาเลยยังสยบนางไม่ได้


“โอ้ นั่นมันเจ้าเด็กฮันมิใช่หรือ?”


“ทำไมเจ้าสีหน้าของเจ้าถึงดูบูดบึ้งราวกับกินแมลงวันเข้าไปร้อยตัวกัน?”


เจ้ากระต่ายและโสมเฒ่าปรากฏตัวออกมาอย่างเงียบๆ และพูดจาเยาะเย้ยหลิงฮันสนุกปาก


สีหน้าของหลิงฮันกลายเป็นดุร้ายและพูดข่มขู่ว่า “ถ้าพวกเจ้ายังไม่หุบปากอีก พวกเจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถทำให้พวกเจ้ากลายเป็นซุปกระต่ายตุ๋นโสมได้?”


ทั้งเจ้ากระต่ายและโสมเฒ่าต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน พวกมันไม่กลัวคำพูดข่มขู่ของหลิงฮันเลยแม้แต่น้อย


“เจ้าเด็กฮัน เจ้าอยากให้ข้าสอนกระบวนท่าให้เจ้าสักสองกระบวนท่าแบบตัวต่อตัวหรือไม่?” โสมเฒ่ากล่าว


หลิงฮันเค้นเสียง “สอนกระบวนท่าแบบตัวต่อตัวงั้น?”


“ใช่แล้ว ตอนนี้ข้ากำลังจะทะลวงผ่านระดับ ข้าอยากให้เจ้ามากับข้าและปกป้องข้า!” โสมเฒ่ากล่าว


หลิงฮันส่ายหัวในใจ ที่แท้เหตุผลที่พวกมันมาหาเขาก็คือ โสมเฒ่ากำลังจะรับทัณฑ์สวรรค์และขอให้เขาปกป้องมันนี่เอง


“ก็ได้ ไปกันเลย”


เมื่อหนึ่งคนกับสองตัวเดินทางไปที่สถานที่ที่ห่างไกล โสมเฒ่าก็เตรียมตัวที่จะรับทัณฑ์สวรรค์ มันมีความมั่นใจมากว่าสามารถผ่านทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ไปได้ แต่หลังจากที่รับทัณฑ์สวรรค์เรียบร้อยแล้ว ร่างกายของมันจะอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก ถ้าในเวลานั้นเกิดมีใครเห็นมันเข้า…แล้วใครจะไม่อยากนำมันไปทำยาบำรุงกัน?


ซึ่งประเด็นหลักคือการรับทัณฑ์สวรรค์จะดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากที่อยู่ใกล้เคียง


ตูม โสมเฒ่าเริ่มทะลวงผ่านระดับ ทันใดนั้นเมฆสายฟ้าก็เคลื่อนที่มาจากทุกทิศทางและมาบรรจบกันอยู่ด้านบน


เมื่อโสมเฒ่ารับทัณฑ์สวรรค์ หลิงฮันก็จะเข้าไปรับด้วยเพื่อทำความเข้าใจพลังของสวรรค์และปฐพี


“รีบหนีเร็วเข้า!” เจ้ากระต่ายตะโกนและรีบวิ่งหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว มันไม่ต้องการโดนลูกหลงจากทัณฑ์สวรรค์ มีเพียงแค่หลิงฮันเท่านั้นที่ยืนนิ่ง ราวกับต้องการเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์

 

 

 


ตอนที่ 1275

 

ครึ่งวันต่อมา เมฆสายฟ้าก็กระจายหายไป


โสมเฒ่ารับทัณฑ์สวรรค์สำเร็จ แม้ว่ามันจะมีพลังต่อสู้ไม่มากนัก แต่เนื่องจากมันเป็นจิตวิญญาณธาตุไม้ที่เป็นหนึ่งในธาตุทั้งห้า ดังนั้นจุดแข็งที่สุดของมันคือพลังชีวิต แม้มันเพิ่งจะรับทัณฑ์สวรรค์เสร็จและเต็มไปด้วยบาดแผล แต่บาดแผลเหล่านั้นก็หายเป็นปกติในไม่ช้า


“โสมเฒ่ากลายเป็นสมุนไพรระดับห้า นั่นหมายความว่าร่างกายของเจ้าอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น” เจ้ากระต่ายเริ่มน้ำลายไหลและอยากจะกัดกินโสมเฒ่า


มันไม่ใช่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ธรรมดา แต่สามารถฝึกฝนบ่มเพาะพลังได้เลยไม่รู้ว่ามันเหนือกว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าธรรมดากี่เท่า


“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าช่างโชคดียิ่งนักที่รับทัณฑ์สวรรค์สำเร็จ”


“จิตวิญญาณแห่งธาตุทั้งห้าอันที่รักของสวรรค์และปฐพี ข้าสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตมหาศาล ถ้าเจ้าได้รับส่วนหนึ่งของข้าไป มันจะไม่เพียงแค่ช่วยยกระดับพลังเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เจ้ามีอายุขัยเพิ่มขึ้นหลายพันปี!”


