Alchemy Emperor of the Divine Dao 1220-1226

ตอนที่ 1220

 

ในที่สุดหลิงฮันก็เริ่มออกเดินทาง


เดิมทีพาหนะแหวกเมฆาไม่สามารถนั่งได้หลายคน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะมันได้ถูกดัดแปลงเป็นเรือเหินดาราแล้ว หลังจากที่ป้อนพิกัดดาวเข้าไปมันก็สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง


ดังนั้น ทุกคนสามารถเข้าไปฝึกฝนอยู่ด้านในหอคอยทมิฬอย่างหายห่วง โดยไม่จำเป็นต้องมีคนคอยขับขี่


แม้พาหนะแหวกเมฆาจะได้รับการดัดแปลง แต่มันก็ยังต้องใช้เวลานานถึงสองปีกว่าจะไปถึงดาวหยุนติ่ง!


แต่สำหนับตัวตนระดับพระเจ้า เวลาสองปีไม่ได้นานอะไรเลย แต่พวกเขาทุกคนก็ไม่สามารถปล่อยให้เวลาสองปีสูญเปล่าได้


ฝึกฝน! ฝึกฝน! และฝึกฝน!


ถึงหอคอยทมิฬจะขาดแคลนพลังปราณ แต่เรื่องนั้นก็ไม่สำคัญ เพราะหลิงฮันมีผลึกก่อเกิดและเม็ดยาจำนวนมาก ตราบใดที่หลิงฮันยังคงเป็นผู้นำ เขาก็สามารถจัดหาเม็ดยาให้เหล่าพรรคพวกของเขาได้ ดังนั้นความก้าวหน้าของทุกคนจึงเป็นไปแบบก้าวกระโดด


ทุกคนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนบ่มเพาะพลัง แต่หลิงฮันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการปรุงยา


ตั้งแต่ที่เขาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา เขาก็พยายามหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง แล้วด้วยการฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่ารากฐานพลังไม่เสถียร


เม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเป็นเม็ดยาระดับแปด แต่ตอนนี้หลิงฮันเป็นแค่นักปรุงยาระดับห้าเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหลอมเม็ดยาข้ามระดับได้ขนาดนั้น แต่โชคยังดีที่เขามีสูตรเม็ดยาโบราณอยู่ เม็ดยาเหล่านั้นเป็นเม็ดยาระดับหกและเจ็ด ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่เขาจะหลอมสำเร็จ


หลิงฮันนำสูตรปรุงยาระดับหกออกมา มันมีชื่อว่าเม็ดยาระเบิดอัสนี


หลังจากที่ใช้เม็ดยานี้แล้วจะใช้พลังสายฟ้าได้และยกระดับพลังต่อสู้ได้สองดาว


ถึงมันจะเพิ่มพลังต่อสู้ได้แค่สองดาว แต่อย่างได้ดูถูกมันเชียว ต้องทราบก่อนว่าทั้งที่หลิงฮันมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม ยังมีพลังต่อสู้แค่หกดาว การที่พลังต่อสู้สองดาวถือว่ายอดเยี่ยมหรือไม่? แต่ถ้ายิ่งพลังต่อสู้สูงเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของมันก็จะลดลงเท่านั้น และอาจเพิ่มพลังต่อสู้ได้แค่หนึ่งดาว


ผ่านไปห้าเดือน ในที่สุดหลิงฮันก็หลอมเม็ดยาระเบิดอัสนีสำเร็จเป็นครั้งแรก หลังจากที่ล้มเหลวทั้งหมดเก้าครั้ง


จากนั้น เขาก็เริ่มศึกษาปรุงยาเม็ดยาระดับเจ็ดที่มีชื่อว่าเม็ดยาชำระล้างกระดูกที่สามารถช่วยยกระดับกายหยาบได้


เขาใช้เวลานานขึ้น หลังจากผ่านไปเจ็ดเดือนเต็ม หลิงฮันเริ่มลองอีกครั้ง และเมื่อเขาหลอมเม็ดยาชำระล้างกระดูกสำเร็จเป็นครั้งแรก การเดินทางสองปีของเขาเองก็ใกล้จะถึงสิ้นสุด


หลังจากที่เฟิงโป๋วหยุนและคนอื่นๆ ทะลวงผ่านระดับ พวกเขาไม่เพียงแค่ทำให้รากฐานพลังมั่นคงเท่านั้น แต่ยังมีความก้าวหน้าที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งติงผิง เขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดแล้ว มันน่าทึ่งมาก


ด้านหน้าของพวกเขามีดาวสีแดงปรากฏอยู่ นั่นคือดาวหยุนติ่ง


เหตุผลที่มันมีสีแดงเพราะมันมีสิ่งชีวิตใต้น้ำที่มีชื่อว่า สาหร่ายเมฆโลหิต ที่เติบโตอยู่ทุกหนแห่งในดาบหยุนติ่งและดาวหยุนติ่งมีพื้นที่น้ำมาก ดังนั้นทั้งดาวจึงมีสีแดง


พาหนะแหวกเมฆาหยุดเคลื่อนที่ ตอนนี้มันถูกควบคุมโดยหลิงฮัน อย่างไรก็ตามหลังจากที่มันถูกดัดแปลงเป็นเรือเหินดารา มันจึงไม่ใช่พาหนะที่โปรยบินบนท้องฟ้าได้อีกต่อไป นั่นเป็นเพราะความเร็วต้นของมันจะช้า แต่เมื่อความเร็วของมันไปถึงจุดสูงสุด มันก็จะรวดเร็วมากและง่ายต่อการชน


ดังนั้น ไม่ว่าหลิงฮันจะระมัดระวังแค่ไหน พาหนะแหวกเมฆาก็กระแทกพื้นอยู่ดีเมื่อร่อนลง แต่โชคดีที่มีรูปแบบอาคมป้องกันอยู่ ทำให้มันทนต่อแรงกระแทกดังกล่าวและไม่พัง มิฉะนั้นหลิงฮันมันคงเป็นปัญหาสำหรับหลิงฮันแน่ตอนกลับดาวเหอหนิง


เขาเก็บพาหนะแหวกเมฆาเข้าไปในหอคอยทมิฬ และพาเฟิงโป๋วหยุนกับคนอื่นๆออกมาสัมผัสกับพลังปราณของที่นี่


“พลังปราณของที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์กว่าดาวเหอหนิงกับดาวเฟยหยุนเล็กน้อย” พวกเขากล่าว


“บางทีระดับของจอมยุทธของที่นี่ก็อาจจะสูงกว่าด้วย”


จุดลงจอดของพวกเขาอยู่ในส่วนลึกของภูเขา หลังจากใช้ความพยายามเล็กน้อยเพื่ออกมาจากพื้นที่ภูเขา ในไม่ช้าพวกเขาก็เห็นเมืองที่ใกล้ที่สุด


อย่างแรกเลยที่พวกเขาต้องทราบคือ พวกเขาอยู่ที่ไหนและห้านิกายโบราณอยู่ที่ไหน


เมื่อพวกหลิงฮันมาถึงเมือง พวกเขาต่างก็เผยสีหน้าประหลาดใจ เพราะภายในเมืองมากมีจอมยุทธหัววัว หัวแกะ และหัวเสือ และอื่นๆ


นี่หมายความว่า…สัตว์อสูรฝึกฝนบ่มเพาะพลังจนทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้า จึงแปลงกายเป็นมนุษย์ได้!


ในดาวเหอหนิงและดาวเฟยหยุน สัตว์อสูรและเผ่ามนุษย์นั้นไม่ถูกกัน เจ้ากินข้า ข้ากินเจ้า และสังหารกันไปมา แต่ที่นี่มีเผ่ามนุษย์อยู่หลายคนอาศัยอยู่ภายในเมือง และดูเหมือนพวกเขาจะเข้ากันได้ดีกับสัตว์อสูร


ต่างดาว ต่างวัฒนธรรม


มันดูแปลกตาสำหรับพวกเขามาก แต่สัตว์อสูรครึ่งมนุษย์กลับไม่สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ราวกับคุ้ยเคยจอมยุทธเผ่ามนุษย์


หลิงฮันและพรรคพวกของเขาเดินเข้าไปในโรมเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพื่อหาข้อมูล เขาเรียกบริกรคนหนึ่งมาพูดคุย และในที่สุดเขาก็เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับดาวดวงนี้มากขึ้น


เหตุผลที่ว่าทำไมสัตว์อสูรและเผ่ามนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้นั้น นั่นเป็นเพราะพวกเขามีศัตรูร่วมกัน นั่นคือดินแดนใต้พิภพ!


หลังจากที่หลิงฮันซื้อแผนที่ ในที่สุดเขาก็ค้นพบตำแหน่งที่ตั้งของห้านิกายโบราณ มันตั้งอยู่ในใจกลางจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไม่ไกลจากพวกเขาเท่าไหร่นัก จากที่นี่น่าจะเดินทางประมาณครึ่งเดือน


จักรวรรดิราชวงศ์!


นี่แสดงให้เห็นขุมพลังนี้จะต้องมีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์


จักรพรรดิแห่งจักวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นที่รู้จักกันในนาม จักรพรรดิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ และกล่าวกันว่าเขาทะลวงผ่านจุดสูงสุดของระดับวารีนิรันดร์เมื่อล้านปีก่อน ตอนนี้เขากำลังวางแผนที่จะสืบทอดบัลลังก์ให้กับคนรุ่นหลัง เพื่อทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง


ส่งต่อบัลลังก์ให้กับคนรุ่นหลัง ไม่ใช่ลูกหลาน


ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น?


