Alchemy Emperor of the Divine Dao 1069-1075
ตอนที่ 1069
หลิงฮันชะงัก จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์เป็นถึงหนึ่งในสามผู้แข็งแกร่งที่สุดของดาวดวงนี้ถูกทำให้แขนขาด!
เท่านี้ก็ยืนยันความแข็งแกร่งของดาวเก้าอสุรกายได้แล้ว
ถ้าจักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ได้ครอบครองดาบนั่นจริงๆ จักรพรรดินีแห่งดาราจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้รึไม่? บางทีจักรพรรดินีอาจจะต้องกลายเป็นสตรีของเขา!
เมื่อคิดเช่นนี้หลิงฮันก็อดรู้สึกปวดใจไม่ได้
เขาดีว่าเขาหลงเสน่ห์ของจักรพรรดินีแล้ว หลิงฮันเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เขาไม่ต้องการให้จักรพรรดินีตกไปอยู่ในอ้อมแขนของชายอื่น
“ฮ่าๆๆ!” จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์หัวเราะลั่นกลางอากาศ แสงสว่างจ้าบนท้องฟ้าค่อยๆจางหายไป เขายังคงยืนอยู่อย่างองอาจแม้จะเหลือแขนซ้ายที่ถือดาบอยู่เพียงข้างเดียว
ดาบอสุรกายตกอยู่ในมือเขาแล้ว!
ด้วยสายโลหิตในร่างและพลังที่แข็งแกร่งมากพอของเขา หลังจากยอมเสียแขนไปหนึ่งข้างเขาก็ได้กลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของดาบเก้าอสุรกาย
ขนาดอยู่ในหอคอยทมิฬหลิงฮันก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของดาบนั่น เขารู้สึเราวกับจิตใจกำลังถูกเจาะทะลวง
ดาบเก้าอสุรกายคืออุปกรณ์ระดับวารีนิรันดร์หรืออุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามเป็นอย่างน้อย!
ต่อให้ตอนนี้ดาบจะหักไม่สมบูรณ์แต่ก็ยังทรงพลังอยู่ดี ขนาดจักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ที่มีสายเลือดเดียวกันยังต้องยอมจ่ายแขนข้างหนึ่งเพื่อครอบครองมัน!
ถ้าหากอีกสามส่วนที่เหลือถูกนำมาผสานจนสมบูรณ์มันจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน?
“ท่านพี่ เป็นอะไรมากรึไม่?” ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์เข้ามาหาจักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ เนื่องจากดาบเก้าอสุรกายถูกครอบครองแล้ว ปราณชั่วร้ายจึงสลายหายไป
“ไม่สาหัสมาก แค่แขนขาดครึ่งปีก็รักษาได้แล้ว” จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ไม่สนใจบาดแผลของตัวเอง สำหรับเขาบาดแผลแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับพลังที่เขาได้รับมา
“ชิ้นส่วนที่เหลือข้ามอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าเช่นเดิม ข้าต้องควบคุมด้ามจับนี้อย่างสมบูรณ์ให้ได้ก่อน แล้วการรวบรวมอีกดาบสามส่วนที่เหลือจะง่ายขึ้น” จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์กล่าว
“ขอรับ!” ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์ตอบรับ การรวบรวมดาบอีกสามส่วนเขายังจำเป็นต้องสร้างแท่นบูชาเพื่อกำจัดปราณชั่วร้ายเพื่อครอบครองพวกมันอยู่ดี ต่อให้จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์มีด้ามจับอยู่แล้วก็ยังเป็นเรื่องยาก
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์หันหลังและจากไป
แววตาของราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์จ้องลงไปที่พื้นดินด้วยจิตสังหาร
เขารู้ว่าก่อนหน้านี้หลิงฮันซ่อนตัวอยู่ในเงามืด โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีอะไรในการซ่อนกลิ่นอายของตัวเอง ขนาดการโจมตีของเขาก็ไม่สามารถบีบบังคับให้อีกฝ่ายปรากฏตัวออกมา แต่ตอนนี้เขาไม่มั่นใจว่าหลิงฮันยังอยู่ที่นี่อยู่รึเปล่า
เขาเกลียดผู้บุกรุกคนนี้มากเนื่องจากเกือบจะทำให้การบูชายันล้มเหลว เขาต้องการเป็นคนจัดการหลิงฮันด้วยตัวเอง
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะไปยุ่งกับหลิงฮันแล้ว นอกจากนี้จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ก็ครอบครองดาบเก้าอสุรกายได้สำเร็จ พลังต่อสู้ของจักรพรรดิเพิ่มขึ้นเป็นระดับวารีนิรันดร์ไปโดนปริยาย ต่อให้ข่าวเรื่องการบูชายันรั่วไหลก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
เขากวาดสายตามองวนไปมาก่อนจะหันหลังจากไป เขามีภารกิจสำคัญต้องทำต่อ
หลังจากอีกฝ่ายจากไปนานพอสมควรหลิงฮันถึงปรากฏตัวออกมาจากหอคอยทมิฬ เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะแอบลอบสังหารเขา ถึงแม้ความคิดนั้นจะเป็นไปได้น้อยก็ตามที่ปรมาจารย์ระดับดาราจะมาแอบลอบสังหารรุ่นเยาว์ตัวน้อยๆเช่นเขา
หลิงฮันแยกทางกับลูกสุนัข เขานำอุปกรณ์บินออกมาและมุ่งหน้าไปยังค่ายพักแรมของแคว้นพิรุณบูรพา
เนื่องจากไม่ปราณชั่วร้ายหลงเหลือแล้วเขาจึงไปถึงแม่น้ำคลื่นพิโรธอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันควบควนอุปกรณ์บินให้ร่อนลงพื้น
“ใครกัน!” เขาถูกล้อมด้วยกองทหารทันที
“ศิษย์สำนักนภาสีชาด หลิงฮัน!” เขาแจ้งสถานะของตนเองออกไป
เหล่าทหารไม่กล้าเชื่อคำกล่าวของเขาและรีบไปตรวจสอบสถานะของเขาว่าเป็นเรื่องจริงรึไม่
“หลิงฮัน!” จ้าวหลุนเป็นคนแรกที่มาถึง เมื่อเห็นหลิงฮันสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้
ภารกิจลอบโจมตีแคว้นราชสีห์ทองคำล้มเหลว ซึ่งเรื่องนี้เขาก็เสียชื่อมากพอแล้ว เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นถึงการนำทัพครั้งแรกของเขาที่เป็นบุตรชายของจอมพลจ้าว
แต่เขาก็ยังปลอมใจตัวเองให้ไม่หดหู่ได้เพราะกองทัพที่เขานำไปถูกลอบโจมตีโดยจอมยุทธระดับสุริยันจันทรานับร้อย ซึ่งหลิงฮันก็ต้องตกตายด้วยเงื้อมมือของแคว้นราชสีห์ทองคำอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหลิงฮันยังมีชีวิตอยู่ด้วยสภาพปกติดี ใบหน้าของเขาจึงเปลี่ยนเป็นมืดมน
“เจ้ารอดกลับมาได้อย่างไร?” จ้าวหลุนเค้นเสียงกล่าว “เจ้าต้องถูกศัตรูส่งกลับมาเพื่อเป็นสายลับไม่ผิดแน่!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ทหารทุกคนก็มีท่าทางเอะอะทันที
สำหรับกองทัพทหารแล้ว สิ่งที่พวกเขาเกลียดที่สุดคือคนทรยศ
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย “ทายาทจ้าว เจ้าใช้สายตาข้างไหนมองเห็นว่าข้าถูกศัตรูจับตัวไป? ถ้าเจ้าไม่รู้อะไรจริงก็ไม่ควรพูดจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นถึงแม้เจ้าจะเป็นบุตรชายของจอมพลจ้าว ข้าก็จำนะเรื่องนี้ไปแจ้งกับองค์จักรพรรดิให้มอบความเป็นธรรมแก่ข้า!”
“ฮึ่ม พวกเราถูกลอบโจมตี ข้ามีเกราะสมบัติอยู่จึงรอดมาได้ แล้วเจ้าล่ะมีอะไรคุ้มครอง? นอกจากนั้นที่เจ้ากลับมาหลายวันหลังจากการลอบโจมตีก็เพราะเจ้าถูกกับกุมตัวไปไม่ใช่รึไง?” จ้าวหลุนกล่าวอย่างเย็นชา
ในเมื่อเขาสังหารหลิงฮันในสนามรบไม่สำเร็จ เขาก็จะสร้างความผิดให้หลิงฮันแทน ตราบใดที่โทษความผิดร้ายแรงพอก็ไม่จำเป็นต้องพาตัวกลับไปเมืองจักรพรรดิและใช้กฎของกองทัพสังหารได้ทันที!
