Alchemy Emperor of the Divine Dao 1206-1212
ตอนที่ 1206
อะไรนะ!
จูเทียนโฉวและหยีสือตกตะลึง หลิงฮันเป็นแค่เหยื่อล่ออย่างนั้นรึ?
แล้วพวกเขามาเสียเวลาจัดการหลิงฮันไปทำไม?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหยดเซียนหยวนทั้งสี่หยด แต่ตอนนี้หยดเซียนหยวนทั้งสี่หยดได้ถูกส่งมอบให้กับร้านค้าตระกูลโม่เพื่อนำไปประมูลแล้ว
ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจะจัดการหลิงฮันสำเร็จแล้วจะได้อะไรขึ้นมา?
เสียเวลาเปล่า!
“อย่าทำหน้าเหมือนกับศพแบบนั้น พวกเจ้าก็รู้ดีว่าหยดเซียนหยวนเป็นของข้า และดูเหมือนพวกเจ้าจะเป็นห่วงเรื่องของข้านัก ข้าควรขอบคุณพวกเจ้าหรือไม่?” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
ก่อนหน้านี้เขาส่งของที่จะนำไปประมูลอย่างเช่นหยดเซียนหยวนให้กับติงผิง เขาคิดว่ากองกำลังก่าวจะต้องมุ่งเป้ามาที่เขาอย่างแน่นอน ดังนั้นหลิงฮันจึงตัดสินใจเป็นตัวล่อซะเองเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกมัน
-ในเมื่อเขาเสนอตัวเป็นเหยื่อล่อแล้ว ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ติดกลับได้อย่างไร?
“เจ้าโกหก!” จูเทียนโฉวตะโกน
“ถูกต้อง เจ้าแค่พยายามหลอกล่อพวกเราให้กลับเมือง แล้วใช้โอกาสนั้นเพื่อหลบหนี!” หยีสือกล่าว
หลิงฮันยักไหล่และพูดว่า “โอ้ มันช่วยไม่ได้ที่พวกเจ้าจะคิดว่าตัวเองทำล้มเหลว เอาล่ะ ถ้างั้นพวกเจ้าก็พาตัวข้าไปได้แล้ว ข้าไม่อยากมีความผิดติดตัว ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่ข้อสงสัยก็ตาม!”
จูเทียนโฉวและหยีสือมองหน้ากัน ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่พวกเขาจะไปที่งานประมูล อย่างน้องถ้าพวกเขาพาตัวหลิงฮันกลับภารกิจของพวกเขาก็จะบรรลุล่วง
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เดินทางมาถึงวิหารหยกขาวที่อยู่บนยอดเขาหลัก
วิหารหยกขาวคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นสถานที่ที่จะพิพากษาคนในนิกาย
เมื่อรู้ว่าหลิงฮันถูกนำตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็มีผู้อาวุโสหลายคนมาที่นี่ พวกเขาคือผู้พิพากษา
ผู้พิพากษามีทั้งหมดห้าคนและมีระดับพลังอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราขั้นสูง
จอมยุทธระดับดาราจะไม่เป็นคนตัดสินโทษของจอมยุทธระดับภูผาวารีด้วยตัวเอง ใครจะว่างขนาดนั้น? ในเมื่อจอมยุทธระดับดารายังไม่ว่าง เช่นนั้นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึง ปรมาจารย์วิถีปิดด่านฝึกตนเกือบทั้งปีและมีไม่กี่ครั้งที่เขาจะปลีกตัวออกมา
ดังนั้น การพิพากษาจอมยุทธระดับภูผาวารี แค่ถึงมือจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงมันก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ?
“ฮันหลิน เจ้าเห็นข้าแล้วแต่ยังไม่คุกเข่าอีกงั้นรึ?” หัวหน้าผู้พิพากษาตะโกน
เขามีนามว่าเฉินคั่วและเป็นหัวหน้าผู้พิพากษา
หลิงฮันพูดเบาๆ “ข้าไม่ได้ละเมิดกฎของนิกาย แล้วข้ามีความผิดอะไร? ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ที่ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าต่อผู้อาวุโส”
เขายืนกอดอกและยืนประชันหน้ากับผู้พิพากษาทั้งห้าคน
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” ผู้พิพากษาอีกหนึ่งคนที่มีชื่อว่าหม่าไกกล่าว “คนที่ทำตัวอวดดีเช่นเจ้าไม่เคยมีจุดจบที่ดี”
“โอ้ หรือว่าผู้อาวุโสกำลังพูดถึงหยางฮ่าว?” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม “อืม เขาเป็นคนที่บ้าจริงๆ ทั้งที่เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แต่กล้าโจมตีใส่จอมยุทธระดับภูผาวารีอย่างเปิดเผย โดยเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ การที่เขาไม่ถูกทำโทษช่างไร้เหตุผลซะเหลือเกิน”
อึก!
ผู้พิพากษาทั้งห้าคนถึงกับพูดไม่ออก ราวกับถูกตบหน้า
หยางฮ่าวเป็นคนที่บ้าบิ่นจริง แต่เขาก็เป็นอัจริยะที่หาตัวจับได้ยาก และมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะได้รับการยอมรับเป็นศิษย์จากปรมาจารย์สามวิถี ยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจกลายเป็นจอมยุทธระดับดาราในอนาคต
“ฮันหลิน อย่าพูดพาดพิงถึงคนอื่น! เฉินคั่วพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม ครั้งนี้เป็นพวกเขาต่างหากที่จะซักถามความจริงจากหลิงฮันว่าเขามีความผิดหรือไม่ เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าตระหนักถึงความผิดของตนเองหรือไม่?”
“ข้าทำอะไรผิด?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม
“ในเขตแดนลี้ลับ เจ้าสังหารผู้คนจากกองกำลังก่าวและปล้นหยดเซียนหยวนจากพวกเขา!” ใบหน้าของเฉินคั่วกลายเป็นเคร่งขรึมและยังใช้แรงกดดันของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรากดทับหลิงฮัน
แต่น่าเสียดายที่หลิงฮันฝึกฝนเทคนิคคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ทำให้จิตใจของเขามั่นคงและแน่วแน่ การที่จะสยบเขาได้นั้นอย่างน้อยจะเป็นคนจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง
จอมยุทธระดับสุริยันจันทรา? ยังไม่เพียงพอ!
หลิงฮันยืนยืดอกอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า “พวกท่านพูดถึงอะไร? กองกำลงกำลังอะไร ข้าไม่เคยเห็นหรือไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
“เหลวไหล!” ผู้พิพากษาหม่าตะคอก “ถ้าเจ้าคิดว่าตัวเองไม่มีความผิด แล้วทำไมเจ้าต้องหลบหนีด้วย? เหตุใดพวกข้าถึงตามหาตัวเจ้าไม่เจอ?”
“ผู้อาวุโสชอบพูดอะไรตลกเสียจริง ในเมื่อข้าเป็นจอมยุทธ ข้าจะปิดด่วนฝึกตนบ้างมิได้หรือ?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าผู้อาวุโสคิดจะปิดด่านฝึกตน พวกท่านจะต้องรายงานเรื่องนี้ให้นิกายทราบหรือไม่?”
ผู้พิพากษาหม่าอยากจะระเบิดความโกรธออกมา แน่นอนว่าศิษย์ของนิกายสามารถปิดด่านฝึกตนได้ทุกเมื่อ แต่เวลาที่เจ้าปิดด่านฝึกตนนั้นมันเหมาะเจาะเกินไป เจ้าก็แค่กลัวความผิดและหลบหนี!
เฉินคั่วโบกมือโบกมือให้หยุดและพูดว่า “วันนี้เป็นวันพิพากษาว่าเจ้ามีความผิดหรือไม่ ดังนั้นพวกข้าจะยังไม่ใส่เครื่องมือทรมานเจ้า แต่ถ้าเจ้ายังไม่รีบพูดความจริงออกมา อย่าหาว่าข้าไร้ความยุติธรรม!”
“ผู้อาวุโส ตัวข้าได้พูดความจริงออกไปหมดแล้ว!” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเชื่อเขา
เฉินคั่วอยากจะโยนหลิงฮันเข้าคุก แต่อีกฝ่ายเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหลิงฮันเป็นผู้บริสุทธิ์จริง เขาจะจัดการกับผลที่ตามมาได้อย่างไร?
ศิษย์เมล็ดพันธุ์คนใดที่จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับจอมยุทธระดับดารา?
เขากลับมาสงบสติอารมณ์ลงอีกครั้งและพูดว่า “ถึงเจ้าจะไม่ได้กระทำความผิด แต่ก็ยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับหยดเซียนหยวนว่าใครเป็นเจ้าของ ดังนั้น ก่อนอื่นข้าต้องการให้เจ้าส่งหยดเซียนหยวนมา ถ้ามันเป็นของเจ้าจริง พวกข้าจะส่งมันคืนให้เจ้าทีหลัง”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ผู้อาวุโสต้องต้องการที่จะสื่อว่าวิธีการที่ข้าได้รับหยดเซียนหยวนมานั้นน่าสงสัยอย่างนั้นหรือ? ท่านนี่ช่างพูดตลก กลุ่มที่อ่อนแออย่างกับไก่อ่อนพวกนั้นจะคว้าหยดเซียนหยวนมาได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นตั้งสี่หยด!”
“จะว่าไป ข้าได้ยินมาว่าครั้งก่อนหยางฮ่าวเองก็คว้ามาได้สองหยด ถ้าคนเหล่านั้นเป็นเจ้าของหยดเซียนหยวนทั้งสี่หยดจริง นั่นไม่ได้หมายความว่าเหนือกว่าหยางฮ่าวหรอกหรือ?”
