Alchemy Emperor of the Divine Dao 1055-1058
ตอนที่ 1055
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วพูดว่า “ถึงแม้ข้าจะมีงานอดิเรกปรุงยาอยู่บ้าง แต่เขายังคงต้องการมุ่งเน้นไปที่การฝึกยุทธ”
เขาปฏิเสธ!
พรวด!
จิวอู่ชีแทบตาถลน ทั้งที่รองเจ้าตำหนักเป็นฝ่ายเชิญเข้าร่วมด้วยตัวเอง แต่เจ้าเด็กนี่กลับปฏิเสธ! นี่เขารู้หรือไม่ว่าศิษย์ของฝ่ายปรุงยานั้นมีสถานะสูงส่งแค่ไหนในสำนัก?
จอมยุทธระดับเดียวกันต้องเคารพเจ้า แม้แต่คนที่แข็งแกร่งกว่าก็ตาม แล้วการได้เป็นศิษย์ฝ่ายปรุงยามันจะน่าภาคภูมิใจแค่ไหนกัน?
แต่เขากลับพูดปฏิเสธ? นี่เขาโง่หรือบ้ากันแน่?
เยี่ยนเซียวเซวียนหัวเราะและพูดว่า “แล้วเจ้าใช่คนที่เปิดร้านขายโอสถทางฝั่งตะวันออกของเมืองใช่หรือไม่?”
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ แต่เขาก็ไม่คิดจะปิดบังอีกฝ่าย ในเมื่อเยี่ยนเซียวเซวียนมีแผนที่จะรับเขาเป็นศิษย์ จึ เป็นธรรมดาที่นางจะตรวจสอบข้อมูลของเขา หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ใช่”
ทันใดนั้นเอง ใบหน้าของจิวอู่ชีก็กลายเป็นตกตะลึก เมื่อครู่เขาเพิ่งพูดว่าจะไม่มีร้านขายโอสถแห่งใดขายเม็ดยาให้กับหลิงฮัน แต่มันกลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายมีร้านขายโอสถเป็นของตัวเอง นี่เป็นเหมือนกับการโดนตบหน้าทางอ้อม!
เยี่ยนเซียวเซวียนพูดต่อ “ข้าได้ยินมาว่าร้านของเจ้าขายเม็ดยาแค่สามชนิดใช่หรือไม่?”
จิวอู่ชีเกือบจะหลุดส่งเสียงหัวเราะออกมา
ขายเม็ดยาแค่สามชนิด นี่เจ้ายังคิดที่จะเปิดร้านขายโอสถอีกรึ?
ความมั่นใจของเขากลับคืนมาอีกครั้ง และใบหน้าของเขาก็แสดงออกให้เห็นถึงความภาคภูมิใจ
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ใช่”
“แล้วเม็ดยาทั้งสามชนิดนั่นเจ้าเป็นคนหลอมขึ้นมาด้วยตัวเองใช่หรือไม่?” เยี่ยนเซียวเซวียนยังคงถามต่อ และจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาที่แหลมคม
หลิงฮันหยุดคิดชั่วครู่ แล้วพูดว่า “รุ่นเยาว์รู้วิธีการปรุงยาแค่เม็ดยาสามชนิดนั้นเท่านั้น เพราะข้ายังขาดความรู้”
ความภาคภูมิใจของจิวอู่ชีแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อีกฝ่ายรู้วิธีหลอมเม็ดยาแค่สามชนิด ในขณะที่เขารู้วิธีการปรุงยาเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกชนิด เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสองเจ็ดสิบสี่ชนิด!
เพราะความรอบรู้และประสบการณ์ที่สะสมมา ในที่สุดเขาก็เห็นแสงสว่างที่จะกลายเป็นนักปรุงยาระดับสาม นี่คือสิ่งที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด
เยี่ยนเซียวเซวียนหัวเราะและพูดว่า “เม็ดยาทั้งสามชนิดคือเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง เม็ดยาสวรรค์ เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง เม็ดยาไข่มุกนภา และเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับที่สาม เม็ดยาเวหาสีคราม หลิงฮัน ในเวลาเพียงแค่หนึ่งปีเจ้าก็กลายเป็นนักปรุงยาระดับสามแล้ว ทั้งที่เจ้ามีพรสวรรค์น่าสะพรึงกลัวขนาดนั้น แต่เจ้ากลับพูดว่าเป็นแค่งานอดิเรก ข้าไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเจ้าอุทิศตัวให้กับวิถีแห่งการปรุงยา ความสำเร็จด้านปรุงยาของเจ้าจะน่าทึ่งขนาดไหน”
พรวด!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จิวอู่ชีถึงกับเข่าอ่อนและล้มลงกับพื้น ใบหน้าของเขากระตุกไม่หยุดและซีดขาวเหมือนกับคนตาย
เขาหน้าแตกอีกครั้ง
แท้จริงแล้วเจ้าเด็กนี่เป็นนักปรุงยาระดับสาม? เพียงแค่หนึ่งปีก็เป็นนักปรุงยาระดับสามแล้ว!
เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!
เยี่ยนเซียวเซวียนหันไปเหลือบมองลูกศิษย์ด้วยความไม่พอใจ การที่ศิษย์ของนางมีท่าทีแบบนั้น แล้วเขาจะปีนขึ้นไปอยู่บนสูงสุดของศาสตร์ปรุงยาได้อย่างไร?
