Alchemy Emperor of the Divine Dao 1059-1068
ตอนที่ 1059
คิ้วของจ้าวหลุนขมวดเข้าหากัน สถานที่ที่เหมือนดินแดนแห่งความตายเช่นนี้อยู่เหนือการคาดการณ์ของเขาอย่างสิ้นเชิง
เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?
แม้เขาจะศึกษาข้อมูลการทำสงครามมามากมาย แต่นั่นก็แค่ความรู้ที่เขียนไว้บนกระดาษ ตอนนี้เมื่อเขาต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเขาก็ชะงักจนทำอะไรไม่ถูก
“นายน้อยหลัว สถานการณ์ที่นี่ไม่ปกติ ข้าน้อยขอเสนอให้ล้มเลิกแผนการเดิมก่อนดีกว่า” ศิษย์อีกคนกล่าวขึ้นเพื่อโน้มน้าวจ้าวหลุน
จ้าวหลุนครุ่นคิดแต่ก็ส่ายหัวอย่างหนักแน่นและกล่าว “ไม่ ทำตามแผนเดิมต่อไป! จะอย่างไรการลอบโจมตีก็จะเริ่มในคืนนี้ พวกเราไม่จำเป็นต้องรีบกลับไปรายงานสถานการณ์ทันที”
นี่คือการนำทัพครั้งแรกของเขา เขาจะล้มเลิกแผนกลางคันได้อย่างไร? นอกจากนั้นเขาก็เกลียดชังหลิงฮันมาก เมื่อมีโอกาสดีๆเช่นนี้ มีรึที่เขาจะยอมปล่อยโอกาสทิ้งไป?
พวกเขายังไม่ลงมือและรอให้ถึงช่วงเย็นเพื่อบุกโจมตี
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อดวงจันทร์โผล่ขึ้นฟ้า พวกเขาก็เคลื่อนที่ไปยังืค่ายพักแรมของแคว้นราขสีห์ทองคำอย่างเงียบเชียบ
พวกเขาเป็นกองทัพเล็กๆและมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเพียงคนเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คาดหวังจะสร้างความเสียหายอะไรมาก เป้าหมายของพวกเขาคือสร้างความปั่นป่วนให้กับกองทัพแคว้นราชสีห์ทองคำเท่านั้น เพื่อที่กองทัพที่เหลือของแคว้นพิรุณบูรพาจะได้ข้ามแม่น้ำมาได้ง่ายขึ้น
ตราบใดที่กองทัพที่เหลือสามารถเคลื่อนทัพผ่านแม่น้ำคลื่นพิโรธมาได้ ก็เท่ากับว่าพวกเขาจะสามารถลงมือตอบโต้ได้
ท่ามกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืน กองทัพพันคนเคลื่อนที่เงียบเชียบราวกับภูตผีมุ่งไปยังจุดค้างแรมกองทัพของแคว้นราชสีห์ทองคำ
แม้จะเป็นตอนกลางคืน จุดค้างแรมก็ยังส่องสว่างเนื่องจากมีกองไฟขนาดใหญ่เรียงรายอยู่รอบด้าน
“บุก!” จ้าวหลุนออกคำสั่ง ทันใดนั้นสมาชิกของกองทัพทุกคนก็เคลื่อนที่แยกย้ายกันพุ่งเข้าใส่ค่ายพักแรมของศัตรูราวกับพายุ
ถึงแม้กลุ่มคนพันคนจะไม่ถือว่ามากมายอะไร แต่พวกเขาทุกคนเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี พวกเขาพุ่งกระโจนใส่ค่ายพักแรมราวกับพยัคฆ์ร้าย
ในขณะที่บุกจู่โจมพวกเขาจงใจส่งเสียงคำรามที่ดังราวกับฟ้าผ่าเพื่อหวังให้กองกำลังของศัตรูชะงักตกใจ และยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังกองทัพที่อยู่ตรงฝั่งแม่น้ำคลื่นพิโรธด้วย
แน่นอนว่าการคำรามพร้อมกันของจอมยุทธระดับภูผาวารีนับพันย่อมสร้างคลื่นเสียงที่ทรงพลังพอที่จะทำให้จอมยุทธระดับทลายมิติระเบิดกลายเป็นกองโลหิต ค่ายพักแรมตอนนี้ราวกับถูกพายุระดับสิบเข้าจู่โจม
ทั่วทั้งกองทัพของแคว้นราชสีห์ทองคำตกอยู่ในความโกลาหลทันที ภายใต้อำนาจของคลื่นเสียง การออกคำสั่งของผู้นำของกองทัพแคว้นราชสีห์ทองคำจึงไม่ได้ผลเท่าไหร่
“ฮึ่ม!” เสียงคำรามที่เย็นชาดังถึงพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้นำชุดเกราะทอง เขายืนอยู่บนเสาค้ำธงของค่ายพักแรม ร่างของเขาสูงถึงสามฟุต ชุดเกราะแต่ละส่วนของเขามีลาวาสีแดงทะลักออกมา
“ผู้นำเพลิงสีชาด!” เหล่าทหารของแคว้นราชสีห์ทองคำสงบสติลงทันทีราวกับว่าหากชายที่ปรากฏตัวคนนี้เป็นคนลงมือ ปัญหาทุกอย่างจะถูกแก้ไขได้โดยง่าย
เหลี่ยวชิง เขาคือผู้นำกองทัพของแคว้นราชสีห์ทองคำ ฉายาของเขาคือ ‘เพลิงสีชาด’ เหล่าชิงเป็นดั่งพระเจ้าของแคว้นราชสีห์ทองคำ เขาเคยนำทัพทำสงครามมาแล้วหนึ่งร้อยเก้าครั้ง และพ่ายแพ้เพียงเจ็ดครั้ง
เขาเป็นจิตวิญญาณของกองทัพ ตราบใดที่มีเขาอยู่กองทัพก็จะหนักแน่นมั่นคงราวกับขุนเขา
“ก็แค่ศัตรูกลุ่มเล็กๆ จะแตกตื่นกันทำไม?” เหลี่ยวชิงเค้นเสียงเหยียดหยาม เสียงของเขาก้องกังวาลไปทุกซอกมุมของค่ายพัก
“ขอรับ!” ทหารของแคว้นราชสีห์ทองคำตะโกนตอบรับโดยไร้ความโกลาหลอีกต่อไป
พวกเขาจับอาวุธแน่นและตอบโต้ไปยังกลุ่มที่บุกเข้ามาพร้อมกับคำรามเสียงดัง ถึงแม้กองทัพของพวกเขาจะมีจอมยุทธระดับภูผาวารีอยู่เพียงไม่กี่คน แต่ในด้านจิตใจที่ฮึกเหิมพวกเขาไม่แพ้แน่นอน
ทางด้านหลิงฮัน เขาทำเพียงป้องกันตัวเองอยู่เงียบๆ
นี่ไม่ใช่สงครามของเขาแต่เป็นความบาดหมางระหว่างแคว้นราชสีห์ทองคำกับแคว้นพิรุณบูรพา ทำไมเขาจะต้องลงมือสังหารผู้บริสุทธิ์ด้วย?
และเพราะการที่เขาไม่แสดงพลังออกไปเต็มที่ เขาจึงไม่ถูกศัตรูที่แข็งแกร่งโจมตี
เขาไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อยและกำลังอยู่ในอารมณ์ครุ่นคิดว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงมีกลิ่นอายแห่งความตายไปทั่วทุกที่?
ที่นี่ไม่ใช่เพียงมีแค่คนที่ตกตาย แต่ขนาดดอกไม้ นก หรือแมลงต่างๆก็ยังตายด้วยเหมือนกัน สาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่?
แต่ทันใดนั้นเอง สัญชาติญาณของเขาก็ตื่นตัวและรีบหลบเลี่ยงขยับไปด้านซ้าย
ตูม!
พื้นดินบริเวณที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ถูกบดขยี้แหลกกระจายด้วยพลังที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ทหารที่สู้กับเขาในบริเวณนั้นเมื่อครู่ถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเนื้อ
การโจมตีเมื่อครู่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน การที่โจมตีผ่านพื้นดินแล้วแต่ก็ยังเหลือพลังทำลายขนาดนั้นไม่มีทางเป็นการลอบโจมตีของจอมยุทธระดับภูผาวารีแน่นอน แต่เป็น…ระดับสุริยันจันทรา!
หากศัตรูเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นนั้น ทำไมต้องลอบโจมตีด้วย? ทั้งสองกองทัพกำลังเข้าปะทะกันอยู่แค่อีกฝ่ายบุกมาโจมตีเขาตรงๆก็พอแล้วแท้ๆ
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้อยู่อย่างเดียว
คนที่ลอบโจมตีคือจ้าวหลุน!
หลิงฮันมองไปยังจ้าวหลุนที่กำลังสู้อยู่กับเหลี่ยวชิง เมื่อสายตาของเขามองไปยังร่างของจ้าวหลุน เขาก็พบว่าอีกฝ่ายชำเลืองมองกลับมาหาเขาพร้อมกับจิตสังหาร
เป็นจ้าวหลุนแน่นอนที่ลอบโจมตีเขา!
แปลกมาก ทำไมจ้าวหลุนถึงสามารถต่อกรกับเหลี่ยวชิงได้?
หลิงฮันเห็นชัดเจนว่าด้านหลังของเหลี่ยวชิงมีดวงตะวันและดวงจันทร์อยู่สองอัน ซึ่งหมายถึงเหลี่ยวชิงมีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นปลาย ส่วนจ้าวหลุนนั้นเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราไม่นาน
ความต่างของทั้งสองคนนั้นคืออย่างน้อยเจ็ดดาว! จ้าวหลุนเป็นอัจฉริยะสี่ดาวและไม่สามารถใช้งานอำนาจแห่งจักรภพได้ เขาจะสามารถทดแทนความต่างอีกสามดาวได้อย่างไร? หรือว่าจู่ๆเขาก็กลายเป็นอัจฉริยะเจ็ดดาวไปแล้ว?
ไม่ใช่!
หลิงฮันมองไปยังเกราะของจ้าวหลุนที่ปลดปล่อยแสงสว่างออกมา เกราะนี้ทำหน้าที่ราวกับเป็นคนที่สู้ตัวจริงแทนจ้าวหลุน
สมบัติ มันคือสมบัติที่แท้จริง!
มันคือเกราะอัศจรรย์ที่ช่วยให้จ้าวหลุนมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นถึงสามดาว
“ฮ่าๆๆ ได้เวลากำจัดพวกสวะให้สิ้นซากแล้ว!” เสียงหัวเราะดังขึ้น ปรมาจารย์นับร้อยคนปรากฏตัวโดยที่ด้านหลังของพวกเขามีดวงตะวันและดวงจันทร์ปรากฏอยู่
ระดับสุริยันจันทรานับร้อยคน!
ต่อให้แคว้นราชสีห์ทองคำจะมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทรามากกว่าร้อยคนก็ตาม แต่ตอนนี้มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
หลิงฮันนึกในใจทันทีว่าจอมยุทธเหล่านี้จะต้องเป็นคนของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์แน่นอน!
สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่แต่เดิมก็แปลกประหลาดอยู่แล้ว นี่ยังมีจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์มาเกี่ยวข้องอีก ซึ่งทำให้เขาถึงสงครามกับแคว้นราชสีห์ทองคำซึ่งแต่เดิมก็มีจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์เป็นคนบงการแต่แรก
ทำไมต้องเป็นสถานที่ที่เหมือนดินแดนแห่งความตายแห่งนี้อีกแล้ว?
ตอนที่ 1060
“วิ่ง!” กลุ่มบุกโจมตีตกตะลึง ใครจะไปคิดว่ามีกองทัพจอมยุทธระดับสุริยันจันทรานับร้อยคนอยู่ในกลุ่มทหารของแคว้นราชสีห์ทองคำ?
ต่อหน้ากองกำลังดังกล่าว พวกเขาไม่ต่างอะไรกับมดปลวก!
“พวกเจ้ายังคิดจะหนีอีกงั้นรึ?” จอมยุทธระดับสุริยันจันทราตะโกน ทำให้จอมยุทธระดับภูผาวารีหลายคนหยุดชะงักทันที แต่โชคดีที่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราพวกนั้นไม่มีความคิดที่จะฆ่า เพียงแค่ขวางทางไม่ให้หลบหนีเท่านั้น
มีเพียงแค่จ้าวหลุนคนเดียวเท่านั้นที่ฝ่าวงล้อมออกไปได้ และเกราะที่เขาสวมใส่สามารถทำให้เขาบินบนท้องฟ้าได้ บวกกับพลังป้องกันที่แข็งแกร่งแล้ว ถึงแม้จะมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราหลายคนแต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาเอาไว้ได้
นอกจากนั้น ท่ามกลางการต่อสู้ระยะประชิด ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่สังเกตว่ามีคนหายไป
ซึ่งแน่นอนว่าหลิงฮันเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในหอคอยทมิฬ
“จับกุมให้หมดทุกคน!” จอมยุทธคนหนึ่งออกคำสั่ง “เก็บกวาดให้เรียบร้อย ห้ามใครทำให้แผนขององค์จักรพรรดิล้มเหลวเป็นอัดขาด!”
“ขอรับ!”
ทันใดนั้น สนามรบก็ถูกเก็บกวาด และรถขว้างก้อนหินก็เริ่มโจมตีทำให้กองทัพของแคว้นพิรุณบูรพาที่ยังไม่ข้ามแม่น้ำไม่ถึงฝั่งนำไปสู่ความพ่ายแพ้อย่างน้อยหนึ่งในสี่ของกองทัพถูกกลืนหายไปในแม่น้ำคลื่นพิโรธ
เมื่อเห็นเช่นนั้นกองทัพที่เหลือรีบหันหัวเรือกลับทันที และไม่กล้าข้ามไปอีก
โชคดีที่ดูเหมือนว่าจักรวรรดิสวรรค์นิรันดร์จะไม่ตั้งใจต่อสู้กับจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะโดยตรง ดังนั้นกำลังเสริมของพวกเขายังคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืด และพวกเขาไม่ได้ฆ่ากองทัพศิษย์ของสำนักนภาสีชาดไปทั้งหมด พวกเขาแค่จับกุมเท่านั้น
นี่แสดงให้เห็นว่าแผนการของพวกเขาใหญ่มาก
หลิงฮันสังเกตการณ์อย่างเงียบๆในหอคอยทมิฬ และได้ยินฝ่ายศัตรูหลุดปากพูดว่า “ห้ามใครทำให้แผนขององค์จักรพรรดิล้มเหลวเป็นอัดขาด” แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ทราบว่ามีอีกคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเพื่อดักฟัง ดังนั้นจะพูดว่าหลุดปากพูดก็ไม่น่าใช่
เพียงแค่ประโยคเดียวแต่ก็ให้ข้อมูลจำนวนมาก
นี่ทำให้หลิงฮันเกิดความอยากรู้อยากเห็นว่าจักรพรรดิของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ต้องการทำอะไรกันแน่?
