Alchemy Emperor of the Divine Dao 1262-1268

ตอนที่ 1262

 

ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดของกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านกับหยดวารีอมตะคือ หยดวารีอมตะจะมีคุณสมบัติรักษาบาดแผลอย่างเดียวเท่านั้น แต่กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านจะช่วยฟื้นฟูทั้งพลังปราณและร่างกายของเขาให้กลับไปอยู่สภาพที่สมบูรณ์ที่สุด


ลองคิดดูว่าจอมยุทธสองคนสู้กันอย่างสูสี ทั้งสองถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายกันทั้งครู่ แต่คนหนึ่งสามารถฟื้นสภาพของตนเองกลับไปสภาพที่สมบูรณ์เหมือนก่อนสู้ได้ อีกฝ่ายจะร้องไห้หนักขนาดไหน?


ไม่น่าแปลกใจที่วิหคเพลิงอมตะเป็นสัตว์อสูรต้นกำเนิดระดับต้นๆ ความสามารถเช่นนี้ของมันเพียงพอจะทำให้เหล่าศัตรูหวาดกลัวจนขนหัวลุก


น่าเสียตายที่เขาในตอนนี้มีโอกาสเพียงหนึ่งในร้อยที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่อย่างไรทักษะนี้ก็เป็นทักษะลับของเผ่าวิหคเพลิงอมตะ มันจะไม่เพ้อฝันไปหน่อยรึหากหลิงฮันที่มีพลังระดับสุริยันจันทราจะสามารถฝึกฝนจนเชี่ยวชาญได้?


หลิงฮันยังไม่ออกจากหอคอยทมิฬ เขานำเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งออกมากินและดูดซับมันใต้ต้นสังสารวัฏ


สามวันต่อมา พลังบ่มเพาะของเขาบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูงสุด คงใช้เวลาทำให้รากฐานมั่นคงอีกราวๆเดือนหรือสองเดือนเขาถึงจะทะลวงผ่านขั้นกลาง


แน่นอนว่าสองเดือนที่ว่านั้นจำเป็นต้องบ่มเพาะพลังภายใต้ต้นสังสารวัฏ ไม่เช่นนั้นก็คงต้องใช้เวลาถึงยี่สิบสามสิบปี


หลิงฮันไม่เหลือเวลาให้บ่มเพาะต่อพลังเนื่องจากงานประมูลใกล้จะเริ่มแล้ว


เขาไม่ได้ออกไปด้านนอกนานแล้วจึงคิดว่าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย โสมเฒ่ากับเจ้ากระต่ายก็ไม่ต้องการอยู่ในหอคอยทมิฬเช่นกัน พวกมันต้องการออกไปทำให้จิตใจกระปรี้กระเปร่าที่โลกภายนอก หนึ่งตัวอยากไปขโมยสมุนไพรในขณะที่อีกตัว… เกรงว่าสตรีงามในเมืองเขี้ยวหมาป่าคงต้องระวังตัวหน่อย


โชคดีที่ดาวหยุนติ่งแห่งนี้ สัตว์อสูรและสิ่งมีชีวิตห้าธาตุแห่งสวรรค์และปฐพีสามารถอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ได้ ไม่เช่นนั้นหากพวกมันออกไปโลกภายนอกเกรงว่าจะไม่ได้กลับมา


หลิงฮันออกมาด้านนอกและมายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขาอยากจะรู้ว่าในช่วงนี้มีเหตุการณ์ใหญ่ๆอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งข่าวสารนั้นร้านอาหารย่อมเป็นแหล่งข่าวที่รวดเร็วที่สุด ผู้คนมากมายปากมากช่างพูด การได้โม้ข่าวที่ตัวเองรู้เป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจของพวกเขาชื่นบาน


เขานั่งอย่างสงบนิ่งในร้านอาหารและได้รับรู้ข่าวสารมากมาย


บางคนโอ้อวดว่าตนเองสังหารสิ่งมีชีวิตใต้พิภพไปมากมายเท่าไหร่


บางคนพูดถึงการประมูลที่จะจัดขึ้นที่มีข่าวลือว่าจะมีศิลาวิญญาณปฐพีขนาดเท่าหัวกระทิงลงประมูล


บ้างก็พูดถึงการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดน


“พวกเจ้าได้ยินกันบ้างรึไม่ ดูเหมือนใกล้จะถึงเวลาของการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนแล้ว”


“แน่นอน ผู้ที่จะเข้าร่วมการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนได้นั้นมีเพียงสุดยอดอัจฉริยะในรอบหมื่นปี”


“มากกว่าหมื่นปีต่างหาก ต้องอย่างน้อยแสนปี!”


“ถูกแล้ว ว่าแต่ครั้งนี้จะมีขึ้นที่ป่าภูผาวารีหรือหุบเขาสุริยันจันทรานะ?”


“ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนคือที่หุบเขาสุริยันจันทรา เช่นนั้นครั้งนี้คงเป็นป่าภูผาวารี”


“ที่จริงป่าภูผาวารีนับว่ายุติธรรมที่สุดแล้วที่จะได้เห็นความแตกต่างของเหล่าอัจฉริยะอย่างแท้จริง”


“ไม่จริงเสียหน่อย! อัจฉริยะบางคนสามารถขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์ได้ แต่พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ในระดับสุริยันจันทรา”


ยิ่งพูดทุกคนก็ยิ่งตื่นเต้น


หลิงฮันทำหน้าตางงงวย ชายชราที่เห็นเช่นนั้นจึงอธิบายให้เขาฟัง


“ป่าภูผาวารีกับหุบเขาสุริยันจันทราเป็นสถานที่ลับของสนามรบสองดินแดน ที่นั่นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเจ้าจะมีพลังบ่มเพาะสูงขนาดไหน ต่อให้เซียนก็ตามหากเข้าไปยังป่าภูผาวารี พลังบ่มเพาะจะถูกลดลงมาเป็นระดับภูผาวารี ส่วนหุบเขาสุริยันจันทรานั้นพลังบ่มเพาะก็จะถูกจำกัดอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราเช่นกัน”


หลิงฮันชะงักก่อนจะแสดงท่าทีผ่อนคลาย


ครั้งนี้การชุมนุมจะถูกจัดขึ้นที่ป่าภูผาวารี ตัวเขานั้นขัดเกลาระดับพลังของภูผาวารีจนถึงขั้นสมบูรณ์ หากเป็นระดับพลังเดียวกันเขาย่อมไม่มีทางแพ้ใครแน่นอน


ในทางตรงกันข้าม หากเป็นหุบเขาสุริยันจันทราที่พลังบ่มเพาะของเขายังไม่บรรลุขั้นสมบูรณ์ แน่นอนว่าเขาย่อมพ่ายแพ้หรืออาจจะสู้เหล่าอัจฉริยะที่เข้าร่วมไม่ได้เลยด้วยซ้ำ


ถึงแม้จะเหลือเวลาอีกสามปีให้เขาบ่มเพาะพลัง แต่การจะบรรลุขั้นสมบูรณ์ด้วยระยะเวลาเท่านี้ก็นับว่าเป็นเรื่องยากอยู่ดี


“จริงสิ พวกเจ้าได้ยินข่าวใหญ่อีกเรื่องรึเปล่า?” จู่ๆชายคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา เขาเกริ่นเอ่ยถามทุกคนขึ้นมาก่อนจะยิ้มอย่างพึงพอใจราวกับกำลังคิดว่า ‘พวกเจ้าคงไม่รู้ข่าวนี้กันสินะ นี่เป็นข่าวที่ข้าลับที่ข้าเป็นคนรู้เอง!’


“มีข่าวอะไรอีกรึ?” หลายคนถาม


เมื่อเห็นสายตาทุกคู่จดจ้องมาที่เขา ชายคนนั้นก็รู้สึกว่าเลือดในร่างกายสูบฉีดและยกจอกสุราขึ้นมาจิบ


“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวาน หลานชายของแม่ทัพเชี่ยไปยังกองทัพจันทราม่วงเพื่อขอตัวสตรีนางหนึ่ง แต่ผลสุดท้ายเขาก็ถูกขับไล่ออกมาด้วยใบหน้าที่ปูดบวมเกือบจะทั่วไปหน้า”


“ว่าไงนะ!”


ใครหลายคนหัวเราะลั่น “คนผู้นั้นบ้าไปแล้วรึไง? เขากล้าถึงขนาดไปขอตัวสตรีจากกองทัพจันทราม่วง เขาไม่รู้รึไงว่าธิดาซื่อเยว่นั้นเป็นสตรีที่อารมณ์ร้อนขนาดไหน?”


จิตใจของหลิงฮันชะงักทันที หลานชายของแม่ทัพเชี่ย? นั่นคงเป็นเชี่ยตงหลาย เขารู้แล้วรึว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์หนีมายังสนามรบสองดินแดนและอยู่ในกองทัพจันทราม่วง?


รอเดี๋ยวก่อน… แม่ทัพเชี่ยไม่น่ามีอำนาจมาถึงสนามรบสองดินแดนได้ แม้ความลับจะไม่มีในโลก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เชี่ยตงหลายจะหาตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์หนีพบเร็วขนาดนี้


นอกเสียจาก… จะมีใครบางคนบอกเขา!


หลิงฮันนึกถึงจูหลี่หยุนทันที นางเป็นสหายสนิทของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ มีเพียงนางที่รู้เรื่องของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ดีและรู้ถึงเหตุผลที่ทำไมนางถึงมาที่สนามรบสองดินแดนแห่งนี้


ฮึ่ม!