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ทายาทจ้าวเล่าเรื่องได้เก่งนัก! สถานการณ์ในช่วงเวลานั้นโกลาหลเป็นอย่างมาก ข้าไม่ใช่แม้แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราหรือมีเกราะสมบัติเช่นเจ้า ดังนั้นจึงทำได้เพียงเลือกหนทางหลบหนีอ้อมไปในระยะทางที่ห่างไกลแล้วค่อยวนกลับมาที่นี่ ดังนั้นข้าจึงใช้เวลานานกว่าทายาทจ้าว”
“ช่างแต่งเรื่องเก่ง!” จ้าวหลุนกล่าวพาดพิงใส่หลิงฮัน
หลิงฮันยักไหล่และกล่าว “ทายาทจ้าว ทุกเรื่องที่พูดควรมีหลักฐาน ไม่เช่นนัน้ข้าจะแจ้งเจ้าโทษฐานใส่ร้ายข้า”
จ้าวหลุนใช้สายตาอาฆาตจ้องมาที่เขาชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ข้าจะหาหลักฐานให้ดูเอง!” เขากล่าวและสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
ดื้อด้านและจิตใจคับแคบ
หลิงฮันคิดในใจและมุ่งหน้าไปหาราชินีที่เก้าทันที เหตุการณ์เรื่องดาบเก้าอสุรกายเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินไปต้องรีบรายงานโดยด่วน ไม่เช่นนั้นหากจักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์รวบรวมดาบเก้าอสุรกายได้ครบ เขาคงปกคลุมท้องฟ้าได้ด้วยฝ่ามือเดียว
“หลิงฮัน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวทักทาย เมื่อนางเห็นเขาน้ำตาก็ไหลออกมา
กองทัพลอบโจมตีทำภารกิจไม่สำเร็จและมีเพียงจ้าวหลุนที่หนีรอดกลับมาได้ เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนคิดว่าคงไม่มีใครอื่นรอดกลับมาอีกแล้ว
สุ่ยเยี่ยนยวี่นั้นถึงแม้นางจะมั่นใจในตัวหลิงฮัน แต่การที่หลิงฮันไม่กลับมาเป็นเวลาสองสามวันนางก็อดรู้สึกเป็นกังวลไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้เมื่อนางหลิงฮันปรากฏตัวนางจึงรู้โล่งใจและรู้สึกราวกับจะหมดแรงล้มไปนั่งกับพื้น
ตอนที่ 1070
หลิงฮันเดินเข้าไปโอบกอดนางพร้อมกับพูดว่า “ไม่ต้องกังวล เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีไพ่ลับอยู่กี่ใบ?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ซุกตัวเองในอ้อมแขนของเขาและไม่พูดตอบกลับอะไร
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงของสุ่ยเยี่ยนยวี่ที่มีให้กับเขา ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะตื้นตันใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพลอดรักกัน
“ข้าขอตัวไปหาราชินีที่เก้าก่อน ข้ามีความลับที่น่าทึ่งที่ต้องบอกนางให้เร็วที่สุด” หลิงฮันกล่าว
เขาต้องการไปหาหูเฟยหยิน แต่เมื่อนางรู้ว่าหลิงฮันกลับมาแล้ว นางก็รีบออกมาต้อนรับเขาและพูดว่า “จ้าวหลุนจับเจ้าเข้าไปในกลุ่มลอบโจมตีของเขา มันทำให้ข้าเป็นห่วงเจ้าอยู่ตลอดเวลา แต่โชดดียิ่งนักที่เจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย!”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของท่าน อย่างไรก็ตาม ข้าได้ค้นพบข้อมูลที่น่าทึ่งจากกองทัพศัตรู ดังนั้นข้าจึงอยากกลับไปที่เมืองหลวงทันทีเพื่อรายงานเรื่องนี้ให้องค์จักรพรรดินีทราบ!”
“มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?” หูเฟยหยินกระพริบตาด้วยความสงสัย
“มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก!” หลิงฮันพยักหน้า
หูเฟยหยินคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ก็ได้ พวกเราจะเดินทางกลับเดี๋ยวนี้!”
หากไม่ได้ราชินีที่เก้าช่วย หลิงฮันคงไม่มีทางเข้าพบจักรพรรดินีได้แน่ และด้วยสถานะของราชินีที่เก้า ถ้านางจะเดินทางกลับ ใครจะขัดขวางนางได้?
หลิงฮัน สุ่ยเยี่ยนยวี่ ราชินีที่เก้า พวกเขาทั้งสามคนกลับไปที่เมืองจักรพรรดิของจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะทันที ด้วยพาหนะแหวกเมฆา
ในตอนที่พวกเขาเดินทางมาที่นี่ พวกเขาใช้เวลาสองเดือน แต่ขากลับพวกเขาเวลาแค่สามวันเท่านั้น นี่แสดงให้เห็นว่าพาหนะแหวกเมฆารวดเร็วเพียงใด
เมื่อกลับมาที่เมืองจักรพรรดิ หลิงฮันก็จอดพาหนะแหวกเมฆาไว้ที่ด้านหน้าประตูเมือง เพราะไม่มีใครกล้าบินเข้าไปในเมืองหลวงโดยตรง มิฉะนั้นอาจถูกโจมตีได้
ภายใต้การนำทางของหูเฟยหยิน ทำให้พวกเขาสามารถเดินเข้าไปในเมืองได้โดยที่ไม่มีใครขวาง และในไม่ช้าพวกเขาก็เดินมาถึงประตูพระราชวัง
หูเฟยหยินขอให้องครักษ์หญิงรายงานองคจักรพรรดินีว่าจะเข้าเฝ้า หลังจากรอครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็ถูกเรียกตัวเข้าพบ
“พี่สาว!” หูเฟยหยินรีบเดินเข้าไปหาและพูดว่า “ข้าไม่อยากเห็นคนอื่นต้องตายอีกแล้ว!”
จักรพรรดินีนั่งอยู่บนบัลลังก์ ซึ่งอยู่สูงจากพื้นประมาณครึ่งฟุต ใบหน้าของนางยังคงเบลอเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางได้ แต่ร่างกายที่เพรียวบางและสมบูรณ์แบบของนางนั้นเป็นของจริง
“คารวะองค์จักรพรรดินี!” หลิงฮันคุกกล่าวทำความเคารพและคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ได้มากับพวกเขาด้วย เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องพานางมาที่นี่
จักรพรรดินีจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาที่เย็นชา และไม่พูดให้เขาลุกขึ้นยืน แรงกดดันจากดวงตาของนางเป็นเหมือนภูเขาที่กดทับเขา
ในตอนนี้เอง แม้แต่หูเฟยหยินก็ยังไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว ไม่มีใครสามารถล่วงเกินจักรพรรดินีได้
“ทำไมเจ้าถึงเร่งเร้าให้น้องของข้าพาเจ้ากลับมาที่นี่?” ในที่สุดจักรพรรดินีก็กล่าวถามด้วยความไม่พอใจ
หลิงฮันเข้าใจว่าจักรพรรดินีไม่ได้โกรธพวกเขาทั้งสองคนที่หนีออกมาจากแนวหน้าอย่างกะทันหัน แต่ที่นางโกรธคืออิทธิพลของหลิงฮันที่มีต่อหูเฟยหยิน
หลิงฮันกล่าวว่า “ข้าค้นพบเรื่องที่น่าอัศจรรย์บางอย่างและต้องการรายงานเรื่องนี้ให้องคจักรพรรดินีทราบให้เร็วที่สุด แต่ข้ามีตำแหน่งต่ำเกินไป มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าพบท่านได้ ดังนั้นหนทางเดียวของข้าคือร้องขอความช่วยเหลือจากราชินีที่เก้า”
“เจ้ามีเรื่องสำคัญอันใด?” จักรพรรดินีปล่อยวางเรื่องส่วนตัวไว้ชั่วคราว
หลิงฮันจัดเรียงความคิดของตัวเอง จากนั้นเขาก็เริ่มพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์
“เจ้าพูดว่าไงนะ!” หูเฟยหยินแสดงสีหน้าตกใจและเขย่าแขนของจักรพรรดินีพร้อมกับพูดว่า “พี่สาว ข้าควรทำเช่นไรดี? ข้าสามารถทำอะไรได้บ้าง?”
จักรพรรดินียังคงนิ่งเฉยและกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องพวกนั้นมาหลายปีแล้วว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์นั้นคือบรรพบุรุษตระกูลฉัง แต่หลังจากมหาสงครามครั้งใหญ่ ทำให้ตระกูลฉังล้มสลายและถูกแทนที่ด้วยจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม”
“แต่จักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามก็ประสบกับวิกฤติครั้งใหญ่หลายครั้ง ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลงและไม่อาจรักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้ จนท้ายที่สุดตระกูลฉังก็กลับมาลุกขึ้นอีกครั้งและสถาปนาจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์”
หลิงฮันตั้งใจฟัง แต่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร มันมีความบาดหมางอย่างลึกซึ้งระหว่างจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองแห่ง
ด้วยเหตุนี้ จักรพรรดิราชวงศ์นภาสีครามและจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์จึงมีรากฐานมาจากจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ ในขณะที่จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะเพิ่งก่อตั้งได้หนึ่งล้านปีเท่านั้น
มันคงเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานสำหรับโลกใบเล็ก แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เวลาหนึ่งล้านปีไม่ได้ยาวนานอะไรเลย แล้วไม่ใช่ว่าจักรวรรดิทั้งสองแห่งมีประวัติศาสตร์มานานกว่าร้อยปีหรอกหรือ?
