Alchemy Emperor of the Divine Dao 1132-1138
ตอนที่ 1132
ยานบินดาราบินเข้ามาใกล้หลิงฮัน ยานไม่ได้หยุดจอดทันทีแต่ค่อยๆชะลอความเร็วลง
เมื่อยานบินดาราเริ่มเดินเครื่องจำเป็นต้องใช้ผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาล ดังนั้นต่อให้พวกเขาจะยอมให้หลิงฮันขึ้นยานไปด้วยก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะหยุดจอดยานแต่ทำเพียงชะลอความเร็ว
หลิงฮันกระโดดลอยขึ้นไป ยานบินดาราลำนี้ไม่ได้กางโล่ป้องกันเอาไว้ แต่นั่นก็ไม่แปลก ในสถานการณ์ที่ไม่มีภัยอันตรายทำไมพวกเขาจะต้องกางโล่ให้เปลืองผลึกก่อเกิดด้วย?
เขาลอยตัวลงไปยังดาดฟ้ายาน ซึ่งที่นั่นมีชายสามคนรออยู่
“ข้าจะเรียกเจ้าว่าอย่างไรดี?” ชายคนหนึ่งเอ่ยถาม เขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา ในตอนแรกเขาวิตกกังวลเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นว่าหลิงฮันเป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีเขาก็ผ่อนคลายทันที
หลิงฮันผสานมือคารวะเพื่อทักทายและกล่าว “ชื่อของข้าคือฮันหลิง ก่อนหน้านี้เขาพบเจอกับกลุ่มโจรสลัดอวกาศแต่โชคดีที่หนีรอดมาได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ข้าสูญเสียยานบินดาราของข้าไปแล้วทำให้ไม่สามารถมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายปลายทางได้ ต้องขอขอบคุณพวกท่านมากที่ผ่านมาช่วยเหลือข้า”
ในเมื่อผู้บุกรุกคิดว่าตนเองทำภารกิจสำเร็จแล้ว ทำไมเขาจะไม่ลองปกปิดสถานะดูล่ะ? หากทำเช่นนี้เขาจะสามารถบ่มเพาะพลังต่อไปได้โดยที่ไม่มีใครไล่ล่า
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นสหายน้อยฮันนี่เอง” ชายคนนั้นพยักหน้า เขาไม่สงสัยในคำพูดของหลิงฮัน ถ้าจะบอกว่าหลิงฮันตั้งใจรอพวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อล่อให้มาติดกับดักหรืออะไรสักอย่างนั้นเขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน นั่นเพราะจักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ใครกันจะสามารถล่วงรู้เส้นทางการเดินยานของคนอื่นได้?
“สหายน้อยจะมุ่งหน้าไปยังที่ใดรึ?” เขาถามอีกครั้ง
“ดาวเฟยหยุน” หลิงฮันกล่าวตอบ
ชายคนนั้นยิ้มและกล่าว “งั้นก็ช่างบังเอิญจริงๆ พวกเราก็มีเป้าหมายอยู่ที่ดาวเฟยหยุนเช่นกัน เช่นนั้นพวกเราจะพาเจ้าไปด้วยก็แล้วกันสหายน้อย”
“ขอบคุณพวกท่านมาก!” หลิงฮันรีบกล่าว ในโลกแห่งการฝึกตนที่ความแข็งแกร่งคือทุกอย่าง การที่จะเจอคนที่แข็งแกร่งกว่าแต่มีท่าทีเป็นมิตรต่อผู้อื่นเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง
ชายคนนั้นเดินจากไปและให้ผู้ติดตามเป็นคนพาหลิงฮันไปยังด้านล่างเพื่อพักผ่อน
หลิงฮันพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ติดตามคนนั้นและพบว่ายานบินดาราลำนี้คือยานส่งสินค้าของตระกูลโม่ ชายที่แข็งแกร่งเมื่อครู่มีนามว่า โม่กู่ เขาคือคนที่มีตำแหน่งสำคัญในตระกูลโม่
ตระกูลโม่ตั้งรากฐานอยู่ที่ดาวหนานเฟิง แต่เพราะการค้าขายในอวกาศพวกเขาจึงมีตระกูลสาขาอยู่ที่ดาวหลายดวง ที่ดาวหนานเฟิงนั้นตระกูลโม่ถือว่ามีอำนาจยิ่งใหญ่มาก ถ้าหากจักรวรรดิหนานเฟิงคิดจะรุกรานพวกเขา สิ่งที่พวกเขาจะทำก็แค่เปลี่ยนสถานที่ตั้งของตระกูลหลักไปยังที่ใหม่เท่านั้นเอง
ในการเดินยานครั้งนี้พวกเขากำลังขนส่งสินค้ำนวนมหาศาลไปยังดาวเฟยหยุน ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญอย่างมากที่พวกเขาเปลี่ยนเส้นทางเดินยานหลักมาหาหลิงฮันเพราะถูกดึงดูดโดยบททดสอบสายฟ้าสวรรค์
หลิงฮันเก็บหนี้บุญคุณครั้งนี้ไว้ในใจ แม้พวกเขาจะยื่นมือมาช่วยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนจากเขาก็ตาม แต่ถ้าเขาไม่ตอบแทนเขาก็จะไม่นับว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชาย
หลิงฮันนับว่าโชคดีไม่น้อยเพราะอยู่ไม่ไกลจากดาวเฟยหยุนเท่าไหร่ พวกเขาใช้เวลาราวๆเจ็ดวันยานบินดาราก็แล่นลงจอดที่พื้นดินของดาวเฟยหยุน
แน่นอนว่าไม่มีทางเลยที่ตัวตนระดับสุริยันจันทราเช่นโม่กู่จะเก็บเรื่องของจอมยุทธระดับภูผาวารีเช่นหลิงฮันไว้ในหัว ในช่วงเจ็ดวันมานี้เขาไม่ได้โผล่หน้ามาให้หลิงฮันเห็นสักครั้ง มีเพียงเมื่อยานบินลงจอดหลิงฮันถึงจะได้พบหน้าเขาและกล่าวขอบคุณ
หลิงฮันซื้อแผนที่ในเมืองและจากที่ดูในแผนที่แล้ว เขาอยู่ไม่ห่างจากนิกายสวรรค์เยือกแข็งมากนัก
บนดาวดาวเฟยหยุนแห่งนี้มีจักรวรรดิราชวงศ์อยู่สองจักรวรรดิ นั่นคือจักรวรรดิราชวงศ์สี่สมุทรและจักรวรรดิราชวงศ์มหาสวรรค์ เพียงแต่ว่าต่อให้นำอาณาเขตของทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์มารวมกันก็ยังใหญ่ไม่เท่านิกายสวรรค์เยือกแข็ง
แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ ถึงแม้ปรมาจารย์สามวิถีจะไม่มีความคิดต้องการจะยึดครองดาวดวงนี้ แต่ถ้าหากปรมาจารย์สามวิถีต้องการจะขยายอาณาเขตของตัวเอง มีหรือที่ทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์จะกล้าบุกโจมตีเพื่อแย่งชิงอาณาเขต?
ที่จริงการที่จักรวรรดิราชวงศ์ถูกยินยอมให้ก่อตั้งขึ้นได้ก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว ใครไปยอมรับได้หากอาณาเขตของจอมยุทธระดับระดับวารีนิรันดร์มีขนาดเล็กกว่าจอมยุทธระดับสวรรค์?
ตอนนี้หลิงฮันอยู่ที่จักรวรรดิราชวงศ์มหาสวรรค์ เขาต้องใช้เวลาราวๆหนึ่งเดือนในการเดินทางไปยังนิกายสวรรค์เยือกแข็ง นี่เป็นความเร็วที่เขาเดินทางด้วยอุปกรณ์บินแหวกเมฆา หากเขาเดินทางด้วยเท้าตัวเองเป็นไปได้ว่าต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีเป็นอย่างน้อย
“ออกเดินทางเลยแล้วกัน!”
หลิงฮันนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาและมุ่งหน้าไปยังนิกายสวรรค์เยือกแข็ง
เจ็ดวันต่อมาเขาได้เดินทางมาถึงอาณาเขตของนิกายสวรรค์เยือกแข็งและใช้เวลาอีกยี่สิบวันจนมาถึงประตูทางเขานิกายสวรรค์เยือกแข็งในที่สุด
ไม่น่าแปลกใจเลยทำไมที่แห่งนี้ถึงถูกเรียกว่านิกาย ’สวรรค์’ เยือกแข็ง!
ด้านหน้าของเขาเป็นภูเขาที่ปลายเสียดสูงถึงไปถึงชั้นเมฆ ขนาดเขากระตุ้นใช้งานเนตรแห่งสัจธรรมก็ไม่สามารถมองเห็นปลายของภูเขาลูกนี้ เป็นได้ว่ามันจะมีความสูงถึงหนึ่งหมื่นเมตรเป็นอย่างน้อยและมีภูเขาย่อยอีกเจ็ดลูก
เมื่อมาถึงที่นี่แล้วเขาก็ไม่สามารถเดินทางด้วยอุปกรณ์บินเมฆาได้ตามใจชอบ เขาเก็บอุปกรณ์บินเมฆาและเดินทางต่อด้วยเท้า
ที่นี่คืออาณาเขตหลักของนิกายสวรรค์เยือกแข็งมีสถานที่มากมายที่ไม่ได้รับอณุญาติให้เข้าถึง โดยมีศิษย์ของสำนักคอยทำหน้าที่เดินตรวจตา
หลิงฮันเดินทางตามทานเดินหลักและมาถึงยังตีนเขาของภูเขาย่อย
หลังจากสอบถามเขาก็พบว่าโดยปกติแล้วคนนอกไม่ได้รับอณุญาติให้เข้าในไปภูเขาหลักและภูเขาย่อยทั้งเจ็ด แต่ช่วงนี้นั้นแตกต่างออกไปเนื่องจากเพิ่งจะมีศิษย์เมล็ดพันธุ์เข้าร่วมกับนิกายและกำลังรับสมัครผู้ติดตามอยู่ ทำให้มีผู้คนมากมายที่มาที่นี่เพื่อขอรับตำแหน่งผู้ติดตาม
ก่อนหน้านี้เคยอธิบายไปแล้ว มีเพียงศิษย์เมล็ดพันธุ์เท่านั้นที่สามารถมีผู้ติดตามได้ นอกจากการที่จะได้รับทรัพยากรบ่มเพาะแล้ว การได้รับปฏิบัติอื่นๆนั้นไม่ต่างอะไรกับศิษย์ทั่วไป แถมยังได้รับโอกาสติดตามศิษย์เมล็ดพันธุ์ไปรับฟังคำชี้แนะจากปรมาจารย์สามวิถีด้วย!