จิตใจที่ยุ่งเหยิงและความคิดที่ไม่แน่นอน นี่เป็นข้อห้ามสำหรับนักปรุงยา
“พูดตามตรงผู้อาวุโส ถึงแม้ข้าจะสนใจศาสตร์ปรุงยามาก แต่สิ่งที่ข้าสนใจที่สุดคือการฝึกยุทธ” หลิงฮันยังคงปฏิเสธ ถึงแม้โลกของจอมยุ
เยี่ยนเซียวเซวียนยังคงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องนั้นไม่สำคัญ ถึงแม้เจ้าจะเข้าร่วมฝ่ายปรุงยา เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ทั้งวัน อัจฉริยะอย่างเจ้าที่สามารถเป็นนักปรุงยาระดับสามได้ในหนึ่งปี มันคงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเจ้าที่จะกลายเป็นนักปรุงยาระดับสี่หรือระดับห้า”
หลิงฮันรู้ว่าที่เขาสามารถหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับที่สามได้รวดเร็วขนาดนั้น มันเป็นเพราะว่าเขามีสัมผัสสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่าจอมยุทธในระดับเดียวกันมาก มิฉะนั้นด้วยระดับบ่มเพาะพลังของเขาในปัจจุบัน เขาจะสามารถหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับที่สามได้อย่างไร?
นอกจากนั้น เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิของเปลวเพลิงในหอคอยทมิฬ ซึ่งทำให้เขาสามารถหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับที่สามได้อย่างง่ายดาย มิฉะนั้น ถ้าเขาหลอมเม็ดยาเวหาสีครามที่โลกภายนอก หลอมสิบเตาจะสำเร็จหรือเปล่าก็ยังไม่รู้
ด้วยพลังวิญญาณของเขาในปัจจุบันเพียงพอแค่หลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับที่สี่เท่านั้น ถ้าเขาต้องการหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับที่ห้า อย่างน้อยเขาจะต้องทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงซะก่อน
“เข้าร่วมกับเรา แล้วเจ้าจะสามารถอ่านตำราปรุงยาที่อยู่ในตำหนักตันหยวนได้!” เยี่ยนเซียวเซวียนเห็นว่าหลิงฮันยังคงมีท่าทีลังเล นางจึงยื่นข้อเสนอที่เย้ายวนให้กับเขา
แน่นอนหลิงฮันไม่สามารถอดใจเอาไว้ได้
ตำราปรุงยานั้นมีค่ามาก เปรียบได้เหมือนกับทักษะลับ และถึงแม้จะมีเงินก็ใช่ว่าจะสามารถซื้อมันได้
แล้วตอนนี้ตำหนักตันหยวนก็กำลังยื่นข้อเสนอที่เย้ายวนให้กับเขา!
“และ เจ้าไม่จำเป็นต้องละทิ้งสถานะศิษย์ของฝ่ายเหนือ เจ้าสามารถมาที่ตำหนักตันหยวนได้ตามที่ต้องการ เจ้าคิดเช่นไร?” เยี่ยนเซียวเซวียนถาม
เมื่อเห็นความจริงใจของอีกฝ่าย หลิงฮันจึงไม่อาจปฏิเสธได้ เขาพยักหน้าและพูดว่า “ข้ายินดีที่จะยอมรับข้อเสนอของผู้อาวุโส!”
“ดี! ดี!” เยี่ยนเซียนเซวียนรู้สึกพึงพอใจ นี่คืออัจฉริยะ อัจฉริยะที่แท้จริง นี่ถือเป็นความโชคดีของตำหนักตันหยวนที่มีอัจฉริยะอย่างเขา!
ในอนาคต อาจมีสุดยอดนักปรุงยาถือกำเนิดขึ้นในตำหนักตันหยวนที่จะส่งผลกระทบต่อโลกทั้งใบ!
ในเมื่อเยี่ยนเซียนเซวียนเชื้อเชิญหลิงฮันให้เข้าร่วม หลิงฮันก็สามารถเข้าออกตำหนักตันหยวนได้อย่างอิสระ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องพวกนั้น เพราะแน่นอนว่านางจะต้องให้ใครบางคนจัดการเรื่องนี้ให้ถูกต้อง
อันที่จริงนักปรุงยาไม่ได้หลอมเม็ดยาทั้งวัน พวกเขาเองก็ต้องฝึกฝนวรยุทธด้วย
ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากการฝึกฝนวรยุทธ แล้วพวกเขาจะควบคุมเปลวเพลิงได้อย่างไร? แล้วจะผสานอักขระศักดิ์สิทธิ์กับเม็ดยาได้อย่างไร?
ดังนั้น ถึงแม้หลิงฮันจะมีสองสถานะ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่ไม่มีใครรายงานเรื่องของเขา นอกจากนี้ใครจะกล้ารายงานศิษย์ส่วนตัวของรองเจ้าตำหนักตันหยวนกัน
สามวันต่อมา หลิงฮันก็ได้รับตำราปรุงยาสามเล่มจากเยี่ยนเซียวเซวียน ทั้งเป็นเม็ดตำราเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม
หลิงฮันวางตำราปรุงยาทั้งสามเล่มเอาไว้ก่อน ตอนนี้ที่เขาสนใจที่สุดคือการหลอมเม็ดยาจิตสวรรค์ ซึ่งเป็นเม็ดยาของจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง มันสามารถฟื้นคืนพลังปราณได้ในทันที แล้วว่ากันว่าเป็นเม็ดยาที่ประยุกต์ใช้ได้มากที่สุด
“เจ้าโง่หลิง! เจ้าโง่หลิง!” หลี่เหว่ยเหว่ยรีบวิ่งมาหาหลิงฮันด้วยท่าทางร้อนรนและพูดว่า “แย่แล้ว สหายของเจ้าโดนทุบตี!”
