Alchemy Emperor of the Divine Dao 1118-1124

ตอนที่ 1118

 

“จากที่แท่นหินอวดดีกล่าวไว้ การทดสอบต่อไปคือเขาวงกต พวกเราจะถูกจับแยกไม่สามารถจับกลุ่มกันได้ เจ้าจะเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬรึไม่?” หลิงฮันถาม


Anchor


สุ่ยเยี่ยนยวี่ครุ่นคิดก่อนจะส่ายหัว “ไม่ ข้าจะผ่านการทดสอบด้วยตนเอง!”


“แต่เจ้าอาจจะพบเจออันตราย” หลิงฮันเตือน


“ข้ารู้” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้าทันทีและมองไปยังหลิงฮัน “ข้าไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเจ้า ข้าอยากจะช่วยเหลือเจ้าได้บ้าง!”


เมื่อรับรู้ถึงความรักจากอีกฝ่าย หลิงฮันก็อดจิตใจหวั่นไหวไม่ได้ “งั้นเจ้าก็ช่วยข้าสร้างเด็กก่อนเป็นอย่างแรก”


“เจ้าอันธพาลตัวเหม็น!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถลึงตามอง


หลิงฮันหัวเราะ เขากำมือของนางและกล่าว “ระวังตัวด้วย!”


“อืม!”


หลิงฮันจูบไปยังหน้าผากของนางและเดินจากไป


สุ่ยเยี่ยนยวี่ชะงักเมื่อพบว่าในกระเป๋าเสื้อของนางมียันต์สองใบใส่เอาไว้ มันคือยันต์อาคมเหล็กไหลกับยันต์อาคมราชสีห์คลั่ง แต่นางยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็พบว่าหลิงฮันเดินหายไปยังมุมของบันไดแล้ว


นางรีบไล่ตามขึ้นไป เมื่อขึ้นมายังชั้นสอง ด้านหน้าของนางก็ปรากฏเป็นกำแพงหินที่แตกแยกเป็นทางเดินออกไปมากมายหลายทาง


เมื่อขึ้นมาชั้นสองแห่งนี้นางก็ถูกแยกกับหลิงฮันโดยไม่รู้ตัว


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกแยกเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ที่เข้ามายังสุสานจอมยุทธระดับภูผาวารี ระดับสุริยันจันทราและดารานั้นก็ถูกจับแยกกันออกไป นางหยิบยันต์ทั้งสองใบขึ้นมาดู หลิงฮันคงเป็นห่วงนางจึงทิ้งยันต์อาคมสองใบนี้เอาไว้


เพราะกลัวว่านางจะปฏิเสธหลังทิ้งยันต์เอาไว้หลิงฮันถึงได้รีบจากไปไม่ปล่อยในนางมีโอกาสพูดอะไรเลย


สุ่ยเยี่ยนยวี่แน่นิ่งไปชั่วครู่ เมื่อคิดได้ว่าหลิงฮันมีหอคอยทมิฬนางก็เบาใจและมองไปยังกำแพงหินตรงหน้า


ในสถานที่เดียวกันคนละมิติ หลิงฮันกำลังตรวจสอบกำแพงหินอยู่


กำแพงหินนี่คือรูปแบบอาคมเขาวงกตไม่ผิดแน่


‘อืม มันขยับได้’ หลิงฮันตรวจสอบไปสักพักก็พบว่ากำแพงหินนั้นจะขยับไปมาด้วยตัวมันเองและเปลี่ยนเส้นทางไปเรื่อยๆ


“ต้องผ่านเขาวงกตภายในหนึ่งชั่วโมง?”


หลิงฮันเผยรอยยิ้มมั่นใจ แม้เขาจะเคยแก้รูปแบบอาคมมากมายในชีวิตที่แล้ว แต่รูปแบบอาคมเช่นนี้เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน แม้รูปแบบอาคมนี้จะแข็งแกร่ง แต่ด้วยระดับพลังที่เพิ่มขึ้นของเขา พลังวิญญาณย่อมแข็งแกร่งขึ้นด้วย


ยิ่งพลังวิญญาณแข็งแกร่งก็จะทำให้ความสามารถในการคาดคะเนวิเคราะห์เพิ่มขึ้น พลังวิญญาณคือกุญแจสำคัญสำหรับการปรุงยา การสร้างหุ่นเชิด รวมถึงการสร้างและทำลายรูปแบบอาคม


เขาจ้องไปยังรูปแบบอาคม ดวงตาของเขาขยับไปมาเพียงเล็กน้อยและรวดเร็ว เขากำลังทำการจดจำรูปแบบการเปลี่ยนเส้นทางของรูปแบบอาคมเพื่อวิเคราะห์


ถ้าเขาเข้าไปในหอคอยทมิฬและวิเคราะห์ใต้ต้นสังสารวัฏ ขอเวลาเพียงไม่กี่วันเขาคงสามารถทำลายรูปแบบอาคมนี้ได้ แต่การทดสอบให้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงถึง


เขาทำการวิเคราะห์ด้วยจิตวิญญาณที่หนักแน่นและเผยรอยยิ้มมุมปาก


“มีการเปลี่ยนเส้นทางทั้งหมดสามสิบหกแบบ มีอยู่เจ็ดทางหากเข้าไปแล้วจะเป็นกับดัก”


“เอาล่ะ”


หลิงฮันเดิมเข้าไปยังเส้นทางของรูปแบบอาคมเขาวงกต


เขาเดินซ้ายขวาอย่างใจเย็น เวลาผ่านไปเพียงราวๆครึ่งชั่วโมงเขาก็ออกจากเขาวงกตได้สำเร็จและพบกับห้องโถงใหญ่ด้านหน้า


เส้าซือซือ ตูอัน และคนอื่นๆมาถึงที่นี่กันเรียบร้อยแล้ว แม้แต่เซี่ยอู๋เฉียนก็อยู่ที่นี่ด้วย แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ยอดเยี่ยมแค่ไหน


เพียงแต่ว่ารูปแบบอาคมเขาวงกตนั้นค่อนข้างเรียบง่ายจึงไม่เห็นความแตกต่างของความสามารถในตัวแต่ละคนมากนัก ถ้าหากความยากของรูปแบบเพิ่มขึ้นกว่านี้มาก บางทีแต่ละคนอาจจะต้องใช้เวลาต่างกันเป็นปีหรือหลายสิบปี


ห้องโถงแห่งนี้ก็มีแท่นหินเช่นกัน


หลิงฮันพยักหน้าให้กับเส้าซือซือและคนอื่นๆก่อนที่จะมองไปยังแท่นหินและกล่าว “ข้าผ่านการทดสอบแล้ว ไหนรางวัลของข้า?”


“เจ้าหนูไร้มารยาท ไม่แม้แต่จะจดจำผู้อาวุโสผู้นี้!” แท่นหินส่งเสียงไม่พอใจ


“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีชื่อว่าอะไร?” หลิงฮันถาม


เส้าซือซือและคนอื่นๆแสดงท่าทีสนใจ พวกเขาเองก็อยากรู้เกี่ยวกับผู้สร้างสุสานแห่งนี้เหมือนกัน ใครกันที่สามารถสร้างสุสานที่อัศจรรย์ขนาดนี้ขึ้นมาได้


“ฮ่าๆๆ ผู้อาวุโสคนนี้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สุดไม่ว่าจะยุคสมัยไหน จงเรียกข้าว่าเซียนไร้เทียมทาน!” แท่นหินกล่าว


เป็นผู้อาวุโสที่ไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย!


ทุกคนส่ายหัวในใจ พวกเขายอมรับว่าสุสานแห่งนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่จะให้กล่าวว่าผู้ที่สร้างนั้นไร้เทียมทานก็เกรงว่าโอ้อวดจะเกินไป


จักรวาลนั้นกว้างใหญ่ เหล่าปรมาจารย์มีมากเหมือนหมู่เมฆ ใครกันจะสามารถเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน?


“โอ้ ที่แท้ก็เป็นผูอาวุโสไร้เทียมทานนี่เอง” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความเคารพแม้แต่น้อย ทำให้ผู้อาวุโสไร้เทียมทานรู้สึกรันทด


“กลุ่มเด็กน้อยทั้งหลาย ความยอดเยี่ยมของข้าน่ะนะ… ช่างมันเถอะ ลูกผู้ชายย่อมไม่โอ้อวดความสำเร็จในอดีต” เซียนไร้เทียมทานกล่าว “รับรางวัลของพวกเจ้าไป”


หลิงฮันจ้องมองและพบว่าที่พื้นที่ขวดเม็ดยาวางอยู่อีกแล้ว


“คราวนี้เม็ดอะไรอีก?” เขาถาม


“เม็ดยาภูผาวารีลายม่วง” เซียนไร้พ่ายกล่าว


“สิ่งนี้อีกแล้ว?” ปากของหลิงฮันกระตุกด้วยท่าทีไม่พอใจอย่างมาก


สำหรับบางคนเม็ดยานับเป็นสิ่งล้ำค่า แต่สำหรับหลิงฮันที่เป็นจักรพรรดิปรุงยาจะมีเม็ดยาใดบ้างที่เขาหลอมไม่ได้?


