Alchemy Emperor of the Divine Dao 1083-1089

ตอนที่ 1083

 

หลิงฮันกลับมาแล้ว แถมยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย!


คนของห้านิกายโบราณนั้นเคยพ่ายแพ้ต่อหลิงฮันมาก่อน แค่เห็นหลิงฮันอีกครั้งพวกเขาก็ตัวสั่นจนแทบจะล้มลงแล้ว ยิ่งเมื่อซื่อถูเจี่ยนถูกสังหารในหมัดเดียวก็ยิ่งทำให้พวกเขาเกิดความคิดหันหลังเพื่อหลบหนี


“หลิงฮัน!” ราชันดาบก้าวขึ้นหน้า เขาเป็นดังดาวจรัสแสงของห้านิกายโบราณ พลังของเขาทรงพลังอย่างแท้จริง พลังต่อสู้ของเขาเรียกได้ว่าติดอันดับสิบอันดับแรกหรืออาจจะห้าอันดับแรกของห้านิกายโบราณ


โพล๊ะ!


หลิงฮันขยับตัวอีกครั้ง หมัดของเขาปล่อยออกไปพร้อมกับหัวของราชันดาบที่ระเบิดกระจุย


สังหารคนโดยไร้คำพูด ช่างโหดเหี้ยม!


“หลิงฮัน เจ้าทำเกินไป! เจ้ารู้รึไม่ว่าปู่ของพวกข้าคือปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทรา!”


‘โพล๊ะ’ เมื่อพูดจบชายคนนั้นก็ถูกระเบิดหัว


ทั้งสามคนถูกสังหารด้วยหมัดเดียวอย่างไรความปรานี


คนของห้านิกายโบราณต่างหวาดกลัว พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซื่อถูเจี่ยนถูกสังหารอย่างไร พวกเขาเห็นเพียงร่างหลิงฮันที่เคลื่อนไหวเล็กน้อย หลังจากนั้นคนของพวกเขาก็ตกตายกันไปทีละคน


น่ากลัว!


รุ่นเยาว์อย่างจางโม่สั่นสะท้านด้วยความกลัว เวลาผ่านไปเพียงสองปีหลิงฮันพัฒนาไปถึงขนาดไหนแล้ว?


“เจ้า… ระดับพลังของเจ้าคือเท่าใด?” จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก


“เห้อ ข้าพัฒนาไปเพียงเล็กน้อย จะให้พูดก็น่าอาย” หลิงฮันยิ้ม “ก็แค่เพิ่งทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้น”


พรวด!


ทุกคนสำลักออกมา นี่เจ้าจงใจโอ้อวดสินะ!


เมื่อสองปีก่อนหลังเปิดสวรรค์ ทุกคนเริ่มต้นจากระดับทลายมิติขั้นเก้ากันทุกคน ด้วยการที่ห้านิกายโบราณที่มีทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือทำให้จอมยุทธสามสิบเจ็ดคนทะลวงผ่านระดับพระเจ้า


แล้วหลิงฮันล่ะ?


เขาไร้ไม่มีตัวช่วยแถมยังถูกจับตัวไปด้วย เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าถูกจับไปเป็นตัวประกันจริงๆ?


“หนี!” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนกล่าว แต่ทันใดนั้นทุกคนก็เผ่นหนีกระเจิงราวกับนกแตกรัง


คนของห้านิกายโบราณรู้ดีว่าพลังของระดับพระเจ้าเป็นอย่างไร พวกเขารู้ว่าระดับพลังของพระเจ้านั้นแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แค่เป้นอัจฉริยะหนึ่งดาวได้ก็น่าสรรเสริญแล้ว! หลิงฮันบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้วนั้นเรียกได้ว่าเป็นผู้คุมอำนาจอย่างแท้จริง ไม่ต้องกล่าวถึงระดับพระเจ้าทั้งสามสิบเจ็ดคนของฝั่งพวกเขาเลย ต่อให้มีสามร้อยเจ็ดสิบคนก็ไม่อาจหลบหนีชะตาถูกบดขยี้ตาย


“สังหาร!” ทางด้านของจักรวรรดิต้าหลิง พวกเขาเต็มไปด้วยความฮึกเหิมและลงมือโจมตี โดยเฉพาะคนที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับพระเจ้าอย่างจักรพรรดิรุณนั้น เขารู้สึกคันไม้คันมือมาก


“ไป!” จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์คว้าตงหลิงเอ๋อและสยายปีกด้านหลัง ทั้งนางและตงหลิงเอ๋อมีสายเลือดพิเศษที่ทำให้สามารถบินได้ตั้งแต่ระดับภูผาวารี


จักรพรรดิพิรุณปล่อยหมัดอย่างเกรี้ยวกราดขึ้นไปบนท้องฟ้า ถึงแม้จะลำบากไปบ้างแต่จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ก็ยังสามารถบินหนีได้ต่อไป


ทีนี้ใครจะหยุดนางได้?


“หลิงฮัน เจ้ารอก่อนเถอะ ตราบใดที่หาทางกลับนิกายได้ข้าจะพาปรมาจารย์ของทั้งห้านิกายมาเอาชีวิตเจ้า!” จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์คำราม นางรู้ว่าจอมยุทธระดับพระเจ้าทั้งสามสิบกว่าคนของฝั่งนางนั้นต่อหน้าตัวตนระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้วไม่มีทางทำอะไรได้ ฝืนสู้ต่อไปก็มีแต่จะเป็นจะสังหารอยู่ฝ่ายเดียว


หลิงฮันส่ายหัว เขาตั้งท่ายิงคันศรและโคจรทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา


‘พรึบ’ ลูกศรเปล่งแสงและพุ่งออกไปดั่งคลื่นวารี


ตอนนี้มีพลังบ่มเพาะเท่าใดแล้ว?


ต่อให้ไม่ใช่คันศรหรือลูกศรของจริง พลังทำลายของศรฆ่ามังกรทะลวงดาราก็รุนแรงถึงห้าดาว!


อีกฝ่ายที่เป็นเพียงระดับภูผาวารีขั้นต้นจะสามารถป้องกันการโจมตีที่มีพลังทำลายเทียบได้กับของจอมยุทธขั้นสูงสุดชั้นกลางได้?


ฉัวะ!


จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์และตงหลิงเอ๋อกรีดร้องพร้อมกัน พวกนางถูกลูกศรทะลวงเข้าทีหัวใจ ดวงตาทั้งสองดวงขอพวกงนางสูญเสียความปิติที่คิดว่าจะหนีพ้นไปทันที ใบหน้าของทั้งสองซีดขาวก่อนจะร่วงหล่นจากท้องฟ้า


หลิงฮันไม่ปรานี อีกฝ่ายจะเป็นบุรุษหรือสตรีก็ไม่ต่างกัน พวกนางคือศัตรู!


ด้วยการที่มีเขากับจักรพรรดิจอมอสูรอยู่ ต่อให้อีกฝ่ายจะมีจำนวนมากกว่าแล้วจะทำไม? พวกเขาทำได้เพียงเป็นฝ่ายถูกไล่ล่าสังหาร นอกจากนี้ถึงแม้จักรพรรดิพิรุณและพี่ชายคนอื่นๆของเขาจะเพิ่งทะลวงผ่านระดับพระเจ้า แต่พวกเขาก็บ่มเพาะพลังภายใต้อำนาจของต้นสังสารวัฏ


เมื่อรวมกันทรัพยากรที่ได้รับจากหลิงฮันแล้ว ในตอนที่พวกเขายังอยู่ในระดับทลายมิติพวกเขาขัดเกลาพลังต่อสู้จนเกือบจะสมบูรณ์แบบ นั่นทำให้ตอนนี้มู่หลงชิงมีพลังต่อสู้สี่ดาว จักรพรรดิพิรุณมีพลังต่อสู้ห้าดาว!


ที่จริงหลิงฮันไม่จำเป็นต้องลงมือเองด้วยซ้ำ แค่พี่ชายทั้งสามของเขาก็สามารถสะสางเรื่องนี้ได้เอง


ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง จอมยุทธทั้งหมดของห้านิกายโบราณก็ถูกสังหาร


ไม่เพียงแค่จอมยุทธระดับพระเจ้าเท่านั้น แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติก็ถูกสังหารไม่มีข้อยกเว้น


“โปรดไว้ชีวิต!” กองทัพกบฏที่เหลือร้องขอความเมตตา ระดับพลังของพวกเขานั้นอ่อนแอเกินไป พวกเขาไม่ใช่แม้กระทั่งระดับทลายมิติด้วยซ้ำ


ใครจะไปกินกันว่าหลิงฮันจะปรากฏตัวในเวลาแบบนี้แถมยังทรงพลังราวกับเทพเซียน!


เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขานึกถึงภาพตอนที่หลิงฮันเปิดสวรรค์ หนึ่งคนยืนค้ำท้องฟ้าและเปิดทางสู่เส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์


นี่พวกเขาเผลอคิดจะเป็นกบฏต่อคนเช่นนั้นจริงๆรึ?


บัดซบ นี่พวกเขาเสียสติไปแล้วรึไง!


“นำพวกมันไปสังหารด้านนอกประตู!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา เรื่องบางเรื่องก็มีเส้นที่ขีดจำกัดเอาไว้ไม่ควรข้าม


เขาใช้สายตามองกวาดผ่านเหล่ากบฏ ในตอนนั้นพลังบ่มเพาะของพวกเขาก็พิการทันที องครักษ์บุกเข้าจับกุมเหล่ากบฏด้วยความเร็วราวกับหมาป่า แต่ละคนจงใจใช้กำลังอย่างเช่นชกตีหรือเตะ


องครักษ์รังเกียจคนทรยศเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง หลิงฮันต้องพยายามขนาดไหนเพื่อช่วยเหลือทวีปฮงเทียน แต่คนเหล่านี้กลับกล้าฉวยโอกาศในตอนที่หลิงฮันไม่อยู่ทำการกบฏ!


หลิงฮันประกาศผ่านธงสัญลักษณ์ถึงการกลับมาของเขาและเล่าถึงเหตุกาณ์กบฏตั้งแต่เริ่มจนจบ เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทุกซอกทุกมุมของจักรวรรดิต้าหลิง


“จักรพรรดิจงเจริญ!”


“องค์จักรพรรดิกลับมาแล้ว!”


