Alchemy Emperor of the Divine Dao 1255-1261
ตอนที่ 1255
เพลิงนิรันดร์?
ด้วยกายหยาบของหลิงฮันในตอนนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงเพลิงนิรันดร์อะไรนั่นเลย หากมีเวลามากพอ ต่อให้เป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ระดับหกก็สามารถหลอมร่างของเขาได้ในเวลาครึ่งปี หากเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดแค่สิบวันหรือครึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว
และถ้าเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด เก้า หรือสิบ… เกรงว่าร่างของเขาคงกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
ส่วนเพลิงนิรันดร์น่ะรึ?… เหอๆ
นี่มันการฆ่าตัวตายชัดๆ!
อย่าว่าแต่เขาในตอนนี้มีพลังบ่มเพาะแค่ระดับสุริยันจันทราเลย… ต่อให้เขาบรรลุระดับดาราแล้วคิดว่าเขาจะต่อต้านเพลิงนิรันดร์ได้งั้นรึ?
“เป็นอะไร? กลัวงั้นรึ?” หอคอยน้อยไม่ได้เร่งเร้าหลิงฮัน.
ใบหน้าหลิงฮันกระตุกและกล่าว “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าจะกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้จริงๆ?”
หอคอยน้อยกล่าว “หากเป็นโลกภายนอก ไม่ต้องเป็นเพลิงนิรันดร์ก็ได้ แค่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดเจ้าก็กลายเป็นเศษขี้เถ้าในพริบตาแล้ว แต่ในหอคอยทมิฬนี้เจ้าจะสามารถคงสภาพวิญญาณเอาไว้ได้ หากเจ้าสามารถโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์และเข้าใจหลักการของการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้สำเร็จ เจ้าจะสามารถสร้างกายหยาบขึ้นมาใหม่”
หอคอยน้อยแน่นิ่งไปชั่วครู่ “และถึงแม้วิญญาณของเจ้าจะเกิดการการหลอมรวมวิญญาณสองดวงเข้าด้วยกัน หากไม่มีกายหยาบก็ยังเป็นอันตรายอยู่ดี มีเพียงกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านเท่านั้นถึงจะสร้างร่างใหม่ของเจ้าขึ้นมาและผสานกับวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์”
หลิงฮันกัดฟัน เขากระโดดเข้าไปในเตาหลอมและโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์
ตูม!
เมื่อร่างของเขาสัมผัสกับเปลวเพลิงในเตา ร่างทั้งร่างของเขาก็สลายจนไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่านในพริบตาโดยไม่มีเวลาให้ต่อต้านแม้แต่วินาทีเดียว เปลวเพลิงในเตาคือเพลิงนิรันดร์ ระดับของมันสูงเกินกว่าจะจินตนาการได้ ต่อให้เป็นเซียนหวู่เซียงในช่วงก่อนตาย ต่อหน้าเพลิงนิรันดร์นี้จุดจบของเขาก็คงไม่ต่างกับหลิงฮัน
หากเป็นปกติเขาก็ควรจะตายไปแล้ว แต่ในหอคอยทมิฬที่เขาเป็นผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งเขาจึงคงสภาพวิญญาณเอาไว้ได้
แต่ถึงแม้จะบอกว่าคงสภาพเอาไว้ได้ก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้นไม่ใช่วิญญาณที่สมบูรณ์
หลิงฮันรู้สึกราวกับย้อนไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนที่ร่างของเขาถูกหอคอยทมิฬบดขยี้จนเหลือแต่วิญญาณ เขาต้องทำความเข้าใจทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เป็นพันปีถึงจะได้เกิดใหม่
สถานการณ์ในตอนนี้กับตอนนั้นคล้ายกันพอสมควร เขาสูญเสียกายหยาบไปและไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้ ตอนนี้ความร้อนของเพลิงนิรันดร์ทำให้เขาเจ็บปวดจนอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของเขาคืออยากรีบๆตายไปซะความเจ็บปวดจะได้หายไป
เขาต้องการลบล้างความคิดนี้ทิ้งไป แต่เพลิงนิรันดร์ที่เผาไหม้วิญญาณเขาของอยู่ในความเจ็บปวดรุนแรงยิ่งขึ้นจนสติของเขาเลือนลาง
ก่อนหน้านี้เขาพบเจอกับความเจ็บปวดมามากมายก็จริง แต่ทั้งหมดนั่นเป็นความเจ็บปวดที่เกิดกับร่างกายไม่ใช่วิญญาณ
ความมุ่งมั่นของเขาค่อยๆค่อยอ่อนแอลงเรื่อยๆ พลังชีวิตในวิญญาณก็ค่อยๆลดลง
หากปล่อยไว้เช่นนี้เขาคงร่วงกล่นสู่ความตาย
“ไม่!”
เขากล่าวอย่างไม่ยินยอม บ่มเพาะพลังมาตั้งหลายปี เขาจะมาตายไม่ได้เด็ดขาด!
เขายังมีญาติ สหาย ภรรยาอยู่ แถมเขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาของลูกตัวเองเลยสักครั้ง แม้แต่หลับนอนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เขาก็ยังไม่ได้ทำ! ยิ่งกว่านั้นเขายังมีภารกิจต้องทำลายห้านิกายโบราณกับแก้แค้นนักฆ่าลึกลับที่โจมตีเขาในอวกาศอีก
เรื่องที่อยากทำยังมีมากมายขนาดนี้ เขาจะตายได้อย่างไร?
ความเด็ดเดี่ยวปะทุขึ้นในจิตใจของเขา หลิงฮันปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่และโคจรทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์อย่างต่อเนื่อง แม้กายหยาบจะหายไปแล้วแต่วิญญาณของเขายังคงอยู่
หลิงฮันโคจรทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์นับครั้งไม่ถ้วน จิตวิญญาณที่ค่อยมอดไหม้ก็กลับมามั่นคง
แต่ถึงแม้วิญญาณของเขาจะคงภาพเอาไว้ได้แล้วก็ไม่ความว่าความเจ็บปวดจะหายไป กลับกันด้วยซ้ำ ยิ่งเขาพยายามยืดชีวิตเท่าไหร่ความเจ็บปวดก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้น
‘กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน’
คำพูดจอวหอคอยน้อยแวบบเข้ามาในหัวหลิงฮัน ห้ามต่อต้านเปลวเพลิวแต่ใช้เปลวเพลิวช่วยในการทำความเข้าใจหลักการของกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน
โดยปกติแล้วเวลาโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์นอกจากการฟื้นฟูบาดแผลแล้วเขาก็ไม่รู้สึกถึงอะไรอื่น แต่ภายใต้การเผาไหม้ของเพลิงนิรันดร์ หลิงฮันตระหนักรู้แจ้งได้ถึงอะไรบางอย่าง
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
แม้การถูกเผ้าไหม้โดยเพลิงนิรันดร์จำทำให้รู้สึกเจ็บปวดทรมาน แต่นั่นก็ทำให้เขาสัมผัสได้ว่าความรู้สึกหลังจากตายไปแล้วเป็นอย่างไร
แต่แน่นอนว่าเพียงเท่านี้ยังไม่พอ เขาต้องรู้แจ้งให้ลึกซึ้งยิ่งกว่านี้ถึงจะเข้าใจหลักการของกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน
อักขระสีทองของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ค่อยๆหมุนวนอยู่ในวิญญาณของเขา อักขระเหล่านั้นเริ่มบิดเบี้ยวผิดรูปทรงจนสุดท้ายมันแปรเปลี่ยนรูปร่างของหัวนกอมตะสวรรค์ ไม่สิ ไม่ใช่นกอมตะสวรรค์แต่เป็นวิหคเพลิงอมตะ
หรือเพลิงนิรันดร์ในเตาหลอมนี้จะเป็นเพลิงของวิหคเพลิงอมตะ?
หากนี่ไม่ใช่เพลิงของวิหคเพลิงอมตะเขาจะสามารถรู้แจ้งถึงหลักการของกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านซึ่งเป็นทักษะลับของวิหคเพลิงอมตะได้อย่างไร?
‘คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์หยิบยืมส่วนหนึ่งของทักษะลับของวิหคเพลิงอมตะมาประยุกต์ใช้’
เมื่อคำพูดนี้ผุดขึ้นมา จิตใจของหลิงฮันก็เริ่มสงบลง
เขามีความมั่นใจในความสามารถในการเรียนรู้ของตนเอง แถมที่นี่ก็ยังเป็นในหอคอยทมิฬเขาจะต้องรู้แจ้งหลักการของการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้สำเร็จแน่นอน
เวลาค่อยๆไหลผ่านไป หนึ่งวัน สองวัน สามวัน…
สิบเอ็ดวันต่อมา จู่ๆก็มีจุดแสงเงาเล็กๆลอยขึ้นมาจากเตาหลอม
หอคอยน้อยมีท่าทีตื่นเต้นทันที ร่างของมันสั่นสะทานไม่หยุด แต่เนื่องจากร่างของมันเป็นหอคอยที่ไม่มีหน้าตาทำให้ไม่สามารถมองออกว่ามันกำลังตื่นเต้นขนาดไหน มันรีบลงมือควบคุมหอคอยทมิฬทันที ‘พรึบ’ ฝาเตาหลอมถูกปิดพร้อมกับเปลวเพลิงที่ปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้าก็ได้หายไป
หลังจากจุดแสงเงาเล็กๆนั่นลอยอยู่ชั่วครู่มันก็ตกลงมาที่พื้นจนเป็นเกิดเป็นรูเป็นรูปทรงทารก
ใช่แล้วทารกที่ว่าคือหลิงฮัน!
