Alchemy Emperor of the Divine Dao 1185-1205

ตอนที่ 1185

 

ต่อให้คู่ต่อสู้เป็นจะเป็นโสม เฉินจู๋เอ๋อก็ไม่นึกว่าโสมเฒ่าจะบุกเข้ามาที่หน้าอกเช่นนี้ นางรีบสร้างโล่พลังปราณโดยไว


ปัง!


โสมเฒ่าโจมตีด้วยโซ่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปิดช่องว่างที่โล่พลังปราณ ชุดคลุมของเฉินจู๋เอ๋อกระพือ เสื้อของนางขาดวิ่นทันที แต่สิ่งที่ทำให้โสมเฒ่าผิดหวังกคือภายใต้เสื้อของนางยังมีชุดชั้นในสีทองรัดหน้าอกของนางเอาไว้อีกชั้น


โสมเฒ่ามองไปยังบริเวณหน้าอกพร้อมกับมีน้ำลายไหลออกมา


เพียงแต่ว่าตัวมันเป็นสมุนไพรระดับสูง น้ำลายของมันจึงมีกลิ่นหอมและเป็นยาบำรุงชั้นเลิศ


“เจ้าเด็กเลว เจ้ากล้ามองนางได้อย่างไร!” โสมเฒ่าโจมตีไปยังหลิงฮันด้วยความโมโห


“ฮึ่ม เจ้าโรคจิต!” เฉินจู๋เอ๋อน้ำเสียงสั่นด้วยความโกรธ นางเป็นหนึ่งในหกราชา แต่กลับถูกอำเปรียบโดยโสมสมุนไพร เรื่องนี้ทำให้นางเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก! โชคดีที่นางใส่ชั้นในเอาไว้อีกชั้น ไม่เช่นนั้นหน้าอกของนางคงถูกเปิดเผยแล้ว


นางใช้โซ่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์นับไม่ถ้วนโจมตีพัวพันใส่โสมเฒ่าโดยที่ไม่คิดจะไว้ชีวิตมันอีกต่อไป เพราะอย่างไรสมุนไพรก็สามารถกินโดยที่พวกมันไร้ชีวิตแล้วได้อยู่ แต่ประสิทธิภาพจะลดลงไปบางส่วน


“แม่นางชุดชั้นในทอง ทำไมถึงมุ่งเป้ามาที่ท่านปู่คนนี้?” โสมเฒ่าหลบการโจมตีแต่ก็ยังไม่หยุดหยอกล้อ “เจ้าหนูนั่นก็ร่วมเห็นชุดชั้นในสีทองเหมือนกันกับข้า ทำไมไม่จัดการเขาด้วย?”


“ตาย!” เฉินจู๋เอ๋อคำราม


นางเป็นราชาในหมู่รุ่นเยาว์ เมื่อนางเอาจริงท้องฟ้าเบื้องหน้าจึงแทบจะพังทลาย นางจะไม่หยุดมือเด็ดขาดหากไม่ได้หั่นโสมเฒ่าออกเป็นสองสามส่วน


“เห้อ เพราะนายท่านโสมหล่อเหลาเพียงนี้ แม่นางชั้นในทองคำจึงต้องการสังหารข้าเพื่อที่จะได้อยู่กับข้าไปตลอดชีวิต!” โสมเฒ่าถอนหายใจ “นายท่านโสมเกิดมาหล่อนี่ช่างเป็นบาปจริงๆ!”


หลิงฮันแทบจะกระอักโลหิตออกมา เขาร่วมมือกับเฉินจู๋เอ๋อและกล่าว “โสมลามก ข้าไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเช่นเจ้ามาก่อน!”


“นั่นคือความสามารถพิเศษของข้า!” โสมเฒ่ากล่าวอย่างภูมิใจ


“ตาข่ายสวรรค์!” เฉินจู๋เอ๋อคำราม อำนาจแห่งกฎเกณฑ์และพลังปราณของนางผสานกันกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่


.


หลิงฮันเองก็นำตาข่ายผนึกสีชาดออกมาโยนเข้าใส่โสมเฒ่า


เมื่อเห็นถูกรุมจากทั้งด้านหน้าและหลัง ‘ฉึก’ โสมเฒ่าก็ขุดดินหายไปในทันที


มันเป็นโสมที่เติบโตด้วยดิน แม้จะพัฒนาจนพูดได้เดินได้ความสามารถในการใช้ประโยชน์จากดินของมันก็ไม่หายไป


พรึบ!


ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรโสมเฒ่าก็ปรากฏตัวขึ้นมา ร่างของมันขึ้นมาจากพื้นดินใต้เท้าเฉินจู๋เอ๋อและกระโดดกอดรัดก้นของนางเอาไว้


“ตาย!” เฉินจู๋เอ๋อคำรามด้วยความโกรธ ผมเงาดำยาวของนางสยายออก ทั่วร่างของนางส่องแสงก่อนจะก่อให้เกิดไอเย็นยะเยือก


“อ้ากก ท่านปู่แข็งแล้ว!” โสมเฒ่าถูกแช่แข็งและร่วงลงพื้น แต่หลิงฮันกับเฉินจู๋เอ๋อยังไม่ได้ได้เคลื่อนไหว โสมเฒ่าก็ขุดดินหนีลงไปอีกครั้ง


หลิงฮันตกตะลึง สตรีผู้นี้แข็งแกร่งมาก ไอเยือกแข็งของนางน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ขนาดหลิงฮันที่อยู่ใกล้ร่างยังถูกแช่แข็งไปเกือบแปดในสิบส่วน


ต่อให้ร่างกายเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่นั่นก็หมายถึงเฉินจู๋เอ๋อจะสามารถกักขังเขาไว้ได้ในช่วงเวลาหนึ่งและใช้โอกาสนี้ในการโจมตีสังหารเขา


ระดับราชาไม่อาจดูถูกได้เลย!


“แม่นางชั้นในทองคำ ครั้งหน้าที่พบกันเจ้าห้ามใส่กางเกงยาวด้านในกระโปรงเด็ดขาด มันทำให้ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย!” โสมเฒ่าปรากฏตัวในระยะไกล หลังจากที่โดนแช่แข็งไปมันก็ไม่กล้าเข้าใกล้นางอีก


เฉินจู๋เอ๋อไม่พูดอะไร นางมองไปยังโสมเฒ่าและยกมือขึ้น ไอเย็นยะเยือกแพร่กระจายไปหาโสมเฒ่า


“นายท่านโสมไม่เล่นกับเจ้าแล้ว!” โสมเฒ่ามุดลงดินไปอย่างรวดเร็วและหลบหนีไป


มันเป็นจอมอันธพาลที่เคลื่อนไหวได้เร็วมาก เมื่อพูดถึงพลังต่อสู้มันอาจจะด้อยกว่าหลิงฮันกับเฉินจู๋เอ๋อหลายขุม ที่หลิงฮันไม่ใช้อักขระศักดิ์สิทธิ์โจมตีในก่อนหน้านี้ก็เพราะไม่อยากทำให้สมุนไพรได้รับความเสียหาย


เฉินจู๋เอ๋อไม่รู้จะทำอย่างไรดี นางจับสมุนไพรต้นนั้นไม่ได้แถมยังถูกลวนลามอีกด้วย เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


“โสมลามกต้นนั้นไม่ธรรมดา ไม่เพียงแต่มันมีระดับที่สูงมาก แต่สติปัญญาของมันยังพัฒนามานานแล้วไม่รู้กี่พันกี่หมื่นปี มันเชี่ยวชาญแม้กระทั่งการใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์” หลิงฮันกล่าว


ใบหน้าอันงดงามของเฉินจู๋เอ๋อแสดงออกถึงความไม่ยินยอม “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะสังหารมันให้ได้!”


เมื่อครู่นางเกือบจะถูกเปลือยหน้าอก… หากอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะทำให้นางรู้สึกอับอาย นางพยักหน้าไปกับหลิงฮันก่อนจะจากไป


“สนุกจัง!” ตาของหูเฟยหยินเปล่งประกาย


“ลองเจ้าถูกโสมเฒ่านั่นลวนลามสิ เจ้าจะยังหัวเราะออกไหม” หลิงฮันส่ายหัว โสมเฒ่าเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก ไม่แน่ว่าจอมยุทธระดับสุริยันจันทราจะสามารถจับมันได้รึไม่


“ไปกันเถอะ!”


หลิงฮันทำใจยอมละทิ้งความโลภต่อสมุนไพรวิเศษต้นนั้น ในเมื่อไม่มีทางจับมันแล้วจะเสียเวลาไปทำไม?


พวกเขาเดินลงจากหุบเขาสมุนไพร หลิงฮันคิดว่าถ้าหากเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์เขาจะมีเวลามากพอให้เก็บเกี่ยวสมุนไพรที่นี่ทั้งเข้าไปในหอคอยทมิฬ เพียงแต่ว่าใครกันจะสามารถเปิดเขตแดนลี้ลับได้อย่างสมบูรณ์?


เขตแดนลี้ลับแห่งนี้ไม่เงียบสงบแม้แต่น้อย ตามทางมีสัตว์อสูรปรากฏตัวมากมาย สัตว์อสูรโจมตีพวกเขาอย่างไม่ขาดช่วง แต่มันทุกตัวก็ถูกหลิงฮันจัดการจนหมดและนำเข้าไปเก็บไว้ในหอคอยทมิฬเพื่อใช้เป็นอาหาร


ผ่านไปหลายสิบวัน เบื้องหน้าของพวกเขาก็มีภูเขาปรากฏอีกครั้ง


หลิงฮันไม่เชื่อว่าภูเขาตรงหน้าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เนื่องจากรูปร่างของภูเขานั้นเป็นรูปทรงของเหยี่ยวที่กำลังสยายปีก ทุกๆส่วนของภูเขาล้วนแต่ถูกตัดแต่งอย่างละเอียด


ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีการแย่งชิงสูงที่สุดในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้


นั่นเพราะหยดเซียนหยวนจะปรากฏขึ้นที่นี่!


ทุกๆวันที่ดวงตะวันและดวงจันทร์ตัดผ่านกัน หยดเซียนหยวนจะร่วงลงมาจากบริเวณปากของเหยี่ยวก่อให้เกิดการแย่งชิงอันดุเดือด เพียงแต่ว่าหยดเซียนหยวนจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเขตแดนลี้ลับถูกเปิดออกได้สามเดือน และหยดเซียนหยวนจะมีระยะเวลาในการหยดลงมาเพียงสิบวัน


เมื่อลองนับเวลาดู นี่ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเท่านั้นก็จะครบสามเดือนแล้ว


หลิงฮันมองไปยังภูเขารูปเหยี่ยวและเดินขึ้นไปดูทันที

 

 

 


ตอนที่ 1186

 

การได้รับมันมานั้นง่ายมาก เพียงแค่อยู่ในจุดตกของหยดเซียนหยวนก็พอแล้ว


แต่ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ใครจะรออยู่ที่ด้านล่าง? มันจะต้องมีการต่อสู้ครั้งใหญ่รออยู่อย่างแน่นอนเพื่อครอบครองตำแหน่งที่ดีที่สุด


นอกจากนั้น ภูเขาเหยี่ยวแห่งนี้มันไม่ง่ายที่จะปีนขึ้นไป


หลิงฮันเข้าใจหลังจากที่ลองปีนขึ้นไปและเจอกับพายุที่รุนแรงบนภูเขา แม้แต่จอมยุทธที่ทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าแล้วยังไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ แถมยังได้รับบาดแผลหลายแห่งอีกด้วย ถ้าเขายังปีนขึ้นไปต่อคงโดนพายุที่รุนแรงตัดไปถึงกระดูก


ถ้าพายุรุนแรงมากยิ่งขึ้นและกระดูกต้านทานไม่ไหว เช่นนั้นคงถูกหั่นเป็นชิ้นๆ


“นี่ข้าปีนขึ้นไปไม่ได้อย่างนั้นรึ?”


เนื่องจากยังมีเวลาเหลืออยู่อีกหลายวัน หลิงฮันจึงพยายามที่จะฝ่าฝันพายุที่รุนแรงนั่นไป


แต่ในไม่ช้าเขาก็ได้ข้อสรุปว่ายิ่งพลังทำลายล้างของพายุรุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ามันจะน่าสะพรึงกลัวมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่จะพัดให้ผู้คนตกลงไปด้านล่าง


แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ถูกพัดลงไปด้านล่าง แต่ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง


“ความรุนแรงของมันอย่างน้อยน่าจะเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงผ่านการป้องกันของข้า” หลิงฮันคาดเดา นี่แค่ตีนเขา ถ้าไปไกลกว่านั้นหากเขาโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์อยู่ตลอดเวลาจะสามารถปีนขึ้นไปได้หรือไม่?


“ลืมเรื่องนั้นไปได้เลย แค่รออยู่ด้านล่างด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้า มันคงไม่ยากที่จะได้รับหยดเซียนหยวนไม่กี่หยด”


ทั้งสามคนหาที่ลับตาคนและเข้าไปในหอคอยทมิฬอย่างเงียบเชียบ


หลิงฮันฝึกฝนทั้งวรยุทธและปรุงยา เมื่อเขามีเวลาเขาก็จะปรุงยาเจ็ดเพลิงลอยล่อง ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการหาเงิน


ไม่กี่วันต่อมา ฝูงชนก็เริ่มกระสับกระส่าย


นั่นเป็นเพราะใกล้จะครบสามเดือนแล้ว และการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น


หยดเซียนหยวน แม้แต่จอมยุทธระดับดาราก็ยังโหยหา!


หากได้รับมันมา แต่ไม่ได้ใช้เองก็สามารถนำไปขายในราคาที่สูงลิ่วได้


“จะว่าไปแล้วผู้อาวุโสมีหยดเซียนหยวนแบ่งให้ข้าซักเล็กน้อยหรือไม่?” หลิงฮันพูดกับเซียนหวู่เซียงที่กำลังลอยอยู่รอบต้นสังสารวัฎ


“ของแบบนั้นข้าจะมีได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นข้ายิ่งไม่มีกายหยาบอยู่ แล้วข้าจะสร้างมันได้เยี่ยงไร?” เซียนหวู่เซียงพูดอย่างไม่พอใจ


อนิจจา ท่านช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก!


หลิงฮันถอนหายใจและทำให้เซียนหวู่เซียงกรีดร้องด้วยความโกรธ เมื่อเห็นท่าทางของหลิงฮัน


หลิงฮันพาสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินรออยู่ด้านข้าง เมื่อการต่อสู้แย่งชิงหยดเซียนหยวนเริ่มต้นขึ้น สถานการณ์ก็จะน่าสะพรึงกลัวและโหดร้ายมากยิ่งขึ้น


ต้องทราบก่อนว่ามีกองกำลังใหญ่หลายแห่งเข้ามาในเขตแดนลี้ลับพร้อมกับเม็ดยาที่ช่วยยกระดับพลังต่อสู้ให้ใกล้เคียงกับระดับสุริยันจันทรา


“ก่าวฮวงช่างเป็นคนที่โลภมากจริงๆ ถึงขอให้ข้านำหยดเซียนหยวนสามหยดกลับไปให้ ข้าไม่รู้จริงๆว่าเขาสติดีอยู่หรือเปล่า ถึงได้สร้างเงื่อนไขดังกล่าวให้กับข้า”


หลิงฮันส่ายหัวไม่ว่าเขาจะได้รับหยดเซียนหยวนมาทั้งหมดกี่หยด เขาก็จะไม่มีวันมอบให้กับก่าวฮวงแม้แต่หยดเดียว


ทำไมจะต้องให้ด้วย?


“ดูนั่น หยดเซียนหยวนกำลังจับตัวเป็นก้อน!” ใครบางคนชี้ไปที่ด้านบนของภูเขา


แม้ว่าภูเขาเหยี่ยวจะสูงมาก แต่จอมยุทธที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นคนที่ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงมีสายตาที่น่าทึ่งและมองเห็นได้อย่างชัดเจน มันมีของเหลวหยดหนึ่งก่อตัวอยู่ใต้ก้อนหินก้อนหนึ่ง แต่มันยังไม่ใหญ่พอที่จะทำให้ตกลงมา


ทันใดนั้นเอง ทุกคนต่างก็นำอาวุธของตัวเองออกมาเพื่อเตรียมตัวแย่งชิงหยดเซียนหยดที่กำลังจะตก


ในขณะที่หลิงฮันยังไม่เคลื่อนไหว เพราะลมภูเขาที่นี่ไม่แน่นอน ซึ่งไม่มีใครสามารถระบุทิศทางได้ว่าหยดเซียนหยวนจะถูกพัดลอยและตกลงไปที่ไหน แม้จะอยู่ในตำแหน่งที่มันตก ก็ใช่ว่ามันจะตกลงมาตรงนั้นเสียหน่อย


เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และหยดเซียนหยวนก็ค่อยๆใหญ่ขึ้น หลังจากผ่านมาทั้งวัน หยดเซียนหยวนก็มีขนาดเท่ากับนิ้วหัวแม่มือ จากนั้นมันก็เริ่มสั่นไปมาและตกลงมาจากก้อนหิน


พริ้ว เมื่อลมภูเขาพัดผ่าน ทิศทางหยดของหยดเซียนหยวนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน


หลิงฮันเริ่มเคลื่อนไหวและกระโจนออกไปด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง ราวกับสายฟ้า


ตอนนี้เขาแข็งแกร่งมาก เขาไม่จำเป็นต้องสู้ก็ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้แล้ว แต่หลังจากที่เขาวิ่งได้สักพักก็มีสายลมที่รุนแรงก่อตัวอยู่รอบตัวเขา และทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆตกตะลึง


นี่มัน…พลังต่อสู้เก้าวดาว!


ในขณะนั้นเองก็เริ่มมีจอมยุทธแสดงความแข็งแกร่งของตนเองออกมา


ชายชราคนหนึ่งกินเม็ดยาเข้าไป ความแข็งแกร่งของเขาทะยานขึ้นมาก จนใกล้เคียงกับระดับสุริยันจันทรา จากนั้นเขาก็กระโจนออกไปไล่ตามหยดเซียนหยวน


เมื่อเผชิญหน้ากับพลังดังกล่าว แม้จะเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้และมีแต่จะถูกบ่นขยี้เป็นชิ้นๆเท่านั้น


ตอนนี้ไม่มีใครสนใจผู้อื่น ใครจะมีเวลาไปสนใจคนอื่นกัน ในเมื่อมีหยดเซียนหยวนอยู่ตรงไหน? ยิ่งไปกว่านั้น เหตุผลที่ทุกคนมาที่นี่ก็เพราะหยดเซียนหยวน ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ที่นี่ก็เท่ากับว่าเข้าร่วมศึกแย่งชิงหยดเซียนหยวนแล้ว


แต่หลิงฮันนั้นดีหน่อย เขาไม่อยากฆ่าคนอื่นเท่าไหร่นัก และหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็น ในทางตรงกันข้ามผู้คนที่กินยาเพื่อยกระดับพลังของตัวเองนั้นโหดร้ายกว่ามาก คนพวกนั้นไม่สนใจคนอื่นเลย และบางคนถึงกับฆ่าคนอื่นโดยเจตนาและระบายความไม่พอใจใส่คนอื่น


หยดเซียนหยวนตกลงมาถึงตีนเขา ใกล้กับชายชราเสื้อคลุมเทา เขาส่งเสียงหัวเราะและพูดว่า “หยดเซียนหยวนหยดนี้ข้าจะเป็นคนรับไปเอง ส่วนพวกเจ้าค่อยรออีกวัน!”


เขากำลังเอื้อมมือไปเก็บหยดเซียนหยวน แล้วเมื่อใดที่หยดเซียนหยวนถูกเก็บเข้าไปในแหวนมิติ เขาก็จะรีบหนีออกไปจากที่นี่ทันที และจะไม่อยู่ที่นี่อีก


ระยะเวลาของคนที่ใช้เม็ดยายกระดับพลังนั้นมีขีดกำจัด และความแข็งแกร่งของเขาสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากมันเป็นเม็ดยาต้องห้ามที่จะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายอย่างหนัก ดังนั้นเม็ดยาต้องห้ามจึงใช้ได้แค่หนึ่งเม็ดต่อหนึ่งร้อยปี หากใช้เม็ดที่สองจะเป็นการรนหาที่ตาย


ฟิ้ว มีลำแสงที่หนาวเย็นวิ่งผ่าน มันรวดเร็วท่ากับสสายฟ้า


มันคือศรฆ่ามังกรทะลวงดารา


ชายชราเสื้อคลุมเทารีบดึงมือกับมาเพื่อป้องกัน แต่พลังทำลายล้างของลูกศรนี้ทรงพลังเกินไป จึงทำให้ตกลงบนพื้นและออกห่างจากหยดเซียนหยวนที่กำลังตก


“บัดซบ!” ชายชรารีบย้ำเท้าและใช้พลังทั้งหมดเพื่อกระโดดกลับไปยังตำแหน่งเดิม


แต่เขาจะปีนกลับมาในตำแหน่งเดิมทันได้อย่างไร? มีจอมยุทธหลายคนอยู่ใกล้ และพวกเขาก็เริ่มกระโจนเข้าไปหาหยดเซียนหยวนเพื่อแย่งชิงมันมา

 

 

 


ตอนที่ 1187

 

จอมยุทธที่แข็งแกร่งปรากฏตัวทีละคน ซึ่งแต่ละคนต่างก็แสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา


ทว่ามีเพียงแค่แปดคนเท่านั้นที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด แต่หูเฟยหยินไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้แย่งชิงหยดเซียนหยวน ดังนั้นจึงมีเพียงแค่เจ็ดคน ในทางทฤษฎีแล้วพวกเขาทั้งเจ็ดคนสมควรที่จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ในทางทฤษฎีเท่านั้น


นอกจากนั้นยังมีจอมยุทธอีกหลายร้อยคนที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าราชาทั้งเจ็ด พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทำให้ฉากดูวุ่นวายอย่างกะทันหัน


อย่างไรก็ตาม เฉินจู๋เอ๋อ สืออันเกาและคนอื่นๆ ต่างแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา ถึงแม้พวกเขาจะแข็งแกร่งเท่ากัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะมีพลังต่อสู้เท่ากัน ซึ่งมันขึ้นอยู่กับทักษะที่ตนเองฝึกฝน


ราชายังไงก็คือราชา แม้จะมีพลังบ่มเพาะเท่ากัน แต่พวกเขามีพลังต่อสู้ที่เหนือกว่ามาก


นอกจากอู๋เจ๋อแล้ว ราชาทั้งห้าคนต่างพุ่งไปข้างหน้าและต่อสู้กับจอมยุทธคนอื่น เพื่อแย่งชิงหยดเซียนหยวน


“ไปให้พ้น!” ชายชราเอื้อมมือออกไปคว้าหยดเซียนหยวนและผลักหลิงฮันด้วยพลังของระดับสุริยันจันทรา นี่คืออำนาจพลังสูงสุดที่เขตแดนลี้ลับสามารถรองรับได้


มันเกือบอยู่ยงคงกระพัน!


“ถึงแม้เจ้าจะเป็นผู้อาวุโส แต่ข้าก็จะไม่ปรานี!” หลิงฮันคำราม และนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาใช้ทักษะอสนีคำราม


“อะไรกัน!” ชายชราตกตะลึง แต่ก่อนที่จะรู้สึกตัวดาบก็ปักอยู่ที่หน้าอกของเขาแล้ว มันรวดเร็วมากจนเขาตอบสนองไม่นั้น ยิ่งไปกว่านั้นพลังทำลายล้างของทักษะดาบนี้ก็น่าตกตะลึงพอกัน มันสามารถทะลวงผ่านเกราะป้องกันของเขาได้อย่างง่ายดาย


มันเป็นไปได้อย่างไร?


ทั้งรวดเร็วและทรงพลัง มันจะรวมอยู่ในดาบเดียวกันได้อย่างไร?


เขาล้มเลิกความคิดที่จะตามหลิงฮันไปในทันที เว้นแต่ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าหรือได้เปรียบเรื่องจำนวนคน หากเขาตัวคนเดียว แน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และถูกสังหารอย่างรวดเร็ว


หลิงฮันกลายเป็นราชาคนที่เจ็ดของที่นี่ ในสายตาของทุกคน เขาน่าจะอยู่ในอันดับหก เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่งกว่าอู๋เจ๋อ เพราะเมื่ออู๋เจ๋อเผชิญหน้ากับชายชรา เขาไม่ได้มีความได้เปรียบอย่างท่วนท้มเหมือนกับหลิงฮัน


“แข็งแกร่ง!” จอมยุทธเฒ่าหลายคนคิดในใจ พวกเขาถูกหลิงฮันซัดปลิวและไม่สามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้เลย


หลิงฮันยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงทำได้แค่จ้องมอง นี่เป็นการต่อสู้แบบไหนกัน? เขาเป็นอาวุธมนุษย์!


มันเป็นการพูดเกินจริงหรือไม่? ทั้งที่เขาถูกรุมโจมตี แต่ก็ยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าไม่หยุดหย่อน พลังป้องกันที่น่าตกตะลึงแบบเขา ใครจะสามารถทำร้ายเขาได้บ้าง?


หลิงฮันเข้าสู่พื้นที่หลักการต่อสู้ ซึ่งมีทั้งเหอเต๋อและเฉินจู๋เอ๋อที่กำลังต่อสู้กับคนอื่นเพื่อแย่งชิงหยดเซียนหยวนนั้นมา แต่ก็ยังไม่มีใครทำสำเร็จ เพราะแรงปะทะทำให้หยดเซียนหยวนลอยขึ้นไปบนฟ้าอยู่เสมอ


“หึ่ม!” เมื่อเห็นศัตรูมากกว่าหนึ่งราย เฉินจู๋เอ๋อและราชาอีกห้าคนรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง


ถึงแม้พวกเขาจะบรรลุข้อตกลงที่จะร่วมมือกันเข้าสู่คลังสมบัติ แต่ก่อนที่จะไปถึงที่นั้น พวกเขาถือว่าคนอื่นเป็นคู่แข่ง แต่ไม่ถึงกับฆ่าอีกฝ่าย


หลิงฮันหัวเราะและไม่สนการโจมตีของทั้งหกคน แล้วเอื้อมมือไปคว้าหยกเซียนหยวน


พลังป้องกันของเขาน่าทึ่งเกินไป


ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม การโจมตีนับไม่ถ้วนเคลื่อนที่เข้ามาหา แต่หลิงฮันกลับแบกรับมันไว้ ทำให้เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด แล้วทิ้งรอยแผลไว้หลายจุดบนผิวของเขา


เป็นไปได้ยังไง!


ทั้งที่ห้าราชาโจมตีใส่หลิงฮันพร้อมกัน กลับทำได้แค่ทิ้งรอยแผลไว้บนผิวของหลิงฮัน?


