Alchemy Emperor of the Divine Dao 1041-1050
ตอนที่ 1041
หลิงฮันไม่รีบออกจากหอคอยทมิฬและศึกษาทักษะดาบอย่างคร่าวๆ
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน…
“ฝืนกฎแห่งธรรมดาเพื่อเพิ่มความเร็วอย่างไร้ขีดจำกัด เมื่อสะบั้นดาบออกไปศัตรูจะไม่มีทางหยุดยั้งได้”
หลิงฮันพึมพำ ร่างของเขาลอยขึ้นและกวัดแกว่งดาบ
เมื่อสะบั้นดาบออกไป คลื่นดาบก็ถูกปลดปล่อยออกมาราวกับกระแสสายฟ้า แต่มันก็ทิ้งความเจ็บปวดเอาไว้ที่ขาซ้าย เมื่อมองลงไปเขาก็พบว่าเท้าซ้ายของเขานั้นบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง ขาของเขาแตกหักหมุนเป็นเกลียว
“อืม นี่คือผลลัพธ์ของการที่เราฝืนกฎธรรมชาติ?”
หลิงฮันพึมพำพร้อมโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เพื่อฟื้นฟูบาดแผล
“ข้าทำผิดพลาด ถึงแม้ความเร็วจะเพิ่มขึ้นแต่มันก็ทำให้ร่างกายพังทลาย”
“เพียงแต่ว่าที่กระดูกข้าแตกหักเช่นนี้เป็นเพราะอยู่ในหอคอยทมิฬ พลังที่ใช้ออกไปได้จึงมากกว่าปกติ หากเป็นข้างนอกเป็นไปไม่ได้เลยที่พลังดาบที่ใช้ออกไปจะทำให้กระดูกของข้าแตกหักเช่นนี้”
“ข้าจะฝึกในนี้ไม่ได้”
หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬและพบว่าแรงดันที่รุนแรงได้หายไปแล้ว
จะบอกว่าหายไปก็ไม่ถูก แรงดันน้ำจากใต้สมุทรยังคงมีอยู่ แต่แรงดันน้ำธรรมดาเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับฝนที่หยดใส่ร่างเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่ร่างกายของเขาจะถูกบดขยี้
“อืม อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์จะสามารถใช้ได้รึไม่?”
หลิงฮันนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมา พาหนะของเขาทะลวงคลื่นมหาสมุทรและภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจเขาก็ลอยผ่านผิวมหาสมุทรขึ้นสู่ท้องฟ้า
“อย่างที่คาด!!”
หลิงฮันเรียกสุ่ยเยี่ยนยวี่ออกมาและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“เซียนดาบไร้พ่าย?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ประหลาดใจ นางไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
แต่นั่นก็เป็นเพราะจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดบนดาวดวงนี้ก็คือระดับดาราเท่านั้น บางทีในอดีตกาลอาจจะมีอัจฉริยะที่สามารถทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งได้ แต่จอมยุทธที่ว่าก็คงตกตายไปแล้ว
กาลเวลาที่ยาวนานสามารำระล้างได้ทุกสิ่ง จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งนั้นไม่ได้เป็นอมตะ
“น่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถเรียนรู้ทักษะดาบสี่บัญญัติได้” หลิงฮันผิดหวัง
“ใครบอกว่าข้าจะเรียนรู้มันไม่ได้!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างขึงขัง
เขาไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว อะไรก็ตามที่ดีเขาก็พร้อมจะแบ่งปันกับพวกพ้อง
พวกหลิงฮันมาถึงเกาะเล็กๆด้วยอุปกรณ์บินแหวกเมฆา เขาตัดสินใจพักที่นี่ก่อนและจะฝึกฝนทักษะบัญญัติดาบเร็ว
เขาศึกษาทักษะดาบกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่นั้นมึนงงมากและไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน
ที่จริงหลิงฮันก็สับสนไม่แพ้กัน แต่เมื่อเขาพบเจอกับทางตัน ก้อนพลังงานในตันเถียนของเขาก็จะปลดปล่อยพลังบางอย่างออกมาเพื่อช่วยเหลือเขาให้ก้าวผ่านไปได้
นั่นเพราะก้อนพลังคืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่หลงเหลืออยู่ของตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่ง
หลิงฮันไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย แต่ด้วยความช่วยเหลือของมันเขามันทำให้เขาค่อยๆเชี่ยวชาญทักษะบัญญัติดาบเร็วขึ้นทีละน้อย