ในไม่ช้าทั้งบริเวณก็กลายเป็นเงียบงัน
หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬและออกจากค่ายทหารอย่างเงียบเชียบ แล้วมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ
จักวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ยึดมั่นพื้นที่บริเวณนี้ และป้องกันไม่ให้ศัตรูข้ามแม่น้ำสำเร็จด้วยกองทัพขนาดใหญ่ นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องยึดมั่นพื้นที่ตรงนี้เอาไว้ แล้วถ้าเขาเอาแต่อยู่ในค่ายทหาร เขาก็จะไม่สามารถสืบข้อมูลอะไรได้ เพราะนี่เป็นเพียงแค่ด่านหน้าเท่านั้น
หลิงฮันเดินหน้าลึกเข้าไปในดินแดนของแคว้นพิรุณบูรพา แต่ยิ่งเขาเดินเข้าไปลึกเท่านั้น มันก็ทำให้เขายิ่งหวาดมากขึ้นเท่านั้น เพราะบรรยากาศรอบตัวเขาเงียบสนิทและไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิต
หลิงฮันจึงนำพาหนะแหวกเมฆาออกมาเพื่อพุ่งผ่านบริเวณนี้ไปและเริ่มค้นหาอย่างระมัดระวัง
ถึงแม้ว่าความเร็วของพาหนะแหวกเมฆานั้นจะรวดเร็วมาก แต่หลิงฮันก็มีสายตาที่ดีเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงสำรวจพื้นที่บริเวณกว้างได้ในเวลาอันสั้น
ดินแดนเบื้องหน้าจู่ๆก็กลายเป็นสีแดง ราวกับว่ามันถูกเปลวเพลิงสวรรค์มอดไหม้
ปัง!
ทันใดนั้น พาหนะแหวกเมฆาเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับถูกโจมตี
หลิงฮันรีบลดระดับความสูงทันที และสังเกตมองรอบข้างด้วยความระมัดระวัง
ดินแดนที่แดงเถือกแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัว
“จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ต้องการทำอะไรกันแน่?” หลิงฮันคิดอยู่ในใจ “เหตุใดพวกเขาถึงเปลี่ยนผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ให้กลายเป็นดินแดนที่แดงเถือกแบบนี้”
หลิงฮันก้าวเดินอย่างช้าๆ และไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น สัญญาณเตือนบางอย่างก็ดังขึ้นอยู่ในใจ เบื้องหน้าเขามีพลังปราณชั่วร้ายพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินและก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์
ปัง!
ปราณชั่วร้ายรูปร่างมนุษย์นั่นเปิดฉากจู่โจมหลิงฮันทันที และปล่อยหมัดโจมตีไปที่หน้าอกของหลิงฮัน
อะไรกัน?
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบ และสวนการโจมตีกลับไปด้วยทักษะบัญญัติดาบเร็ว ทำให้ร่างของมันถูกตัดออกเป็นแปดส่วนในพริบตา
ปราณชั่วร้ายรูปร่างมนุษย์กลับไปอยู่ในรูปหมอกอีกครั้ง แต่มันก็สามารถกลับมารวมตัวกันได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าการโจมตีของหลิงฮันไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับมันได้เลย
“น่าสนใจดีนิ!” หลิงฮันพึมพัมและเรียกจักรพรรดิจอมอสูรออกมาจากหอคอยทมิฬ
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ กรงเล็บของจักรพรรดิอันต่ำต้อยของข้ากำลังหิวโหยและกระหายเลือดอยู่พอดี ในเมื่อนายท่านออกคำสั่ง ข้าก็จะสังหารศัตรูของท่านให้ทันที” หมาป่าตัวหนึ่งออกมาจากหอคอยทมิฬ คำพูดของมันเต็มไปด้วยคำเยินยอ
“บรู๊ว!” จักรพรรดิจอมอสูรส่งเสียงหอนและโจมตีใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที
กรงเล็บและปากของมันสามารถฉีกปราณชั่วร้ายรูปร่างมนุษย์ได้ในพริบตา
“หืม!” จักรพรรดิจอมอสูรส่งเสียงประหลาดใจ เพราะปราณชั่วร้ายรูปร่างมนุษย์กลับมารวมตัวเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง
มันเป็นอมตะหรือยังไงกัน?
“มันเป็นเหมือนเจ้า” หลิงฮันกล่าว
“นายท่าน แต่เจ้าสิ่งนี้มันไม่น่าเป็นสิ่งมีชีวิต” จักรพรรดิจอมอสูรกล่าวสิ่งที่คิด
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “พลังปราณชั่วร้ายที่นี่ทรงพลังมาก มันสามารถก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์ได้ ทั้งยังมีการโจมตีที่ทรงพลัง”
จักรพรรดิจอมอสูรตกตะลึงและพูดว่า “ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก และการโจมตียังใช้ไม่ได้ผลกับมันอีกด้วย”
“ดังนั้น ข้าจึงอยากรู้ว่าจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์กำลังทำอะไรอยู่”
“นายท่าน ข้าเกรงว่าหากเข้าไปลึกมากกว่านี้ เกรงว่าจะอันตรายมากยิ่งขึ้น” จักรพรรดิจอมอสูรหวาดกลัวต่อความตายมาก
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง หากมีอันตรายเกิดขึ้น เจ้าก็จะคอยปกป้องข้ามิใช่รึ?” หลิงฮันกล่าว
“ว่าไงนะ!” จักรพรรดิจอมอสูรอ้าปากกว้าง เจ้าเป็นเจ้านายแต่คิดจะหลบหลังลูกน้องแบบนี้ได้ยังไง
หลิงฮันทดลองหลายวิธี แต่ก็ไม่สามารถกำจัดปราณชั่วร้ายนี้ได้ แม้เขาจะสับมันเป็นพันๆชิ้น แต่มันก็จะกลับมารวบตัวอีกครั้ง
“ถ้างั้นลองวิธีนี้” หลิงฮันเริ่มใช้อักขระศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิง และเผาปราณชั่วร้าย
พรึบ!
เมื่อเปลวเพลิงลุกไหม้ หลิงฮันดูเหมือนจะได้ยินเสียงกรีดร้องอันทุกข์ทรมาน ซึ่งทำให้เขารู้สึกเศร้าหมอง แต่วิธีการนี้ก็ได้ผล ในไม่ช้าปราณชั่วร้ายรูปร่างมนุษย์นี่ก็กลายเป็นขี้เถ้า
หลิงฮันหันหน้าไปหาจักรพรรดิจอมอสูร และได้เห็นสภาพน่าสังเวชของอีกฝ่าย
เสียงกรีดร้องเมื่อครู่ส่งผลกระทบต่อดวงวิญญาณจักรพรรดิจอมอสูรโดยตรง แต่หลิงฮันที่มีดวงวิญญาณที่แกร่งกล้า ทำให้เขาได้รับผลกระทบแค่ชั่วครู่เท่านั้น
ตอนที่ 1061
จักรพรรดิจอมอสูรกับปราณชั่วร้ายนี้ค่อนข้างเหมือนกัน
ทั้งสองไม่มีร่างจริงดูราวกับเป็นเพียงคลื่นพลังงาน เมื่อจักรพรรดิจอมอสูรไม่ใช่สิงอยู่ในร่างกายของอะไรก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะโจมตีเขา ต่อให้อีกฝ่ายมีพลังสูงกว่าเท่าใดก็ตาม
แต่สิ่งที่จักรพรรดิจอมอสูรหวาดกลัวที่สุดคือการโจมตีทางจิตวิญญาณ ตราบใดที่เป็นการโจมตีทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าจิตวิญญาณของตน เขาก็จะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส
ซึ่งจิตวิญญาณชั่วร้ายนี่ก็มีจุดอ่อนอยู่ที่จิตวิญญาณเหมือนกัน
จักรพรรดิจอมอสูรรู้สึกมึนงงจากเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ แต่เขาอยู่ในร่างหมอกควันจึงไม่สามารถอาเจียนออกมาได้ เขาใช้เวลาสักพักก่อนจะกลับอยู่ในร่างของหุ่นเชิดหมาป่าและกล่าว “นายท่าน ปราณชั่วร้ายนี่น่าปวดหัวเป็นอย่างมาก”
“เจ้าต้องขัดเกลาจิตวิญญาณของตัวเองให้มั่นคงกว่านี้” หลิงฮันกล่าว
แม้จะพูดง่ายแต่ทักษะที่ช่วยบ่มเพะจิตวิญญาณนั้นหายากมาก บางทีอาจจะมีเพียงจ้าวอสูรไม่กี่คนที่มีอยู่ในครอบครอง จอมยุทธทั่วไปก็สามารถทำให้จิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่การจะทำให้มันทนทานนั้นเป็นเรื่องยากแสนยาก
การขัดเกลากายหยาบก็เช่นกัน หนทางที่จะขัดเกลากายหยาบเองก็ยากแสนยาก!
จักรพรรดิจอมอสูรไม่กล้าจะเถียงหลิงฮันและทำได้เพียงสบถในใจ แต่เขาก็รู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกัน นายท่านของเขาน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่มีกายหยาบที่ไร้เทียมทาน แต่จิตวิญญาณก็ยังมั่นคงด้วย เขาบ่มเพาะพลังด้วยทักษะลับอะไรกันแน่?
หนึ่งคนหนึ่งหมาป่าเดินมุ่งต่อไปข้างหน้า ปราณชั่วร้ายในที่นี้ปกคลุมไปทั่วบริเวณ มันค่อยๆลอยมารวมกันจนเมื่อถึงจุดจุดหนึ่งแล้วมันจะควบแน่นกันจนมีรูปร่างเหมือนมนุษย์
ผ่านไปสักพักปราณชั่วร้ายร่างมนุษย์ก็ปรากฏตัวและโจมตีใส่หลิงฮัน
มันกรีดร้องคำรามโจมตีทะลวงไปถึงจิตวิญญาณด้วยคลื่นเสียง
“คิดจะปะทะด้วยจิตวิญญาณ ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่สามารถชนะได้!” หลิงฮันโคจรทักษะจิตเจ็ดสังหารตอบโต้
ตูม!
ปราณชั่วร้ายร่างมนุษย์ถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเสี้ยวปราณนับไม่ถ้วน เศษเสี้ยวปราณพยายามกลับมารวมตัวกันแต่ก็ราวกับว่าพวกมันสูญเสียความสามารถในการควบแน่นไปจนไม่สามารถรวมตัวกันได้
ปราณชั่วร้ายนี้สามารถโจมตีทางจิตวิญญาณได้ แต่จุดอ่อนของมันก็คือการโจมตีทางจิตวิญญาณเช่นกัน
หลิงฮันกวัดแกว่งมือใส่เศษเสี้ยวปราณชั่วร้ายนับไม่ถ้วนให้ลอยหายไป
“นายท่านช่างแข็งแกร่ง! ทั่วสวรรค์และปฐพี ไม่ว่าจะยุคก่อนหน้านี้หรือยุคต่อไป ท่านก็เป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดโดยไร้ผู้ใดเทียบเคียง!” จักรพรรดิจอมอสูรประจบประแจง
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ในเมื่อข้าแข็งแกร่งขนาดนั้น เจ้าในฐานะผู้ติดตามก็ต้องไม่น้อยหน้า ศัตรูตรงหน้าข้าขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้า”
“แน่นอ… ไม่จริง!” จักรพรรดิจอมอสูรกำลังจะตกปากรับคำ แต่เมื่อเขามองไปยังด้านหน้าหางของเขาก็ชูตั้งขึ้นด้วยความหวาดกลัวทันที นั่นเพราะด้านหน้าของเขามีปราณชั่วร้ายร่างมนุษย์ขนาดใหญ่ปรากฏตัวออกมา
มันเกิดจากปราณชั่วร้ายจำนวนมาก ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้น พลังของมันย่อมแข็งแกร่งขึ้นด้วย
คราวนี้เขาคงไม่เพียงแค่ถูกโจมตีใส่จิตวิญญาณจนหลุดออกจากหุ่นเชิด แต่แม้แต่ร่างหมอกของเขาก็คงถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ
“นายท่าน ช่วยข้าด้วย!” จักรพรรดิจอมอสูรรีบร้องโอดครวญ
ถึงแม้เขาจะอยู่ในร่างของหุ่นเชิดที่มีพลังต่อสู้เท่ากับระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นปลาย แต่ปราณชั่วร้ายเหล่านี้ราวกับเป็นศัตรูโดยธรรมขาติของเขา การโจมตีทางจิตวิญญาณของพวกมันทำให้กายหยาบที่แข็งแกร่งของเขาไร้ความหมาย
หลิงฮันเคยพยายามนำปราณชั่วร้ายเข้าไปในหอคอยทมิฬแต่ถึงแม้ปราณชั่วร้ายเหล่านี้จะไม่มีร่างกายพวกมันกลับมีเจตจำนงอยู่ หากจะนำมันเข้าไปในหอคอยทมิฬต้องลบเจตจำนงของพวกมันทิ้งไปเสียงก่อน
ดังนั้นหอคอยทมิฬจึงใช้ไม่ได้ผล
หลิงฮันโคจรทักษะจิตเจ็ดสังหาร ทันใดนั้นหัวของปราณชั่วร้ายร่างมนุษย์ก็ถูกบดขยี้จนระเบิด แต่ร่างส่วนยังคงอยู่ครบถ้วน
หลังจากนั้นฉากที่น่าหวาดหวั่นได้เกิดขึ้น ปราณอสูรชั่วร้ายร่างมนุษย์ขนาดใหญ่ที่ไร้หัวนั้นได้มีปราณชั่วร้ายไหลออกมาจากส่วนและกลายเป็นส่วนหัวอีกครั้ง
มันคือปราณที่ไม่มีร่างกาย ต่อให้ถูกตัดออกเป็นสิบส่วนก็ยังสามารถประกอบร่างของตัวเองเป็นเหมือนเดิมได้ แค่หัวขาดนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่
“เจ้าตัวนี้แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย” หลิงฮันลงมืออีกครั้ง เขาใช้ทั้งทักษะจิตเจ็ดสังหารและรูปแบบอักขระศักดิ์สิทธิ์บนภูผาวารี ทั้งสองสิ่งนี้เป็นจุดอ่อนของปราณชั่วร้ายทั้งคู่
หลิงฮันใช้เวลาพอสมควรในการจัดการปราณชั่วร้ายร่างยักษ์คนนี้
“นายท่านช่างแข็งแกร่ง!” จักรพรรดิจอมอสูรประจบ
หลังจากพวกเขามุ่งหน้าเดินทางต่อโดยที่ทำลายปราณชั่วร้ายไปตามทาง ที่ด้านหน้าพวกเขาก็มีปราณอสูรร่างมนุษย์ใหญ่สูงสามฟุตปรากฏตรงหน้า
ไม่ใช่แค่จักรพรรดิจอมอสูรที่หวาดกลัวจนขนลุกซู่ แม้แต่หลิงฮันก็ยังขมวดคิ้วเช่นกัน
กลุ่มปราณชั่วร้ายตนนี้มันมากเกินไป!
