Alchemy Emperor of the Divine Dao 1125-1131
ตอนที่ 1125
จักรพรรดินีแห่งดารารู้เรื่องนี้เหมือนกัน นางไม่ขยับตัวแต่ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งบรรพกาลออกมาจากทั่วร่างกาย กลิ่นอายของนางนั้นทรงพลังจนราวกับผนึกของเซียนหวู่เซียงจะถูกทำลายและฟื้นพลังกลับมา
เงาของอสรพิษขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ด้านหลังของนาง หัวของงูแต่ละหัวนั้นใหญ่ยิ่งกว่าภูเขา ไม่สิ… อาจจะยิ่งกว่าดวงดาวด้วยซ้ำ ปากของมันนั้นราวกับจะกลืนกินดาวทั้งดวงลงไปได้
“เก้าอสรพิษ! แท้แท้เจ้าก็เป็นเผ่าเก้าอสรพิษ!” เสียงของเซียนหวู่เซียนสั่นสะท้านไปด้วยความตกตะลึงและความตื่นเต้น “ฮ่าๆๆ ไม่น่าแปลกใจทำไมผู้อาวุโสถึงรู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายของเจ้า ที่แท้เจ้าก็เป็นเผ่าเก้าอสรพิษในตำนาน!”
“สายเลือดของเจ้ารวมกับการฝึกสอนของผู้อาวุโสผู้นี้ ลูกศิษย์ในอนาคตของข้าจะต้องแข็งแกร่งที่สุดใต้สวรรค์และปฐพี!”
เผ้าเก้าอสรพิษ?
หลิงฮันมึนงง ดูจากความตื่นเต้นของเซียนหวู่เซียงแล้ว เผ่าเก้าอสรพิษจะต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ข้อมูลของเผ่าที่ว่าเลย
จักรพรรดินีแห่งดารายังคงยืนนิ่ง ร่างของนางสั่นไหวจากการที่พยายามหลุดจากผนึกของเซียนหวู่เซียง
“สาวน้อยอย่าพยายามอย่างสูญเปล่าเลย ถึงแม้เจ้าจะมีสายเลือดของเผ่าเก้าอสรพิษ แต่พลังบ่มเพาะของเจ้าเป็นเพียงระดับดารา ส่วนผู้อาวุโสคือระดับสร้างสรรพสิ่ง! ระดับสร้างสรรพสิ่งคือเซียน ความห่างของเจ้ากับข้านั้นกว้างใหญ่เกินไป หนึ่งความคิดของข้าสามารถบดขยี้สวรรค์ เจ้าคิดว่าจะหลุดพ้นการควบคุมของข้าได้?” เซียนหวู่เซียงกล่าว
จักรพรรดินีแห่งดาราปฏิเสธที่จะยอมรับชะตากรรมของตนเอง นางคือจักรพรรดินีผู้อยู่เหนือคนอื่น ไม่มีทางที่นางจะยอมแพ้โดยไม่ต่อต้าน
“เจ้าหนู มัวทำอะไรอยู่ รีบๆลงมือเร็วเข้า นี่เจ้าไม่หลงเสน่ห์สตรีที่งดงามผู้นี้เลยรึ? นี่เจ้าเป็นขันทีรึไงกัน?” เซียนหวู่เซียงจงใจยั่วยุ
หลิงฮันมองไปยังจักรพรรดิแห่งดาราและกล่าว “เจ้าไม่ต้องกังวล แม้ข้าจะไม่ได้คิดว่าข้าเป็นสุภาพบุรุษ แต่ก็ข้าก็ไม่ฉวยโอกาสกับสตรีแน่นอน”
จักรพรรดินีแห่งดาราไม่สบอารมณ์ นางยืนอยู่บนจุดสูงสุดมาเป็นเวลานาน เหตุใดนางต้องให้คนอื่นมารู้สึกสมเพชเห็นใจด้วย? หากไม่ใช่เพราะนางถูกผนึกพลังบ่มเพาะเอาไว้ นางคงสับหลิงฮันออกเป็นสลายชิ้นตามใจต้องการแล้ว
“ช่างปากแข็งเสียจริงเจ้าหนู ข้าไม่หนูหรอกนะว่าเจ้าจะอดกลั้นได้นานแค่ไหน แต่ผู้อาวุโสคนนี้ไม่รีบ ข้าจะรอเจ้าไปอีกสิบปีก็ได้” เซียนหวู่เซียงกล่าว
หลังจากกล่าวเสร็จเสียงของเซียนไร้เทียมทานก็ไม่ดังขึ้นมาอีกเลยราวกับว่าเขาเลิกเฝ้ามองหลิงฮันแล้ว
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน… วันเวลาค่อยๆผ่านไป ในมิติของหอคอยชั้นเก้า มีเพียงแค่หลิงฮันกับจักรพรรดินีแห่งดาสองคน
หลิงฮันไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษอะไร แต่ในฐานะบุรุษแล้ว ต่อให้จักรพรรดินีแห่งดาราจะมีความงามที่เย้ายวนแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางฉวยโอกาสกับสตรีที่ ‘อ่อนแอ’
หลักการนี้ของเขาจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
เขาบ่มเพาะพลังทุกวัน ในร่างของเขามีแก่นพลังวิญญาณของจ้าวอสูรอยู่ บวกกับที่นี่มีพลังชีวิตที่เข้มข้น ความก้าวหน้าของเขาจึงไม่เชื่องช้าเลย
โชคร้ายที่เขาไม่สามารถเข้าไปในหอคอยทมิฬได้ ไม่เช่นนั้นด้วยต้นสังสารวัฏจะทำให้เขาบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วกว่านี้อีก
สิบวัน ยี่สิบวัน หนึ่งเดือน
หลิงฮันกับจักรพรรดินีแห่งดารานั้น แม้จะอยู่ในห้องเดียวกันสองต่อสอง พวกเขาก็ไม่เปิดปากคุยกันสักคำ
‘จักรพรรดินีจอมหยิ่ง!’
หลิงฮันกล่าวในใจ นางไม่รู้รึไงว่าเขาต้องอดกลั้นอดทนขนาดไหนเพื่อจะได้ไม่จับกดนาง
“เฒ่าตัวเหม็น! เฒ่าตัวเหม็น!” หลิงฮันตะโกน
“เจ้าเด็กไร้มารยาท เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” เซียนหวู่เซียงไม่พอใจ
“เจ้าทั้งชราและไม่น่าเคารพ เป็นธรรมดาที่ข้าจะเรียกเจ้าแบบนั้น” หลิงฮันยิ้ม “เฒ่าตัวเหม็น แล้วคนอื่นๆที่มายังดาวสุสานแห่งนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง?”
“เจ้ายังไม่เป็นคู่บ่าวสาวให้ข้าเลย ยังจะไปสนใจคนอื่นอีกรึ?” เซียนหวูเซียงเค้นเสียงไม่พอใจ ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเขาเหลืออยู่เพียงวิญญาณ บางทีต่อให้เป็นเขาก็ต้องหลงไหลในความงามของสตรีเผ่าเก้าอสรพิษนางนี้
“ดูเหมือนว่าข้าจะออกจากที่นี่ไปไม่ได้อีกหลายพัก เข้าช่วยบอกกับสหายข้าให้หน่อยได้รึไม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงข้า” หลิงฮันกล่าว
“ทำไมผู้อาวุโสต้องเป็นมือเป็นเท้าให้เจ้า?” เซียนหวู่เซียงไม่สบอารมณ์อย่างแท้จริง เข้าเคยเป็นถึงตัวตนระดับเซียน จะให้เขายอมเชื่อฟังทำตามคำพูดของรุ่นเยาว์นั้นก็เรียกว่าเกินไป
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ตอนนี้เขากำลังพึ่งพาข้าอยู่ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ก็ทำให้ข้าหน่อยไม่ได้รึ?”
“เจ้าหนูตัวร้าย!” เซียนหวู่เซียงถอนหายใจ “ตกลง ผู้อาวุโสจะไปบอกสตรีที่เป็นสหายของเจ้าให้”
สองเดือนต่อมา หลิงฮันบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดเรียบร้อยและใกล้จะทะลวงผ่านขั้นต่อไปแล้ว
นี่คือเวลาที่เขารอคอย
ฝ่าฟันบททดสอบสายฟ้าสวรรค์
ทั่วสวรรค์และปฐพีที่ยิ่งใหญ่ บททดสอบสายฟ้าสวรรค์คือพลังที่ทรงอำนาจที่สุด!
บททดสอบสายฟ้าสวรรค์ไม่คุกคามคนอื่นนอกจากจอมยุทธที่ทะลวงผ่าน แต่หลิงฮันตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ในการทำลายมิติที่ปิดกั้นแห่งนี้เพื่อหนีจากสถานการณ์ในตอนนี้
เป็นเพราะเขาไม่ได้บ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฏทำให้เขาต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีกว่าจะถึงขั้นตอนนี้ อำนาจของบททดสอบสายฟ้าสวรรค์คือพลังที่แม้แต่ตัวตนระดับสร้างสรรค์พสิ่งก็ไม่อาจลบล้างได้ เมฆสายฟ้าเริ่มก่อตัวกันกลางอากาศพร้อมจะสร้างความหายนะแล้ว
“อะไรกัน!” เซียนหวู่เซียงอุทาน “เจ้าหนู นี่เจ้ากินอะไรเข้าไปกันแน่ เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปีเจ้ากลับบ่มเพาะพลังจากขั้นสูงชั้นปลายจนบรรลุขั้นสูงชั้นสูงสุด แถมยังพร้อมจะทะลวงผ่านไปยังขั้นต่อไป?”
การสะสมพลังวิญญาณจากชั้นปลายไปชั้นสูงสุดไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเท่าไหร่ เพราะอย่างไรสวรรค์และปฐพีก็มีสมบัติมากมายที่ช่วยให้เป็นเช่นนั้นได้ แต่การเข้าใจกฎเกณฑ์ของสวรรค์เพื่อทะลวงผ่านนั้นใช่เรื่องง่ายเสียทีไหนกัน?
