Alchemy Emperor of the Divine Dao 1213-1219
ตอนที่ 1213
ไม่ใช่ว่าหลิงฮันเป็นเพียงพวกบ้านนอกจากโลกใบเล็กรึไง?
เขามีจักรพรรดินีของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะที่กล้าต่อต้านปรมาจารย์สามวิถีเพื่อช่วยเหลือเขา แต่นั่นก็อยู่ในระดับที่พวกเขายังพอรับได้ เพราะสุดท้ายจักพรรดินีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปรมาจารย์สามวิถี
เพียงแต่ว่าเด็กสาวที่หล่นมาจากท้องฟ้าผู้นี้นั้นเป็นตัวตนที่ลึกลับเกินไป จอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดถูกนางสังหารในพริบตา
ถ้าหากนางไม่ใช่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์แล้วจะเป็นอื่นใดได้?
หลิงฮันมีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ด้วย!
แม้แต่จิตใจของจักรพรรดิแห่งดาราก็ยังสะท้าน นางไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะมีผู้ช่ายที่น่าสะพรึงกลัวเพียงนี้
…แม้เซียนหวู่เซียงจะเป็นตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาตายมาแล้วที่หลายล้านปี ตอนนี้เขาเป็นก้อนพลังวิญญาณที่ใช้พลังไม่ได้แม้แต่เสี้ยวเดียว
ส่วนสตรีผู้นี้เห็นได้ชัดว่านางติดหลิงฮันมากจนดูไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง
ความหลงใหลที่นางมีต่อหลิงฮันนั้นดูยิ่งใหญ่ ความสัมพันธ์ของทั้งสองราวกับถูกผูกมัดเข้าด้วยกัน
หลิงฮันประหลาดใจมาก เขารู้ดีว่าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์เป็นขุมกำลังที่ทรงพลังหาใครเปรียบที่สามารถบดขยี้โลกใบเล็กได้อย่างง่ายดาย ด้วยการสนับสนุนจากพวกนางพลังบ่มเพาะของฮูหนิวจะต้องพัฒนาอย่างรวดเร็วแน่นอน
แต่ก็ต้องรู้ว่าการพลังบ่มเพาะของตัวเขาเองก็ไม่ได้เชื่องช้า ไม่เลยแม้แต่น้อย ในจักรวาลแห่งนี้นอกจากเขาแล้วใครอื่นบ้างที่บรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์สูงสุดด้วยอายุน้อยกว่าสามสิบปี?
ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ไม่มีทางปล่อยให้ฮูหนิวออกมาวิ่งเล่นเพียงคนเดียวแน่นอน หญิงชราชุดสีฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวผู้นั้นจะต้องคอยคุ้มครองฮูหนิวอยู่ภายในความมืดไม่ผิดแน่…
ที่คาดไม่ถึงก็คือฮูหนิวในตอนนี้แข็งแกร่งพอที่จะสังหารจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดได้ในพริบตา ความเร็วในการบ่มเพาะพลังเช่นนี้เขาเทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ต่อหน้าฮูหนิวเขาจะยังเรียกตัวเองว่าเป็นอัจฉิรยะได้อยู่รึเปล่า? หากยังคิดเช่นนั้นอยู่เขาก็โง่เกินทนแล้ว!
“หลิงฮันไม่ได้โง่เสียหน่อย!” ฮูหนิวพูดราวกับว่าอ่านความคิดหลิงฮันออก นางกอดหลิงฮันและจูบเข้าที่ใบหน้า “หนิวจะทำให้หลิงฮันแข็งแกร่งแบบสุดๆเอง!”
คนอื่นๆกลายเป็นไร้คำพูด เด็กสาวคนนี้เมื่อครู่เป็นดั่งเทพสังหารแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมีท่าทางเหมือนนกน้อย พวกเขาแทบไม่เชื่อว่าเป็นนางจะเป็นคนคนเดียวกัน!
ทุกคนรู้สึกอิจฉาในดวงของหลิงฮันมากที่สามารถครอบครองหัวใจของเด็กสาวที่ทั้งงดงามและแข็งแกร่งเช่นนี้ได้
“อั่ก…” หยางฮ่าวที่น่าสงสารกำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน เขาถูกฮูหนิวทำให้หมดสติจึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างไร เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมากที่ถูกทำให้หมดสติไปถึงสองครั้งติดในวันนี้
เขาเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของนิกายสวรรค์เยือกแข็งและถูกปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์รับเป็นศิษย์ เมื่อได้รับความอัปยศเช่นนั้นจะไม่ให้เขารู้สึกอับอายได้อย่างไร?
ครืนน!
ผมสีดำของหยางฮ่าวสยายตั้งขึ้นฟ้า ความโกรธของเขาปะทุขึ้นสุด ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงและจ้องเขม็งไปยังฮูหนิว
นอกจากนางแล้วไม่มีใครอื่นที่เป็นคนนอกในที่แห่งนี้
นางจะต้องใช้วิธีลับบางอย่างทำให้ทำหมดสติเป็นแน่
เขาไม่รู้ว่าวิธีที่ว่าคืออะไร แต่เขาไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อยเนื่องจากที่นี่คือนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ภายใต้อารมณ์แห่งความโกรธเขาจึงไม่สังเกตเห็นศพจอมยุทธระดับดาราที่นอนนิ่งอยู่ที่นี่ แม้แต่ก่าวฮวงกับฮวาหยางเหวินที่กำลังกระอักโลหิตอยู่เขาก็ไม่สังเกตเห็น
ความคิดเดียวในหัวเขาตอนนี้คือ ‘แก้แค้น!’
“ฮ่าวเอ๋อร์!” ปรมาจารย์สามวิถีเปิดปากตะโกน น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความวิตกกังวลอย่างถึงที่สุด
การที่อีกฝ่ายสามารถสังหารศิษย์สองคนของเขาได้โดยที่เขามองไม่เห็นการโจมตีแม้แต่น้อยทำให้เขาตกตะลึงมาก ระดับพลังของอีกฝ่ายจะต้องไม่ต่ำกว่าเขาแน่นอน!
เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายยังเยาว์วัยเกินไป ปรมาจารย์สามวิถีจึงไม่คิดว่าฮูหนิวจะมีประสบการณ์ต่อสู้มากเหนือเขา สิ่งที่เขาให้เขารู้สึกอิจฉาก็คือขุมอำนาจเบื้องหลังฮูหนิวต่างหาก
สามารถฝึกฝนบ่มเพาะจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่เยาว์วัยเช่นนี้ได้ ไม่ใช่ว่าเบื้องหลังของนางต้องเป็นขุมอำนาจของตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งหรอกรึ?
ความโกรธของเซียนสามารถทำลายล้างได้แม้กระทั่งจักรวาล ต่อหน้าตัวตนเช่นนั้นพลังระดับวารีนิรันดร์ย่อไม่เพียงพอ! ยิ่งกว่านั้นเขาก็มีพลังระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นเท่านั้น ความแตกต่างกับเซียนเรียกได้ว่ากว้างใหญ่ไพศาล
ดังนั้นเขาจึงเลือกระงับอารมณ์เอาไว้
“ท่านอาจารย์!” หยางฮ่าวรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำไมปรมาจารย์สามวิถีถึงห้ามรั้งเขา? ท่านไม่เห็นรึไงว่าใบหน้าหล่อๆของเขาถูกเหยียบย้ำจนรู้สึกอัปยศขนาดไหน?
ผู้คนรอบข้างส่ายหัวอย่างหมดท่า หยางฮ่าวไม่สมควรร้องขอความเป็นธรรมต่อหน้าหลิงฮัน
เจ้ารู้รึไม่ว่าจอมยุทธระดับดารานอนแน่นิ่งไร้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปแล้วสองคน ส่วนศิษย์ระดับสุริยันจันทราอีกสองคนก็ดูท่าจะไม่รอดชีวิตแล้ว เจ้าควรจะรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เพียงโดยเด็ดสาวผู้นั้นเหยียบหน้า
เจ้าเป็นเพียงศิษย์ของตัวตนระดับวารีนิรันดร์ ส่วนหลิงฮันน่ะรึ? เขาเป็นคนรักของเด็กสาวที่ดูเหมือนจะมีพลังระดับวารีนิรันดร์ เจ้าคิดว่าจะเทียบกับหลิงฮันได้รึไง?
หยางฮ่าวแม้จะไม่สบอารมณ์แต่ก็หวั่นเกรงปรมาจารย์สามวิถี เขาพยายามระงับอารมณ์โกรธของตัวเองทันที
แม้หยางฮ่าวจะยั้งมือเอาว้ แต่มีรึที่ฮูหนิวจะหยุดแค่นี้?
กล้าทำร้ายหลิงฮันของนาง ทุกคนที่นี่ต้องตาย!
“กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายหลิงฮันของหนิว!” ฮูหนิวตัดสินใจเริ่มคิดบัญชีจากคนที่น่ารังเกียจที่สุด นางจ้องไปยังหยางฮ่าว “หนิวจะบดขยี้เจ้า!”
หย่างฮ่าวรู้สึกขบขัน เด็กตัวแค่นี้กล้าพูดจาใหญ่โตเช่นนี้เลยรึ
แต่เมื่อเห็นว่าเด็ดสาวตรงหน้ามีรูปลักษณ์ที่งดงาม ความโกรธของหยางฮ่าวก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ฮูหนิวลงมือ ‘ตูม’ ท้องฟ้าราวกับจะพังทลาย อุกกาบาตนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาจากเบื้องบน ท้องฟ้าถูกย้อมเปลี่ยนเป็นสีเพลิง ยอดเขาสูงสุดที่พวกเขายืนอยู่สั่นไหว
หยางฮ่าวหวาดกลัวจนฉี่ราดทันที
นางมีพลังบ่มเพาะสูงขนาดไหนกันแน่ เพียงแค่นางลงมือสวรรค์และปฐพีก็ราวกับจะแหลกสลาย จักรวาลราวกับจะถูกลบเลือนหายไป!
