Alchemy Emperor of the Divine Dao 1171-1184
ตอนที่ 1171
“อ้ากกก”
เสียงร้องครวญครางทุกข์ทรมานดังขึ้น มีผู้รับเคราะห์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนเหล่านี้คือเหล่าคนไม่ได้ถูกคุ้มกันโดยแสงจากจี้หยก
ถึงว่าทำไมนิกายสวรรค์เยือกแข็งถึงไม่ใส่ใจพวกฉวยโอกาสเหล่านี้
นิกายสวรรค์เยือกแข็งโหดเหี้ยมเกินไปรึเปล่า? พวกเขารู้ทั้งรู้ก็ยังปล่อยให้พวกเขาวิ่งเข้าสู่ความตาย
หลิงฮันส่ายหัว นี่ไม่เกี่ยวกับโหดเหี้ยมหรือไม่โหดเหี้ยมแต่เป็นนิกายสวรรค์เยือกแข็งแยแสหรือไม่ต่างหาก พวกเขาเป็นนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล พวกเขาจำเป็นต้องใส่ใจความเห็นของคนอื่นด้วยรึไง?
ข่านัย ไม่มีทางอยู่แล้ว!
หลิงฮันไม่รู้สึกสงสารพวกเขาแม้แต่น้อย การจะสำรวจโบราณสถานย่อมเต็มไปด้วยภัยอันตราย ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตของตัวเอง ถ้าพวกเขาไม่ฉลาดหรือกล้าหาญพอ พวกเขาจะมาที่โบราณสถานตั้งแต่แรกเพื่ออะไร? แต่ที่หลิงฮันติดใจก็คืออะไรเป็นสิ่งที่ทำการสังหารผู้คนเหล่านั้น เขารู้เพียงว่ามันเป็นหมอกสีดำสนิท แต่หมอกสีดำนั่นคืออะไร?
เขาใช้หอคอยทมิฬสื่อสารกับเซียนหวู่เชียงและไต่ถาม
“ร่างของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่ถูกฝังไว้ที่นี่อาจจะบ่มเพาะทักษะลึกลับบางอย่าง” เซียนหวู่เชียงกล่าว “เพราะงั้นสภาพแวดล้อมโดยรอบถึงได้รับผลกระทบเช่นนี้ ในเมื่อเซียนสามวิถีไม่สามารถกำจัดหมอกเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ ข้าสามารถบอกได้ว่านั่นเป็นเพราะระดับพลังของเขาต่ำกว่าเจ้าของร่างที่ตายไปแล้วหลายขุม”
หลิงฮันพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อใดที่จอมยุทธผู้หนึ่งตกตายและอีกคนมีชีวิตอยู่ ถ้าหากว่าฝ่ายที่มีชีวิตอยู่ไม่สามารถทำลายพลังที่หลงเหลืออยู่ของฝ่าที่ตายได้อย่างสมบูรณ์ก็แสดงให้เห็นว่าทั้งสองมีความสามารถที่แตกต่างหันแค่ไหน
คำกล่าวที่ว่าพลังของจอมยุทธระดับพระเจ้าแต่ละระดับนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงถูกยืนยันแล้ว ปรมาจารย์สามวิถีลบล้างหมอกสีดำได้แค่บางส่วน ไม่เพียงเท่านั้น แต่เขายังสามารถทำมันได้เพียงแค่ในรอบร้อยปีที่หมอกจะเกิดการอ่อนแอลง มีเพียงในช่วงเวลาเช่นนี้เท่านั้นเขาถึงจะเปิดเส้นทางให้คนอื่นเข้าไปเขตแดนลี้ลับได้
แต่แน่นอนว่าปรมาจารย์สามวิถีก็ไม่ใช่ตัวตนที่จะดูถูกได้ง่ายๆ อย่างไรเขาก็เป็นถึงจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดตัวตนเช่นนี้ก็ยังควรค่าแก่การเคารพ
ทุกคนเดินอย่างเนิบๆในขณะที่หมอกสีดำค่อยๆถูกทำให้หายไปอย่างช้าๆ ปรมาจารย์สามวิถีไม่สามารถกำจัดหมอกให้เร็วกว่านี้ได้
ครึ่งวันผ่านไปในที่สุดพวกเขาก็เดินถึงตีนเขา
ปรมาจารย์สามวิถีปลดปล่อยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานและเปิดรอยแยกขึ้นบนท้องฟ้า เส้นทางที่ดำปรากฏออกมาจากรอยแยก ทุกคนสามารถมองเห็นดินแดนที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง บนภูเขาที่เชียงชอุ่มและน้ำที่ใสไร้มลพิษ ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือมีแม่น้ำไหลลงมาจากท้องฟ้าด้วย ไม่มีใครสามารถมองต้นแม่น้ำได้ น้ำในแม่น้ำแห่งนั้นน่าสยดสยองยิ่ง มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอันไร้ที่สิ้นสุด
แม้จะมีเส้นทางกั้นระหว่างพวกเขากับดินแดนแห่งนั้น หลิงฮันก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวและน่าขนหัวลุก
“พวกเจ้าเข้าไปได้แล้ว!” เซียนสามวิถีกล่าว น้ำเสียงของเขาปรากฏร่องรอยความเหน็ดเหนื่อย
เขาที่เป็นจอมยุทธระดับวานีนิรันดร์ยังมีท่าทีอ่อนแรงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าการกำกัดหมอกสีดำเพื่อเปิดเส้นทางนั้นยากลำบากขนาดไหน
แต่ละคนเริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางเขตแดนลี้ลับ
พรึบ พรึบ พรึบ!
ร่างของจอมยุทธแต่ละคนค่อยๆเรือนรานเมื่อเข้าไปยังเส้นทาง
โผล๊ะ!
ใครบางคนเดินตามเหล่าจอมยุทธเข้าไป แต่กลับถูกพลักกระเด็นออกมาจนร่างกลายเป็นเศษซาก
เขาคือจอมยุทธระดับสุริยันจันทราที่ปิดกั้นพลังบ่มเพาะของตนเองให้เหลือระดับภูผาวารีและพยายามจะแอบลอบเข้าไป
จอมยุทธที่เหนือกว่าระดับภูผาวารีไม่สามารถเข้าไปได้ คำเตือนนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อขู่
หลิงฮันเดินเข้าเส้นทางไปพร้อมกับสุ่ยเยี่ยนยวี่และคนอื่นๆ พวกเขารู้สึกได้ถึงสัมผัสที่เย็นยะเยือกเมื่อเดินผ่านทางเข้า
“น้องพี่ พวกเราแยกกันตรงนี้แล้วกัน” จักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆกล่าวพร้อมกับอำลาหลิงฮัน แต่ละคนมุ่งหน้าไปยังเส้นทางของตนเอง สุดท้ายคนที่เหลืออยู่ในกลุ่มก็มีแค่หลิงฮัน สุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยิน
“ไปกันเถอะ”
หลิงฮันคว้ามือสุ่ยเยี่ยนยวี่และเริ่มออกเดิน
“รอข้าด้วย!” หูเฟยหยินรีบเดินตามราวกับกลัวว่าหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่จะทิ้งนางไว้ด้านหลัง
หลังจากเดินไปได้สักพัก หลิงฮันก็สูดดมอากาศและอุทานออกมา “กลิ่นหอมมาก!”
“จะ เจ้า!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ทุบเขาเบาๆเพราะนางคิดว่าหลิงฮันหยอกล้อนาง
‘ทำไมเจ้าถึงพูดอะไรเช่นในตอนนี้? เจ้าไม่เห็นรึไงว่าราชินีที่เก้าอยู่ที่นี่ด้วย? นางเป็นร่างแยกของจักรพรรดดินี!’
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว! ข้าไม่ได้พูดถึงกลิ่นหอมจากร่างกายเจ้า แต่เป็นกลิ่นหอมของดอกไม้บางชนิด!”
“จริงรึ?” ร่อยรอยความสงสัยปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของนาง ชายคนนี้มักจะแกล้งหยอกนางด้วยวิธีใหม่ๆอยู่เรื่อย
หูเฟยหยินรีบพยักหน้าและกล่าว “ข้าก็ได้กลิ่นเหมือนกัน!”
“ไปกันเถอะ!”
หลิงฮันหันไปยังทิศทางหนึ่ง ตำแหน่งที่เขาอยู่เป็นแม่น้ำสีเหลืองที่เป็นจุดสังเกตขนาดใหญ่เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทาง
พวกเขาเดินตามกลิ่นจนผ่านไปชั่วครู่ก็มาถึงด้านหน้าเนินเขาขนาดเล็กลูกหนึ่ง บนยอดเขามีดอกไม้ส่องประกายสว่างไสวงอกอยู่ เป็นดอกไม้ดอกนั้นเองที่ส่งกลิ่นยั่วยวนหอมหวาน
ทั้งสามคนไม่ใช่กลุ่มแรกที่รับรู้ถึงกลิ่นหอมนี้ มีคนสองคนมาถึงก่อนหน้าพวกเขา เพียงแต่พวกเขาไม่ได้เป็นพรรคพวกเดียวกัน
‘ดอกไม้ดอกนั้นคือสมุนไรศักดิ์สิทธิ์’
หลิงฮันไม่รู้จักดอกไม้ดอกนั้น ดูจากใบหน้าที่มึนงงของสุ่ยเยี่ยนยวี่กับหูเฟยหยิน ทั้งคู่ก็ไม่น่าจะรู้จักดอกไม้นี้เหมือนกัน ในขณะเดียวกันนอกจากดอกไม้แล้ว สิ่งที่ทำให้พวกเขาชะงักก็คือกระดูกสีขาวที่กองไปทั่วรอบเนินเขา บ้างก็เป็นกระดูกของมนุษย์ บ้างก็เป็นของสัตว์อสูร
กองกระดูกเหล่านี้เป็นหลักฐานว่ามีคนมากมายสังเกตเห็นดอกไม้นี้ก่อนพวกเขา เพียงแต่ว่าคนเหล่านั้นได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว
หลิงฮันไม่แน่ใจว่าดอกไม้นี้จะล้ำค่ามากแค่ไหน เพียงแต่ด้วยความจริงที่ว่าไม่ว่าจะทั้งมนุษย์หรือสัตว์อสูรจำนวนมากต่างก็พยายามครอบครองดอกไม้ดอกนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาคิดว่ามันเป็นดอกไม้ที่ล้ำค่า ถ้าไม่อย่างนั้นคนมากมายจะต้องการมันไปทำไม?
‘เดี๋ยวก่อน หรือนี่จะเป็นกับดักที่ใช้ประโยชน์จากความคิดเช่นนั้น?’
‘เมื่อคนที่มาทีหลังเห็นคนจำนวนมากต้องการครอบครองดอกไม้ พวกเขาก็จะคิดไปเองว่าดอกไม้ดอกนี้เป็นสมบัติล้ำค่า’
“เป็นดอกไม้ที่สวยอะไรเยี่ยงนี้!” ความหลงไหลปรากฏขึ้นในดวงตาของสุ่ยเยี่ยนยวี่ ท่าทางของนางราวกับตกอยู่ในสภาวะมึนงง
นางยกขาและกำลังจะก้าวเดินไปทางเนินเขาลูกเล็ก
หลิงฮันรีบรั้งนางเอาไว้ด้วยสีหน้าตกตะลึง ดอกไม้ดอกนี้สามารถทำให้ผู้คนตกอยู่ในสภาวะมึนงงได้! เพียงแต่ว่าความรุนแรงของสภาวะมึนงงจะต่างกันไปในแต่ละคน ทั้งเขาและหูเฟยหยินไม่ได้รับผลกระทบจากดอกไม้
ในขณะเดียวกัน คนอีกสองคนก่อนหน้าพวกเขาได้เดินไปยังทิศทางของดอกไม้แล้ว แววตาของพวกเขาแวววาวและมีสีหน้าเร่าร้อนราวกับว่าสิ่งที่พวกเขากำลังมองอยู่ไม่ใช่ดอกไม้แต่เป็นเก้าอี้บัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่ หากได้ครอบครองดอกไม้นั่นพวกเขาจะสามารถปกครองโลกและสยบได้แม้กระทั่งเทพเซียน
พรึบ!
เมื่อทั้งสองคนเข้าใกล้เนินเขาขนาดเล็ก กลุ่มก้อนเมฆสีดำก็พุ่งออกมาจากเนินเขาและโอบล้อมพวกเขาเอาไว้ จากนั้นเมฆสีดำก็สลายตัวอย่างรวดเร็วและย้อนกลับไปยังเนินเขาดังเดิม
ส่วนสองคนนั้นน่ะรึ?
พวกเขากลายเป็นโครงกระดูกไปแล้ว!
แกร่ก แกร่ก
โครงกระดูกร่วงสู่พื้นกลายเป็นของประดับชิ้นใหม่ให้กับเนินเขาขนาดเล็กเหมือนกับกระดูกชิ้นอื่นๆ
‘ที่แท้คนที่มาที่นี่ก็ตายเพราะอย่างนี้เอง!’
ตอนที่ 1172
กระดูกสีขาวกองพูนเรียงล้อมรอบเนินเขาขนาดเล็ก
ในที่สุดหลิงฮันก็เข้าใจถึงสาเหตุการตายของพวกเขาเหล่านั้น พวกเขาไม่ได้ตายเพราะแย่งชิงดอกไม้ แต่ดูเหมือนจะตายเพราะถูกก้อนเมฆสีดำสังหารในพริบตาในขณะที่เดินเข้าไปหาดอกไม้
“อ่า” สุ่ยเยี่ยนยวี่ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ความหวาดกลัวยังคงหลงเหลืออยู่ในจิตใจของนาง ถ้าหลิงฮันไม่ได้รั้งนางเอาไว้ นางคงจะเป็นแบบสองคนนั้นไปแล้ว
“นะ นั่นมันคืออะไร?” นางถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หลิงฮันส่ายหัว “มันเกิดขึ้นเร็วเกินไป ข้ามองไม่ทัน”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ประหลาดใจ ขนาดหลิงฮันก็ยังมองเห็นไม่ชัด? เมฆสีดำนั่นต้องรวดเร็วขนาดไหนกัน
หลิงฮันครุ่นคิดชั่วขณะก่อนจะโยนบอลสีดำขึ้นกลางอากาศ
“ฮ่าๆๆ จักรพรรดิน้อยมาแล้ว!” ลูกบอลสีดำขยายใหญ่กลางอากาศ ขาและแขนอย่างละข้างงอกออกมากลายและค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นหุ่นเชิดมนุษย์
พรึบ!
เมฆสีดำลอยออกมาอีกครั้ง คราวนี้มันลอบโฉบเข้าใส่จักรพรรดิจอมอสูร
“เจ้าคืออะ… อ๊ากก!” จักรพรรดิจอมอสูรเกรี้ยวกราด แต่เสียงตะโหนที่ขุ่นเคืองของเขาก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องตกตะลึงและวิ่งหนีมาด้านหลัง เมฆสีดำจับกลุ่มลอยตามเขามาก่อนจะห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้
สุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินอุทานด้วยความตะลึง บนร่างของจักรพรรดิจอมอสูรปรากฎหลุมรูมากมาย แขนซ้ายของเขาได้รับความเสียหายมากที่สุด มันถูกกัดจนผุพังแทบไม่เหลือ แต่สภาพส่วนอื่นของร่างกายยังคงดีอยู่
“นายท่าน!” จักรพรรดิจอมอสูรมองไปยังหลิงฮันด้วยใบหน้าที่ทรมานใจ ไม่เห็นจำเป็นต้องโหดร้ายกับเขาขนาดนี้เลยก็ไม่ได้ไม่ใช่รึไง?
หลิงฮันเมินเฉยไม่สนใจและกล่าว “เมฆสีดำนั่นคือฝูงแมลงที่ เพียงเพราะพวกมันมีขนาดเล็กมากเมื่อรวมกลุ่มกันจึงมองเห็นเป็นก้อนเมฆ”
“นั่นคือฝูงแมลง?” จักรพรรดิจอมอสูรส่ายแขนทีผุพังในขณะที่กระโดดลุกขึ้นยืน “พสกมันมีฟันที่แหลมคมขนาดไหนกันแน่? แล้วมนุษย์ประเภทไหนถึงจะป้องกันการโจมตีจากพวกมันได้?”
“เจ้าไม่ใช่มนุษย์!” หูเฟยหยินกล่าว
จักรพรรดิจอมอสูรไม่สนใจภาพลักษณ์อยู่แล้ว เขาตอบกลับไป “ถ้าภรรยาของนายท่านกล่าวว่าข้าไม่ใช่มนุษย์ งั้นข้าก็ไม่ใช่มนุษย์! ที่จริงแล้วข้าเป็นสุนัข! โฮ่ง! โฮ่ง!” เขายืนสี่ขาและเริ่มเห่าเลียนแบบสุนัข หูเฟยหยินรู้สึกขบขันเมื่อเห็นเช่นนี้ และนางก็ไม่ได้พยายามเถียงว่านางไม่ใช่ภรรยาของหลิงฮัน
“พวกเราจะยังไปเด็ดดอกไม้นั่นอยู่รึเปล่า?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถาม
พวกเขาล่าถอยเว้นระยะพอสมควรเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากดอกไม้ ถึงแม้คราวก่อนหลิงฮันกับหูเฟยหยินจะไม่เป็นอะไรซึ่งอาจจะเป็นเพราะพวกเขามีความต้านทานที่แข็งแกร่งกว่าระดับพลังของตนเอง
แต่ถ้าพวกเขายังคงอยู่ใกล้อดกไม้ดอกนั้นต่อไปก็มีสิทธิ์ที่พวกจะได้รับผลกระทบ
“แมลงเหล่านั้นอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งมาก และนั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกมันต้องใช้ดอกไม้เป็นเหยื่อล่อ เมื่อเหยื่อตกอยู่ในสภาพมึนงงพวกมันก็จะบินออกมากัดกินเนื้อของเหยื่อ เพียงแต่ว่าฟันของพวกมันต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมากแน่นอนถึงสามารถเขมือบจอมยุทธระดับภูผาวารีได้ภายในพริบตา”
หลิงฮันครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ต่อให้เป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าก็ไม่พอที่จะต่อกรกับพวกมัน แม้จะพอใช้ถ่วงเวลาได้แต่สุดถ้ายก็ต้องถูกกัดเขมือบอยู่ดี”
จักรพรรดิจอมอสูรเป็นข้อพิสูจน์เรื่องนี้ หุ่นเชิดที่เขาสิงอยู่ถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า แต่ถึงอย่างนั้นแขนของเขากลับถูกกัดจนผุพัง
รอยยิ้มมั่นใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิงฮันก่อนที่จะกล่าว “ให้ข้าลองดู!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่สะดุ้งและรีบตะโกน “เจ้าบ้าไปแล้ว!”
นี่เจ้าไม่เห็นสภาพที่น่าอเนจอนาถของจักรพรรดิจอมอสูรรึไง?
“ให้จักรพรรดิน้อยไปดีกว่า!” นางรีบกล่าวเสริม
“นายหญิง!” จักรพรรดิจอมอสูรโอดครวญ จะห้ามนายท่านให้ไม่ให้เสี่ยงอันตรายเขายังพอเข้าใจ แต่นั่นก็ไม่เห็นต้องโหดร้ายถึงขนาดให้เขาไปเสี่ยงอันตรายแทนเลย!