ผู้คนส่งเสียงโห่ร้องด้วยความปิติยินดี หลิงฮันช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากชะตากรรมถูกหลอมเป็นเม็ดยา แถมยังพาพวกเขาขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่หนาแน่น ถึงแม้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่บ่มเพาะพลังได้ แต่สำหรับคนธรรมดา ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้พวกเขาย่อมไม่มีวันเจ็บป่วยด้วยโรคภัย แถมยังยืดอายุขัยไปได้อย่างน้อยอีกร้อยปีด้วย


จักรพรรดิที่ทำเพื่อพวกเขาเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่เคารพ?


แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังมีสัตว์เดรัจฉานที่คิดช่วงชิงอำนาจของจักรพรรดิที่ดีขนาดนี้อยู่อีก?


ผู้คนมากมายนำไข่ แอปเปิลหรือส้มออกมา พวกเขาไปยังประตูเพื่อดูการตัดหัวกบกบฏและปาของที่ติดมือมาใส่เหล่ากบฏ


หลิงฮันเรียกเย่วไค่หยู่ เฉียนหวูย่งและสหายเก่าคนอื่นๆมายังพระราชวัง เขาไม่อยากเปิดเผยว่าเขากลับมาแล้วดังนั้นก่อนหน้านี้จึงไม่ได้เรียกเหล่าสหายมาพบ ตอนนี้เมื่อสะสางปัญหาเสร็จสิ้นแล้วเขาจึงต้องการพบสหายเหล่านี้


หลิงฮันทำการมอบเม็ดยาให้พวกเขาจำนวนมาก

 

 

 


ตอนที่ 1084

 

ความแข็งแกร่งของจักรวรรดิไม่สามารถมาจากคนไม่กี่คนได้


หลิงฮัน จักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆต่างก็มีความทะเยอทะยาน โดยเฉพาะหลิงฮัน เขามีหน้าที่หาตำหนักมัจฉาวายุภักษ์และดินแดนของห้านิกายโบราณ พวกเขาจะอยู่ในดาวเหอหนิงตลอดไปได้อย่างไร?


ดังนั้น พวกเขาต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฝึกฝนผู้สืบทอด เนื่องจากพวกเขาเป็นคนที่พาทวีปฮงเทียนมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรับผิดชอบอนาคตของจักรวรรดิต้าหลิง


ด้วยความช่วยเหลือสุดความสามารถของหลิงฮัน ทำให้ทุกคนมีความก้าวหน้ามาก


คนที่หลิงฮันคาดหวังเอาไว้มากที่สุดคือ เชิงจงเฉิน ซวนหยวนจื่อกวาง เหวินอีเจี้ยน ซึ่งพวกเขามีพรสวรรค์ด้านวรยุทธที่น่าทึ่ง ซึ่งซวนหยวนจื่อกวงเป็นคนแรกที่ทะลวงผ่านระดับทลายมิติ


พวกเขาไม่มีความคิดที่จะแข่งขันกับหลิงฮันอีกแล้ว สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดคือฝึกฝนให้หนักและทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อทำให้จักวรรดิต้าหลิงกลายเป็นหนึ่งในจักวรรดิที่ทรงพลังอำนาจมากที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์


แล้วหลิงฮันเองก็ไม่ปฏิบัติกับพวกเขาอย่างเลวร้าย อาจกล่าวได้ว่าพวกเขามีความสุขที่มีหลิงฮันคอยชี้แนะ


แม้พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากต้นสังสารวัฎ แต่พวกเขาก็สามารถพึ่งพาปัจจัยอื่นได้ แต่การที่พวกเขาจะทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าคงต้องใช้เวลานานหน่อย อย่างน้อยหลายร้อยปี เพราะภูมิหลังของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นอะไร


ชางเย่ กวางหยวน จูหวู่จิว หยวนเฉิงเหอ และคนอื่นๆ เพราะพวกเขาเป็นสหายของหลิงฮัน จึงเป็นธรรมดาที่สภาพแวดล้อมการฝึกฝนบ่มเพาะพลังจะดีกว่า และพวกเขายังสามารถฝึกฝนใต้ต้นสังสารวัฏได้ ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ด้านวรยุทธของกว่างหยวนและจูหวู่จิวจะไม่ค่อยดีนัก แต่อย่างที่กล่าวเอาไว้ การฝึกฝนบ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฎ แม้แต่หมูโง่ก็ยังสามารถทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าได้ – มิใช่ว่าพวกเขามีค่ามากกว่าหมูหรอกหรือ?


สมาคมนักปรุงยาได้กลายเป็นกองกำลังรองของจักรวรรดิต้าหลิงมานานแล้ว ซึ่งหลิงฮันได้ถ่ายทอดประสบการณ์และให้คำแนะนำแก่พวกเขา เขาเชื่อว่าตราบใดที่นักปรุงยาเหล่านั้นเติบโตขึ้น จักรวรรดิราชวงศ์ต้าหลิงก็จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นไปอีกแทนที่จะพึ่งพาเขาเพียงคนเดียว


สาวงามอย่างหลินเซียงฉินและเหวินเหรินฉีรู้สึกมีความสุขและโศกเศร้าในเวลาเดียวกัน ทั้งที่พวกนางเคยมีโอกาสที่จะพิชิตใจหลิงฮัน แต่น่าเสียดายที่พวกนางทำไม่สำเร็จ


ตอนนี้พวกนางทำได้แค่เงยหน้ามองเขาเท่านั้น


อีกหนึ่งเดือนต่อมา หลิงฮันจะกลับไปที่สำนักนภาสีชาด


ในตอนที่เขาออกเดินทางออกมาจากจักรวรรดิราชศ์ดาราหายนะ เขาไม่ได้รายงานให้ทางสำนักทราบว่าเขาจะเดินทางไปที่ไหน มิฉะนั้นถ้าข่าวหลุดออกไป เขาก็อาจถูกสมาคมราตรีนิรันดร์ ซาหยวนและจ้าวหลุนส่งจอมยุทธระดับสุริยันจันทรามาฆ่าก็เป็นได้ และนั่นจะทำให้เขาเดือดร้อนมาก


แต่ถ้าเวลาผ่านไปนานแล้วยังไม่กลับ ด้วยอิทธิพลอำนาจของกองกำลังเหล่านั้น พวกเขาอาจจะหาที่อยู่ของเขาได้ก็เป็นได้


ด้วยความแข็งแกร่งของจักรวรรดิต้าหลิงจะยับยั้งจอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้อย่างไร?


ดังนั้น หลิงฮันจึงตัดสินใจกลับไปที่สำนักนภาสีชาดโดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้จักรวรรดิต้าหลิงยังอ่อนแอมาก แต่หลิงฮันได้มีความขัดแย้งกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากเกินไป


ด้วยเหตุนี้ พี่ชายทั้งสามคนจึงพูดหยอกล้อกับหลิงฮันว่า “น้องสี่ แม้ว่าเจ้าจะมีความสามารถที่ท้าทายสวรรค์ แต่ดูเหมือนว่าเหล่าผู้คนที่เจ้ามีความขัดแย้งด้วยจะแข็งแกร่งกว่าตัวเจ้าซะอีก! ทั้งที่เจ้าเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี แต่อย่างน้อยก็ยังมีจอมยุทธระดับดาราที่สามารถสังหารเจ้าได้อยู่”


เมื่อได้ยินพี่ชายทั้งสามคนพูดเช่นั้น หลิงฮันจึงตอบกลับไปว่า “นั่นหมายความว่าข้าดีเกินไป!”


หลิงฮันมอบหน้าที่ที่เหลือให้เยว่เจิงซ่านเป็นคนจัดการ ภายใต้การสนับสนุนจากพลังแห่งจักรภพ ทำให้เยว่เจิงซ่านทะลวงผ่านระดับทลายมิติแล้วเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ตัวตนอย่างเขาก็ยังถือว่าค่อนข้างทรงพลังในจักรวรรดิต้าหลิง อย่างน้อยด้วยการสนับสนุนจากพลังแห่งจักรภพ มันก็ทำให้เขามีพลังต่อสู้มากถึงสิบห้าดาว


หลิงฮันรวบรวมคนเข้าไปในหอคอยทมิฬ แล้วมุ่งหน้ากลับจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะพร้อมกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ด้วยพาหนะแหวกเมฆา สิบวันต่อมา หลิงฮันก็ลงจอดนอกเมืองและพาทุกคนออกมาจากหอคอยทมิฬ แล้วเดินไปที่ประตูเมือง


เนื่องจากต่อไปนี้พวกเขาจะต้องอาศัยอยู่ในเมืองจักรพรรดิ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกใช้วิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย


หลังจากลงทะเบียนยืนยันตันตนและจ่ายค่าธรรมเนียมเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็เดินเข้าไปในเมือง


จักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆตั้งรกรากอยู่ในร้านขายโอสถของหลิงฮันชั่วคราว จากนั้นหลิงฮันก็จะใช้อิทธิพลและความสัมพันธ์ของเขาเพื่อพาจักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆเข้าร่วมสำนักนภาสีชาด


– ตอนนี้เขาพอมีเส้นสายอยู่บ้าง เป็นไปได้ที่จะทำเช่นนั้น


แม้ว่าจะไม่ได้ทำตามกฏของสำนัก แต่ด้วยความสามารถของจักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆแล้ว ไม่ใช่ว่าทั้งพวกเขาและสำนักนภาสีชาดได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายหรอกหรือ?


แต่ในตอนนั้นเองเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น


นิกายสวรรค์เยือกแข็งกำลังเปิดรับสมัครศิษย์!


นิกายสวรรค์เยือกแข็งเป็นขุมพลังแบบไหนกันถึงสามารถดึงดูดรุ่นเยาว์ทั้งเมืองและนำไปสู่ความโกลาหลได้?