“หยุด!” ในที่สุดปรมาจารย์สามวิถีก็ลงมือตอบโต้
ศิษย์สองคนของเขาตกตายไปแล้ว ที่เขาไม่ได้ลงมือตอนนั้นเป็นเพราะเขาไม่คาดคิดว่าฮูหนิวจะทรงพลังเพียงนี้ แต่หยางฮ่าวเป็นศิษย์ที่เขาเพิ่งรับมาใหม่ เขาคาดหวังกับศิษย์คนนี้ไว้สูงและไม่ต้องการให้หยางฮ่าวตาย
.
เมื่อตัวตนระดับวารีนิรันดร์ลงมือ ‘ครืนน’ วงวิถีจักรวาลก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของปรมาจารย์สามวิถี ออร่าของเขาระเบิดออกมาอย่างมหาศาล
‘ครืนนน’ ศิษย์ทั่วทั้งนิกายสวรรค์เยือกแข็งล้มลงสู่พื้นเนื่องจากได้รับแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว
วงวิถีจักรวาลห่อหุ้มร่างของหยางฮ่าวเอาไว้ มันคือพลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
ตอนที่ 1214
วงวิถีจักรวาลหมุนไปมาโดยมีดวงดาวขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนโคจรอยู่รอบๆ
หยางฮ่าวอุ่นใจขึ้นมาทันใด เมื่ออาจารย์ลงมือแล้วต่อให้อีกฝ่ายเป็นใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้!
คิดจะสังหารเขางั้นรึ? ช่างน่าขัน
แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้ สตรีตรงหน้าเป็นใครกัน เหตุใดนางถึงได้ทรงพลังจนปรมาจารย์สามวิถีต้องลงมือเอง นางยังเยาว์วัยนัก แถมยังมีพลังบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง ถ้าหากได้นางมาครอบครองล่ะก็… ความโลภก่อตัวขึ้นในความคิดหยางฮ่าวหยางฮ่าว
สตรีที่งดงามเช่นนั้น จะไม่ให้เขาจิตใจหวั่นไหวได้อย่างไร?
ทันใดนั้นเอง หมัดที่ชกอย่างไม่แยแสของฮูหนิวก็พุ่งเข้ามา ‘ปัง’ วิถีจักรวาลแตกสลายในพริบตาพร้อมกับดวงดาวขนาดใหญ่ที่ระเบิดกระจุย
อะไรกัน!
หยางฮ่าวตกอยู่ในความหวาดกลัวอันไร้ที่สิ้นสุด อีกฝ่ายปล่อยหมัดออกมาลวกๆ การป้องกันของตัวตนระดับวารีนิรันดร์ๆก็ถูกบดขยี้เป็นเศษซาก
นางไม่ใช่ศัตรูที่จะต่อกรได้แม้แต่น้อย!
พลังของสตรีตรงหน้าลึกลับราวกับเทพเซียน
ฮูหนิวเดินไปคว้าหัวของหยางฮ่าวและกล่าว “ตัวอัปลักษณ์เช่นเจ้า บังอาจทำร้ายหลิงฮันของหนิว ช่างโง่เง่ายิ่งนัก!”
‘ตุบ’ ปรมาจารย์สามวิถีล้มลงกับพื้น ภายใต้อำนาจที่ทรงพลังเมื่อครู่ ยอดเขาสูงสุดแห่งนี้ถูกบดขยี้จนเกิดเป็นรอยยาวตั้งแต่ยอดเขาจนถึงตีนเขา
ทั่วบริเวณของยอดเขาพังทลายไม่เหลือซาก
น่ากลัวเกินไป… ฮูหนิวไม่ได้เล็งแม้แต่น้อย แม้จะใช้เพียงหมัดธรรมดาในการทำลายการป้องกันของเขา แต่แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจากอำนาจของหมัดนั้นทำให้ปรมาจารย์สามวีถีไม่สามารถควบคุมจนเองได้และล้มนั่งก้นกระแทกภูเขา
‘ครืนนน’ ท้องฟ้าเบื้องบนพังทลาย ผู้คนรอบข้างยืนแน่นิ่งเป็นรูปปั้นหิน
พวกเขาตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
ในตอนแรกทุกคนคิดว่าฮูหนิวเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด นางจึงสามารถทำให้หยางฮ่าวหมดสติได้ ส่วนในตอนที่นางโค่นก่าวฮวงกับฮวาหยางเหวินอย่างง่ายดาย พวกเขาก็เปลี่ยนไปคิดว่านางเป็นจอมยุทธระดับดารา
แต่พอฮูหนิวสังหารจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดสองคน ทุกคนก็เปลี่ยนใจอีกครั้งโดยคิดว่านางเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์
ความจริงแล้ว… พลังของนางคือระดับไหนกันแน่?
ด้วยหมัดที่ปล่อยออกมาลวกๆก็สามารถทำให้ปรมาจารย์สามวิถีล้มลงได้
นางเป็นตัวตนที่สูงกว่าอย่างสมบูรณ์!
จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางไม่ก็ขั้นสูง? หรือบางที… อาจจะขั้นสูงสุด?
“ระดับสร้างสรรพสิ่ง… นางเป็นจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง!” ปรมาจารย์สามวิถีหวาดกลัว เขาเคยเห็นการต่อสู้ระหว่างจ้าวอสูรกับเซียนที่สนามรบสองดินแดนมาก่อน มันคือพลังที่สามารถบดขยี้ดวงดาวทิ้งได้จนไม่เหลือเศษซาก
เซียนคือจอมยุทธที่มีพลังระดับสร้างสรรพสิ่ง ส่วนจ้าวอสูรคือเผ่าอสูรที่มีพลังเทียบเท่าระดับสร้างสรรพสิ่ง ความแข็งแกร่งของทั้งสองทัดเทียมกัน
พรวด!
ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้างอีกครั้ง เด็กสาวผู้นี้… คือเซียน!
‘เซียน’ ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล!
“พระเจ้า!”
“ไม่น่าเชื่อ!”
ทันใดนั้นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็บินเข้ามา พวกเขาเป็นจอมยุทธระดับดาราของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง เกิดการต่อสู้ที่รุนแรงเช่นนี้ขึ้นหากพวกเขาไม่สังเกตและเคลื่อนไหว พวกเขาก็ไม่เรียกตนเองจอมยุทธระดับดาราแล้ว
แต่เมื่อพวกเขามาถึง แต่ละคนต่างแสดงสีหน้ามึนงง
เกิดอะไรขึ้น!
ปรมาจารย์สามวิถีกำลังนั่งอยู่กับพื้น ผมของเขากระเซาะกระเซิงยุ่งเหยิง เหตุใดเขาถึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้?
ใครกันสามารถทำให้ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์กลายเป็นแบบนี้ได้?
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” ใครคนหนึ่งเอ่ยถาม
นี่คือสิ่งที่ทุกคนที่เพิ่งมาถึงอยากรู้ พวกเขาไม่กล้าถามปรมาจารย์สามวิถีโดยตรงจึงเลือกถามคนอื่นแทน และเมื่อพวกได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที
ถ้าปรมาจารย์สามวิถีไม่ได้นั่งอยู่ที่พื้น พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อแน่ ในจักรวาลแห่งนี้ไม่มีทางที่ปรมาจารย์สามวิถีจะแพ้ใคร
เซียนระดับสร้างสรรพสิ่ง? เด็กสาวคนนี้น่ะรึ? เป็นไปได้อย่างไร…
นางยังเยาว์วัยมาก อายุของนางไม่มีทางเกินหนึ่งร้อยปีแน่นอน ต่อให้เป็นสุดยอดอัจฉริยะ ถ้าอายุร้อยปีอย่างมากพวกเขาก็บรรลุเพียงระดับภูผาวารีเท่านั้น ในยุคบรรพกาลอาจจะมีบ้างที่บรรลุระดับสุริยันจันทรา แต่ในยุคสมัยนี้เรียกได้ว่าหาได้เพียงน้อยนิด ไม่ต้องกล่าวถึงระดับสร้างสรรพสิ่งเลย
‘เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ’ ด้วยนิสัยของฮูหนิว นางไม่แยแสต่อคนอื่นๆแม้แต่น้อย นางตบใบหน้าของหยางฮ่าวจนบวมเหมือนหัวหมู นางยิ้มและกล่าว “หลิงฮัน หมอนี่ดูดีกว่าเดิมรึยัง?”
หลิงฮันยิ้ม “แน่นอน ดูสบายหูสบายตาขึ้นเยอะ”
เมื่อหลิงฮันชมฮูหนิวก็ยิ้มแป้นทันที นางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เรื่องงานฝีมือ หนิวเก่งอยู่แล้ว”
แม้หยางฮ่าวจะถูกตบตีเขาก็ไม่ได้หมดสติ เขาจ้องเขม็งไปยังหลิงฮันกับฮูหนิว
เป็นไปได้อย่างไรที่หลิงฮันจะมีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้?
ถ้าเขารู้ก่อนล่ะก็เขาไม่มีทางกล้าลงมือกับหลิงฮันแน่!
มีผู้หนุนหลังเป็นถึงตัวตนระดับเซียน…
ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!
นี่ข้าด้อยกว่าหลิงฮันตรงไหน พรสวรรค์ข้าไม่ได้อ่อนด้อยเลยแท้ๆ รูปลักษณ์ของข้าก็เหนือกว่าอีก ทำไมสตรีที่งดงามเช่นนี้ถึงได้หลงใหลในตัวหลิงฮัน?