นั่นเป็นเพราะจักรพรรดิเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีชีวิตอยู่มานานมาก บุตรชายและหลานของเขาต่างก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว แต่เขายังมีลมหายใจอยู่

 

 

 


ตอนที่ 1221

 

เมื่อรู้ตำแหน่งที่ตั้งแน่ชัดของห้านิกายโบราณ หลิงฮันกับคนอื่นๆก็ออกเดินทางทันที


ครึ่งเดือนที่ผ่านมา หลิงฮันได้รับประสบการณ์ใหม่จากการหลอมเม็ดยาชำระล้างกระดูก แม้จะยังไม่สำเร็จแต่เขาก็ค้นพบจุดบกพร่องของตัวเอง เขาเชื่อว่าในการหลอมครั้งหน้าไม่เพียงแต่เขาจะหลอมเม็ดยาได้สำเร็จ แต่คุณภาพของมันจะต้องยอดเยี่ยมอีกด้วย


พวกเขาเข้าสู่อาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์และใช้เวลาห้าวันเดินทางไปถึงภูเขาชี่เฉียที่เป็นที่ตั้งของนิกายนกอมตะเมฆา


แน่นอนว่าจะต้องตามหาตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ให้เจอเสียก่อนถึงจะค่อยเริ่มแผนการทำลายห้านิกายโบราณ


แม้สิ่งที่ห้านิกายโบราณทำลงไปจะเป็นเรื่องต้องห้ามในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ทวีปฮงเทียนก็เปิดสวรรค์ขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว เพราะงั้นจึงไม่เหลือหลักฐานอะไรที่จะใช้ยืนยันว่าห้านิกายโบราณเคยใช้สิ่งมีชีวิตของโลกใบเล็กหลอมเป็นเม็ดยา


ดังนั้นหลิงฮันย่อมไม่ร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้แต่เลือกที่จะจัดการพวกมันด้วยมือของเขาเอง


“ไม่รู้ว่าตอนนี้จักรพรรดิดาบกับจักรพรรดิกระบี่ตะวันจะมีพลังบ่มเพาะระดับใดแล้ว” หลิงฮันกล่าวในใจ ทั้งสองคนเป็นตัวตนที่ในอดีตเขาทำได้เพียงแหงนมอง แต่เมื่ออยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้ว พรสวรรค์ของจักรพรรดิดาบกับจักรพรรดิกระบี่ตะวันคงเรียกไม่ได้ว่าเป็นอัจฉริยะ


แต่นั่นก็ไม่แน่เสมอไป บางทีศักย์ภาพของพวกเขาอาจจะพัฒนาเติบโตขึ้นหลังจากที่มาอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นไปได้


เขาเดินทางเข้าไปในเมืองเล็กๆที่อยู่ด้านใต้ภูเขาชี่เฉีย ซึ่งเมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมีนิกายนกอมตะเมฆาเป็นรากฐาน ในเมืองนี้มีจอมยุทธเดินเบียดเสียดกันไปทั่วบริเวณ


บางคนมาที่นี่เพื่อรับศิษย์ บางคนได้รับมอบหมายภารกิจจากนิกายนกอมตะเมฆาให้มาสะสางปัญหาที่เมืองนี้แก้ไขกันเองไม่ได้ บางคนก็มาเดินทางท่องเที่ยว และก็มีบางคนที่มาเพื่อค้าขาย


หลิงฮัน เหล่าพี่ชายของเขา ติงผิงและเฮ่อเหลียนเทียนหยุนพักอยู่ที่นี่สองสามวันเพื่อหาข้อมูล แต่สุดท้ายพวกเขาก็คว้าน้ำเหลวที่ไม่สามารถหาที่อยู่ของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์พบ


นอกจากสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์แล้วแม้แต่ร่องรอยของจักรพรรดิดาบ จักรพรรดิกระบี่ตะวันและคนอื่นๆพวกเขาก็หาไม่พบ


“จริงสิ!”


หลิงฮันปรบมือเข้าใจอะไรบางอย่าง จักรพรรดิดาบ จักรพรรดิกระบี่ตะวันเป็นชื่อเรียกของพวกเขาในโลกใบเล็ก แต่พวกเขาจะกล้าใช้ชื่อเช่นนั้นบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์งงั้นรึ?


หากพวกเขาแทนตัวเองว่าจักรพรรดิ แล้วจักรพรรดิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?


ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเปลี่ยนชื่อเรียกของตนเองอย่างเลี่ยงไม่ได้


หลิงฮันรู้ชื่อจริงของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็จริง แต่ชื่อของนาง… แปลกประลากเป็นอย่างมาก! เพื่อที่จะได้รู้ชื่อจริงของนาง เขาทั้งต้องช่วยนางหลอมเม็ดยาและยอมถูกนางรังแก


ยิ่งกว่านั้นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็เตือนเขาเอาไว้ด้วยว่าชื่อของนางห้ามกล่าวบอกกับใครอื่นเป็นอันขาด


“แล้วทีนี้จะหานางพบได้อย่างไร?”


หลิงฮันหมดหนทาง หลังจากคิดทบทวนได้ชั่วครู่เขาจึงตัดสินใจตามหาลูกศิษย์ทั้งสี่ของเขาเป็นอันดับแรก


ในตอนที่ห้านิกายโบราณลงมือครั้งก่อน สมควรเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ที่พาลูกศิษย์ทั้งสี่ของเขามายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน ดังนั้นหากถ้าตามหาลูกศิษย์ทั้งสี่พบ เขาย่อมรู้ว่าตอนนี้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์อยู่ที่ไหน


เอาแบบนี้แล้วกัน


เขาเปลี่ยนไปตามหาที่อยู่ของเจียนเยว่ซวน เฉินหลุยเจียง หยุนหย่งหวังและคังซิวหยวน ซึ่งเขาก็ได้รับข่าวดีในทันที หยุนหย่งหวังกับคังซิวหยวนนั้นค่อนข้างมีชื่อเสียง พวกเขาทั้งสองเป็นนักปรุงยาของตำหนักฮันหลิง


ตำหนักฮันหลิง?


ตัวอักษรหลิงกับฮันที่ถูกสลับกัน ไม่ใช่ว่ามันคือหลิงฮันหรอกรึ?


“เอาล่ะ มุ่งหน้าไปยังเมืองต้าหยิง!”


ตำหนักฮันหลิงตั้งอยู่ในเมืองต้าหยิงซึ่งหากจากภูเขาชี่เฉียราวๆสองวัน มันเป็นเมืองใหญ่ที่สุดที่ตั้งอยู่ใกล้นิกายนกอมตะเมฆา


พวกเขามาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากไต่ถามเล็กน้อยพวกเขาก็ได้รู้ว่าตำหนักฮันหลิงถูกเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียงสองพันปีเท่านั้น แต่ช่วงหลังนี้ชื่อเสียงของพวกตำหนักเริ่มโด่งดังขึ้นเนื่องจากนักปรุงยาอัจฉริยะสองคนที่กลายเป็นนักปรุงยาระดับห้าได้สำเร็จ


สามารถกลายเป็นนักปรุงยาระดับห้าได้แสดงว่าจะต้องมีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทรา ไม่เช่นนั้นจิตวิญญาณจะไม่แข็งแร่งเพียงพอสำหรับหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า นอกจากเสียจากว่าคนคนนั้นจะมีพลังวิญญาณที่แกร่งกล้าเหนือคนทั่วไป


หลิงฮันพยักหน้าในใจ ศิษย์ทั้งสองเติบโตได้อย่างน่าพอใจทีเดียว พวกเขาเชี่ยวชาญในศาสตร์ปรุงยาและใช้เวลาเพียงหนึ่งหมื่นปีฝึกฝนจากระดับทลายมิติจนบรรลุระดับสุริยันจันทรา


สมกับเป็นศิษย์ของเขา


หลิงฮันให้เฟิงโปหยุนซื้อที่พักในเมืองนี้และแยกย้ายกันหารวบรวมข้อมูลของห้านิกายโบราณ


สำหรับพวกเขา ห้านิกายโบราณถือว่าเป็นคู่แค้นคู่ชีวิต แต่ดาวดวงนี้ก็ยังเป็นอาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์ที่มีจอมยุทธระดับดารามากมาย บางทีดาวดวงนี้อาจจะมีตัวตนระดับวารีนิรันดรณ์หลายสิบหรือหลายร้อยคน พวกเขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าห้านิกายโบราณมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งแค่ไหน


เรื่องแก้แค้นน่ะเขาต้องลงมือแน่ แต่เขาจะไม่ทำอะไรผลีผลามเด็ดขาด


หลิงฮันเดินเตร็ดเตร่ในเมืองจนในที่สุดก็มาถึงตำหนักฮันหลิง


คับคั่งไปด้วยผู้คน!


หลิงฮันอดประหลาดใจไม่ได้ ธุรกิจของตำหนักดีขนาดผู้คนมาแย่งกันซื้อเม็ดยาเลย?


เขาฟังที่ผู้คนรอบๆพูดคุยกันและได้รู้ว่าธุรกิจของตำหนักฮันหลิงไปไม่ได้สวยนัก แต่ที่คนพลุกกล่านเป็นเพราะกำลังมีการประลอง


คนที่มาท้าประลองคือนักปรุงยาจากตำหนักเป่าหลิน พวกเขามาประลองแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปรุงยากับตำหนักฮันหลิง


แต่ถ้าพูดให้ถูก ทุกคนรู้ดีว่าตำหนักเป่าหลินมาเพื่อกดดันการค้าของตำหนักฮันหลิง


นั่นเพราะแต่เดิมแล้วตำหนักเป่าหลินเป็นสมาคมการค้าเม็ดยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองต้าหยิง ตำหนักฮันหลิงที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดนั้นแม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถคุกคามตำหนักเป่าหลินได้ แต่ในอนาคตนั้นไม่แน่


ตำหนักเป่าหลินเป็นสมาคมการค้าใหญ่ ตำหนักเป่าหลินในเมืองเมืองต้าหยิงเป็นเพียงตำหนักสาขาเท่านั้น มีคำกล่าวว่าตำหนักเม็ดยาของพวกเขามีสาขาย่อยทั่วทั้งจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความมั่งคั่งและอำนาจของพวกเขา ต่อให้เป็นจักรพรรดิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องไว้หน้าพวกเขาบ้างเล็กน้อย


ด้วยเหตุนั้นเอง ตอนนี้เมื่อนักปรุงยาจากตำหนักเป่าหลินมาท้าประลองที่นี่จึงไม่มีใครคิดว่าตำหนักฮันหลิงจะเป็นฝ่ายชนะ


“แพ้อีกแล้ว!” เสียงอุทานดังขึ้นด้านหน้าฝูงชน ทุกคนที่ดูอยู่ต่างส่ายหัว ตอนนี้ตำหนักฮันหลิงแพ้ไปสี่ครั้งแล้ว


หลิงฮันเบียดคนไปด้านหน้า ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เพียงแต่ปลดปล่อยอำนาจของระดับสุริยันจันทราออกมาเล็กน้อยก็สามารถเบียดคนไปยังด้านหน้าไปอย่างง่ายดาย


ด้านในตำหนักฮังหลิงฮันมีพื้นขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง บริเวณนั้นได้วางเตาหลอมเม็ดยาสองเตาเอาไว้โดยแต่ละเตามีคนของแต่จะฝ่ายยืนอยู่


หยุนหย่งหวัง! คังซิวหยวน!