ก…ไก่อ่อน?
ใบหน้าของผู้พิพากษาทั้งห้าคนถึงกับกระตุก ในความเป็นจริงพวกเขาทั้งห้าคนมาจากกองกำลังก่าว แม้ว่าหลิงฮันจะไม่ได้พูดถึงพวกเขา แต่ก็เป็นการพาดพิงถึงพวกเขาในทางอ้อม นี่เหมือนกับว่าพวกเขาถูกจอมยุทธระดับภูผาวารีชี้หน้าด่า แล้วพวกเขาจะไม่รู้สึกอายได้อย่างไร?
ตอนที่ 1207
หลิงฮันวางมือลงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พูดด้วยความสัตย์จริง ข้าส่งมอบหยดเซียนหยวนให้กับร้านค้าตระกูลโม่เพื่อนำประมูลไปแล้ว หากพวกท่านไม่เชื่อก็สามารถไปดูเพื่อพิสูจน์ได้ จะไปพวกท่านน่าจะมีคนของตัวเองอยู่ในงานประมูลและน่าจะกลับมารายงานในอีกไม่ช้า”
“และข้าอารมณ์เสียมากที่มักจะมีคนพูดจาใส่ร้ายป้ายสีข้า ขณะที่ทำให้ตัวเองดูเป็นผู้เสียหาย”
ใบหน้าของเฉินคั่วและหม่าไกกลายเป็นมืดมน เจ้าเด็กนี่คิดว่าพวกเขาพาตัวมาเป็นแขกของที่นี่อย่างนั้นรึ? และยังมีท่าทีที่สงบเกินไป อย่างไรก็ตาม ถ้าทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ทุกอย่างก็จะกลับตาลปัตร!
พวกเขาหันไปมองจูเทียนโฉวและหยีสือ ใบหน้าของทั้งสองคนปกคลุมไปด้วยเหงื่อ ถ้านายน้อยไม่ได้รับหยดเซียนหยวนมาล่ะก็ พวกเขาจะต้องแบกรับความผิดชอบอย่างหนัก
เมื่อนึกถึงคำพูดของก่าวฮวงแล้ว สีหน้าของทั้งคู่กลายเป็นซีดขาวราวกับคนป่วย
“ฮันหลิน การกระทำของเจ้านั้นกล้าหาญมาก!” เฉินคั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “ใครเป็นเจ้าของหยดเซียนหยวนทั้งสี่หยดยังเป็นที่ถกเถียง แต่เจ้ากลับนำมันไปประมูล เจ้ายังเห็นนิกายอยู่ในสายตาเจ้าอีกหรือไม่?”
หลิงฮันพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “พวกท่านอย่าพูดไร้สาระแบบนั้น หยดเซียนหยวนเป็นของข้าแต่แรก มิหน่ำซ้ำ ถ้าข้าแย่งชิงมันมาจากพวกเขาจริง ข้าสามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียวหรือไม่?”
“การใส่ร้ายป้ายสีที่ไม่มีหลักฐานจะไปมีน้ำหนักอะไร? หรือว่าพวกมันจะไปเข้าฝันพวกท่าน?”
อึก!
ศิษย์หลายคนที่มาดูการสอบสวนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที นี่เป็นการพิจารณาคดีสาธารณะ ดังนั้นพวกเขาจึงมีสิทธิ์เข้ามาดูการตัดสิน
ใบหน้าของเฉินคั่วเป็นเหมือนน้ำ
เขาไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เขาถูกจอมยุทธระดับภูผาวารีตรอกหน้าหลายครั้ง
จะมีจอมยุทธระดับภูผาวารีคนใดที่กล้าพูดจาต่อล้อต่อเถียงกับจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา?
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถกระโจนเข้าไปทำร้ายหลิงฮันได้
อย่างแรก เขายังไม่ทราบแน่ชัดว่าหยดเซียนหยวนถูกนำไปประมูลจริงหรือไป ถ้าหลิงฮันซ่อนมันเอาไว้และเขาเผลอฆ่าหลิงฮันเข้า…เช่นนั้น ข้าก็รอถูกก่าวฮวงฆ่าได้เลย
อย่างที่สอง หลิงฮันเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ เขาไม่สามารถฆ่าหลิงฮันได้เลย
ดังนั้น เขาจึงทำได้แค่แสดงความโกรธออกมาเท่านั้น
ปัง!
ในขณะนั้นเอง ประตูของวิหารหยกขาวก็ถูกผลักอย่างกะทันหัน – พูดให้ถูกคือมันถูกเตะให้เปิด และหลังจากที่ประตูเปิดแล้วก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างห้าวหาญ
เขาเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมเพรียวและดูหล่อเหลามาก แต่กลิ่นอายของเขากลับน่าสะพรึงกลัว ดังนั้นหลายคนที่นี่จึงรู้สึกอึดอัด ราวกับบีบคอ
“คารวะนายน้อย!” เมื่อเฉินคั่วและคนอื่นๆเห็น พวกเขาก็รีบแสดงความเคารพทันที
ชายหนุ่มผู้นี้คือ…ก่าวฮวง!
หลิงฮันหันหน้าไปมองและจดจำรายละเอียดทั้่งหมด เพราะเขาไม่เคยพบเคยเห็นก่าวฮวงมาก่อนและเพื่อให้แน่ใจว่าในอนาคตเขาจะไม่สังหารผิดคน
ใบหน้าของก่าวฮวงดูไม่ดีนัก เขาเดินเข้ามาในห้องโถงและพูดอย่างเย็นชาว่า “ทำไมพวกเจ้าทุกคนถึงไร้ค่าขนาดนี้? แล้วเหตุใดกัน หยดเซียนหยวนถึงถูกประมูลขายไปแล้วหนึ่งหยด!”
หยดเซียนหยวนถูกประมูลขายไปแล้วหนึ่งหยด นั่นแสดงให้เห็นว่าร้านค้าตระกูลโม่ยังเหลืออีกสามหยด
เฉินคั่วและคนอื่นๆต่างปิดปากเงียบ ถึงพวกเขาจะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราที่มีความแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่ายและยังมีสถานะสูง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าก่าวฮวงพวกเขาก็เหมือนเด็กน้อยไปเลย เขาเป็นบุตรชายของจอมยุทธระดับดาราขั้นสูง ใครจะกล้าสร้างความขุ่นเคืองให้กับเขา?
นอกจากนั้น พวกเขาทุกคนคือสมาชิกกองกำลังก่าว แล้วพวกเขาจะไม่เคราพนายน้อยของตัวเองได้อย่างไร?
ก่าวฮวงจ้องมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เจ้า จงรีบไปที่งานประมูลเดี๋ยวนี้และหยุดมันซะ!”
“โอ้ ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม
“เพราะมันเป็นคำสั่งของข้า!” ก่าวฮวงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“โง่เขลา!” หลิงฮันด่า
“น…นี่เจ้ากล้าด่าข้าอย่างนั้นรึ?” ก่าวฮวงกล่าวด้วยความโกรธ
หลิงฮันยักไหล่และพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ใช่คนโง่ แล้วทำไมเจ้าถึงร้อนตัวด้วย?”
ฮ่าฮ่าฮ่า!
ก่าวฮวงโกรธจัดราวกับถูกฟ้าผ่า เขาไม่เคยเจอคนที่กล้าด่าเขามาก่อน เขาตะคอกกลับไปว่า “ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะทำตัวอวดดีได้นานแค่ไหน อย่าได้ลืมว่าเจ้ากำลังยืนอยู่ที่ใด! ตัดสินโทษหลิงฮันต่อได้แล้ว!”
เฉินคั่วและคนอื่นๆมองหน้ากัน พวกเขายังพิจารณาตัดสินโทษหลิงฮันไม่เสร็จ แต่ก็ถูกก่าวฮวงเข้ามาขัดจังหวะและยังถูกตำหนิอีกด้วย
แต่พวกเขาสามารถพูดบ่นได้หรือไม่?
พวกเขาไม่ใช่หลิงฮัน
“ฮันหลิน วันนี้เจ้าจะไม่สามารถหลบหนีการถูกลงโทษจากความยุติธรรมไปได้!” เฉินคั่วกลับไปที่บัลลังก์ เขาทุบโต๊ะและพูดว่า “เบิกตัวพยาน!”
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนจำนวนหนึ่งออกมาจากห้องโถงด้านหลัง พวกเขาทุกคนต่างเป็นศิษย์หนุ่มสาวที่อยู่ระดับภูผาวารี
“พวกเจ้าเห็นฮันหลินสังหารศิษย์ร่วมสำนักใช่หรือไม่?” เฉินคั่วถาม
“ขอรับ ผู้อาวุโส!” ศิษย์หลายคนพยักหน้าพร้อมเพรียงกัน
“ฮันหลิน ทีนี้เจ้าจะพูดโต้แย้งยังไง?” เฉินคั่วหันไปมองหลิงฮัน
หลิงฮันหัวเราะและหันไปพูดกับพยานคนหนึ่งว่า “ถ้างั้นข้าขอถามเจ้า ข้าใช้ทักษะอะไรและอาวุธอะไรในการฆ่า?”