ตอนที่ 1056
“สหายที่ว่าคือใคร?” หลิงฮันถาม
“พวกหลินยู่ หม่าซิงแล้วก็…” หลีเหว่ยเหว่ยไล่รายชื่อ “พวกเขาเป็นสหายที่เข้าร่วมสำนักตอนระดับทลายมิติกับเจ้า เมื่อวานพวกเขาถูกท้าประลองอย่างต่อเนื่องจนได้รับบาดเจ็บไปทีละคน”
“มีอะไรเกิดขึ้นงั้นรึ?” สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนไป
หลีเหว่ยเหว่ยพยักหน้า “ถ้าให้คุณหนูคนนี้เดา นี่คงเป็นแผนการของชาหยวน เนื่องจากบิดาของเหล่าศิษย์ที่ไปท้าประลองเป็นคนของแม่ทัพชา”
“… เจ้าช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อยได้รึไม่?” หลิงฮันถอนหายใจ
“ทำไมเจ้าถึงได้หัวช้าเช่นนี้!” หลีเหว่ยเหว่ยหงุดหงิด “พูดง่ายๆคือชาหยวนส่งพวกคนมาเมื่อวานแล้วบังคับให้สหายเจ้าสู้ด้วย พวกเขามีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติเหมือนกันดังนั้นจึงไม่มีใครห้ามการท้าประลองได้”
“คนของชาหยวนอยู่ในส่วนของศิษย์ระดับทลายมิติมานานหลายปี พวกเขาย่อมแข็งแกร่งกว่าพวกหลินยู่มาก”
หลิงฮันจับคาง นี่คือการข่มขู่จากชาหยวนถึงเขา?
อีกฝ่ายเคยส่งเหลี่ยวหยิงและองครักษ์สตรีอีกสี่คนมาสังหารเขาแต่ก็ล้มเหลว
“เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้ ใครใช้ให้เจ้าบรรลุระดับภูผาวารีขั้นกลางแล้วทำให้หาคนมาแก้แค้นไม่ได้ล่ะ?” หลีเหว่ยเหว่ยถอนหายใจ
ที่สำนักนภาสีชาด ศิษย์ในส่วนเดียวกันสามารถประลองกันได้ตลอดเวลา ตราบใดที่ไม่มีการสังหารหรือการตายเกิดขึ้นทางสำนักก็จะไม่ลงโทษพวกเขา แต่ศิษย์ที่อยู่ในส่วนที่สูงกว่าไม่เป็นฝ่ายสามารถท้าประลองศิษย์ส่วนที่ต่ำกว่าก่อน
หลิงฮันหัวเราะ “ที่ฝ่ายกลางสมควรมีคนของชาหยวนอยู่บ้างสินะ?”
หลีเหว่ยเหว่ยตื่นเต้นขึ้นมาทันทีและกล่าว “เจ้าคิดจะไปทุบตีคนพวกนั้น?”
หลิงฮันกล่าว “ในเมื่อชาหยวนไม่คิดจะเล่นตามกฎและทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเดือดร้อนไปด้วย ทำไมข้าจะต้องไปสนใจด้วย?”
“ดีมาก คุณหนูผู้นี้จะช่วยเจ้ารวบรวมรายชื่อเอง!” หลีเหว่ยเหว่ยคือเด็กสาวที่กลัวว่าโลกนี้จะสงบสุขเกินไป ดังนั้นนางจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะรวบรวมรายชื่อให้หลิงฮัน
แต่แน่นอนว่านางทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เพียงแค่วันเดียวรายชื่อลูกน้องของชาหยวนก็ถูกรวบรวมเสร็จสิ้น
หลิงฮันนำรายชื่อไปและเริ่มท้าประลองศิษย์ของฝ่ายกลาง
ไม่ใช่เพียงแค่สำนักฝ่ายเหนือแต่เขายังไม่ท้าประลองอีกสามฝ่ายที่เหลือด้วย
ตอนนี้เขามีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นปลาย แต่แค่พลังต่อสู้ในตอนปกติของเขาก็เทียบเท่าขั้นสูงชั้นสูงสุดแล้ว ถ้าหากใช้ทักษะบัญญัติดาวเร็วหรือศรฆ่ามังกรทะลวงดารา พลังต่อสู้ก็จะเพิ่มไปอีกหนึ่งดาว!
การประลองย่อมเป็นเขาที่ทุบตีอยู่ฝ่ายเดียว
เรื่องที่วุ่นวายจนสำนักต้องประกาศห้ามไม่ให้หลิงฮันกับชาหยวนนำคนอื่นมาเกี่ยวข้องกับความบาดหมางของพวกเขาเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้กลับมาสงบเหมือนเดิม
ชาหยวน… จ้าวหลุน…
หลังฮันให้คำสัตย์ในใจว่าเมื่อเขามีอำนาจเพียงพอ เขาจะตัดหัวทั้งสองด้วยดาบของตัวเอง!
หลิงฮันเตรียมตัวกลับไปยังจักรวรรดิต้าหลิงด้วยความตื่นเต้น หลังจากผ่านไปหลายปีเขาคิดถึงพี่ชายทั้งสามของเขามาก และเขาตั้งใจว่าจะนำทรัพยากรกลับไปเสริมความแข็งแกร่งให้กับจักรวรรดิต้าหลิง
และในตอนนี้เองข่าวใหญ่ก็ถูกประกาศอย่างกะทันหัน
แคว้นราชสีห์ทองคำกับแคว้นพิรุณบูรพาแตกหักกัน
แคว้นราชสีห์คือหนึ่งในแคว้นภายใต้จักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ ส่วนแคว้นแคว้นพิรุณบูรพาเป็นแคว้นภายใต้จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ ทั้งสองแคว้นเป็นแคว้นชายแดนของสองจักรวรรดิราชวงศ์
ดังนั้นจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองจึงให้ความสำคัญกับแคว้นเล็กๆสองแคว้นนี้มาก
ตอนนี้ทั้งสองแคว้นมีสงครามเกิดขึ้น จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะจึงต้องยื่นมือเข้าช่วย
จักรพรรดินีออกคำสั่งทันที โดยส่งให้กองกำลังที่นำโดยราชินีที่เก้าและศิษย์ของสำนักนภาสีชาดไปช่วยเหลือ
ทำไมต้องศิษย์ของสำนักนภาสีชาด?