ดังนั้นรางวัลที่เขาผิดหวังที่สุดย่อมเป็นเม็ดยา โดยเฉพาะเม็ดยาเช่นเม็ดยาภูผาวารีลายม่วง


“ผิดแล้ว ผิดแล้ว ผิดแล้ว” เซียนไร้เทียมทานกล่าวถึงสามครั้ง “นี่ไม่ใช่เม็ดยาภูผาวารีลายม่วงเหมือนครั้งก่อน ผลลัพธ์ของมันยอดเยี่ยมกว่าเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงเหมือนครั้งก่อนหนึ่งดาว”


“ต่อให้พูดสวยหรูยังไงสุดท้ายมันก็ยังเป็นเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงเหมือนอยู่ดี ก็แค่คุณภาพของมันดีกว่าเดิมเล็กน้อย” หลิงฮันส่ายหัว


“ฮึ่ม ถ้างั้นผู้อาวุโสคนนี้ก็ขอคืน” เซียนไร้เทียมทานไม่พอใจยิ่งขึ้น


หลิงฮันรีบคว้าขวดเม็ดยาเอาไว้ ในเมื่อเป็นของฟรีทำไมเขาจะไม่รับไว้?


“การทดสอบชั้นต่อไปคืออะไร?” เขาถาม


เซียนไร้พ่ายเค้นเสียงก่อนจะกล่าว “ด้วยท่าทีไร้ความเคารพของเจ้า คิดว่าข้าจะบอกเจ้างั้นรึ? ฝันไปเถอะ!”


หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “เพียงเพราะคนอื่นเคารพท่าน ในขณะที่ข้าแตกต่างกับคนอื่น ท่านจึงจะไม่ยุติธรรมกับข้างั้นรึ?”

 

 

 


ตอนที่ 1119

 

เส้าซือซือและคนอื่นๆอดรู้สึกชื่นชมหลิงฮันไม่ได้


ถึงแม้เซียนไร้เทียมทานจะสิ้นชีวิตไปนานแล้วและหลงเหลือไว้เพียงความนึกคิด แต่การที่ยังสามารถควบคุมสุสานแห่งนี้ได้อยู่ก็หมายความว่าความนึกคิดของเขายังคงแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับดาราอยู่ดี


เพราะงั้นพวกเขาถึงไม่กล้าทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าอีกฝ่าย


แม้พวกเขาเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะและหยิ่งทะนงในตัวเอง แต่โลกแห่งวรยุทธนั้นคนที่แข็งแกร่งกว่าคือราชา


การที่หลิงฮันกล้าพูดจาโต้แย้งกับอีกฝ่ายทำให้พวกเขาอดคิดว่าไม่ได้ว่าหลิงฮันช่างบ้าบิ่นยิ่งนัก แต่ลึกๆพวกเขาก็ยังแอบชื่นชม


“เห็นแก่ที่เจ้าอ้อนวอนถามข้า งั้นผู้อาวุโสคนนี้จะใจดีบอกให้แล้วกัน” แท่นหินสั่นไหวและส่องประกายเรือนราง “ชั้นที่สามคือการทดสอบแก้อาคมดาบ”


“แก้อาคมดาบ?” หลิงฮันถาม


เซียนไร้เทียมทานแสดงท่าทีไม่สบอารมณ์เล็กน้อยและกล่าว “ไม่เข้าใจงั้นรึ? ก็แค่หากแก้อาคมดาบได้เจ้าก็ผ่านการทดสอบ ทำลายไม่ได้ก็ไม่ผ่านการทดสอบ”


“มีรางวัลหากแก้อาคมดาบได้รึไม่?” หลิงฮันถามต่อ


เซียนไร้เทียมทานกลายเป็นไร้คำพูด นี่ในหัวเจ้าคิดแต่เรื่องรางวัลรึไง?


“โอ้ ลืมไปเถอะ ข้าไม่น่าถามเลย” หลิงฮันกล่าวและยักไหล่ “ยังไงก็คงเป็นเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงอยู่แล้วสินะ? แค่คุณภาพของมันสูงขึ้นทำให้เพิ่มพลังต่อสู้ได้สามดาว”


เซียนไร้พ่ายกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่างก็ต้องหยุดชะงักกลางคัน เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ รางวัลของชั้นสามคือตามที่หลิงฮันบอก


บัดซบ สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ได้ถึงสามดาวเชียวนะ ในการต่อสู้ระดับเดียวกันจะทำให้ได้เปรียบอย่างมาก นี่เจ้ายังไม่พอใจอีกรึ?


แต่เขาเป็นผู้อาวุโส จะลดตัวลงไปทะเลาะกับรุ่นเยาว์ได้อย่างไร?


“รีบๆไปได้เสียที แค่เห็นหน้าเจ้าข้าก็หงุดหงิดแล้ว!” เซียนไร้เทียมทานกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด


“ข้าไม่รีบ ข้าต้องรอคนคนหนึ่งก่อน” หลิงฮันนั่งลงเพื่อรอคอยสุ่ยเยี่ยนยวี่ ถึงแม้ในเขาวงกตจะไม่มีภัยอันตราย แต่ถ้าหากไม่เห็นนางออกมาอย่างปลอดภัยเขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี


เส้าซือซือและคนอื่นไม่รอช้า พวกเขาขึ้นไปยังชั้นสามเพื่อทดสอบแก้อาคมดาบ


หลิงฮันรอเกือบครึ่งชั่วโมงสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ปรากฏตัว


ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความผิดหวัง ถึงแม้นางจะออกมาจากเขาวงกตได้ แต่ก็ใช้เวลาเกินหนึ่งชั่วโมง


ในสำนักนภาสีชาดแม้นางจะไม่ใช่อัจฉริยะแนวหน้า อย่างน้อยนางก็ยังเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ แต่เมื่อมาที่นี่นางกลับพบว่าเป็นเพียงตัวถ่วงหลิงฮัน


“ภรรยาข้า เจ้าจะคิดมากไปทำไม!” หลิงฮันเอื้อมมือไปปลอมให้นางสบายใจ “เมื่อใดที่สามีของเจ้ามีความแข็งแกร่งมากพอ ข้าจะค้นหาสมบัติล้ำค่าที่เมื่อกินเข้าไปจะทำให้เจ้าบรรลุระดับเซียนในรวดเดียว”


สุ่ยเยี่ยนยวี่ถลึงตามองหลิงฮัน นี่เจ้าปลอบข้าหรือทำลายความมั่นใจของข้ากันแน่?


“เหอๆ เจ้าหนูไร้มารยาท เจ้าฝันหวานเกินไปแล้ว คิดรึว่าสมบัติที่ทำให้บรรลุระดับเซียนในรวดเดียวจะได้มาครอบครองง่ายๆ!” จู่ๆเซียนไร้เทียมทานก็พูดแทรก


หลิงฮันรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีและกล่าว “มีสมบัติที่ทำให้บรรลุระดับเซียนอยู่จริงๆรึ?”


เมื่อครู่เขาเพียงแค่ปลอบใจสุ่ยเยี่ยนยวี่เท่านั้น เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีของเช่นนั้นอยู่จริงๆ


“สวรรค์และปฐพีนั้นกว้างใหญ่ มีอะไรบ้างที่เป็นไปไม่ได้?” เซียนไร้เทียมทานกล่าวโดยมีความรู้แฝงอยู่ในคำพูด “สวรรค์และปฐพีอันแสนกว้างใหญ่นี้ แม้แต่สมุนไพรที่ทำให้จอมยุทธระดับเซียนตกตายในไม่กี่ลมหายใจยังมี กับแค่สมบัติที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นเซียนจะน่าตกใจอะไร”


“ดูเหมือนว่าพรสวรรค์จะไม่สำคัญเท่าดวงสินะ” หลิงฮันกล่าว


“พูดอะไรไร้สาระ โชคที่จะได้ครอบครองสมบัติเช่นนั้นแม้แต่หนึ่งในร้อยล้านก็แทบจะไม่เกิดขึ้น! ยิ่งกว่านั้นต่อให้ได้สมบัติที่ว่ามาและกลายเป็นเซียนในก้าวเดียวจริงๆมันก็เท่านั้น ระดับพลังนั่นไม่ได้เกิดจากความเข้าใจในศาสตร์วรยุทธของตัวเอง ทั้งชั่วชีวิตเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพัฒนาพลังต่อไปได้อีก” เซียนไร้เทียมทานกล่าว


หลิงฮันยิ้ม “ข้าเชื่อว่าข้ามีโชคเช่นนั้น! แถมอาจจะไม่ใช่แค่ชิ้นเดียวด้วย”


เซียนไร้เทียมทานแทบจะกระอักโลหิต สมบัติเช่นนั้นอาจจะโผล่มาเพียงครั้งเดียวในรอบพันล้านปีด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่าเจ้าจะครอบครองได้หลายอันงั้นรึ?


“ถ้าเจ้าได้ครอบครองสมุนไพรเช่นนั้นแม้แต่อันเดียว ผู้อาวุโสคนนี้จะยอมเขียนจดหมายแสดงความเคารพให้เจ้าเลย ส่วนถ้าหากเจ้าได้ครอบครองมากกว่าหนึ่ง… ข้าจะยอมเปลี่ยนไปใช้แซ่ของเจ้า!”