“เอ่อ-” ศิษย์ที่ถูกถามพูดไม่ออก เพราะมันไม่มีอยู่ในสคริปต์
“อะไรกัน ในเมื่อเจ้าบอกเห็นข้าสังหารศิษย์ร่วมสำนัก แต่กลับไม่รู้ว่าข้าใช้ทักษะและอาวุธอะไรอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันหัวเราะ “หรือเจ้าจะเป็นคนตาบอด?”
หลิงฮันโบกมือและหันไปมองคนที่เหลือ เขาพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าบอกว่าเห็นข้าสังหารศิษย์ร่วมนิกาย ถ้างั้นข้าใช้อาวุธอะไรในการสังหาร?”
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม และให้พวกเจ้าตอบพร้อมกัน”
“หนึ่ง”
“สอง”
“พอได้แล้ว!” เฉินคั่วตะคอก “ฮันหลิน เจ้าคิดจะสร้างปัญหาอย่างนั้นรึ?”
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า “มิใช่ว่าข้ากำลังพิสูจน์ตัวเองหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น คำถามของข้านั้นธรรมดามาก หรือท่านว่าไม่จริง? ในเมื่อพวกเขาบอกว่าเห็นข้าสังหารศิษย์ร่วมนิกาย ข้าก็แค่ถามอาวุธที่ข้าใช้สังหารเท่านั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่สดเหตุสมผลหรือไม่?”
“ไม่ ที่เจ้ากำลังทำคือข่มขู่พยานต่างหาก!” เฉินคั่วกล่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ต่อหน้าผู้อาวุโสระดับสุริยันจันทราหลายคนอย่างพวกท่าน ข้าจะกล้าข่มขู่พยานได้อย่างไร? และข้าไม่มีพลังที่จะทำเช่นนั้น!” หลิงฮันกล่าว “ถ้างั้นข้าจะไม่พูดอะไร แค่นี้พวกท่านพอใจหรือยัง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า คำพูดของเจ้าช่างแหลมคมยิ่งนัก!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะ มีชายอีกคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ที่ประตู
ไม่ใช่ คนเดียวแต่เป็นสองคน เขาอยู่ด้านหลังชายคนนั้น
คนที่กำลังยืนอยู่ตรงประตูเป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลาไม่ได้ด้อยไปกว่าก่าวฮวง รวมถึงความแข็งแกร่ง และมีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน
หลิงฮันไม่รู้จักอีกฝ่าย แต่เมื่อหลิงฮันเห็นคนที่อยู่ด้านหลังอีกฝ่ายคือจีหยุนจือ ทำให้เขาสามารถคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ทันที
เขาคือนายน้อยแห่งกองกำลังฮวา ฮวาหยางเหวิน!
ตอนที่ 1208
“ฮวาหยางเหวิน เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ก่าวฮวงตะโกนออกมาทันที
“ฮ่าๆ ทีนี่ไม่ใช่บ้านของเจ้าเสียหน่อย ทำไมข้าจะมาไม่ได้?” แน่นอนว่าฮวาหยางเหวินย่อมไม่ถูกกับก่าวฮวง พวกเขามีกองกำลังของตัวเอง มีสถานะ มีระดับพลังบ่มเพาะและมีพลังที่ทัดเทียมกัน
ก่าวฮวงจ้องมองอีกฝ่าย ตอนนี้ไม่สามารถช่วงชิงหยดเซียนหยวนได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงเกลียดและคิดจะลงดาบหลิงฮัน สิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นที่สุดในตอนนี้คือการที่มีคนอื่นเข้ามาปกป้องหลิงฮัน
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้มาเพื่อปกป้องหมอนั่น” ฮวาหยางเหวินชี้ไปยังหลิงฮัน แววตาของเขาส่องประกายอาฆาต
ก่าวฮวงชะงักทันที ก่อนหน้านี้กองกำลังฮวาเสนอตัวคุ้มครองหลิงฮัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทำข้อตกลงอะไรบางอย่างกันเอาไว้ ซึ่งนั่นสมควรเป็นส่วนแบ่งหยดเซียนหยวน ไม่เช่นนั้นฮวาหยางเหวินจะกระตือรือร้นขนาดนั้นได้อย่างไร?
แต่ทำไมจู่ๆกองกำลังฮวากลับยกเลิกการคุ้มครองหลิงฮันแล้ว
หากคิดดูให้ดี ในตอนที่เขานำหลิงฮันเข้าสู่กระบวนการพิพากษา กองกำลังฮวาไม่มีท่าทีจะขัดขวางเลยแม้แต่น้อยและเลือกที่จะนิ่งเงียบอยู่ในความมืด
ถ้าต้องการจะพิพากษาศิษย์เมล็ดพันธุ์ จำเป็นต้องได้รับการเห็นด้วยจากผู้อาวุโสระดับดารามากกว่ายี่สิบสี่คน ดังนั้นหากกองกำลังฮวาคิดจะคุ้มครองหลิงฮันไม่ให้ถูกไต่สวน พวกเขาย่อมทำได้แน่นอนแม้จะต้องจ่ายค่าตอบแทนไปบ้าง
ก่าวฮวงพยักหน้าและกล่าวต่อ “ในเมื่อมีพยานหลักฐานเช่นนี้ ก็ไม่ถือว่าเร็วเกินไปหากจะประกาศเพิกถอนสถานะของคนคนนี้!”
ฮวาหยางเหวินยิ้มอย่างเย็นชา เป็นเพียงจอมยุทธตัวเล็กๆอย่างระดับภูผาวารีแต่กลับกล้าปฏิเสธข้อเสนอของเขา ช่างเป็นการกระทำที่โง่เขลายิ่งนัก ตอนนี้เขามาเพื่อดูความทรมานของหลิงฮันที่เลือกทางเดินผิด
หลิงฮันจ้องมองอย่างเย็นชา ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยรังหนูและงู เขาไม่สามารถรับความยุติธรรมให้กับตนเอง สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงสบถด่าคนเหล่านี้ด้วยความพูดเยาะเย้ยเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไรผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
“แค่ก แค่ก!” เฉินคั่วรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย เขาเป็นหัวหน้าผู้พิพากษาแต่ต้องถูกก่าวฮวงออกคำสั่ง เขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะปั้นหน้า “ฮันหลิง เจ้าสังหารศิษย์สำนักเดียวกัน พยานหลักฐานก็เป็นที่ประจักษ์ ข้าขอประกาศเพิกถอนสถานะศิษย์เมล็ดพันธุ์ของเจ้าบัดเดี๋ยวนี้ เจ้าจะไม่ศิษย์ของสำนักสวรรค์เยือกแข็งอีกต่อไป!”
“เจ้าสังหารศิษย์สำนักเดี๋ยวกัน ความผิดนี้ใหญ่หลวงนัก ตามกฎของนิกายแล้ว…”
“ฮ่าๆๆ!” ก่าวฮวงหัวเราะขัดจังหวะการประกาศของเฉินคั่วทำให้สีหน้าของเฉินคั่วเปลี่ยนเป็นมืดมน
“ฮันหลิง ทีนี้เจ้ารู้สึกเสียใจรึยัง?” ก่าวฮวงกล่าวอย่างเย็นชา “มดปลวกระดับภูผาวารีแถมยังมาจากโลกใบเล็กเช่นเจ้ากล้าขัดขืนข้า? เจ้าคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอรึอย่างไร?”
“ตอนนี้ข้าจะยังให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า คุกเข่าและอ้อนวอนซะ นี่อาจจะเป็นวิธีเดียวที่เจ้าจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป!”
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ก่าวฮวง เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ด้วยนิสัยของเจ้าที่แสดงให้เห็นว่าหากข้าไม่อ้อนวอนเชื่อฟังก็จะถูกเจ้าสังหาร… เจ้าไม่กลัวว่าผู้ที่ติดตามเจ้าอยู่จะหวาดหวั่นบ้างรึไง?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ใบหน้าของเฉินคั่วและคนอื่นๆก็เปลี่ยนไปทันที
ก่าวฮวงไม่แยแส ในความคิดของเขา นอกจากเขาและบิดาแล้ว คนอื่นๆล้วนแต่เป็นเพียงสุนัขรับใช้ หากพวกเขาขัดขืนก็แค่สังหารทิ้งก็พอ… ในโลกนี้ไม่ขาดแคลนสุนัขรับใช้อยู่แล้วไม่ใช่รึไง?
เขายังคงหัวเราะและกล่าว “นี่เป็นวิธีเดียวที่เจ้าจะมีชีวิตรอด ยอมเป็นสุนัขรับใช้แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
“ถ้าต้องการเช่นนั้นเจ้าคงต้องรอชาติหน้า!” หลิงฮันส่ายหัว “ในชาตินี้ คนที่จะคุกเข่าร้องขอความเมตตาคือเจ้า!”
“ช่างโอหัง!” ก่าวฮวงคำราม เขาไม่รู้ว่าหลิงฮันเอาความกลัวไปซ่อนไว้ที่ไหน ขนาดสถานะศิษย์เมล็ดพันธุ์ถูกเพิกถอนไปแล้วแท้ๆ
หลิงฮันกวาดสายตามองใบหน้าของก่าวฮวงและฮวาหยางเหวิน “ข้าจะจดจำรูปลักษณ์ของพวกเจ้าเอาไว้ พวกเจ้าจงเจ้าเหตุการณ์ในวันนี้เอาไว้ให้ดี ไม่เกินสิบปีข้าจะกลับมาทวงคืนหนี้กับพวกเจ้า!”