“ข้าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง!” จักรพรรดินีลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน
“พี่สาว จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์มีดาบเก้าอสูรกาย มันคงดีกว่าถ้าพวกเราร่วมมือกับจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม ไม่เช่นนั้นมันจะอันตรายเกินไป!” หูเฟยหยินรีบกล่าวแนะนำ
“ไม่ต้องกังวล!” น้ำเสียงของจักรพรรดินีเต็มไปด้วยความมั่นใจ
หลิงฮันรู้ว่านางเอาความมั่นใจมาจากไหน อย่างน้อยมันจะต้องเกี่ยวกับหินต้นกำเนิดสวรรค์ที่สามารถดูดซับการโจมตีได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน
แม้ว่าดาบเก้าอสูรกายจะทรงพลังมาก แต่การโจมตีของมันอยู่แค่ในระดับวารีนิรันดร์เท่านั้น ซึ่งยังห่างจากขีดจำกัดที่หินต้นกำเนิดสวรรค์จะสามารถดูดซับได้ ดังนั้นในเมื่อมีหินแปลกประหลาดอยู่ในมือ จักรพรรดินีจึงไม่สนใจดาบเก้าอสูรกายมากนัก
จักรพรรดินีหันไปมองหลิงฮันเหมือนกับว่านางเดาความคิดของหลิงฮันออก
หลิงฮันแสดงสีหน้าเคร่งขรึมและไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็น
จากนั้นจักรพรรดินีหยุดมองหลิงฮันและเดินไปข้างหน้า เบื้องหลังนางมีดาวหลายดวงปรากฏอยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นร่างของนางก็กลายเป็นลำแสงและหายขึ้นไปบนท้องฟ้าในพริบตา
“พวกเราเองก็ไปกันเถอะ!” หลิงฮันวิ่งออกไปจากพระราชวังพร้อมกับหูเฟยหยิน แต่พวกเขาไม่ใช่จักรพรรดินีที่สามารถบินในเมืองได้อย่างอิสระ พวกเขาจะต้องออกไปจากเมืองก่อนแล้วขึ้นพาหนะแหวกเมฆาเพื่อมุ่งหน้าไปยังแคว้นพิรุณบูรพา
เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึง แคว้นราชสีห์ทองคำก็ล่าถอยไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ว่าจักรพรรดินีต่อสู้กับจักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์เช่นไร พวกเขาไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขารู้แค่ว่าจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์คงกลัวที่จะทำสงครามเต็มรูปแบบกับจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ พวกเขาจึงเลือกที่จะล่าถอย
สงครามได้สิ้นสุดอย่างกะทันหัน
แต่หลิงฮันรู้ว่ามันจะต้องเป็นจักรพรรดินีที่เป็นฝ่ายชนะ หรือย่างน้อยก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ
หินต้นกำเนิดสวรรค์ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!
หากไม่มีหินต้นกำเนิดสวรรค์ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จักรพรรดินีจะพ่ายแพ้ แม้จะเป็นแค่ด้ามดาบของดาบเก้าอสูรกายก็ตาม
ท้ายที่สุดแล้วหินต้นกำเนิดสวรรค์จะสามารถป้องกันการโจมตีได้กี่ครั้ง?
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ความแข็งแกร่งโดยรวมของเขาจะต้องได้รับผลกระทบ ถ้าเขาทำลายหินต้นกำเนิดสวรรค์ได้เท่านั้น ถึงจะเอาชนะจักรพรรดินีได้
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนท้าย ดาบเก้าอสูรกายยังคงอยู่ในมือของจักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์หรือว่ามันจะถูกปล้นโดยจักรพรรดินีและกลายเป็นรางวัลของนางไปแล้ว?
แต่ดาบเก้าอสูรกายเป็นอาวุธที่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์สร้างขึ้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จักรพรรดินีจะใช้มันได้ เพราะนางไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด ทั้งยังมีระดับพลังที่ต่ำกว่า
ตอนที่ 1071
ในตอนท้ายของสงคราม หลังจากที่ทุกคนกลับมาที่เมืองจักรพรรดิ จ้าวหลุนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกองทัพว่าหลิงฮันละทิ้งหน้าที่ระหว่างสงคราม
จ้าวหลุนเป็นหัวหน้ากลุ่มในครั้งนี้เป็นธรรมดาที่คำร้องเรียนของเขาจะได้รับความสนใจจากกองทัพ ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวหลุนเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของแม่ทัพจ้าว สถานะของเขาได้รับความเคารพอย่างสูงและไม่มีใครกล้าเพิกเฉยต่อคำร้องเรียนของเขา
ดังนั้น กองทัพจะมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงทันที
มันมีเรื่องที่น่าสงสัยหลายอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้ว่าหลิงฮันจะเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจมาจากไหนมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรอดกลับมาได้ ทั้งที่ศิษย์หลายคนเป็นถึงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง แล้วเขารอดกลับมาได้อย่างไร?
– เมื่อสงครามจบลงแน่นอนว่าศิษย์ที่ถูกจับเป็นเชลยถูกปล่อยตัว และมีศิษย์หลายคนสาบานว่าพวกเขาเห็นหลิงฮันถูกจับเช่นเดียวกับพวกเขา แต่เขากลับสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างไร?
“หึ่ม ข้อหาของเจ้าพิลึกมาก!” หลังจากที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ได้ยินเป็นธรรมดาที่นางจะโกรธ
นางรู้ความลับของหลิงฮันว่าเขามีหอคอยทมิฬ แล้วหลิงฮันจะถูกจับได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น หลิงฮันยังค้นพบความลับของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ และจักรพรรดินียังเป็นฝ่ายลงมือด้วยตัวเอง
นี่แสดงให้เห็นว่าข้อมูลที่หลิงฮันนำกลับมานั้นมีความสำคัญแค่ไหน!
หลิงฮันสมควรที่จะได้รับรางวัลตอบแทน แต่ตอนนี้เป็นเพราะความเกลียดชังส่วนตัวระหว่างเขากับจ้าวหลุน ทำให้เขาถูกใส่ร้ายป้ายสี ช่างเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายยิ่งนัก!
สุ่ยเยี่ยนยวี่มองตาขาวใส่หลิงฮันและพูดว่า “นี่เจ้าไม่กังวลเลยหรือ?”
จ้าวหลุนใส่ร้ายป้ายสีเขาเพื่อให้หลิงฮันตกที่นั่งลำบาก แล้วเมื่อใดที่ทุกคนคิดว่าหลิงฮันเป็นกบฎ ความจริงจะเป็นเช่นไรนั้นมันจะไม่มีความสำคัญอีกต่อไป และในตอนนั้น ตระกูลสุ่ยจะให้บุตรสาวของตนแต่งงานกับหลิงฮันได้อย่างไร?
หลิงฮันพูดพร้อมรอยยิ้มตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องกังวล เจ้าคิดว่าข้าตัวคนเดียวอย่างนั้นรึ?”
“เจ้าสามารถขอความช่วยเหลือจากราชินีที่เก้าได้!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างกะทันหัน
หลิงฮันส่ายหัว จักรพรรดินีได้แสดงความไม่พอใจต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหูเฟยหยินแล้ว ถ้าเขายังไปร้องขอความช่วยเหลือจากราชินีที่เก้าอีก เกรงว่าจักรพรรดินีจะต้องจัดการเขาอย่างแน่นอน
“ไม่” หลิงฮันปฏิเสธ
“หรือว่าเจ้าจะหมายถึงจักรพรรดินี?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ตอบ
“ภรรยาข้าช่างฉลาดยิ่งนัก!”
หากจักรพรรดินีเต็มใจที่จะช่วย ปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดายด้วยอำนาจที่เด็ดขาดของนาง แต่คำถามคือสถานะของเขายังต่ำต้อย เรื่องของเขาจะไปถึงหูของนางหรือไม่?
จักรพรรดินีเป็นถึงเสาหลักของจักรวรรดิ หากปราศจากจักรพรรดินี จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะคงจะถูกผนวกเข้ากับอีกสองจักรวรรดิราชวงศ์ไปแล้ว ดังนั้น จักรพรรดินีจะสนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ได้อย่างไร?
หลิงฮันยิ้ม สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่เคยใช้พลังแห่งจักรภพมาก่อน ตราบใดที่จักรพรรดินียินดีที่จะช่วย ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามที่นางพูด
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเปิดเผยแผนการอันยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ แต่จักรพรรดินียังไม่ได้มอบรางวัลให้กับเขาเลย
ข่าวการกบฎของหลิงฮันแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิ ไม่มีใครที่ไม่ได้ยินเรื่องดังกล่าว
ภายใต้แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ หลายคนได้สร้างเส้นแบ่งระหว่างหลิงฮัน แม้แต่หลี่เหว่ยเหว่ยก็ไม่มีข้อยกเว้น นางไปที่บ้านของหลิงฮันด้วยตัวเองและบอกเขาว่านางถูกพ่อกดดันอย่างหนักและห้ามยุ่งเกี่ยวกับหลิงฮันอีกเป็นอันขาด
แม้ว่าหลี่เหว่ยเหว่ยจะไม่เชื่อข่าวลือพวกนั้น แต่นางก็ไม่อาจปฏิเสธคำพูดของพ่อตัวเองได้ ดังนั้นนางจึงทำได้แค่กล่าวขอโทษหลิงฮันเท่านั้น
หลิงฮันไม่ได้กล่าวว่าอะไรนาง นั่นเป็นเพราะนางเป็นบุตรสาวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย สถานะของนางสูงกว่าเขามาก แค่นางมาที่นี่เพื่อขอโทษเขาด้วยตัวเอง แค่นี้หลิงฮันก็รู้สึกซาบซึ้งแล้ว
สองวันต่อมา กองทัพตัดสินใจที่จะสอบสวนหลิงฮันในเวลาเที่ยงของวันรุ่งขึ้น
แม้กองทัพจะมีอำนาจแต่ก็ไม่สามารถลงโทษหลิงฮันได้เพียงแค่กล่าวลงโทษ – ยกเว้นเว้นจักรพรรดินีที่มีอำนาจสูงสุด ดังนั้นกองทัพจะตรวจสอบก่อนว่าหลิงฮันมีความผิดหรือไม่
หากหลิงฮันมีความผิดจริง หลิงฮันจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง แล้วจากนั้นพวกเขาก็จะสามารถจัดการหลิงฮันได้ตามที่ต้องการ
นี่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตำแหน่ง
การตรวจสอบจะมีสองประเภท คือ การตรวจสอบปกติและการตรวจสอบต่อหน้าสาธาณชน การตรวจสอบปกติกองทัพจะทำการตรวจสอบหลิงฮัน คนที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่สามารถดูการตัดสินใจได้ แต่หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจสอบผลลัพธ์จะประกาศให้สาธารณชนทราบ
ในทางตรงกันข้าม การตรวจสอบต่อหน้าสาธารณชนจะอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาดูระหว่างตัดสินได้
เนื่องจากความผิดที่ว่าหลิงฮันเป็นกบฎมีโอกาสสูง กองทัพจึงตัดสินใจที่จะตัดสินโทษของหลิงฮันต่อหน้าสาธารณชน แน่นอนว่ามีโอกาสสูงที่จ้าวหลุนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และบางทีอาจเป็นเพราะเขาต้องการเห็นหลิงฮันถูกตัดสินโทษต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น บ่อนพนันก็คึกครืน พวกเขารับเดิมพันทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหลิงฮันพ้นโทษหรือถูกปลดออกจากตำแหน่ง แม้กระทั่งถูกประหารชีวิตในที่สาธารณะ
ในตอนนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองจักรพรรดิต่างพูดถึงการกบฎของหลิงฮัน
…………………….