“เหอะๆ ไม่ต้องเปลี่ยนแซ่เป็นของข้า! ข้ามีบุตรชายแล้ว” หลิงฮันยิ้มกล่าวปฏิเสธ


เซียนไร้เทียมทานไร้คำพูด รุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก


“รีบๆไปได้แล้ว หรือจะให้ผู้อาวุโสเตะก้นเจ้า!” เขากล่าวอย่างเหลืออด


“เดี๋ยวก่อน ชั้นต่อไปสามารถร่วมมือกันได้รึไม่?” หลิงฮันถาม


“สามารถช่วยกันได้ หากใช้เวลาแก้อาคมดาบไม่นานจะได้รับรางวัล ผู้อาวุโสคนนี้รู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าต้องการที่สุดคือรางวัล เพราะงั้นไม่ต้องถาม”


หลิงฮันตอบกลับด้วยสีหน้าดูถูก “ก็ไม่พ้นเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงอยู่ดี ถึงแม้คุณภาพจะสามดาวก็เถอะ”


“จะ เจ้าเด็กอวดดี!” เซียนไร้พ่ายไม่สบอารมณ์


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้ายังหวังให้ผู้อาวุโสมอบรางวัลอย่างอื่นให้ข้านะ”


“…ไสหัวไป!” เซียนไร้เทียมทานกัดฟันคำรามออกไป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีฟันก็ตาม


เห้อ รางวัลชั้นที่สามก็ยังคงเป็นเม็ดยาภูผาวารีลายม่วง


หลิงฮันบ่นในใจและขึ้นบันไดไปชั้นสามกับสุ่ยเยี่ยนยวี่


ที่ชั้นสามทีคนมากมายยืนอยู่ ทั้งจอมยุทธระดับภูผาวารี ระดับสุริยันจันทราและระดับดารา หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าการทดสอบชั้นหนึ่งสมควรกำจัดผู้เข้าร่วมไปหลายคนแล้วรึไง ทำไมที่นี่ถึงได้ยังมีคนมากมายเช่นนี้


ที่ด้านหน้ามีร่างของใครบางคนเดินเข้าไปและกลับออกมาจากดาบ ดูเหมือนว่าเมื่อดาบถูกกระตุ้น มันจะปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าอัศจรรย์ของสวรรค์และปฐพีออกมา


ต้องแก้อาคมของดาบนี้สินะ?


หลิงฮันมองไปยังดาบ อาคมของดาบไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น


เวลาในการแก้อาคมจะเริ่มเมื่อเข้ามาที่นี่ แต่ละคนเวลาจะเริ่มนับไม่เหมือนกันซึ่งทำให้หลิงฮันรู้สึกตะหงิดใจ


ดาวดวงนี้ใช่สุสานจริงๆรึ?

 

 

 


ตอนที่ 1120

 

หลิงฮันคิดว่าถ้าวันหนึ่งเขาต้องตกตายไป เขาคงไม่มีทางสร้างลูกเล่นมากมายในสุสานของเขา


แล้วถ้านี่เป็นการทดสอบของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง หลิงฮันคงเชื่อสนิทใจ


แต่ถ้าใช้ทำไมไม่ทำให้มันชัดเจนไปเลยล่ะ?


หลิงฮันคิดอยู่ในใจ แต่ก็ปฏิเสธความคิดนั้นทันที ถ้ามันเป็นเรื่องจริง จอมยุทธระดับดาราคงสังหารทุกคนที่นี่ไปหมดแล้ว – ใครจะยอมให้คนอื่นโดดเด่นกว่าตนเอง?


แต่ถ้านิกายสวรรค์เยือกแข็งต้องการรับศิษย์ พวกเขาคงจะไม่รับจอมยุทธที่ทะลวงผ่านระดับดาราแล้ว เพราะพวกเขาต้องการต้นกล้าที่ดีที่สุดหรือผู้สืบทอดที่เหมาะสมที่สุด


– พรสวรรค์ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง หากเลือกทางเดินที่แตกต่างกัน ผู้คนก็จะแตกต่างกัน


ด่านทดสอบทำลายอาคมดาบนั้นง่ายมาก แค่เข้าไปเผชิญหน้ากับเงาร่างมนุษย์และพยายามหาวิธีที่จะทำลายมัน


ในเงาร่างมนุษย์ไม่ได้มาจากพลังก่อเกิด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายมัน แต่ต้องใช้การเคลื่อนไหวเข้าสู้


ถ้าหากผ่านมันไปได้ก็จะได้ไปต่อ แต่ถ้าไม่ผ่านจะถูกส่งกลับไปยังตำแหน่งเดิม


หลิงฮันกวาดสายตามองและเห็นจอมยุทธระดับดาราหายคนอยู่ที่นี่ แต่ไม่เห็นจักรพรรดินีแห่งดาราหายนะ ซึ่งเขาไม่รู้ว่านางแก้ไขอาคมดาบสำเร็จและขึ้นไปชั้นที่สี่แล้ว หรือยังมาไม่ถึงกันแน่


แต่น่าเสียดายที่แห่งนี้มีคนมากเกินไป ไม่เช่นนั้นเขาคงจะเข้าไปในหอคอยทมิฬกับสุ่ยเยี่ยนยวี่และฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎไปแล้ว เวลาหนึ่งวันเท่ากับด้านนอกหนึ่งปี เมื่อออกมาเขาไม่เชื่อว่าทุกคนจะไปกันหมดแล้ว


หลิงฮันถอนหายใจ แม้ว่าเขาจะผ่านด่านนี้ไปได้ด้วยการทำลายสถิติ แต่รางวัลที่เขาได้รับก็ยังคงเป็นเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงเหมือนเดิม


เรื่องพวกนั้นช่างมันเถอะ ข้าควรสนใจเรื่องที่อยู่ตรงหน้าก่อน


หลิงฮันเพ่งความสนใจไปที่อาคมดาบที่รวมรวบพลังแห่งสวรรค์และปฐพีบางอย่างที่ดูลึกลับมาก


อาคมนี้เขาไม่สามารถเรียนรู้ได้เลย


ไม่ใช่เพราะเขามีความเข้าใจไม่เพียงพอ แต่มันต้องใช้พลังแห่งกฎเกณฑ์ที่เหนือกว่าระดับภูผาวารี แต่การที่เขาไม่สามารถเรียนรู้มันได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถทำลายมันได้เสียหน่อย แค่ต้องใช้เวลาเท่านั้น


หลิงฮันพยายามทำความเข้าใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกชื่นชม อาคมดาบนี้มันวิเศษมาก ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเรียนรู้อาคมดาบนี้ได้ แต่เขาก็สามารถเรียนรู้ได้จากมันได้


เต๋าแห่งดาบ?


ในใจของหลิงฮันเกิดความเข้าใจบางอย่าง ถ้าเต๋าแห่งดาบรวมกับทักษะดาบบัญญัติเร็ว แล้วทักษะดาบของเขาจะทรงพลังแค่ไหน?


ทักษะบัญญัติดาบเร็วนั้นทำลายกฎเกณฑ์ แต่เต๋าแห่งดาบนั้นสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ ถ้าทั้งสองรวมกันมันก็จะเกิดแนวทางใหม่ขึ้น


วิถีของตัวเอง!


หลิงฮันพยักหน้าอยู่ในใจ เขาอยากจะสร้างทักษะของตัวเองอยู่เสมอ แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะทำเช่นนั้น แต่ตอนนี้เขาเห็นแสงสว่างที่จะทำสำเร็จและทำให้เขามีความเข้าใจอย่างชัดเจน


มันยอดเยี่ยมมาก!


หลิงฮันพยายามทำความเข้าใจมัน ตอนนี้เขาไม่รีบร้อนที่จะทำลายอาคมดาบ แต่พยายามค้นหาวิธีการทำงานของมัน


ยิ่งเขามีความเข้าใจลึกซึ้งมากเท่าไหร่ มันก็จะทำให้เขามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้มากขึ้นเท่านั้น และนั่นทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก


หลิงฮันศึกษามันจนลืมเวลา ผู้คนที่นี่บางคนทำลายอาคมดาบสำเร็จและขึ้นไปชั้นต่อไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังคงมีผู้มาใหม่มาอย่างไม่ขาดสาย


ไม่มีใครรู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ถ้าเขาไม่ถูกสุ่ยเยี่ยนยวี่ปลุกสติของเขาคงไม่กลับมา เพราะหลิงฮันไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย ซึ่งทำให้นางคิดว่ามันแปลกและรู้สึกสับสน


หลิงฮันพบว่าเส้าซือซือ ตู่อันและคนอื่นๆได้จากไปนานแล้ว


“ถึงพวกเจ้าจะนำหน้าไปก่อน แต่คนที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากที่สุดคือข้า” หลิงฮันหัวเราะ


สุ่ยเยี่ยนยวี่จ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาที่สดใสและพูดว่า “เจ้ากำลังเรียนรู้การเคลื่อนไหวของอาคมดาบหรือ?”