หลิงฮันยิ้ม “ไม่ต้องกังวล กายหยาบของข้าเทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า รวมกับความสามารถในการฟื้นฟูบาดแผลของข้า แมลงเหล่านั้นอาจจะคุกคามข้าไม่ได้! ข้าต้องเดิมพันไม่ให้แมลงเหล่านั้นมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง”
หลิงฮันไม่รับรู้การผันผวนของพลังปราณจากเมฆสีดำ นั่นแสดงว่าแมลงเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่บ่มเพาะพลังได้หรือไม่ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังบ่มเพาะสูงกว่าเขา
แมลงเหล่านี้มีความเร็วที่น่าตกตะลึงและมีฟันที่น่าสะพรึงกลัว ถ้าหากพลังป้องกันของพวกมันยังแข็งแกร่งอีกก็คงจะไม่ยุติธรรมเกินไปหน่อย
สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้ถึงนิสัยของหลิงฮัน นางรู้ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆแน่นอน นางทำได้เพียงพยักหน้าและกล่าว “ระวังด้วย ระวังตัวด้วย… เจ้าต้องระวังตัวให้มาก!” นางย้ำเตือนเขาสามครั้งแสดงเห็นว่านางเป็นห่วงความปลอดภัยของเขามากจริงๆ
“แน่นอน!” หลิงฮันพยักหน้า “พวกเรายังไม่มีลูกด้วยกันเลย ข้าจะยอมตายได้อย่างไร?”
“ปะ ไปตายซะ!” ใบหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่เปลี่ยนเป็นแดงเผือด นางเผลอพลักหลิงฮันไปด้านหน้าจนเขาเดินกระโพกกระเพกไปยังเนินเขา
หลิงฮันไม่รีรอพุ่งและรุดหน้าไปยังเนินเขา
พรึบ!
เมฆสีดำพุ่งออกมาอีกครั้ง
หลิงฮันเค้นเสียง “ข้าไม่เชื่อว่าพลังป้องกันของเจ้าจะแข็งแกร่ง!”
เปลวเพลิงปะทุออกมาจากร่างของเขา ภายในเปลวเพลิงผสานไปด้วยรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์
“แกว่ก” เมฆสีดำเริ่มปั่นป่วน พวกมันบินวนอย่างไรจุดหมายและแยกออกเป็นกลุ่มเล็กๆหลายกลุ่ม
พวกมันยังคงจับตัวเป็นก้อนเมฆสีดำเหมือนก่อนหน้านี้ แต่มีขนาดเล็กทำให้ดูกับเป็นอสรพิษที่กำลังเลื้อยคลานแทน เพียงแต่ว่ายังคงมีแมลงบางกลุ่มที่ตั้งสติได้และพุ่งเข้าหาหลิงฮัน
หลิงฮันสามารถมองเห็นอย่างชัดเจนว่า “อสรพิษสีดำ” เหล่านี้เกิดจากการรวมกลุ่มกันของฝูงแมลง แมลงแต่ละตัวมีขนาดเล็กมากและมีฟันที่แหลมคม ยิ่งกว่านั้นก็คือพวกมันไม่เกรงกลัวความตาย พวกมันรู้ทั้งรู้ว่าหลิงฮันถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงแต่ก็ยังบินเข้ามาหาเขา
“แกว่ก! แกว่ก! แกว่ก!”
แมลงถูกเผาจนตายไปทีละตัว แต่พวกมันก็ยังฝืนพุ่งเข้ามาหาเขาจนเกิดเป็นช่องว่างระหว่างเปลวเพลิง ทำให้แมลงฝูงอื่นบินเข้ามาถึงร่างของหลิงฮันและทำการกัดกินเนื้อ
หลิงฮันเค้นเสียงและปลดปล่อยทักษะจิตเจ็ดสังหาร
ตึง!
เหล่าแมลงที่กำลังกัดกินเนื้อของเขาอยู่ชะงักในทันที ที่จริงจิตวิญญาณของพวกมันพังทลายเป็นชิ้นๆไปเลยด้วยซ้ำ มีเพียงแค่ไม่กี่ตัวที่ยังรอดชีวิต
เป็นอย่างที่เขาคิด แมลงเหล่านี้มีพลังป้องกันที่อ่อนแอมากเมื่อเทียบกับความเร็วและฟันที่น่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแค่พลังป้องกันทางกายภายที่อ่อนแอ แต่พลังป้องการทางจิตวิญญาณก็เช่นกัน
สวรรค์ยุติธรรมแล้ว แมลงเหล่านี้มีความสามารถแข็งแกร่งติดตัวโดยที่ไม่ต้องบ่มเพาะพลัง แต่พวกมันก็มีจุดอ่อนที่ร้ายแรง
พวกมันใช้ดอกไม้เป็นเหยื่อล่อ เมื่อใดที่เหยื่อตกอยู่ในสภาวะมึนงงพวกมันก็จะพุ่งออกมากัดกินเนื้อของเหยื่อในพริบตาเดียว
เพียงแต่ว่าหลิงฮันเตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นผลลัพธ์จึงออกมาแตกต่างอย่างสิ้นเชิง!
“อั่ก” หลิงฮันกัดฟันด้วยความเจ็บปวด แม้เขาจะสังหารแมลงไปได้เกือบทั้งหมด แต่ฟันอันแหลมคมของพวกมันก็ยังคงกัดฝังอยู่ในกล้ามเนื้อของเขาแม้ว่าพวกมันจะตายหรือหมดสติไปแล้วก็ตาม
‘เจ็บชะมัด!’
ตอนที่ 1173
ไม่เพียงแค่ฟันของพวกมันจะแหลมเหมือนใบมีด แต่น้ำลายของพวกมันมีสารบางอย่างที่ทำให้เหยื่อรู้สึกเจ็บปวดอีกด้วย ที่จริงเหยื่อจะเจ็บปวดจนเป็นอัมพาตเลยด้วยซ้ำ
หลิงฮันพบว่าร่างของคนเองเคลื่อนไหวได้ไม่คล่อง สารแปลกประหลาดจากน้ำลายของพวกมันไหลเข้าไปในโลหิตและแพร่กระจายทั่วร่างกายทำให้เส้นประสาทของเขาเป็นอัมพาต
ผลลัพธ์เช่นนั้นส่งผลกระทบให้พลังของเปลวเพลิงรอบกายเขาลดฮวบ เหล่า‘อสรพิษสีดำ’ที่เคยถูกทำให้ไร้จุดหมายคืนสติกลับมาและพุ่งเข้าหาเขาอีกครั้ง
หลิงฮันโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ความรู้สึกอัมพาตหายไปจากร่างของเขาทันที เขาหัวเราะและควบแน่นพลังของเปลวเพลิงกลับมาดังเดิม
เขานำดาบอสูรนิรันร์ออกมาและกล่าว “มาดูกันว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
ตูม!
ดาบอสูรนิรันดร์ปลดปล่อยเปลวเพลิงอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา การโจมตีธาตุไฟได้ผลกับแมลงเหล่านี้มาก
เขาโคจรทักษะจิตเจ็ดสังหารต่อเนื่อง หลังจากจู่โจมหลายต่อหลายครั้ง แมลงจำนวนมากก็ร่วงลงไปกองเรียงอยู่ที่พื้น หลิงฮันเก็บพวกมันเข้าไปในหอคอยทมิฬเผื่อว่าพวกมันจะกลายเป็นอาวุธลับของเขาได้
บาดแผลของหลิงฮันฟื้นฟูอย่างรวดเร็วในขณะโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ แม้จะมีแมลงตัวหรือสองตัวที่หลุดมากัดเนื้อของเขาได้ แต่จำนวนเพียงเท่านั้นย่อมไม่ก่อปัญหาให้เขาแม้แต่น้อย
ซึ่งนั่นก็เพราะแมลงแต่ละตัวมีขนาดเล็กเกินไป พวกมันจะน่าสะพรึงกลัวก็ต่อเมื่อบุกจู๋โจมเป็นฝูงหลายพันหลายล้านตัว ด้วยจำนวนมากมายเช่นนั้นพวกมันจึงสามารถกลืนกินเนื้อของจอมยุทธได้ในพริบตา
“นายท่าน จักรพรรดิน้อยนับถือท่านมาก!” จักรพรรดิจอมอสูรกล่าวด้วยท่าทีประจบ เขาอยู่ในร่างของหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทราแต่ก็ยังพ่ายแพ้ย่อยยับต่อฝูงแมลงเหล่านั้น
นี่ไม่ได้หมายถึงหลิงฮันมีพลังแข็งแกร่งกว่าระดับสุริยันจันทรา แต่ความสามารถของเขานั้นได้ผลต่อแมลงเหล่านั้นมากกว่า กายหยาบของเขาไร้เทียมทานและมีพลังฟื้นฟูที่น่าอัศจรรย์จากคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์
เมฆสีดำลอยปรากฏตัวเพิ่มขึ้นกลางอากาศ พวกมันบุกเข้าใส่หลิงฮันจนมองไม่เห็นร่างของหลิงฮัน คนอื่นๆยังสามารถมอบเห็นสะเก็ดเปลวเพลิงที่ปะทุออกมาอยู่ทำให้พวกเขารู้ว่าการต่อสู้อันดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป
เพียงแต่ว่าเหล่าเมฆสีดำค่อยๆจางหายไปเมื่อการต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนาน นั่นเป็นเพราะแมลงจำนวนมากถูกสังหารหรือไม่ก็มีบางส่วนที่ถูกหลิงฮันนำเข้าไปในหอคอยทมิฬ ทั้งโครงกระดูดและซากของแมลงที่ตายแล้วกองอยู่ด้านใต้เท้าของเขา
ในที่สุดก็ไม่มีฝูงแมลงโจมตีใส่หลิงฮันอีก แมลงที่เหลือรอดบินกลับไปยังภูเขาลูกเล็ก ทันใดนั้นบริเวณแห่งนี้ก็กลับสู่สภาพเงียบสนิท
หลิงฮันมองไปยังดอกไม้ประหลาด เขาหยุดหายใจและปิดรูขุมขนทั่วร่างกายพร้อมกับใช้คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ป้องกันสัมผัสสวรรค์เอาไว้ ร่างของเขาส่องแสงสลัวสีทองในขณะที่เดินไปยังดอกไม้
เขาไม่ได้เด็ดดอกไม้ดอกนั้นแต่เลือกขุดดินรอบๆแดน
หลิงฮันขุดดอกไม้ขึ้นมาทั้งรากและนำเข้าปลูกไปในหอคอยทมิฬ เมื่อปลูกเสร็จเขาถึงได้กลับออกมา
“ไปกันเถอะ!” เขาไม่ได้เก็บเนินเขาเข้าไปในหอคอยทมิฬและมอบโอกาสรอดชีวิตให้แมลงเหล่านั้น
สามคนหนึ่งหุ่นเชิดมุ่งหน้าเดินทางต่อ พวกเขาไม่กลับไปยังแม่น้ำเหลือง พวกเขาสามารถเดินทางต่อจากจุดนี้ได้เลยโดยไม่ต้องเดินเลียบแม่น้ำ หลังจากการสำรวจเขตแดนลี้ลับแห่งนี้หลายหมื่นปี สิ่งหนึ่งที่ถูกกำชับเอาไว้คือห้ามสัมผัสกับน้ำในแม่น้ำเหลือง
แม่น้ำแห่งนั้นเป็นแม่น้ำมรณะอย่างแท้จริง ถ้ามีใครไปสัมผัสโดนแม่น้ำ พวกเขาจะตายทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น ในขณะเดียวกันจิตวิญญาณของพวกเขาก็จะถูกแม่น้ำดูดเข้าไปและล่องลอยไปถามคลื่นน้ำตลอดชั่วชีวิต
ใครบางคนเคยพยายามรวบรวมน้ำจากแม่น้ำเหลือง แต่พวกเขาก็กลายเป็นศพไร้วิญญาณทันทีที่เข้าใกล้แม่น้ำ
ดังนั้นแม่น้ำแห่งนี้คือเป็นเขตหวงห้ามและเป็นที่จดจำในฐานะจุดสังเกตที่ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด
หลิงฮันสื่อสารผ่านหอคอยทมิฬในขณะที่เดินทาง เขาถามเซียนหวู่เซียงเกี่ยวกับแมลงและดอกไม้ประหลาด
“บุปผาหมอกครอบงำจิต?” เซียนหวู่เซียงพึมพำออกมาก่อนจะกล่าว “ดอกไม้ประหลาดชนิดนี้ไม่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ แต่มันมีผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัว มันสามารถส่งผลได้แม้แต่กับจอมยุทธรับวารีนิรันดร์”
หลิงฮันพยักหน้า “บุปผาหมอกครอบงำจิตดอกนี้ไม่สามารถทำอะไรข้าได้ นั่นหมายความว่ามันยังไม่เติบโตเต็มที่งั้นสิ?”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” เซียนหวู่เซียงกล่าวตอบ
บุปผาหมอกครอบงำจิตมีผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวมากหากใช้ให้ดี หลิงฮันมีหอคอยทมิฬ ดังนั้นเขาจึงสามารถนำมันออกมาใช้และกลับเข้าไปปลูกใหม่ หากทำเช่นนี้เขาสามารถคาดเดาสีหน้าหวาดหวั่นของศัตรูได้เลย
เพียงแต่ว่าบุปผาหมอกครอบงำจิตยังคงไม่เติบโตเต็มที่ อันที่จริงมันสามารถคุกคามเขาได้เล็กน้อยเท่านั้น หากเป็นต่อหน้าจอมยุทธระดับสุริยันจันทรามันคงไร้ประโยชน์ ต่อให้มันจะมีอำนาจที่น่ากลัวก็ตามแต่ก็ต้องใช้เวลานานในการฟูมฟัก
“แล้วแมลงเหล่านั้นล่ะ?” หลิงฮันถาม
“พวกคือแมลงศักดิ์สิทธิ์!” น้ำเสียงของเซียนหวู่เซียงแฝงไว้ด้วยความตกตะลึง
หลิงฮันมึนงงและถามออกไป “แมลงกินเนื้อเช่นนั้นน่ะรึถูกเรียกว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์’ ?”
เซียนหวู่เซียงนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะกล่าว “นั่นเป็นเพราะพวกมันเกิดมาจากซากศพของเซียน”
“หืม?” หลิงฮันประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ แมลงประหลาดเหล่านั้นเกิดมาจากซากศพของเซียน?
“เหตุการณ์ที่ว่าไม่ได้เกิดขึ้นกับเซียนทุกคน” เซียนหวู่เซียงกล่าวต่อ “มันขึ้นอยู่กับกฎแห่งเต๋าที่พวกเขาฝึกฝน เซียนบางคนอาจจะมีแมลงศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงเกิดขึ้นมาจากซากศพ บางคนก็อาจจะเป็นหนอนแมลงศักดิ์สิทธิ์น้ำแข็ง ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่ว่าแมลงทุกชนิดจะมีชนาดเล็กเช่นนี้ ข้าเคยเห็นแมลงศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดยาวถึงหมื่นเมตร พลังของมันน่าสะพรึงกลัวมาก ต่อให้เป็นข้าก็ไม่กล้าต่อกรกับมัน”
‘ยาวหนึ่งหมื่นเมตร? สิ่งมีชีวิตแบบนั้นยังเรียกว่าแมลงได้อีกรึ?’
“เช่นนั้นแล้วหรือว่าเขตแดนลี้ลับแห่งนี้จะเป็นสถานที่ของเซียน?” หลิงฮันถาม
“เป็นไปไม่ได้!” เซียนหวู่เซียงปัดข้อสันนิฐานของหลิงฮันทิ้งทันที “ถ้าที่นี่เป็นสถานที่ของเซียน แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จะสามารถเปิดทางผ่านได้อย่างไร? แน่นอนว่าถ้าหากเซียนยอมให้คนอื่นเข้ามาก็เป็นอีกเรื่อง”
“ดูเหมือนว่าจะมีเจ้าคนที่เป็นเจ้าของที่นี่จะพบแมลงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนสักแห่งจึงคอยเลี้ยงอย่างช้าๆจนมีจำนวนมากมายเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นถ้าหากเป็นแมลงศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงล่ะก็ พวกมันสามารถสังหารได้แม้แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะจับพวกมันได้”
หลิงฮันพยักหน้าเข้าใจ ตอนนี้เขาได้รับแมลงศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว เขาสามารถค่อยๆเพาะเลี้ยงมันต่อได้ เพียงแต่ว่าเขาต้องระวังตัวให้มาก ถ้าเขาสูญเสียการควบคุมแมลงเหล่านี้ พวกมันจะก่อหายนะต่อเขาเอง
เซียนเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานเมื่อยังมีชีวิต ต่อให้พวกเขาตายก็ยังคงสร้างความโกลาหลได้
เพียงแต่ว่าเหรียญมีสองด้าน แมลงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มีประโยชน์ต่อเขาหากใช้ให้ถูกวิธี
พวกเขาหยุดตั้งค่ายพักผ่อนหลังจากที่เดินมาทั้งวัน
สถานที่แห่งนี้มีเวลากลางวันและกลางคืน สิ่งที่สามารถใช้บ่งอกได้ก็คือความสว่างและวคามมืดจากบรรยากาศโดยรอบ ที่นี่ไม่มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์หรือดวงดาว สิ่งนี้เป็นหลักฐานว่าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ไม่แข็งแกร่งพอที่จะหยิบจับนำดวงดาวมาไว้ในเขตแดนลี้ลับ
พวกเขามีเวลาครึ่งปีเท่านั้น ผนึกของเขตแดนลี้ลับแห่งนี้จะค่อยๆกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิมหากเลยเวลานี้ไป เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้เป็นปรมาจารย์สามวิถีก็ไม่สามารถเปิดทางเข้าได้
เพราะงั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องย้อนกลับไปยังทางเข้าก่อนเวลาครึ่งปี เมื่อถึงเวลาที่กำหนกปรมาจารย์สามวิถีจะเปิดประตูให้ทุกคนออกไป
พวกเขาต้องวางแผนเวลาให้ดี ถ้าพวกเขาพลาดโอกาสกลับออกไป พวกเขาจะตกตายเนื่องจากผลึกของเขตแดนลี้ลับที่ค่อยๆฟื้นพลังกลับมา ไม่มีใครเคยได้ยินว่ามีคนรอดตายจนถึงหนึ่งร้อยปีข้างหน้าในการเปิดเขตแดนอีกครั้ง
ตอนที่ 1174
“ทำไมเมื่อคืนพี่สาวสุ่ยถึงหายตัวไปอย่างกะทันหันแบบนั้น?” เช้าวันถัดมาหูเฟยหยินพูดถามด้วยความสงสัย
สุ่ยเยี่ยนยวี่ที่กำลังรับประทานแทบจะสำลักออกมาและหันยิงตาขาวใส่หลิงฮัน
เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหลิงฮันไม่เรียกนางตอนดึกเพื่อทำเรื่องน่าอับอาย
หลิงฮันอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้และพูดว่า “ระหว่างรับประทานอาหารเจ้าไม่ควรพูดมากและรีบกินจะดีกว่า”
หูเฟยหยินบุ้ยปากด้วยความไม่พอใจ นางไม่ได้รับคำตอบจากสุ่ยเยี่ยนยวี่ แล้วตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากหลิงฮันอีก
หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเขาก็ออกเดินทางต่อ
ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่บุปผาครอบงำจิตเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอย่างแมลงศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย
นอกจากนั้น พวกเขายังพบสมุนไพรหลายชนิดระหว่างทาง แต่น่าเสียดายที่พวกเขามาช้าไปเล็กน้อยและสมุนไพรเหล่านั้นส่วนใหญ่ได้ถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว
บางคนทำตัวต่ำทรามมาก คนเหล่านั้นไม่เพียงแค่เก็บเกี่ยวสมุนไพรเท่านั้น แต่ยังทำลายรากของมันอีกด้วย แต่ก็ยังมีคนดีอยู่บ้าง พวกเขาเก็บสมุนไพรด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้รากของมันได้รับความเสียหายและสามารถเติบโตให้เก็บเกี่ยวได้อีกร้อยปีข้างหน้าหรืออาจอีกร้อยปีถัดไปถึงจะเก็บเกี่ยวได้อีกครั้ง
แต่หลิงฮันก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น ถ้าเขาเห็นรากเขาก็สามารถขุดแล้วนำไปปลูกในหอคอยทมิฬได้ ด้วยอำนาจพลังพิเศษของมันจะทำให้สมุนไพรต้นนั้นเติบโตได้
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงฮันกว้างขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้เขาสามารถกอบโกยกำไรได้มาก ถ้าเขาเก็บเกี่ยวสมุนไพรได้มากมายแบบนี้ทุกวัน อย่าพูดถึงเรื่องกำไรเลย ควรคิดว่าจะเก็บสมุนไพรได้มากแค่ไหนจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม โชคลาภไม่ได้อยู่ข้างเขาตลอด บางครั้งเขาพบแค่สมุนไพรเจ็ดหรือแปดชนิดต่อวันเท่านั้น
เจ็ดวันผ่านไปอย่ารวดเร็ว
ปัง! ปัง! ปัง!