คฤหาสน์ของแม่ทัพซา
ซาหยวนหัวเราะและพูดว่า “พรุ่งนี้จะมีการสอบสวนต่อหน้าสาธารณชนอย่างนั้นรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า หลิงฮันช่างโชคร้ายยิ่งนัก โอกาสดีแบบนี้ ข้าจะไม่ไปดูได้อย่างไร!”
“หยวนหลง ไปจัดการมัน ข้าเชื่อว่ามีมากกว่าสองคนที่เห็นการกบฎของหลิงฮัน” ซาหยวนกล่าวเบาๆ
“ขอรับ นายน้อย!” ชายหนุ่มคนหนึ่งตอบกลับทันที
“หลิงฮันนะหลิงฮัน สุราคารวะไม่ดื่ม พาลดื่มสุราจับกรอก” ซาหยวนแสยะยิ้ม “ตราบใดที่เจ้าไร้ซึ่งสถานะติดตัว บวกกับความผิดที่ได้ก่อ คำพูดของเจ้าจะไม่มีความหมายอีกต่อไป!”
“หลังจากที่จับเจ้าเข้ากรงขัง ข้าจะเค้นความลับทั้งหมดจากตัวเจ้า!”
ตอนที่ 1072
วันนี้คือวันที่จะมีการตรวจสอบต่อหน้าสาธารณชนในข้อห้ากบฏของหลิงฮัน
ช่วงเวลากลางวันกองทัพได้ส่งตัวทหารไปนำตัวหลิงฮันมายังห้องโถงกลางของกองทัพที่มีไว้สำหรับสอบสวนความผิด ที่นี่แต่เดิมแล้วใช้เป็นห้องประลอง ตรงกลางห้องโถงเป็นพื้นเรียบทรงกลมโดยที่ถูกล้อมไปด้วยอัฒจันทร์ขั้นบันไดและไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง
ที่นั่งมีเพียงสามที่สำหรับผู้ตัดสิน พวกเขานั่งอยู่ในแท่นที่ยกสูงขึ้นไปอีกเพื่อมองสอบสวนหลิงฮัน ผู้ตัดสินทุกคนที่ดวงตะวันและจันทราอยู่ด้านหลังพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา
หลิงฮันไม่ถูกสวมกุญแจมือเพราะเขาเพียงถูกสงสัยว่าอาจจะเป็นกบฏเท่านั้น
เขายืนอยู่คนเดียวตรงกลางห้องสอบสวนโดยถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนโดยรอบที่ยืนอยู่
ทุกคนล้วนแต่อดสงสัยไม่ได้ว่า ชายหนุ่มที่ถูกจักรพรรดินีเรียกเข้าพบหลายครั้งในหนึ่งปีคนนี้จะจบชีวิตลงในการสอบสวนครั้งนี้จริงๆ?
สุ่ยเยี่ยนยวี่ หลี่เหว่ยเหว่ย จื่อหยุนเอ๋อ สตรีคนอื่นๆรวมถึงสหายของหลิงฮัน หลินยู่ หม่าชิงและเย่เชิงหยุนก็มาเช่นกัน ส่วนจ้าวหลุนกับชาหยวนนั้นพวกเขามาล่วงหน้าก่อนแล้วเพื่อรอดูการแสดงสนุกๆ
“หลิงฮัน เจ้ายอมสารภาพผิดรึไม่?” ผู้ตัดสินทั้งสามคนคือ คงเฉิ่งเหอ กู่เทียนชู หนานเม่ยหยาง เสียงของกู่เทียนชูดังก้องกังวาลและสร้างแรงกดดันไปถึงจิตวิญญาณ
ถ้าเป็นคนอื่นหากถูกถามด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังไปถึงจิตวิญญาณเช่นนี้คงจะสารภาพออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ ที่พวกเขาทั้งสามคนได้ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินนั้น แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเขาฝึกฝนทักษะทางจิตวิญญาณอย่างเชี่ยวชาญ
แต่จิตวิญญาณของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งและมั่นคง บวกกับแก่นพลังของจ้าวอสูรด้วยแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำจิตวิญญาณของหลิงฮันหวั่นไหว อย่างน้อยก็ต้องเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางที่แข็งแกร่งถึงจะสามารถทำได้
หลิงฮันตอบอย่างสงบนิ่ง “ข้าไม่รู้ว่าข้ามีความผิดใดที่ต้องสารภาพ!”
“ช่างกล้า!” คงเฉิ่งเหอจ้องเขม่นด้วยสายตา “ต่อหน้าการสอบสวนเจ้ายังกล้าเล่นลิ้นอยู่อีก จงรีบสารภาพความเกี่ยวข้องระหว่างเจ้ากับแคว้นราชสีห์ทองมาซะ”
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด จะให้ข้าสารภาพอะไร?”
“เหอะ ข้านึกแล้วว่าเจ้าต้องทำเป็นไม่รู้ ก็ได้ งั้นเรียกพยานมา!” หนานเม่ยหยางสะบัดมือ
พยานเดินลงมาคนแรกคือจ้าวหลุน!
ขณะที่มองอีกฝ่ายเดินลงมาจากอัฒจันทร์หลิงฮันก็อดส่ายหัวในใจไม่ได้ เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นบุตรของจอมพลจ้าวที่ยิ่งใหญ่ แต่เจ้ากลับเอาแต่ทำเรื่องที่ลดค่าตัวเอง?
คนที่มีจิตใจคับแคบเช่นนี้การสำเร็จในอนาคตย่อมถูกจำกัด
ทุกคนกล่าวกันเป็นเสียงเดียวกันว่าจ้าวหลุนเป็นอัจฉริยะที่อยู่เหนืออัจฉริยะในหมู่จอมยุทธอายุใกล้เคียงกัน ในอนาคตมีแต่คนคิดว่าเขาจะกลายเป็นตัวตนระดับดารา แต่หลิงฮันมองเช่นนั้น
เขาเคยเห็นตัวตนระดับดารามาพอสมควร ถึงแม้นิสัยอารมณ์ของแต่ละคนจะต่างกัน แต่สิ่งที่พวกเขาทุกคนมีเหมือนกันคือกลิ่นอายราชันที่อยู่เหนือคนทั่วไปและความแน่วแน่ แต่ตัวจ้าวหลุนเขามองเห็นเพียงความอ่อนหัดและใจเสาะ คนเช่นนี้ถูกกำหนดให้มีสามารถทะลวงผ่านระดับดาราได้สำเร็จแน่นอน
ที่จ้าวหลุนในตอนนี้ยังสามารถบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วอย่างแรกเป็นเพราะระดับพลังยังต่ำอยู่ อย่างที่สองคือเขามีบิดาที่ไม่ลังเลจะมอบทรัพยากรทุกอย่างให้กับเขา ไม่เช่นนั้นคนที่มุมมองเช่นเขาไม่มีทางทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราในระยะเวลาหมื่นปีแน่นอน
จ้าวหลุนมองมาที่หลิงฮัน เมื่อเห็นสายตาที่เหยียดหยามจากอีกฝ่ายเขาก็แทบจะปะทุความโกรธออกมา
เจ้าเป็นผู้ต้องหาแถมยังเป็นเพียงจอมยุทธจากโลกใบเล็ก เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเหยียดหยามข้า?
เขาเป็นถึงบุตรของจอมพลจ้าว สถานะของเขาสูงกว่าผู้คนเกินกว่าเก้าส่วนในจักรวรรดิแห่งนี้!
ข้าจะสังหารเจ้าให้ได้!
จ้าวหลุนแสยะยิ้มแสยะกล่าว “จ้าวหลุนคารวะผู้อาวุโสทั้งสาม!”
ผู้ติดสินทั้งสามเป็นคนของกองทัพ พวกเขามีตำแหน่งเป็นอัศวินของจักรพรรดิ ในห้องโถงแห่งนี้พวกเขาจึงมีสถานะสูงกว่าจ้าวหลุน ต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้จ้าวหลุนจึงต้องยอมลดฐิติลงมา
“ทายาทจ้าวไม่ต้องมากพิธี!” ถึงแม้พวกคงเฉิ่งเหอทั้งสามคนจะมีสถานะสูงกว่า พวกเขาก็กล่าวตอบจ้าวหลุนด้วยน้ำเสียงสุภาพ พวกเขาจะไม่ไว้หน้าบุตรของจอมพลจ้าวได้อย่างไร?