หลิงฮันเดินหาข้อมูลอยู่สักพัก สิ่งเดียวที่เขาทราบคือการสอบเข้านิกายสวรรค์เยือกแข็งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย


ดวงดาวขนาดใหญ่มากกว่าหนึ่งร้อยดวงอย่างดาวเหอหนิง ดาวเฟยหยุน และดาวกวางหลงที่อยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ระดับความแข็งแกร่งของจอมยุทธในดวงดาวขนาดใหญ่เหล่านั้นอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แค่เป็นจอมยุทธระดับดาราก็ได้รับความเคารพนับถือแล้ว แต่ทว่าสำหรับดาวเฟยหยุนต้องเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เท่านั้นถึงจะได้รับความเคารพนับถือจากทุกคน


แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รักชื่อเสียงและความมั่งคั่ง จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่รู้จักกันในนามว่าปรมาจารย์สามวิถีที่กล่าวกันว่าเขาเคยต่อสู้กับสองดาว จนกระทั่งเขากลับมาเมื่อหลายหมื่นปีก่อน และก่อตั้งนิกายสวรรค์เยือกแข็งแทนที่จะก่อตั้งจักรวรรดิราชวงศ์ โดยมีเป้าหมายคือรวบรวมศิษย์ที่แข็งแกร่งและมากพรสวรรค์เพื่อต่อกรกับดินแดนใต้พิภพ


ถึงแม้ว่าปรมาจารย์สามวิถีจะเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ แต่เขาไม่มีความทะเยอทะยานที่จะต่อสู้เพื่ออำนาจ


เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีทูตจากนิกายสวรรค์เยือกแข็งคนหนึ่งได้ส่งสารไปให้กับจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสามแห่ง โดยกล่าวว่านิกายสวรรค์เยือกแข็งกำลังจะเปิดรับสมัครศิษย์ใหม่ ในเวลานั้นนิกายสวรรค์เยือกแข็งจะส่งคนมาเพื่อตรวจสอบ หากผ่านการประเมินพื้นฐานก็จะกลายเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง


เวลารับสมัครศิษย์คืออีกหนึ่งเดือน


หลังจากที่หลิงฮันทราบข่าวพวกนั้น เขาล้มเลิกความคิดที่จะพาพี่ชายทั้งสามคนของเขาเข้าร่วมสำนักนภาสีชาด


มันจะดีกว่าไหมถ้าให้พวกเขาเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็ง?


เขาบอกเรื่องพวกนั้นให้กับพี่ชายทั้งสามคนและคนอื่นๆฟัง แล้วพวกเขาทุกคนก็เห็นด้วยกับความคิดของหลิงฮัน


“ฮ่าฮ่าฮ่า ชิงชิงน้อย คนอย่างเจ้าคงไม่มีความสามารถเข้าร่วมกับนิกายสวรรค์เยือกแข็งหรอก!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนพูดล้อเลียนมู่หลงชิงด้วยความขบขัน


มู่หลงชิงเค้นเสียงและพูดว่า “อย่าได้ลืม ข้าเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติแต่ก็มีพลังต่อสู้สิบเจ็ดดาวแล้ว แล้วทางเจ้าล่ะ?”


“โอ้ว!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนทำเป็นตกใจและพูดว่า “ข้ามีสายเลือดของบรรพบุรุษ ซึ่งทำให้ข้าสามารถทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าได้โดยตรง ถ้าเจ้าให้เวลาข้าฝึกฝนบ่มเพาะพลังสักสองสามปี อย่าว่าแต่พลังต่อสู้สิบเจ็ดดาวเลย แม้แต่ยี่สิบดาวก็ยังเป็นไปได้!”


หลิงฮันกวาดสายตามองขณะคิด พี่ชายทั้งสามคนของเขากับเฮ่อเหลียนเทียนหยุนและติงผิงแล้ว สหายที่เหลือของเขาอย่างลูกพี่ลูกนอกเย่วไค่หยู่ กว่างหยวน ชางเย่ หยวนเฉิงเหอและจูหวู่จิว ส่วนอสูรศิลาถูกทิ้งให้ดูแลความปลอดภัยของจักรวรรดิต้าหลิง


การเข้าร่วมสำนักนภาสีชาด นอกจากกว่างหยวนและจูหวู่จิวแล้ว คนอื่นสามารถเข้าสำนักได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นนิกายสวรรค์เยือกแข็งผลลัพธ์จะลงเอ่ยเช่นไรเขาไม่อาจทราบได้


การทดสอบเข้าร่วมนิกายจะยากแค่ไหน?


หลิงฮันเชื่อว่าเขากับจักรพรรดิพิรุณคงไม่มีปัญหาที่จะเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็ง แต่ถ้าพวกเขาไม่มีคุณสมบัตินิกายสวรรค์เยือกแข็ง นั่นหมายความว่าคนที่พวกเขาต้องการไม่ใช่อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ แต่เป็นสัตว์ประหลาด!


ถ้าเข้าสามารถเข้านิกายสวรรค์เยือกแข็งได้ก็เข้า แต่ถ้าเข้าไม่ได้ก็จะเข้าร่วมสำนักนภาสีชาดแทนจะคิดให้ปวดหัวไปทำไม?


หลิงฮันกลับไปที่สำนักนภาสีชาดเพื่อไปขอคำแนะนำกับเฒ่าหม่า อีกฝ่ายน่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับนิกายสวรรค์เยือกแข็งมากกว่าคนอื่น


“ศิษย์พี่หลิง! ศิษย์พี่หลิง!” ในขณะนั้นมีศิษย์คนหนึ่งตะโกนเรียกหลิงฮัน

 

 

 


ตอนที่ 1085

 

“เจ้ามีธุระอันใด?” หลิงฮันถาม


ศิษย์คนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เมื่อครู่ข้าเพิ่งเดินผ่านประตูของฝ่ายตะวันออกมาและข้าเห็นชายคนหนึ่งถูกคนของฝ่ายตะวันออกกักตัว แล้วดูเหมือนว่าชายคนนั้นกำลังตามหาศิษย์พี่หลิงอยู่”


“ตามหาข้า?” หลิงฮันลูบคางคิด อีกฝ่ายเป็นใคร? ถึงมาที่ฝ่ายตะวันออกเพื่อตามหาเขา นี่เขาไม่รู้เลยหรือว่าสำนักนภาสีชาดแบ่งออกเป็นสี่ฝ่ายและไม่ถูกกัน แล้วเจ้ายังตามหาหลิงฮันที่ฝ่ายตะวันออก นั่นไม่ถือว่าเป็นการตบหน้าฝ่ายตะวันออกหรอกหรือ?


แต่ที่แน่ชัดคือคนผู้นั้นรู้ว่าเขาอยู่สำนักนภาสีชาด แต่เขาไม่ทราบสถานการณ์ภายในสำนัก


“คนผู้นั้นเป็นคนยังไงอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันถาม


ศิษย์ที่พูดคุยกับหลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “เขาเป็นคนที่ดูธรรมดามาก…แต่เขามักใช้มือจับดาบอยู่ตลอดเวลา!”


หืม!


หลิงฮันดูตกตะลึง หรือว่าจะเป็นจินจื้อฮุยจากหมู่บ้านนักตีดาบ?


หลิงฮันไม่ได้นัดหมายอะไรกับจินจื้อฮุย แต่ถ้าอีกฝ่ายตีดาบที่แข็งแกร่งในโลกสำเร็จ เขาจะมามอบให้หลิงฮันด้วยตัวเอง นี่ฝ่ายมาแค่หนึ่งปีเท่านั้น หรือว่าอีกฝ่ายจะตีดาบที่ว่าสำเร็จแล้ว?


อย่างไรก็ตาม เขาควรไปดูก่อน


“ขอบคุณเจ้ามาก” หลิงฮันพยักหน้าให้กับศิษย์ที่มาบอกเรื่องดังกล่าวให้เขาฟัง แล้วโยนขวดหยกให้เป็นรางวัลตอบแทน


ศิษย์คนนั้นเปิดฝาขวดและเห็นเม็ดยาสีเขียวอยู่ภายใน ซึ่งทำให้สีหน้าของเขากลายเป็นตื่นเต้นทันที


—— ศิษย์พี่หลิงช่างเป็นคนที่ใจกว้างยิ่งนัก และมาบอกเรื่องดังกล่าวให้เขาฟังก็ได้รับเม็ดยาไข่มุกนภาแล้ว!


หลิงฮันรีบมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที แต่เขาขี้เกียจเกินไปที่จะเดินอ้อม ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะเดินผ่านประตูฝ่ายตะวันออกโดยตรง


เครื่องแบบศิษย์ทั้งสี่ฝ่ายมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนั้น เมื่อหลิงฮันเข้าสู่พื้นที่ฝ่ายตะวันออก เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของศิษย์ฝ่ายตะวันออกทันที และถูกจ้องมองทีละคน


แต่พวกเขารู้ว่าหลิงฮันเป็นใคร เขาไม่เพียงแค่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น แต่ยังเป็นพลทหารระดับเจ็ดของจักรพรรดิอีกด้วย!


ดังนั้น ทุกคนจึงทำได้แค่เฝ้ามองหลิงฮันปล่อยให้เดินผ่านประตูไป ด้วยสีหน้าแปลกๆ


ในวันนั้น เขาไม่เพียงแค่ดูถูกดูแคลนฝ่ายตะวันออกเท่านั้น แต่นี่ยังตามมาซ้ำเติมอีก!


ศิษย์ทุกคนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทั้งที่หลิงฮันยังไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาทุกคนรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าแล้ว


สถานะสูงกว่าแล้วมันยังไง? เขาสามารถทำตัวอวดดีแบบนี้ได้ด้วยหรือ?


“หลิงฮัน เจ้าชักจะมากเกินไปแล้ว!” ในที่สุดก็มีศิษย์ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางทางหลิงฮัน


ทุกคนรู้ว่าหลิงฮันอยู่ระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงและอาจมีพลังต่อสู้มากกว่าห้าดาว เช่นนั้นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาก็อาจเทียบเท่ากับระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้น ถ้าใครต้องการหยุดหลิงฮันจะต้องมีความแข็งแกร่งดังกล่าว…


ศิษย์ที่เข้ามาขวางทางหลิงฮันเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้นและมีพลังต่อสู้เกือบหนึ่งดาวครึ่ง ถึงกระนั้นเขาก็ค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่ดี


หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าไม่อยากเดิมอ้อม ข้าแค่ขอเดินผ่านเท่านั้น”


“แต่ที่นี่คือฝ่ายตะวันออก!” ศิษย์คนนั้นตะคอก


“ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตะวันออกหรือฝ่ายเหนือก็เป็นสำนักนภาสีชาดอยู่ดี ข้าสามารถเดินไปได้ทุกที่” หลิงฮันกล่าว


ศิษย์คนนั้นเผยสีหน้าดุร้ายและพูดว่า “ในเมื่อข้าพูดดีๆแล้วเจ้าไม่ฟัง คงจะต้องใช้กำลัง!” เขาเป็นฝ่ายริเริ่มที่จะโจมตีหลิงฮัน


ตามกฎระเบียบของสำนัก ศิษย์ที่มีระดับบ่มเพาะพลังสูงกว่าไม่สามารถต่อสู้กับศิษย์ที่มีระดับบ่มเพาะพลังต่ำกว่าได้ แต่ใครขอให้หลิงฮันบุกเข้ามาในฝ่ายตะวันออกกันล่ะ? เมื่อเขาบุกเข้าบ้านคนอื่น เจ้าของบ้านจะไม่สู้กลับได้อย่างไร?