เพราะงั้นตามหลักแล้วแม้เขาจะยังไม่สามารถฝึกฝนทักษะดาบนี้ได้ แต่พระเจ้าได้มอบโชคให้เขา ตำแหน่งที่กล่องหยกตกลงไปดันบังเอิญไปเป็นตำแหน่งที่จ้าวอสูรหลับใหลอยู่ เขาที่มีหอคอยทมิฬก็สามารถสยบเจตจำนงของจ้าวอสูรได้และเขาที่ฝึกฝนคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์จะมีกายหยาบที่แข็งแกร่ง เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วจึงมีผลลัพธ์เช่นนี้
ต่อให้เป็นแบบนั้น การพัฒนาของหลิงฮันก็ยังเป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก
เมื่อลองใช้ทักษะออกไป หลิงฮันก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่อาจบรรยายได้ ทั้งมือ เท้า ข้อมือ ทุกๆส่วนของร่างกายเขาบิดเบี้ยวไปหมด
เขาค่อยก้าวผ่านความผิดพลาดและความเร็วของดาบก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทุกๆครั้งที่เร็วขึ้น ร่างกายเขาก็จะรับภาระหนักตาม ทุกๆครั้งที่ดาบถูกฟันออกไป กระดูกของเขาส่งเสียงสั่นสะท้านอย่างแรง ถ้าหากเป็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ กระดูกทั่วร่างนางคงแหลกไปแล้ว
“เร็วมาก!” สุ่ยเยี่ยนยวี่มองการพัฒนาของหลิงฮันอยู่ทุกวัน ดาบของเขาจะเคลื่อนไหวเร็วขึ้นทุกครั้ง ในตอนแรกสายตาของนางยังมองคลื่นดาบของหลิงฮันได้ทันอยู่ แต่ตอนนี้นางมองไม่เห็นแล้ว
มันรวดเร็วเกินกว่าสามัญสำนึกทั่วไป
ไม่น่าแปลกใจทำไมจอมยุทธคนนั้นถึงถูกเรียกว่าเซียนดาบไร้พ่าย ทักษะดาบของเขาแข็งแกร่งฝืนสวรรค์อย่างแท้จริง
“นี่คือหนึ่งในสี่ทักษะดาบสี่บัญญัติ แล้วทักษะบัญญัติอื่นๆจะเป็นอย่างไร?” ทั้งหลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกอยากรู้อยากเห็น
หนึ่งเดือนต่อมาในที่สุดหลิงฮันก็บรรลุทักษะบัญญัติดาบเร็วส่วนต้น ในด้านพลังบ่มเพาะของเขานั้นด้วยการช่วยเหลือของก้อนพลังงาน เขาบรรลุระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นกลางเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นเขาก็ยังแบ่งเวลาไปฝึกฝนการหลอมเม็ดยา
“เอาล่ะ ไปล่าโจรสลัดเพิ่มกันเถอะ” หลิงฮันหัวเราะ เขาฝึกฝนทักษะดาบสำเร็จแล้ว แต่นอนว่าหากจะให้ใช้อย่างเชี่ยวชาญเขาก็ต้องลองไปฝึกฝนของจริง
พวกเขาขึ้นอุปกรณ์บินแหวกเมฆาโดยไม่ต้องกังวลจะไปพบเจอกับศัตรูระดับสุรันยันจันทรา เนื่องจากอุปกรณ์บินเพียงพอที่จะช่วยพวกเขาหลบหนี
แม้มหาสมุทรดาราจะเปลี่ยนแปลงไปก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของตระกูลหยาง ในทางกลับกันธุรกิจของพวกเขารุ่งเรืองมากขึ้นด้วยซ้ำเพราะว่าในมหาสมุทรแห่งนี้ไม่มีแรงโน้มถ่วงแล้ว จอมยุทธมากมายจึงออกทะเลเพื่อล่าสมบัติ
ก่อนหน้านี้มีต้องเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีเป็นอย่างน้อยถึงจะออกทะเลได้ แต่ตอนนี้แม้แต่ระดับทลายมิติหรือระดับสวรรค์ก็สามารถทำได้ แรงกดดันน้ำลึกพันฟุตไม่ได้คุกคามใดๆต่อพวกเขา แต่แน่นอนว่าสัตว์อสูรใต้มหาสมุทรก็ยังคงเป็นภัยอันตรายที่ใหญ่หลวงอยู่ดี ถ้าพบเจอกับสัตว์อสูรในขณะที่กำลังหาสมบัติอยู่พวกเขาก็ทำได้เพียงยอมรับในความโชคร้ายของตัวเอง
เมื่อไม่มีพลังอำนาจของจ้าวอสูร อุปกรณ์บินแหวกเมฆาจึงสามารถแสดงประสิทธิ์ภาพออกมาอย่างเต็มที่ พวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในการวนรอบมหาสมุทร
หลังจากลอยอยู่เหนือมหาสมุทรได้สองสามวัน อุปกรณ์บินแหวกเมฆาก็ลอยเข้าสู่เส้นทางการเดินเรือของตระกูลหยางที่หยางเทียนเฉินเคยพวกเขาแล่นผ่าน
“ตรงนั้น!” เขาควบคุมอุปกรณ์บินให้ต่ำลงและมองเห็นการต่อสู้อันดุเดือดบนเรือขนาดใหญ่
มันคือเรือใหญ่ของตระกูลหยาง ซึ่งมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเป็นคนดูแล ฝ่ายโจรสลัดเองก็ส่งจอมยุทธระดับเดียวกันไปปะทะกันอยู่เหนือผิวมหาสมุทร
แต่ก่อนการสู้บนผิวน้ำอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่มีแรงโมถ่วงแล้ว มันจะเป็นเรื่องยากอะไรหากปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราจะเดินอยู่บนผิวน้ำได้?