จิตสังหารของหลิงฮันระเบิดออกมาทันทีจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆร่างแข็งทื่อ จิตสังหารของหลิงฮันน่าสะพรึงกลัวมากเนื่องจากมันแฝงไว้ด้วยอำนาจสวรรค์ คนที่สัมผัสถึงจิตสังการของเขาต่างรู้สึกหวาดกลัวไปจนถึงก้นบึ้งหัวใจ พวกเขารีบลุกขึ้นจ่ายเงินและเผ่นหนีทันที


เพียงแต่ว่าคนที่ไม่ได้อยู่ข้างๆเขาและไม่รู้สึกถึงจิตสังหารยังคงพูดคุยกันต่อ


“หลานของแม่ทัพเชี่ยที่ว่าคือหลานคนไหนกัน?” ใครบางคนอยากรู้อยากเห็นและถามขึ้นมา


“เหอๆ!” ชายคนที่ปล่อยข่าวกล่าว “เชี่ยตงหลาย!”


“เชี่ยตงหลายงั้นรึ? เขาเป็นทายาทที่สำคัญของตระกูลเชี่ยเลยไม่ใช่รึไง!”


“ใช่แล้ว เขาใช้เวลาแค่หมื่นปีก็บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดแล้ว มีคนพูดกันว่าเขาจะสามารถทะลวงผ่านระดับดาราได้ในช่วงอายุเพียงล้านปีเท่านั้น!”


“แค่ข้าสามารถทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นกลางได้ในระยะเวลาล้านปี ข้าก็ตายตาหลับแล้ว”


“ฮ่าๆ สังหารสิ่งมีชีวิตใต้พิภพให้เยอะและรวบรวมแต้มสังหารให้พอ หากแลกเปลี่ยนแต้มเหล่านั้นเป็นทรัพยากรแล้วการทะลวงผ่านขั้นกลางก็ไม่ใช่เรื่องยาก”


ทุกคนพยักหน้า มีผู้คนมากมายที่ถอนตัวไปแล้วแต่ก็ยังไม่ไปจากที่นี่เพราะต้องการสู้และนำแต้มมาทำให้พลังบ่มเพาะของตนเองยกระดับขึ้น


บางคนทำตามที่หวังได้ แต่บางคนก็ต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล


ปรมาจารย์สามวิถีคงอยู่ที่นี่จนบรรลุระดับวารีนิรันดร์ได้ แต่โชคร้ายที่สุดท้ายเขาก็ตายด้วยหมัดของฮูหนิว


“ธิดาซื่อเยว่ช่างไร้ปรานียิ่งนัก แม้แต่ตระกูลเชี่ยนางก็ไม่ไว้หน้า”


“ฮ่าๆ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าธิดาซื่อเยว่นั้นเอ็นดูจอมยุทธสตรีในกองทัพของนางขนาดไหน ต่อให้แม่ทัพเชี่ยมายังกองทัพจันทราม่วงด้วยตัวเองนางก็คงไม่ปรานี ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเชี่ยตงหลายเลย”


“อืม!” ทุกคนพยักหน้า


“เหอๆ เชี่ยตงหลายที่ว่าเขาทำไมงั้นรึ?” เสียงกล่าวเยาะเย้ยดังขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลาปรากฏขึ้นอยู่บรงบันไดทางเข้าร้าน มือสองข้างของเขาพาดเอาไว้ที่หลังพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่เป็นเอกลักษณ์ออกมา

 

 

 


ตอนที่ 1263

 

บรรยากาศภายในร้านอาหารกลายเป็นเงียบงันในพริบตา


เขาคือเชี่ยตงหลาน!


แม้ทุกคนจะรู้ดีว่ามีกฎห้ามต่อสู้กันเองภายในเมืองเขี้ยวหมาป่า แต่ใครอยากจะตกเป็นเป้าหมายของเชี่ยตกหลานกันล่ะ? นี่อาจหมายถึงมีความบาดหมางกับแม่ทัพเชี่ย แล้วจะมีใครกล้าแบกรับผลที่ตามมาเลวร้ายแบบนั้น?


นอกจากนั้น เชี่ยตงหลายยังเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงและเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง โอกาสที่เขาจะทะลวงผ่านระดับดารานั้นมีสูงมาก ซึ่งมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้ามีปัญหากับเขา


เชี่ยตงหลายกวาดสายตามอง แต่ก็ไม่มีใครกล้าสบตาเขาแม้แต่คนเดียว ราวกับจักพรรรดิที่ยิ่งใหญ่และอยู่ยงคงกระพัน


เขายิ้มอย่างเย้ยหยัน คนพวกนี้ทั้งที่กล้านินทาหลับหลัง แต่เมื่ออยู่ตรงหน้ากลับปิดปากเงียบ ถ้าที่นี่ไม่ใช่เมืองเขี้ยวหมาป่า เขาคงสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่ไปแล้ว


หืม?


เชี่ยตกหลานดูประหลาดใจ เพราะมีชายหนุ่มคนหนึ่งยังคงนั่งจิบไวน์อย่างสบายใจ ราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา


ชายหนุ่มคนนั้นดูโดดเด่นมาก เพราะรอบโต๊ะเขาไม่มีใครเลย ในขณะที่ส่วนอื่นของร้านเต็มไปด้วยผู้คน


เชี่ยตงหลานเดินเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้นพร้อมกับชายชราสองคนที่เป็นผู้ติดตาม แต่ทั้งสองคนค่อนข้างเว้นระยะห่างจากเชี่ยตงหลานและตามอยู่ห่างๆ


เขานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของหลิงฮัน และปลดปล่อยแรงกดดันของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงออกมาเพื่อกดทับหลิงฮัน


แม้ภายในใจของหลิงฮันจะเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่เขาก็ไม่สามารถลงมือฆ่าอีกฝ่ายที่นี่ได้ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงแค่อยากสร้างความโกรธแค้นให้อีกฝ่ายสักเล็กน้อย


ในเมื่อเจ้ากล้าคิดจะแย่งภรรยาของข้า ข้าก็จะไม่ให้ค่าเจ้า


“ข้าควรเรียกเจ้าว่าอะไรดี?” เชี่ยตงหลายถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เพราะชายหนุ่มคนนี้ถูกแรงกดดันของเขากดทับเอาไว้ แต่ก็ยังไม่ไหวติ่ง ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นเท่านั้น แต่ทำไมจิตใจของเขาถึงหนักแน่นเพียงนี้?


“หนี่ป้า” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส


นี่แสดงให้เห็นว่าสติปัญญาของเชี่ยตงหลานไม่ธรรมดา ทันทีที่ได้ยินหลิงฮันพูด เขาก็เผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวทันที เจ้าหมอนี่กล้าพูดจาดูถูกข้าอย่างนั้นรึ? เขาเค้นเสียงและพูดว่า “หากปากของเจ้ามีเลือดกลบปาก เจ้าจะว่าอะไรหรือไม่?”


“เจ้าทึ่ม เจ้านั่งลงเองโดยที่ไม่ขออนุญาตข้า แล้วยังจะมาหาเรื่องข้าอีกงั้นรึ?” หลิงฮันกล่าว เขาไม่คิดเลยว่าจะขัดแย้งกับอีกฝ่ายเร็วขนาดนี้ แต่ใครขอให้เชี่ยตงหลายมาพูดกับเขาเองล่ะ?


แววตาของเชี่ยตาหลายหดแคบลงด้วยจิตสังหาร เจ้าหมอนี่กล้ามากที่ดูเขา ทั้งที่เขาคือหลานชายของตระกูลเชี่ย


“นายน้อย!” ชายชราสองคนที่ยืนอยู่ตรงบันไดรีบวิ่งเข้ามา แล้วยืนอยู่ด้านหลังเชี่ยตงหลานและกระซิบกระซาบกัน


ถ้าลงมือในเมืองเขี้ยวหมาป่า ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บจะได้รับผลที่ตามมาสิบเท่า และถ้าสังหารอีกฝ่ายก็จะต้องจ่ายด้วยชีวิต


นี่คือกฎที่ตั้งขึ้นมาโดยจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์หลายคน ถึงจะเป็นเชี่ยตงหลายก็ตามก็ไม่สามารถฝ่าฝืนกฎดังกล่าวได้ แม้สถานะบุตรชายแม่ทัพเชี่ยจะมีประโยชน์มาก แต่ไม่ใช่กับเมืองเขี้ยวหมาป่าแห่งนี้


-ในกรณีเดียวกัน ถ้าแม่ทัพเชี่ยสังหารใครบางคนที่นี่ คงมีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์หลายคนเข้ามาหยุดการกระทำของเขา แต่คงไม่มีใครต่อสู้เป็นตายกับแม่ทัพเชี่ย


ในทำนองเดียวกัน ถ้าเมืองเขี้ยวหมาป่าฆ่าเชี่ยคงหลาย ถึงจะเป็นแม่ทัพเชี่ยก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์หลายคนเพื่อปกป้องเชี่ยตงหลายได้


ดังนั้นกฎบางข้อก็ยังมีข้อดี


แน่นอนว่าเชี่ยตงหลายเข้าใจความจริงพวกนั้น ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่สยบเปลวเพลิงแห่งความโกรธในใจ คนที่กล้าไม่เชื่อฟังเขานั้นหาได้ยากมาก แต่ถึงจะมีคนแบบนั้นอยู่บ้าง หลุมศพของคนพวกนั้นก็คงเต็มไปด้วยต้นหญ้าไปแล้ว


ก่อนหน้านี้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะก็ยังกล้าหลบหนีไปจากเขา  แล้วตอนนี้ยังมีชายหนุ่มคนนี้อีกที่กล้าพูดจาดูถูกเขา หรือว่าโลกมันจะพลิกกลับไปแล้ว?


เชี่ยตงหลายลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันและพูดว่า “ข้าจะจดจำเจ้าเอาไว้!”


หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ถ้างั้นเจ้าก็รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ได้แล้ว มันทำให้ข้าอยากอาหารน้อยลง”


สีหน้าของเชี่ยตงหลายมืดมนด้วยความโกรธ อย่างไรก็ตามที่นี่คือเมืองเขี้ยวอสูร เขาไม่สามารถลงมือทำอะไรได้ ดังนั้นหากอยู่ที่นี่ต่อไปก็จะมีแต่หัวเสียมากยิ่งขึ้น


เชี่ยตงหลายกำหมัดแน่นและเดินหันหลังออกไปจากที่นี่ ชายชราสองคนเองก็จ้องมองหลิงฮันทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินตามเชี่ยตงหลายไป


หลังจากนั้นไม่นานบรรยากาศภายในร้านอาหารก็กลับมาคึกครื้นอีกครั้ง แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ทำให้หลายคนพูดเสียงเบาลงมาก ในขณะที่พวกเขาพูด พวกเขาก็หันไปมองหลิงฮันเป็นครั้งคราว และคิดว่าชายหนุ่มคนนี้กล้าหาญมากที่กล้าเผชิญหน้ากับตระกูลเชี่ย


“อนิจจา โชคดีที่เจ้าหนุ่มคนนี้อยู่ในเมืองเขี้ยวหมาป่า เชี่ยตงหลายจึงไม่กล้าลงมือทำอะไร แต่เขาคิดจะซ่อนตัวอยู่ในเมืองเขี้ยวป่าหมาไปตลอดชีวิตหรือไม่?” ชายชราคนหนึ่งส่ายหัวและคิดว่าการกระทำของหลิงฮันนั้นไม่ค่อยฉลาดนัก


หลิงฮันไม่ได้มาที่นี่เพื่อกินและดื่ม แต่มาเมื่อรับข่าวสารปัจจุบัน เมื่อเขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ร้านอาหารนี้อีกต่อไป และเดินออกจากร้านไปที่โรงประมูล


อีกแค่สองวันเท่านั้นงานประมูลก็จะเริ่ม


โสมเฒ่าและเจ้ากระต่ายเป็นเหมือนกับปลาในน้ำ พวกมันเที่ยวเล่นอยู่ด้านนอกตลอดทั้งวันและยังไม่กลับมา แต่หลิงฮันก็ไม่ลังเล เพราะพวกมันทั้งสองตัวต่างก็มีความเร็วที่น่าทึ่ง เว้นแต่จอมยุทธระดับดาราจะเคลื่อนไหว มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับพวกมันได้


สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลิงฮันนำศิลาวิญญาณปฐพี เม็ดยาไปที่โรงประมูล แม้ก่อนหน้านี้เขาจะนำมาให้โรงประมูลแล้ว แต่มูลค่าของมันมากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงให้หลิงฮันเก็บไว้กับตัวแล้วค่อยนำมามอบให้ในวันประมูล


เขาเดินไปที่ประชาสัมพันธ์ภายในห้องโถงหลักและขอให้อีกฝ่ายติดต่อคนที่รับผิดชอบงานประมูลของตระกูลจิน แต่ระหว่างที่รอ เขาก็เห็นคนคุ้นเคย ถ้าไม่ใช่เชี่ยตงหลายแล้วจะเป็นใครได้?


ด้วยฐานะของเชี่ยตงหลายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะเข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้ สำหรับเขาแล้วผลึกศิลาวิญญาณปฐพีที่มีขนาดเท่าฝ่ามือนั้นมีค่ามากที่จะทำให้เขาทะลวงผ่านระดับดาราได้รวดเร็วขึ้น ดังนั้นเขาจะต้องประมูลมันมาให้ได้


“เจ้า?” เมื่อเชี่ยตงหลายสังเกตเห็นหลิงฮัน ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมนและพูดอย่างเย้ยหยันว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนโรงประมูลของตระกูลจินจะตกต่ำขนาดถึงให้หมาให้แมวเข้าร่วมงานประมูลเลยอย่างนั้นรึ?”


“นายน้อยเชี่ย ท่านพูดอะไร-” ถัดจากเชี่ยตงหลายคือสมาชิกตระกูลจิน เนื่องจากสถานะที่สูงส่งของเชี่ยตงหลาย โรงประมูลตระกูลจินจึงให้ความสำคัญกับเขาเป็นพิเศษและได้ส่งบุคคลสำคัญออกไปต้อนรับ


คนที่อยู่ด้านเขาคือจินซวน เขาเป็นคนที่ทะเยอทะยาน ดังนั้นเขาเลยเสนอตัวให้การต้อนรับเชี่ยตงหลาย ถ้าเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลเชี่ยได้ สถานะของเขาในตระกูลจินของเขาก็จะสูงขึ้นกลายเป็นเส้นตรง


“ข้าเกลียดเจ้าหมอนี่!” เชี่ยตงหลายชี้นิ้วใส่หลิงฮัน


“ข้าเข้าใจแล้ว!” จินซวนพยักหน้าและรีบพูดกับผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านซ้ายและด้านขวาว่า “นี่พวกเจ้ามัวทำอะไรอยู่ รีบโยนชายคนนี้ออกไปจากที่นี่ซะ!”


เขาไม่เคยเห็นหลิงฮันมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบว่าหลิงฮันเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่นำศิลาวิญญาณปฐพีมาประมูลที่นี่ มิฉะนั้นเขาคงไม่มีทางพูดแบบนั้นออกมา


แต่ตอนนี้ เขาได้ทำความผิดพลาดครั้งใหญ่ไปแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 1264

 

หลิงฮันเพียงแค่ยิ้มและพูดกับจินซวนว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง”


“หึ่ม นี่เจ้ากล้าข่มขู่ข้าอย่างนั้นรึ? เหลวไหลสิ้นดี!” จินซวนแสยะยิ้ม แต่เขาก็อดรู้สึกสงสัยไม่ได้ว่าทำไมจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นถึงกล้าพูดว่าเขาจะไม่เสียใจภายหลัง


“รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!” เขาโบกมือไล่หลิงฮัน


เชี่ยตงหลายแอบเยาะเย้ย เจ้าคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้านี่กล้าต่อสู้กับเขาอย่างนั้นรึ? ถึงก่อนหน้านี้ที่ร้านอาหารเขาจะไม่สามารถใช้สถานะข่มขู่อีกฝ่ายได้ แต่ตอนนี้เขาอยู่ภายในโรงประมูลที่แม้แต่ตระกูลจินยังต้องไว้หน้าเขา ทำให้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากสถานะได้


หลิงฮันไม่ขัดขืนแต่อย่างใด และถูกผู้คุ้มกันสองคนพาออกไปจากที่นี่


เมื่อครู่เขากำลังพูดคุยกับประชาสัมพันธ์ให้ติดต่อจินหมิง ซึ่งจินหมิงคือคนที่ดูแลที่นี่ คราวก่อนเมื่อหลิงฮันพูดว่าเขาต้องการประมูลศิลาวิญญาณปฐพี จินหมิงจึงเป็นคนรับรองเขาและให้ความสนใจเขาเป็นอย่างมาก


“นายน้อยเชี่ย โปรดเชิญทางนี้!” ท่าทางของจินหยวนนั้นสุภาพเป็นอย่างมาก ทั้งที่ความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลจินจะเหนือกว่าตระกูลเชี่ยที่แม้แต่ตระกูลจักรพรรดิก็ยังต้องหวาดกลัว แต่ตระกูลเชี่ยมีคนมากเกินไป ดังนั้นหากคนอย่างจินหยวนต้องการมีอำนาจในตระกูล เขาก็ต้องพึ่งพาขุมพลังภายนอก


ในทางกลับกัน เชี่ยตงหลายเป็นแค่ทายาทคนสำคัญของตระกูลเชี่ย เขาไม่ใช่จอมยุทธที่แข็งแกร่งจริงๆแต่อย่างใด ซึ่งถ้าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากตระกูลจินได้ มันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเขา


ดังนั้นทั้งสองฝ่ายต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน แต่สถานะของจินซวนนั้นต่ำต้อยกว่าเชี่ยตงหลายมาก ในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน มันเหมือนกับว่าจินซวนเป็นสุนัขรับใช้มากกว่าคนรับใช้


ด้วยการนำทางของจินซวน เชี่ยตงหลายก็เข้าไปนั่งในห้องส่วนตัวพร้อมกับจินซวน นี่แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการสร้างความสัมพันธ์ต่อกัน


ในขณะเดียวกัน เมื่อจินหมิงได้รับรายงานจากคนรับใช้ เขาก็รีบขอให้อีกฝ่ายพาไปหาหลิงฮันทันที แต่เมื่อเขามาถึงห้องโถงหลักและกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาก็ไม่พบร่องรอยของหลิงฮัน ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขาเริ่มร้อนรน หลังจากสอบถามผู้คนที่อยู่รอบข้าง มันก็ทำให้เขารู้ว่าหลิงฮันถูกขับไล่ออกไปจากที่นี่


เขาเลยรีบวิ่งออกไปดูที่ด้านนอกประตู และเห็นหลิงฮันกำลังนั่งดื่มชาอยู่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม เมื่อเห็นเช่นนั้นสีหน้าของจินหมิงก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาทันที เขากลัวว่าหลิงฮันจะจากไปแล้ว มิฉะนั้นการประมูลครั้งนี้คงกลายเป็นเรื่องตลก ดังนั้นเขาจึงส่งคนรับใช้เข้าไปหาหลิงฮัน


“นายน้อยฮัน งานประมูลกำลังจะเริ่้มต้นขึ้นแล้ว โปรดตามข้าน้อยเข้าด้านในด้วย” คนรับใช้ถาม


หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยพรางส่ายหัว จากนั้นเขาก็พูดว่า “ข้าถูกไล่ออกมา ถ้าข้ากลับเข้าไปในสภาพนี้มันจะไม่น่าอายหรอกหรือ?”


“นายน้อยท่านหมายถึงอะไร?” คนรับใช้ถาม หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ


“เรื่องนั้นง่ายมาก ให้คนที่ไล่ข้าออกมา ขอให้ข้ากลับไปข้างใน” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตาม เพราะข้าถูกขับไล่ออกมาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ข้าคงไม่มีหน้ากลับเข้าไปข้างในได้อีก”


“ขอรับ” คนรับใช้ไม่อาจตัดสินใจได้มากนัก หลังจากที่เขาทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เขาก็รีบวิ่งกลับไปรายงานจินหมิงทันที


ปัง!