“ข้าผิดไปแล้ว!” หยางฮ่าวกัดฟันพูด ตราบใดที่เขารอดพ้นจากวันนี้ไปได้ เขาจะฝึกฝนอย่างหนักให้บรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งและกลับมาทวงบัญชีแค้นแน่นอน
“แน่นอนว่าเจ้าผิด ดังนั้นไปลงนรกเสียเถอะ!” ฮูหนิวยิ้มและยื่นมือออกไป ‘พรึบ’ ร่างของหยางฮ่าวถูกนางโยนขึ้นบนท้องฟ้า ‘ตูม’ อุกกาบาตที่ลอยอยู่ระเบิดกลายเป็นเศษหินร่วงลงมาทันที
นี่มัน…
โยนคนขึ้นใบบนฟ้าให้กระแทกกับอุกกาบาตจนอุกกาบาตแหลกกระจุย ทุกคนสามารถมองเห็นจุดจบของหยางฮ่าวได้เลย ร่างกายและกระดูกของเขาคงแหลกจนไม่เหลือแม้แต่ซาก
นี่คือพลังของเซียนระดับสร้างสรรพสิ่ง ในสายตาของทุกคนการจะทำเช่นนี้ได้คงมีเพียงในเรื่องเล่าตำนาน
“แล้วก็เจ้าเฒ่านั่น!” ฮูหนิวตั้งใจจะสะสางเรื่องราว นางพุ่งไปคว้าร่างของปรมาจารย์สามวิถี ‘กร๊วบ’ นางบีบคอของอีกฝ่ายทันที ภายใต้พลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวจากมือของนาง จอมยุทธระดับวารีนิรีนดร์ก็ไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือ
ตอนนี้ทุกคนเชื่อแล้วว่าฮูหนิวเป็นเซียนระดับสร้างสรรพสิ่งของจริง ไม่เช่นนั้นนางจะมีพลังน่ากลัวขนาดนั้นได้อย่างไร?
เซียนที่เยาว์วัยขนาดนี้… บ้าไปแล้ว!
“จะ เจ้าเป็นใครกันแน่?” ปรมาจารย์สามวิถีไม่ร้องขอความเมตตา เซียนระดับสร้างสรรพสิ่งสามารถทำทุกอย่างได้ตามใจชอบโดยไม่ต้องแยแสผู้ใด ต่อให้เขาพูดอะไรไปก็ไม่มีสามาถชักจูงนางได้ เขาเพียงแค่อยากรู้ว่าคนที่เขาล่วงเกินไปคือใคร
“หนิวคือฮูหนิวของหลิงฮัน!” ฮูหนิวกล่าว “เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ ทำไมเจ้าถึงได้โง่เพียงนี้? มิน่าเจ้าถึงกล้าทำร้ายหลิงฮันของหนิว! ที่แท้เจ้าก็เป็นตัวโง่งมนี้เอง!”
‘เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ’ ฮูหนิ่วตบใบหน้าของปรมาจารย์สามวิถี”เฒ่าตัวเหม็น เจ้าบังอาจมากที่ทำร้ายหลิงฮันของหนิว โชคดีที่หลิงฮันไม่เป็นอะไรมาก ไม่เช่นนั้นหนิวต้องโกรธแน่!”
ทุกคนกลายเป็นไร้คำพูด เจ้าทำขนาดนี้ยังเรียกว่าไม่โกรธอีกรึ?
แล้วถ้าเจ้าโกรธเจ้าจะอาละวาดขนาดไหน?
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเอ่ยถาม ล้อเล่นรึเปล่า? อีกฝ่ายเป็นถึงเซียนระดับสร้างสรรพสิ่ง!
“ข้าไม่เล่นกับเจ้าแล้ว!” ฮูหนิวโยนร่างของปรมาจารย์สามวิถีขึ้นกลางอากาศและปล่อยหมัดเข้าใส่ ‘ตูม’ ร่างของปรมาจารย์สามวิถีระเบิดทันที แม้จากระดูกสักท่อนก็ไม่เหลือ
หนิวยิ้มอย่างไรเดียวสาและกล่าว “ยังมีใครคิดจะทำร้ายหลิงฮันของหนิวอีกไหม?”
ตอนที่ 1215
ฮูหนิวกวาดสายตามอง ทุกคนรีบคุกเข่าลงทันทีและไม่กล้าสบตากับนาง
พวกเขาทุกคนนั่งคุกเข่าอย่างสงบ นี่คือตัวตนระดับเซียน!
“คุณหนู แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว โปรดกลับไปที่วังกับข้า!” หญิงชราชุดฟ้ากล่าว ราวกับว่านางอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่านางปรากฏตัวออกมายังไง
กลิ่นอายของหญิงชรานั้นเลือนลางเหมือนคนธรรมดาทั่วไปมาก
หลิงฮันรู้ดีว่าหญิงชราคนนี้จะไม่มีทางยอมปล่อยให้ฮูหนิวปรากฏตัวเพียงลำพัง แต่ที่ทำให้ตกตะลึงมากที่สุดคือฮูหนิวทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งแล้ว แต่หญิงสาวชุดฟ้านี่ก็ยังเป็นห่วงนางอีก?
ศัตรูของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์แข็งแกร่งแค่ไหนกัน? แม้แต่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งก็ไม่อาจปล่อยให้เดินทางเพียงลำพังได้
“ไม่! หนิวไม่อยากกลับ!” ฮูหนิวเงยหน้ามองและกระโดดกอดหลิงฮันแน่น “หนิวไม่อยากทิ้งหลิงฮันอีกครั้ง!”
“ไม่ได้!” หญิงชราชุดฟ้าทุบไม้เท้าอย่างรุนแรง “ถ้าท่านอยู่ที่นี่ไม่เพียงแค่จะเป็นอันตรายต่อตัวท่านเองเท่านั้น แต่จะส่งผลกระทบต่อเจ้าเด็กนี่ด้วย” หญิงชราเป็นคนที่เด็ดขาด มันไม่มีประโยชน์ที่ฮูหนิวจะต่อล้อต่อเถียงกับนาง
สีหน้าของฮูหนิวดูไม่มีความสุขขึ้นมาทันตาเห็น
ทุกคนดูตกตะลึง หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ถึงจะเป็นจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งก็ยังไม่สามารถปกป้องตัวเองได้?
“พวกเจ้ารู้มากเกินไปแล้ว!” หญิงชรายกมือขึ้นฟ้าและปรากฏลำแสงที่เลือนลาง จากนั้นนางก็สะบัดมือเล็กน้อยและทุกคนที่อยู่รอบๆก็กลายเป็นกองเลือดทันที
เมื่อหลิงฮันเห็นการกระทำของนาง เขารีบพาจักรพรรดินีเข้าไปลบอยู่ในหอคอยทมิฬอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นการมีอยู่ของหอคอยทมิฬหรือไม่ เพราะอย่างไรก็ตาม จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งสามารถสร้างช่องว่างมิติที่แท้จริงขึ้นมาได้ ดังนั้น…หญิงชราชุดฟ้าไม่น่าจะอิจฉา
แน่นอน หญิงชราหันไปจ้องมองหลิงฮันทันทีและพูดว่า “ปิดปากของเจ้าให้ดีและอย่าได้พูดถึงมัน!”
หญิงชราคนนี้เป็นคนที่โหดเหี้ยมจริงๆ เพื่อที่จะปกปิดความลับไม่ให้รั่วไหล นางสามารถฆ่าจอมยุทธระดับดารามากกว่ายี่สิบคนได้อย่างไม่ลังเล
คนเหล่านี้เสียชีวิตอย่างน่าสงสาร
“ยายแก่น่าเกลียด เจ้ากล้าข่มขู่หลิงฮันของหนิวงั้นรึ!” ฮูหนิวโกรธมากและชี้นิ้วหญิงชราชุดฟ้า
หญิงชราส่ายหน้าอย่างไร้ประโยชน์ ใครขอให้สาวน้อยคนนี้เป็นผู้สืบทอดของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์กันล่ะ? นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ข้าจะให้เวลาท่านสามวัน หลังจากผ่านไปสามวันแล้วท่านจะต้องกลับไปกับข้า”
หนิวหันหน้าไปมองและพูดว่า “ดีเลย!” จากนั้นนางก็โบกมือไล่ “ยายแก่น่าเกลียด รีบไปได้แล้ว หนิวเห็นหน้าเจ้าแล้วมันทำให้หนิวรู้สึกอารมณ์เสีย!”
หญิงชราชุดฟ้าส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม นางก็หันหลังกลับและคนทั้งตัวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในขณะนั้นเอง มีกลุ่มคนจำนวนมากกำลังเคลื่อนที่มาที่นี่จากระยะไกล บางคนบินอยู่บนท้องฟ้าและบางคนก็กำลังวิ่งอยู่บนพื้นดิน
นั่นคือจอมยุทธที่เข้าร่วมงานประมูล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรุนแรงเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงออกมาจากงานประมูลกลางคันและรีบมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไปกันเถอะ!” ฮูหนิวดึงแขนหลิงฮัน และเคลื่อนที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อทุกคนมาถึง พวกเขาก็เห็นแค่ซากปรักหักพักที่หลงเหลืออยู่กับโลหิตที่กระจายไปทั่ว ราวกับเคยมีจอมยุทธที่แข็งแกร่งปรากฏตัวที่นี่ แม้คนเหล่านั้นจะจากไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้
มันยากที่จะคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
-ในจักรวาลนี้มีคนที่สามารถคุกคามปรมาจารย์วิถีอยู่ด้วย? นิกายสวรรค์เยือกแข็งถูกทำลาย แล้วปรมาจารย์สามวิถีหายตัวไปไหน?
เรื่องนี้กลายเป็นปริศนาที่ไม่มีวันได้รับคำตอบ เพราะไม่มีใครทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แม้แต่คนเดียว
……
“หลิงฮันยังต้องการหนิวอีกไหม?” ในพื้นที่ห่างไกล หลิงฮันกับฮูหนิวกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินและมองดูทะเล โดยที่หนิวน้อยนั้นเอนตัวผิงไปที่แขนของหลิงฮัน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“แน่นอน” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดเสมอว่าเมื่อไหร่ที่ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา ข้าจะออกเดินทางตามหาเจ้า แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนมาหาข้าก่อน”
ฮูหนิวหัวเราะและพูดว่า “หลิงฮันไม่มีทางหาหนิวเจอหรอก!”