ผลประโยชน์เช่นนี้มันน่าดึงดูดขนาดไหน?
ไม่ต้องกล่าวถึงจอมยุทธที่ไม่ผ่านการทดสอบเข้าร่วมศิษย์เลย ขนาดศิษย์ทั่วไปภายในนิกายสวรรค์เยือกแข็งเองก็ยังต้องการเป็นผู้ติดตามของศิษย์เมล็ดพันธุ์
ยิ่งกว่านั้นศิษย์เมล็ดพันธุ์ทุกคนต่างมีโชคชะตาที่จะกลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งระดับแนวหน้าในอนาคต แม้จะยากเกินไปที่จะบรรลุระดับดารา แต่พวกเขาก็ต้องได้กลายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเป็นอย่างน้อย
ถ้าพวกเขาสามารถติดตามและยืนอยู่ข้างตัวตนเช่นนั้นได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวพวกเขาอย่างมากในอนาคต
ดังนั้นที่ตีนเขาของภูเขาย่อยที่ถูกเรียกว่าภูเขายอดเมฆาขาวในตอนนี้จึงผู้คนมากมายที่เดินทางมาเพื่อเป็นผู้ติดตามของศิษย์เมล็ดพันธุ์
ศิษย์เมล็ดพันธุ์แต่ละคนสามารถมีผู้ติดตามได้สูงสุดสามคน แม้จำนวนจะไม่มากแต่ผู้คนมากมายก็ยินดีที่จะแย่งตำแหน่งนั้นมา
“หลบไป! หลบไป!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังฝูงชน ชายสี่คนกำลังทำการเปิดทางเดินอยู่โดยที่ด้านหลังของพวกเขาเดินตามมาด้วยชายหนุ่มท่าทีมืดมน ชายหนุ่มมืดคนนั้นเป็นรุ่นเยาว์ที่อายุน้อยแต่เขากลับมีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด ซึ่งน่าตกตะลึงอย่างมาก
“เขาเป็นใครกัน? ทำไมถึงได้กล้าทำตัวอวดดีเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นศิษย์หลัก?” ใครบางคนเอ่ยถาม
“เจ้าไม่รู้รึไงว่าเขาเป็นใคร?”
“ทำไมข้าต้องรู้จักเขาด้วย?”
“เหอๆ ชายคนนั้นคือฉางตง ผู้ติดตามของหยางฮ่าว”
“ว่าไงนะ หยางฮ่าว!? เจ้าหมายถึงสุดยอดอัจฉริยะที่อายุเพียงหกร้อยปีก็บรรลุระดับสุริยันจันทราแล้ว หยางฮ่าวนั้นน่ะรึ?”
“ถูกต้อง!”
“โอ้ว… แต่ทำไมคนที่ยอดเยี่ยมเช่นนายท่านหยางถึงได้สนใจในตัวเขาล่ะ?”
“เจ้าไม่รู้งั้นรึ? ฉางตงนั้นเคยเป็นศิษย์หลักของนิกายสวรรค์เยือกแข็งมาก่อน แต่เขาก็ยอมละทิ้งสถานะนั้นเพื่อกลายเป็นผู้ติดตามของนายท่านหยาง! ในตอนนั้นมีแต่คนคิดว่าการกระทำของเขานั้นโง่งม แต่ดูตอนนี้สิ แม้แต่ศิษย์ที่มีสถานะเมล็ดพันธุ์บางคนก็ยังต้องการติดตามนายท่านหยาง แต่น่าเสียดายที่นายท่านหยางไม่แยแสพวกเขา!”
“ว่าไงนะ เรื่องจริงรึ?”
ในขณะที่พวกเขาพูดกันอยู่ คนสี่คนก็แหวกทางจนมาถึงด้านหลังหลิงฮัน คนอื่นๆยินยอมหลีกทางให้ทั้งสี่คนแต่โดยที ทำให้ในตอนนี้หลิงฮันเดินอยู่คนเดียวอย่างโดดเด่น
ตอนที่ 1133
“เจ้าหนู นี่เจ้ายังไม่ออกไปให้พ้นทางข้าอีกงั้นรึ?” ชายทั้งสี่คนตะโกนอย่างเย็นชา
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่ก็ไม่เลว”
“อะไร!” ชายคนหนึ่งกล่าว “เจ้ารู้หรือไม่เจ้านายของข้าเป็นใคร?”
“โอ้ว แล้วเป็นใครล่ะ?” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้มอย่างไม่แยแส
“ฉางตงแห่งตระกูลตง!” ชายคนนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ราวกับว่าเขาคือฉางตง
หลิงฮันนิ่งไปชั่วครู่ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “งั้นรึ? แล้วเจ้าล่ะ? ให้ข้าเรียกว่าสุนัขตัวที่สองดีไหม?”
“จ…จ…เจ้า-” ชายคนนั้นชี้ไปที่หลิงฮันด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าอยากเจ็บตัวใช่หรือไม่?”
“โอ้ว หรือว่านี่จะเป็นวิธีการของนิกายสวรรค์เยือกแข็งที่จะปฏิบัติต่อแขก?” หลิงฮันถาม
“ผิดแล้ว พวกข้าไม่ใช่ศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ดังนั้นพวกข้าจึงไม่อยู่ภายใต้กฎของนิกาย” ชายคนนั้นกล่าว จากนั้นเขาก็ดีดนิ้วพร้อมกับพูดว่า “สั่งสอนเจ้าเด็กนี่ซะ”
“หึ!” ชายอีกสามคนก้าวออกมาและจ้องมองหลิงฮัน แววตาของพวกเขาเหมือนกับหมาป่าที่หิวโหยกำลังจ้องมองกระต่ายตัวน้อย
หลังจากที่หลิงฮันสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้สำเร็จ กลิ่นอายของเขาก็เบาบางลงลึกลงเหมือนก้นทะเล จึงเป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นความแข็งแกร่งของเขา แล้วนี่ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วหลังจากที่เขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์ ทำให้เขามีพลังต่อสู้มากถึงเจ็ดดาว!
หลิงฮันจ้องมองฉางตงและพูดว่า “สุนัขของเจ้าเห่ามั่วซั่ว นี่เจ้าไม่คิดจะสั่งสอนมันหน่อยหรือ?”
“เลาะฟันของมันให้หมดปาก!” สีหน้าของฉางตงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและพูดอย่างเย็นชา
เขาไม่เห็นหลิงฮันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อเขาเป็นผู้ติดตามของหยางเฮ่าแล้วทำไมเขาจะทำตัวหยิ่งยโสไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทราบก่อนว่าแม้แต่ปรมาจารย์สามวิถียังสนใจในตัวหยางเฮ่า
เมื่อใดที่หยางเฮ่ากลายเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ยังไม่ใครหน้าไหนในนิกายสวรรค์เยือกแข็งที่เขาต้องไว้หน้าอีกหรือไม่?
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ชายทั้งสี่คนหัวเราะเยาะ ฉางตงเป็นคนที่โหดเหี้ยม พวกเขารู้ดีว่าต้องทำเช่นไร
ผู้คนที่ยืนดูอยู่บริเวณใกล้เคียงเริ่มถอยหนี เพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงจากการต่อสู้
อีกฝ่ายคือฉางตง แล้วใครจะไปอยากมีเรื่องด้วยกัน? นอกจากนั้น พวกเขายังไม่ใช่ศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งอีกด้วย แล้วกฎของนิกายจะใช้กับพวกเขาได้อย่างไร?
“หึ่ม พวกเจ้ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าคิดว่ามันถูกต้องแล้วอย่างนั้นรึ!” ในขณะนั้นเองก็มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีฟ้าเดินออกมาจากกลุ่มฝูงชน “เป็นแค่กลุ่มสุนัขรวมตัวกันเป็นฝูง แต่ยังกล้าทำตัวอวดดีอีก!”
ฉางตงหันไปมองนางทันที และช่วยไม่ได้ที่เขาจะเผยสีหน้าตกตะลึง
สตรีนางนี้ช่างงดงามยิ่งนัก ผ้าไหมสีฟ้าของนางเป็นเหมือนน้ำตก ผิวพรรณของนางขาวยิ่งกว่าหิมะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่กลมโตราวกับมองทะลุจิตวิญญาณของพวกเขาได้
ช่วยไม่ได้ที่ท่าทางของเขาจะเปลี่ยนไปและพูดว่า “ไม่ทราบว่าข้าควรเรียกแม่นางว่าเช่นไรดี?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องสนว่าข้าเป็นใคร ข้าแค่เป็นหญิงสาวที่ทนดูเจ้ากลั่นแกล้งคนที่อ่อนแอกว่าไม่ได้!” หญิงสาวชุดฟ้ากล่าวด้วยความภาคภูมิใจและเชิดหน้าขึ้นเหมือนหงส์
“ศิษย์น้อง!” ชายอีกคนโผล่ออกมาจากกลุ่มฝูงชน เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่ดูน่าเกรงขาม แต่ทว่าเขากลับมีนิสัยที่ขี้ขลาดเล็กน้อย เขาพยักหน้าให้กับฉางตงและคนอื่นๆพร้อมกับพูดว่า “ขอโทษพวกเจ้าแทนศิษย์น้องของข้าด้วยที่พูดแบบนั้นออกไป พวกข้ามีธุระที่ต้องไปทำเช่นนั้นคงต้องขอตัวก่อน”
ในสายตาของทุกคน พวกเขาแอบส่ายหัวอยู่ในใจ
ศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้มีบุคลิกนิสัยที่ต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งกล้าหาญ ส่วนอีกคนหนึ่งขี้ขลาด
ฉางตงแสยะยิ้มและพูดว่า “ขอโทษ? เจ้าคิดว่าขอโทษแล้วจะจบอย่างนั้นรึ?”
“ถ้างั้น…นายน้อยฉางต้องการให้ข้าทำอะไร?” ชายร่างใหญ่ถาม
“เรื่องนั้นง่ายมาก ทำไมพวกเราไม่ไปนั่งพูดคุยกันที่ภัตตาคารเทียนหยวนกันล่ะ?” ฉางตงกล่าวขณะจ้องมองหญิงสาวชุดฟ้าด้วยความลุ่มหลง
“เรื่องนั้นมัน-” ชายร่างใหญ่ดูลังเล
“ศิษย์พี่ พวกเขาเป็นแค่สุนัขที่รวมตัวกันเป็นฝูง ทำไมพวกเราจะต้องหวาดกลัวด้วย?” หญิงชุดฟ้าถาม
“ศิษย์น้อง ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าห้ามสร้างปัญหา!” ชายร่างใหญ่ถอนหายใจ “ใครก็ตามที่ต้องการทำร้ายศิษย์น้องของข้าจะต้องผ่านข้าไปก่อน!”