จินหมิงทุบโต๊ะด้วยความโกรธเกรี้ยว หลายวันที่ผ่านมา นอกจากเขาจะตรวจสอบภูมิหลังของหลิงฮันแล้ว มันไม่ได้ทำให้เขารู้แค่ว่าหลิงฮันเป็นลูกค้ารายใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นนักปรุงยาระดับแปดอีกด้วย!


เนื่องจากเขาเป็นจอมยุทธระดับดารา แน่นอนว่าเขามองเห็นร่างกายที่เป็นเด็กน้อยของหลิงฮัน แต่เขาไม่คิดเลยว่าหลิงฮันจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ซึ่งบางทีเหตุผลที่ร่างกายของเขาเป็นเด็กน้อย บางทีอาจเป็นผลของเม็ดยาบางอย่าง


แล้วเรื่องนี้เองก็ทำให้เขาประหลาดใจมากเช่นกัน เม็ดยาที่ทำให้ร่างกายคืนความอ่อนเยาว์…เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน


แค่สถานะนักปรุงยาระดับแปดของหลิงฮัน จินหมิงก็ตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าจะปฏิบัติกับหลิงฮันเป็นอย่างดี การที่เขาสามารถเป็นนักปรุงยาระดับแปดด้วยอายุเพียงเท่านี้ อนาคตของเขาจะต้องไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน!


ทว่าจินซวน…เจ้ากล้าดียังไงถึงขับไล่แขกผู้มีเกียรติแบบนี้ออกไป


“ช่างโง่เขลาสิ้นดี!” จินหมิงกล่าว ซึ่งไม่แปลกเลยที่จินซวนไม่เคยได้เป็นผู้รับผิดชอบงานประมูลแม้แต่ครั้งเดียว คนอย่างเขามีแต่ทำให้ตระกูลจินสูญเสียชื่อเสียงและสนองความเห็นแก่ตัวของตัวเองเท่านั้น


“จินซวนอยู่ไหน?” จินหมิงถาม


“ในห้องส่วนตัวห้องที่เจ็ดขอรับ!” คนรับใช้รีบตอนกลับอย่างรวดเร็ว


จินหมิงลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ห้องส่วนตัวห้องที่เจ็ด


ปัง!


หลังจากเดินมาถึง จินหมิงไม่พูดพร่ำทำเพลงและผลักประตูเข้าไปทันที


“เจ้าเป็น- จินหมิง!” จินซวนกำลังจะตะโกนถาม แต่เมื่อหันไปแล้วเขาก็พบคนที่มีอำนาจสูงสุดของที่นี่ เขารีบลุกยืนแสดงความเคารพทันที ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นคนตระกูลจินเหมือนกัน แต่สถานะของเขานั้นต่ำต้อยมาก ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นจอมยุทธระดับดารา ขณะที่เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทรา


“มากับข้า!” จินหมิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ต่อหน้าคนนอกเขาไม่กล้าดุด่าจินซวนโดยตรงเพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของตระกูลจิน


จินซวนรู้สึกสับสน มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?


“ผู้อาวุโสจินหมิง ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ?” เชี่ยตงหลายถามด้วยความสับสนว่าเพราะอะไรจินหมิงถึงเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาระหว่างเขากับจินซวน


จินหมิงเหลือบมองและพูดว่า “นี่เป็นเรื่องภายในตระกูล นายน้อยเชี่ยได้โปรดอย่าเข้ามายุ่ง!” เขาเป็นจอมยุทธระดับดาราและพลังอำนาจของตระกูลจินสามารถเทียบกับตระกูลจักรพรรดิได้เลย แน่นอนว่าเชี่ยตงหลายไม่อาจปฏิเสธคำพูดของจินหมิงได้


ถึงจะถูกพูดเช่นนั้น แต่สีหน้าของเชี่ยตงหลายก็ไม่เปลี่ยน เขามีคุณสมบัติทำให้จอมยุทธระดับดาราไม่พอใจได้หรือไม่?


“เจ้ายังไม่ตามข้ามาอีกรึ?” จินหมิงกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชากว่าเดิม


ครั้งนี้จินซวนไม่กล้าขัดขืนและเดินตามจินหมิงไปอย่างเชื่อฟัง พวกเขาเดินลงบันไดเพื่อเดินออกไปด้านนอกโรงประมูล


“ผู้อาวุโสจินหมิง นี่พวกเรากำลังจะเดินไปที่ไหนอย่างนั้นหรือ?” จินซวนถามอย่างระมัดระวัง


จินหมิงไม่ตอบคำถาม และพาจินซวนออกไปข้างนอกไปที่ร้านน้ำชาฝั่งตรงข้ามถนนที่หลิงฮันกำลังนั่งดื่มชาอยู่


เมื่อจินซวนเห็นแวบแรก เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า หรือจะเป็นเพราะเจ้าเด็กคนนี้?


มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง!


เขาคิดอยู่ในใจ ตามที่เขาตรวจสอบมาผู้คนที่เข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้ไม่มีใครมีภูมิหลังที่สูงส่งกว่าเชี่ยตงหลาย ดังนั้นในเมื่ออีกฝ่ายมีความขัดแย้งกับเชี่ยตงหลาย เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลจินแล้วเป็นธรรมดาที่เขาจะเลือกเชี่ยตงหลายและขับไล่เด็กคนนี้ออกไป


แล้วมันเพราะอะไรกันล่ะ?


“นายน้อยฮัน!” จินหมิงเดินเข้ามาหาหลิงฮันด้วยรอยยิ้มพร้อมกับโค้งคำนับ แม้ว่าตัวตนของอีกฝ่ายจะไม่สามารถเทียบกับจอมยุทธระดับดาราได้ แต่เมื่อคำนึงถึงอายุของอีกฝ่ายแล้ว เขาจึงตัดสินใจที่จะปฏิบัติกับหลิงฮันเป็นอย่างดี


พรวด!


จินซวนแทบสำลัก เมื่อเห็นท่าทางที่จินหมิงปฏิบัติต่อหลิงฮัน

 

 

 


ตอนที่ 1265

 

นายน้อยฮัน!


จินหมิงเรียกรุ่นเยาว์ผู้นี้ว่านายน้อยอย่างนั้นรึ!


รู้รึเปล่าว่าขนาดกับเชี่ยตงหลาย จินหมิงยังเรียกอีกฝ่ายว่าทายาทเขี่ยห้วนๆ เขาไม่แยแสอีกฝ่ายแม้แต่น้อย แต่ต่อหน้าหลิงฮันจินหมิงกับมีน่าทีอ่อนน้อมเรียกอีกฝ่ายว่านายน้อยฮัน การที่ต้องไว้หน้าหลิงฮันขนาดนั้นมันหมายถึงอะไร?


เขาไม่รู้ว่าทำไมจินหมิงต้องมีท่าทีสุภาพขนาดนั้น แถมแถมไม่เพียงจินหมิงต้องการให้เขาขอโทษหลิงฮันแต่ยังจะให้เขาร้องขอให้อีกฝ่ายกลับเข้าไปยังงานประมูลด้วย


เขานึกถึงตอนที่หลิงฮันกล่าวว่า ‘ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง’ ขึ้นมาทันที เขานึกว่านั่นเป็นเพียงคำดูถูกเฉยๆ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเสียใจจริงๆ


รุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นใครกันแน่ ทำไมจินหมิงถึงให้ความสำคัญขนาดนี้?


“ผู้อาวุโสจิน!” หลิงฮันลุกขึ้นยืนทันที อีกฝ่ายเป็นถึงตัวตนระดับดารา หากเขายังนั่งอยู่คงเป็นการกระทำที่จองหองเกินไป


จินหมิงพยักหน้าและกล่าว “ชายชรารู้สึกผิดจริงๆที่ไม่สามารถดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีจนเขาไปทำให้นายน้อยฮันเสียความรู้สึก”


“ฮ่าๆๆ” หลิงฮันยิ้มและมองไปยังจินซวน “เขาคือใครรึ?”


ใบหน้าของจินซวนกระตุกทันที เขาเพิ่งไล่เจ้าออกมาเมื่อครู่ เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะไม่รู้จักข้า? เห็นได้ชัดว่าหลิงฮันต้องการสร้างความลำบากให้กับเขา


ถ้าจินหมิงไม่อยู่ข้างๆ เกรงว่าเขาคงลงมือตบหน้าอีกฝ่ายไปแล้ว ส่วนตัวแล้วเขานั้นบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดมาเป็นเวลามากกว่าสองล้านปีแล้ว ในความคิดของเขาการกำราบจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นย่อมไม่ใช่เรื่องยากลำบาก


แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงระงับอารมณ์เอาไว้ด้วยสีหน้ามืดมนและฟังที่จินหมิงสั่ง


“จินซวน เจ้ายังไม่กล่าวขอโทษนายน้อยฮันอีกรึ!” จินหมิงกล่าวเสียงเบา


จินซวนไม่พอใจอย่างมากก่อนจะเอ่ยถาม “ข้าขอถามท่านจินหมิงว่าข้าทำอะไรผิดงั้นรึ?” หากยอมขอโทษง่ายๆเขาก็ต้องเสียหน้าไม่ใช่รึไง?


ถึงแม้สถานะของจินหมิงจะสูงกว่าเขา แต่เขาเองก็เป็นคนของตระกูลจินเช่นกัน ดังนั้นจึงสามารถขัดขืนคำสั่งที่ไร้เหตุผลได้


“ฮึ่ม!” จินหมิงเค้นเสียง เขาอยากจะตบหน้าเจ้าตัวโง่งมตรงหน้าซักที นอกจากจะทำประโยชน์อะไรไม่ได้แล้วเจ้ายังไม่รู้จักมองการไกลอีก? “นายน้อยฮันคือคนที่เสนอศิลาวิญญาณปฐพีเข้าประมูล!”