ท่ามกลางความโกลาหล หลิงฮันใช้โอกาสนี้คว้าหยดเซียนหยวนและเก็บในหอคอยทมิฬ


“ส่งมันมาให้ข้า!” ราชาทั้งห้าส่งเสียงพร้อมเพรียงกัน


“ส่งมา!” จอมยุทธที่อยู่รอบข้างเองก็เคลื่อนที่เข้าหาหลิงฮัน และโจมตีใส่ราวกับท้องฟ้ากำลังจะพังทลาย มันดูน่ากลัวมาก


แต่หลิงฮันขี้เกียจเกินไปที่จะพูดและกำหมัดแน่นอยู่ที่หน้าอก


เมื่อการโจมตีมาถึง อักขระศักดิ์สิทธิ์ก็เปล่งสงสว่างสไว


การโจมตีเหล่านั้นใกล้เคียงกับระดับสุริยันจันทรา เมื่อการโจมตีจากจอมยุทธหลายคนผสานเข้าด้วยกัน แม้จะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นก็ยังไม่กล้ารับการโจมตีดังกล่าว


แต่หลิงฮันไม่คิดที่จะหลบหรือซ่อนตัว เขารับการโจมตีเหล่านั้นทั้งหมด


ตู้ม พื้นปฐพีสั่นสะเทือนและเกิดคลื่นกระแทกกระจายเป็นวงกว้างพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งไปทั่วท้องฟ้า หลิงฮันถูกซัดกระเด็นออกไป แต่เมื่อเขากลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง ทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเขาบาดเจ็บแค่เล็กน้อยเท่านั้น และไม่มีอะไรแตกหัก


“ถ้าพวกเจ้าต้องการให้ข้าส่งมอบหยดเซียนหยวน มันก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพวกเจ้า!” หลิงฮันหัวเราะ “เข้ามา ข้าไม่รังเกียจที่จะเล่นกับพวกเจ้า”


ถูกจอมยุทธหลายคนรุมโจมตีตั้งแต่แรก แต่เจ้ากลับพูดว่าเล่นอย่างนั้นรึ?


บ้าไปแล้ว!


แต่ทุกคนก็ยอมรับว่ากายหยาบของเขาแข็งแกร่งเกินไป เมื่อครู่ทำให้พวกเขาตระหนักมากขึ้นไปอีก ทั้งที่ถูกหลายร้อยคนโจมตี แต่หลิงฮันกลับไม่เป็นอะไรเลย เช่นนั้นใครจะคุกคามหลิงฮันได้บ้าง?


ราชาทั้งห้าริเริ่มหยุดโจมตีหลิงฮัน ดังนั้นจอมยุทธที่เหลืออยู่ก็หยุดโจมตีหลิงฮันเช่นนั้น มันไม่มีเหตุผลที่จะโจมตีหลิงฮันอีกต่อไป เพราะใครจะสามารถแย่งชิงหยดเซียนหยวนมาจากหลิงฮันได้?


“พวกเจ้าไม่เข้ามาแล้วหรือ?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มและนั่งลงกับพื้น


“ทำไมเจ้ายังไม่ไปอีก?” ใครบางคนถามหลิงฮัน


โดยปกติแล้วคนที่ได้รับหยดเซียนหยวนจะรีบออกไปจากที่นี่ทันที เพราะถ้าอยู่ต่อจะไม่ปลอดภัยและอาจถูกคนอื่นล้อม


นอกจากนั้น จอมยุทธที่สามารถคว้าหยดเซียนหยวนมาได้แสดงว่าแข็งแกร่ง หากได้รับหยดเซียนหยวนแล้วออกไปจากที่นี่ มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่ยังไม่ได้


มันเป็นขนบธรรมเนียม


“ทำไมข้าต้องไปด้วย?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม


ในเมื่อเขามีกายหยาบที่ไร้พ่าย แน่นอนว่าหากเขาอยู่ที่นี่ต่อ เขาก็จะได้รับหยดเซียนหยวนเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นมันไม่ได้มีกฎข้อบังคับใดที่ให้เขาต้องออกไปจากที่นี่เสียหน่อย หลังจากที่ได้รับหยดเซียนหยวนแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 1188

 

ทุกคนเกรี้ยวกราดทันที เจ้าหนูนี่ได้รับหยดเซียนหยวนไปแล้วแต่ยังคิดจะครอบครองหยดที่สอง?


ต้องรู้ก่อนว่าตั้งแต่มีการเปิดแขตแดนลี้ลับแห่งนี้ขึ้น คนเดียวที่สามารถครอบครองหยดเซียนหยวนได้สองหยดคือหยางฮ่าวเท่านั้น


หยางฮ่าวคือราชาในหมู่ราชา เขาเป็นอัจฉริยะที่เหนือกว่าแม้กระทั่งจอมยุทธรุ่นอาวุโสกว่า เพราะงั้นเขาจึงสามารถครอบครองหยดเซียนหยวนได้ถึงสองหยด นี่เจ้าคิดจะเทียบเคียงกับหยางฮ่าวผู้นั้นงั้นรึ?


ล้อเล่นรึเปล่า อัจฉริยะเช่นหยางฮ่าวจะปรากฏขึ้นเพียงในรอบล้านปีเท่านั้น เจ้าคิดทัดเทียบกับอัจฉริยะเช่นนั้น


แม้จะเป็นเช่นนั้น ด้วยกายหยาบที่ไร้เทียมทานของหลิงฮัน ทุกคนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการเขาอย่างไรดีเหมือนกัน


อย่าได้มองว่าทุกคนที่นี่เป็นสหายกัน พวกมันที่เป้าหมายของตนเอง จะให้พวกกเขาร่วมมือกันได้อย่างไร? ส่วนหากจให้สู้กันตัวต่อตัว นอกจากหกราชารุ่นเยาว์แล้ว ใครจะต่อกันกับหลงฮันได้?


ดังนั้นทุกคนถึงได้เกรี้ยวกราด พวกเขาพยายามสงบสติให้มากที่สุดเพื่อเตรียมตัวแย่งชิงหยวดเซียนหยวนหยดต่อไป


หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว


เมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ตัดผ่านกัน หยดเซียนหยวนหยดที่สองก็เกิดิการควบแน่นและค่อยๆมีขนาดใหญ่ขึ้นและหยดลงตามแรงโน้มถ่วง


พรึบ!


ไม่เพียงแค่จอมยุทธรุ่นอาวุโสที่เคลื่อนไหว แต่ทุกคนที่มีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดต่างก็ลงมือกันหมด มูลค่าของหยดเซียนหวนนั้นล้ำค่ายิ่ง บางคนที่ติดคอขวดอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดและไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้ หากได้ดูดซับหยดเซียนหยวดเข้าไป ประตูสู่ระดับสุริยันจันทราอาจจะเปิดต้อนรับพวกเขาเองเลยก็เป็นได้


ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราก็หมายถึงพวกเขาจะมีอายุขับเพิ่มขึ้นจากสี่แสนปีเป็นหนึ่งล้านปี ไม่เพียงแค่แข็งแกร่งขึ้นแต่ยังมีชีวิตได้นานขึ้นด้วย เช่นนี้แล้วใครกันจะไม่พยายามสู้แย่งชิงหยดเซียนหยวนมาครอง?


ภายในพริบตาสถานการณ์ก็ยุ่งเหยิงขึ้นมาทันที


หลิงฮันเล็งเป้าหมายและระเบิดพลังที่เท้าพุ่งออกไป ผู้คนที่อยู่รอบๆเขาถูกแทกลอยกระเด็น หลิงฮันเริ่มลงมือแย่งชิงหยดเซียนหยวนหยดที่สอง


“ช่างกล้า!” หลิงฮันตกเป็นศัตรูของฝูงชนอีกครั้ง การโจมตีนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่เขา ไม่เพียงแต่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงก็ยังโจมตีใส่เขาด้วย


แววตาของหลิงฮันเยือกเย็น ก่อนหน้านี้เพราะเขาพยายามยับยั้งตัวเองไม่ให้สังหารใครคนพวกนี้เลยคิดว่าเขาใจดีและยอมถูกรังแก? ขนาดจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงยังกล้าโจมตีเขาโดยไม่หวาดกลัว


ลืมไปแล้วรึไงว่าในโลกวรยุทธระดับพลังที่สูงกว่าคือผู้อาวุโส!


ฮึ่ม!


หลิงฮันนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายสูงเสียดฟ้า


ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ดาบถูกกวัดแกว่ง แขนและขาลอยขึ้นกลางอากาศพร้อมกับโลหิตที่สาดกระจาย


“ฮะ ฮันหลิงเจ้ากล้าดีอย่างไร ข้าเป็นถึงศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง!” ใครบางคนที่ถูกตัดแขนโอดครวญออกมา


“เหอะ ถ้าเจ้ายั่วยุข้าก่อน เจ้าก็ต้องเตรียมรับมือกับความโกรธของข้าด้วย!” เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายหลิงฮันก็ฟันดาบออกไป


ร่างของชายคนนั้นแยกออกเป็นสองส่วนทันที


“คิดจะหยุดยั้งข้าก็แล้วแต่! แต่พวกเจ้าควรตระหนักด้วยว่าตนเองมีคุณสมบัติมากพอรึเปล่า!” หลิงฮันกล่าวโดยที่รอบกายเขามีศพนอนนิ่งอยู่สิบศพ


เมื่อมองไปยังร่างที่ไร้ชีวิต ใครบ้างจะกล้าท้าทายเขาอีก?


รุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นราชา… ราชาที่น่ากลัวยิ่งกว่าหกราชาที่เหลือเนื่องจากกายหยาบที่ไร้เทียมทาน!


อย่างน้อยในที่แห่งนี้เขาก็คือตัวตนไร้พ่าย


หลิงฮันกวัดแกว่งดาบโจมตีและพุ่งออกไป บริเวณตรงกลางตำแหน่งที่จะหยดเซียนหยวนจะหยดลงมา ราชาทั้งห้าได้ยึดครองพื้นที่นี้เอาไว้


“เจ้าอีกแล้ว!” เมื่อเห็นหลิงฮัน เฉินจู๋เอ๋อและราชาคนอื่นๆก็ชะงัก


“โอ้ ว่าไง ทุกคนสบายดีรึเปล่า?” หลิงฮันยิ้ม


สบายดีน้องสาวเจ้าน่ะสิ พวกข้ายืนอยู่ที่นี่มาแค่ตั้งแต่เมื่อวานเอง จะให้เป็นอะไรไปได้อย่างไร?


“ลุย!”


ราชาทั้งห้าร่วมมือกันจัดการหลิงฮัน ไม่ว่าคนใดต่างก็ไม่ได้อ่อนแอไม่กว่าหลิงฮัน มีบางคนที่แข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากพลังที่เทียบได้กับระดับสุริยันจันทราจะตกเป็นเป้าหมาย ต่อให้พวกเฉินจู๋เอ๋อมีพลังเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องยับยั้งเอาไว้


หลิงฮันโคจรทักษะดาบฟ้าคำรามและยับยั้งพลังให้อยู่ในระดับที่พอดี


ต่อหน้าพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน แม้หลังจากสู้ไปสักพักหลิงฮันจะถูกราชาทั้งถ้ารุมโจมตีแต่เขาก็คว้าหยดเซียนหยวนมาได้อีกครั้งในที่สุด


ครั้งนี้ สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง


คนเดียวสามารถครอบครองหยดเซียนหยวนได้ถึงสองหยด แถมดูจากท่าทีแล้วเป็นไปได้ว่าเขาจะคว้าหยดที่สามและสี่ได้ด้วยซ้ำ


ต่อให้เป็นหยางฮ่าวที่เป็นราชาในหมู่ราชาก็ยังครอบครองหยดเซียนหยวนได้เพียงสองหยด


ตอนนี้หลิงฮันกลับสามารถทัดเทียมกับหยางฮ่าวได้หรืออาจจะมีโอกาสเหนือกว่าด้วยซ้ำ


นี่มัน… ยังจะมีอัจฉริยะที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านี้อีกรึไม่?


ใบหน้าของทุกคนมืดมน จอมยุทธหลายคนเริ่มซุบซิบพูดอยู่อะไรบางอย่าง


เมื่อตอนที่หยางฮ่าวครองครองหยดเซียนหยวนได้สองหยด เหตุใดเขาก็ล้มเหลวในการครอบครองหยดที่สาม?


ทั้งๆที่มีพลังที่แข็งแกร่งไร้เทียมทามเหนือผู้ใดและครอบครองหยดที่สองได้แล้วแต่กลับไม่สามารถครอบครองหยดที่สามได้…


นั่นเพราะหลังจากคว้าหยดเซียนหยวนหยดที่สองได้ หยางฮ่าวก็ถูกทุกคนร่วมมือกันรุมโจมตี


ต่อให้เขาเป็นอัจฉริยะราวกับสัตว์ประหลาดก็ไม่สามารถกลายเป็นศัตรูกับฝูงชนได้!


ตอนนี้เหล่าจอมยุทธรุ่นอาวุโสเริ่มจับมือกันหาแนวร่วมให้ทุกคนร่วมมือกันโจมตีหลิงฮันอย่างพร้อมเพรียง แน่นอนว่ากายหยาบของหลิงฮันนั้นไร้เทียมทาน แต่พลังโจมตีของเขาไม่ใช่ระดับนั้น เขายังคงสามารถถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมแย่งชิงหยดเซียนหยวนได้


แต่ปัญหาก็คือการแบ่งผลประโยชน์ต่อกัน


เหล่าคนที่จะรีบหน้าที่กีดกันหลิงฮันนั้นจะต้องยอมแพ้ต่อการแย่งชิงหยดเซียนหยวน ใครบ้างจะอยากทำแบบนั้น?


วันที่สาม หยดเซียนหยวนก็ควบแน่นอีกครั้ง


สถานการณ์ตกอยู่ในความวุ่นวายอีกครั้งซึ่งเป็นประโยชน์ต่อหลิงฮัน การโจมตีของทุกคนยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ หลิงฮันเมินเฉยการโจมตีเช่นนั้นอย่างสิ้นเชิงและคว้าหยดเซียนหยวนหยดที่สามมาได้อย่างง่ายดาย


หยดที่สาม!


ฝูงชนเริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไปและก่อพันธมิตรต่อต้านหลิงฮันขึ้นมาในที่สุด เมื่อหยดที่สี่ปรากฏขึ้น จอมยุทธรุ่นอาวุโสกว่าครึ่งเพ่งเล็งไปยังหลิงฮันโดยมีราชาสามคนร่วมมือด้วย


พวกเขาล้อมหลิงฮันเอาไว้ตรงกลาง เพื่อเปิดโอกาสให้ราชาและจอมยุทธที่เหลือแย่งชิงหยดเซียนหยวนหยดที่สาม

 

 

 


ตอนที่ 1189

 

หลิงฮันแข็งแกร่งและทรงพลังมาก


เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธระดับกึ่งสุริยันจันทราและราชาทั้งสามได้พร้อมๆกัน เขาถูกล้อมโดยจอมยุทธมากมายจนขยับไปไหนไม่ได้และหยดเซียนหยวนหยวนหยดที่สี่ก็ถูกคนอื่นครอบครองไปในที่สุด


เมื่อหยดเซียนหยวนหยดที่ห้าปรากฏ จอมยุทธที่ล้อมเขาก็ถูกเปลี่ยนเป็นกลุ่มที่ก่อนหน้าไปแย่งชิงหยดเซียนหยวนหยดที่สี่


หลิงฮันชะงัก เขากลายเป็นศัตรูของสาธารณะชนไปแล้ว ทุกคนเล็งเป้ามาที่เขาคนเดียว!


ให้ตายเถอะ ช่างไร้ยางอายเสียจริง!


ในระยะจำแหน่งที่ไกลออกไป เหล่าจอมยุทธที่ไม่มีคุณสมบัติแย่งชิงหยดเซียนหยวนต่างรู้สึกเลื่อมใสในตัวหลิงฮัน


แค่คนๆเดียวกลับต้องให้ปรมาจารย์มากมายช่วยเหลือกันถึงจะกักพื้นที่เขาได้ ขนาดรุ่นเยาว์ระดับราชาก็ยังต้องเข้ามาร่วมมือด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าหลิงฮันแข็งแกร่งขนาดไหน


หยางฮ่าวในตอนนั้นไม่ถูกรุมกักพื้นที่เช่นนี้ แค่ถูกจอมยุทธมากมายโจมตีพร้อมกันเขาก็ล่าถอยแล้ว


อย่างน้อยในระดับภูผาวารี หลิงฮันก็เหนือกว่าหย่างฮ่าวไปแล้ว เรียกได้ว่าเขาเป็นสุดยอดอัจฉริยะคนแรกตั้งแต่ยุคสมัยก่อนจนถึงยุคสมัยนี้


หยดที่หก หยดที่เจ็ด… ฝูงชนสลับเปลี่ยนหน้าที่กันกักพื้นที่หลิงฮันให้อยู่ในตำแหน่งเดิม ด้วยคนจำนวนมากมายแม้พวกเขาจะสร้างได้แค่บาดแผลเล็กๆให้กับหลิงฮัน แต่พวกเขาก็สามารถกักกันพื้นที่หลิงฮันได้อย่างสมบูรณ์


ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย!


เหตุใดพวกเจ้าถึงได้ร่วมมือกันเข้าขากันขนาดนี้?


หลิงฮันอารมณ์เสีย ไม่มีใครปล่อยโอกาสให้เขาหลุดพ้นไปได้เลยจนกระทั่งหยดเซียนหยวนหยดที่สิบปรากฏออกมา กลุ่มคนที่กักพื้นที่เขาอยู่ไม่ทำหน้าที่อีกต่อไปเพราะหยดเซียนหยวนหยดนี้คือหยดสุดท้าย


สถานการณ์ตกอยู่ในความยุ่งเหยิงอีกครั้ง


หลิงฮันหัวเราะ เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ หลังจากแย่งชิงกันอย่างดุเดือดหลิงฮันก็ได้ครอบครองหยดเซียนหยวนหยดที่สี่ในที่สุดและได้สร้างสถิติใหม่ขึ้นมา


คนคนเดียวสามารถครอบครองหยดเซียนหยวนได้เกือบครึ่งจากทั้งหมด นี่มันปาฏิหาริย์ชัดๆ เกรงว่าในอนาคตสถิตินี้ก็ไม่มีทางถูกทำลายและจะคงอยู่ตลอดไป ตราบใดที่เขตแดนลี้ลับและนี้ยังคงอยู่ การแย่งชิงหยดเซียนหยวนในอนาคตจะต้องมีการกล่าวถึงความสำเร็จของหลิงฮันในวันนี้


และแน่นอนว่าไม่มีใครสามารถแย่งหยดเซียนหยวนมาจากหลิงฮันได้สำเร็จแน่นอน ใครกันจะทำลายพลังป้องกันของเขาได้?


ในสถานที่ที่ตราคำสั่งถูกจำกัดพลังเช่นนี้ พลังป้องกันของหลิงฮันคือไร้พ่าย


เพราะงั้นทุกคนจึงทำได้เพียงจ้องมองหลิงฮันก่อนจะเดินจากไป ทุกคนต่างคิดในใจว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้คือสุดยอดอัจฉริยะที่จะเติบโตอย่างไม่มีสิ้นสุด ความสำเร็จในอนาคตของเขานั้นไม่มีทางด้อยกว่าหยางฮ่าวแน่นอน พวกเขาควรจะสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับหลิงฮันเอาไว้ดีรึเปล่า?


“น้องชายหลิง ไว้เจอกันที่สถานที่ที่ตกลงกันเอาไว้” เฉินจู๋เอ๋อ เหอเต๋าและคนอื่นๆกล่าวพร้อมกับเดินจากไป


ราชาก็คือราชา ในหมู่พวกเขานอกจากอู๋เจ๋อแล้วทุกคนได้รับหยดเวียนหยวนกันทุกคนซึ่งก็ไม่แปลกหากดูจากพลังของพวกเขา จะอย่างไรอู๋เจ๋อก็เพิ่งทะลวงผ่านระดับสมบูรณ์ได้ไม่นาน พลังของเขายังไม่กล้าแกร่งเท่าไหร่ผลเก็บเกี่ยวจึงเป็นศูนย์


หลิงฮันพยักหน้าให้พวกเขา การแย่งชิงเมื่อครู่ไม่มีผลต่อการที่พวกเขาจะร่วมมือกันเปิดห้องสมบัติ


สำหรับการแย่งชิงหลิงฮันยอมรับได้เสมอตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้เล่นไม่ซื่อ


“ฮันหลิง!” คนแปดคนปรากฏตัว เจ็ดคนเป็นรุ่นเยาว์ในขณะที่คนสุดท้ายเป็นชายชราที่ลดระดับพลังของตนเองลงมาจากระดับสุริยันจันทรา ออร่าที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวเกินบรรยาย


“เจ้าทำได้ดีมาก!” ชายชรากล่าวด้วยท่าทีภาคภูมิใจ


“นายนายน้อยจะต้องพึงพอใจเป็นอย่างมากแน่นอน!” ชายชรากล่าวอีกครั้ง “เอาล่ะ ทีนี้ก็มอบหยดเซียนหยวนสามหยดมาให้ชายชราผู้นี้ได้แล้ว”


ที่แท้ก็เป็นคนของกองกำลังก่าว


หลิงฮันอดหัวเราะไม่ได้ก่อนจะกล่าว “สมองเจ้ากลวงรึเปล่าถึงได้คิดว่าข้าจะมอบหยดเซีนหยวนให้?”


“ฮันหลิง อย่างคิดว่าที่นี่เจ้าจะไร้เทียมทาน ถ้าชายชราโกรธขึ้นมา แค่พลังของเจ้านั้นย่อมไม่เพียงพอ!” ชายชราเค้นเสียงดูถูก


เมื่อตอนที่ก่าวฮวงบอกให้หลิงฮันนำหยดเซียนหยวนมาให้เขานั้นเป็นเพียงแค่ข้อตกลงลวกๆเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าหลิงฮันจะแข็งแกร่งจนสามารถครอบครองหยดเซียนหยวนได้ถึงสี่หยด


ชื่อของชายชราคือฉือหมิง เป็นคนของกองกำลังก่าว เขาเคยเข้ามาในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้หลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยได้ครอบครองหยดเซียนหยวนเลยสักหยด ถ้าครั้งนี้เขานำหยดเซียนหยวนกลับไปได้สามหยดเขาจะต้องได้รับสิ่งตอบแทนที่ยอดเยี่ยมแน่นอน แม้อายุขัยเขาจะใกล้สิ้นสุดแต่เขาก็ยังมีผู้สืบทอดอยู่ คนเหล่านั้นจะได้รับการดูแลจากกองกำลังก่าวและมีอนาคตที่สดใส


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้ากำลังขู่ข้า?”


“ข้าไม่ได้ขู่แต่นั่นเป็นส่งที่เจ้าต้องทำ!” ชายชรากล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าข้าโมโหขึ้นมา พลังของข้าจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับสุริยันจันทราทันที ซึ่งถ้าหากพลังเช่นนั้นถูกใช้ที่นี่ตัวข้าจะเป็นฝ่ายได้รับผลกระทบด้วย”


“โอ้ นั่นหมายความว่าเจ้าไม่กลัวความตาย?” หลิงฮันกล่าว


ฉือหมิงหัวเราะและกล่าว “ใครบ้างจะไม่กลัวความตาย! เพียงแค่ชายชราผู้นี้ทำใจเอาไว้แล้ว”


เขาฝากความหวังเอาไว้กับผู้สืบทอดของตนเอง ดังนั้นเขาจึงต้องสร้างทางเดินให้กับคนเหล่านั้น


ฉือหมิงชี้ไปยังหลิงฮัน “มอบหยดเซียนหยวนมาเดี๋ยวนี้ ข้ายอมให้เจ้าเก็บเอาไว้เองหนึ่งหยดก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว ตัวเจ้ายังเยาว์วัยซึ่งมีโอกาสเข้ามาที่นี่อีกหลายครั้งไม่เห็นจำเป็นต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่”


หลิงฮันส่ายหัวและยิ้ม “นี่เจ้าเป็นโจรที่เชี่ยวชาญในการพูดกล่อม? แต่โชคร้ายที่ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไรความจริงที่ว่าเจ้าเป็นโจรก็ไม่เปลี่ยนแปลง!”


“ในเมื่อเจ้าดื้อด้านขนาดนี้…” ฉือหมิงสูดหายใจลึกแสดงออกถึงความเด็ดเดี่ยว


เขาคิดจะใช้พลังของระดับสถริยันจันทรากำราบหลิงฮัน แม้นั่นจหมายถึงเขาต้องถูกเขตแดนลี้ลับต่อต้านก็ตาม


เขาตระนักเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว


“ถ้าเจ้าต้องการแบบนี้ข้าก็จะสนองให้!” ชายชราลงมือ ‘ปัง’ อำนาจของระดับสุริยันจันทราทะลักออกมา โซ่อาคมศักดิ์สิทธิ์เจ้านวนนับร้อยผสานพัวพันกัน


จอมยุทธระดับภูผาวารีจะใช้งานโซ่อาคมศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงเก้าสิบเก้าเส้น มีเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราถึงจะใช้งานได้เกินหนึ่งร้อยเส้น


ยิ่งจำนวนเยอะก็ยิ่งทรงพลัง นี่คือกฎแห่งธรรมชาติแล้ว ระดับพลังที่ต่างกันอำนาจที่สามารถใช้ได้ก็ต้องต่างกัน

 

 

 


ตอนที่ 1190

 

ฉือหมิงถูกผนึกไม่ให้ปลดปล่อยพลังต่อสู้ทั้งหมดได้ ดังนั้นตอนนี้พลังต่อสู้ของเขาจึงฟื้นฟูมาอยู่ในราวๆระดับสุริยันจันทราขั้นต้นเท่านั้น


แต่ในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ พลังเท่านี้ก็ถือว่าไร้พ่ายแล้ว


ตูม!


หลิงฮันถูกโจมตีจนลอยกระเด็น โลหิตในร่างของเขาปั่นป่วนไม่ปกติ


ตอนนี้เขามีพลังต่อสู้เก้าดาวซึ่งห่างจากสิบดาวเล็กน้อย แต่ความห่างเล็กน้อยที่ว่านั้นกลับกว้างใหญ่ พลังต่อสู้เก้าดาวยังคงอยู่ในระดับของภูผาวารี… มีเพียงสิบดาวเท่านั้นถึงจะเทียบได้กับระดับสุริยันจันทรา


แม้จะเป็นอัจฉริยะดั่งปีศาจเช่นหลิงฮันก็ไม่สามารถสู้ข้ามระดับระหว่างภูผาวารีกับสุริยันจันทราได้


เขาสามารถใช้ยันต์อาคมราชสีห์คลั่งได้ก็จริง ซึ่งหากทำเช่นนั้นพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดทันทีและจะตกเป็นเป้าหมายของเจตแดนลี้ลับ


เพียงแต่ว่าต่อให้อีกฝ่ายจะมีพลังของระดับสุริยันจันทราก็ตาม ตราบใดที่ยังเป็นเพียงขั้นต่ำ อีกฝ่ายก็ทำได้เพียงทำให้เขากระอักโลหิตออกมาเท่านั้น หากจะคุกคามเขาได้จริงๆต้องเป็นพลังระดับภูผาวารีขั้นกลาง


หลิงฮันลุกขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาปัดฝุ่นตามร่างกายและยิ้ม “ก็แข็งแกร่งอยู่หรอกนะ.. แต่เท่านี้ยังไม่พอจะทำร้ายข้า!”


อะไรกัน!


ฉือหมิงตกตะลึงจนตาแทบจะถลน หลิงฮันรับการโจมตีของเขาได้ง่ายๆเช่นนี้?


นี่เป็นพลังของระดับสุริยันจันทราที่สมควรลบจอมยุทธระดับภูผาวารีทุกคนให้หายไปได้ไม่ใช่รึไง? เหตุใดหลิงฮันจึงไม่เป็นอะไรเลย?


สัตว์ประหลาด! เขาต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่ๆ!