เขาทำสำเร็จ
หลิงฮันรู้แจ้งถึงหลักการของกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดพลาด เพราะว่าโดยปกจิแล้วกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านจะให้กำเนิดร่างกายใหม่ด้วยรูปลักษณ์เดิมไม่ใช่ทารกแบบนี้!
“ฮ่าๆๆๆ!” หอคอยน้อยอดกลั้นไม่ไหวและหัวเราะลั่น
ตอนที่ 1256
กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านคือทักษะลึกลับประจำตัวของเผ่าวิหคเพลิงอมตะ มีเพียงวิหคเพลิงอมตะที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดเท่านั้นถึงจะสามารถฟื้นคืนชีพโดยการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้
แน่นอนว่าหลิงฮันยังห่างไกลกับวิหคเพลิงอมตะที่แท้จริง
แต่เนื่องจากที่นี่คือหอคอยทมิฬที่เขาเป็นผู้กำหนดทุกสิ่ง เมื่อเขาเข้าใจความลึกลับบางส่วนของคัมภีร์สวรรค์ได้เขาจึงกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้สำเร็จ
แต่ปัญหาก็คือเขายังไม่เข้าใจหลักการของกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านอย่างสมบูรณ์ เขาจึงเกิดใหม่ด้วยร่างกายของทารก
“บัดซบ เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?” หลิงฮันมองไปยังแขนและขาอันเล็กจิ๋วของตัวเอง
พลังต่อสู้กับพลังบ่มเพาะของเขายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ปัญหาก็คือร่างกายในของเขาตอนนี้ที่กลายเป็นเด็กทารก
ไม่รู้ว่าหลิงฮันน้อยของเขาจะยังใช้งานได้อยู่รึเปล่า…
โชคดีที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ไปยังดินแดนแห่งเซียนแล้ว ไม่งั้นแล้วพวกนางจะไม่ร้องไห้ตรอมใจตายเลยรึไง?
หลิงฮันกล่าวอย่างบูดบึ้ง “หอคอยน้อย ข้าจะกลับคืนร่างเดิมได้อย่างไร?”
“ง่ายมาก เมื่อเวลาผ่านไปอีกสิบเจ็ดสิบแปดปี ร่างของเจ้าก็เติบโตจนเหมือนเดิมเอง” หอคอยน้อยกล่าว แต่คงเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะไม่สังเกตว่าน้ำเสียงของมันกำลังกลั้นหัวเราะอยู่
บัดซบ แม้แต่หอคอยก็ยังหัวเราะใส่เขา เห็นได้ชัดว่าสภาพของหลิงฮันตอนนี้น่าอนาถขนาดไหน
แม้ในหอคอยทมิฬจะมีเสื้อผ้าเก็บไว้มากมายแต่ไม่มีแม้แต่ตัวเดียวที่หลิงฮันสามารถสวมได้พอดี เขาต้องฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆและนำมาคลุมร่างเอาไว้ก่อน “ไม่มีหนทางอื่นเลยรึ?”
“มีแน่นอน!” ครั้งนี้หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ร่างกายของเจ้ากลายเป็นทารกก็เพราะเจ้ายังไม่รู้แจ้งถึงการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านอย่างถ่องแท้ เพราะงั้นแล้วตราบที่เจ้าเข้าใจหลักการของมันอย่างแท้จริงเจ้าก็จะคืนร่างกลับเป็นเหมือนเดิมได้”
หลิงฮันรู้สึกโล่งใจและกล่าว “งั้นก็เปิดฝาเตาเลย ข้าจะขัดเกลาร่างกายเดี๋ยวนี้”
“ไม่ได้!” หอคอยน้อยส่ายหน้า “ด้วยสภาพของหอคอยทมิฬในตอนนี้จำเป็นต้องรอเวลาสามเดือนเจ้าถึงจะขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์ได้อีกครั้ง การขัดเกลาครั้งแรกนี้ใช้เวลาเกินกว่าที่ข้าคาดเอาไว้ทำให้การซ่อมแซมหอคอยทมิฬล้าช้าไปอย่างน้อยสามแสนปี!”
ใบหน้าของหลิงฮันกลายเป็นหน้าเกลียดทันที “เจ้าหมายความว่าข้าต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปอีกสามเดือน?”
“สามเดือนเป็นแค่การคาดการณ์ในกรณีที่เจ้าใช้เวลาสั้นที่สุด ถ้าหากครั้งต่อไปเจ้ายังไม่สามารถเข้าใจหลักการณ์ได้อย่างถ่องแท้อีกครั้งเจ้าก็ยังกลับร่างเดิมไม่ได้” หอคอยน้อยกล่าว “ข้าไม่ได้จะดูถูกเจ้านะ แต่ด้วยความสามารถของเจ้าเกรงว่าเจ้าคงต้องผ่านการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านอย่างน้อยร้อยครั้งเจ้าถึงจะทำความเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์”
“ถ้าหากเป็นเช่นนั้น… มันก็ยังต้องใช้เวลาสิบเจ็บถึงสิบแปดปีอยู่ดี สุดท้ายเจ้าก็ต้องรอไปก่อนถึงจะคืนร่างเดิมได้”
เมื่อกล่าวประโยคสุดท้ายจบ หอคอยน้อยก็หัวเราะลั่น
จบสิ้นแล้ว ศักดิ์ศรีที่ข้าสั่งสมมาจบสิ้นแล้ว!
ถ้าหากยังไม่ได้มาพบกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์หลิงฮันก็คงไม่รังเกียจที่จะรอคอยสิบเจ็ดถึงสิบแปดปีให้ร่างกายเติบโตไปเอง เพราะอย่างไรบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระยะเวลาแค่นั้นก็ไม่นับว่ายาวนานอะไร
แต่ตอนนี้เขาพบหน้ากับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์แล้ว ถ้าเขาไม่ปรากฏตัวให้นางเห็นเลยตั้งสิบเจ็ดสิบแปดปี สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์จะต้องเป็นกังวลแน่นอน บางทีนางอาจจะคิดว่าเขาเสียชีวิตในสนามรบสองดินแดนแห่งนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
หลิงฮันโคจรปราณก่อเกิด ‘พรึบ’ ร่างของเขาค่อยขนาดใหญ่ เมื่อบรรลุระดับพระเจ้าแล้วการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของร่างกายนั้นเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย ภายในพริบตาร่างของก็กลับเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรร่างนี้ก็ยังเป็นเพียงของปลอม หากพบเจอกับจอมยุทธที่ระดับพลังสูงกว่าเขาอีกฝ่ายก็สามารถมองเห็นร่างกายที่แท้จริงของเขาได้
โชคดีที่ถึงแม้ระดับพลังของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์จะสูงกว่าเขาแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่
“เม็ดยา… เข้าต้องกินเม็ดยาเพื่อยกระดับพลังให้บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดให้เร็วที่สุด!” หลิงฮันโอดครวญ
เขานำเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งออกมายัดเข้าปากและนั่งลงใต้ต้นสังสารวัฏ
ตอนนี้ร่างของเขาถูกสร้างขึ้นมาใหม่ พิษของเสียในร่างจึงไม่ลงเหลืออยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงกินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้อีกครั้ง
เขามอบเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งให้เจ้ากระต่ายกินเช่นกัน อีกฝ่ายบรรลุระดับสุริยันจันทราแล้ว แถมที่นี่ยังเป็นภายในหอคอยทมิฬที่เขาสามารถช่วยเหลือเจ้ากระต่ายได้หากมันทนรับความรุนแรงของเม็ดยาไม่ไหว
โสมเฒ่ารู้สึกอิจฉา ตัวมันยังไม่ก้าวเข้าสู้ระดับสุริยันจันทราจึงไม่สามารถกินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้ ไม่เช่นนั้นร่างของมันคงระเบิดตาย
แต่การบ่มเพาะพลังของมันก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ดีเนื่องจากในหอคอยทมิฬมีต้นสังสารวัฏ
“พรวด!” เซียนหวู่เซียงที่ลอยอยู่บนก้านของต้นสังสารวัฏเมื่อเห็นหลิงฮันก็หัวเราะลั่นออกมา
เจ้ากระต่ายกับโสมเฒ่ามองไม่ให้การแปลงโฉมของหลิงฮันพวกมันจึงไม่เจ้าใจว่าเซียนหวู่เซียงตลกอะไร
“พี่ชาย ท่านหัวเราะอะไรรึ?” เจ้ากระต่ายสงสัย เมื่อมันรู้ว่าบอลแสงวิญญาณก้อนนี้คือเซียนมันจึงมีท่าทีนับถืออีกฝ่ายเป็นธรรมดา ถ้าหากในอนาคตมันมีเซียนเป็นสหาย ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มันก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวนอน
“ห้ามพูด!” หลิงฮันหงุดหงิด เมื่อรู้ว่ายังมีดินแดนแห่งเซียนที่อยู่เหนือขึ้นไปอีก ความเลื่อมใสในตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งของเขาจึงลดลง
“อยู่เงียบกันด้วย ข้าจะบ่มเพาะพลัง!” หลิงฮันกล่าวและนั่งลงเพื่อดูดซับเม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง
ในขณะที่กำลังดูดซับเม็ดยาเขาได้พบว่าครั้งนี้แตกต่างกับครั้งก่อน
ครั้งแรกที่เขาดูดซับเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งนั้นร่างของเขาแทบจะระเบิด แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่ากายหยาบของเขาจะมีความสามารถในการต้านทานที่สูงยิ่งขึ้น
นั่นหมายความว่าหลังจากการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน กายหยาบของเขาได้พัฒนาขึ้น
“อ้ากกก” ในขณะเดียวกันเจ้ากระต่ายได้ร้องโอดครวญออกมา มันกินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเข้าไปเช่นกัน ต่อให้หอคอยน้อยควบคุมหอคอยทมิฬเอาไว้ไม่ให้ร่างของเจ้ากระต่ายระเบิดตาย แต่ความเจ็บปวดที่เกินขึ้นก็ยังยากจะทนไหวอยู่ดี
หลิงฮันไม่ร้องโอดครวญแม้แต่นิดเดียว เขาเคยกินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งมาก่อนแล้วแถมกายหยาบของเขาก็ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมทำให้อดทนได้ดีขึ้น
พลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง และด้วยต้นสังสารวัฏความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขาก็สูงขึ้นตามมาติดๆ
สามวันถัดมาจู่ๆหลิงฮันก็ลืมตาขึ้น
ระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นปลาย!