เขาไม่รู้ว่าในร่างหลิงฮันมีแก่นพลังของจ้าวอสูรอยู่ ถึงแม้จะมีเจตจำนงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่จะช่วยให้หลิงฮันทะลวงผ่านทุกขั้นพลังของระดับภูผาวารีได้อย่างไร้คอขวด
“ฮ่าๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้อยู่งั้นรึเจ้าหนู เจ้าคิดจะใช้บททดสอบสายฟ้าสวรรค์ทำลายมิติกักขังของผู้อาวุโส?” เซียนหวู่เซียงแสยะยิ้ม “เจ้าหนู เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะต่อต้านข้าคนนี้”
‘ครืนนน’ คลื่นสายฟ้าพุ่งลงมาใส่ร่างของหลิงฮัน
ร่างของหลิงฮันปะทะเข้ากับบททดสอบสายฟ้าสวรรค์ เขาล้มเลิกความคิดอื่นและสลายพลังป้องกันของกายหยาบเพื่อดูดซับพลังของสายฟ้าสวรรค์เข้าสู่ร่างกายจนร่างกายมีสภาพบาดเจ็บ
“โอ้?” จักรพรรดินีแห่งดาราถอยเขยิบ แม้สายฟ้าสวรรค์จะกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ตราบใดที่นางไม่ลงมือกับหลิงฮันสายฟ้าสวรรค์ก็จะไม่โจมตีนาง แต่แน่นอนว่าถึงแม้หลิงฮันจะเป็นคนโจมตีนางก่อนแล้วนางโต้ตอบ สายฟ้าสวรรค์ก็จะเปลี่ยนมาผ่าลงเข้าใส่ทั้งสองคนอยู่ดี
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้กายหยาบของหลิงฮันแข็งแกร่งเทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ แต่ทำไมร่างของเขาที่โดนสายฟ้าผ่าเข้าใส่ถึงสะบักสะบอมเช่นนี้?
ตอนที่ 1126
หรือหลิงฮันจะเป็นคนคลายพลังป้องกันของกายหยาบเอง?
จักรพรรดินีแห่งดารานึกออกเพียงความเป็นไปได้เดียว แต่ทำไมเขาต้องทำแบบนั้น? ทำไมต้องคลายพลังป้องกันของตัวเองด้วย? ด้วยพลังป้องกันที่เทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ของหลิงฮัน เขาสามารถผ่านพ้นบททดสอบสายฟ้าสวรรค์ได้แม้จะนอนอยู่เฉยๆด้วยซ้ำ
เป็นไปได้รึไม่ว่าเขาทำเพื่อขัดเกลากายหยาบของตัวเอง?
จิตใจของนางสั้นสะท้านด้วยความตะลึง พลังป้องกันของเขาจะน่ากลัวขนาดไหนหากยังสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีก?
แน่นอนว่าพลังป้องกันที่เทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดัดบห้านั้นไม่นับเป็นอันใดได้เมื่ออยู่ต่อหน้านาง แต่นั่นก็เป็นเพราะนางมีระดับพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าหลิงฮันหลายเท่า ถ้าหากเขายังสามารถพัฒนากายหยาบของตัวเองขึ้นไปทีละขั้นพร้อมกับระดับพลังของตัวเองได้แล้วล่ะก็…
นั่นจะเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมาก!
ชายคนนี้มาจากโลกใบเล็กแท้ๆ… เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ หรือว่าเขาเองก็เป็นเผ่าสวรรค์บรรพกาลสักเผ่าหนึ่ง?
“ฮึ่ม!” เซียนหวู่เซียงอุทานออกมา เขาแต่เดิมแล้วมีระดับพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าและมีชีวิตอยู่มานานกว่าจักรพรรดินีแห่งดารา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยได้ยินหรือพบเห็นคนที่มีกายหยาบที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน
เขาเคยคิดว่าที่หลิงฮันที่กายหยาบที่แข็งแกร่งเป็นเพราะกินสมบัติบางอย่างเข้าไป แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าหลิงฮันสามารถพัฒนากายหยาบได้ไปพร้อมๆกับระดับพลัง!
“เจ้าหนูนี่มาจากขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่อันใดกัน?” เซียนหวู่เซียงรู้สึกราวกับฝันไป
การปรากฏตัวของสายเลือดเก้าอสรพิษก็นับว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว เผ่าเก้าอสรพิษคือหนึ่งในเผ่าสวรรค์บรรพกาลที่ไม่เคยพบเห็นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ด้วยศักยะที่น่าอัศจรรย์ของหลิงฮัน เขาไม่ด้อยไปกว่าเผ่าเก้าอสรพิษเลย
หรือหลิงฮันก็เป็นทายาทของเผ่าสวรรค์บรรพกาล?
เซียนหวู่เซียงตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม ถ้าเผ่าสวรรค์บรรพกาลทั้งสองคนทำลูกด้วยกัน บุตรที่เกิดออกมาจะมีศักยะภาพที่ท้าทายสวรรค์ขนาดไหน?
เรื่องเช่นนี้ไม่เคยพบเห็นมาแม้แต่ในครั้งอดีตกาล เนื่องจากเผ่าสวรรค์บรรพกาลนั้นมีน้อยมากจนถึงน้อยที่สุดในยุคนั้นและแต่ละคนที่ครอบครองสายเลือดก็ไม่เคยแต่งงานกันมาก่อน
“ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว!” เซียนหวู่เซียงพึมพำ
กระดูกศักดิ์สิทธิ์ในร่างของเขาถูกสายฟ้ากระหน่ำใส่ ฝ่ายใต้การขัดเกลาจากสายฟ้าสวรรค์ คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ก็ค่อยๆเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับหลิงฮันบททดสอบสายฟ้าสวรรค์เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย การขัดเกลากายหยาบต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ เขานำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาดูดซับสายฟ้าเช่นกัน ในเมื่อดาบเล่มนี้สามารถดูดกลืนแร่โลหะชนิดอื่นเพื่อเพิ่มคุณภาพของตัวมันเองได้ งั้นสายฟ้าสวรรค์ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อมันเช่นกัน
ครึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลิงฮันขัดเกลากายหยาบเสร็จสมบูรณ์และใช้หยดวารีอมตะฟื้นฟูอาการบาดเป็น
เขานั่งลงและนำชุดใหม่ออกมาเปลี่ยน เนื่องจากขณะที่อยู่ท่ามกลางสายฟ้าสวรรค์ เสื้อผ้าของเขาได้ถูกเผาเป็นขี้เถ้าหมดแล้ว
เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะขมวดคิ้ว เพราะว่าในขณะที่เกิดบททดสอบสายฟ้าสวรรค์ ชั้นมิติได้ถูกขยายออกอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ชั้นมิติกลับฟื้นสภาพจนเหลือช่องว่างแค่พอให้เขาหนีออกไปได้แค่คนเดียว ดูเหมือนว่าสายฟ้าสวรรค์จะไม่สามารถทำลายชั้นมิติแห่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์
นั่นหมายความว่าอำนาจของตัวตนระดับเซียนนั้นได้อยู่เหนือการคาดการณ์ของเขา
“เจ้าหนู ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมขนาดนี้!” เซียนหวู่เซียงหัวเราะ “กายหยาบของเจ้าในตอนนี้สมควรบรรลุเป็นแร่โลหะระดับห้าแล้ว?”
หลิงฮันรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดพลังจากสายตาของเซียน “ยังไม่ถึงขั้นนั้นแต่ก็ทรงพลังกว่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่มาก แต่เมื่อเทียบกับระดับห้าแล้วยังมีช่องว่างอยู่อีกเล็กน้อย”
บางทีหลิงฮันคงต้องสร้างภูผาวารีสายที่ห้าให้ได้และได้รับบททดสอบสายฟ้าสวรรค์อีกครั้งเสียก่อนถึงจะขัดเกลากายหยาบให้บรรลุแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า
“รีบๆทำลูกศิษย์ให้ผู้อาวุโสได้แล้ว!” เซียนหวู่เซียงตื่นเต้น
“ข้าเบื่อจะสนใจเจ้าแล้ว” หลิงฮันนั่งขัดสมาธิและเริ่มบ่มเพาะพลังต่อ
เซียนหวู่เซียงเค้นเสียงกล่าว “เจ้าต้องการอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลเลยรึไง?”
“ที่จริงที่นี่ก็ไม่ได้แย่ พลังชีวิตเข้มข้นเหมาะกับการบ่มเพาะพลัง” หลิงฮันหัวเราะ
“จะคอยดูแล้วกัน!” เซียนหวู่เซียงหายไปด้วยความโกรธ
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามเดือน หกเดือน เก้าเดือน หนึ่งปี… หลิงฮันถูกขังอยู่ที่นี่เป็นเวลาทั้งหมดหนึ่งปี ถึงแม้เวลาแค่นี้จะเล็กน้อยสำหรับจอมยุทธระดับพระเจ้า แต่เมื่อคิดว่าเขาต้องถูกขังอยู่ดีนี่ต่อไปอีกสิบปี ร้อยปี หรืออาจจะพันปีเขาก็ไม่อาจยอมรับได้
พลังบ่มเพาะของหลิงฮันพัฒนาอย่างก้าวกระดูกจนบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดเรียบร้อย สิ่งที่เขาต้องทำต่อจากนี้คือสร้างภูผาวารีสายที่ห้าเพื่อทำให้ระดับพลังภูผาวารีสมบูรณ์หรือไม่ก็ทะลวงผ่านระดับสุริยันต์จันทราเพื่อเข้าสู่ระดับพลังใหม่
เพียงแต่กว่าความอดทนของเซียนหวู่เซียงได้หมดลงแล้ว เสียงของแท่นหินได้ดังขึ้นอีกครั้ง “ผู้อาวุโสมีเวลาจำกัด เจ้าเป็นคนบังคับให้ข้าทำเช่นนี้เอง”
“ฮ่าๆๆ เจ้าคงไม่เปลี่ยนใจสังหารพวกเราหรอกนะ? แล้วก็เจ้าจะมีเวลาจำกัดได้อย่างไรในเมื่อเจ้าตายไปแล้ว?” หลิงฮันยิ้ม
“ฮึ่ม ผู้อาวุโสอยู่ในสภาพของจิตวิญญาณซึ่งไม่อาจคงสภาพอยู่ในนาน” เซียนหวู่เซียงกล่าวอย่างเย็นชา “ในเมื่อเจ้าปฏิเสธที่จะเป็นฝ่ายลงมือ งั้นข้าก็จะทำให้สตรีคนนั้นเป็นคนลงมือเอง”
‘ครืนน!’