ว่าไงนะ!


จินซวนตกตะลึง นี่น่ะรึเหตุผลที่จินหมิงให้ความสำคัญต่อหลิงฮันขนาดนั้น ที่แท้เขาก็เป็นลูกค้าคนสำคัญนี่เอง เหตุผลที่ว่าทำไมการประมูลครั้งนี้ถึงได้ใหญ่โตขนาดนี้ก็เป็นเพราะมีศิลาวิญญาณปฐพีขนาดเท่าฝ่ามือถูกลงประมูล


ยิ่งศิลาวิญญาณปฐพีมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ภายในศิลาก็จะยิ่งสมบูรณ์และง่ายต่อการเข้าความเข้าใจ


ดังนั้นต่อให้นำศิลาวิญญาณปฐพีก้อนเล็กสิบก้อนมารวมกันก็ยังมีค่าน้อยกว่าศิลาก้อนใหญ่หลายสิบเท่า


เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเพียงคนนำของมาขายเท่านั้น จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเขามากขนาดนั้นเลยรึไง? ที่พบเจอศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่ขนาดนั้นเป้นเพราะดวงดีเท่านั้น


“ยังไม่ขอโทษอีก!” จินหมิงเริ่มจะหมดความอดทนและเกิดความคิดที่จะนำตัวเจ้าโง่ตัวนี่กลับตระกูลไปซะ หากปล่อยคนเช่นนี้เผ่นผ่านไปทั่วมีแต่จะทำให้ชื่อเสียงของโรงประมูลเสื่อมเสียไม่ได้ทำประโยชน์อะไรขึ้นมา


ใบหน้าของจินซวนเปลี่ยนเป็นสีแดงอมเขียวและสุดท้ายก็ยินยอม “ที่เสียมารยาทไปเมื่อครู่ ขอให้นายน้อยฮันยกโทษให้ข้าด้วย!”


ถ้าหลิงฮันโกรธแล้วยกเลิกการประมูลศิลาวิญญาณปฐพีขึ้นมา ตระกูลจินจะต้องตกเป็นขี้ปากของใครหลายคนอย่างไม่ต้องสงสัย ในฐานะคนที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนั้นเขาคงหนีไม่พ้นการลงโทษจากตระกูล


เพราะงั้นหลักจากไตร่ตรองดีๆแล้วเขาจึงเลือกที่จะขอโทษ


หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ข้าไม่รู้จักเจ้า”


จินซวนโมโหทันที สิ่งที่หลิงฮันต้องการจะสื่อเขาเข้าใจได้ไม่ยาก นั่นคืออีกฝ่ายไม่รับคำขอโทษจากเขานั่นเอง เจ้าเป็นเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นเจ้ามีสิทธิ์อะไร?


จินหมิงกล่าว “จินซวน ถ้านักปรุงยาระดับแปดถูกเจ้าขับไล่ออกมา เจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายหายโกรธเคือง?”


จินซวนชะงักกับคำพูดของจินหมิง หลิงฮันคือนักปรุงยาระดับแปดงั้นรึ? อายุของรุ่นเยาว์ผู้นี้ยังไงก็ไม่เกินหนึ่งพันปีแน่ๆ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเป็นอัจฉริยะทั้งศาสตร์แห่งวรยุทธกับปรุงยา


ทักษะปรุงยาจะสามารถพัฒนาได้ด้วยวิธีใด? นักปรุงยาจะต้องฝึกฝนสั่งสมประสบการณ์ผ่านการปรุงยาจริงๆ มันไม่เหมือนกับศาสตร์แห่งวรยุทธที่สามารถยกระดับผ่านการกินเม็ดยา


นักปรุงยาระดับแปดที่อายุน้อยกว่าพันปี? นี่มันเรื่องตลกชัดๆ!


“เจ้าคิดว่าข้าจะล้อเจ้าเล่นงั้นรึ?” จินหมิงเค้นเสียง ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้เขาจะให้ความสำคัญกับหลิงฮันขนาดนี้รึไง?


ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคนนำศิลามาขาย สถานะของจอมยุทธระดับดารากับสุริยันจันทราก็ยังกว้างใหญ่ราวกับสวรรค์และปฐพีอยู่ดี


จิตใจของจินซวนสั่นสะท้าน หลิงฮันเป็นนักปรุงยาระดับแปดจริงๆรึ?


สีหน้าของเขาซีดเผือด นี่เขาขับไล่นักปรุงยาระดับแปดงั้นรึเนี่ย… ถ้าข่าวนี้รั่วไหลออกไปเขาจะต้องถูกถลกหนังแน่!


นักปรุงยาเป็นกลุ่มคนที่นับถือกันและกัน หากล่วงเกินนักปรุงยาเพียงคนเดียวโดยไร้เหตุผลก็ถือว่าล่วงเกินนักปรุงยาทั้งสมาคม


หากนักปรุงยาทุกคนไม่ต้องการขายเม็ดยาให้กับโรงประมูลจินหยวนแล้วล่ะก็ ตระกูลจินจะขาดทุนอย่างมหาศาล และเขาที่เป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นก็จะถูกตระกูลลงโทษสถานหนัก


เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกจนขาอ่อนทันที “นายน้อยฮัน ดวงตาสุนัขของข้าไม่ดีเอง ทุกอย่างเป็นความผิดของข้า นายน้อยได้โปรดให้อภัยข้าด้วย!”


เขาก้มหัวงกๆและร้องให้ออกมาไม่หยุด


จินหมิงโกรธจนแทบอยากจะตบบหน้าเจ้าโง่ตัวนี้ เขาให้จินซวยขอโทษก็จริง แต่ไม่ได้หมายถึงให้ทำขนาดนี้! เจ้าช่างไร้ยางอายนัก ที่เจ้ากำลังทำไม่ใช่ทำให้เจ้าเสียหน้าคนเดียวแต่เป็นทั้งตระกูลจิน!


หมอนี่โง่เกินจะเยียวยาแล้ว เห็นทีคงให้อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้


“โอ้ ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง!” หลิงฮันปรบมือราวกับว่าเพิ่งจำได้ว่าจินซวนเป็นใคร


จินซวนปาดเหงื่อบนโล่งอกโดยที่ไม่รู้ว่าจินหมิงตัดสินใจลงโทษขั้นเด็ดขาดกับเขาแล้ว อีกไม่นานเขาจะถูกส่งกลับตระกูลจินและห้ามออกจากตระกูลไปชั่วชีวิต


“เชิญนายน้อยฮัน!” จินหมิงคร้านจะหงุดหงิดอีกต่อไปและยิ้มไปยังหลิงฮัน


“เชิญผู้อาวุโสนำทาง!” หลิงฮันกล่าวอย่างสุภาพ


ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันเข้าไปยังโรงประมูล หลิงฮันจงใจเดินตามหลังอีกฝ่ายครึ่งก้าวเพื่อแสดงความเคารพต่อตัวตนระดับดาราซึ่งทำให้จิงหมิงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก รุ่นเยาว์ผู้นี้ไม่เพียงไม่มีนิสัยหยิ่งยโสและยังรู้จักวางตัวด้วย


จินซวนเดินตามทั้งสองอยู่ด้านหลัง เขาต้องการจะสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกันหลิงฮันจึงพยายามประจบประแจ ในความคิดของเขา หากตีสนิทกับหลิงฮันที่มีเป็นนักปรุงยาระดับแปดได้สถานะของเขาจะต้องทะยานสูงแน่นอน

 

 

 


ตอนที่ 1266

 

อย่างไรก็ตาม จินหมิงคือคนที่มีอำนาจมากที่สุดของที่นี่อยู่ดี เมื่อเขาเห็นว่าหลิงฮันไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขาก็ขอรับศิลาวิญญาณปฐพีและเดินจากไป โดยให้จินซวนเป็นคนรับหน้าที่คอยดูแลหลิงฮันแทน


“นายน้อยฮัน โปรดเชิญทางด้านนี้!” จินซวนกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและให้การต้อนรับหลิงฮันเป็นอย่างดีจนถึงห้องส่วนตัวชั้นที่สาม


ในโรงประมูลของตระกูลจิน ห้องส่วนตัวจะถูกแบ่งออกเป็นสองระดับ คือระดับสวรรค์และระดับปฐพี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วห้องระดับสวรรค์มักจะว่างอยู่ตลอดเวลา เพราะมีเพียงแค่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์นั่งภายในห้องนี้


จินซวนพาหลิงฮันไปห้องส่วนตัวชั้นเดียวกับเชี่ยตงหลายที่เป็นห้องระดับปฐพี นี่แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขาให้ความสำคัญกับหลิงฮันเป็นอย่างมาก


เอี๊ยด!


ทันใดนั้นเองประตูห้องส่วนตัวก็เปิดออก ชายหนุ่มที่หล่อเหลาคนหนึ่งก็เดินออกมา นั่นคือเชี่ยตงหลาย


เมื่อเขาเห็นจินซวนและหลิงฮันเดินมาด้วยกัน ฉากตรงหน้าที่เขาเห็น มันทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก


เกิดอะไรขึ้น?


มิใช่ว่าเจ้าเด็กนี่ถูกขับไล่ออกไปแล้วมิใช่หรือ? แล้วทำไมมันถึงมายืนอยู่ที่นี่อีก? ยิ่งไปกว่านั้น จากท่าทางของจินซวนแล้วดูเหมือนว่าจะขอให้เจ้าเด็กนี่กลับมาด้วยตัวเอง


ฟ่อ!


เจ้าคนหน้าไหว้หลังหลอก เมื่อครู่เจ้าเพิ่งพูดว่าพวกเราเป็นมิตรสหายกันมิใช่รึ? เจ้าคนไร้ยางอาย!


สีหน้าของเชี่ยตงหลายดูมืดมนขึ้นมาทันที เขาเค้นเสียงและพูดว่า “พี่ชายจิน ข้าต้องการคำอธิบาย!”


จินซวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาก็ไม่อยากจะมีปัญหากับเชี่ยตงหลาย!


แต่หลิงฮันกับเชี่ยตงหลายนั้นเป็นศัตรูกัน ถ้าเขาสามารถเลือกได้ เขาก็อยากเป็นคนกลางและสร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าทำเช่นนั้นมันอาจทำให้เขาคว้าน้ำเหลว เขากัดฟันแน่นและจ้องมองไปที่เชี่ยตงหลาย


“ฮ่าฮ่าฮ่า ทายาทเชี่ย ท่านต้องการคำอธิบายอะไรอย่างนั้นหรือ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งขัน


ทายาทเชี่ย?


คิ้วของเชี่ยตงหลายกระดกขึ้นเล็กน้อย และแบ่งเส้นกั้นระหว่างเขากับจินซวนทันที เจ้าต้องการแบบนั้นใช่ไหม? ย่อมได้!


ถึงเขาจะรู้สึกโกรธ แต่ก็อยากรู้เหตุผล เพราะจินซวนไม่มีทางเปลี่ยนข้างโดยไม่มีเหตุผล คนที่ทะเยอทะยานอย่างจินซวนจะเปลี่ยนข้างก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายสามารถสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองได้มากกว่าเท่านั้น หากเป็นอย่างที่เขาคิด หรือว่าหลิงฮันจะมีดีกว่าเขา?


เจ้าเด็กนี่มีอะไรดี? มันจะมีอำนาจเหนือกว่าเขาที่เป็นหลายชายของแม่ทัพเชี่ยได้อย่างไร?


เชี่ยตงหลายจ้องมองไปที่หลิงฮันอย่างระมัดระวัง การที่เขาได้รับความสนใจจากตระกูลเชี่ยได้นั้นไม่ได้เป็นเพราะพรสวรรค์ของเขาเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความฉลาดหลักแหลมด้วย


“เจ้าเป็นใคร?” เชี่ยตงหลายถาม


จินซวนเป็นฝ่ายตอบคำถามแทนว่า “เขาผู้นี้คือนายน้อยฮันและนักปรุงยาระดับแปด!” แค่หลิงฮันนำศิลาวิญญาณปฐพีมาประมูลก็ถือว่าเขาเป็นลูกค้ารายใหญ่แล้ว แต่ถ้าเขามีสถานะเป็นนักปรุงยาระดับแปดด้วย สถานะของเขาก็จะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง


“หืม?” สีหน้าของเชี่ยตงหลายเปลี่ยนไปเล็กน้อย นักปรุงยาระดับแปดเยาว์วัยขนาดนี้เลย?


มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จินซวนจะย้ายข้าง แต่อีกฝ่ายหรือไม่ว่าเขาไม่ได้เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์เท่านั้น แต่ยังเป็นทายาทของแม่ทัพเชี่ยด้วย?


นั่นหมายความว่าเขามีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง!


อย่างไรก็ตาม ชื่อหลิงฮันทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก?


“ฮ่าฮ่าฮ่า ที่แท้เจ้าก็เป็นนักปรุงยานี่เอง” เชี่ยตงหลายแสยะยิ้ม แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรหลิงฮันอีก เพราะถ้าเขารุกรานนักปรุงยาคนหนึ่ง มันก็จะเท่ากับว่าเขาได้รุกรานนักปรุงยาทุกคน


“สุนัขที่ดีไม่ควรยืนขวางทางเดิน” หลิงฮันพูดอย่างไม่แยแส


เชี่ยตงหลายถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อครู่เจ้าพูดว่าข้าเป็นสุนัขอย่างนั้นเรอะ?


แต่มันเป็นความจริงที่เขายืนขวางทางหลิงฮัน มันไม่ผิดที่จะพูดแบบนั้น แต่เขาควรเลือกใช้คำเรียกให้มันดีกว่านี้หน่อย


“ปรมาจารย์หลิงสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลศิลาวิญญาณปฐพีใช่หรือไม่?” เชี่ยตงหลายตัดสินใจไม่มีปัญหากับหลิงฮันเพราะสถานะนักปรุงยาของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก มันคงจะดีกว่าที่จะไม่มีปัญหากับอีกฝ่ายในที่สาธารณะ


การที่นักปรุงยาระดับแปดมาที่โรงประมูลของตระกูลจินในวันนี้ อีกฝ่ายจะต้องมาเพื่อประมูลศิลาวิญญาณปฐพีขนาดเท่าฝ่ามืออย่างแน่นอน เพราะมันคือสมบัติที่จะช่วยให้เกิดการรู้แจ้ง!


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”


“ฮ่าฮ่าฮ่า หากเจ้ามาเพื่อประมูลศิลาวิญญาณปฐพีแล้วล่ะก็ เจ้าคงต้องกลับไปมือเปล่า!” เชี่ยตงหลายกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่อย่างน้อยเจ้าก็ต้องมีความมั่งคั่งมากกว่าข้า!”


ตอนนี้เขาสามารถต่อสู้กับหลิงฮันด้วยวิธีการนี้วิธีเดียวเท่านั้น


พรวด!


จินซวนเกือบหลุดหัวเราะออกมาและรีบใช้มือปิดปากของตัวเองทันที อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าศิลาวิญญาณปฐพีที่มีขนาดเท่าฝ่ามือที่ถูกนำมาประมูลนั้นเป็นของหลิงฮัน และยิ่งเจ้าใช้จ่ายเงินไปมากเท่าไหร่ หลิงฮันก็จะยิ่งได้รับเงินมากขึ้นเท่านั้น


หลิงฮันดูนิ่งเฉยและพูดว่า “เรื่องนั้นไม่จำเป็น นกโง่อย่างเจ้า เจ้าแน่ใจหรือว่ามีเงินมากพอที่จะซื้อมัน?”


นกโง่?


ใบหน้าของเชี่ยตกหลายกระตุก เมื่อครู่ด่าเขายืนขวางทางเหมือนสุนัข แล้วตอนนี้ยังเรียกเขาว่านกโง่อีก เจ้าเด็กนี่น่าเกลียดชังยิ่งนัก! เจ้าอยู่ในเมืองเขี้ยวหมาป่าเจ้าอาจปลอดภัย แต่เมื่อใดที่เจ้าออกไปจากที่นี่ล่ะก็…หึหึ…มันจะเป็นเวลาตายของเจ้า!


เชี่ยตงหลายตัดสินใจเอาไว้ว่าหลังจากที่เขาได้รับศิลาวิญญาณปฐพีแล้ว เขาจะกลับมาต่อสู้กับเจ้าเด็กสารเลวคนนี้


เมื่อคิดเช่นนั้น เขาก็เดินกลับเข้าไปในห้องและปล่อยให้หลิงฮันเดินผ่าน


หลังจากที่หลิงฮันเดินผ่านประตูห้องของเชี่ยตงหลาย เขาก็พูดประโยคหนึ่งทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “เลือกที่จะถอยถือเป็นสุนัขที่ฉลาด”


เจ้า!


เชี่ยตงหลายเกือบจะชักกระบี่ออกมา แต่โชคดีที่ภายในห้องมีชายชราสองคนห้ามเขาเอาไว้ มิฉะนั้นเขาอาจพลั้งมือไปแล้ว


แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าจะต้องสังหารหลิงฮันให้ได้!


เชี่ยตงหลายกล่าวในใจ หลังจากที่กลับไปเมืองจักรพรรดิ เขาจะเข้าไปขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพเชี่ยและหาหนทางพาสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะกลับมา ยัยผู้หญิงสำส่อนนั้นกล้ามากที่หลบหนีการแต่งงาน หึ่ม! แล้วพวกเจ้าจะได้เห็นดีกันว่าข้าและตระกูลเชี่ยจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร!

 

 

 


ตอนที่ 1267

 

หลิงฮันเข้าไปในห้องโดยมีจินซวนเดินตามเข้ามา อีกฝ่ายพยายามชวนเขาคุยเรื่องต่างๆ


ในศาสตร์แห่งวรยุทธ ถึงแม้จินซวนจะมีระดับพลังที่สูงกว่า แต่ด้วยการที่หลิงฮันเป็นนักปรุงยาการรู้แจ้งถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์จึงเหนือกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า จินซวนนั้นเพื่อ


หลิงฮันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยโดยที่จงใจทำท่าทีไม่สนใจ คนประเภทจินซวนนั้นเป็นคนที่คบหาผู้อื่นเพื่อหวังผลประโยชน์ อีกฝ่ายพูดพล่ามไม่หยุดด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าคนที่อยู่ห้องส่วนตัวห้องอื่นก็คงได้ยิน


“น่ารำคาญ!” เสียงอันเย็นชาดังขึ้น มือขาวงามดั่งหยกปรากฏขึ้นมากลางอากาศที่ว่างเปล่าและกระแทกเข้าใส่จินซวน


‘เพี๊ยะ’ เสียงตบดังขึ้นและจินซวนสงบปากสงบคำทันที


ปากของเขาเม้มสนิทเข้าหากัน ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความตกตะลึงจากการถูกตบเมื่อครู่


ต้องรู้ก่อนว่าเขานั้นเป็นถึงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด แต่อีกฝ่ายนั้นแม้ไม่ปรากฏตัวก็สามารถตบหน้าเขาได้โดยที่เขาไม่สามารถตอบโต้ทันเลย ถ้าอีกฝ่ายคิดจะสังหารเขาคงไม่ใช่เรื่องยาก


ยิ่งกว่านั้น นางที่ลงมือโดยไม่เผยตัวย่อมไม่มีหลักฐานว่านางเป็นคนลงมือฆ่าเขา


ที่เรียกอีกฝ่ายว่านางนั้นเป็นเพราะฝ่ามือที่ขาวเนียนเมื่อครู่เป็นหลักฐานว่าอีกฝ่ายคือสตรีอย่างแน่นอน


หลิงฮันเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่ามือนั่นมาจากที่ไหน มือที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่มือของจริงแต่เกิดจากการควบแน่นปราณก่อเกิดของปรมาจารย์ อีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดจัดการจอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้อย่างง่ายดาย


ต้องเป็นระดับดาราเป็นอย่างน้อย!