“โฮกกก!” ปราณชั่วร้ายขนาดมหึมาคำรามและปล่อยหนึ่งฝ่ามือออกมา การโจมตีทางจิตวิญญาณของมันรุนแรงจนทำให้พื้นปฐพีสั่นสะเทือน
หลิงฮันไม่คิดจะสู้ เขาคว้าหางหุ่นเชิดหมาป่าของจักรพรรดิจอมอสูรและเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที
ตูม!
ปราณชั่วร้ายมหึมายกมือขึ้นฟ้าพร้อมกันฝุ่นควันและชะงักเล็กน้อย ศัตรูของมันไปไหนแล้ว?
หอคอยทมิฬลอยขึ้นไปตามฝุ่นควัน
หลิงฮันรีบออกจากหอคอยทมิฬและหลบหนีทันที
ต่อให้สู้ไปก็ไม่มีความหมาย หากเป็นสัตว์อสูรเขายังเก็บเกี่ยวเนื้อพลังปราณได้ แต่สู้กับปราณชั่วร้ายนี่ไปแล้วเขาจะได้อะไร?
หลิงฮันเคลื่อนที่ราวกับสายลม เมื่อเขาพบเจอปราณชั่วร้ายเขาก็จะหลบซ่อนตัวและหาโอกาสจู่โจม เขาใช้จังหวะที่ปราณชั่วร้ายฟื้นฟูตนเองในการพุ่งผ่านไป
ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ปราณชั่วร้ายก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เขาพบเจอปราณชั่วร้ายขนาดมหึมาที่สูงถึงสิบฟุต ซึ่งหลิงฮันไม่คิดสู้และหลบซ่อนตัวทันที
ปราณชั่วร้ายขนาดเช่นนี้ พลังโจมตีทางจิตวิญญาณของมันสามารถเทียบได้กับระดับสุริยันจันทรา หลิงฮันไม่สามารถต่อต้านได้แน่นอน
เบื้องหน้านี้ไปอีกมีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง
หืม?
หลิงฮันส่ายหัว ที่เขาเห็นไม่ใช่ภูเขาแต่เป็นแท่นบูชา! เพียงแต่ว่าด้วยความสูงของมันแวบแรกเขาจึงมองเห็นเป็นภูเขา
บูชาแห่งนี้สูงเป็นอย่างมาก มันสูงมากกว่าพันฟุตและมีรูปทรงเป็นทรงกรวยสามมุม แท่นบูชาถูกสร้างขึ้นจากก้อนหินที่มีขนาดใหญ่กว่าบ้านหนึ่งหลัง ทั่วทั้งแท่นบูชามีสีแสงเข้ม
ทำไมเขาถึงคิดว่านี่คือแท่นบูชาน่ะรึ?
นั่นเพราะเขาได้กลิ่นโลหิตอันรุนแรงมาจากที่นั่น มันไม่ใช่กลิ่นโลหิตจากสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งพันหรือหนึ่งหมื่น แต่เป็นอย่างน้อยหลายล้านชีวิต บางทีหินที่ใช้สร้างแท่นบูชาอาจจะเป็นสีขาวแต่ถูกโลหิตย้อมจนกลายเป็นสีแดง
นอกจากนี้ที่มุมหนึ่งของแท่นบูชายังมีซากสิ่งมีชีวิตหลายร่างกองกันรวมกับเป็นภูเขาอีกด้วย ถึงแท้ซากพวกนั้นเมื่อกองรวมกันแล้วจะสูงไม่เท่าแท่นบูชา แต่มันกองยาวเรียงกันหลายร้อยไมล์เลยทีเดียว เจ้านวนของซากสิ่งมีชีวิตคือล้านชีวิตเป็นอย่างน้อย บางทีอาจจะมีมากกว่านั้นถึงสิบเท่า
จักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์คิดจะทำอะไรกันแน่?
ตอนที่ 1062
ปัง! ปัง! ปัง!
ปราณชั่วร้ายยักษ์อย่างน้อยสิบตัวเข้ามาล้อมรอบหลิงฮัน เขารีบหลบเข้าไปซ่อนตัวในหอคอยทมิฬทันที จากนั้นก็เคลื่อนที่ไปตามแรงลมไปที่แท่นบูชา
หลิงฮันเห็นรถม้ากำลังมุ่งหน้ามาจากระยะไกล
รถม้าพวกนั้นเป็นกรงเหล็ก!
รถม้าแต่ละคันนั้นมีขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อและบรรทุกสัตว์อสูรหลายชนิด พวกมันต่างส่งเสียงร้องคำรามด้วยความรู้สึกโกรธแค้นและสาปแช่ง
แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์อสูรที่ทรงพลังเท่านั้น แม้แต่มนุษย์เองก็ถูกขังและส่งไปที่แท่นบูชาเหมือนกับพวกสัตว์อสูร
นี่คือเครื่องสังเวย?
ระหว่างที่รถม้าเคลื่อนที่ผ่าน พวกมันถูกปราณชั่วร้ายจู่โจมเช่นเดียวกัน แต่เมื่อมันโจมตีกลุ่มรถม้า อักขระศักดิ์สิทธิ์บนรถม้าก็ส่องประกาย และทำให้พวกมันกระเด็นกลับไปด้านหลัง
นั่นมันน่าจะเป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์ระดับดารา
หลิงฮันคิดอยู่ในใจ ปราณชั่วร่ายบางร่างบรรลุอยู่ในระดับสุริยันจันทราขั้นสูง แต่ก็ยังกระเด็นไปด้านหลัง นี่แสดงให้เห็นว่ามันเป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์ระดับดารา
หลิงฮันจ้องมองรถม้าอย่างระมัดระวัง และเห็นการดาษแปะอยู่บนรถม้า เมื่อถูกโจมตีกระดาษพวกนั้นจะเปล่งประกายและก่อตัวเป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์
รถม้ายังคงมุ่งหน้าไปที่แท่นบูชา ปราณชั่วร้ายพวกนั้นไม่อาจหยุดยั้งได้
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิงฮันจึงถือโอกาสเคลื่อนไหว เขาปรากฏตัวออกมาจากหอคอยทิฬและเข้าไปคลุกเคล้ากับปราณชั่วร้าย
รูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้คงไม่มีใครตระหนักว่าเขาเป็นใครและไม่มีทางที่จะเชื่อมโยงไปถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้เลย
หลังจากนั้นหลิงฮันก็กระโจนเข้าใส่รถม้าโดยตรง
“รถหาที่ตาย!” คนขับรถม้าตะโกนอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ได้ลงมือโจมตี
ด้วยอักขระศักดิ์สิทธิ์ระดับดาราจะมีปราณชั่วร้ายตนใดสามารถต่อต้านได้?
หืม?
คนขับรถม้าตกตะลึง เมื่อครู่เขาเห็นเต็มตาว่ามีชายคนหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามา แต่ชายคนนั้นหายไปในพริบตา!
หรือชายคนนั้นจะกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว?
“ต้าเถี่ยโถ๋วเกิดอะไรขึ้น?” ภายในรถม้าใครบางคนตะโกนถาม “เมื่อครู่เหมือนข้าจะเห็นเงาคนโจมตีรถม้า!”
“ท่านไม่ต้องกังวล อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น ตอนนี้มันคงกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว!” คนขับที่ชื่อต้าเถี่ยโถ๋วตอบกลับ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านั่นจะต้องเป็นโจรภูเขาที่พยายามสร้างความสับสนและปล้นรถคุกเพื่อปล่อยนักโทษแน่นอน ช่างเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี!” คนที่อยู่ภายในรถม้ากล่าวและส่งเสียงหัวเราะ
“ใช่แล้วนายท่าน!” ต้าเถี่ยโถ๋วพยักหน้าและขับรถม้าต่อ แล้วไม่เก็บเรื่องที่เกิดเมื่อครู่มาใส่ใจ
หลิงฮันนั่งมองอย่างเงียบๆ ในตอนที่กำลังจะปะทะกับรถม้า เขาได้เข้าไปหลบในหอคอยทมิฬ และปล่อยให้หอคอยทมิฬลอยเข้าไปในรถม้าเอง แน่นอนว่าอักขระศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นไม่สามารถปิดกั้นหอคอยทมิฬได้
มีสัตว์อสูรหลายสิบตัวอยู่บนรถม้าคันนี้ แต่ละตัวล้วนเป็นสัตว์อสูรระดับภูผาวารี มันมีทั้งพยัคฆ์สี่ตา อสรพิษหัวกระทิง แกะยักษ์ทองคำ แต่พวกมันถูกย่อส่วนด้วยทักษะลับ จึงทำให้พวกมันมีขนาดเท่ากับสัตว์อสูรธรรมดา
นอกจากนี้ พลังของมันยังถูกผนึกไว้อีกด้วย ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีร่างกายที่ทรงพลัง แต่ก็ไม่สามารถโคจรพลังได้ นี่ทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความโกรธและความสิ้นหวัง
สัตว์อสูรระดับภูผาวารีนั้นมีสติปัญญหาที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์ พวกมันรู้ว่ากำลังมุ่งหน้าไปที่แท่นบูชา จึงรู้ชะตากรรมว่าจะต้องตกเป็นเครื่องสังเวย
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้พวกมันโกรธและแผดเสียงคำราม แต่หลังจากนั้นชั่วครู่เสียงคำรามก็ดังเงียบหายไป
สิ้นหวัง!
รถม้ามุ่งหน้าไปที่แท่นบูชาอย่างช้าๆ
เส้นทางที่อยู่ด้านล่างแท่นบูชาเพียงพอที่จะให้รถม้าพวกนี้ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย มันค่อนข้างกว้างทีเดียว
บรรยากาศโดยรอบเริ่มมืดมน แต่ก็มีคบเพลิงให้แสงสว่างอยู่ตามทาง แต่มันสว่างไม่พอ จึงทำให้บรรยากาศโดยรอบมืดมัว
เมื่อรถม้ามุ่งหน้ามาถึง ประตูด้านหน้าก็เปิดทันที
ด้านในของแท่นบูชานั้นกลวงและฐานที่มีรูปทรงเป็นทรงกรวยสามมุมนั้นแยกจากกัน และมีเส้นทางที่คดเคี้ยวไปมาจากด้านล่างไปด้านบนที่แน่นไปด้วยห้องขัง ซึ่งห้องขังส่วนใหญ่นั้นมีมนุษย์หรือสัตว์อสูรถูกขังอยู่ แต่ห้องขังบางห้องก็ว่างเปล่า
ด้านล่างของแท่นบูชากลวงและมันมีความลึกเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ เพราะมันเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน
ถึงแม้จะอยู่ในหอคอยทมิฬ แต่หลิงฮันก็ยังได้กลิ่นโลหิตที่รุนแรง โลหิตที่อยู่ในหลุมลึกด้านล่างแท่นบูชาจะต้องมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ
ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีศพจำนวนมหาศาลอยู่ด้านนอก นี่เป็นการสังหารหมู่!
ในบ่อโลหิต หรืออาจเป็นทะเลสาบโลหิตมีแสงสว่างสลัวๆและปลดปล่อยกลิ่นอายที่หนาวเย็นอย่างไม่น่าเชื่อออกมา
ตุบ!