หลิงฮันจำลูกศิษย์ทั้งสองได้ทันที แม้เวลาจะผ่านไปหมื่นปีแต่รูปลักษณ์ของทั้งสองคนก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ที่เปลี่ยนไปคือท่าของพวกเขาดูสุขุมและสงบนิ่งกว่าเดิม


“เหอๆ พวกเจ้าแพ้การประลองไปสี่ครั้งแล้ว ครั้งที่ห้าผลลัพธ์ก็คงออกมาไม่ต่างกัน!” ทางด้านเตาหลอมของตำหนักเป่าหลิน ชายชราที่ดูมีอายุราวๆหกสิบปียิ้มเยาะเย้ยด้วยท่าทีมั่นใจ


ในระยะสี่เดือนที่ท้าประลองมานี้ ตำหนักเป่าหลินของพวกเขาชนะการประลองหลอมเม็ดยาตั้งแต่เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งจนถึงเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ติดกัน


“นั่นก็ไม่เสมอไป!” หยุนหย่งหวังเค้นเสียงกล่าวและหันไปมองคังซิวหยวน” เจ้าจะประลองครั้งต่อไปเองหรือให้ข้าประลอง?


“ข้าเอง” คังซิวหยวนเดินไปด้านหน้า

 

 

 


ตอนที่ 1222

 

จริงอยู่ที่ตำหนักฮันหลิงจะแพ้การประลองสี่ครั้งรวด แต่หากเปรียบเทียบแล้วก็เหมือนกับการประลองของนิกายที่ถึงแม้จอมยุทธระดับภูผาวารีจะแพ้รวด แต่ถ้าหากจอมยุทธระดับสุริยันจันทราชนะ พวกเขาก็จะได้ชื่อเสียงคืนมทา


การประลองของนักปรุงยาก็เช่นกัน


นักปรุงยาระดับสูงที่สุดของตำหนักฮันหลิงฮันนักปรุงยาระดับห้า ดังนั้นถ้าหากต้องการกลืนกินตำหนักฮันหลิงก็ต้องเอาชนะนักปรุงยาระดับห้าทั้งสองคนให้ได้เสียก่อน แต่ก็ใช่ว่าการประลองสี่ครั้งก่อนจะปล่อยทิ้งไปได้ การพ่ายแพ้สี่ครั้งเป็นข้อพิสูจน์ว่าตำหนักเป่าหลินเหนือกว่าตำหนักฮันหลิงในด้านหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งถึงสี่


ตำหนักเป่าหลิงฮันตั้งใจเอาไว้เช่นนี้ พวกเขาต้องการเอาชนะนักปรุงยาของตำหนักฮันหลิงตั้งแต่ระดับล่างสุดจนถึงระดับสูงสุดเพื่อให้เห็นว่าหากใครจะซื้อเม็ดยา พวกเขาก็ต้องนึกถึงตำหนักเป่าหลินเป็นอันดับแรกเนื่องจากเม็ดยามาคุณภาพมากกว่า


เม็ดยาบางชนิดสามารถกินได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นยิ่งคุณภาพสูงก็ยิ่งดีกว่า


ดังนั้นแล้วตราบใดที่ตำหนักเป่าหลิงโค่นนักปรุงยาระดับห้าของตำหนักฮันหลิงลงได้ ตำหนักเป่าหลินก็จะเป็นผู้ชนะผูกขาดการค้าเม็ดยาไปโดยปริยาย


Anchor


คังซิวหยวนก้าวเดินไปด้านหน้าและกล่าว “ใครจะเป็นคนประลองกับข้า?”


“ข้าเอง!” ชายวันกลางคนหน้าตาไม่ต้อนรับแขก ร่างกายของเขาตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของสมุนไพร เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาต้องคลุกคลีอยู่กับสมุนไพรเป็นเวลามากมายหลายปี


“เหลียงจิงโปว?” คังซิวหยวนกล่าวเสียงขรึม


“โอ้ เจ้ารู้จักข้าด้วย?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม


คังซิวหยวนยิ้มและลก่าว “ชื่อของปรมาจารย์ที่เป็นที่กล่าวขานมาอย่างยาวนาน ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นนักปรุงยาระดับห้ามาแล้วเป็นเวลาเกือบแสนปีและอยู่ห่างจากนักปรุงยาระดับหกไม่ไกล”


เหลียงจิงโปวแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ นักปรุงยาก็เหมือนกับจอมยุทธ การข้ามระดับแต่ละระดับเต็มไปด้วยความยากลำบาก อย่ามองว่าเขาเป็นเพียงนักปรุงยาระดับห้าได้ในระยะเวลาหนึ่งแสนปีอย่างเดียว แต่การจะทะลวงผ่านจากระดับสุริยันจันทราขั้นต้นมายังขั้นกลางจำเป็นต้องใช้เวลาเท่าไหร่?


ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ต้องใช้เวลาสี่หรือห้าแสนปี!


ดังนั้นเขาจึงหวังว่าตัวเองจะยกรับดับกลายเป็นนักปรุงยาระดับหกในระยะหนึ่งแสนปีนี้ หากทำได้เขาจะถูกขนานนามว่าสุดยอดอัจฉริยะ


“คังซิวหยวน เจ้าเองก็เป็นนักปรุงยาอัจฉริยะ เหตุใดถึงไม่ละทิ้งตำหนักฮันหลิงแล้วมาเข้าร่วมกับตำหนักเป่าหลินล่ะ?” เหลียงจิงโปวยื่นข้อเสนอ


คังซิวหยวนส่ายหัว “ตำหนักฮันหลิงฮันสร้างขึ้นจากความพยายามอย่างหนักของข้ากับศิษย์พี่ ข้าจะไม่ยอมละทิ้งมันเด็ดขาด!”


“โอ้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว!” เหลียงจิงโปวยืดมือออกไป “เอาล่ะ มาประลองกัน!”


“โปรดชี้แนะด้วย!”


เหลียงจิงโปวนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ในเมื่อนี่เป็นการประลองระหว่างพวกเราและข้าก็อาวุโสกว่าเจ้าหลายปี ดังนั้นข้าจะยอมเป็นคนเลือกก่อนว่าจะหลอมเม็ดยาอะไร”


การเลือกก่อนและหลังสำคัญมาก เนื่องจากต่อให้เป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าเหมือนกันแต่ความยากในการหลอมเม็ดยาแต่ละชนิดนั้นต่างกัน คนที่เลือกก่อนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเล็กน้อยเพราะคู่ต่อสู้จะเลือกหลอมเม็ดยาที่เหนือกว่าได้


คังซิวหยวนไม่ปฏิเสธ อีกฝ่ายเรียนรู้ศาสตร์แห่งการปรุงยามาก่อนเขาหลายหมื่นปี เขาจะเรียกตัวเองว่าผู้อาวุโสก็ไม่นับว่าเกินไป


“ข้าจะหลอมเม็ดยาสี่ทิศ” หลังจากครุ่นคิด เหลียงจิงโปวก็กล่าวออกมา


คังซิวหยวนชะงักในใจเล็กน้อย เม็ดยาสี่ทิศเป็นเม็ดยาที่หลอมได้ยากยิ่งในหมู่เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า ถ้าต้องการเอาชนะอีกฝ่ายเขาต้องเลือกหลอมเม็ดยาที่ยากยิ่งกว่า แน่นอนว่าเขาสามารถเลือกหลอมเม็ดยาที่ง่ายกว่าได้ก็จริง แต่นั่นเขาก็ต้องภาวนาให้เหลียงจิงโปวหลอมเม็ดยาผิดพลาดเขาถึงจะชนะการประลอง


แต่ถ้าหากไม่มั่นใจ อีกฝ่ายจะเสนอตัวหลอมเม็ดยาสี่ทิศในการประลองเช่นนี้รึ?


เขาครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “งั้นข้าก็จะหลอมเม็ดยาสี่ทิศเช่นกัน”


ต่างฝ่ายต่างหลอมเม็ดยาสี่ทิศ การตัดสินย่อมง่ายมาก ฝ่ายไหนหลอมหลอมเม็ดยาได้จำนวนมากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้าเม็ดยามีจำนวนเท่านั้นก็จะตัดสินกันด้วยคุณภาพของเม็ดยา


“งั้นเริ่มกันเลย!” ทั้งสองฝ่ายเริ่มเตรียมสมุนไพรของตัวเอง


ตำหนักเป่าหลินเตรียมการมาอย่างดีแน่นอนว่าพวกเขาต้องนำสมุนไพรติดมาด้วย ส่วนคังซิวหยวนที่เป็นเจ้าของสถานที่ เขาย่อมจัดหาวัตถุดิบได้อย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานทั้งสองคนก็เริ่มลงมือหลอมเม็ดยา


จัดวางวัตถุดิบ สกัดสมุนไพร จุดเปลวเพลิง ทั้งสองคนเข้าสู่กระบวนการสำคัญของการหลอมอย่างรวดเร็ว


หลิงฮันที่มองดูอยู่สักพักก็อดส่ายหัวไม่ได้


ด้วยสายตาของจักรพรรดิปรุงยาเช่นเขาแล้ว คังซิวหยวนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหลียงจิงโปว


พรสวรรค์ในด้านปรุงยาของคังซิวหยวนไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่าย บางทีอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายขัดเกลาทักษะปรุงยาระดับห้ามาแล้วกว่าแสนปี ความต่างนี้กว้างใหญ่เกินไป


หลิงฮันตัดสินใจและเดินไปหาหยุนหย่งหวัง


“หยุด!” เมื่อเห็นรุ่นเยาว์แปลกหน้าเดินเข้ามา คนของตำหนักฮันหลิงก็รีบหยุดเขาไว้ทันที


หยุนหย่งหวังได้ยินเสียงกล่าวให้หยุดและเบนสายตามองไปยังหลิงฮัน เขาชะงักก่อนจะเผลอถามไปโดยไม่รู้ตัว “พวกเราเคยพบกันมาก่อนรึเปล่า?”