ยอดเยี่ยม… นอกจากที่ร่างกายของเขาถูกย่อส่วนแล้ว ทุกอย่างทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก
“เห้อ!” หลิงฮันถอนหายใจ เขายังไม่คุ้นชินกับมือและเท้าที่เล็กจิ๋วเช่นนี้เสียที
“แถมดูเหมือนว่าส่วนนั้นก็ถูกย่อขนาดลงไปด้วย” หลิงฮันก้มมองน้องชายของตน “หากมีสตรีมายั่วยวนข้าตรงหน้า ข้าจะสามารถพิชิตพวกนางได้อย่างไร?”
เขาถอนหายใจและตัดสินใจออกไปด้านนอก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องรออีกสามเดือนถึงจะขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์ได้อีกครั้ง
“อะไรกัน เหตุใดข้าถึงดวงดีขนาดนี้?” ทันทีที่ออกจากหอคอยทมิฬ หลิงฮันก็มองเห็นผลึกหินขนาดเท่าฝ่ามือตกอยู่ที่พื้นด้านหน้าตัวเขา
นี่คือ… ศิลาวิญญาณปฐพี!
ตอนที่ 1257
หลิงฮันฟังคำอธิบายเกี่ยวกับศิลาวิญญาณปฐพีจากเจ้ากระต่ายมาอย่างละเอียดแล้ว ดังนั้นเขาจึงบอกได้ทันทีว่านี่คือศิลาวิญญาณปฐพีเพียงแค่เหลือบมอง ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีขนาดเท่าฝ่ามือ
โดยทั่วไปแล้ว แค่ได้เจอศิลาวิญญาณปฐพีขนาดเท่านิ้วมือก็ถือว่าโชคดีแล้ว และถ้าเจอขนาดเท่ากับไข่ถือว่าโชคดีมาก แต่ศิลาวิญญาณปฐพีที่เขาเจอมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ แม้แต่จอมยุทธระดับดาราก็ยังต้องหวั่นไหว
“ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่ยืนอยู่ตรงนั้นและหยิบมันขึ้นมา แต่รีบออกไปจากที่นี่ทันที!” ทันใดนั้นเสียงของใครบางคนก็ดังเข้ามาในหูของหลิงฮัน ซึ่งแฝงไปด้วยความหนาวเย็นและจิตสังหารที่รุนแรง
หลังจากที่หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ เขากวาดสายตามองหาต้นตอของเสียงและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลและกำลังจ้องมองศิลาวิญญาณปฐพีที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ทำไมข้าถึงหยิบมันขึ้นมาไม่ได้?”
“เพราะนั่นคือสิ่งที่ข้ากำลังตามหาอยู่ และถ้าเจ้าต้องการต่อสู้กับข้า คนที่ตายจะไม่ใช่ข้าแต่เป็นเจ้า!” ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา
“โอ้ว นี่เจ้าคิดจะปล้นข้าอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันถาม
ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะอย่างเหยียดหยามและพูดว่า “ศิลาวิญญาณปฐพีไม่มีใครเป็นเจ้าของจนกว่าจะตกอยู่ในมือของคนใดคนหนึ่ง แล้วจะพูดว่าข้าปล้นเจ้าได้อย่างไร?”
หลิงฮันก้มลงไปเก็บศิลาวิญญาณปฐพีที่อยู่บนพื้นขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้มันอยู่ในมือของข้าแล้ว ข้าควรทำยังไงดี?”
ปากของชายหนุ่มคนนั้นกระตุก นี่ถือเป็นการยั่วยุเขาอย่างตั้งใจหรือไม่? เขาพูดว่า “จงบอกชื่อแซ่ของเจ้ามา อย่างน้อยเจ้าจะได้ไม่ตายอย่างไร้นามเมื่อถูกสังหารด้วยกระบี่ของข้า!”
ชายหนุ่มคนนี้ดูน่าสนใจอยู่เล็กน้อย
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “แซ่ของข้าคือหนี่ นามว่าป้า”
“หนี่ป้า?” ชายหนุ่มพึมพัม ราวกับเหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหน แต่หลังจากที่เขาพึมพัมอยู่หลายครั้ง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที หนี่ป้าที่เจ้าพูดถึงหมายถึงพ่อของข้าอย่างนั้นรึ?
เจ้านี่กล้าเล่นคำกับข้าอย่างนั้นรึ!
“ก็ดี ข้าหยางจุนจะเป็นคนสังหารเจ้าเอง!” ชายหนุ่มปลดปล่อยจิตสังหารและกระโจนเข้าหาหลิงฮัน
หลิงฮันเก็บศิลาวิญญาณปฐพีและพูดว่า “ข้าแค่หยอกล้อเจ้าเล่น ทำไมเจ้าต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย?”
ฉัวะ!
แสงกระบี่พุ่งตรงเข้าหาหลิงฮัน ความสำเร็จวิถีกระบี่ของชายหนุ่มคนนี้ถือว่าไม่ธรรมดา หลังจากที่ฟาดฟันกระบี่หลายครั้งก็เกิดรอยแตกของอากาศปรากฏขึ้น
หลิงฮันรีบใช้ทักษะย่างก้าวไล่ตามดารา ร่างของเขาหายแวบหายไปอย่างรวดเร็วและหลบการโจมตีเมื่อครู่ด้วยความเร็วสูง
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกตกตะลึง ทักษะลับของวิหคเพลิงอมตะไม่เพียงแค่ทำให้เขากำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านเท่านั้น แต่ยังทำให้เขามีความเร็วเพิ่มขึ้นด้วย แต่น่าเสียดายที่คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เน้นไปที่การขัดเกลากายหยาบและจิตวิญญาณ มิใช่ความเร็ว
หยานจุนแปลกใจ ความเร็วของอีกฝ่ายค่อนข้างรวดเร็วมาก
เขาเค้นเสียงและพูดว่า “ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงกล้าต่อสู้กับข้า แต่การต่อสู้มันยังไม่จบ!”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ที่นี่สนามรบสองดินแดน ข้าไม่อยากฆ่าเจ้าให้ตายอย่างสูญเปล่า อย่างน้อยเจ้าก็เป็นจอมยุทธที่ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตจากดินแดนใต้พิภพ แต่ถ้าเจ้าไม่รู้ว่าต้องทำอะไร เช่นนั้นข้าจะเป็นคนส่งเจ้าไปเอง”
หยานจุนหัวเราะและพูดว่า “เจ้าแค่หลบกระบี่ของข้าได้ครั้งเดียวก็กล้าพูดจาใหญ่โตขนาดนี้ น่าขันสิ้นดี!”
หลิงฮันเองก็ส่งเสียงหัวเราะและพูดว่า “หรือว่าถ้าเสือตัวนี้ไม่ส่งเสียงร้องคำราม เจ้าจะคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยหรือไม่?”
หยานจุนตั้งท่าและมีแสงสว่างปรากฏออกมาจากร่างกายของเขา เขายกกระบี่ลอยขึ้นสูงและมันก็ส่งเสียงหึ่งๆออกมาราวกับมีชีวิต
หลิงฮันรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะปล่อยการโจมตีระลอกใหญ่ออกมา แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปขัดขวางและเตรียมรับมือ
– หยางจุนเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูง ซึ่งเหนือกว่าหลิงฮันเล็กน้อย ถ้าหลิงฮันเอาชนะไม่ได้ เขาก็คงพ่ายแพ้ตั้งแต่กระบวนท่าแรกแล้ว
“เจ้าเป็นคนที่บ้าบิ่นจริงๆ!” หยานจุนกล่าว หลังจากที่ดูดซับพลังจนเพียงพอ กระบี่ในมือของเขาก็ปลดปล่อยแสงสีดำออกมา ซึ่งดูแปลกประหลาดมาก
“ราคาที่เจ้ากล้าดูถูกข้าจะต้องจ่ายด้วยเลือดของเจ้า!” หยานจุนตะโกนและกระโจนพุ่งเข้าหาหลิงฮัน ฉัวะ เมื่อเขาฟาดฟันกระบี่ออกไป มันก็กลายเป็นสัตว์ร้ายสีดำ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นตัวอะไร มันดูคล้ายกับเสือแต่มีหางปลา
สัตว์ร้ายตัวนั้นอ้าปากเพื่อกลืนกินหลิงฮัน ปากของมันดูมืดมิดมากราวกับสามารถกลืนกินได้ทั้งโลก
หลิงฮันไม่คิดหลบอีกต่อไป และสวนการโจมตีใส่ร้ายด้วยหมัดผสานกับอักขระศักดิ์สิทธิ์ทำให้หมัดของเขาส่องแสงสว่างอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
ตู้ม!