ดังนั้น เขาจึงมีเหตุผลที่จะต่อสู้กับหลิงฮัน!


หลิงฮันเอามือพาดหลัง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มโจมตีเขาก็สวนการโจมตีกลับไปทันทีด้วยนิ้วมือที่เหมือนกับดาบ


ทักษะบัญญัติดาบเร็ว!


ในตอนที่หลิงฮันฝึกฝนอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นสังสารวัฎ มันทำให้เขาเข้าใจทักษะบัญญัติดาบเร็วในระดับลึกลงไปอีก


ต้องทราบก่อนว่าตั้งแต่ที่ต้นสังสารวัฎเติบโตนี่ก็เป็นเวลาสี่เดือนแล้ว หลังจากที่หลิงฮันใช้เวลาฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎประมาณห้าสิบวันเท่ากับห้าสิบปีในโลกภายนอก ด้วยความเข้าใจของหลิงฮันหลังจากที่ใช้เวลาฝึกฝนทักษะบัญญัติดาบเร็วเป็นเวลาห้าสิบปี เขาจะไม่เข้าถึงแก่นแท้ของทักษะบัญญัติดาบเร็วได้อย่างไร?


อัก!


หน้าอกของศิษย์คนนั้นระเบิดและมีโลหิตพุ่งออกมา แล้วร่างของศิษย์คนนั้นก็ล้มลงกับพื้น แต่หลิงฮันก็ยังคงมุ่งหน้าเดินไปที่ประตู


แข็งแกร่งมาก!


ศิษย์ที่มุงดูรู้สึกตกตะลึง ศิษย์พี่ของพวกเขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้น แต่กลับถูกหลิงฮันจัดการได้ในพริบตา นี่เขาทำได้ยังไงกัน? ประเด็นสำคัญคือหลิงฮันเพิ่งเข้าร่วมสำนักได้ไม่กี่ปีเท่านั้น ซึ่งศิษย์ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมสำนักพร้อมกับเขายังคงอยู่ในระดับทลายมิติยี่สิบดาวอยู่เลย แต่ในกรณีของหลิงฮัน เขาได้ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้นแล้ว!


อย่างน้อยความแข็งแกร่งของเขาน่าจะเทียบได้กับจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นกลาง มิฉะนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจัดการศิษย์พี่ได้ในพริบตา


หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางทางหลิงฮันอีกต่อไป นั่นเป็นเพราะจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงส่วนใหญ่มักเก็บตัวฝึกฝนอย่างสันโดษ


แต่ถ้าปล่อยให้หลิงฮันผ่านไป แล้วฝ่ายตะวันออกจะยังมีหน้าพบผู้คนในอนาคนอีกหรือไม่?


ในทันใดนั้นเองก็มีใครบางคนรีบไปบอกให้ศิษย์พี่หญิงและศิษย์พี่ชายที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นกลางออกมาหยุดหลิงฮัน


ในไม่ช้าประตูก็อยู่ตรงหน้า


หลิงฮันเดินไปข้างหน้าและเห็นศิษย์หลายคนกำลังยืนอยู่ด้านหน้าประตูล้อมรอบชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่เขาไม่มีดาบอยู่ในมือ


ถ้าเขาไม่ใช่จินจื้อฮุย แล้วจะเป็นใคร?


“ดาบข้า! เอาดาบของข้าคืนมา!” จินจื้อฮุยตะโกน


ในกลุ่มศิษย์ที่ยืนอยู่ที่ประตู มีชายหนุ่มผมสีเงินคนหนึ่งกำลังถือดาบยาวอยู่ในมือ และจินจื้อฮุยกำลังตะโกนใส่อีกฝ่าย


“ศิษย์พี่หยาง พวกเราจะทำยังไงกับดาบเล่มนี้ดี?” ศิษย์คนหนึ่งถาม


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหมอนี่บอกว่านี่เป็นดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่ข้าไม่เห็นว่ามันจะแข็งแกร่งอะไรเลย!” ศิษย์ที่อยู่ด้านข้างพูดกับชายหนุ่มผมสีเงิน


“ฮ่าฮ่าฮ่า ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกรึ น่าตลกสิ้นดี” ชายหนุ่มผมเงินส่งเสียงหัวเราะ เขายกดาบในมือขึ้นมาและพูดว่า “มันสร้างมาจากแร่เหล็กระดับหนึ่งเท่านั้น แม้ข้าจะไม่รู้ว่าใช้วัตถุดิบอะไรในการสร้าง แต่อักขระศักดิ์สิทธิ์บนดาบแทบจะไม่มีพลังอะไรเลย!”


“ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอะไรกัน มันก็แค่เศษเหล็ก!”


ใบหน้าของจินจื้อฮุยเต็มไปด้วยความโกรธและพูดว่า “นี่คือดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เจ้าไม่มีทางเข้าใจมันหรอก! เอาดาบกลับคืนมาให้ข้า!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงแม้มันจะเป็นแค่ดาบไร้ค่า แต่มันก็อยู่ในมือของข้าแล้ว นี่เจ้ายังคิดที่จะเอามันคืนอีกรึ? น่าขันสิ้นดี” ชายหนุ่มผมเงินแสยะยิ้ม เขามีนามว่าหยางชวงเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงและเป็นอัจฉริยะของฝ่ายตะวันออก


“จับมันกดลงพื้น เจ้ากล้ามากที่เรียกชื่อของหลิงฮันต่อหน้าข้า”


“อืม!” ศิษย์หลายคนรีบกระโดดเข้าไปจับจินจื้อฮุยกดลงกับพื้นและบังคับให้เขาคุกเข่าพร้อมกับก้มหัวลงกับพื้น


“ปล่อยข้าไป! คืนดาบของข้า!” จินจื้อฮุยตะโกน


หลิงฮันส่ายหัว และรีบเดินเขาไปหาพร้อมกับพูดว่า “พี่ชายจินไม่ได้เจอกันตั้งนาน!”


หลิงฮันปลดปล่อยความโกรธของเขา จินจื้อฮุยมาที่นี่เพื่อมอบดาบให้กับเขาตามสัญญา แต่กลับถูกคนพวกนั้นทำให้อับอายขายหน้า นี่ทำให้เขารู้สึกโกรธมาก


“หลิงฮัน!” ศิษย์ที่ยืนอยู่ที่ประตูทุกคนดูตกใจ

 

 

 


ตอนที่ 1086

 

ในสำนักนภาสีชาด หลิงฮันเป็นดั่งตำนาน


เพียงแค่สองปีหลังจากที่เขาเข้าร่วมสำนักนภาสีชาด เขาก็ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นแล้ว ทั้งยังมีพลังต่อสู้ที่น่าทึ่ง บางทีเขาอาจมีพรสวรรค์ระดับห้าดาวในตำนานแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องราวของเขานั้นน่าทึ่งยิ่งกว่า เขาได้ต่อสู้กับบุตรชายเพียงคนเดียวของแม่ทัพจ้าวหลายครั้งและยังเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า แล้วยังได้รับการแต่งตั้งจากองค์จักรพรรดินีให้เป็นพลทหารระดับเจ็ด


หลิงฮันเป็นพลทหารระดับเจ็ดที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ


ถึงแม้ฝ่ายตะวันออกจะมีศิษย์จำนวนมาก แต่น่าเสียดายที่หลิงฮันไม่ได้เป็นศิษย์ของฝ่ายตะวันออก ถ้าหลิงฮันเข้าร่วมสำนักนภาสีชาดในอีกห้าปีต่อมา ไม่ใช่ว่าเขาจะกลายเป็นความภาคภูมิใจของฝ่ายตะวันออกหรอกหรือ?


“หลิงฮัน นี่เจ้ากล้ามาที่ฝ่ายตะวันออกของพวกข้าอย่างนั้นรึ?” หลังจากที่หยางชวงหยุดตกตะลึง เขาก็ตะโกนใส่หลิงฮันทันที


หลิงฮันขมวดคิ้วและพูดว่า “ปล่อยเขาไปและคืนดาบให้กับเขา!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหมอนี่เป็นสหายของเจ้าอย่างนั้นรึ?” หยางชวงหัวเราะและใช้เท้าเหยียบย่ำหน้าของจินจื้อฮุย “แล้วถ้าข้าไม่ทำตามที่เจ้าพูดล่ะ?”


เขาไม่กลัวหลิงฮัน เพราะเขามีพลังต่อสู้ระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นปลาย ถ้าหลิงฮันกล้าลงมือ มันจะต้องเป็นความอัปยศของหลิงฮันอย่างแน่นอน


แววตาของหลิงฮันส่องประกายแสงที่หนาวเย็นและพูดว่า “ข้าจะตัดขาของเจ้าหนึ่งข้าง”


หยางชวงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแทบจะขาดใจตาย


“หลิงฮัน เจ้าคิดว่าไม่มีใครในสำนักสามารถทำอะไรเจ้าได้อย่างนั้นรึ?” หยางชวงชี้ดาบไปที่หลิงฮัน


หลิงฮันไม่ตอบ เขาเดินไปหาหยางชวงด้วยใบหน้าที่มืดมน และความโกรธของเขากลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้ทุกคนหายใจไม่ออก


“จัดการมัน!” หยางชวงสั่ง


นี่เขาบ้าหรือเปล่า ที่นี่คือฝ่ายตะวันออก!


ปัง!