หลิงฮันลงไปบนเรือพร้อมกับสุ่ยเยี่ยนยวี่และเข้าร่วมต่อสู้ ทั้งสองกระหน่ำโจมตีใส่เหล่าโจรสลัด
“เจ้าหนู ตายซะ!” จู่ๆโจรสลัดคนหนึ่งก็แทงกระบี่เข้าใส่หลิงฮัน เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางชัน้สูงสุด
หลิงฮันยิ้มและปลดปล่อยทักษะบัญญัติดาบเร็ว
‘ฉัวะ’ โจรสลัดกำลังแทงกระบี่เข้ามา ทันใดนั้นเขาก็พบว่าแขนตอนตัวเองหลุดออกจากไหล่ จากนั้นร่างของเขาก็ถูกหั่นออกเป็นหลายส่วนในพริบตา
เขาตกตะลึงมาก ทำไมเขาถึงได้เห็นร่างของตัวเองถูกฟันจนแยกออกเป็นหลายส่วน? นี่เขาถูกฟันคอขาดแล้วงั้นรึ? นี่เขาไปโดนฟันตอนไหน? ทำไมเขาถึงไม่เห็นอีกฝ่ายขยับเลย!
นี่คือความคิดสุดท้ายของชีวิตโจรสลัดคนนี้
ตอนที่ 1042
การต่อสู้ระยะประชิดที่ไม่มีผลกระทบระยะกว้างย่อมไม่เป็นที่สนใจของคนอื่นๆ แถมระดับพลังของหลิงฮันกับโจรสลัดคนนั้นก็ไม่ได้สูงพอจะให้พวกเขาสนใจด้วย
หลิงฮันพึงพอใจมาก
ที่จริงเขาสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ภายในดาบเดียว แต่หลังจากสะบั้นดาบออกไป เขารู้สึกว่าเวลาถูกหยุดให้ช้าลง ดังนั้นเขาจึงเผลอฟันดาบออกไปอีกหลายครั้ง แม้จะดูเหมือนเขาฟันไปดาบเดียวแต่ที่จริงเขาฟันออกไปทั้งหมดสิบเอ็ดดาบ
“ยังเร็วได้กว่านี้อีก” หลิงฮันกล่าวในใจ
“ไอ้เด็กเปรต เข้ามา!” โจรสลัดอีกคนเดินเข้ามา เขาคือจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้น
ดาบของหลิงฮันฟันเข้าใส่อีกฝ่าย ‘ฉัวะ’ โลหิตสาดกระจาย โจรสลัดคนนั้นถูกหั่นกลายเป็นก้อนเนื้อในพริบตา
“อะไรกัน!” หลังจากโจรสลัดสองคนถูกสังหารติดต่อกัน โจรสลัดรอบข้างก็เริ่มสังเกตหลิงฮัน พวกเขาห้าคนโดดเข้ามาหาหลิงฮันพร้อมกันห้าคน หนึ่งในพวกเขาคนหนึ่งมีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นปลาย สองคนคือขั้นสูงชั้นต้น ส่วนอีกสองคนคือขั้นกลางชั้นสูงสุด
“ห้าคน แถมหนึ่งคนยังเป็นระดับภูผาวารีขั้นสูง” หลิงฮันพึมพำ พลังต่อสู้ในตอนนี้ของเขาเทียบได้ระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นกลาง หากอีกฝ่ายมีแค่คนเดียวก็ยังพอว่า แต่อีกฝ่ายกลับมีถึงสี่คนทำให้สามารถคุกคามเขาได้
แต่ว่านั่นคือพลังต่อสู้ที่ยังรวมกับตอนที่ใช้ทักษะบัญญัติดาบเร็ว
“เจ้าหนูนี่โผล่มาจากไหน กล้ามากที่มาก้าวก่ายเรื่องของพวกเรา!” โจรสลัดทั้งห้าแสยะยิ้ม
“โอ้ สตรีผู้นี้ช่างงดงาม ”
“งดงามราวกับเทพธิดา”
“สังหารเจ้าหนูนี่แล้วชิงนางมาเล่นสนุกเถอะ”
“ตกลง!”
ทั้งห้าคนลงมือโจมตีใส่หลิงฮันพร้อมกัน
“ห้าคนรึ ก็ท้าทายเล็กน้อย!” หลิงฮันกวัดแกว่งดาบและสะบั้นโจมตี คลื่นดาบที่ถูกฟันออกไปโดยที่โจรสลัดทั้งห้ามองไม่เห็นแม้แต่ร่องรอย
หลิงฮันเก็บดาบกลับมาราวกับไม่ได้ฟันออกไป
‘ตุบ’ โจรสลัดสี่คนร่วงลงกับพื้น มีเพพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นปลายที่สามารถตอบโต้ทัน แต่ที่คอของเขาก็ยังปรากฏรอยเฉือนของดาบ คอของเขาเกือบจะถูกฟันจนหลุดออกจากบ่า
โจรสลัดคนนั้นรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น เขามองไม่เห็นคลื่นดาบแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่สัมผัสได้ถึงอันตรายจึงควบแน่นปราณก่อเกิดไปยังบริเวณคอตามสัญชาตญาณ เขาเองก็เผลอยื่นมือออกไปเพื่อป้องกันเช่นกันทำให้นิ้วทั้งห้าของเขาหายไปสี่นิ้ว
น่ากลัวเกินไปแล้ว ทักษะดาบนั่นสามารถสังหารเขาได้โดยที่มองไม่เห็น!