เขาตัดสินใจเข้าไปหลบตัวในหอคอยทมิฬและออกจากนิกายสวรรค์เยือกแข็ง
ให้เวลาเขาสิบปี เขาจะบรรลุระดับดาราและกลับมาแก้แค้น
เขาไม่กังวลเรื่องติงผิงและสุ่ยเยี่ยนยวี่ พวกเขาเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ต่อให้ก่าวฮวงต้องการกำจัดพวกเขาก็ต้องยื่นเรื่องพิพากษาเหมือนครั้งนี้เสียก่อน
แต่หลิงฮันไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น เขาบอกให้สุ่ยเยี่ยนยวี่กับคนอื่นๆไปยังร้านค้าโม่ในวันนี้เรียบร้อยแล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันพวกเขาจะหลบออกจากที่นี่ไปด้วยกัน
อีกก้าวเดียวเขาก็จะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา ซึ่งเมื่อทะลวงผ่านเสร็จเขาได้ตั้งใจจะเดินทางตามหาตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และทำเรื่องอื่นๆ ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะออกจากนิกาย
ที่จริงเขาได้ขอให้ร้านค้าโม่ตามหาสถานที่ตั้งของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์และนิกายดาบสวรรค์เอาไว้แล้ว เมื่อใดที่เขาได้รับข่าวเขาก็จะออกเดินทางทันที
“ฮึ่ม ยังอวดดีอยู่อีกรึ!” เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ชายที่มีกลิ่นอายสูงส่งเดินเข้ามาจากประตู เงาดำยาวพาดผ่านเข้าอย่างองอาจ ราวกับทุกคนทำได้เพียงคุกเข่าต่อหน้าเงานี้
หยางฮ่าว!
“คะ คารวะศิษย์พี่หยาง!” ก่าวฮวงและฮวาหยางเหวินมองหน้ากันก่อนจะโค้งให้กับหยางฮ่าว
ทำไมต้องเรียกศิษย์พี่หยาง?
สมควรรู้ก่อนว่าทั้งก่าวฮวงและฮวาหยางเหวินต่างก็มีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราสูงสุด โดยที่หยางฮ่าวพลังเพียงขั้นสูงเท่านั้น เหตุใดเขาถึงได้มีสถาะนะ ‘อาวุโส’ กว่าทั้งสองคน?
“ศิษย์พี่หยางถูกรับเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการคนที่สิบของผู้นำนิกายเมื่อวานนี้!” ก่าวฮวงอธิบาย หากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้คนที่ยิ่งยโสเช่นเขาจะยอมแสดงความเคารพต่อจอมยุทธที่ระดับพลังต่ำกว่าตนเองได้อย่างไร
การได้เป็นศิษย์คนที่สิบของปรมาจารย์สามวิถีนั้นทำให้สถานะของหยางฮ่าวแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง อย่ามองว่าระดับพลังของเขายังต่ำต้อย ต่อให้ตัวตนระดับดาราพบเจอเขา ท่าทีของอีกฝ่ายก็ต้องสุภาพนอบน้อม
หากไม่ไว้หน้าหยางฮ่าวก็หมายถึงไม่ไว้หน้าปรมาจารย์สามวิถี หากทำตัวทัดเทียมกับหยางฮ่าวก็ไม่ใช่ว่าคนคนนั้นทำตัวทัดเทียมกับปรมาจารย์สามวิถีรึอย่างไร? ในจักรวาลแห่งนี้ใครกันจะมีคุณสมบัติเช่นนั้น?
ทุกคนตกตะลึง แม้จะมีข่าวลือเช่นนั้นอยู่บ้าง แต่ใครกันจะกล้าแสดงความคิดเห็นต่อตัวตนระดับวารีนิรันดร์? ตอนนี้ข่าวลือที่ว่าได้รับการยืนยันแล้ว ทุกคนจะตกตะลึงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หยางฮ่าวได้กลายเป็นศิษย์คนที่สิบของปรมาจารย์สามวิถีแล้วจริงๆ
ตอนนี้สถานะของหยางฮ่าวก้าวกระโดดเหนือยิ่งกว่าจอมยุทธระดับดาราเสียอีก
หยางฮ่าวมองไปยังหลิงฮันด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยมบนใบหน้า แววตาลึกๆของเขาส่องประกายอาฆาตที่รุนแรง
ตอนที่ 1209
หยางฮ่าวเองก็รู้สึกมีความสุข
เขากำเนิดเติบโตขึ้นมาในขุมพลังของจอมยุทธระดับดารา และแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ด้านวรยุทธที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่ยังเด็ก เขาเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่เจิดจรัสอยู่บนท้องฟ้าเสมอ ไม่ว่าเขาจะเดินทางไปที่ไหนก็มีแต่คนสรรเสริญนับถือเขา
ในตระกูล เขาถูกคาดหวังเอาไว้สูงมาก ในหมู่พ้องเพื่อน เขาเป็นอัจฉริยะที่ไร้พ่ายและทุกคนต่างก็หวั่นเกรง แม้จะเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็งก็ไม่มีข้อยกเว้น
ราวกับว่าเขาเป็นบุตรชายอันเป็นที่รักของสรวงสวรรค์
แต่ทั้งหมดเป็นเพราะหลิงฮันที่ทำให้เขาสูญเสียครั้งใหญ่
และถึงจะไม่ใช่หลิงฮัน เขาก็เกือบถูกจักรพรรดินีแห่งดาราหายนะเล่นงาน ถึงขั้นเกือบเสียชีวืต
นี่ถือเป็นความอัปยศที่สุดในชีวิตของเขา ในอนาคตเขาจะเดินทางไปจัดการจักรพรรดินีถึงจักรวรรดิราชวงศ์หายนะ แต่ตอนนี้เขาจะต้องลงมือฆ่าหลิงฮันซะก่อนแบบทบต้นทบดอก
“ฮันหลิน เจ้าสังหารศิษย์ร่วมนิกายเดียวกันถือเป็นความผิดอันใหญ่หลวง ยิ่งกว่าการไม่เคารพข้า!” หยางฮ่าวกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าขอแนะนำแขวนเขาไว้ที่ประตูทางเข้านิกายและเฉือนเนื้อของเขาทุกวันจนกว่าโลหิตจะเหือดแห้ง”
โหดเหี้ยมยิ่งนัก!
ทุกคนคิดในใจ
มันเป็นเรื่องยากที่ตัวตนระดับพระเจ้าจะตายเพียงแค่เฉือนเนื้อ
แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น ถึงแขนขาหักก็สามารถรักษาได้และโลหิตก็สามารถผลิตขึ้นมาใหม่ได้ แต่นั่นจะต้องใช้พลังชีวิต
พลังชีวิตไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ แต่มันมีอยู่จริง แม้แต่วิธีการชั่วร้ายยังสามารถดูดซับพลังชีวิตเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังของตัวเองและใช้เพื่อยืดอายุและส่งเสริมการบ่มเพาะพลังได้เลย
หยางฮ่าวต้องการทรมานหลิงฮันและปล่อยให้เขาตายอย่างช้าๆ จนกว่าพลังชีวิตจะหมด
อำมหิต!
ก่าวฮวงและฮวาหยางเหวินดูตกตะลึง หยางฮ่าวเป็นคนที่โหดร้ายมาก พวกเขาจะต้องไม่รุกรานเขาในอนาคต
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “หยางฮ่าว หากเจ้าแน่จริงก็ลดระดับพลังให้อยู่ในระดับเดียวกับข้า และมาต่อสู้กันตัวต่อตัว!”
หยางฮ่าวแสยะยิ้มและพูดว่า “หึ! ทำไมข้าจะต้องลดตัวไปต่อสู้กับเจ้าด้วย!”
“คิดว่าข้ารังแกเจ้าแล้วงั้นหรือ? ในการต่อสู้ระดับเดียวกัน ข้ายินดีที่จะต่อสู้กับเจ้าด้วยมือและเท้าข้างเดียว” หลิงฮันเก็บมือซ้ายไว้ด้านหลังและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หรือจะให้ข้าใช้มือซ้ายแทนล่ะ” เขาเปลี่ยนมือ
บ้ามาก นี่มันบ้าไปแล้ว!
“ศิษย์พี่หยาง ทำไมท่านไม่ให้ข้าเป็นคนสั่งสอนเขาแทนล่ะ เพื่อที่เขาจะได้ซื่อสัตย์?” ก่าวฮวงพูดแนะนำ ถึงเขาจะมีอายุมากกว่าหยางฮ่าวและมีระดับพลังที่สูงกว่า แต่สถานะของเขาต่ำกว่ามาก
หยางฮ่าวพยักหน้าและพูดว่า “เอางั้นก็ได้!” เขาจ้องมองไปที่หลิงฮัน มดปลวกอย่างเจ้าจะมีคุณสมบัติต่อสู้กับข้าได้อย่างไร? น่าตลกสิ้นดี!
หัวใจของหลิงฮันเต็มไปด้วยความหนาวเย็นและกระหายการต่อสู้ ในกรณีเลวร้ายที่สุดเขาก็สามารถเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬและค่อยกลับมาแก้แค้นวันหลัง
“ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่เข็ดหลาบซักที เจ้าชอบสร้างปัญหาให้กับข้าซะจริง!” หูเฟยหยินปรากฏตัวอย่างกะทันหัน แต่กลิ่นหายของนางในตอนนี้ยิ่งใหญ่กว่าระดับภูผาวารี
หรือว่านางคือจักรพรรดินี!
หลิงฮันขมวดคิ้ว ทั้งที่เขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หากจักรพรรดินีปรากฏตัวเพื่อสร้างปัญหา มันก็อาจเป็นปัญหาต่อแผนการของเขา เพราะถ้าจักรพรรดินีตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต เขาจะหนีเอาตัวรอดอยู่ในหอคอยทมิฬคนเดียวได้อย่างไร?