สัตว์ร้ายถูกต่อยกระเด็นไปด้านหลังทันที และกลับสู่สภาพเดิมเป็นแสงกระบี่ก่อนที่จะลับหายไป
ช่วยไม่ได้ที่หยานจุนจะตกตะลึง การโจมตีเมื่อครู่คือการโจมตีสุดพลังของเขา และยังใช้ทักษะพันกระบี่มายาซึ่งทำให้การโจมตีของเขาทรงพลังขึ้นหลายเท่า แต่อีกฝ่ายกลับสลายการโจมตีของเขาได้ด้วยหมัดธรรมดา…นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
ในเมื่อสู้ไม่ได้ หยานจุนก็รีบส่งเสียงคำรามดังกังวาลไปทั่วทุกทิศทาง
ในไม่ช้าก็เกิดเสียงตอบรับจากระยะไกลและเริ่มมีคนแห่มาที่นี่ทีละคน
หลิงฮันอดที่จะหัวเราะไม่ได้และพูดว่า “เจ้าสู้ข้าไม่ได้เลยต้องการยืมมือจากคนอื่นอย่างนั้นรึ?”
สีหน้าของหยานจุนเปลี่ยนไปทันที เขาคิดเสมอว่าตัวเองเป็นอันดับหนึ่งหรือไม่ก็อันดับสองในหมู่จอมยุทธที่มีอายุใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งที่เขาเพิ่งมาที่สนามรบสองดินแดนเป็นครั้งแรกเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเจอกับคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถต่อกรด้วยได้
ทั้งที่อีกฝ่าย…มีระดับบ่มเพาะพลังต่ำกว่าเขา!
ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติเขาคงกำหมัดจากไปแต่โดยดี แต่ตอนนี้มันเกี่ยวข้องกับศิลาวิญญาณปฐพีที่มีขนาดเท่ากับฝ่ามือ ความล้ำค่าของมันไม่ต้องพูดถึง แล้วเขาจะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร?
ดังนั้น เขาจึงยอมเป็นคนหน้าด้านและตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากสหายของเขา
หลังจากนั้นไม่นานก็มีกลุ่มคนห้าคนวิ่งมาจากทุกทิศทุกทาง เป็นชายสี่หญิงหนึ่งและมีระดับพลังตั้งแต่ระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นต้นไปถึงชั้นสูง
“ศิษย์น้องหยาน เกิดอะไรขึ้น?” ทั้งห้าคนถาม เพราะหยานจุนเพิ่งตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ
หยานจุนชี้ไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เจ้านั่นมีศิลาวิญญาณปฐพีที่มีขนาดเท่ากับฝ่ามืออยู่กับตัว!”
เมื่อทั้งห้าคนได้ยิน สีหน้าของพวกเขาดูประหลาดใจและมีความสุข
ชายที่ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มยื่นมือออกไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เจ้าจะช่วยส่งศิลาวิญญาณปฐพีให้ข้าได้หรือไม่ แล้วพวกเรานิกายเพลิงไพศาลจะไม่รายงานเรื่องที่เกิดขึ้น”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าขอตั้งเงื่อนไข ถ้าข้าส่งศิลาวิญญาณปฐพีให้กับเจ้า”
ทั้งหกคนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข จากท่าทีของหลิงฮันดูเหมือนพวกเขาจะต่อรองด้วยได้
“น้องชาย เจ้าสามารถพูดเงื่อนไขของเจ้าออกมาได้เลย” ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าว
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “เงื่อนไขของข้านั้นง่ายมาก ข้าต้องการผลึกก่อเกิดหรือแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์เป็นการแลกเปลี่ยน”
อย่างไรก็ตาม ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนนี้ถือว่าเป็นสมบัติของเขา ซึ่งเขาจะขายให้ใครหรือจะนำไปแลกเปลี่ยนอะไรก็ได้
“ตกลง!” ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มตอบกลับอย่างไม่ลังเลและพูดว่า “น้องชาย เจ้าจะช่วยนำศิลาวิญญาณปฐพีออกมาให้ข้าได้เห็นขนาดของมันได้หรือไม่?”
ตอนที่ 1258
หลิงฮันไม่กลัวว่าจะตกอยู่ในกลอุบายของอีกฝ่ายหรือไม่ เขานำศิลาวิญญาณปฐพีออกมาและพูดว่า “เจ้าพอใจหรือยัง?”
“พอใจ! พอใจแล้ว!” ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “แล้วเจ้าต้องการผลึกก่อเกิดหรือแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์กี่ก้อนเป็นการแลกเปลี่ยน?”
“แล้วเจ้าสามารถให้ข้าได้มากเท่าไหร่กันล่ะ?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม
ทั้งหกคนปรึกษากันอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นก็พูดว่า “ผลึกก่อเกิดที่พวกเรามีอยู่นั้นมีจำกัด นอกจากเจ้าจะตามพวกเราไปที่นิกายเพลิงไพศาล ผู้อาวุโสของพวกเราจะจ่ายให้เจ้ามากพอ”
หลิงฮันส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเจ้าจะไม่พาข้าไปติดกับและสังหารข้าที่นั่น?”
“ดังนั้น ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสามเดือน หลังจากผ่านไปสามเดือนแล้วข้าจะไปพบพวกเจ้าที่โรงเตี๊ยมเฒ่าจางในเมืองเขี้ยวหมาป่า สิ่งที่พวกเจ้าต้องเตรียมมาคือผลึกก่อเกิดที่มากพอหรือแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขึ้นไป แล้วข้าจะมอบศิลาวิญญาณปฐพีให้กับพวกเจ้าเป็นการแลกเปลี่ยน มิฉะนั้นข้าจะนำมันไปประมูล”
หลังจากหลิงฮันพูดจบ ทันใดนั้นเองก็ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “ศิษย์พี่เจ็ด พวกเราเอาชนะเจ้าหมอนี่และแย่งชิงศิลาวิญญาณปฐพีโดยตรงเลยจะดีกว่า!”
“ใช่แล้ว!” มีสองคนพยักหน้าเห็นด้วย
ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มไตร่ตรองอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “พวกเรานิกายเพลิงไพศาลจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? มันไม่ถูกต้อง และอย่าได้พูดถึงมันอีก!” จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้กับหลิงฮันและพูดว่า “น้องชาย ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า และข้าจะไปพบเจ้าที่โรงเตี๊ยมเฒ่าจางในอีกสามเดือนข้างหน้า”
จากนั้นเขาก็พาทั้งห้าคนออกไป หลังจากที่เดินไปได้ซักพัก ใครบางคนในกลุ่มของเขาก็อดที่จะถามไม่ได้ว่า “ศิษย์พี่เจ็ด ทำไมพวกเราไม่จัดการเจ้าหมอนั่นไปเลย? อีกเพียงแค่ไม่กี่ก้าวปรมาจารย์เหมาก็จะทะลวงผ่านระดับดาราแล้ว ตราบใดที่พวกเราเอาศิลาวิญญาณปฐพีกลับไปให้ ปรมาจารย์เหมาก็จะทะลวงผ่านระดับดาราได้สำเร็จและกลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่!”
“หึ่ม!” ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มส่ายหน้าและพูดว่า “เด็กคนนั้นไม่ธรรมดา มิฉะนั้นศิษย์น้อยหยานจะเรียกพวกเราไปทำไม?”
หยานจุนเผนสีหน้าโศกเศร้าและพูดว่า “ข้าห่างชั้นกับเจ้าหมอนั้นมาก!”
ทุกคนรู้สึกแปลกใจ แม้แต่หยานจุนยังพูดเช่นนั้น ถึงแม้ระดับบ่มเพาะพลังของเขาจะไม่สูงมากนัก แต่เขาเป็นคนที่มีพลังต่อสู้โดดเด่นที่สุดในหมู่พวกเขา นั่นคือสี่ดาว มีเพียงแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงเท่านั้นที่สามารถสยบเขาได้อยู่หมัด แต่ในเมื่อหยานจุนพูดว่าห่างชั้นจากอีกฝ่ายมาก นั่นหมายความว่าพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายอาจเทียบได้กับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง หรือแม้กระทั่งขั้นสูง!
ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มพูดอีกครั้งว่า “ถ้าพวกเราสามารถจัดการเขาได้อย่างอยู่หมัด มันก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าพลาดพวกเขาจะไม่มีทางได้รับศิลาวิญญาณปฐพีหรือกระทั่งซื้อมัน”
“ศิษย์น้องหลิว ศิษย์น้องหม่า พวกเจ้าสองคนรีบไปตามหาปรมาจารย์เฉียนเดี๋ยวนี้ เขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงน่าจะสยบเจ้าเด็กคนนั้นได้ ส่วนพวกเราจะแอบสะกดรอยตามเขาไปอย่างลับๆและรอให้ปรมาจารย์เฉียนมาถึง จากนั้นค่อยบังคับเจ้าเด็กนั่นส่งศิลาวิญญาณปฐพี”
“ถ้าเจ้าเด็กนั่นให้ความร่วมมืออย่างเชื่อฟังก็จะมีชีวิตรอด แต่ถ้าไม่ก็จะต้องตาย!”
ทั้งห้าคนรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาทันที ศิษย์พี่เจ็ดที่ดูอบอุ่นและเข้าถึงง่าย แต่กลับมีจิตใจที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายเหมือนกับอสรพิษ ใครก็ตามที่กล้าทำให้เขาขุ่นเคืองมักจะมีจุดจบไม่สวย
พวกเขารีบทำตามแผนทันที โดยมีสองคนแยกตัวออกไปตามหาปรมาจารย์เฉียน ส่วนพวกเขาอีกสี่คนแอบติดตามหลิงฮันอย่างลับๆ และทิ้งสัญลักษณ์เฉพาะของนิกายเพลิงไพศาลเอาไว้เพื่อนำทางปรมาจารย์เฉียน
ทว่าสัมผัสสวรรค์ของหลิงฮันนั้นแหลมคมอย่างมาก ในไม่ช้าเขาก็พบว่ากำลังถูกใครบางคนจ้องมอง
“เฮ้อ ดั่งคำพูดรู้หน้าไม่รู้ใจไม่มีผิด” หลิงฮันถอนหายใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายตกลงยอมรับเงื่อนไขของเขาแต่โดยดี
แต่ตอนนี้ล่ะ?