หลิงฮันลองเทียบความแข็งแกร่งของปรมาจารย์เมื่อครู่กับจักรพรรดินีแห่งดารา แต่เมื่อตระหนักได้ว่าพลังของทั้งสองคนต่างเหนือกว่าเขาหลายขุม เขาจะไปรับรู้ได้อย่างไรว่าใครแข็งแกร่งกว่า?


ยิ่งกว่านั้นปรมาจารย์คนนี้ยังควบคุมพลังปราณได้อย่างเชี่ยวชาญ หลังจากใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าแล้วปราณก่อเกิดก็สลายไปทันทีโดยไม่เหลือร่องรอยใดๆ หากอีกฝ่ายคิดจะลงมือสังหารจริงๆนางคงทำได้ง่ายๆและไม่มีใครจับได้


ถ้าอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับดารา เป็นไปได้ว่านางจะมีพลังระดับดาราขั้นกลางเป็นอย่างน้อย ที่คิดเช่นนั้นเพราะการที่นางกล้าลงมือในโรงประมูลจินหยวนซึ่งเป็นอาณาเขตของตัวตนระดับดาราอย่างจินหมิง นางก็สมควรจะมีระดับพลังบ่มเพาะที่เหนือกว่าเจ้าถิ่น


จินซวนที่ถูกตบ หลังจากแน่นิ่งตกตะลึงไปชั่วขณะเขาก็ตัดสินใจไม่ไปรายงานเรื่องนี้กับจินหมิง เขานั่งลงที่เก้าอี้อย่างมึนๆราวกับคนไร้สติ


หลิงฮันมีความสุขขึ้นทันใด ในที่สุดเขาก็จะได้อยู่เงียบๆเสียที


เขากำลังคิดว่าจะมีวิธีไหนไหมที่จะฝังร่างของเชี่ยตงหลายเอาไว้ที่สนามรบสองดินแดนตลอดการ


ผ่านไปสักพักการประมูลก็เริ่มขึ้น


ในเมื่อมันเป็นงานประมูลครั้งใหญ่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการประมูลสินค้าเพียงชิ้นเดียว ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่จะถูกประมูลท้ายสุด ก่อนหน้านั้นจะเป็นการประมูลสินค้าอื่นๆเช่นเม็ดยา แร่โลหะ อุปกรณ์มิติหรือทักษะบ่มเพาะ


สิ่งของที่ถูกนำมาประมูลทุกคนล้วนแต่ราคาแพงหูฉีก มีของบางอย่างที่ทำให้จิตใจของหลิงฮันสั่นคลอน แต่เมื่อคิดว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการยกระดับให้กับดาบอสูรนิรันดร์ เขาก็ระงับความอยากเอาไว้และตัดสินใจทำให้ดาบอสูรนิรันดร์กลายเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเป็นอันดับแรก


ตัวเขาใกล้จะทะลวงผ่านขั้นกลางแล้ว หากมีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ระดับใกล้เคียงกับตนเองจะทำให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น


เม็ดยาที่เขาส่งไปประมูลถูกประมูลไปแล้ว เม็ดยาเหล่านั้นค่อนข้างสร้างเสียงฮือฮาได้พอสมควรเนื่องจากคุณภาพอันยอดเยี่ยมของพวกมัน หากเทียบกับเม็ดยาชนิดเดียวกันแล้วผลลัพธ์จากเม็ดยาของเขานั้นมีประสิทธิ์ภาพสูงกว่าถึงสอง สามหรือห้าส่วนเลยทีเดียว


เพราะมัวแต่นึกถึงแต่ศิลาวิญญาณปฐพี หลิงฮันจึงลืมไปเลยกว่าการขายเม็ดยาเหล่านี้ก็ทำกำไรให้เขาได้อย่างมหาศาลเช่นกัน


เมื่อการประมูลผ่านมาครึ่งทางแล้ว ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนเล็กก็ตรงนำมาประมูลก่อน


หลังจากการแย่งชิงอย่างดุเดือด ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนเล็กก็ถูกประมูลไปที่ราคาสี่ล้านผลึกก่อเกิด นับว่าเกินกว่าที่คิดมาก โดยปกติแล้วศิลาวิญญาณปฐพีขนาดเท่านี้สามารถขายได้ราวๆสี่ล้านผลึกก่อเกิดเท่านั้น


แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าทรัพยากรอย่างศิลาวิญญาณปฐพีนั้นไม่ได้มีราคาตลาด ดังนั้นหากมีการแข่งขันแย่งชิงกันซื้อ ราคาย่อมสูงกว่าปกติเป็นธรรมดา


หลังจากอุ่นเครื่องเสร็จทุกคนก็คาดเดาได้ว่าศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่จะต้องมีการแย่งชิงที่ดุเดือดกว่านี้แน่นอน


เห็นว่าศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่นั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือซึ่งใหญ่กว่าก้อนนี้อย่างน้อยสิบเท่า


ใหญ่กว่าสิบเท่าราคาก็ต้องแพงกว่าอย่างน้อยสิบเท่า อย่างที่รู้กันว่ายิ่งศิลาวิญญาณปฐพีมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพีภายในนั้นก็จะยิ่งสมบูรณ์


ราคาของมันสมควรอยู่ที่ราวๆสามถึงสี่ร้อยล้านผลึกก่อเกิด!


หลังจากราคาจำนวนนี้ผุดขึ้นในหัว ใครหลายคนก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ทันที ช่างเป็นราคาที่สูงลิบลิ่วจริงๆ


หลิงฮันคาดหวังเอาไว้มาก เพื่อที่จะยกระดับดาบอสูรนิรันดร์เขาจำเป็นต้องใช้แร่โลหะจำนวนมหาศาล และเพื่อที่จะซื้อแร่โลหะเหล่านั้นผลึกก่อเกิดจึงเป็นสิ่งจำเป็น


เวลาผ่านไปอย่างช้าๆและการประมูลก็มาถึงจุดสุดท้าย ในที่สุดศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่ก็ถูกนำออกมา


“สิบล้าน!”


“ยี่สิบล้าน!”


ทันทีที่ศิลาวิญญาณปฐพีปรากฏออกมา ทุกคนก็แย่งประมูลกันอย่างดุเดือด ราคาของมันทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าราคาในตอนนี้ยังเป็นเพียงการเกริ่นราคาเท่านั้น ยังห่างไกลกับราคาที่ทุกคนคิดเอาไว้


หลังจากที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นถึงสองร้อยล้าน จำนวนของผู้แย่งประมูลก็น้อยลงไปกว่าครึ่ง แต่ตราบใดที่ยังเหลือคนสองคนที่ไม่ยอมแพ้ให้กัน ราคาก็จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป


หลิงฮันพึงพอใจเป็นอย่างมาก ราคาที่เขาคาดหวังเอาไว้คือสองร้อยล้าน ตอนนี้แค่มีคนประมูลเพิ่มขึ้นอีกสักครั้งเขาก็ดีใจแล้ว


เพียงแต่ว่าหลังจากที่ราคาสูงไปอีก จำนวนผู้ประมูลก็ยิ่งลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อผ่านการแย่งชิงไปสักพักราคาของศิลาวิญญาณปฐพีก็ทะลุถึงหลักสามร้อยล้าน


คือเกือบจะเป็นราคาสุดท้ายของศิลาวิญญาณปฐพีก้อนนี้แล้ว


“สามร้อยสิบล้าน!” ในห้องรับรองส่วนตัว เสียงอันหยิ่งทะนงของเชี่ยตงหลายก็ดังออกมา

 

 

 


ตอนที่ 1268

 

หลังจากราคาเพิ่งขึ้นถึงสามร้อยล้านเชี่ยตงหลายก็จงใจเพิ่มจำนวนสิบล้านเข้าไป เขากล่าวราคาด้วยเสียงที่ราวกับเป็นผู้ชนะ


เชี่ยตงหลายเป็นคนหยิ่งทะนงในตัวเองอยู่แล้ว คนจนๆเหล่านี้มีคุณสมบัติจะมาแย่งชิงกันเขาด้วยรึ?


เขาเป็นทายาทของตระกูลเชี่ยที่มั่งคั่ง แถมไม่กี่วันก่อนเขาได้นำกองทัพบุกไปทำลายรังโจรแห่งหนึ่งอีกด้วยทำให้เขาในตอนนี้ร่ำรวยเป็นอย่างมาก หลังจากที่ขายของต่างๆที่ยึดมา ผลึกก่อเกิดที่เขาครอบครองก็มีถึงเกือบๆสี่ร้อยล้านผลึก!