ทั้งชีวิตหยางฮ่าวไม่เคยหวาดกลัวใคร แต่เมื่อเห็นจักรพรรดินี เขาก็เผยสีหน้าที่หวาดกลัวออกมาทันที
เพี๊ยะ!
จักรพรรดินียื่นมือออกไปและตบหน้าของหยางฮ่าว ฝ่ามือดังกล่าวทำให้หยางฮ่าวพ่นโลหิตออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด
มันเจ็บมาก!
โชคยังดีที่จักรพรรดินียังออมมือ มิฉะนั้นด้วยฝ่ามือของจอมยุทธระดับดารา หยางฮ่าวจะยังมีชีวิตต่อหรือไม่?
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ากล้ามากที่กล้าทำร้ายข้าเป็นครั้งที่สอง!” หยางฮ่าวพูดอย่างเย็นชา
แต่ที่นี่คือ…นิกายสวรรค์เยือกแข็ง!
ทันใดนั้นเองก็มีร่างของคนสองคนปรากฏตัวพร้อมกัน ทั้งสองคนเหมือนชายวัยประมาณห้าสิบปีและพลังบางอย่างปกปิดใบหน้าของพวกเขา ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้ และด้านหลังพวกเขามีดวงดาวสี่ดวง
“ท่านพ่อ!” ก่วงฮวงและฮวาหยางเหวินเผยมีหน้ามีความสุข และแทบจะตะโกนออกมาพร้อมกัน
ศิษย์ดั้งเดิมของปรมาจารย์สามวิถี ศิษย์ลำดับสี่ ก่าวเฟิงแห่งกองกำลังก่าว และศิษย์ลำดับหก ฮวาหยงหนิงแห่งกองกำลังฮวา พวกเขาทั้งสองคนเป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นสูง
“สาวน้อย เจ้าทำมากเกินไปแล้ว!” ฮวาหยงหนิงกล่าวอย่างเย็นชา “ที่นี่คือนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ไม่ใช่อาณาเขตจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะของเจ้า!”
“เจ้าต้องการหยุดข้า?” จักรพรรดินีพูดเสียงเบา แต่ก็แฝงไปด้วยพลังอำนาจ
หลิงฮันเปิดปากพูด “จักรพรรดินี นี่เป็นเรื่องของข้า โปรดอย่าได้เข้ามายุ่ง!” เขากระพริบตาเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้กับจักรพรรดินี อีกฝ่ายก็ทราบมิใช่หรือไม่ว่าเขามีหอคอยทมิฬ แล้วใครจะทำให้เขาบาดเจ็บได้?
จักรพรรดินีหันไปมองหลิงฮัน แล้วพูดต่อว่า “เนื่องจากเขาคนของข้า และข้าได้ยินว่ามีการพิพากษาที่นี่ ดังนั้นข้าแค่มาดูการพิพากษาเท่านั้น”
แค่มาดูบ้านป้าเจ้าสิ แล้วที่เจ้าตบหยางฮ่าวเลือดกรบปากนี่หมายความว่าอย่างไร?
แต่ว่าจอมยุทธระดับดาราสามารถเปลี่ยนดำเป็นขาวได้ แต่ถ้าจะคัดค้านก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง
ถึงฮวาหยงหนิงและก่าวเฟิงจะไม่หวาดกลัวจักรพรรดินี แต่ก็ไม่อาจประมาทได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาแค่กลัวเท่านั้น นั่นเป็นเพราะ
“ถ้าเจ้าต้องการดู ก็ไปนั่งดูซะ!”
หยางฮ่าวลุกขึ้นอย่างช้าๆ แววตาของเขากำลังลุกไหม้
แล้วที่ข้าถูกนางตบหน้าล่ะ? ที่พวกท่านไม่คิดจะทำอะไรเลยรึ?
“ยังไม่เริ่มอีก?” จักรพรรดินีจ้องมองเฉินคั่ว แรงกดดันของนางนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก ถึงขั้นเกือบทำให้เฉินคั่วกระอักเลือด
เขาพยายามปั้นหน้ากลับมาเป็นปกติและพูดย้ำคำพิพากษาอีกครั้ง “ความคิดของฮันหลิน ข้าขอประกาศถอนสถานะศิษย์เมล็ดพันธุ์!”
เพี๊ยะ!
ทันทีที่เขาเพิ่งพูดจบ เขาก็ถูกจักรพรรดินีตบหน้าลอยกระเด็นไปด้านหลังและดูเหมือนกระดูกทั้งหมดจะหัก ทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
“ข้าไม่ยอมรับการตัดสินดังกล่าวไหนเจ้าลองตัดสินอีกครั้งสิ!”จักรพรรดินีดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
“เจ้าชักจะมากเกินไปแล้ว!”
ฮวาหยงหนิงและก่าวเฟิงไม่อาจทนได้อีกต่อไป นี่พวกเจ้าคิดว่าที่นี่คือจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะอย่างนั้นรึ?
“ฮ่าฮ่าฮ่า สาวน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนที่ทำตัวไร้มารยาทในสถานที่ของข้าและยังทำร้ายศิษย์ของข้าต่อหน้าข้าอีก!” เสียงที่ฟังดูน่าขนลุกดังกังวาลไปทั่ว ทำให้หลายคนหวาดสะพรึงไปทุกขั้วหัวใจ
ปรมาจารย์สามวิถี!
ตอนที่ 1210
ใครจะคิดว่าแค่การพิพากษาความผิดของจอมยุทธระดับภูผาวารีจะทำให้จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ต้องเคลื่อนไหว
สีหน้าของจักรพรรดินีกลายเป็นไร้สีสัน ถึงนางจะแข็งแกร่ง แต่นางจะต่อกรกับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ได้อย่างไร? แต่นางก็ไม่หวาดกลัวจนหัวหดและพูดว่า “ผู้อาวุโส สวรรค์และปฐพีนั้นกว้างใหญ่ แล้วจะตัดสินใจแค่คำพูดได้อย่างไร?”
“คนเหล่านี้ไม่แตกต่างจากอสรพิษที่ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น เปลี่ยนจากขาวเป็นดำ และให้ผู้บริสุทธิ์กลายเป็นคนทำผิด ข้าไม่อาจยอมรับได้!”
“สาวน้อย ข้าไม่ได้ถามความคิดเห็นของเจ้าเกี่ยวกับการตัดสิน” เสียงของปรมาจารย์สามวิถีดังอยู่ใกล้ๆ แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ “ข้ากำลังถามเจ้าว่า เพราะอะไรเจ้าถึงทำร้ายศิษย์ของข้าผู้นี้?”
หยางฮ่าวแสยะยิ้ม เขามีสัมผัสสวรรค์ของปรมาจารย์สามวิถีติดตัว ดังนั้นตราบใดที่เขายังมีสติสัมปชัญญะ เขาก็สามารถติดต่อปรมาจารย์สามวิถีได้ทันที
นอกจากนี้มันยังแสดงให้เห็นว่าปรมาจารย์สามวิถีรักและโปรดปรานศิษย์ของเขาแค่ไหน
จอมยุทธระดับดาราแล้วทำไม? ต่อหน้าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ไม่ต่างไปจากเด็กน้อย! เจ้ากล้าที่จะตบหน้าข้าถึงสองครั้ง จะต้องชดใช้ทบต้นทบดอก!
จักรพรรดินีกวาดสายตามองและพูดว่า “ผู้อาวุโส ท่านคิดจะกลั่นแกล้งผู้น้อยอย่างข้าหรือ?”
“สาวน้อย อย่าพยายามเรียกความสงสารจากข้าด้วยคำพูด!” ปรมาจารย์สามวิถีกล่าว “คุกเข่าขอโทษต่อหน้าศิษย์ของข้า แล้วครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
นี่เป็นความอัปยศครั้งใหญ่
สีหน้าของจักรพรรดินีดูซีดขาวยิ่งกว่าเดิม นางไม่คิดเลยว่าปรมาจารย์สามวิถีจะไร้เหตุผลขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แข็งแกร่งคือราชา ผู้ที่อ่อนแอกว่าทำได้แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” จักรพรรดินีส่งเสียงหัวเราะ ร่างแยกทั้งเก้าร่างมีเพียงแค่ร่างเดียวเท่านั้นที่ทะลวงผ่านระดับดารา และด้วยประสบการณ์ส่วนตัวบวกกับการสนับสนุนจากทรัพยากรบ่มเพาะพลัง หูเฟยหยินจะทะลวงผ่านระดับดาราได้ในเวลาร้อยปี
ด้วยวิธีการนี้นางก็จะสามารถทะลวงผ่านระดับดาราและถ้าฝึกฝนจนถึงระดับสมบูรณ์ทุกขอบเขตพลัง แล้วเมื่อนางก้าวเข้าสู่ระดับวารีนิรันดร์ นางก็จะมีพลังต่อสู้มากกว่าหกดาวและสามารถต่อกรกับปรมาจารย์สามวิถีได้
– ตามข่าวลือว่ากันว่าระดับบ่มเพาะพลังของปรมาจารย์สามวิถีน่าจะอยู่ที่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นสูง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความแตกต่างระหว่างนางกับปรมาจารย์สามวิถี ยังห่างไกลกันมาก!