หลิงฮันหัวเราะ “สมแล้วที่เป็นภรรยาข้า เจ้าเริ่มรู้ใจข้ามากขึ้นเรื่อยๆแล้วสินะ ใช่แล้วข้ากำลังเรียนรู้จากมันอยู่”


สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า นางเข้าใจดีว่าหลิงฮันมีความเข้าใจมากแค่ไหนและเขาแตกต่างจากคนอื่น


“ถ้างั้นข้าจะไปก่อน” นางกล่าว


“อืม!” หลิงฮันพยักหน้า


สุ่ยเยี่ยนยวี่เข้าไปรับการทดสอบ แต่น่าเสียดายที่นางล้มเหลว


“ข้ามั่นใจว่าข้าจะสามารถทำลายอาคมดาบนี้ได้ภายในสามวัน” นางกล่าวอย่างไม่ย่อท้อ


หลิงฮันพยักหน้าและยังคงพยายามทำความเข้าใจ ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับรางวัล แต่เขาก็ไม่สนใจ โอกาสที่จะได้ทำความเข้าใจเต๋าแห่งดาบนั้นล้ำค่ามาก ซึ่งไม่รู้ว่ามีค่ากว่าของรางวัลไม่รู้กี่เท่า


หลิงฮันลืมเวลาอีกครั้ง และผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นยืน


เขาไม่มีอะไรที่ต้องเรียนรู้จากมันอีกแล้ว และบทเรียนสุดท้ายคือการเผชิญหน้ากับมันโดยตรง


หลิงฮันเผยรอยยิ้มที่มั่นใจ เขาได้ปลูกเมล็ดในใจของเขา วันหนึ่งเมล็ดดังกล่าวจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่และจะนำพาเขาไปสู่วิถีวรยุทธของตัวเอง


เขาเดินไปข้างหน้าเพื่อท้าทายกับเงาร่างมนุษย์ตัวต่อตัว


ร่างเงานั้นไร้ซึ่งความรู้สึก มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต และโจมตีด้วยดาบทันที


หลิงฮันนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาและสังเกตดูการเคลื่อนไหวของมัน


ดาบของร่างเงาหยุดอยู่ที่ลำคอของหลิงฮัน และดาบอสูรนิรันดร์ก็หยุดอยู่ที่ลำคอของร่างเงา


หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาก็ปรากฏตัวในสถานที่ใหม่


ผ่าน


มันแปลกมาก ทั้งที่หลิงฮันไม่ได้คิดถึงวิธีที่จะทำลายอาคมดาบเลย แต่หลังจากที่ศึกษามันเป็นเวลานาน จึงทำให้เขารู้ว่าจะรับมือกับมันได้อย่างไร


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหนู ครั้งนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องรางวัลอะไรจากข้า” มีแท่นหินอยู่ที่นี่และเสียงของเซียนไร้เทียมทานก็ดังออกมาจากแท่นหินด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข เมื่อเห็นหลิงฮันไม่ได้รับรางวัล


หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ใช่ ข้าพลาดรางวัลไป แต่ของรางวัลชั้นที่สี่และชั้นที่ห้าคงไม่ใช่เม็ดยาหรอกใช่หรือไม่?”


“ถูกต้อง เจ้าเดาถูก” เซียนไร้เทียมทานหัวเราะ “เพราะอย่างไรเสีย เม็ดยาภูผาวารีลายม่วงมีประสิทธิภาพมากที่สุดคือสิบดาว สามารถยกระดับพลังของผู้ใช้ได้มากที่สุดแค่สิบดาวเท่านั้น”


หลิงฮันคิดว่ามันแปลกและพูดว่า “ถ้าข้ามีพลังต่อสู้ห้าดดาว ข้าจะมีพลังต่อสู้สิบห้าดาวหรือไม่ถ้าใช้เม็ดยาภูผาวารีลายม่วงสิบดาว?”

 

 

 


ตอนที่ 1121

 

“เรื่องเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้!” เซียนไร้เทียมทานส่ายหัว “พลังต่อสู้สิบดาวคือจุดสูงสุดที่ไม่อาจข้ามผ่านได้แล้ว ถ้าเจ้ามีพลังต่อสู้สิบดาว ต่อให้กินเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงเข้าไปก็ไม่มีผล”


“อืม” หลิงฮันพยักหน้า เขาไม่มีความสนใจเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงแม้แต่น้อยเพราะเขามั่นใจว่าตนเองจะสามารถขัดเกลาพลังต่อสู้จนบรรลุจุดสมบูรณ์ของระดับภูผาวารีได้


ข้าสามารถมีพลังต่อสู้สิบดาวได้ด้วยตัวเองทำไมต้องพึ่งพาสิ่งของนอกกายด้วย?


จอมยุทธจะแข็งแกร่งได้อย่างแท้จริงนั้นต้องพึ่งพลังตนเองไม่ได้สิ่งของนอกกาย


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ของรางวัลมีแต่เม็ดยาภูผาวารีลายม่วงตลอด ช่วยเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้รึไม่?”


“รางวัลอย่างอื่น… เจ้าต้องขึ้นไปยังชั้นที่เก้าให้ได้เสียก่อน!” เซียนไร้เทียมทานกล่าว


“ที่นั่นข้าจะได้รางวัลอะไร?” ตาหลิงฮันส่องประกาย


เซียนไร้เทียมทานกล่าว “เจ้าบอกเจ้าไม่ใช่คนโลภ แต่คราวนี้กลับเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว?”


“ข้าจะสงสัยหน่อยไม่ได้รึไง?” หลิงฮันยิ้ม


“เจ้าเชื่อในเรื่องวิญญาณรึไม่?” เซียนไร้เทียมทานกล่าวด้วยสีหน้าเยาะเย้ย


หลิงฮันหัวเราะ “ท่านเป็นผู้อาวุโส ไม่ควรจะพูดล้อเล่นกับรุ่นเยาว์นะ”


เขาสนใจและกล่าว “ชั้นที่สี่คือการทดสอบอะไร?”


“ฮึ่ม จากชั้นที่สี่จนถึงชั้นที่เก้าเป็นการทดสอบแบบเดียวกัน การทดสอบเองก็ง่ายมาก เจ้าจะต้องทดสอบความแข็งแกร่งหรือความถึกของตัวเอง สำหรับรางวัลในชั้นสุดท้ายนั้นต้องผ่านไปให้ถึงที่นั่นเสียก่อนข้าถึงจะบอก เจ้าคิดว่าตนเองจะโชคดีไปถึงชั้นเก้าได้?” เซียนไร้พ่ายกล่าว


“ไม่น่าสนใจเสียเลย” หลิงฮันส่ายหัว เขาหวังว่าจะได้แก้อาคมดาบอีกเพื่อขัดเกลาให้ความเข้าใจในศาสตร์แห่งดาบของเขาเพิ่มสูงขึ้น


“เจ้าผ่านไปถึงชั้นเก้าให้ได้เสียก่อนค่อยมาบ่น” เซียนไร้เทียมทานเค้นเสียง “รีบๆไปได้แล้ว ผู้อาวุโสคนนี้ไม่อยากมองเด็กน้อยน่ารำคาญเช่นเจ้า”


หลิงฮันแสดงท่าทีมั่นใจก่อนจะขึ้นบันไดไปยังชั้นที่สี่


ที่ชั้นนี้เป็นห้องว่างเปล่าที่มีหุ่นรูปปั้นหินสองตัวยืนอยู่ ที่ด้านข้างมีนาฬิกาทรายที่เพิ่งเริ่มนับเวลาตั้งเอาไว้เช่นกัน


บริเวณหน้าอกของรูปปั้นตัวหนึ่งมีคำว่า ‘เจ้าโจมตีข้า’ เขียนเอาไว้ ในขณะที่อีกตัวมีคำว่า ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ เขียนเอาไว้


หลิงฮันเดินเข้าไปยังรูปปัน ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ และปล่อยหมัดใส่ ‘ตูม’ รูปปั้นหินถูกหมัดกระแทกทันที ในขณะที่เขาคิดจะปล่อยหมัดต่อไปเขาก็เห็นรูปปั้นหินปรากฏคำว่า ‘ผ่าน’


แค่รูปปั้นตัวเดียว?


หลิงฮันประหลาดใจ แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะลอง ‘เจ้าโจมตีข้า’ จึงเดินออกจากชั้นที่สี่


“ผ่านด่านเร็วเพียงนี้?” เสียงของเซียนไร้เทียมทานค่อนข้างไม่พอใจ “เอานี่ รับรางวัลแล้วรีบไสหัวไป!”


เหอๆ ข้าจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว


หลิงฮันไม่หยุดและมุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นห้าทันที


รูปปั้นหิน ‘เจ้าโจมตีข้า’ กับ ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ ยังคงอยู่เหมือนเดิม


หลิงฮันไม่อยากถูกทุบตี แน่นอนว่าเขาต้องเลือก ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’


เขาปล่อยหมัดออกไปใส่รูปปั้นหิน แม้จะปรากฏคำว่าผ่านแต่เขากลับพบว่ารูปปั้นหินนั้นแข็งแกร่งกว่าเดิม


ยิ่งขึ้นหอคอยชั้นสูงขึ้นรูปปั้นหินก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย ถึงแม้เขาจะยังไม่เคยลองรูปปั้นหิน ‘เจ้าโจมตีข้า’ แต่เขาก็มั่นใจว่าพลังโจมตีของมันต้องทรงพลังขึ้นเช่นกัน


หรือการทดสอบที่ผ่านมาจะเป็นการเลือกผู้สืบทอด?


หลิงฮันไม่รังเกียจที่จะรับสืบทอดสมบัติจากตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งซึ่งเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ปรมาจารย์สามวิถีและจอมยุทธคนอื่นๆที่มาที่นี่ต้องอยากได้มรดกสืบทอดจนบ้าคลั่งแน่ เพียงแต่ว่าเซียนไร้เทียมทานไม่ชอบขี้หน้าเขาไม่ใช่รึไง?