อย่างแรกถึงศิษย์เหล่านี้จะเป็นอัจฉริยะแต่พวกเขาก็ไม่เคยเข้าร่วมสงครามจริง จักรพรรดินีจึงต้องการใช้โอกาสนี้มอบประสบการณ์ให้พวกเขา
อย่างที่สองศิษย์ของสำนักนภาสีชาดมีพลังบ่มเพาะจำกัดอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด ต่อให้พวกเขาเข้าร่วมสงคราม ขนาดของสงครามก็คงไม่ขยายกว้างขึ้น ไม่เช่นนั้นหากส่งจอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่านี้ไปอาจจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดสงครามระหว่างจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิกับจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ
อย่างที่สามคือในเมื่อศิษย์เหล่านี้เป็นอัจฉริยะ พลังต่อสู้ของพวกเขาจึงไม่มีทางอ่อนแอและกองทัพที่เกิดจากศิษย์เหล่านี้ไม่อาจดูถูกได้
เมื่อองค์จักพรรดินีตัดสินใจเช่นนี้ย่อมไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ แทบจะในทันทีทั่วทั้งสำนักนภาสีชาดก็ทำการระดมกำลังพล
ศิษย์ที่ไม่ต้องเข้าร่วมสงครามคือศิษย์ระดับทลายมิติกับศิษย์ฝ่ายปรุงยา ส่วนศิษย์คนอื่นๆนอกจากนี้กระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
ถึงแม้สงครามจะโหดเหี้ยม แต่มันก็เป็นวิธีเพิ่มชื่อเสียงให้ตัวเองได้เร็วที่สุดวิธีหนึ่ง
จักรวรรดิได้เสนอมาว่าถ้าจัดการศัตรูได้หนึ่งหมื่นคนจะถูกแต่งตั้งให้เป็นกองกำลังของจักวรรดิ!
ใครกันจะไม่ต้องการ?
ในสายตารุ่นเยาว์เหล่านี้ พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ การจะสังหารศัตรูบนสนามรบย่อมไม่ใช่เรื่องยาก ไม่มีใครคิดเตรียมใจไว้เลยว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายตกตายเอง
หลิงฮันที่มาจากโลกใบเล็กย่อมรู้ถึงความโหดเหี้ยมของสงครามดี ในสนามรบไม่มีการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง การโจมตีต่างๆจะโกลาหลมั่วซั่วไปหมด
แต่ซึ่งที่หลิงฮันไม่เข้าใจก็คือทำไมจักรพรรดินีถึงให้ราชินีที่เก้าเป็นคนนำกองทัพ
ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกหูเฟยหยิน แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่รู้จักวิธีการต่อสู้เลย
แต่ใครจะสามารถเปลี่ยนใจจักรพรรดินีได้?
หลังจากเตรียมการสามวันกองทัพก็ถูกส่งออกไป
“นายน้อยหลิง องค์ราชินีมีคำเชื้อเชิญมาถึงท่าน!” พวกเขาเพิ่งจะออกจากประตูเมือง องครักษ์หญิงก็เข้ามาหาหลิงฮันและพาเขาขึ้นไปยังรถม้าหรูหราที่อยู่ตรงกลางกองทัพ
นี่คือรถม้าของราชินีที่เก้าซึ่งมีขนาดพอๆกับลานที่พักขนาดย่อมๆและหรูหราอย่างมาก
หลิงฮันเข้าไปในรถม้าท่ามกลางสายตาของทุกคน
เมื่อเข้าไปไม่เพียงแค่เขาจะพบหูเฟยหยินแต่ยังเห็นสุ่ยเยียนยวี่ด้วย
“หลิงฮัน ข้าไม่ได้พบเจ้านานเลย!” หูเฟยหยินกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “หลังจากกลับมาข้าก็ถูกให้อยู่เฉยๆมาตลอด เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ข้าถูกส่งให้ออกไปนอก ข้าดีใจมากที่มีเจ้าอยู่ด้วย”
เขาชำเลืองไปยังหูเฟยหยินและอดแสดงท่าทีตกตะลึงออกมาไม่ได้
ขั้นสูง!
หญิงสาวคนนี้บรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้ว ซึ่งสูงกว่าเขาเล็กน้อย
นี่เจ้ากินอะไรเข้าไป ทำไมถึงได้พัฒนาได้รวดเร็วเช่นนี้?
ต้องรู้ว่าหลิงฮันนั้นดูดซับแก่นพลังของจ้าวอสูรทำให้และฝึกฝนทักษะบ่มเพาะหกธาตุผสานเป็นหนึ่งทำให้พลังบ่มเพาะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว! สามารถกล่าวได้ว่าเขาสามารถทะลวงผ่านชั้นพลังเล็กได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน แต่สำหรับหูเฟยหยินแล้วนางทำได้อย่างไร?
คนแรกก็จ้าวหลุน ต่อก็มาหูเฟยหยิน การมีผู้หนุนหลังเป็นตัวตนระดับดาราทำให้จอมยุทธสามารถพัฒนาระดับพลังบ่มเพาะได้รวดเร็วเพียงนี้?