“ทำไม?” หลิงฮันถาม
ฮูหนิวคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เพราะหนิวอยู่ในดินแดนแห่งเซียน ตอนนี้หลิงฮันยังไปไม่ได้”
“ดินแดนแห่งเซียน? มันอยู่ที่ไหน?” หลิงฮันถาม
“แอ่ม!” หญิงชราชุดฟ้าปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบ “นายหญิง ขืนท่านพูดมากไปกว่านี้ มันจะไม่จบแค่การถูกตักเตือน”
ยายแก่น่าเกลียด!
ฮูหนิวพึมพัมและพูดว่า “ข้ารู้แล้ว!” ฮูหนิวเอนตัวเข้าใกล้หลิงฮันมากขึ้นและกระซิบว่า “หลิงฮัน เรามามีลูกกันเถอะ!”
พรวด!
หลิงฮันแทบสำลัก และหญิงชราชุดฟ้าก็เผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “นายหญิง หากท่านพูดแบบนั้นอีกครั้ง ข้าจะสังหารชายคนนี้!”
“เจ้าไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย หนิวแค่ล้อเล่น!” ฮูหนิวกล่าว แต่หลิงฮันกับหญิงชราชุดฟ้ายืนกรานได้ว่านางไม่ได้พูดเล่น ถ้าทำได้คงทำไปแล้ว
หลิงฮันคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ข้าอยากกลับไปหาพรรคพวกของข้าก่อน มิฉะนั้นคนอื่นจะเป็นห่วงข้า”
“มันเป็นความผิดของเจ้า ยายแก่น่าเกลียด!” ฮูหนิวกล่าวอย่างไม่พอใจ นางอุตส่าวางแผนที่จะจับกดหลิงฮัน และให้กำเนิดลูกชายที่น่ารักกว่าหลิงเจี้ยนเสวี่ยน โดยไม่คาดคิดว่ายายแก่เฒ่าจะแอบตามมา
หญิงชราชุดฟ้าเผยสีหน้าเย็นชา ถึงนางจะยอมรับความก้าวหน้าของหลิงฮันอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่คู่ควรกับนายหญิงแห่งตำหนักมัจฉาวายุภักษ์แม้แต่น้อย
ไม่คู่ควร!
หลิงฮันและฮูหนิวเดินทางไปที่ร้านค้าตระกูลโม่
“หลิงฮัน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่และคนอื่นรีบวิ่งเข้ามาหา พวกเขาได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนิกายสวรรค์เยือกแข็งแล้ว จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะเป็นห่วงหลิงฮัน และโล่งใจที่เห็นเขา
สุ่ยเยี่ยนยวี่อยากจะวิ่งเข้าไปโอบกอดหลิงฮัน แต่นางก็ถูกฮูหนิวขัดขวางและพูดว่า “หลิงฮัน ผู้หญิงคนนี้คิดจะวิ่งเข้ามาแทงเจ้า หนิวจะสังหารนางซะ!”
“ใจเย็น!” หลิงฮันรีบส่ายหัว ฮูหนิวยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ช่วยไม่ได้ที่ฮูหนิวจะบุ้ยมากและมองตาขาวใส่ ในตอนที่นางไม่อยู่จะต้องมีหญิงสาวหลายคนวิ่งเข้าหาหลิงฮันแบบนี้แน่ แล้วนางจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะได้อยู่เคียงข้างหลิงฮัน?
“หืม! ฮูหนิว!” ทันทีที่เฟิงโป๋วหยุน มู่หลงชิงและเฮ่อเหลียนเทียนหยุนเห็นฮูหนิว พวกเขาต่างอุทานออกมาด้วยความตกใจและไม่คิดเลยว่าฮูหนิวจะปรากฏตัวที่นี่
ทว่าฮูหนิวกลับเมินพวกเขาอย่างไม่ใยดี ในสายตาของนางมีเพียงแค่หลิงฮันคนเดียวเท่านั้น
“นางคือฮูหนิว?” ติงผิงรู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้ยินคนอื่นเรียกเด็กสาวตัวน้อยคนนี้ว่าฮูหนิว
“ว้าว ช่างเป็นสาวน้อยที่น่ารักอะไรขนาดนี้!” โสมเฒ่ารีบวิ่งมาดูและเมื่อเขาเห็นฮูหนิว มันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เขาจะน้ำลายไหล และรีบกระโจนเข้าหาฮูหนิวทันทีพร้อมกับพูดว่า “สาวน้อย ข้าจะตรวจดูหน้าอกของเจ้าให้เห็นว่ามันจะเติบโตได้แค่ไหน!”
ตอนที่ 1216
มับ!
โสมเฒ่าแค่อยากจะทำอะไรลามก แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าถูกฮูหนิวจับแน่น ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นสาวน้อยคนนี้อยู่ตรงหน้า นางอ้าปากเล็กน้อยและมีน้ำลายไหลออกมา
“หลิงฮัน หลิงฮัน ดูนี่สิ หนิวจับราชาโสมเฒ่าได้!” ฮูหนิวยังคงตะกละเหมือนเดิม ขณะที่นางเช็ดน้ำลายของตัวเอง นางก็มอบรอบข้างและพูดว่า “หม้อ หม้ออยู่ไหน หนิวอยากตุ๋นราชาโสมเฒ่า!”
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!” โสมเฒ่ารีบส่งเสียงกรีดร้อง
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “โสมเฒ่านี่ยังมีประโยชน์ พวกเราอย่าเพิ่งจับลงหม้อจะดีกว่า”
“อืมมม….” ฮูหนิวพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ และต่อรองว่า “ถ้างั้นหั่นครึ่งได้ไหม?”
“ไม่ได้!” โสมเฒ่ากรีดร้องอีกครั้ง “นี่เจ้าเป็นใครกัน? เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นใคร? ข้าคือราชาโสมที่กำเนิดจากสวรรค์และปฐพี เจ้าควรเคารพเทิดทูนข้าซะ!”
ฮูหนิวไม่สนใจที่โสมเฒ่าพูด นางเพียงแค่หันไปมองหลิงฮัน
หลิงฮันหัวเราะและพูดกับโสมเฒ่าว่า “ถ้าเจ้าเจอคนตะกละอย่างนาง ข้าขอแนะนำเจ้าว่ายอมเสียแค่ส่วนหนึ่งร่างกายของเจ้าดีกว่าถูกกินทั้งตัว!”
โสมเฒ่าไม่มีทางเลือก นอกจากดึงส่วนหนึ่งของร่างกายให้หลิงฮัน จากนั้นหลิงฮันก็เปิดฝาหม้อและใส่เนื้อสัตว์อสูรกับสมุนไพรลงไป และกลายเป็นเนื้อตุ๋มโสมที่สมบูรณ์แบบ
“กลิ่นหอมมาก!” ถึงฮูหนิวจะทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งแล้ว แต่นิสัยการกินของนางก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย นางตั้งหน้าตั้งตารอกินด้วยความตื่นเต้น ราวกับไม่ใช่จอมยุทธระดับเซียน แต่เหมือนลูกลิงมากกว่า
หลังจากที่ทุกคนได้ยินหลิงฮันพูดว่าฮูหนิวเป็นจอมยุทธระดับเซียน นี่ทำให้พวกเขาแต่ละคนแทบจะหมดเป็นลม
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ตัวตนระดับเซียนหมายถึงจุดสิ้นสุดของวิถีวรยุทธและกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล ทว่าฮูหนิวกลับทะลวงผ่านด้วยเวลาแค่ไม่กี่ปี พวกเขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
แต่หลิงฮันไม่มีทางโกหกพวกเขา
แม้ว่าพวกเขาจะกินเนื้อและซุปหม้อเดียวกัน แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนความฝัน
สามวันต่อมา ฮูหนิวเกาะติดหลิงฮันตลอดทั้งวัน และพยายามระดมสมองคิดแผนที่จะหนีไปพร้อมกับหลิงฮัน อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นางมีแผนดังกล่าว หญิงชราชุดฟ้าก็จะปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันและหยุดฮูหนิว มันน่ารำคาญมาก
“ไม่ต้องกังวล ถึงข้าจะไม่รู้ว่าดินแดนแห่งเซียนอยู่ที่นี่ แต่ข้าจะไปหาเจ้าที่นั่นอย่างแน่นอน!” หลิงฮันกล่าวด้วยเสียงที่หนักแน่น ไม่เพียงแค่ไปหาฮูหนิวคนเดียว แต่ยังรวมถึงพ่อแม่ ลูกชายและภรรยาที่อยู่ที่นั่น
“หนิวจะเชื่อหลิงฮัน!” ฮูหนิวพยักหน้า “หนิวจะอดใจรออย่างอดทน แม้จะต้องรอหลายร้อยปีก็ตาม หลิงฮันจะต้องไปที่ดินแดนแห่งเซียนได้อย่างแน่นอน!”
ฮูหนิวหันไปมองรอบๆและพูดว่า “หนิวจะบอกความลับบางอย่างกับหลิงฮัน!”
แม้ว่าการกระทำของฮูหนิวจะไม่ค่อยน่าไว้วางใจ แต่นางก็ไม่ได้เล่น นางบอกความลับของวิถีวรยุทธให้หลิงฮันฟัง และยังปรับแต่งพาหนะแหวกเมฆาของหลิงฮันให้หลิงฮันมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อที่จะเดินทางบนอวกาศได้และสามารถเก็บแผนที่ดวงดาวได้
สำหรับจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง นี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย กระทั่งโลกยังสร้างขึ้นได้!