“สาวน้อย ดูเหมือนเจ้าจะไม่เห็นด้วย!” ปรมาจารย์สามวิถีพูดพร้อมรอยยิ้ม “ยังไงก็ตาม เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ! ฮ่าวน้อย ในเมื่อเจ้าถูกนางตบ เจ้าก็ตบหน้านางกลับซะ”
“แต่ว่าท่านอาจารย์ นางเป็นจอมยุทธระดับดารา ศิษย์ไม่อาจต่อกรกับนางได้” หยางฮ่าวพูดด้วยความสุภาพ
“หึ่ม ไม่ใช่ว่าอาจารย์ของเจ้าอยู่ที่นี่หรอกรึ?” ปรมาจารย์สามวิถีกล่าว
“ขอบคุณท่านอาจารย์!” หลังพูดจบหยางฮ่าวก็แสยะยิ้มทันที ในเมื่อปรมาจารย์สามวิถีหนุนหลังเขาอยู่ แล้วจอมยุทธระดับดาราจะขัดขืนได้อย่างไร?
ถึงนางจะเป็นจอมยุทธระดับดาราที่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจอมยุทธระดับดาราก็เปรียบเสมือนเด็ก!
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนไป ถ้าจักรพรรดินีถูกทุบตี ถึงนี่จะเป็นแค่ร่างแยกของนาง แต่มันก็ยังคงเป็นความอัปยศอย่างยิ่งอยู่ดี! เขาจะไม่ทนอีกต่อไป!
“มาหาข้า!” หลิงฮันตะโกนพูดเสียงดัง ถึงปรมาจารย์สามวิถีจะอยู่ที่นี่ก็ตาม เขาก็จะใช้หอคอยทมิฬเพื่อพานางเข้าไป
นางคือภรรยาของเขาในอนาคต แล้วเขาจะยอมให้นางได้รับความอัปยศได้อย่างไร!
ในตอนแรกจักรพรรดินีต้องการให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่และหาโอกาสเรียกร้องความยุติธรรมให้กับหลิงฮัน แต่นางไม่คิดเลยว่าการตบหน้าหยางฮ่าวจะทำให้ปรมาจารย์สามวิถีเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม
แต่นางก็ยังคงเป็นคนที่เด็ดขาดและรีบวิ่งไปหาหลิงฮันทันที
“โอ้ เจ้าคิดจะหนีอย่างนั้นรึ?” ปรมาจารย์สามวิถีหัวเราะและใช้แรงกดดันกดทับร่างกายของนาง ทำให้นางหยุดชะงักทันทีราวกับเป็นรูปปั้นและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
หยางฮ่าวเดินเข้าไปหานางด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและยกมือขึ้นสูง เขาต้องการตบหน้าจักรพรรดินี
เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าจะได้แก้แค้นเร็วขนาดนี้ นี่ทำให้เขาดูมีความสุขเป็นอย่างมาก
– แน่นอน นี่เป็นเพียงแค่ร่างแยกของจักรพรรดินี ถ้าหยางฮ่าวได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของจักรพรรดินี เขาคงไม่กล้าทำอะไรนาง
เพี๊ยะ!
หยางฮ่าวลงมือตบ แต่ร่างของจักรพรรดินีก็ถูกบดบังและถูกแทนที่ตัวร่างของหลิงอัน
หลิงฮันกระโจนออกไปได้ทันเวลาและหยุดอยู่ตรงหน้าระหว่างฝ่ามือและจักรพรรดินี
ในเมื่อหยางฮ่าวเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูง ฝ่ามือดังกล่าวทำให้กระดูกของหลิงฮันหักหลายท่อน
“อ๊าก!” หลิงฮันกระโลหิตออกมาอย่างรุนแรง หลังจากรับฝ่ามือเต็มกำลังจากจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูง เขาเห็นวิสัยทัศน์ด้านหน้ากลายเป็นสีดำ อาจหมดสติหรือตายได้ตลอดเวลา
เขาไม่เคยใกล้ชิดความตายขนาดนี้มาก่อน
เขาพยุงร่างของตัวเองขึ้นและใช้หยดวิญญาณหนึ่งหยด ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็หายเป็นปกติในพริบตา
“หืม?” ปรมาจารย์สามวิถีประหลาดใจเล็กน้อยกับความยืดหยุ่นร่างกายที่น่าทึ่งของหลิงฮัน ถึงหลิงฮันจะเคยเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ แต่เป็นเพราะเขาไม่เคยได้รับความสนใจจากปรมาจารย์สามวิถี ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถ
ในขณะที่หยางฮ่าวดูตกตะลึง ทั้งที่หลิงฮันโดนฝ่ามือสุดพลังของเขาเต็มๆ แต่กลับไม่ตาย? และยังกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง?
ถึงกระนั้น เขาก็ยังแสยะยิ้มต่อ สายตาของเขาจ้องมองไปที่จักรพรรดินีที่ไร้การขัดขืนหลังจากถูกแรงกดดันของปรมาจารย์สามวิถีกดทับ
ถ้าเขาไปเล่นกับจอมยุทธระดับภูผาวารีมันจะไปสนุกอะไร? การได้ตบหน้าจอมยุทธระดับดาราต่างหากที่ทำให้เขามีความสุข! ยิ่งไปกว่านั้น นางตบหน้าเขาเลือดกลบปากถึงสองครั้ง นี่เป็นความเกลียดชังครั้งใหญ่
เขายกมือขึ้นสูงเพื่อตบหน้าจักรพรรดินีอีกครั้ง แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าหลิงฮันจะต้องพุ่งเข้ามาหยุดอีก แต่เขาก็ไม่สนใจ
เพี๊ยะ!
อย่างที่คิด หลิงฮันพุ่งเข้ามารับฝ่ามือเต็มพลังของเขาอีกครั้ง ทำให้โลหิตของหลิงฮันสาดกระเซ็นไปทั่วพร้อมกับกระดูกที่แตกหักอย่างรุนแรง การตบครั้งนี้รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้มาก หยางฮ่าวไม่ได้ใช้แค่พลังของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงเพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ด้วย
ร่างกายของหลิงฮันแข็งแกร่งพอที่จะรับฝ่ามือดังกล่าว นั่นเป็นเพราะจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำลายแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า
“ข้าขอสาปแช่งพวกเจ้าทุกคน!” จักรพรรดินีกรีดร้อง แววตาของตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
เมื่อจักรพรรดินีโกรธ สีสันของสวรรค์และปฐพีก็จะเปลี่ยนไป!
นางพยายามดิ้นรน แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นการควบคุมของปรมาจารย์สามวิถี
“สาวน้อย เจ้ายังไร้เดียงเกินไป!” ปรมาจารย์สามวิถียิ้ม ทันใดนั้น เขาก็ปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมา ทำให้จักรพรรดินีไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว
ตอนที่ 1211
หลิงฮันใช้หยดวิญญาณอีกครั้ง ทำให้อาการบาดเจ็บของดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม การที่ใช้หยดวิญญาณสองหยดในเวลาไล่เลี่ยกัน ประสิทธิภาพของหยดที่สองจะลดลงมากและไม่สามารถรักษาบาดแผลที่เขาได้รับอย่างสมบูรณ์
แต่ยังไงมันก็น่าทึ่งอยู่ดี บาดแผลที่เขาได้รับฟื้นสภาพอย่างรวดเร็วและมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ปรมาจารย์ดูสนใจและพูดว่า “เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจถึงสองครั้ง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างความประทับใจให้กับข้าได้”
หยางฮ่าวไม่เพียงแค่อิจฉา แต่ยังกลัวว่าปรมาจารย์วิถีจะสนใจพรสวรรค์ของหลิงฮันและยอมรับหลิงฮันเป็นศิษย์อีกคนนั้น หากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะไม่ได้แก้แค้นและยังเป็นการเพิ่มศัตรูขึ้นมาอีกคน
ด้วยเหตุนี้อารมณ์ของเขาจึงฉุนเฉียวมากยิ่ง
แต่แน่นอนว่าเขาทำได้แค่ฟังปรมาจารย์สามวิถีพูดเท่านั้นว่า “เจ้าหนู เจ้าสนใจที่จะเคารพข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”
ถ้าเป็นในสถานการณ์ปกติหลิงฮันอาจเก็บไว้พิจารณา แต่ตอนนี้ปรมาจารย์สามวิถีใช้แรงกดดันกดทับร่างของจักรพรรดินีเพื่อให้หยางฮ่าวตบหน้านางได้ แล้วหลิงฮันจะเคารพปรมาจารย์สามวิถีเป็นอาจารย์ได้อย่างไร?
ใช้แรงกดดันกดทับภรรยาของข้าในอนาคนและยังต้องการเป็นอาจารย์ของข้าอีก?
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “หากท่านต้องการเป็นอาจารย์ของข้า ท่านจะต้องมีคุณธรรม! ในฐานะที่ท่านเป็นอาจารย์ ท่านคิดว่าตัวเองมีคุณธรรมหรือไม่?”
หลังพูดจบ บรรยากาศเงียบงันทันที
หูของข้ามีปัญหาหรือเปล่า? ทำไมข้าถึงได้ยินเจ้าเด็กนี่ด่าทอปรมาจารย์สามวิถี!
เขากล้าดียังไง? ในจักรวาลนี้มีคนกล้าด่าปรมาจารย์สามวิถีว่าเขามีคุณธรรมหรือไม่?