อย่าน้อยเขาก็มีความกล้าอยู่บ้าง
ฉางตงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้และพูดว่า “เหลวไหลสิ้นดี!” เขาชี้นิ้วไปที่ชายร่างใหญ่ และเชื่อว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้ หญิงสาวชุดฟ้าจะต้องเชื่อฟังที่เขาพูดอย่างแน่นอน
ชายทั้งสี่รับคำสั่ง แน่นอนว่าพวกเขาไม่สนใจหลิงฮันอีกต่อไป และกระโจนเข้าหาชายร่างใหญ่แทน
แม้ว่าชายร่างใหญ่จะขี้ขลาด แต่เขาก็ไม่หลบหนีและยืดหยัดเผชิญหน้า เขากำหมัดแน่นและตั้งท่า ทันใดนั้นก็มีคลื่นพลังที่รุนแรงกระจายออกมา หมัดของเขาในตอนนี้มีขนาดใหญ่มากกว่าหัวของเขาอย่างน้อยสามเท่าและกลายเป็นสีเงินเหมือนโลหะและมีคลื่นพลังไหลจากไหล่ไปถึงกำปั้นของเขา ทำให้เกิดอักขระศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นและหมัดของเขาก็ทรงพลังยิ่งขึ้นเช่นกัน
หืม? มันเป็นทักษะอะไรกัน ช่างน่าสนใจยิ่งนัก
หลิงฮันจับตาดูและไม่รีบเข้าไปแทรกแซง
ปัง พวกมันทั้งสี่คนเข้าถึงตัวชายร่างใหญ่แล้วและปล่อยการโจมตี
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม หมัดของชายร่างใหญ่นั้นรวดเร็วมากและโจมตีทั้งสี่คนกระเด็นไปด้านหลังได้ในพริบตา
หลิงฮันจ้องมองอย่างระมัดระวัง ทุกครั้งที่เขาปล่อยหมัดออกไป อักขระศักดิ์สิทธิ์บนหมัดของชายร่างใหญ่จะหายไปและทำให้พลังต่อสู้ของเขาลดลง
มันน่าสนใจมาก ความรุนแรงของหมัดจะลดลงตามจำนวนหมัดที่ต่อยออกไป แต่ถ้าหยุดพักชั่วครู่ พลังหมัดของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ชายร่างใหญ่เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูง ในขณะที่อีกฝ่ายสามคนมีระดับบ่มเพาะพลังเท่ากับเขา ส่วนอีกคนแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย เขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดแล้ว ดังนั้นหมัดของชายร่างใหญ่จึงมีผลอย่างมากกับพวกมันสามคน
หลังจากนั้นชั่วครู่ ไม่ได้มีเพียงแค่ฝูงชนเท่านั้นที่มองทักษะของชายร่างใหญ่ออก แต่ยังรวมถึงพวกมันทั้งสี่คนด้วย
“รีบโจมตีและอย่าปล่อยให้เขามีเวลารวบรวมพลังหมัด!”
การโจมตีของพวกเขาทั้งสี่คนเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ชายร่างใหญ่ปล่อยหมัดออกมาให้ได้มากที่สุด ด้วยวิธีนี้ถึงแม้อักขระศักดิ์สิทธิ์บนหมัดจะก่อตัวโดยอัตโนมัติ แต่ความเร็วในการก่อก็น้อยกว่าที่ใช้ไปและพลังโจมตีก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้กลั่นแกล้งศิษย์พี่ของข้า!” หญิงสาวชุดฟ้าชักดาบและกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
ตอนที่ 1134
“แม่นาง ทุกคนแค่กำลังประลองฝีมือกันเท่านั้นเอง เหตุใดต้องเกรี้ยวกราดเช่นนั้น?” ฉางตงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาพลักฝ่ามือออกไปด้านหน้าทำให้ร่างของหญิงสาวชุดฟ้าสั่นสะท้านราวกับถูกรั้งเอาไว้ด้วยแรงกดดันที่หนักหน่วงจนเกือบไม่สามารถควบคุมร่างตนเองได้
ฉางตงเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดในขณะที่หญิงสาวชุดฟ้าเป็นเพียงระดับภูผาวารีขั้นต้น ความแตกต่างของทั้งสองนั้นมากมายมหาศาล
“ศิษย์น้อง!” ชายร่างใหญ่คำรามด้วยความกังวล เพียงแต่เพราะถูกลิ่วล้อทั้งสี่คนรุมล้อมเอาไว้ทำให้ไม่สามารถไปช่วยหญิงสาวชุดฟ้าได้
“ที่นี่คือนิกายสวรรค์เยือกแข็งจริงๆรึ?” ใครบางคนพึมพำด้วยเสียงเบา “ทำไมเหล่าศิษย์ของนิกายถึงได้ไร้กฎเกณฑ์เพียงนี้?”
“นั่นก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้พวกเราไม่ใช่ศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งล่ะ? ต่อให้นิกายสวรรค์เยือกแข็งลงมือจัดการ พวกเขาก็จะสะสางปัญหาเฉพาะเรื่องภายในนิกายเท่านั้น”
“เห้อ ข้าทนดูต่อไม่ไหวแล้ว!”
“คนที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือเจ้าหนูนั่น เป็นเขาแท้ๆที่สร้างเรื่องขึ้นแต่กับยืนดูเฉยๆราวกับไม่ใช่เรื่องของตนเอง”
“ถูกแล้ว เจ้านั่นช่างนารักเกียจ!”
หลายคนมุ่งความเกลียดชังไปยังหลิงฮัน ชายหญิงสองคนนั้นเห็นได้ชั้นว่าออกหน้าเพื่อช่วยหลิงฮัน แต่เขากลับมีท่าทีเช่นนี้น่ะรึ? เขาเดินหลบไปด้านข้างอย่างไม่แยแสราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเขาเลย
แน่นอนว่าหลิงฮันได้ยินคำกล่าวตำหนิของทุกคน แต่เขาเลือกที่จำเมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยิน
เขาอยากประเมินศักยภาพของชายร่างใหญ่และอยากรู้ว่าจะผลิดสถานการณ์จากลิ่วล้อทั้งสี่คนนั้นอย่างไร ถ้าเขาแก้ไขสถานการณ์ไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนโง่เขลา
“ศิษย์น้อง!” ชายร่างใหญ่คำรามแสดงออกถึงความกังวลอย่างชัดเจน
“ศิษย์พี่ไม่น้องเป็นห่วงข้า!” หญิงสาวชุดฟ้ากล่าวด้วยความยากลำบาก นางอยู่ภายใต้แรงกดดันที่หนักหน่วง แค่กล่าวคำพูดนี้ออกมาก็ทำให้นางหายใจไม่สะดวกแล้ว
ชายร่างใหญ่เกรี้ยวกราด ผมดำเข้มของเขาตั้งตรง รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์อีกสิบอาคมปรากฏขึ้นบนหมัดของเขา
พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
‘ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!’
ลิ่วล้อทั้งสี่คนร้องโอดครวญในขณะที่ถูกซัดลอบกระเด็น
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม ในความคิดของหลิงฮันการปะทะไม่สามารถขนะด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว เพียงแต่ว่าชายร่างใหญ่ได้พิสูจน์แล้วว่าความคิดนั้นผิด เขาปลดปล่อยพละกำลังออกมาจนถึงขีดสุด ถ้ารูปแบบอาคมที่มีอยู่ไม่แข็งแกร่งพอ ก็แค่เพิ่มพวกมันขึ้นมาสิบเท่าก็พอแล้ว!
การฝืนใช้รูปแบบอาคมเช่นนี้ย่อมสร้างภาระอันหนักหน่วงให้ชายร่างใหญ่แน่นอน เพียงแต่ว่าตัวเขาในตอนนี้นั้นเรียกได้ว่าแทบจะไร้เทียมทาน
“ปล่อยศิษย์น้องของข้า!” ชายร่างใหญ่คำรามและพุ่งเข้าใส่ฉางตง
“ฮึ่ม ช่างโง่งม!” ฉางตงยกมือขึ้นและทำท่ากระแทกฝ่ามือใส่ชายร่างใหญ่
ครืนน!
ปราณก่อเกิดของเขาเปลี่ยนรูปร่างเป็นโซ่ยาวนับไม่ถ้วนและทอกันเป็นตะข่ายห่อหุ้มร่างของชายร่างใหญ่เอาไว้
ความต่างของระดับพลังของทั้งสองนั้นห่างกันเกินไป ความจริงต่อให้เป็นหลิงฮันก็ไม่สามารถต่อสู้ทัดเทียมกับระภูผาวารีขั้นสูงสุดได้ถ้าหากเขามีพังระดับภูผาวารีขั้นต้น มีเพียงอัจฉริยะสิบดาวเท่านั้นถึงจะสู้ข้ามระดับที่ห่างขนาดนี้ได้
“ศิษย์พี่! ศิษย์พี่!” หญิงสาวชุดฟ้าร้องด้วยความกังวล
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทำให้เขาบาดเจ็บมากเกินไปหรอก” ฉางตงหัวเราะเยาะเย้ยและกล่าว “แม่นาง ทีนี้เจ้าจะช่วยบอกชื่อให้ข้าได้รึยัง?”
หญิงสาวชุดฟ้าจ้องเขม็งไปยังฉางตง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
ฉางตงไม่ได้โมโหกับท่าทีของนาง เขาหันไปหาลิ่วล้อทั้งที่เพิ่งจะลุกคลานขึ้นมาและกล่าว “ทุบตีหมอนั่นซะ”
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งสี่ พวกเขารีบกล่าวตอบ “ขอรับนายน้อยตง”
“อย่า!” หญิงสาวชุดฟ้าสีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน
‘ทำไมคนคนนี้ถึงได้น่ารังเกียจเพียงนี้?’
ฉางตงหัวเราะลั่น “แม่นาง ชื่อของเจ้าล่ะ?”
หญิงชุดฟ้าพยายามถลึงตาเพื่อหยุดน้ำตาที่กำลังจะไหล “ขะ ข้าชื่อ…”
“เห้อ!” ในที่สุดหลิงฮันก็เดินขึ้นหน้าและกล่าว “ชื่อของสาวงามจะเปิดเผยต่อเดรัจฉานได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่านั่นจะเป็นการหมิ่นชื่อของแม่นางรึไง?” เขาหยุดอยู่ข้างหญิงสาวชุดฟ้า
สีหน้าของฉางตงเปลี่ยนเป็นมืดมน เขาควบคุมสถานการณ์ในอยู่หมัดแล้วแท้ๆแต่กลับถูกขัดขังหวะโดยเจ้าหนูนี่ เขาเค้นเสียงเย็นชาและกล่าว “พวกเจ้าทั้งสี่มัวรออะไรอยู่ รีบๆสังหารมันซะ!”