มีการต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่ด้านหน้าพวกเขา และสามารถเห็นแสงที่เกิดจากการปะทะอยู่บนท้องฟ้าได้เป็นครั้งคราว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด
“พวกเราไปดูกันเถอะ!” หูเฟยหยินรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
แต่ความอยากรู้อยากเห็นของสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่หนักมาก นางพูดว่า “อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวจะดีกว่า”
แต่ทว่าฟูเฟยหยินกระโจนไปข้างหน้าแล้ว ก่อนที่สุ่ยเยี่ยนยวี่จะพูดจบเสียอีก
เจ็ดวันที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กับอะไรเลย ดังนั้นราชินีที่เก้าจึงเกิดความกระตือรืนร้นเป็นพิเศษอย่างไม่สามารถควบคุมได้
หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ทำได้แค่มองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ตามหูเฟยหยินไป
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย เพราะจอมยุทธที่มีระดับพลังมากกว่าระดับสุริยันจันทราจะไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ ดังนั้นหลิงฮันแทบจะเป็นตัวตนที่ไร้พ่ายในที่แห่งนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
มีก้อนหินยักษ์อยู่ด้านหน้าพวกเขา หลังจากที่ข้ามก้อนหินนั้นไปการต่อสู้ที่ดุเดือดก็ปรากฏอยู่ในสายตาของพวกเขา
ฝั่งหนึ่งมีเจ็ดคน ส่วนอีกฝั่งหนึ่งมียี่สิบห้า ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่ามากและฝั่งที่มีเจ็ดคนกำลังถูกล้อมเป็นวงกลม
“ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าหากส่งดอกบัวเก้าเทวะมาให้ข้า!” ฝั่งที่มีจำนวนมากกว่ากล่าว
“เหลวไหล!” หนึ่งในเจ็ดคนที่ถูกล้อมกล่าวด้วยความกล้าหาญ นางเป็นหญิงสาวที่มีผมสีแดงและสวมชุกเกราะ
“ที่พวกเจ้าไม่รีบสังหารพวกข้า นั่นเป็นเพราะว่าพวกเจ้ากลัวว่าจะเกิดความเสียหายกับดอกบัวเก้าเทวะ! เจ้าจะได้รับดอกบัวเก้าเทวะก็ต่อเมื่อพวกข้าทุกคนถูกฆ่าตายเท่านั้น” นางตะโกน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” คนที่เป็นฝ่ายล้อมส่งเสียงหัวเราะ
“ผู้บัญชาการเมิ่ง เจ้าไม่ต้องกังวลว่าคนที่เหลือจะไม่ตาย แต่ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!” ชายคนหนึ่งกล่าวขณะเลียริมฝีปาก “ชื่อเสียงอันโด่งดังของหัวหน้าเมิ่ง ถ้าพวกเราไม่ได้ลิ้มรสผู้บัญชาการเมิ่ง เจ้าไม่คิดว่ามันจะสูญเปล่าหรือ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ผู้ที่เป็นฝ่ายล้อมต่างส่งเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ เขตแดนลี้ลับนั้นใหญ่มาก ความน่าจะเป็นที่จะถูกค้นพบนั้นแทบจะเป็นศูนย์ – แต่ถ้าพวกเขาถูกพบก็แค่สังหารคนผู้นั้นทิ้งซะก็จบเรื่อง
“น่ารังเกียจ!” หูเฟยหยินทนไม่ไหว นางดึงดาบออกมาและกระโจนไปข้างหน้า “เจ้าพวกคนชั่วจงลิ้มรสดาบของข้าซะ!”
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของนางพร้อมกับจิตสังหาร ทำให้ผู้ที่เป็นฝ่ายล้อมรู้สึกตกตกลึง แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ส่งเสียงหัวเราะลั่น อีกฝ่ายเป็นแค่สาวน้อยก็เหมือนส่งเนื้อเข้าปากเสือหรือไม่?
“สาวงามอีกคน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า หากมีแค่ผู้บัญชาการเมิ่งคนเดียวพวกเราต้องต่อแถวรอคิวนานแค่ไหน? โชคดีที่มีสาวงามเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง!”
“หัวหน้า! ตรงนั่นมีสาวงามอีกคนหนึ่ง!”
สายตาของทุกคนหันไปมองสุ่ยเยี่ยนยวี่ทันที และช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะระงับความหื่นกระหายไม่ไหว นางเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดที่พวกเขาเคยพบเจอมา . หากได้ลิ้มลองหญิงสาวที่งดงามอย่างนาง มันจะทำให้มีอายุเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยปี!
“ข้าทนไม่ไหวแล้ว!” บางคนแสดงความตื่นเต้นออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว!” หลิงฮันโฉมลงมาอยู่ด้านหน้าคนเหล่านั้นและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไสหัวออกไปจากที่นี่ แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!”
หลิงฮันไม่ใช่นักฆ่า และเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างกลุ่มคนทั้งสอง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากฆ่าโดยไม่จำเป็น
“เจ้าหนู เจ้าบ้าไปแล้ว!” ชายอ้วนอายุประมาณสามสิบปีเดินออกมาพร้อมกับดาบยักษ์ที่ถืออยู่ในมือ และมีจิตสังหารที่รุนแรงมาก
“ข้าขอบคุณเจ้าสำหรับความช่วยเหลือ แต่คนพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ ในเมื่อเจ้ามีโอกาสควรรีบหนีไปเสียจะดีกว่า!” หญิงสาวผมแดงตะโกน
“ในเมื่อเจ้ามาหาพวกข้าถึงที่แล้วคิดหรือว่าข้าจะไปพวกเจ้าไป?” ฝ่ายที่ล้อมกล่าว
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ก็แค่สุนัขที่เก่งแต่เห่า ทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย?”
“สามห้าว!” แววตาของชายอ้วนที่ถือดาบยักษ์กลายเป็นเย็นชา เมื่อหลิงฮันพูดจบเขาก็กระโจนใส่ทันที
ในขณะที่เขาโจมตีออกไปอักขระศักดิ์สิทธิ์บนดาบยักษ์ก็ส่องแสงประกายและแผ่ความหนาวเย็นที่น่ากลัวออกมา
ฉัวะ!
แสงที่หนาวเย็นของดาบอสูรนิรันดร์ปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน มันเคลื่อนไหวด้วยตัวเองและตัดดาบยักษ์ของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย จากนั้นมันก็ผ่าชายอ้วนเป็นสองส่วน
โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วพร้อมกับอวัยวะที่กระจัดกระจาย
อะไรกัน!
ทุกคนรู้สึกตกใจและทึ่งกับดาบเล่มนี้
มันน่าสะพรึงกลัวมาก ดาบนั่นมันทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?
พรึบ ดาบอสูรนิรันดร์ลอยอยู่ด้านข้างหลิงฮัน ใบดาบไม่เปื้อนโลหิตเลยแม้แต่น้อย และปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
เมื่อดาบอสูรนิรันดร์ยกระดับขึ้น พลังของมันก็ยังยิ่งสะพรึงกลัวมากยิ่งขึ้น! ต้องทราบก่อนว่าแร่เหล็กกลืนกินสามารถเติบโตเป็นแร่เหล็กนิรันดร์ได้ แม้จะยังไม่บรรลุถึงระดับนั้น แต่มันก็แข็งแกร่งกว่าแร่เหล็กธรรมดาในระดับเดียวกันหลายเท่า
“เจ้าเป็นใครกัน?” ฝ่ายที่ล้อมกล่าว พวกเขาไม่กล้าดูถูกหลิงฮันอีกต่อไป
กลุ่มคนพวกนี้คือกลุ่มโจรที่ซื้อสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนลี้ลับและปล้นคนอื่นมา ดังนั้นพวกเขาจึงมีทั้งหมดยี่สิบห้าคน
แต่อย่าไดดูถูกพวกมันเชียว แม้พวกมันจะไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ก็บ่มเพาะพลังมานานหลายปี และบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้ว
ในมุมมองของพวกมัน หากพวกมันทั้งยี่สิบห้าคนร่วมมือกัน พวกมันจำเป็นต้องหวาดกลัวผู้ใดด้วยหรือ?
แต่ทว่าหลิงฮันกลับสามารถสังหารสหายคนหนึ่งของพวกมันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งทำให้พวกมันไม่กล้าทำตัวประมาทและในที่สุดก็ตระหนักว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งกว่า พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายเหนือกว่าจินตนาการของพวกมันมาก
ตอนที่ 1175
หลิงฮันหันไปเหลือบมองและพูดว่า “พวกเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้ชื่อของข้า!”
“หัวหน้า เลิกพูดไร้สาระกับมันและรีบฆ่าเจ้าเด็กนี่จะดีกว่า!” โจรคนหนึ่งตะโกนด้วยความหยิ่งยโส
หลังจากลังเลเล็กน้อย หัวหน้าโจรก็หยิบขวดหยกสีแดงออกมา แต่เขาไม่เปิดขวดหยกทันทีกลับพูดว่า “เจ้าหนู ตอนนี้เจ้ายังมีโอกาสที่จะออกไปจากที่นี่ แต่หญิงสาวที่มากับเจ้าสองคนต้องอยู่ที่นี่!” เขาชี้ไปที่สุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยิน
เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากหลิงฮัน เขารีบกล่าวต่อทันทีว่า “หึ่ม เจ้ารู้หรือไม่ในขวดหยกนี้มีอะไรอยู่? มันคือเม็ดยาภูผาวารีม่วงที่สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับข้าได้สามดาว!”
“เดิมทีข้าเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง หากพลังต่อสู้ของข้าเพิ่มขึ้นสามดาว เจ้าคิดหรือว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับข้าได้?”
เขาซื้อเม็ดยาภูผาวารีม่วงมาแพงมาก และมีเพียงแค่สองเม็ดเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่อยากใช้มันเว้นแต่สถานการณ์การจะบังคับ
หลิงฮันหัวเราะเล็กน้อย ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกขบขัน
เขาส่ายหัวและพูดว่า “เจ้ามันก็แค่กบก้นบ่อ ถึงพลังต่อสู้ของเจ้าจะเพิ่มขึ้นสามดาว เจ้าคิดหรือว่าจะสามารถกำจัดใครก็ได้ที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีอย่างนั้นรึ?”
“นี่เจ้ากำลังดูถูกข้าอย่างนั้นรึ?” หัวหน้าโจรกล่าวด้วยความโกรธ
พรึบ!
หลิงฮันเคลื่อนที่ออกไปด้วยความรวดเร็ว เขาคว้าขวดหยกและพูดว่า “เม็ดยาคงไร้ค่าหากตกอยู่ในมือของเจ้า มันคงจะดีกว่าถ้าขายมันเพื่อแลกกับแร่เหล็กระดับสี่”
แม้หัวหน้าโจรจะเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง แต่อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธธรรมดาไม่ได้เป็นอัจฉริยะ
โจรทุกคนตกอยู่ในอาการตกตะลึง หัวหน้าของพวกเขาถูกชิงขวดหยกไปก่อนที่จะรู้สึกตัวซะอีก ทำให้พวกเขาทุกคนตกอยู่ในกลัวและร่างกายสั่นเทาไปมาโดยสัญชาตญาต
“นายน้อยได้โปรดไว้ชีวิตพวกข้าด้วย!” หัวหน้าโจรทิ้งศักด์ศรีของตัวเองอย่างรดวเร็วและร้องขอความเมตตาจากหลิงฮัน
เขาเปลี่ยนสีไวมาก
หลิงฮันเผยจิตสังหารของเขาและพูดว่า “มิใช่ว่าเจ้าต้องการให้ข้าจากไปโดยทิ้งสตรีไว้ด้านหลังหรอกหรือ?”
“มิกล้า!” หัวหน้าโจรส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“โอ้ว นั่นเป็นเพราะข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า ถ้าข้าอ่อนแอกว่าเจ้า ข้าคงต้องหนีเอาตัวรอดโดยทิ้งผู้หญิงของข้าไว้ด้านหลังเหมือนที่เจ้าบอกให้ข้าทำสินะ” หลิงฮันกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หลิงฮัน ข้าไม่ใช่ผู้หญิงของเจ้า!” หูเฟยหยินรีบพูดชี้แจ้ง
หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “ท่านอ่านสถานการณ์ไม่ออกหรือว่าเป็นเช่นไร แล้วยังมาทำลายบรรยากาศของข้าอีก”
“โอ้ว แบบนั้นนี่เอง” หูเฟยหยินพยักหน้าและทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แม้ข้าจะไม่ใช่นักฆ่า แต่โชคร้ายที่ข้าคิดหาเหตุผลที่จะไว้ชีวิตเจ้าไม่ออก” หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้นและดาบอสูรนิรันดร์ก็เคลื่อนไหวตามคำสั่งของเขาเพื่อสังหารกลุ่มโจรทุกคน
“ฆ่ามัน!” เมื่อเห็นว่าหลิงฮันไม่คิดว่าไว้ชีวิตพวกเขา กลุ่มโจรทุกคนจึงบุกเข้าไปโจมตีใส่หลิงฮันทีละคน แต่น่าเสียดายไม่ว่าพวกมันจะโชคดีแค่ไหนก็ไม่รอดพ้นจากความตาย
พวกเขาเลิกสดใส่สตรีผมแดงและพรรคพวกของนาง แล้วหันไปโจมตีใส่หลิงฮัน ถ้าหลิงฮันไม่ตาย พวกเขาทุกคนก็จะตายกันหมด
หลิงฮันแสยะยิ้มและมีลำแสงทั้งหมดยี่สิบสี่สายพุ่งเข้าหากลุ่มโจรทั้งยี่สิบสี่คน
ฉัวะ!
กลุ่มโจรทั้งยี่สิบสี่คนหัวหลุดออกจากบ่าทันที แม้จะเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี แต่เมื่อถูกตัดหัวก็จะตายทันที
กลุ่มของสตรีผมแดงทั้งเจ็ดคนจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาที่ตกตะลึง นี่เขาแข็งแกร่งแค่ไหนกัน?
มิใช่ว่าจอมยุทธระดับสุริยันจันทราไม่สามารถเข้าสู่เขตแดนลี้ลับนี้ได้หรอกหรือ? หรือว่าพลังต่อสู้ของเขาจะไม่ใช่ระดับสุริยันจันทรา?
เขาสามารถฆ่ากลุ่มโจรที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงยี่สิบสี่คนได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว หากคนอื่นได้ยินใครจะเชื่อ?
หลิงฮํนยิ้มและพูดว่า “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”
หลังจากพูดจบ เขาก็คว้าตัวสุ่ยเยี่ยนยวี่เพื่อจากไป
“รอข้าด้วย!” หลังจากที่หูเฟยหยินหายตกตะลึง นางก็รีบตามหลิงฮัน
“เดี๋ยวก่อน!” สตรีผมแดงหายตกตะลึงและรีบไล่ตามหลิงฮันไป “เจ้าหนุ่มรูปหล่อ ทำไมเจ้าต้องรีบจากไปด้วย? เจ้ากลัวถูกข้าจับกินหรือ?” นางขยิบตาให้กับหลิงฮัน
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ นางเองก็เปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วยิ่งนัก เมื่อครู่นางเกือบถูกฆ่าตายอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับอยู่ในอารมณ์ที่เจ้าชู้
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถาม
“เฮ้อ!” สตรีผมแดงถอนหายใจ “ครั้งนี้พวกเราสูญเสียไปมาก”
โดยที่นางไม่สนใจว่าหลิงฮันจะรับฟังหรือไม่ นางเริ่มพูดเรื่องของตัวเองทันที
มันกลับกลายเป็นว่าพวกนางคือกลุ่มทหารรับจ้างที่ทำงานเพื่อเงิน
แต่ครั้งนี้พวกนางไม่ได้ถูกว่าจ้างทำภารกิจ แต่พวกนางใช้เงินไปจำนวนมากเพื่อพาตัวเองเข้ามาในเขตแดนลี้ลับครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายคือเพื่อกลับมาเอาสมบัติกลับไป ในอดีตพวกนางเคยได้รับการว่าจ้างให้คุ้มครองบุคคลผู้หนึ่งเมื่อร้อยปีก่อน ทำให้พวกนางค้นพบตำแหน่งที่ตั้งสมบัติในเวลานั้น แต่ก็มีสหายของนางหลายคนล้มตายและบาดเจ็บสาหัส แม้แต่นายจ้างก็ยังถูกฆ่าตาย
แต่พวกนางยังจำได้ว่าสมบัติอยู่ตรงไหนจึงมาที่นี่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม พวกนางก็พบดอกบัวเก้าเทวะโดยบังเอิญ แต่นั่นทำให้สหายของนางสี่คนต้องตายไปภายใต้กรงเล็บของสัตว์อสูรที่ปกป้องดอกบัวเก้าเทวะ แล้วหลังจากนั้นพวกนางก็ถูกกลุ่มโจรตลบหลัง
“พ่อหนุ่มรูปหล่อ เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งมากทำไมเจ้าไม่มาร่วมมือกับพวกเราล่ะ!” สตรีผมแดงกล่าวเชิญ “จริงสิ ข้าเป็นคนแซ่เมิ่ง เมิ่งเหว่ย”
หลิงฮันคิดอยู่ในใจ ร่วมมือกับกันเพื่อสมบัติ? แต่ดูเหมือนเจ้าจะจ้องจะกินข้ามากกว่า
“คนละครึ่งทางเป็นไง?” เมิ่งเหว่ยกล่าวด้วยความกระตือรืนร้น “ในขณะที่เจ้าแข็งแกร่ง แต่พวกข้ารู้ตำแหน่งที่ตั้งสมบัติ ดังนั้นพวกเราจะแบ่งคนละครึ่ง เจ้าตกลงหรือไม่?”
หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “ข้าขอคิดดูก่อน”
“ไม่จำเป็นต้องรีบ ยังไงเจ้าก็ต้องตอบตกลง” เมิ่งเหว่ยหัวเราะ โดยที่ไม่สนใจเลยว่าหน้าอกอันใหญ่โตของนางจะกระเพื่อมหรือไม่ และดูเหมือนจะหลุดออกมาจากชุดเกราะได้ทุกเมื่อ
หลิงฮันถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “มันเป็นสมบัติแบบไหนกัน อธิบายให้ข้าฟังหน่อย”
เมิ่งเหว่ยแสดงรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดว่า “มันเป็นสมบัติของนักปรุงยา ดังนั้นสมบัตินั่นน่าจะเป็นเม็ดยาจำนวนมาก และบางทีอาจมีสูตรปรุงยาด้วย พวกเราจะทำการคัดลอกแล้วนำไปขายเพื่อผลกำไรก้อนโต”
หลิงฮันรู้สึกสนใจทันที เมื่อได้ยินว่าเป็นสมบัติของนักปรุงยา
เขาพยักหน้าและพูดว่า “ก็ได้ ข้าจะร่วมมือกับพวกเจ้า เม็ดยาจะแบ่งกันอย่างเท่าเทียม ส่วนสูตรปรุงยาก็คัดลอก”
“ตกลง!” เมิ่งเหว่ยยืนมือออกไป
หลิงฮันและนางจับมือกัน แล้วพวกเขาทั้งสองก็กลายเป็นพันธมิตรกัน
พวกเขาออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของสมบัติ แต่ในตอนกลางคืนพวกเขาตัดสินใจที่จะหยุดพักและฟื้นฟูพลัง นั่นเป็นเพราะพวกเขาต่อสู้มาอย่างหนักหน่วงในช่วงเวลากลางวัน
ตอนที่ 1176
หลังจากไล่หูเฟยหยินออกไปได้ หลิงฮันก็โอบกอดสุ่ยเยี่ยนยวี่เพื่อที่จะทำสงครามยามค่ำคืน
เนื่องจากด้านนอกมีคนอื่นอยู่ พวกเขาจึงไม่เข้าไปในหอคอยทมิฬ
‘พรึบ’ เมิ่งเหว่ยเปิดประตูกระโจมที่พักเข้ามา นางสวมชุดคลุมสีแดงสด ผมที่เพิ่งเช็ดหมาดๆของนางมีน้ำหยดทำให้ดูแล้วยั่วยวนยิ่ง
“หัวหน้าเมิ่งเวลาดึกดื่นขนาดนี้ มีธุระอันใดรึ?” หลิงฮันถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรเล็กน้อย อีกฝ่ายบุกเข้ามาโดยไม่ขออณุญาติทำให้เขาไม่ค่อยพอใจ
ต่อให้เจ้าเป็นสตรีหรือจะงดงามแค่ไหน เจ้าก็บุกรุกที่พักของคนอื่นไม่ได้
“ทั้งสองคนจะว่าอะไรรึไม่หากข้าจะขอนอนกับพวกเจ้าด้วย?” เมิ่งเหว่ยกล่าว
‘พรวด’ หลิงฮันสำลักออกมาทันที โชคดีที่วันนี้สถานการณ์เป็นไปอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นสุ่ยเยี่ยนยี่คงคิดว่าเขานอกใจเสียแล้ว
สุ่ยเยี่ยนยวี่ตะลึงเหมือนกัน “พี่สาวเมิ่งท่านเมารึเปล่า?”
ใบหน้าของเมิ่งเหว่ยแสดงออกถึงท่าทีประหลาดใจ “ทำไมต้องตกใจด้วย พวกเจ้าไม่ได้กำลังทำเรื่องสนุกๆกันอยู่รึไง?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกเขินอายและรีบหลบหน้าไปที่ด้านหลังหลิงฮัน นางอายจนไม่กล้ามองหน้าใคร
ใบหน้าของหลิงฮันหนาพอ เขากล่าวออกไป “หัวหน้าเมิ่งท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าเหนื่อยลำบากมาทั้งวันแล้ว พี่น้องมากมายของข้าตกตาย หัวใจของข้าอ่อนล้าจนอยากได้เจ้าช่วย!” เมิ่งเหว่ยจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตายั่วยวน “อย่ามองข้าเป็นคนใจง่ายเชียง แม้ว่าข้าจะไม่สาวสะพรั่งดั่งหยกแล้ว แต่ข้าก็จะทำกับบุรุษที่ข้าหมายตาเท่านั้น”
นี่ยังไม่เรียกว่าใจง่าย?
สุ่ยเยี่ยนยวี่อ้าปากค้าง สตรีผู้นี้… เกินจะเยียวยาแล้ว
“ดูจากท่าทีของเจ้า เจ้าคิดว่าหากบุรุษกับสตรีร่วมรักกัน สตรีจะเป็นฝ่ายเสียหาย?” เมื่งเหว่ยเค้นเสียง “ข้าแค่อยากสนุกเท่านั้นและไม่ได้ตั้งใจจะมีลูกกับเจ้าด้วย เมื่อเจ้าเสร็จสมอย่างพึงพอใจข้าจะเป็นฝ่ายไปเองโดยไม่มีใครเสียหาย”
ที่นางพูดก็ไม่ผิด เพียงเพราะว่าในโลกให้วรยุทธที่สตรีงดงามนั้นเป็นทรัพยากรล้ำค่า จึงมีความเชื่อที่ว่าเมื่อบุรุษกับสตรีร่วมรักกัน บุรุษจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ส่วนสตรีจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ปากของหลิงฮันกระตุก เขาเพิ่งจะเคยพบเจอสตรีเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขาไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไรดี
“ว่าไง ข้ามีเรือนร่างที่งดงามใช่ไหมล่ะ?” เมื่งเหว่ยภูมิใจในหน้าอกของตนเอง
“ขอโทษที ข้าไม่มีนิสัยมองสหายร่วมทางด้วยสายตาลามก” หลิงฮันโบกมือบอกปัด
เขาไม่ได้เสแสร้ง หลิงฮันไม่ได้เป็นคนมีความสนใจได้ความสัมพันธ์คืนเดียวเช่นนี้
เขาไม่ได้เป็นบุรุษที่หลงไหลเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ แต่เขาก็ไม่มีความสุขกับสตรีอื่นเพียงชั่วครู่เช่นกัน
“งั้นข้าคงต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่!” เมิ่งเหว่ยมองไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่และกล่าว “สาวน้อย พี่สาวคนนี้จะสอนเจ้าถึงความสุขจากการมีคู่นอนเป็นสตรีให้! เชื่อข้าเถอะ เทคนิคของพี่สาวไม่ด้อยไปกว่าบุรุษของเจ้าแน่นอน รับประกันได้เลยว่าข้าจะช่วยให้เจ้าลอยได้”
ให้ตายเถอะ นี่เจ้ากล้าล้ำเส้นขนาดนั้นเลย?
หลิงฮันไม่สบอารมณ์และเดินไปจับคอยกร่างนางขึ้นมา
“อัก!” เมิ่งเหว่ยโอดครวญ หลิงฮันโยนนางออกมาจากกระโจมจนก้นกระแทกพื้น
“ฮ่าๆๆ หัวหน้า ท่านถูกเมินอย่างงั้นรึ?”
“ข้าบอกท่านแล้ว เขามีสตรีงดงามถึงสองคนข้างกายอยู่แล้ว แถมคนหนึ่งยังงดงามหาที่เปรียบอีกด้วย ถ้าใครเห็นนางก็ต้องหลงใหล แบบนี้เขาจะหลงเสน่ห์ท่านหัวหน้าได้อย่างไร”
“เพียงแต่ว่าขนาดมีสตรียอมให้ถึงหน้าประตูเขายังไม่สน ดูเหมือนนายน้อยฮันจะมีรสยมสูงมากทีเดียว”
ลูกน้องของเมิ่งเหว่ยหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้นิสัยของหัวหน้าตนเองเป็นอย่างดี
“เจ้าหมายความว่าระดับของข้าคนนี้ไม่สูงพองั้นรึ?” เมิ่งเหว่ยสะบัดชุดคลุม ท่าทีของนางกลับมาเป็นดังเดิม
เหล่าลูกน้องหัวเราะ พวกเขานั้นมีชะตะเกิดและตายไปพร้อมกับเมิ่งเหว่ย กล่าวได้ว่าพวกเขากับเมิ่งเหว่ยไม่ต่างอะไรกับพี่สาวและน้องชาย แม้พวกเขาจะเหมือนไม่เคารพนางแต่พวกเขาก็ยินดีตายเพื่อนาง
นางครวญครางอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากถอนหายใจนางก็กล่าวประโยชคทิ้งท้ายเอาไว้ “ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” พูดเสร็จนางก็เดินกลับเข้ากระโจมของตน
สุ่ยเยี่ยนยวี่เขอะเขินและมุดหัวอยู่ในอ้อมแขนหลิงฮัน “เป็นไปได้อย่างไรที่มีสตรีนิสัยเช่นนั้น?”
หลิงฮันหัวเราะ “ถ้าเมิ่งเหว่ยเป็นบุรุษ เจ้าจะยังพูดแบบนั้นอยู่รึเปล่า?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ครุ่นคิดและกล่าว “ผู้ชายนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่โหยหาความรักใคร่ พวกเขาจะมีนิสัยเช่นนั้นย่อมไม่แปลกอะไร”
หลิงฮันพยักหน้า “ก็นั่นไง ทั้งๆที่การกระทำเหมือนกัน แต่บุรุษกลับเป็นฝ่ายปกติ ส่วนสตรีกลับเป็นฝ่ายถูกกล่าวหา?”
เป็นไปไม่ได้ที่ความคิดของสุ่ยเยี่ยนยวี่จะเปลี่ยนได้ในทันที นางส่ายหัวและกล่าว “อย่างไรข้าก็ยอมรับไม่ได้!”
“แน่นอน เจ้ามีสามีที่หล่อเหลาเช่นข้าอยู่แล้ว เจ้าจะหาบุรุษคนอื่นอีกทำไม?” หลิงฮันหัวเราะ
“ฮึ่ม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่คำรามใส่เขา ชายคนนี้หยุดพูดจาหยอกล้อไม่ได้เลยจริงๆ
……
เมื่อค่ำคืนผ่านไป วันรุ่งขึ้นทุกคนก็ออกเดินทางต่อ
ถึงแม้จะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนมาเมื่อคืน เมิ่งเหว่ยก็ไม่เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย นางเป็นสตรีที่หน้าหนาพอ
แม้นางจะไม่ขวยเขิน แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่กลับเป็นฝ่ายรู้สึกอายทุกครั้งที่มองไปยังนางเนื่องจากถูกลวนลามด้วยคำพูดเมื่อคืน
พวกเขาค่อยๆเดินห่างออกมาจากแม่น้ำเหลืองเรื่อยๆ หลังจากวันเวลาผ่านไปหลายวันตำหนักขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าพวกเขา
“ระวังตัวด้วย!” เมิ่งเหว่ยเหว่ยกล่าวเตือน “ในการเดินทางครั้งที่แล้วเมื่อร้อยปีก่อน พวกเราพบเจอกับกลุ่มสัตว์อสูรที่นี่ พวกเราเข้าไปได้แค่นิดเดียวกก็ถูกล่าสังหารจนต้องหนีถอย”
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ “ในเมื่อเจ้าไม่เคยเข้าไปส่วนลึกของตำหนักแห่งนี้ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีสมบัติเม็ดยาอยู่ที่นั่น?”
ตอนที่ 1177
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เมิ่งเหว่ยแสดงสีหน้าพึงพอใจ “ข้าพึ่งฝนทักษะพิเศษ ซึ่งมันทำให้ข้าสามารถสัมผัสร่องรอยของความศักดิ์สิทธิ์ได้ในระยะเวลาหนึ่ง!”
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะประเมินนางสูงขึ้น ทักษะนั่นช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก มันสามารถสำรวจพื้นที่ที่ไม่เคยสำรวจมาก่อนได้ โดยที่ตัวเองไม่ต้องรับความเสี่ยง
“ถ้างั้นสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นเช่นไร?” หลิงฮันถาม
เมิ่งเหว่ยพยักหน้า จากนั้นนางก็หลับตาลงและนิ่งราวกับเป็นรูปปั้นหิน
หืม?
หลิงฮันสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างออกมาจากร่างกายของเมิ่งเหว่ย โดยทั่วไปแล้วมันไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ มีเพียงแค่การใช้สัมผัสสวรรค์เท่านั้นถึงจะรับรู้การมีอยู่ของมัน
หลังจากนั้นไม่นาน เมิ่งเหว่ยก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหันและพูดว่า “มันยังคงมีกลุ่มสัตว์อสูรอยู่ด้านใน ข้าจำพวกมันได้”
“พวกมันแข็งแกร่งแค่ไหน?” หลิงฮันถาม
“สัตว์อสูรส่วนใหญ่อยู่ในระดับภูผาวารีขั้นสูง มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่อยู่ระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด” เมิ่งเหว่ยกล่าว จากนั้นนางก็ตบไปที่ไหล่ของหลิงฮัน “ในอดีต พวกข้าทำได้แค่วิ่งหนีเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกข้ามีเจ้าอยู่ที่นี่ พวกมันจะต้องถูกสังหารหมดอย่างแน่นอน”
“เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องของข้าหรือไม่?” หลิงฮันส่ายหัว
ถ้าพวกมันเป็นแค่สัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว แต่เขากลัวว่าจะมีสัตว์อสูรระดับสุริยันจันทราอยู่ หากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะทำได้แค่หนีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขุมทรัพย์ของนักปรุงยา มันก็ยังคุ้มค่าที่จะเสี่ยงอยู่ดี
ปัง!
เขาเตะพังประตูลานกว้างและเข้าไปข้างใน
แต่เดิมมันเป็นสวน แต่ตอนนี้เป็นสวนที่แห้งแล้ง ซึ่งมีสัตว์อสูรสามตัวกำลังนอนอยู่บนพื้น รูปร่างของมันคล้ายคลึงกับเสือ แต่ที่แตกต่างคือพวกมันทั้งสามตัวมีเขาสีเงินอยู่ตรงกลางหน้าผาก
เมื่อได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหว สัตว์อสูรทั้งสามตัวก็ลุกขึ้นพร้อมกัน
“มีใครกำลังมา!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนพวกเราจะได้สังหารหมู่พวกมันอีกแล้ว!”
“เลือดเนื้อของจอมยุทธนั้นเต็มไปด้วยแหล่งพลังงาน หากข้าได้กินมนุษย์ บางทีข้าอาจได้เลื่อนระดับ”
“มันจะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร เว้นแต่เจ้าจะได้กินมนุษย์ที่เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา! ยังไงก็ตามมันเป็นเรื่องที่ดีจะเริ่มงานสังหารหมู่ ข้าไม่ได้กินเนื้อมนุษย์มาช้านาน ช่างน่าคิดถึงยิ่งนึก!”
สัตว์อสูรทั้งสามตัวพูดคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติ หลังจากที่พวกมันทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้า การที่พวกมันจะแปลงกายเป็นมนุษย์นั้นจึงไม่ใช่ปัญหา
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าเองก็ไม่ได้กินเนื้อของสัตว์อสูรมานาน และข้าก็ไม่รู้สึกรังเกียจที่จะได้กินเนื้อของพวกเจ้า”
“เจ้ามนุษย์อวดดี!”
“ฆ่ามัน!”
สัตว์อสูรทั้งสามตัวส่งเสียงคำรามและกระโจนเข้าหาหลิงฮัน
พวกมันทั้งสามตัวเป็นสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูงและมีพลังต่อสู้ที่ค่อนข้างหน้าทึ่งทีเดียว เพราะสัตว์อสูรนั้นมีความได้เปรียบเหนือกว่ามนุษย์มาก ไม่ว่าจะเป็นพลังโจมตีหรือพลังป้องกันก็ตาม
เมื่อสัตว์อสูรทั้งสามตัวกระโจนเข้ามา ร่างเงาของพวกมันก็บังหลิงฮันมิด
หลิงฮันส่ายหัวและยกนิ้วขึ้นมาอย่างเฉยเมย ฉัวะ แสงดาบพุ่งออกมาสามสาย แล้วจากนั้นสัตว์อสูรทั้งสามตัวก็ถูกฟันออกเป็นสองส่วนและตายอย่างสมบูรณ์
เนื่องจากหลิงฮันเคยสังหารกลุ่มโจรยี่สิบสี่คนที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงมาก่อน ดังนั้นเมิ่งเหว่ยและกลุ่มของนางจึงเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เมื่อพวกนางเห็นหลิงฮันสังหารสัตว์อสูรทั้งสามตัวด้วยนิ้วเดียว มันก็ยังทำให้พวกนางรู้สึกตกตะลึงอย่างมากอยู่ดี
จอมยุทธระดับภูผาวารีอย่างเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร!
สมแล้วที่เป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง!
หลิงฮันเดินไปข้างหน้าและเก็บร่างของสัตว์อสูรทั้งสามตัวเข้าไปในหอคอยทมิฬ ซากศพของพวกมันสามารถทำเป็นยาบำรุงได้ดีและมีคุณสมบัติซ่อมแซมร่างกายได้อย่างน่าทึ่ง
“ยังมีอีก!”
สัตว์อสูรหลายตัวแห่กันออกมาจากคฤหาสน์และเมื่อเห็นโลหิตเปื้อนบนพื้นดินพร้อมกับสหายของพวกมันทั้งสามตัวที่หายไป ทำให้พวกมันรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
อสูรพยัคฆ์เขาเดียวก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “มนุษย์ สหายของข้าอยู่ที่ไหน?”
“พวกมันต้องการกินข้า ดังนั้นข้าจึงสังหารพวกมันไปแล้ว” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นี่ทำให้สัตว์อสูรเหล่านั้นโกรธเกรี้ยวมากยิ่งขึ้น และพวกมันแต่ละตัวอย่างจะพุ่งเข้าไปสังหารหลิงฮันให้ตายคามือ
อย่างไรก็ตาม อสูรพยัคฆ์เขาเดียวส่งเสียงคำรามและทำให้สัตว์อสูรตัวอื่นๆสงบลง จากนั้นมันก็พูดว่า “มนุษย์ พวกข้าไม่มีความเกลียดชังต่อกัน ในเมื่อพวกเจ้าเข้ามาในอาณาเขตของข้า แล้วทำไมต้องสังหารพรรคพวกของข้า?”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้ารู้สึกละอายเล็กน้อยกับคำถามของเจ้า! ยังไงก็ตาม เนื่องจากพวกเจ้าเป็นสัตว์อสูร แล้วทำไมถึงมาอยู่อาศัยในสถานที่ของมนุษย์? พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ช่วยไม่ได้ที่อสูรพยัคฆ์เขาเดียวจะรู้สึกตกใจ ทั้งที่มันเป็นฝ่ายถามมนุษย์ แต่มนุษย์ผู้นี้กลับไม่ตอบคำถามของมัน และยังยิงคำถามใส่อีก
ถึงกระนั้นมันก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับมนุษย์พวกนี้ สหายของมันทั้งสามตัวถูกสังหารอยากรวดเร็ว นี่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน
“พี่ใหญ่ พวกเราจะพูดจาไร้สาระกับมันอยู่ทำไม ในเมื่อพวกเขามีจำนวนมากกว่ายังต้องกลัวพวกมันอีกหรือ?” อสูรพยัคฆ์เขาเดียวตัวหนึ่งกล่าวด้วยความเหยียดหยาม พวกมันเคยกินมนุษย์มานับไม่ถ้วน ในสายตาของพวกมันมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ จึงทำให้พวกมันไม่หวาดกลัวต่อมนุษย์
อสูรพยัคฆ์เขาเดียวที่เป็นหัวหน้าดูลังเล ด้านหนึ่งมันไม่อยากมีเรื่องกับหลิงฮัน ในอีกด้านหนึ่งเนื่องจากพวกมันคิดว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอมาโดยตลอด ดังนั้นมันจึงไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี
“ฆ่าพวกมัน!” เมิ่งเหว่ยนำดาบออกมาและกระโจนออกไปข้างหน้า
“ตามหัวหน้าไป!” เหล่าลูกน้องของนางรีบติดตามนางไปอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นถ้านางถูกพวกอสูรพยัคฆ์เขาเดียวล้อม แม้นางจะเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงก็จะถูกพวกมันฉีกเป็นชิ้นๆอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ที่แท้มันก็เป็นเจ้านี่เอง!” สัตว์อสูรเขาเดียวตัวหนึ่งแสยะยิ้ม ที่ชายตาของมันมีบาดแผล เนื่องจากถูกเหมิ่งเหว่ยโจมตีเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ทำให้มันเคียดแค้นนางมาหลายปี และไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสได้แก้แค้น
ดังนั้นมันจึงตัวแรกที่กระโจนออกมา
เมื่อพรรคพวกของมันเห็น พวกมันก็รีบตามไปทีละตัว
อสูรพยัคฆ์เขาเดียวที่เป็นหัวหน้าฝูงทำได้แค่มองและแผดเสียงคำราม
“ฆ่ามัน! ฆ่ามันเลย!” หูเฟยหยินกำลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังสุ่ยเยี่ยนยวี่ ถึงแม้นางจะชอบดูอะไรสนุกๆ แต่ก็หวาดกลัวต่อความตาย ดังนั้นนางจึงหลบอยู่ด้านหลังสุ่ยเยี่ยนยวี่และดูฉากต่อสู้
สุ่ยเยี่ยนยวี่เองก็อยากออกไปร่วมต่อสู้ด้วย นางไม่อยากเป็นคนไร้ประโยชน์เมื่ออยู่กับหลิงฮัน ถึงกระนั้นนางไม่ได้โง่ ในบรรดากลุ่มอสูรพยัคฆ์เขาเดียวที่อ่อนแอที่สุดมีระดับบ่มเพาะพลังเทียบเท่ากับนาง
ส่วนจักรพรรดิจอมอสูรมีหน้าที่รับผิดชอบปกป้องนางอยู่ด้านข้าง แม้มันจะมีพลังต่อสู้ระดับสุริยันจันทรา แต่มันไม่สามารถใช้พลังดังกล่าวได้ตามอำเภอใจ มิฉะนั้นถูกขับไล่ออกไปจากที่นี่
อย่างไรก็ตาม ทั้งหลิงฮันและจักรพรรดิจอมอสูรต่างก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร พวกเขาแค่สังเกตการณ์อยู่ด้านข้างเท่านั้น
ตอนที่ 1178
อสูรพยัคฆ์เขาเดียวจ่าฝูงประหลาดใจเล็กน้อย
มันมองมนุษย์เหล่านี้เอาไว้สูงมาก ดังนั้นมันรอดูท่าทีก่อนและไม่ได้เข้าไปสู้รบ เพียงแต่ว่าดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เผ่ามนุษย์เหล่านี้เป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาจะต้องตายแน่นอน!