ช่างมันเถอะ จะได้มรดกสืบทอดรึไม่ก็ไปให้ถึงชั้นบนสุดก่อน


เมื่อรับรางวัลเสร็จหลิงฮันก็ขึ้นไปยังชั้นที่หก


ตูม!


เขาโจมตีใส่รูปปั้น ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ แต่รูปปั้นหินไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย


หลิงฮันตกตะลึงมาก ด้วยพลังของเขาในตอนนี้สมควรจะมีพลังต่อสู้เกือบๆหกดาว ถ้าหากรูปปั้นหินมีระดับพลังเดียวกับคนที่โจมตีก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จอมยุทธระดับภูผาวารีจะผ่านรูปปั้นหินชั้นนี้ได้


พลังต่อสู้หกดาวผ่านชั้นนี้ไม่ได้?


หลิงฮันใช้งานอักขระศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิวและปล่อยหมัดเพลิงเข้าใส่รูปปั้น ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ แม้เปลวเพลิงจะทำการเผาไม้รูปปั้นหินแต่นั่นไม่นับเป็นพลังโจมตีโดยตรงจากหมัด


เมื่อเขาคิดจะใช้เม็ดยาภูผาวารีลายม่วงก็พบว่าอุปกรณ์มิติถูกสั่งห้ามไม่ให้ใช้ เพื่อที่ไม่ให้เซียนไร้เทียมทานพบว่าเขามีหอคอยทมิฬเขาจึงเก็บเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงเอาไว้ในแหวนมิติแทน


ดูเหมือนว่าการทดสอบจะต้องพึ่งพลังของตนเองเท่านั้น


หลิงฮันใช้ทักษะบัญญัติดาบไวออกไป แต่ต่อให้เป็นทักษะบัญญัติดาบไวก็ไม่สามารถทำให้พลังต่อสู้ของเขาเกินหกดาว


ยังไม่ผ่าน


หลิงฮันถอยหลังออกมาหลายก้าวและยิงศรฆ่ามังกรทะลวงดาราออกไป ‘พรึบ’ เขาใช้แขนตนเองแทนคันศรและใช้ปราณก่อเกิดควบแน่นเป็นลูกศร แต่การโจมตีก็ไร้ผล รูปปั้นหินยังคงยืนแน่นิ่ง


ครั้งนี้เขาตกตะลึกมากขึ้นเล็กน้อย


ขนาดพลังต่อสู้หกดาวผสานกับทักษะลับยังไม่สามารถผ่านการทดสอบได้!


เวลาของนาฬิกาทรายผ่านไปสามส่วนแล้ว


ถ้าหากเวลาของนาฬิกาทรายหมดนั่นหมายถึงเขาทดสอบล้มเหลว เขาไม่เห็นใครที่ชั้นหี้ ซึ่งหมายถึงหากเขาล้มเหลวก็จะถูกส่งกลับไปชั้นหนึ่ง


“เช่นนั้นก็ใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มพิกัด!”


ทักษะนี้นั้นไม่เพียงจะดูดพลังปราณในร่างของเขาจนแห้งเหือด แต่ลูกศรที่พุ่งออกไปนั้นจะรวดเร็ว และมีพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวมาก


ถ้าการโจมตีนี้ยังไม่ได้ผล หลิงฮันก็คงต้องยอมถูกทุบตี


หลิงฮันสูดหายใจและเริ่มควบแน่นลูกศร


‘พรึบ’ ลูกศรปราณก่อเกิดถูกยิงออกไปราวกับคลื่นวารี


‘ตูม’ รูปปั้นหินถูกยิงทันที


ผ่าน!


หลิงฮันเผยรอยยิ้มก่อนที่จะนั่งลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง


ผ่านไปสักพักเมื่อเขาฟื้นฟูพลังกายได้เล็กน้อยเขาก็ยืนขึ้นและเดินออกจากชั้นนี้


“เจ้าหนู เจ้าทำให้ผู้อาวุโสประหลาดใจไม่น้อย ข้าไม่คาดคิดเลยว่าพลังต่อสู้ที่น้อยกว่าหกดาวของเจ้าจะผ่านหอคอยชั้นที่หกได้” เซียนไร้เทียมทานกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม


“ก็ธรรมดา” หลิงฮันตอบอย่างเจียมตัวแต่ใบหน้าเขากลับปกปิดความภูมิใจไม่มิด


“ฮ่าๆ หลังจากนี้ผู้อาวุโสผู้นี้จะจับตาดูเจ้าเอาไว้ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะผ่านหอคอยชั้นที่เจ็ดได้”

 

 

 


ตอนที่ 1122

 

ที่ชั้นนี้หลิงฮันพบกับเส้าซือซือและคนอื่นๆอีกครั้ง นอกจากนี้ก็ยังมีจอมยุทธคนอื่นๆที่เป็นรุ่นอาวุโสระดับดาราไม่ก็สุริยันจันทรา


แน่นอนว่าหลังจากผ่านชั้นหกแล้วทุกคนย่อมระมัดระวังในชั้นต่อมา ถ้าฟื้นฟูพลังของตนเองให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดไม่มีทางผ่านชั้นที่เจ็ดแน่


ที่หลิงฮันไม่สนใจเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงก็เพราะเมื่อมีพลังระดับสุริยันจันทราหรือระดับดาราแล้ว เม็ดยานี้ยังจะมีประโยชน์อยู่รึไง?


ที่จริงด้วยพลังของเม็ดยาภูผาวารีลายม่วง ถ้าหากจักรพรรดินีแห่งดาราสามารถใช้ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงพลังต่อสู้ที่จะเพิ่มขึ้นสี่ถึงห้าดาวเลย ขอแค่นางมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นอีกดาวเดียวก็เพียงพอที่จะช่วยให้นางเหยียบย่ำดวงดาวเหอหนิงภายในระยะหนึ่งชั่วโมงที่เม็ดยาออกฤทธิ์


หลิงฮันไม่เห็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกเพราะนางจะถูกส่งกลับไปชั้นหนึ่งแล้ว นางเป็นอัจฉริยะสองดาวเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านการทดสอบมาถึงชั้นนี้


ที่ชั้นเจ็ดนี้หลิงฮันไม่ลังเลที่จะใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราสูงสุดออกไปอีกครั้ง


‘ตูมม’ รูปปั้นหินล้มลงทันที แต่นั่นก็แค่ล้มเท่านั้น ไม่ได้กระเด็นถอยหลังเหมือนชั้นก่อน


หลิงฮันส่ายหัวในใจ ดูเหมือนว่าเส้นทางที่เขาจะเป็นฝ่ายโจมตีคงต้องหยุดลงแล้ว รูปปั้นหินชั้นที่แปดขึ้นไปไม่ใช่สิ่งที่ลูกศรสูงสุดจะโจมตีให้ล้มได้นอกเสียจากว่าเขาจะมีพลังต่อสู้เจ็ดหรือแปดดาว


ส่วนชั้นเก้าน่ะรึ?


บางทีคงต้องมีพลังต่อสู้เก้าถึงสิบดาว!


โชคดีที่นอกจาก ‘เจ้าโจมตีข้า’ แล้วยังมีรูปปั้นหิน ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ อยู่อีกตัว แม้หลิงฮันจะไม่อยากถูกทุบตี แต่เขาก็อยากรู้ว่ารางวัลที่จะได้รับหลังผ่านหอคอยชั้นเก้าคืออะไร


เขาเดินผ่านชั้นเจ็ด… ที่ห้องโถงก่อนขึ้นชั้นแปดไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว


ต่อให้เป็นอัจฉริยะอย่างพวกเส้าซือซือที่ถูกส่งไปยังโลกใบเล็กเพื่อเปิดสวรรค์จนขัดเกลารากฐานของระดับพลังจนถึงจุดสูงสุดได้ก็ยังไม่สามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้สำเร็จและมีพลังต่อสู้ติดคอขวดอยู่ที่หกดาว


พลังต่อสู้หกดาวที่ผสานกับทักษะลับบางอย่างอาจจะพอช่วยให้มีผ่านชั้นเจ็ดได้แบบเฉียบฉิว แต่การจะผ่านชั้นแปดให้สำเร็จนั้นเป็นไปไม่ได้เลย


ที่ห้องโถงแห่งนี้มีแท่นหินอยู่เหมือนกัน แต่เซียนไร้เทียมทานกลับวางขวดเม็ดยาที่เป็นรางวัลไว้เฉยๆโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะอับอายเพราะถูกหักหน้า เนื่องจากเมื่อครู่เขาบอกไปว่าหลิงฮันไม่มีทางผ่านชั้นที่เจ็ดได้เด็ดขาด


หลิงฮันยิ้มและเก็บขวดเม็ดยาขึ้นมาซึ่งขวดเม็ดยาไม่สามารถเปิดฝาออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าการใช้เม็ดยาเป็นตัวช่วยเพื่อผ่านการทดสอบจะเป็นไปไม่ได้


เขาไม่ชวนเซียนไร้เทียมทานทะเลาะและนั่งฟื้นฟูพลังอยู่เงียบๆ เขาถือผลึกก่อเกิดไว้ในมือพร้อมกับโคจรทักษะหกธาตุผสานเป็นหนึ่งเพื่อดูดซับพลังงานจากผลึกก่อเกิดมาช่วยให้ฟื้นฟูพลังไวขึ้น


หลังจากผ่านไปเกือบๆหนึ่งชั่วโมงหลิงฮันก็ลุกขึ้นยืนและเดินขึ้นไปยังชั้นแปด


ครั้งนี้เขาเลือกรูปปั้น ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ ตัวเขาจะมีพลังต่อสู้เพียงเกือบๆหกดาว แต่ถ้าหากเป็นในด้านของพลังป้องกันล่ะจะมีกี่ดาว?