เขาหรี่ตาพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมาจากร่าง
คนเหล่านี้คิดจริงๆรึว่าเขาไม่กล้าสังหารพวกเขา?
คิดง่ายไปแล้ว! นิกายสวรรค์เยือกแข็งไม่ใช่นิกายที่ทำเพื่อประชาชน แถมคนเหล่านี้ก็ยังไม่ใช่ศิษย์ของนิกายด้วย ดังนั้นการตายของพวกเขานิกายย่อมไม่เห็นค่า!
ลิ่วล้อทั้งสี่เพิ่งจะเสียหน้าจากการที่ถูกชายร่างใหญ่ซัดกระเด็น ตอนนี้พวกเขารู้สึกอับอายและอัปยศ แต่เมื่อหลิงฮันยื่นมือเข้ามาแทรกก็กลายเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขากู้หน้ากลับมา พวกเขาไม่คิดเลยแม้แต่น้อยว่าหลิงฮันแข็งแกร่ง ทั้งสี่คนค่อยๆเดินเข้าไปล้อมหลิงฮัน
“ในที่สุดเจ้าหนูนั่นก็แสดงความกล้าออกมาบ้าง”
“แต่ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี ต่อให้เขาโค่นทั้งสี่คนได้แล้วยังไง? ฉางตงเป็นจอมยุทธระกับภูผาวารีขั้นสูงสุด จะมีรุ่นเยาว์กี่คนเชียวที่สามารถโค่นเขาได้?”
“ก็จริง เหล่าต้นอ่อนที่มีพรสวรรค์ต่างก็ถูกรับเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งแล้ว ยิ่งกว่านั้นก่อนหน้านี้ฉางตงก็ยังเคยเป็นถึงศิษย์หลัก หากเป็นการต่อสู้ในระดับพลังเดียวกันมีเพียงศิษย์เมล็ดพันธุ์เท่านั้นที่สามารถโค่นเขาได้”
ทุกคนส่ายหัวด้วยความผิดหวัง ผลลัพธ์ของการต่อสู้ถูกตัดสินออกมาแล้ว ใครใช้ให้เจ้าหนูนั่นตาบอดไปล่วงเกินฉางตงกันล่ะ?
ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าหากเจ้าแค่เขยิบหลบฉางตง
ลิ่วล้อทั้งสี่โจมตีพร้อมกันจากสี่ทิศทาง พวกเขาแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมโหดเห็นได้ชัดว่าต้องการจะเห็นฉากนองเลือดเกิดขึ้นตรงหน้า
หลิงฮันส่ายหัว เขามือและดีดนิ้ว
พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ!
ปราณดาบทั้งสี่ปรากฏออกมา ถึงแม้เขาจะนิ้วมือควบแน่นพวกมันขึ้นมาอย่างง่ายๆ แต่ปราณดาบทั้งสี่ก็อัดแน่นไปด้วยอำนาจอันทรงพลังที่ราวกับสวรรค์และปฐพีจะพังทลาย
หลิงฮันใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์!
ในตอนที่อยู่ดาวสุสาน เขาเรียนรู้เจตจำนงแห่งดาบและขัดเกลาพวกเขาภายใต้ต้นสังสารวัฏ เมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควรเป็นธรรมดาที่เขาจะเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบอย่างลึกซึ้งกว่าเดิม ตอนนี้ต่อให้เขาแค่ทำการดีดนิ้วมือ การโมตีของเขาก็จะถูกอัดแน่นไปด้วยเจตจำนงแห่งดาบและแฝงไว้ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
เสียงคมดาบเฉือนดังขึ้นสี่ครั้ง จากนั้นหัวของลิ่วล้อทั้งสี่ก็ระเบิดกระจุยแทบจะพร้อมๆกัน
บรรยากาศโดยรอบกลายเป็นเงียบสงัดทันที
รุ่นเยาว์คนนี้ดูไร้พิษภัยแต่การโจมตีของเขากลับเหี้ยมโหดไร้ความปรานี เขาไม่แม้แต่จะมอบโอกาสให้ลิ่วล้อทั้งสี่ร้องขอชีวิต
แม้ลิ่วล้อทั้งสี่จะถูกสังหารอย่างง่ายดาย แต่ฉางตงคือใครกัน?
เขาเป็นผู้ติดตามของหยางฮ่าวและอดีตเคยเป็นศิษย์หลัก!
เขาสามารถอยู่เคียงข้างหยางฮ่าวได้ดังนั้นเขาจึงได้รับโอกาสรับฟังการชี้แนะจากปรมาจารย์สามวิถี เช่นนี้แล้วพลังต่อสู้ของเขาจะไม่น่าสะพรึงได้อย่างไร? แม้เขาจะยังไม่บรรลุระดับสุริยันจันทรา แต่เขาต้องเป็นหนึ่งในจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ระดับภูผาวารีแน่นอน
เห้อ!
ทุกคนส่ายหัวด้วยความเวทนา
รุ่นเยาว์ผู้นี้เลือดร้อนเกินไปและไม่คำนึงถุงผลที่จะตามมา ที่จริงถ้าเขาไม่ดึงดันเกินไปฉางตงคงไม่ถึงกับเก็บเขามาใส่ใจด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ล่ะ?
ถ้าฉางตงไม่สังหารหลิงฮัน เขาจะมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่งั้นรึ?
“ฮึ่ม! ข้าประเมินเจ้าต่ำไปหน่อย!” ฉางตงกล่าวอย่างเย็นชา ในแววตาของเขาแฝงไว้วด้วยความดุดัน
ในตอนที่หลิงฮันโจมตีเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่ง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่หวาดกลัว
เขาเคยถูกรับเข้าสำนักในฐานะศิษย์หลัก ในตอนนั้นเขามีพลังต่อสู้อย่างน้อยห้าดาวเกือบหกดาว ตอนนี้เมื่อกลายเป็นผู้ติดตามของหยางฮ่าวและได้ฟังคำชี้แนะของปรมาจารย์สามวิถี พลังต่อสู้ของเขาย่อมแข็งแกร่งกว่าเดิม
ตอนนี้เขามีพลังต่อสู้ถึงเจ็ดดาว! ใครจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้?
ตอนที่ 1135
“เจ้านับว่ากล้าหาญไม่เบาที่กล้าสังหารคนของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง!” ฉางตงกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ผิดแล้ว! เจ้าเป็นเพียงลิ่วล้อ ส่วนพวกที่ข้าเพิ่งสังหารไปเป็นสุนัขรับใช้! เช่นนั้นแล้วพวกเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับนิกายสวรรค์เยือกแข็ง?”
ฉางตงชะงักไปชั่วขณะ เมื่อครู่ลิ่วล้อของเขาเป็นคนกล่าวเองว่าพวกเขาไม่ได้เป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งดังนั้นกฎของนิกายจึงไม่สามารถใช้กับพวกเขาได้
ตอนนี้หลิงฮันใช้คำพูดที่ว่าย้อนกลับมาหาเขา คำพูดที่อีกฝ่ายกล่าวมีทั้ง ‘ลิ่วล้อ’ และ ‘สุนัขรับใช้’
เขาจ้องไปยังหลิงฮันและกล่าว “ถูกของเจ้า ขอแค่มีพลังที่มากพอ ใครจะทำอะไรก็ได้ตามใจปรารถนาเป็นลิ่วล้อของข้าเองที่อ่อนแอ เพียงแต่ว่าหากข้าคิดจะลงมือ เจ้าคิดว่าจะรับการโจมตีของข้าได้กี่กระบวนท่ากันเชียว?”
“โอ้? เจ้าแข็งแกร่งเช่นนั้นเลยรึ?” หลิงฮันกล่าวด้วยท่าทีผ่อนคลายอย่างมาก
ฉางตงเค้นเสียงกล่าว “ข้าบ่มเพาะพลังจนบรรลุจุดสูงสุดของระดับภูผาวารีและมีพลังต่อสู้ติดตัวห้าดาว… พลังต่อสู้เมื่อใช้ทักษะของข้าอาจจะเพิ่มเป็นเจ็ดดาวด้วยซ้ำ!”
“ว่าไงนะ?!”
ผู้คนโดยรอบเอามือกุมหัวด้วยความตะลึง
เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ด้วยรึ?
ขนาดอัจฉริยะห้าดาวก็ยังกล่าวกันว่ามีอยู่เพียงในตำนาน แต่ฉางตงกลับอ้างว่าตนเองมีพลังต่อสู้ที่มากกว่าห้าดาวหรืออาจจะเจ็ดดาว! ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะก็ทำไมเขายังเลือกทีจะเป็นผู้ติดตามด้วย? ศักยภาพของเขานั้นเพียงพอจะกลายเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์!
“พลังต่อสู้ติดตัวห้าดาว?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ พลังต่อสู้ห้าดาวนับว่าทรงพลังอย่างแท้จริง เพียงแต่ว่าก่อนที่จะสร้างภูผาวารีสายที่ห้าสำเร็จ พลังต่อสู้ติดตัวของเขาก็มากกว่าห้าดาวอยู่แล้ว โดยเฉพาะตอนนี้พลังต่อสู้ติดตัวของเขาย่อมอยู่ที่เจ็ดดาวอย่างแน่นอน
“ทีนี้เจ้าหวาดกลัวแล้วรึยัง?” ฉางตงยิ้มอย่างชั่วร้าย “จงคุกเข่าลงและอ้อนวอนขอร้องให้ข้าเป็นเจ้านายของเจ้าซะ เห็นแก่ที่ว่าการบ่มเพาะพลังเป็นเรื่องยากลำบาก ข้าจะเห็นใจรับเจ้าเป็นข้ารับใช้ก็ได้”
หลิงฮันส่ายหัว “เจ้ามั่นใจตัวเองก็ไปหน่อย! เอาเถอะ เจ้าจะโจมตีมาเลยก็ได้ ข้าเบื่อจะพูดคุยไร้สาระกับขยะเช่นเจ้าแล้ว ข้าต้องรีบจัดการกับเจ้าให้เร็วที่สุด ธุระของข้าจะได้ไม่ล่าช้า”
พรวด!
ผู้คนรอบข้างตกใจจนลิ้นแทบจะปลิ้นออกมา ‘เจ้าอยู่ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ยังกล้าปากเสียอยู่อีก?’
‘อีกฝ่ายเป็นอัจฉริยะเจ็ดดาวเชียวนะ! เขาไร้เทียมทานที่สุดในหมู่จอมยุทธระดับภูผาวารี! ขนาดคนเช่นนี้ยังเป็นเพียงผู้ติดตาม… เช่นนั้นแล้วหยางฮ่าวล่ะ? เขาคืออัจฉริยะแปดดาว? เก้าดาว? หรืออาจจะสิบดาวเลยรึเปล่า?’