“พวกบัดซบ!” หลี่เหว่ยเหว่ยพึมพำ แต่เสียงของนางไม่ใช่ว่าจะเบาๆ
ในสถานที่เช่นนี้คนที่กล้ากล่าวดูถูกผู้พิพากษาคงจะมีแค่หลี่เหว่ยเหว่ย ชาหยวน จ้าวหลุนและทายาทขุมอำนาจที่ทรงอำนาจอื่นๆ
พวกคงเฉิ่งเหอทั้งสามคนชะงักเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอาย
คงเฉิ่งเหอกล่าว “ทายาทจ้าว ท่านเป็นหนึ่งในผู้นำกองทัพสำรวจและเป็นคนนำกองกำลังบุกลอบโจมตีแคว้นราชสีห์ทองคำด้วยตัวเอง ช่วยเล่าเหตุการณ์ในตอนนั้นหน่อยได้รึไม่”
“ได้แน่นอน” จ้าวหลุนกล่าวด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเพื่อเป็นการไว้หน้าผู้สอบสวนทั้งสาม “ข้าได้ปรึกษาหารือกับราชินีที่เก้าและนำกำลังคนข้ามแม่น้ำคลื่นพิโรธ…” เขาเริ่มเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น เขาไม่ได้บิดเบือนเรื่องราวใดๆเพื่อจงใจใส่ร้ายหลิงฮัน
นั่นเพราะหน้าที่นี้ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องทำเอง แต่เป็นหน้าที่ของ ‘พยาน’ คนอื่นๆ
จ้าวหลุนแสยะยิ้ม เจ้าจงใจเอ่ยถึงราชินีที่เก้าหลายต่อหลายครั้งเพื่อประชดหลิงฮัน ขนาดหลิงฮันตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นนี้นางก็ยังไม่ปรากฏตัว
เจ้ารู้สึกปวดใจรึไม่?
ที่นางไม่ปรากฏตัวก็ไม่แปลก ใครไม่รู้บ้างว่าราชินีทั้งเก้ามีสถานะสูงส่งขนาดไหน พวกนางอยู่เหนือกฎทั้งปวงและมีอำนาจไม่ต่างกับองค์จักรพรรดินี พวกนางไม่มีใครเลยที่แต่งงาน!
ในเมื่อราชินีแปดคนยังไม่ได้แต่งงาน ราชินีที่เก้าก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
ราชินีที่เก้าใกล้ชิดกันหลิงฮันเกินไป ซึ่งจักรพรรดินีจะต้องแทรกแซงเรื่องนี้แน่นอน!
ในตอนแรกเขามีความรู้สึกไม่พอใจราชินีที่เก้าอย่างมาก แต่หลังจากที่กลับมาเขาก็ถูกจอมพลจ้าวกล่าวเตือนอย่างเอาเป็นเอาตายว่าห้ามมีความคิดเช่นนั้นกับราชินีที่เก้าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นตัวของจอมพลจ้าวเองคงไม่พ้นถูกจักรพรรดินีตัดหัว
การคิดร้ายต่อราชินีเป็นความผิดอันใหญ่หลวง!
ขนาดข้าจ้าวหลุนยังไม่มีคุณสมบัติพอ แล้วมดปลวกจากโลกใบเล็กเช่นเจ้าจะมีสิทธิ์อะไร?
สุดท้ายจ้าวหลุนก็แสดงความคิดของตนเองออกไป “ในตอนนั้นข้าสวมใส่เกราะสมบัติที่บิดาข้ามอบให้เอาไว้อยู่ เมื่อเกราะถูกกระตุ้นใช้งานเต็มที่ข้าจะสามารถป้องกันการโจมตีของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังหลบหนีมาได้อย่างยากลำบากกว่าจอมยุทธของแคว้นราชสีห์ทองคำจะล่าถอยกลับไป”
“ที่ข้าอยากถามก็คือขนาดตัวข้ายังลำบากแทบตายกว่าจะผ่าการไล่ล่ามาได้ แถมกองทัพที่ข้าพาไปด้วยทุกคนก็ล้วนแต่ตกตายด้วยเงื้อมมือของศัตรู แล้วจอมยุทธที่มีพลังบ่มเพาะเพียงภูผาวารีเช่นเจ้าจะสามารถหนีพ้นได้อย่างไร?”
จ้าวหลุนกล่าวเสียงดังและชี้ไปยังหลิงฮัน
ตอนที่ 1073
จ้าวหลุนหน้าด้านเป็นอย่างมาก เขาไม่ลืมที่จะกล่าวสร้างข้อสงสัยให้กับหลิงฮัน
ที่จริงแทบไม่มีใครรู้เลยว่าเนื่องจากจักรพรรดินีแห่งดาราเป็นคนลงมือเอง แคว้นราชสีห์ทองคำหรือจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ถึงได้ถอนกำลังกลับไปทันที ไม่เช่นนั้นหากผู้นำของทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์ทำสงครามต่อกันจริงๆ ก็มีเพียงจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบต่อจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามเท่านั้น
ดังนั้นจ้าวหลุนจึงใช้ประโยชน์จากการที่ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ได้เต็มที่ เพราะอย่างไรกองทัพลอบโจมตีที่เขานำไปนอกจากเขาแล้วไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาเล่าเรื่องนี้
แต่เดิมแล้วการนำทัพของเขาครั้งนั้นถือว่าเป็นความสมเหลวครั้งใหญ่ที่ลงมือโดยไม่รู้ข้อมูลลึกตื้นหนาบางของกองกำลังศัตรูก่อนที่จะบุกไปลอบโจมตี แต่จ้าวหลุนกลับใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ช่างเป็นชายที่หน้าด้านยิ่งนัก
“หลิงฮันเจ้ามีอะไรจะแก้ตัวรึไม่?” หนานเหมยหยางถามหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “อย่างที่จ้าวหลุนกล่าว ข้าเป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลาง แต่เพราะข้าอ่อนแอเช่นนี้จึงไม่มีใครสนใจข้าทำให้ข้าหลบหนีมาได้ ยิ่งกว่านั้นที่ข้าต่างหากที่เป็นฝ่ายอยากถามทายาทจ้าวว่า ตัวข้าที่เป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางทำไมถึงได้ถูกเลือกให้เข้าร่วมกองทัพลอบโจมตี?”
“เรื่องนี้…” จ้าวหลุนชะงัก เขาไม่นึกว่าหลิงฮันจะย้อนถามเขาต่อหน้าสาธารณะเช่นนี้
จะให้เขาพูดออกไปรึว่าข้าตั้งใจจะยืมมือศัตรูเพื่อสังหารเจ้า? หากเขาพูดออกไปคงหนีไม่พ้นถูกทางจักรวรรดิลงโทษแน่นอน นอกจากนั้นในภายภาคหน้าจะยังมีใครกล้าติดตามเขาโดยไม่กลัวว่าวันหนึ่งจะถูกส่งไปตายบ้าง?
“หลิงฮัน เจ้ากำลังเบี่ยงประเด็น!” จ้าวหลุนรีบกล่าว คิดว่าข้าจะยอมถูกหลิงฮันควบคุมงั้นรึ? นี่มันคือการสอบสวนเจ้าหรือข้ากันแน่?
“ถูกแล้ว เจ้าอย่าได้คิดเบี่ยงประเด็น” กู่เทียนชูพยักหน้า แน่นอนว่าเขาต้องพยายามทำให้จ้าวหลุนพึงพอใจ
“หลิงฮัน เลิกหาเรื่องแก้ตัวได้แล้ว มีคนมากมายที่นี่สามารถช่วยยืนยันได้ว่าในวันนั้นเจ้าถูกจับกุมตัวไป เพราะงั้นเลิกปฏิเสธความผิดเสียดีกว่า” คงเฉิ่งเหอกล่าวอย่างเย็นชา
“โอ้ งั้นข้าก็อยากได้ยินแล้วสิว่าข้าถูกจับกุมตัวไปอย่างไร” หลิงฮันยิ้ม
“เบิกตัวพยาน!” คงเฉิ่งเหอแสดงสีหน้าไม่พอใจ เจ้าหนูคนนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ
กลุ่มรุ่นเยาว์เดินเข้ามายังห้องสอบสวน พวกเขาเป็นศิษย์ของสำนักที่เข้าร่วมสงครามกองทัพและถูกจับกุมตัวไป ชคดีที่จักรพรรดินีแห่งดาราปรากฏตัวและลงมือได้ทัน ไม่เช่นนั้นบางทีพยานเหล่านี้คงยังถูกกักขังอยู่ในกรงของศัตรู
สายตาของจ้าวหลุนมองกวาดผ่านและอดแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาไม่ได้ นั่นเพราะก่อนหน้านี้เขาพบเจอกับพยานเพียงแค่สิบกว่าคน แต่ตอนนี้พยานกลับมีถึงราวๆสามสิบคน
ทำไมถึงได้มีมาเพิ่ม?
“ข้าหนิงจื่อหมิง” “ข้าหมิงเล่อ” “ข้าปูฉิง” “ข้า…” พยานแต่ละคนแจ้งชื่อแซ่ของตัวเอง จากแซ่ของแต่ละคนหากผู้อาวุโสของพวกเขาไม่ใช่คนของจอมพลชาก็เป็นคนของจอมพลจ้าว
จ้าวหลุนเข้าใจทันทีว่าชาหยวนก็มีจุดประสงค์เหมือนกันกับเขา
ไม่คาดคิดมาก่อนเลย…
บุตรทั้งสองของจอมพลร่วมมือกันขนาดนี้ หากยังกำจัดมดปลวกจากโลกใบเล็กไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
“ข้าเห็นกับตาว่าหลิงฮันถูกจับไปกับพวกข้า แถมยังถูกขังอยู่ในกรงเดียวกับข้าอีกด้วย”
“หลังจากถูกศัตรูนำตัวไปนานสองนาน หลิงฮันก็ไม่กลับมาอีกเลย!”
“หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นสายลับ เขาจะลบหนีจากเงื้อมมือของศัตรูและกลับมาค่ายพักแรมได้อย่างไร?”
“โชคดีที่แคว้นราชสีห์ทองคำกับจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ถอยทัพกลับไปก่อน ไม่เช่นนั้นหากยังก่อสงครามโดยที่มีหลิงฮันเป็นผู้ทรยศอยู่ภายในกองทัพ จักรพรรดิของพวกเราคงไม่รู้ว่าจะได้รับความเสียหายมากมายเพียงใด!”