รุ่นเยาว์ตรงหน้าให้ความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยพบเจอที่ไหนมาก่อน แววตาของอีกฝ่ายแฝงไว้ด้วยความรู้สึกลึกลับอันมากล้น


หลิงฮันค่อยๆหลี่ตาลงและยิ้ม “ข้าต้องการเข้าร่วมตำหนักฮันหลิงได้รึไม่?”


หยุนหย่งหวังประหลาดใจ รุ่นเยาว์ผู้นี้ต้องการจะเข้าร่วมตำหนักฮันหลิงจริงๆรึ? เขาดูไม่ออกหรือไงว่าตอนนี้ตำหนักฮันหลิงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดี? ช่างประหลาดคนจริงๆ! “เจ้าเป็นนักปรุงยา?” เขากล่าว


หลิงฮันยิ้ม “ข้าเพิ่งเรียนรู้ได้ไม่กี่ปีเท่านั้น”


ไม่กี่ปีเท่านั้น?


หยุนหย่งหวังแน่นิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็พยักหน้ากล่าว “ตกลง!”


ในเวลาคับขันเช่นนี้หลิงฮันก็ยังเลือกเข้าร่วมกับตำหนักฮันหลิง… หยุนหย่งหวังรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก! ดังนั้นไม่ว่าหลิงฮันจะมีพรสวรรค์ในด้านปรุงยารึไม่นั้นเขาจึงไม่สนใจและต้อนรับด้วยความยินดี


“รุ่นเยาว์ เจ้ามีชื่อว่าอะไร?” เขาเอ่ยถามอีกครั้ง


“หลิงฮัน!”


“ว่าไงนะ!” หยุนหย่งหวังอุทานออกมาจนเกือบคุมตัวเองไม่อยู่ รุ่นเยาว์ผู้นี้มีชื่อแซ่เดียวกับอาจารย์ที่ตายไปแล้วของเขา? ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าเคยพบเจอรุ่นเยาว์ตรงหน้ามาก่อน ดังนั้นยิ่งพอได้ยินชื่อของอีกฝ่าย ร่างของเขาจึงสั่นสะท้านทันที


น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะมองยังไงก็ไม่เห็นถึงตวามคล้ายคลึงกันระหว่างรุ่นเยาว์ตรงหน้ากับอาจารย์ของเขา ยิ่งกว่านั้นก่อนที่เขาจะมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อาจารย์ของเขาก็หายตัวไปกว่าร้อยปีซึ่งสมควรจะตายไปแล้ว


‘ก็แค่บังเอิญ’ หยุนหย่งหวังกล่าวในใจ


“หลิงฮัน เจ้ามาจากที่ไหน?” หยุนหย่งหวังเผลอถามออกไป


“ดาวเหอหนิง” หลิงฮันตอบ


เขาไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกไปทันที เหตุผลแรกเลยก็เพราะที่นี่มีหูมีตามากมายเกินไป ถ้าเขาเปิดเผยตัวเองว่ามาจากทวีปฮงเทียน เรื่องนี้จะไปถึงหูของห้านิกายโบราณและส่งคนมาจัดการเขาแน่นอน เหตุผลที่สองคือ กาลเวลาได้ผ่านมาแล้วเป็นหมื่นปี เขาไม่แน่ใจว่าเหล่าลูกศิษย์ของเขาจะยังเป็นคนเดิมอยู่รึไม่


การเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ทั้งด้านดีและชั่วร้าย…


เขาต้องยืนยันเรื่องนี้ก่อน


หยุนหย่งหวังชะงักเล็กน้อย ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นกว้างใหญ่ไพศาล ถ้าหากไม่ใช่พ่อค้าระหว่างดวงดาว ผู้คนส่วนใหญ่ก็จะอาศัยอยู่ในดวงดาวใบเดิมจนสิ้นอายุขัย ยิ่งกว่านั้นดาวเหอหนิงก็อยู่ห่างไกลจากดาวดวงนี้สองร้อยล้านปีแสง ไม่น่าแปลกใจที่หยุนหย่งหวังจะไม่รู้จัก


“อืม!” หยุนหย่งหวังพยักหน้า สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความผิดหวังเล็กน้อยและตั้งสมาธิกลับไปจดจ้องชมการประลองระหว่างเหลียงจิงโปวกับคังซิวหยวนซึ่งจะเป็นจุดตัดสินอนาคตของตำหนักฮังหลิง

 

 

 


ตอนที่ 1223

 

หลิงฮันไม่สนใจการประลองมากนัก ถึงแม้คังซิวหยวนจะพ่ายแพ้ แล้วมันทำไม?


ในเมื่อมีจักรพรรดิปรุงยาอยู่ที่นี่ ตำหนังฮันหลิงจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร?


ยิ่งไปกว่านั้น เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าต้องใช้เวลาหลอมเกือบสิบวัน ดังนั้นเขาจึงเดินออกจากตำหนักฮันหลิงและไปหาเฟิงโป๋วหยุนกับคนอื่นๆเพื่อไม่ให้เสียเวลา นอกจากนั้นเขายังต้องวางแผนที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาอีก


เขายังไม่คิดที่จะรีบเปิดเผยตัวตนตัวตนทันที อย่างแรกเขาต้องได้พูดคุยกับทั้งสองเสียก่อน


แปดวันต่อมา หลิงฮันกลับไปที่ตำหนักฮันหลิงอีกครั้ง


การประลองระหว่างคังซิวหยวนและเหลียงจิงโปวใกล้จะถึงจุดตัดสิน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถชะล่าใจได้เด็ดขาด มิฉะนั้นอาจนำพาไปซึ่งความผิดพลาด…


ช่วงเวลาสำคัญที่สุดคือ ตอนใกล้หลอมเสร็จ


หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ทั้งสองคนหยุดมือแทบจะพร้อมกัน


“เปิด!” ทั้งสองคนตะโกนและฝาเตาหลอมก็เปิด แต่ก่อนที่คังซิวหยวนจะเปิดฝาเตาหลอม เขาผสานฝ่ามือและปล่อยเปลวเพลิงชนกันสามครั้ง มันคือเทคนิคสามเพลิงชี้นำ ซึ่งเป็นเทคนิคของหลิงฮัน


เหลียงจิงโปวเป็นคนแรกที่นำเม็ดยาที่หลอมเสร็จแสดงให้ทุกคนได้เห็น มันมีเม็ดยาสามเม็ดอยู่ในเตาหลอม ซึ่งดูเหมือนมันจะบินหนีไปได้ทุกเมื่อ แต่ถูกพลังของเขาผนึกเอาไว้ในเตา


คังซิวหยวนเอียงเตาหลอมเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าเองก็ไม่ทำให้พี่ชายเหลียงต้องผิดหวัง”


ในเตาหลอมของเขามีเม็ดยาอยู่สามเม็ดเช่นเดียวกัน


อย่างไรก็ตาม คังซิวหยวนแอบปาดเหงื่อเล็กน้อบ ถ้าเขาไม่ใช้เทคนิคสามเปลวเพลิงชี้นำปรับปรุงคุณภาพและเพิ่มอัตราสำเร็จในช่วงนาทีสุดท้าย เขาอาจหลอมได้แค่สองเม็ด


“เช่นนั้น เทียบกันด้วยคุณภาพ!”


ทั้งสองคนนำเม็ดยาออกมาจากเตาและแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบ


สำหรับนักปรุงยาอย่างพวกเขา เพียงแค่ตรวจสอบและดมกลิ่นก็สามารถประเมินคุณภาพของเม็ดยาได้แล้ว


สีหน้าของคังซิวหยวนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในแง่ของสีและกลิ่น อีกฝ่ายเหนือกว่าเล็กน้อย แต่นี่เป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน


คังซิวหยวนลังเล จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ข้าแพ้แล้ว!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เหลียงจิงโปวหัวเราะ การประลองครั้งนี้ทั้งที่คังซิวหยุนเป็นคนลงแข่งด้วยตัวเองแต่ก็ยังแพ้ นี่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก


“ไม่จำเป็นต้องเศร้า อีกฝ่ายเหนือกว่าเจ้ามาก นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นนักปรุงยาระดับห้ามาก่อนเจ้าหลายหมื่นปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะก้าวข้ามอีกฝ่ายในเวลาอันสั้น” หลิงฮันพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน


คังซิวหยวนหันไปเหลือบมองหลิงฮันด้วยสีหน้าตกตะลึง


เด็กนี่เป็นใคร? ทำไมเขาถึงดูคุ้นเคยและยังมีน้ำเสียงเหมือนอาจารย์


ก่อนหน้านี้เขาจดจ่ออยู่กับการปรุงยา ทำให้เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างที่เขาประลอง ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าหลิงฮันเป็นใคร กระทั่งตอนนี้เขาได้เป็นสมาชิกของตำนักฮันหลิงแล้วก็ตาม


แต่เหลียงจิงโปวรู้สึกรำคาญ เจ้าพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง? แพ้ก็คือแพ้ ไม่มีข้อแก้ตัว


ช่วยไม่ได้ที่เขาจะพูดออกมาว่า “หรือเจ้าจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้?”


“แพ้?” หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “การประลองยังไม่จบ ข้าจะแพ้ได้อย่างไร?”


ยังไม่จบ? แล้วมันทำไม? นักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าพ่ายแพ้ไปแล้ว นี่เจ้ายังต้องการอะไรอีก? เดี๋ยวก่อน เจ้าเด็กนี่เป็นใคร และเขามาจากไหน?