“อ้ากกก!” ฉือหมิงโอดครวญ เมื่อครู่เขาใช้การโจมตีระดับสุริยันจันทราออกไปจึงตกเป็นเป้าของผนึกเขตแดนทันที ร่างของเขาในตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยโลหิต


เพียงแต่ว่าความเจ็บปวดแค่นี้เขายังคงสติเอาไว้ได้ เขาจ้องมองหลิงฮันด้วยความโกรธและจิตสังหาร


“ตาย!” เขาปล่อยการโจมตีใส่หลิงฮันด้วยร่างที่เต็มไปด้วยโลหิต เขาเผาผลาญแก่นโลหิตของตนเองเพื่อต่อต้านผนึกเขตแดนทำให้มีพลังเพียงพอกำราบหลิงฮัน


หลิงฮันส่ายหัว นอกจากตัวเขาแล้วไม่มีใครรู้ว่ากายหยาบของเขาทรงพลังเพียงใด


คิดจะใช้พลังระดับสุริยันจันทราขั้นต้นสังหารเขา?


ยังไม่เพียงพอ!


หลิงฮันนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา ตัวดาบเปล่งเปล่งประกายไปด้วยอำนาจอันไร้ที่สิ้นสุดและใช้ป้องกันการโจมตีของฉือหมิง


ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!


การกระหน่ำโมตีของฉือหมิงทำได้เพียงส่งให้ร่างหลิงฮันลอยกระเด็น หลิงฮันบาดเจ็บอย่างมากก็แค่กระอักโลหิตออกมา แต่ในด้านของฉือหมิงนั้นเขาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่มากกว่าเดิม ผนึกเขตแดนทำให้อวัยวะภายใน กระดูก และเส้นเลือดของเขาได้รับความเสียหาย


‘ตูม’ เมื่อการโจมตีครั้งที่ยี่สิบถูกปล่อยออกไป แขนทั้งสองข้างของฉือหมิงก็ขาดออกจากไหล่พร้อมกับโลหิตที่สาดกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังของระดับสุริยันจันทรานั้นแข็งแกร่งมาก โลหิตของเขาแฝงไว้ด้วยอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว


คนของกองกำลังก่าวที่ยืนอยู่ใกลถูกโลหิตเหล่านี้สาดเข้าใส่จนร่างแหลกกลายเป็นกองโลหิต มีเพียงคนเดียวที่โชคดีรอดชีวิต


ฉือหมิงที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หลงเหลือความคิดอยู่อย่างเดียวคือต้องสังหารหลิงฮันให้ได้ ไม่ว่าร่างของเขาจะได้รับบาดเจ็บขนาดไหนแววตาก็ยังคงจ้องเขม็งไปยังหลิงฮัน


‘โพล๊ะ’ แขนที่หลุดของเขาระเบิดออกทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นจอมยุทธไร้แขน


เขายังคงไม่คิดหยุดโจมตีและใช้เท้าเตะเข้าใส่หลิงฮัน


‘โพล๊ะ โพล๊ะ’ ผ่านไปไม่นานขาของฉือหมิงก็ระเบิดเป็นกองลหิต เขาใช้พลังปราณควบคุมร่างของตัวเองให้กระแทกใส่หลิงฮันโดยหวังจะสังหารให้สิ้น


หลิงฮันรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย เหตุใดอีกฝ่ายถึงน่าเวทนายิ่งนัก?


‘โพล๊ะ!’


เขายังไม่ทันได้ตอบโต้ ผนึกเขตแดนก็ระเบิดร่างของฉือหมิง แต่แววตาของอีกฝ่ายยังคงจ้องมองหลิงฮันอยู่และปล่อยโจมตีครั้งสุดท้าย เพียงแต่ว่าการโจมตีนี้ไม่เป็นผลแม้แต่น้อยเพราะในพริบตาต่อมาหัวของเขาก็ระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อ


กองกำลังก่าวที่เหลืออยู่คนเดียวหวาดกลัวและหันหลังวิ่งหนีทันที ที่นี่อันตรายเกินไปเขาต้องหนีกลับไปยังทางเข้าเขตแดนและรอให้ปรมาจารย์สามวิถีเปิดประตูทางออก… เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อแล้ว


หลิงฮันส่ายหัวและเดินไปหาสุ่ยเยี่ยนยวี่กับหูเฟยหยิน


หากเป็นคนนิสัยอย่างก่าวฮวง การได้เหยียบย่ำอีกฝ่ายคงทำให้เขามีความสุขไม่น้อย แต่กับฉือหมิงแล้ว สภาพการตายของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกสงสารเล็กน้อยและเกิดอารมณ์บูดบึ้ง


“คนเช่นนั้นไม่มีค่าพอให้สงสารหรอก เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไร”


หลิงฮันละทิ้งความคิดฟุ้งซ่าน เขายิ้มให้กับสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินก่อนจะกล่าว “ไปกันเถอะ”


ทั้งสามคนเดินทางไปได้สักพักจู่ๆหลิงฮันก็เกิดรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายและแทงดาบลงไปที่พื้นดิน


ตูม! บริเวณพื้นดินปรากฏรอยแตกร้าวรูปใยแมงมุมทันที


“บัดซบ เมื่อครู่เจ้าเกือบจะแทงโดนรูก้นของนายท่านโสมแล้ว!” เงาสีขาวกระโดดลอยขึ้นมาจากพื้นดิน “รับฝ่าเท้าของท่านปู่ไปซะ!” เงาสีขาวโจมตีใส่หลิงฮัน


มันคือเจ้าโสมลามก!


มันตั้งใจจะดักรอซุ่มโจมตีหลิงฮันแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะหลิงฮันเป็นฝ่ายโจมตีก่อนจนเกือบจะทิ่มก้นของมัน


หลิงฮันใช้บัญญัติดาบไวโจมตีใส่โสมเฒ่า


“คิดจะจัดการนายท่านโสมยังเร็วไปหมื่นปี!” โสมเฒ่ากล่าวดูถูกและโจมตีสวนอย่างรวดเร็ว อำนาจแห่งกฎเกณฑ์แปรสภาพเป็นกระบี่ หอก และลูกศรโจมตีหลิงฮัน


“ไม่ใช่ครั้งก่อนเจ้าพูดว่าแปดร้อยปีหรอกรึ?” หลิงฮันยิ้ม


“ฮ่าๆ นั่นข้าแค่พูดเล่น!” ความเร็วของมันน่าอัศจรรย์มาก


หลิงฮันเค้นเสียงกล่าว “ถ้าไม่ยอมเข้ามาในหม้อดีๆก็อย่ากล่าวโทษว่าข้ารุนแรงแล้วกัน!”


“กล้าขู่นายท่านโสมงั้นรึ ช่างรนหาที่ตาย!” โสมเฒ่าเกรี้ยวกราดและบุกเข้าไปโจมตีระยะประชิด


หลิงฮันไม่ออมมืออีกต่อไป ‘พรึบ’ เปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างของเขา รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์พัวพันไปทั่วเปลวเพลิง


“ให้ตายเถอะ สิ่งที่น่ารำคาญสำหรับนายท่านโสมที่สุดคือเปลวเพลิง!” โศมเฒ่าโอดครวฯและรีบล่าถอยกลับไปหลายสิบฟุต มันแสดงท่าทีหวาดกลัวต่อเปลวเพลิง


แม้มันจะรวดเร็ว แต่พลังธาตุไฟและน้ำแข็งเป็นสิ่งที่สามารถรั้งการเคลื่อนไหวของมันเอาไว้ได้


“โสมลามก เจ้าจงใจมาหาข้าที่นี่ทำไม?” หลิงฮันถาม


โสมเฒ่านั่งลงบนก้อนหินในท่าขัดสมาธิด้วยท่าทางอวดดีและก่อน “นายท่านโสมจะมอบโอกาสให้เจ้า”


หลิงฮันยิ้ม “โอ้ เจ้าจะมอบอะไรให้ข้ากัน? เจ้าจะเสียสละร่างของเจ้าลงมาอยู่ในหม้อสินะ”


“บัดซบ นายท่านโสมไม่ใช่ชายรักชายที่จะยอมมอบร่างกายให้เจ้า!” โสมเฒ่ากระโดดขึ้นมาทันที


หลิงฮันส่ายหัว โสมลามกต้นนี้เติบโตขึ้นในเขตแดนลี้ลับแท้ๆ เหตุใดมันถึงได้มีนิสัยก้าวร้าวเช่นนี้?


หรือว่าจะเป็นนิสัยติดตัวตั้งแต่เกิด?


“ถ้าหากเจ้าพานายท่านโสมออกไปจากเขตแดนลี้ลับด้วย นายท่านโสมจะมอบหยดหล่อเลี้ยงวิเศษให้เจ้าเล็กน้อย” โสมเฒ่ายื่นข้อเสนอ

 

 

 


ตอนที่ 1191

 

“โอ้?” หลิงฮันพูดด้วยความประหลาดใจ “ก่อนอื่น ทำไมข้าจะต้องพาเจ้าออกไปด้วย? ไม่ใช่ว่าเจ้าเองก็มีขาหรอกรึ?”


และมันยังวิ่งเร็วมากอีกด้วย


“เจ้ามนุษย์โง่เขลา นี่เจ้าไม่เห็นหรือไงว่ามีผู้คนมากมายแค่ไหนในโลกภายนอก หากข้าออกไปคงไม่พ้นการถูกจับ!” โสมเฒ่ากล่าว


“นี่เจ้ารู้เรื่องโลกภายนอกด้วยอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันปรบมือและพูดว่า “ที่แท้เหตุผลที่เจ้ารออยู่ที่ประตูเมื่อเขตแดนลี้ลับเปิด นั่นเป็นเพราะเจ้าต้องการออกไปจากที่นี่ แต่เจ้าเองก็กลัวว่าจะถูกจอมยุทธระดับดาราหรือแม้กระทั่งจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์พบ!”


“ถึงแม้ข้าจะเก่งด้านการหลบหนี แต่ข้าก็ยังกลัวสุนัขรับใช้บางคนที่อยู่ด้านนอก” โสมเฒ่ากล่าว “ข้ารู้ว่าเจ้ามีอุปกรณ์มิติที่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้อยู่กับตัว หากเจ้าพาข้าเข้าไปหลบซ่อนอยู่ด้านใน หลังจากที่ข้าออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ข้าจะตบรางวัลให้เจ้าด้วยหยดหล่อเลี้ยงวิเศษที่ไม่มีใครเทียบได้!”


หลิงฮันจ้องไปที่โสมเฒ่าและช่วยไม่ได้ที่เขาจะนึกถึงเหตุการณ์ที่โสมเฒ่าจ้องมองหน้าอกของเฉินจู๋เอ๋อแล้วน้ำลายไหล ซึ่งนั่นทำให้สีหน้าของหลิงฮันกลายเป็นเขร่งขรึมทันทีและพูดว่า “หยดหล่อเลี้ยงวิเศษที่เจ้าพูดถึง ไม่ใช่ว่ามันเป็นน้ำลายของเจ้าหรอกเรอะ?”


ช่วยไม่ได้ที่โสมเฒ่าจะดูกระอักกระอ่วน เขาส่งเสียงไอและพูดว่า “ข้าถือกำเนิดขึ้นมาจากสวรรค์และปฐพี ทุกส่วนล้วนคือสมบัติ เจ้าคิดหรือว่าจะเป็นใครก็ได้ที่จะได้รับน้ำลายของข้าได้?”


โสมเฒ่าช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!


ช่วยเจ้าไปจากที่นี่ แต่ตบรางวัลให้กับผู้ที่ช่วยเหลือด้วยน้ำลายไม่กี่หยด นี่เจ้าดูถูกข้าหรือไง?


หลิงฮันต่อรอง “ผ่าครึ่ง แล้วข้าจะพาเจ้าออกไป”


“เด็กอย่างเจ้าช่างโลภมากยิ่งนัก นี่เจ้าคิดจะผ่าข้าออกเป็นสองส่วนอย่างนั้นรึ?” โสมเฒ่ากรีดร้อง “ดูเท้าข้า ข้าจะทำให้เจ้าไปนอนจมดิน!”


ทั้งสองคนต่อสู้กันอีกครั้ง แต่ก็หยุดหลังจากผ่านไปไม่กี่กระบวนท่า


“อย่างมากหนึ่งหยด!” โสมเฒ่ากล่าว


“หนึ่งร้อยหยด!” หลิงฮันพูดเสียงดัง


“นี่เจ้าบ้าหรือเปล่า ข้ามีหยดหล่อเลี้ยงวิเศษทั้งหมดสามสิบเจ็ดหยด แม้จะให้ทั้งหมดก็มีไม่เพียงพอให้เจ้า!” โสมเฒ่ากรีดร้อง


“ถ้างั้นสามสิบเจ็ดหยด” หลิงฮันกล่าว


“ไม่ อย่างมากที่สุดข้าให้ได้แค่สองหยด!” โสมเฒ่าส่ายหัวอีกครั้ง


ทั้งสองคนต่อรองกันไปมา จนท้ายที่สุดก็จบลงที่สิบหยด


“จะว่าไปแล้ว เจ้าเป็นโสมสายพันธุ์ไหนกัน?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม


“เจ้าหนู นี่เจ้ากำลังจะดูถูกข้าอย่างนั้นรึ!” โสมเฒ่ากรีดร้องและกระโดดเตะอีกครั้ง


หลิงฮันเอื้อมมือหยุด จากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นโสมเฒ่าลามก”


“เจ้า!” โสมเฒ่ากระโดดและพูดว่า “เจ้าต้องให้คำสาบาน!”


การสาบานคือการสาบานต่อสวรรค์และปฐพี หากทำผิดต่อคำสาบานก็จะถูกสวรรค์และปฐพีลงโทษ นี่เป็นข้อห้ามอันยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่มีใครกล้าผิดคำสาบาน


หลิงฮันพยักหน้าและสาบานต่อสวรรค์และปฐพี แม้เขาจะเปลี่ยนรูปลักษณ์หรือตัวตนก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถหลอกสวรรค์และปฐพีได้


โสมเฒ่าโล่งใจ จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่ของหลิงฮันและพูดว่า “เจ้าหนู เจ้าเป็นคนที่โชคดีมากที่มีสาวงามอยู่กับเจ้าสองคน”


โสมเฒ่าทำให้หลิงฮันตะหงิดใจอีกครั้ง


หลิงฮันส่ายหัว โสมเฒ่ารู้ว่าเขามีอุปกรณ์มิติที่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้ บางทีเขาอาจถูกโสมเฒ่าสังเกตมานาน


“จะว่าไปแล้วทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนแปลงขนาดนี้และทำไมเจ้าถึงต้องการออกไปจากที่นี่?”


“ข้าดูดซับพลังแห่งสวรรค์และปฐพี จากนั้นมันก็ทำให้ข้าบรรลุระดับสุริยันจันทรา-“


“หยุด หยุด อย่าพูดโม้ไปกว่านี้เลย!” หลิงฮันรีบขัดจังหวะ


โสมเฒ่าไม่พอใจอย่างมาก แต่ถึงยังไงเขาก็พูดต่อให้จบอยู่ดี


เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน เขาเริ่มต้นความทะเยอทะยานและดูดซับพลังแห่งสวรรค์และปฐพีโดยสัญชาตญาณ จากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลัง จนกระทั่งไม่กี่ร้อยปีต่อมา ในที่สุดเขาก็มีมือและเท้างอกเงยออกมา และทำให้เขาสามารถออกเดินทางไปได้ทุกที่


แต่ทว่าสถานที่แห่งนี้เล็กเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นด้วยกฎแห่งสวรรค์และปฐพี ทำให้เขาพบว่าสถานที่แห่งนี้กำลังมุ่งเป้ามาที่เขาและกำจัดเขา ดังนั้นเขาจึงต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด


แม้ประตูจะมีการเปิดสองครั้งทุกหนึ่งร้อยปี เมื่อมีคนเข้ามา ย่อมมีคนออกไป แต่โลกภายนอกมีจอมยุทธมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าออก เพราะกลัวจะถูกนำไปตุ๋นปรุงยา


ทว่าครั้งนี้ เขามีความรู้สึกว่าจะต้องออกไปให้ได้ เพราะเขารู้สึกว่าถ้าพลาดโอกาสครั้งนี้ไปจะไม่มีโอกาสครั้งหน้าอีกแล้ว


“ฮ่าฮ่าฮ่า ยังไงก็ตามมันยังเร็วไปสองหมื่นปีที่เจ้าจะสู้กับข้าได้!” โสมเฒ่ากล่าวอย่างภาคภูมิใจ


หลิงฮันแสยะยิ้ม โชคดีที่ฮูหนิวไม่อยู่ที่นี่ มิฉะนั้นโสมเฒ่าคงจะถูกนางกัดและวินาทีต่อไปคงจะถูกยัดลงไปในหม้อเพื่อตุ๋มเป็นซุป


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ในอนาคต ข้าจะแนะนำเจ้าให้รู้จักกับใครบางคน”


เขารอแทบไม่ไหวแล้วว่าถ้าโสมเฒ่าเจอกับฮูหนิวจะเป็นเช่นไร?


โสมเฒ่านั้นฉลาดมาก เมื่อไม่มีใครอยู่รอบๆ เขาก็จะคุยกับหลิงฮันเรื่องลามกเกี่ยวกับสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยิน ซึ่งนั่นทำให้หลิงฮันอยากจะฟันมันแยกออกเป็นส่วนๆ


เมื่อมีคนอื่นเข้ามา เขาก็จะรีบซ่อนตัว โดยไม่มีใครหาเจอ


“เจ้าหนู นี่เจ้ากำลังจะไปคลังสมบัติอย่างนั้นรึ?” เมื่อเขาตามหลิงฮัน มันทำให้เขารู้เป้าหมายสุดท้ายของการเดินทางของหลิงฮัน “มันไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก ข้าเคยไปที่นั่นมาก่อน มันแตกต่างจากที่อื่นๆมาก และทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัว”


“โอ้ ถ้างั้นเจ้ามีข้อมูลอะไรบ้าง?” แม้หลิงฮันจะมีหอคอยทมิฬที่มั่นใจว่าสามารถช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ แต่หอคอยทมิฬนั้นใช่ว่าจะมีพลังอำนาจทุกอย่าง หากเขาติดอยู่ที่นี่มันจะไม่ใช่เรื่องตลก


“มันมีกลิ่นอายแห่งความตายที่รุนแรง ทำให้ข้าไม่กล้าเข้าไปใกล้ แล้วข้าจะมีข้อมูลได้อย่างไร!” โสมเฒ่าส่ายหัวไปมา


หลิงฮันไตร่ตรองชั่วครู่ แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไป


นั่นเป็นเพราะเขาสัญญากับคนอื่นเอาไว้และรู้สึกอยากรู้อยากเห็น


หลังจากเดินผ่าน “ภูเขาเหยี่ยว” สภาพแวดล้อมก็กลายเป็นที่รกร้างไม่มีทั้งสัตว์อสูรและสมุนไพร แล้วยังสามารถมองเห็นซากปรักหักพังจากการต่อสู้ได้ทุกหนแห่ง นี่แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้นั้นรุนแรงแค่ไหน

 

 

 


ตอนที่ 1192

 

มีคนไม่กี่คนที่อยู่ที่นี่


เพราะมันเป็นที่รกร้าง ใครอยากจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่กัน?


หมอกควันสีดำที่ลอยอยู่ในอากาศทำให้บรรยกาศมือสลัว มันลอยสูงประมาณสองฟุตและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดูค่อนข้างแปลกประหลาด


แต่หมอกควันดังกล่าวนั้นไม่อันตราย แล้วไม่มีใครตายหลังจากที่สูดดมเข้าไป


“นี่คือซากปรักหักพังที่เกิดขึ้นหลังจากการต่อสู้?” หลิงฮันคาดเดา


ไม่กี่วันก่อนมีพระราชวังอยู่ตรงหน้า ซึ่งสร้างอยู่ที่เชิงเขา


“เจ้าเข้าไปในหอคอยทมิฬก่อน” หลิงฮันกล่าว เขาไม่ต้องการให้พวกนางเข้ามาเสี่ยงอันตราย


สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า ตั้งแต่มาที่นี่นางไม่สามารถช่วยหลิงฮันได้เลย และมักนำปัญหามาให้กับหลิงฮันแทน มันคงดีกว่าถ้าเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬ แล้วฝึกฝนให้หนักเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น อย่างน้อยนางก็จะไม่เป็นตัวถ่วงของหลิงฮันในอนาคต


ในขณะที่หูเฟยหยินดูลังเลเล็กน้อย นางเป็นเด็กขี้สงสัย ถึงแม้ที่นี่จะมืดมนและน่ากลัว แต่นางก็รู้สึกสนใจอย่างมาก และไม่อยากพลาดอะไรไป แต่สุดท้ายแล้ว นางก็เข้าไปในหอคอยทมิฬ


“ข้าเองก็อยากเข้าไปด้วย!” โสมเฒ่ากล่าว สายตาของเขากลายเป็นแหลมคม


หลิงฮันรู้ว่าเจ้าโสมลามกนี่จะเข้าไปเล่นชู้กับสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินในขณะที่เขาไม่อยู่ แต่หารู้ไม่ว่าในหอคอยทมิฬนั้นมีเซียนหวู่เซียงอยู่ด้วย!


“ก็ได้!” หลิงฮันพยักหน้า “เจ้าอยู่นิ่งๆและห้ามขยับ”


เขาใช้สัมผัสสวรรค์ห้อมล้อมโสมเฒ่าและพาเข้าไปในหอคอยทมิฬ – ตราบใดที่พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย เขาก็สามารถบังคับให้อีกฝ่ายเข้าไปในหอคอยทมิฬได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอม


“พรึบ!”


“ที่นี่ที่ไหน?”


“และต้นไม้นั่นมันอะไรกัน? ทำไมข้าถึงรู้สึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์จากมัน!”


“อ๊าก เจ้าผีนี่มันอะไรกัน ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!”


“รีบพาข้าออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”


ตอนแรกโสมเฒ่าอยากรู้อยากเห็น แต่ในไม่ช้ามันก็กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว


แต่หลิงฮันก็ขี้เกียจสนใจและออกเดินทางต่อ นี่คือจุดหมายปลายทางสุดท้ายของเขาในเขตแดนลี้ลับ


เขามาที่ประตูของพระราชวัง ซึ่งมันปิดอยู่และมีคนห้าคนยืนอยู่หน้าประตู


“ศิษย์พี่ฮัน!” ทั้งห้าคนพยักหน้ารับหลิงฮัน แม้จะอึดอัดใจอยู่บ้างที่ถูกแย่งหยดเซียนหยวน แต่พวกเขาก็ไม่แสดงความรู้สึกนั้นออกมา และเก็บไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ


หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “พวกเจ้ามาถึงเร็วยิ่งนัก”


“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเพิ่งมาถึงได้ไม่นานนัก” สืออันเกาพูดด้วยรอยยิ้มและจ้องมองไปที่หลิงฮัน แต่ก็แอบหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย


ในแง่ของพลังต่อสู้ เขาสามารถเอาชนะหลิงฮันได้ แต่ถ้าเป็นการต่อสู้เป็นตาย คนที่จะชนะจะต้องเป็นหลิงฮันอย่างแน่นอน เหตุผลนั้นง่ายมาก พลังป้องกันของหลิงฮันนั้นน่าหวาดกลัว แม้แต่เขาเองก็ไม่สามารถทำลายได้


ศัตรูดังกล่าวทำให้เขาหวาดกลัว


“ศิษย์น้องควงยังมาไม่ถึง บางทีนางอาจกำลังเดินทางมาที่นี่อยู่” อู๋เหวิ่นตงกล่าว


ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาควรจะไร้พ่ายที่นี่ ดังนั้น บางทีควงเป๋ยซานอาจพบกับศัตรูที่แข็งแกร่ง จึงมาไม่ตรงเวลา


พวกเขานั่งลงและเริ่มพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยกัน


….


หลังจากรอมาสองวัน ในที่สุดควงเป๋ยซานก็มาถึง


“ถ้างั้นมาเริ่มกันเลย!”


บนประตูพระราชวังมีหลุมทั้งหมดสิบสี่หลุม โดยแต่ละหลุมนั้นจะมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ พวกเขาทั้งเจ็ดคนยืนเคียงข้างกันและวางฝ่ามือเข้าไปในหลุมทีละคน


“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม แล้วพวกเราทุกคนวางฝ่ามือเข้าไปในหลุมพร้อมกัน” เหอเต๋ากล่าว


“ตกลง!” ทั้งหกคนพยักหน้าโดยไม่มีใครคัดค้าน แต่ถ้าในสถานการณ์ปกติคงไม่มีใครเชื่อฟังคำสั่ง


“หนึ่ง!”


“สอง!”


“สาม!”


เมื่อนับถึงสาม พวกเขาทั้งเจ็ดคนก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดของตนเองออกมาและกดฝ่ามือเข้าไปในหลุม


ในไม่ช้า หลุมที่อยู่ใต้ฝ่ามือของพวกเขาก็เริ่มส่องแสง สอง สี่ หก แปด เมื่อหลุมทั้งสิบสี่หลุมสว่างพร้อมกัน ประตูพระราชวังก็เปิดออกอย่างช้าๆ


จากนั้น พวกเขาทั้งเจ็ดคนก็ถอยไปด้านหลังด้วยความระมัดระวัง


เมื่อประตูพระราชวังเปิดออกอย่างสมบูรณ์ เสาที่อยู่ด้านในก็เริ่มส่องแสง ทำให้ภายในพระราชวังสว่างเจิดจ้า


ฮึด!


ทั้งเจ็ดคนประหลาดใจ เพราะลึกเข้าไปด้านในพระราชวัง พวกเขาเห็นร่างของคนผู้หนึ่งนอนอยู่บนพื้น


ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาจะต้องเป็นคนที่สูงมาก อย่างน้อยสามฟุต ผิวของเขามีสีฟ้าทั้งร่างและสวมชุดเกราะเหล็ก แต่ก็ถูกโจมตีทะลุไปถึงกระดูกเผยให้เห็นกระดูกสีขาว


ด้านข้างศพของเขามีข้อความเขียนเอาไว้ว่า


“อัจฉริยะทั้งเจ็ดและผู้สืบทอดของข้า”


“จงสังหารสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายจากดินแดนใต้พิภพ!”


“สวรรค์ไร้ซึ่งความยุติธรรม เกลียดชัง! เกลียดชัง!”


เหอเต๋ากล่าว “อัจฉริยะทั้งเจ็ดเห็นได้ชัดว่าหมายถึงพวกเรา แต่ทายาทที่เขาพูดหมายถึงหนึ่งในพวกเราจะเป็นคนได้รับมรดกอย่างนั้นหรือ?”


เฉินจู๋เอ๋อก้าวไปข้างหน้า แต่ทันใดนั้นใบหน้าที่งดงามของนางก็กลายเป็นไร้สีสันทันที นางรีบถอยกลับมาและพูดว่า “ผู้อาวุโสท่านนี้แข็งแกร่งมาก ข้าไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย และวิญญาณชั่วร้ายดูเหมือนจะฉีกข้าเป็นชิ้นๆ”


หลิงฮันที่นั่งยองๆอยู่บนพื้นยืนขึ้นและพูดว่า “พื้นกระเบื้องที่นี่แข็งมาก แม้แต่ดาบของข้าก็ไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้”


ต้องทราบก่อนว่าตัวอักษรบนพื้นนั้นถูกเขียนขึ้นมาจากผู้อาวุโสท่านนี้ก่อนที่จะตาย เพราะมันไม่มีอาวุธอยู่ในมือของเขา ยิ่งไปกว่านั้นนิ้วชี้ของเขายังหยุดอยู่ที่คำสุดท้ายว่า “เกลียดชัง”


ไม่มีใครสามารถทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้ แม้แต่ดาบของเขา นี่แสดงให้เห็นว่าผู้อาวุโสท่านนี้แข็งแกร่งแค่ไหน


ทั้งเจ็ดคนเดินสำรวจรอบๆ แม้ว่าผู้อาวุโสท่านนี้จะตายไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้ ถึงพวกเขาจะเป็นอัจฉริยะกันทุกคนและมีความหยิ่งยโสเป็นคนตัวเอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสชุดท่านนี้ มันทำให้พวกเขาเป็นเหมือนมดตัวเล็กๆ


“เขาเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์อย่างแน่นอน!”