อีกฝ่ายเหลือแค่สี่คน นั่นหมายความว่ามีสองคนปลีกตัวออกไปร้องขอความช่วยเหลือจากใครบางคน แล้วสี่คนนี้กำลังแอบตามเขาอย่างเงียบๆ รอให้กำลังเสริมมาถึง
แต่หลิงฮันก็ไม่หวาดกลัว เพราะที่นี่คือสนามรบสองดินแดนซึ่งเป็นสถานที่ที่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ปั่นป่วน ดังนั้นจอมยุทธจะไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างสุดพลัง ยิ่งไปกว่านั้นในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เขาก็สามารถซ่อนตัวในหอคอยทมิฬได้
ถ้ากำลังเสริมที่อีกฝ่ายพามาไม่ใช่จอมยุทธระดับดารา หลิงฮันก็จะไม่เข้าไปหลบซ่อนตัว แต่จะเลือกเผชิญหน้า
ระหว่างทางหลิงฮันยังคงมองหาศิลาวิญญาณปฐพีอยู่ตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะเขาต้องรอเวลาอีกตั้งสามเดือนกว่าจะกลับเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์ได้ ดังนั้นตอนนี้เขาเลยไม่มีจุดมุ่งหมายปลายทางเฉพาะเจาะจง เพียงแค่มองหาศิลาวิญญาณปฐพีไปวันๆและบางครั้งก็เข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อหลอมเม็ดยา
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้กลุ่มของหยานจุนประหลาดใจที่ร่องรอยของหลิงฮันหายไปอย่างกะทันหันและคิดว่าอีกฝ่ายรู้ตัวแล้วเลยแอบหลบหนีไป แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน หลิงฮันก็ปรากฏตัวออกมาอย่างลึกลับ ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
ตกลงแล้วเจ้ารู้แผนการของพวกเราหรือไม่?
โชคดีที่หลิงฮันไม่ได้หายตัวไปนาน ส่วนใหญ่เขาใช้เวลาเดินไปเรื่อยและเมื่อพบกับสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ เขาก็จะต่อสู้หรือไม่ก็หลบหนี ซึ่งขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
สิบเอ็ดวันต่อมา หลิงฮันก็พบศิลาวิญญาณปฐพีอีกก้อน แต่ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนนี้เล็กกว่าก้อนก่อนหน้านี้มาก มันมีขนาดเทียบเท่านิ้วก้อยเท่านั้น
“ไม่ว่ามันจะก้อนเล็กแค่ไหน แต่มันก็ยังเป็นศิลาวิญญาณปฐพีอยู่ดี” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มและเก็บมันเข้าไปในหอคอยทมิฬ “หืม?” เขาหันหลังกลับไปมอง “ในที่สุดพวกมันก็เคลื่อนไหวแล้ว?”
จากสี่คนที่แอบติดตามของมาอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้กลายเป็นเจ็ดคน!
หลิงฮันถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ดูเหมือนการฆ่าฟันจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ซะแล้ว
พรึบ ร่างของคนเจ็ดคนปรากฏออกมาทีละคนและเข้าล้อมรอบหลิงฮัน ใช่แล้ว คนพวกนั้นคือหยานจุนและกลุ่มของเขา
หลิงฮันยิ้มแห้งและพูดว่า “พวกเจ้าล้อมข้าแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร? มิใช่ว่าอีกสามเดือนให้หลังพวกเราจะเจอกันที่โรงเตี๊ยมเฒ่าจางในเมืองเขี้ยวหมาป่าหรอกรึ?”
หยานจุนและอีกหกคนไม่พูดตอบ อย่างไรก็ตามก็มีชายชราคนหนึ่งพูดด้วยเสียงที่หนาวเย็นว่า “เจ้าหนุ่ม หยุดพูดจาเหลวไหลและรีบส่งศิลาวิญญาณปฐพีมาให้ข้าแต่โดยดีจะดีกว่า อย่าได้แกว่งเท้าหาความตายเลย”
หลิงฮันทำเป็นครุ่นคิด จากนั้นเขาก็นำศิลาวิญญาณปฐพีสองก้อนออกมากำไว้ในมือแต่ละข้าง แล้วพูดว่า “เจ้าพูดถึงก้อนนี้หรือก้อนนี้กันล่ะ?”
ชายชราเผยสีหน้าโลภออกมาให้เห็นทันทีและพูดว่า “ส่งมันมาให้หมด!”
“ก็ได้ แต่ข้าขอผลึกก่อเกิดสามร้อยล้านก้อน” หลิงฮันพยักหน้า
ทันใดนั้นเอง สีหน้าของชายชราก็กลายเป็นโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าคนแก่อย่างข้าจะพูดจาล้อเล่นกับเจ้าหรือไม่? หากเจ้ายังไม่ส่งมันมาให้ข้าอีก ข้าจะสังหารเจ้า!”
“ข้ากลัวแล้ว!” หลิงฮันทำเป็นหวาดกลัว จากนั้นเขาก็แอบแสยะยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ ใครจะเป็นคนเข้ามาเอากันล่ะ?” เขากวาดสายตามองทั้งหกคนจากนั้นก็ยื่นมือไปข้างหน้า “เชิญพวกเจ้าเอาไปได้เลย!”
ตอนที่ 1259
หยางจุนและอีกหกคนมองหน้ากันด้วยความลังเล
ท่าทีของชายหนุ่มคนนี้แปลกมาก ถ้าเจ้าหวาดกลัวจริง เจ้าก็ควรโยนศิลาวิญญาณปฐพีลงกับพื้นและรีบวิ่งหนีไปมิใช่หรือ?
แล้วการกระทำของเขาหมายถึงอะไร?
ทั้งที่มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์อยู่ตรงหน้าเจ้า เจ้าก็ยังกล้าทำตัวเช่นนี้อีก?
ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ตกลง เอามันมาให้ข้า!” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ถ้าเขาสามารถนำศิลาวิญญาณปฐพีสองก้อนนี้กลับไปได้ สถานะของเขาในนิกายก็จะเพิ่มสูงขึ้นมาก
แต่ประเด็นสำคัญคือปรมาจารย์เหมาอยู่ห่างจากระดับดาราเพียงแค่หนึ่งก้าว ถ้าเขาสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ปรมาจารย์เหมาทะลวงผ่านระดับดาราได้ เขาก็จะได้รับความโปรดปรานจากปรมาจารย์เหมาอีกด้วย
หลังจากก้าวเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว เขาก็เดินมาอยู่ด้านหน้าหลิงฮันและเอื้อมมือออกไปเพื่อคว้าศิลาวิญญาณปฐพีที่อยู่ในมือของหลิงฮัน
“เฮ้อ!” หลิงฮันถอนหายใจ จากนั้นเขาก็สะบัดนิ้วเล็กน้อยและปราณดาบก็พุ่งออกไปทันที
“เจ้า!” ชายหนุ่มคนนั้นคำราม เขารู้อยู่แล้วว่าหลิงฮันเป็นคนที่แข็งแกร่งมากถึงสามารถสยบหยานจุนได้ ทว่าตัวเขานั้นเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางและเป็นอัจริยะระดับหนึ่งดาว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าหยานจุนอยู่เล็กน้อย
ดังนั้น ถ้าหยางจุนไม่สามารถเอาชนะหลิงฮันได้ บางทีเขาก็อาจไม่สามารถเอาชนะได้เช่นกัน แต่ถ้าเป็นการล่าถอย เขามั่นใจพอตัวว่ามีความสามารถป้องกันตัวเอง เมื่อคิดเรื่องพวกนั้นแล้ว เขาจึงกล้าที่จะเดินเข้าหาหลิงฮัน หากไม่มีความมั่นใจเขาจะกล้าเผชิญหน้ากับหลิงฮันได้อย่างไร?
แต่ไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะกล้าลงมือ!
แม้เขาจะเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เมื่อถูกหลิงฮันโจมตี เขาก็ยังอดที่จะตกตะลึงไม่ได้
เขารีบยกแขนขึ้นเพื่อสะกัดปราณดาบของหลิงฮัน และเมื่อคิดว่ายังมีปรมาจารย์เฉียนอยู่ด้านหลัง ทำให้เขาคิดว่าการกระทำของหลิงฮันไม่ต่างไปจากการรนหาที่ตาย
ชายชรารีบเคลื่อนไหวและเข้าไปคว้าตัวชายหนุ่มคนนั้นเอาไว้ “หยุด!”
แต่สายเกินไป
ปราณดาบของหลิงฮันตัดผ่าน ฉัวะ โลหิตสาดกระจายไปทั่วและนิ้วมือสี่นิ้วของชายหนุ่มคนนั้นก็ถูกตัดออกเหมือนกับดอกไม้ที่ผลิบาน
“อ๊าก!” เขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทันที
หลิงฮันใช้ทักษะย่างก้าวไล่ตามดาราล่าถอยและหลบการโจมตีของชายชรา จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “โอ้ นี่ข้าทำเกินไปหรือเปล่า?”
“เจ้าหนู ดูเหมือนเจ้าจะเบื่อมีชีวิตแล้วใช่หรือไม่!” ชายชราพูดด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง
เจ้าเด็กนี่ทั้งที่ถูกล้อมกรอบอยู่ แต่ก็ยังกล้าขัดขืน นี่เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ!
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ใครจะอยู่ ใครจะตาย มันยังเร็วเกินไปที่เจ้าจะพูดตอนนี้!”