พรึบ! พรึบ! พรึบ!


ท่ามกลางเสียงหัวเราะของโสมเฒ่า ก็มีชายเจ็ดคนปรากฏตัวทีละคน ซึ่งพวกเขาแต่ละคนต่างก็เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา มีตั้งแต่ขั้นต้นไปจนขั้นสูง ดังนั้นอายุของพวกเขาจึงค่อนข้างห่างกันมาก บางคนยังเป็นรุ่นเยาว์ บางคนเป็นชายวัยกลางคน และบางคนก็เป็นชายชราผมขาว


อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถและพรสวรรค์ ชายชราผมขาวใช่ว่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม บางทีอาจจะเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มก็เป็นได้


หลังจากที่หลิงฮันเพิ่มรับทัณฑ์สวรรค์เสร็จพร้อมกับโสมเฒ่า เขาก็จ้องมองทั้งเจ็ดคนด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย


เนื่องจากเขาเคยเผชิญหน้ากับจอมยุทธที่มาจากนิกายดาบสวรรค์มาก่อน ทำให้เขาตระหนักได้ทันทีว่าทั้งหกคนมาจากนิกายดาบสวรรค์เพราะดาบที่อยู่ข้างลำตัวของแต่ละคน


ในความเป็นจริงมันก็ฟังดูสมเหตุสมผลที่จะเจอกับศิษย์ของนิกายดาบสวรรค์ที่นี่ เพราะนิกายดาบสวรรค์ได้สูญเสียแผนที่สมบัติอันล้ำค่าที่นี่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะส่งคนออกมาค้นหา และเนื่องจากศิษย์ของนิกายดาบสวรรค์เหล่านั้นเป็นตายร้ายดียังไงไม่มีใครรู้แน่ชัด นิกายสวรรค์จึงส่งคนออกมาตามหามากขึ้น


ทั้งเจ็ดคนเองก็จ้องมองกลุ่มของหลิงฮันอย่างไม่ละสายตา และคิดว่ามันเป็นการรวมตัวที่แปลกประหลาด – หนึ่งมนุษย์ หนึ่งสัตว์อสูร หนึ่งจิตวิญญาณธาตุไม้


“หืม มนุษย์คนนี้!” ชายวัยกลางคนที่มองหลิงฮันเผยสีหน้าสงสัย เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน


“ปรมาจารย์หลิว มนุษย์คนนี้มีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรือ?” ใครบางคนที่อยู่ด้านข้างเขาถาม


“หลิงฮัน!” ชายวัยกลางคนนึกออกอย่างกะทันหันและเอ่ยชื่อออกมา


“หลิงฮัน?” คนอื่นๆดูสับสน เหมือนกับว่าพวกเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน


“ผู้นำที่พาทวีปฮงเทียนขึ้นมาบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยการเปิดสวรรค์!” ชายวัยกลางคนกัดฟันแน่น และแววตาของเขาดูเหมือนจะมีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ด้านใน


ความแข็งแกร่งของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราไม่ค่อยมีบทบาทมากนักในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นห้านิกายโบราณจึงใช้ทวีปฮงเทียนเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยมองทวีปฮงเทียนเป็นสมบัติและดำเนินแผนการมานานนับล้านปี


การเก็บเกี่ยวมีความสำคัญกับพวกเขามาก ทุกหมื่นปีที่ผ่านมาเม็ดยาที่หลอมขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตในทวีปฮงเทียนจะทำให้ห้านิกายโบราณมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราถือกำเนิดขึ้นมากมาย


– ถ้าเทียบขุมพลังของห้านิกายโบราณกับขุมพลังอื่นๆในระดับเดียวกันแล้ว จอมยุทธระดับสุริยันจัทราของพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับเดียวกันมาก


นี่เป็นเพราะผลของเม็ดยา


ทว่าการเปิดสวรรค์ของหลิงฮันทำให้การเก็บเกี่ยวของพวกเขาทั้งสิ้นสุดลง ดังนั้นห้านิกายโบราณจึงตัดสินใจว่าหลิงฮันเป็นเป้าหมายที่พวกเขาต้องกำจัดให้สิ้นซาก


แต่ปัญหาคือหลังจากที่เปิดสวรรค์ไม่มีใครรู้ว่าหลิงฮันและทวีปฮงเทียนไปที่ไหน แม้จะมีกำลังคนมากมาย แต่ห้านิกายก็ยังหาไม่พบ