“ถึงแม้ข้าจะไม่สามารถคาดเดาระดับบ่มเพาะพลังของผู้อาวุโสท่านนี้ได้ แต่ข้ารู้สึกได้ว่าเขามีแรงกดดันคล้ายกับอาจารย์ของข้า ซึ่งเหนือกว่าระดับดารา!”


“ถ้างั้นมรดกของเขา…”


“จะต้องล้ำค่ามากอย่างแน่นอน!”


เฉินจู๋เอ๋อและคนอื่นๆรู้สึกหวั่นไหว ถ้าได้รับมรดกของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จะเป็นเช่นไร?


แม้ว่าปรมาจารย์สามวิถีจะยอมรับศิษย์เก้าคน แต่ใช่ว่าเขาจะถ่ายทอดวิชาให้กับศิษย์ทุกคน


แต่ที่นี่ไม่เหมือนกัน ผู้อาวุโสท่านนี้หลับไหลอยู่ที่นี่มาอย่างอย่างนาน มรดกที่เขาเหลือเอาไว้ยังไม่มีใครได้แตะต้อง


แล้วใครจะไม่สนใจกันล่ะ?

 

 

 


ตอนที่ 1193

 

ภายในพระราชวังมีบอลแสงลอยอยู่หลายลูก หากมองให้ดีจะพบว่าบอลแสงแต่ละลูกมีข้อความมากมายอยู่ภายใน แต่ข้อความเหล่านั้นเลือนลางมองเห็นได้ไม่ชัด


“ข้อความของบอลแสงแต่ละลูก… คือทักษะบ่มเพาะ!”


“ข้ามองเห็นรางๆเหมือนจะเขียนว่าทักษะขัดเกลาจิตบริสุทธิ์”


“ฝ่ามือพลังหมอกม่วง”


“ดาบจิตไผ่”


ทั้งเจ็ดคนมองไปยังบอลแสงแต่ละลูกและกล่าวชื่อทักษะที่ดูแล้วสามารถคว้าจับได้ง่ายที่สุด


“อะไรกัน ทักษะก่อเกิดจิต! ข้าเคยเห็นคำอธิบายของมันในซากโบราณสถานบางแห่ง มันเป็นทักษะที่กำเนิดขึ้นในยุคบรรพกาล กล่าวว่าหากบ่มเพาะมัน ปราณก่อเกิดจะผสานรวมเข้ากับอำนาจแห่งอัสนีทำให้สามารถทำลายการป้องกันขแงคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย” เหอเต๋ากล่าวด้วยความตื่นเต้น


ทักษะที่ว่าคือทักษะโบราณที่สืบทอดมาอย่างยาวนานและสูญหายไปนานแล้ว โบราณสถานบางแห่งบันทึกเพียงส่วนที่ไม่สมบูรณ์ของทักษะเอาไว้เท่านั้น หรือว่าทักษะที่อยู่ที่นี่จะเป็นทักษะที่สมบูรณ์?


ถ้าเป็นทักษะที่สมบูรณ์จริง มันจะเป็นทักษะบ่มเพาะที่ล้ำค่ามาก


ทุกคนรูเว่าที่นี่แห่งเป็นขุมสมบัติอย่างแท้จริงและล้ำค่าเกินกว่าพวกเขาจะจินตนาการ


‘พรึบ’ เฉินจู๋เอ๋อกระโดดขึ้นไปคว้าบอลแสง นางเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก แต่ในขณะที่นางเข้าใกล้บอลแสงได้จู่ๆบอลแสงก็เคลื่อนไหวหลบหนีการจับของนาง ยิ่งนางเคลื่อนไหวเร็วขึ้นบอลแสงก็ยิ่งเคลื่อนที่เร็วตาม


ร่างของเฉินจู๋เอ๋อเริ่มอ่อนล้าและกลับสู่พื้นด้วยความล้มเหลว


อีกหกคนที่เหลือตกตะลึง พลังของเฉินจู๋เอ๋อไม่ได้อ่อนแอกว่าพวกเขา การที่นางทำไม่สำเร็จบางทีพวกเขาเองก็คงประสบชะตาเดียวกัน


การได้รับทักษะสืบทอดเหล่านี้คงไม่ง่ายเสียแล้ว!


ทั้งเจ็ดคนหยุดการสนทนาและสายตาจดจ้องและลงมือคว้าบอลแสง คราวนี้บอลแสงราวกับมีชีวิต มันเคลื่อนไหวราวกับปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ


ยากเย็นยิ่งนัก!


ทั้งเจ็ดคนขมวดคิ้ว แม้พวกเขาจะเป็นราชาในหมู่รุ่นเยาว์ตอนนี้พวกเขาก็พบเจอกับความลำบากเสียแล้ว


‘พรึบ’ แต่ทันใดนั้นเอง ไม่รู้ทำไมจู่ๆบอลแสงเจ็ดลูกก็สั่นสะท้านและพุ่งเข้าในพวกเขาทั้งเจ็ดอย่างรวดเร็ว


หลิงฮันและคนอื่นๆรีบคว้าบอลแสงเอาไว้ ‘หมับ’ พวกเขาคว้าเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามจับพวกมันแต่ก็ทำไม่ได้ แต่ตอนนี้จู่ๆพวกมันก็เป็นฝ่ายเข้าหาพวกเขาเอง


‘ฉึบ’ บอลแสงค่อยๆสลายไปทีละลูก ข้อความอักขระทักษะนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในจิตใจของทั้งเจ็ดคน


หลิงฮันไม่รู้ว่าคนอื่นได้รับทักษะอะไร แต่ทักษะที่เขาได้มีชื่อว่า ย่างก้าวไล่ตามดารา


หากฝึกฝนทักษะจนบรรลุจุดสูงสุด ผู้ใช้จะสามารถเหยียบย่ำสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและหยิบจับดวงดาราและดวงจันทร์ได้


แม้ความสามารถของทักษะจะดูเกินจริงไปหน่อย แต่ทักษะจะได้ผลยอดเยี่ยมขนาดก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและการประยุกต์ของแต่ละคน


เขาศึกษาทักษะที่ได้มาในใจและรู้สึกได้ถึงความซับซ้อน เขาไม่สามารถเข้าใจทักษะนี้ได้ในทันที อย่างน้อยต้องใช้เวลาหลายปีหรืออาจจะหลายสิบหลายร้อยปี


หลิงฮันไม่วิตกกังวล เขามีต้นสังสารวัฏ เวลาไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา


เฉินจู๋เอ๋อและคนอื่นๆแสดงท่าทีตกตะลึง แน่นอนว่าพวกเขาก็ได้รับทักษะที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน


พวกเขามองไปยังบอลแสงด้านบนและแสดงสีหน้าถึงความต้องการ


บอลแสงเหล่านั้น ถ้าหากคว้าพวกมันมาได้ทั้งหมด ผลประโยชน์ที่ได้รับก็จะมากมายจนไม่อาจอธิบายได้


เพียงแต่บอลแสงเหล่านั้นไม่ตกลงมาหาพวกเขาแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับบอลแสงคนล่ะหนึ่งลูกสำหรับการเปิดพระราชแห่งนี้ได้


ทั้งเจ็ดคนเริ่มไล่จับบอลแสงอีกครั้ง แน่นอนว่าพวกเขาล้มเหลว หลังจากรอสักพักก็ไม่มีบอลแสงร่วงลงมาใส่พวกเขาเหมือนครั้งก่อนทำให้พวกเขาอดรู้สึกผิดไม่ได้


ภูเขาสมบัติอยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่กลับไม่สามารถนำมาครอบครอง


น่าเจ็บใจนัก!


“ว่าไง อยากได้ทักษะเพิ่มกันรึเปล่า?” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของทุกคน เสียงนั้นก้องกังวาลราวกับผู้พูดอยู่ห่างไกล


“นั่นใคร!” ราชารุ่นเยาว์ทั้งเจ็ดตะลึงและตะโกนออกมา


“แสดงตัวซะ!”


“อย่าได้มัวซ่อนตัว!”


“เจ้าอยากจะพบเจอนายท่านผู้นี้งั้นรึ?” เสียงกังวาลดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับปราณหมอกสีดำที่ปรากฏออกมา ออร่าของมันอบอวลไปด้วยความตาย


ปราณสีดำก่อตัวกันเป็นรูปร่างของมนุษย์ท่ามกลางราชารุ่นเยาว์ทั้งเจ็ด


“เจ้าเป็นใคร!” เฉินจู๋เอ๋อเอ่ยถามทันที


“นายท่านผู้นี้เป็นเจ้าของที่แห่งนี้ยังไงล่ะ!” ปราณรูปร่างมนุษย์กล่าว


หลิงฮัลและคนอื่นๆมองหน้ากันก่อนจะโค้งตัวกล่าว “ขอขอบคุณผู้อาวุโส!” แม้พวกเขาจะมีเกียรติของตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธความที่ว่าอีกฝ่ายมองทักษะให้พวกเขาไม่ได้


“ไม่ต้องมากพิธี!” ปราณรูปร่างมนุษย์ยกมือ รูปร่างของเขาไม่เสถียรมันคงกระพือไปมา “พวกเจ้าเป็นอัจฉริยะที่เหมาะสมจะได้รับทักษะสืบทอดจากนายท่านผู้นี้”


“ขอขอบคุณผู้อาวุโส” ทั้งเจ็ดคนแสดงความเคารพอีกครั้ง


“เพียงแต่ว่านายท่านผู้นี้ต้องการผู้สืบทอดที่แท้จริงเพียงคนเดียวเท่านั้น ใครคนไหนอยากคารวะข้าเป็นอาจารย์บ้าง?” ปราณรูปร่างมนุษย์ถามอีกครั้ง


หลิงฮันและคนอื่นๆมองหน้ากันอีกครั้งก่อน “ไม่ทราบว่าพวกเราคนไหนที่ผู้อาวุโสอยากรับเป็นลูกศิษย์?”


ถึงแม้ปราณรูปร่างมนุษย์จะอ้างตัวว่าเป็นเจ้าของที่แห่งนี้ แต่คำพูดของเขาเชื่อถือได้งั้นรึ?


ทั้งเจ็ดคนสามารถเป็นราชาของรุ่นเยาว์ได้แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมีความคิดของตัวเองและไม่เชื่อใครง่ายๆ


“ถ้าจะให้นายท่านผู้นี้เลือก…” ปราณรูปร่างมนุษย์หยุดกล่าวชั่วครู่และกวาดสานตามองผ่านทั้งเจ็ดคน


“เป็นเจ้า!” ปราณรูปร่างมนุษย์ยื่นมือออกไปชี้ยังร่างของหลิงฮัน


“ข้า!?” หลิงฮันส่ายหัว “ขออภัยผ้าอาวุโสด้วย แต่ข้าไม่ต้องเป็นลูกศิษย์ของใคร!”


ต่อให้เขาต้องการเป็นศิษย์ ในหอคอยทมิฬของเขาก็มีตัวตนระดับเซียนพำนักอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องเคารพบุคคลตรงหน้าเป็นอาจารย์


ปราณรูปร่างมนุษย์แสดงท่าทีประหลาดใจอย่างปิดไม่มิด หลิงฮันปฏิเสธความรุ่งโรจน์ที่จะได้จากเขาได้อย่างไร?


มีปรมาจารย์เช่นเขาเป็นอาจารย์ สำหรับคนส่วนมากแล้วมันเป็นข้อเสนอที่ยั่วยวนจนไม่มีทางปฏิเสธได้แท้ๆ


แต่หลิงฮันกลับไม่ลังเลที่จะส่ายหัวปฏิเสธ…


ปราณรูปร่างมนุษย์กวาดสายตาต่อไปยังเฉินจู๋เอ๋อ “เจ้าล่ะ? เจ้าจะคารวะข้าเป็นอาจารย์รึไม่?”


เฉินจู๋เอ๋อลังเลก่อนจะกล่าว “ผู้อาวุโส ตัวข้าคารวะคนผู้หนึ่งเป็นอาจารย์อยู่แล้ว ข้าจึงไม่ต้องการเป็นศิษย์ของท่าน”


ถูกปฏิเสธอีกแล้ว?


ปากของปราณรูปร่างมนุษย์กระตุก “แล้วพวกเจ้าล่ะ?” เขาชี้ไปยังห้าคนที่เหลือ


ทั้งห้าคนมองหน้ากันและส่ายหัว


จู่ๆอีกฝ่ายก็ปรากฏตัวออกมายื่นข้อเสนอรับลูกศิษย์เช่นนี้ ทั้งเจ็ดคนจึงเกิดความรู้สึกสงสัยไม่น่าไว้วางใจ

 

 

 


ตอนที่ 1194

 

ปราณรูปร่างมนุษย์ดูหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก


รุ่นเยาว์ทั้งเจ็ดคนไม่มีใครยอมรับเขาในฐานะอาจารย์ คิดว่าตัวเองเป็นจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งหรือไง?


เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เนื่องจากพวกเจ้าไม่ยอมรับข้าในฐานะอาจารย์ เช่นนั้นสมบัติที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อเจ้า”


หลังจากพูดจบ เขาก็กวาดสายตามองทั้งเจ็ดคนอีกครั้ง และเห็นใบหน้าที่ตกใจของทั้งเจ็ดคน


เขาไม่เชื่อว่ารุ่นเยาว์พวกนี้จะไม่สามารถต่อต้านการล่อลวงของเขาได้


“อย่างไรก็ตาม ทักษะเหล่านี้ล้วนไม่มีประโยชน์สำหรับข้า และข้าก็ไม่รังเกียจที่จะมอบให้พวกเจ้าทั้งหมด” ปราณรูปร่างมนุษย์กล่าวอีกครั้ง


“ดูเหมือนท่านจะมีเงื่อนไข เช่นนั้นเงื่อนไขของท่านคืออะไร?” หลิงฮันกล่าว


ปราณรูปร่างมนุษย์แสดงรอยยิ้มและพูดว่า “มันไม่ใช่เงื่อนไข ถ้าเจ้าต้องการทักษะลับเหล่านี้ ข้าก็ต้องการให้หนึ่งในหมู่พวกเจ้าเป็นภาชนะ แล้วข้าจะมอบทักษะเหล่านั้นให้กับพวกเจ้า”


“ใครก็ตามที่ต้องการทักษะเหล่านั้น จงให้ข้ายืมร่างซะ มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถทำอะไรได้!”


หลังจากพูดจบ กลุ่มของหลิงฮันทั้งเจ็ดคนก็ตกตะลึง


นี่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการยึดครองร่างหรอกหรือ?


ถึงจะฟังดูดี แต่อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่วิญญาณที่เหลืออยู่ ถ้าให้มันสิงร่างก็เท่ากับว่าเป็นการส่งเนื้อเข้าปากเสือ


“ใครต้องการทักษะลับบ้าง?” ปราณรูปร่างมนุษย์กล่าวเย้ายวน


กลุ่มของหลิงฮันทั้งเจ็ดคนนิ่งเงียบและไม่ลดการป้องกัน ถึงอีกฝ่ายจะทำเป็นพูดสุภาพ แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อเขาถูกปฏิเสธจะโกรธเกรี้ยวแค่ไหน


“ไม่มีเลยอย่างนั้นหรือ?” ปราณรูปร่างมนุษย์กล่าวอีกครั้ง เมื่อเห็นไม่มีใครตอบ เขาถอนหายใจและพูดว่า “เดิมทีข้าไม่อยากจะใช้วิธีการแบบนี้หรอก แต่ดูเหมือนคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว!”


เขาหันไปมองและชี้นิ้วไปที่หลิงฮัน “ร่างกายของเจ้าเหมาะสมที่จะเป็นภาชนะของข้ามากที่สุด ทั้งยังมีพลังวิญญาณที่แกร่งกล้า แม้แต่ข้าก็ยังไม่มั่นใจว่าจะกำจัดได้หรือไม่”


“ขอบคุณสำหรับคำชมของท่าน แต่ดูเหมือนผู้อาวุโสจะเป็นแค่หนู ที่ไม่รู้ว่าโลกนั้นกว้างใหญ่แค่ไหน” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส อีกฝ่ายใช้ทักษะลับล่อลวงพวกเขาก่อนให้ดูเหมือนเป็นคนดี แต่เมื่อไม่มีใครยอมรับเขา เขาก็เริ่มเผยธาตุแท้ออกมา


หากเป็นเช่นนั้น หลิงฮันจึงไม่จำเป็นต้องทำตัวสุภาพด้วย และการที่อีกฝ่ายยังล่อลวงเขาก่อน นั่นหมายความว่าอย่างไร?


ถ้าปราณรูปร่างมนุษย์แข็งแกร่งเท่าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ เช่นนั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะล่อลวงพวกเขาที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีด้วยหรือ?


ปราณรูปร่างมนุษย์ไม่โกรธ มันเพียงแค่ส่ายหัวและพูดว่า “ข้าอาศัยอยู่ที่นี่มานานนับไม่ถ้วน แล้วข้าจะรู้เรื่องโลกภายนอกได้อย่างไร? ฮ่าฮ่าฮ่า!” จากนั้นเขาก็หันไปมองเฉินจู๋เอ๋อ “ข้าสัมผัสได้ว่าแม่นางคนนี้มีพลังสายเลือดที่แข็งแกร่ง แต่น่าเสียดายที่ได้รับการป้องกันจากพลังลึกลับ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถกระตุ้นได้”


เขาชี้ทีละคนทีละคนและบอกความแข็งแกร่งของแต่ละคน ซึ่งทำให้ทั้งเจ็ดคนรู้สึกประหลาดใจมาก


ในที่สุด ปราณรูปร่างมนุษย์ก็ชี้นิ้วไปที่อู๋เจ๋อและพูดว่า “เจ้าเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด ทั้งยังมีพรสวรรค์ที่ต่ำที่สุด คนอย่างเจ้าไม่เหมาะที่จะเป็นภาชนะให้กับข้าแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”


หลังพูดจบ ปราณรูปร่างมนุษย์ก็กลายเป็นเส้นแสงและพุ่งเข้าหาอู๋เจ๋อทันที


อู๋เจ๋อที่ตั้งท่าป้องกัน รีบผลักฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปอย่างรวดเร็วและโคจรพลังทั้งหมดออกมาห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้


แต่น่าเสียดายเมื่อเผชิญหน้ากับปราณรูปร่างมนุษย์ที่แปลกประหลาดนี้ มันสามารถทะลวงผ่านเกราะป้องกันของเขาได้อย่างง่ายดายและเข้าไปในปากของอู๋เจ๋อ


“อ๊าก-” อู๋เจ๋อส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างกะทันหัน หน้าของเขายกขึ้นและปราณรูปร่างมนุษย์ก็ไหลลงไปในลำคอและปรากฏก้อนพลังบางอย่างบนหัว ซึ่งดูแปลกประหลาดมาก


“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้าต้องการสั่งสอนข้าอย่างนั้นเรอะ! ยังเร็วเกินไป!” ปราณรูปร่างมนุษย์กล่าว เสียงของมันดังมาจากห้วงวิญญาณ


หลังจากนั้นไม่นาน ท้องของอู๋เจ๋อก็ป๋องเหมือนกับเขากลายเป็นคนอ้วน แต่การแสดงออกทางสีหน้าของเขานั้นดูเจ็บปวดมาก เส้นเลือดบนใบหน้าและตาของเขาปูดบวมราวกับจะทะลักออกมา


นอกจากนั้น ใบหน้าของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ราวกับกลายเป็นคนละคน ซึ่งดูประหลาดมาก


เขาจ้องมองไปที่กลุ่มของหลิงฮันทั้งหกคน และยื่นมือออกไปข้างหน้า เหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอีกครั้ง


กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวไหลทะลักออกมาจากร่างกายของเขา มันทั้งมืดมน ชั่วร้าย และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตาย


เหมือนกับหมอกดำที่อยู่ข้างนอกไม่มีผิด!


“ไม่ เขาถูกช่วงชิงร่างไปแล้ว!”


“หากเขาถูกชิงร่างไปอย่างสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งของเขาอาจเปลี่ยนไปอย่างมาก!”


ทั้งหกคนอุทาน ถ้าสิ่งมีชีวิตลึกลับนี่ช่วงชิงร่างของอู๋เจ๋อได้อย่างสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งของมันจะต้องเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน


“ฆ่ามัน!” อู๋เหวิ่นตงรีบตัดสินใจ


ด้วยความแข็งแกร่งของอู๋เจ๋อ มันไม่มีทางที่เขาจะต่อต้านสิ่งมีชีวิตลึกลับนี่ได้ นอกจากนั้นพวกเขาก็ไม่มีวิธีขับไล่สิ่งมีชีวิตลึกลับนี่ออกจากร่างกายของเขาได้เช่นกัน ดังนั้นหนทางเดียวที่เหลืออยู่คือฆ่าอู๋เจ๋อก่อนที่จะสายเกินไป


“ฆ่าเขาเลย!” เฉินจู๋เอ๋อพยักหน้าเห็นด้วย


ตามกฎของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ศิษย์ของนิกายจะไม่สามารถสังหารศิษย์ร่วมนิกายได้ แต่นั่นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ตอนนี้อู๋เจ๋อไม่ใช่อู๋เจ๋ออีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย


พวกเขาทั้งหกคนรีบโจมตีใส่อู๋เจ๋อพร้อมกันทันที

 

 

 


ตอนที่ 1195

 

แม้ว่าอู๋เจ๋อจะเป็นราชารุ่นเยาว์ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นราชาที่อ่อนแอที่สุดในเจ็ดราชา


นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงถูกสิ่งมีชีวิตลึกลับครอบงำ ยิ่งอ่อนแอเท่าไหร่ ยิ่งครอบงำได้ง่ายขึ้นเท่านั้น และโอกาสครอบงำสำเร็จก็จะยิ่งสูงขึ้น


แต่ตอนนี้อู๋เจ๋อกำลังถูกหกราชาโจมตี และเกรงว่าเขาอาจถูกฆ่าตายในทันที


ตู้ม!


เมื่อการโจมตีจากทั้งหกคนมาถึง อู๋เจ๋งเพียงแค่ยกมือซ้ายขึ้นมาป้องกันและมีพลังบางอย่างไม่มองไม่เห็นสลายการโจมตีของทั้งหกคน จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อน รอข้าชินกับร่างกายนี้เมื่อไหร่ ข้าจะสังหารพวกเจ้าทีละคน!”


รอยยิ้มและน้ำเสียงของเขานั้นดูชั่วร้ายมาก


หลิงฮันและคนอื่นๆรู้สึกตกใจ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน? การที่อีกฝ่ายสามารถหยุดการโจมตีของพวกเขาทั้งหกคนได้ นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะต้องเหนือกว่าระดับสุริยันจันทราขึ้นไป


แล้วทำไมเขาถึงยังไม่ถึงขับไล่ออกไปอีก?


“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของข้า แต่เป็นพลังของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์” อู๋เจ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย เขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่กลายเป็นภาชนะของสิ่งมีชีวิตลึกลับ


เขาอธิบายอย่างสุภาพว่า “ข้าผู้นี้เกือบทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็จะทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง แล้วพวกเจ้าสามารถจินตนาการความแข็งแกร่งของข้าออกหรือไม่?”


หลังจากพูดจบ เขาก็บิดตัวไปมา กระดูกทั้งร่างส่งเสียงแตกหัก ดูเหมือนว่าเขากำลังปรับเปลี่ยนร่างกายให้เข้ากับ


“โจมตีอีกรอบ!” หลิงฮันและคนอื่นๆต่างก็แสดงความแข็งแกร่งของตนเองออกมา


แม้ว่าอีกฝ่ายจะเคยเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายเหลือแค่จิตวิญญาณที่กำลังพึ่งพาร่างกายของจอมยุทธระดับภูผาวารี หากเขาสามารถระเบิดพลังของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ออกมาได้ เรื่องแบบนั้นคงไร้เหตุผลอย่างมาก


ตอนนี้เฉินจู๋เอ๋อและคนอื่นๆไม่กล้าปลดปล่อยพลังต่อสู้สิบดาว มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องแบกรับผลที่จะตามมา มันไม่ได้เป็นการเพิ่มพลังต่อสู้ให้พวกเขาเพียงอย่างเดียว แต่อาจนำความตายมาให้ด้วย


ทั้งหกคนปลดปล่อยทักษะที่ทรงพลังที่สุดออกไปและต้องการสังหารอู๋เจ๋อให้ได้


แต่อู๋เจ๋อก็ยังคงต้านทานการโจมตีของพวกเขาได้ด้วยมือข้างเดียว แม้มันจะเป็นเพียงแค่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ธรรมดาเหมือนอักขระศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มีประสิทธิภาพที่น่าตกตะลึงและป้องกันการโจมตีทั้งหมดของหกราชาได้อย่างง่ายดาย


ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังคงเปลี่ยนแปลงร่างกาย แผ่นหลังของเขามีกระดูกปูดออกมา ส่วนที่หน้าผากก็มีเขางอกออกมา ซึ่งมันกำลังส่องแสงด้วยความมันวาว


ถ้าอู๋เจ๋อยังมีสติ บางทีนี่อาจทำให้เขาพอใจ


เพราะก่อนหน้านี้ ในหมู่ราชาทั้งเจ็ดคน เขาเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด แต่ตอนนี้เขาสามารถป้องกันการโจมตีของราชาทั้งเจ็ดคนได้อย่างง่ายดาย


นี่เป็นความสำเร็จที่เขาคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน อาจกล่าวได้ว่าเขากลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งไปแล้ว!


แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่อู๋เจ๋ออีกต่อไป


“อ่า ข้ารู้สึกดียิ่งนัก!” อู๋เจ๋อบิดคอ ตอนนี้ร่างกายของเขาสูงขึ้นอย่างน้อยสองเท่า ร่างของเขาแข็งแกร่งมากและมีผิวสีดำสนิท


เขายืดตัวอีกครั้ง จากนั้นก็มองไปที่หลิงฮันด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “เจ้าหนอนแมลงชั้นต่ำ ข้าควรสังหารเจ้ายังไงดี?”


“ถามน้องสาวเจ้าดูสิ!” หลิงฮันรีบถอยสร้างระยะห่าง จากนั้นก็ใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราและยิงใส่อู๋เจ๋อ


ปัง!


อู๋เจ๋อเหยียดมือขวาออกไป และใช้สองนิ้วจับลูกศรของหลิงฮัน ฉากที่เกิดขึ้นมันน่าตกตะลึงอย่างแท้จริง ต้องทราบก่อนว่าศรฆ่ามังกรทะลวงดารานั้นรวดเร็วแค่ไหน แต่เขากลับจับลูกศรด้วยสองนิ้วมือ


“มันทักษะที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ถ้าข้าไม่เชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ข้าคงพลาดท่าให้กับเจ้าไปแล้ว!” อู๋เจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“มันได้ผล!” เฉินจู๋เอ๋ออุทานด้วยความตื่นเต้น “นิ้วของเขาได้รับบาดเจ็บ!”