พยานเหล่านี้พูดโกหกกันคล่องโดยไม่แม้แต่กระพริบตา
ที่ทำการสอบสวนต่อหน้าสาธารณชนก็เพราะต้องการให้พยานเหล่านี้พิสูจน์หลิงฮัน เช่นนี้แล้วใครบ้างจะไม่เชื่อว่าเรื่องที่หลิงฮันทรยศเป็นความจริง?
แน่นอนว่าย่อมมีคนมากมายที่เชื่อ!
“คนทรยศ!” ท่ามกลางฝูงคนที่มาดูการสอบสวน ไม่รู้ใครเป็นคนเอ่ยขึ้นมาคนแรก
“คนทรยศ!” หลังจากนั้นเสียงคนอื่นๆก็เอ่ยถาม ภายในชั่ววินาทีเสียงโห่ก็ดังกระหน่ำราวกับคลื่นทะเล จื่อหยุนเอ๋อและสหายคนอื่นๆเชื่อในตัวหลิงฮัน แต่เสียงของพวกเขาก็ถูกกลบไปด้วยเสียงโห่ร้องอันเกรี้ยวกราด
สุ่ยเยี่ยนยวี่กำหมัดแน่น ตราบใดที่หลิงฮันเข้าไปในหอคอยทมิฬก็ไม่มีทางเลยที่เขาจะถูกศัตรูจับตัวได้ แต่ถ้าหากเขาเปิดเผยความลับเรื่องอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเท่าใดที่จะไล่ล่าเขา
ถึงแม้หลิงฮันจะมีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาด แต่พลังบ่มเพาะของเขาก็ยังต่ำเกินไปทำให้ผู้อาวุโสซ้ายขวา จอมพลทั้งเจ็ดและตัวตนที่แข็งแกร่งคนอื่นจึงยังไม่สนใจเขา แต่ถ้าหากความลับเรื่องอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ถูกเปิดเผน เกรงว่าแม้แต่จักรพรรดินีแหง่ดาราก็คงหวั่นไหว
สถานการณ์ในตอนนี้คือกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏหรือถูกตัวตนที่แข็งแกร่งไล่ล่า จะทางเลือกไหนก็แย่ไม่ต่างกัน
ทำไมองค์จักรพรรดินียังไม่ส่งความช่วยเหลือมาอีก? หรือปัญหาเล็กน้อยเช่นนี้ไม่มีค่าพอให้องค์จักรพรรดินีเหลียวมอง?
“หลิงฮัน เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวอีก?” คงเฉิ่งเหอกล่าวเดียวท่าทีดุร้าย
“ข้าไม่มีอะไรจะกล่าว” หลิงฮันส่ายหัว
“หมายความว่าเจ้ายอมรับความผิดแล้วงั้นรึ?” กู่เทียนชูกล่าว
หลิงฮันยังคงส่ายหัว “ข้าไม่มีอะไรจะกล่าวเถียงกับกลุ่มคนโง่งมเช่นเหล่านี้ พวกเขาแต่ล่ะคนต่างพูดโกหกอย่างน้ำไหลไฟดับจนไม่มีช่องว่างให้ข้าแทรก”
“เจ้า!”
“คนทรยศมีสิทธิ์โต้เถียงงั้นรึ!”
“กบฏเช่นเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงโต้แย้งพวกข้า!”
เหล่าพยานต่างรู้สึกหงุดหงิดเมื่อถูกเรียกว่าตัวโง่งมต่อหน้าสาธารณชน
หลิงฮันกล่าวแบบไร้อารมณ์ “ใครทำผิดฟ้าย่อมเป็นตา ลองถามจิตใจที่ใช้ฝึกฝนวรยุทธของพวกเจ้าเอาเองแล้วกัน” เขาโคจรทักษะจิตเจ็ดสังหารโดยควบคุมความรุนแรงเพียงแค่ให้คำพูดฝังลึกไปยังจิตใจเท่านั้น ไม่ได้ใช้โจมตีอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นเหล่าพยานก็ใบหน้าซีดขาว หัวใจของพวกเขาบีบรัดทรมานไปถึงจิตวิญญาณ
“หลิงฮัน เจ้ากล้าข่มขู่พยานเชียวรึ!” จ้าวหลุนกล่าว ดวงตะวันและดวงจันทร์ด้านหลังของเขาส่องสว่างปลดปล่อยแรงกดดันของระดับสุริยันจันทราเข้าใส่หลิงฮัน
ร่างของหลิงฮันชะงักหยุดนิ่ง เขาไม่หวาดกลัวแม้แต่กลิ่นอายของระดับวารีนิรันดร์ แต่กลิ่นอายกับแรงกดดันนั้นแตกต่างกัน ซึ่งสิ่งที่กำลังกดขี่เขาอยู่ตอนนี้คือแรงกดดัน
ระดับที่ต่างกันถึงหนึ่งระดับใหญ่นั้นเป็นช่องว่างที่ไม่มีอัจฉริยะคนใดต่อต้านได้ ร่างของหลิงฮันเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อทันที ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ กระดูกของเขาส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ทายาทจ้าว เจ้ากำลังบังคับให้ข้าเอ่ยคำสารภาพ?” หลิงฮันไม่ยินยอมและถามกลับอย่างเย็นชา
“ต่อหน้าหยานมากมายเช่นนี้เจ้ายังกล้าโต้เถียง หากข้าบังคับให้เจ้าสารภาพแล้วจะทำไม?” จ้าวหลุนแสยะยิ้ม
“จ้าวหลุน เจ้าทำเกินไปแล้ว!” หลี่เหว่ยเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป
“คุณหนูสี่” เซียงเฉิงหยินรีบใช้หนึ่งมือทำให้หลี่เหว่ยเหว่ยเปิดปากพูดไม่ถนัด เขาที่มีพลังระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดย่อมรั้งหลี่เหว่ยเหว่ยที่มีพลังขั้นต่ำได้ไม่ยากเย็น
ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายมีคำสั่งให้ห้ามไม่ให้หลี่เหว่ยเหว่ยเข้าหาใกล้ชิดกับหลิงฮันเท่าที่จะทำได้ เขารู้ว่าหลี่เหว่ยเหว่ยไม่ชอบขี้หน้าเขา แต่ต่อให้จะถูกอีกฝ่ายเกลียดแค่ไหนขอแค่เขาได้รับใช้ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็พอแล้ว
“หลิงฮัน เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วถ้าเจ้ายังคงปฏิเสธที่จะสารภาพ พวกเราคงต้องใช้วิธีทรมานเจ้า!” หนานเหมยหยางกล่าวอย่างโหดเหี้ยม
ตอนที่ 1074
“เหอๆๆ” หลิงฮันหัวเราะ “ก็ดี ข้าอยากเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะจัดการข้ายังไง!”
“หลิงฮัน ถ้าเจ้าไม่เปิดปากพูด วันนี้เจ้าก็จะไม่มีทางได้กลับออกไปจากที่นี่!”
“การกระทำมีความหมายมากกว่าคำพูด ถ้าเจ้าทำความผิด ก็ต้องยอมรับบทลงโทษแต่โดยดี!”
“ที่จักรวรรดิไม่มีที่ยืนให้กับคนทรยศ!”
เหล่าพยานตั้งสติได้หลังจากถูกหลิงฮันเล่นงานทางจิตวิญญาณ
“เจ้ากบฏไปลงนรกซะ!” ใครบางคนโยนไข่ลงมาจากอัฒจันทร์
‘โพละ’ แน่นอนว่าไข่ไม่โดนตัวหลิงฮันเนื่องจากถูกโล่พลังปราณป้องกันเอาไว้
หลิงฮันชำเลืองมองไปยังรุ่นเยาว์ที่ปาไข้ เมื่อสายตาปะทะกันรุ่นเยาว์คนนั้นก็รีบหดหัวไม่กล้ามองหน้าเขา
รุ่นเยาว์ที่ปาไข่คงเป็นสุนัขของจ้าวหลุนไม่ก็ชาหยวน
หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าการกระทำของรุ่นเยาว์ผู้นั้นเป็นการชี้นำความโกรธของผู้ชมคนอื่น
แน่นอนเลยว่าหลังจากนั้นได้มีผู้คนมากมายที่เตรียมไข่ออกมาเพื่อปาใส่เขา บางคนที่ไม่มีแบ่งมาจากคนอื่นรอบข้าง
ถึงแม้หลิงฮันจะกางโล่พลังปราณเอาไว้ทำให้ไม่ถูกไข่แม้แต่นิดเดียว แต่ที่นี่มีผู้ชมอยู่นับพันคน และผู้คนอย่างน้อยกว่าครึ่งได้ลงมือปาไข่ใส่เขา นี่มันความอัปยศที่สาหัสขนาดไหน?
จ้าวหลุนแสยะยิ้ม เขาไม่สนใจเรื่องสอบสวนความจริงอยู่แล้ว ถ้าเกิดสามารถใช้ข้อหากบฏในการสังหารหลิงฮันก็นับว่ายอดเยี่ยม แต่ถึงไม่สำเร็จแค่หลิงฮันได้รับความอัปยศก็เพียงพอแล้ว ทีนี้เจ้ายังจะเงยหัวเชิดหน้าได้อีกรึไม่?
ครั้งเขาคือผู้ชนะ ชัยชนะเป็นของเขา!
เหอะ แค่มดปลวกที่ไม่มีคนหนุนหลังหรือรากฐานอำนาจใดๆ คิดว่าจะต่อกรกับเขาได้รึไง?
จ้าวหลุนมองไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่ เขาพบว่านางนั้นกำลังกำหมัดแน่นและมีใบหน้าซีดขาว
เหอะ เจ้าไม่มีทางหนีพ้นเงื้อมมือข้า!