“เจ้าแส่หาความตายเสียแล้ว!!” ในที่สุดฉางตงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขายกมือขวาขึ้นและโจมตีใส่หลิงฮัน
เขาโจมตีโดยการปล่อยหมัดไปลวกๆเพราะมั่นใจในพลังของตนเองมาก เขามั่นใจว่าหมัดนี้จะสามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้น
หลิงฮันดีดนิ้วอีกครั้ง
พรึบ!
คลื่นปราณดาบพุ่งตรงออกไปก่อให้เกิดเป็นแสงสว่างจ้าราวกับสรวงสวรรค์
“อ้ากก!” ฉางตงรั้งหมัดกลับไป โลหิตหยดจากนิ้วของเขาลงสู่พื้นดิน
ผู้คนรอบข้างตกใจจนลิ้นแถบจะถลนออกมาอีกครั้ง พวกเขาตะลึงจนไม่รู้จะกล้าอะไรออกมา
ฉางตงเป็นอัจฉริยะเจ็ดดาวและบ่มเพาะพลังจนบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด แต่เขากลับถูกทำให้บาดเจ็ดโดนการนิ้วง่ายๆของคู่ต่อสู้ เรื่องแบบนี้จะให้พวกเขายอมรับได้อย่างไร?
“จะ เจ้า!” ฉางตงตกตะลึง
เขายกมือขึ้นมาดูและพบเห็นรูบาดแผล รูบาดแผลที่มีโลหิตไหลออกมานี้ทำให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกไหลแผ่ไปทั่วร่างของเขา
แม้เขาจะโจมตีออกไปลวกๆ แต่การโจมตีของหลิงฮันก็ลวกๆเหมือนกัน ไม่ว่าจะดูอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใช้ทักษะโจมตีใดๆเลย เพียงแต่ว่าอำนาจของการโจมตีของหลิงฮันกลับทรงพลังมากกว่าเขาถึงเพียงนี้
‘เหตุใดจอมยุทธที่ทรงพลังเช่นนี้ถึงมาปรากฏตัวในวันนี้?’
‘ไม่ใช่ว่าอัจฉริยะเช่นเขาสมควรจะถูกรับเข้าเป็นศิษย์แล้วรึไง’
จริงอยู่ที่ฉางตงเป็นคนที่หยิงยโสและทะนงตน แต่เขาไม่ใช่คนโง่
เขาค่อนข้างมั่นใจว่าวันนี้จะไม่มีสุดยอดอัจฉริยะคนได้ปรากฏตัว เพราะงั้นวันนี้จึงเป็นโอกาสที่เขาจะโอ้อวดตนเองอย่างเต็มที่ เขาที่เคยเป็นศิษย์หลักและมีพลังบ่มเพาะที่ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด มีคำกล่าวว่าแม้แต่ศิษย์เม็ดพันธุ์บางคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา… ซึ่งนั่นก็เป็นในกรณีที่เขากับศิษย์เมล็ดพันธุ์มีพลังบ่มเพาะที่ต่างกันมาก
แต่วันนี้เขากลับดันมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเสียได้
“มาจงมาเจ้าอะไร? นี่ยังไม่สำนึกอีกงั้นรึ?” เสียงของหลิงฮันเย็นชา “ที่จริงเจ้าไม่ต้องสำนึกอะไรก็ได้ เพราะเจ้าจะไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว!”
“บัดซบ!” ฉางตงคำรามพร้อมกับตบหน้าอกตัวเอง ทันใดนั้นแสงสลัวสีเขียวก็ปรากฏออกมา ภายในแสงสลัวสีเขียวมีหม้อต้มขนาดเล็กอยู่ แต่ภายในพริบตาหม้อต้มขนาดเล็กก็หมุนและขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดราวๆสามสิบเมตรในที่สุด
“จัดการ!” ฉางตงคำราม เส้นใยพลังปราณสีเขียวนับหมื่นไหลออกมาจากหม้อต้มและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
เส้นใยพลังปราณแต่ละเส้นผสานเข้าหากันเปลี่ยนสภาพกลายเป็นงูขนาดใหญ่ยักษ์ราวกับภูเขา แม้มันจะยังพุ่งไม่ถึงตัวหลิงฮัน แต่พลังที่น่าสะพรึงจนไม่อาจบรรยายได้ก็ทะลักออกมาจนทำให้พื้นดินสั่นไหว
หม้อต้มนั่นคืออุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังมาก
“หม้อต้มภูผามรกต!” ใครบางคนอุทาน “สะ สิ่งนี้คือสมบัติล้ำค่าของหยางฮ่าว! นี่เขามอบมันให้กับฉางตงงั้นรึ?”
“ว่าไงนะ? หม้อต้มภูผามรกต? มันคืออุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบเท่าระดับสุริยันจันทราเลยไม่ใช่รึไง! มีข่าวลือว่ามันเป็นอุปกรณ์ศักิ์สิทธิ์ระดับแปด ต่อให้เทียบกับอุปกรณ์มิติระดับสุริยันจันทราชิ้นอื่นมันก็นับว่าล้ำค่ากว่ามาก!”
“ไม่ใช่ นั่นไม่ใช่หม้อต้มภูผามรกต แต่เป็นเพียงของเลียนแบบ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะยังมีโอกาสยืนอยู่ที่นี่เพื่อดูการต่อสู้ได้รึยังไง?”
“ถูกของเจ้า ถ้าเป็นหม้อต้มภูผามรกตของจริง แค่กลิ่นอายที่มันปล่อยออกมาก็เพียงพอจะกำจัดพวกเราทุกคนแล้ว”
“ต่อให้มันเป็นเพียงของเลียนแบบก็ยังน่าสะพรึงกลัวอยู่ดี มันสามารถจัดอยู่ในอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับภูผาวารีอันดับต้นๆเลย”
“ฮึ่ม เจ้าไม่เห็นรึไงว่าฉางตงถึงขนาดต้องใช้โลหิตของตัวเองในการหล่อเลี้ยงหม้อต้ม? นี่หมายความว่าเขาไม่ได้ควบคุมโดยใช้พลังของตัวเอง แต่เขาต้องป้อนโลหิตเพื่อทำให้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ยอมเป็นส่วนหนึ่งของเขาและยอมให้เขาใช้งานมัน”
“เขา… จะต้องรับผลตามมาที่สาหัสแน่นอน!”
ตูม!
งูยักษ์พุ่งลงมาจากด้านบนพร้อมกับประกายแสงสีเขียว ประแสงเหล่านั้นราวกับเป็นดวงดางที่ถูกบดขยี้ร่วงหล่นจากท้องฟ้า พื้นดินสั่นสะเทือนอย่ารุงแรง ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นน่าหวั่นเกรงมาก
ฉางตงยิ้มอย่างเย็นชา เจ้าหนูนี่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เขาถึงต้องถูกบังคับให้กระตุ้นใช้งานหม้อต้มภูผามรกต
เพียงแต่ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว พลังทำลายจากการผสานพลังกันของเขากับหม้อต้มภูผามรกตเลียนแบบไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธระดับภูผาวารีจะต้านทานได้
“อะไรกัน?!”
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที นั่นเป็นเพราะหม้อต้มภูผามรกตเลียนแบบของเขากำลังสั่นไหว
‘ไม่จริง… แม้แต่สิ่งนี้ก็ไม่สามารถจัดการเจ้าหนูนั่นได้?’
ปัง!
พลังปราณสีเขียวถูกดันกลับขึ้นไปด้านบน หมัดของหลิงฮันซัดขึ้นสู่ท้องฟ้าจนหม้อต้มขนาดใหญ่สี่เขียวสั่นไหว หลังจากนั้นเส้นปราณสีที่เคยถูกปล่อยออกมาจากหม้อต้มก็ไม่ถูกปล่อยออกมาอีก
“อั่ก!” ฉางตงกระอักโลหิต ร่างของเขาผสานเข้ากับหม้อต้มภูผามรกตเลียนแบบ นั่นหมายถึงเขาจะได้รับบาดเจ็บเช่นกันหากหม้อต้มถูกทำให้เสียหาย ร่างของเขาร้อนรุ่มราวกับจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
ผู้คนรอบข้างชะงักตะลึง
ตอนที่ 1136
ถึงแม้ฉางตงจะใช้หม้อต้มภูผามรกตเลียนแบบ แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะหลิงฮันได้
เป็นไปได้ยังไง!
ต้องทราบก่อนว่าฉางตงแข็งแกร่งพอที่จะเป็นศิษย์หลัก แต่ตอนนี้เขากลับถูกหลิงฮันจัดการได้อย่างง่ายดาย…อย่าบอกนะว่าหลิงฮันมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับศิษย์เมล็ดพันธ์?
เรื่องแบบนี้ทุกคนจะทำใจเชื่อได้อย่างไร?
“จ…เจ้าเป็นใครกันแน่?” ฉางตงรู้ตัวว่าตอนนี้เขาได้เตะแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว
“คนที่จะฆ่าเจ้ายังไงล่ะ!” หลิงฮัน
ฉางตงกัดฟันแน่น เขาไม่กล้ารับมือกับหลิงฮันอีกต่อไปและหันหลังกลับเพื่อวิ่งหนี
วิ่ง!
คนที่หยิ่งยโสอย่างฉางตงกลับวิ่งหนีหลังจากปะมือกับหลิงฮันสองกระบวนท่า
ทุกคนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ เมื่อพวกเขามองย้อนกลับไป ถึงแม้จะแค่สองกระบวนท่า แต่ฉางตงก็ประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ หม้อต้มภูผามรกตได้รับความเสียหาย มันก็จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
แต่อีกฝ่ายจะปล่อยให้เขาหนีอย่างนั้นหรือ?
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย เขาตวัดนิ้วและเจตจำนงแห่งดาบก็เคลื่อนที่กลายเป็นลำแสงไล่ตามฉางตง
มันเร็วเท่ากับแสง
ฉางตงโจมตีออกไปเพื่อป้องกัน แต่ดาบของหลิงฮันนั้นรวดเร็วเกินไป เขาไม่สามารถหยุดมันได้ทัน และเจตจำนงแห่งดาบก็ผ่าร่างของเขาออกเป็นสองส่วนทันที
ผู้คนที่อยู่รอบข้างหวาดกลัวจนแถมฉี่แตก คนที่แข็งแกร่งอย่างฉางตงกลับถูกฟันจนร่างกายออกเป็นสองส่วน?