แน่นอนว่าเลือดที่ไหลออกมาจากนิ้วของอู๋เจ๋อยังคงเป็นสีแดง


“บัดซบ!” ใบหน้าของอู๋เจ๋อเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ร่างกายนี่ยังอ่อนแอเกินไป!”


“แม้ว่ามันจะเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มากกว่าพวกเรา แต่ร่างกายและความแข็งแกร่งยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง!” สืออันเการีบกล่าว


“แต่ยังไงพวกเราก็ไม่มีโอกาสชนะมันได้!” เหอเต๋อกล่าว


ทั้งหกคนพยักหน้าเห็นด้วย ถึงตอนนี้พวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ แต่ก็ไม่มีพวกเขาคนใดตื่นตระหนก จะพูดให้ถูกคือพวกเรากำลังวิเคราะห์อย่างใจเย็น


อู๋เจ๋อแสยะยิ้มและพูดว่า “แล้วยังไง ภายใต้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของข้า พวกเจ้าจะไปทำอะไรได้?”


เชายื่นมือออกไปข้างหน้า และอักขระศักดิ์สิทธิ์บนร่างกายก็ส่องแสงกลายเป็นโซ่ที่พุ่งเข้าหาราชาทั้งหกคน


หลิงฮันและคนอื่นๆรีบหลบอย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของอู๋เจ๋อไม่ได้ด้อยกว่าพวกเขามากนัก แต่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญการใช้พลังอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มากกว่า ดังนั้นจึงไม่มีใครมีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับเขา


“ฮ่าฮ่าฮ่า!” อู๋เจ๋อส่งเสียงหัวเราะ ดูเหมือนว่าเขาจะพอมีสติเป็นของตัวเองอยู่บ้าง มิฉะนั้น จอยุทธระดับภูผาวารีที่เป็นแค่ ‘มด’ ไม่กี่ตัว แม้ว่าเขาจะสามารถสยบทั้งหกคนได้ ทำไมเขาจะต้องหัวเราะอย่างภาคภูมิใจด้วย?


หลิงฮันโจมตีใส่อู๋เจ๋อด้วยศรฆ่ามังกรทะลวงดาราอีกครั้ง พร้อมกับพยายามสร้างระยะห่างจากอีกฝ่าย


นี่คือการโจมตีที่สามารถคุกคามอู๋เจ๋อได้


แม้แต่อู๋เจ๋อก็ยังไม่กล้าประมาท พลังต่อสู้ของเขาเหนือกว่าก็จริง แต่ยังไงเขาก็เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น นี่คือจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเขาจึงต้องให้ความสำคัญต่อการโจมตีของหลิงฮัน มิฉะนั้นร่างกายของเขาอาจได้รับบาดเจ็บร้ายแรง


ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนอื่นๆมีเวลาปลดปล่อยทักษะออกมา


“ดาบไผ่สังหาร!” เฉินจู๋เอ๋อกรีดร้อง จากนั้นใบไผ่นับไม่ถ้วนกลายเป็นดาบไผ่ที่พุ่งเข้าหาอู๋เจ๋อ


“พยัคฆ์เพลิงอัคคีม่วง!” สืออันเกาคำราม เมื่อเขาผสานมือก็มีพยัคฆ์เปลวเพลิงปรากฏออกมา มันถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงสีม่วงและพุ่งเข้าหาอู๋เจ๋อ


“วารีทมิฬ!” เหอเต๋อตะโกนและหลับตาข้างหนึ่ง โดยที่ดวงตาอีกข้างเบิกกว้างและมีวารีทมิฬพุ่งออกมา


ราชาทั้งหกคนต่างใช้ทักษะเฉพาะตัวออกมาใช้ ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าหมกเม็ด มิฉะนั้นคงไม่มีโอกาสได้ออกไปจากที่นี่


ตู้ม ท้องฟ้าสว่างเจิดจ้า การโจมตีของพวกเขาทั้งหกคนพุ่งเข้าหาอู๋เจ๋อ

 

 

 


ตอนที่ 1196

 

ตามความเป็นจริงแล้ว หากราชาทั้งหกร่วมมือกัน ถ้าหากอู๋เจ๋อไม่มีกายหยาบเช่นหลิงฮัน เขาไม่มีโอกาสชนะเด็ดขาด


เพียงแต่ว่าเมื่อหกราชาโจมตี อู๋เจ๋อกลับสร้างโซ่ศักดิ์สิทธิ์มากมายด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์คลุมร่างตนเองเอาไว้เป็นรูปทรงลูกบอลเพื่อเป็นเกราะป้องกัน


‘ปัง ปัง ปัง’ แม้จะโจมตีโดนก็ไม่สามารถทำลายบอลโซ่ศักดิ์สิทธิ์ได้


ในเมื่อไม่สามารถทำลายบอลโซ่ศักดิ์สิทธิ์แล้วจะสร้างความเสียหายต่ออู๋เจ๋ออย่างไร?


“เหอๆๆ เลิกดิ้นรนอย่างไร้ความหมายเสียเถิด ด้วยพลังอันไร้เทียมทานของข้า แค่พลังน้อยนิดของพวกเจ้าย่อมไม่เพียงพอจะแหงนมอง!” อู๋เจ๋อยิ้ม “การได้ตายในมือของนายท่านผู้นี้ ชีวิตนี้พวกเจ้าไม่มีอะไรต้องเสียใจแล้ว เจ้ารู้รึไม่ว่าจนถึงตอนนี้นายท่านผู้นี้ได้สังหารตัวตนระดับวารีนิรันดร์มามากมาย ส่วนตัวตนระดับดาราน่ะรึ? ข้าเบื่อที่จะสังหารพวกมันแล้ว! เพราะงั้นการที่พวกเจ้าสามารถตกตายในมือข้านับว่าเป็นวาสนาที่ดีแค่ไหน!”


“ฮ่าๆๆ!” หลิงฮันหัวเราะ “ในอนาคตข้าจะกลายเป็นจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง เจ้ายอมมอบหัวมาแต่โดยดีดีกว่า ข้าจะลงดาบเจ้าเพื่อให้เจ้าได้รับวาสนาล่วงหน้า”


“ฮึ่ม!” แววตาของอู๋เจ๋อเย็นชา “เจ้า! ดูเหมือนว่าเจ้าของร่างนี้จะมีความเกลียดชังต่อเจ้าและต้องการสังหารเจ้าเป็นคนแรก”


“โอ้ งั้นก็เข้ามาเลย” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส


ใบหน้าของอู๋เจ๋อเปลี่ยนเป็นมืดมน แม้เขาเป็นตัวตนไร้เทียมทานที่ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจกับมดปลวดระดับภูผาวารีและไม่จำเป็นต้องลดตัวไปสู้กับอีกฝ่ายก็ตาม เขาก็อดรู้สึกอยากจะเหยียบย่ำหลิงฮันไม่ได้


Anchor


แต่ทันใดนั้นพวกเฉินจู๋เอ๋อและคนอื่นๆลงมือโจมตีระลอกที่สองบังคับให้เขาตกอยู่ในสภาพที่ต้องป้องกันตัวเองเอาไว้อย่างเดียว… จะอย่างไรตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีพลังระดับวารีนิรันดร์เช่นเดิมแล้ว


หลิงใช้โอกาสนี้โคจรศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มกำลัง


เขาไม่ร่วมโจมตีในระลอกที่สอง แต่เลือกรอให้อู๋เจ๋อตกอยู่ในสภาพป้องกันตนเองด้วยโซ่ศักดิ์สิทธิ์


เขากำลังหาจังหวะสังหารอีกฝ่าย


โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ต่อให้ตอนนี้เขาตะสามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ด้วยพลังอันลึกลับของอีกฝ่ายเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีมีโอกาสโจมตีสังหารอีกครั้ง


“พวกเจ้า จงตายด้วยมือของข้าซะ!” หลังจากป้องกันการโจมตีเสร็จ โซ่ศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนก็สยายออกและพุ่งแทงเข้าใส่หลิงฮันและอีกหกคน


ทุกคนเป็นเหมือนกัน หลังจากปลดปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปแล้ว พวกเขาจะตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงที่สุด


‘พรึบ พรึบ พรึบ’ โซ่ศักดิ์สิทธิ์พุ่งทะลวงเข้าใส่เฉินจู๋เอ๋อและคนอื่นๆ มือ ข้าและลำตัวของพวกเขาถูกโซ่ศักดิ์สิทธิ์แทงทะลุจนโลหิตทะลักออกมา


ทันใดนั้นเองหลิงฮันใช้โอกาสนี้ยิงคันศรเต็มกำลังออกไป


‘ฉัวะ’ ในในตอนที่เขายิงศรออกไปเขาก็ถูกโซ่ศักดิ์สิทธิ์โจมตีใส่เช่นกัน โชคดีที่กายหยาบของเขาแข็งแกร่งพอโซ่ศักดิ์สิทธิ์จึงแทงเข้าแค่กล้ามเนื้อของเขาแต่ไม่สามารถเจาะผ่านกระดูกเข้าไปได้


‘ครืนนน’ ศรพุ่งออกไปเร็วราวกับลำแสง


“อ้ากกก!” อู๋เจ๋อร้องโอดครวญ ไหล่ซ้ายของเขาถูกลูกศรทะลวงเข้าใส่และระเบิดกระจุย แขนของเขาร่วงลงพื้นพร้อมกับโลหิตสาดกระจาย


นี่ถือว่าโชคดีที่เขาควบคุมโซ่ศักดิ์สิทธิ์มาปัดป้องได้ทัน ลูกศรจึงถูกเบี่ยงวิถี ไม่เช่นนี้สิ่งที่ระเบิดคงไม่ใช่ไหล่ซ้ายแต่เป็นหัวใจของเขา


“เจ้าหนู! ข้าจะฆ่าเจ้า!” อู๋เจ๋อคำราม


เขาทั้งโมโหและหวาดกลัว เมื่อครู่เขาเกือบจะตกตายด้วยมดปลวกระดับภูผาวารี!


‘พรึบ’ โซ่ศักดิ์สิทธิ์สยายออก มือของอู๋เจ๋อยกขึ้นและควบคุมโซ่ศักดิ์สิทธิ์เจ็ดเส้นให้พุ่งเข้าใส่มือและเท้าของหลิงฮัน


สภาพในตอนนี้ของหลิงฮันเป็นอย่างไร?


ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มกำลังมีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวมากก็จริง แต่พลังปราณจะถูกเผาผลาญจนไม่เหลือ ต่อให้เขาในตอนนี้สามารถฟื้นฟูพลังได้อย่างรวดเร็วก็ต้องใช้เวลาสักพักอยู่ดี


หลิงฮันไม่มีแรงต่อต้านและถูกโซ่ทั้งเจ็ดโจมตีใส่


‘ฉัวะ’ โลหิตของหลิงฮันไหลออกมา แต่อู๋เจ๋อกลับกลายเป็นไร้คำพูด แม้กระทั่งการโจมตีนี้ก็ยังไม่สามารถทะลวงร่างของหลิงฮันได้


เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่?


อู๋เจ๋อหวาดกลัวเล็กน้อย ถ้าพลังของเขาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เขาจะสามารถบดขยี้หลิงฮันให้ตายได้ในการโจมตีเดียว แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงพึ่งาอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อย่างเดียวซึ่งปัญหาก็คือระดับพลังของร่างนี้ต่ำเดินไปอำนาจกฎเกณฑ์ที่ใช้ได้จึงมีจำกัด ไม่เช่นนั้นหากใช้พลังของมันมากเกินไปเขาจะถูกอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สะท้อนกลับมาทำร้ายเอง


“ฮึ่ม นายท่านผู้นี้จะค่อยๆบดขยี้เจ้าอย่างช้าๆ!” อู๋เจ๋อกล่าวอย่างเย็นชา


เขาสะบัดโซ่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากพวกเฉินจู๋เอ๋อจนร่างของพวกเขากระเด็นเข้าใส่กำแพงและใช้โซ่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดกระหน่ำจู่โจมหลิงฮัน


ไม่สามารถสังหารได้ในทันที งั้นก็ต้องทำเหมือนกับที่มดกัดช้าง ค่อยๆทำให้เจ็ดปวดและตาย


กายหยาบของหลิงฮันแข็งแกร่งเทียบได้กับโลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า แต่โซ่ศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเหมือนกับโซ่ที่ค่อยๆเลือกโลหะให้ขาดอย่างช้าๆ


‘ปัง ปัง ปัง’ หลิงถูกโซ่ศักดิ์สิทธิ์ทะลวงเข้าใส่ ตอนนี้พลังของเขายังฟื้นฟูได้ไม่มากจึงทำได้เพียงยอมถูกทุบตี


เฉินจู๋เอ๋อและคนอื่นๆได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาไม่สามารถช่วยเหลือหลิงฮันได้ ไม่เช่นนั้นอู๋เจ๋อคงไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆเช่นนั้น


โซ่ศักดิ์สิทธิ์กระหน่ำโจมตีจนหลิงฮันโลหิตท่วมตัวในพริบตา


“ฮ่าๆๆๆ! อู๋เจ๋อหัวเราะ ทั้งตัวตนลึกลับที่ควบคุมร่างกับตัวของอู๋เจ๋อเองต่างก็รู้สึกพึงพอใจทั้งคู่ ตัวของอู๋เจ๋อนั้นพ่ายแพ้ให้กับหลิงฮันต่อหน้าสาธารณะชน จะไม่ให้เขามีความโกรธแค้นอยู่ในจิตใจได้อย่างไร?


หลิงฮันถูกกระหน่พโจมตีอยู่ก็จริง แต่หลังจากที่ฟื้นฟูพลังกลับมาได้เขาจะตอบโต้แน่นอน


หรือถ้าหากสถานการณ์ย่ำแย่จริงๆเขาก็จะเข้าไปหลบซ่อนในหอคอยทมิฬหรือไม่ก็นำเซียนหวู่เซียงออกมาขู่ให้ตัวตนลึกลับหวาดกลัว


พวกเฉินจู๋เอ๋อไม่รู้ว่าหลิงฮันมีหอคอยทมิฬ เมื่อเห็นสภาพของหลิงฮันและตัวของพวกเขาเองจึงคิดว่าพวกเขาทำได้แต่เพียงรอความตาย


แม้พวกเขาจะมีไพ่ลับอย่างอื่นอยู่แต่ที่แห่งนี้ถูกจำกัดพลังให้ไม่เกินสุริยันจันทรา


หากใช้ไพ่ลับที่ว่าก็มีแต่จะเปลี่ยนวิธีการตายเป็นถูกเขตแดนบดขยี้ก็เท่านั้นเอง


นี่พวกเขาไม่มีทางรอดแล้วจริงๆ?


พวกเขาเป็นคนที่มีเจตจำนงอันแรงกล้าซึ่งไม่มีทางยอมแพ้อย่างสิ้นหวังเด็ดขาด ภายในสมองของพวกเขาครุ่นคิดถึงวิธีทุกอย่างให้รอดชีวิต


“เหอๆ เฒ่ามารเฉินยิน ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวมาแล้วสินะ!” เสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมาราวกับฟ้าผ่า เสียงนั้นก้องกังวานไปทั่วพระราชวัง


อะไรกัน ที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่อีกรึ?


แต่พวกหลิงฮันเจ็ดคนกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกคาดหวัง… พวกเขาหวังว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ได้!

 

 

 


ตอนที่ 1197

 

“อะไร!” อู๋เจ๋อตกใจ “หลันหยุน นี่เจ้ายังไม่ตายอีกงั้นรึ?” เขาจ้องมองไปที่ศพบนพื้น


“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ในขณะที่หัวเราะศพที่นอนอยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นยืนและร่างเงาของเขาก็ทอดยาวไปตามแสงสว่าง


หลิงฮันและคนอื่นๆรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก


แม้ว่าพวกเขาจะสงสัยว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตลึกลับนี่อาจไม่ใช่เจ้าของสถานที่แห่งนี้ แต่พวกเขาก็ต้องตกใจอยู่ดีเมื่อเห็นศพของชายผิวฟ้าลุกขึ้นยืนอีกครั้ง


อู๋เจ๋อจ้องมองไปที่ชายผิวสีฟ้า หลังจากที่เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ที่แท้เจ้าก็ตายไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ในตัวมันเป็นแค่จิตสำนึกเท่านั้น”


“ถูกต้อง!” ชายผิวฟ้าพยักหน้า “ถึงกระนั้น แค่นี้ก็เกินไปแล้วที่จะฆ่าเจ้า!”


สีหน้าของอู๋เจ๋อยังคงเหมือนเดิม แต่น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป “ที่เจ้าไม่ปรากฏตัวออกมา ก็เพราะรอให้ข้าครอบงำร่างของผู้อื่นแล้วเจ้าจะได้มีโอกาสสังหารข้า!”


ชายผิวฟ้าหัวเราะและพูดว่า “ถูกต้อง เจ้าเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในแกนโลก แล้วข้าก็ตายไปแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะไล่ล่าเจ้าได้ แล้วข้าจะเด็ดหัวเจ้าได้อย่างไร?”


“เจ้าช่างมีความอดทนยิ่งนัก!” อู๋เจ๋อกล่าว “ทั้งที่เวลาผ่านมาแล้วหลายล้านปี และกระดูกของเจ้ากำลังจะกลายเป็นขี้เถ้าที่ลอยไปตามลม แต่เจ้าก็ยังต้องการสังหารข้าผู้นี้อยู่อีกงั้นรึ?”


“แม้ข้าจะต้องตายอีกสักพันรอบ ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยให้วิญญาณชั่วร้ายจากดินแดนใต้พิภพอย่างเจ้าไปเด็ดขาด!” ชายผิวฟ้าตะโกนอย่างเดือดดาล


อะไรนะ! เจ้าสิ่งมีชีวิตลึกลับนี่แท้จริงแล้วเป็นคนจากดินแดนใต้พิภพ!


ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชายผิวฟ้าถึงสลักตัวอักษรบนพื้นด้วยความเกลียดชังต่อดินแดนใต้พิภพ เมื่อรวมกับซากปรักหักพังที่หลงเหลือจากการต่อสู้ที่ด้านนอกก็สามารถอนุมานได้ว่าจะต้องมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน


ส่วนผลลัพธ์ของการต่อสู้ชายผิวฟ้าน่าจะเป็นผู้ชนะ แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในไม่ช้า มีเพียงแค่จิตวิญญาณเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ แต่เนื่องจากความสามารถพิเศษของสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ ทำให้มันสามารถหลบซ่อนอยู่ในแกนโลกได้


เมื่อเวลาผ่านไปหลายล้านปีต่อมา สิ่งมีชีวิตลึกลับก็คิดว่าชายผิวฟ้าตายไปแล้ว มันจึงปรากฏตัวออกมาเพื่อยึดร่างของอู๋เจ๋อและเริ่มต้นชีวิตที่สอง


อย่างไรก็ตาม นี่แสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตลึกลับปรากฏตัวได้แค่ภายในพระราชวัง มิฉะนั้นสิ่งมีชีวิตลึกลับคงออกไปจากที่นี่นานแล้ว แทนที่จะรอให้มีใครเปิดประตูพระราชวังเข้ามา ทั้งที่เขตแดนลี้ลับจะเปิดทุกร้อยปี


เขาคิดว่าชายผิวฟ้าตายไปตลอดกาลแล้ว แต่เขาคิดผิด ที่แท้มันเป็นแค่กลอุบายเพื่อทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและออกมาจากแกนโลกเพื่อครอบงำร่างกายของผู้อื่น แล้ววิญญาณของเขาก็จะไม่สามารถวิ่งหนีได้อย่างอิสระอีกต่อไป…


และร่างกายของเขาในปัจจุบัน…มันอ่อนแอมาก!


อู๋เจ๋อสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว ทั้งที่ในตอนแรกเขาไม่มีความตึงเครียดและความกลัวแบบนี้เลย แต่มันเป็นเพราะเขาสิงอยู่ในร่างกายที่อ่อนแอและดวงวิญญาณของเขาไม่สามารถหลบหนีได้อย่างอิสระอีกต่อไป


“หลันหยุน แผนของเจ้าไม่เลวเลย!” เขากัดฟันแน่น


“นั่นก็เพื่อจัดการกับเต่าที่เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดองอย่างเจ้า” ชายผิวฟ้าหัวเราะ “เจ้าไม่จำเป็นต้องชวนข้าคุยเพื่อถ่วงเวลา ถึงข้าจะหลงเหลือแค่จิตสำนึก แต่ก็ไม่มีปัญหาที่จะอยู่พูดคุยกับเจ้าสามถึงห้าวัน”


สีหน้าของอู๋เจ๋อเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาต้องการถ่วงเวลาจริงๆ


ชายผิวฟ้าแตกต่างจากเขา ถึงจะตายไปแล้วก็จริง แต่ก็ยังเหลือจิตสำนึกที่อยู่ได้สามถึงห้าวัน ทว่าในเมื่อชายผิวฟ้าเกลียดชังสิ่งมีชีวิตจากดินแดนใต้พิภพขนาดนั้น เขาจะปล่อยให้มันมีชีวิตสามถึงห้าวันได้อย่างไร?


“เฒ่ามารเฉินยิน ไปลงนรกของเจ้าซะ!” ชายผิวฟ้าโจมตีด้วยพลังที่น่าเกรงขามอย่างเหลือล้น แม้กระทั่งดวงดาวก็ยังต้องสั่นไหว


นี่คือพลังที่เหนือกว่าระดับดารา!


ทำไมเขตแดนลี้ลับถึงไม่หยุดเขาน่ะหรือ นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ แล้วมันจะมีผลต่อเขาได้อย่างไร?


ตู้ม!


เพียงแค่หนึ่งฝ่ามือ ร่างของอู๋เจ๋อก็กลายเป็นระอองฝนทันที ร่างกายที่แสนจะอ่อนแออย่างเขาจะต่อต้านการโจมตีของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ได้อย่างไร


อย่างไรก็ตาม ชายผิวฟ้ายังไม่หยุดแค่นั้น เขากวาดสายตามองเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่


มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสังหารจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพ แม้ร่างหลักของมันถูกทำลายไปแล้ว แต่จิตวิญญาณของมันยังหลบหนีไปได้


“ฮึ่ม คิดจะหนีอย่างนั้นรึ!” ชายผิวฟ้าโจมตีอีกครั้งไปที่ประตู


ตู้ม ประตูพังทลายและสามารถมองเห็นเงาดำด้วยตาเปล่าที่กำลังรีบหลบหนี


สมแล้วที่เป็นจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพ!


หลิงฮันและคนอื่นๆแปลกใจ แม้กระทั่งการโจมตีของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ ก็ยังไม่สามารถกำจัดจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพนี้ได้


“หลันหยุน เจ้าบังคับให้ข้าต้องใช้วิธีนี้ แม้เจ้าจะตายไปแล้ว แต่ข้าก็จะทำลายศพของเจ้าไม่ให้เหลือ!” เงาดำบินลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อดูดซับปราณแห่งสวรรค์และปฐพี


แต่เขาคือจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพ การดูดซับพลังจากสวรรค์และปฐพีเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเขาเช่นเดียวกับพิษ


แต่ถ้าเขาไม่สู้ก็จะมีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่!


แต่ถ้าเขาไม่ตาย มันก็ยังสามารถรักษาอาการบาดเจ็บนี้ได้


ชาวผิวฟ้าเค้นเสียงและพูดว่า “ข้ารอคอยเจ้ามานานหลายล้านปี คิดว่าข้าจะปล่อยให้มันล้มเหลวอย่างนั้นรึ?” ร่างของเขากลายเป็นลำแสงและโจมตีใส่เงาดำด้วยความเร็วสูง


นั่นมันทักษะย่างก้าวไล่ตามดารา!


หลิงฮันกล่าวในใจ ถึงเขาจะยังไม่ได้เริ่มฝึกฝนทักษะนี้ก็เถอะ แต่เพียงแค่มองก็รู้แล้ว


ตู้ม!


“เจ้า-” จอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพอย่างจะกะอักโลหิต และกรีดร้องว่า “ถึงเจ้าจะสังหารข้าได้ แต่ในไม่ช้าร่างกายของเจ้าก็จะเหลือแค่กระดูก และไม่สามารถกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงจะเป็นเช่นนั้น ข้าก็รอคอยวันนี้มานานแล้ว!” ชายผิวฟ้าโจมตีปิดฉากเงาดำ


อักขระศักดิ์สิทธิ์ผสานเข้ากับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ นี่คือพลังที่แท้จริงของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์


“ไม่!” จอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพกรีดร้องอย่างสิ้นหวัง และจิตวิญญาณของมันก็กระจายหายไปทั่วเขตแดนลี้ลับแห่งนี้


นี่คือการโจมตีของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์


ท้องฟ้าเต็มไปด้วยความมืดมนที่น่าหดหู่ ซึ่งนี่คือเจตจำนงที่เหลืออยู่ของจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพ


“ในที่สุด..มันก็จบสักที!” ชายผิวฟ้าแสดงรอยยิ้มพึงพอใจ ในไม่ช้าร่างของเขาก็ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็วและดวงวิญญาณของเขาก็กลายเป็นแสงสว่างสลายหายไป


ในที่สุดปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งผู้นี้ก็ตายจากไปอย่างสมูบรณ์


หลิงฮันและคนอื่นๆถึงกับพูดไม่ออก พวกเขาแทบไม่มีบทบาทในการต่อสู้ครั้งนี้เลย หากจะพูดให้ถูกคือพวกเขาเป็นเหยื่อล่อ


ราชารุ่นเยาว์ทั้งหกคนจะสามารถลดศักดิ์ศรีของตัวเองเป็นเหยื่อล่อได้อย่างไร?

 

 

 


ตอนที่ 1198

 

ราชารุ่นเยาว์เป็นแค่เหยื่อล่อ


นี่ทำให้หลิงฮันและคนอื่นๆรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ถึงพวกเขาจะเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากมด


ไม่ใช่ อู๋เจ๋อกลายเป็นผู้เสียสละให้เป็นภาชนะของจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพ และในท้ายที่สุดเขาก็ถูกสังหารอย่างไร้ความปราณี


อัจฉริยะอันดับต้นๆของจักรวาล ไม่ต่างอะไรกับก้อนหินในสายตาของชายผิวฟ้า และไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้สนใจ


และชะตากรรมดังกล่าวอาจเกิดขึ้นกับพวกเขาคนใดคนหนึ่ง


ทำไมต้องเป็นอู๋เจ๋อ? นั่นเป็นเพราะเขาเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม จึงเป็นผู้ถูกเลือก


พวกเขาสามารถตายจากการต่อสู้ได้ แต่ถ้าตายด้วยวิธีนี้ มันเป็นการตายที่ไร้ค่าเกินไป


แต่ใครจะสามารถพูดโต้แย้งอะไรได้?