เหลียงจิงโปวกล่าว “เจ้าเป็นใคร? น้องคัง น้องหยุน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตำหนักฮันหลิงแห่งนี้มีเจ้าเด็กนี่เป็นคนตัดสินใจแทน?”


หลิงฮันโบกมือและพูดว่า “ข้าคือสมาชิกใหม่ของตำหนักฮันหลิง การประลองรอบต่อไป ข้าจะเป็นคนประลองกับเจ้าเอง ถ้าเจ้ามีเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกหรือระดับเจ็ดก็นำออกมา”


นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!


ข้าเองงั้นรึ?


เม็ดยาระดับหกหรือระดับเจ็ดงั้นรึ?


คำพูดของหลิงฮันทำให้เหลียงจิงโปวโกรธ ดวงตาของเขากลายเป็นแข็งทื่อและพูดว่า “น้องคัง น้องหยุน ตำหนักฮันหลิงของเจ้าปล่อยให้เด็กทำตามอำเภอใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”


คังซิวหยุนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาเห็นหลิงฮันเดินเข้ามาและคว้าเม็ดยาทั้งสามเม็ดออกไปจากมือของเขาได้อย่างง่ายดาย แม้จะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเหมือนกันก็ตาม


“ถ้าเสือไม่คำราม เจ้าคงคิดว่าข้าเป็นแมวป่วย” หลิงฮันโยนเม็ดยาทั้งสามเม็ดกลับเข้าไปในเตาหลอมและเริ่มปรับแต่ง


นี่มันอะไรกัน! เม็ดยาถูกหลอมเสร็จแล้ว แต่เจ้ากลับใส่เข้าไปในเตาหลอมเพื่อหลอมอีกครั้ง สมองของเจ้ามีปัญหาหรือไง!


ถึงเจ้าจะไม่พอใจคุณภาพของเม็ดยามากแค่ไหน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถโยนเข้ากองไฟและนำมาหลอมใหม่ มันไม่ใช่อาวุธ แต่เป็นเม็ดยาที่มีพลังมหาศาลอัดแน่นอยู่ภายใน พลังของมันอาจรั่วไหลได้ทุกเมื่อ และจะนำมาซึ่งการระเบิด


คังซิวหยวนอยากจะเข้าไปหยุด แต่เขาก็ถูกหยุนหย่งหวังหยุดเอาไว้ นี่ทำให้เขาประหลาดใจมากและพูดว่า “ทำไม?”


“ชื่อของเขาคือหลิงฮัน!” หยุนหยงหวังกล่าว


“ว่าไงนะ!” คังซิวหยวนตกตะลึง แต่แล้วเขาก็รีบส่ายหัวปฏิเสธทันที นี่จะต้องไม่ใช่อาจารย์ของพวกเขา เพราะอาจารย์ของพวกเขาตายไปแล้วเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน แต่เนื่องจากเด็กคนนี้มีชื่อเดียวกัน เขาจึงปล่อยให้หลิงฮันหลอมต่อ


หลิงฮันยังคงหลอมเม็ดยาไม่หยุดและเปลวเพลิงก็ลุกไหม้ หลังจากนั้นไม่นานกลิ่นหอมที่น่าทึ่งของเม็ดยาก็ลอยกระจายไปทั่วในรัศมีสิบลี้


“ทำไมเตาหลอมถึงไม่ระเบิด!” เหลียงจิงโปวตกตะลึง


เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล มันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำลายความสมดุลเมื่อถูกเปลวเพลิงเผา ดังนั้นพลังที่อัดแน่นมหาศาลจึงสามารถระเบิดออกได้ทุกเมื่อ ถ้าระเบิดเบา เตาหลอมแค่ระเบิด แต่ถ้าระเบิดรุนแรง มันก็จะเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ ซึ่งเทียบได้กับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นหนึ่งร้อยคงโจมตีพร้อมกันอย่างสุดกำลัง


ทว่าเม็ดยากลับไม่ระเบิด นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ


หรือว่าเขาจะไม่ได้ใส่เม็ดยาลงไป?


หลิงฮันเพ่งสมาธิและต้องการปรับปรุงคุณภาพของเม็ดยา ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยาก แม้เขาจะเป็นจักรพรรดินักปรุงยาก็ตาม แต่ยังดีที่มันเป็นแค่เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าเท่านั้น ซึ่งเขาเป็นนักปรุงยาระดับเจ็ดแล้ว โอกาสสำเร็จจึงสูงมาก


แต่ความยากลำบากในการปรังแต่งนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าการหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด ดังนั้นหลิงฮันจะต้องระมัดระวังอย่างรอบคอบ


การปรับปรุงคุณภาพไม่ใช่เป็นการหลอมเม็ดยาใหม่ เลยใช้เวลาไม่นานนัก เพียงแค่หนึ่งชั่วโมง หลิงฮันก็ปรับแต่งคุณภาพของเม็ดยาเสร็จสมบูรณ์


เขาเปิดเตาหลอม นำเม็ดยาออกมาและโยนให้กับเหลียงจิงโปว พร้อมกับพูดว่า “กบที่อยู่ก้นบ่อควรเรียนรู้ให้มากเข้าไว้”


เหลียงจิงโปวเผลอหยิบขึ้นมาตรวจสอบโดยไม่รู้ตัว เขากวาดสายตามอง และทันใดนั้นเองเขาก็เผยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

 

 

 


ตอนที่ 1224

 

เป็นไปได้ยังไง!


เหลียงจิงโปวเผยสีหน้าตกตะลึง ในฐานะที่เขาเป็นอัจฉริยะด้านศาสตร์ปรุงยา และถูกขนานนามว่าเป็นปรมาจารย์ เพียงแค่เหลือบมองเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเม็ดยานี้มีคุณภาพสูงกว่าก่อนหน้านี้แค่ไหน


เจ้าเด็กนี่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการหลอมยาและสมุนไพรอยู่ในระดับไหนกัน?


เม็ดยาที่หลอมเสร็จแล้วสามารถนำมาหลอมเพื่อปรับปรุงคุณภาพอีกครั้งได้อย่างไร?


ไม่อยากจะเชื่อ!


นักปรุงยาระดับห้าสามารถทำแบบนี้ได้หรือไม่?


คังซิวหยวนและหยุนหย่งหวังประหลาดใจเช่นเดียวกัน นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก แค่ความเข้าใจด้านศาสตร์ปรุงยา หลิงฮันก็เหนือกว่าพวกเขาอย่างสมบูรณ์! หากพูดถึงศาสตร์วรยุทธแล้ว การที่หลิงฮันสามารถแย่งเม็ดยาสี่ทิศจากคังซิวหยวนได้ นี่ก็สามารถอธิบายได้ว่าด้านวรยุทธของเด็กคนนี้เองก็ไม่ธรรมดา


อัจฉริยะที่เชี่ยวชาญทั้งด้านศาสตร์ปรุงยา และศาสตร์วรยุทธเช่นนี้ กลับยินดีเข้าร่วมตำหนักฮันหลิงของพวกเขาได้อย่างไร?


ยิ่งพวกเขาคิดเรื่องพวกนี้มากเท่าไหร่ มันก็ทำให้พวกเขายิ่งเวียนหัวมากขึ้นเท่านั้น


“นี่มัน!” ทุกคนในตำหนักเป่าหลินรีบเข้าไปล้อมเหลียงจิงโปวและศึกษาเม็ดยาสี่ทิศในมือของเขาอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาสามารถพิสูจน์ได้เพียงข้อเดียวคือ หลังจากเม็ดยาสี่ทิศได้รับการปรับปรุงคุณภาพจากหลิงฮัน คุณภาพของมันเหนือกว่าเม็ดยาสี่ทิศที่เหลียงจิงโปวหลอมไว้มาก


นี่เป็นเรื่องยากยอมรับและเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับตำหนักเป่าหลิน


“เป็นไงบ้าง?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราจะประลองกันต่อได้แล้วหรือยัง?”


ผู้คนของตำหนักเป่าหลินต่างมองหน้ากันไปมา สิ่งที่พวกเขารู้คือตำหนักฮันหลิงมีเพียงแค่นักปรุงยาระดับห้า ดังนั้นจึงไม่มีนักปรุงยาระดับหกและระดับเจ็ดมาด้วย


อย่างไรก็ตาม การที่หลิงฮันสามารถปรับปรุงคุณภาพของเม็ดยาระดับห้าได้ นี่เป็นตัวบ่งชี้ว่าความสามารถของเขาจะต้องเหนือกว่านักปรุงยาระดับห้า


เช่นนั้นในที่นี้ใครจะสามารถประลองกับหลิงฮันได้?


“โอ้ ข้าไม่คิดเลยว่าจะเสือซ่อนเล็บอยู่ในตำหนักฮันหลิง!” ชายชราคนหนึ่งจากตำแหน่งเป่าหลินกล่าว เขาเป็นแค่แซ่หู่ และทุกคนต่างเรียกเขาว่าปรมาจารย์หู่หรือนักปรุงยาหู่ ซึ่งเขาเป็นผู้นำกลุ่มตำหนักเป่าหลินในการประลองครั้งนี้


ด้านหนึ่งเขาได้สั่งให้ใครคนบางคนกลับไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น ในอีกด้านหนึ่งเขาก็พยายามควบคุมสถานการณ์ให้ราบรื่น พวกเขาชนะห้าตาติดและวันนี้เป็นโอกาสดีที่จะเอาชนะชนะตำหนักฮันหลิง แล้วเขาจะแพ้ได้อย่างไร?


“ข้าควรเรียกท่านว่าอะไรดี?” เขาถาม


“หลิงฮัน” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม


“หลิงฮัน…แห่งตำหนักฮันหลิง?” ปรมาจารย์หู่พูดพึมพัมคิดว่ามันแปลก แต่เขาก็คิดว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญ จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดต่อว่า “ปรมาจารย์หลิงช่างเยาว์วัยยิ่งนัก ถึงมีความสำเร็จด้านวรยุทธขนาดนี้ อนาคตของท่านจะต้องไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน! อย่างไรก็ตาม ปรมาจารย์หลิง ท่านเพิ่งเข้าร่วมตำหนักฮันหลิงได้ไม่นานใช่หรือไม่?”