โลหิตในทะเลสาบโลหิตสาดกระเซ็น สัตว์อสูรขนาดใหญ่ถูกโยนลงมาจากด้านบน โดยที่หัวของมันถูกตัดก่อนที่ร่างของมันจะถูกโยนลงไปในทะเลสาบโลหิต แต่ในไม่ช้าก็มีใครบางคนนำศพของมันออกไป แล้วทิ้งไว้ด้านข้าง
ประตูห้องขังเปิดออก และมนุษย์กับสัตว์อสูรที่มากับรถม้าก็ถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปข้างใน จากนั้นรถม้าก็จะขนศพออกไปจากแท่นบูชาเพื่อนำไปทิ้งด้านนอก
หลิงฮันออกจากรถม้า แล้วในขณะที่คนอื่นเผลอ เขาก็กลับเข้าไปซ่อนในหอคอยทมิฬอีกครั้ง
เสียงกรีดร้องยังคงดำเนินต่อไปไม่หยุด หัวมนุษย์และสัตว์อสูรถูกตัดและโยนร่างลงมาในทะเลสาบโลหิตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นเช่นนั้นนักโทษชุดใหม่ต่างก็ส่งเสียงคำรามจนประตูเหล็กของห้องขังสั่นสะเทือน
รถม้าออกจากแท่นบูชาพร้อมศพเต็มคันรถ และมีรถม้าอีกหลายคนรอบรรทุกศพตามลำดับ
นอกเหนือจากเสียงกรีดร้องและเสียงของร่างที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบโลหิตแล้ว ที่นี่ค่อนข้างเงียบทีเดียว ทุกชั้นจะมีจอมยุทธคอยเดินลาดตระเวน แต่เนื่องจากแท่นบูชามีขนาดใหญ่เกินไปจึงต้องใช้เวลาในการลาดตระเวนนาน
เมื่อจอมยุทธที่ลาดตระเวนกำลังเดินผ่านหน้าห้องขังของเขาไป ทันใดนั้นหลิงฮันก็ปรากฏตัวออกมาจากหอคอยทมิฬและคว้าร่างของชายคนนั้น
ชายคนนั้นตกตะลึงมาก ใครจะไปคิดว่ามีคนปรากฏตัวออกมาจากอากาศและโจมตีเขาทีเผลอ? เขารีบหันหลังกลับและปล่อยหมัดทันที แต่มันกะทันหันเกินไปจึงทำให้เขาใช้พลังได้แค่สามในสิบส่วนเท่านั้น
หยุด! หลิงฮันใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหาร ชายคนนั้นหยุดชะงักทันที แล้วในตอนนั้นเองหลิงฮันก็คว้าคอของอีกฝ่ายและพาเข้าไปในหอคอยทมิฬ
หลิงฮันคลายทักษะจิตเจ็ดสังหาร และเมื่อชายคนนั้นตื่นขึ้นมา เขาก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก
“เจ้ากล้าดียังไง!” ชายคนนั้นส่งเสียงตะโกน “มีศัตรู-” เขาหยุดพูดทันที และพบว่าที่นี่ไม่ใช่ด้านในของแท่นบูชา!
เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน? นี่ข้าหมดสติไปนานแค่ไหน?
“เจ้านายของข้าต้องการถามอะไรบางอย่างกับเจ้าและเจ้าต้องให้ความร่วมมือ มิฉะนั้นข้าจะกินเจ้า!” จักรพรรดิจอมอสูปรากฏตัวพร้อมกับแสดงให้เห็นถึงฟันที่แหลมคมและเลียใบหน้าของชายคนนั้น
อาจพูดได้ว่าจักรพรรดิจอมอสูรค่อนข้างเหมาะสมกับงานประเภทนี้
ตอนที่ 1063
“เจ้า เจ้า…” ร่างของชายคนนั้นสั่นสะท้าน สิ่งมีชีวิตนี่คืออะไรกัน จากรูปลักษณ์เห็นได้ชัดว่ามันคือสัตว์อสูร แต่ทำไมมันถึงสามารถพูดภาษามนุษย์ได้
“อะไรของเจ้า!” จักรพรรดิจอมอสูรตบอุ้งเท้าใส่หัวชายคนนั้น “ข้าคือจักรพรรดิน้อยผู้ไร้เทียมทาน ชายคนนี้คือนายท่านของข้า เขาคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ตอนนี้นายท่านของข้าต้องการถามอะไรบางอย่างกับเจ้า เจ้ารู้ตัวดีว่าเจ้าควรตอบอย่างไร ไม่เช่นนั้นข้าถ้ากัดกินแขนทั้งสีของเจ้าก่อนแล้วตามด้วยแขนที่ห้า!”
ชายคนนั้นรู้สึกเย็นยะเยือกจนเผลอเกร็งขา เขารู้สึกว่าหมาป่าตัวนี้โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก
การที่อยู่ๆตัวเขามาปรากฏตัวในสถานที่ที่แปลกประหลาดเช่นนี้กับถูกจักรพรรดิจอมอสูรข่มขู่ ความคิดต่อต้านของชายคนนั้นจึงพังทลาย
“แท่นบูชานั่นสร้างขึ้นเพื่ออะไร?” หลิงฮันถามโดยไม่อ้อมค้อม
“ระ เรื่องนี้….” ชายคนนั้นลังเล “อ้ากก!” เขากรีดร้องโอดครวญออกมาเนื่องจากแขนข้างหนึ่งถูกจักรพรรดิจอมอสูรกัด
จักรพรรดิจอมอสูรไม่ใช่คนใจอ่อน แต่เดิมเขาเป็นคนของดินแดนใต้พิภพอยู่แล้ว ในสายตาของเขาคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ค่าไม่ต่างจากมดปลวก ไม่ใช่แค่แขนอย่างเดียว ต่อให้ต้องกัดคอหรือส่วนเขาก็ไม่มีทางลังเล
ชายคนนั้นเห็นจักรพรรดิจอมอสูรจ้องไปยังแขนอีกข้างของตัวเอง เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นกว่าเดิมและรีบกล่าว “เพื่อที่จะนำสมบัติข้างใต้มาครอบครอง พวกเราต้องสังเวยโลหิตเพื่อขจัดปราณชั่วร้ายทิ้งไปก่อน!”
ว่าไงนะ?
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย “สิ่งที่พวกเจ้าทำอยู่คือคำสั่งของจักรพรรดิของพวกเจ้า?”
“ใช่แล้ว มันคือความประสงค์ขององค์จักรพรรดิ!” ในเมื่อเผลอหลุดปากพูดไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะต่อต้านและตอบไปตามตรง
“ดูจากแผ่นกระดาษอักขระศักดิ์สิทธิ์ระดับดาราเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว จักรพรรดิของเจ้าคงให้ความสำคัญกับสมบัติชิ้นนี้มาก แต่การที่เขาไม่ทำหน้าที่นี้ด้วยตนเองก็หมายถึงแม้แต่จักรพรรดิของเจ้าก็ไม่ไปนำสมบัตินั่นมาได้โดยตรง เลยต้องให้พวกเจ้าช่วยกำจัดปราณชั่วร้ายทิ้งไปเสียก่อน” หลิงฮันแสดงความเห็นของตัวเอง
แปะ แปะ แปะ แปะ จักรพรรดิจอมอสูรรีบใช้อุ้งเท้าปรบมือและกล่าว “นายท่านช่างฉลาดและหลักแหลม สมแล้วที่นายท่านเป็นดั่งดวงอาทิตย์ดวงเล็กที่คอยเฉิดฉายชี้นำทางจักรพรรดิน้อยเช่นข้า!”
“อ้ากกก” ชายที่ถูกจับมากรีดร้องอีกครั้งก่อนจะมองไปยังจักรพรรดิจอมอสูรด้วยสายตามึนงง ทำไมจู่ๆเจ้าถึงกัดข้าอีกแล้ว?
“นายท่านของข้ากล่าวได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้นแท้ๆ เจ้ายังกล้าไม่ปรบมืออีกรึ?” จักรพรรดิจอมอสูรใช้สายตาของหมาป่ามองอย่างโหดเหี้ยม
ชายที่ถูกจับรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าตอนนี้เขามีพลังล่ะก็ คนแรกที่เขาจะจัดการไม่ใช่หลิงฮันแต่เป็นหมาป่าตัวนี้!
“สมบัติที่ว่าคืออะไร?” หลิงฮันถาม
“ข้าไม่รู้” ชายที่ถูกจับส่ายหัว ‘อ้ากก’ ทันใดนั้นเขาก็ต้องกรีดร้องออกมาเพราะแขนอีกข้างถูกจักรพรรดิจอมอสูรกัด “ข้าไม่รู้จริงๆ” เขารีบกล่าวโอดครวญทันทีเนื่องจากยังไม่อยากถูกกัดขาไปด้วย
“นายท่าน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จริงๆ” จักรพรรดิจอมอสูรหันมากล่าวกับหลิงฮัน
ชายที่ถูกจับไม่สบอารมณ์มาก โชคดีที่หลังจากบรรลุระดับพระเจ้าแล้วการฟื้นฟูแขนขาที่หักนั้นเป็นเรื่องจิ๊บจ้อยและใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้าหากเป็นบาดแผลจากปรมาจารย์ที่ทิ้งเจตจำนงเอาไว้ที่แผล การฟื้นฟูก็คงเป็นไปไม่ได้หากไม่ขจัดเจตจำนงทิ้งไปเสียก่อน
หลิงฮันจับคางครุ่นคิด จักรพรรดิจอมอสูรที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่ต้องการรบกวน เขาลากชายที่ถูกจับไปอีกฝั่งและทรมานอีกครั้งเพื่อถามข้อมูลอื่นๆมาใช้ประจบหลิงฮัน
จักรพรรดิของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ถึงขนาดวางแผนให้แคว้นราชสีห์ทองคำก่อสงครามเพื่อปกติวัตถุประสงค์ที่แท้จริง การที่อีกฝ่ายต้องทำอะไรยุ่งยากขนาดนี้ก็แสดงว่าสมบัติที่ว่าจะต้องล้ำค่าเกินกว่าจะจินตนาการได้
ในระหว่างที่เขามาที่นี่ เขาได้เห็นว่าแผ่นดินกว่าพันไมล์ถูกย้อมเป็นสีแดง สิ่งมีชีวิตโดยรอบถูกทำลายไม่เหลือซาก ไม่ใช่แค่สัตว์หรือมนุษย์ แต่ดอกไม้ ป่าไหม้ก็ยังไม่เหลือรอด
แต่ความลับไม่มีในโลก ในไม่ช้าเหตุการณ์ที่นี่ก็ต้องถูกโลกภายนอกรับรู้ หลิงฮันสรุปความเป็นไปมาสองข้อ
ข้อแรกคือสมบัติที่อยู่ที่นี่ล้ำค่ามากถึงขนาดทำให้จักรพรรดิยอมวางแผนปกปิดมันเอาไว้ และเสี่ยงทำเรื่องที่จะทำให้เกิดสงครามกับอีกสองจักรวรรดิราชวงศ์
ข้อสองคือสมบัตที่ที่ว่าคือสมบัติที่ทรงพลังมาก หากจักรพรรดิได้ครอบครองมันเขาก็จะมีอำนาจอยู่เหนือใคร ต่อให้สิ่งที่เขาทำถูกเปิดโปงก็ไม่มีใครต่อต้านเขาได้
เพราะอย่างไรโลกนี้ก็ถูกตัดสินกันด้วยพลัง หากมีพลังอำนาจก็ไม่มีใครกล้ากล้าโต้แย้ง
“ไม่ดีแล้ว การบูชาโลหิตเช่นนี้เป็นสิ่งที่บ้าระห่ำมาก แต่ถึงอย่างนั้นจักรพรรดิก็ยังเลือกที่จะทำมันซึ่งแสดงให้เห็นว่าแผนการของเขานั้นสำคัญยิ่งกว่าการขัดแย้งกับอีกสองจักรวรรดิราชวงศ์”
“ต้องทำลายแผนการนี้!”
หลิงฮันตัดสินใจ
วิธีที่ดีที่สุดคือการขโมยสมบัติไปจากที่นี่ แต่ขนาดจักรพรรดิก็ยังต้องใช้การสังเวยในการขจัดปราณชั่วร้ายเพื่อไปนำสมบัติมา แล้วเช่นนี้เขาจะไปขโมยสมบัติที่ว่ามาได้อย่างไร?
ปราณชั่วร้ายนั้นจะควบแน่นเป็นรูปร่างของมนุษย์และใช้การโจมตีการจิตวิญญาณ สมบัติที่สามารถปลดปล่อยปราณชั่วร้ายออกมาได้ขนาดนี้ หลิงฮันจะสามารถไปนำมันมาได้?
“ถ้ามีหินต้นกำเนิดสวรรค์อยู่ข้าคงลองดูแล้ว”
หลิงฮันอดรู้สึกเสียใจไม่ได้ แต่เมื่อคิดว่านี่เป็นความต้องการขององค์จักรพรรดินี หลิงฮันก็อดยิ้มไม่ได้ จักรพรรดินีนั้นได้เข้ามาอยู่ในจิตใจของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“ถ้าแย่งสมบัติมาไม่ได้งั้นข้าก็จะสร้างความอลม่านขึ้นเอง ข้าจะปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตที่ถูกขังอยู่ในที่แห่งนี้ทั้งหมดเพื่อทำลายความต่อเนื่องของการบูชายัญและเผ่นหนีทันที เมื่อข่าวนี้ถูกส่งกลับไปยังเมืองจักรพรรดิ องค์จักรพรรดิก็จงมาแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง”
“ความบาดหมางระหว่างตัวตนระดับจักรพรรดิไม่การต่อสู้ที่ข้าจะมีส่วนร่วมได้”
ชะตากรรมของเขาในตอนนี้ผูกติดอยู่กับจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ ถ้าจักรพรรดิของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ครอบครองพลังที่ทำให้เขาไร้เทียมทานที่สุดในโลก เมื่อนั้นขั้วอำนาจของดาวดวงนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงและอาจจะไม่สมดุลอีกต่อไป
อัจฉริยะเช่นเขาย่อมตกอยู่ในอันตราย สิ่งที่ผู้อยู่เผด็จการกลัวที่สุดก็คือใครสักคนที่มีศักยะภาพพอจะคุกคามตนเองได้
นอกจากนั้นเขาก็ยังมีจักรวรรดิต้าหลิงฮันอยู่ด้วย เขาไม่อาจปล่อยให้จักรวรรดิของเขาตกไปอยู่ในมือคนอื่น
“ดีล่ะ ตัดสินใจแล้ว!”
ร่างของหลิงฮันปรากฏตัวออกมาจากหอคอยทมิฬ ที่ชั้นหนึ่งนั้นมีคนเดินตรวขตราครั้งล่ะรอบ ดังนั้นต่อให้คนเดินตรวจตาหายไปก็ไม่มีใครสังเกตเห็น
เขามายืนอยู่ตรงหน้ากรงกรงหนึ่ง เขากวัดแกว่งดาบและสะบั้นลงไปตัดประตูเล็ก จากนั้นเขาได้ยิ้มและกล่าวกับนักโทษที่ถูกขังไว้ด้านใน “พวกเจ้าต้องการออกไปจากที่นี่รึไม่?”
ตอนที่ 1064
ภายในห้องขังมีสัตว์อสูรทั้งหมดเจ็ดตัว พวกมันทุกตัวต่างจ้องมองหลิงฮันด้วยความสับสนและไม่อยากจะเชื่อ
เผ่ามนุษย์ผู้นี้กำลังจะช่วยเหลือพวกข้า?