ต้องรู้ก่อนว่าพลังบ่มเพาะของพวกเขาทั้งห้าไม่มีใครเลยที่อ่อนแอกว่าหลิงฮัน แต่ตอนนี้พวกเขาถึงสี่คนถูกสังหารไปแล้ว ตัวเขาเองก็ถูกตัดนิ้วไปสี่นิ้วและเกือบจะต้องคอขาด
หรือเจ้าหนูนี่จะเป็นอัจฉริยะห้าดาว? ไม่สิ ต่อให้เป็นอัจฉริยะห้าดาวกไม่น่าจะมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้
มือของหลิงฮันสั่นเล็กน้อย ลมหายใจเองก็ไม่เป็นจังหวะนิดหน่อย ปราณก่อเกิดในร่างกำลังเดือดดาล
ทักษะบัญญัติดาบเร็วนั้นเป็นการฝืนกฎเกณฑ์ของธรรมชาติเพื่อทำให้ผู้ใช้โจมตีได้รวดเร็วเกินกว่าระดับพลังของตัวเอง ดังนั้นผู้ใช้จึงได้รับผลกระทบจากการฝืนกฎเกณฑ์เช่นกัน
“พลาดไปเล็กน้อย” หลิงฮันพึมพำ เขาฟันดาบออกไปห้าครั้งโดยที่ตั้งใจจะสังหารโจรสลัดทั้งห้าในคราเดียว แต่ถึงอย่างนั้นกลับมีหนึ่งคนที่รอดตาย
เขาทำลมหายใจให้มั่นคงและใช้ทักษะบัญญัติดาบเร็วโจมตีใส่โจรสลัดอีกครั้ง
โจรสลัดหวาดกลัวความตาย เขารีบโคจรปราณก่อเกิดให้คุ้มกันไปทั่วร่าง
บัดซบ เขาต้องทำเพราะไม่รู้ว่าดาบจะโจมตีมายังส่วนไหน
แต่ปัญหาก็คือหากใช้ปราณก่อเกิดคุ้มกันหลายจุด ปราณก่อเกิดก็จะถูกเผาผลาญหลายเท่า ส่วนคนที่โจมตีนั้นเพียงแค่มุ่งเน้นใช้ปราณก่อเกิดโจมตีไปยังจุดเดียว การเผาผลาญปราณก่อเกิดจึงต่างกัน
‘ฉัวะ’ ดาบของหลิงฮันรวดเร็วขนาดไหน? ปราณก่อเกิดที่ใช้เป็นเกราะถูกคลื่นดาบฟันจนแตกสลายและจำเป็นต้องใช้เวลาในการฟื้นสภาพ ส่วนดาบของหลิงฮันนั้นเร็วกว่าการฟื้นฟูของเกราะปราณก่อเกิด
โลหิตสาดกระจาย โจรสลัดสามารถต้านทานดาบได้เพียงสามลมหายไป เขาไม่อยากมองไปยังบริเวณหน้าอกของตนเองที่หัวใจถูกเฉือน ตันเถียนของเขาเองก็ถูกทำลายเช่นกัน
‘ตุบ’ ร่างของเขาล้มลงโดยที่ไม่มีวันลุกกลับขึ้นมาได้อีก
หลิงฮันสูดลมหายใจ บัญญัติดาบเร็วเผาผลาญปราณก่อเกิดและเรี่ยวแรงของร่างกายมหาศาลมาก
“ไอ้เด็กบัดซบ!” โจรสลัดอีกคนกระโดดเข้ามา ครั้งนี้เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด ผมของเขากระเซอะกระเซิง และมีใบหน้าที่ใหญ่ เขาที่ถือกระบี่ยักษ์อยู่ในมือนั้นไม่ได้ดูองอาจแต่ดูเหมือนหมูเสียมากกว่า
เขาจับกระบี่ด้วยสองมือและพุ่งแทงใส่หลิงฮัน กระบี่ในมือของเขาส่องประกายของอักขระศักดิ์สิทธิ์ ตัวดาบส่องแสงสว่างไปทั่วทำให้มองไม่เห็นเลยว่ากระบี่จะพุ่งมาจากทางไหน
ขั้นสูงสุด?
หลิงฮันคิดจะลองสู้ เขาสูดหายใจลึกและสะบั้นดาบด้วยความเร็วสูง
หากวัดที่ความไว บัญญัติดาบเร็วสมควรจะเป็นทักษะระดับที่สูงสุดของโลก อย่างน้อยก็ในระดับภูผาวารีนี้ไม่มีใครอื่นแน่นอนที่จะโจมตีได้รวดเร็วกว่าหลิงฮัน
โจรสลัดไขว้กระบี่ไว้ด้านหน้าเพื่อป้องกัน โดยที่ตัวของเขาหลบอยู่ด้านหลังกระบี่ยักษ์
“รับไป!” เขาไม่เพียงป้องกันตนเอง แต่มือซ้ายของเขายังโจมตีชกเข้าใส่หลิงฮัน
ปัง!