จู่ๆพลังของจักรพรรดิแห่งดาราก็ปะทะออกมาอย่างรุนแรง ตอนนี้พลังบ่มเพาะระดับดาราของนางถูกปลดผนึกออกแล้ว
แต่หลิงฮันไม่คิดว่านี่เป็นข่าวดีสักเท่าไหร่ ในเมื่อเซียนหวู่เซียงได้กล่าวเอาไว้เช่นนั้นต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ใบหน้าของจักรพรรดินีแห่งดาราถูกปกคลุมไปด้วยออร่าที่ปั่นป่วนแต่ก็ยังงดงามและน่าหลงไหล นางจ้อมเขม็งมายังหลิงฮัน แม้หลิงฮันจะมองไม่เห็นแววตาของนางแต่เขารู้สึกราวกับว่ากำลังจะถูกหมาป่าจ้องเขมือบ
มันไม่ใช่สายตาของหมาป่าที่หิวโหยอยากกินกระต่ายหรือล่าเหยื่อ… แต่มันเป็นสายตาของหมาป่าเพศเมียที่กำลังจ้องมองหมาป่าเพศผู้!
“เฒ่าตัวเหม็น เจ้าทำอะไรกับนาง?” หลิงฮันถามด้วยความตะลึง
“เหอๆ ข้าก็แค่ทำให้นางรู้สึกใคร่และเร่าร้อนเท่านั้นเอง” เซียนหวู่เซียงยิ้ม “เอาล่ะ ผู้อาวุโสขอตัวก่อนแล้วกันจะได้เป็นเป็นก้างขวางคอ!”
“เต่าบัดซบ รอก่อ…”
พรึบ!
หลิงฮันยังไม่ทันพูดจบเขาก็เห็นจักรพรรดินีแห่งดาราพุ่งเข้ามาโผลกอดเขา นางกอดเขาแน่นกอดจะจับกดลงพื้น
“เดี๋ยวก่อน ข้ากำลังอดกลั้นตัวเองอยู่ เจ้าก็ต้องทำให้ได้!” หลิงฮันกล่าวและพยายามผลักร่างของจักรพรรดินีแห่งดารา แต่ต่อให้เขาบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้วก็ตาม เขาจะต่อต้านตัวตนระดับดาราได้อย่างไร?
จักรพรรดินีแห่งดราพึมพำเสียงเบาอย่างไม่อาจต่อต้าน
นางคือที่สุดของสาวงามที่แค่มองก็ทำให้บุรุษบ้าคลั่ง แม้แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ต้องถูกนางบดบังรัศมี การที่ถูกจับกดโดยสตรีที่งดงามเช่นนี้บุรุษผู้ใดบางจะต้านทานไหว?
หลิงฮันกัดฟันแน่น ฉวยโอกาศกับสตรีไม่ใช่สิ่งที่บุรุษควรทำ
จักรพรรดินีแห่งดาราค่อยๆยื่นปากของตัวเองเข้ามาใกล้ปากของหลิงฮัน
หลิงฮันอยากจะตบหน้าตัวเองเหลือเกิน สตรีที่งดงามขนาดนี้กำลังกอดรัดเขาอยู่แต่เขากลับพยายามจะพลักไสนางออกไปเนี่ยนะ?
เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกกระชากทีละชิ้นจนส่วนลับเกือบจะโผล่ออกมาให้เห็น
ตอนที่ 1127
ไม่น่าดูเอาเสียเลย!
เจ้าเป็นถึงจักรพรรดินีที่ยิ่งใหญ่ ทำไมพลังใจเจ้าถึงอ่อนแอเช่นนี้!
หัวใจของหลิงฮันสั่นสะท้านในอก นางเป็นสตรีงดงามที่สามาทำให้จิตใจของบุรุษสั่นไหวเพียงแค่ชำเลืองมองร่างนาง ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เขายังไม่เห็นใบหน้าของนาง หลิงฮันก็ยังต้องย้อนกลับไปนึกถึงนางนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ตอนนี้นางปล่อยตัวของนางเข้าสู่อ้อมกอดของเขาแถมยังยอมเปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงให้เขาเห็นด้วย สภาพของนางในตอนนี้จะน่ายั่วยวนขนาดไหน?
หลิงฮันพยายามอดกลั้น แต่ถึงอย่างนั้นมือของเขากลับเผลอคว้าไปยังหน้าอกขนาดมหึมาสองลูกของนาง
‘บัดซบ! ทำไมข้าถึงได้เอามือไปไว้ตรงนั้น!’
‘ต้องเป็นเพราะเป้าหมายมันมีขนาดใหญ่แน่ๆ ข้าถึงยืนมือไปขยำโดยไม่รู้ตัว…’
‘ใหญ่! ยืนหยุ่น! นุ่ม! เด้งสู้มือ!’
หลิงฮันกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ เขารู้สึกถึงสัมผัสเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน
เขาส่ายหัวเต็มแรง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเพ้อถึงเรื่องนี้!
ฉัวะ!
จักรพรรดินีไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป นางเริ่มฉีกกระฉากชุดของหลิงฮันอีกครั้ง
‘บัดซบ! บัดซบ! บัดซบ!’
หลิงฮันสาปแช่งในใจก่อนที่ร่างของเขาจะหายเข้าไปในหอคอยทมิฬ
แววตาของจักรพรรดินีแห่งดารากลายเป็นมึนงงในขณะจ้องมองร่างของหลิงฮันที่จู่ๆก็หายไปจากอ้อมกอดของนาง การเคลื่อนไหวของนางช้าลงเนื่องจากผลของความราคะ
“อะไรกัน!” เสียงของเซียนหวู่เซียงดังขึ้นและกล่าว “อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์? เป็นไปไม่ได้… ต่อให้เป็นอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ตัวของอุปกรณ์ก็ไม่ควรหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้”
‘อย่างที่คิด! เฒ่าตัวเหม็นนั่นไม่ได้ไปไหนแต่แอบดูอยู่!’
หลิงฮันบ่นในขณะที่เข้ามาในหอคอยทมิฬ เขารู้สึกอยากจะตบหน้าตัวเองเสียเหลือเกิน
สาวงามเช่นนี้เป็นฝ่ายปล่อยตัวเข้าหาเขาเอง แต่เขากลับเลือกหลบเข้ามาในหอคอยทมิฬ!
เขามีความรู้สึกอะไรต่อจักรพรรดินีแห่งดารารึเปล่า?
หลิงฮันยอมรับเลยว่าความยั่วยวนของจักรพรรดินีคนนี้นั้นอยู่เหนือทุกสรรพจริงๆ ขนาดเขาก็ยังใจเต้นทุกครั้งที่เห็นนาง แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับหนีจากอ้อมกอดนางแบบนั้น? แค่คิดก็ทำให้เขารู้สึกเสียใจแล้ว เขามีความรู้สึกตัณหาต่อนางแท้ๆ ทำไมเขาถึงต้องทำตัวเป็นพ่อพระ?
‘ข้าไม่ได้ทำตัวเป็นพ่อพระ เพียงแค่… ถ้าหากทำเรื่องเช่นนั้นกับนางลงไปข้าจะมีความรู้สึกผิดหลงเหลืออยู่ในจิตใจ’
‘เป้าหมายของข้าคือการไต่เต้าขึ้นไปยังจุดสูงสุดของการบ่มเพาะพลัง ถ้าจิตใจของเขามีจุดอ่อนแม้แต่จุดเดียวมันจะส่งผลกระทบต่อการทำความเข้าใจเจตจำนงแห่งแห่งวรยุทธในอนาคต บางทีมันอาจจะเป็นปัจจัยที่นำข้าไปสู่ความตายเลยก็เป็นได้’
เมื่อคิดได้เช่นนี้จิตใจของเขาก็ค่อยๆสงบลง เพราะเหตุผลข้างต้นเขาถึงได้เลือกยอมเปิดเผยความลับของหอคอยทมิฬแทนที่จะเลือกปลปล่อยความไคร่กับจักรพรรดินีแห่งดารา
หอคอยน้อยปรากฏตัวด้านข้างเขาและกล่าว “เจ้าบอกหมอนั่นไปก็ได้ว่าข้ามีวิธีทำให้เขาเกิดใหม่”
หลิงฮันชะงักแน่นิ่งไปชั่วครู่ เขาเกือบปะทุความโกรธออกไปและตะโกน “ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้!”
เขาถูกขังอยู่ในมิตินั่นตั้งเกือบสองปี!
“อย่างแรกเลยคือเจ้าไม่ได้ถาม อย่างที่สองคือข้าคิดว่าเขาอยากให้เวลาอันแสนสนุกกับจักรพรรดินีคนนั้นและไม่อยากออกไปจากมิติกักขัง” หอคอยน้อยกล่าวอย่างใจเย็น
“ไอ้เจ้านี่!” หลิงฮันพึมพำในใจ
ถึงอย่างเขาก็อดหวนกลับไปคิดไม่ได้ว่าสองปีที่ผ่านมาเขาก็พึงพอใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับจักรพรรดินีแห่งดาราเหมือนกัน
หลิงฮันเลิกคิดไร้สาระและกล่าว “เจ้าเฒ่าตัวเหม็นนั่นเหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณและอยู่ในสภาพใกล้เคียงกับความตาย เจ้าจะบอกว่าเจ้ายังสามารถฟื้นคืนชีพให้เขาได้?”
“ถูกต้อง” หอคอยน้อยกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม “ต้นสังสารวัฏสามารถช่วยคงสภาพเศษเสี้ยวดวงวิญญาณของเขาไม่ให้หายไปได้ ยิ่งกว่านั้นเมื่อเจ้าสามารถเปิดหอคอยทมิฬชั้นต่อไป เจ้าจะสามารถรวบรวมพลังแห่งธาตุทั้งห้าได้ครบและสร้างกายหยาบห้าธาตุขึ้นมาได้”
“กายหยาบห้าธาตุ? ฟังดูแล้วน่าจะทรงพลังเป็นแน่” หลิงฮันกล่าว
“บอกเขาไปว่าการหลอมกายหยาบห้าธาตุคือการกระทำที่ท้าทายสวรรค์ซึ่งจะทำให้ภัยพิบัติแห่งเซียนเกิดขึ้นมากกว่าปกติสิบเท่า”
“อะไรคือภัยพิบัติแห่งเซียน?” หลิงฮันถาม
“ข้าจำเป็นต้องตอบทุกคำถามที่เจ้าถามมางั้นรึ?” หอคอยน้อยกล่าวและตอบคำถามของตัวเองด้วยตัวเอง “ไม่ต้อง! เพราะงั้นอย่ามัวทำให้เวลาอันมีค่าของข้าสูญเปล่า ข้าจำเป็นต้องฟื้นฟูหอคอยทมิฬต่อ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าข้าจำเป็นต้องให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น ข้าคงไม่ปรากฏตัวมาพูดคุยกับเจ้าหรอก!”