ดูเหมือนว่าพระเจ้ากำลังเข้าข้างเขาอยู่ การมาสนามรบสองดินแดนครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะได้นำตัวสตรีที่หลบหนีการแต่งงานกลับไปแต่ยังได้พบกับศิลาวิญญาณปฐพีขนาดเท่าฝ่ามือโดยไม่คาดฝันอีกด้วย


ด้วยพรสวรรค์ของเขา หากดูดซับศิลาวิญญาณปฐพีก้อนนี้โอกาสที่จะทะลวงผ่านระดับดาราจากสามส่วนก็จะเพิ่มเป็นเก้าส่วนกว่าๆเกือบสิบส่วน


แน่นอนว่าการขัดเกลาระดับพลังให้บรรลุขั้นสมบูรณ์นั้นยากลำบากกว่าทะลวงผ่านระดับใหญ่เสียอีก


การขัดเกลาระดับพลังให้บรรลุขั้นสมบูรณ์นั้นบางทีต่อให้มีศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่ก็อาจจะล้มเหลว ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดนั้นและตัดสินใจทะลวงผ่านระดับดาราดีกว่า


เพราะอย่างไรแม้จะเป็นในดาวหยุนติ่งแห่งนี้ จำนวนของจอมยุทธระดับดาราก็ยังน้อยอยู่ดี หลังจากบรรลุระดับนี้แล้วสามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์และไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ล้วนแต่ได้รับความเคารพ


แน่นอนว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเขาชนะการประมูลศิลาวิญญาณปฐพี


แต่เขามั่นใจว่าผลึกก่อเกิดจำนวนเกือบสี่ร้อยล้านี้จะต้องเพียงพอให้เขาเป้นผู้ชนะแน่นอน


“สามร้อยสามสิบล้าน!” เสียงของสตรีดังขึ้น แม้เสียงของนางจะไม่ดังมากแต่ก็ก้องกังวาลไปถึงหูของทุกคน


ทุกคนตะลึงทันที นางเป็นใครกัน เหตุใดถึงได้มั่งคั่งขนาดเพิ่มราคาทีเดียวสิบล้านผลึก? เทียบกับเชี่ยตงหลายแล้วนางดูร่ำรวยกว่ามาก


ทั้งหลิงฮันและจินซวนชะงัก


เสียงของสตรีผู้นี้คือสตรีที่ตบหน้าจินหยวน


ในการประมูลครั้งก่อนๆนางไม่ได้ร่วมแย่งชิงใดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเปิดปากเสนอราคา ดูเหมือนว่าจุดประสงค์ที่นางมาที่นี่ก็เพื่อศิลาวิญญาณปฐพีก้อนนี้ แต่ก็แปลกมาก… แม้จะสามารถได้ยินเสียงของนางอย่างชัดเจนแต่กลับไม่สามารถสัมผัสได้ว่าต้นตอของเสียงมาจากที่ใด


“สามร้อยสามสิบล้าน!!” เชี่ยตงหลายเต้นเสียงและเสนอราคาเพิ่ม


เขารู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้ เมื่อครู่เขาเพิ่งเพิ่มราคาให้สูงรวดเดียวเพื่อทำให้ทุกนตะลึงได้แต่ๆ แต่เหตุใดจู่ๆถึงมีคนเสนอราคาที่สูงกว่าเขาได้อีก? อีกเพิ่มราคาครั้งเดียวสูงขึ้นยี่สิบล้านผลึก…


“สามร้อยห้าสิบล้าน” สตรีผู้นั้นกล่าวอย่างไม่แยแส


“สามร้อยห้าสิบห้าล้าน!” เชี่ยตงหลายกัดฟัน เขาเสนอราคาออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด จะให้เขายอมแพ้งั้นรึ? ฝันไปเถอะ แต่ถ้าหากไม่ได้ศิลาวิญญาณปฐพีมาครอง ความหวังที่จะบรรลุขั้นสมบูรณ์คงกลายเป็นศูนย์ และการคาดการที่จะทะลวงผ่านระดับดาราก็ต้องล่าช้าไปหลายพันหลายหมื่นปี


ไม่มีทาง ข้าต้องเอามันมาให้ได้!


“สามร้อยเจ็ดสิบล้าน” สตรีผู้นั้นยังคงไม่สะทกสะท้าน


“สามร้อยเก้าสิบล้าน!” เชี่ยตงหลายคำรามเสียงดัง นี่เป็นราคาสูงสุดที่เขาจะเสนอได้ ถ้าอีกฝ่ายยังเพิ่มราคาขึ้นอีกเขาคงต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้


แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องชนะดังนั้นจึงได้กล่าวบางอย่างเพิ่มเติม “ข้าคือหลานของแม่ทัพเชี่ย ช่วยเห็นแก่หน้าของแม่ทัพเชี่ยสักครั้งแล้วข้าจะตอบแทนเจ้า!”


นี่เป็นคำข่มขู่ หากอีกฝ่ายยังกล้าประมูลต่อจะถือว่าเป็นศัตรู!


“น่าขัน เชี่ยเฉียนไม่นับเป็นอันใดในสายตาข้า แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไร?” เมื่อเสียงอันเย็นชาถูกกล่าวออกมา มือที่ขาวดังหยกก็ปรากฏขึ้นและตบเข้าที่ใบหน้าของเชี่ยตงหลาย


“ชักไม่ดีแล้ว!” เมื่อข้ารับใช้เฒ่าสองคนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนสีและพุ่งไปทันที พวกเขาต้องการจะป้องกันฝ่ามือนั่นให้กับเชี่ยตงหลาย แต่พวกเขายังไม่ทันได้เคลื่อนไหวก็ถูกแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวกระแทกเข้าใส่ ‘ปัง ปัง’ ทั้งสองคนลอยกระเด็นทันที


เชี่ยตงหลายตะลึง มันช้าไปแล้วที่จะป้องกันฝ่ามือที่พุ่งเข้ามา ‘เพี๊ยะ’ ใบหน้าของเขาถูกตบอย่างรุนแรงจนร่างกระแทกลงกับพื้น ร่างของเขาทะลุจากห้องชั้นสามลงไปยังห้องชั้นล่างสุดของโรงประมูล


“ใครกล้าสร้างความวุ่นวายในโรงประมูลจินหยวนของข้า?” จินหมิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดและพุ่งไปยังชั้นสามด้วยจิตสังหาร แต่หลังจากที่เขาขึ้นไปเสียงตะโกนก็เงียบลงเปลี่ยนเป็นเสียงอันสุภาพของแทน “ขอรับ ไม่มีปัญหาขอรับ ฮะๆๆ เชิญท่านอาวุโสสนุกกันการประมูลต่อ!”


เสียงอันสุภาพนั่นดังออกมาจากชั้นสี่ จินหมิงเดินออกจากห้องนั้นมาด้วยท่าทีโค้งคำนับ ใบหน้าของเขาท่วมไปด้วยเม็ดเหงื่อ


ชั้นสี่!


ห้องส่วนตัวชั้นสูงสุด… ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์!


ไม่น่าแปลกในที่สตรีลึกลับผู้นั้นกล้ากล่าวว่าเชี่ยเฉียนไม่ได้อยู่ในสายตาของนาง ที่แท้นางก็เป็นจอมยุทธที่มีระดับพลังระดับเดียวกัน


เชี่ยตงหลายรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ในเมื่อเจ้าเป็นปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ เหตุใดเจ้าไม่แสดงตัวตนของเจ้าออกมา ถ้าข้ารู้ว่าเสียงของเจ้ามาจากชั้นสี่ข้าคงไม่กล้าแย่งชิงกับเจ้า


นอกจากจะทำตัวเองเสียหน้าแล้วเขายังต้องไปขอโทษอีกฝ่ายด้วย ทำไมน่ะรึ? เพราะเขาไปล่วงเกินตัวตนระดับระดับวารีนิรันดร์ไงล่ะ…


“ดำเนินการประมูลต่อได้” จินหมิงประกาศโดยไม่หันมองเชี่ยตงหลาย


แม้การประมูลจะดำเนินต่อๆแต่ใครจะกล้าเสนอราคาแข่งกับปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์? ยิ่งกว่านั้นราคาในตอนนี้ก็สูงเกินกว่าที่หลายคนจะจ่ายไหวแล้ว


สตรีลึกลับผู้นั้นเพิ่มราคาอีกครั้งเป็นสี่ร้อยล้านผลึกและไม่มีใครแย่งชิงกับนางทำให้นางเป็นผู้ชนะประมูล


หลังจากการประมูลสิ้นสุด ผู้ที่ประมูลสินค้าจะต้องไปส่งมอบผลึกก่อเกิดที่ด้านหลังเวทีประมูลเพื่อรับมอบสินค้า


หลิงฮันไม่ได้ประมูลอะไร แต่เขาเป็นผู้นำของลงประมูลในครั้งนี้เขาจึงต้องไปที่หลังเวทีประมูลเพิ่มรับเงิน


เนื่องจากจำนวนผลึกนั้นมหาศาลและต้องรอให้สตรีลึกลับผู้นั้นไปส่งมอบผลึกก่อเกิดเสียก่อน ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้คือรอคอยเท่านั้น


ผ่านไปครู่หนึ่งกลิ่นหอมก็ลอยมาตามลม สตรีงดงามสวมเกราะเต็มด้วยเดินใกล้เข้ามา รูปลักษณ์ของนางดูมีอายุราวๆสามสิบปีต้นๆ นางเป็นสตรีงามที่มีเสน่ห์ของผู้ใหญ่อย่างที่เด็กๆสาวๆไม่สามารถเทียบได้


ด้านหลังของนางมีเชี่ยตงหลายเดินก้มหัวคอตกเดินตามมา


“ธิดาซื่อเยว่!” เมื่อทุกคนเห็นนาง ไม่มีใครเลยที่กล้ามองร่างกายอันยั่วยวนของนาง


หลิงฮันเข้าใจทันที ที่แท้สตรีผู้นี้ก็เป็นธิดาซื่อเยว่ที่ล่ำลือ นางคือผู้นำทัพของกองทัพจันทราม่วง!


เจ้าโง่เชี่ยวตงหลายนั่นกล้าประมูลแย่งชิงและพูดจาข่มขู่นาง ช่างเป็นกระทำที่โง่งมเสียจริง


เมื่อเชี่ยงตงหลายเห็นหลิงฮัน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง


ก่อนหน้านี้เขาโม้เสียดีว่าจะชนะการประมูลศิลาวิญญาณปฐพี แต่สุดท้ายกลับแพ้แถมยังไปล่วงเกินธิดาซื่อเยว่อีก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องทำให้นางยกโทษให้ได้ ไม่เช่นนั้นหากเรื่องนี้ถึงหูตระกูลเชี่ยเขาคงจบสิ้นแน่


เขาต้องถูกหลิงหันมาเห็นในสภาพเช่นนี้!


ช่างขายหน้ายิ่งนัก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)