มีมนุษย์อยู่สองคนที่ยังไม่ลงมือ คนหนึ่งเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีไม่ผิดแน่ แถมยังเป็นขั้นสูงสุดอีกด้วย เพียงแต่ว่าระดับพลังเช่นนั้นหากให้อสูรพยัคฆ์เขาเดียวสักสิบตัวรุมก็น่าจะชนะได้
หรือว่ามันจะระวังตัวเกินไป?
มันฉุกคิดขึ้นมาว่าหลายพันปีที่ผ่านมา พวกมันสังหารและกินมนุษย์มาแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คน อย่างมากพวกมันก็พบเจอความลำบากเล็กๆน้อยๆ เพราะอย่างไรเผ่ามนุษย์ก็อ่อนแอเป็นอย่างมาก
เมื่อคิดได้เช่นนี้อสูรพยัคฆ์เขาเดียวจ่าฝูงก็โล่งใจ มันคำรามเสียงดังก่อนจะกล่าว “พี่น้องทั้งหลาย ให้ข้าร่วมสู้ด้วย!”
อสูรพยัคฆ์เขาเดียวหลายสิบตัวที่ยังไม่ลงมือก็คำรามและเข้าร่วมต่อสู้เช่นกัน
ด้วยการที่อสูรพยัคฆ์เขาเดียวอีกหลายตัวเข้าร่วมสู้ด้วย สถานการณ์ของพวกเมิ่งเหว่ยก็ย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม
“พ่อรูปหล่อ ช่วยพวกเขาได้แล้ว!” เม่งเหว่ยกล่าวเรียก
“เจ้าหนู ดูเหมือนเข้าจะเป็นผู้นำของกลุ่มมนุษย์เหล่านี้สินะ” อสูรพยัคฆ์เขาเดียวจ่าฝูงจ้องมองไปยังหลิงฮัน “แน่นอนว่าข้าก็เป็นจ่าฝูงเหมือนกัน ราชาเช่นพวกเรามาตัดสินกันเองดีกว่า!”
“ย่อมได้!” หลิงฮันยิ้ม มือขวาของเขากำหมัดและชกออกไป
ตูม!
ปราณก่อเกิดระเบิดออกมา อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ถูกโคจรหลายเป็นเส้นลำแสง ‘ครืนน’ กำแพงรอบตำหนักถูกบดขยี้ แต่พลังของลำแสงไม่ได้หยุดเท่านี้ ‘ตูม ตูม ตูม’ กำแพงกว่าสิบเอ็ดชั้นหายไปด้วยหมัดของหลิงฮัน แต่ตัวตำหนักนั้นไม่ได้รับความเสียหาย
ลำแสงกลายเป็นจุดเล็กและสลายหายไป หลุมลึกถูกทิ้งเอาไว้บนพื้นแสดงให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของหมัดเมื่อครู่
สภาพแวดล้อมของดินแดนสวรรค์นั้นหนาแน่นมั่นคง เป็นเรื่องยากมากหากจอมยุทธระดับภูผาวารีคิดจะทำให้สภาพแวดล้อมของดวงดาวได้รับความเสียหาย แต่หลิงฮันที่มีพลังระดับภูผาวารีนั้นมีพลังต่อสู้ถึงแปดดาว พลังทำลายของเขาจึงทรงพลังจนน่ากลัว
หัวของอสูรพยัคฆ์เขาเดียวจ่าฝูงกระตุก เหงื่ออันเย็นเฉียบไหลหยดลงมาจากร่างของมัน
“ข้าชกพลาดเสียได้” หลิงฮันพึมพำก่อนจะยิ้ม “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอะไรนะ? ต้องการจะสู้กับข้าตัวต่อตัวในฐานะราชา?”
อสูรพยัคฆ์เขาเดียวจ่าฝูงจะร้องไห้ มันไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้
การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อครู่นั้น ไม่ต้องกล่าวถึงตัวมันตัวเดียวเลย ต่อให้พี่น้องอสูรพยัคฆ์เขาเดียวของเขามารวมกัน เกรงว่าร่างของพวกมันทุกตัวคงหายไปในพริบตาเดียว
มันเข้าใจในที่สุดว่าเผ่ามนุษย์เหล่านี้ไม่ธรรมดา… โดยเฉพาะบุรุษตรงหน้ามัน!
“ขอยอมแพ้! สงบศึก!” มันรีบโอดครวญออกมา
“สายไปแล้ว พอดีว่าข้าอยากกินเนื้อพยัคฆ์” หลิงฮันลงมือทันที เขาจัดการอสูรพยัคฆ์เขาเดียวจ่าฝูงด้วยนิ้วเดียว
เขาอยากเล่นสนุกนานกว่านี้อีกหน่อย แต่เมื่อคิดว่ามีภารกิจตามหาสมบัติเม็ดยาอยู่ เขาก็ไม่คิดจะเสียเวลาอีกต่อไป
อสูรพยัคฆ์เขาเดียวเหล่านี้สังหารและกินมนุษย์มามากมาย มีเหตุผลที่เขาต้องเมตตาพวกมันด้วย?
ปราณดาบบินออกไปทุกที่ที่หลิงฮันก้าวเดิน อสูรพยัคฆ์เขาเดียวทุกตัวถูกสังหาร ร่างของพวกมันถูกนำเข้าไปในหอคอยทมิฬ นี่เป็นรางวัลส่วนของเขาที่ไม่ต้องแบ่งให้เมิ่งเหว่ย
“ง่ายเช่นนี้เลย!” เมิ่งเหว่ยและลูกน้องกล่าว พวกเขาคิดว่าการต่อสู้จะดุเดือดกว่านี้เสียอีก
เมิ่งเหว่ยเดินนำทุกคนเข้าไปยังส่วนลึกของตำหนัก ที่นั่นมีห้องลับที่ถูกผนึกเอาไว้
“ข้าค้นพบที่นี่เมื่อร้อยปีก่อน” เมิ่งเหว่ยกล่าว เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนนางพบที่นี่ด้วยทักษะลับของนางและได้เห็นว่าด้านในมีเม็ดยาอยู่มากมาย
“กลุ่มอสูรพยัคฆ์เขาเดียวเป็นผู้ปกครองที่นี่ เกรงว่าพวกมันก็คงอยากเปิดผนึกห้องนี้เช่นกัน” หลิงฮันรู้ว่าหลังจากที่ทะลวงผ่านระดับพระเจ้าแล้ว สัตว์อสูรก็ไม่ต่างกับมนุษย์ในด้านการบ่มเพาะพลัง สัตว์อสูรสามารถดูดซับเม็ดยาเพื่อเพิ่มพลังได้เช่นกัน
“เพียงแต่ว่าผนึกที่นี่ก็ยังคงมั่นคงอยู่” เขาตรวจสอบและพบว่าแม้เวลาจะผ่านไปนาน ผนึกของห้องนี้ก็ยังคงทรงพลัง ไม่เช่นนั้นอสูรพยัคฆ์เขาเดียวมากมายเช่นนั้นคงรวมพลังกันทำลายผนึกไปแล้ว
“เจ้าสามารถปลดผนึกได้รึไม่?” เมิ่งเหว่ยถาม
“ข้าจะลองดู” หลิงฮันไม่รอข้าและเดินไปรอบๆเพื่อตรวจสอบผนึกอย่างคร่าวๆ
หลังจากนั้นเขาก็ได้ข้อสรุปว่าด้วยความสามารถของเขา จำเป็นต้องใช้เวลาราวๆสิบปีในการปลดผนึก
ในสถานการณ์ปกติไม่มีทางที่จะปลดผนึกได้ทันเวลาเลย เนื่องจากหากเวลาผ่านไปครึ่งปี เขตแดนลี้ลับแห่งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้ที่มาจากโลกภายนอกจะถูกสังหารไม่เหลือ
แต่ว่าหลิงฮันมีต้นสังสารวัฏ!
เขากล่าวไปว่าเขาต้องการมีสมาธิกับการศึกษาผนึกไม่อาจถูกรบกวนได้และไล่เมิ่งเหว่ยกับคนอื่นๆออกไป เขาให้จักรพรรดิจอมอสูรเฝ้าประตูตำหนักเอาไว้และเขาไปในหอคอยทมิฬเพื่อทำความเข้าใจผนึกใต้ต้นสังสารวัฏ
สองวัน สามวัน… สิบเอ็ดวันผ่านไปในที่สุดหลิงฮันก็ยิ้มขึ้นมาอย่างมั่นใจ
เขาเรียกทุกคนเข้ามา
“พ่อรูปหล่อ เจ้าสามารถปลดผนึกได้แล้ว?” เมิ่งเหว่ยมีท่าทีตะลึง
เวลาผ่านไปเพียงสิบเอ็ดวันเท่านั้น!
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “แน่นอน ข้าเป็นอัจฉริยะ!”
ทุกคนหัวเราะ แต่พวกเขาก็รู้ว่าหลิงฮันไม่ได้โอ้อวด การที่สามารถแก้ผนึกที่ซับซ้อนเช่นนั้นได้ในเวลาเพียงสิบเอ็ดวันเรียกได้ว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ
หลิงฮันไม่พูดเล่นอีกต่อปะเคลื่อนไหวมือไปทางนู้นทีทางนี้ที ท่าทีของเขาราวกับว่ากำลังไล่จับผี
หูเฟยหยินหาวด้วยความเบื่อหน่าย ความอดทนของนางมีน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ชั่วโมงนึงผ่านไป ทุกคนรู้สึกว่าร่างของตนเองเบาหวิวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ พวกเขามองไปรอบๆก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแท้ๆ
“คลายผนึกสำเร็จแล้ว” หลิงฮันยิ้มอย่างมั่นใจ เขาเดินไปยังประตูห้องเม็ดยาโดยไม่ถูกโจมตี
เขาผลึกประตูหินขนาดใหญ่ให้เปิดออก ประตูหินนี้ดูแล้วค่อนข้างนักมาก แต่ด้วยแรงจากการดันของเขา ประตูก็ค่อยๆถูกเปิดออกย่างช้าๆ
ทุกคนเปิดตากว้างตั้งตารออย่างมีความหวัง
เมื่อประตูเปิดออก ภายในห้องก็เต็มไปด้วยความมืดมิด
เพียงแต่ว่าสายตาของจอมยุทธระดับพระเจ้าสามารถมองเห็นโดยไม่ต้องพึ่งแสงไฟอยู่แล้ว พวกเขามองเห็นขวดมากมายวางเรียงอยู่บนชั้นตู้ในห้อง ขวดแต่ละอวดอัดแน่นไปด้วยเม็ดยา
“รวยแล้ว! พวกเรารวยแล้ว!” เมิ่งเหว่ยและคนอื่นๆตะโกนด้วยความตื่นเต้น
หลิงฮันเดินเข้าห้องไปเป็นคนแรกคนอื่นค่อยเดินตามมา
“เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์มากมาย!”
“นี่มันเม็ดยาขัดกระดูกที่สามารถช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กระดูก”
“เม็ดยาพันแปรผัน มันสามารถทำให้จอมยุทธเมินเฉยต่อกฎแห่งสวรรค์และปฐพี จอมยุทธจะสามารถเหาะเหินได้ชั่วครู่แม้ไม่ใช้ทักษะใดๆ”
“เม็ดยาต้านเหมันต์ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบใดๆต่อทักษะธาตุน้ำแข็งในระยะเวลาสั้นๆ”
“อ๊า!”
ทุกคนกำลังมองอ่านฉลากที่แปะไปบนขวดเม็ดยาทีละขวด แต่เมื่อเมิ่งเหว่ยเปิดฝาขวดออกมานางกลับส่งเสียงกรีดร้อง
“หัวหน้า มีอะไรงั้นรึ?”
“หรือว่าท่านจะอดกลั้นความอยากเมื่อหลายวันก่อนไม่ไหวแล้ว?”
เหล่าลูกน้องกล่าวหยอกล้อ
“เม็ดยา เม็ดยาสลายเป็นผุยผง!” ใบหน้าของเมิ่งเหว่ยซีดเผือด
ตอนที่ 1179
ว่าไงนะ!
ทุกคนที่วิ่งเข้ามา ในตอนแรกเห็นได้ชัดเจนว่าเม็ดยานั้นใส่อยู่ในขวด แต่ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่คือเศษฝุ่นเท่านั้น
“ไม่จริง!”
“เม็ดยาขวดอื่นก็ด้วย!”
พวกเขานำขวดเม็ดยาลงมาจากตู้และเปิดดูทีละขวดจนครบ เนื่องจากเวลาที่ผ่านมานานเกินไป เม็ดยาที่อยู่ในขวดจึงไม่สามารถคงสภาพเอาไว้ได้ เมื่อมองไปที่ขวดเม็ดยาที่เต็มไปด้วยเศษผง จิตใจของพวกเขาก็รู้สึกเจ็บปวด
เม็ดยาแต่ละขวดเป็นเม็ดยาระดับห้าเป็นอย่างน้อยทั้งนั้น พวกเขาสามารถขายเป็นเงินได้จำนวนมหาศาล พวกเขาถูกตบหน้าให้ตื่นาจกฝันที่จะกลายเป็นเศรษฐีเสียแล้ว
จบสิ้นแล้ว!
ทางด้านหลิงฮันเขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร เวลาคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของทุกสรรพสิ่ง ต่อให้เป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องมีวันเสื่อมโทรม แต่แน่นอนว่าหากเป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหรือสูงกว่า เม็ดยาอาจจะคงสภาพอยู่เหนือการเวลาได้ พวกมันจะกำเนิดความคิดและชีวิตของตัวเอง!
เม็ดยาที่ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า เนื่องจากเมื่อใดที่เม็ดยาสร้างชีวิตของมันเองขึ้นมาแล้ว นอกจากประสิทธิภาพของพวกมันจะไม่ลดลง พวกมันยังจะสามารถดูดซับพลังจากสวรรค์และปฐพีมาเพิ่มประสิทธิ์ภาพของตัวเองให้มากขึ้นได้ด้วย
แต่เม็ดยาที่ว่าจำเป็นต้องมีระดับสูงว่าระดับสิบซึ่งต่อให้ใช้เวลานานแสนนานก็ใช่ว่าจะหลอมได้สำเร็จ
“จากที่ตรวจสอบเม็ดยาที่หลอมแล้ว นักปรุงยาเจ้าของห้องนี้สมควรเป็นนักปรุงยาที่ต่ำกว่าระดับเก้าเนื่องจากเม็ดยาที่เขาหลอมขึ้นมาเป็นเม็ดยาศักดิ์ศิทธิ์ระดับห้าถึงแปดทั้งสิ้น” หลิงฮันกล่าวกับตัวเอง “แต่สำหรับข้า เม็ดยาระดับประมาณนี้ล่ะกำลังพอดี”
“ตอนนี้จิตวิญญาณของข้าแข็งแกร่งพอให้หลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าได้แล้ว และเมื่อข้าทะลวงผ่านไปยังระดับสุริยันจันทราการหลอมเม็ดยาไปจนถึงเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
“นั่น… ตรงนั้นมีตำราเม็ดยา”
หลังจากค้นไปสักพักในที่สุดเขาก็เจอตำราเม็ดยา!
สูตรเม็ดยาที่ละเอียดจนต้องบันทึกเอาไว้ในตำราเล่มหนา ด้วยกาลเวลาที่ผ่านมานาน ตำราจึงเปราะบางมาก แค่สัมผัสเปิดตำราก็แทบจะสลายเป็นฝุ่นผง ดังนั้นหลิงฮันจึงนำตำราเข้าไปในหอคอยทมิฬก่อนเพื่อที่ตำราจะได้ไม่สลาย
หลิงฮันบันทึกตำราฉบับคัดลอกออกมาสองฉบับ เขาได้เก็บตำราต้นแบบกับฉบับคัดลอกฉลับหนึ่งไว้ที่ตนเองและกล่าว “หัวหน้าเมิ่ง จากข้อตกลงก่อนหน้านี้ตำราจะแบ่งกันโดยการคัดลอก ข้าได้คัดลอกมันเอาไว้แล้ว ท่านรับไปหนึ่งฉบับสิ”
“เจ้าคัดลอกมันตอนไหน?” เมิ่งเหว่ยยังคงกวาดตามองเม็ดยา นางไม่ยินยอมที่จะเชื่อว่าไม่มีเม็ดยาขวดใดเลยที่เหลือรอด
“อย่าไปใส่ใจแล้วรับไปเถอะ” หลิงฮันไม่สามารถบอกได้ว่าเขาแอบเข้าไปในหอคอยทมิฬและคัดลอกตำราเสร็จในพริบตาถึงสองฉบับ
เมิ่งเหว่ยเปรียบเทียบตำราฉบับคัดลอกสองฉบับอย่างละเอียดถี่ถ้วนและพบว่าไม่มีอักษรตัวใดเลยที่แตกต่างกัน นางพยักหน้าและกล่าว “การที่ร่วมมือกับพ่อรูปหล่อเป็นความคิดที่ถูกจริงๆ! ไหนๆการร่วมมือของพวกเราก็สิ้นสุดแล้ว พวกเรามาทำเรื่องสนุกกันสักคืนดีกว่า ข้าอดทนมานานจนคันจะแย่แล้ว!”
“ขอปฏิเสธ!” หลิงฮันหยิบตำราฉบับคัดลอกกลับมาหนึ่งฉลับโดยทิ้งตำราต้นฉบับกับฉบับคัดลอกอีกอันไว้ให้นาง เพราะอย่างไรตำราต้นฉบับก็จะสลายเป็นฝุ่นอยู่ดี
“อย่าบอกนะว่าเสน่ห์ของข้าจะลดลง?” ใบหน้าของเมิ่งเหว่ยประหลาดใจ “เป็นไปไม่ได้ หน้าอกของข้าไม่ใช่เล็กๆ เอวของข้าก็ไม่หนา ก้นของข้าก็ยังอวบแน่นเหมือนเดิม เหตุใดข้าถึงยั่วยวนพ่อรูปหล่อไม่ได้… หรือว่าที่จริงแล้วเขาจะไม่ชอบสตรี”
“ข้าได้ยินนะ!” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“หัวหน้า! หัวหน้า!” จู่ๆใครบางคนก็อุทานขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้นอย่างมาก
“เจ้าจะตะโกนเสียงดังไปทำไม ท้องฟ้าไม่ได้ถล่มเสียหน่อย ต่อให้มันถล่มจริงๆ พวกเราก็ยังมีพ่อรูปหล่อคอยค้ำจุนไว้ให้อยู่ไม่ใช่รึไง?” เมิ่งเหว่ยกล่าว
“มีเม็ดยาขวดหนึ่งที่ไม่เสื่อสลาย!” ชายคนนั้นกล่าว
“ว่าไงนะ!”