พวกเขาทำการสืบหาข้อมูลก่อนที่จะเคลื่อนไหวอะไร เพราะพวกเขารู้ความแข็งแกร่งของตำหนักฮันหลิงดี แต่จู่ๆก็มีปรมาจารย์รุ่นเยาว์ที่พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจประมาทได้


“ปรมาจารย์หลิงเป็นผู้อาวุโสคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากตำหนักฮันหลิงของพวกเรา!” หยุนหยงหวังรีบกล่าวทันที เพื่อทำให้หลิงฮันมีสถานะไม่ธรรมดา


“โอ้!” ปรมาจารย์หู่พยักหน้าและหรี่ตาลงเล็กน้อย “ด้วยความสามารถของปรมาจารย์หลิง มันคงไร้ค่าที่จะอยู่ตำหนักเล็กๆอย่างตำหนักฮันหลิง แต่ถ้าท่านเข้าร่วมกับตำหนักหลินเป่าของพวกเรา โลกของท่านจะเปิดกว้างขึ้น”


นี่เขาคิดจะแย่งตัวในที่สาธารณะอย่างนี้เลยหรือ?


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโสของตำหนักฮันหลิง ข้าจะทำให้ตำหนักฮันหลิงขยายอาณาเขตไปทั่วจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ดาวหยุนติ่ง กระมั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ดังนั้นหากเจ้ายินดีเข้าร่วมกับตำหนักฮันหลิง ข้าจะให้คำแนะนำแก่เจ้าเป็นพิเศษ”


คำพูดของเขายิ่งใหญ่เกินไปแล้ว


คำพูดของหลิงฮันไม่ได้มีเพียงแค่ผู้คนของตำหนักเป่าหลินเท่านั้นที่เหงื่อตก แม้แต่ผู้คนของตำหนักฮันหลิงเองก็เหงื่อตกเช่นเดียวกัน อันที่จริงแล้วสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาภายในเมืองต้าหยิงไม่ค่อยสู้ดีนัก การที่จะครอบครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้…ไม่มีทางเป็นไปได้!


ปรมาจารย์หู่มุมปากกระตุกไม่หยุด เขาศึกษาปรุงยาเป็นล้านปี แต่กลับถูกฉีกหน้าโดยเจ้าเด็กนี่ โดนบอกจะให้คำแนะนำ แล้วเขาจะรู้สึกดีได้อย่างไร?


ถึงการเรียนรู้จะไม่จำกัดอายุ แต่อีกฝ่ายยังเด็กเกินไป แล้วเขาจะยอมรับเป็นอาจารย์ได้อย่างไร?


“ปรมาจารย์หลิงช่างเป็นคนที่มั่นใจตัวเองยิ่งนัก!” ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้แค่พูด ไม่สามารถลงไม้ลงมืออะไรได้


ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม หากตัดสินตามความสามารถของหลิงฮันแล้ว อย่างน้อยอีกฝ่ายจะต้องเป็นนักปรุงยาระดับห้า นักปรุงยาก็เหมือนจอมยุทธ ระดับสูงกว่าคืออาวุโส


นอกจากนี้ศาสตร์วรยุทธสามารถต่อสู้เกินกว่าระดับของตัวเองได้ แต่ศาสตร์ปรุงยาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นนักปรุงยาระดับใดก็ไม่สามารถปรุงยาเกินระดับของตัวเองได้


ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นนักปรุงยาที่มีระดับเหนือกว่าตัวเอง เขาจึงทำได้แค่ทำตัวสุภาพ มิฉะนั้นเขาจะได้รับความอับอายจากเหล่าผู้ติดตามของเขา


ขณะที่หยุนหยงหวังและคังซิวหยวนยิ้มกริ่ม


พวกเขาถูกกดขี่โดยตำหนักเป่าหลินอย่างไม่มีเหตุผล ภายใต้ลมหายใจของพวกมัน การกลับมาอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้จะไม่ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร? นี่เป็นความรู้สึกยอดเยี่ยมมาก เหมือนกับตอนที่พวกเขาอยู่โลกใบเล็กขณะติดตามอาจารย์


“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีปรมาจารย์ที่เก่งกาจอยู่ในตำหนักฮันหลิง!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะ มีชายวัยกลางคนสวมชุดสีเขียวผู้หนึ่งอายุประมาณสามสิบปีเดินออกมาจากกลุ่มฝูงชน


“อาจารย์เหอ!”


“เขาคือเหอจิงหยุนหรือที่รู้จักกันในนามนักปรุงยาระดับหกที่เยาว์วัยที่สุด และมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด!”


“หึ่ม ที่จะเรียกตัวเองว่าเยาว์วัยที่สุด แต่ที่ข้ารู้ยังมีอีกอย่างน้อยสิบคนที่เยาว์วัยกว่าปรมาจารย์เหอ แต่ยังไงก็ตามเขาเป็นอัจฉริยะนักปรุงยาอย่างแท้จริง สามารถก้าวเข้าสู่นักปรุงยาระดับห้าได้เมื่อสามหมื่นปีก่อน และกลายเป็นนักปรุงยาระดับหกเมื่อหนึ่งหมื่นปีที่แล้ว”


“น่าทึ่งมาก!”


“การที่ตำหนักเป่าหลินใช้เผ่าลับใบนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องการทำลายตำหนักฮันหลิงให้ได้!”


“ถูกต้อง ในเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว พวกเขาก็ต้องเอาชนะตำหนักฮันหลิงให้จงได้”


“แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าตำหนักเป่าหลินจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในครั้งนี้!”


“ข้าด้วย! ชายหนุ่มลึกลับผู้นี้ไม่สามารถดูแคลนได้ บางทีเขาอาจสามารถปาฎิหาริย์ก็เป็นได้!”


ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่มีใครคิดว่าเหอจิงหยุนจะเป็นฝ่ายชนะ


“คารวะปรมาจารย์เหอ!” นักปรุงยาจากตำหนักเป่าหลินโค้งคำนับให้กับเหอจิงหยุน ในโลกใบนี้ความแข็งแกร่งคือราชา


เหอจิงหยุนยกมือขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี!” จากนั้นเขาก็หันไปมองหลิงฮันและพูดว่า “เจ้าเพิ่งเข้าร่วมกับตำหนักฮันหลิง แล้วทำไมเจ้าจะต้องทุกข์ร้อนด้วย?”


“…” หลิงฮันเพียงแค่ยิ้มไม่ตอบคำถาม


ใครจะไปรู้ว่าคังซิวหยวนและหยุนหยงหวังคือลูกศิษย์ของเขา ในเมื่อเขาอยู่ที่นี่แล้ว เขาจะปล่อยให้ลูกศิษย์ของตัวเองถูกรังแกได้อย่างไร?


ตลก!


แววตาของเหอจิงหยุนกลายเป็นชาเย็น ในฐานะที่เขาเป็นนักปรุงยาอัจฉริยะ เขาจึงเป็นคนที่หยิ่งยโสและโอหังมาก


แต่ตอนนี้มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีอายุน้อยกว่าเขาปรากฏตัวและอาจมีฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา แน่นอนว่าเขาไม่มีความสุขและไม่พอใจกับเรื่องนี้


เขาพูดว่า “ข้าจะประลองกับเจ้า หากเจ้าแพ้ห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยาอีก!”

 

 

 


ตอนที่ 1225

 

ห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยา!


สีหน้าของทุกคนซีดเผือดทันที การเดิมพันเช่นนั้นมันมากเกินไป


อย่ามองว่าตำหนักเป่าหลินเป็นฝ่ายรังแกตำหนักฮันหลิง การกระทำของพวกเขาคือการแข่งขันทางการค้าจึงไม่อาจกล่าวโทษพวกเขาได้


แต่การเดิมพันของเหอจิงหยุน มันคือการสร้างความอัปยศ!


ห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยาอีก… หลิงฮันคิดจะอยู่ที่เมืองแห่งนี้ต่อไปรึเปล่า? หากพวกเขาเป็นฝ่ายแพ้ พวกเขาจะรีบออกจากเมืองนี้โดยไม่กล้ามาเหยียบที่นี่อีกต่อไป


แววตาของหลิงฮันเยือกเย็น เขายอมรับได้หากเป็นการประลองเพราะการแข่งขันทางการค้า แต่เห็นได้ชัดว่าเหอจิงหยุนจงใจเล็งเขาเป็นเป้าหมาย


‘เหอะ เจ้าแส่หาเรื่องใส่ตัวเอง!’


‘คิดเทียบกับจักรพรรดิปรุงยาเช่นข้า เจ้าคิดดีแล้ว?’


“ตกลง!” หลิงฮันไม่ปฏิเสธ เจ้าแส่หาเรื่องเองนะ


“เช่นนั้นประลองกันด้วยการหลอมเม็ดยาระดับหก!” เหอจิงหยุนจ้องมองสำรวจหลิงฮัน จากที่ดูแล้วอีกฝ่ายไม่น่ามีอายุถึงหนึ่งพันปี เขาจะรู้เรื่องเม็ดยาระดับหกดีเสียเท่าไหร่เชียว?


แต่เขาไม่มีทางคิดได้แน่นอนว่าศักยภาพของหลิงฮันนั้นไม่ใช่เพียงเป็นจักรพรรดิปรุงยา แต่เขายังมีต้นสังสารวัฏที่ช่วยลดระยะเวลาทำความเข้าใจจากหนึ่งปีให้เหลือเพียงหนึ่งวัน!


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ย่อมได้! เห็นแก่เจ้าอ่อนหัดกว่าข้า ข้าจะเป็นฝ่ายเลือกเม็ดยาก่อน เม็ดยาที่ข้าจะหลอมคือเม็ดยาระเบิดอัสนี”


ที่จริงเขาเรียนรู้เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเพียงแค่ชนิดเดียว เขาจะหลอมก่อนหรือหลังก็ไม่ต่างกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมจะไม่แสดงท่าทีข่มอีกฝ่ายเสียหน่อยล่ะ?