ชายผิวฟ้าก็ตายไปแล้ว วิญญาณชั่วร้ายของจอมยุทธใต้พิภพก็สลายหายไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นอู๋เจ๋อจึงกลายเป็นผู้ที่น่าสงสารอย่างแท้จริง


พวกเขาทั้งหกคนถึงกับพูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่ๆ แต่ในที่สุดก็มีคนเอ่ยปากพูด


“พวกเรากลับไปที่พระราชวังกันเถอะ เพื่อดูว่ามีทักษะลับอะไรหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่” สืออันเกาเป็นคนพูดทำลายความเงียบงัน


ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย คนที่ตายไปแล้วไม่สามารถคืนชีพขึ้นมาได้ แม้พวกเขาจะอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา


เมื่อพวกเขากลับไปที่พระราชวัง บอลแสงยังคงลอยอยู่บนฟ้าอย่างเงียบๆ แต่เมื่อพวกเขากระโจนเข้าไปเก็บมัน บอลแสงก็ยังคงหลบหนี ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้รับมันมา


มันดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของพวกเขายังไม่เพียงพอที่จะคว้ามันเอาไว้ได้ แล้วตอนนี้พวกเขาก็ใกล้ถึงเวลากลับแล้ว


นอกจากนี้ระหว่างทางกลับก็อาจมีสมบัติที่หลงเหลืออยู่ใต้ซากปรักหักพังให้เก็บเกี่ยวอยู่บ้าง หากอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่าและไม่ได้รับอะไรเพิ่ม


หลังจากออกจากพระราชวัง พวกเขาเดินไปยังสถานที่ที่อู๋เจ๋อถูกฆ่าตายอีกครั้ง ทว่าแม้แต่กระดูกก็ยังไม่เหลือ พวกเขาทำได้แค่เดินส่ายหัวกลับไป


หลังจากออกเดินทางจากพระราชวังมาเป็นเวลานาน หลิงฮันก็พาสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินออกมาจากหอคอยทมิฬ และเมื่อโสมเฒ่าปรากฏตัวออกมา ใบหน้าของเขาดูมืดมนเป็นอย่างมากและพูดว่า “เจ้าเด็กสารเลว อุปกรณ์มิติของเจ้ามันคืออะไรกัน? ทำไมมันถึงผิดปกติขนาดนี้?”


เขาเกือบถูกจิตวิญญาณภายในหอคอยทมิฬนำไปปลูกเพื่อนำไปปลูกปรุงยา และยังมีต้นไม้เฒ่าโบราณอยู่ในนั้นด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องเรียกอีกฝ่ายว่าท่านปู่อย่างเชื่อฟัง


นอกจากต้นไม้เฒ่าแล้วยังมีจิตวิญญาณของจอมยุทธอยู่อีก แม้จะไม่มีตัวตนเป็นรูปเป็นร่าง แต่ก็ยังทำให้เขาหวาดกลัวอยู่ดี


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้าสนุกไหม?”


.”สนุกกับน้องสาวเจ้าสิ ข้าจะสังหารเจ้าที่กล้าทำให้ข้าต้องหวาดกลัว!” โสมเฒ่ากล่าวด้วยความโกรธและเตะใส่หลิงฮัน


หลิงฮันป้องกันลูกเตะของโสมเฒ่าได้อย่างง่ายดาย เมื่อเขาระบายอารมณ์จนพอใจ เขาก็หยุดเตะใส่หลิงฮัน แต่ก็ไม่หันหน้าไปมองหลิงฮัน


“นี่เจ้าอารมณ์เสียอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันหัวเราะ


โสมเฒ่าหันหน้าไปทางสุ่ยเยี่ยนยวี่และพูดกับนางว่า “แม่นางต้องการเป็นคู่หูของข้าหรือไม่? ข้ามีดีกว่าเจ้าเด็กนี่เป็นไหนๆ เห็นนี่หรือไม่ มันจะทำให้เจ้าดูอ่อนวัยขึ้นสามปีหรืออาจจะสิบปีเลย! อ๊าก!”


โสมเฒ่าถูกหลิงฮันตบหัวและกรีดร้องออกมาอย่างกระทันหัน


จากนั้นหลิงฮันก็เดินกลับไปที่จุดนัดพบ ซึ่งมีหลายคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว เพราะเหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้นก่อนจะครบครึ่งปี จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะมาถึงก่อนเวลา เพราะหากพลาดโอกาสที่จะออกจากเขตแดนลี้ลับก็จะต้องตกตายอยู่ที่นี่


“อาจารย์!” ติงผิงเป็นคนวิ่งนำหน้ามาหาเขา ตามมาด้วยมู่หลงชิงและคนอื่นๆ พวกเขาเหล่านี้ยังไม่ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด ดังนั้นจึงไม่สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ อย่างเช่นภูเขาเหยี่ยว


“หืม พี่รองยังไม่กลับมาอีกงั้นหรือ?” หลิงฮันกวาดสายตามอง แต่ไม่เห็นจักรพรรดิพิรุณ


ทุกคนส่ายหัว เพราะพวกเขาแยกย้ายออกเดินทางไปตามทางของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่มีใครทราบว่าจักรพรรดิพิรุณอยู่ที่ไหนและประสบปัญหาอะไรอยู่


“ด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของพี่รอง เขาน่าจะไม่เป็นอะไร” หลิงฮันกล่าว เขาเชื่อมั่นในตัวจักรพรรดิพิรุณมาก


“เอ่อ? ศิษย์พี่สุ่ยและราชินีที่เก้า ทำไมพวกท่านถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?” หลี่เหว่ยเหว่ยและจื่อหยุนเอ๋อเดินเข้ามา พวกนางเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งเหมือนกัน ดังนั้นพวกนางจึงเข้ามาที่นี่ได้


หลิงฮันไม่รู้จักพวกนางทั้งสองคนมาก่อน ดังนั้นพวกนางจึงไม่รู้จักตัวตนของหลิงฮัน ที่พวกนางคิดคือทำไมสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินถึงอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้


สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้าให้กับพวกนางทั้งสองคน ส่วนหูเฟยหยินดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษเริ่มอธิบายให้ทั้งสองคนเข้าใจทันที นางยังเด็กมากและเพื่อนในวัยเดียวกันเพื่อแบ่งปันความสุข ความทุกข์และความโศกเศร้า


แต่ยังดีที่หูเฟยหยินสามารถเก็บความลับของหลิงฮันเอาไว้ได้ว่าเขาคือหลิงฮัน


สองวันผ่านไป จักรพรรดิพิรุณก็ยังไม่กลับมา


ตอนนี้หลิงฮันและคนอื่นๆเริ่มแสดงท่าทีกระวนกระวาย


อีกแค่วันเดียวเท่านั้นเขตแดนลี้ลับจะเปิดอีกครั้งและทุกคนต้องออกไปจากที่นี่ มิฉะนั้นคนที่ติดอยู่จะต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล


เกิดอะไรขึ้นกับจักรพรรดิพิรุณกันแน่?


ภายใต้ความวิตกกังวลของทุกคน วันที่สามก็มาถึง แต่จักรพรรดิพิรุณก็ยังไม่กลับมา


ครืน ครืน ห้วงมิติเริ่มฉีกขาดและประตูก็ปรากฏอย่างเงียบๆ โดยที่ทุกคนสามารถมองเห็นมือยักษ์ที่กำลังเปิดช่องว่างห้วงมิติอยู่


ปรมาจารย์สามวิถี


“พวกเจ้าออกมาได้”


“ไป!”


ผู้คนเริ่มทยอยออกจากเขตแดนลี้ลับ แต่เนื่องจากมีคนค่อนข้างมาก ดังนั้นการอพยพจึงล่าช้า และต้องใช้เวลาอยู่สักพัก


“พี่รอง ทำไมเจ้าถึงยังไม่กลับมาอีก!” มู่หลงชิงพูดอย่างกระวนกระวาน


หลิงฮันเองก็รู้สึกเป็นห่วงเช่นกัน แต่ทันใดเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และพูดว่า “พี่รองอาจเป็นผู้ที่ถูกเลือก!”


“ผู้ที่ถูกเลือก?” เฟิงโป๋วหยุนและคนอื่นๆไม่เข้าใจที่หลิงฮันพูด


หลิงฮันกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปที่พระราชวัง ซึ่งเป็นเจ้าของเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ เขาได้ทิ้งข้อความเอาไว้ว่า อัจฉริยะทั้งเจ็ดและผู้สืบทอดของข้า อัจฉริยะทั้งเจ็ดคนที่เขาพูดถึงอาจเป็นข้าและราชาอีกหกคน พวกเราได้เปิดประตูพระราชวังด้วยกัน ส่วน ‘ผู้สืบทอด’ มันน่าจะเป็นคนที่ถูกเขาเลือก”


“ตอนนั้นข้าคิดว่ามันอาจเป็นพวกข้าคนใดคนหนึ่งในหมู่เจ็ดราชา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า…จะเป็นคนอื่น”


“มันมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นพี่รอง!”

 

 

 


ตอนที่ 1199

 

“พี่รองได้รับการสืบทอดจากตัวตนระดับวารีนิรันดร์?” มู่หลงชิงตื่นเต้น “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ด้วยพรสวรรค์ของพี่รองเขาจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน”


เฟิงโปหยุนพยักหน้า เขายอมรับเช่นกันว่าพรสวรรค์ของจักรพรรดิพิรุณอาจจะไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงฮัน


“เจ้าหนูนั่นวาสนาดีเสียจริง” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความอิจฉาเล็กน้อย


หลิงฮันคิดเช่นนี้ก็เพื่อทำให้ตัวเองรู้สบายใจและมีความหวังว่าจะไม่เสียพี่รองไปตลอดกาล


คนอื่นๆเริ่มออกไปจากเขตแดนลี้ลับ มีเพียงพวกหลิงฮันที่ยังคงไม่เคลื่อนไหว


จะให้พูดก็คือพวกเขาไม่แน่ใจว่าจักพรรดิพิรุณจะได้รับสืบทอดจริงๆหรือไม่จึงต้องการรอคอยบต่อไปก่อน


สุดท้ายก็เหลือเพียงกลุ่มของพวกเขาที่ยังไม่ได้ออกไป


“รีบๆออกมาได้แล้ว!” ปรมาจารย์สามวิถีกล่าว คนกลุ่มนี้มัวแต่ละลึกถึงพวกพ้องอยู่นานสองนาน พวกเขาไม่รู้รึไงว่าเขาต้องลำบากขนาดไหนในที่คงสภาพทางออกเขตแดนเอาไว้?


หลิงฮันพยักหน้าและออกจากเขตแดนลี้ลับพร้อมกันทุกคน


‘ครืนนน’ ทางเข้าเขตแดนถูกปิดลงทันที


ปรมาจารย์สามวิถีกล่าว “ทีนี้ก็แยกย้ายกันได้แล้ว”


เมื่อปรมาจารย์กล่าวเช่นนั้นทุกคนก็รีบออกจากหุบเขาอย่างรวดเร็ว ปรมาจารย์สามวิถีเองก็ลอยจากไปบนท้องฟ้าอย่างไม่สนใจใคร


“เหอเต๋า เฉินจู๋เอ๋อ หลิงฮัน…” จอมยุทธระดับดาราตะโกนเรียกชื่อของราชารุ่นเยาว์ทั้งเจ็ดคน “รีบกลับนิกายแล้วรายงานเหตุการณ์ของห้องสมบัติ”


หลิงฮันและคนอื่นๆน้อมรับคำสั่ง แต่มีเพียงอู๋เจ๋อที่จะได้อยู่ในเขตแดนลี้ลับตลอดการไม่อาจกลับออกมาได้


พวกเขาเข้าใจถึงความประสงค์ของนิกายที่ต้องการรู้ถึงมรดกสืบทอดที่พวกเขาได้รับ ทั้งเจ็ดคนสามารถเปิดห้องสมบัติของเขตแดนลี้ลับได้ซึ่งความลับในนั้นเป็นสิ่งที่นิกายอยากรู้มาเป็นเวลานาน เพราะงั้นเมื่อทั้งเจ็ดออกมาจากเขตแดนลี้ลับแล้ว เป็นธรรมดาที่ทางนิกายจะเรียกพวกเขามาสอบถามว่าได้อะไรติดมือมาบ้าง


ถ้าพวกเขาได้รับทักษะที่ล้ำค่ามาก ทางนิกายจะทำการคัดลอกเอาไว้


ทุกคนเดินทางกลับที่ของตนเอง ศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งเองก็กลับนิกาย


พวกหลิงฮันเลือกที่จะยังไม่กลับเพื่อรอคอยจักรพรรดิพิรุณ


สิบวันผ่านไปจักรพรรดิพิรุณก็ยังไม่ปรากฏตัว


“ไปกันเถอะ ถ้าน้องรองได้รับสืบทอดจริงๆ เขาคงต้องฝึกฝนให้เสร็จสิ้นก่อนถึงจะกลับออกมาหาพวกเขา” เฟิงโปหยุนกล่าว


หลิงฮันครุ่นคิดและพยักหน้า ต่อให้อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่ได้อะไร ยิ่งกว่านั้นเขาก็ได้รับคำสั่งให้รีบกลับนิกายให้เร็วที่สุด ในกรณีของปรมาจารย์สามวิถีหากเขาปล่อยให้ตัวตนเช่นนั้นรอคอยเป็นเวลานาน แม้แต่จักรพรรดินีแห่งดาราก็คงช่วยเหลือเขาไม่ได้


พวกเขากลับนิกายสวรรค์เยือกแข็งด้วยอุปกรณ์บินแหวกเมฆา ด้วยความเร็วของอุปกรณ์บินแม้พวกเขาจะเสียเวลาไปสิบวันแต่ก็กลับมาช้ากว่าคนอื่นๆเพียงสองวันเท่านั้น


หลิงฮันมุ่งหน้าไปยังภูเขาหลักเป็นอันดับแรก เมื่อรายงานชื่อของเขากับผู้อาวุโสระดับสุริยันจันทรา เขาก็ไม่เห็นพวกเหอเต๋าและคนอื่นๆเลย เขาคิดว่าคนอื่นๆคงจะมารายงานตัวนานแล้ว หรือไม่ก็ยังไม่กลับมายังนิกาย


“เจ้าได้รับทักษะอะไรมาจากห้องสมบัติ?” ผู้อาวุโสระดับสุริยันจัทราถามแบบไม่อ้อมค้อม


เป็นไปได้ว่าพวกเฉินจู๋เอ๋อได้กลับมาและเล่าความจริงไปทั้งหมดแล้ว นี่พวกเขาทุกคนรายงานถึงทักษะที่พวกเขาได้รับไปด้วย?


หลิงฮันลังเล นี่เขาต้องมอบทักษะก้าวย่างไล่ตามดาราจริงๆ?


ในไม่กี่วันที่เดินทางกลับนิกาย เขาพยายามศึกษาทักษะที่ว่าแล้ว แต่หลังจากพยายามทำความเข้าใจใต้ต้นสังสารวัฏเป็นเวลาสิบวัน หลิงฮันก็ยังไม่สามารถฝึกฝนทักษะนี้ได้ หากจะเชี่ยวชาญคงอีกยาวไกล


ทักษะนี้ลำค่ามาก เขาต้องมอบมันไปเปล่าๆจริงๆรึ?


“เหอๆ ไม่ต้องกังวล นิกายไม่ขอทักษะของเจ้าเฉยๆ พวกเราจะมอบสิ่งชดเชยให้กับเจ้า” ผู้อาวุโสระดับสุริยันจันทรากล่าว


หลิงฮันครุ่นคิด


ไม่ว่าจะเป็นทักษะกายาเก้ามังกรทรราชหรือศรฆ่ามังกรทะลวงดาราต่างก็เป็นทักษะที่ล้ำค่าไม่แพ้ทักษะก้าวย่างไล่ตามดารา บางทีอาจจะล้ำค่ากว่าด้วยซ้ำ


ดังนั้นหลังครุ่นคิดเสร็จเขาจึงกล่าวออกไป “ข้าได้ทักษะที่เรียกว่าก้าวย่างไล่ตามดารา”


“อืม… คัดลอกทักษะออกมาแล้วเจ้าสามารถรับรางวัลที่มีมูลค่าๆเท่ากันได้” อีกฝ่ายกล่าว


หลิงฮันพยักหน้าและเริ่มคัดลอกทักษะ


.


แต่หลังจากที่คัดลอกไปซักพักเขาก็รู้สึกตะลึง มีบางส่วนที่ผู้ได้รับทักษะโดยตรงเท่านั้นถึงจะสามารถทำความเข้าใจได้และไม่สามารถเขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร หากข้ามส่วนนี้ไปอำนาจของทักษะจะลดลงอย่างมาก


เขาชะงักไปครู่หนึ่ง เอาเถอะ อย่างไรเขาก็ไม่ได้ต้องการรางวัลใดๆจากนิกายอยู่แล้ว


เขาลงมือเขียนต่อจนคัดลอกทักษะเสร็จสิ้น


“เสร็จเรียบร้อยแล้ว?” ผู้อาวุโสระดับสุริยันจันทรานำแผ่นคัดลอกมา เขาไม่มองดูและทำการผนึกเอาไว้ ถ้าใครแอบมาอ่านทักษะนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจะถูกพบตัวได้อย่างง่ายดาย


“เจ้าไปได้แล้ว หลังจากตรวจสอบทักษะนี้เสร็จ นิกายจะมอบรางวัลให้เจ้า”


หลิงฮันพยักหน้า หลังจากแสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายเขาก็ขอตัว


ตอนนี้เขายุ่งมาก


เขามีทั้งเม็ดยาที่ต้องหลอมฝึกฝนและต้องขัดเกลาระดับพลังให้ถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดซึ่งอยู่ไม่ไกลเอื้อมแล้ว อีกทั้งหากจะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราก็ต้องทำความเข้าใจอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาอีกนาน


เขารู้สึกว่าเวลาไม่เพียงพอเลยจริงๆ


หลังจากขอตัวกลับ หลิงฮันก็พยายามทำความเข้าใจศึกษาเม็ดยาอย่างหนักและแบ่งเวลาฝึกฝนทักษะก้าวย่างไล่ตามดารา เวลาผ่านไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว


ในขณะเดียวกันบางสิ่งที่น่าปวดหัวก็กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ


ก่าวฮวงร้องเรียนไปยังนิกายว่าหลิงฮันสังหารศิษย์นิกายเดียวกันเพื่อแย่งชิงหยดเซียนหยวนซึ่งเป็นของกองกำลังก่าว


ที่จริงเรื่องการร้องเรียนจะรู้กันเพียงตัวตนระดับสูงของนิกาย สมควรมรคนไม่กี่คนที่รู้เรื่อง แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆข่าวกลับแพร่กระจายไปทั่วนิกายสวรรค์เยือกแข็งอย่างรวดเร็ว ศิษย์ทุกคนต่างรับรู้ในเรื่องนี้


สังหารศิษย์ร่วมนิกาย… เรื่องนี้เป็นความผิดที่ร้ายแรงและถือเป็นการคุกคามศิษย์ทุกคน


เพียงแต่ว่าที่ภูเขาทรงเหยี่ยวมีศิษย์มากมายอยู่ที่นั่นและรู้เห็นความจริง หลิงฮันเป็นคนแย่งชิงหยดเซียนหยวนมาได้ด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องที่ว่าคนของกองกำลังก่าวตายถูกสังหารโดยหลิงฮันนั้นไม่มีใครรู้เลย เนื่องจากไม่มีใครเห็นการปะทะกันที่เกิดขึ้นหลังจากการแย่งชิงหยดเซียนหยวนสิ้นสุด


ตอนนี้ข่าวลือที่หลิงฮันสังหารศิษย์ร่วมนิกายถูกแพร่กระจายไปทั่ว ยิ่งข่าวลือถูกพูดต่อกันนานเท่าไหร่ เรื่องโกหกก็จะกลายเป็นความจริงทันที


สังหารศิษย์พี่ศิษย์น้องนิกายเดียวกันเพื่อแย่งชิงสมบัติ… การกระทำเช่นนี้ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก ตอนนี้ผู้คนมากมายต่างแสดงท่าทีเหยียดหยามต่อหลิงฮัน


คนเช่นนี้ยังถูกยอมรับให้อยู่ในนิกายต่อไปด้วยงั้นรึ?


เสยงส่วนใหญ่ต่างเบี่ยงเบนไปในทางที่ว่าหลิงฮันสมควรถูกลงโทษสถานหนัก ไม่เช่นนั้นความโกรธของพวกเขาคงไม่สงบลง

 

 

 


ตอนที่ 1200

 

หลิงฮันพักอยู่ในหอคอนทมิฬและฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎ โดยที่เขาไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกจะสงบลงเมื่อใด ดังนั้นเขาจึงเตรียมที่จะปรุงยาเพื่อนำไปขายให้กับตระกูลโม่ แต่แล้วเขาก็ถูกสุ่ยเยี่ยนยวี่ขัดจังหวะและบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องข่าวลือที่เกิดขึ้น


“เจ้านั่นอีกแล้ว?” แววตาของหลิงฮันดูเย็นชา


ก่อนหน้านี้ที่จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ เขาเคยถูกกล่าวหาอย่างไร้เหตุผลโดยจ้าวหลุน แต่โชคดีที่จักรพรรดินียื่นเข้ามาช่วย และสังหารกลุ่มคนที่กระทำผิด


นอกจากนั้นด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจักรพรรดินี ทำให้นางไม่คล้อยตามคำพูดของจ้าวหลุน


อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง จักรพรรดินีไม่สามารถเข้ามาก่าวก่ายได้ ถึงนางจะเข้ามาช่วยหลิงฮัน แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จำเป็นต้องไว้หน้านางด้วยหรือ?


ในจักรวาลนี้ใครสามารถเป็นศัตรูกับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ได้กัน?!


“คำโกหกพวกนั้นสามารถเปลี่ยนขาวเป็นดำได้ น่าขันสิ้นดี!” หลิงฮันคิดว่ามันไร้สาระและเป็นที่ทราบกันดีว่าเขาเป็นคนได้รับหยดเซียนหยวน ส่วนคนของกองกำลังก่าวที่ตายนั้น เป็นเพราะมันใช้พลังระดับสุริยันจันทราต่างหาก…


อีกฝ่ายระเบิดกลายเป็นละอองเลือดกลางอากาศ เขายังไม่ทันได้แตะเนื้อต้องตัวเลยด้วยซ้ำ


“ก่าวฮวงช่างเป็นคนไร้ยางอายยิ่งนัก!” แววตาของหลิงฮันส่องประกายเย็นชาด้วยความหนาวเย็น


“แต่ปัญหาตอนนี้คือทั้งนิกายกำลังพูดว่าเจ้าเป็นคนฆ่าศิษย์ร่วมนิกายเดียวกันและปล้นหยดเซียนหยวน” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวด้วยความกังวล


หลิงฮันส่ายหน้าและพูดว่า “เรื่องหยดเซียนหยวนเจ้าไม่ต้องกังวล ในตอนนั้นมีพยานเห็นมากมาย และใครจะเชื่อว่ากองกำลังก่าวได้รับหยดเซียนหยวนสี่หยด?”


“อืม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า ถึงนางจะกังวล แต่ก็ไม่มีวิเคราะห์ได้อย่างใจเย็นเหมือนกับหลิงฮัน


“แต่ปัญหาคือการตายของฉือหมิงและคนอื่นๆ” หลิงฮันลูบคาง “นั่นเป็นเพราะไม่มีใครเห็นการต่อสู้ทั้งหมดที่เกิดขึ้น แล้วผู้คนแปดในสิบส่วนก็ไม่ใช่ศิษย์ของนิกาย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเป็นพยานให้กับข้า”


ใช่แล้ว มีผู้คนเข้าไปในเขตแดนลี้ลับเยอะมาก แล้วเขาจะไปหาพยานจากที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้น พยานสามารถซื้อตัวได้เช่นกัน หากพูดถึงความมั่งคั่งทางการเงิน หลิงฮันไม่อาจเทียบกับกองกำลังก่าวได้เลยที่มีจอมยุทธระดับดาราอยู่เบื้องหลัง


ถึงสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินจะเป็นพยานให้เขา แต่พวกนางก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลิงฮัน อาจมีน้ำหนักไม่เพียงพอ


“ยิ่งไปกว่านั้น ก่าวฮวงอาจข่มขู่ใครบางคนให้เป็นพยานและกล่าวหาข้าว่าเป็นข้าสังหารผู้คนของกองกำลังก่าว” หลิงฮันคาดเดา มันมีความเป็นไปได้สูงมากที่ก่าวฮวงจะทำเช่นนั้น


“ถ้างั้นเจ้าจะทำยังไง?” สุ่ยเยี่ยนยวี่วิตกกังวล เพราะที่แห่งนี้คือนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ซึ่งกองกำลังก่าวมีอิทธิพลอย่างมาก


หลิงฮันคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “มันเป็นไปไม่ได้ที่กองกำลังก่าวจะปกปิดความจริงได้ทั้งหมด ที่นี่คือนิกายสวรรค์เยือกแข็งไม่ใช่กองกำลังก่าว! ถ้าจะให้รอดพ้นจากปัญหานี้ไปได้ อย่างแรกขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาแปดคนจะให้ความร่วมมืออีกไม่ และทัศนคติของปรมาจารย์สามวิถี”


สุ่ยเยี่ยนยวี่สงบสติอารมณ์และวิเคาระห์ตามหลิงฮัน “ปรมาจารย์สามวิถีมีศิษย์ทั้งหมดเก้าคน ซึ่งแต่ละคนจะต้องมีความแข็งแกร่งที่จะประชันหน้ากับกองกำลังก่าว ไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขาทั้งแปดคน แต่แค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว”


“ถูกต้อง และนั่นคือคำถามว่าคนเหล่านั้นจะช่วยข้าหรือไม่?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม


จากนั้นเขาก็ดึงสุ่ยเยี่ยนยวี่เข้ามาในอ้อมกอด ทุกวันนี้เขาเอาแต่ฝึกฝนบ่มเพาะพลังและปรุงยา ไม่มีเวลาพักผ่อนเลย แต่ตอนนี้นางก็ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว ทำให้เขารู้สึกเยียวยาอย่างบอกไม่ถูก


ช่วยไม่ได้ที่สุ่ยเยี่ยนยวี่อยากจะขัดขืน ถึงหลิงฮันจะไม่สนใจนางมาเป็นเวลาสิบวันครึ่ง แต่เมื่อถูกเขาโอบกอด นางก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวเช่นไรดี


“เอาล่ะ พวกเราไปพูดคุยเรื่องสำคัญกันต่อที่เตียงกันดีกว่า!”


….


หลิงฮันกอดสุ่ยเยี่ยนยวี่และพูดว่า “ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ว่าข้ามีหยดเซียนหยวนอยู่กับตัว หากกองกำลังใดช่วยข้า ข้าก็จะตอบแทนด้วยหยดเซียนหยวน”


สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้าและพูดว่า “บางทีเป้าหมายของก่าวฮวงอาจต้องการให้เจ้ายอมแพ้และมอบหยกเซียนหยวนให้กับเขา”


“อาจเป็นเช่นนั้น ถึงข้าจะไม่เคยเห็นก่าวฮวงมาก่อนก็เถอะ แต่จากการที่เขาไม่สนใจชีวิตลูกน้องของตัวเอง มันก็ทำให้เขารู้แล้วว่าเขาจะเป็นต้องคนที่เห็นแก่ตัวมากไม่ผิดแน่” หลิงฮันกล่าว “ก่าวฮวงติดอยู่ในระดับสุริยันจันทรามานาน หากไม่ได้หยดเซียนหยวนก็อาจต้องใช้เวลาอีกหลายล้านปีเพื่อทะลวงผ่านระดับดาราอย่างไร้ซึ่งความหวัง”


“ดังนั้นเขาจะต้องหาโอกาสช่วงชิงหยดเซียนหยวนจากเจ้าให้ได้อย่างแน่นอน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ประหลาดใจ


หลิงฮันแสยะยิ้ม “หมาบ้าต้องระวังให้มาก มิฉะนั้นจะถูกกัด”


“แล้วเขารอให้เขตแดนลี้ลับเปิดอีกครั้งไม่ได้หรือ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถามอย่างไม่พอใจ


หลิงฮันส่ายหน้าและพูดว่า “คนที่เห็นแก่ตัวและโลภมากแบบนั้น เมื่อเห็นข้าครอบครองหยดเซียนหยดสี่หยด เขาจะอดใจไหวได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ถึงข้าจะเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ แต่ข้าก็มาจากโลกใบเล็ก”


ใช่แล้ว ทั้งที่ราชาอีกห้าคนก็ได้รับหยดเซียนหยวนเหมือนกัน ถ้าก่วงฮวงข่มขู่พวกเขาทั้งห้าคนได้ก็จะได้รับหยดเซียนหยวนมากกว่าของหลิงอันมิใช่หรือ?