เมิ่งเหว่ยรีบกระโดดลกเต้นพุ่งไปดู
หลิงฮันเองก็รู้สึกสนใจและเดินตามไป
เม็ดยาทั้งหมดเสื่อมสลายกลายเป็นผงหมดแล้ว แต่ยังมีเม็ดยาขวดหนึ่งที่ไม่เป็นเช่นนั้น สามารถคาดเดาได้ว่าเม็ดยาขวดนี้จะต้องยอดเยี่ยมมากถึงสามารถคงสภาพอยู่ได้เป็นเวลานานขนาดนี้
“เม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง?” เมิ่งเหว่ยยกขวดเม็ดยาขึ้นมาอ่านฉลาก “มันเป็นเม็ดยาแบบใดกัน?”
ทุกคนส่ายหัวตามๆกัน ไม่มีใครเลยได้ยินชื่อเม็ดยาชนิดนี้มาก่อน
“โอ้ มันคือเม็ดยาที่แสนอัศจรรย์สำหรับจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา มันสามารถช่วยย่นระยะเวลาการบ่มเพาะพลังขั้นย่อยของระดับสุริยันจันทราได้หลายหมื่นปี” เสียงหนึ่งดังขึ้นกล่าวอธิบาย
“ใครกัน!” ทุกคนรีบหันไปมองประตูทางเข้า
“จี้เจิ่งผิง” มีคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตู แต่เนื่องจากความมืดของห้องและแสงที่ส่องมาจากด้านหลังของเขา ทำให้มองเห็นเป็นเพียงร่างเงาและรู้แต่ว่าเขาเป็นคนร่างผอม
คนคนนั้นหยุดนิ่งไปครู๋หนึ่งก่อนจะกล่าว “ส่งเม็ดยานั่นมาแล้วพวกเจ้าจะได้รับการไว้ชีวิต”
“แล้วถ้าไม่ล่ะ?” เมิ่งเหว่ยถาม
“ถ้าไม่งั้นรึ?” จี้เจิ่งผิงยิ้ม มือขวาของเขาถือบางอย่างขนาดเท่าไข่ไก่เอาไว้ “สิ่งนี้คือระเบิดพิษ เมื่อถูกโยนออกไปมันจะระเบิดทันทีและปลดปล่อยพิษที่รุนแรงออกมา ต่อให้เป็นมนุษย์หรือสัตวอสูรระดับสุริยันจันทราก็ตาม หากสูดดมเข้าไปเล็กน้อยเพียงครึ่งลมหายใจก็จะถูกพิษกัดกร่อนจนตาย”
เมิ่งเหว่ยและคนอื่นๆตะลึง พวกเขาไม่สงสัยว่าอีกฝ่ายจะโกหกเรื่องประสิทธิภาพของระเบิดพิษ แต่ปัญหาก็คือสิ่งที่อยู่ในมืออีกฝ่ายคือระเบิดพิษจริงรึเปล่า
“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าคิดเล็กน้อย ถ้ายังไม่ยอมส่งเม็ดยานั่นมาข้าจะโยนระเบิดพิษเข้าไป” จี้เจิ่งผิงหัวเราะ “ข้าเกลียดการสังหารคนที่สุดเพราะงั้นอย่าให้ยังคับให้ข้าทำ!”
เมิ่งเหว่ยและคนอื่นๆไม่กล้าลงมือ พวกเขาเป็นคนที่ประสบอันตรายมามากมาย แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังปรารถนาที่จะมีชีวิต
หลิงฮันขมวดคิ้ว เขาบอกไม่ได้เหมือนกันว่าจี้เจิ่งผิงโกหกหรือว่าสิ่งนั่นเป็นระเบิดพิษจริงๆ ตัวเขาเองนั้นไม่หวาดกลัว แต่เมิ่งเหว่ยกับคนอื่นๆล่ะ?
ถ้าหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ล่ะก็… เขาแอบเคลื่อนไหวท่ามกลางความมืดและควบแน่นทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา
ไม่จำเป็นต้องใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มกำลัง ด้วยพลังของเขาในตอนนี้แค่ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราธรรมดาก็สามารถสังหารจอมยุทธณะดับภูผาวารีขั้นสูงสุดได้
จี้เจิ่งผิงยิ้มอย่างพึงพอใจ การที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์ทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รับรู้ถึงภัยอันตราย หัวใจของเขาสั่นไหว รูขุมขนทั่วร่างปิดสนิม
ไม่ปลอดภัย!
ในตอนนี้เขาเลือกที่จะเลิกสนใจคนอื่นและกระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็ว
‘ฉัวะ’ แสงอันเย็นยะเยือกพุ่งตรงออกไปอย่างรวดเร็ว ไหลซ้ายของเขาถูกยิงทะลุ แรงกระแทกที่รุนแรงส่งร่างของเขากระเด็นออกไป
ตอนที่ 1180
เมิ่งเหว่ยและคนอื่นๆตกตะลึง ก่อนที่จะส่งเสียงคำรามและกระโจนออกมาจากห้องลับที่มีพื่นที่กว้าง
ในขณะที่จี้เจิ่งผิงเหงื่อท่วมตัว เขาถูกใครบางคนยิงธนูใส่ แม้จะทำได้แค่เจาะร่างกายของเขา แต่มันก็เกือบทำให้เขาต้องตาย ลูกศรเมื่อครู่มันน่าสะพรึงกลัวมาก
ถ้าเขามีประสาทสัมผัสที่ว่องไว เขาคงหลบลูกศรนั่นพ้นก่อนที่จะมาถึงตัว
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขาหวาดกลัว ถ้าปฏิกิริยาตอบสนองของเขาช้าลงเพียงเล็กน้อยล่ะก็ ตอนนี้เขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องจี้ เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้าหรือไม่?”
พรึบ มีคนมากกว่าสี่คนปรากฏตัวอยู่ด้านข้าง พวกเขาแต่ละคนมีกลิ่นอายที่รุนแรง ถ้าหลิงฮันออกมาจากห้องลับ เขาจะพบว่าในบรรดาสี่คนนั้นมีคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดี
ซาหยวน!
จี้เจิ่งผิงทนความเจ็บปวดและดึงลูกศร ทันใดนั้นเองโลหิตก็พุ่งออกมา โดยไม่มีท่าทางว่าจะหยุด ลูกศรของหลิงฮันนั้นแฝงไปด้วยเจตจำนงของหลิงฮัน หากไม่กำจัดเจตจำนงของหลิงฮันออกไปโลหิตก็จะไม่หยุดไหล
ยิ่งไปกว่านั้น หากกำจัดเจตจำนงของเขาออกไปไม่หมด มันก็จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ตลอดชีวิต
จี้เจิ่งผิงเค้นเสียงและพูดว่า “คนที่เล่นงานข้าอยู่ด้านนั้น มันเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก!”
“โอ้ว แม้แต่ศิษย์น้องจี้ยังถูกเล่นงาน ข้าชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าคนที่เล่นงานเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน!” ชายหนุ่มชุดฟ้าพูดพร้อมกับยิ้ม “คนพวกนั้นข้าจะเป็นคนจัดการเอง เจ้าไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?”
“แน่นอนว่าไม่!” ซาหยวนแสยะยิ้มและกวาดสายตามองดูเมิ่งเหว่ย โดยที่ไม่คิดจะปกปิดความต้องการของตนเอง
เขาเป็นชายเจ้าสำราญ หลังจากที่เข้ามาในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ มันทำให้เขาขาดแคลนสาวงาม แล้วตอนนี้เมื่อเห็นร่างกายที่เย้ายวนของเมิ่งเหว่ย มันได้ทำให้น้องชายของเขาตื่นขึ้นมา
“ไก่อ่อนอย่างเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” เมิ่งเหว่ยตะโกน “คนอย่างข้าไม่ชอบไก่อ่อนอย่างเจ้า ข้าจะเตะไข่ของเจ้าให้แตกซะ!”
ซาหยวนหัวเราะและพูดว่า “หากเจ้าตกอยู่ในมือข้าเมื่อไหร่ ข้าจะพาเจ้าถึงจุดสุดยอดเอง!”
ทันทีที่ซาหยวนพูด หลิงฮันที่อยู่ในห้องลับได้ยินเสียงของมันเต็มสองหู ช่วยไม่ได้ที่เขาจะแสยะยิ้ม เขาไม่คิดเลยว่าจะเจอซาหยวนที่นี่และอีกฝ่ายยังเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง
เมื่อเขาสัมผัสใบหน้า โฉมหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที แต่เขาไม่ได้เปลี่ยนโฉมหน้าเป็นคนอื่น แต่เปลี่ยนกลับเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา
แน่นอนว่าศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งไม่สามารถฆ่ากันและกันได้ แต่ถ้าไม่มีพยานรู้เห็น ใครจะไปรู้?
“ฮันหลิน” คือศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งไม่ใช่หลิงฮัน
หลิงฮันกลับมาอยู่ในโฉมหน้าที่แท้จริง เขาต้องการแก้แค้นซาหยวนในฐานะหลิงฮัน
“พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่” หลิงฮันพูดกับสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยิน มิฉะนั้นเขาจะเป็น “ฮันหลิน” ถ้าพวกนางอยู่กับเขา
“อืม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า ส่วนหูเฟยหยินดูสับสน นางไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆหลิงฮันก็กลับมาอยู่ในโฉมหน้าที่แท้จริง
หลิงฮันเดินออกไป
ซาหยวนกำลังจะเคลื่อนไหว แต่เมื่อเขาจ้องมองคนที่ออกมาจากประตู มันทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
หลิงฮัน!
มันเป็นไปได้ยังไงกัน? ทำไมหลิงฮันอยู่ที่นี่?
ตั้งแต่ที่หลิงฮันเข้าสู่มหาสุสาน เขาก็ไม่เคยเห็นหลิงฮันปรากฏตัวออกมาอีก หนึ่งปีต่อมา แม้นิกายสวรรค์เยือกแข็งจะเปิดรับสมัครศิษย์ไปแล้ว แต่หลิงฮันก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก ดังนั้นจึงมีหลายคนคาดการณ์ว่าหลิงฮันได้เสียชีวิตในมหาสุสานนั่นไปแล้ว
แต่หลิงฮันกลับปรากฏตัวที่นี่!
“ข้าดีใจเหลือเกินที่เห็นเจ้าอยู่ที่นี่!” ซาหยวนพูดเยาะเย้ย “เจ้าหนีรอดไปได้หลายครั้ง แต่ครั้งนี้นี่แหละ ข้าจะเป็นคนฆ่าเจ้าด้วยตัวเองและจะไม่ปล่อยให้เจ้ามีโอกาสหนีอีกครั้ง”
หลิงฮันอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้และพูดว่า “ซาหยวน คนอย่างเจ้ามันคิดว่าโลกหมุนอยู่รอบตัวเจ้าอย่างนั้นรึ!”
ตอนนี้ช่องว่างระหว่างซาหยวนกับเขานั้นห่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี
“หลังจากผ่านไปแค่สามปี เจ้าคิดหรือว่าจะพลิกกลับเอาชนะข้าได้?” ซาหยวนไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด เวลาแค่สามปีนั้นสั้นมาก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หลิงฮันจะก้าวข้ามเขาไปได้
“ศิษย์น้องซา เจ้ารู้จักชายคนนี้ด้วยรึ?” คนอื่นๆอีกสี่คนเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งทั้งหมด และพวกเขาทุกคนต่างก็เป็นศิษย์หลัก แม้ว่าพรสวรรค์ของพวกเขาจะไม่เป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ไม่ได้ แต่ระดับบ่มเพาะพลังของพวกเขาก็ไม่ได้ต่ำ
พวกเขาทั้งห้าคนต่างก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง แล้วการที่พวกเขาเป็นศิษย์หลักได้นั้น อย่างน้อยต้องเป็นอัจริยะสามดาว
ดังนั้น แม้ว่าจี้เจิ่งผิงจะพลาดท่าให้กับลูกศรนั่นจนเกือบตาย แต่พวกเขาก็ไม่หวาดกลัวและยังคงมีขวัญกำลังใจที่จะสู้
“ข้ารู้จัก มันก็แค่มดปลวกที่ขึ้นมาจากการเปิดสวรรค์!” ซาหยวนกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“โอ้!” ทั้งสี่คนพยักหน้าและหมดความสนใจในตัวหลิงฮัน
หากอีกฝ่ายเป็นลูกหลานของตระใหญ่ที่ถูกส่งไปยังโลกใบเล็กและขึ้นมาด้วยการเปิดสวรรค์ พวกเขาคงหวาดกลัวจนเสียขวัญไปแล้ว แต่ที่ซาหยวนพูดว่าก็แค่มดปลวกที่ขึ้นมาจากการเปิดสวรรค์ นั่นทำให้พวกเขาตีความว่าหลิงฮันเป็นแค่จอมยุทธธรรมดาที่เกาะขึ้นมาจากการเปิดสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงหมดความสนใจในตัวหลิงฮัน
“ในเมื่อมันมีความบาดหมางกับศิษย์น้องซา เช่นนั้นข้าจะมอบมันให้กับศิษย์น้องซาเป็นคนจัดการ!” ชายหนุ่มเสื้อฟ้ากล่าว ขณะจ้องไปที่ห้องลับด้วยความหวาดระแวงว่าใครเป็นคนทำให้จี้เจิ่งผิงได้รับบาดเจ็บ
เมิ่งเหว่ยและคนอื่นๆรู้สึกแปลกว่าหลิงฮันเป็นใคร? ทำไมเสื้อผ้าของเขาถึงมีความคล้ายลึงกับฮันหลิน นี่ทำให้พวกเขารู้สึกสงสัยว่าหลิงฮันซ่อนตัวอยู่ในห้องลับมาตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นหรือ?
“ด้วยความยินดี!” ซาหยวนจ้องมองไปที่หลิงฮัน แววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
แท้จริงแล้วเขาไม่ต้องการเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็ง เพราะเมื่อเข้าสู่นิกายสวรรค์เยือกแข็ง มันทำให้เขาเหมือนตกลงมาจากก้อนเมฆสู่ก้อนโคลน ภูมิหลังของเขาไม่สามารถเทียบกับผู้อื่นได้ ซึ่งนั่นทำให้เขาสูญเสียความรู้สึกที่เหนือกว่าผู้อื่นไป
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาได้รับโอกาสที่จะสังหารหลิงฮันมันก็คุ้มค่า
“หลิงฮัน ครั้งนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหนีอีกแล้ว!” ซาหยวนตะโกนและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน มือขวาของเขาเปล่งแสงอักขระศักดิ์สิทธิ์ผสานเข้าด้วยกันและกลายเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ที่มีขนาดหนึ่งร้อยฟุต
ตอนที่ 1181
พรสวรรค์ของชาหยวนไม่สามารถเทียบกับข้างหลุนได้ก็จริง แต่เขาก็ยังถูกรับเข้านิกายในฐานะศิษย์หลัก นั่นแสดงว่าเขาค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว
‘ตูม’ มือขนาดใหญ่โจมตีลงมาจนบดบังท้องฟ้า
เขาแสยะยิ้ม เจ้าเป็นอัจฉริยะของสำนักนภาสีชาดแล้วอย่างไร? ต่อให้เป็นอัจฉริยะราวกับสัตว์ประหลาดขนาดไหน ระดับพลังก็ถือว่าเป็นทุกสิ่งอยู่ดี
ตายไปซะ!
เขาจะใช้โอกาสตอนที่จิตวิญญาณของหลิงฮันกำลังจะแหลกสลายรีดเค้นความทรงจำออกมาและช่วงชิงความลับทั้งหมดจากอีกฝ่าย
หลิงฮันส่ายหัว การโจมตีเช่นนี้จะต่างอะไรกับการละเล่นของเด็กเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาในตอนนี้? เขาเค้นเสียงและปล่อยหมัดขึ้นสู่ท้องฟ้า
ตูม!
ฝ่ามือพลังปราณขนาดใหญ่พังทลายทันที มันสลายเป็นเศษซากเงาร่วงหล่นไปทั่วทิศ
อะไรกัน!
กลุ่มของชาหยวนทั้งห้าคนตกตะลึง พวกเขาอ้าปากค้างด้วยความไม่เชื่อ
หมอนี่… เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรารึอย่างไร? แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้! ต่อให้มีขุมอำนาจบางส่วนที่จะให้จอมยุทธระดับสุริยันจันทราทำลายพลังบ่มเพาะของตนเองเพื่อให้เข้ามาในเขตแดนลี้ลับได้ จากนั้นค่อยให้พวกเขากินเม็ดยาเพื่อฟื้นพลังกลับมา แต่หลิงฮันที่ดูเยาววัยเช่นนี้จะทำเรื่องที่เป็นการตัดอนาคตตนเองเช่นนั้น?
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้!” ชาหยวนเรียกได้ว่าเป็นคนที่คุ้นเคยกับหลิงฮันที่สุดในหมู่กลุ่มของพวกเขา ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ เขาชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน “เจ้ามีพลังต่อสู้ขนาดนั้นได้อย่างไร? เป็นไม่ไปไม่เด็ดขาด!”
“ชาหยวน มีเรื่องมากมายที่สำหรับเจ้าแล้วมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่เรื่องพวกนั้นสามารถเกิดขึ้นจริง อย่างเช่นเรื่องที่ว่า… ข้าจะสังหารเจ้า!” หลิงฮันกล่าวอย่างโหดเหี้ยม
ถ้าประโยคนี้ถูกกล่าวก่อนหน้านี้ชาหยวนจะต้องไม่มีทางเชื่อแน่นอน แต่เมื่อได้เห็นการโจมตีเมื่อครู่ ความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
ชาหยวนเค้นเสียงกล่าว “เอาล่ะ ถือว่าครั้งนี้เจ้าโชคดี! เจ้าไสหัวไปได้แล้ว!”
หลิงฮันประหลาดใจและยากที่จะเชื่อในหูตัวเอง
หมอนี่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเหนือกว่าและสั่งให้เขาไสหัวไปราวกับมอบโอกาสให้…
แต่หลิงฮันเข้าใจว่าเหตุใดชาหยวนถึงมีนิสัยความคิดเช่นนี้ ในจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะเขาเป็นถึงบุตรของจอมพลชา เขามีผู้หนุนหลังเป็นถึงจอมยุทธระดับดารา
“อะไร ยังไม่รีบไปอีก?” ชาหยวนกล่าวอย่างเย็นชาด้วยท่าทีไม่พอใจอย่างมาก
เขาให้โอกาสไปขนาดนั้นแล้ว เหตุใดหลิงฮันถึงยังไม่กล่าวขอบคุณแล้วไสหัวไปอีก?
หลิงฮันส่ายหัว “ชาหยวน ข้าเคยคิดว่าเจ้าเป็นคนที่หยิ่งยโสโอหัง แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าข้าเข้าใจเจ้าผิด”
ฮ่าๆ ในที่สุดเจ้าก็รู้เสียทีว่าข้าไม่ธรรมดา!
ชาหยวนกล่าวในใจ รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“เจ้าเป็นแค่คนโง่!” หลิงฮันกล่าวต่อ
รอยยิ้มของชาหยวนหยุดนิ่งทันที เขาไม่นึกว่าหลิงฮันจะกล่าวคำพูดที่เสียดแทงเช่นนี้ “เจ้าคิดอะไรอยู่?”
“ไม่มีอะไรมาก ข้าแค่อยากยืมหัวของเจ้าเท่านั้นเอง!” หลิงฮันกล่าวอย่างเยือกเย็น
“รนหาที่ตาย!” ชาหยวนเกรี้ยวกราด ตัวเขาเป็นใคร? บุตรของตัวตนระดับดารา! แต่ถึงนั้นนั้นกลับมีคนกล้ากล่าวว่าต้องการยืมหัวของเขา แถมคนคนนั้นยังเป็นมดปลวกจากโลกใบเล็กอีกด้วย!