ทั้งสองแลกกระบวนท่ากันโดยมีโจรสลัดผู้ใช้กระบี่ยักษ์มีโลหิตไหลออกมาจากบริเวณคอเป็นรอยถูกฟัน แต่รอบฟันก็ไม่ได้ลึกอะไร ในทางกลับกัน หลิงฮันถูกหมัดชกเข้าใส่ไหล่ซ้ายจนได้รับบาดเจ็บชัดเจน
จะพูดให้ถูกคือการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่หลิงฮันเป็นฝ่ายด้อยกว่า แต่เหล่าคนที่มองเห็นการปะทะของทั้งสองเมื่อครู่ ไม่ว่าจะเป็นลูกเรือหรือโจรสลัดต่างก็แสดงท่าทีตะลึงออกมา
หลิงฮันมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นกลางในขณะที่โจรสลัดมีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นกลาง ทั้งสองมีพลังที่ต่างกันถึงแปดชั้น! ต่อให้ฝ่ายโจรสลัดไม่ใช่อัจฉริยะ หลิงฮันก็ต้องมีพลังต่อสู้มากกว่าแปดดาว
อัจฉริยะแปดดาว!
ใครจะไปทำใจเชื่อได้ลง?
โจรสลัดผู้ใช้กระบี่บาดแผลที่คอตนเอง เขาตกตะลึงและโกรธมาก แม้การโจมตีเมื่อครู่เขาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่บาดแผลที่หลิงฮันทิ้งไว้ให้เขานั้นรุนแรงจนสามารถคุกคามชีวิตเขาได้
เมื่อพบว่าตนเองเกือบจะต้องเข้าไปยังประตูสู่นรก โจรสลัดผู้ใช่กระบี่ก็คำราม “ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
เขาแกว่งกระบี่ออกไปโดยที่ตัวกระบี่ส่องแสงเลือนราง หลิงฮันในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บและอยู่ในสภาพที่อ่อนแออยู่ ดังนั้นเขาจึงต้องสังหารหลิงฮันในตอนนี้ หากปล่อยเจ้าหนูนี่รอดไปได้ อีกไม่กี่ปีเขาคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮันแน่นอน
แต่เขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าบาดแผลที่ไหล่ของหลิงฮันถูกฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
พรึบ
เขาตกตะลึงจนเผลอหยุดการโจมตี ในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความตกตะลึง กายหยาบที่แข็งแกร่งบวกกับพลังฟื้นฟูที่น่าอัศจรรย์ เจ้าหนูนี่เป็นสัตว์ประหลาดรึยังไงกัน?
“เข้ามาอีกครั้ง!” หลิงฮันยิ้ม
โจรสลัดผู้ใช้กระบี่เริ่มแสดงท่าทีหวาดกลัว พลังบ่มเพาะของเขาสูงกว่าหลิงฮันและแข็งแกร่งกว่าหลิงฮัน แต่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมภายในจิตใจของเขาถึงรู้สึกหวาดกลัว
“เจ้าเด็กตัวปัญหา!” เสียงอันเย็นชาดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของโจรสลัดวัยกลางคน เขาเป็นชายร่างผอมและมีเงาดวงอาทิตย์สีแดงลอยอยู่ด้านหลัง
ระดับสุริยันจันทรา!
ตอนที่ 1043
“ฮ่าฮ่าฮ่า ซีเฉิง คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!” ในขณะนั้นมีชายคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าหลิงฮัน ซึ่งแขนซ้ายของเขาดูปกติ แต่แขนขวาของเขานั้นมีสีดำเหมือนหมึกและส่องแสงความมันวาวของเหล็กออกมาให้เห็น
“หยางเซวียน เจ้าเด็กนี่เป็นสมาชิกใหม่ของตระกูลหยางของเจ้าอย่างนั้นรึ?” โจรสลัดที่ถูกเรียกว่าซีเฉิงกล่าวด้วยเสียงที่ดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง
หยางเซวียนคือจอมยุทธระดับสุริยันจันทราของตระกูลหยาง นั่นคือชายที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าของหลิงฮัน
“ใช่หรือไม่นั้นมันเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าด้วย?” หยางเซวียนกล่าวอย่างเย็นชา มือขวาของเขาเริ่มเปล่งแสงและอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏออกมาให้เห็นพร้อมกับกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น!” ซีเฉิงจ้องมองไปที่หลิงฮันด้วยสายตาอาฆาตแค้นและปลดปล่อยจิตสังหารออกมาไม่หยุด
เจ้าเด็กนี่เป็นตัวอันตราย เขาจะต้องรีบจัดการให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก มิฉะนั้นอาจเป็นเขาที่ต้องเสียใจในภายหลัง
หยางเซวียนยกมือขวาขึ้นและชี้นิ้วไปที่ซีเฉิงพร้อมกับพูดว่า “ตอนนี้แรงดึงดูดของมหาสมุทรดาราได้หายไปแล้ว ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีที่โจรสลัดของพวกเจ้าจะหายไปตลอดกาล เตรียมตัวตาย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าอยากเห็นยิ่งนักว่าเจ้าจะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่!” ซีเฉิงเริ่มโจมตี และแสงดาบก็พุ่งตรงไปที่หลิงฮัน
“เจ้ากล้า!” หยางเซวียนโจมตีออกไปด้วยมือขวา ทันใดนั้นอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็กลายเป็นโซ่และเข้าไปล้อมรอบซีเฉิง
“คลื่นคลั่ง!” ซีเฉิงคำราม ทันใดนั้นก็มีคลื่นน้ำพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาป้องกันโซ่ศักดิ์สิทธิ์พวกนั้น แล้วเขาก็คว้าโอกาสนี้ตอบโต้และสะบั้นดาบไปที่หน้าอกของหลิงฮัน
หยางเซวียนดูแปลกใจเล็กน้อย เขาและซีเฉิงเคยปะมือกันมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะใช้คลื่นคลั่งได้รวดเร็วขนาดนี้
อีกฝ่ายมีความมุ่งมั่นที่จะฆ่าหลิงฮันอย่างแรงกล้า
ในทางตรงกันข้าม หยางเซวียนไม่รู้จักหลิงฮันแม้แต่น้อยและรู้อีกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แขกที่โดยสารมากับเรือ ดังนั้นเขาจะทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยชีวิตไปทำไม?