“เห้อ ช่างเป็นเจ้านายที่น่าปวดหัวอะไรเช่นนี้ ข้าจำเป็นต้องช่วยเหลือเจ้าไปเสียทุกอย่างเลย”
เมื่อพูดเสร็จหอคอยน้อยก็ค่อยๆหายไป
“บัดซบ! เจ้าเคยปฏิบัติต่อข้าราวกับเป็นเจ้านายสักครั้งรึ?” หลิงฮันพึมพำ
เขาสงยสติอารมณ์และออกจากหอคอยทมิฬ
“อืม….” เสียงอันยั่วยวนดังเข้ามาในหูของเขาก่อนที่จะถูกรัดเข้าสู้อ้อมกอดของจักรพรรดินีแห่งดารา เนื่องจากก่อนหน้านี้จักรพรรดินีกอดเขาโดยที่ไม่ได้กระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงไว้ด้วยเจตจำนงของนางทำให้เขาสามารถหลบเข้าไปในหอคอยทมิฬได้
เพียงแต่ว่าครั้งนี้นางกระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ร่างของหลิงฮันถูกผูกรั้งเอาไว้โดยไม่อาจหนีไปไหน
“ผู้อาวุโสบัดซบ เจ้าไม่อยากเป็นคนแก้แค้นด้วยตัวเองรึไง?” หลิงฮันตะโกน “เจ้าอยากจะกลับไปเป็นจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งรึไม่? ข้ามีความลับที่น่าตะลึงมาบอกเจ้า ข้าสามาถช่วยเจ้าสร้างกายหยาบห้าธาตุได้! เพียงแต่นั่นจะทำให้เจ้าต้องต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติแห่งเซียนมากกว่าปกติสิบเท่า”
“ว่าไงนะ?!” น้ำเสียงของเซียนหวู่เซียงเต็มไปด้วยความตะลึงและกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “เจ้าหนู ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงรึ?”
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง! แต่ก่อนอื่นปลดทักษะที่เจ้าใช้กับนางเสียก่อน!” หลิงฮันตะโกน
“ฮ่าๆๆ เจ้าช่างเป็นเจ้าหนูที่แปลกคนเสียจริง” เซียนหวู่เซียงกล่าว “ก็ได้ ข้าสนใจจะฟังสิ่งที่เจ้าเสนอมา”
‘พรึบ!’
จักรพรรดินีแห่งดาราหยุดเคลื่อนไหว เพียงแต่ว่านางได้สูญเสียพลังกายทั้งหมดและล้มลงเข้าสู่อ้อมอกหลิงฮัน
หลิงฮันสูดหายใจลึก เขาพยายามรีดเค้นพลังใจทั้งหมดออกมาและนำร่างของจักรพรรดินีแห่งดาราไปไว้ด้านข้าง “ผู้อาวุโสบัดซบ ข้าจะพาเจ้าไปยังบางแห่ง อย่าต่อต้านข้า”
“ไร้สาระ ข้าสามารถสร้างอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าข้าเข้าใจหลักการของมัน” เซียนหวู่เซียงกล่าว “เพียงแต่ว่าดวงวิญญาณของข้าถูกกักเก็บเอาไว้ที่นี่มาตลอดโดยใช้พลังจากสวรรค์ เมื่อใดที่ออกจากที่นี่ ชะตากรรมของเขาจะมีอยู่สองอย่างคือต้องผสานเข้าไปในร่างของใครสักคนหรือไม่ก็ยอมให้ดวงวิญญาณสลายไปโดยไม่อาจหวนคืน”
“ดังนั้นเจ้าอย่าได้คิดหลอกลวงข้าเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นก่อนที่ข้าจะสลายไปข้าจะสังหารเจ้าก่อน!”
หลิงฮันสะบัดมือ “ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ข้าไม่ทำให้เจ้าเกิดความคิดอยากสังหารข้าแน่น่อน”
“ก็ดี ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้!” เซีนนหวู่เซียงกล่าว ทันใดนั้นแท่นหินในหอคอยก็ส่องสว่างและปรากฏบอลแสงสีขาวบินวนอยู่รอบมือหลิงฮัน
หลิงฮันปลดปล่อยสัมผัสสวรรค์คลุมบอลแสดงเอาไว้
‘พรึบ!’
เขาเข้าไปในหอคอยทมิฬพร้อมกับบอลแสง
ตอนที่ 1128
“อะไรกัน!”
หลังจากเข้ามาในหอคอยทมิฬ กลุ่มแสงก็ส่งเสียงกรีดร้องทันที แน่นอนว่าทางสัมผัสสวรรค์ เพราะเซียนหวู่เซียงสูญเสียกายหยาบไปนานและไม่สามารถส่งเสียงออกมาจากปากเหมือนมนุษย์ได้
“เจ้าหนู เจ้ามีอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ที่กว้างใหญ่ไพศาลแบบนี้ได้ยังไงกัน? ราวกับเป็นโลกใบหนึ่ง!” ถ้าเซียนหวู่เซียงมีร่างกาย เขาคงจะล้มทั้งยืนไปแล้ว
ในจุดนี้เซียนหวู่เซียงเชื่ออย่างหมดใจว่าหลิงฮันอาจช่วยเขาสร้างกายหยาบขึ้นมาได้และกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
นั่นเป็นเพราะการกลับมามีชีวิตอีกครั้งจะต้องใช้บุปผาวิญญาณ ซึ่งสามารถพบได้ในหนึ่งหมื่นล้านปี มันเป็นเรื่องที่ยากมากจนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับมันมา
แต่ตอนนี้หลิงฮันได้แสดงให้เห็นพื้นที่ด้านในของอุปกรณ์มิติ ซึ่งทำให้เขาตกใจมาก
ถึงแม้เขาจะสร้างอุปกรณ์มิติขึ้นมาได้เหมือนกัน แต่อย่างดีที่สุดก็สร้างพื้นที่มิติได้ขนาดเท่าวังเท่านั้น ถ้าใหญ่กว่านั้นพื้นที่มิติจะไม่เสถียรและพังทลายได้ทุกเมื่อ
หลิงฮันพาเซียนหวู่เซียงไปที่ต้นสังสารวัฎและพูดว่า “นี่จะทำให้ดวงวิญญาณของเจ้าแกร่งกล้าขึ้นและไม่สูญสลาย แล้วเมื่อใดที่ข้าแข็งแกร่งขึ้น ข้าก็จะรวบรวมพลังห้าธาตุและสร้างกายหยาบให้เจ้า”
ก้อนแสงของเซียนหวู่เซียงวนเวียนอยู่รอบกิ่งไม้ของต้นสังสารวัฎ เมื่อเขาตระหนักว่ามันคืออะไร เขาก็พูดออกมาว่า “เป็นมันจริงๆ เจ้านี่สามารถทำให้ดวงวิญญาณของข้าแข็งแกร่งขึ้นได้! พระเจ้า น…นี่มันต้นสังสารวัฎ!”
แม้ว่าบุปผาวิญญาณจะล้ำค่า แต่มันจะเทียบกับต้นสังสารวัฎได้อย่างไร?
มันไม่สมควรมีอยู่ เพราะต้องใช้เวลาเติบโตมากถึงสิบสองล้านล้านปี
สิบสองล้านล้านปีหมายถึงอะไร?
ต่อหน้าต้นสังสารวัฎ มันทำให้เขาเป็นเหมือนคนต่ำต้อยและมีพลังชีวิตน้อยกว่าเศษเสี้ยวของอีกฝ่าย
“เจ้าหนู เจ้ามีสมบัติของจักรพรรดิเซียนได้อย่างไรกัน?” เซียนหวู่เซียงถามด้วยเสียงที่สั่นคลอน
จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งหรือเรียกว่าเซียน ชั้นต้นจะเรียกว่าเซียนชั้นต้น ชั้นกลางจะเรียกว่าเซียนชั้นกลาง ชั้นสูงจะเรียกว่าเซียนชั้นสูง และชั้นสมบูรณ์แบบจะเรียกว่าจักรพรรดิเซียน ซึ่งการทะลวงผ่านแต่ละชั้นนั้นยากยิ่งกว่ายากจนแทบเป็นไปไม่ได้
อาจกล่าวได้ว่าหลังจากที่เซียนเข้าสู่ระดับสร้างสรรพสิ่ง แม้ว่าจะเป็นแค่เซียนชั้นต้น แต่มันก็ห่างชั้นจากเซียนชั้นกลางมาก
เซียนหวู่เซียงเป็นเซียนชั้นต้น ต่อหน้าจักรพรรดิเซียนเขาเป็นเหมือนแค่มด
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ผู้อาวุโสพอใจกับสถานที่แห่งนี้หรือไม่?”
“พอใจ! พอใจ!” เซียนหวู่เซียงกล่าวด้วยความสุข ต้นสังสารวัฎสามารถทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อได้ แม้กระทั่งพลังบ่มเพาะก็ยังฟื้นฟูได้ นี่ทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“ถ้างั้นเจ้าจะปล่อยพวกข้าออกไปได้แล้วหรือยัง?” หลิงฮันถามอีกครั้ง
“ไม่มีปัญหา!” เซียนหวู่เซียงกล่าว
“จริงสิ แล้วอะไรคือภัยพิบัติแห่งเซียน?” หลิงฮันถามออกมาอย่างกะทันหัน
เซียนหวู่เซียงกล่าว “เจ้าไม่รู้ว่าภัยพิบัติแห่งเซียนคืออะไร แต่ก็ทำการเจรจากับข้าอย่างนั้นรึ?”