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ข้าไม่มัวพูดจาไร้สาระกับเจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวสมองของข้าจะลดลงไปฉลาดน้อยเช่นเจ้า แต่ก็เอาเถอะ ข้าจะยอมให้เจ้าพูดให้มากที่สุดในขณะที่ยังพูดได้”
“จะ เจ้ากล้าสังหารข้า?” ชาหยวนไม่อยากเชื่อ เขารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกที่ไม่อาจยอมรับได้
เขาเป็นคนที่สถานะสูงขนาดไหน? หลิงฮันจะกล้าสังหารเขาจริงๆรึ?
หลิงฮันไม่กล่าวตอบอีกต่อไป เขายกมือขวาขึ้นควบแน่นพลังปราณ จิตสังหารของเขาถูกปลดปล่อยออกอย่างรุนแรง
คราวนี้เป็นชาหยวน คนต่อไปคือจ้าวหลุน เขาจะไล่คิดบัญชีให้ครบทีละคน
หลิงฮันดีดนิ้วมือ ‘พรึบ’ ประกายแสงดาบถูกปล่อยออกมาและพุ่งเข้าใส่ชาหยวน
ฉัวะ!
โลหิตสาดกระจาย แต่ร่างของชาหยวนไม่แยกออกเป็นสองส่วน บนร่างของเขาปรากฏแสงสลัวสีทองราวกับเป็นเกราะทองคำ
“โอ้?”
หลิงฮันมองเห็นด้วยตาเปล่า ร่างของชาหยวนถูกปกคลุมไปด้วยตราคำสั่ง มันคือตราคำสั่งที่ยับยั้งการโจมตีสังหารของหลิงฮันเอาไว้ทันเวลา
แน่นอนว่ามันต้องเป็นตราคำสั่งที่จอมพลจ้าวมอบให้กับบุตรของตน
“เจ้า! เจ้ากล้าดีอย่างไร!” ชาหยวนเกรี้ยวกราดน้ำเสียงของเขาสั่นเครือ ถ้าตราคำสั่งถูกกระตุ้นใช้งานก็หมายถึงเมื่อครู่ชีวิตของเขาถูกแขวนไว้บนเส้นแห่งความตาย เนื่องจากตราคำสั่งนี้มีไว้เพื่อปกป้องชีวิตของเขา
เขาเกือบตายแล้ว!
“เจ้าคนบัดซบ!” ชาหยวนสบถ ตราคำสั่งจะถูกกระตุ้นใช้งานด้วยตัวมันเองเท่านั้น ตอนนี้ในเมื่อมันถูกกระตุ้นแล้ว เขาจะพลาดโอกาสในการสังหารหลิงฮันไปได้อย่างไร?
เขาปล่อยหมัดออกไป ตราคำสั่งได้เปลี่ยนการโจมตีของเขาให้กลายเป็นกระทองคำพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
‘บ้าบอที่สุด เหตุใดเจ้าหนูนี่ถึงได้ฆ่ายากฆ่าเย็นขนาดนี้?’
‘อั่ก!’ ในขณะที่กำลังคิดเรื่องหลิงฮัน ชาหยวนก็ร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด แสงสีทองบนร่างของเขาสั่นไหว ตราคำสั่งสีทองค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำราวกับหมดประสิทธิภาพ กระทิงทองคำก็สลายไปเองเช่นกัน
หลิงฮันกระพริบตา เขายังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย แต่เหตุใดชาหยวนถึงได้รับบาดเจ็บนั้นเขาเข้าใจได้ในทันที
เขตแดนลี้ลับแห่งนี้มีผนึกอยู่ ตราบใดที่มีพลังที่ระดับสุริยันจันทราปรากฏขึ้นมา เจ้าของพลังจะตกเป็นเป้าหมายทันที
ก่อนหน้านี้ที่ตราคำสั่งป้องกันประกายแสงจากดาบของเขานั้น แม้พลังของตราคำสั่งจะทรงพลังแต่มันก็ไม่ถึงระดับสุริยันจันทรา แต่ว่าตอนนี้เมื่อชาหยวนเป็นคนใช้งานอำนาจของตราคำสั่งเอง พลังของมันจึงเพิ่มเป็นระดับสุริยันจันทราทันทีจึงตกเป็นเป้าหมายของผนึกเขตแดนลี้ลับแห่งนี้
ตัวของชาหยวนเองนั้นยังไม่เข้าใจสถานการ์ที่เกิดขึ้น เขาคิดว่าหลิงฮันใช้ทักษะลับบางอย่างกับตนเองเขาจึงไม่ลดหลังของตราคำสั่งให้ลดลงแต่ยังรีดพลังตราคำสั่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วย
เมื่อตราคำสั่งถูกกรพตุ้นใช้งาน พลังของมันจะค่อยๆถูกเผาผลาญไปเอง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากพลาดที่จะใช้โอกาสนี้ในการสังหารหลิงฮัน
“อ๊ากกก” เมื่อรีดเค้นพลังเพิ่มขึ้นเขาก็กรีดร้องดังกว่าเดิม ตราคำสั่งสั่นสะท้านอย่างรุนแรงราวกับจะพังทลาย
เพล๊ง!
ตราคำสั่งแตกออกเป็นเศษซากกระจัดกระจายทั่วท้องฟ้า ชาหยวนได้รับบาดเจ็บจนกระอักโลหิตออกมา โชคยังดีที่เขาไม่หมดสติ
ใบหน้าของชาหยวนมืดมน สถานการณ์เช่นนี้มันอะไร ตราคำสั่งเป็นคนสาเหตุให้เขาบาดเจ็บ? เขาตัวสั่นชี้ไปยังหลิงฮัน “เจ้า… เจ้าใช้มนต์ดำสกปรกอะไรกับข้า?”
“ข้าไม่เกี่ยว!” หลิงฮันส่ายหัว เขาชี้นิ้วกลับไปและปล่อยประกายดาบพุ่งตัดผ่านชาหยวน
“หยุด!” จี้เจิ่งผิงและอีกสี่คนเข้ามาช่วยชาหยวนป้องกันประกายแสงดาบ แต่หลิงฮันแข็งแกร่งขนาดไหน? พลังต่อสู้ในตอนนี้คือแปดดาวที่เหนือกว่าระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด
‘พลั่ก’ ร่างของทั้งสี่คนถูกส่งลอยกระเด็นด้วยการโจมตีด้วยนิ้วนิ้วเดียว แต่ชาหยวนก็ดีที่ฉวยโอกาสหลบหนีออกมาได้
“ถ้าพวกเจ้าช่วยเขา ข้าจะสังหารพวกเจ้าด้วย” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “ยังอยากจะหยุดข้าอยู่อีกรึไม่?”
ตอนที่ 1182
“เจ้า… เจ้าเป็นคนลึกลับคนนั้น!” ศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งทั้งสี่คนชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน พวกเขารู้ว่าชายคนนี้เป็นคนที่ชาหยวนเรียกว่า ‘มดปลวกจากโลกใบเล็ก’ แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนลึกลับที่ลงมือกับจี้เจิ่งผิงก่อนหน้านี้
เป็นไปได้อย่างไร!
เมื่อใดกันที่ยุคสมัยนี้มีรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งระดับราชาปรากฏตัว? ดูจากการโจมตีเมื่อครู่ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายสามารถทัดเทียมกับ เหอเต๋า อู๋เจ๋อและหกราชาคนอื่นๆได้แน่นอน
หลิงฮันชำเลืองมองและกล่าว “ทิ้งอุปกรณ์มิติเอาไว้แล้วไสหัวไป ”
คนเหล่านี้คิดจะปล้นเม็ดยาของเขา แน่นอนว่าหากปล่อยพวกเขาไปเฉยๆก็จะดูใจดีเกินไป
“อย่าได้ใจเกินไป!” จี้เจิ่งผิงเกี้ยวกราด แต่ไหล่ของเขาที่ถูกยิงยังคงมีโลหิตทะลักออกมาทำให้ขัดต่อภาพลักษณ์ของเขาและดูไม่น่าเกรงขามแม้แต่น้อย
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย “ประสบการณ์ที่เจ้าผ่านมาคงจะราบลื่นเกินไปเจ้าถึงได้เอ่ยคำพูดที่ไร้เดียงสาเช่นนี้ออกมา! ต่อหน้าข้าเจ้ามีสิทธิ์เลือกงั้นรึ? หากไม่ทิ้งอุปกรณ์มิติไว้ข้าจะสังหารเจ้า!”
จี้เจิ่งผิงรู้สึกถึงความอัปยศครั้งใหญ่ แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ เขาเป็นคนเริ่มใช้ยาพิษขู่อีกฝ่ายให้มอบเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งมาเองและจะสังหารทุกคนหากกล้าขัดขืน ตอนนี้เขาก็เหมือนถูกกรรมตามทัน
ความยุติธรรมงั้นรึ? ในโลกวรยุทธแห่งนี้ใครที่แข็งแกร่งกวานั่นแหละคือความยุติธรรม
“เจ้าคนโหดเหี้ยม!” พวกจี้เจิ่งผิงสี่คนถอดแหวนมิติออกและโยนไว้บนพื้นด้วยความไม่พอใจ พวกเขาถูกเรียกว่าอัจฉริยะมาตลอดทำให้มีนิสัยหยิ่งยโสอวดดีขึ้นมาเอง แล้วเหตุผลพวกเขาจะต้องถูกทำให้อัปยศเช่นนี้ด้วย?
ชาหยวนเองก็โยนแหวนมิติเอาไว้และจากไปพร้อมกับพวกจี้เจิ่งผิง
หลิงฮันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “นายน้อยชา หัวของเจ้าได้รับกระทบกระเทือนรึไง? ข้าบอกตอนไหนว่าให้เจ้าไปได้?”
“หลิงฮัน เจ้าคิดจะสังหารข้าจริงๆ? เจ้าไม่เกรงกลัวเพลิงแค้นของบิดาข้าที่จะมาไล่ล่าเจ้าถึงที่นี่รึอย่างไร?” ชาหยวนกล่าว ตอนนี้ตราคำสั่งได้ถูกทำลายไปแล้วทำให้เขาเริ่มเกิดความรู้สึกหวาดกลัว
หลิงฮันส่ายหัว “บุตรไร้ค่าเช่นเจ้า ข้าคิดว่าจอมพลชาคงไม่รังเกียจหากจะสูญเสียไปซักคน”
“เดี๋ยวก่อน เจ้าก็ได้ทรัพย์สินของพวกข้าไปแล้ว เช่นนั้นทำไมไม่ปล่อยวางเรื่องนี้ไปเสียล่ะ?” รุ่นเยาว์ชุดฟ้ากล่าว พวกเขามาด้วยกันห้าคน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่ต้องการเห็นพวกพ้องถูกสังหาร
หลิงฮันมองไปยังรุ่นเยาว์คนนั้นและกล่าวอย่างไม่แยแส “ภายในสามลมหายใจ ถ้าพวกยังไม่หายไปให้พ้นๆข้าจะฝังเจ้าไปพร้อมกับเขา!”
เขาเริ่มหมดความอดทน ออร่าที่รุนแรงราวกับคลื่นมหาสมุทรถูกปลดปล่อยออกมา
พวกจี้เจิ่งผิงสี่คนตกตะลึงทันที ชายตรงหน้าเป็นราชาไม่ผิดแน่!
ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือดก่อนจะหันหลังจากไปโดยไม่พูดอะไรอีกเพราะเกรงว่าจะถูกหลิงฮันสังหาร
“อย่าไป ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้า!” ชาหยวนทำอะไรไม่ถูก นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าความตายขยับเข้ามาใกล้มากขนาดนี้
พวกจี้เจิ่งผิงสี่คนไม่สนใจและจากไปอย่างรวดเร็ว
ชาหยวนเลิ่กลั่กและมองไปยังหลิงฮันก่อนจะพูดขึ้นมา “อย่าสังหาร! ข้าสามารถเป็นสหายกับเจ้าได้! ข้าเป็นบุตรของตัวตนระดับดารา ถ้าเป็นเป็นสหายกับข้าเจ้าย่อมไม่มีอะไรเสียหาย!”
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้าไม่ได้พูดเพื่ออยากทำให้เจ้ากลัวหรอกนะ แต่เมื่อพูดถึงสหายของข้าแล้ว ข้ามีทั้งเซียนที่เป็นสหายและมีจักรพรรดินีเป็นภรรยา… ข้าไม่เห็นประโยชน์จากการเป็นสหายกับเจ้าเลย”
ชาหยวนชะงัก เจ้าต้องโกหกข้าแน่ๆ!
เซียน!
เป็นไปได้รึไง? มีเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งเท่านั้นถึงจะถูกเรียกแบบนั้น แถมเมื่อพูดถึงเรื่องได้จักรพรรดินีเป็นภรรยานั้น… เอิ่ม เจ้ารู้รึไม่ว่าจักรพรรดินีสูงส่งขนาดไหน ต่อให้เป็นบิดาของเขาก็ยังเคยแค่ชำเลืองมองส่วนปากของนาง
“กับคนที่กำลังจะตายแล้วข้าไม่จำเป็นต้องโกหก แต่เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อก็ได้” หลิงฮันยิ้ม “เจ้าพร้อมตายรึยัง?”
ชาหยวนรู้สึกว่าร่างกายเย็นยะเยือก ขาของเขาอ่อนแรงโดยไม่รู้ตัว เขาล้มลงกับพื้นและร้องโอดครวญ “อย่าสังหารข้า! ข้ายังไม่อยากตาย! ข้ายังไม่อยากตาย!”
“ถูกแล้ว ไม่มีใครอยากตายหรอก!” หลิงฮันยกมือขึ้น “แต่เพื่อที่จะสนองความต้องการของตนเอง เจ้าถึงกับส่งคนมาสังหารข้า ถ้าหากข้าไม่มีไพ่ลับซ่อนเอาไว้ เกรงงว่าข้าคงมีหลุมศพของตัวเองแล้ว”
เขาปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง ‘โพล๊ะ’ ชาหยวนถูกบดขยี้กลายเป็นหมอกโลหิตทันที แม้แต่กระดูกสักท่อนก็ไม่เหลือ
“พ่อรูปหล่อ เจ้าสังหารศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งไปจริงๆรึ? เจ้าจะสังหารพวกเราด้วยรึเปล่า?” เมิ่งเหว่ยกลืนน้ำลาย
หลิงฮันหัวเราะ “ไม่ต้องกังวล จะอย่างไรข้าก็ปล่อยให้คนหนีไปแล้วตั้งสี่คน แล้วก็พวกเจ้าคงจะไม่ปากมากหรอกสินะ?”
เมิ่งเหว่ยและเหล่าลูกน้องส่ายหัวแทบไม่ทัน
“เป็นเช่นนั้นก็ดี” หลิงฮันหยิบแหวนมิติที่พวกจี้เจิ่งผิงทิ้งเอาไว้ขึ้นมาและย้ายของด้านในไปยังหอคอยทมิฬ
หากนำสิ่งของที่ขโมยมาเข้าในเก็บในแหวนมิติและถูกค้นเจอในอนาคตเขาก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรได้ แต่ถ้าหากนำไปเก็บในหอคอยทมิฬ ใครจะสามารถค้นเจอ?
“พ่อรูปหล่อ เม็ดยาปราณโลหิตคลั่งขวดนี้เป็นของเจ้า” เมิ่งเหว่ยยื่นขวดเม็ดยาออกมา
หลิงฮันยิ้ม “จะดีกว่ารึไม่หากแบ่งกันอย่างเท่าเทียม?”
“เจ้าช่วยชีวิตพวกเราไว้อีกครั้งแล้ว แถมพวกเขาก็ได้สูตรเม็ดยาอื่นๆมามากแล้วด้วย แค่นี้ก็ถือว่าพวกข้าได้รับผลประโยชน์มหาศาลแล้ว! ในฐานะมนุษย์คนเราไม่ควรโลภมากเกินไป” เมิ่งเหว่ยส่ยหัว
“เข้าใจแล้ว” หลิงฮันรับขวดเม็ดยาไว้ ตลอดการเดินทางตามหาสมบัติเม็ดยานี้เขาเป็นคนที่ลงมือเยอะที่สุด
“ถ้างั้นพ่อรูปหล่อ พวกเราขอกล่าวลากันตรงนี้เลยแล้วกัน!” เมิ่งเหว่ยโค้งประสานมือคำนับเพื่อรอให้หลิงฮันพยักหน้าก่อนจะกล่าวต่อ “เจ้าไม่อยากเสริมมิตรภาพระหว่างพวกเราให้แน่นแฟ้นขึ้นจริงๆรึ?”
“ไปได้แล้ว!”
หลังจากเห็นเมิ่งเหว่ยกับคนอื่นๆจากไป พวกหลิงฮันสามคนก็ออกเดินทางต่อ แต่ความสนใจของหลิงฮันนั้นกลับจดจ่อไปยังตำราเม็ดยาที่เพิ่งได้รับมา
เขาอาจจะไม่สามารถหลอมเม็ดยาที่เหนือกว่าระดับห้าขึ้นไปได้เนื่องจากจิตวิญญาณยังไม่กล้าแข็งพอ แต่หากเป็นเม็ดยายาระดับห้าพอดีเขาอาจจะพอฝืนๆหลอมได้สำเร็จเนื่องจากจิตวิญญาณของเขาถูกคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ขัดเกลาให้แข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วไปหลายขุม
เขามองไปยังตำราเม็ดยาและพบว่าหนึ่งในสูตรเม็ดยามีชื่อเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเขียนเอาไว้!