ถึงแม้จะเป็นเรื่องล้อเล่น พวกเขาก็ต้องการหนี!
“เผ่ามนุษย์เอ่ย ตราบใดที่เจ้าช่วยเหลือข้า หมีเฒ่าผู้นี้จะชดใช้หนีบุญคุณนี้ให้กับเจ้าอย่างแน่นอน!” อสูรหมีดำที่สูงแค่สามฟุตกล่าว แต่มันมีดวงตาเป็นสีม่วง
สัตว์อสูระดับภูผาวารีนั้นจะพัฒนาสติปัญญาของตนเองและสามารถแปลงกายให้อยู่ในร่างมนุษย์ได้ แต่ตอนนี้พวกมันถูกปิดผนึกพลังและถูกย่อขนาด นี่ทำให้พวกมันรู้สึกโกรธและอับอาย ซึ่งไม่ต่างไปจากความอัปยศ
หมีตาม่วงนั้นมีเชื้อสายของสัตว์อสูรเทพโบราณ การที่มันถูกทำให้ตกต่ำถึงขนาดนี้ ทำให้มันรู้สึกโกรธแค้นมาก หลิงฮันกล่าว “ข้าสามารถปล่อยเจ้าได้ แต่เจ้าคิดหรือว่าจำนวนแค่นี้จะสามารถหลบหนีไปจากที่นี่ได้?”
“ถ้างั้นเจ้าจะทำยังไง?” อสูรลาถาม ร่างกายของมันทั้งตัวเป็นสีทองและดูภาคภูมิใจตัวเองมากกว่าอสูรม้า
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้ามีวิธีการลับบางอย่างที่ทำให้ข้าสามารถมาที่นี่ได้อย่างอิสระ ดังนั้นแผนการของข้าจะเป็นเช่นนี้ ข้าจะปล่อยนักโทษทั้งหมดที่อยู่ที่นี่หลบหนีพร้อมกัน แต่แน่นอนว่าจะต้องมีบางส่วนที่หนีรอดไปได้และบางส่วนที่ต้องตายอยู่ที่นี่”
สัตว์อสูรทั้งเจ็ดตัวมองหน้ากัน และพยักหน้า
หากมีพวกเขาแค่ไม่กี่คน โอกาสที่จะหลบหนีออกไปได้คงน้อย แต่ถ้าปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ที่นี่และหลบหนีพร้อมกัน มันก็จะเป็นอย่างที่หลิงฮันพูด แม้ว่าจะต้องมีหลายคนที่ถูกฆ่าตายอยู่ที่นี่ แต่ก็จะมีบางส่วนที่โชคดีและหลบหนีออกไปได้
“ข้าเห็นด้วย!” สัตว์อสูรทั้งเจ็ดตัวกล่าว
หลิงฮันปล่อยสัมผัสสวรรค์เข้าไปในสัตว์อสูรทั้งเจ็ดตัวทันที – ตอนนี้พวกมันถูกปิดผนึกพลังอยู่ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะทำเช่นนี้ และพาสัตว์อสูรทั้งเจ็ดตัวเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อฟื้นคืนพลังให้กับพวกมัน
หลิงฮันพาสัตว์อสูรทั้งเจ็ดตัวออกมาจากหอคอยทมิฬ เขาคลายสัมผัสสวรรค์และปลุกสัตว์อสูรทั้งเจ็ดตัว แล้วนั่นทำให้สัตว์อสูรทั้งเจ็ดตัวต้องตกตะลึงทันที เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ทำไมจู่ๆพวกมันก็หมดสติและพลังฟื้นคืนกลับมา?
อย่างไรก็ตาม เมื่อพลังของพวกมันกลับมา ขวัญกำลังใจของพวกมันก็กลับมาทันที ถึงกระนั้นพวกมันก็ยังไม่รีบร้อน และรอสัญญาณที่จะออกไปจากที่นี่ ในเวลาเดียวกัน ถ้าตอนนี้พวกมันถูกทหารยามพบ แผนหลบหนีออกไปจากที่นี่ของพวกมันก็จะล้มเหลว
พวกเขาตกลงกันว่าถ้าแผนการแตกก็จะดำเนินแผนการหลบหนีทันที
เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงมากที่ทหารยามจะพบความผิดปกติ หากถึงตอนนั้นไม่ว่าพวกเขาจะมีจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม พวกเขาก็พร้อมที่จะสู้เพื่ออิสระภาพ
หลิงฮันย้ายจากห้องขังหนึ่งไปยังอีกห้องขังหนึ่ง และพูดอย่างเดียวกัน
สำหรับนักโทษที่อยู่ที่นี่ พวกเขาทำได้แค่นอนรอความตาย แต่ตอนนี้พวกเขามีประกายแห่งความหวังเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกขอบคุณหลิงฮันเป็นอย่างมาก และยินดีที่จะให้ความรวบมือกับเขา
แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่นอย่างไม่คาดคิด แม้ว่าหลิงฮันจะปลดปล่อยนักโทษหลายห้องขัง ถึงกระนั้นก็ไม่อาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้
เขาไม่กังวลว่าความลับของหอคอยทมิฬจะถูกเปิดเผย เพราะเขาปกปิดกลิ่นอายของตัวเองด้วยปราณอสูร ถ้าเขาปรากฏตัวด้วยสภาพปกติคงไม่มีสัตว์อสูรและมนุษย์คนใดตระหนักได้ว่าเป็นเขา
หลังจากเสร็จจากชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ชั้นสาม หลิงฮันก็ยังคงขึ้นไปที่ชั้นถัดไป และเมื่อเขาเห็นทหารยาม เขาก็จะพาเข้าไปในหอคอยทมิฬ
ทหารยามพวกนั้นต่างก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี แต่เป็นแค่ระดับภูผาวารีขั้นต้นและขั้นกลางเท่านั้น แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่ศัตรูของหลิงฮัน เพียงแค่ใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารก็สามารถจัดการกับทหารยามพวกนั้นได้แล้ว
“พวกเจ้าต้องการหลบหนีออกไปจากที่นี่หรือไม่?” หลิงฮันปลดผนึกให้กับนักโทษหนึ่งในสามไปแล้ว และเมื่อเขาไปห้องขังใหม่ เขาก็ยังคงพูดเหมือนเดิม
มีสี่คนอยู่ภายในห้องขังกับลูกสุนัขอีกหนึ่งตัว และพวกเขาเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น
ทั้งสี่คนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วหลังจากที่หลิงฮันบอกแผนการ พวกเขาก็เห็นด้วยและตอบตกลงทันที
หลิงฮันพาทั้งสี่คนกับลูกสุนัขอีกหนึ่งตัวเข้าไปในหอคอยทมิฬ หลังจากออกมาจากหอคอยทมิฬ พวกเขาก็ต้องตกลงหลังจากที่พบว่าพลังของตัวเองนั้นกลับมาแล้ว
ในขณะที่หลิงฮันกำลังจากไป ลูกสุนัขก็วิ่งเข้ามากัดขากางเกงของเขา
“หืม?” หลิงฮันมองไปที่ลูกสุนัข
“ข้าต้องการติดตามท่าน” ลูกสุนัขพูด มันเองก็เป็นสัตว์อสูรระดับทลายมิติเหมือนกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพูดได้ แต่สัตว์อสูรส่วนใหญ่นั้นต้องการทะลวงผ่านระดับภูผาวารีเพื่อเติบโตขึ้น และนี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของพวกมัน สัตว์อสูรทุกตัวสามารถทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา หรือแม้กระทั่งระดับดาราได้เหมือนกับจอมยุทธ
.”ทำไมล่ะ?” หลิงฮันถาม
“ข้าสามารถช่วยท่านได้!” ลูกสุนัขกล่าว และทันใดนั้นมันก็หายตัวไป
หืม!
หลิงฮันปลดปล่อยสัมผัสสวรรค์ แต่ก็ไม่พบร่องรอยของลูกสุนัข แต่หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ ลูกสุนัขก็ปรากฏตัวอีกครั้งในตำแหน่งเดิม แต่ไม่กัดขากางเกงเขาอีกต่อไป
“เจ้าหายตัวได้อย่างนั้นรึ?” หลิงฮันถามด้วยความสงสัย ความสามารถของมันเหมือนกับหอคอยทมิฬ
“ข้าสามารถหายตัวได้แค่ชั่วครู่เท่านั้น ไม่งั้นข้าคงไม่ถูกจับ” ลูกสุนัขกล่าว
“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าจะไม่เป็นตัวถ่วงของข้า?” หลิงฮันถามอีกครั้ง เขารู้สึกสนใจความสามารถของลูกสุนัขตัวนี้มาก เพราะเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวหลังจากเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬได้ แต่ลูกสุนัขตัวนี้สามารถทำได้
“ไม่!” ลูกสุนัขกล่าวด้วยความมั่นใจ
ถึงแม้มันจะเป็นแค่ลูกสุนัข แต่ใครสนกันล่ะ?
“ดี!” หลิงฮันพยักหน้า
แผนการหลบหนีของเขาจะต้องมีหลายคนที่ต้องตายอยู่ที่นี่ และมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่สามารถหลบหนีออกไปได้ ดังนั้นถ้าเขาไม่ต้องการให้ลูกสุนัขตัวนี้ตาย มันคงดีกว่าถ้าจะพามันไปด้วย
หลิงฮันไม่กลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายรู้ว่าเขามีอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ เพราะตอนนี้เขาไม่ใช่คนที่มีตัวตนอยู่จริง
คนหนึ่งคนและลูกสุนัขหนึ่งตัวเดินไปห้องขังถัดไปและปลดปล่อยนักโทษ
นอกเหนือจากความสามารถหายตัวของมันแล้ว มันยังมีฟันที่แหลมคมมากอีกด้วย และสามารถกัดกรงขังได้อย่างง่ายดาย
มีลูกสุนัขตัวนี้ มันดูน่าเชื่อถือกว่าจักรพรรดิจอมอสูรหลายเท่า
หลิงฮันคิดเช่นนั้น
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน พวกเขาก็สามารถปลดปล่อยนักโทษได้สองในสามจากทั้งหมด
แต่ในตอนนั้นเอง หลิงฮันก็ได้ยินเสียงรถม้ากำลังมุ่งหน้ามา
“ไม่ได้การ!”
หลิงฮันอุทานเบาๆ เขาไม่คิดเลยว่าการขนส่งนักโทษชุดใหม่จะเร็วขนาดนี้ สถานการณ์ที่ชั้นล่างจะต้องความแตกอย่างแน่นอน
แล้วมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด หลังจากนั้นชั่วครู่ เสียงต่อสู้ก็เริ่มดังขึ้นจากชั้นล่างพร้อมกับเสียงเตือนภัย แล้วนักโทษจากหลายห้องขังก็เริ่มเคลื่อนไหวและต่อสู้เพื่อชีวิตของตัวเอง
“เร็วเข้า!” หลิงฮันไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ แต่รีบลงมือปลดปล่อยนักโทษให้เร็วขึ้น
ลูกสุนัขพยักหน้า หลังจากที่สังเกตมานาน ทำให้มันรู้ว่าหลิงฮันมีอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ แล้วถ้าต้องเผชิญหน้ากับอัตราย เขาก็คงพามันเข้าไปด้วย
ดังนั้น ลูกสุนัขจึงดูไม่ร้อนรนอะไร ตราบใดที่มันอยู่กับหลิงฮัน มันก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะถูกฆ่าตาย
ตอนที่ 1065
ทั่วทั้งแท่นบูชาตกอยู่ในความโกลาหล
เหล่าสัตว์อสูรและจอมยุทธที่ทรงพลังถูกปล่อยตัวออกมา พวกเขาถูกกักขังและเกือบจะกลายเป็นเครื่องสังบาชายัน ดังนั้นเมื่อตอนนี้พวกเขามีความหวังกลับมาพวกเขาก็อดกลั้นความรู้สึกต้องการสังหารศัตรูเอาไม่ไม่ไหว
เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ถูกกักขังทั้งหมดถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพยัคฆ์ร้าย ทุกชีวิตในที่นี้ปลดปล่อยจิตสังหารอันเหี้ยมโหดออกมา
“เจ้าหนู เป็นเจ้านี่เอง!” ในที่สุดคนเฝ้าแท่นบูชาก็พบตัวหลิงฮันกับลูกสุนัขที่เป็นตัวการปลดปล่อยนักโทษ เขาคำรามใส่หลิงฮันที่ทำลายแผนการขององค์จักรพรรดิอย่างเกรี้ยวกราด ความวุ่นวายครั้งนี้เขาจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ!
“ไปลงนรกซะ!” เขาปล่อยฝ่ามือออกไป ฝ่ามือของเขาหนักหน่วงราวกับภูเขาที่ร่วงหล่นลงมา หลิงฮันรู้สึกว่ากำลังถูกคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวบดขยี้
ระดับสุริยันจันทรา!
สู้ไม่ไหว… หลิงฮันกล่าวในใจและคว้าตัวลูกสุนัขเอาไว้ ‘พรึบ’ ทั้งสองเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬ
‘ตูม’ ฝ่ามือที่ปล่อยออกไปของคนเฝ้าแท่นบูชาไม่ปะทะเข้ากับอะไรเลย
“อะไรกัน!” คนเฝ้าแท่นบูชาอุทาน เขาเป็นหัวหน้าของแท่นบูชาแห่งนี้ หน้าที่ขั้นตอนการบูชายันทุกอย่างอยู่ในความรับผิดชอบของเขา แต่ศัตรูที่เขาต้องจัดการกลับหายไปกลางอากาศเช่นนี้เขาจะไปอธิบายกับจักรพรรดิได้อย่างไร?
เขารู้สึกสั่นสะท้านและมีเหงื่อไหลออกมาทั่วร่าง
คนเฝ้าแท่นบูชาคนนี้มีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง ต่อหน้าตัวตนระดับดาราเขาไม่ต่างอะไรกับมดปลวก นอกจากนั้นจักรพรรดิก็ไม่ใช่จอมยุทธระดับดาราทั่วไปแต่เป็นระดับดาราขั้นสูงสุด แต่การชำเลืองมองของอีกฝ่ายก็สามารถสังหารเขาได้หลายร้อยครั้งแล้ว
ในหอคอยทมิฬ จักรพรรดิจอมอสูรจ้องไปยังลูกสุนัข ใบหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก
สุนัขที่น่ารังเกียจตัวนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าจะมาแย่งงานของข้าหรอกนะ?