หลิงฮันยิ้ม “ภายในอุปกรณ์มิตินี้มีจิตวิญญาณอยู่ ซึ่งมันแค่บอกให้ข้าพูดตามที่มันพูด”
เมื่อฟังที่หลิงฮันพูดเซียนหวู่เซียงตกใจอีกครั้ง เพราะเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีจิตวิญญาณอยู่ในอุปกรณ์มิติ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เซียนมีพลังแห่งการสร้างสรรพสิ่ง แต่นั่นเป็นพลังที่ท้าทายสวรรค์และปฐพี ทุกหนึ่งพันล้านปีจะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติแห่งเซียน”
“นี่คือคำสาปของสวรรค์ที่จะทำให้เหล่าเซียนต้องเจอกับภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นโรคร้ายหรือทัณฑ์สวรรค์หรือความโชคร้ายและอื่นๆอีกมากมาย”
“แม้จะรอดพ้นภัยพิบัติมาได้ แต่ในอีกหนึ่งร้อยล้านปีต่อมา ภัยพิบัติแห่งเซียนก็จะทวีปความรุนแรงยิ่งขึ้นไม่มีวันจบสิ้นจนกว่าจะตาย”
“หากต้องการหลุดพ้นภัยพิบัติแห่งเซียน มีหนทางเดียวคือต้องแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น”
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ เซียนเป็นเหมือนตัวตนที่สูงส่ง ไร้เทียนทาน แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่เป็นเหมือนคำสาปไม่จบสิ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจำนวนของเซียนนั้นถึงมีน้อยจนหายาก
เพราะในระดับเซียนยากที่จะทะลวงผ่านชั้นถัดไป แล้วยังต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทุกหนึ่งร้อยปีอีก ถ้าหากไม่พัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น แม้ครั้งนี้อาจโชคดีรอดพ้นภัยพิบัติมาได้ แต่ครั้งหน้าจะต้องเป็นจุดจบอย่างแน่นอน
“ดังนั้น เส้นทางของจอมยุทธจึงเป็นเหมือนการแล่นเรือทวนกระแสน้ำ ถ้าไม่ก้าวหน้าขึ้นก็จะถอยหลัง แล้วถ้าถอยหลังก็จะต้องตาย” เซียนหวู่เซียงสรุปความโหดร้ายของเส้นทางของจอมยุทธ
หลิงฮันกล่าว “ถ้าเจ้าได้รับกายหยาบห้าธาตุ เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติแห่งเซียนทุกหนึ่งร้อยปีอีกครั้ง”
“นั่นคือเรื่องที่ข้าคิดเอาไว้แล้วหลังจากที่กลับมายืนอยู่ในจุดเดิมอีกครั้ง ซึ่งข้าพร้อมแล้วที่จะก้าวข้ามภัยพิบัติแห่งเซียน หากผ่านครั้งแรกไปได้ มันก็จะไม่สามารถเป็นภัยคุกคามของข้าได้อีกต่อไป” เซียนหวู่เซียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ “แล้วหลังจากนั้นข้าก็จะพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อสังหารศิษย์ทรยศพวกนั้น!”
“ยังไงก็ตาม ผู้อาวุโสปล่อยพวกข้าออกไปได้แล้ว”
หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬพร้อมกับเซียนหวู่เซียง
ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างไม่คาดคิด เป้าหมายของเขาในการหลบซ่อนตัวอยู่ในหอคอยทมิฬคือเพื่อไม่ทำให้จักรพรรดินีได้รับอันตราย ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะเปิดเผยความลับของหอคอยทมิฬ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายของเขามาก
เมื่อหลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ เขาก็เห็นจักรพรรดินีหายดีแล้วและกำลังยืนอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว มันมีความเหงาที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งทำให้ทุกคนอยากรีบเข้าไปโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนทันทีเพื่อกำจัดความเหงาของนาง
เสน่ห์ของจักรพรรดินีนั้นน่าทึ่งมาก
หลิงฮันถอนหายใจ เขาส่งเสียงกระแอมและพูดว่า “องค์จักรพรรดินี พวกเราจะได้ออกไปจากที่นี่ในอีกไม่ช้า”
จักรพรรดินีจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาที่ซับซ้อน ทั้งที่นางถูกผนึกพลัง แต่หลิงฮันก็ไม่คว้าโอกาสนั้นจัดการนาง นี่ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมาก และแน่นอนว่านางรู้ตัวเองดีว่ามีเสน่ห์มากแค่ไหน
สิ่งที่ตกตะลึงที่สุดสุดสำหรับนางคือเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
เขายอมที่จะเปิดเผยความลับของอุปกรณ์มิติเพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของนาง
ต้องบอกว่าเป็นจักรพรรดินีต่างหากที่รู้สึกหวั่นไหว
ตอนที่ 1129
ตั้งแต่ถูกหลิงฮันจับหน้าอก จักรพรรดินีก็มองเขาเป็นพวกบ้ากามและไร้ยางอาย เพียงแต่ว่าหลังจากที่ใช้เวลาร่วมกันสองปีนางก็ตระหนักได้ว่าหลิงฮันนั้นเป็น ‘สุภาพบุรุษ’
การที่เขาสามารถอดกลั้นได้ตั้งแต่ต้นยันจบแสดงให้เห็นว่าเขามีจิตใจที่แข็งแกร่งแค่ไหน ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังถึงขนาดยอมเผยสมบัติของตนเองเพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของนาง กล่าวได้ว่าการกระทำของเขาเป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง!
เช่นนี้แล้วนางยังจะสังหารหลิงฮันได้ลงคอ?
แน่นอนว่านางทำไม่ได้!
ที่จริงจักรพรรดินีแห่งดารารู้สึกดีเสียด้วยซ้ำที่ถูกขังไว้ที่นี่กับหลิงฮัน ถ้าหากเป็นชายอื่นนางจะต้องเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วแน่นอน เพียงแค่ลองคิดเช่นนั้นมันก็ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นแล้ว
ยิ่งกว่านั้นเพื่อที่จะได้ลูกศิษย์ทอด เซียนหวู่เซียงย่อมบังคับให้นางมีเพศสัมพันธ์กับชายที่นางถูกกักขังอยู่ด้วยนับครั้งไม่ถ้วน จุดนี้ต่างหากที่เป็นสิ่งน่ากลัว
พูดตามตรงแล้วหลิงฮันนั้นเป็นผู้ช่วยชีวิตของนางต่างหาก นางติดหนี้เขาจนถึงขั้นที่ว่าชดใช้ทั้งชีวิตนี้ก็ไม่หมด!
แต่ปัญหาก็คือความทรงจำที่นางกอด จูบและแนบชิดร่างกับหลิงฮันนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจของนาง เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นไม่มีทางเลยที่นางจะทำตัวผ่อนคลายได้ตามปกติ จิตใจของนางตอนนี้มีจุดอ่อนอันใหญ่หลวงเกิดขึ้นแล้วซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะพลังในอนาคตของนาง
นางควรจะทำอย่างไรกับมันดี?
สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงตอบหลิงฮันกลับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “อืม ข้ารู้แล้ว”
หลิงฮันเข้าใจความยากลำบากของนาง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่สตรีหรือตัวของจักรพรรดินีแห่งดารา ดังนั้นเขาจึงอาจจะเข้าใจความรู้สึกในตอนนี้ของนางไม่ถึงแม้แต่หนึ่งส่วน
“องค์จักรพรรดินี ท่านจะว่าอย่างไรหากข้าเสนอให้ทำเป็นว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน?”
จักรพรรดินีแห่งดาราไม่สบอารมณ์เล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
‘คนที่จะพูดเช่นนั้นได้ต้องเป็นข้าต่างหาก!’
‘เจ้าสัมผัสข้า จูบข้า แถมยังกอดรัดข้า แต่เจ้ากลับต้องการจะทำเป็นว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น?’
ถ้าหลิงฮันได้ยินสิ่งที่นางกำลังคิด เขาจะต้องตะโกนออกมาว่า “ผิดแล้ว!” แน่นอน… เพราะว่าความจริงเป็นจักรพรรดินีเองต่างหากที่สัมผัส จูบและกอดเขา! ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีพลังใจที่เข้มแข็งก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะถูกนาง***!
‘เจ้าผู้ชายไร้ความรับผิดชอบ!’ จักรพรรดินีแห่งดาราคำรามในใจ
แต่ทันใดนั้นนางก็ชะงักในความคิดของตนเอง หลิงฮันเหมาะสมจะเป็นสามีของนางงั้นรึ? ไม่มีทาง! นางเค้นเสียงกล่าว “ก็ต้องยังงั้นอยู่แล้ว หรือเจ้าคิดจะจดจำเหตุการณ์เหล่านั้นและเก็บไปจินตนาการ?”
‘อ้ากกก ไม่น่ารักเอาเสียเลย ข้าหยิ่งทะนงเกินไปแล้ว!’
หลิงฮันถอนหายใจในใจ การเป็นคนสวยนี่ช่างทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนได้จริงๆ ถึงแม้นางจะทำตัวโอหังใส่เขาแต่เขากลับไม่สามารถโกรธนางได้ลง เขาตัดสินใจว่าจะต้องถอยห่างจากสาวงามคนนี้ให้ไกลที่สุด มิเช่นนั้นเขาจะต้องหลงนางจนโงหัวไม่ขึ้นแน่นอน
หลิงฮันกับจักรพรรดินีแห่งดารานิ่งเงียบไม่มีฝ่ายใดกล่าวอะไร ในขณะเดียวกันด้วยการควบคุมของเซียนไร้พ่าย จู่ๆยานบินดาราก็ปรากฏขึ้นในสุสานขนาดใหญ่
ถึงแม้เซียนหวู่เซียงจะรับบาดเจ็บสาหัส แต่ในฐานะที่เป็นเซียนเขาได้เตรียมการหลายๆอย่างไว้ก่อนตาย ยานบินดาราก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาเตรียมมันเอาไว้สำหรับลูกศิษย์ในอนาคต
เพียงแต่ว่าตอนนี้เขามีโอกาสได้รับชีวิตที่สองแล้วเขาจึงนำมันออกมาใช้
ยานบินดาราเป็นอุปกรณ์บินอวกาศขนาดเล็ก มันมีขนาดพอจะให้สลักรูปแบบอาคมป้องกันป้องไม่มาก อาคมเหล่านั้นสามารถใช้ป้องกันอุกาบาตรหรือหลุมดำที่ปรากฏอย่างกะทันหันในอวกาศได้เท่านั้น มันไม่มีขนาดใหญ่พอที่จะสลักรูปแบบอาคมโจมตีลงไป
แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ เซียนหวู่เซียงมีเวลาเตรียมการไม่มากก่อนที่จะตาย เขาจะสร้างยานบินดาราที่สมบูรณ์แบบทันได้อย่างไร?