ทำไมเขาถึงไม่ไปแย่งมันมาจากเฉินจู๋เอ๋อและคนอื่นๆ? นั่นเป็นเพราะพวกเขามีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา


“แต่ไม่ใช่ว่าจักรพรรดินี…โปรดปรานเจ้ามากหรอกรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว นางไม่รู้ว่าจะใช้คำอะไรดี และความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดินีกับหลิงอันนั้นยังไม่ชัดเจน


“ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงจักรพรรดินีจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา กองกำลังมีจอมยุทธระดับดาราหลายคนและก่าวเฟิงยังเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์อีก” หลิงฮันกล่าว


“นั่นหมายความว่าพวกเราต้องแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเอง?” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างไม่สบายใจ


“ถูกต้อง!” หลิงฮันพยักหน้า แล้วพูดต่อว่า “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า ลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีเซียนหวู่เซียงอยู่ ไม่ว่าใครก็ต้องหวาดกลัวตัวตนของเขาอย่างแน่นอน”


สุ่ยเยี่ยนยวี่เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยและปล่อยให้หลิงฮันเป็นคนจัดการ


หลิงฮันรู้ว่าดีว่าไม่สามารถใช้เซียนหวู่เซียงได้ ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังฝึกฝนบ่มเพาะพลังอยู่ แม้จะเป็นจอมยุทธระดับดาราหรือจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ใครจะสามารถขัดขวางการฝึกฝนบ่มเพาะพลังของเขาได้กัน?


ที่เขาพูดแบบนั้นก็เพื่อให้สุ่ยเยี่ยนยวี่สบายใจ

 

 

 


ตอนที่ 1201

 

หลิงฮันตัดสินใจรอดูว่าอีกฝ่ายจะเคลื่อนไหวอย่างไร ถึงจะมีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับเขามากมายในนิกายสวรรค์เยือกแข็ง แต่ท้ายที่สุด ศิษย์ทุกคนที่สามารถเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็งได้ล้วนมีแต่คนฉลาด ข่าวลือดังกล่าวแม้จะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่ก็จะหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน


เขาไปที่ร้านค้าตระกูลโม่เพื่อขายเม็ดยาจำนวนมากและคัดลอกสูตรปรุงยา นอกจากนั้นเขายังตัดสินใจที่จะขายหยดเซียนหยวนอีกด้วย


– ก่าวฮวง ในเมื่อเจ้าต้องการมันขนาดนั้น ข้าก็จะไม่มีวันยกให้เจ้า


หลิงฮันไม่จำเป็นต้องใช้หยดเซียนหยวน


ประสิทธิภาพของมันแค่จะช่วยให้เกิดการรู้แจ้งเท่านั้น ไม่ได้ช่วยยกระดับบ่มเพาะพลัง ในเมื่อเขาสามารถฝึกฝนใต้ต้นสังสารวัฎได้ แล้วทำไมเขาจะต้องใช้มัน?


ดังนั้น หลิงฮันจึงตัดสินใจขายหยดเซียนหยวนเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งให้กับตัวเองและนำเงินที่ได้ไปซื้อแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์เพื่อยกระดับดาบอสูรนิรันดร์


แต่ก่อนที่ดาบอสูรนิรันดร์จะบรรลุแร่เหล็กระดับนิรันดร์ หลิงฮันก็ได้ถูกกำหนดให้กลายเป็นคนจนที่น่าสงสารไปแล้ว และต้องใช้เงินทั้งหมดที่มีไปกับดาบอสูรนิรันดร์ อย่างไรก็ตามพลังของดาบอสูรนิรันดร์ก็เริ่มแสดงออกมาให้เห็นแล้ว และตอนนี้มันก็มีพลังไม่น้อยไปกว่าหลิงฮัน


คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป!


หลังจากที่เขาบอกฮันหั่วว่าจะขายหยดเซียนหยวน อีกฝ่ายก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาให้เห็นทันที และจากนั้นเขาก็ตกลงคุยเรื่องรายละเอียดกับหลิงฮัน แล้วตัดสินใจที่จะจัดงานประมูล โดยของที่จะนำประมูลคือ หยดเซียนหยวน สูตรปรุงยาและเม็ดยาที่จัดทำโดยหลิงฮัน


รายการที่นำมาประมูลอย่างหยดเซียนหยวนและสูตรปรุงยาจะต้องมีมูลค่ามหาศาลอย่างแน่นอน ส่วนเม็ดยาที่ถูกนำมาประมูลนั้นจะสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าปกติ


แต่คนที่ทำการค้าขายจะคิดต่าง พวกเขาจะคิดอย่างรอบคอบมากกว่าหลิงฮัน


หลิงฮันพยักหน้าและมอบทุกอย่างให้กับฮันฮั่ว จากนั้นเขาก็กลับไปที่นิกายสวรรค์เยือกแข็งเพื่อเริ่มฝึกฝนทักษะย่างก้าวไล่ตามดาราและปรุงเม็ดยาตัวใหม่


เมื่อกลับมาถึงวัง เขาก็เห็นโสมเฒ่ากำลังพูดคุยกับหลี่เหว่ยเหว่ยและจื่อหยุนเอ๋ออย่างสนุกสนาน ในขณะเดียวกันมันก็แอบใช้โอกาสนี้นวดไหล่ให้กับพวกนางทั้งสองคน


หมดวิธีจัดการกับเจ้าโสมลามกนี่แล้ว!


หลิงฮันส่ายหัว จะว่าไปแล้วหลี่เหว่ยเหว่ยกับจื่อหยุนเอ๋อมาที่นี่ทำไม?


“เจ้าโง่หลิงกลับมาแล้วอย่างนั้นรึ และกล้ามากที่ไม่ส่งเสียงบอกข้า!” เมื่อเห็นหลิงฮัน หลี่เหว่ยเหว่ยก็รีบลุกขึ้นมาทันทีและทำให้โสมเฒ่าเลียฝีปาก เพราะหน้าของมันกำลังซุกอยู่ในหน้าอกของนาง


แต่หลี่เหว่ยเหว่ยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย หลิงฮันจึงทำได้แค่หัวเราะแห้งๆอย่างช่วยไม่ได้


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม?”


“หึ่ม ข้ามาเพื่อตามหาความจริง หลังจากที่ข้าไปถามราชินีที่เก้ามา” หลี่เหว่ยเหว่ยกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ


แน่นอนว่าหูเฟยหยินไม่อาจปฏิเสธคำขอของหลี่เหว่ยเหว่ยได้ นั่นเป็นเพราะนางเป็นร่างแยกของจักรพรรดินีและเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของจักรพรรดินี จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นิสัยบางส่วนของนางจะไม่เหมือนร่างหลัก


ตัวอย่างเช่น หูเฟยหยินไร้เดียงสาและใสซื่อ นี่คือนิสัยที่ถูกแยกออกมาจากจักรพรรดินีและจะไม่แสดงให้เห็นในตัวจักรพรรดินี


“เจ้าโง่หลิง เจ้าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง? ทุกคนต่างพูดว่าเจ้าสังหารศิษย์ร่วมนิกายเพื่อสมบัติ!” หลี่เหว่ยเหว่ยไม่สนใจตัวตนของหลิงฮัน และพูดด้วยความเป็นห่วง


“ข้าไม่รู้ว่าพวกมันจะใช้วิธีไหน แล้วข้าจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ!” หลี่เหว่ยเหว่ยกรีดร้อง แต่เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของหลิงฮัน นางก็ผ่อนคลายขึ้นมาทันที นั่นเป็นเพราะหลังจากที่หลิงฮันออกจากจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ เขาเจอกับเรื่องต่างๆมากมาย แต่ก็แก้ปัญหาเหล่านั้นสำเร็จ


จากนั้น เฟิงโป๋วหยุน ติงผิงและคนอื่นๆเองก็เข้ามาสอบถามหลิงฮันเช่นกัน แต่หลิงฮันก็พูดคุยกับพวกเขาอย่างสบายใจ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้เพียงลำพัง


แต่ในอีกไม่กี่วันต่อมา หลิงฮันไม่มีเวลาฝึกฝน เส้าสือสือ เซี่ยอู๋เซีย ซูจิงและคนอื่นๆ ต่างมาหาเพื่อช่วยเหลือหลิงฮัน ตราบใดที่หลิงฮันต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา พวกเขาก็จะพยายามสุดความสามารถเพื่อแก้ปัญหานี้ให้กับหลิงฮัน แต่หลิงฮันก็ปฏิเสธพวกเขา


จากนั้นเหอเจ๋อและราชาคนอื่นๆก็มาหาหลิงฮันด้วยตัวเองเช่นกัน และพูดคล้ายกับเส้าสือสือและคนอื่นๆ พวกเขามาที่นี่เพื่อต้องการช่วยหลิงฮัน


นี่เป็นเพราะหลิงฮันเป็นผู้บริสุทธิ์ และมาจากโลกใบเล็กด้วยการเปิดสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงไม่มีภูมิหลังบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์


ถึงหลิงฮันจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา แต่ในตอนนี้มีข่าวว่านิกายสวรรค์เยือกแข็งกำลังจะพิจารณาข้อกล่าวหาของหลิงฮันอย่างจริงจัง และเป็นไปได้มากว่าการตัดสินจะถูกจัดขึ้นต่อหน้าสาธารณชนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


ในที่สุดก่าวฮวงก็เคลื่อนไหว!


ในคืนที่ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัด มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราผู้หนึ่งปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าวังของหลิงฮัน


“ข้ามีนามว่าโจวตง! ข้ามาตามคำสั่งของนายท่าน นายท่านได้กล่าวไว้ว่าจะมอบโอกาสสุดท้ายให้กับเจ้าและจงมอบหยดเซียนหยวนสี่หยดแต่โดยดี มิฉะนั้น…เจ้าจะถูกตราหน้าเป็นคนบาปที่สังหารศิษย์ร่วมนิกาย!” โจวตงกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “โอ้ ทั้งที่เจ้าเป็นถึงจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แต่กลับวิ่งไปมาเหมือนสุนัขที่ทำตามคำสั่งของเจ้านายไม่มีผิด”


“กล้ามาก!” โจวตงระเบิดความโกรธออกมาทันทีและมีเปลวไฟแผ่กระจายออกมาทั่วร่าง


หลิงฮันโบกมือและพูดว่า “อย่ารุนแรงกับข้ามากนัก เจ้าแค่ฝึกฝนบ่มเพาะพลังมาก่อนข้าหลายพันปีเท่านั้นแหละ! แล้วเจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้ภายในสิบปี?”


นี่เป็นคำพูดที่อวดดีมาก จอมยุทธระดับภูผาวารีกล้าพูดว่าสามารถเอาชนะจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางได้ภายในสิบปี ใครจะเชื่อเรื่องนี้กัน?


แต่โจวตงไม่กล้าสบประมาท ความก้าวหน้าและพรสวรรค์ของเจ้าเด็กนี่น่ากลัวเป็นอย่างมาก มันอาจเป็นเช่นนั้นจริงๆก็ได้ – แม้แต่เขาจะไม่อยากเชื่อก็ตาม


เขาเค้นเสียงและพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ส่งหยดเซียนหยวนมาให้ข้า เจ้าคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงสิบปี!”


หลิงฮันยิ้ม ตอนนี้เขามีสูตรปรุงยาเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งอยู่ และยังมีผลราชาพิรุณสีชาดอีกหลายลูกในหอคอยทมิฬ เมื่อเขาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราเมื่อไหร่ เขาก็จะสามารถปรุงเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้จำนวนมาก


อาจกล่าวได้ว่าความก้าวหน้าของเขาอาจก้าวกระโดดในระยะหนึ่ง


“เจ้าจงกลับไปก่างฮวงว่า หากเจ้าต้องการหยดเซียนหยวน จงเตรียมผลึกก่อเกิดเอาไว้และเข้าร่วมงานประมูลที่จะจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า” หลิงฮันกล่าว นี่ถือเป็นโอกาสดีทีเดียวที่จะได้โฆษณา

 

 

 


ตอนที่ 1202

 

โจวตงเดินกลับไปด้วยความโกรธพร้อมกับคำตอบของหลิงฮัน จอมยุทธระดับสุริยันจันทราอย่างเขา กลับถูกอีกฝ่ายที่เป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ข่มขู่ นี่ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ใครขอให้มาถูกด่ากันล่ะ?


นอกจากนั้นหลิงฮันยังมีสถานะของศิษย์เมล็ดพันธุ์อยู่ เขาจึงไม่สามารถลงมือทำอะไรได้


ส่วนข่าวที่ว่าร้านโม่กำลังจะจัดงานประมูลหยดเซียนหยวนนั้นแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วและงานประมูลครั้งนี้ได้การสนับสนุนอย่างมากจากตระกูลโม่เพื่อระดมผู้คนกระจายข่าวดังกล่าวไปทั่วจักรวาล


แม้แต่จอมยุทธระดับดาราหลายคนก็ยังสนใจ


หยดเซียนหยวนถูกแปรสภาพโดยจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์  ถึงจะทำให้จอมยุทธระดับดาราขั้นสูงชั้นสูงสุดทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ไม่ได้ แต่มันก็เป็นไปได้มากที่จะทำให้จอมยุทธระดับดาราขั้นต้นทะลวงผ่านขั้นกลาง ขั้นกลางทะลวงผ่านขั้นสูงได้ภายในเวลาอันสั้น


กาวก้าวกระโดดดังกล่าวหมายความว่าอย่างไร?


ความแข็งแกร่งจะเปลี่ยนไปมากและอายุขัยมีเพิ่มขึ้นสิบล้านปี!


สิบล้านปี!


ด้วยเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ บางทีมันอาจทำให้คนผู้นั้นได้รับโอกาสครั้งใหม่และทะลวงผ่านระดับที่สูงขึ้น


ดังนั้นจึงไม่ได้มีเพียงแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราเท่านั้นที่สนใจ แต่ยังมีจอมยุทธระดับดาราหลายคนที่สนใจเช่นกันและกำลังมุ่งหน้ามาที่ดาวเฟยหยุน นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมงานประมูลถึงจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า ก็เพื่อให้พวกเขามีเวลาเดินทางและรวบรวมผลึกก่อเกิดได้มากพอที่จะนำมาประมูล


แน่นอนว่าตระกูลโม่เองก็ได้เชิญนักปรุงยาจำนวนหนึ่งมาด้วย ซึ่งกลุ่มนักปรุงยานั้นถือเป็นกลุ่มที่มั่งคั่งมาก เพื่อสูตรปรุงยาแล้วพวกเขาพร้อมที่จะซื้อในราคาที่สูงลิ่วอย่างแน่นอน


หลิงฮันไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เขาให้ฮันฮั่วเป็นคนจัดการทุกอย่างแล้ว แค่รอให้ถึงวันประมูลเท่านั้น เขาก็จะมอบหยดเซียนหยวนให้กับฮันฮั่ว ที่เขาไม่ให้อีกฝ่ายตอนนี้เพราะถ้าเก็บไว้ที่ตัวเองมันจะปลอดภัยที่สุด


เนื่องจากหยดเซียนหยวนมีค่ามากในการประมูลครั้งนี้ จึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันกองกำลังก่าวก็เริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการเอาชนะหลิงฮันให้ได้ก่อนที่งานประมูลจะเริ่มต้นขึ้น มิฉะนั้นถ้าถึงวันประมูล พวกเขาจะทำได้แค่ต่อสู้ด้วยเงินเท่านั้น


อย่างไรก็ตาม นิกายสวรรค์เยือกแข็งไม่ได้เป็นของกองกำลังก่าวเพียงอย่างเดียว


“ศิษย์พี่ฮัน! มีแขกต้องการพบท่าน!” เย็นวันนี้มีแขกมาเยี่ยมหลิงฮัน


ฟานหรู่พาแขกมาที่ด้านหน้าประตู นางเป็นหญิงสาวหน้าตางดงามและมีรูปร่างที่มีเสน่ห์ นางพูดกับหลิงฮันว่า “ศิษย์น้องผู้นี้มีชื่อว่าจีหยุนจื่อ”


“ศิษย์น้องจี เจ้ามีธุระอันใด?” หลิงฮันถามอย่างไม่แยแสและไม่แม้แต่จะหันไปมอง ในขณะที่ฟานหรู่ไม่กล้าที่จะมองจีหยุนจื่อโดยตรง เพราะกลัวว่าจะถูกเสน่ห์ของนางล่อลวง


จีหยุนจื่อดูแปลกใจ นี่เขาไม่รู้หรือว่านางมีเสน่ห์แค่ไหน? ไม่เพียงแค่นางเกิดมามีรูปร่างหน้าตางดงามเท่านั้น แต่ยังฝึกฝนเทคนิคที่เสริมความงานอีกด้วย ซึ่งทำให้นางมีเสน่ห์ที่เปล่งประกายทุกการเคลื่อนไหว


แต่หลิงฮันกลับไม่แม้แต่จะชายตามอง นี่ทำให้นางไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้


หากเป็นชายปกติ พวกเขาจะต้องรีบหันหน้ามามองนางอย่างแน่นอน แต่หลิงฮันไม่ใช่ มันดูเหมือนกับว่าเขาขี้เกียจที่จะหันไปมองนาง


นางสงบสติอารมณ์ลงและพูดว่า “ศิษย์น้องมาจากกองกำลังฮวาหยางเหวินตามคำสั่งของนายน้อยฮวา เพื่อต้องการให้ศิษย์พี่ฮันขายหยดเซียนหยวนให้กับกองกำลังฮวาของพวกเรา”


“กองกำลังฮวา?” หลิงฮันทำเป็นประหลาดใจ หลังจากที่เขามีความขัดแย้งกับกองกำลังก่าว เขาก็ได้ตรวจสอบเรื่องศิษย์ของปรมาจารย์สามวิถีเรียบร้อยแล้ว ฮวาหยงหนิง ศิษย์อันดับที่หก ในขณะที่ก่าวเฟิงเป็นศิษย์อันดับที่สี่ แล้วแน่นอนว่ากองกำลังฮวาถูกก่อตั้งขึ้นโดยฮวาหยงหนิง


“ฮิๆๆ แน่นอนนายท่านจะไม่ทำให้ศิษย์พี่หลิงต้องลำบาก” จีหยุนจื่อยิ้ม “นายน้อยอยากให้ศิษย์พี่หลิงนำหยดเซียนหยวนไปประมูลแค่สามหยด และนายน้อยจะซื้อหยดเซียนหยวนอีกหยดด้วยราคาเดียวกันกับที่ประมูลได้ต่ำที่สุด”


นี่ไม่ใช่การสูญเสียของหลิงฮันแม้แต่น้อย เพราะถ้าเขานำหยดเซียนหยวนไปประมูลทั้งสี่หยด ราคาของหยดสุดท้ายอาจถูกกว่าหยดเซียนหยวนทั้งสามหยด ท้ายที่สุดยิ่งมีจำนวนน้อยก็จะมีผู้สนใจประมูลมากขึ้น…


“แล้วกองกำลังฮวาของเจ้ากำลังแข่งขันกับกองกำลังก่าวหรือไม่?” หลิงฮันถาม


“ฮิๆๆ ทุกนิกายและสำนักต่างก็มีการแข่งขัน และมีแค่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะ” จีหยุนจือกล่าว “มีเพียงแค่หนึ่งในศิษย์ทั้งเก้าคนของปรมาจารย์สามวิถีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ถึงจะได้เป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง”


“ดังนั้น…ถึงจะไม่มีเรื่องของศิษย์พี่ฮันมาเกี่ยวข้อง กองกำลังฮวาและกองกำลังก่าวก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันได้อยู่แล้ว”


หลิงฮันพยักหน้า ไม่ว่าจะเป็นด้านบนหรือด้านล่างก็มีการแข่งขันกันทั้งนั้น


แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือมรดกของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมศิษย์ทั้งเก้าคนถึงก่อตั้งก่อกำลังของตัวเองขึ้นมา


อย่างไรก็ตาม ถึงปรมาจารย์สามวิถีจะไม่ได้แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ แต่เขาก็ยอมรับหยางเฮ่าในฐานะศิษย์คนที่สิบ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ค่อยพอใจกับศิษย์ทั้งเก้าคนมากนัก


แม้ศิษย์ทั้งเก้าคนจะแข่งขันกันอย่างรุนแรง แต่เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาก็กลายจะไม่ได้รับอะไรเลย


หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ตกลง ข้าจะเหลือหยดเซียนหยวนให้นายน้อยฮวาหนึ่งหยด!”


ยังไงซะเขาก็ไม่ได้สูญเสียอะไร


“ศิษย์พี่ฮันช่างเป็นคนใจกว้างยิ่งนัก ศิษย์น้องจีขอขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก!” จีหยุนจือโค้งคำนับเผยให้เห็นร่องอกสีขาวขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าหลิงฮัน


หลิงฮันยังคงนิ่งเฉย เขามักถูกล่อลวงโดยสาวงามนับไม่ถ้วน ทำให้เขามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของจักรพรรดินีแล้ว จีหยุนจือเหมือนเด็กสาวในหมู่บ้านไม่มีผิด แล้วเขาจะตื่นตระหนกได้อย่างไร?


จีหยุนจือเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าหลิงฮันยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน หน้าของเขาไม่แดงและหัวใจไม่เต้นเร็วขึ้นเลย นี่ทำให้นางรู้สึกว่ามันแปลก


หรือว่าเขาจะไม่ได้ชอบผู้หญิง?


จีหยุนจือคิดในใจและนางยังคงไม่ยอมแพ้ นางยังคงพูดล่อลวงหลิงฮันต่ออยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่น นางจึงตัดสินใจยอมแพ้และกลับ


“ช่างเป็นหน้าอกที่งดงามยิ่งนัก!” โสมเฒ่าปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนซักแห่ง “สาวน้อยคนนั้นพยายามที่จะล่อลวงเจ้าอยู่หลายครั้ง ถ้าเจ้าไม่สนใจทำไมไม่ให้ข้าล่ะ? ฮ่าฮ่าฮ่า”


“ไปให้พ้น!” หลิงฮันเตะโสมเฒ่าลอยกระเด็นไปไกล

 

 

 


ตอนที่ 1203

 

กองกำลังฮวานั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก


ในวันต่อมาได้มีใครบางคนบอกความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่ภูเขาเหยี่ยว หลิงฮันเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถคว้าหยดเซียนหยวนทั้งสี่หยดมาได้ด้วยตัวคนเดียวและสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่


ในความเป็นจริงเรื่องพวกนี้เคยพูดถึงมาก่อนแล้ว แต่เป็นเพราะความผิดของหลิงฮันที่ทำให้ความจริงเหล่านั้นถูกกลบหายไป แล้วตอนนี้กองกำลังฮวากำลังทำงานอย่างหนัก เช่นเดียวกับกองกำลังก่าวที่พยายามหาทางกำจัดหลิงฮัน โดยใส่ร้ายว่าเขาสังหารศิษย์ร่วมนิกายและปล้นคนอื่น แต่อิทธิพลของกองกำลังฮวาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน


สถานการณ์ในตอนนี้กองกำลังฮวาและกองกำลังก่าวกำลังแข่งขันกัน ความคิดเห็นของทุกคนพลิกกลับไปกลับมา ฝั่งหนึ่งกำลังใส่ร้ายป้ายสีใส่หลิงฮัน ในขณะทีอีกฝ่ายหนึ่งกำลังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับหลิงฮัน


ความจริงไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่ที่สำคัญคือฝั่งไหนจะเป็นผู้ชนะ


แล้วที่น่าแปลกคือมีกองกำลังใหม่เข้ามาเข้าร่วม


กองกำลังหู!


ผู้ก่อตั้งกองกำลังหูคือหนึ่งในศิษย์ทั้งเก้าคนของปรมาจารย์สามวิถี เขามีนามว่าหูเซียงตี๋ เขาไม่มีบุตรชายและบุตรสาว ดังนั้นคนที่มีตำแหน่งรองจากเขาคือเหล่ยหลิงเหว่ยศิษย์เพียงคนเดียวของเขาและเป็นสาวงามที่สวรรค์ทรงมาโปรด


กองกำลังหูปรากฏตัวออกมาเพื่อปราบรามหลิงฮัน


ณ จุดนี้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องของหลิงฮันนั้นจะเป็นเช่นไรไม่สำคัญ ตอนนี้มันกลายเป็นเวทีของศิษย์ปรมาจารย์สามวิถีไปแล้วเพื่อแสดงความแข็งแกร่งของตัวเอง โดยมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือเพื่อกลายเป็นผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียว


หรือใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ลดคู่แข่ง


หลิงฮันเป็นชนวน การเข้าร่วมของกองกำลังฮวาคือการประกาศการเริ่มต้นของสงคราม


วันต่อมา ศิษย์ของปรมาจารย์สามวิถีเริ่มเข้าร่วมมากขึ้น กองกำลังเถี่ย กองกำลังหลาง กองกำลังเนี่ย กองกำลังเจี่ยและกองกำลังลู่ ศิษย์แปดในเก้าคนต่างเข้าร่วมเวที


มีเพียงแค่กองกำลังฉีเท่านั้นที่ยังไม่แสดงท่าทีเคลื่อนไหวอะไร


ใครจะไปคิดว่าแค่ศิษย์ระดับภูผาวารีเพียงคนเดียวจะทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดขนาดนี้และต่างฝ่ายต่างแสดงความแข็งแกร่งของตนเองออกมาให้ประจักษ์


สถานการณ์ของกองกำลังฮวาเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน


ครั้งก่อนจีหยุนจือมาเสนอซื้อหยดเซียนหยวนกับหลิงฮันและจะช่วยลดแรงกดดันจากกองกำลังก่าว แต่หลังจากที่กองกำลังเถี่ย กองกำลังเนี่ยและกองกำลังลู่เข้าร่วมเป็นพันธมิตร จีหยุนจือจึงมาหาหลิงฮันอีกครั้ง


“ข้าขอโทษศิษย์พี่ฮันจริงๆ เพื่อต่อสู้กับพันธมิตรของกองกำลังก่าว กองกำลังหลาง กองกำลังเจี่ยและกองกำลังหู นายน้อยจึงต้องผนึกกำลังอีกสามกองกำลังให้เข้ามาช่วย แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอะไรดึงดูดใจ” จีหยุนจือกล่าวขอโทษ “นายน้อยกล่าวว่า หวังว่าศิษย์พี่ฮันจะขายหยดเซียนหยวนทั้งสี่หยดให้กับทั้งสี่กองกำลัง”


เมื่อเห็นใบหน้าของหลิงฮันเริ่มมืดมน นางก็รีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “แน่นอน นายน้อยจะไม่ตำหนิอะไรศิษย์พี่ฮัน และทั้งสี่กองกำลังจะรับซื้อหยดเซียนหยวนในราคาหนึ่งล้านผลึกก่อเกิด!”


นี่เจ้ากำลังปล้นข้า?


หลิงฮันอยากจะหัวเราะ แค่เขาขายเม็ดยาในจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ เขาก็สามารถสร้างรายได้มากกว่าสองล้านผลึกก่อเกิด แต่ตอนนี้หยดเซียนหยวนกลับขายได้แค่หนึ่งล้านผลึกก่อเกิด?