“สามห้าว!” ฮวาหยงหนิงและก่าวเฟิงส่งเสียงคำรามพร้อมกัน เดิมทีพวกเขาไม่เคยเห็นจอมยุทธระดับภูผาวารีอยู่ในสายตา แต่ในเมื่อจอมยุทธระดับภูผาวารีตัวน้อยนี่กล้าพูดจาหมิ่นประมาทอาจารย์ของพวกเขา
ในขณะที่หยางฮ่าวดูโล่งใจ ด้วยวิธีนี้ไม่ว่าหลิงฮันจะมีพรสวรรค์แค่ไหน เขาก็ไม่มีทางได้รับการยอมรับจากปรมาจารย์สามวิถี และอดไม่ได้ที่จะพูดในใจว่าหลิงฮันนั้นโง่ ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ แต่ก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งพอ นี่ไม่ใช่เป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือ?
เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจให้กับปรมาจารย์สามวิถี หยางฮ่าวจึงเป็นคนแรกที่กระโจนเข้าหาหลิงฮันพร้อมกับตะโกนว่า “เจ้ากล้ามากที่หมิ่นประมาทอาจารย์ของข้า รนหาที่ตาย!” ฝ่ามือของหยางฮ่าวข้างหนึ่งของหยางฮ่าวที่เต็มไปด้วยพลังของอักขระศักดิ์พุ่งเข้าหาหลิงฮัน
ถ้าเจ้าฆ่าหลิงฮัน ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้!
ตู้ม!
เบื้องหลังจักรพรรดินีปรากฏเงาอสรพิษยักษ์ที่สูงกว่าหมื่นฟุตและมีกลิ่นอายโบราณ ทันทีที่อสรพิษยักษ์ปรากฏตัว แรงกดดันของปรมาจารย์สามวิถีก็หายไปทันที และนางก็เอื้อมมือออกไปตบหน้าหยางฮ่าว
“แย่แล้ว!” ฮวาหยงหนิงและก่าวเฟิงรีบเคลื่อนไหว ถ้าหยางฮ่าวถูกจอมยุทธระดับดาราสังหารต่อหน้าพวกเขา พวกเขาความพยายามก็จะสูญเปล่า! ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ตายหยางฮ่าวไป แต่พวกเขาก็จะสูญเสียความโปรดปราน และไม่มีทางได้กลายเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงของปรมาจารย์สามวิถี
จอมยุทธระดับดาราทั้งสองคนกระโจนออกไปเพื่อขัดขวางจักรพรรดินี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคลื่อนที่ช้ากว่านาง แต่เป็นเพราะพวกเขาอยู่ใกล้หยางฮ่าวมากกว่าและขัดขวางนางได้ทันเวลา
ตู้ม!
การโจมตีของจอมยุทธระดับดาราทั้งสามคนทำให้เกิดเสียงอึกทึกดังไปทั่วและก่อให้เกิดสายลมที่รุนแรงพร้อมกับคลื่นกระแทก ทำให้ห้องโถงพังทลายในพริบตา
ปัง! หยางฮ่าวที่อยู่ใกล้คลื่นกระแทกมากที่สุด ร่างของเขาถูกพัดปลิวออกไป แต่โชคดีที่เขาแค่กระดูกหักหลายจุดเท่านั้น ชะตาของเขายังไม่ถึงฆาต
ฮาวหยงหนิงและก่าวเฟิงตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงและโจมตีพร้อมกัน แต่ทำไมถึงไม่ชนะอีกฝ่าย
“สาวน้อย ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของตระกูลเก้าอสรพิษ!” มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่บนท้องฟ้า ร่างของเขาห่อหุ้มด้วยแสงราวกับเทพเจ้า ทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของเขาได้ แต่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวมาก
ปรมาจารย์สามวิถี!
ในที่สุดจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ก่อนหน้านั้นเขาอยู่ในที่ห่างไกลและเมื่อเห็นจักรพรรดินีหลุดพ้นการควบคุมของเขา ดังนั้นเขาจึงรีบมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อสยบนางอีกครั้ง
แต่การที่เขาเผยตัวตนออกมา มีเพียงเหตุผลเดียว นั่นคือเขาพบว่าตัวตนที่แท้จริงของจักรพรรดินีคือคนของตระกูลเก้าอสรพิษ มันน่าทึ่งมาก
“ข้าไม่คิดเลยว่าจะเจอคนจากเผ่าสวรรค์โบราณในชีวิตนี้!” ปรมาจารย์สามวิถีพูดด้วยความตื่นเต้นและดวงตาของเขาจับจ้องไปที่จักรพรรดินีไม่หยุด ราวกับมีอะไรติดอยู่บนใบหน้าของนาง
จักรพรรดินีดูน่าเกรงขามมาก แม้ว่านางจะใช้พลังของอสรพิษยักษ์หลุดพ้นการควบคุมของอีกฝ่ายได้ แต่นั่นเป็นเพราะปรมาจารย์สามวิถีอยู่ในที่ห่างไกลและไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด
มันยังคนมีช่องว่างระหว่างจอมยุทธระดับดาราและระดับวารีนิรันดร์อยู่ดี นั่นเป็นเพราะพลังของอสรพิษเก้าหัวของนางยังไม่ตื่น ยิ่งไปกว่านั้นนี่ไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของนาง มันเป็นเพียงแค่ร่างแยกเท่านั้น
ไร้พลังที่จะต่อกรกับศัตรู!
“แล้วมันยังไง?” นางกล่าว ขณะเดินไปหาหลิงฮัน ในกรณีที่ปรมาจารย์สามวิถีพยายามโจมตีอีกครั้ง นางก็จะสามารถเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬพร้อมกับหลิงฮันได้
“เผ่าสวรรค์โบราณ ฮ่าฮ่าฮ่า!” ปรมาจารย์สามวิถีหัวเราะไม่หยุดและเขาดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ แม้แต่แสงที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาก็เริ่มหายไปเผยให้เห็นร่างของชายชรารูปร่างผอมคนหนึ่งที่เดินออกมา
ในขณะที่ปรมาจารย์สามวิถีดูกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ หลิงฮันและจักรพรรดินีเริ่มวิตกกังวล นี่แสดงให้เห็นว่าปรมาจารย์สามวิถีมีความสนใจเป็นอย่างมาก
“อาจารย์ ท่านอาจารย์!” หยางฮ่าวตื่นและพยายามลุกขึ้นมา ถึงแม้ว่ากระดูกของเขาจะหักหลายจุด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะลุกขึ้นมาเดินต่อหรือแม้กระทั่งต่อสู้ แต่มันจะส่งผลกระทบต่อพลังต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
ปรมาจารย์สามวิถีไม่สนใจเสียงเรียกของหยางฮ่าว เขาเพียงแค่จ้องมองจักรพรรดินีและพูดว่า “สาวน้อย โลหิตของเจ้าคือของข้าผู้นี้!”
แน่นอน ปรมาจารย์สามวิถีสนใจโลหิตที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของจักรพรรดินี ถึงแม้เขาจะไม่รู้วิธีได้รับพลังของนางมาก็ตาม แต่สำหรับจักรพรรดินีแล้วนี่ไม่ใช่ข่าวดีอย่างแน่นอน
“ไป!” หลิงฮันรีบพาจักรพรรดินีเข้าไปในหอคอยทมิฬ
“พวกเจ้าต้องอยู่ที่นี่!” ปรมาจารย์สามวิถียังไม่ทันลงมือทำอะไร เขาก็สามารถสยบหลิงฮันได้อย่างสมบูรณ์ด้วยแรงกดดันที่หนักหน่วงของเขา และเอื้อมมือคว้าร่างของจักรพรรดินี
หยางฮ่าวยังคงยิ้มอย่างชั่วร้าย เนื่องจากปรมาจารย์สามวิถีสนใจในตัวจักรพรรดินี เช่นนั้นเขาก็จะเป็นคนจัดการหลิงฮันเอง
ไปลงนรกซะ!
เขากระโจนออกไปข้างหน้าและปล่อยหมัดไปที่หัวของหลิงฮัน
“หลิง-ฮัน-” เสียงของใครบางคนดังขึ้นอย่างกะทันหันในสถานที่ที่ห่างไกลออกไป ราวกับว่าอยู่อีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า
“หลิง! ฮัน!” แต่แล้วทันใดนั้น เสียงดังกล่าวก็เข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง
ปัง!
มีร่างของคนคนหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ไม่มีใครเห็นว่านางปรากฏตัวมาจากที่ไหน แต่ที่เห็นชัดคือนางตกลงมาบนพื้นและกำลังเหยียบทับร่างของหยางฮ่าวจมดินฝังลึกกลายเป็นหลุมยักษ์
“หลิงฮัน หนิวมาแล้ว!”
ตอนที่ 1212
คนที่ปรากฏตัวคือสาวน้อยที่น่าจะมีอายุประมาณสิบห้าหรือสิบหกปีเท่านั้น นางมีดวงตาที่สดใสกลมโตและมีฟันที่แหลมคม หากใครคนใดที่ทำให้นางโกรธก็อาจถูกนางกัดฝังรากลึกถึงกระดูก
แต่ที่น่าแปลกคือสาวน้อยเช่นนางกลับตกลงมาจากท้องฟ้า โดยที่ไม่มีใครทราบว่านางโผล่มาจากไหน แต่ก็ตกลงมาโดนหยางฮ่าวจมดิน – เขาช่างเป็นชายที่น่าสงสารอย่างแท้จริง หรือว่าเขาจะเป็นคนโชคร้าย?
สีหน้าของหลิงฮันเผยให้เห็นถึงความตกตะลึงและเผลอพูดว่า “ฮู…หนิว?”