ในพริบตา หมัดมากกว่าสิบหมัดแทบจะพุ่งเข้ามาหาหลิงฮันพร้อมกัน


หลิงฮันเคลื่อนที่หลบและใช้อักขระแรงโน้มถ่วง ตุบ คนเหล่านั้นไม่สามารถเข้ามาใกล้หลิงฮันได้เลย พวกเขาถูกแรงโน้มถ่วงกดทับและร่างลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นทันที


เมื่อเขามีระดับบ่มเพาะพลังที่สูงขึ้น แน่นอนว่าพลังของอักขระศักดิ์สิทธิ์แรงโน้มถ่วงก็จะเพิ่มขึ้นตาม อย่างน้อยคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับภูผาวารีขั้นสูงก็ไม่สามารถต่อต้านได้


หลิงฮันเดินหน้าต่อ โดยที่ไม่มีใครสามารถคุกคามเขาได้เลย


หยางชวงเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้เขากำลังประชันหน้ากับหลิงฮันและไม่มีอะไรมาขวางกั้นพวกเขาทั้งสองคน


ทั้งที่เขามีพลังต่อสู้เหนือกว่า เขาไม่ควรไม่สบายใจ แต่ตอนนี้ความวิตกกังวลและไม่สบายใจกลับก่อตัวขึ้นในจิตใจของเขา


“จงคุกเข่าและกล่าวขอโทษพี่ชายจิน ถ้าพี่ชายจินยกโทษให้เจ้า ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป แต่ถ้าไม่ ข้าก็จะแสดงให้เจ้าเห็นว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าความเสียใจ” หลิงฮันกล่าว


“ไร้สาระ!” หยางชวงโกรธเกรี้ยวมาก เขายกเท้าขึ้นมาจากใบหน้าของจินจื้อฮุยและเตะใส่หลิงฮัน


หลิงฮันเองก็ลงมือ ปัง ทั้งสองคนปะทะกันและล่าถอยไปด้านหลัง


หยางชวงรู้สึกตกตะลึงและพูดว่า “จ…เจ้าทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้ว!” ไม่เพียงแค่เท่านั้น พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายยังอยู่ในระดับเดียวกันกับเขาอีกด้วย!


ทั้งที่เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นกลางและมีพลังต่อสู้หนึ่งดาว แต่หลิงฮันเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้น แต่พลังของหลิงฮันกับเท่ากับเขา นี่มันหมายความว่าอย่างไร?


หลิงฮันมีพลังต่อสู้ห้าดาว!


– ในดาบเหอหนิง อัจฉริยะระดับห้าดาวมีเพียงแค่ในตำนานเท่านั้น แต่จักรพรรดินีอาจเป็นอัจฉริยะระดับห้าดาวก็เป็นได้ แต่เรื่องนั้นไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ แต่ตอนนี้เขากลับเจอคนที่มีพลังต่อสู้ห้าดาว แล้วเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร?


ยิ่งไปกว่านั้น แค่เวลาสองปี หลิงฮันก็ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้ว เขาใช้วิธีการอะไรถึงก้าวหน้าได้รวดเร็วขนาดนี้?


“คุกเข่าของเจ้า!” หลิงฮันตะโกนและกระโจนเข้าไปสยบหยางชวง


“ไม่มีทาง! ข้าไม่คิดที่จะคุกเข่าให้เจ้า!” หยางชวงตอบโต้ เขาจะต้องไม่พ่ายแพ้ให้กับหลิงฮัน


หลิงฮันโจมตีอีกฝ่ายด้วยฝ่ามือที่ทรงพลังเหมือนกับอุกกาบาต


เขาพบว่าการประเมินพลังต่อสู้ของเขานั้นไม่ถูกต้อง


โดยไม่คาดคิด พลังต่อสู้ของเขาถึงระดับห้าดาวแล้ว แต่ถ้าใช้พลังของอักขระศักดิ์สิทธิ์ด้วยมันก็จะทำให้เขามีพลังต่อสู้ระดับหกดาว


แต่นั่นยังไม่รวมทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราหรือทักษะบัญญัติดาบเร็ว


ไม่เช่นนั้นพลังต่อสู้ของเขาอาจสูงถึงเจ็ดดาว!


ต่อหน้าการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เขาสามารถต่อสู้กับจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดได้! แล้วด้วยความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของร่างกาย มันจะทำให้เขาไร้พ่ายในระดับภูผาวารี


“ยอมแพ้และคุกเข่าของเจ้าลงซะ!” หลิงฮันใช้ทักษะบัญญัติดาบเร็วที่ทั้งรวดเร็วและแหลมคม


หยางชวงกรีดร้อง เขาถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง โลหิตของเขาสาดกระเซ็นไม่หยุด ถึงแม้บาดแผลที่จะได้รับจะไม่ได้หนักหนาอะไร แต่มันก็เป็นฉากที่น่าสังเวชมาก


แม้แต่ศิษย์พี่หยางยังตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แล้วในฝ่ายตะวันออกจะมีสักกี่คนกันที่สามารถต่อกรกับหลิงฮันได้?


ปัง!


ท้ายที่สุด หลิงฮันก็ต่อยหน้าของหยางชวงและคว้าดาบจากมือฝ่ายตรงข้าม จากนั้นเขาก็เข้าไปช่วยจินจื้อฮุยและพูดว่า “พี่ชายจินเป็นอะไรหรือไม่?”


“ไม่เป็นอะไรมาก โชคดีที่ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง” จินจื้อฮุยลุกขึ้นยืน แม้เขาจะกระดูกหักแต่สำหรับจอมยุทธมันไม่ได้ร้ายแรงอะไร ตราบใดที่มีเม็ดยาดีๆก็สามารถรักษาหายได้ภายในสองสามวัน


หลิงฮันพยักหน้าและมองไปที่หยางชวงอีกครั้งพร้อมกับพูดว่า “ข้าบอกว่าจะตัดขาของเจ้าหนึ่งข้าง เจ้าคงไม่คิดว่ามันเป็นแค่คำขู่ใช่หรือไม่?”


“เจ้ากล้า!” หยางชวงสั่นด้วยความกลัว “นี่คือฝ่ายตะวันออก ถ้าเจ้าใช้ความรุนแรงมากไปกว่านี้สำนักนภาสีชาดจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไป!”


ฉัวะ!


หลิงฮันสะบั้นดาบ และขาข้างหนึ่งของหยางชวงก็ถูกตัด


“คนผู้นี้คือสหายของข้า และดาบเล่มนี้ก็เป็นดาบที่ตีขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อข้า! แต่เจ้ากลับปล้นดาบของข้า แต่เพื่อเป็นการไว้หน้าสำนักนภาสีชาดข้าจึงไม่ตัดหัวของเจ้า! แล้วอีกอย่างเจ้าไม่รู้ว่ามันเป็นความผิดร้ายแรงที่ขโมยของจากเจ้าหน้าที่ของทางการ?”


หลังจากที่หยางชวงตกตะลึงอยู่สักพักและฟังที่หลิงฮันพูด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกหดหู่มากขึ้นไปอีก ตอนนี้เขาไม่สามารถเอาชนะหลิงฮันได้ และทำได้แค่ยอมรับความพ่ายแพ้กับความอัปยศในครั้งนี้เท่านั้น


แต่โชคดีที่หลังจากทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าแล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะต่อขาที่ถูกตัดขาดกลับคืนมา


เพี๊ยะ!


หลิงฮันตบหน้าหยางชวงและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆอย่างนั้นรึ? เมื่อครู่ข้าแค่ลงโทษเจ้าเพราะเจ้าขโมยดาบของข้าเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าจะลงโทษเจ้าที่เจ้าทำร้ายพี่ชายจิน!”


เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ หลิงฮันตบหน้าหยางชวงไม่หยุด จนใบหน้าของหยางชวงปูดบวมและฟันทั้งหมดหลุดออกจากปาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาในตอนนี้ดูน่ากลัวมาก


“พอได้แล้ว!” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความไม่พอใจที่สามารถมองเห็นได้ชัดบนใบหน้า

 

 

 


ตอนที่ 1087

 

“ศิษย์พี่ถัง!” เหล่าศิษย์ของสำนักฝ่ายตะวันออกเต็มไปด้วยความปลื้มปิติ พวกเขาที่กำลังรู้สึกเกรงกลัวในที่สุดก็เจอที่พึ่งแล้ว ความหยิ่งยโสของเหล่าศิษย์แต่ละคนค่อยๆฟื้นกลับมา


ถังจิ่ว ในหมู่ศิษย์ของสำนักฝ่ายตะวันออก เขามีแข็งแกร่งติดอันดับที่เก้า!


พลังบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดและมีพลังต่อสู้สามดาว เขาเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่แทบพบได้เพียงในรอบพันปี


เหตุผลที่เขาถูกเรียกว่าถังจิ่ว(ถังที่เก้า)เป็นเพราะตอนนี้เขาแข็งแกร่งติดอันดับที่เก้า เมื่อหลายสิบปีก่อนเขาถูกเรียกว่าถังสือ(ถังที่สิบ) ในอนาคตบางทีเขาอาจจะถูกเรียกว่า ถังปา(ถังที่แปด) ถังจี่(ถังที่เจ็ด) หรือถังอื่นๆ


“ปล่อยเขาซะ!” ถังจิ่วกล่าวอย่างเย็นชา ดาวตาทั้งสองของเขาเปล่งประกายดังบอลเพลิงสองลูก แขนของเขาเป็นสีแดงเนื่องจากถูกปกคลุมด้วยอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงเข้ม อักขระสีแดงนี้ปกคลุมไปตั้งแต่หลัง ฝ่ามือ ไหล่ เขาให้ร่างของเขาดูเหมือนเป็นโลหะสีแดงเข้ม


หยิ่งยโสและมั่นใจ นิสัยเช่นนี้ของเขาคือสิ่งที่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งพึงมี


หลิงฮันเหยียบหยางชวงด้วยเท้าอย่างที่หยางชวงทำกับจินจื้อฮุยและมองไปยังถังจิ่ว “ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้น?”


“เพราะข้า ถังจิ่วเป็นคนสั่งไงล่ะ!” ถังจิ่วกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดราวกับสายฟ้าฟาด อีกฝ่ายกล้าเอ่ยถามเขากลับอย่างนั้นรึ


“ถังจิ่ว? ไม่เคยได้ยินมาก่อน!” หลิงฮันส่ายหัว


“รนหาที่ตาย!” ถังจิ่วอดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปและลงมือทันที


‘ตูม’ คลื่นพลังย็นยะเยือกพุ่งเข้าใส่บริเวณคอของหลิงฮัน


ในมือของถังจิ่วไม่รู้ว่าเขานำคันศรออกมาถือและยิงออร่าเย็นยะเยือกออกไปตั้งแต่เมื่อใด


หลิงฮันเตะร่างของหยางชวงขึ้นมา ‘ฉัวะ’ ออร่าเย็นยะเยือกโจมตีเข้าใส่ก้นของหยางชวงจนโลหะสาดกระจายและบานออก หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ฮ่าๆๆ พวกเจ้าทั้งสองมีเรื่องแค้นเคืองกันรึเปล่า ทำไมถึงได้เล็งมายังจุดนี้?”


หยางชวงมองไปยังถังจิ่วด้วยสีหน้ามืดมน นี่เจ้าเล็งอะไรของเจ้ากัน เจ้าทำอะไรอยู่กันแน่?