ในช่วงเวลาวสามวันที่ผ่านมา หลิงฮันพยายามดูดซับความรู้ทุกอย่างจากฮูหนิว ทำให้เขามีเวลาอยู่กับฮูหนิวน้อยมาก
ในวันที่สี่ หญิงชราชุดฟ้าปรากฏตัวอย่างกะทันหันและคว้าร่างของฮูหนิวที่ส่งเสียงกรีดร้องโวยวายแล้วเดินจากไปในพริบตา แน่นอนด้วยความต้องการอันแรงกล้าของฮูหนิว สุ่ยเยี่ยนยวี่จึงถูกพาตัวไปด้วย
ความหึงหวงของเด็กสาวตัวน้อยคนนี้…ช่างแรงกล้ายิ่งนัก นี่ถ้าหูเฟยหยินไม่ได้อยู่ในหอคอยทมิฬ นางคงถูกพาตัวไปด้วยอย่างแน่นอน
เนื้อตัวของหลิงฮันยังคงมีกลิ่นของฮูหนิวติดอยู่ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน
การปรากฏตัวของฮูหนิวทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับเขา
เขารีบเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที เพื่อไปหาเซียนหวู่เซียง
“ผู้อาวุโส มันมีระดับพลังที่เหนือกว่าระดับสร้างสรรพสิ่งหรือไม่?” หลิงฮันถามตรงๆ
เซียนหวู่เซียงรีบตอบกลับทันทีว่า “ไม่มีทางเป็นไปได้ ข้าฝึกฝนตนเองถึงจุดสิ้นสุดของวิถีวรยุทธ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีระดับเหนือกว่านั้น!”
“แล้วผู้อาวุโสเคยได้ยินดินแดนแห่งเซียนหรือไม่?” หลิงฮันถามอีกครั้ง
“ดินแดนแห่งเซียน?” เซียนหวู่เซียงพึมพัม ถ้าตอนนี้เขายังมีกายหยาบ เขาจะต้องเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาให้เห็นแน่
“เฮ้อ!” หอคอยน้อยถอนหายใจและโผล่ออกมา “ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้เรื่องพวกนั้นเร็วนัก แต่ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องพวกนั้นแล้ว ข้าก็จะบอกเจ้าเองเพื่อไม่ให้มีอะไรค้างคาใจ”
“นี่เจ้ารู้อย่างนั้นรึ?” หลิงฮันถาม
หอคอยน้อยเมินหลิงฮันและพูดว่า “ขอบเขตพลังที่สูงกว่าระดับสร้างสรรพสิ่ง แน่นอนว่าจะต้องมีอยู่ และดินแดนแห่งเซียน…เป็นสถานที่ที่คนเหล่านั้นอาศัยอยู่”
“เป็นไปไม่ได้!” เซียนหวู่เซียงอุทานออกมาทันที
“ถ้างั้นดินแดนแห่งเซียนอยู่ที่ไหน?” หลิงฮันถาม เนื่องจากเขามาจากโลกใบเล็ก ในเมืองดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือโลกใบเล็ก เช่นนั้นจะไม่มีดินแดนที่อยู่สูงกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?
หอคอยทมิฬน้อยสงบนิ่งเหมือนบ่อน้ำโบราณและพูดว่า “เมื่อใดที่เจ้าทะลวงผ่านจุดสูงสุดของระดับสร้างสรรพสิ่งและเชี่ยวชาญการควบคุมพลังแห่งการสรรสร้างและพลังแห่งการทำลาย เจ้าก็จะมีพลังที่สามารถเปิดทางเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มิฉะนั้นเจ้าจะไม่มีวันหามันพบ”
พลังแห่งการสรรสร้างและพลังแห่งการทำลาย?
หัวใจของหลิงฮันเต้นรัว เซียนคือพลังแห่งการสรรสร้าง ในขณะที่จ้าวอสูรคือพลังแห่งการทำลาย ซึ่งเขาจะต้องควบคุมพลังทั้งสองอย่างให้ได้พร้อมกันเสียก่อนถึงจะเปิดทางเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้
“นี่คือดินแดนที่สูงสุดแล้ว?” หลิงฮันถาม
“ไม่ ดินแดนแห่งเซียนเป็นแค่ส่วนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มันถูกปิดผนึก” หอคอยน้อยกล่าว
ในทางกลับกัน เซียนหวู่เซียงดูเหมือนเป็นคนโง่ ถึงเขาจะเป็นเซียน แต่ความจริงดังกล่าวทำให้เขาตกตะลึงเกินไป
“ปิดผนึก? ใครเป็นคนปิดผนึก แล้วทำไมถึงทำเช่นนั้น?” หลิงฮันถาม
“ความทรงจำของข้าเพิ่งกลับมาเล็กน้อย มันไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะถามข้าต่อ” หอคอยน้อยไม่ตอบคำถามและพูดว่า “อย่างแรกที่เจ้าต้องทำคือฝึกฝนให้หนัก ในเวลาเดียวกันเจ้าจะต้องเชี่ยวชาญการใช้พลังแห่งการสรรสร้าง แล้วนั่นจะทำให้เจ้าสามารถเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนและคำตอบของเจ้าจะอยู่ที่นั่น”
หลิงฮันพยักหน้าและเกิดความรู้สึกอันแรงกล้าในใจ
เห็นได้ชัดว่าหอคอยทมิฬหรือคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์มาจากดินแดนแห่งเซียน มิฉะนั้นหอคอยทมิฬคงไม่มีความสามารถที่น่าทึ่งขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเร่งเวลาการเพาะปลูกสมุนไพร หรือเป็นสถานที่ซ่อนตัวให้กับเขา โดยที่ไม่มีใครเห็น
เพราะพลังอำนาจของหอคอยทมิฬนั้นอยู่บนจุดสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เช่นนั้น เจ้าของดั้งเดิมของหอคอยทมิฬอาจได้รับบาดเจ็บและถูกจอมยุทธจากดินแดนแห่งเซียนสังหาร ศัตรูที่แข็งแกร่งแบบนั้น…อาจกำลังรอเขาอยู่ที่ดินแดนแห่งเซียนก็เป็นได้
แม้ว่าความก้าวหน้าของเขาจะรวดเร็วมาก แต่เมื่อเทียบกับฮูหนิวแล้ว มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับนางมากที่จะทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งในดินแดนแห่งเซียน
แน่นอนว่าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์เป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ ขุมพลังทั่วไปคงไม่มีทางปลุกปั่นฮูหนิวให้แข็งแกร่งรวดเร็วขนาดนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นบรรพบุรุษของฮูหนิวเองก็เป็นจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง หากรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตอนนี้ฮูหนิวได้กลายเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวไปแล้ว
แต่ก็สามารถจินตนาการได้ว่าที่ดินแดนแห่งเซียนจะต้องมีสุดยอดอัจฉริยะอยู่นับไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง
และเขาอาจจะต้องแข่งขันกับสุดยอดอัจฉริยะของดินแดนแห่งเซียน และท้ายที่สุดก็ต้องต่อสู้กับจอมยุทธที่แข็งแกร่งของดินแดนแห่งเซียน!
ไม่ใช่ว่ามันฟังดูน่าสนุกหรอกหรือ?
ตอนที่ 1217
ใครจะไปคิดว่านิกายสวรรค์เยือกแข็งที่ครั้งหนึ่งอยู่คงกระพันจะถูกทำลายภายในวันเดียว?