นี่คือสมบัติที่แม้แต่จอมยุทธระดับดารายังให้ความสำคัญ!


“นายน้อยของเจ้าเป็นคนที่ตลกขบขันยิ่งนัก” หลิงฮันส่ายหน้า และในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าไม่ว่าจะเป็นกองกำลังฮวาหรือกองกำลังก่าวก็ไม่แตกต่างกันเลย ดูเหมือนเขาจะไร้เดียงสาเกินไปที่จะฝากความหวังไว้ที่กองกำลังฮวา


จีหยุนจือเองก็ไม่ค่อยชอบวิธีการนี้มากนัก แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของนายน้อย นางจะขัดขืนได้อย่างไร? และยื่นมือออกไปและพูดว่า “ศิษย์พี่ฮัน อย่างไรก็ตามนายน้อยฮวาจะชดเชยให้ท่านด้วยวิธีการอื่น”


หลิงฮันเก็บมือของเขาและพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องจี ข้าไม่สนใจเจ้าเลยแม้แต่น้อย และอยากจะแนะนำเจ้าว่า เจ้านายที่สามารถเสียสละลูกน้องของตัวเองได้ เจ้าคิดว่าคนแบบนั้นควรให้ค่าหรือไม่?”


จีหยุนจือยังคงรักษาสีหน้าที่มีเสน่ห์ ฮวาหยางเหวินมีคำสั่งให้นายเสียสละร่างกายของตัวเองเพื่อเป็นการชดเชยให้กับหลิงฮัน แน่นอนว่านางไม่อยากจะทำเช่นนั้น แต่นางก็ไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งได้ แล้วตอนนี้หลิงฮันยังปฏิเสธนางอีก นี่ทำให้นางอับอายและโกรธ


“ศิษย์พี่ฮันไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องของข้า!” นางกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าให้พูดอย่างตรงไปตรงมา ศิษย์พี่ฮันจะได้ตัวข้าถ้ามอบหยดเซียนหยวนให้กับข้า!”


“ถอดเลย! ถอดเลย! ถอดเลย!” โสมเฒ่ารีบปรากฏตัวออกมาอย่างรวดเร็ว แววตาของมันเปล่งประกายสว่างจ้า หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ แล้วมันจะอดใจไหวได้อย่างไร? “สาวน้อย รีบถอดเสื้อผ้าของเจ้าซะ นายท่านโสมผู้นี้จะเป็นคนตรวจสอบร่างกายของเข้าให้เอง!”


“ไปให้พ้น!” หลิงฮันเตะโสมเฒ่ากระเด็น


“อ๊าก-” โสมเฒ่ากรีดร้อง


ใบหน้าของจีหยุนจือกระตุก นี่มันตัวบ้าอะไร?


หลิงฮันโบกมือและพูดว่า “กลับไปซะ และไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีก ในเมื่อนายน้อยฮวาไม่มีความจริงใจ ข้อตกลงระหว่างพวกเขาถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น!”


“ศิษย์พี่ฮัน!” จีหยุนจือเผยสีหน้า “ท่านมีศัตรูคือกองกำลังก่าวและถ้าทำให้กองกำลังฮวาของพวกข้าไม่พอใจอีก ท่านจะไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดว่าโลกหมุนรอบตัวพวกเจ้าหรือไง” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “หากเจ้าพูดอีกครั้ง กองกำลังฮวาของเจ้าจะอยู่ในรายชื่อศัตรูของข้า และหากเป็นเช่นนั้นกองกำลังฮวาของเจ้าก็เตรียมรอรับผลที่ตามมาได้เลย”


หลิงฮันยิ้มอย่างมั่นใจ วันหนึ่ง เมื่อเขาทะลวงผ่านระดับดาราและกลายเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ แม้จะเป็นปรมาจารย์สามวิถีก็ไม่สามารถขอให้เขาหยุดทำลายกองกำลังก่าวและกองกำลังฮวาได้


เขา จักรพรรดิพิรุณ เฟิงโป๋วหยุน ติงผิง หากพวกเขามีเวลาฝึกฝนมากพอ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้!


จีหยุนจือสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากหลิงฮัน หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เปิดปากพูดว่า “เนื่องจากศิษย์พี่ฮันยืนกรานเช่นนั้น ข้าก็จะกลับไปรายงานเรื่องนี้กับนายน้อย ขอตัวลา!” หลังพูดจบนางก็หันหลังจากไปทันที


ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองมาถึงจุดแตกหัก


“เจ้าช่างเป็นเด็กที่โง่เง่ายิ่งนัก ทำไมเจ้าไม่กระโจนเข้าไปฉีกเสื้อผ้าของนางซะเลย?” โสมเฒ่าวิ่งกลับมาด้วยใบหน้าที่ปูดบวม


หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “เจ้าเป็นโสมที่ลามกจกกระเปรตจริงๆ หากเจ้าชอบดูคนอื่นเปลื้องผ้า ทำไมไม่ไปดูตอนอาบน้ำซะล่ะ?”


“ฮ่าฮ่าฮ่า!” โสมเฒ่าหัวเราะด้วยใบหน้าที่ชั่วร้าย “แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าไม่เคยแอบดูคนอื่นอาบน้ำ?”


สมแล้วที่เป็นโสมลามก!


หลิงฮันส่ายหัวและขี้เกียจเสวนากับโสมลามกนี่อีก

 

 

 


ตอนที่ 1204

 

เหลือเวลาอีกสี่สิบเจ็ดวันก่อนงานประมูล


การเคลื่อนไหวของกองกำลังก่าวเห็นได้ชัดว่าจะไม่ยอมให้มีงานประมูลเกิดขึ้น เพราะเมื่อใดที่หยดเซียนหยวนถูกนำไปประมูล คนที่ประมูลมันได้จะต้องเป็นจอมยุทธระดับดาราหรือเหนือกว่านั้น คนธรรมดาไม่มีทางสู้ราคาพวกเขาได้อย่างแน่นอน


ดังนั้นกองกำลังก่าวจึงต้องรีบจัดการหลิงฮันก่อนที่งานประมูลจะเริ่มต้นขึ้น แล้วหยดเซียนหยวนก็จะตกเป็นของพวกเขา


สำหรับวิธีแย่งหยดเซียนหยวนสี่หยดจากหลิงฮันอย่างไรนั้นเป็นเรื่องภายใน แล้วในไม่ช้าหยดเซียนหยวนก็จะตกเป็นของพวกเขา


“ดูเหมือนไม่กี่วันก่อนจะมีใครบางคนกำลังจับตามองข้าอยู่!”


“ดูเหมือนในที่สุดกองกำลังก่าวก็ส่งนักฆ่าตัวจริงมาซักที!”


“ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นิกายจะตัดสินโทษข้า แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่นี่แหละคือโลกของจอมยุทธ แล้วตอนนี้ก็พึ่งกองกำลังฮวาไม่ได้แล้ว เว้นแต่ปรมาจารย์สามวิถีจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง”


หลิงฮันใคร่ครวญ แม้เขาจะไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น อย่างแรกเขาก็แค่พยายามรักษาสมบัติของตัวเองและต่อสู้สุดความสามารถเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่ากองกำลังก่าวจะใช้ประโยชน์จากความผิดพลาดของเขา ด้วยการตายของพวกมันจะลากเขาให้ตายตามไปด้วย


ถึงความจริงแล้วมันจะเกี่ยวข้องกับเขาอยู่บ้าง แต่เขาก็ได้ไปมีความบาดหมางกับกำลังก่าวแล้วเช่นกัน


หรือมันถึงเวลาแล้วที่จะทำตัวขี้ขลาด?


หลิงฮันครุ่นคิดอยู่นาน และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ


“ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังก่าวหรือกองกำลังฮวา ต่างก็ต้องการหยดเซียนหยวนกันทั้งนั้น ย่อมได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะเก็บตัวอยู่แต่ในหอคอยทมิฬ และจนกว่าจะถึงวันประมูล”


“แล้วบางทีก่าวฮวงอาจจะวิ่งตามหาข้าเหมือนกับหมาบ้า”


“ฮ่าฮ่าฮ่า ก่าวฮวงเอ้ย ถึงพวกเราจะไม่เคยพบเจอกันมาก่อน แต่เจ้าควรรู้สึกเป็นเกียรติที่เจ้าจะเป็นคนแรกที่ข้าอยากจะสังหารเจ้าก่อนที่จะได้เห็นหน้ากัน!”


หลิงฮันแสยะยิ้ม เขาถูกบังคับให้อยู่ในหอคอยทมิฬเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองเป็นธรรมดาที่หลิงฮันจะโกรธ


เขาสั่งให้ฟานหรู่ไปอยู่กับหูเฟยหยิน และขอติงผิง เฟิงโป๋วหยุนและสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ให้มาหาเขาในช่วงนี้ จากนั้นเขาก็จะเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะพลัง


ผ่านไปแค่สองวัน กองกำลังก่าวก็มาหาหลิงฮันเพื่อนำตัวเขาไปสอบสวนหาความจริงเกี่ยวกับความตายของสมาชิกกองกำลังก่าว


แต่หลิงฮันหายตัวไปแล้ว!


การหายตัวไปของหลิงฮันทำให้กองกำลังก่าวประหลาดใจมาก และพวกเขาได้ออกค้นวังของหลิงฮันทุกซอกทุกมุม แต่ก็หาตัวหลิงฮันไม่พบ ซึ่งทำให้พวกเขาแทบบ้าคลั่ง


เพื่อป้องกันไม่ให้หลิงฮันหลบหนี พวกเขาจึงมุ่งเป้าไปที่คนเฝ้าประตู แต่คนเฝ้าประตูก็สาบานว่าหลิงฮันไม่เคยออกจากวัง


แล้วทำไมเขาถึงหายตัวไป?


หลิงฮันยังไม่ถูกตัดสินโทษว่าทำผิด ในฐานะที่เขาเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ เขาสามารถไปที่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งไม่ขัดต่อกฎของนิกาย


– นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก หากต้องการจับกุมหลิงฮัน ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าเขากระทำผิด แต่ถ้าหลิงฮันไม่ปรากฏตัวก็จะไม่สามารถสอบสวนตัดสินโทษได้ ดังนั้นจึงถือว่าเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์


ด้วยเหตุนี้กองกำลังก่าวจึงทำได้แค่รวมรวบกำลังพลทั้งหมดออกตามหาหลิงฮันด้วยตัวเอง และกองกำลังอื่นๆอาจมีส่วนร่วมกับการค้นหานี้ด้วย แต่พวกเขาไม่สามารถออกคำสั่งให้ทั่วโลกตามหาตัวหลิงฮันได้


หลิงฮันฝึกฝนอยู่ในหอคอยทมิฬอย่างสบายใจ และมีเม็ดยากับผลึกก่อเกิดมากพอ ถึงจะอยู่ในหอคอยทมิฬ แต่ก็ไม่มีปัญหาที่จะดูดซับพลังปราณ ยิ่งไปกว่านั้นการฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎ มันทำให้เขาเชี่ยวชาญพลังแห่งกฎเกณฑ์มากขึ้นและก้าวหน้าขึ้นทุกๆวัน


เมื่อถึงวันประมูล หลิงฮันก็ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดแล้ว และแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้น


“แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก!”


หลิงฮันพูดกับตัวเอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้พวกเฉินจู่เอ๋อถึงมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น ถ้าพวกเขาใช้พลังทั้งหมดก็อาจเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย แต่การเอาชนะเขาได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และการทำให้เขาบาดเจ็บได้นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


“ถ้าข้าใช้ทักษะย่างก้าวไล่ตามดารา มันก็จะทำให้ข้ามีข้อได้เปรียบอยู่บ้างและด้วยระดับบ่มเพาะพลังของข้า ถ้าข้าระเบิดความเร็วมันก็จะทำให้ข้าเหนือกว่าจอมยุทธระดับสุริยันจันทราในระยะเวลาอันสั้น


“เอาล่ะ ได้เวลาไปงานประมูลแล้ว!”


เขาออกมาจากหอคอยทมิฬและเปิดประตูอย่างกะทันหัน


พรวด!


เมื่อเห็นหลิงฮันปรากฏตัวอย่างกะทันหัน คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกแทบตาถลนและสมองเกือบจะหยุดทำงาน


พวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าระวังและใช้ชีวิตปกติมาหลายวัน นั่นเป็นเพราะพวกเขาออกค้นหาวังของหลิงฮันหลายรอบแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าหลิงฮันจะออกมาจากวัง?


แล้วพวกเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร?


ดังนั้น หลังจากที่หลิงฮันเดินไปหลายก้าว สติของพวกเขาก็เริ่มกลับมาและตะโกนว่า “หยุด!”


หลิงฮันหัวเราะ นี่พวกเขาบอกให้ข้าหยุดงั้นรึ?


แทนที่จะหยุด เขากลับวิ่งเร็วขึ้น


“รีบส่งสัญญาณเร็วเข้า ว่าเราเจอตัวฮันหลินแล้ว!” หนึ่งในผู้เฝ้าระวังกล่าว


ผู้เฝ้าระวังอีกคนพยักหน้ารับและรีบส่งสัญญาณระเบิด ทันใดนั้นอักษรคำว่า “ก่าว” ก็ปรากฏบนท้องฟ้า นี่คือการสื่อสารพิเศษของกองกำลังก่าว


ทันใดนั้นเอง จอมยุทธระดับสุริยันจันทราก็รีบมุ่งหน้าไปยังวังของหลิงฮัน นอกจากนี้ยังมีจอมยุทธระดับภูผาวารีติดตามมาด้วยอีกหลายคน ทว่าพวกเขามาช้าเกินไป ถึงกระนั้นมันก็ทำให้พวกเขาทุกคนมีความสุขและประหลาดใจพร้อมกัน


ข่าวดีคือในที่สุดหลิงฮันก็โผล่หัวออกมาสักที แต่ข่าวร้ายคือวันนี้เป็นวันประมูล!


“เจ้าเด็กนั่นกำลังมุ่งหน้าไปที่งานประมูลเพื่อส่งมอบหยดเซียนหยวน!”


“รีบหยุดมันให้ได้!”


“เฒ่าหยี พวกเราแยกกันไปดีกว่า ข้าจะตามรอยเจ้าเด็กนั่นไป ส่วนเจ้ามุ่งหน้าไปที่งานประมูล” จอมยุทธระดับสุริยันจันทรากล่าว


“ดี!” จอมยุทธระดับสุริยันจันทราอีกคนพยักหน้า


จอมยุทธระดับสุริยันจันทราสองคนแยกกันตามหาหลิงฮัน ซึ่งพวกเขามีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งก็สามารถจัดการหลิงฮันได้อย่างง่ายดาย


จูเทียนโฉวเป็นผู้รับหน้าที่ไล่ล่าหลิงฮัน ความเร็วของเขานั้นรวดเร็วมาก แม้ว่าหลิงฮันจะวนเวียนอยู่รอบๆและพยายามซ่อนตัว แต่ความสามารถในการตรวจจับของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรานั้นไม่ธรรมดา ในไม่ช้าเขาก็เห็นแผ่นหลังของหลิงฮันในสายตา


“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮันหลิน เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!” เขากล่าว


“โอ้ เจ้าคิดจะข่มขู่ข้าอีกงั้นรึ เจ้าลืมบทเรียนครั้งก่อนแล้วหรือไง?” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม


จูเทียนโฉวโกรธจนควันออกหู เจ้าเด็กนี่กล้าพูดถึงเรื่องคราวก่อนอย่างนั้นรึ? เขาส่งเสียงคำรามและเร่งความเร็วไล่ตามหลิงฮัน “ครั้งนี้เจ้าหนีข้าไม่พ้นแน่!”


“เรื่องนั้นไม่จำเป็น!” หลิงฮันเองก็เร่งความเร็ว พรึบ ความเร็วของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากและไม่ได้ช้าไปกว่าจูเทียนโฉวแม้แต่น้อย


ทักษะย่างก้าวไล่ตามดารา

 

 

 


ตอนที่ 1205

 

จูเทียนตกตะลึง


จอมยุทธระดับภูผาวารีสามารถระเบิดความเร็วที่เหนือกว่าตัวเขา… เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ด้วยรึ?


แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ระยะห่างของเขากับหลิงฮันค่อยๆห่างกันออกไปเรื่อยๆ


‘คิดถูกแล้ว’


จูเทียนกล่าวในใจ เขาให้พรรคพวกอีกคนไปดักรอไม่ให้หลิงฮันเข้าโรงประมูลเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว


หลิงฮันรู้ว่าความเร็วเช่นนี้ไม่สามารถคงสภาพเอาไว้ได้นาน มันก็เหมือนกับศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มกำลังที่จะระเบิดพลังออกมารวดเดียวในระยะเวลาสั้นๆ


ความเร็วเช่นนี้อาจะคงอยู่ได้เพียงระยะเวลาราวๆธูปครึ่งดอก


เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากเขาทำความเข้าใจทักษะก้าวย่างไล่ตามดาราได้ไม่สมบูรณ์ ถ้าเข้าเชี่ยวชาญทักษะนี้จนถึงแก่นแท้ ความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า


ผ่านไปไม่นานความเร็วของหลิงฮันก็ลดลง แต่เขาก็มาถึงตีนเขาเรียบร้อยแล้ว เมืองได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า


อีกนิดเดียวเท่านั้น


“ฮันหลิง หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงคำรามอันเยือกเย็นดังขึ้นพร้อมกับร่างของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราอีกคนที่ปรากฏตัวออกมาขวางทางหลิงฮัน


“ถ้าข้าไม่หยุดเจ้าจะทำอย่างไร?” ร่างของหลิงฮันพลิ้วไหวและพยายามจะวิ่งอ้อม


“น่าขัน หยูซื่อผู้นี้อยู่ตรงหน้าแล้ว คิดว่าเจ้าจะผ่านไปได้?” จอมยุทธระดับสุริยันจันทราแสยะยิ้มและปล่อยฝ่ามือไล่ตามการเคลื่อนไหวของหลิงฮัน พลังบ่มเพาะของเขาคือระดับสุริยันจันทราขั้นต่ำช่วงปลาย มือของเขาที่โจมตีออกไปอีดแน่นไปด้วยอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวของระดับสุริยันจันทรา


ที่นี่ไม่ใช่เขตแดนลี้ลับที่พลังของระดับสุริยันจันทราหรือสูงกว่าจะถูกผนึกห้ามใช้


หลิงฮันกำหมัดและชกโต้ตอบ


อะไรกัน นี่เจ้าแส่หาที่ตายรึไง?


หยูซื่ออุทานในใจ จอมยุทธตัวเล็กๆอย่างระดับภูผาวารีกล้าตอบโต้การโจมตีของระดับสุริยันจันทราจริงๆรึ… นี่เขาต้องกล้าหาญขนาดไหนกัน? เขาเค้นเสียงและลดพลังโจมตีให้ลดลงเพื่อไม่ให้เผลอสังหารหลิงฮัน


หลิงฮันนั้นเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ถ้าหลิงฮันถูกสังหารเขาจะต้องถูกลงโทษแน่นอน


หมัดของหลิงฮันกระแทกเข้าใส่ฝ่ามือขนาดใหญ่ ‘ตูม’


คลื่นกระแทกที่รุนแรงปะทุขึ้นมา หินรอบด้านถูกบดขยี้เป็นเศษซาก


หยูซื่อแสดงสีหน้าที่เหลือเชื่อออกมา หมัดของหลิงฮัน… สามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้!


เรื่องแบบนี้…


“ขั้นสมบูรณ์สูงสุด เจ้าบรรลุขั้นสมบูรณ์สูงสุดแล้ว!” เขาตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ถูก


ระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์คือคุณสมบัติของราชา แต่ก็อย่างนั้นก็ใช่ว่าราชาทุกคนจะสามารถบรรลุขั้นสมบูรณ์สูงสุดได้ ทุกๆก้าวบ้วนแต่เต็มไปด้วยความยากลำบาก


แต่พลังของหลิงฮันกลับบรรลุขั้นสมบูรณ์สูงสุดแล้ว!


และขั้นสมบูรณ์สูงสุดก็หมายถึงเขามีพลังที่สามารถสู้ข้ามระดับใหญ่ได้!


พลังของเจ้าเด็กนี่ในตอนนี้คือเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นต้น แม้ตัวเขาจะมีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นต้นช่วงปลายก็ยังอดหวั่นเกรงพลังของหลิงฮันไม่ได้ เมื่อครู่ที่เขาลดลงพลังโจมตีของตัวเองลงมาทำให้การโจมตีของพวกเขาเสมอกัน


“เหอๆ ก็แค่เรื่องง่ายๆ เจ้าไม่ต้องชื่นชมข้าก็ได้” หลิงฮันยิ้ม


“ฮึ่ม แม้จะเป็นขั้นสมบูรณ์สูงสุด พลังของเจ้าก็เทียบเท่าเพียงระดับสุริยันขั้นทราขั้นต้นทั่วไป ข้ายังเหนือกว่าเจ้าอยู่ดี!” หยูซื่อกล่าว แบบนี้คก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้โจมตีออกไปเต็มที่โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะเผลอสังหารหลิงฮัน


เขารีดเค้นพลังระดับสุริยันจันทราและปลดปล่อยรูปแบบอาคมออกมา พลังต่อสู้ของเขาถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่


“เจ้าหนู วันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าความแตกต่างระหว่างระดับภูผาวารีกับระดับสุริยันจันทรานั้นไม่ใช่แค่พลัง แต่ความเชี่ยวชาญในการใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เองก็เหมือนกัน!”


‘ตูม’ เขาปล่อยหมัดออกไป รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์พัวพันกำปั้นของเขาก่อให้เกิดอำนาจที่ทรงพลัง


หลิงฮันตอบโต้หมัดของอีกฝ่ายอย่างยากลำบาก ร่างของเขาลอยกระเด็นพร้อมกับกระอักโลหิต


เขากัดฟันลุกขึ้นยืนขึ้นมา อีกฝ่ายพูดถูกแล้ว ระดับสุริยันจันทราแข็งแกร่งกว่าระดับภูผาวารีเนื่องจากความเชี่ยวชาญในการใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ เขาขัดเกลาพลังจนบรรลุขั้นสมบูรณ์สูงสุดแล้ว ตามหลักนั้นพลังต่อสู้ของเขาน้อยกว่าอีกฝ่ายเพียงสองดาว แต่ในการความเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ความต่างของพวกเขานั้นกว้างใหญ่ไพศาล


ทำไมถึงกล่าวว่าพลังต่อสู้สิบดาวของระดับภูผาวารีสามารถต่อกรกับระดับสุริยันจันทราขั้นต้นได้? นั่นเพราะหากเป็นจอมยุทธที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา ความเข้าใจในอำนาจแห่งเกณฑ์จะยังคงใกล้เคียงกับระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์สูงสุด


หลิงฮันพยายามตอบโต้แล้ว แต่พลังของอีกฝ่ายเหนือกว่าเขาอย่างแท้จริง


เขาใช้ทักษะก้าวย่างไล่ตามดาราเข้าช่วย แม้จะไม่สามารถระเบิดความเร็วเต็มที่ได้แล้ว แต่เขาก็ยังหลบหลีกไม่ให้โดนการโจมตีได้


หยูซื่อโจมตีด้วยท่าทีไม่รีบร้อน อีกไม่นานจูเทียนก็จะตามมาถึงแล้ว พลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายคือระดับสุริยันขันทราขั้นต้นช่วงสูงสุด เมื่อถึงตอนนั้นแม้เขาจะไม่ลงมือช่วย อีกฝ่ายคนเดียวก็สามารถจับกุมหลิงฮันได้


ตราบใดที่สามารถจับกุมหลิงฮันเอาไว้ได้ การประมูลก็จะไม่ถูกจัดขึ้น เขาเชื่อว่าสมบัติล้ำค่าเช่นหยดเซียบนหยวน หลิงฮันไม่มีทางมอบให้ร้านค้าตระกูลโม่ไปก่อนล่วงหน้าแน่


เป็นอย่างที่หยูซื่อคาดการณ์ ผ่านไปไม่นานจูเทียนก็มาถึง แม้ความเร็วของเขาจะไม่เท่าหลิงฮัน แต่เขาก็มาช้ากว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


“ฮ่าๆๆ ดูสิว่าทีนี้เจ้าจะหนีไปไหนได้!” จูเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ จอมยุทธระดับสุริยันจันทราเช่นเขาปล่อยให้จอมยุทธระดับภูผาวารีเล็ดลอดหลุดมือได้ได้ถือว่าเป็นความอัปยศครั้งใหญ่!


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ตกลง ข้าจะกลับนิกายไปกับพวกเจ้า”


จูเทียนกับหยูซื่อมองหน้ากัน พวกเขาจ้องหลิงฮันโดยไม่ยอากจะเชื่อว่าหลิงฮันจะว่าง่ายเช่นนี้ เพียงแต่ว่าในเมื่อหลิงฮันยังไม่ได้เข้าไปในเมืองก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะส่งมอบหยดเซียนหยวนให้กับร้านค้าตระกูลโม่ นั่นก็หมายถึงภารกิจของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว?


“งั้นก็ไปกันได้แล้ว!” ทั้งสองกล่าวด้วยใบหน้ามืดมน


หลิงฮันไม่มีท่าทีวิตกกังวลแม้แต่น้อยทำให้พวกเขาทั้งสองรู้สึกสับสน หลิงฮันหลบหนีล้มเหลวแท้ๆทำไมถึงได้มีท่าทีสงบเช่นนี้?


ไม่เข้าใจเลย


ทั้งสองคนกลับนิกายไปยังภูเขาหลัก จอมยุทธระดับสุริยันจันทราสองคนเดินขนาบข้างหลิงฮันเอาไว้ พวกเขาเตรียมตัวระเบิดการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมาตลอดเวลาในกรณีที่หลิงฮันตั้งใจจะหลบหนี


แต่ถึงอย่างหลิงฮันกลับไม่มีแผนการจะหลบหนีแม้แต่น้อย กลับกันเขายิ้มและกล่าว “เจ้ากำลังคิดอยู่ใช่รึไม่ว่าทั้งๆที่ข้าไม่สามารถส่งมอบหยดเซียนหยวนให้ร้านค้าโม่ได้แท้ๆ แต่เหตุใดข้าถึงมีท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้?”


หยูซื่อและจูเทียนจะงัก เป็นอย่างที่ว่า พวกเขารู้สึกสงสัยจริงๆ แต่ที่แปลกก็คือทำไมหลิงฮันถึงเป็นฝ่ายเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาเอง


“เหอะ นั่นก็เพราะเจ้ารู้ตัวอยู่แล้วไงล่ะว่าแผนการของเจ้าล้มเหลว จึงคิดจะมอบหยดเซียนหยวนให้พวกข้าแต่โดยดี เจ้าคงตระหนักแล้วว่าด้วยพลังของตัวเองคงไม่สามารถเก็บหยดเซียนหยวนเอาไว้ได้!” หยูซื่อกล่าวอย่างเย็นชา


หลิงฮันยิ้ม “ฮ่าๆ เจ้ารู้รึไม่ว่าข้ามีทั้งสหายและลูกศิษย์ ที่จริงข้าเป็นเพียงตัวล่อที่ปรากฏตัวให้พวกเจ้าไล่ตามเท่านั้น ตอนนี้คาดว่าลูกศิษย์ของข้าคงจะมอบหยดเซียนหยวนถึงมือร้านค้าตระกูลโม่แล้ว!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)