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่เห็นโลงศพก็จะไม่หลั่งน้ำตา!” ชายชรากล่าวและชูมือขึ้นสู่ท้องฟ้า อักขระศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงสว่าง และมือของเขาก็กลายเป็นหุบเขาห้านิ้วที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
ชายชราคนนี้มีชื่อว่าเฉียนเซินและเขาเป็นผู้อาวุโสของนิกายเพลิงไพศาล เนื่องจากปรมาจารย์เหมาของพวกเขากำลังจะทะลวงผ่านระดับดารา เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของนิกายเพลิงไพศาล และทุกคนต่างออกไปค้นหาศิลาวิญญาณปฐพีเพื่อมอบให้กับปรมาจารย์เหมา
ซึ่งนิกายเพลิงไพศาลนั้นเป็นนิกายขนาดเล็กที่มีแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แต่ถ้ามีจอมยุทธระดับดาราถือกำเนิดขึ้นในนิกาย นิกายเพลิงไพศาลของพวกเขาก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้ นิกายเพลิงไพศาลจึงออกค้นหาศิลาวิญญาณปฐพีอย่างบ้าคลั่ง
หลิงฮันเก็บศิลาวิญญาณปฐพีเข้าไปในหอคอยทมิฬ จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยอำนาจสวรรค์แผ่กระจายไปทั่ว
“เกิดอะไรขึ้น!”
“ทำไมพลังของข้าถึงลดลง?”
“เป็นไปไม่ได้!”
หยางจุนและคนอื่นอุทานด้วยความตกใจ แม้กระทั่งเฉียนเซินเองก็ยังได้รับผลกระทบ หุบเขาห้านิ้วของเขาถูกเบี่ยงเบนทิศทางไปเล็กน้อย แต่เนื่องจากมันมีขนาดใหญ่เกินไป จึงไม่สำคัญว่ามันจะตกมาเคียงหรือไม่ เพราะยังไงมันก็โดนหลิงฮันอยู่ดี
หลิงฮันปล่อยหมัดไปที่หุบเขาห้านิ้วบนท้องฟ้า โดยรวมพลังไว้ที่จุดๆเดียว
ตู้ม!
ในขณะที่หุบเขาห้านิ้วที่กำลังล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ก็มีแสงสว่างพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเป็นหมัดยักษ์ที่ส่องประกายและสามารถทะลวงผ่านหุบเขาห้านิ้วให้เป็นรูได้อย่างง่ายดาย
ช่วยไม่ได้ที่เฉียนเซินจะตกตะลึง แม้ว่าหุบเขาห้านิ้วจะถูกควบแน่นด้วยพลังปราณก่อเกิดของเขา แต่เมื่อมันถูกทะลวงเป็นรู มือของเขาก็จะได้รับความเสียหายเช่นกัน ความเจ็บปวดแผ่กระจายไปทั่วฝ่ามือของเขาและทิ้งรอยแดงเอาไว้
เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กนี่สามารถทำลายการโจมตีของเขาและยังทำให้เขาบาดเจ็บได้
แน่นอนว่าเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขาดูถูกหลิงฮันมากเกินไป และการโจมตีของเขาก็ยังกินขอบเขตที่กว้างเกินไปทำให้พลังของมันกระจัดกระจาย
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเขารวบพลังโจมตีไว้ที่จุดเดียว แต่เนื่องจากผลกระทบจากอำนาจสวรรค์ เกรงว่าการโจมตีของเขาคงจะพลาดเป้าอยู่ดี
“เจ้าเป็นคนที่น่าทึ่งมาก!” ชายชรากล่าวชมหลิงฮัน ถึงแม้เขาจะกล่าวเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้ปกปิดจิตสังหาร
หลิงฮันยิ้มอย่างสุภาพและพูดว่า “ผู้อาวุโสไม่ต้องชมข้าขนาดนั้นก็ได้ เพราะมันอาจทำให้ศิษย์ของเจ้ารู้สึกอิจฉาข้า”
สีหน้าของเฉียนเซินเปลี่ยนไปเมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งเฉยของหลิงฮัน มันทำให้เขารู้สึกหยุดโกรธไม่ได้
“เจ้ากำลังรนหาที่ตายของตัวเอง!” ดวงตาข้างซ้ายของเขากลายเป็นหลุมเพลิง จากนั้นเขาก็ดึงดาบออกมาจากข้างใน
ด้วยการหลอมรวมเข้ากับดาบ ทำให้เขาสามารถดึงพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่นั่นย่อมมีข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือหากต้องการทำให้ดาบแข็งแกร่งขึ้นจะต้องแลกกับการถูกดูดซับโลหิตภายในร่างกาย ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้า
อย่างไรก็ตาม ผู้คนอย่างเฉียนเซินที่ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นสูงแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยกระดับพลังต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงยอมเสียสละใช้โลหิต เพราะยังไงเขาก็สามารถบ่มเพาะพลังใหม่ทดแทนได้
ดาบเล่มนี้คือดาบที่เขาเก็บเงินซื้อมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน เดิมทีมันเป็นแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด แต่หลังจากที่นำไปตีเป็นดาบแล้ว เขาก็ผสานมันเข้ากับร่างกายเพื่อขัดเกลามัน แม้จะผ่านมาไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น แต่มันก็ทรงพลังขึ้นมาก
ด้วยดาบที่อยู่ในมือทำให้เขามีความมั่นใจมากว่าเขาสามารถเอาชนะจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
“เพลิงหัวใจพิฆาต!” เฉียนเซินสะบั้นดาบ เปลวเพลิงกลายเป็นลำแสงที่พุ่งตรงไปที่หน้าอกของหลิงฮัน เนื่องจากอุณหภูมิที่ร้อนแรงของมันที่ทะลวงผ่านอากาศ จึงทำให้อากาศที่มันทะลวงผ่านต้องลุกไหม้
เปลวเพลิงนี่ร้อนแรงมาก ทั้งที่มันยังเดินทางมาไม่ถึงแต่ก็สัมผัสได้ถึงความร้อนแรงแล้ว
คนอื่นๆรีบล่าถอยทันที เพราะเกรงว่าจะถูกลูกหลงจากเปลวเพลิง
ทว่าหลิงฮันกลับส่งเสียงหัวเราะ
ถ้าเจ้าใช้หมอกพิษหรือดาบที่แหลมคมฟาดฟันใส่หลิงฮัน มันอาจทำให้เขาหวาดกลัวอยู่บ้าง แม้เฉียนเซินจะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ แต่มันกลับใช้เล่นไฟกับหลิงฮัน…เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าหลิงฮันขัดเกลากายหยาบด้วยเปลวเพลิงนิรันดร์ ซึ่งเป็นทักษะลับของวิหคเพลิงอมตะที่ทำให้กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน
หากเจ้าต้องการเผาข้าด้วยไฟ อย่างน้อยต้องเป็นเปลวเพลิงที่ร้อนแรงกว่าเพลิงนิรันดร์!
ตอนที่ 1260
‘ครืนน’ เพลิงพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่ยากจะมองเห็น เพราะอย่างๆไรมันก็เป็นการโจมตีของตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด
หากเป็นแต่ก่อนเป็นไปไม่ได้ที่หลิงฮันจะต้านทานเพลิงของอีกฝ่าย ต่อเป็นเป็นกายหยาบของเขาก็คงจะถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน
แต่กายหยาบของเขาในตอนนี้ผ่านการขัดเกลาด้วยเพลิงนิรันดร์มาแล้ว ต่อให้ตอนขัดเกลาเขาจะได้รับการปกป้องการหอคอยทมิฬ แต่พลังทำลายของเพลิงนั่นก็ยังเหนือกว่าเพลิงที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเข้าแน่นอน
เพราะงั้นแล้วหลิงฮันจึงคร้านที่จะหลบหลีก เขายื่นมือขวาออกไปปะทะเข้ากับเปลวเพลิง ด้วยเจตจำนงของทักษะบัญญัติดาบไวทำให้มือของเขาขยับได้อย่างรวดเร็ว
ปัง!
เปลวเพลิงปะทะเข้ากับฝ่ามือของเขา ด้วยพลังทำลายที่รุนแรงของเปลวเพลิงทำให้ร่างของหลิงฮันถูกดันถอยหลัง แต่มือเขาได้ระเบิดแสงสว่างจ้าออกมาปัดป้องเปลวเพลิงจนแยกออกเป็นแนวโค้งโดยที่มือไม่ถูกเผาไหม้
‘ตูม’ หลิงฮันพลักเปลวเพลิงเบี่ยงไปด้านหลัง เปลวเพลิงที่ถูกพลักไม่ได้มีความเร็วช้าไปกว่าที่ถูกปล่อยมาก่อนหน้านี้ ตำแหน่งที่เขาปัดเปลวเพลิงไปคือตำแหน่งของศิษย์นิกายเพลิงไพศาลคนหนึ่งยืนอยู่
หากถูกเปลวเพลิงนี้แผดเผาจะเป็นอย่างไร
เปลวเพลิงนี้คือพลังโจมตีเต็มกำลังของตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด แม้แต่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับหกก็ต้องหลอมละลาย!
แต่ศิษย์ที่ถูกเปลวเพลิงแผดเผาเป็นเพียงระดับสุริยันจันทราขั้นต่ำชั้นปลายเท่านั้น เขาจะต่อต้านพลังทำลายของเปลวเพลิงได้อย่างไร? โลหิตของศิษย์ผู้นั้นสาดกระจายราวกับห่าฝน กระดูกและเนื้อของเขาลอยกระเด็นและหล่นจากลงมาจากท้องฟ้า พลังชีวิตของเขาจบสิ้นในพริบตา
เมื่อเปลวเพลิงถูกปัดออกไปร่างของหลิงฮันก็หยุดล่าถอย เขาสะบัดมือเล็กน้อยเพื่อดับเพลิงที่ยังติดอยู่บนมือ เมื่อเขายกฝ่ามือขึ้นมามองก็พบว่าฝ่ามือของเขาถูกเผาเป็นสีดำสนิท ผิวของเขาลอกเล็กน้อย
แน่นอนว่าด้วยระดับพลังที่ต่างกันหลายขั้น เขาก็ยังได้รับบาดแผลอยู่ดี
หลิงฮันเงยหน้าและยิ้ม “ขอโทษที ข้าไม่ได้สายตาดีขนาดมองเห็นด้านหลังได้เลยเผลอสังหารพรรคดิพวกของเจ้าไปเสียแล้ว แต่จะโทษข้าก็ไม่ถูก ถ้าจะโทษก็ต้องไปโทษคนที่โจมตีมาใส่ข้าต่างหาก”
คนของนิกายเพลิงไพศาลแน่นิง่ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
หมอนี่เป็นสัตว์ประหลาดรึไง?
ขนาดถูกเปลวเพลิงของตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดเข้าไปก็ยังไม่สะทกสะท้านแถมยังนำไปประยุกต์ใช้โจมตีได้ด้วย
จะบอกว่าเฉียนเซินไม่เอาจริงงั้นรึ? น่าขัน… หลิงฮันปัดการโจมตีใส่ศิษย์น้องของพวกเขาจนร่างแหลกกระจาย นี่ยังเรียกว่าเป็นพลังที่ออมมือเอาไว้อีกรึไง?
ต่อให้หลิงฮันมีกายหยาบที่แข็งแกร่งขนาดป้องกันการโจมตีของตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ แต่มันจะป้องกันการเผาไหม้ของเปลวเพลิงได้อย่างไร?
เปลวเพลิงที่ตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดใช้โจมตีนั้นสามารถหลอมละลายได้แม้แต่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด แม้แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงก็ต้องถูกเผาจนร่างมอดไหม้ แต่หลิงฮันกลับสามารถปัดเปลวเพลิงทิ้งได้และได้รับบาดเจ็บที่ฝ่ามือเพียงเล็กน้อย?
โลกนี้มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
หลิงฮันโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ หนังที่ถูกเผาไหม้บนฝ่ามือของเขาหายไปทันทีและถูกแทนที่ด้วยผิวหนังชั้นใหม่
เขายิ้มและกล่าว “ข้าเสนอเจรจาซื้อขายกับเจ้าแล้วแต่เจ้าไม่เอาและเลือกวิธีปล้นชิงทรัพย์… หากเจ้าเลือกทางนั้นแล้วก็ต้องรับความเสี่ยงเอาไว้ด้วย!”
‘พรึบ’ ร่างของหลิงฮันพุ่งออกไป เขากำหมัดแน่นและปล่อยการโจมตีเพื่อสังการศิษย์คนอื่นของนิกายเพลิงไพศาล
“หยุด!” เฉียนเซินลงมือทันที เจ้าหนูนี่มีพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวเกินไป แต่พลังต่อสู้ก็ไม่สามารถวัดได้ด้วยระดับพลังบ่มเพาะ หากเขาปล่อยให้หลิงฮันลงมือศิษย์คนอื่นๆจะต้องถูกสังหารไม่เหลือแน่นอน
สำหรับนิกายเพลิงไพศาล ศิษย์ระดับสุริยันจันทราถือว่าล้ำค่าหาใครเปรียบ!
มีศิษย์ของนิกายมาที่นี่หกคนและตอนนี้เหลืออยู่เพียงห้าคน เพื่อที่จะฟูมฟักศิษย์ระดับนี้ขึ้นมาได้นิกายต้องใช้เวลาไปหลายพันหลายหมื่นปี ศิษย์เหล่านี้มีพรสวรรค์สูงส่ง หากพบวาสนาในอนาคตก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสก้าวสู่ระดับดารา
นิกายจะมั่นคงได้จำเป็นต้องมีการเหล่าผู้อาวุโสคอยช่วยเหลือก็จริง แต่กระดูกสันหลังของนิกายที่แท้จริงคือเหล่าศิษย์ต่างหาก
ไม่ว่าอย่างไรเฉียนเซินก็เป็รปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด เมื่อเขาลงมือปลดปล่อยแรงกดดันที่รุนแรงราวกับขุนเขาออกไปการเคลื่อนไหวของหลิงฮันย่อมถูกสะกดเอาไว้ทำให้ศิษย์คนอื่นๆมีโอกาสหนีรอด
“ช่างน่ารำคาญเสียจริง!” หลิงฮันส่ายหัว การจะสังหารใครโดยที่มีปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดคอบคุ้มกันอยู่คงเป็นไปไม่ได้
“เจ้าหนู เจ้านับว่าแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ความต่างของชายชราผู้กับเจ้าก็ยังถือว่ากว้างใหญ่ เจ้าไม่มีโอกาสชนะ!” เฉียนเซินกล่าว “ส่งศิลาวิญญาณปฐพีมาพร้อมกับทำลายแขนของเจ้าทิ้งแล้วข้าจะไว้ชีวิต”
“ปรมาจารย์เฉียน!” พวกหยานจุนทั้งห้าคนตะโกนขึ้นมา
เจ้าหนูนี่สังหารศิษย์ของนิกายเพลิงไพศาลไปแล้ว จะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆได้อย่างไร?
เฉียนเซินรู้ดีว่าเพลิงหัวใจพิฆาตที่เป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขาไม่สามารถคุกคามหลิงฮันได้ พลังป้องกันของเจ้าหนูนี่ฝืนสวรรค์เกินไป โชคดีที่เขามีพลังอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่เหนือกว่า ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นเขาก็คงเผ่นแนบไปแล้ว
ถ้าพวกเขาได้ศิลาวิญญาณปฐพีมาภารกิจก็ถือว่าสำเร็จ และตราบใดที่ปรมาจารย์เหมาทะลวงผ่านระดับดาราได้พวกเขาเป็นฝ่ายเหนือกว่า ต่อให้เจ้าหนูนี่บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดก็เป็นได้แค่เสี้ยนหนามเล็กๆเท่านั้น
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “เจ้าช่างเอาแต่ใจจริงๆ นอกจากจะต้องการลักขโมยของของข้าแล้วยังจะให้ข้าทำลายแขนของตัวเองอีก? ข้าว่าหัวของเจ้าคงไม่ปกติแล้ว!”
หลิงฮันหงุดหงิด มือขวาของเขายกขึ้นโดยกำดอกไม้ที่ดูงดงามและลึกล้ำเอาไว้ ดอกไม้ดอกนี้ปลดปล่อยกลิ่นหอมของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ออกมา
หากมีใครเชื่อว่ามันคือสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปก็ถือว่าติดกับแล้ว
ดอกไม้ดอกนี้คือบุปผาหมอกครอบงำจิตที่หลิงฮันเก็บมาจากเขตแดนลี้ลับ ก่อนหน้านี้แม้แต่เขาก็ยังเกือบถูกมันครอบงำจิตใจและถูกล่อไปให้แมลงศักดิ์สิทธิ์กิน
เมื่อถูกปลูกในหอคอยทมิฬ ดอกไม้ดอกนี้ได้เติบโตขึ้นเล็กน้อยและสามารถครอบงำจิตใจได้ลึกล้ำยิ่งขึ้น
ทันใดนั้นเองใบหน้าของทั้งหกคนก็ชะงักแน่นิ่งราวกับตกอยู่ในภาพมายา ร่างกายของพวกเขาไม่ขยับ ใบหน้าก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
หลิงฮันลงมือ ‘ผัวะ ผัวะ ผัวะ’ นอกจากเฉียนเซินแล้ว ศิษย์ของนิกายเพลิงไพศาลทั้งห้าหัวระเบิดตายทันที
เฉียนเซินอยู่ในระดับสุริยันจันทรามาเป็นเวลานานแล้ว พลังบ่มเพาะของเขามั่นคงเป็นอย่างมาก ในขณะที่หลิงฮันปล่อยหมัดใส่ อีกฝ่ายก็เบี่ยงหลบด้วยสัญชาติญาณทำให้หลบจุดตายไปได้ หมัดของเขาเฉียดถูกแก้มอีกฝ่ายทำให้ก้อนเนื้อถูกฉีกขาดปรากฏให้เห็นกระดูกสีขาว
หมัดของเขาทำให้เฉียนเซินตื่นจากภาพมายาและกระโดดล่าถอยไปร้อยฟุต เขามองมายังบุปผาหมอกครอบงำจิตด้วยท่าทีหวาดกลัว ดอกไม้แปลกประหลาดนั่นทำให้สัมผัสสวรรค์ของเขาใช้งานไม่ได้ชั่วครู่ สติของเขามึนงงและเกือบจะต้องทิ้งชีวิตไปแล้ว
หลิงฮันไล่ตามทันทีและกล่าวออกมา “เฒ่าชรา ศิษย์ของเจ้าตายหมดแล้ว เจ้าไมไม่ตามไปอยู่กับพวกเขาด้วยล่ะ?”
ตอนที่ 1261
“เจ้าหนู ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เฉียนเซินคำรามและหันหลังเผ่นหนี
พลังต่อสู้ของเขาเหนือกว่าหลิงฮันก็จริง แต่กายหยาบของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งเกินไปจนเขาไม่สามารถโจมตีให้ตายได้ แถมหลิงฮันยังมีดอกไม้ประหลาดที่ทำให้สติของเขาสับสนอีก ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
เขามีชีวิตอยู่มามากกว่าสามล้านปีและพบเห็นชีวิตตกตายไปมากมาย ดังนั้นเขาจึงหวงแหนชีวิตของตัวเองมาก
หากรั้นอยู่ที่นี่ต่อเขาอาจจะต้องถูกคร่าชีวิต เช่นนั้นแล้วทำไมเขาต้องเสี่ยงอยู่ที่นี่ต่อด้วย?