ปรมาจารย์สามวิถีและจอมยุทธระดับดาราทั้งยี่สิบสี่คนต่างพากันหายตัวไป ถ้าพวกเขาไม่ตายก็เป็นเรื่องยากที่จะทำใจเชื่อ
แม้ว่านิกายสวรรค์เยือกแข็งจะพูดเสมอว่าพวกเขาไม่เคยแสวงหาอิทธิพลอำนาจ แต่แค่การมีอยู่ของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ก็เพียงพอที่จะส่งกระทบต่อทั้งจักรวาลแล้ว แล้วตอนนี้ในเมื่อตัวตนที่แข็งแกร่งเหล่านั้นหายตัวไป แน่นอนว่าจะนำพามาสู่ความโกลาหลในจักรวาลนี้
สงครามครั้งใหญ่ที่หายไปนานจะปะทุ ดาวแต่ละดวงจะทำสงครามกัน ซึ่งในไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างทวีป
สงครามแบบนั้นจะมีเพียงแค่จอมยุทธที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเป็นผู้ยืนหยัด
แล้วแน่นอนว่า ในเมื่อนิกายสวรรค์เยือกแข็งถูกทำลายไปแล้ว ศิษย์ของนิกายส่วนใหญ่ก็เดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัวและตระกูลของพวกเขา
แต่หลิงฮันยังคงพักอยู่บนดาวเฟยหยุนอีกพักหนึ่ง และใช้ความสัมพันธ์กับตระกูลโม่เพื่อค้นหาตำแหน่งของห้านิกายโบราณ แต่มันต้องใช้เวลาในการค้นหา ซึ่งระหว่างนี้หลิงฮันจะต้องรีบทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราให้เร็วที่สุด
ฮูหนิวบอกหลิงฮันเกี่ยวกับความลับของศาสตร์วรยุทธ เช่น ภูผาวารี สุริยันจันทราและดารานั่นไม่เพียงแต่ใช้เพื่อเก็บพลัง แต่ยังสามารถปลดปล่อยออกมาเพื่อใช้โจมตีคู่ต่อสู้ได้ด้วย
เมื่อมีเวลาว่างเขาก็จะลดระดับพลังของตัวเองและแลกเปลี่ยนวรยุทธกับติงผิง เฟิงโป๋วหยุนและคนอื่นๆ
“อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์สามวิถีสร้างวงวิถีจักรวาลหมุนขึ้นมาเพื่อปกป้องหยางฮ่าว ข้าคิดว่าเขาน่าจะเรียนรู้ทักษะลับนั่นในตอนที่เขาต่อสู้ในสงครามระหว่างสองดินแดน”
“แต่เขาไม่ได้ถ่ายทอดทักษะดังกล่าวให้กับศิษย์ในนิกาย บางทีคงมีเพียงแค่ศิษย์ที่แท้จริงของเขาเท่านั้นถึงจะได้รับการถ่ายทอดทักษะลับดังกล่าว”
แต่หลิงฮันไม่ใช่คนแบบนั้น ถึงเขาจะไม่สามารถถ่ายทอดทักษะลับให้กับทุกคนได้ก็ตาม แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับเฟิงโป๋วหยุน มู่หลงชิง ติงผิงและคนอื่นๆอย่างไม่เห็นแก่ตัว
นอกจากนั้นหูเฟยหยินยังได้รับการสอนด้วย ถึงนางจะเป็นร่างแยกของจักรพรรดินี และนางจะถ่ายทอดให้กับคนอื่นหรือไม่นั้นหลิงฮันไม่สนใจ
มันก็แค่กลอุบายที่จะใช้ภูผาวารี สุริยันจันทราและดวงดารา ไม่ใช่ความลับอะไรซักหน่อย
ไม่กี่วันต่อมา จักรพรรดิราชวงศ์ดาราหายนะก็ส่งเรือบินมาเพื่อรับคนของตัวเองกลับ หูเฟยหยิน หลี่เหว่ยเหว่ยและคนอื่นๆต่างก็ออกเดินทางกลับบ้าน เดิมทีหลิงฮันอยากจะฆ่าจ้าวหลุน แต่เจ้าหมอนั่นหลบหนีรวดเร็วมาก โดยใช้ประโยชน์จากเรือส่งสินค้าเพื่อกลับไปที่ดาวเหอหนิง
ส่วนเฟิงโป๋วหยุน มู่หลงชิงและคนอื่นๆไม่ได้กลับไปที่ดาวเหอหนิง พวกเขาอยากจะเดินทางไปที่ห้านิกายโบราณพร้อมกับหลิงฮัน เพราะพวกเขาต่างก็มาจากโลกใบเล็ก พวกเขาไม่มีทางลืมความชั่วร้ายของห้านิกายโบราณเป็นอันชาด
ทุกคนฝึกฝนบ่มเพาะพลังอย่างสุดความสามารถ เมื่อใดที่พวกเขาทราบตำแหน่งที่ตั้งของห้านิกายโบราณ พวกเขาก็จะมุ่งหน้าไปหาพวกมันทันที ในเวลานั้นย่อมมีการต่อสู้นองเลือด แล้วแน่นอนว่ายิ่งพวกเขาทุกคนแข็งแกร่งเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
เนื่องจากการล่มสลายของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง จึงนำมาสู่สงครามแย่งชิงอาณาเขตของนิกายสวรรค์เยือกแข็งระหว่างจักรวรรดิราชวงศ์สี่สมุทรและจักรวรรดิราชวงศ์มหาสวรรค์
แต่เรื่องพวกนั้นไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับหลิงฮัน เขาแค่ปกป้องที่ดินผืนเล็กๆที่ใช้อาศัยอยู่ก็พอ และติดต่อกับร้านค้าตระกูลโม่เพื่อซื้อแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่จำนวนมากเพื่อยกระดับดาบอสูรนิรันดร์
ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปหาห้านิกายโบราณ เขาตั้งเป้าหมายเอาไว้อยู่สองอย่าง คือ อย่างแรกทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา และอย่างที่สองยกระดับดาบอสูรนิรันดร์เป็นระดับห้า
ถึงเขาจะอยู่บนจุดสูงสุดของระดับภูผาวารีแล้ว แต่ใช่ว่าจะสามารถทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราเวลาใดก็ได้ มันจะต้องมีความเข้าใจมากพอเสียก่อน รวมถึงการสะสมพลังปราณด้วย
จากระดับภูผาวารีสู่ระดับสุริยันจันทรา นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จะต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง มิฉะนั้นจะติดคอขวด
ในขณะที่หลิงฮันกำลังสะสมพลังปราณ เขาก็เตรียมเม็ดยาสำหรับตัวเอง ถ้าเขาสะสมพลังปราณได้ไม่มากพอ เขาก็สามารถพึ่งพาปัจจัยภายนอกอย่างเม็ดยา
เขาไม่มีเวลาฝึกฝนปรุงยา โดยปกติแล้วจะนั่งฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎทุกคนเพื่อค้นหาประตูสู่ระดับสุริยันจันทรา
ภายในพริบตา เวลาก็ผ่านไปครึ่งปี
สำหรับตัวตนระดับพระเจ้า เวลาครึ่งปีเหมือนกระพริบตา แต่สำหรับหลิงฮันและคนอื่นๆ นั่นเป็นเวลามากกว่าหนึ่งร้อยปีภายใต้ต้นสังสารวัฎ
หลิงฮันมีความมั่นใจพอที่จะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราได้สำเร็จ แต่ในขณะนั้นเอง ในที่สุดก็มีข่าวดีจากตระกูลโม่ พวกเขาค้นพบตำแหน่งที่ตั้งของห้านิกายโบราณแล้ว
นั่นคือดาวหยุนติ่ง ทวีปดาราสาดส่อง ซึ่งอยู่ห่างจากดาวเฟยหยุนประมาณสองร้อยปี
นี่เป็นระยะทางที่ไกลมาก มิฉะนั้นตระกูลโม่คงไม่ใช้เวลาค้นหานานขนาดนี้ พวกเขาหาพบโดยใช้วิธีการกระจายข่าวผ่านพ่อค้าจากจักรวาลหนึ่งไปยังอีกจักรวาลหนึ่ง และในที่สุดก็ค้นพบตำแหน่งของห้านิกายโบราณ
โชคดีที่ฮูหนิวปรับแต่งพาหนะแหวกเมฆาให้ใหม่ แม้แต่หลิงฮันยังไม่รู้ว่าความเร็วของมันจะเร็วกว่าเรือบินทั่วไปกี่เท่า นอกจากนั้นนางยังใส่แผนที่ดวงดาวไว้ให้ด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทางอยู่ในอวกาศ
อย่างมาก…น่าจะใช้เวลาเดินทางสองปี
เอาล่ะ!
หลิงฮันเริ่มทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา
ผ่านไปแค่เจ็ดวัน เขาก็ทะลวงผ่านระดับใหม่ มีสีแดงของดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่ในตันเถียนและทัณฑ์สวรรค์ก็ตอบสนอง เขาเลยรีบออกมาจากหอคอยทมิฬทันที
หลิงฮันเริ่มกระบวนการทำลายและสร้างอีกครั้ง – ทำลายกระดูกของตัวเองและปรับแต่งมันภายใต้พลังของทัณฑ์สวรรค์เพื่อทำให้กระดูกแข็งแกร่งขึ้น
การประมูลหยดเซียนหยวนทั้งสี่หยดและสูตรเม็ดยาโบราณจำนวนมาก ทำให้หลิงฮันได้รับผลึกก่อเกิดมหาศาล ซึ่งเขาไม่เพียงแค่จ่ายหนี้เก่าที่ติดตระกูลโม่หมดเท่านั้น แต่ยังเหลือผลึกก่อเกิดอีกมากมาย ดังนั้นเขาจึงนำผลึกก่อเกิดทั้งหมดที่ได้รับไปซื้อแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่เพื่อปรับแต่งดาบอสูรนิรันดร์
หลังจากที่หลิงฮันปล่อยให้ดาบอสูรนิรันดร์กลืนกินแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ ในที่สุดมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพและกลายเป็นระดับห้า
ทั้งคนและดาบกำลังรับทัณฑ์สวรรค์พร้อมกัน
เปรี๊ยง เปรี๊ยง กระดูกของหลิงฮันแตกหัก ส่วนดาบอสูรนิรันดร์เกิดรอยร้าว แต่มันไม่หัก และมีเศษเหล็กจำนวนมากลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง
มันคือกากแร่ ของเสียที่ไร้ประโยชน์ และดาบอสูรนิรันดร์เล่มนี้ดูเหมือนจะเกิดมาพร้อมกับความฉลาดของมันเองและพัฒนาเข้าสู่ระดับต่อไป
สายฟ้ากลายเป็นสายฝนเพื่อปิดกั้นท้องฟ้ากับหลิงฮันและดาบอสูรนิรันดร์ แล้วหลังจากนั้นแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ก็สาดส่องไปทั่วทั้งดาวอีกครั้ง
ตอนที่ 1218
หลิงฮันขัดเกลาตัวเองและปรับปรุงความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีวรยุทธ
ทัณฑ์สวรรค์นั้นจะมีอำนาจพลังทำลายล้างที่รุนแรง หากสามารถทำความเข้าใจมันได้ พลังต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นมาก
หลิงฮันกำลังทำความเข้าใจมัน
ทั้งที่เขาเชี่ยวชาญทักษะอัสนีคำราม แต่มันยังไม่คู่ควรที่จะได้รับชื่อนี้ นั่นเป็นเพราะทักษะดาบนี้ควรมีสองลักษณะที่เด่นชัดคือความเร็วดั่งแสงและพลังทำลายล้างดั่งสายฟ้าถึงจะเป็นทักษะอัสนีคำรามที่แท้จริง
หากสามารถประยุกต์ใช้พลังของทัณฑ์สวรรค์ได้ เช่นนั้นมันก็ควรค่าแก่ชื่อทักษะดาบอัสนีคำราม
ภายใต้พลังของทัณฑ์สวรรค์ มันยังสามารถทำให้เขาเข้าใจพลังของสายฟ้ามากยิ่งขึ้น
“น่าเสียดายที่ทัณฑ์สวรรค์ปรากฏแค่แปปเดียวและอยู่ไม่นาน” หลิงฮันคิด แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นโอกาสบางอย่าง “ในเมื่อทัณฑ์สวรรค์ปรากฏแค่แปปเดียว ข้าจะสามารถยืมทัณฑ์สวรรค์ของคนอื่นได้หรือไม่? และใช้ประโยชน์จากมันเพื่อปรับปรุงทั้งทักษะดาบและกายหยาบ”
ครึ่งวันต่อมา หลังจากที่ร่างกายฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ หลิงฮันก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างภายในร่างกาย
ระดับสุริยันจันทรา!
พลังของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างน้อยหนึ่งล้านเท่า!
“แต่พลังต่อสู้ของข้าเหลือแค่หกดาวเท่านั้น!”
“ถ้าข้าต้องการยกระดับพลังต่อสู้ให้เป็นสิบดาว คงต้องบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์เสียก่อน”
“อย่างไรก็ตาม มีเพียงแค่ผู้ที่สามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้เท่านั้นถึงจะมีพลังต่อสู้หกดาวก่อนที่จะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา”
“จอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วไปเมื่อทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราคงมีพลังต่อสู้ได้มากสุดสี่ดาว ซึ่งพลังต่อสู้สี่ดาวกับหกดาวนั้นแตกต่างกันอย่างมาก”
“ตอนนี้ความแข็งแกร่งของข้าน่าจะเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง แต่ถ้าเป็นพลังแห่งกฎเกณฑ์ยังคงอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราขั้นต้น แล้วถ้าใช้ทักษะลับร่วมด้วยพลังต่อสู้ของข้าน่าจะอยู่ที่หกหรือเจ็ดดาว”
“ดังนั้น คำพูดที่ว่าอัจฉริยะระดับห้าดาวมีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็ฟังดูสมเหตุสมผล เพราะมีคนไม่มากนักที่จะขัดเกลาพลังต่อสู้ได้ถึงห้าดาว”
“อะไรกัน!”
หลิงฮันกวาดสายตามองและพูดว่า “หอคอยน้อย ทำไมหอคอยทมิฬถึงไม่เปลี่ยนแปลง?”
ทั้งที่เขาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา แต่เพราอะไรกันหอคอยทมิฬถึงไม่เปิดชั้นถัดไป
“เจ้าจะต้องทะลวงผ่านอีกระดับหนึ่งก่อน” หอคอยน้อยตอบไม่ชัดเจน
“เจ้าพูดว่าไงนะ!” หลิงฮันประหลาดใจ “นี่เจ้าจะบอกว่าหอคอยทมิฬชั้นที่ห้าจะไม่เปิดจนกว่าข้าจะทะลวงผ่านระดับดารา? และชั้นที่เจ็ดจะเปิดก็ต่อเมื่อทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งอย่างนั้นรึ?”
“ผิดแล้ว ถึงเจ้าจะทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง หอคอยทมิฬจะเปิดแค่ชั้นหกเท่านั้น” หอคอยน้อยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
หลิงฮันตกตะลึง “ถ้างั้นก็เหลืออีกสามชั้น นั่นหมายความว่าจะต้องไปที่ดินแดนแห่งเซียนก่อนถึงจะเปิดได้?”
“ถูกต้อง!” หอคอยน้อยสั่นไปมาแสดงให้เห็นว่ามันพยักหน้า “ดังนั้นเจ้าจะต้องรีบฝึกฝนให้หนัก เมื่อใดที่หอคอยทมิฬเปิดทุกชั้น ความทรงจำทั้งหมดของข้าก็จะกลับมา”
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “หมายความว่าความทรงจำของเจ้าไม่ได้ถูกทำลาย แต่ถูกปิดผนึกเอาไว้”
“อาจจะเป็นเช่นนั้น” หอคอยน้อยกล่าว “เจ้าจงฝึกฝนให้หนัก และลองคิดดูว่าถ้าเจ้าทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง เจ้าก็จะสามารถไปที่ดินแดนแห่งเซียนได้ และในความทรงจำที่คลุมเครือของข้า จอมยุทธที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเซียนนั้นน่าจะมีอายุขัยไม่จำกัด”
“อะไรนะ!” หลิงฮันตกใจมาก จอมยุทธที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเซียนมีอายุขัยไม่มีจำกัด ถ้างั้นจอมยุทธในดินแดนแห่งเซียนจะแข็งแกร่งแค่ไหน?
จอมยุทธที่สามารถฝึกฝนบ่มเพาะพลังได้เป็นล้านปี สิบล้านปี หรือแม้กระทั่งพันล้านปี ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่จำเป็นต้องท้อแท้ เพราะถึงแม้ว่าจอมยุทธในดินแดนแห่งเซียนจะมีอายุขัยไม่จำกัด แต่ก็ยังมีทัณฑ์สวรรค์ หากผ่านมันไปไม่ได้ก็จะต้องตาย” หอคอยน้อยกล่าว “อายุขัยไม่จำกัด แต่ใช่ว่าจะนิรันดร์”
หลิงฮันพยักหน้า เจ้าของดั้งเดิมของหอคอยทมิฬน่าจะเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งคนหนึ่งในดินแดนแห่งเซียน ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีวันดับสูญ
หลังจากนั้น หลิงฮันก็เดินทางกลับไปที่เมือง ตอนนี้ในเมื่อเขารับทัณฑ์สวรรค์และทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราสำเร็จแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะออกเดินทางไปที่ดาวหยุนติ่ง
อย่างไรก็ตาม เฟิงโป๋วหยุน มู่หลงชิงและคนอื่นๆใกล้จะทะลวงผ่านระดับ หลิงฮันจึงต้องเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน
ทั้งเฟิงโป๋วหยุนและมู่หลงชิงทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นกลาง ส่วนเฮ่อเหลียนเทียนหยุนและติงผิงทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูง
นี่จะต้องทำให้คนอื่นหวาดกลัวอย่างแน่นอน ทั้งที่พวกเขาฝึกฝนบ่มเพาะพลังไม่กี่ปี มันจะมีความก้าวหน้าที่รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?
เรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องรู้คือหลิงฮันมีเม็ดยามหาศาลเพื่อช่วยในการสะสมพลังปราณ และต้นสังสารวัฎช่วยในการรู้แจ้ง หากพวกเขาไม่มีความก้าวหน้าที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ แล้วเฟิงโป๋วหยุน มู่หลงชิงและคนอื่นๆจะยังมีคุณสมบัติเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะอีกหรือไม่?
เมื่อพวกเขาทะลวงผ่านระดับ หลิงฮันก็จะตามพวกเขาไปรับทัณฑ์สวรรค์
ในสายตาของคนอื่นไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย แต่หลิงฮันไม่ได้คิดที่จะทำลายกระดูกและสร้างขึ้นมาใหม่ เขาแค่ต้องการสังเกตพลังของทัณฑ์สวรรค์ใช่ว่าจะรับทัณฑ์สวรรค์โดยตรงเสียหน่อย
หลังจากสังเกตพลังของทัณฑ์สวรรค์ทั้งสี่ครั้ง หลิงฮันก็เก็บตัวฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎเป็นเวลาสามวัน เมื่อเขาลืมตาตื่นก็ปรากฏสายฟ้าในแววตาของเขา
“ทักษะอัสนีเก้าทิวากลายเป็นชยะไปเลยเมื่อเทียบกับทักษะอัสนีคำรามของข้าในตอนนี้” หลิงฮันส่ายหัว นั่นเป็นเพราะทักษะอัสนีเก้าทิวาเป็นทักษะศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำ แต่ทัณฑ์สวรรค์เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นของสวรรค์ แล้วมันจะเทียบได้อย่างไร?
“เมื่อระดับบ่มเพาะพลังของข้าสูงขึ้น ทัณฑ์สวรรค์ที่จะฝ่าใส่ข้าก็จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และพลังสายฟ้าของข้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”
“เทิดทูนสวรรค์และปฐพีเฉกเช่นอาจารย์และสร้างเส้นทางของตัวเอง”
แววตาของหลิงฮันดูหนักแน่นและมั่นคง ทางเดินของเขาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ในเมื่อทุกคนรับทัณฑ์สวรรค์กันหมดแล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทะลวงผ่านขั้นถัดไปในเวลาอันสั้น ดังนั้นหลิงฮันจึงตัดสินใจที่จะออกเดินทาง อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้ออกเดินทางทันที เพราะเขาเจอกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอที่นี่
จักรพรรดินีแห่งดาราหายนะ!
นี่ไม่ใช่ร่างแยกของนาง แต่เป็นร่างหลัก
“เจ้าจะไปแล้วงั้นรึ?” นางถามด้วยเสียงที่สงบ ใบหน้าของนางยังคงมีพลังบางอย่างปกปิดใบหน้าที่แท้จริงเหมือนเคย
จอมยุทธระดับดารา แน่นอนว่าสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เดิมทีข้าต้องการไปที่ดาวเหอหนิงก่อนเพื่อกล่าวลาท่าน แต่ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะมาที่นี่”
ตอนที่ 1219
จักรพรรดินีแห่งดาราหายนะคลายพลังที่ปกปิดใบหน้า เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง โดยเฉพาะเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ แม้รูปลักษณ์ภายนอกของฮูหนิวจะไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรพรรดินี แต่ถ้าเป็นเรื่องของเสน่ห์นั้นด้อยกว่ามาก
นั่นเป็นเพราะฮูหนิวยังเป็นเด็ก แต่ในอนาคตเสน่ห์ของฮูหนิวจะต้องไม่แพ้ใครอย่างแน่นอน
หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะมอง ความงามของนางเป็นเหมือนกับหายนะ ยิ่งมองนานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้เขาเริ่มลืมคนอื่นๆและทำได้แค่จ้องมองนางเพียงคนเดียวเท่านั้น
นี่คือเสน่ห์ของจักรพรรดินี
“ข้าอยากจะถามอะไรบางอย่างจากเจ้า” จักรพรรดินีเริ่มพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ท่านมีเรื่องจริงจังคุยกับข้างั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มและมองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า
จักรพรรดินีรู้ว่าหลิงฮันกำลังจ้องมองมาที่นาง ช่วยไม่ได้ที่นางจะรู้สึกอึดอัดใจ
จักรพรรดินียกมือขึ้นให้หยุดและพูดว่า “ใช่ ข้ามีเรื่องสำคัญบางอย่างที่จะถามเจ้า!”