ยิ่งไปกว่านั้นการใช้สิ่งมีชีวิตในทวีปฮงเทียนหลอมเป็นเม็ดยามีเพียงแค่จอมยุทธที่ถูกส่งไปโลกใบเล็กและคนระดับสูงเท่านั้นที่มีสิทธิ์รู้ความลับดังกล่าว ดังนั้นศิษย์ส่วนใหญ่ของห้านิกายโบราณเลยไม่รู้ว่าหลิงฮันเป็นใคร


อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หลิงฮันเปิดสวรรค์สำเร็จ เขาก็กลายเป็นศัตรูอันดับแรกของห้านิกายโบราณไปแล้ว พวกเขาขอให้ศิษย์ของนิกายดาบสวรรค์ออกค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ของหลิงฮันเพื่อฆ่าเขาไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม


ดังนั้น เมื่อพูดถึงหลิงฮันที่เปิดสวรรค์ คนที่เหลือก็เริ่มเผยจิตสังหารแทบจะพร้อมกัน


“ปรมาจารย์หลิว ท่านจำผิดคนหรือไม่?” ชายชราผมขาวกล่าว


คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย หลิงฮันเพิ่งจะเปิดสวรรค์ขึ้นมาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่กี่ปี แล้วเขาจะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นกลางได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?


“ไม่ เป็นเจ้าเด็กนี่ไม่ผิดแน่!” ชายวัยกลางคนยืนกราน เขาเคยเห็นภาพของหลิงฮันมาก่อน และที่สำคัญไปกว่านั้นคือกลิ่นอายของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงได้ยากมาก


ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นคนแซ่หลิว เขาเรียกตัวเองว่าหลิวสือ เนื่องจากเขาเป็นเด็กกำพร้าที่ได้รับการอุปถัมภ์จากนิกายดาบสวรรค์ และเมื่อเขากลายเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับสิบของนิกายในปีนั้น เขาจึงเรียกตัวเองว่าหลิวสือ หลังจากนั้นสามล้านปีต่อมา จากเด็กกำพร้าก็กลายเป็นปรมาจารย์ของนิกายดาบสวรรค์


“ถ้าเจ้าเด็กนี่เป็นหลิงฮันจริง วันนี้มันจะต้องถูกสังหารและค่อยจับโสมเฒ่า!” คนอื่นๆแสยะยิ้ม


“จับน้องสาวเจ้าสิ!” โสมเฒ่าตะโกนโต้ตอบทันที “ถ้าพวกเจ้าต้องการกินข้า มันยังเร็วไปแปดล้านปี! ฮันน้อย จัดการพวกมันให้ข้าซะ แล้วข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม”


ระหว่างที่พูด โสมเฒ่าก็ค่อยๆตีตัวออกมา แขนขาเล็กๆของมันจะเอาไปสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างไร


หลิงฮันนำดาบของเขาออกมาทันทีและพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้ารู้จักข้าอยู่แล้ว มันก็ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะ เข้ามาได้เลย!”


“แค่มดปลวก!” หลิวสือเผยสีหน้าเหยียดหยาม ในสายตาของจอมยุทธที่อยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเขา ผู้คนที่มาจากโลกใบเล็กไม่ต่างไปจากมดปลวกหรืออาจแย่กว่านั้น แล้วตอนนี้เขาก็ถูกมดปลวกกระตุ้นโทสะของเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกโกรธมาก


แม้ว่าความก้าวหน้าของเจ้าเด็กนี่จะน่าทึ่ง แต่ก็เป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นต้นเท่านั้น และถ้าแม้จะเป็นอัจฉริยะห้าดาว มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับเขาได้


“ฆ่ามัน!” หลิวสือกล่าวด้วยความเหยียดหยามและบอกให้อีกหกคนบุกโจมตี


“ขอรับ!” ทั้งหกคนกระโจนออกไปทีละคนทีละคนและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน


ในขณะที่หลิวสือยังไม่เคลื่อนไหวอะไร และปล่อยให้ทั้งหกคนเป็นคนจัดการ


หลิงฮันเริ่มตั้งท่าและสะบั้นดาบอสูรนิรดนร์ออกไปอย่างฉับพลัน ขนานกับพื้นปฐพีและแรงกดดันปกคลุมไปด้วยท้องฟ้า


ในตอนนั้นเองที่สีหน้าของหลิวสือก็เปลี่ยนไป ศิษย์ของนิกายดาบสวรรค์ล้วนเป็นนักดาบ เมื่อเขาเห็นพลังโจมตีของดาบเล่มนี้ มันทำให้เขารู้สึกตกตะลึงและคิดว่าประเมินหลิงฮันต่ำไปมาก


“ถอยก่อน!” หลิวสือตะโกนออกมาอย่างกะทันหันและพุ่งออกไปข้างหน้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)