ตอนที่ 1057
หูเฟยหยินยังคงมีรูปลักษณ์เช่นเดิมและมีนิสัยไร้เดียงสา
นางเป็นคนประเภทเก็บความลับไม่ได้ ตราบใดที่นางรู้สึกดีกับใคร นางก็จะบอกทุกเรื่องอย่างไม่ปิดบัง
และอาจจะเพราะด้วยนิสัยเช่นนั้นของนาง จักรพรรดินีจึงไม่บอกความลับใดๆกับนางหรือไม่ให้นางรู้ความลับใดๆเลย
หลิงฮันถามถึงที่มาของราชินีทั้งแปด แต่หูเฟยหยินกลับรู้เพียงว่าพวกนางเป็นพี่น้องของจักรพรรดินี ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นนางไม่รู้แม้แต่น้อย
ราชินีทั้งเก้ามีต้นกำเนิดแตกต่างกัน แซ่ต่างกันและรูปลักษณ์ต่างกัน มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกนางเหมือนกันคือพวกนางไม่มีบิดาหรือมารดา ราวกับว่าพวกนางนั้นเกิดขึ้นจากอากาศที่ว่างเปล่าและถูกแต่งตั้งเป็นราชินี
แม้แต่เรื่องในอดีตของตัวเองหูเฟยหยินยังจำไม่ได้ ความทรงจำของนางมีเพียงแค่ว่านางอยู่กับจักรพรรดินีโดยที่ไม่มีครอบครัวหรือมรดกสืบทอดใดๆ ซึ่งนางก็ไม่ได้สงสัยหรืออยากรู้เลย
เรื่องทำให้หลิงฮันกับสุ่ยเยียนยวี่ใจเต้นหวาดกลัว โชคดีที่ในรถม้าไม่มีองครักษ์อยู่ ไม่เช่นนั้นหากองครักษ์รู้ถึงเรื่องที่หูเฟยหยินกล่าวถึงจักรพรรดินีในวันนี้ พวกองครักษ์อาจจะลงมือสังหารพวกเขาทั้งสองเลยก็ได้
ถึงแม้จะไม่มีข้อมูลที่มีประโยชน์ แต่ต้นกำเนิดของของเก้าราชินีนั้นดูเหมือนจะลึกลับมาก บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรเข้าไปแตะต้อง
ต้องรู้ว่านอกจากหูเฟยหยิน ราชินีอีกแปดคนได้ทะลวงผ่านระดับดาราแล้ว ซึ่งนับว่าน่าอัศจรรย์มาก
ต่อให้เป็นอัจฉริยะเช่นหลิงฮันก็ยังมีโอกาสสูงมากที่จะพบคอขวดที่ไม่สามารถผ่านไปถึงจุดนั้นได้
แปลก… แปลกมาก
หูเฟยหยินนั้นไร้ความกังวล ท่าทีของนางนั้นไม่เหมือนกับทหารที่กำลังจะไปรบแต่ราวกับเป็นเพียงการออกมาเที่ยวนอกเมือง ในรถม้ามีทั้งห้องนอน ห้องครัว หรือกระทั่งสวนเล็กๆ
เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ใช้อุปกรณ์บิน ความเร็วจึงเชื่องช้ามาก พวกเขาใช้เวลาถึงสองเดือนเต็มในการออกจากอาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะและเข้าสู่พื้นที่ของแคว้นพิรุณบูรพา
ชั่วพริบตาหนึ่ง หลิงฮันรู้สึกว่าอำนาจแห่งจักรภพที่อยู่รอบตัวเขาจางหายไป
โชคดีที่มีเพียงราชินีที่เก้าและเขาที่สามารถใช้งานอำนาจแห่งจักรภพของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะได้ ผลกระทบต่อกองทัพจึงเป็นศูนย์
หลายวันที่ผ่านมานี้หลิงฮันทำการดูดซับแก่นพลังของจ้าวอสูรอย่างขะมักเขม้น การที่พลังบ่มเพาะของจ้าวหลุนและหุเฟยหยินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้สร้างแรงกดดันให้กับเขา ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เขาไม่มีทางพึงพอใจกับความเร็วในการบ่มเพาะตอนนี้
ด้วยการช่วยเหลือของหอคอยทมิฬ ความเร็วในการดูดซับแก่นพลังของเขาจึงเพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มจากเป็นระดับภูผาวีขั้นกลางชั้นปลายเป็นชั้นสูงสุดแล้ว
การหลอมเม็ดยาจิตสวรรค์ก็พัฒนาไปได้อย่างเชื่องช้าจนน่าปวดใจ ตอนนี้เงินของเขาถูกผลาญจนแทบไม่เหลือแล้ว
เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่นั้น การทำวัตถุดิบสูญเปล่าชุดเดียวก็เท่ากับสูญเสียผลึกก่อเกิดไปหลายพันก้อน
“คารวะราชินีที่เก้า!” หลังจากที่พวกเขาเข้ามายังแคว้นพิรุณบูรพา เป็นธรรมดาที่ผู้คนตำแหน่งระดับสูงของแคว้นจะปรากฏตัวต้อนรับ
หูเฟยหยินเห็นฉากแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นางพูดคุยกับอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยถึงความช่วยเหลือในสงคราม
ในตอนแรกผู้อาวุโสของแคว้นพิรุณบูรพาเกิดความไม่พอใจ ถึงแม้จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะจะส่งราชินีมาช่วย แต่พลังของนางก็ยังอ่อนแอเกินไป นางไม่ได้เป็นแม้แต่ระดับสุริยันจันทรา แล้วผู้นำทัพเช่นนี้จะทำอะไรได้บ้าง?
การที่ได้นางมาเข้าร่วมสงคราม แคว้นพิรุณบูรพาไม่เพียงแค่แรงกดดันจากสงครามจะไม่ลดลง แต่พวกเขายังต้องนำกำลังพลมาปกป้องราชินีที่เก้าด้วย ใครจะไม่รู้บ้างว่าเก้าราชินีนั้นเป็นน้องสาวของจักรพรรดินี?