ต้องรีบกลับนิกายเพลิงไพศาล
ปรมาจารย์เหมาอีกก้าวเดียวก็จะทะลวงผ่านระดับแล้ว ศิลาวิญญาณปฐพีเป็นเพียงปัจจัยที่จะช่วยเร่งให้เขาทะลวงผ่านได้เร็วขึ้นเท่านั้น ต่อให้ไม่ได้มาก็ไม่เป็นอะไร ยิ่งกว่านั้นเหล่าศิษย์ของนิกายที่อยู่ที่นี่ก็ตายไปหมดแล้ว เขาจะทิ้งชีวิตของตัวเองไปอีกคนเพื่ออะไร?
เขาเผ่นหนีทันที หากหลิงฮันไล่ตามมาใกล้เขาจะรีบใช้อำนาจของตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดโจมตีชะลออีกฝ่ายทันที แม้กายหยาบของหลิงฮันจะแข็งแกร่งก็ใช้ว่าอีกฝ่ายจะเมินเฉยการโจมตีของเขาได้
ที่จริงหากเป็นการปะทะซึ่งๆหน้า เฉียนเซินเหนือว่าหลิงฮันอย่างสมบูรณ์
เป็นเพราะเพราะการโจมตีด้วยทักษะเพลิงที่ทรงพลังที่สุดของเขาไม่สามารถทำอะไรหลิงฮันได้เขาจึงเข้าใจผิดไปเองว่ากายหยาบของหลิงฮันนั้นไร้เทียมทาน หากเขาเปลี่ยนเป็นโจมตีด้วยพลังปราณผลลัพธ์อาจจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิด
อย่างที่รู้ว่าหลิงฮันในตอนนี้ยังมีพลังต่อสู้เพียงหกดาวซึ่งเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงชั้นต้นเท่านั่น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต่อกรกับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้
แต่ความหวาดกลัวที่มีต่อบุปผาหมอกครอบงำจิต เฉียนเซินจึงเลือกที่จะหลบหนี
หลังจากไล่ตามไปสักพักหลิงฮันก็หยุดนิ่งเลิกไล่ลาม เขาไม่สามารถสังหารเฉียนเซินได้แล้ว… เมืองเขี้ยวหมาป่าอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ตราบใดที่อีกฝ่ายเข้าไปในเมืองได้พวกเขาก็ห้ามต่อสู้กันเด็ดขาด
เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเมืองเขี้ยวหมาป่าเพื่อขายศิลาวิญญาณปฐพีและเม็ดยาที่เขาเพิ่งหลอมเสร็จในช่วงนี้ เขาต้องการเปลี่ยนพวกมันผลึกก่อเกิดและแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์เพื่อยกระดับให้กับดาบอสูรนิรันดร์
ในส่วนของแต้มสังหารนั้น เขาสังหารสิ่งมีชีวิตใต้พิภพไปมากมายจนเพียงพอให้ถอนตัวจากที่นี่ได้แล้ว
ถ้าหากถอนตัวไปแล้วครั้งหนึ่งจอมยุทธสามารถกลับมายังสนามรบสองดินแดนได้อีกครั้งและจะเป็นอิสระไม่มีแต้มสังหารผูกมัดและไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นทหารหนีสงคราม ส่วนจะเข้าร่วมกองทัพหรือไม่นั้นก็แล้วแต่จะเลือกเอง
ครึ่งวันต่อมาหลิงฮันมาถึงเมืองเขี้ยวหมาป่าและเข้าไปยังหอกองทัพหลักเพื่อแลกเปลี่ยนแต้มสังหาร เขาโยนร่างของสิ่งมีชีวิตใต้พิภพออกมาและศพเหล่านั้นถูกคำนวณเป็นแต้มสังหารอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ทั้งสองดินแดนนี้ใครเป็นฝ่ายบุกรุกกันก่อนกันแน่? ข้อมูลที่เขารู้มีเพียงทั้งสองดินแดนเป็นเหมือนคู่กัดที่ไม่มีทางลงรอยกันเท่านั้น ไม่ว่าฝ่ายใดก็คิดว่าตนเองเป็นเจ้าทุกข์ที่ถูกรุกราน
หลิงฮันส่ายหัว พลังของเขาในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไปที่จะแทรกแซงเรื่องใหญ่ขนาดนั้น สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้เป็นอันดับแรกคือยกระดับพลังบ่มเพาะของตัวเอง
เมื่อแต้มสังหารถูกคำนวณเสร็จ นอกจากแต้มที่เสียไปเพื่อถอนตัว เขาเหลือแต้มสังหารอยู่ราวๆสี่พันกว่า
แต่แต้มสังหารสี่พันกว่าแต้มนั้นไม่สามารถใช้แลกเปลี่ยนสิ่งที่เขาต้องการได้ แม้แต้มเหล่านี้จะสามารถแลกเป็นทรัพยากรสำหรับระดับภูผาวารีได้มากมายแต่พวกมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใดกับเขา
แถมสิ่งที่ใช้แต้มสังหารแลกเปลี่ยนมาก็มีกฎว่าเขานำไปขายเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกสังหาร
หลังฮันตัดสินใจยังไม่ใช้แต้มสังหาร เพราะอย่างไรตอนนี้เขาก็ว่างอยู่แล้ว เอาไว้ค่อยสังหารสิ่งมีชีวิตใต้พิภพเพิ่มและสะสมแต้มมาแลกทีเดียว
เขามุ่งหน้าไปยังโรงประมูลภายในเมือง
การจะเปิดโรงประมูลที่สนามรบสองดินแดนได้นั้น ไม่เพียงต้องมีความกล้าแต่ยังต้องมีอำนาจและเส้นสายที่กว้างขวางอีกด้วย
“โรงประมูลจินหยวน” โรงประมูลของตระกูลจิน กล่าวว่าตระกูลจินนั้นเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลังมาก พวกเขาทำธุรกิจการค้ามาหลายยุคหลายสมัยและครอบครองทรัพยากรล้ำค่ามากมาย
เมื่อหลิงฮันเข้าไปยังโรงประมูลและนำศิลาวิญญาณปฐพีออกมา เขาก็ถูกนำไปยังห้องรับรองของโรงประมูลเพื่อพูดคุยรายละเอียดทันที
ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่นั้นสามารถทำกำไรได้มหาศาล
ดังนั้นโรงประมูลจึงตัดสินใจไม่รีบร้อนประมูลทันทีและเลือกปล่อยข่าวออกไปให้กว้างที่สุดเพื่อดึงดูดเหล่าปรมาจารย์ให้มาเข้าร่วมประมูล แน่นอนว่ายิ่งผู้เข้าร่วมมีระดับพลังที่สูง ความมั่งคั่งของพวกเขาก็จะยิ่งสูงขึ้นด้วย
หลิงฮันไม่รังเกียจที่จะรอไปอีกสักพัก เขานำเม็ดยาออกมาและส่งมอบให้กับโรงประมูลเช่นกัน
โรงประมูลคิดค่าธรรมเนียมสิบห้าส่วนจากร้อยส่วนของราคาที่ศิลาวิญญาณปฐพีจะถูกประมูลออกไป มูลค่าของมันจะต้องมหาศาลแน่นอน ดังนั้นสำหรับเม็ดยาที่หลิงฮันจะนำมาประมูลด้วยทางโรงประมูลจึงไม่คิดค่าธรรมดาเนียมใดๆ
การเตรียมการจำเป็นต้องใช้เวลาราวๆหนึ่งเดือน หลิงฮันรับคำเชิญจากโรงประมูลที่ให้อาศัยอยู่ที่นี่ได้ระหว่างที่รอให้การประมูลเริ่มขึ้น
ในระหว่างนั้นเขาฝึกฝนหลอมเม็ดยาและบ่มเพาะพลัง ต้องรออีกราวๆยี่สิบวันหอคอยทมิฬจึงจะเปิดเตาหลอมให้เขาขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์ได้
“สภาพของข้าในตอนนี้… ช่างน่าอนาถนัก!” เมื่อไม่มีใครอยู่รอบๆ หลิงฮันก็เปลี่ยนรูปร่างกลับมาเป็นทารกเช่นเดิมซึ่งทำให้เขารู้สึกสลดใจมาก
เมื่อเวลาผ่านไปอีกยี่สิบวัน หอคอยน้อยได้แจ้งหลิงฮันว่าเขาสามารถขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์ครั้งที่สองได้แล้ว
เขาตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้มานานแล้ว แต่เมื่อวันนี้มาถึงหลิงฮันกลับชะงักเล็กน้อยเมื่อนึกไปถึงความเจ็บปวดในครั้งก่อนที่ร่างกายถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านและหลงเหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยววิญญาณ
แต่เพื่อที่จะแขงแกร่งขึ้น หลิงฮันกัดฟันสู้และกระโดดเข้าไปในเตาหลอม
การขัดเกลากินเวลาถึงสามวันสามคืน
ร่างของหลิงฮันเกิดใหม่อีกครั้งด้วยร่างของทารก ระยะเวลาสามเดือนไม่ได้ช่วยให้เขาเข้าใจถึงหลักการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านมากขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่ ดังนั้นร่างของเขาจึงยังคงเป็นทารกอยู่เหมือนเดิม
“เอาเถอะ… อย่างไรความทนของผิว กล้ามเนื้อ โลหิตและกระดูกของข้าก็พัฒนาขึ้นกว่าเดิม” หลิงฮันพยักหน้า “ด้วยการรู้แจ้งของข้าในตอนนี้ หากข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย ข้ามีโอกาสหนึ่งในร้อยที่จะสามารถกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้ ไม่เพียงแค่บาดแผลจะหายสนิทแต่ร่างกายก็จะฟื้นฟูกลับไปยังสภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น