หลิงฮันพึงพอใจเป็นอย่างมาก การโจมตีเมื่อครู่เขาใช้ทักษะบัญญัติดาบเร็วและพลังแห่งกฎเกณฑ์ ทำให้การโจมตีของเขาทั้งรวดเร็วและทรงพลัง แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเขาใช้ทักษะบัญญัติดาบเร็วเพียงอย่างเดียว การโจมตีของเขาอาจรวดเร็วกว่านี้และถ้าใช้พลังแห่งกฎเกณฑ์เพียงอย่างเดียวพลังทำลายล้างก็จะมากยิ่งขึ้น
เขารวมคุณสมบัติทั้งสองเอาไว้ในการโจมตีเดียว แต่เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่สมบูรณ์แบบ
นี่ถือเป็นเรื่องดี เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถพัฒนามันได้อีก!
ฉางตงยังไม่ตาย จอมยุทธระดับภูผาวารีต่างมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง เขาเหยียดมือออกไปและพยายามเชื่อมต่อร่างกายเข้าด้วยกันและรักษาบาดแผล ขณะเดียวกันก็ใช้พลังปราณห้ามเลือดเอาไว้
เขากระอักเลือดและพูดว่า “เจ้าอย่าได้ทำอวดดีมากเกินไป เจ้ารู้หรือว่าไม่เจ้านายของข้าคือหยางเฮ่า!”
“ข้ารู้” หลิงฮันพยักหน้า จากนั้นเขาก็ตวัดนิ้วอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
ฉัวะ!
ทั้งที่เขารู้แล้วว่าเจ้านายของฉางตงคือหยางเฮ่า แต่ทำไมเขาถึงยังไม่หยุดมืออีก?
ในขณะนั้นเอง ฝูงชนก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้เล็กๆอีกต่อไป ตอนนี้มีผู้คนมุงดูอย่างน้อยหนึ่งแสนคน
ในระยะไกลศิษย์เมล็ดพันธ์ทั้งหมดยี่สิบคน เป็นชายหนุ่มรูปหล่อและหญิงสาวที่งดงาม ซึ่งละคนดูเยาว์วัยมากและมีกลิ่นอายที่ทรงพลังเริ่มเดินทางมาถึง
“หึ่ม กลุ่มคนไร้ค่า ทำไมข้าจะต้องเลือกคนไร้ค่าพวกนี้เป็นผู้ติดตามของข้าด้วย?” ชายหนุ่มชุดเขียวกล่าวอย่างไม่แยแสและแสดงท่าทางหยิ่งยโส
ระดับพลังของเขาอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงเท่านั้น แต่เขากลับได้รับสถานะศิษย์เมล็ดพันธ์จากนิกายสวรรค์เยือกแข็ง นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาจะต้องมีพรสวรรค์ด้านวรยุทธที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ศักยภาพในอนาคตคือจุดที่นิกายสวรรค์เยือกแข็งสนใจ
“ใช่แล้ว พวกเรากลับกันเถอะ!” หญิงสาวคนหนึ่งที่มีผลึกสีแดงอยู่บนหน้าผากกล่าว
“หืม? ดูเหมือนตรงนั้นจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้น!” ชายหนุ่มชุดแดงชี้ไปยังจุดที่หลิงฮันและฉางตงต่อสู้กัน
“น…นั่นมันฉางตง!” ชายหนุ่มชุดเขียวอุทานก่อนที่จะเผยสีหน้าตกตะลึง “เขาเป็นผู้ติดตามของศิษย์พี่หยางมิใช่รึ? ข้าอยากเห็นหน้าคนที่กล้าทำเขายิ่งนัก!”
ชายหนุ่มชุดเขียวเคลื่อนที่ไปข้างหน้าในทิศทางของหลิงฮัน และทุกคนก็หลีกทางให้กับเขา
“หยุด!” ชายหนุ่มชุดเขียวเหลือบมองและตะโกน
“นายน้อยฟู!” ฉางตงตื่นเต้นมากถึงขั้นกรีดร้องออกมา
ถ้าศิษย์เมล็ดพันธ์เข้ามาแทรกแซงการต่อสู้ เขาก็จะรอด
ฉัวะ!
ฉางตงเพิ่งจะเห็นแสงสว่างแห่งความหวัง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าหลิงฮันจะหยุดมือ และเจตจำนงแห่งดาบของหลิงฮันก็ฟันมาที่หัวของฉางตงโดยตรง แม้จะเป็นจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งก็ไม่รอด
“เจ้า-” ชายหนุ่มชุดเขียวโกรธจนตัวสั่น ทั้งที่เขาพูดให้หยุดแล้ว แต่เจ้าหมอนี่กลับไม่สนใจ
กล้าหาญมาก!
“เจ้าจะฆ่าตัวตายหรือจะให้ข้าเป็นคนลงมือ?” เขากล่าวอย่างเย็นชา
“ไร้สาระ!” หลิงฮันกล่าวและเดินตรงไปข้างหน้า
“ได้! ได้! ได้! เจ้าทำให้ข้าไม่มีทางเลือก!” ชายหนุ่มชุดเขียวชี้นิ้วใส่หลิงฮัน แต่หลิงฮันก็ไม่สนในอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย และเดินผ่านเขาไป เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มชุดเขียวก็ไม่อาจทนไหวและพูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ข้าเป็นใคร์ ข้าคือฟูเหลียงเย่! หลานชายของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชวงศ์เทียนจุน!”
หลิงฮันไม่หันหลังกลับไปมอง เขาเพียงแค่ตวัดนิ้ว ฉัวะ และฝ่ามือของฟูเหลียงเย่ก็กลายเป็นรูทันที
“อ๊าก-!” ฟูเหลียงเย่กรีดร้อง
สีหน้าของผู้คนที่มุงดูอยู่รอบข้างกลายเป็นซีดขาวด้วยความโกรธ ชายคนนี้โหดเหี้ยมเกินไป เขาไม่เพียงแค่สังหารผู้ติดตามของหยางเฮ่าเท่านั้น แต่ยังกล้าทำร้ายศิษย์เมล็ดพันธ์ด้วย
หลิงฮันไม่สนใจฟูเหลียงเย่แม้แต่น้อยและยังคงเดินตรงไปยังสถานที่ที่มีศิษย์เมล็ดพันธ์หลายคนยืนอยู่
และเห็นคนผู้หนึ่งที่เป็นเป้าหมายของการเดินทางของเขาในครั้งนี้ นั่นคือ ราชินีที่เก้า หูเฟยหยิน
จนถึงตอนนี้หลิงฮันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนอย่างนางถึงถูกเลือกให้เป็นศิษย์เมล็ดพันธ์
“หึ่ม สุนัขก็ควรอยู่กับสุนัข เจ้าคิดว่าจะมีที่สำหรับคนอย่างเจ้าอย่างนั้นรึ?” หญิงสาวที่มีผลึกสีแดงอยู่ตรงหน้าผากกล่าวดูถูก
ถึงแม้ว่านางจะงดงาม แค่ความงามของสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็เหนือกว่านางหลายเท่าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหลิงฮันอยู่กับจักรพรรดินีสองต่อสองเป็นเวลาสองปี ในสายตาของหลิงฮันจะมีใครงดงามกว่านางได้?
หลิงฮันทำเป็นไม่ได้ยินและเดินไปหาหูเฟยหยิน
“เจ้า!” กังสื่อหยุนกล่าวอย่างเย็นชา จากนั้นนางก็นำแส้ที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมาและฟาดใส่หลิงฮัน
นอกจากนั้น ระดับพลังของนางยังเหนอกว่าฟูเหลียงเย่ นางเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด!
ตอนที่ 1137
นางเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่ไม่อ่อนด้อยไปกว่าเส้าซือซือและเซี่ยอู๋เฉียน พลังต่อสู้ติดตัวของนางคือหกดาว
พรึบ!
สายสมและเมฆหมุนวนไปตามอำนาจของแส้ ราวกับว่าจุดกึ่งกลางของท้องฟ้ากลายเป็นช่องว่างขนาดใหญ่!
นางแข็งแกร่ง นางแข็งแกร่งจริงๆ!
ถึงแม้ฟูเหลียงเย่จะเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์เหมือนกัน แต่ตพลังบ่มเพาะของเขายังต่ำเกินไป ตอนนี้ตัวเขาไม่อาจนำมาเทียบกับกังสื่อหยุนได้
หลิงฮันรู้ว่าหากเป็นตัวเขาเมื่อสองปีก่อนคงจะทำได้เพียงใช้กายหยาบรับแส้ของนาง ส่วนตอนนี้น่ะรึ…
เขายกมือขึ้นอย่างลวกๆและใช้นิ้วสองนิ้วหนีบเข้าหากัน
หมับ!
แส้ถูกคว้าเอาไว้อย่างง่ายดายด้วยสองนิ้ว
‘พรวด!’
ผู้คนรอบข้างเกลือจะถลนลิ้นออกมาเมื่อเห็นสิ่งที่หน้าตกใจตรงหน้า
กังสื่อหยุนเป็นอัจฉริยะระดับเมล็ดพันธุ์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง! ยิ่งกว่านั้นนางยังเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดอีกด้วย ความหลักแล้วนางสมควรจะไร้เทียมทานที่สุดในระดับภูผาวารี อย่างน้อยก็ไม่สมควรที่ใครที่สามารถยับยั้งนางได้
แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับจับแส้ของนางเอาไว้อย่างไม่ยากเย็น แต่จากสีหน้าของเขาแล้วดูเหมือนจะยังไม่ใช่พลังทั้งหมดอีกด้วย ความตามระหว่างทั้งสองมีมากขนาดไหนกันแน่?
ดวงตาของกังสื่อหยุนเปิดกว้างด้วยความตะลึง ความรู้สึกเย็นยะเยือกก่อตัวขึ้นในจิตใจของนาง ‘เหตุใดรุ่นเยาว์คนนี้ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้? เขาไม่ได้ใช้ทักษะใดๆแต่ใช้เพียงพลังกายอย่างเดียวในการจับแส้ของข้า!’
นี่เป็นหลักฐานว่าพลังของอีกฝ่ายอยู่เหนือนางหลายขุม แถมกายหยาบของเขาก็ยังทนทานคงกระพันเป็นอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นต่อให้มีพลังแข็งแกร่งขนาดไหนแต่ถ้าเอามือมาจับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ก็ต้องเกิดบาดแผลบ้าง
เพียงแต่ว่าบนโลกนี้มีคนเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
ถ้ามีอยู่ไม่ใช่ว่าเขาต้องเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งไปแล้วรึไงกัน?
หลิงฮันปล่อยแส้ “คนเราไม่ควรยิ่งยโสในพลังจนเกินไป” เขาหันกลับไปหาหูเฟยหยินและกล่าว “ราชินีที่เก้า ข้ามีจดหมายมอบให้ท่าน”
หูเฟยหยินดูประหลาดใจเล็กน้อยพร้อมกับรับจดหมายไปจากเขาและทำการอ่านอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสับสน “พี่สาวส่งเจ้ามาเป็นผู้ติดตามของข้า?”