ถังจิ่วเกรี้ยวกราดอย่างมาก “ปล่อยตัวเขาแล้วเรื่องระหว่างเราจะจบลงด้วยดี!”


หลิงฮันส่ายหัว “ชายคนนี้ไม่ใช่ตัวประกัน แต่เป็นดาบใหม่ของข้า!”


หลิงฮันมองไปยังคอของหยางชวง ภายใต้อำนาจของพลังปราณของเขา ร่างของหยางชวงก็ตั้งตรงและถูกทำให้กลายเป็นดาบขนาดใหญ่


หยางชวงอยากจะตายไปซะบัดเดี๋ยวนี้ ไม่ใช้ว่าเขาก็จับดาบของหลิงฮันและมองเขาเช่นนี้หรอกรึ?


“หลิงฮัน เจ้าทำให้ข้ารู้สึกดูหมิ่นยิ่งนัก!” ถังจิวกล่าว


“เจ้าจะรู้สึกอย่างไรทำไมข้าจะใส่ใจเจ้าด้วย?” หลิงฮันกล่าว


ถังจิ่วกระทืบเท้าด้วยความเกรี้ยวกราดทันที “เดินผ่านสำนักฝ่ายตะวันออกตามใจชอบเช่นนี้ เจ้าไม่มีทางกลับไปครบสามสิบสองแน่นอน! ศิษย์น้องหยาง นี่อาจจะผิดกับเจ้า แต่เรื่องที่สำนักเสียหน้านั้นสำคัญกว่าตัวเจ้า!”


เขาไม่ลังแลอีกต่อไปและโจมตีด้วยพลังทั้งหมด


หลิงฮันใช้ ‘ดาบ’ ของเขาปัดป้องการโจมตี ด้วยพลังของเขาการกวัดแกว่งร่างคนย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่ทางด้านหยางชวงนั้นน่าเป็นห่วงมาก ไม่เพียงแค่เขาต้องแบกรับเจตจำนงดาบของหลิงฮันแต่ยังถูกถังจิ่วกระหน่ำโจมตีใส่อีก เพียงแค่ทั้งสองคนสู้กันไม่กี่กระบวนท่ากระดูกของเขาก็แตกหักไปอย่างน้อยสิบชิ้น


ถ้ายังให้เป็นแบบนี้เขาคงหนีไม่พ้นความตายแน่


หลิงฮันโยนร่างของหยางชวงออกไปด้านข้าง เขาเพียงแค่ใช้หยางชวงเพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น ถ้าเขาเผลอทำคนตายจริงๆคงกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สะสางไม่ได้ง่ายๆ


“คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!” ถังจิ่วคำราม ในเมื่อไม่มีอะไรคอยกรีดขวางแล้วการโจมตีของเขาจึงรุนแรงยิ่งขึ้น


“ฮ่าๆๆ” หลิงฮันหัวเราะและใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารโจมตีใส่ถังจิ่ว ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของถังจิ่วก็เชื่องช้าลงพร้อมกับเห็นหมัดของหลิงฮันชกเข้าใส่ตนเองจึงต้องเปลี่ยนจากโจมตีมาป้องกันแทน


ทักษะโจมตีทางจิตวิญญาณเป็นทักษะที่หาได้ยากยิ่ง ดังนั้นทักษะจิตเจ็ดสังหารจึงถือว่าล้ำค่ามาก ต่อให้ถังจิ่วมีพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าก็ใช่ว่าจิตวิญญาณของเขาจะแข็งแกร่งกว่าหลิงฮัน เมื่อถูกโจมตีทางจิตใจเข้าไปพลังต่อสู้ของถังจิ่วจึงลดลง


ทั้งสองคนเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด หลิงฮันใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารอย่างต่อเนื่องเพื่อจำกัดพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายให้อยู่ในระดับเดียวกับตนเอง


ถังจิ่วแทบจะเป็นบ้า เขาสามารถจัดการหลิงฮันด้วยพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าแท้ๆ แต่เพราะทักษะทีส่งผลต่อจิตวิญญาณของอีกฝ่าย ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์คับขันอยู่หลายครั้งและโจมตีได้ไม่เต็มที่ พลังต่อสู้ของเขานั้นถูกลดลงไปถึงหนึ่งหรืออาจจะสองส่วนเลยทีเดียว


เหล่าศิษย์ที่มองดูอยู่อดคิดไม่ได้ว่าทำไมหลิงฮันถึงแข็งแกร่งฝืนสวรรค์แช่นนี้?


เขามีพลังต่อสู้กี่ดาวกันแน่?


“ไม่ใช่ว่าพลังต่อสู้ของหลิงฮันเหนือกว่าแต่เป็นเพราะพลังต่อสู้ของศิษย์พี่ติงลดลง”


“ต่อให้ถูกลดลงก็เถอะ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นความสามารถของหลิงฮันอยู่ดีไม่ใช่รึไง?”


หลังจากสู้กันหลายสิบรอบ ถังจิ่วก็กระโดดหลบไปด้านข้าง


ไม่สู้แล้ว!


หากเขาสู้ต่อไปเขาคงเป็นบ้าแน่ที่ไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่และเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัด


“ไม่สู้แล้ว?” หลิงฮันยิ้ม


ถังจิ่วมองไปยังหลิงฮันด้วยความโกรธแค้น เขาไม่เอ่ยตอบและเลือกที่จะเดินจากไป เขาไม่สามารถจัดการหลิงฮันได้ เทียบกับศิษย์คนอื่นที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้ว เขาที่ขัดเกลาพลังจนบรรลุขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดมาแล้วปีนั้น เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเสียหน้าอย่างมาก


เมื่อถังจิ่วจากไปทุกคนก็นิ่งเงียบไร้คำพูด


เหนือกว่าถังจิ่วยังมีศิษย์พี่สุดแข็งแกร่งที่แปดคน แต่ไม่มีใครสักคนที่ปรากฏตัว หรือว่าศิษย์พี่เหล่านั้นอาจจะปลีกตัวไปฝึกฝนอยู่?


แค่การที่สามารถเรียกตัวถังจิ่วมาได้เมื่อครู่ก็นับว่าเหนือความคาดหมายมากแล้ว แต่ถ้าหากในเมื่อแม้แต่ถังจิ่วยังไม่สามารถจัดการหลิงฮันได้ สำนักฝ่ายตะวันออกก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว


“พี่ชายจินเชิญทางนี้!” หลิงฮันยิ้มและกล่าวกับจินจื้อฮุย


“อืม!” จินจื้อฮุยพยักหน้า


สองคนเดินเข้าประตูของสำนักฝ่ายตะวันออกและใช้เส้นทางของสำนักฝ่ายตะวันออกเดินกลับไปยังสำนักฝ่ายเหนือ


ตลอดทางมีศิษย์ของสำนักฝ่ายตะวันออกเดินตามพวกเขามา ศิษย์เหล่านั้นต่างโมโหและกำหมัดแน่น


เจ้าคิดว่าสำนักฝ่ายตะวันออกเป็นทางเดินผ่านรึไง!


จินจื้อฮุยรู้สึกสงสัยและถาม “น้องหลิง ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้ตามพวกเรามา? ทำไมตอนที่อยู่หน้าประตูแล้วข้าบอกว่าอยากพบเจ้าพวกเขาต้องโหดร้ายกับข้าด้วย?”


หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “พี่จินช่างไม่รู้อะไรเลย สำนักนภาสีชาดที่นี่นั้นแบ่งออกเป็นสี่ฝ่าย…”


หลิงฮันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง จินจื้อฮุยอดรู้สึกหดหู่ไม่ได้ ที่แท้เรื่องนี้เป็นเขาเองที่เป็นคนผิด


“พี่ชายจิน นี่คือดาบที่ท่านสร้างงั้นรึ?” หลิงฮันตบไหล่อีกฝ่ายและชี้ไปที่ดาบในมือจินจื้อฮุย


จินจื้อฮุยกลับมาตื่นเต้นทันทีและพยักหน้า “ถูกแล้วน้องชายหลิง! ดาบนี้ถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะจากนอกดวงดาวใบนี้ ในตอนที่หมู่บ้านของข้าได้รับแร่โลหะชนิดนี้มา พวกเราได้ทำการทดสอบหลายอย่างและเคยคิดว่ามันเป็นเพียงแร่โลหะระดับหนึ่ง


“เพียงแต่ว่าหลังจากการค้นคว้าหลายพันปีของข้าก็พบว่ามันไม่ใช่แร่โลหะระดับหนึ่งธรรมดา!”


“จริงอยู่ที่มันเป็นแร่โลหะระดับหนึ่งแต่ดูเหมือนมันจะเป็นโลหะที่มีชีวิตและเติบโตได้!”


“ข้าศึกษาต่ออีกเป็นเวลาหมื่นปีเพื่อค้นหาถึงวิธีที่จะรักษาความสามารถในการเติบโตของมันเอาไว้หลังจากที่หลอมเป็นดาบแล้ว!”


“และตอนนี้ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ!”

 

 

 


ตอนที่ 1088

 

หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ ดาบที่สามารถเติบโตได้?


สำหรับจอมยุทธ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสามารถใช้งานได้เป็นเวลานาน


ตัวอย่างเช่น ดาบเก้าอสูรกายที่สามารถปรับปรุงพลังการต่อสู้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่คำถามคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงจะหาจากไหนและสามารถควบคุมมันได้หรือไม่?