‘เอาล่ะ เข้ามาเลย’


เมื่อเขาเลือก ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ รูปปั้นหินก็เคลื่อนไหวและปล่อยหมัดเข้าใส่


‘ตูม!’


หลิงฮันถูกซัดกระเด็นทันที แต่ก่อนที่เขาจะร่วงลงสู่พื้นรูปปั้นหินก็ไล่ตามมาและปล่อยหมัดต่อเนื่อง


ทั้งเร็วและหนักหน่วง!


แต่แล้วยังไง?


พลังป้องกันของเขาเทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ หากจะทำให้เขาบาดเจ็บได้ต้องเป็นการโจมตีของระดับสุริยันจันทราขึ้นไป


หลิงฮันทำได้เพียงรับการโจมตี ภายใต้การกระหน่ำหมัดของรูปปั้นหินหลิงฮันไม่มีพลังที่จะตอบโต้แม้แต่น้อย สิ่งที่เขาสามารถทำได้มีเพียงป้องกันใบหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ในเมื่อเขามีชะตาต้องถูกทุบตีอยู่ฝ่ายเดียว อย่างน้อยก็ขอป้องกันใบหน้าหล่อๆเอาไว้บ้าง


จนกระทั่งนาฬิกาทรายหมดเวลา รูปปั้นหินก็ถอยกลับและปรากฏข้อความ ‘ผ่าน’


เขาเดินออกจากชั้นแปดพร้อมกับแท่นหินที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าอีกครั้ง แต่คราวนี้มีคนอีกคนหนึ่งอยู่ทีนี่ด้วย


จักรพรรดินีแห่งดารา!


น่าตะลึงอย่างยิ่งที่จักรพรรดินีแห่งดาราสามารถผ่านมาถึงที่นี่ได้ นางเลือกเส้นทางเป็นฝ่ายโจมตีหรือป้องกันกันแน่?


หลิงฮันไม่เชื่อว่านางจะเลือกป้องกัน เพราะอย่างไรทักษะอย่างคัมภีร์สวรรค์นิรนดร์นั้นพิเศษอย่างมาก แต่ถ้านางเลือกจมตี พลังของจักรพรรดินีแห่งดาราคงจะน่าสะพรึงอย่างคาดไม่ถึง แต่เช่นนั้นแล้วด้วยพลังของนางที่เพียงพอจะกวาดล้างอีกสองจักรวรรดิราชวงศ์ทำไมนางถึงไม่เลือกครอบครองดาวเหอหนิง?


เป็นไปได้ที่อีกสองจักรวรรดิราชวงศ์ที่ตั้งรากฐานมายาวนานอาจจะมีรูปแบบอาคมขนาดใหญ่สุดทรงพลังที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ แม้รูปแบบอาคมที่ว่าจะไม่มีพลังทำลายที่แข็งแกร่ง แต่ก็เพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีของจักรพรรดินีแห่งดารา


เหตุผลที่สามจักรวรรดิราชวงศ์อยู่กับอย่างสันติมาเป็นเวลากว่าล้านปี เป็นไปได้ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้


จักรพรรดินีแห่งดารามองเห็นหลิงฮันเช่นกัน ใบหน้าอันงดงามภายใต้ปราณที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้แสดงท่าทีตกตะลึง นางไม่คาดคิดว่าจะมีคนอื่นสามารถผ่านชั้นแปดขึ้นมาได้ แถมคนที่ว่ายังเป็นหลิงฮันอีก


ในใจของนางเต็มด้วยจิตสังหาร นางไม่สัมผัสดูดเลือดของบุรุษมาก่อน แถมนางยังเป็นฝ่ายกัดคอีอกฝ่ายด้วย ที่น่าอายที่สุดก็คือ… นางถูกจับหน้าอก!


อภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้วนอยู่ในหัว นางก็ไม่สามารถปกปิดจิตสังหารได้อีกต่อไปและปล่อยฝ่ามือโจมตี


เมื่อจอมยุทธระดับดาราลงมือ สวรรค์และปฐพีราวกับจะล่มสลาย


“หยุด!” แท่นหินคำราม ทันใดนั้นการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวก็สลายไป “ถึงแม้ผู้อาวุโสคนนี้จะไม่ชอบขี้หน้าเจ้าหนูนั่น ภายในหอคอยแห่งนี้ทุกคนเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ชั้นดี ต่อหน้าผู้อาวุโสคนนี้จะไม่มีใครตายเด็ดขาด!”


หลิงฮันจิตใจสั่นสะท้าน งั้นถ้าหากข้าอยู่ด้านนอกล่ะ?


จักรพรรดินีแห่งดาราจ้องหลิงฮันเขม็งแต่ไม่ได้ลงมือต่อ


นางรู้ว่าที่นี่ไม่สามารถสังหารหลิงฮันได้จึงเลือกที่จะไม่เปลืองแรง เพียงแต่ว่าการที่ตัวอันธพาลที่ทำอนาจารนางยืนอยู่ตรงหน้าแท้ๆ นางกลับทำได้เพียงมองดูอยู่เฉยๆนั้น ทำให้จักรพรรดินีแห่งดารารู้สึกเกรี้ยวกราดอย่างมาก


“เหลือแค่การทดสอบสุดท้าย รีบๆไปเสียที ผู้อาวุโสคนนี้จะรอไม่ไหวแล้ว!” เซียนไร้เทียมทานกล่าว “เร็วๆเข้า ถ้าพวกเจ้าผ่านการทดสอบ ข้าจะมอบสิ่งที่พวกเจ้าต้องตะลึงให้”


จักรพรรดินีแห่งดาราเดินอย่างไม่แยแสขึ้นบันไดไปยังชั้นเก้า เป้าหมายตอนนี้ของนางคือออกจากหอคอยแห่งนี้ให้เร็วที่สุดแล้วค่อยสังหารหลิงฮัน


หลิงฮันส่ายหัว ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เขาจำเป็นต้องพึ่งหอคอยทมิฬแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 1123

 

ที่ชั้นเก้าเป็นการทดสอบสุดท้ายและมีรูปปั้นสองตัวตั้งอยู่


รูปปั้นทั้งสองยังคงเป็น ‘เจ้าโจมตีข้า’ กับ ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’


แน่นอนว่าจักรพรรดดินีแห่งดาราเลือก ‘เจ้าโจมตีข้า’ ส่วนหลิงฮันนั้นต้องยอมจำใจเลือก ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ ซึ่งเขารู้สึกหดหู่มาก แต่ใครใช้ให้เขายังสร้างภูผาวารีสายที่ห้าไม่ได้และขัดเกลาพลังต่อสู้ไม่ถึงขีดจำกัดสูงสุดล่ะ?


แต่ว่าการที่พลังต่อสู้ของจักรพรรดินีแห่งดาราสามารถผ่านชั้นที่แปดมาได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรยย์มาก


หลิงฮันจ้องไปยังอีกฝ่ายเพื่อการต้องยืนยันพลังของจักรพรรดินีแห่งดารา


‘พรึบ’ ดวงดาวสี่ดวงปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของนางพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งบรรพกาล


“โอ้ ทั้งระดับสุริยันจันทราและระดับภูผาวารีของเจ้าล้วนแต่ถูกขัดเกลาจนถึงจุดสุดยอด ถึงแม้เจ้าจะยังสร้างดวงดาวดวงที่เก้าไม่สำเร็จ แต่ก็สมควรมีพลังต่อสู้เก้าดาว!” เสียงของเซียนไร้พ่ายดังขึ้นโดยที่ปกปิดความรู้สึกตื่นเต้นไม่มิด


หลิงฮันตกตะลึง ที่แท้จักรพรรดินีก็มีพรสวรรค์ที่น่ากลัวถึงเพียงนี้?