“ถูกแล้ว” หลิงฮันกล่าวและพยักหน้า
“ว่าไงนะ?!”
ผู้คนรอบตกตะลึงเมื่อได้ยิน
รุ่นเยาว์คนนี้… เขาสามารถจับการโจมตีด้วยแส้ของกังสื่อหยุนเอาไว้อย่างง่ายายด้วยนิ้วสองนิ้ว แต่คนเช่นนี้กลับกลายเป็นผู้ติดตามของหูเฟยหยิน?
ถึงแม้ผู้คนทุกคนที่นี่ต่างปรารถนาที่จะได้เป็นผู้ติดตามของศิษย์เมล็ดพันธุ์ แต่นั่นก็เป็นเพราะพรสวรรค์ของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะกลายเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง
ดูจากความสามารถของหลิงฮันแล้ว เขาจะต้องได้รับสถานะศิษย์เมล็ดพันธุ์แน่นอน เช่นนั้นแล้วทำไมเขาต้องมาที่นี่เพื่อเป็นผู้ติดตามด้วย?
ต่อให้เขาพลาดโอกาสเข้าร่วมกับนิกายสวรรค์เยือกแข็งครั้งนี้ เขาก็รอการรับสมัครครั้งหน้าได้ไม่ใช่รึไง? แค่ระยะเวลาร้อยปีสำหรับจอมยุทธระดับระดับพระเจ้าแล้วไม่นับเป็นอันใดเลย
ผู้คนโดยรอบไม่เข้าใจการกระทำของเขาเลย พวกเขาต่างมองไปยังหูเฟยหยินด้วนสีหน้าอิจฉา ตอนนี้นางได้ผู้ติดตามที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไปแล้ว สถานะของนางในนิกายจะต้องสูงขึ้นแน่นอน
“จะ… เจ้าเป็นใครกันแน่?” หูเฟยหยินยังคงสับสน
หลิงฮันยิ้ม “ฮันหลิง”
“ฮันหลิง ฮันหลิง… หลิงฮัน!” ตาของหูเฟยหยินเปล่งประกาย บรรยากาศสับสนรอบกายนางสลายไปทันที บนใบหน้าของนางเปล่วประปลั่งไปด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา
หลิงฮันยิ้ม แม้หูเฟยหยินจะไร้เดียงสาแต่นางก็ไม่ได้โง่ นางสามารถคาดเดาตัวตนของเขาจากคำใบ้ได้
“ช่างน่ารังเกียจ!” กังสื่อหยุนคำรามด้วยความโกรธ ร่างของนางปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาทำให้พื้นที่โดยรอบกลายเป็นทุ่งเปลวเพลิงที่เกิดจากรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ ตัวนางในตอนนี้ราวกับเป็นเทพธิดาแห่งเปลวเพลิง
หลิงฮันหันหลังและเค้นเสียงไม่พอใจ “ไม่มีใครสอนเจ้ารึว่าการแทรกบทสนทนาของคนอื่นเป็นเรื่องเสียมารยาท?”
“ใช่แล้ว!” หูเฟยหยินเห็นพ้อง นิสัยของนางไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
บนใบหน้าอันงดงามของกังสื่อหยุนเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ทั้งสองคนนี้กล้าร่วมมือกันล้อเลนกับนาง! ศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งไม่ได้รับอณุญาติให้สังการกันเอง แต่กฎนั่นไม่นับรวมผู้ติดตามเข้าไปด้วย ดังนั้นต่อให้อีกฝ่ายมีพรสวรรค์แค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหาหากนางจะสังหารเขา
ผลึกบนหน้าผากของระหว่างคิ้วของนางส่องประกายและมีเตาหลอมปรากฏออกมา แค่เมื่อมันปรากฏบรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยนเป็นร้อนระอุ
“แย่แล้ว! นั่นมันเตาหลอมธิดาของตระกูลกัง!”
“มันคือสมบัติระดับสวรรค์ที่สามารถเผาผลาญทุกชีวิตให้มอดไหม้!”
“ผิดแล้ว นั่นเป็นแค่ของเลียนแบบ เตาหลอมธิดาของจริงสมควรถูกเก็บเอาไว้ที่ตระกูลกัง”
“แต่นั่นก็ไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่ามันเป็นสมบัติที่ทรงพลังมาก พลังอำนาจของมันเกือบจะเทียบเท่าระดับสุริยันจันทราเลย!”
ผู้คนโดยรอบคอยๆล่าถอย ศิษย์เมล็ดพันธุ์ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาแล้ว ต่อให้เป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์คนอื่นก็อาจจะทำได้เพียงเสมอกับนาง ดังนันแล้วพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะยืนดูการต่อสู้ในระยะประชิด
หลิงฮันปัดป้องหูเฟยหยินไปไว้ด้านหลัง ในขณะเดียวกันราชินีที่เก้าก็ยื่นหัวออกมาตรงไหล่หลิงฮันด้วยท่าทางสับสน “ทำไมนางต้องโกรธด้วยล่ะ?”
ใบหน้างดงามของกังสื่อหยุนค่อยๆมืดมนยิ่งขึ้น ทันใดนั้นนางก็กระตุ้นใช้งานเตาหลอมธิดา
ตูม!
คลื่นเพลิงนับไม่ถ้วนทะยานขึ้นสู่กลางอากาศและพัวพันกลายเป็นรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์
“เพลิงคำรามผลาญสวรรค์!” นางตะโกนออกมาและตบไปที่เตาหลอมธิดา ฝาของเตาหลอมเปิดออกและลอยขึ้นฟ้า จากนั้นเปลวเพลิงสีเขียวมรกตก็พุ่งออกมาใส่หลิงฮัน
หลิงฮันควบคุมปราณก่อเกิดให้กลายเป็นโล่
กายหยาบของเขานั้นแข็งแกร่งพอที่จะทนทานเพลิงสีเขียวนี้ แต่เสื้อผ้าของเขาจะต้องถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านแน่ แน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้เหตุการณ์ที่เขากลายเป็นคนโป้เปลือยเกิดขึ้นเด็ดขาด
“ข้าต้องหาซื้อเสื้อผ้าที่ดีกว่านี้แล้ว” หลิงฮันพึมพำ “เสื้อผ้าที่ว่าไม่ต้องมีพลังป้องกันมากก็ได้ แต่พวกมันจะต้องทนทานต่อเปลวเพลิงและน้ำ”
“ตาย!” กังสื่อหยุนควบคุมเตาหลอมธิดาให้พุ่งเข้าหาหลิงฮัน ในเมื่อเปลวเพลิงไม่สามารถสังหารหลิงฮันได้งั้นนางก็จะหลอมร่างของเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่ายด้วยเตาหลอมธิดา
ตึง!
เตาหลอมธิดาขยายขนาดใหญ่ขึ้นและคลุมลงไปยังร่างของหลิงฮัน
เสียงกระทบพื้นของเตาหลอมธิดาดังก้องกังวานพร้อมกับมองไม่เห็นร่างของหลิงฮันแล้ว
เขาถูกขังอยู่ด้านในเตาหลอม!
“ฮ่าๆๆ!” กังสื่อหยุนหัวเราะลั่น หลิงฮันถูกขังอยู่ด้านในเตาหลอมธิดาเรียบร้อย ต่อให้เขามีพลังที่แข็งแกร่งแล้วจะอย่างไร? สุดท้ายชะตากรรมของเขาก็คือการถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน!
ปัง!
ทันใดนั้นเองบริเวณฝาปิดของเตาหลอมก็ปรากฏรอยเว้ารูปหมัดขึ้นและเตาหลอมธิดาก็สั่นไหวไปทั้งเตา
ปัง!
หลังจากนั้นรอยเว้ารูปหมัดรอยที่สองก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก็รอยที่สาม รอยที่สี่…
ปัง ปัง ปัง ปัง!
เตาหลอมธิดาสูญเสียรูปทรงเดิมไปแล้ว ตอนนี้มันกลายเป็นเตาหลอมที่มีรูปร่างประหลาด
ปากของทุกคนอ้าค้างด้วยความตะลึง
เห็นได้ชัดว่าหลิงฮันกำลังใช้พลังตอบโต้ออกมาแล้ว
กังสื่อหยุนไม่มีทางเลือกอื่น “หลอมเขาซะ!” นางคำราม
นางปลดปล่อยพลังทั้งหมดของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาและพยายามใช้รูปแบบอาคมเปลวเพลิงหลอมร่างของหลิงฮัน
“เจ้าหนูนั่นเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกันแน่?” เขาถูกขังเข้าไปด้านในเตาหลอมธิดาแล้ว แต่กลับไม่ถูกหลอมเสียที ไม่ใช่แค่ไม่ถูกหลอมแต่เขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเหมือนกับไม่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย! เตาหลอมธิดาเกือบจะถูกทำทำลายแล้ว!
“ถึงแม้จะไม่ใช่เตาหลอมธิดาข้องจริง แต่มันก็ยังเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับภูผาวารีที่น่าสะพรึงกลัว”
“เรื่องแบบนี้… ข้าไม่อาจทำใจเชื่อได้ง่ายๆ!”
ตอนที่ 1138
ปัง! ปัง! ปัง!
เต้าหลอมธิดาเริ่มเปลี่ยนรูปทรงไปเรื่อยๆด้วยหมัดของหลิงฮัน
ตอนนี้มันบิดเบี้ยวจนไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเตาหลอมอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้หลิงฮันจำเป็นต้องใช้พลังปราณเป็นโล่เพื่อคุ้มกันเสื้อผ้า แต่หลังจากที่ถูกขังอยู่ด้านในเต้าหลอมเขาก็ไม่สนอีกต่อไปว่าเสื้อผ้าจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน กายหยาบของเขาในตอนนี้เทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นก็ยังยากลำบาก ‘มาก ถึงมากที่สุด’ หากจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
เชาอัดแน่นพลังปราณไปที่การโจมตี ตอนนี้หมัดของเขาเรียกได้ว่าเป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า ทั่วหมัดของเขาถูกโอบล้อมไปด้วยรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง
‘หืม?!’