ตอนที่ 1183
เม็ดยาปราณโลหิตคลั่งมีประโยชน์ต่อจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเป็นอย่างมาก หากจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นกลางกินมันเข้าไปจะทำให้บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูง และถ้าระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูงกินเข้าไปก็จะทำให้บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง
ประสิทธิภาพของมันน่าทึ่งมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงฮันมองวัตถุดิบปรุงยาที่ต้องใช้ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
เม็ดยาที่ท้าทายสวรรค์แบบนั้น วัตถุดิบที่ใช้ปรุงมันน่าตกตะลึงมาก
หนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ปรุงยาคือผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเรียกว่าผลราชาพิรุณสีชาด ซึ่งเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก ยิ่งไปกว่านั้นต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งล้านปีในการเจริญเติบโต แต่ถ้านำไปปลูกในหอคอยทมิฬก็จะร่นระยะเวลาเหลือแค่หนึ่งพันปีเท่านั้น
สำหรับจอมยุทธที่ทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าแล้ว เวลาหนึ่งพันปีนับว่าไม่นาน แต่สำหรับหลิงฮันเขามีความก้าวหน้ารวดเร็วเกินไป เวลาหนึ่งพันปีสำหรับเขานั้นถือว่านานมาก
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาเจอผลราชาพิรุณสีชาด เขาจะต้องเอามันมาให้ได้
นี่ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง แต่เพื่อเหล่าพี่ชายของเขา สหายที่อยู่รอบตัว ภรรยาผู้เป็นที่รัก พ่อแม่และลูก มันจะมีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างมากในอนาคต
แน่นอนว่า แม้แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงชั้นสูงสุดยังมีประโยชน์อย่างยิ่ง เม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด หากจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูงใช้มันอาจเป็นอันตรายและร่างกายระเบิด
ดังนั้น ถ้าคนเหล่านั้นใช้เม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง พวกเขาจำเป็นต้องมีคนคอยช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง เพื่อยับยั้งพลังของเม็ดยา มิฉะนั้นมันอาจทำให้พวกเขาแบกรับพลังไม่ไหวและร่างกายระเบิดตายได้
หลิงฮันเก็บเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเอาไว้ก่อน ตอนนี้เขายังไม่แข็งแกร่งพอและยังไม่มีวัตถุดิบที่ใช้หลอมมัน
ดังนั้นเม็ดยาที่เขาสนจะเริ่มหลอมคือเม็ดยาเซียนกระเรียน
เม็ดยานี้จะทำให้จอมยุทธที่อยู่ต่ำกว่าระดับดาราแข็งแกร่งขึ้นชั่วคราวและเพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุด แต่ในเฉพาะช่วงระยะเวลาที่เม็ดยาออกฤทธิ์เท่านั้น
เมื่ออยู่ในช่วงเวลาวิกฤต มันยังสามารถช่วยชีวิตรักษาชีวิตได้
เม็ดยาที่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ถือเป็นเม็ดยาที่มีค่ามากที่สุด
ในเวลากลางวันพวกเขาจะออกเดินทาง และพักผ่อนในเวลากลางคืน การผจญภัยในสถานที่อันตราย แน่นอนว่าต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด
ในเวลากลางคืน หลิงฮันจะเข้ามาฝึกฝนใต้ต้นสังสารวัฎเพื่อทำความเข้าใจสูตรปรุงยา
ในฐานะที่เขาเป็นจักรพรรดินักปรุงยา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะคลั่งไคล้การปรุงยา เขาจะไม่ศึกษาค้นคว้าจนกว่าจะหลอมมันได้สำเร็จ หลายวันที่ผ่านมา เขานั่งฝึกฝนอยู่คนเดียวใต้ต้นสังสารวัฎ ทำให้สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ค่อยชิน
โดยปกติแล้ว หลิงฮันมักจะพูดแซวนางอยู่เสมอ และทำให้ใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย แต่ตอนนี้เขากลับนั่งฝึกฝนอยู่คนเดียว จึงทำให้นางรู้สึกเหงาเล็กน้อย
หลังจากผ่านไปสองสามวันก็มีภูเขาปรากฏอยู่ด้านหน้าพวกเขา
หากจะพูดให้ถูกน่าจะเรียกว่าภูเขาครึ่งลูกจะดีกว่า เพราะอีกครึ่งหนึ่งของมันแหว่งหายไป
เมื่อกลุ่มของหลิงฮันทั้งสามคนเดินไปถึงตีนภูเขา ทำให้เขารู้ว่ามันเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยสมุนไพรมากมายอยู่ที่นี่
สมุนไพรระดับต่ำสามารถเก็บได้ตามที่ต้องการ แต่สมุนไพรระดับสูงนั้นจำเป็นต้องปลดผนึก…ซึ่งบางต้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเก็บเกี่ยว อย่างน้อยจะต้องเป็นจอมยุทธระดับดาราที่จะเก็บเกี่ยวมันได้
ช่วยไม่ได้ที่จะปรากฏประกายแห่งความหวังในใจของหลิงฮัน มันอาจจะมีผลราชาพิรุณสีชาดอยู่ที่นี่ก็เป็นได้
หากเป็นเช่นนั้น เมื่อใดที่เขาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา เขาก็จะสามารถหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งขึ้นมาได้และความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้มันจะไม่มีผลราชาพิรุณสีชาดอยู่ที่นี่ มิใช่ว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นี่ก็คุ้มค่าที่จะเก็บเกี่ยวหรอกหรือ?
ทว่าพวกเขาทั้งสามคนมาช้าเกินไป สมุนไพรระดับต่ำถูกเก็บเกี่ยวไปเกือบหมดแล้ว เพราะมันไม่จำเป็นต้องปลดผนึก แต่หลิงฮันก็ไม่ได้สนใจสมุนไพรพวกนั้นมากนัก เขามีสมุนไพรหลากหลายชนิดปลูกอยู่ในหอคอยทมิฬ แต่ระดับของมันค่อนข้างต่ำ
พวกเขาเดินสำรวจและในไม่ช้าก็พบสมุนไพรหลายชนิดที่เป็นสมุนไพรระดับเจ็ด แต่ยังไม่โตเต็มที่ให้เก็บเกี่ยว เพราะแหล่งพลังงานไม่เพียงพอที่จะทำให้สมุนไพรเหล่านี้เจริญเติบโต
“ฮ่าฮ่าฮ่า เช่นนั้นข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน ข้าจะช่วยพวกเจ้าเอง!” หลินฮันอดที่จะหัวเราะไม่ได้
“….เจ้าไม่เห็นจำเป็นต้องพูดไร้ยางอายแบบนั้นเลย เห็นได้ชัดว่าเจ้าจะนำพวกมันไปปรุงยา ทำไมต้องทำตัวเหมือนผู้กอบกู้ด้วย” หูเฟยหยินหันไปเหลือบมองหลิงฮัน
“ถ้างั้นท่านอย่าใช้กินเม็ดยาของข้าแล้วกัน!” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าแค่พูดลอยๆเท่านั้น!” หูเฟยหยินกล่าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลิงฮันเก็บเกี่ยวสมุนไพรที่อยู่รอบๆ เขาขุดมันขึ้นมาอย่างนุ่มนวลและนำไปปลูกใต้ต้นสังสารวัฎ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เข้าไปในหอคอยทมิฬและเริ่มทำลายผนึก
มันใช้เวลามากกว่าที่เขาคิด หลังจากผ่านไปสิบเจ็ดวัน ในที่สุดหลิงฮันก็ปลดผนึกสมุนไพรพวกนั้นได้สำเร็จและรวบรวมสมุนไพรระดับเจ็ดเหล่านั้นปลูกในหอคอยทมิฬ
“ถึงแม้หอคอยทมิฬจะสามารถทำให้สมุนไพรเติบโตได้อย่างรวดเร็วได้ แต่ความเร็วดังกล่าว แม้จะใช้เวลาปลูกที่นี่หกเดือนก็ยังไม่เร็วพอที่จะนำพวกมันมาปรุงยาได้” หลิงฮันส่ายหัว “ยังไงข้าก็ต้องหาผลราชาพิรุณสีชาดให้เจอ มันมีค่าที่สุดสำหรับข้าในตอนนี้”
หลิงฮันเริ่มตั้งใจค้นหาผลราชาพิรุณสีชาด ถ้าเขาหามันพบ เขาก็จะใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อที่จะเก็บเกี่ยวมัน แต่ถ้าไม่สามารถเก็บเกี่ยวมันได้ เขาก็จะหาสมุนไพรล้ำค่าที่สุดของที่นี่กลับไปแทน แล้วเขาก็จะได้ไม่กลับไปมือเปล่า
อย่างไรก็ตาม หากมันต้องใช้เวลามากกว่าสิบวันในการปลดผนึก นั่นเท่ากับเป็นเวลาสิบปีในโลกภายนอก ถ้าเป็นคนธรรมดา พวกเขาคงทำได้แค่ถอนหายใจอย่างไร้ความหวัง
ดังนั้น คนทั่วไปจึงทำได้แค่เก็บเกี่ยวสมุนไพรธรมมดาที่ไม่ต้องปลดผนึก
ครึ่งวันต่อมา หลิงฮันสำรวจภูเขาเกือบครบทั้งลูกแล้ว ในท้ายที่สุดแววตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นและเผยสีหน้าตกตะลึง
“มันมีผลราชาพิรุณสีชาดอยู่ที่นี่จริงด้วย!” หลิงฮันส่งเสียงหัวเราะ
ด้านหน้าเขามีต้นไม้ที่สูงกว่าสูงสิบฟุต ลำต้นของมันมีสีแดงและมีใบไม้เป็นเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้แล้วมีผลอยู่ท่ามกลางใบเหล่านั้น
หลิงฮันรู้สึกมีความสุด แม้ว่าผลราชาพิรุณสีชาดจะยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็มีขนาดใหญ่มาก หากเขานำไปปลูกในหอคอยทมิฬต่อมันน่าจะโตเต็มที่ในอีกสามหรือห้าปีข้างหน้า
มันเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่!
มันมีผลราชาพิรุณสีชาดทั้งหมดยี่สิบเจ็ดผล ซึ่งหนึ่งผลจะสามารถปรุงเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้หนึ่งเม็ด นั่นเท่ากับว่าเขาสามารถปรุงเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้ทั้งหมดยี่สิบเจ็ดเม็ด ในกรณีที่ปรุงยาสำเร็จและไม่ล้มเหลว
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ ใครจะสามารถปรุงยาสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกกัน?
หลิงฮันลูบมือและเริ่มที่จะปลดผนึกของผลราชาพิรุณสีชาด
ตอนที่ 1184
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน… เวลาค่อยๆผ่านไป
ผนึกของผลราชาพิรุณสีชาดยากเกินกว่าที่หลิงฮันคิดไว้ หลังจากผ่านไปยี่สิบวันเขาก็ยังปลดผนึกไม่สำเร็จ แต่ในระยะเวลาหลายวันบนภูเขาสมุนไพรแห่งนี้กับการที่เขาเข้าไปทำความเข้าใจใต้ต้นสังสารวัฏ ทำให้ระดับพลังของเขาพัฒนาขึ้นอีกขั้น
ระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์ชั้นสูง!
ตราบใดที่เขาพัฒนาพลังไปได้อีกขั้น เขาก็จะบรรลุขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของระดับภูผาวารี เมื่อพลังต่อสู้ของเขาจะกลายเป็นสิบดาว พลังของเขาก็จะเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นต้น
“คาดไม่คิดถึงจริงๆ!” หลิงฮันส่ายหัว ผนึกยังไม่ถูกปลดเสียที แต่เป็นพลังบ่มเพาะของเขาที่เพิ่มสูงขึ้น
แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ พวกเขากินเม็ดยาอยู่ทุกวัน ที่สำคัญคือเขามีต้นสังสารวัฏเป็นตัวช่วยด้วย เป็นไปไม่ได้เลยที่การพัฒนาของเขาจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า
การพัฒนาของสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินก็รวดเร็วเช่นกัน หูเฟยหยินนั้นบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้ว การบ่มเพาะพลังของนางเรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เมื่อกลับไปยังนิกายสวรรค์เยือกแข็งบางทีนางอาจจะได้เลื่อนเป็นศิษย์หลัก
ส่วนหูเฟยหยินนั้น นางได้บรรลุเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์
นางเป็นร่างแยกของจักรพรรดินีแห่งดารา ที่จริงนางเคยผ่านการบ่มเพาะพลังระดับนี้มาเก้าครั้งแล้ว แต่เมื่อเจอกับบททดสอบสวรรค์นางก็ยังกระโดดเผ่นหนีด้วยความกลัวอยู่ดี
เมื่อจักรพรรดินีแห่งดาราไม่ควบคุมร่าง นางก็ไม่สามารถต่อสู้ได้
ยกตัวอย่างเช่นจอมยุทธส่วนน้อยเช่นอัจฉริยะหนึ่งดาวหรือสองดาวนั้น พวกเขาจะสามารถสู้กับจอมยุทธที่ระดับพลังเหนือกว่าเขาหนึ่งหรือสองขั้นเล็กได้ ในขณะที่จอมยุทธส่วนใหญ่จะสู้ได้เพียงศัตรูที่มีระดับพลังเท่าตัวเอง ส่วนหูเฟยหยินน่ะรึ? ช่างน่าอายยิ่งนัก!
พลังต่อสู้ของนางต่ำกว่าระดับพลังของตัวเองอย่างน้อยหนึ่งหรือสองดาว ซึ่งเรียกว่าเป็นพลังต่อสู้ติดลบของจอมยุทธแสนโง่งม
“ข้าไม่ได้โง่ ข้าแต่ไม่ชอบสู้รบ!” นางโต้แย้งทันที แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังถูกหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่หยอกล้ออยู่ดี ขนาดจักรพรรดิจอมอสูรก็ยังหัวเราะนาง
เพียงแต่ว่าต่อให้พลังต่อสู้จะติดลบ แต่รากฐานของนางนั้นแข็งแกร่งมาก รากฐานของนางนั้นมั่นคงกว่าจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดคนไหนๆ
สุ่ยเยี่ยนยวี่อิจฉาเป็นอย่างมาก นางรู้ตัวนางดีว่าต่อให้นางพยายามมากแค่ไหนนางก็ไม่สามารถบรรลุระดับสมบูรณ์ได้ แต่หูเฟยหยินกลับบรรลุได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
“ภรรยาข้าอย่าได้น้อยเนื้อต่ำใจไป ตัวนางนั้นเป็นกรณีพิเศษ!” หลิงฮันกล่าวปลอบใจ
สุ่ยเยี่ยนยวี่จะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว นางทำได้เพียงมองไปยังท่าทีอันไร้เดียงสาของหูเฟยหยินและทำใจยอมรับ
อีกสิบวันต่อมาในที่สุดหลิงฮันก็ปลดผนึกได้สำเร็จ เขานำสมุนไพรอันแสนล้ำค่าเข้าไปปลูกในหอคอยทมิฬ
เมื่อสมุนไพรถูกปลูกในหอคอยทมิฬก็หมายถึงสมุนไพรต้นนี้เป็นของเขาอย่างแท้จริงแล้ว
หลิงฮันอารมณณ์และหอมแก้มสุ่ยเยี่ยนยวี่ก่อนจะกล่าว “ทำงานใหญ่สำเร็จ ข้าขอรางวัลหน่อย”
“เจ้าบุรุษไร้ยางอาย รับฝ่าเท้าของนายท่านไปกิน!” ทันใดนั้นเขาเสียงตะโกนอันเต็มเปี่ยมไป้วยพลังก็ดังขึ้น พวกเขาเห็นเงาสีเงากระโจนเข้ามาด้วยความเร็วสูง
แม้จะพูดว่า ‘รับฝ่าเท้าไปกิน’ แต่ขนาดของเงาสีขาวนี้ดูแล้วไม่ใช่มนุษย์แน่นอน
หลิงฮันต้องการจะหลบแต่ก็สายเกินไป เขาใช้ทักษะบัญญัติดาบไวโต้ตอบกลับไปทันที
ปัง!
นิ้วของเขาที่ใช้แทนดาบสัมผัสถูกเงาสีขาว ‘ตูม’ คลื่นสะท้อนและสายลมที่รุนแรงปะทุพัดไปทั่วทิศทางส่งผลให้พวกสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินกระเด็นล่าถอย
หลิงฮันมองไปยังรูปร่างของเงาสีขาวและอดแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาไม่ได้
มันไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นต้นสมุนไพร รูปร่างของมันเหมือนกับโสมที่มีแขนและขาอย่างละสองข้างงอกออกมา ที่บริเวณหัวรูปร่างโสมของมันก็มีใบหน้าประดับอยู่
เหลือเชื่อ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่เติบโตจนถึงขั้นสมบูรณ์!
“เจ้าตัวประหลาด ยอมเข้ามาอยู่ในหม้อเสียดีๆ!” หลิงฮันหัวเราะ การที่สมุนไพรต้นนี้เติบตนมาจนถึงขั้นนี้ได้ ระดับของมันจะต้องสูงมากแน่ๆ บางทีแค่กินเข้าโดยตรงอาจจะทำให้ขั้นพลังเพิ่มขึ้นหนึ่งถึงสองขั้น?
“เจ้าบุรุษอัปลักษณ์ คิดจะกินท่านปู่ผู้นี้ยังเร็วไปแปดร้อยปี!” โสมร่างมนุษย์ตะโกนด้วยความโกรธ “ปล่อยมือจากสตรีผู้นั้นซะ ท่านปู่ผู้นี้จะสานต่อเอง!”
หลิงฮันกล่าวสบถ “เจ้าเป็นแค่โสมแก่ คิดจะมายุ่มย่ามกับภรรยาของข้ารึ?”
“ใครบอกว่านางเป็นภรรยาเจ้า นางจะตกเป็นของท่านปู่ผู้นี้ต่างหาก!” โสมมนุษย์ไม่ยินยอมอ่อนข้อ มันขยายร่างและโจมตีหลิงฮัน
มันไม่ได้แข็งแกร่งแต่รวดเร็วมาก หลิงฮันต้องใช้ทักษะบัญญัติดาบไวในการตอบโต้ ทักษะดาบฟ้าคำรามนั้นไม่รวดเร็วเท่าบัญญัติดาบไว ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่ได้ใช้มัน
‘ปัง ปัง ปัง’ โสมมนุษย์โจมตีอย่างต่อเนื่อง มันไม่ได้โจมตีด้วยพลังปราณแต่เป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ โซ่นับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
โสมมนุษย์กระหน่ำโจมตีใส่หลิงฮันรอบด้าน การเคลื่อนไหวของมันนั้นราวกับสายฟ้า มันรวดเร็วจนน่ากลัว
“เจ้าโสมเฒ่า ข้าจะกินเจ้าให้ได้!” หลิงฮันใช้นิ้วแทนดาบโต้ตอบอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ต้องการทำให้สมุนไพรต้นนี้บาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่าที่มันเติบโตจนมีสติปัญญาและแขนขาเช่นนี้ ประสิทธิภาพของมันจะต้องยอดเยี่ยมมากเป็นแน่
สมุนไพรมีอายุขัยที่ยาวนานกว่าจอมยุทธ สมุนไพรระดับหนึ่งมีอายุไขพอๆกับจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้น หรือก็คือมันมีอายุยืนยาวถึงล้านปี
สมุนไพรระดับสูงนั้นยากมากที่จะกำเนิดขึ้นมา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้พวกมันเกิดขึ้นได้ก็คืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์
ดังนั้นที่สมุนไพรจะมีแขนขางอกออกมาและมีสติปัญญาได้ พวกมันคงมีอายุมานานมากจนนับไม่ไหว ด้วยการที่มันมีสติปัญญาทำให้มันค่อยๆบ่มเพาะตัวเองอย่างช้าๆจนในที่สุดก็สามารถใช้ขาเดินไปมาได้อย่างอิสระและเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์
โสมเฒ่าต้นนี้จะต้องเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าหาที่เปรียบไม่ผิดแน่
“เหอะ! เจ้าเด็กโง่ เอาฝ่าเท้าของท่านปู่ไปกินแทนเถอะ!” โสมเฒ่าเตะเท้าโจมตี เท้าของมันผสานไว้ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันน่าสะพรึงกลัว
โสมเฒ่ามีการโจมตีและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ในขณะที่หลิงฮันมีพลังป้องกันที่ทนทานและการโจมตีที่รุนแรง เมื่อทั้งสองสู้กันผลลัพธ์จึงยากที่จะมีฝ่ายใดชนะ ยิ่งสู้การปะทะก็ยิ่งดุเดือด
สุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินตกตะลึง โสมเฒ่าต้นนี้แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?
บ้าชัดๆ!
“นี่ น้องชายฮัน เจ้าจะว่าอะไรรึไม่หากข้าขอเป็นคนลงมือ?” เสียงอันอ่อนโยนฟังแล้วลื่นหูดังขึ้น
ร่างอันบอบบางของสตรีเดินปรากฏตัว นางตัวเตี้ยกว่าหลิงฮันมาก ผมดำของนางยาวสลวยราวกับน้ำตกและสวมชุดคลุมสีขาวไร้การตกแต่งใดๆที่ช่วยขับให้ใบหน้าอันงดงามของนางโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
นางคือเฉินจู๋เอ๋อ ศิษย์ระดับราชาของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง!
แม้นางจะกล่าวขออนุญาตแต่เมื่อกล่าวจบนางกับลงมือโดยไม่รอฟังคำตอบ นางคว้ามือไปยังโสมเฒ่า
“สาวงามมม!” โสมเฒ่าดวงตาเปล่วงประกายและกระโดดเข้าไปยังหน้าอกของเฉินจู๋เอ๋อ
“จะ เจ้าโสมโรคจิต!” เฉินจู๋เอ๋อตะลึง ตอนนี้นางเพิ่งมาถึงนางพบว่าโสมเฒ่าต้นนี้ที่มีแขนขาและสติปัญญาจะต้องเป็นยาบำรุงชั้นเลิศแน่นอนนางจึงลงมือคว้ามันทันที แต่นางไม่คิดว่าโสมเฒ่าต้นนี้จะเลวร้ายขนาดนี้
จู่โจมที่หน้าอก… ช่างไร้ยางอาย!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น