แม้แต่จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ยังถูกตัดแขน ซึ่งถือว่าเขาโชคดีที่โดนแค่นั้น นั่นเป็นเพราะดาบเก้าอสูรกายเป็นดาบที่บรรพบุรุษตระกูลฉังสร้างขึ้นมา ถ้าเป็นคนอื่นแม้แต่จักรพรรดินีก็ไม่สามารถใช้งานมันได้


ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้งานอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ในทันที


โดยทั่วไปแล้ว จอมยุทธจะใช้อาวุธที่อยู่ในระดับเดียวกับระดับบ่มเพาะพลังของตัวเอง แล้วอาวุธที่พวกเขาใช้นั้นสามารถใช้ได้เป็นหมื่นปีเพราะกว่าจะทะลวงผ่านระดับไปไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนอาวุธ


แต่หลิงฮันนั้นแตกต่าง ความก้าวหน้าของเขานั้นรวดเร็วเกินไป เพียงแค่สองปีจากระดับทลายมิติ ตอนนี้เขาได้ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้นแล้ว


ถ้ามีดาบที่สามารถเติบโตได้ หลิงฮันก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาวุธอีกต่อไป ทั้งยังสามารถเติบโตไปพร้อมกับเขาได้อีกด้วย


“พี่ชายจิน สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะนักตีดาบ!” หลิงฮันเชื่อว่านี่จะต้องเป็นผลงานล้ำค่าที่สุดของจินจื้อฮุยอย่างแน่นอน


แต่จินจื้อฮุยไม่ยอมรับคำชื่นชมของหลิงฮันและพูดว่า “ข้าแค่ค้นพบคุณสมบัติพิเศษของแร่โลหะนี้ จากนั้นก็สร้างมันให้รักษาคุณสมบัติพิเศษของมันเอาไว้ แร่โลหะแบบนั้นคงมีแค่ชิ้นเดียวในโลก ข้าไม่สามารถสร้างดาบเล่มที่สองที่เหมือนกับดาบเล่มนี้ได้อีกแล้ว”


“ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดและมีเพียงเล่มเดียวในโลก!” หลิงฮันชักดาบออกมาจากฝัก กลิ่นอายของดาบไม่ได้ทรงพลังมากนัก ราวกับเป็นดาบธรรมดาก็ว่าได้


“แล้วข้าจะทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร?” หลิงฮันถาม


“จากการต่อสู้ ถ้าเจ้าใช้ดาบเล่มนี้ทำลายอาวุธอื่น มันจะสามารถดูดกลืนแก่นแท้และเติบโตได้” จินจื้อฮุยกลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง แม้เขาจะสามารถสร้างดาบเล่มนี้ขึ้นมาได้ แต่นี่อาจเป็นจุดสูงสุดในชีวิตของเขาแล้วก็เป็นได้


หลินฮันคิดและพูดว่า “นั่นหมายความว่า ดาบเล่มนี้ไม่สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ใช่หรือไม่?”


“ไม่ได้!” จินจื้อฮุยส่ายหัว “เจ้าจะต้องทำทีละขั้นตอนเหมือนกับการฝึกฝนของจอมยุทธ”


“พี่ชายจิน ดาบที่ท่านสร้างขึ้นมานั้นยอดเยี่ยมเกินไป ข้าคงจะรับมันเอาไว้ไม่ได้” หลิงฮันกล่าวขอโทษ


จินจื้อฮุยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นดาบที่ข้าสัญญาว่าจะให้น้องชายหลิง นอกจากนั้นเจ้ายังเป็นคนช่วยชีวิตข้า ถ้านดาบเล่มนี้ไม่ใช่ของเจ้าก็คงไม่ใช่ของใครอื่น”


“ถ้างั้นข้าจะไม่พูดถึงเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว ขอบคุณพี่ชายจินมากสำหรับดาบเล่มนี้” หลิงฮันกล่าว


“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้างั้นพวกเราไปดื่มกันเถอะ ข้าเพิ่งเคยมาที่เมืองแห่งนี้เป็นครั้งแรกหวังว่าเจ้าจะสร้างประสบการณ์ดีๆให้กับข้า” จินจื่อฮุยพูดด้วยรอยยิ้ม


หลิงฮันพาจินจื่อฮุยไปที่ร้านขายโอสถ แล้วเรียกจักรพรรดิพิรุณกับคนอื่นๆออกมา จากนั้นพวกเขาก็ไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อดื่ม


หลังจากสนุกสนานกับจินจื้อฮุยได้ไม่กี่วัน เขาก็ต้องกลับไปที่หมู่บ้านนักตีดาบ แม้ว่าเขาจะไม่มีวัสดุในการสร้างดาบที่มอบให้กับหลิงฮัน แต่เขาก็มีความทะเยอทะยานที่จะสร้างดาบที่ทำลายกฎเกณฑ์


หลิงฮันซื้อแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งมาจำนวนมาก แม้ว่าจินจื้่อฮุยจะกล่าวว่ามันแร่เหล็กที่ใช้สร้างดาบจะพิเศษ แต่เขาไม่เคยได้ยินว่ามีแร่เหล็กชนิดไหนที่มีลักษณะดังกล่าว นี่ทำให้หลิงฮันเกิดความอยากรู้อยากเห็น


ในหอคอยทมิฬ หลิงฮันถือดาบศักดิ์สิทธิ์ลองตัดแร่โลหะที่เพิ่งซื้อมา


ฉัวะ


แร่เหล็กที่เพิ่งซื้อมาถูกตัดเป็นชิ้นๆได้อย่างง่ายดาย


“หืม?” ด้วยสัมผัมที่แหลมคมของหลิงฮัน ทำให้เขาค้นพบว่ามีบางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ถูกดูดกลืนเข้าไปในดาบ


การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในหอคอยทมิฬต่อให้มีประสาทสัมผัสการรับรู้ที่ดีกว่านี้หลายร้อยหรือหลายพันเท่าก็คงไม่มีทางพบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น


“นี่มันอะไรกัน!” หอคอยทมิฬน้อยปรากฏตัวและกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นว่า “เจ้าโชคดียิ่งนักที่ได้รับแร่เหล็กกลืนกิน!”


“เจ้ารู้จักแร่เหล็กที่ใช้สร้างดาบเล่มนี้ด้วยอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ


หอคอยทมิฬน้อยตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจว่า “แน่นอน!”


หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าเจ้าจะพูดอะไรครึ่งๆกลางๆแบบนั้นอย่าพูดจะดีกว่า”


หอคอยทมิฬน้อยส่งเสียงฮึกหัดทำเป็นไม่พอใจและพูดว่า “แร่เหล็กกลืนกินเป็นอะไรที่พิเศษมาก ถึงแม้มันจะเป็นแร่เหล็กระดับต่ำที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับหนึ่ง แต่มันสามารถเติบโตได้อย่างไม่มีขีดจำกัด แล้วใครบางคนได้กล่าวไว้ว่ามันสามารถบรรลุได้ถึงแร่เหล็กระดับนิรันดร์!”


แร่เหล็กระดับนิรันดร์!


หัวใจของหลิงฮันรู้สึกหวั่นไหว เขาได้ยินหอคอยน้อยพูดว่าแร่เหล็กระดับนิรันดร์ ซึ่งมันเหนือกว่าแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ซะอีก ยิ่งไปกว่านั้นแร่เหล็กระดับนิรันดร์จะจำแนกตามลักษณะเฉพาะของมันเท่านั้น และไม่มีการแบ่งระดับหรือขั้นแต่อย่างใด ซึ่งแร่เหล็กระดับนิรันดร์ทุกชิ้นล้วนแต่มีค่า


มันจะมีโอกาสกลายเป็นแร่เหล็กระดับเซียนในอนาคตอย่างนั้นหรือ?


ถ้าจินจื่อฮุยรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะเสียใจที่มอบดาบเล่มนี้ให้กับข้าหรือไม่?


ไม่แน่นอน!


หลิงฮันส่ายหัว สำหรับนักตีดาบ การที่ได้สร้างดาบชั้นยอดขึ้นมาได้ถือเป็นความใฝ่ฝันของนักตีดาบ หากตีดาบแล้วเก็บเอาไว้ก็คงจะเหมือนกับไข่มุกธรรมดา


“อย่างไรก็ตาม ที่ข้าพูดเป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น” หอคอยน้อยกล่าวเสริมว่า “การที่จะทำให้มันเติมโตได้เจ้าต้องใช้แร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก นอกจากนี้แร่เหล็กที่ต้องใช้จะต้องอยู่ในระดับเดียวกับมัน”


“มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลายเป็นแร่เหล็ก เพราะในท้ายที่สุดไม่ใช่ว่ามันมีแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดยี่สิบระดับในโลกใบนี้หรอกหรือ?”


หลิงฮันพยักหน้า แร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าขึ้นไปเริ่มหายาก และแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าหายากเหมือนกับจอมยุทธระดับดารา ดังนั้นแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบคงหายากเหมือนกับจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง แล้วเขาจะหาแร่เหล็กพวกนั้นมาให้ดาบของเขากลืนกินได้จากที่ไหนกัน?”


หลิงฮันส่ายหัวอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปีที่จะไปถึงระดับนั้น ตอนนี้เขาไม่ควรเก็บเรื่องนั้นมาคิดจะดีกว่า


หลังจากที่ใช้ดาบฟันแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายครั้ง แร่เหล็กพวกนั้นก็เริ่มสลายราวกับเป็นกากของเสีย


“พลังของพวกมันคงถูกดูดกลืนไปหมดแล้ว” หลิงฮันพูดกับตัวเอง


“จะว่าไปแล้วดาบเล่มนี้จะต้องอยู่กับข้าไปอีกนาน ถ้างั้นข้าจะตั้งชื่อดาบเล่มนี้ว่าอะไรดี?”

 

 

 


ตอนที่ 1089

 

หลิงฮันไม่มีพรสวรรค์ในการตั้งชื่อแม้แต่น้อย


หากดูจากแต่ละชื่อที่เขาเคยตั้งจะรู้ได้ว่ามันสิ้นคิดแค่ไหน


“ในเมื่อตอนนี้มันกลายเป็นแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว และในอนาคตมันอาจจะกลายเป็นแร่เหล็กระดับนิรันดร์… ดาบระดับนิรันดร์งั้นรึ” หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเริ่มเบื่อและตั้งชื่อไปส่งๆ


“ถ้าเรียกว่าดาบอสูรนิรันดร์จะดูโอ้อวดเกินไปรึเปล่า?”


“ช่างเถอะ เอาเป็นดาบอสูรนิรันดร์แล้วกัน”


เขาหัวเราะอย่างมีความสุขและเพิ่มระดับให้ดาบอสูรนิรันดร์อย่างต่อเนื่อง


ทุกๆครั้งที่เหวี่ยงดาบ ดาบอสูรนิรันดร์ก็จะเกิดการพัฒนาทีละน้อย แต่การพัฒนาก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า หากต้องการจะให้ดาบระดับหนึ่งพัฒนาเป็นดาบระดับสอง เขาจำเป็นต้องใช้แร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก


“โชคดีที่สำหรับข้าตอนนี้แร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งไม่นับว่าผลาญเงินเท่าไหร่!”