อัจฉริยะห้าดาวกล่าวว่ามีเพียงแค่ในตำนาน แต่พลังของจักรพรรดินีกลับแข็งแกร่งถึงเก้าดาว


ถ้าหากนางสร้างดวงดาวอีกดวงขึ้นมาได้ พลังบ่มเพาะระดับดาราของนางจะถูกขัดเกลาจนสมบูรณ์


“แต่ก็แปลก ผู้อาวุโสคนนี้รู้สึกว่าเจ้าควรจะมีภูผาวารีห้าสาย สุริยันจันทราห้าดวง แต่พลังของเจ้ากลับไม่แข็งแกร่งตามที่ข้าคิด!” เสียงของเซียนไร้เทียมทานดังขึ้นอีกครั้ง


“ผู้อาวุโสสร้างหอคอยแห่งนี้ขึ้นเพื่อทดสอบพลัง ตราบที่มีพลังต่อสู้ถึงแปดดาวก็จะผ่านการทดสอบได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เจ้าที่มีพลังต่อสู้เก้าดาวกลับต้องใช้ความพยายามเล็กน้อยในการผ่านชั้นแปด น่าแปลกจริงๆ”


เซียนไร้เทียมทานสงสัย แม้แต่ตัวตนระดับสูงเช่นเขายังมึนงงเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าจักรพรรดินีแห่งดาราต้องมีความลับอะไรสักอย่างซ่อนไว้แน่นอน


จักรพรรดินีแห่งดารานั้นเมื่อหนึ่งล้านปีก่อนจู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมกับก่อตั้งจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะซึ่งเป็นหนึ่งในสามขุมอำนาจใหญ่ของดาวเหอหนิง แต่ตัวของจักรพรรดินีนั้นราวกับว่านางโผล่ขึ้นจากอากาศที่ว่างเปล่า ไม่มีใครรู้ต้นกำเนิดที่มาของนางแม้แต่คนเดียว


เบื้องหลังการเติบโตที่รวดเร็วของนางต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่อยู่แน่แท้


จักรพรรดินีแห่งดาราไม่กล่าวตอบ ต่อให้อยู่ต่อหน้าปรมาจารย์เฒ่าเช่นเซียนไร้เทียมทาน ท่าทีของนางก็ยังคงไม่แยแส นางโคจรพลังแห่งดารามาที่ฝ่ามือ อักขระศักดิ์มากมายถูกปลดปล่อยออกมา ลองนับแล้วอักขระมีมากมายราวๆสี่พันกว่าๆ


อักขระศักดิ์สิทธิ์สี่พันกว่าเรียกได้ว่าทรงพลังมาก แต่ขีดจำกัดของอักขระของระดับดารานั้นมีขีดจำกัดอยู่ที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าอักขระ


เซียนไร้เทียมทานไม่เข้าใจ หรือที่จริงจักรพรรดินีแห่งดาราจะมีพลังไม่ถึงเก้าดาว? แม้เขาจะเป็นเซียนขั้นแรกเริ่ม แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมองพลาด


ดูเหมือนว่าจักรพรรดินีจะลงมือเต็มพลัง พลังปราณของนางปั่นป่วน เสื้อคลุมด้านหลังพลิ้วไหว ผมยาวสีดำสยายออก ดูแล้วช่างงดงามและองอาจ


เกรงว่าในโลกนี้คงมีเพียงนางคนเดียวที่ความองอาจและความงดงามผสานกันอย่างลงตัว


ในแววตาของจักรพรรดินีสะท้อนถึงภาพแห่งการทำลายล้าง แต่ด้วยปราณที่ปกคลุมใบหน้านางเอาไว้หลิงฮันถึงมองไม่เห็น แต่ในด้านของเซียนไร้เทียมทานนั้น เขาเหลือบมองไปที่นางและกล่าว “อืมม ความรูสึกที่สัมผัสผู้อาวุโสรู้สึกคุ้นๆ แต่ก็เจ้าไม่ได้ว่าเคยพบเจอที่ไหน”


หลิงฮันประหลาดใจ ปรมาจารย์เช่นเซียนไร้เทียมทานที่มีจิตวิญญาณแข็งแกร่งไม่มีทางมีความจำที่แย่แน่นอน การที่เขาจำอะไรสักอย่างไม่ได้นั้น ความทรงจำทีว่าต้องผ่านมานานขนาดไหนกัน?


ตูม!


จักรพรรดินีแห่งดาราลงมือ ฝ่ามือที่เรียบเนียนดั่งหยกถูกผลักออกไป พลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวของฝ่ามือราวทำจะทำให้โลกล่มสลาย ขนาดอยู่ในมิติของหอคอย บริเวณด้านบนของชั้นมิติยังปรากฏรูร้าวสีดำ ฝ่ามือของนางราวกับจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง


แข็งแกร่ง นี่น่ะรึพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าแปดดาว?


“ปัง” รูปปั้นหินล้มลงแต่ไม่ลอยกระเด็น


“ฮ่าๆๆ เป็นการโจมตีที่ไม่เลว!” เซียนไร้เทียมทานเอ่ยชมก่อนจะมองไปที่หลิงฮัน “เจ้าหนู ถึงตาเจ้าแล้ว”


หลิงฮันหดหู่ อีกฝ่ายเป็นคนทุบตี ส่วนเขาเป็นฝ่ายถูกทุบตี ความรู้สึกของสองทางเลือกนี้แตกต่างกันมาก


เขาถอนหายใจและเดินไปยัง ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’


รูปปั้นหินเคลื่อนไหวปล่อยหมัดเข้าใส่หลิงฮันทันที


คราวนี้รูปปั้นมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งกว่าชั้นก่อน หลิงฮันทำได้เพียงป้องกันใบหน้าอันหล่อเหลาของตนเองจากการกรพหน่ำทุบตีของรูปปั้นหิน


เขาทั้งรู้สึกอายและโกรธ ชั้นนี้ไม่เหมือนชั้นแปดแปดเพราะครั้งนี้มีจักรพรรดินีแห่งดาราอยู่ด้านข้างด้วย


เพียงแต่ว่าจักรพรรดินีแห่งดาราไม่ได้แสดงท่าทีดูถูกแต่อย่างใด


ต้องยอมโดนถูกกระหน่ำทุบตีเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ใครๆก็ทำได้รึไงกัน?


ถึงอย่างนั้น… ความรู้สึกต้องการสังหารของนางก็ไม่ได้ลดลง


ผ่านสักพักนาฬิกาทรายก็หมดเวลา รูปปั้นหิน ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ หยุดเคลื่อนไหวกลับไปเป็นรูปปั้นธรรมดาดังเดิม


“รีบๆมอบรางวัลได้แล้ว!” จักรพรรดินีแห่งดาราเร่งรีบ นางไม่ได้โลภในสมบัติแต่นางต้องการออกจากที่นี่เพื่อสังหารหลิงฮัน


หลิงฮันยิ้ม “ไม่ต้องรีบก็ได้ ทำไมพวกเราไม่มาดื่มชากันก่อนล่ะ?”


“ฮ่าๆๆๆ!” เซียนไร้เทียมทานหัวเราะ “วิเศษมาก คนหนึ่งมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่ง อีกคนมีพลังป้องกันที่ยอดเยี่ยม ช่างเหมาะจะเป็นคู่รักในอุดมคติจริงๆ”


“คู่รักในอุดมคติ?” หลิงฮันพึมพำก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่ดังขึ้น “เดี๋ยวก่อน อย่าพูดอะไรดีชวนให้เข้าใจผิดได้รึเปล่า”


“ฮ่าๆๆ!” เซียนไร้เทียมทานหัวเราะ


“หืม หมายความว่ายังไง?” หลิงฮันถาม


เซียนไร้เทียมทานหัวเราะต่ออีกสักครู่ก่อนจะกล่าว “จากนี้จะเป็นรางวัลที่ผู้อาวุโสมอบให้พวกเจ้า”


เขาหยุดกล่าวกลางคันเพื่อรอให้หลิงฮันหรือไม่ก็จักรพรรดินีแห่งดาราเอ่ยถามถึงรางวัล แต่เขาก็ต้องสลดเพราะไม่มีใครเลยที่สนใจเขา


ฮึ่ม!


เซียนไร้เทียมทานไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังกล่าว “ผู้อาวุโสต้องการรับลูกของพวกเจ้าเป็นศิษย์ และฝึกฝนให้เด็กคนนั้นกลายเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดใต้สวรรค์และปฐพี!”


พรวด!


หลิงฮันสำลักทันที… นี่เจ้าบ้ารึเปล่า


เซียนเทียมทานกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เมื่อการโจมตีที่ทรงพลังกับพลังป้องกันยอดเยี่ยมมารวมกัน ลูกที่เกิดมาจะได้รับสืบทอดจุดเด่นทั้งสองซึ่งเหมาะจะเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสคนนี้ที่สุด”


“เห้อ อย่าพูดเองเออเองได้รึเปล่า เรื่องเช่นนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” หลิงฮันส่ายหัว


จิตสังหารทะลักออกมาจากร่างจักรพรรดินีแห่งดารา ต้องการให้นางกับหลิงฮันมีบุตรด้วยกันงั้นรึ? ช่างแส่หาความตาย!


“ฮ่าๆๆ ถ้าข้าต้องการให้พวกทำลูก พวกเจ้าก็ต้องทำ!” เซียนไร้เทียมทานหัวเราะ “ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าก็ต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดชั่วชีวิต มีเพียงแค่ทำลูกให้ผู้อาวุโสผู้นี้เท่านั้นพวกเจ้าถึงจะออกจากที่นี่ได้!”

 

 

 


ตอนที่ 1124

 

เหลวไหล!


บังคับให้พวกเขาสองคนปั้มลูก?


หลิงฮันกล่าว “ท่านเป็นถึงผู้อาวุโส แต่กลับพูดแบบนั้น?”


“หึ่ม ความอกตัญญูนั้นมีอยู่สามประการ ที่หนักหนาสาหัสที่สุดก็คือการไม่มีทายาท” เซียนไร้พ่ายกล่าวเหมือนกับคำพูดของเขาล้วนแต่มีความชอบธรรม   เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นชายที่ไร้ยางอาย คำพูดแค่คำสองคำคงไม่สามารถเอาชนะเขาได้


หลิงฮันหันไปพูดเปลี่ยนเรื่องว่า “ทำไมท่านถึงต้องการลูกของพวกข้าขนาดนั้น ทั้งที่ท่านก็เห็นแล้วว่าพวกเราคนหนึ่งมีการโจมตีที่ทรงพลัง ส่วนอีกคนหนึ่งมีพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน แค่นี้ยังไม่เพียงพออีกหรือ?”