“ถ้างั้นก็เริ่มการทรมานได้!” กู่เทียนชูกล่าว ด้วยการที่มีพยานมากมายขนาดนี้ ต่อให้เขาใช้วิธีการทรมานก็ไม่ถือว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุและเป็นไปตามกฎ
ทันใดนั้นก็มีคนสองคนแบกแท่นบดหินขนาดใหญ่เข้ามา
แท่นบดนี้ใช้หินในการบดร่างนักโทษ กระดูกทุกส่วนและกล้ามเนื้อจะถูกทำให้บิดเบี้ยว จอมยุทธระดับพระเจ้านั้นมีพลังใจที่อึดทน ดังนั้นความเจ็บปวดที่ได้รับจึงรุนแรงและยาวนาน
เมื่อเห็นแท่นบดหินนี้ทุกคนก็หน้าเปลี่ยนสี
เหล่าพยานต่างแสยะยิ้ม บางคนที่ยอมกล่าวคำโกหกเช่นนี้เป็นเพราะได้รับคำสั่ง บางคนพวกเขามีความบาดหมางกับหลิงฮันอยู่แล้วและหวังจะให้หลิงฮันหายไปจากโลกนี้เสียที ตอนนี้เมื่อหน้าที่ของพวกเขาสำเร็จจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมีความสุข
“ลงมือทำการทรมาน!” กู่เทียนชูปรบมือและกล่าว
“ช้าก่อน!”
จังหวะนั้นเองก็มีสตรีคนหนึ่งเดินเข้ามา นางสวมชุดเกราะทองคำราวกับเป็นเทพธิดานักรบ รอยกายนางเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงอำนาจ
“คะ คารวะองครักษ์สูงสุด!” ผู้พิพากษาทั้งสามรีบลุกขึ้นยืน พวกเขาเดินออกจากด้านหลังโต๊ะและก้มคำนับองครักษ์สตรี
“คารวะองครักษ์สูงสุด!” จ้าวหลุนและชาหยวนเองก็ก้มคำนับเช่นกัน ทั่วทั้งแท่นอัฒจันทร์ก้มหัวลงโดยไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าเงยหน้า
ฉีเชียวเซวี่ย องครักษ์แห่งจักรพรรดินี จอมยุทธณะดับดารา!
ไม่ว่าจะเป็นสถานะไหนของนางก็เพียงพอจะทำให้ทั่วทั้งจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหาตกตะลึง คนที่มีสถานะทักเทียมกับนางมีเพียงผู้อาวุโสซ้ายขวาเท่านั้น
เพียงแต่ว่าฉีเชียวเซวี่ยนั้นติดตามจักรพรรดินีมานานหลายปี เรียกได้ว่านางเป็นสหายคนสนิทขององค์จักรพรรดิ หรือจะให้พูดก็คือสถานะของนางยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาที่นี่ด้วยตนเองใครบ้างจะไม่หวาดกลัว?
“เงยหน้าได้!” ฉีเชียวเซวี่ยกล่าว นางเป็นสตรีที่งดงามมากคนหนึ่ง แต่ใครจะไปกล้ามองนางกัน ไม่กลัวตายรึยังไง?
ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงง เพียงแค่การสอบสวนเล็กๆของกองทัพทำไมถึงได้ดึงดูดความสนใจของตันตนยิ่งใหญ่ที่เป็นดั่งมือขวาขององค์จักรพรรดินี?
“ที่ข้ามาในวันนี้เพื่อประกาศการมอบรางวัลขององค์จักรพรรดินี!” ฉีเชียวเซวี่ยกล่าว สายตาของนางมองไปที่หลิงฮันกับจ้าวหลุน
มอบรางวัลงั้นรึ?
ต้องเป็นจ้าวหลุนแน่ๆ!
ทุกคนเชื่อว่าเป็นเพราะจ้าวหลุนค้นพบแผนการใหญ่บางอย่างของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ในตอนที่บุกลอบโจมตีและเป็นสาเหตุทำให้อีกฝ่ายล่าถอย หากเป็นเช่นนี้ถือว่าจ้าวหลุนสร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง จึงเป็นธรรมดาที่จักรพรรดิจะมอบรางวัลให้เขา
แต่มอบรางวัลในเวลาแบบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการประกาศสั่งตายหลิงฮันรึไงกัน?
ดูเหมือนจะไม่จำเป็นต้องสอบสวนลงโทษอีกต่อไปแล้ว!
แม้แต่จ้าวหลุนก็คิดเช่นนั้นและอดแสดงท่าทีดีใจออกมาไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาได้รับรางวัลจากจักรพรรดินีคือการถูกแต่งตั้งเป็นพลทหารระดับเจ็ด ด้วยความดีความชอบของเขาในครั้งนี้ยศของเขาจะถูกยกระดับเป็นเท่าใดกัน
เขาทีอายุยังไม่ถึงแม้แต่พันปีหากถูกแต่งตั้งเป็นพลทหารระดับหกจริงๆ จะเรียกว่าเป็นบุคคลที่พิเศษอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเท่าใดที่จะตกตายเพราะอิจฉาเขา
.
ฉีเชียวเซวี่ยนำม้วนคำสั่งออกมา ‘พรึบ’ ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างจ้าสีแทงพร้อมกับแรงกดดันที่ทรงอำนาจ
“คารวะองค์จักพรรดินี!” ทุกคนกล่าวคำนับอีกครั้งและคุกเข่าลงต่อหน้าม้วนคำสั่งของจักรพรรดินี
“คำประกาศ…” ฉีเชียวเซวี่ยเริ่มลงมืออ่าน นางเป็นจอมยุทธระดับดารา นางไม่จำเป็นต้องอ่านเสียงดังก็สามารถส่งผ่านคำพูดได้ทั่วถึง
“หลิงฮันถูกแต่งตั้งเป็นพลทหารระดับเจ็ด!”
*หลิงฮันเคยถูกแต่งตั้งเป็นพลทหารระดับเก้าตอนที่มอบหินต้นกำเนิดสวรรค์ให้จักรพรรดินีตอนที่ 1053*
พรวด!
เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉีเชียวเซวี่ยทุกคนก็สำลักออกมา แต่ละคนตาถลนพร้อมกับอ้าปากกว้างจนแทนจะเอากำปั้นใส่เข้าไปได้
คนที่จักรพรรดินีมอบรางวัลให้ไม่ใช่จ้าวหลุน… แต่เป็นหลิงฮัน!
นะ นะ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
หลิงฮันคือคนทรยศไม่ใช่รึ? ไม่ใช่ว่าจ้าวหลุนเป็นคนเปิดโปงแผนการใหญ่ของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์จึงได้รับความดีความชอบรึไง?
ทำไมเหตุการณ์ถึงได้กลับกันแบบนี้?
ทุกคนสับสน องค์รักษ์ฉีแอบอ้างชื่อของจักรพรรดินีมาล้อเล่นรึเปล่า?
ล้อเล่นล้อสาวเจ้าน่ะสิ!
นั่นคือองครักษ์สูงสุดหรือสหายสนิทของจักรพรรดินี!
จักรพรรดินีไม่เอ่ยถามแม้แต่น้อยว่าหลิงฮันเป็นคนทรยศหรือไม่ และการที่นางประกาศมอบรางวัลให้หลิงฮันเช่นนี้ยังไม่ชัดเจนอีกรึไงกัน?
จักรพรรดินีชื่นชอบในตัวหลิงฮัน!
แบบนี้แล้วใครกันจะกล้าประนามหลิงฮันว่าเป็นกบฏ? ใครที่เรียกหลิงฮันเช่นนั้นจะไม่ถือว่าเป็นการไม่เห็นจักรพรรดินีอยู่ในสายตางั้นรึ?
ใบหน้ายิ้มแย้มของจ้าวหลุนพังทลายทันที แม้แต่ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน
เขาเป็นบุตรของจอมพลจ้าวที่สูงส่ง! แต่ต่อหน้าจักรพรรดินีสถานะของเขาไม่ต่างกับการผายลม! ไม่ต้องเอ่ยถึงเขาเลย แม้แต่บิดาของเขาจักรพรรดินีก็สามารถลงมือตัดหัวได้โดยไร้ความลังเล
ไม่เช่นนั้นจอมพลทั้งแปดคงไม่เหลือเจ็ด
จักรพรรดินีพึงพอใจในตัวหลิงฮัน แต่เขากลับใส่ร้ายหลิงฮัน ไม่ว่าการกระทำของเขาเป็นการต่อต้านองค์จักรพรรดินีรึไง? ต่อต้านจักรพรรดินีในจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะนี่น่ะรึ? คนที่จะทำเช่นนั้นต้องบ้าจนไม่เกรงกลัวความตายแน่ๆ
จ้าวหลุนรู้สึกว่าตอนนี้เขากลายเป็นคนบ้าไปแล้ว แต่ถึงจะบ้าเขาก็ยังกลัวความตาย
ตอนที่ 1075
สายลมที่หนาวเย็นพัดผ่านไปทั่วพื้นที่
ใครจะคิดว่าจักรพรรดินีจะยื่นมือเข้าช่วยหลิงฮัน?
แค่การสืบสวนเล็กนน้อยของพลทหารระดับเจ็ด แต่กลับทำให้จักรพรรดินีออกม้วนคำสั่งและให้ฉีเชียวเซวี่ยอ่านในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้
หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จักรพรรดินีจะให้รางวัลหลิงฮัน
“หลิงฮันจงรับคำสั่ง!” ฉีเชียวเซวี่ยกล่าวขณะจ้องมองหลิงฮัน
“ขอรับ!” หลิงฮันก้าวด้วยความเคารพ แต่ก็แอบบ่นอยู่ในใจ อีกฝ่ายจะมาให้เร็วกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง ต้องรอให้เขาถึงช่วงเวลาวิกฤตจวนจะถูกฆ่าก่อนหรือถึงจะเข้ามาช่วย
ฉีเชียวเซวี่ยหันหลังกลับและพูดว่า “องค์จักรพรรดินีกล่าวว่าอย่าได้หยุดทำความดี และจงอย่าปล่อยให้คนชั่วทำตามใจ!”