ซีเฉิงฝ่าอุปสรรคและมาถึงด้านหน้าของหลิงฮัน!
จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางจะต่อกรกับจอมยุทธระดับสุริยันได้อย่างไร? แม้ว่าซีเฉิงจะเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นต้นก็ตาม
แน่นอนการโจมตีครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว
ฉัวะ!
ดาบของเขาแทงไปที่หน้าอกของหลิงฮันตรงตำแหน่งของหัวใจ
เพี๊ยะ!
ในตอนนั้นเอง หลิงฮันยกมือขึ้นและตบไปที่หน้าของซีเฉิง
เสียงดังฟังชัด!
หลังจากนั้นชั่วครู่ การต่อสู้ทั้งหมดก็หยุดชะงัก ทุกคนหันไปจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาที่เบิกกว้างและอ้าปากมากพอที่จะยัดมือเข้าไปในปาก
ฉากนี่มันอะไรกัน!
“ตาของข้าเห็นภาพลวงตาอย่างนั้นรึ? ทำไมข้าถึงเห็นซีเฉิงถูกตบหน้า?”
“เจ้าเด็กนั่นเป็นใครกัน เขาช่างกล้าหาญยิ่งนักถึงกล้าตบหน้าหัวหน้าโจรสลัด!”
“นี่เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีจริงๆรึ?”
“ในตอนที่เขาโจมตี ข้าเห็นภูเขาสองลูกและวารีหนึ่งสายเท่านั้น นี่แสดงให้เห็นว่าเขายังไม่ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูง…”
“มันเป็นไปได้อย่างไร!”
แม้กระทั่งหยางเซวียนเองก็รู้สึกตกใจและไม่สามารถยอมรับได้
“ใบหน้าของมันแข็งพอที่จะทำให้มือของข้าเจ็บ!” หลิงฮันสบถอยู่ในใจ
อย่างไรก็ตาม จอมยุทธระดับสุริยันจันทราก็ยังคงเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราอยู่ดี ในตอนที่หลิงฮันตบหน้า ถึงแม้เขาจะไม่มีเวลาหลบ แต่ก็ยังโคจรพลังปราณปกป้องใบหน้าได้
“เจ้าเด็กเหลือขอ ข้าจะสังหารเจ้าซะ!” เส้นผมของซีเฉิงตั้งชัน และไม่มีอารมณ์ที่จะคิดว่าทำไมการโจมตีของเขาถึงสังหารหลิงฮันไม่ได้ และยังถูกตบหน้าอีก
ประเด็นหลักคือเขาถูกตบ!
เขากวัดแกว่งดาบและโจมตีใส่หลิงฮันอีกครั้ง
ปัง!
หยางเซวียนเคลื่อนไหวและใช้มือขวาต้านรับดาบของซีเฉิง คลื่นพลังที่กระจายออกมาแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับคลื่น และทำให้ผู้คนที่อยู่บนดาดฟ้าปลิวกระเด็นตกลงไปในน้ำ
โชคดีที่ตอนนี้ทะเลไม่มีแรงดึงดูดอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จมลงไปก้นทะเลเมื่อตกลงไปในน้ำ และในไม่ช้าพวกเขาก็ขึ้นมายืนบนผิวน้ำ
“ไส้หัวไปให้พ้น ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าด้วย!” ซีเฉิงเต็มไปด้วยความคับแค้นและจิตสังหาร ตั้งแต่ที่เขาเริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลัง เขาไม่เคยถูกใครตบหน้ามาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น
ถ้าเขาไม่ได้ฆ่าหลิงฮัน เขาก็จะไม่มีวันเชิดหัวขึ้นได้อีกไปตลอดทั้งชีวิต – แน่นอนว่าถึงแม้เขาจะฆ่าหลิงฮันได้ แต่นี่ก็จะกลายเป็นปมติดตัวเขาตลอดไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หยางเซวียนหัวเราะและพูดว่า “ซีเฉิง มันมีคนตั้งมากมายที่เห็นเจ้าถูกตบหน้า นี่เจ้าคิดจะฆ่าทุกคนเลยงั้นรึ?”