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับราชินีที่เก้า รับประดันได้เลยว่าองค์จักรพรรดินีจะเป็นคนทำลายแคว้นราชสีห์ทองคำหรือแม้แต่ทำลายจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ด้วยมือตัวเอง
นอกจากนั้นหูเฟยหยินก็นำกองทัพมาเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น
แต่เมื่อคิดอีกครั้ง กลุ่มจอมยุทธระดับภูผาวารีเหล่านี้ไม่ใช่จอมยุทธทั่วไป พวกเขาคือเสาหลักในอนาคตของจักรวรรดิและยังเป็นทายาทของขุมอำนาจที่ทรงพลังด้วย ถ้าพวกเขาตกอยู่ในอันตราย ขุมอำนาจเบื้องหลังพวกเขาจะยอมอยู่เฉยๆรึ?
เรียกได้ว่าตอนนี้แคว้นพิรุณบูรพามีกำลังสนับสนุนอยู่นับไม่ถ้วน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ผู้อาวุโสของแคว้นพิรุณบูรพาก็หมดห่วง เขารีบให้กองทัพเสริมไปสนามรบทันที หากคนที่ถูกส่งมาตกตายไปบ้าง เมื่อนั้นจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะก็ต้องส่งกองทัพที่แข็งแกร่งกว่านี้มาแน่
ไม่กี่วันต่อมากองทัพศิษย์จากสำนักสภาสีชาดก็มาถึงชายฝั่งของแม่น้ำขนาดใหญ่ มันคือแม่น้ำนี่ขวางกั้นระหว่างแคว้นราชสีห์ทองคำกับแคว้นพิรุณบูรพา
นี่คือแม่น้ำคลื่นพิโรธ คลื่นของแม่น้ำแห่งนี้มีพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวมาก
มีตำนานกล่าวว่าแม่น้ำคลื่นพิโรธนั้นเกิดจากอำนาจของเจตจำนงแห่งดาบของปรมาจารย์ยุทธ แม้เวลาจะผ่านไปร้อยล้านปีอำนาจของมันก็ยังไม่หายไปอย่างสมบูรณ์ เพราะงั้นแม่น้ำแห่งนี้จึงไม่ใช่สถานที่ที่คนทั่วจะย่างกาย การจะข้ามไปได้ต้องมีเรือที่สามารถต่อต้านเจตจำนงดาบและต้องเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขึ้นไป
แม่น้ำแห่งนี้คือเขตกั้นระหว่างแคว้นราชสีห์ทองคำและแคว้นพิรุณบูรพาไม่ให้รุกรานกัน
กองทัพของเหล่าศิษย์ตั้งค่ายพักแรมกันที่นี่ ซึ่งเหล่าศิษย์แต่ละคนล้วนไม่คิดจะไปสุมหัวกับทหารของแคว้นพิรุณบูรพา
เมื่อสามารถเข้าร่วมกับสำนักนภาสีชาดได้ ศิษย์พวกนี้จึงมีศักดิ์ศรีสูงเสียดฟ้า พวกเขาย่อมไม่ลดตัวไปก้มมองทหารเหล่านั้น ต้องรู้ก่อนว่าทหารเหล่านี้นั้นมีเพียงไม่กี่คนที่มีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารี พวกเขาส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ ระดับสวรรค์ และระดับก้าวสู่เทวา
หลังจากผ่านไปสองสามวัน กองทัพของทั้งสองแคว้นก็ต้องการจะบุกไปเข่นฆ่าอีกฝ่าย
แต่ก็ทำเช่นนั้นไม่ได้เนื่องจากกองทัพของทั้งสองแคว้นถูกแยกด้วยแม่น้ำที่น่ากลัว หากเจ้าไม่บุกมาหาข้า ข้าก็ไม่ต้องการไปหาเจ้าเช่นกัน
ทางฝั่งของแคว้นราชสีห์ทองคำ ทุกๆวันพวกเขาทำเพียงยิงบอลเพลิงข้ามมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนเล็กๆน้อยๆ แต่ในทางกลับกัน แคว้นพิรุณบูรพานั้นไม่อาจนิ่งนอนใจอยู่เฉยๆ หากพวกเขาไม่รีบลงมืออาณาเขตทางตอนเหนือของแม่น้ำคลื่นพิโรธจะต้องตกเป็นของแคว้นราชสีห์ทองคำเป็นแน่
บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออาณาเขตพื้นที่ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้อำนาจแห่งจักรภพแข็งแกร่ง
ผู้นำของแคว้นพิรุณบูรพากำลังพูดคุยกับหูเฟยหยินเกี่ยวกับการตอบโต้อีกฝ่าย
“ข้าขออนุญาติเข้าพบ” ทันใดนั้นประตูของสถานที่ประชุมก็ถูกเปิดพร้อมกับชายหนุ่มสวมชุดเกราะที่เดินเข้ามา เสื้อเกราะของเขาส่องประกายสีเงิน ภายในหมวกเหล็กเผยให้เห็นถึงใบหน้าที่หล่อเหลา ผมสีดำของเขายาวสลวยห้อยลงมา
จ้าวหลุน!
ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่?
“องค์ราชินี แม่ทัพจ้าวได้มีคำสั่งให้ข้านำกองกำลังเล็กๆมาเข้าร่วมเพื่อรักษาความปลอดภัยขององค์ราชินี” จ้าวหลุนกล่าวขณะที่คุกเข่าข้างเดียวต่อหน้าราชินีที่เก้า
มุมปากของเขาแสยะยิ้ม โอกาสดีๆเช่นนี้เขาจะพลาดได้อย่างไร?
ท่ามกลางสนามรบ การตายย่อมเป็นเรื่องปกติ และหลิงฮันจะต้องนอนแน่นิ่งอยู่ที่นี่ตลอดไป!