“เม็ดยาระเบิดอัสนี!” เหอจิงหยุนชะงักเล็กน้อย เม็ดยาที่ว่าคือหนึ่งในเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกที่ยากจะหลอมได้สำเร็จ มันคือเม็ดยาจะยุคโบราณที่ในปัจจุบันนี้มีเพียงนักปรุงยาไม่กี่คนที่หลอมมันได้


แต่ช่างบังเอิญเหลือเกินที่เขาก็เป็นหนึ่งในนั้น


“โอ้ งั้นข้าก็เลือกหลอมเม็ดยาระเบิดอัสนีเช่นกัน!” เหอจิงหยุนกล่าวด้วยท่าทีมั่นใจ


เขาแสยะยิ้มในใจ อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าเขาใช้ความพยายามไปกับเม็ดยาระเบิดอัสนีมากขนาดไหน แม้เม็ดยานิดนี้จะมีประโยชน์ต่อจอมยุทธเฉพาะกลุ่มที่บ่มเพาะทักษะสายฟ้า แต่ผลลัพธ์ของมันก็ยอดเยี่ยม มันสามารถทำให้พลังต่อสู้ของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางเพิ่มขึ้นถึงสองดาว มูลค่าของมันเรียกได้ว่ามหาศาล


เพราะงั้นแล้วเขาจะฝึกหลอมเม็ดยาชนิดนี้ทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่เพียงแค่เขาจะฝึกฝนหลอมเม็ดชนิดนี้จนมีอัตราสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คุณภาพของมันยังยอดเยี่ยมอีกด้วย


คิดจะหลอมเม็ดยาระเบิดอัสนีแข่งกับเขา?


เจ้าสร้างความอัปยศให้กับตัวเองแล้ว!


“งั้นก็เริ่มจัดเตรียมวัตถุดิบได้!” นักปรุงยาหู่กล่าว


ทั้งสิงฝ่ายเริ่มการจัดเตรียมสมุนไร แต่ทางด้านตำหนักงฮันหลิง พวกเขาไม่มีนักปรุงยาระดับหกพวกเขาจึงไม่ได้เตรียมสมุนไพรสำหรับเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเอาไว้


หลิงฮันยิ้มและนำวัตถุดิบออกมาจากหอคอยทมิฬ หยุนหย่งหวังและคังซิวหยวนชะงักด้วยความสับสนทันที


ทำไมหลิงฮันถึงจงใจช่วยเหลือตำหนักฮันหลิง? แต่ในเวลาเช่นนี้พวกเขาทำได้เพียงเก็บความรู้สึกสงสัยเอาไว้ในใจ


เมื่อทั้งสองฝ่ายเตรียมวัตถุดิบเสร็จสิ้น การประลองจึงเริ่มขึ้น


หลิงฮันหลอมเม็ดยาระเบิดอัสนีสำเร็จแล้วหลายครั้ง และหลังจากหลอมเสร็จทุกครั้งเขาจะวิเคราะห์ประสบการณ์การหลอมใต้ต้นสังสารวัฏเพื่อขัดเกลาให้ไร้ข้อบกพร่อง


จักรพรรดิปรุงยาที่มีต้นสังสารวัฏอันฝืนกฎสวรรค์อยู่ในครอบครอง… คุณภาพของเม็ดยาระเบิดอัสนีจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาลงมือหลอม


ตอนนี้เขาคุ้นเคยและหลอมมันได้อย่างไม่ยากเย็น


ในทางตรงกันข้าม เหอจิงหยุนนั้นมีท่าทีระมัดระวังไม่กล้าวอกแวก เหงื่อของเขาไหลท่วมหน้าผาก แววตาของเขาส่อถึงความเคร่งเครียด


เมื่อนำทั้งสองคนมาเทียบกันแล้ว ฝ่ายไหนเป็นปรมาจารย์ฝ่ายไหนเป็นมือใหม่ สามารถบอกได้อย่างชัดเจน


“ถ้าไม่ใช่ว่าหลิงฮันกำลังเสแสร้งอยู่ ด้วยท่าทีสงบนิ่งของเขา เกรงว่าการประลองนี้เขาจะเป็นฝ่ายชนะ”


“ฮ่าๆ เหอจิงหยุนบอกว่าใครแพ้ต้องห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยาสินะ?”


“ข้าทนรอดูผลลัพธ์ไม่ไหวแล้ว!”


“นั่นสินะ นักปรุงยาระดับหกที่ห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยาไม่ใช่สิ่งที่หาดูได้ทั่วไป”


ผู้คนรอบข้างกระซิบพูดคุยกันและคิดว่าเป็นไปได้มากที่หลิงฮันจะชนะ เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาหลอมถึงครึ่งเดือน ต่อให้ดูแล้วหลิงฮันจะเป็นฝ่ายเหนือกว่า พวกเขาก็ต้องรอครึ่งเดือนอยู่ดีถึงจะรู้ผลลัพธ์


ดังนั้นคนหลายคนจึงไม่ได้อยู่รออย่างใจจดใจจ่อเท่าไหร่ มีบ้างที่ออกไปหาอะไรกิน หรือไม่ก็กลับที่พักไปนอน หลังจากนี้อีกครึ่งเดือนพวกเขาค่อยมาดูผลลัพธ์การประลอง


เวลาเดินไปอย่างช้าๆและครึ่งเดือนก็ผ่านไป


Anchor


เหอจิงหยุนมีสีหน้าซีดเผือด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก การหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกจำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการควบคุมรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงแค่จิตใจจะเหน็ดเหนื่อย แต่พลังปราณยังแทบถูกใช้ไปหมดไม่เหลือ


เทียบกับหลิงฮันแล้วต่างกันอย่างมาก


หลิงฮันยังคงมีท่าทีสงบนิ่งไม่มีเหงื่อบนหน้าผากแม้แต่หยดเดียว แววตาของเขากระจ่างใสเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง


“เปิดเตา!” เหอจิงหยุนเปิดฝาเตาหลอม ‘พรึบ’ ทันทีที่ฝาเปิดออก เม็ดยาสามเม็ดก็ลอยออกมาราวกับพวกมันพยายามหนี เหอจิงหยุนเตรียมพร้อมไว้แล้ว เขาใช้มือขวาคว้าเม็ดยาทั้งสามไว้ในมือ


ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความพึงพอใจ ปกติเขาจะหลอมเม็ดยาได้เพียงสองเม็ดในหนึ่งเตา แต่ครั้งนี้เขากลับพัฒนาหลอมสำเร็จถึงสามเม็ด


เหอๆ ขนาดนี้แล้วเขาจะแพ้ได้อีกรึ?


หลิงฮันเปิดฝาเตาเช่นกัน ‘พรึบ’ เม็ดยาเรืองแสงจำนวนหนึ่งลอยออกมาจากเตา จำนวนของพวกมันเห็นได้ชัดเจนว่ามากกว่าสาม


ห้าเม็ด!


พรวด!


นักปรุงยาของทางตำหนักเป่าหลินสำลักทันที ถึงแม้ในหมู่พวกเขาจะไม่มีใครเลยที่หลอมเม็ดยาระเบิดอัสนีได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่รู้จำนวนสูงสุดของเม็ดยาที่ถูกหลอมสำเร็จ


หรือจะให้พูดก็คือหลิงฮันสามารถหลอมเม็ดยาชนิดนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ!


‘ตุบ’ เม็ดยาทั้งห้าตกอยู่ในมือของหลิงฮัน เมื่อเขาแบมือออกก็พบเห็นเม็ดยาสีฟ้าใสกำลังหมุนวนอยู่บนฝ่ามือราวกับว่าพวกมันพยายามจะหลบหนีออกจากการควบคุมของหลิงฮัน


เหอจิงหยุนกัดฟัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง นี่เขาแพ้งั้นรึ?


ยอมรับไม่ได้!


หากแพ้เขาก็ต้องห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยาและหมดสิ้นอนาคต


เขาโอดครวญอย่างไม่อาจยอมรับ “จำนวนของเจ้าอาจจะมากกว่าข้าก็จริง แต่เม็ดยานั้นเขาตัดสินกันที่คุณภาพต่างหาก ถ้าเม็ดยาระเบิดอัสนีของเจ้าคุณภาพเพียงหนึ่งหรือสองดาว มันจะเทียบกับเม็ดยาของข้าได้อย่างไร?”


ที่เหอจิงหยุนพูดก็ใช่ว่าไร้เหตุผล แต่โดยทั่วไปเม็ดยาที่ถูกหลอมแล้วมีจำนวนมากกว่าย่อมถูกคิดว่าดีกว่า ดังนั้นการตรวจสอบคุณภาพเม็ดยาจึงเกิดขึ้นเมื่อเม็ดยาที่ถูกหลอมมีจำนวนเท่ากันเท่านั้น


เห็นได้ชัดว่าเหอจิงหยุนยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “งั้นก็ตรวจสอบกันเลย!”

 

 

 


ตอนที่ 1226

 

ผลการตรวจสอบออกมาอย่างรวดเร็ว


ระดับของนักปรุงยากับความสามารถในการตรวจสอบเม็ดยานั้นไม่เหมือนกัน แม้จะเป็นนักปรุงยาระดับหนึ่งก็สามารถตรวจเม็ดยาระดับสูงกว่าได้หากพวกเขามีความเข้าใจในเม็ดยามากพอ


หลิงฮันเป็นฝ่ายชนะ!


Anchor


เม็ดยาระเบิดอัสนีของเหอจิงหยุนมีคุณภาพระดับหกได้อย่างเฉียดฉิว ส่วนของหลิงฮันนั้นเป็นเม็ดยาคุณภาพเก้าดาวอย่างแน่แท้


ที่เม็ดยามีคุณภาพเพียงเท่านี้เพราะหลิงฮันไม่ได้ใช้สามเปลวเพลิงชี้นำ เขายังไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนให้ศิษย์ทั้งสองรู้


เหอจิงหยุนจิตใจแตกสลาย เขาแพ้ด้วยความต่างของคุณภาพเม็ดยาที่ไม่ใช่เพียงหนึ่งหรือสองดาว


“เชิญ!” หลิงฮันยิ้ม


ถ้าแพ้ก็ห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยา


เหอจิงหยุนเค้นเสียงก่อนจะหันหลังจากไป เขาไม่มีหน้าจะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว


“เดี๋ยวก่อน เจ้าจะหนีไปดื้อๆแบบนั้นน่ะรึ?” หลิงฮันกล่าว


เหอจิงหยุนหันกลับมาและกล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “เจ้าต้องการให้นักปรุงยาระดับหกเช่นข้า… อ้ากก!”