อย่าได้หยุดทำความดี?
ผลงานของหลิงฮัน?
จ้าวหลุนตกใจมาก เมื่อหลิงฮันกลับไปที่ค่ายทหาร อีกฝ่ายรีบไปเข้าพบราชินีที่เก้าทันทีและขอให้นางพาเขากลับไปที่เมืองจักรพรรดิ ในตอนนั้นจ้าวหลุนคิดว่าหลิงฮันเป็นคนขี้ขลาดและกลัวความตาย นั่นเป็นเพราะมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราหลายร้อยคนอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ แล้วใครจะไม่กลัว?
ตอนนี้จ้าวหลุนคิดว่าหลิงฮันน่าจะค้นพบความลับที่น่าอัศจรรย์
การล่าถอยของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์เกี่ยวข้องกับหลิงฮันหรือไม่?
ช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าของจ้าวหลุนกลายเป็นซีดขาว นี่เขาล้มเหลวอีกแล้วอย่างนั้นรึ!
ทำไม! ทำไม! ทำไมคนที่เป็นฝ่ายได้เปรียบกว่ามักเป็นหลิงฮันเสมอ?
จ้าวหลุนเกาหัวจนผมยุ่ง ทั้งที่เขาดีกว่าหลิงฮันเป็นร้อยเท่า แต่ทำไมเขาถึงแพ้หลิงฮันเสมอ?
ฉีเชียวเซวี่ยกวาดสายตามองพยานเกือบสามสิบคนด้วยจิตสังหาร ทำให้คนพวกนั้นสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
อย่าปล่อยให้คนชั่วทำตามอำเภอใจ ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร?
พัวะ!
ฉีเชียวเซวี่ยปล่อยฝ่ามือออกไป แล้วหัวของคนหนึ่งก็ถูกบดขยี้ทันทีพร้อมกับโลหิตที่พุ่งขึ้นสูงห้าฟุต
ต่อหน้าสาธารณะชน นี่เขากล้าสังหารผู้คนอย่างเปิดเผยเลยหรือ?
แน่นอน มีเพียงแค่ฉีเชียวเซวี่ยคนเดียวที่กล้าทำเช่นนี้ เพราะนางเป็นมือขวาของจักรพรรดินี
“ไม่ ได้โปรดอย่าสังหารข้าเลย!”
“มันเป็นเพราะจ้าว-“
“มันเป็นเพราะซา-“
พยานเหล่านั้นพยายามที่จะพูดถึงจ้าวหลุนและซาหยวน แต่ฉีเชียวเซวี่ยไม่ปล่อยโอกาสให้พวกเขาพูดจนจบ เหล่าพยานยี่สิบกว่าคนถูกสังหารภายในพริบตา สมองและโลหิตของพวกเขากระจัดกระจายไปทั่วพื้น
การหลั่งเลือด ความโหดร้าย นี่คือความน่าเกรงขาม
ทุกคนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว นี่เป็นการแสดงความประสงค์ของจักรพรรดินี
– อย่าคิดว่าจักรพรรดินีอยู่ในพระราชวังแล้วนางจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ภายใต้ลมหายใจของนาง! ในทางตรงกันข้าม จักรพรรดินีรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในจักรวรรดิ และไม่มีใครสามารถปกปิดอะไรจากนางได้
นี่แสดงให้เห็นว่าจักรพรรดินีไม่พอใจแม่ทัพหลายคนที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ นี่คือจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะของนาง ไม่ใช่สวนหลังบ้านของแม่ทัพ!
อย่างไรก็ตาม จักรพรรดินียังไว้หน้าแม่ทัพซาและแม่ทัพจ้าวอยู่บ้าง และประหารชีวิตพยานเหล่านี้เพื่อไม่ให้เกี่ยวข้องกับจ้าวหลุนและซาหยวน มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกสอบสวนและอาจทำให้เกิดผลที่ตามมาหลายอย่าง
ยิ่งไปกว่านั้น มันน่าสนใจมากที่จักรพรรดินีแต่งตั้งหลิงฮันเป็นพลทหารระดับเจ็ด เพราะจ้าวหลุนก็อยู่ในตำแหน่งนี้เช่นกัน นั่นหมายความว่าหากอยู่ในจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะตำแหน่งของพวกเขาเท่ากัน
ฉีเชียวเซวี่ยดึงแขนกลับมาและพูดว่า “ในเมื่อข้าได้ทำตามคำสั่งของจักรพรรดินีเสร็จสิ้นแล้ว ข้าคงต้องขอตัว โปรดพิจารณาคดีกันต่อ!”
เมื่อพูดจบ นางก็จากไปทันที
“รับคำสั่ง!” พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้ง
หลังจากที่ฉีเชียวเซวี่ยจากไปเวลานาน ในที่สุดกลิ่นอายของจอมยุทธระดับดาราก็หายไป ใบหน้าของทุกคนดูเหมือนบาดเจ็บสาหัสและบิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด
เมื่อครู่ฉีเชียวเซวี่ยจงใจปลดปล่อยกลิ่นอายของจอมยุทธระดับดาราออกมา แน่นอนว่าทุกคนย่อมหวาดกลัว แล้วถ้านางมีความคิดที่จะฆ่าทุกคนที่นี่ พวกเขาคงถูกสังหารหมู่ไปแล้ว
“ยังต้องสอบสวนต่ออีกหรือไม่?” กู่เทียนชูกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน
แน่นอนว่าไม่!
“หลังจากการสืบสวนทำให้พบว่าพยานก่อนหน้ากล่าวใส่ร้ายป้ายสีหลิงฮันว่าเป็นกบฎ!” คงเฉิ่งเหอพยายามพูดเหมือนกับกินเข็มร้อยเล่มเข้าไป แต่เขาต้องประกาศผลการตัดสินว่า “หลิงฮันไม่มีความผิดแต่อย่างใด! หากใครพูดว่าหลิงฮันละทิ้งหน้าที่และเป็นกบฎอีกครั้งจะถือว่ามีความผิด!”
หลังจากพูดจบ พวกเขาทั้งสามคนก็หนีไป
พวกเขาไม่อาจทนอยู่ต่อที่นี่ได้อีก และไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหลิงฮัน!
ทุกคนเริ่มแยกย้ายกันจากไป และในไม่ช้ารายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับการสอบสวนในที่สาธารณะก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองจักรพรรดิ
แน่นอนว่าไม่มีใครพูดถึงการกบฎของหลิงฮันอีกต่อไป
ในจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ จักรพรรดินีเป็นดั่งพระเจ้าที่แท้จริง คำพูดและการแสดงออกของนางคือทุกสิ่งทุกอย่าง
ในที่สุดหลิงฮันก็สามารถเดินทางกลับจักรวรรดิต้าหลิงได้สักที
เขามีแผนที่จะกลับจักรวรรดิต้าหลิงก่อนหน้านี้ แต่เพราะการรุกรานจากแคว้นราชสีห์ทองคำ ทำให้แผนของเขาต้องเลื่อนออกไปกว่าสองเดือน
เขาเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว และหลอมเม็ดยาบางส่วนทิ้งไว้ในร้านขายโอสถ แม้จะไม่ได้อยู่ที่เมืองจักรพรรดิ แต่เขาก็ยังสร้างรายได้ได้
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้ว่าหลิงฮันกำลังเดินทางกลับ
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้าเป็นภรรยาของข้า ข้าก็ควรพาเจ้าไปพบเหล่าพี่น้องของข้า – และหลังจากที่กลับไปที่จักรวรรดิต้าหลิง มันคงถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะมีลูกกัน”
“หลิงฮัน! เจ้าคนอัธพาล!” สุ่ยเยี่ยนยวี่มองตาขาวใส่
หลิงฮันหัวเราะและออกจากเมืองจักรพรรดิพร้อมกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ในวันถัดไป ทั้งสองคนมุ่งหน้าสู่จักรวรรดิต้าหลิงด้วยพาหนะแหวกเมฆา
พาหนะแหวกเมฆาบินผ่านท้องฟ้าเหมือนกับสายฟ้า แม้แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีก็ไม่อาจจับความเร็วของมันได้ทัน อย่างน้อยต้องเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราที่ใช้พลังทั้งหมดเท่านั้นถึงจะไล่ตามทัน
ครึ่งเดือนต่อมา พาหนะแหวกเมฆาก็พาพวกเขาทั้งสองคนมาถึงจักรวรรดิต้าหลิง
ในที่สุดข้าก็กลับถึงบ้านแล้ว!
หลิงฮันเต็มไปด้วยความสุข แม้ว่าตอนนี้เขาจะทะลวงผ่านระดับพลังของพระเจ้าแล้ว แต่เขาก็ยังคุ้นเคยกับโลกเดิมที่เคยอาศัยอยู่
ปัง!
อาคมขนาดใหญ่ของเมืองจักรพรรดิทำงานอัตโนมัติเพื่อป้องกันพาหนะแหวกเมฆา แต่นี่เป็นรูปแบบอาคมระดับทลายมิติเท่านั้น แม้จะเสริมแกร่งด้วยพลังแห่งจักรภพ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคใดๆต่อพาหนะแหวกเมฆา พาหนะแหวกเมฆาเพียงแค่สั่นสะเทือนเล็กน้อยและทะลวงผ่านรูปแบบอาคมมุ่งหน้าไปที่พระราชวัง
“เจ้าเป็นใคร!” ทันใดนั้น ผู้คนที่อยู่ในพระราชวังเริ่มแตกตื่น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น