ตอนที่ 1058
แม้ว่าหูเฟยหยินจะไม่พอใจจ้าวหลุน เพราะความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลิงฮัน แล้วด้วยการที่นางเป็นคนไร้เดียงสา นางจึงลืมเรื่องของจ้าวหลุนไปนานแล้ว นางเพียงแค่มองหน้าอีกฝ่ายและพูดว่า “เจ้าเป็นใคร?”
อึก!
จ้าวหลุนแทบกระอักเลือด มันเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับหลิงฮัน จึงทำให้ท่านลืมว่าข้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ?
แต่ถึงเขาจะโกรธ เขาก็ไม่กล้าล่วงเกินหูเฟยหยิน และเพียงแค่พูดว่า “ข้าคือจ้าวหลุน บุตรชายของแม่ทัพจ้าว”
“โอ้ว อย่างนั้นนี่เอง” หูเฟยหยินเพียงแค่พยักหน้าไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
จ้าวหลุนไม่ไหวติ่ง ในเมื่อเขาไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ เขาก็จะไม่ทำ และพูดแค่ว่า “พวกเราพร้อมแล้วที่จะนำกองทัพออกไปสู้เพื่อความรุ่งโรจน์ขององค์จักรพรรดินี!”
นางพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “สมแล้วที่เป็นบุตรชายแม่ทัพจ้าวช่างกล้าหาญเหมือนกันไม่มีผิด!”
จ้าวหลุนรู้สึกพึงพอใจมาก เขามักจะเปรียบเทียบตัวเองกับพ่อของตัวเองอยู่เสมอ ถึงแม้เขาจะพอใจ แต่ก็แสร้งทำเป็นอ่อนน้อมและพูดว่า “ท่านชมข้าเกินไปแล้ว ข้ายังไม่อาจเทียบกับพ่อของข้าได้แม้แต่น้อย”
หูเฟยหยินไม่สนใจคำพูดของจ้าวหลุน ที่นางพูดแบบนั้นออกไปเพราะนางไม่มีความสามารถที่จะนำกองทัพออกไปรบ และรู้สึกมีความสุขมากที่มีคนทำหน้าที่แทน ดังนั้นนางจึงมอบอำนาจทางทหารให้กับจ้าวหลุน เพราะอีกฝ่ายเป็นบุตรของแม่ทัพจ้าว เขามีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำทัพ
จากนั้นจ้าวหลุนก็พูดคุยรายละเอียดต่างๆกับแม่ทัพของแคว้นพิรุณบูรพา ซึ่งตำแหน่งของเขาไม่ได้มาเพราะพ่อของเขา แต่เป็นความสามารถในการต่อสู้ของเขาเอง แต่นี่เป็นการออกรบครั้งแรกของเขา จึงมีช่องว่างขนาดใหญ่ในเรื่องของทฤษฎีและกลยุทธ ถึงกระนั้นจ้าวหลุนก็ไม่ได้สนใจ เพราะเรื่องพวกนั้นเป็นแค่สิ่งที่จดอยู่ในกระดาษ
แม่ทัพของแคว้นพิรุณบูรพาเองก็ไม่สนใจ ตราบใดที่มีศิษย์ของสำนักนภาสีชาดตาย จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะก็จะส่งทหารและจอมยุทธที่แข็งแกร่งหลายคนมาที่นี่ มิฉะนั้นถึงแม้จะเอาชนะแคว้นราชสีห์ทองคำได้ แคว้นพิรุณบูรพาก็ต้องสูญเสียอย่างมหาศาล พวกเขาวางกลยุทธ์ ซึ่งจ้าวหลุนเป็นผู้นำทัพในการบุกโจมตีแคว้นราชสีห์ทองคำ แล้วกองกำลังหลักของแคว้นพิรุณบูรพาก็จะใช้โอกาสนั้นข้ามแม่น้ำและบุกโจมตีแคว้นราชสีห์ทองคำจากด้านหลัง
หลังจากการสนทนา จ้าวหลุนก็เริ่มคัดเลือกสมาชิกกลุ่มบุกโจมตี
กลุ่มที่บุกโจมตีจะมีสมาชิกแค่พันคนเท่านั้น ถ้ามากไปกว่านั้นมันจะเป็นการผิดสังเกต
แน่นอนว่าจะมีเพียงแค่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะถูกรับเลือก
ในทางทฤษฎี หลิงฮันไม่น่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะถูกรับเลือก แต่เขาก็เป็นผู้ที่ถูกเลือก
นี่แสดงให้เห็นว่าจ้าวหลุนต้องการผลักดันหลิงฮันไปสู่ความตาย
แม้ว่าหลิงฮันจะมีชื่อเสียง แต่ก็ไม่มีใครสามารถตำหนิจ้าวหลุนได้ ไม่ใช่ว่านี่เป็นการต่อสู้เพื่อจักรวรรดิของตัวเองหรอกหรือ? แล้วเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?
หลังจากสุ่ยเยี่ยนยวี่รู้ว่าหลิงฮันถูกเลือกเข้ากลุ่มลอบโจมตี นางก็รีบไปหาหูเฟยหยินทันทีเพื่อไม่ให้หลิงฮันอยู่ในกลุ่มของจ้าวหลุน แต่หลิงฮันกลับส่ายหัว เขาเลือกที่จะไปอีกฝั่งของแม่น้ำ
ในตอนแรกเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับแคว้นราชสีห์ทองคำ แต่ตอนนี้เขาได้รับข้อมูลมามากพอแล้ว
ความแข็งแกร่งของแคว้นราชสีห์ทองคำนั้นไม่ได้เหนือไปกว่าแคว้นพิรุณบูรพามากนัก แล้วสำหรับจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองแห่ง แคว้นทั้งสองนี้เป็นเหมือนเขตกันชนที่ต้องรักษาเอาไว้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแคว้นทั้งสองถึงดำรงอยู่มาได้ถึงปัจจุบัน
แต่เป็นเพราะอะไรจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ถึงเคลื่อนไหว?