เซียนหวู่เซียงรีบกลับเข้าไปในหอคอยทมิฬทันทีหลังจากเรียกยานบินดาราออกมา สภาพของเขาในตอนนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวดวงวิญญาณจึงไม่สามารถอาศัยอยู่ในโลกภายนอกได้นานนัก แต่การที่เขาอยู่ใกล้ต้นสังสารวัฏนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ดวงวิญญาณของเขาไม่สลายไปแต่ยังทำให้ดวงวิญญาณมั่นคงขึ้นด้วย
ต้นไม้ที่ต้องใช้เวลาถึงสิบสองล้านล้านปีในการเจริญเติบโต พลังของมันจะธรรมดาได้อย่างไร?
ในขณะเดียวกันหลิงฮันกับจักรพรรดินีแห่งดาราทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ด้านในยานบินดารา ในยานไม่มีห้องพักหรืออะไรทำนองนั้นเลยโดยในยานมีห้องว่างเพียงห้องเดียว แต่ห้องที่ว่านี้มีขนาดใหญ่กว่าอุปกรณ์บินแหวกเมฆาเสียอีก มันเพียงพอจะบรรจุคนได้ราวๆสิบคน
บรรยากาศภายในยานเงียบสงัดไม่มีฝ่ายใดเป็นฝ่ายเอ่ยคุย แต่การที่อยู่ด้วยกันในห้องเล็กๆก็ยังทำให้หลิงฮันได้กลิ่นอันหอมหวานของจักรพรรดินีและทำให้ร่างกายเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา
ก่อนหน้านี้เขาได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของจักรพรรดินีแล้ว แถมยังได้สัมผัสใกล้ชิดกับนาง สองสิ่งนี้ทำให้จินตนาการของเขาเตลิดไปไกล
“อย่าริอาจคิดอะไรฟุ้งซ่าน!” จักรพรรดินีแห่งดารากล่าวตำหนิ
หลิงฮันกรอกตา ‘โอ้ นี่เจ้าถึงขนาดรู้ว่าข้าคิดอะไรอยู่เลยรึ?’
เขายิ้มบางๆและกล่าว “ก็ได้ ข้าจะไม่คิดถึงเรื่องนั้นแล้ว”
“เจ้ายังคิดถึงเหตุการณ์นั้นอยู่จริงๆด้วย!” จักรพรรดินีกล่าวด้วยความไม่พอใจ
หลิงฮันหัวเราะ หลังจากที่ได้เห็นด้านที่ยั่วยวนของจักรพรรดินีเขาก็รู้สึกไม่กลัวนางอีกเลย
เขาคิดว่าข้อเสียของจักรพรรดินีคือตัวตนของนางที่ทรงพลัง งดงามและซื่อตรงเกินไป นางไม่มีนิสัยน่ารักแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นถ้าหากนางยั่วยวนเขาด้วยคำพูดน่ารักหวานๆล่ะก็ ต่อให้เขาจะมีพลังใจที่แข็งกล้าแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางทนไหวแน่นอน
จักรพรรดินีกัดฟันด้วยความโกรธ ชายหนุ่มคนนี้ไม่มีความเคารพต่อนางเลย! กบฏ! เขาเป็นกบฏ!
เขาโกรธจนควันออกหูและต้องการจะลงมือจัดการหลิงฮัน แต่นางก็ต้องชะงักประหลาดใจ ความรู้สึกของนางถูกบุรุษทำให้ปั่นป่วนงั้นรึ?
ไม่ได้การ… หลังจากที่มีประสบการณ์เนื้อแนบเนื้อกันไปแล้ว นางคงไม่สามารถสลัดเขาออกจากจิตใจได้อีกต่อไป!
ที่เป็นเช่นนี้มีปัจจัยหลักคือเป็นเพราะนางวางตัวบริสุทธิ์เกินไปมาตลอด ไม่เช่นนั้นทำไมหลิงฮันถึงได้เข้ามาอยู่ในจิตใจของนางลึกเช่นนี้ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีอะไรกัน
ยานบินดาราเคลื่อนที่ผ่านอวกาศไม่หยุดแวะ พวกเขาไม่ประสบภัยพิบัติหรือพบเจออุบัติเหตุใดๆ เพราะงั้นผ่านไปไม่กี่วันพวกเขาก็กลับมาถึงดาวเหอหนิง
โชคดีที่ในช่วงที่จักรพรรดินีแห่งดาราไม่อยู่ จักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์กับจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามไม่ได้รุกรานจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจักรพรรดินีแห่งดาราเพิ่งจะกลับมาตอนนี้?
แต่ในด้านหลิงฮันนั้นเขารู้สึกหดหู่ไม่น้อย การคัดเลือกศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปีก่อนแล้ว หรือก็คือเขาหมดโอกาสที่จะเข้าร่วมกับนิกายแล้ว
พี่ชายทั้งสามของเขากับเฮ่อเหลียนเทียนหยุนและศิษย์ของเขาติงผิงเข้าร่วมกับนิกายสวรรค์เยือกแข็งได้สำเร็จ เขาได้ยินมาว่าจักรพรรดิพิรุณและติงผิงได้รับสถานะที่เรียกว่าศิษย์เมล็ดพันธุ์ ทั้งสองจะได้รับการปฏิบัติที่พิเศษจากนิกาย
นอกจากพวกเขาแล้วสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็เข้าร่วมนิกายได้สำเร็จเหมือนกัน ถึงแม้พรสวรรค์ของนางจะไม่โดดเด่น แต่ด้วยอายุของนางกับระดับพลังบ่มเพาะทำให้มีคุณสมบัติเข้าร่วมนิกาย เพียงแต่ว่านางไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์
ศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ศิษย์เมล็ดพันธุ์ ศิษย์หลักและศิษย์ธรรมดา นอกจากจักรพรรดิพิรุณกับติงผิงที่ได้เป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ เฮ่อเหลียนเทียนหยุนกับเฟิงโปหยินนั้นถูกคัดเลือกให้เป็นศิษย์หลัก ในขณะที่มู่หลงกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้เป็นศิษย์ธรรมดา
ส่วนหลิงฮัน… เขาจะทำยังไงต่อไปดี?
ตอนที่ 1130
นิกายสวรรค์เยือกแข็งเป็นนิกายที่ทรงพลังมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ต่อสู้เพื่อพลังอำนาจ แต่พวกเขาก็มีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์อยู่ ซึ่งไม่จำเป็นหน้าไว้หน้าให้ใครหน้าไหน
อาจกล่าวได้ว่าแม้จักรพรรดินีแห่งดาราหายนะจะมาที่นี่ด้วยตัวเองและขอให้นิกายสวรรค์เยือกแข็งรับคนของนาง แต่นิกายสวรรค์เยือกแข็งก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องรับ
ส่วนหลี่เหว่ยเหว่ยกับจื้อหยุนเอ๋อถึงแม้พวกนางจะดูดซับพลังจากผลึกภูผาวารี แต่ก็ถือเป็นอัจฉริยะหากอิงตามอายุและความสำเร็จ ดังนั้นพวกนางจึงได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็งและกลายเป็นศิษย์ธรรมดา
ในเมืองจักรพรรดิแทบจะไม่มีสหายของหลิงฮันหลงเหลืออยู่
หลิงฮันเริ่มคิดว่าเขาควรทำอะไรต่อไปดี
“หลิงฮันอยู่หรือไม่?” ในขณะนั้นเองก็มีเสียงที่น่าเกรงขามของคนผู้หนึ่งดังมาจากด้านนอก
น…นางคือฉีเชียวเซวี่ย
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ ทั้งที่นางฟังคำสั่งของจักรพรรดินีคนเดียวเท่านั้น การที่นางมาหาเขาที่นี่หรือว่าจักรพรรดินีจะมีเรื่องด่วยอันใด? หรือว่านางจะส่งทาสรับใช้มาเพื่อส่งข้อความ
เมื่อเดินออกจากประตู เขาก็เห็นฉีเชียวเซวี่ยสวมชุดเกราะยืนอยู่ด้านนอก นางเป็นเหมือนดอกไม้งามในกองทัพ
แต่น่าเสียดายที่รัศมีของนางต้องถูกบดบังโดยจักรพรรดินี แล้วไม่มีข่าวลือว่านางชอบผู้ชายมาก่อน นางหลงใหลในตัวจักรพรรดินีมากจนลืมไปว่าตัวเองก็เป็นสตรี
“คาวระผู้บัญชาการฉีเชียวเซวี่ย!” หลิงฮันเคยเป็นทหารในกองทัพจักรวรรดิมาก่อน เขาไม่จำเป็นต้องโค้งคำนับถ้าฉีเชียวเซวี่ยไม่มากพิธี
ฉีเชียวเซวี่ยจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาแปลกๆ ชายหนุ่มที่ดูธรรมดาอย่างเขาสมควรที่จะได้รับความปรารถนาดีจากจักรพรรดินีถึงสองครั้งหรือไม่? ครั้งแรกจักรพรรดินีอาจใช้หลิงฮันเพื่อข่มขู่ผู้มีอำนาจในจักรวรรดิและทำให้พวกเขาหวั่นเกรง
แต่ครั้งนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างเห็นได้ชัด
เขามีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดินียังไงกันแน่?