“หึ่ม ข้าจะเชื่อใจพวกเจ้าได้อย่างไร?” ท่าทางของเซียนไร้เทียมทานดูกลายเป็นเย็นชาอย่างกะทันหัน


“เพื่อไม่ให้พวกเจ้าสงสัยจนตาย ข้าจะบอกอะไรบางอย่างให้พวกเจ้าฟัง นั่นเป็นเพราะพวกเจ้าเป็นพ่อแม่ของลูกศิษย์ของข้าที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นมา” เซียนไร้เทียมทานกล่าว “ในอดีต ข้าเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกก่อน และข้ามีศิษย์ทั้งหมดสามคน แต่ก็ถูกศิษย์ของตัวเองหักหลังและทำให้ข้าต้องทนทุกข์กับอาการบาดเจ็บเต๋าที่รักษาไม่หาย”


มันกลับกลายเป็นว่าเขาถูกหักหลังและกลายเป็นคนที่ไม่เชื่อใจคนอื่นนี่เอง


นอกจากนั้น คำว่าศิษย์มีความหมายที่ลึกซึ้ง มันอาจกล่าวได้ว่าเป็นกระดูกส่วนหนึ่งของร่างกาย การที่เขาถูกทรยศโดยคนใกล้ชิดเช่นนี้ ทำให้เขายากที่จะเชื่อใจคนอื่น


หลิงฮันขัดจังหวะและพูดว่า “แล้วพวกข้าไม่ดีเท่ากับพวกเขาเลยหรือ?”


“หึ่ม เจ้าคิดว่าระดับสร้างสรรพสิ่งนั้นง่ายที่จะทะลวงผ่านอย่างนั้นรึ?” เซียนไร้เทียมทานกล่าว “แม้ศิษย์ของข้าทั้งสามคนจะเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ แต่โอกาสที่จะทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งยังน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์”


“แม้จะเป็นอัจฉริยะก็ใช่ว่าจะทะลวงผ่าน แต่มันยังต้องพึ่งปัจจัยอื่นด้วยเช่นโอกาสและการสนับสนุนจากเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ที่มากพอ มิฉะนั้นการจะทะลวงผ่านจะเป็นเพียงแค่ความฝัน”


“ดังนั้นพวกเขา…จึงต้องการผลแห่งเต๋าของข้า แม้ว่ามันจะไม่สามารถทำให้พวกเขาทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งได้ทันที แต่ก็มีโอกาสอย่างน้อยสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะทะลวงผ่าน!”


ด้านหนึ่งโอกาสน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกด้านหนึ่งโอกาสมากกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นศิษย์เหล่านั้นจึงเลือกที่จะฆ่าอาจารย์ของตัวเอง


“เรื่องมันผ่านไปแล้ว” หลิงฮันพูดปลอบโยน แต่แล้วเขาก็รู้สึกสงสัยอีกครั้ง และพูดว่า “ในเมื่อท่านถูกศิษย์ทรยศ แล้วทำไมท่านถึงต้องการลูกศิษย์อีก?”


“หึ่ม เพราะอย่างนั้นไงข้าถึงต้องการศิษย์ที่ยังเด็กเหมือนกระดาษขาว” เซียนไร้เทียมทานกล่าว


“ถ้างั้นพวกเราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ปล่อยพวกข้าไปได้แล้ว!” หลิงฮันกล่าว


“หึ่ม เจ้าต้องปั้มลูกให้ข้าก่อน แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าออกไป!” เซียนไร้เทียมทานกล่าว “ลูกที่กำเนิดจากพวกเจ้า ในอนาคตจะต้องกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถกวาดล้างดวงดาวได้อย่างแน่นอน แล้วมันจะรุ่งโรจน์ขนาดไหนกันเชียว!”


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “เรื่องนั้นท่านไม่ต้องกังวล ในอนาคตข้าจะต้องกวาดล้างดวงดาวได้อย่างแน่นอน โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกของตัวเอง!”


“เจ้าเด็กอวดดี เจ้าไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนถึงกล้าพูดว่าจะกวาดล้างดวงดาว!” เซียนไร้เทียมทานกล่าว


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ท่านเองก็ยังเรียกตัวเองว่าเซียนไร้เทียนทานมิใช่หรือ?”


เมื่อได้ยินเช่นนั้นช่วยไม่ได้ที่เซียนไร้เทียมทานจะพูดไม่ออก อย่างไรก็ตามแต่เดิมแล้วเขาเป็นคนดี แม้ว่าจะปากเสียอยู่บ้าง แต่อีกฝ่ายรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาบ้างล่ะ? เขาพูดว่า “นามที่แท้จริงของข้าคือเซียนหวู่เซียง!”


เขาพูดถึงตัวตนของตัวเองเอีกครั้งพราะเกรงว่าหลิงฮันจะโจมตีเขาด้วยเรื่องนี้อีก


หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ผู้อาวุโส เรื่องที่เกิดขึ้นมันได้ผ่านมาหลายปีแล้ว บางทีศิษย์ทั้งสามคนของท่านอาจตายไปแล้วก็ได้”


“เป็นไปไม่ได้!” เซียนหวู่เซียงรีบกล่าว “เวลาเพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งร้อยล้านปีเท่านั้น ด้วยพรสวรรค์ศิษย์ของข้าทั้งสามคน พวกเขาจะต้องยังมีชีวิตอยู่แน่นอน!”


หลิงฮันสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าของเซียนหวู่เซียงอยู่เล็กน้อย เขาถูกศิษย์ทรยศก่อนที่จะเสียชีวิต แต่เขาก็ยังเป็นโศกเศร้าเมื่อพูดถึงลูกศิษย์ของตัวเองอีก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?


“ผู้อาวุโส แล้วท่านกลับมามีชีวิตอีกครั้งไม่ได้หรือ?” หลิงฮันถาม


“หากไม่มีบุปผาวิญญาณ แล้วข้าจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้อย่างไร?” เซียนหวู่เซียงทานกล่าว “มีเพียงแค่บุปผาวิญญาณเท่านั้นที่ทำให้ข้ากลับมามีชีวิตอีกครั้งได้ ซึ่งแต่ละดอกต้องใช้เวลาหนึ่งหมื่นล้านปีในการเติบโต!”


“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว จงมอบลูกของพวกเจ้าให้กับข้า!”


“ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่แอบดูพวกเจ้าหรอก”


“เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยวก่อน!” หลิงฮันตะโกน แต่แท่นหินก็ไม่ตอบสนอง


ก่อนหน้านี้จักรพรรดินีแห่งดาราหายนะฟังอย่างเงียบๆ แต่ตอนนี้นางหันไปมองหลิงฮันด้วยจิตสังหาร


ต้องการมีลูกกับข้างั้นรึ?


ไปตายซะ!


จักรพรรดินีกำลังจะโจมตีใส่หลิงฮัน แต่แล้วนางก็ต้องตกใจที่พบว่าระดับพลังของนางถูกปิดผนึกอยู่ที่ระดับทลายมิติ แล้วนางจะสังหารหลิงฮันได้อย่างไร?


“เจ้าหนู ข้าปิดผนึกพลังของนางเอาไว้แล้ว นี่เจ้ายังไม่เริ่มทำอีกเรอะ!” เสียงของเซียนหวู่เซียงดังขึ้นอีกครั้ง


“เจ้าแก่เฒ่าไร้ยางอาย!” หลิงฮันสบถ


เขาหันไปมองจักรพรรดินีแห่งดาราหายนะและอดที่จะอ้าปากด้วยความตกตะลึงไม่ได้


พลังของนางถูกปิดผนึกอยู่ที่ระดับทลายมิติ ทำให้พลังปราณที่ปกปิดใบหน้าของนางหายไปอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง


สวย สง่างาม บริสุทธิ์ มีเสน่ห์ เทพธิดา ไร้ที่ติ!


หลิงฮันไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดด้วย ความงดงามของจักรพรรดินีแห่งดาราหายนะนั้นมีเสน่ห์อย่างแท้จริง นางดูไร้เดียงสา แต่ก็มีความเย้ายวน นางดูเย็นชา แต่ก็ดูงดงาม ซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้นในคนๆเดียว


ความงามของนางเหนือกว่าหญิงสาวที่เขาเคยพบเจอมาทั้งหมด


แต่ในแง่ของภาพลักษ์ อดีตประมุขตำหนักวายุมัจฉานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่านาง อาจเหนือกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยหลิงฮันก็ไม่เคยเห็นสตรีคนใดมีความเป็นกุลสตรีมากไปกว่าจักรพรรดินี


ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามและจักรวรรดิสวรรค์นิรันดร์ถึงยินดีที่จะยกจักรวรรดิให้จักรพรรดินี เพราะพวกเขาแข็งแกร่งเท่ากับนาง จึงทำให้พวกเขาเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางได้


ข้าเชื่อว่าจอมยุทธระดับดาราทุกคนสามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางออก ส่วนเหตุผลที่พวกเขาไม่กล้ามองหน้านาง อาจเป็นเพราะกลัวว่าตัวเองจะทำเรื่องโง่ๆออกไป


แต่ตอนนี้นางถูกปิดผนึกพลังอยู่ ตราบใดที่หลิงฮันจะข่มเหงนางเขาก็สามารถทำได้ทันที ความงดงามของนางจะมีชายใดต้านทานไหวได้อย่างไร?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)