หลิงฮันใช้เวลาสามวันสามคืนในหอคอยทมิฬเพื่อขัดเกลาดาบศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง ในระหว่างนี้เขาออกจากหอคอยทมิฬไปครั้งหนึ่งเพื่อนำแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์มาเพิ่ม และในที่สุดเมื่อผ่านไปสามวัน ดาบอสูรนิรันดร์ก็เกิดการเปลี่ยนไปที่สามารถเห็นได้ชัด


ดาบพัฒนาเป็นแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสองแล้ว!


หลิงฮันพบว่าในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เจตจำนงของเขาได้เข้าไปอยู่ในดาบอสูรนิรันดร์จนถึงจุดสูงสุด ภายในเวลาไม่เท่าไหร่รูปแบบอักษรศักดิ์สิทธิ์ถึงเจ็ดอันก็ถูกสลักลงไปบนตัวดาบ


เรื่องนี้ทำให้หลิงฮันตกตะลึงมาก


ต้องรู้ก่อนว่าการจะทำให้เจตจำนงหลอมรวมกับอาวุธจนก่อให้เกิดเป็นรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์นั้นต้องใช้ระยะเวลานานมาก โดยปกติแล้วต้องใช้เวลาถึงอย่างน้อยหนึ่งน้อยปี


ดาบอสูรนิรันดร์ราวกับกลายเป็นกระดาษเปล่าหลังจากเปลี่ยนแปลงเพิ่มระดับและรอคอยให้หลิงฮันคนคนวาดเขียนเติมแต่งลงไป ภายในชั่วเวลาไม่เท่าไหร่รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ตั้งเจ็ดอันก็ถูกสลักลงไปแล้ว จะไม่ให้หลิงฮันดีใจได้อย่างไร?


“ตอนนี้ความทนทานของดาบพัฒนาเป็นแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสองแล้ว แต่พลังทำลายของมันยังเป็นเพียงอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง”


นี่หมายความว่าหากเขาใช้ดาบนี้โจมตี ดาบจะไม่ช่วยเสริมพลังให้กับเขาและพลังทำลายที่เกิดขึ้นจะเป็นพลังของเขาอย่างเดียว ดาบอสูรนิรันดร์ในตอนนี้เป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสองไม่ใช่อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง


“ข้าต้องขัดเกลาพัฒนามันต่อไป”


ไม่เช่นนั้นหากเขาใช้ดาบนี้ปะทะกับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามหรือสี่ มีโอกาสสูงมากที่ดาบของเขาจะแตกหักและต้องไปขอให้จินจื้อฮุยซ่อมให้ หากปล่อยไว้โดยไม่ซ่อมคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ที่สามารถเติบโดตได้ของแร่เหล็กกลืนกินอาจจะหายไปก็ได้


หากเป็นเช่นนั้นจริงจินจื้อฮุยคงผิดหวังในตัวเขาเป็นแน่ นั่นเพราะอีกฝ่ายใช้เวลาเป็นหมื่นปีในการสร้างดาบอสูรนิรันดร์เล่มนี้ขึ้นมา


“แต่ว่า… ข้าไม่มีเงินแล้ว!”


“ข้าจนอีกแล้ว!”


เฮ้ออ!


หลิงฮันถอนหายใจ ตอนที่เขาซื้อแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก เขาใช้เงินเก็บไปแทบทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ด้วยผลึกก่อเกิดที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเขาจะซื้อแร่โลหะระดับสองได้อย่างไร?


ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมหอคอยน้อยจึงบอกว่าการที่แร่เหล็กกลืนกินจะพัฒนาเป็นแร่โลหะนิรันดร์ได้ถึงเป็นเพียงทฤษฎี หากจะทำสำเร็จจริง เกรงว่าคงต้องใช้แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ทั้งยี่สิบระดับจากทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์


“จริงสิ ไม่ใช่ว่าหอคอยทมิฬสามารถสร้างแร่โลหะขึ้นมาได้หรอกรึ?”


หอคอยทมิฬจะสร้างแร่โลหะระดับพระเจ้าทุกปีเหมือนกับที่สร้างหินพลังวิญญาณ เพียงแต่ว่าหากเขาไม่นำแร่โลหะที่ว่าไปใช้ระดับของมันก็จะเพิ่มขึ้นทุกๆปี เรื่องนี้ทำให้หลิงฮันรู้สึกลังเล


นั่นเพราะต่อให้แร่โลหะมีระดับต่ำแต่หากมีจำนวนนับร้อยก็ดีกว่าแร่โลหะระดับสูงชิ้นเดียว


“ลืมเรื่องนั้นไปก่อนแล้วกัน สิ่งที่ข้าต้องการตอนนี้คือแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสองจำนวนมหาศาล” หลิงฮันกล่าวในใจ


“ถ้าเงินไม่มีก็ต้องใช้ทักษะการปรุงยาให้เกิดประโยชน์!”


หลิงฮันเลือกบ่มเพาะพลังให้ช้าลงและเอาเวลาไปทุ่มเทกับการปรุงยา เพราะอย่างไรเขาก็ครอบครองต้นสังสารวัฏ เขาบ่มเพาะแค่หนึ่งวันก็เท่ากับคนอื่นบ่มเพาะพลังหนึ่งปี


เขาตัดสินใจหลอมเม็ดยารอเวลารับสมัครศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง


ทางด้านสุ่ยเยี่ยนยวี่นางใช้เวลาบ่มเพาะพลังให้ก้าวหน้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่านางฝึกฝนภายใต้ต้นสังสารวัฏ


เป้าหมายของนางเดาไม่ยาก นั่นคือการถูกเลือกโดยนิกายสวรรค์เยือกแข็งพร้อมกับหลิงฮันนั่นเอง หากนางไม่ถูกเลือกก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าใด! ยิ่งกว่านั้นแสงแห่งความรุ่งโรจน์ของหลิงฮันเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดปกปิดได้มิด นางต้องจับตามองเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้สตรีใดมายุ่มย่าม


แต่นางรู้ดีว่านางไม่ได้มีพรสวรรค์ในทักษะยุทธที่สูงมาก พลังต่อสู้ของนางคือสองดาวเท่านั้น แม้ในสำนักนภาสีชาดจะถือว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ท่ามกลางหมู่ดาราจรัสแสงอย่างศิษย์นับร้อยของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง พลังต่อสู้สองดาวไม่นับว่าเป็นอันใดเลย


ดังนั้นหากนางต้องการเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็งนางจำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งอื่น


สิ่งนั้นคืออายุและพลังบ่มเพาะ


จอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วไปย่อมไม่อยู่ในสายตาของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงหรือขั้นสูงสุดที่อายุต่ำกว่าสี่สิบปีล่ะ? จอมยุทธเช่นนี้ยังพอเรียกได้ว่าเป็นหัวกะทิแนวหน้า


แม้พรสวรรค์ของข้าจะไม่สูงเท่า แต่ข้าสามารถบ่มเพาะพลังได้เร็วกว่าและมีพลังบ่มเพาะสูงกว่าก็นับว่าข้าเหนือกว่า


หลิงฮันอดหัวเราะไม่ได้ “ภรรยาข้า หัวใจของเจ้าส่งมาถึงสามีแล้ว ไหนมาให้ข้าจูบหน่อยสิ”


Anchor


สุ่ยเยี่ยนยวี่กรอกตาและกล่าว “ข้าต้องการเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็งเพื่อความก้าวหน้าของข้าเอง มีส่วนไหนที่เกี่ยวกับเจ้า?”


สตรีผู้นี้ช่างหน้าบาง!


หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ภรรยาข้า เจ้าเป็นเช่นนี้ตลอด เอาแต่ปฏิเสธว่าเจ้าถูกข้าสยบแล้ว! แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไร ข้ายินดีที่จะสนุกไปกับการสยบเจ้าอย่างช้าๆ!”


“หืม?”


จู่ๆก็เกิดคลื่นสั่นไหวที่สั่นไปถึงหัวใจ จากนั้นทั้งสองคนแหงนมองบนท้องฟ้าพร้อมกัน


ท่ามกลางท้องฟ้ามีดวงตะวันลอยอยู่โดยมีดวงดาวอยู่ล้อมรอบ แต่กลับมีดาวดวงใหญ่ดวงหนึ่งที่ปลดปล่อยแสงอันสว่างไสวเกินกว่าดาวดวงอื่น


ครืนน!


เกิดคลื่นสั่นไหวขึ้นอีกระลอกอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ทั้งสองมั่นใจว่าคลื่นสั่นไหวที่เกิดขึ้นจะต้องเกี่ยวกับดวงดาวที่ส่องประกายดวงนั้นแน่


“ดาวดวงนั้นคืออะไรกัน หรือนั่นจะเป็นดาวที่ใกล้จะดับสลายและกำลงจะระเบิดตัวเอง?”


ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างจากโลกใบเล็ก ในส่วนของโลกใบเล็กนั้นดวงดาวดวงนึงจะมีเพียงทวีปเดียว และดวงดาวบนท้องฟ้าก็เป็นเพียงอุกาบาตที่จอมยุทธที่แข็งแกร่งสามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย


แต่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น ดวงดาวทุกดวงจะมีขนาดใหญ่ แม้แต่เปลวเพลิงของดวงอาทิตย์ก็สามารถแผดเผาจอมยุทธระดับดาราให้มอดไหม้ได้ แม้แต่ระดับวารีนิรันดร์ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ดวงอาทิตย์


ดวงทุกๆดวงนั้นมีอายุขัยของตัวมันเอง ซึ่งอายุขัยของดาวแต่ละดวงอาจจะมีทั้งพันล้านปีหรือหลายพันล้านปี แม้แต่จอมยุทธระดับดาราที่อายุยืนยาวก็ยังยากที่จะพบเห็นดาวที่สิ้นอายุขัย


พวกเขาเคยได้ยินมาว่าดาวดวงใดที่ถึงจุดจบมันจะเกิดปรากฏการณ์การระเบิดครั้งใหญ่


เหตุการณ์เช่นนั้นถือว่าน่าสะพรึงกลัวมาก ลองคิดดูว่าดาวดวงหนึ่งมีจอมยุทธอาศัยอยู่มากมายเท่าใด โดยการระเบิดนั้นจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ลมหายใจต่อให้เป็นจอมยุทธระดับดาราก็เกรงว่าจะตกตายใจพริบตา


พลังทำลายล้างของการระเบิดครั้งใหญ่มีเพียงตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งที่สามารถต้านทานไหว


เพราะงั้นตอนนี้เมื่อดวงดาวบนท้องฟ้าเกิดการระเบิด จึงเป็นไปได้มากกว่าดาวดวงนั้นได้มาถึงอายุขัยของมันแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)