ฉีเชียวเซวี่ยไม่สามารถคาดเดาได้ ถ้านางรู้ว่าจักรพรรดินีกับหลิงฮันสัมผัสทางผิวหนังกันแล้ว นางจะต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ
“องค์จักรพรรดินีขอให้ข้ามามอบของบางสิ่งให้กับเจ้า” นางส่งจดหมายให้กับหลิงฮัน “นี่คือจดหมายจากจักรพรรดินีที่ต้องการส่งให้ราชินีที่กล่าว องค์จักรพรรดินีต้องการให้เจ้าไปส่งและกล่าวว่าถ้าราชินีที่เก้าเห็นด้วยที่จะยอมรับเจ้าเป็นผู้ติดตาม เจ้าก็จะสามารถเข้านิกายสวรรค์เยือกแข็งได้”
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขายังไม่ยื่นมือออกไปรับเพื่อรับจดหมาย จนกระทั่งฉีเชียวเซวี่ยส่งเสียงกระแอมอย่างรุนแรง
“ในเมื่อข้าส่งจดหมายถึงมือเจ้าแล้วเช่นนั้นข้าคงต้องของตัว” ฉีเชียวเซวี่ยจ้องมองหลิงฮันสักพักก่อนที่จะหันหลังจากไป
นางสับสนมากว่าทำไมจักรพรรดินีถึงส่งจดหมายให้หลิงฮัน? แล้วทำไมถึงต้องเป็นนางที่มาส่งให้หลิงฮันด้วยตัวเอง
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจเพราะราชินีที่เก้าก็ได้รับเลือกจากนิกายสวรรค์เยือกแข็งด้วย ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่นางได้เป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์
แม้ว่าจักรพรรดินีจะขอให้เขาเป็นคนส่งจดหมาย แต่ก็สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังให้เข้าไปในนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ในฐานะผู้ติดตามของราชินีที่เก้า
ในนิกายสวรรค์เยือกแข็งมีเพียงแค่ศิษย์เมล็ดพันธุ์เท่านั้นที่มีผู้ติดตามและสามารถฝึกฝนร่วมกันในนิกายได้ แม้ว่าผู้ติดตามจะไม่ได้รับทรัพยากรบ่มเพาะพลังของนิกาย แต่ก็สามารถติดตาม “เจ้านาย” เพื่อฟังคำแนะนำจากเหล่าปรมาจารย์ได้
แม้ว่าผู้ติดตามจะเป็นเพียงแค่ทาสรับใช้ แต่ก็มีอัจฉริยะมากมายหลายคนที่ต้องการชิงตำแหน่งดังกล่าว
จักรพรรดินีเป็นคนที่ใจกว้างมาก แม้นิกายสวรรค์เยือกแข็งจะปิดรับศิษย์แล้ว แต่นางก็ใช้วิธีการของตัวเองเพื่อเปิดประตูอีกบานหนึ่งให้หลิงฮันได้เข้าร่วมนิกาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า หรือมันจะเป็นเพราะเสน่ห์ของข้ากันน่ะ? นางถึงทำแบบนี้เพื่อข้า” หลิงฮันหลงตัวเองเป็นอย่างมาก
แต่ข้าจะยอมรับคำขอนี้ดีหรือไม่?
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และตัดสินใจที่จะยอมรับมัน
พี่น้องสามคนและคนอื่นๆเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็งกันหมดแล้ว ร่วมถึงศัตรูของเขาสองคนอย่างจ้าวหลุนและซาหยวนก็เช่นกัน ถ้าเขาอยู่ในเมืองจักรพรรดิ มันจะมีอะไรให้เขาทำอีกนอกจากเล่นชู้กับจักรพรรดินี?
หลิงฮันเตรียมความพร้อม เขานำเม็ดยาจำนวนมากไปแลกเปลี่ยนกับผลึกก่อเกิดกับวัตถุดิบปรุงยา
ครึ่งเดือนต่อมา หลิงฮันไปเยี่ยมเฒ่าฉือก่อน จากนั้นก็เดินทางออกจากดาวเหอหนิงและใช้ยานบินของเซียนหวู่เซียงเป็นพาหนะบินไปที่ดาวเฟยหยุน
ทำไมเขาถึงไม่ใช้พาหนะแหวกเมฆา?
นั่นเป็นเพราะปัญหาด้านรูปแบบอาคมป้องกันเท่านั้น แต่มันไม่สามารถบินบนอวกาศได้
ในอวกาศมันไม่มีความแตกต่างว่าตรงไหนคือด้านบนหรือด้านล่าง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามุ่งหน้าไปที่ไหน?
พิกัดดาวเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำทาง แต่นั่นจะมีผลกับแผนที่ดวงดาวเท่านั้น และแผนที่ดวงดาวต้องใช้รูปแบบอาคมขนาดใหญ่เพื่อเปิดใช้งาน ดังนั้นพาหนะแหวกเมฆาเล็กๆจะมีความสามารถแบบนั้นได้อย่างไร?
ถ้าหลิงฮันนั่งพาหนะแหวกเมฆาไปที่ดาวเฟยหยุน ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นคือหลิงฮันจะหลงอยู่ในอวกาศ ถ้าโชคดีในอีกร้อยหรือพันปีต่อมา เขาก็อาจพบดาวที่ลงจอดได้ แต่ในกรณีนั้นจะต้องมีผลึกก่อเกิดที่เป็นแหล่งพลังงานมากพอให้ขับเคลื่อน มิฉะนั้นคงไม่แตกต่างจากพาหนะทั่วไป
หลิงฮันกำลังขับยานบิน ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะใดๆ เพียงแค่ป้อนพิกัดดาวลงในรูปแบบอาคมและผลึกก่อเกิดเท่านั้น มันก็สามารถบินได้โดยอัตโนมัติ ส่วนในกรณีฉุกเฉินอย่างเช่นการโจมตีจากอุกกาบาตและการระเบิดของดวงดาว เขาจะต้องขับด้วยตนเองและออกจากเส้นทางที่กำหนดไว้
หลังจากเข้าสู่อวกาศ หลิงฮันก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ใต้ต้นสังสารวัฎ และถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเขาก็จะออกมาดูทันที
การเดินทางจากดาวเหอหนิงไปยังดาวเฟยหยุนใช้เวลาประมาณสามเดือน
หลิงฮันนั่งอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎ ในขณะที่เซียนหวู่เซียงกำลังสอนทักษะให้กับชางเย่ หยวนชางเหอและคนอื่นๆ เพื่อเป็นการฆ่าเวลา เพราะเขาไม่สามารถฝึกฝนบ่มเพาะพลังได้
ทุกคนตั้งใจฟังเพราะเซียนหวู่เชียงเป็นคนสอน ในทางตรงกันข้าม นิกายสวรรค์เยือกแข็งคืออะไร?
– ถ้าคนอื่นรู้เรื่องการมีอยู่ของเซียนหวู่เชียง อย่าว่าแต่จอมยุทธระดับดาราเลย แม้กระทั่งปรมาจารย์สามวิถีที่เป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ก็อาจเข้ามาในหอคอยทมิฬนี้ด้วย
พลังเต๋าเป็นอะไรที่เข้าใจยาก แต่เซียนหวู่เซียงเคยเป็นจอมยุทธที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้วิธีชี้แนะคนอื่น
เช่นเดียวกับหลุมดำที่มองไม่เห็น เมื่อแสงของดวงดาวผ่านก็จะถูกมันดูดซับ นี่เป็นการพิสูจน์การมีอยู่ของมัน
เช่นเดียวกับคำพูดของเซียนหวู่เซียง ด้วยคำอธิบายที่ลึกซึ้งและเรียบง่ายทำให้ชางเย่และคนอื่นๆมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ทุกคนก็รู้ว่าพวกเขากำลังอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎ ถ้าหนึ่งวันไม่เพียงพอที่จะทำความเข้าใจ แล้วถ้าเป็นหนึ่งปีล่ะ? สิบปีล่ะ?
“เจ้าหนู แม้ในอนาคตเจ้าจะสามารถสร้างกายหยาบให้ข้าได้จริง แต่ยังไงข้าก็ต้องการฝึกฝนบ่มเพาะพลังที่นี่ มันเป็นเหมือนดินแดนแห่งขุมทรัพย์!” เซียนหวู่เซียงกล่าวว่าเขาต้องการฝึกฝนบ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฎ ความสามารถของมันแม้กระทั่งเขาก็ยังหวั่นไหว
“ไม่มีปัญหา!” หลิงฮันพยักหน้า
ถ้าเซียนหวู่เซียงกลับไปแข็งแกร่งเหมือนเดิมอีกครั้ง เขาก็จะมีคนหนุนหลังที่ทรงพลัง แม้ว่าจะเป็นเซียนชั้นต้นก็ตาม
จักรพรรดิจอมอสูรรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้านายของเขาช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก สถานะของเซียนหวู่เซียงถ้าเทียบกับดินแดนใต้พิภพแล้ว มันเทียบได้กับเทพปีศาจ!
ตอนที่ 1131
ยานบินดาราแล่นอย่างไร้เสียงอยู่ในอวกาศ
สถานการณ์ในตอนนี้ทั้งเงียบและสงบสุข
‘ฉัวะ’ แต่ทันใดนั้นเองประกายแสงคลื่นดาบก็พุ่งเข้ามา มันเป็นคลื่นดาบที่สว่างจ้าและอัดแน่นไปด้วยรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง แสงของคลื่นดาบนั้นสว่างจนแม้แต่ดาวโดยรอบและและดวงอาทิตย์ก็ยังไม่อาจเทียบเคียง
‘ตูม!’ ยานบินดาราถูกบดขยี้จนกลายเป็นเศษซาก
ยานบินดาราลำเรือเป็นยานบินขนาดเล็ก มันสามารถป้องกันได้แค่การโจมตีของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราสูงสุดเป็นอย่างมากในขณะที่คลื่นดาบเมื่อครู่เป็นการโจมตีของจอมยุทธระดับดารา
ร่างของมนุษย์ปรากฏขึ้นกลางอวกาศ รอบกายเขาปกคลุมไปด้วยปราณที่ปั่นป่วนทำให้ไม่ทราบว่าเป็นบุรุษอสตรีหรือเป็นคนร่างผอมสูง
‘คนคนนั้น’ ยืนอยู่กลางอวกาศและทำการตรวจสอบซากยานอย่างรอบคอบ เขาตรวจสอบเศษซากทุกชิ้นของยานเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลือรอด เมื่อตรวจสอบเสร็จเขาก็สะบัดมือนำยานบินดาราออกมาและบินจากไป
ท่ามกลางอวกาศระลอกคลื่นที่เกิดจากคลื่นดาบเมื่อครู่ก็ค่อยหายไปและบรรยากาศก็กลับสู่ความสงบ
ผ่านไปอีกวันหนึ่ง ยานบินดาราลำนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งและบินวนรอบเพื่อตรวจสอบก่อนจะจากไป
“ขี้กังวลเสียจริง!” หลิงฮันสบถอย่างมาสบอารมณ์ด้านในหอคอยทมิฬ
เมื่อตอนที่ยานบินดาราถูกโจมตี เขาบังเอิญอยู่ในหอคอยทมิฬพอดี และเมื่อเขาเห็นว่าผู้บุกรุกมีนิสัยขี้กังวลเขาจึงไม่รีบออกมาแต่เลือกที่จะรอไปเรื่อยๆแทน ซึ่งผู้บุกรุกก็ย้อนกลับมาอย่างไม่คาดฝัน
“เจ้าหนู ดูเหมือนเจ้าจะล่วงเกินคนเอาไว้ไม่น้อยนะ” เซียนหวู่เซียงกล่าว หลิงฮันมาบอกเขาแล้วเรื่องที่ยานดาราถูกลอบโจมตี
“ไม่ได้ดูเหมือนจะไม่น้อย แต่ข้าล่วงเกินไปเยอะจริงๆเลยล่ะ” หลิงฮันยิ้มมุมปาก “แต่รอก่อนเถอะ หลังจากนี้อีกไม่นานข้าจะทำให้ทุกคนที่รังแกข้าได้รับผลจากการกระทำของพวกเขา!”