นอกจากนางแล้วจะเป็นใครได้?
“หลิงฮัน!” ฮูหนิวรีบวิ่งเข้าไปกระโดดกอดหลิงฮันและใช้ขาโอบรอบเอวของเขา การกระโดดครั้งนี้หัวของนางสูงกว่าหลิงฮันแล้ว และกดหน้าของหลิงฮันแนบแน่นลงบนหน้าอกของนาง
“ฮูหนิวคิดถึงหลิงฮันมากเหลือเกิน!” ฮูหนิวพูดไปร้องไห้ไป
“ฮูหนิว! เจ้าคือฮูหนิวจริงๆรึ!” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจมาก ถ้าเป็นฮูหนิว ตอนนี้นางควรอยู่ที่ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์มิใช่หรือ?
“หืม! หลิงฮัน เจ้าบาดเจ็บ!” ฮูหนิวพบสิ่งผิดปกติและเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวทันที แล้วหันไปมองปรมาจารย์สามวิถีพร้อมกับตะโกนว่า “ตาเฒ่า เจ้าคือคนที่ทำให้หลิงฮันได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ปรมาจารย์สามวิถีเพียงแค่หัวเราะ ในจักรวาลนี้ตัวตนของเขาคือใครกัน? โดยทั่วไปแล้วเขาจะไม่เห็นสาวน้อยอย่างฮูหนิวอยู่ในสายตา ถึงแม้นางจะดูแปลกเล็กน้อยก็ตาม
อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่มีทางปล่อยคนที่กล้าพูดจาไม่สุภาพเอากับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์อย่างเขาเอาไว้ได้
ใครบางคนจะเป็นคนลงมือแทนเขา
ก่าวเฟิงรีบลุกขึ้นยืนและพูดว่า “สามห้าว เจ้ากล้าพูดจาหยาบคายกับท่านอาจารย์!” เขาไม่กล้าที่จะประมาทฮูหนิว ถึงนางจะดูเด็กก็ตาม แล้วในตอนที่นางปรากฏตัวยังทำให้หยางฮ่าวแน่นิ่งได้ในพริบตา
หยางฮ่าวเป็นใคร?
จอมยุทธอัจฉริยะที่มีระดับบ่มเพาะพลังสุริยันจันทราขั้นสูง ถึงเขาจะได้รับบาดเจ็บก่อนหน้า แต่การที่เหยียบย่ำเขาและทำให้แน่นิ่งได้ อย่างน้องเด็กสาวนี่จะต้องเป็นจอมยุทธระดับดารา!
ถ้าเป็นนางเป็นจอมยุทธระดับดารา ก่าวเฟิงก็ต้องระวังตัวให้มาก ถึงแม้เขาจะไม่อยากทำใจเชื่อก็ตาม
“ตาเฒ่า ถ้าเจ้าเป็นคนทำร้ายหลิงฮันของหนิว หนิวจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ ! และถึงแม้เจ้าจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่ แต่การที่เขาปล่อยให้หลิงฮันของหนิวถูกทำร้าย หนิวก็จะไม่ปล่อยเอาไว้เหมือนกัน!” ฮูหนิวโกรธมาก
“ฮูหนิวหยุดก่อนข้าก่อน ข้ากำลังจะตายเพราะเจ้า!” หลิงฮันกล่าว หน้าของเขาซุกอยู่ในหน้าอกของฮูหนิวทำให้เขาหายใจไม่ออก
“ฮิฮิ!” ฮูหนิวยิ้มและกระโดดลงมาจากร่างกายของหลิงฮันเหมือนลิง จากนั้นก็กวาดสายตามองคนอื่นๆ “พวกคนชั่วช้า หนิวจะทำลายพวกเจ้าทั้งหมด ในนามของจันทราครึ่งเสี้ยว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หลายคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที นางเป็นสาวน้อยที่ไร้เดียงสาจริงๆ นี่คือนิกายสวรรค์เยือกแข็ง และคนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลนี้ก็ยืนอยู่ที่นี่แล้ว
“ท่านพ่อ ให้ข้าจัดการเอง!” ก่าวฮวงกระโดดออกมาและจ้องมองฮูหนิวด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า สาวน้อยคนนี้มีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดมาก รูปร่างและน่าตาของนางทำให้น่าดึงดูดมากยิ่งขึ้นไปอีก เขาอยากจะใช้โอกาสนี้พานางไปที่บ้านและซ่อนเอาไว้
ก่าวเฟิงครุ่นคิด บุตรชายของเขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงและเป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาว เขาแข็งแกร่งหยางฮ่าวมากและไม่น่าตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับหยางฮ่าว
เด็กสาวคนนี้น่ะหรือจะเป็นจอมยุทธระดับดาราได้? เชื่อก็บ้าแล้ว!
“อืม!” เขาพยักหน้า และพูดเสริมว่า “อย่าประมาท! สาวน้อยนี่สามารถทำให้หยางฮ่าวแน่นิ่งได้ด้วยเท้าข้างเดียว อย่างน้อยนางน่าจะอยู่ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงชั้นสูงสุด”
“ลูกเข้าใจดี!” ก่าวฮวงเดินไปข้างหน้าและพูดว่า “สาวน้อย บางทีเจ้าอาจยังเด็กถึงทำให้เจ้าไร้เดียงขนาดนี้ ถ้าเจ้ารีบคุกเข่ากล่าวขอโทษอาจารย์ของข้าแต่โดยดี บางทีอาจทำให้เจ้ายังมีชีวิตรอด”
ถ้าเขาต้องการพาสตรีไปเก็บไว้ที่บ้าน อย่างน้อยเขาก็ต้องทราบก่อนว่าปรมาจารย์สามวิถีเป็นคนยังไง มิฉะนั้นมันจะเป็นการหนหาที่ตาย!
ฮูหนิวหันหน้าไปมองหลิงฮันและพูดว่า “ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนไม่ใช่คนดีเลย หลิงฮัน หนิวขอจัดการได้ไหม?”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ได้!” เขาวางนิ้วชี้ไว้ที่หน้าผากของฮูหนิวและส่งผ่านความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เล็กน้อยผ่านสัมผัสสวรรค์ ความทรงจำดังกล่าวสั้นมาก ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบอะไรต่อฮูหนิว
ฮูหนิวหลับตาลงและลืมตาขึ้นด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธที่ลุกโชติ
พรึบ พรึบ พรึบ พลังปราณที่อยู่รอบข้างฮูหนิวกลายเป็นคมดาบที่แหลมคมและหันไปที่ก่วงฮวง
“แย่แล้ว!” ใบหน้าของก่าวเฟิงกลายเป็นซีดขาวทันที พลังนั้นมันน่าสะพรึงกลัวมาก เขารีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องลูกชายของเขา
“ใครกล้าทำร้ายหลิงฮันของหนิว หนิวจะฆ่าให้หมด!” ฮูหนิวเหยียดมือไปข้างหน้า ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว และคมดาบนำไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าหาก่วงฮวง
“อ๊าก!” ก่วงฮวงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เขายังไม่ตาย
การที่ฮูหนิวยังไม่ฆ่าก่วงฮวงนั้นจะต้องมีความหมายอย่างแน่นอน
ก้าวเฟิงทั้งโกรธและหวาดกลัว ทั้งที่เขาใช้พลังทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังช่วยลูกของตัวเองไม่ได้ เด็กสาวคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน?
“และเจ้า!” ฮูหนิวชี้ไปที่ฮวาหยางเหวินด้วยสายตาที่เย็นชา
พัฟ!
ฮวาหยางเหวินกระอักโลหิตทันที ถึงเขาจะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงชั้นสูงสุด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหนิว เขาก็ไม่สามารถต่อต้านได้เลย และกระอักโลหิตออกมาไม่หยุด แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าหวาดกลัวที่สุด สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดคือโลหิตที่เขาถ่มออกมานั้นมีอวัยวะภายในและกระดูกปนออกมาด้วย
“บัดซบ!” ก่วงฮวงและฮวาหยงหนิงกระโจนออกไปและโจมตีใส่หลิงฮันพร้อมกัน
ถึงพวกเขาจะไม่เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อย่างน้อยเด็กสาวคนนี้จะต้องเป็นจอมยุทธระดับดาราไม่ผิดแน่ มิฉะนั้นนางจะทำร้ายลูกๆของพวกเขาได้อย่างไร?
“พวกเจ้ากล้ามากที่รังแกหลิงฮันของหนิว!” ฮูหนิวปล่อยฝ่ามือ ตุบ ตุบ เกิดเสียงระเบิดสองเสียงและหัวของก่าวฮวงกับฮวาหยงหนิงก็ระเบิดทันที หลงเหลือเพื่อแค่ร่างไร้หัว
ตุบ ร่างที่ไร้หัวตกลงบนพื้นและเกิดฝุ่นฟุ้งลอยตลบไปทั่วพื้นที่
บรรยากาศกลายเป็นเงียบงันทันที
ทุกคนต่างเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวที่ไม่สามารถอธิบายได้
นั่นไม่ใช่แมวหรือหมา แต่เป็นจอมยุทธระดับดาราสองคนที่ทะลวงผ่านขั้นสูงชั้นสูงสุดแล้ว!
ทั้งจักรวาลนี้ นอกจากปรมาจารย์สามวิถีแล้ว คงไม่มีใครสังหารพวกเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งสองคนยังตายในเสี้ยววินาที
ระดับบ่มเพาะพลังที่แท้จริงของเด็กสาวตัวน้อยคนนี้คือ…อะไรกันแน่?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น