หยางเซวียนส่ายหัวและหัวเราะดังขึ้น “ข้าผิดหวังในตัวเจ้ายิ่งนัก ทั้งที่เจ้าเป็นถึงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราแต่กลับถูกจอมยุทธระดับภูผาวารีตบหน้า!”
“เจ้ากล้ามากที่พูดแบบนั้นกับข้า!” ซีเฉิงเริ่มบ้าคลั่ง และกวัดแกว่งดาบใส่หยางเซวียนอย่างบ้าคลั่งและไม่สนใจอะไรทั้งนั้นว่าตัวเองจะตายหรือไม่ อย่างน้อยเขาก็จะพาหยางเซวียนไปด้วย
หยางเซวียนไม่กล้าเล่นสนุกอีกต่อไป เขาไม่มีความคิดที่จะตายไปพร้อมกับอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงไม่พูดยั่วยุซีเฉิงอีก
แต่ซีเฉิงนั้นบ้าคลั่งไปแล้ว เขาคิดที่จะสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่เพื่อปกปิดความอัปยศของเขา
“ตาย! ตาย! ตาย!” ซีเฉิงกวัดแกว่งดาบไม่หยุดและคำรามอย่างบ้าคลั่ง
“บัดซบ!” หยางเซวียนไม่คิดว่าซีเฉิงจะโกรธขนาดนี้ ภายใต้การโจมตีของซีเฉิงทำให้เขาได้รับแรงกดดันอย่างใหญ่หลวง เหมือนกับว่าชีวิตของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“เงาปีศาจ!”
ซีเฉิงเคลื่อนไหวอีกครั้ง และดูเหมือนกับว่าร่างของเขาจะกลายเป็นภาพลวงตา มันมีดวงอาทิตย์สีแดงอยู่ด้านหลัง ซึ่งมันสว่างมากจนดวงอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้ายังต้องถูกบดบัง
“บัดซบ!” หยางเซวียนตกใจ อีกฝ่ายกำลังเผาผลาญพลังของตนเอง การใช้พลังนี้หมายความว่าเขาสิ้นหวังแล้วจริงๆ
“เจ้าจะหลบหรือจะตาย!” ซีเฉิงตะโกน ตอนนี้เขาสูญเสียเหตุผลไปอย่างสมบูรณ์ ที่เขาใช้พลังนี้ออกมาก็เพื่อบีบบังคับหยางเซวียน แล้วถ้าอีกฝ่ายคิดจะหยุดเขา เช่นนั้นเขาก็จะลากอีกฝ่ายไปที่แม่น้ำแห่งความตายด้วย
หยางเซวียนรู้สึกหนาวเย็นและสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ถ้าหลิงฮันเป็นลูกหลานของตระกูลหยาง เขาก็คงทำสุดความสามารถเพื่อปกป้องลูกหลานที่โดดเด่นของตระกูลคนนี้เอาไว้ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้
อีกฝ่ายเป็นคนนอก เขาจะปกป้องด้วยชีวิตไปทำไม?
ไม่มีทาง!
ตอนที่ 1044
หยางเซวียนรีบล่าถอยทันที อีกฝ่ายเป็นคนแปลกหน้าที่เขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนแบบนั้น
นอกจากนั้น ตระกูลหยางไม่ได้เกลียดพวกเจ้าโจรสลัดอะไรขนาดนั้น
ใช่แล้ว ตระกูลหยางและโจรสลัดเป็นศัตรูกันมานานแสนนาน ไม่มีใครรู้ว่ามีกี่คนต้องตายไปในช่วงล้านปีที่ผ่านมา แต่ถ้าไม่มีโจรสลัด แล้วจอมยุทธจะยังต้องการรับการคุ้มครองจากตระกูลหยางอีกหรือไม่? ถ้าไม่มีโจรสลัด แล้วตระกูลหยางจะทำอะไรกิน?
มันเป็นความจริงที่แม้แต่คนธรรมดาก็ยังรู้ แล้วตระกูลหยางจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
ดังนั้น ตระกูลหยางจึงเอาแต่ปกป้องเรือของพวกเขาอยู่ตลอด และพวกเขาไม่กระตือรือร้นที่จะกำจัดโจรสลัดเลย เพราะถ้าพวกเขากระตือรือร้น พวกเขาก็จะไม่มีอะไรกิน
แต่ในตอนที่เผชิญหน้ากับโจรสลัด หยางเซวียนไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงพยายามเล่นละครให้แนบเนียนและปล่อยให้ซีเฉิงไปลงมือไป
แน่นอนว่าหลิงฮันมองเรื่องพวกนั้นออก เขาแสยะยิ้มอยู่ในใจและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านมาก ภรรยาข้า พวกเราถอนตัวกันได้แล้ว!”