แม้เขาพูดของหลิงฮันจะดูโอ้อวด แต่เซียนหวู่เซียงก็หาคำพูดมายอกย้อนหลิงฮันไม่ได้
…ด้วยสมบัติล้ำค่าอย่างต้นสังสารวัฏ หลิงฮันมีสิทธิ์ที่จะโอ้อวดเช่นนั้นจริงๆ ต่อให้เป็นเขาก็ยังรู้สึกปรารถนาที่จะได้ฝึกฝนภายใต้ต้นสังสารวัฏต้นนี้
หลิงฮันลองคาดเดาตัวตนของผู้บุกรุกซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งสมาคมราตรีนิรันดร์และคนอื่นๆ
เพียงแต่ว่าจอมยุทธระดับดาราบนดาวเหอหนิงนั้นมีไม่มาก เมื่อใดที่เขามีพลังมากพอเขาจะสามารถสืบหาผู้บุกรุกคนนั้นได้จากกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์
จอมยุทธระสูงแต่ละคนจะมีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองและเป็นเรื่องที่ยากมากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลียนแบบกลิ่นอายของผู้อื่น
“แล้วทีนี้จะไปนิกายสวรรค์เยือกแข็งอย่างไรดี?”
หลิงฮันรู้สึกกระอักกระอ่วน
การที่หลงทางอยู่ที่อวกาศก็ไม่ต่างอะไรกับการเข้าไปในเขาวงกตขนาดใหญ่
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเวลา
บางทีเมื่อตอนที่เขาไปถึงนิกายสวรรค์เยือกแข็งเวลาอาจจะผ่านไปแล้วหลายสิบปีหรืออาจจะร้อยปีเลยก็ได้
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องลองพึ่งดวงดู ยานบินดาราของข้าเดินทางมากว่าสองเดือนแล้ว ซึ่งในตอนนี้ข้าอยู่ไม่ไกลจากดาวเฟยหยุนเท่าไหร่นัก เพราะงั้นยังพอมีโอกาสอยู่…” หลิงฮันนำปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาและพยายามสำรวจเล่นทางอย่างสุดความสามารถและออกเดินทาง
ครั้งนี้เขาออกเดินทางโดยที่ไม่รู้เส้นทางเลยแม้แต่น้อย
หลิงฮันถอนหายใจซ้ำไปซ้ำมา เขาไม่ได้พักผ่อนเลยในช่วงระยะนี้ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำความเข้าใจกฎแห่งเต๋าภายใต้ต้นสังสารวัฏเพื่อสร้างภูผาวารีสายที่ห้า ตอนนี้ความเข้าใจของเขานั้นลึกซึ้งเป็นอย่างมาก แต่ในด้านการค้นหาดาวเฟยหยุนนั้น เขามืดแปดด้านไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ผ่านไปอีกครึ่งเดือนเขาก็ทำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้เนื่องจากได้รับการชี้แนะจากเซียนหวู่เซียงและการสนับสนุนจากแก่นพลังจ้าวสูร
เขา… กำลังจะทะลวงผ่าน!
ไม่ได้ระดับสุริยันต์จันทราแต่เป็นขั้นสมบูรณ์ของระดับภูผาวารี
เขาก้าวหน้าไปเร็วเกินไปรึเปล่า?
ไม่เลยแม้แต่น้อย!
ต้องรู้ว่าหลิงฮันนั้นครอบครองต้นสังสารวัฏและตั้งแต่ที่เขาออกจากดาวสุสานมา เขาก็ทำความเข้าใจใต้ต้นสังสารวัฏไปเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว
หลิงฮันเก็บอุปกรณ์บินแหวกเมฆาและยืนอย่างสง่าอยู่กลางอวกาศ
‘ครืน ครืน ครืน’ บททดสอบสายฟ้าสวรรค์ปรากฏขึ้นตามคาด สิ่งนี้คืออำนาจที่เหนือสรรพสิ่ง ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงจากบททดสอบสายฟ้าสวรรค์ไปได้
หลิงฮัยถอนหายใจ เวลาผ่านไปเพียงราวๆหนึ่งปีเขาก็ต้องสัมผัสกับความทรมานเช่นนี้อีกแล้ว
ปลดการป้องกันของกายหยาบ!
เขาทำเช่นนี้เพื่อขัดเกลากายหยาบโดยใช้บททดสอบสายฟ้าสวรรค์เป็นตัวช่วย
กายหยาบศักดิ์ศิทธิ์ระดับสี่กับห้าฟังดูแล้วเหมือนจะต่างกันแค่ขั้นเดียว แต่ขนาดจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดที่มีพลังต่อสู้เก้าดาวก็ยังไม่สามารถต่อต้านจอมยุทธระดับสุริยันจันทราที่เพิ่งทะลวงผ่านได้ ความต่างเช่นนี้ก็เหมือนกับความต่างของกายหยาบศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่กับห้า
ก่อนหน้านี้กายหยาบของหลิงฮันสามารถเทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ถึงห้า มีเพียงหลังจากขัดเกลากายหยาบจากบททดสอบสายฟ้าสวรรค์อีกครั้งกายหยาบของเขาถึงจะบรรลุขั้นที่ห้าอย่างสมบูรณ์
เขาพยักหน้าในใจ ถ้าเขาไม่บ่มเพาะพลังจนถึงขีดจำกัดของระดับพลังใหญ่ กายหยาบของเขาก็ไม่จะไม่สามารถทรงพลังที่สุดเช่นกัน
เพียงแค่คิดก็น่ากลัวแล้ว ต่อให้เขาอ่อนแอแค่ไหน แต่ถ้ามีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งต่อให้เขาอ่อนแอ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เพียงแต่ว่าคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์นั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดค้นขึ้นเอง หากเขาเป็นคนที่สองที่บ่มเพาะทักษะนี้แล้วคนแรกล่ะ?
ปรมาจารย์คนนั้นจะต้องตกตายไปแล้ว หอคอยทมิฬจึงต้องหาเจ้านายคนใหม่
ผู้สร้างจะต้องบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์จนบรรลุจุดสูงสุดแล้วเป็นแน่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตกตาย… นั่นหมายถึงจุดสูงสุดของคัมภีร์สวรรค์นิรีนดร์ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของการบ่มเพาะพลังและสามารถถูกทำลายโดยพลังบางอย่างที่แข็งแกร่งกว่า
หลิงฮันรวบรวมความคิด เขาในตอนนี้ยังห่างไกลจากจุสูงสุดที่ว่า ดังนั้นเขาจึงยังไม่ต้องคิดเรื่องนั้นในตอนนี้
กระดูกในร่างของเขาแตกหักเป็นชิ้นเล็กๆจากการขัดเกลาของบททดสอบสายฟ้าสวรรค์
‘ครืน ครืน ครืน’ สายฟ้าส่งเสียงก้องกังวานไปทั่ว กฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพีในอวกาศนั้นเบาบางมากทำให้แม้แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีก็สามารถบินได้ ยิ่งกว่านั้นชั้นมิติก็ยังสามารถูกทำลายได้ง่ายๆ ความเสียหายจากคลื่นสายฟ้าที่กินพื้นที่กว่าสามหมื่นเมตรทำให้บริเวณนี้ราวกับกลายเป็นมหาสมุทรสายฟ้า
ขนาดหลิงฮันยังรู้สึกเลยว่าบดทดสอบครั้งนี้รุนแรงกว่าปกติ มันทรงพลังมากเมื่อเทียบกับบททดสอบก่อนๆ
ภูผาวารีสายที่ห้า จุดสูงสุดที่แท้จริงของระดับภูผาวารีคือสิ่งที่สวรรค์ไม่ยินยอมให้เกิดขึ้นง่ายๆ!
เวลาผ่านไปครึ่งวัน
บททดสอบสายฟ้าสวรรค์สลายไป ความเงียบสงัดที่หวนกลับมาพร้อมกับหลิงฮันที่ยืนแน่นอน
การทะลวงผ่านครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ พลังของเขาไม่ได้ทะยานสูงขึ้น… แต่ประตูบานใหม่ได้เปิดออกสำหรับเขา ประตูที่เปิดออกบานนี้จะพาเขาไปสู่พลังต่อสู้เจ็ดดาว แปดดาว เก้าดาว หรืออาจจะสิบดาว
แต่พลังต่อสู้เขาจะเพิ่มขึ้นไปยังกี่ดาวขึ้นอยู่กับพรสวรรค์และความสามารถในการทำความเข้าใจของเขา
ในระยะที่ห่างไกล แสงสลัวๆไปได้ปรากฏขึ้นและเขามองเห็นยานบินดารากำลังพุ่งมายังทิศทางที่เขาอยู่
ในตอนแรกหลิงฮันตั้งใจจะเข้าไปซ่อนตัวในหอคอยทมิฬ แต่เขาตระหนักได้ก่อนว่ายานบินดาราลำนี้ไม่ใช่คนที่ลอบโจมตีเขาแต่อาจจะเป็นผู้ช่วยชีวิต!
เป็นไปได้ว่าบททดสอบสายฟ้าสวรรค์ก่อนหน้านี้กินพื้นที่กว้างเกินไปทำให้ดึงดูดความสนใจของยานบินดาราลำนี้และบินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ยอดเยี่ยม ทีนี้เขาก็จะได้ไม่ต้องเดินทางอย่างไร้จุดหมายในอวกาศแล้ว
หลิงฮันยิ้ม เรื่องดีๆเกิดขึ้นตามกันมาไม่ขาดสาย
เขานำเม็ดยาเปลี่ยนรูปลักษณ์ออกมาและกลืนลงไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น