หลิงฮันกระหน่ำหมัดทำลายเตาหลอมอย่างไม่ยั้ง เพียงแต่ว่าเตาหลอมชิ้นนี้ถูกหลอมขึ้นด้วยแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์หลายชั้น ดังนั้นต่อให้เขาทำลายแร่โลหะชั้นแรกไปแล้วมันก็ยังไม่ทะลุ แต่ปรากฏแร่โลหะชั้นต่อไปขึ้นมาแทน
หลิงฮันมองเห็นรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ที่สลักเอาไว้บนผิวเตา
‘ฮ่าๆ นี่มันเจตจำนงที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะทักษะห้าธาตุ ข้าสามารถใช้มันเป็นสิ่งอ้างอิงและเรียนรู้จากมันได้’ หลิงฮันมีความสุขขึ้นมาทันที เขาหยุดการโจมตีและเริ่มวิเคราะห์รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์
รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ที่สลักเอาไว้นั้นไม่สมบูรณ์ เขาสามารถมองเห็นได้เพียงส่วนเล็กๆของมัน คาดว่าส่วนที่เหลือคงสลักเอาไว้ในแร่โลหะชั้นในสุด
ปัง ปัง ปัง ปัง!
เขาเริ่มกระหน่ำโจมตีอีกครั้ง
เมื่อรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดถูกเปิดเผยให้เห็นหลิงฮันจึงหยุดมือและวิเคราะห์รูปแบบอาคม
เรื่องที่เขากระหน่ำโจมตีอย่างรุนแรงและหยุดนิ่งเพื่อวิเคราะห์รูปแบบอาคมนั้น คนภายนอกไม่รู้ด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงพบว่าสถานการณ์เช่นนี้มันแปลกมาก
‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
‘เขากระหน่ำโจมตีอย่างแรงจนเตาหลอมแทบจะระเบิด แต่จู่ๆเขากลับหยุดมือแน่นิ่งไป หรือเขากำลังพักอยู่ด้านใน?’
“ฮึ่ม! ไม่มีใครสามารถหนีจากเตาหลอมธิดาได้พ้น!” กังสื่อหยุนกล่าวหยิ่งผยอง ถ้าสมบัติชิ้นนี้เป็นเตาหลอมธิดาของจริง ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับดาราก็ต้องถูกหลอมเป็นเถ้าถ่านอย่างไม่ยากเย็น
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย นี่เวลาก็ผ่านไปนานแล้วหลังจากที่เขาโจมตีใส่เตาหลอมอย่างรุนแรง
หูเฟยหยินเชิดหน้าและกล่าวอย่างมั่นใจ “ฮึ่ม! หลิง… ฮันหลิงไม่มีทางถูกหลอมแน่นอน!” ในความคิดของนางหลิงฮันนั้นไร้เทียมทาน ต่อให้เป็นในเวลานี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
“น่าขัน! เขาถูกขังอยู่ในเตาหลอมธิดาแล้ว เขาจะหนีออกมาได้อย่างไร?” ฟูเหลียงเย่เค้นเสียงดูถูก
กังสื่อหยุนยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าบอกว่าเจ้าโง่นั่นยังไม่ตายสินะ? งั้นก็ลองให้เขาตะโกนส่งเสียงมาหน่อยสิ!”
ปัง!
รอยเว้ารูปหมัดอีกรอยปรากฏขึ้นบนเตาหลอมธิดาและสั่นสะเทือนไปทั่วเตา
นี่มัน… นางเพิ่งบอกให้หูเฟยหลิงบอกหลิงฮันให้ตะโกนส่งเสียง แต่เขากลับตอบกลับในทันทีทันใด หมัดที่ทรงพลังของเขาเป็นหลักฐานว่าเขายังมีชีวิตและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
สีหน้าของกังสื่อหยุนและฟูเหลียงเย่เปลี่ยนเป็นมืดมน นี่มันเป็นความอัปยศ! พวกเขาโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง!
หูเฟยหยินอดหัวเราะไม่ได้ เป็นอย่างที่นางคาดเอาไว้ แค่เตาหลอมจะจัดการหลิงฮันได้อย่างไร?
ในขณะเดียวกันด้านในเตาหลอม หลิงฮันวิเคราะห์รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้วเขาจึงเริ่มโจมตีเตาหลอมธิดาอีกครั้ง หลังจากทำลายชั้นโลหะของเตาหลอมได้อีกชั้น เขาก็หยุดโจมตีและทำการวิเคราะห์รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ของชั้นโลหะตรงหน้าต่อ
เขามีหอคอยทมิฬและต้นสังสารวัฏ การทำความเข้าใจในหนึ่งวันเทียบเท่ากับหนึ่งปี ดังนั้นความรวดเร็วในการวิเคราะห์ของเขาจึงน่ากลัวมาก
หลิงฮันจำจดรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ของเตาหลอมและเข้าไปยังหอคอยทมิฬเพื่อทำความเข้าใจภายใต้อำนาจของต้นสังสารวัฏ
รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงปรากฏขึ้นบนภูผาวารีของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกอัน
เขาใช้เวลาไม่นานก็ออกมาจากหอคอยทมิฬ
ปัง ปัง ปัง!
เมื่อกระหน่ำโจมตีอีกครั้งรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ของแร่โลหะชั้นต่อไปก็ปรากฏออกมา หลิงฮันเริ่มวิเคราะห์รูปแบบอาคมอีกครั้ง
ผู้คนด้านนอกสับสนมึนงง รุ่นเยาว์ที่อยู่ด้านในเตาหลอมจู่ๆก็โจมตีจู่ๆก็หยุด นี่เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
‘นี่เจ้ากำลังทำบ้างอะไรอยู่?!’
ผู้คนด้านนอกสงสัยจนเกือบจะบ้าคลั่ง
ผ่านไปสองสามชั่วโมงหลิงฮันก็ทำลายโลหะของเตาหลอมธิดาทุกชั้นและทำความเข้าใจรูปแบบอาคมได้ทั้งหมดแล้ว เพียงแต่ว่าเขายังไม่พอใจเท่านี้ เขาเกิดความคิดขึ้นมาว่าจะดีแค่ไหนหากเขาได้วิเคราะห์รูปแบบอาคมของเตาหลอมธิดาของจริง
น่าเสียดายที่เตาหลอมธิดาเป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูลกัง เมื่อเป็นเช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้วิเคราะห์มัน
พูดตามตรงแล้วอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทุกชิ้นจะถูกสลักเอาไว้ด้วยเจตจำนงของจอมยุทธผู้สร้าง แต่ไม่ใช่ว่ารูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดจะคุ้มค่าในการวิเคราะห์
ในเมื่อหลิงฮันทำความเข้าใจรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ของเตาหลอมได้หมดแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างในเตาหลอมนี้อีกต่อไป
หลิงฮันถอนหายใจ ทำไมเตาหลอมธิดาชิ้นนี้ถึงไม่มีรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ให้เขาวิเคราะห์มากกว่านี้กัน? รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเขามาก
ถึงแม้เตาหลอมธิดาชิ้นนี้จะเป็นของเลียนแบบ แต่มันก็ถูกหลอมขึ้นมาโดยแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ถึงเก้าชั้นและสลักรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ทุกชั้น ดังนั้นมันจึงทรงพลังและไม่อาจถูกทำลายได้ด้วยพลังของจอมยุทธระดับภูผาวารี!
เพียงแต่ว่าหลิงฮันนั้นเป็นข้อยกเว้น หนึ่งเขามีกายหยาบที่เทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า นอกจากนั้นก็ยังมีพลังต่อสู้ติดตัวที่เกินกว่าเจ็ดดาว หมัดธรรมดาของเขาก็เทียบได้กับการโจมตีของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าแล้ว
เตาหลอมธิดาไม่อาจต้านทานหลิงฮันได้ โลหะแต่ละชั้นของมันถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง
ผู้คนด้านนอกเริ่มคุ้นชินกับเสียงกระหน่ำโจมตีแล้ว แต่เมื่อฟังได้สักพักพวกเขาก็รู้สึกว่าเสียงกระหน่ำโจมตีครั้งนี้แตกต่างออกไป
นั่นเพราะ… เสียงโจมตีรัวติดต่อกันมากกว่าครั้งก่อนๆ!
ตูม!
มือข้างหนึ้งทะลุออกมาจากเตาหลอมธิดา ในขณะเดียวกันรอยร้าวขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนเตาหลอมที่ถูกทุบตีจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม
ปัง!
เสียงปะดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับรอยร้าวที่ใหญ่ขึ้นทำให้มองเห็นใบหน้าของรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง
หลิงฮัน!
โอ้ว!
ทุกคนสูดหายใจลึก หากสังเกตจากสีหน้าอันผ่อนคลายของเขาแล้วดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
นี่คือเตาหลอมธิดา! ถึงอย่างนั้นไม่เพียงแต่มันจะถูกโจมตีจนเป็นรูและคนที่โจมตีมันยังไม่บาดเจ็บแม้แต่รอยขีดข่วน!
“โอ้!” หลิงฮันกำลังคิดจะออกมาจากเตาหลอม แต่ทันใดนั้นเขาก็ชะงักแล้วกล่าว “เดี๋ยวก่อน!”เขานำเสื้อผ้าออกมาจากหอคอยทมิฬและสวมใส่ เมื่อเสร็จแล้วเขาก็ปล่อยหมัดอีกสองสามครั้งทำให้เกิดรูขนาดใหญ่พอให้เขาเดินออกมาได้และก้าวเดินออกมาอย่างผ่อนคลาย
ใบหน้าของกังสื่อหยุนกระตุกด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ นั่นคือเตาหลอมธิดา! แม้มันจะเป็นของเลียนแบบแต่ก็ยังเป็นสมบัติล้ำค่า นางได้ครอบครองมันก็เพราะนางเป็นรุ่นเยาว์ที่อัจฉริยะที่สุดของตระกูลนาง
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่นางภูมิใจหนักหนาถูกทำให้ต่อหน้าต่อตาของนางงั้นรึ? นางไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้
หรือแท้จริงหลิงฮันจะเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์รูปแบบมนุษย์?
“ชดใช้เตาหลอมธิดาให้ข้า!” นางคำรามด้วยเสียงสูง สมบัติล้ำค้าชิ้นนี้เป็นของตระกูล นางได้รับอณุญาติให้นำมันมาใช้เท่านั้นแต่ไม่ได้สิทธิ์เป็นเจ้าของครอบครอง
“ชดใช้เจ้าเพื่ออะไร? นี่มันนับว่าเป็นสินสงครามของข้า” หลิงฮันนำส่วนที่เหลือของเตาหลอมธิดาเข้าไปในหอคอยทมิฬ ถึงแม้มันจะไม่นับว่าเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแล้วแต่เขาก็ทิ้งมันไปอย่างไร้ค่าไม่ได้ เขาสามารถใช้มันยกระดับให้กับดาบอสูรนิรันดร์
“จะ จะ เจ้า…!” กังสื่อหยุนกัดฟันด้วยความโกรธ ไม่เพียงหลิงฮันไม่คิดจะชดใช้ให้นาง แต่เขายังเอาส่วนที่เหลือของเตาหลอมธิดาไปด้วย เขาทำเกินไปแล้ว!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น