ลูกสุนัขยิ่งยโสเป็นอย่างมาก มันเมินเฉยจักรพรรดิจอมอสูรและมองไปยังสภาพแวดล้อมของหอคอยทมิฬด้วยความสงสัย ใบหน้าของมันแสดงออกถึงความตกตลึงอย่างถึงที่สุด
ใครตามที่เข้าหอคอยทมิฬเป็นครั้งแรกย่อมตกตะลึงเป็นธรรมดา
“นายท่าน เจ้าสุนัขโง่ตัวนี้คือสัตว์เลี้ยงใหม่ของท่าน?” จักรพรรดิจอมอสูรอดไม่ได้ที่จะถาม
“ไม่ใช่” หลิงฮันส่ายหัว “ลูกสุนัขตัวนี้จะอยู่กับข้าชั่วคราวเท่านั้น เดี๋ยวก็ต้องจากไปแล้ว”
จักรพรรดิจอมอสูรรู้สึกโล่งอกทันทีที่เขาจะไม่ถูกแย่งหน้าที่
พวกเขาอยู่ในหอคอยทมิฬ แต่ผู้คุ้มกันแท่นบูชาด้านนอกยังไม่จากไปไหน พวกเขาสงสัยว่าหลิงฮันใช้วิธีอะไรในการหายตัวไปในความมืดมิดโดยที่พวกเขาหาไม่เจอ
ความโกลาหลในแท่นบูชานั้นเกิดจากนักโทษหลายหมื่นคนที่ถูกหลิงฮันปลดปล่อย แม้โดยรวมแล้วนักโทษส่วนใหญ่จะมีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารี แต่เมื่อพวกเขาร่วมมือกันการคุ้มกันจึงไม่เพียงพอ
ครืน!
แต่ทันใดนั้นเองคลื่นพลังปราณที่ทรงพลังก็กวาดผ่านไปทั่วพื้นที่จนทุกคนต้องล้มไปนอนกับพื้น ขนาดหลิงฮันอยู่ในหอคอยทมิฬเขายังรู้สึกแปลกๆอย่างอธิบายไม่ได้
ปรมาจารย์ปรากฏตัวแล้ว!
ผ่านไปสักพักเขาก็เห็นชายร่างสูงเดินมาจากทางเข้า เขาสวมชุดคลุมสีดำและมีวงแหวนเปลวเพลิงเก้าวงลอยอยู่เบื้องหลัง
เปลวเพลิงทุกวงเต็มไปด้วยอำนาจน่าเกรงขนาม แม้แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวเมื่อมองไปที่วงแหวนเปลวเพลิงเหล่านั้น หากสัมผัสโดนเข้าคงหนีไม่พ้นการถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
คนคนนี้คือปรมาจารย์ระดับดารา!
ภารกิจบูชายันเป็นภารกิจที่สำคัญ ดังนั้นจึงมีตัวตนระดับดาราคอยดูสถานการณ์อยู่ใกล้ๆ เมื่อพบเห็นความโกลาหนเขาจึงปรากฏตัวขึ้นเพื่อปราบปราม
ต่อหน้าปรมาจารย์ระดับนี้ ต่อให้เป็นการร่วมมือกันของระดับภูผาวารีหมื่นชีวิตจะทำอะไรได้?
“คารวะองค์ราชา!” ผู้คุ้มกันแท่นบูชาที่ไม่ถูกทำให้ล้มก้มคุกเข่าด้วยความเคารพ
ราชา?
หลิงฮันอุทานในใจ จักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์มีราชาไม่กี่คน หนึ่งในนั้นมีราชาคนเดียวที่เป็นน้องชายของจักรพรรดิ เขาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์ ฉังเทา” มีคำกล่าวว่าเขามีพลังบ่มเพาะระดับดาราขั้นสูง
พลังของเขานั้นตรงตามฉายาราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์ ด้านหลังของเขาคือเก้าเพลิงแห่งพระเจ้า มันคือทักษะที่ทรงพลังที่สุดของเขา
ถึงขนาดที่น้องชายของจักรพรรดิต้องมาคุ้มกัน นี่เป็นหลักฐานว่าจักรพรรดิจะให้ความสำคัญกับสมบัติชิ้นนี้มาก
ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์สะบัดมือ ‘พรึบ’ เหล่าจอมยุทธและสัตว์อสูรถูกเขายกขึ้นกลางอากาศ จากนั้นทั้งจอมยุทธและสัตว์อสูรก็ถูกสังหารจนโลหิตสาดกระจายทันที พลังชีวิตของพวกมันถูกแท่นบูชาดูดเข้าไปเพื่อเติมเต็มให้กับสมบัติที่อยู่เบื้องล่างพร้อมกับสลายปราณชั่วร้ายโดยรอบ
แข็งแกร่งเกินไป ไม่มีใครเลยที่ต้านทานพลังของเขาได้
ภายใต้แรงกดดันของตัวตนระดับดารา สิ่งมีชีวิตที่นี่ไม่มีโอกาสแม้แต่กรีดร้อง พวกมันกลายเป็นกองโลหิตทีละตัวทีละคนในพริบตา
“ภารกิจคงถูกใครบางคนแทรกแซงสินะ!” ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์ถอนหายใจ เสียงของเขาไม่ดังแต่ก็แพร่ออกไปทั่วบริเวณทำให้ทุกคนได้ยินชัดเจน
“ขอรับองค์ราชา!” ผู้คุ้มกันแท่นบูชากล่าวตอบ
“งั้นบอกราชาผู้นี้มาว่าเหตุใดสิ่งมีชีวิตที่ถูกกักขังเอาไว้ถึงออกมาได้?” ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์รู้ว่าเหล่านักโทษถูกผนึกพลังบ่มเพาะเอาไว้ ด้วยระดับพลังเพียงภูผาวารีนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกมันจะปลดผลึกคืนพลังได้ด้วยตนเอง
“เรื่องนี้…” ผู้คุ้มกันทุกคนกระอักกระอ่วนไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
“นี่พวกเจ้าทุกคนไร้ค่าถึงเพียงนี้?” ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์เกรี้ยวกราด คนพวกนี้ไม่รู้เลยรึไงว่าเกิดอะไรขึ้น?
“อะ องค์ราชา ข้าน้อยมีเบาะแสความเป็นไปได้อยู่อย่างหนึ่ง” หัวหน้าผู้คุ้มกันแท่นบูชากล่าว
“พูดมา!”
“ขอรับ! ขอรับ!” หัวผู้คุ้มกันแท่นบูชากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เจอกับหลิงฮันเมื่อครู่
ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์คว้าไปที่ร่างของนักโทษเพื่อนำมาอ่านความทรงจำจากวิญญาณ เนื่องจากเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปไม่นาน ผ่านไปชั่วครู่เขาก็มองเห็นฉากที่หลิงฮันช่วยเหลือนักโทษ
เขาโยนร่างของนักโทษไปยังบ่อโลหิตและคว้าร่างของนักโทษอีกคนมาอ่านวิญญาณอีกครั้ง ความทรงจำที่เห็นก็เหมือนกับนักโทษคนก่อน
“คนคนนี้คือใครกัน?” ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์ตกตะลึง จากความทรงจำของนักโทษเหล่านี้ คนที่โผล่มาช่วยเหลือเป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางเท่านั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะปลดผนึกของนักโทษคนอื่นๆได้?
ยิ่งกว่านั้น ก็มีความทรงจำช่วงหนึ่งที่ขาดหายไปราวกับว่านักโทษหมดสติไปช่วงหนึ่ง พอรู้สึกตัวพลังบ่มเพาะของพวกเขาก็ฟื้นฟูกลับมาเอง
แปลก… แปลกยิ่งนัก!
“จู่ๆก็หายไป? นี่มัน… อุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์!” ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์ตกตะลึง คนอื่นอาจจะนึกถึงสิ่งนี้ไม่ออก แต่เขาที่เป็นจอมยุทธระดับดาราย่อมมีความรู้ที่เกินกว่าจอมยุทธทั่วไปจะสามารถเทียบได้
ตอนที่ 1066
“ไม่ใช่!” ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์รีบส่ายหัว “ต่อให้เป็นอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ไม่อาจสัมผัสได้! เขาใช้ทักษะลับอันใดกันแน่?”
“เจ้าหนูนั่นเป็นใครกันแน่?”
เขาพึมพำคนเดียว “ดาบเก้าอสุรกายเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ไม่ว่ายังไงก็ห้ามล้มเหลว ยิ่งกว่านั้นก็ใกล้จะถึงวันเก็บเกี่ยวแล้ว แผนการมิอาจถูกทำลาย!”
“ข่าวนี้จะรั่วไหลไปถึงหูของจอมยุทธที่ทรงพลังคนอื่นรึยังนะ?”
“แต่ด้วยพลังของข้า นอกจากจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนกับจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามแล้วใครจะต่อต้านพวกเรา?”
“ถ้าพวกจักรวรรดิราชวงศ์รู้ตัวแล้ว พวกเขาสงกองทัพขนาดใหญ่มาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะส่งมาเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีตัวจ้อย!”
“บัดซบ! ไม่เห็นเข้าใจสถานการณ์เลย!”
“แต่ไม่ว่าอย่างไรการสังเวยโลหิตมาใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว พรุ่งนี้จักรพรรดิจะเป็นคนมาที่นี่และเก็บเกี่ยวดาบเก้าอสุรกายด้วยตัวเอง ต่อให้วันนี้ผู้บุกรุกจะรอดไปได้ แต่หากจักรพรรดิได้ดาบเก้าอสุรกายมาครอง พวกเรายังจะต้องกลัวใครอีก?”
เขาเลิกพึมพำกับตนเองและกวาดสายตามองผู้คุ้มกันแท่นบูชา “ทำการสังเวยโลหิตต่อไปและห้ามผิดพลาดเด็ดขาด!”
“ขอรับองค์ราชา!”
ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์มาดูแลความปลอดภัยด้วยตัวเองพร้อมกับการสังเวยโลหิตที่ดำเนินต่อไป ทีนี้หากมีบุกรุกอีกใครกันจะสามารถหลบหนีไปได้?
“บัดซบ!!”
หลิงฮันไร้คำพูด ถ้ามีเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเขายังคงหาทางหลบหนีได้ แต่นี่จอมยุทธระดับดาราขั้นสูงถึงขนาดมาคุ้มกันที่นี่ด้วยตัวเอง หากเขาออกจากหอคอยทมิไปตอนนี้เขาคงถูกจับได้ในไม่กี่อึดใจ
“ลองดูก่อนแล้วกัน” หลิงฮันโยนร่างของผู้คุ้มกันแท่นบูชาออกไป
‘พรึบ’ ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์ปรากฏตัวทันทีและจ้องมองไปยังร่างที่ถูกโยนออกมา
เป็นอย่างที่คิด สัมผัสสวรรค์ของราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์โอบหุ้มไปทั่วแท่นบูชาแล้ว ตราบใดที่มีความผิดปกติแม้เล็กน้อย เขาก็จะเคลื่อนไหวทันที
“เหอๆ เจ้าหนูน้อย เจ้าคิดจะซ่อนตัวไปถึงเมื่อไหร่?” ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์หัวเราะ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีใดในการซ่อนร่องรอย แต่เจ้าเป็นเพียงระดับภูผาวารี เจ้าคิดว่าจะซ่อนตัวจากข้าไปได้ตลอด?”
เขาหยุดพูดไปชั่วครู๋ก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าจะให้โอกาสเจ้าโผล่ตัวออกมา ข้าสามารถยอมปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ได้และบางทีอาจจะยอมให้เจ้าเป็นคนรับใช้ของข้า”
สำหรับตัวตนที่ทรงพลังเช่นเขา การได้มาเป็นคนรับใช้นั้นไม่ใช่ความอัปยศ แต่เป็นความรุ่งโรจ
ที่จริงมีเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราระดับสูงสุดเท่านั้นถึงจะได้รับสิทธิ์นี้
หลิงฮันจะต้องไม่ปฏิเสธข้อเสนอเขาแน่
ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์รอสักพักก่อนจะถอนหายใจด้วยความโกรธและกล่าวอย่างเย็นชา “ในเมื่อเจ้ายืนกรานที่จะดื้อรั้นข้าก็จะสนองให้!”
ตูม!
เพลิงทั้งเก้าเบื้องหลังของเขาขยายกระจายตัวออกเกิดเป็นคลื่นเปลวเพลิงเผาผลาญระยะรัศมีใกล้ๆ พื้นหินที่ถูกเผาเริ่มหลอมละลาย
แต่ว่าก็ไม่มีใครปรากฏตัว
ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์อดที่จะรู้สึกตกตะลึงไม่ได้ ตั้งแต่ตอนที่เขาปรากฏตัวเวลาก็ยังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งร้อยลมหายใจ เขาจึงคาดว่าอีกฝ่ายคงยังหนีไปไหนไม่ได้และกำลังลบกลิ่นอายร่องรอยของตนเองด้วยทักษะลับบางอย่าง
แต่ภายใต้การเผาผลาญของเก้าเพลิงของเขากลับไม่มีใครโผล่ออกมา?
นี่มันเหลือเชื่อยิ่งนัก!
ต่อให้อีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับดาราเหมือนกับเขา ภายใต้การเผาผลาญของเก้าเพลิงของเขา อีกฝ่ายจะต้องใช้พลังเต็มที่เพื่อต้านทาน และหากอีกฝ่ายลงมือก็ต้องมีร่องรอยของการปราณก่อเกิดอยู่บ้างซึ่งเขาจะพบตัวได้ในทันที
นี่อีกฝ่ายเป็นผีรึอย่างไร?