พวกเขามีความตั้งใจที่จะก่อสงครามกับจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะอย่างนั้นหรือ?
อะไรคือจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งนี้?
เว้นแต่!
เป้าหมายของแคว้นราชสห์ทองคำไม่ใช่อาณาเขตตั้งแต่แรก!
หลิงฮันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาจะรู้ได้หลังจากที่ทำการตรวจสอบเรื่องนี้เท่านั้น
ดังนั้น หลิงฮันจึงไม่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มบุกโจมตี ในเมื่อเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม เขาก็จะสามารถไปไหนมาไหนได้มิใช่หรือ? แต่การเข้าร่วมกลุ่มบุกโจมตีนั้นแตกต่างกัน เขาสามารถออกจากกลุ่มและเข้าไปสำรวจพื้นที่ของศัตรูได้
แล้วยิ่งหลิงฮันมีหอคอยทมิฬอยู่ในมือ เขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
หลิงฮันอธิบายสิ่งที่เขาวิเคราะห์ให้สุ่ยเยี่ยนยวี่ฟัง และเมื่อสุ่ยเยี่ยนยวี่รู้ว่าไม่มีทางที่นางจะหยุดยั้งเขาได้ นางจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยเท่านั้น
“เจ้าและข้าต่างก็เป็นผู้ติดตามของราชินีที่เก้า ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับอันตรายใดๆ พวกเราก็ไม่สามารถหลบหนีได้” หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาไม่ควรทำอะไรพละการโดยที่ไม่ได้รับคำสั่ง มิเช่นนั้น พวกเขาจะถูกลงโทษตามกฎของกองทัพ
สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกแปลกใจ ถึงแม้หูเฟยหยินจะมีสถานะสูงส่ง แต่ความสามารถในการต่อสู้ของนานนั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย
“สัญญากับข้า ถ้าเจ้าตกอยู่ในอันตราย เจ้าห้ามทอดทิ้งราชินีที่เก้าไว้ด้านหลังเป็นอันขาด ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนางนั้นเหนือกว่าจินตนาการของเจ้ามาก” หลิงฮันกล่าวเตือนสติ แต่ก็ไม่ได้บอกความจริง เพราะแม้แต่เขาเองก็ยังเกือบถูกจักรพรรดินีฆ่า
“อืม!”สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า
“ภรรยาข้าจะว่าไปแล้วทำไมพวกเราไม่มาทำลูกกันตอนนี้เลยล่ะ? ถ้าข้าไม่กลับมาจะเป็นเช่นไร?” หลิงฮันเริ่มฉวยโอกาศ
สุ่ยเยี่ยนยวี่มองตาขาวใส่หลิงฮันทันทีและพูดว่า “เจ้าอันธพาล!” นางผลักหลิงฮันออกไปทันที และบิดเอววิ่งจากไป
บนพื้นที่สูงนอกค่ายทหาร จ้าวหลุนกำลังยืนกอดอกและกวาดสายตามองค่ายทหารด้วยความภาคภูมิใจ และแสยะยิ้มอยู่ตรงมุมปาก
ครั้งนี้หลิงฮันจะต้องตายอย่างแน่นอน!
หลังจากผ่านพ้นคืนนี้ไป จ้าวหลุนจะออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้นพร้อมกับทหารของเขา และจะเดินอ้อมเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาและหูของแคว้นราชสีห์ทองคำ จากนั้นก็จะข้ามแม่น้ำคลื่นพิโรธ แล้วรอให้ถึงเวลากลางคืนเพื่อลอบโจมตีแคว้นราชสีห์ทองคำ
แม้ว่าสำหรับจอมยุทธแสงสลัวตอนกลางคืนจะไม่มีผล แต่คนส่วนใหญ่จะใช้เวลาพักผ่อนในตอนกลางคืน ดังนั้นการลอบโจมตีในตอนกลางคืน จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
กลุ่มทหารหนึ่งพันนายเริ่มออกเดินทาง หลังจากที่เดินทางได้ประมาณสองถึงสามร้อยไมล์ พวกเขาก็เริ่มข้ามแม่น้ำคลื่นพิโรธ
เรือเดินสมุทรจำนวนห้าลำสามารถขนคนได้ทั้งหมดร้อยคนต่อหนึ่งครั้ง หลังจากที่ข้ามฝากทั้งหมดสิบครั้ง ทหารหนึ่งพันนายก็ข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำคลื่นพิโรธ
หืม?
นี่มันอะไรกัน?
เกิดอะไรขึ้น!
เมื่อพวกเขาข้ามแม่น้ำคลื่นพิโรธ ทุกคนก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะแผ่นดินของที่นี่เต็มไปด้วยปราณแห่งความตายที่รุนแรง
แผ่นดินนั้นแห้งแล้ง ดอกไม้และต้นไม้ตายหมด แม้แต่เสียงของแมลงยังไม่ได้ยิน
บนท้องฟ้าพวกเขาก็ยังไม่เห็นนกสักตัว แม้จะจ้องมองเป็นเวลานานแล้วก็ตาม
ราวกับว่าที่นี่คือดินแดนแห่งความตาย
“นายน้อยหลัว ที่นี่แปลกประหลาดมาก พวกเราควรกลับไปรายงานสิ่งที่พวกเราเห็นก่อนดีหรือไม่?” ศิษย์คนหนึ่งถาม เขาเป็นหนึ่งในคนของจ้าวหลุน ดังนั้นเวลานี้เขาจึงกล้าเปิดปากพูด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น