เมื่อมองเห็นความจริงจังของนาง ท่าทีของหลิงฮันก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
“ท่านต้องการถามอะไร?” หลิงฮันถาม
“เกี่ยวกับดินแดนแห่งเซียน!” จักรพรรดินีกล่าวและเผยสีหน้าซับซ้อน ทั้งโดดเดี่ยวและโกรธเกรี้ยว
หลิงฮันคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เข้าไปที่หอคอยทมิฬกันก่อน พวกเราจะพูดคุยกันในนั้น”
เมื่อได้ยินที่หลิงฮันพูดช่วยไม่ได้ที่นางจะเป็นกังวล เพราะภายในหอคอยทมิฬหลิงฮันคือผู้ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เหตุการณ์ครั้งก่อนยังทำให้นางกลัว
หลิงฮันหันหน้าและพูดว่า “ท่านคิดว่าข้าเป็นคนชั่วร้ายงั้นหรือ?”
จักรพรรดินีไม่ตอบ แต่ใบหน้าของนางก็แสดงให้เห็นคำตอบชัดเจนแล้ว
ตุบ
หลิงฮันนั่งลงบนพื้นและพูดว่า “ก็ได้ ในเมื่อท่านไม่ไว้ใจข้าขนาดนั้น หลังจากนี้ท่านก็ห้ามไปฝึกฝนบ่มเพาะพลังข้างในนั้นอีก!”
“หึ่ม ภายใต้สวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นพื้นปฐพีและผู้คนคือของของข้า! ดังนั้นทุกอย่างที่เป็นของเจ้า มันก็คือของของข้า ข้าแค่อนุญาตให้เจ้าครอบครองมันเท่านั้น!” จักรพรรดินีกล่าวอย่างหยิ่งยโส”ดังนั้น เจ้าอย่าได้เข้าใจอะไรผิด!”
เมื่อเห็นท่าทางที่หยิ่งยโสของนาง มันทำให้เขาอยากจะสยบนางมากยิ่งขึ้น
และดูเหมือนว่ายิ่งนางทำตัวหยิ่งยโสมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้นางดูมีเสน่ห์ที่สูงส่งมากขึ้นเท่านั้น
หลิงฮันยับยั้งความรู้สึกดังกล่าวและพูดว่า “ก็ได้ ข้ายอมท่าน แล้วท่านอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับดินแดนแห่งเซียน?”
จักรพรรดินีดูลังเลเล็กน้อยและพูดว่า “บรรพบุรุษของข้า…มาจากดินแดนแห่งเซียน!”
ว่าไงนะ!
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึงและพูดว่า “ข้ารู้ว่าท่านสืบเชื้อสายมาจากเผ่าสวรรค์โบราณ หรือว่าเผ่าสวรรค์โบราณทุกคนจะมาจากดินแดนแห่งเซียน?”
จักรพรรดินีพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ เผ่าสวรรค์โบราณทุกคนถูกเนรเทศออกมาจากดินแดนแห่งเซียนมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะสายเลือดของพวกเขาค่อนข้างแข็งแกร่ง”
หลิงฮันประหลาดใจที่เห็นจักรพรรดินีพูดถึงดินแดนแห่งเซียน เขาถอนหายใจและพูดว่า “ท่านตอบว่าใช่ แล้วท่านได้ถูกเนรเทศมาหรือไม่?”
“สงครามที่เกิดขึ้นในดินแดนแห่งเซียนได้ส่งผลกระทบต่อดินแดนแห่งเซียนทั้งหมด ในสงครามครั้งนั้นมีจอมยุทธหลายคนที่ต้องจบชีวิตลง และหลังจากสงครามฝ่ายที่พ่ายแพ้ต่างก็ถูกขับไล่ออกมาจากดินแดนแห่งเซียน” จักรพรรดินีไม่ตอบคำถามและกล่าวต่อ
หัวใจของหลิงฮันเต้นเร็วขึ้นทันที นี่เป็นความลับที่น่าตกใจมาก
“ดังนั้น ท่านจึงอยากกลับไปที่ดินแดนแห่งเซียนอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันถาม
จักรพรรดินีพยักหน้าเล็กน้อย “การกลับไปที่ดินแดนแห่งเซียนคือความเชื่อของเผ่าเก้าอสรพิษที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น” จักรพรรดินีมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เด็กสาวตัวน้อยคนนั้นน่าจะเป็นลูกหลานของขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ในดินแดนแห่งเซียน”
นางหมายถึงฮูหนิว
“ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์” หลิงฮันกล่าว
“เรื่องพวกนั้นมันเก่าแก่เกินไป บันทึกเกี่ยวกับดินแดนแห่งเซียนในตระกูลข้าเหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น” จักรพรรดินีถอนหายใจ “ในดินแดนบรรพบุรุษของเผ่าเก้าอสรพิษนั้นมีสระเก้าอสรพิษอยู่ เผ่าเก้าอสรพิษทุกคนจะต้องไปที่นั่นเพื่อกระตุ้นพลังทางสายเลือดให้ตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่ สำหรับเผ่าเก้าอสรพิษแล้ว นี่คือมรดกสำคัญที่สุดของเผ่าพันธุ์”
“ดังนั้น จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดของท่านในการกลับไปที่ดินแดนแห่งเซียนคือเพื่อไปเอาสระเก้าอสรพิษ?” หลิงฮันถาม
“ข้าไปเอามันไม่ได้” จักรพรรดินีส่ายหัวและพูดว่า “สระเก้าอสรพิษคือส่วนหนึ่งของร่างกายบรรพบุรุษเผ่าเก้าอสรพิษ ซึ่งศพของบรรพบุรุษจะถูกฝังอยู่ในดินแดนบรรพบุรุษ เมื่อกาลเวลาผ่านไปศพของบรรพบุรุษคงจะผนวกเข้ากับภูเขาและแม่น้ำไปแล้ว ข้าไม่สามารถเคลื่อนย้ายมันได้”
“ถ้างั้น ถ้าท่านต้องการให้เผ่าเก้าอสรพิษต้องการกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง ท่านก็ต้องกลับไปที่ดินแดนบรรพบุรุษเท่านั้น?” หลิงฮันถาม
“ใช่” จักรพรรดินีเผยสีหน้าโดดเดี่ยว “แต่ตอนนี้ทั้งเผ่าเก้าอสรพิษเหลือแค่ข้าเพียงคนเดียว”
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องกังวล!” หลิงฮันเอื้อมมือออกไปเพื่อโอบไหล่จักรพรรดินี “ในอนาคต พวกเราจะมีลูกหลานด้วยกันมากมายและตระกูลเก้าอสรพิษของพวกเราก็จะเติบโตมากยิ่งขึ้น”
เพี๊ยะ มือของหลิงฮันยังไม่ทันแตะที่ไหล่ของนาง เขาก็ถูกจักรพรรดินีตบ แต่โชคยังดีที่นางไม่ได้ตบแรง มิฉะนั้นกระดูกของเขาคงหักไปแล้ว
“อย่าทำเป็นเรื่องตลก!” จักรพรรดินีดุ
หลิงฮันหัวเราะ ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนั้นกับจักรพรรดินี ศพของคนผู้นั้นคงไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า แต่นางแค่ตบเขาเท่านั้น นี่แสดงให้เห็นว่าจักรพรรดินียังมีใจให้เขา
ปากร้าย แต่ใจดี ยิ่งทำให้ข้าชอบเข้าไปใหญ่
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นพวกเราจะไปที่ดินแดนแห่งเซียนด้วยกัน!”
จักรพรรดินีคิดชั่วครู่และพูดว่า “ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าจะทำอะไร แต่เจ้าจะต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา!”
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีวิธีของข้าอยู่แล้ว!” หลิงฮันกล่าว “จะว่าไปแล้วดินแดนแห่งเซียนเป็นที่แบบไหน?”
“แดนสวรรค์ในตำนาน จอมยุทธสามารถมีอายุขัยไม่มีขีดจำกัด” จักรพรรดินีกล่าว
“อายุขัยที่ไม่มีขีดจำกัด เมื่อใดที่เกิดความขัดแย้งขึ้นและก่อให้เกิดสงครามก็ไม่มีทางที่จะควบคุมได้” หลิงฮันคิด
เช่นนั้น ในเมื่อสงครามได้ปะทุไปแล้ว มันก็อาจเกิดสงครามครั้งที่สองหรือครั้งที่สามเกิดได้
ดูเหมือนดินแดนแห่งเซียนจะไม่ใช่แดนสวรรค์ในตำนานอีกต่ไป
“ส่วนเรื่องจักรวรรดิต้าหลิงของเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ข้าจะดูแลให้อย่างดี” จักรพรรดินีกล่าวอีกครั้ง จากนั้นนางก็สะบัดแขนเสื้อและพูดว่า “ข้าจะไปแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน…” หลิงฮันกล่าว
จักรพรรดินีหยุดและหันหลังกลับไปมองด้วยสีหน้าสงสัย
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าอาจต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะพบท่านอีกครั้ง อย่างน้อยขอให้ข้ากอดหน่อยได้หรือไม่?”
จักรพรรดินีมองตาขาวใส่หลิงฮันและปลดปล่อยพลังปราณปกปิดใบหน้าของตัวเอง จากนั้นก็พูดกลับไปว่า “ฝันไปเถอะ!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น