ในขณะที่เขากำลังจะพูดจบ เขาก็ถูกหลิงฮันคว้าบิดแขนเอาไว้ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ พวกเขามีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นต้นเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมเขาถึงไม่สามารถต่อต้านพลังของหลิงฮันได้แม้แต่นิดเดียว?


“ข้าเกลียดคนที่ไม่รักษาสัญญาที่สุด!” หลิงฮันกดร่างของอีกฝ่ายลงกับพื้น “ในเมื่อเจ้าเป็นคนกล่าวเองเจ้าก็ต้องทำ!”


“ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่เส้นผม ข้ารับประกันเลยว่าตำหนักเป่าหลินจะบดขยี้เจ้าแน่!” เหอจิงหยุนขู่หลิงฮัน ถ้าเขาทำตามสัญญาจริงๆเขาคงไม่มีหน้าไปพบใครอื่น


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้ากลัวจริงๆ!” เขาใช้เท้าถีบลงไป “เจ้าจะทำตามสัญญารึไม่?”


เหอจิงหยุนปฏิเสธหัวชนฝา เขาไม่มีทางยอมเสียหน้าเช่นนั้นแน่


“ปรมาจารย์หลิง แค่นั้นก็พอแล้วดีกว่า” นักปรุงยาหู่และคนอื่นๆเกลี้ยกล่อม


“งั้นเอาเช่นนี้ หากมีใครทำตามสัญญาแทนเขา ข้าจะปล่อยเขาไป!” หลิงฮันยิ้ม


เหล่านักปรุงยาของตำหนักเปาหลินมองหน้ากันและส่ายหัว ล้อเล่นรึเปล่า คนที่ต้องเสียหน้าคือเหอจิงหยุนแท้ๆ เหตุใดพวกเขาต้องไปทำแทนด้วย?


“ไปขอความช่วยเหลือเร็ว!”


พวกเขาพยายามเกลี้ยกล่อมหลิงฮันในขณะที่รอให้ตำหนักเป่าหลินส่งใครมาช่วยเหลือ


อันที่จริงหลิงฮันไม่สนใจอยู่แล้ว ต่อให้เหอจิงหยุนไม่ทำตามสัญญา แค่อีกฝ่ายโดยเขาเหยียบย่ำอยู่ที่พื้นก็เสียหน้าพอแล้ว


ผ่านไปสักพักการช่วยเหลือจากตำหนักเป่าหลินก็มาถึง


“หยุดมือ!” จอมยุทธผู้หนึ่งกล่าวขึ้น เขาไม่ใช่นักปรุงยาอย่างแน่นอน ร่างกายของเขาไม่มีกลิ่นสมุนไพรติดอยู่เลยแม้แต่น้อย ด้านหลังของเขามีดวงตะวันและจันทราเต็มดวงสองดวงปรากฏอยู่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นสูงสุด


“ก็ได้!” หลิงฮันกล่าวเหมือนจะตกลง แม้ปากจะพูดเช่นนั้นแต่เท้าเขายังไม่หยุด


“ข้าบอกให้เจ้าหยุด!” จอมยุทธผู้นี้เกรี้ยวกราดและปล่อยฝ่ามือไปยังหลิงฮัน


หลิงฮันปล่อยหมัดตอบโต้และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าหยุดมือแล้ว แต่เจ้าไม่ได้บอกให้ข้าหยุดเท้าด้วย!”


‘ตูม!’


หมัดและฝ่ามือของทั้งสองปะทะกัน ร่างของหลิงฮันถูกกดลงพื้น พลังของเขาสามารถเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นปลาย พลังของเขายังเทียบไม่ได้กับชั้นสูงสุด แต่ด้วยกายหยาบที่แข็งแกร่งเขาจึงรับฝ่ามือเมื่อครู่ได้อย่างไร้รอยขีดข่วน


แต่อย่าลืมว่าเท้าของหลิงฮันยังเหยียบเหอจิงหยุนเอาไว้อยู่ พลังโจมตีเมื่อครู่ได้กดเท้าของหลิงฮันให้กระแทกลงพื้น ‘ตูม’ พื้นดินถูกทำลายเป็นเศษซากพร้อมกับร่างของเหอจิงหยุนที่จมลงไปในพื้นจนมองไม่เห็น


“เจ้า…” จอมยุทธผู้นั้นเกรี้ยวกราด เขาเป็นผู้คุ้มกันของตำหนักเป่าหลิง แม้พลังของเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แต่เมื่อเทียบกับหลิงฮันที่มีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นต้นแล้วเรียกได้ว่าเขาอยู่เหนือว่าหลายขุม


เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเหนือความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง


“ฮ่าๆ พวกเจ้าอยากจะประลองปรุงยาระดับต่อไปรึไม่?” แววตาของหลิงฮันกวาดมอง ผู้ที่เพิ่งมาถึงไม่ใช่แค่ผู้คุ้มกันของตำหนักเป่าหลิง แต่ยังมีนักปรุงยาอีกหลายคนด้วย


“รุ่นเยาว์เอ๋ย เจ้าคงไม่ได้หมายถึงเจ้าเป็นนักปรุงยาระดับเจ็ดหรอกนะ?” ชายชราคนหนึ่งกล่าวขึ้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ


เมืองต้าหยิงนั้นเป็นเมืองใหญ่ก็จริง แต่ถ้าหากมองจากมุมของจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์แล้วมันเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในละแวกนี้ก็คือนิกายนกอมตะเมฆาที่มีจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดคือระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด


เพราะงั้นแล้วนักปรุงยาระดับสูงสุดที่พำนักอยู่ในตำหนักเป่าหลินสาขานี้ก็คือนักปรุงยาระดับเจ็ด มีบ้างที่นานๆครั้งนักปรุงยาระดับแปดจะเดินทางมาปรุงเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดหากจำเป็นจริงๆ… อาณาเขตแถวนี้จอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดคือระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด หากหลอมเม็ดยาระดับแปดขึ้นมา พวกเขาจะขายให้กับใคร?


ชายชราผู้นี้แซ่หลี เขาเป็นหนึ่งในนักปรุงยาระดับเจ็ดที่พำนักอยู่ในตำหนักเปาหลินของเหมืองนี้ เขาเป็นนักปรุงยาระดับเจ็ดมานานถึงสองล้านปี เกรงว่าชั่วชีวิตนี้ของเขาคงไม่มีโอกาสยกระดับตนเองขึ้นเป็นนักปรุงยาระดับแปด


ด้วยความมากประสบการณ์เขาจึงหยิ่งยโส


แต่ตอนนี้กลับมีรุ่นเยาว์ที่ไหนไม่รู้ที่อายุน้อยกว่าเขาหลายเท่าพูดเป็นนัยๆว่าตนเองเป็นนักปรุงยาระดับเจ็ด แบบนี้แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกริษยาได้อย่างไร?


หลิงฮันเค้นเสียงและกล่าว “เฒ่าชรา เจ้าใช้ชีวิตมานานนมแล้วยกระดับตนเองต่อไปไม่ได้ก็เรื่องของเจ้า แต่การมาริษยาคนอื่นเช่นนี้นับว่าไม่ใช่เรื่องดี!”


“เจ้า!” นักปรุงยาหลีแทบจะระเบิดความโกรธออกมา เขาคำราม “ไม่เพียงแค่อวดดี แต่ยังไร้ไร้สัมมาคารวะอีกด้วย”


“ไร้สัมมาคารวะ?” หลิงฮันส่ายหัว “หากเป็นนักปรุงยาระดับเจ็ดเหมือนกัน ความเคารพควรตัดสินกันที่ความสามารถ ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะกำหนดเอาเอง!”


“ก็ได้ ชายชราผู้นี้จะประลองกับเจ้าเอง!” นักปรุงยาหลีคำราม เขาโกรธจนผมยาวทั่วหัวกระเซาะกระเซิง


“ตกลงตามนั้น!” หลิงฮันพยักหน้า “เจ้าอยากจะเดิมพันอะไรรึไม่?” เขากล่าวและชำเลืองมองไปยังเหอจิงหยุนใต้เท้า


นักปรุงยาหลีเค้นเสียงดูถูกและกล่าว “ถ้าเจ้าแพ้จงไสหัวออกไปจากเมืองต้าหยิงซะ!”


“ไม่มีปัญหา ถ้าเจ้าแพ้ก็เชิญเจ้าออกไปด้วย!” หลิงฮันกล่าว


“ปรมาจารย์หลี!” คนของตำหนักเปาหลินรีบเข้ามาเตือน รุ่นเยาว์ตรงหน้าพวกเขามีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดแถมพละกำลังก็น่าสะพรึงกลัวเกินไป หากจะเดิมพันกับเขามันค่อนค่างเสี่ยงไปหน่อย


“อะไร พวกเขาไม่เชื่อในตัวข้างั้นรึ?” นักปรุงยาหลีขุ่นเคือง เขากวาดสายตามองทุกคนด้วยสีหน้าไม่พอใจ


คนของตำหนักเป่าหลินเหงื่อตก พวกเขาเห็นการหลอมเม็ดยาของหลิงฮันมาแล้ว รุ่นเยาว์ผู้นี้ไม่สามารถตัดสินได้ด้วยรูปลักษณ์และอายุ ความสามารถด้านปรุงยาของเขาเรียกว่าลึกจนจะหยั่งถึง


“เจ้าหนู มาประลองกัน วันนี้ชายชราจะแสดงให้เจ้ารู้เองว่าขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่า!” นักปรุงยาหลีกล่าวกับหลิงฮัน


หลิงฮันยิ้ม “เห็นแก่ว่าท่านชราภาพมากแล้วข้าจะเลือกเม็ดยาก่อนแล้วกัน เม็ดยาที่ข้าจะหลอมคือเม็ดยาชำระล้างกระดูก”


พรวด!


นักปรุงยาหลีสำลักออกมา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)