ร่างของผู้คุ้มกันเมื่อครู่จะต้องถูกโยนออกมาจากอุปกรณ์มิติแน่นอน! แต่เขาลองค้นหาอย่างละเอียดก็ไม่พบอะไรเหมือนกับอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ใกล้ๆเลย ต่อให้เขาไม่ให้เห็นสมบัติเช่นนั้นมาการแต่มันก็ต้องเหมือนกับอุปกรณ์มิติธรรมดาที่ต้องจับต้องได้ เช่นแหวน สร้อยคอ ขวดหยก หรืออะไรทำนองนั้น
แต่ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากพื้นหิน
ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์แทบจะคลั่ง เขาที่ผ่านประสบการณ์ยากลำบากมามากมายในชีวิตและเข้าโบราณสถานอันตรายมามากมายทำให้อารมณ์ของเขาถูกหล่อหลอมจนสงบนิ่ง แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับทำให้เขาจะปวดตัวแทบคลั่ง
“เหอะ แต่อย่างน้อยก็ยืนยันได้แล้วว่าพลังของอีกฝ่ายอ่อนแอมาก เขาไม่ได้ปลอมแปลงตัวเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี ที่เขากลัวไม่กล้าปรากฏตัวก็เพราะรู้ว่าจะต้องถูกข้ากำจัด”
“เอาเถอะ ตราบใดที่พี่ชายข้ามาถึงในวันนี้พรุ่งนี้และได้ครอบครองดาบเก้าอสุรกาย สิ่งที่เกิดขึ้นในแท่นบูชานี้ก็ต้องถูกล่วงรู้ไปทั่วโลกอยู่ดี”
“พวกเราถูกตัดสินให้ไร้เทียมทานที่สุด!”
เขาพูดราวกับว่าจงใจให้หลิงฮันได้สินเสียงอย่างชัดเจน
ดาบเก้าอสุรกาย?
หลิงฮันตกตะลึง นี่น่ะรึสมบัติที่พวกเขาวางแผนครอบครองอยู่?
เขาถามเรื่องสมบัตินี้กับจักรพรรดิจอมอสูร แต่จักรพรรดิจอมอสูรก็ทำได้เพียงส่ายหัว เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนของดินแดนแห่งนี้ แต่ในทางกลับกันเมื่อเขาถามกับลูกสุนัข มันกลับเห่าตอบกลับด้วยท่าทีตื่นเต้น
“เจ้ารู้งั้นรึ?” หลิงฮันประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าลูกสุนัขตัวนี้จะรู้เรื่องนี้ด้วย
“ข้ารู้! ข้ารู้!” ลูกสุนัขตอบด้วยท่าท่างตกตะลึง
“งั้นทำไมเจ้าไม่รีบพูดออกมาล่ะ!” จักรพรรดิแสดงออกถึงความไม่พอใจ เขารังเกียจสุนัขตนนี้มากเพราะกลัวจะถูกอีกฝ่ายแย่งความสำคัญ
ลูกสุนัขรีบวิ่งไปหาหลิงฮันและชี้ไปหาจักรพรรดิจอมอสูรด้วยอุ้งเท้าขนาดเล็ก “พี่ชาย เจ้านั่นโหดเหี้ยมยิ่งนัก!”
จักรพรรดิจอมอสูรคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เขาต้องเรียกหลิงฮันว่านายท่าน แต่เจ้ากลับเรียกว่าพี่ชาย นี่เจ้าหาโอกาสใช้ประโยชน์จากข้างั้นรึ?
หลิงฮันยิ้ม เขานั่งขัดสมาธิและกล่าว “ไม่ต้องทะเลาะกัน ไหนเจ้าเล่าเกี่ยวกับดาบเก้าอสุรกายมาหน่อย”
“อืม!” ลูกสุนัขไม่กล้าขัดขืนหลิงฮัน “ตามตำนานที่เล่ามาตั้งแต่โบราณ บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์นั้น เมื่อหนึ่งร้อยล้านปีก่อนเขาเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดได้สร้างดาบเล่มหนึ่งขึ้นมา มันถูกเรียกว่าดาบเก้าอสุรกาย”
“ปรมาจารย์ตระกูลฉังได้ใช้ดาบเก้าอสุรกายเล่มนั้นสยบดาวดวงนี้และกลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานที่สุด”
“แต่ต่อมา จู่ๆก็มีปรมาจารย์จากภายนอกดาวดวงนี้ปรากฏตัว ปรมาจารย์ที่ว่ากับปรมาจารย์ตระกูลฉังได้เข้าปะทะกันจนผลสุดท้ายปรมาจารย์ของตระกูลฉังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และดาบเก้าอสุรกายก็หายสาปสูญไปตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา”
“มีคำกล่าวว่าเก้าอสุรกายเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับวารีนิรันดร์!”
พรวด!
จักรพรรดิจอมอสูรสำลักออกมา สำหรับตัวเขาแค่ระดับสุริยันจันทราก็เรียกได้ว่าสูงส่งแล้ว ส่วนระดับดารานั้นเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทาน ตอนนี้เมื่อมีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับวารีนิรันดร์ปรากฏขึ้นมาเขาจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
หลิงฮันรู้สึกสงสัยถึงต้นกำเนิดของลูกสุนัขตนนี้มากขึ้นไปอีก “เจ้ารู้อะไรเยอะดีนะ”
“ถึงแม้เผ่าตระกูลของข้าจะไม่แข็งแกร่ง แต่ตระกูลข้าก็ได้ทำการรวบรวมสะสมข้อมูลของเหตุการณ์ในแต่ละยุคสมัยเอาไว้ เหตุการณ์ที่สำคัญเช่นดาบอสุรกายย่อมไม่พลาดอยู่แล้ว” ลูกสุนัขกล่าว “โคร้ายที่ข้ายังอายุน้อยเกินไปทำให้เข้าถึงข้อมูลในอย่างจำกัด”
หลิงฮันคาดเดา “ตระกูลฉังสมควรสูญเสียดาบเก้าอสุรกายไปแล้ว แต่หลังจากการสืบค้นหาเป็นระยะเวลายาวนาน พวกเขาก็พบที่อยู่ของดาบเก้าอสุรกายในที่สุด แต่เนื่องจากดาบเก้าอสุรกายเป็นอุปกรณ์ระดับวารีนิรันดร์ หรือก็คือเป็นอุปกรณ์ศักดิ์ศิทธิ์ระดับสิบสามเป็นอย่างน้อย พวกเขาจึงไม่สามารถนำมันกลับไปได้ในทันทีและปัดเป่าปราณชั่วร้ายจากดาบด้วยการสังเวยโลหิต”
ตอนที่ 1067
ตอนนี้ความจริงได้กระจ่างแล้ว
ทุกอย่างสามารถรวมเข้าด้วยกันและอธิบายได้อย่างสมบูรณ์ แต่ปัญหายังคงมีอยู่ เพราะหลิงฮันไม่อาจหยุดยั้งวิธีการสังเวยโลหิตได้ และตระกูลฉังยังคงดำเนินตามแผนต่อไป
วันพรุ่งขึ้น จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์จะเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเองและเอาเก้าดาบชั่วร้ายไป
อย่างน้อยมันต้องเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับที่สิบสาม เมื่อใดที่ใช้มันจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ก็จะไร้ซึ่งผู้ต่อต้านอีกต่อไป
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะสังเวยโลหิตมหาศาลขนาดนี้ เพราะพวกเขาจะอยู่ยงคงกระพันหลังจากที่ได้รับเก้าดาบชั่วร้าย แล้วทำไมพวกเขาจะต้องสนใจชีวิตของผู้อื่นด้วย?
หลิงฮันเป็นห่วงเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ตอนนี้มีราชาเก้าเพลิงสวรรค์อยู่ที่นี่ หากเขาออกไปก็จะต้องตาย มันไม่มีความเป็นไปได้ที่สอง
“ความหวังเดียวคือจักรวรรดินีและหินต้นกำเนิดสวรรค์ที่สามารถดูดซับการโจมตีได้ทั้งหมด การโจมตีของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่ปัญหาคือหินต้นกำเนิดสวรรค์มีขนาดเล็กเกินไป มันป้องกันได้แค่จุดเล็กๆเท่านั้น”
“แล้วข้าควรทำเช่นไรดี?”
หลิงฮันระดมสมองคิด แต่ต่อหน้าพลังที่เด็ดขาด แม้จะมีแผนการหรือกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบขนาดไหน แค่เขาถูกราชาเก้าเพลิงไพศาลตบหน้า ชีวิตของเขาก็จบลงแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ การสังเวยโลหิตยังคงดำเนินต่อไปและพลังชีวิตมากมายก็ถูกดูดซับโดยแท่นบูชาไปที่ดาบเก้าอสูรกาย
วันต่อมาทุกคนจะสัมผัสได้ว่าแท่นบูชาเต็มไปด้วยปราณชั่วร้าย
นั่นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ในทางตรงกันข้ามเป็นสัญญาณว่าการสังเวยโลหิตใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เพราะปราณชั่วร้ายจากดาบลดลงไปมาก
“หืม!”
ในขณะนั้น ดาบเก้าอสูรกายระเบิดพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมา แสงดาบที่พุ่งออกมาเป็นเหมือนกับโลหิตที่ไหลทะลักออกมาจากทะเลสาบและทำลายแท่นบูชาได้อย่างง่ายดาย ทำให้ซากศพและโลหิตกระจายออกมา
แค่แสงดาบที่ระเบิดออกมาจากดาบเก้าอสูรกายก็อยู่ในระดับดาราแล้ว นักโทษที่อยู่ในห้องขังหรือแม้แต่ผู้คุมก็ไม่สามารถต้านทานได้ เพียงแค่สัมผัสโดนแสงร่างกายของพวกเขาก็กลายเป็นเศษเนื้อ ถึงขั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ราชาเก้าเพลิงสวรรค์ดูไม่แปลกใจ เขาดูมีความสุขและระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดว่า “ช่างเป็นอาวุธที่ทรงพลังยิ่งนัก! ทั้งที่ยังไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เพียงแค่ด้ามดาบก็แสดงพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมาได้ขนาดนี้ หากมันอยู่ในสภาพสมบูรณ์ อย่างน้อยที่สุดมันน่าจะอยู่ในระดับวารีนิรันดร์ แล้วการฆ่าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!”
ราชาเก้าเพลิงสวรรค์ดูมีความสุขมากและเปิดเผยความลับออกมามากมาย
นั่นเป็นเพราะอย่างแรกนี่ยังไม่ใช่ดาบอสุรกายที่สมบูรณ์ มันยังได้รับความเสียหายอยู่ อย่างที่สองดาบเก้าอสูรกายแตกออกเป็นหลายส่วนที่แสดงออกมาให้เห็นที่นี่คือด้ามจับเท่านั้น และอย่างที่สามตระกูลฉังอาจมีส่วนที่เหลือของดาบเก้าอสูรอยู่อีก
กล่าวคือแท่นบูชาอาจไม่ได้มีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น!
หัวใจของหลิงฮันกระตุก คำถามในตอนนี้คือด้ามจับดาบคือส่วนสุดท้ายของดาบเก้าอสูรกายใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายก็จะก้าวกระโดดไปอยู่ที่ระดับวารีนิรันดร์
นี่คืออำนาจพลังที่เด็ดขาดในดวงดาวนี้!
แสงที่เปล่งออกมาจากด้ามจับดาบเริ่มเจิดจรัสมากยิ่งขึ้น ดังนั้นราชาเก้าเพลิงสวรรค์จึงไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาไม่มีพลังที่จะต่อต้านและก็ไม่คุ้มเสี่ยงที่จะทำเช่นนั้น มันจะเป็นการเปลืองพลังโดยใช่เหตุ ในอีกไม่ช้าแท่นบูชาคงพังทลาย ดังนั้นเขาจึงไม่คิดถึงหลิงฮันอีกต่อไป
– ข้าเชื่อว่าหากอีกฝ่ายยังคงอยู่ในแท่นบูชา เจ้าเด็กนั่นจะต้องถูกพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ฆ่าตายอย่างแน่นอน หากไม่ตายมันคงไร้เหตุผลเกินไป
ครืน ครืน ครืน เกิดเสียงอึกทึกดังก้องไปทั่ว ในที่สุดแท่นบูชาที่สูงเท่าภูเขาก็พังทลายกลายเป็นซากปรักหักพัง แต่แสงของดาบเก้าอสูรกายยังคงเปล่งแสงเจิดจรัสออกมาไม่หยุด มันฉีกกระชากท้องฟ้าและแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาให้ประจักษ์
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่รุนแรงที่สุดของดาบเก้าอสูรกาย
พรึบ!
มีร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏตัวออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า เขาเป็นชายร่างสูงสวมเสื้อคลุมยาวและมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามที่ทำให้ทุกคนต้องสยบ ด้านหลังเขามีแสงสีดำเก้าจุดลอยอยู่ด้านหลัง มันไม่ใช่เปลวเพลิง แต่เป็นบางอย่างที่ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความมืด
“พี่ชาย!” ราชาเก้าเพลิงสวรรค์กล่าวทักทาย
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์เป็นหนึ่งในสามคนที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าเขาในดาวดวงนี้!
ใบหน้าของเขาดูมืดมัวราวกับไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เหมือนกับจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะที่มีเพียงคนแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์หยุดเคลื่อนไหว ร่างที่สูงใหญ่ของเขาเหมือนกับว่าเขาสามารถแบกรับสวรรค์และปฐพีได้ เมื่อยืนต่อหน้าเขา แม้แต่สวรรค์และปฐพียังดูเล็กไปเลย เขากวาดสายตามองและพูดว่า “ดีมาก ปราณชั่วร้ายในดาบเก้าอสูรกายได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว”
“มันคืออาวุธบรรพบุรุษของตระกูลฉังของข้า มันจะต้องเชื่อมต่อกับสายเลือดตระกูลฉังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของข้าอย่างแน่นอน เมื่อได้ที่ข้าได้รับมันมา ข้าจะรวมมันด้วยวิธีการลับ แล้วมันก็จะกลายเป็นของข้าอย่างสมบูรณ์”
“พี่ชาย ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย!” ราชาเก้าเพลิงสวรรค์หัวเราะเสียงดัง “ด้ามจับเป็นส่วนที่ง่ายที่สุดที่จะเก็บรวบรวม แล้วหลังจากที่รวบรวมส่วนที่เหลือของดาบอีกสามส่วน ดาบเก้าอสูรกายก็จะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง”
“แต่พี่ชาย ดาบเก้าอสูรกายถูกฝังมานานหลายร้อยปี มันเป็นดาบที่ดุร้ายมาก แม้ว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสายเลือดของท่าน พี่ชายก็ไม่ควรประมาท”
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์หัวเราะและพูดว่า “เรื่องนั้นข้าทราบดี!” เขาแสดงสีหน้าภาคภูมิใจและพูดต่อว่า “เมื่อใดที่ข้าได้ครอบครองดาบเก้าอสูรกาย ข้าก็จะสามารถทำลายจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามและจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะได้อย่างง่ายดาย แล้วหลังจากนั้นข้าก็จะพาจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะมาที่พระราชวังของข้า!”
ถึงเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน เขาก็ยังหมายที่จะครอบครองจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ
แม้ว่าเขาจะเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่จะกวาดล้างจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสอง แต่ประโยคสุดท้ายก็ได้แสดงให้เห็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เขาจะมีพลังอำนาจมากแค่ไหน เขาก็ยังคงหมกมุ่นอยู่กับจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ นี่แสดงให้เห็นว่าจักรพรรดินีมีเสน่ห์มากแค่ไหน
เจ้าโรคจิตเอ้ย!
หลิงฮันแอบด่าสาปแช่งอยู่ในใจ แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่จับตาดูเท่านั้น ความรู้สึกที่ไร้สึกพลังอำนาจทำให้เขาไม่พอใจตัวเองเป็นอย่างยิ่ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า คงถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะสะสางความบาดหมางกับจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม!” ราชาเก้าเพลิงสวรรค์แสดงให้เห็นถึงจิตสังหารของเขา
“ไม่เลว!” จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์แสยะยิ้ม แววตาของเขาเองก็เต็มไปด้วยจิตสังหารที่เดือดพล่าน
แสงดาบยังคงเปล่งประกายเจิดจ้าไปทั่วท้องฟ้า แต่ในตอนนั้นเองแสงที่เปล่งออกมาก็เริ่มมัวหมองและก่อตัวเป็นปราณชั่วร้ายร่างมนุษย์ขนาดใหญ่ มันจ้องมองไปที่จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์และราชาเก้าเพลิงสวรรค์
“พี่ชาย ท่านไปเก็บรวมรวบดาบเก้าอสูรกายได้เลย ส่วนข้าจะจัดการเจ้าตัวนี้ให้ท่านเอง!” ราชาเก้าเพลิงสวรรค์กล่าวและกระโจนออกไป
“ดี!” จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์พึงพอใจและเคลื่อนที่ผ่านมันไปที่ซากปรักหักพังของแท่นบูชา จากนั้นเขาก็โคจรพลังปราณเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์เทียบเท่ากับภูเขาและเริ่มขุดดิน
เมื่อปราณชั่วร้ายร่างยักษ์เห็น มันกำหมัดแน่นเพื่อที่จะทุบอีกฝ่าย
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!” ราชาเก้าเพลิงสวรรค์คำราม
ตอนที่ 1068
“ใช้โอกาสนี้เผ่นหนีกันเถอะ!” ลูกสุนัขแนะนำ
“อย่าเพิ่ง คอยสังเกตพลังของดาบเก้าอสุรกายก่อนดีกว่า” หลิงฮันส่ายหัว
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ที่ลงไปยังด้านล่างไม่มีท่าทีเคลื่อนไหวมาสักพักแล้ว ส่วนราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์ก็กำลังสู้กับปราณชั่วร้ายยักษ์อย่างดุเดือด ปราณยักษ์ตนนี้มีความสูงถึงร้อยกว่าฟุต พลังของมันน่าสะพรึงกลัวมาก การโจมตีทางจิตวิญญาณของมันนั้นเกรงว่าต่อให้เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรานับพันก็ต้องถูกสังหารไปพร้อมกัน
ต่อหน้าศัตรูที่ทรงพลังเช่นนี้ ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์ไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่นิดเดียว ร่างของเขาเผ้าไหม้ไปด้วยไฟที่ร้อนระอุราวกับกลายเป็นเทพแห่งเปลวเพลิง
เขาเป็นที่รู้จักในนามราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์และมีพลังแห่งเพลิงทั้งเก้าสี แต่ละสีแสดงถึงความแข็งแกร่งของเปลวเพลิงที่ต่างกันออกไป เพลิงสีขาวคือเพลิงที่อ่อนแอที่สุด และเมื่อสีของมันเปลี่ยนเป็นสีดำ นั่นคือเพลิงที่เขาใช้พลังทั้งหมดปล่อยออกมาเพื่อเอาจริง
แต่แน่นอนว่าต่อให้เป็นเพียงเพลิงสีขาวก็ถือว่าเขาไม่ประมาทคู่ต่อสู้แล้ว เปลวเพลิงสีดำแม้จะทรงพังแต่มันก็สร้างภาระมหาศาลให้กับเขา จึงไม่อาจใช้ได้นานนัก
ตอนนี้เขากำลังต่อสู้โดยใช้เพลิงสีฟ้าที่เป็นเพลิงลำดับที่ห้า แต่นั่นก็เป็นเพียงชั่วครู่ทำนั้น ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์บังคับให้ใช้เพลิงสีครามที่เป็นเพลิงลำดับที่หก
ร่างกายขนาดใหญ่ของปราณชั่วร้ายไม่ใช่ปัญหา ต่อให้มันจะมีขนาดใหญ่โตมโหฬารขนาดไหน มันก็แค่ร่างที่เกิดจากการรวมตัวกันของปราณ
แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือการโจมตีทางจิตวิญญาณของมันที่หากไม่ระวังจอมยุทธระดับดาราก็ต้องตกตาย
ร่างของราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงเพื่อต่อต้านการโจมตีทางจิตวิญญาณ
โชคดีที่ปราณชั่วร้ายเป็นเพียงพลังที่เกิดจากอำนาจที่อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์คายออกมา พลังของมันจึงมีจำกัดและจะหมดไป แต่ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์เป็นคนที่มีชีวิต พลังของเขาจึงไม่มีจำกัด ถ้าหากเขายังคงรักษาสภาพการต่อสู้ไม่ให้เสียเปรียบไปได้เรื่อยๆ เขาก็ไม่ต้องกลัว
ปัง! ปัง! ปัง!
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ยังคงขุดลงไปใต้ดินลึกลงไปเรื่อยๆ แต่เดิมแล้วด้านล่างแท่นบูชายันนั้นเป็นหลุมลึกขนาดมหึมา มันคือสถานที่ที่ดาบเก้าอสุรกายถูกฝังเอาไว้
ครืน!
เมื่อจักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ขุดหลุมลงไปลึกพอสมควร ออร่าแสงของดาบก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงนั่นสว่างจนราวกับว่าแสงนี้ส่องสว่างไปทั่วโลก
“ในที่สุดก็เจอ!” จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ยิ้มและยื่นมือไปทางดาบ ‘พรึบ’ แสงสว่างของดาบจางหายไปและโลกได้กลับมาสว่างเท่าเดิมอีกครั้ง
‘พรึบ’ ดาบที่แตกหักลอยขึ้นจากหลุมลึก มองดูแล้วมันไม่ต่างอะไรกับดาบทั่วไป ดาบเล่มนี้เหลืออยู่เพียงด้ามจับและมีใบดาบเพียงหนึ่งในแปดของใบดาบทั้งหมด ออร่าที่ทรงพลังอันไรสิ้นสุดถูกปลดปล่อยออกมาจากดาบหักราวกับมันไม่ใช่ดาบแต่เป็นปรมาจารย์คนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นมา
ต่อหน้าดาบเล่มนี้ ต่อให้เป็นจมยุทธระดับดาราก็ต้องรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเพียงคนธรรมดา
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ตกตะลึง มือขวาของเขาลูบไปยังข้อมือซ้ายที่ใช้เอื้อมไปหาดาบเมื่อครู่ ที่ข้อมือของเขามีโลหิตไหลออกมา โลหิตทุกหยดของเขานั้นใสกระจ่างราวกับผลึกไข่มุกล้ำค่า
โลหิตของปรมาจารย์ระดับดารานั้น ถ้าหากจอมยุทธระดับภูผาวารีสามารถดูดซับเข้าไปได้ โลหิตไม่กี่หยดนี้ก็เพียงพอจะทำให้พลังบ่มเพาะของพวกเขาพัฒนาขึ้นอย่างน้อยหนึ่งขั้นเล็ก
แต่โชคร้ายที่โลหิตล้ำค่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธระดับภูผาวารีจะสามารถดูดซับได้ ไม่เช่นนั้นร่างจะระเบิดออกแตกตาย
“ดาบเก้าอสุรกาย เจ้ามีต้นกำเนิดมาจากต้นตระกูลของข้า ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าจะยังไม่รีบกลับมาหาข้าอีกรึ!” จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ คำรามและสะบัดโลหิต โลหิตทุกคนหนักหน่วงราวกับขุนเขาและกระแทกเข้าใส่ดาบเก้าอสุรกาย
ดาบเก้าอสุรกายราวกับว่าถูกโลหิตดึงดูด มันไม่ต่อต้านและรับโลหิตเอาไว้
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์มีความสุข ตราบใดที่เขาสามารถใช้โลหิตเชื่อมต่อได้ เขาก็จะได้ครอบครองสมบัติชิ้นนี้เสียที
ทันใดนั้นเองโลหิตทุกหยดก็ถูกดาบเก้าอสุรกายดูดซับไปจนหมด ดาบราวกับว่าฟื้นคืนชีวิตและปรากฏกระแสงเลือนรางราวกับกำลังหายใจอยู่
ดาบลอยอยู่กลางอากาศอย่างสงบนิ่งโดยไร้การต่อต้าน
หรือมันยอมรับเขาแล้ว?
หลิงฮันเป็นกังวล ถ้าจักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ได้ดาบนั่นไป ภายใต้ท้องฟ้าของดาวดวงนี้… จะมีใครหยุดยั้งเขาได้?
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์หัวเราะและบินไปยังดาบเก้าอสุรกายพร้อมกับคว้าไปที่ด้ามจับ
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดก็ไม่มีทางจับดาบเล่มนี้ได้ แต่เขาแตกต่างออกไป เขาเป็นทายาทของตระกูลฉัง และมีสายโลหิตของต้นตระกูลไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
ปลายนิ้วของเขาสัมผัสโดนกับด้ามจับ รอยยิ้มบนใบหน้าของจักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ขยายกว้างมากขึ้น
แต่ในตอนนั้นเองสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ดาบเก้าอสุรกายสั่นไหวและปล่อยประกายแสงแห่งดาบเข้าใส่จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์
ดาบได้โจมตีอย่างไม่คาดฝัน
โชคดีที่จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์เป็นถึงจอมยุทธระดับดาราและรู้ถึงพลังของดาบเก้าอสุรกายเป็นอย่างดี แน่นอนว่าเขาไม่มีทางประมาท มือทั้งสองข้างของเขาควบพลังปราณเป็นกรงเล็บและโต้ตอบ
ประกายแสงแห่งดาบพุ่งเข้ามา ‘ตูม’ กรงเล็บขนาดใหญ่ของจักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ถูกทำลายทันทีพร้อมกันกระเด็นถอยไปร้อยไมล์ เขายกมือขึ้นดูและพบว่ามีรอยบาดแผลปรากฏอยู่บนฝ่ามือทั้งสองข้าง
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์หัวเราะลั่น นี่แหละคือดาบเก้าอสุรกายที่เขาตามหา นี่แหละคือพลังที่เขาต้องการ!
ถ้าดาบไม่ใช่แข็งแกร่งเช่นนี้ เขาจะใช้มันกำราบจักรพรรดิของนภาสีครามและจักรพรรดินีแห่งดวงดาวได้อย่างไร?
“ฮ่าๆ ขนาดดูดซับโลหิตไปไม่กี่หยดยังแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าหากมาอยู่ในมือข้ามันจะแข็งแกร่งขนาดไหน?” จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์หัวเราะ “ดูแล้วเจ้าคงจะไม่ยอมจำนนสินะ?”
“ข้าคือจักรพรรดิคนปัจจุบัน ส่วนเจ้าเป็นสิ่งที่เกิดจากต้นตระกูลของข้า โชคชะตาของเจ้ามีเพียงต้องกลับมาหาเจ้าของของเจ้า!”
แน่นอนว่าดาบเก้าอสุรกายไม่มีท่าทีตอบกลับ แต่กลับส่องแสงประกายรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
ดาบเก้าอสุรกายเป็นอาวุธที่โหดเหี้ยม มันชื่นชอบการสังหารและโหยหาโลหิต
จักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์โคจรทักษะศักดิ์สิทธิ์ ดวงดาวสี่ดวงปรากฏออกมาพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังราวกับเทพเซียนกำลังเปิดสวรรค์
ดวงดาวที่ปรากฏออกมาส่งผลให้ท้องฟ้าสั่นไหว รอบๆดวงดาวมีจุดแสงระยิบระยับวนอยู่รอบ
หลิงฮันสูญเสียการมองเห็นไปยังท้องฟ้า เขารู้สึกได้เพียงแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวที่ราวกับโลกกำลังจะแตก ชั้นมิติกำลังถูกฉีกกระชาก เขาอยู่ในหอคอยทมิฬขนาดเล็กราวกับไรฝุ่นที่กลิ้งไปมาบนพื้นอย่างต่อเนื่อง
จนสุดท้ายเมื่อเขามองเห็น เขาก็เห็นจักรพรรดิสวรรค์นิรันดร์ที่ขยายร่างใหญ่จนมีส่วนสูงเทียบเท่าคนยักษ์ บนมือของเขามีวงแหวนดาราขนาดใหญ่ลอยอยู่ ซึ่งเขาใช้กลุ่มดาวที่หมุนรอบวงแหวนโจมตี
‘ฉึบ’ แต่ทันใดนั้นก็มีแขนข้างหนึ่งถูกตัดขาดลอยขึ้นไปกลางอากาศ โลหิตสาดกระจายปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
ฝ่ายที่มีแขนไม่ใช่ดาบเก้าอสุรกาย!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น