หลิงฮันไม่รอคำตอบของหยางเซวียน เขาดึงแขนของสุ่ยเยี่ยนยวี่เข้ามาและใช้อุปกรณ์บินแหวกเมฆา พรึบ แล้วบินตรงหายไปในอากาศ
“หึ่ม ครั้งต่อไปข้าจะฆ่าเจ้าให้จงได้!” หลิงฮันไม่ลืมที่จะหยอกล้อซีเฉิงก่อนออกเดินทาง
ซีเฉิงโมโหและกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาต้องการที่จะขึ้นไปบนอุปกรณ์มิติแหวกเมฆาและโจมตีใส่หลิงฮํน แต่เมื่อมันเริ่มทำงาน ความเร็วของมันคือสี่เท่าของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราทั่วไป แม้ซีเฉิงจะโกรธ แต่เขาจะไล่ตามทันได้อย่างไร?
ปัง!
ซีเฉิงตกลงมาจากท้องฟ้าและลงไปในทะเล
“บัดซบ! บัดซบ!” เขาส่งเสียงสาปแช่งดังไปทั่วและจ้องมองไปที่หยางเซวียน ถ้าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เข้าไปหยุดหยางเซวียน อีกฝ่ายจะมีเวลาเตรียมอุปกรณ์เคลื่อนที่และหลบหนีได้อย่างไร?
“หึ่ม!” หยางเซวียนเองก็ไม่พอใจหลิงฮัน มันเห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของเจ้าเด็กนั่น ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย? แม้ว่าเขาจะเคยต่อสู้กับซีเฉิงมาก่อน แต่ทั้งสองคนก็แค่ปะมือกันเท่านั้นไม่ได้ถึงขั้นเอาชีวิตกัน
“ชายคนนั้นเป็นคนที่ไร้ยางอายมาก!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ชี้นิ้วไปที่หยางเซวียน และนางรู้สึกโกรธเป็นพิเศษ
ทั้งที่พวกเขาช่วยตระกูลหยางฆ่าโจรสลัด แต่ตระกูลหยางกลับปล่อยให้ซีเฉิงโจมตีหลิงฮัน แล้วนางจะไม่โกรธได้อย่างไร?
“ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องนั้นช่างมันเถอะ” หลิงฮันไม่สนใจ คนส่วนใหญ่มักจะจัดการปัญหาที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น แล้วพวกเขาจะทำงานหนักเพื่อคนแปลกหน้าได้อย่างไร? นอกจากนี้ภารกิจหลักของเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยตระกูลหยาง แต่มาเพื่อฆ่าโจรสลัดต่างหาก
สุ่ยเยี่ยนยวี่ยังคงโกรธไปอีกสักพัก นางอาศัยอยู่ในเมืองจักรพรรดิมาก่อน หากพูดการเก็บอารมณ์แล้ว นางเทียบกับหลิงฮันไม่ได้เลย
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็พูดขึ้นมาว่า “หลับตาลง”
“ทำไม?” หลิงฮันหันไปมองนาง
“ข้าบอกให้เจ้าหลับตา!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ตะโกน
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะขับไปชนอะไรเลยหรือไง?” หลิงฮันยิ้ม
“เจ้าจะหลับตาหรือไม่หลับตา?”
“ก็ได้ ในเมื่อภรรยาของข้าบอกให้หลับตา ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร!” หลิงฮันหลับตาและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีเงาดำอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นริมฝีปากที่อ่อนโยนก็สัมผัสกับริมฝีปากของเขา
หืม?
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ สุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นฝ่ายจูบเขาก่อน?
เขาลืมตาขึ้นและเห็นสุ่ยเยี่ยนยวี่กำลังหลับตาอยู่ ใบหน้าที่งดงามของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนกับแอปเปิ้ลและจูบเขาอย่างงุ่มง่าม
“ภรรยาข้า ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจที่จะมีลูกกับข้าแล้วใช่ไหม?” หลิงฮันถาม
สุ่ยเยี่ยนยวี่ทำตาขาวใส่ นางรู้สึกเร่าร้อนเพราะเมื่อนางนึกถึงตอนที่หลิงฮันตบหน้าซีเฉิง มันจะมีจอมยุทธระดับภูผาวารีคนใดบ้างที่สามารถตบหน้าจอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้?
เพียงแค่คิดถึงฉากนั้นก็ทำให้นางเกิดความรู้สึกแปลกๆที่หลั่งออกมาจากร่างกาย แล้วทำให้นางอยากจะกอดหลิงฮันให้แน่นเพื่อเอาชนะชายคนนี้
แต่เจ้ากลับทำให้เสียบรรยากาศเนี่ยนะ?
“ภรรยาข้า ข้าจะสอนวิธีการจูบให้กับเจ้าเอง” หลิงฮันเริ่มเป็นฝ่ายรุก
“อ๊า!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่งเสียงครางและวางมือลงบนหน้าอกของหลิงฮัน หากนางจะผลักเขาออกไปนางก็สามารถทำได้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้นางจะสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดไป แล้วจากนั้นมือของนางก็พันคอหลิงฮันแน่นราวกับอสรพิษ
ชายคนนี้สามารถทำให้นางเร่าร้อนได้ง่าย
“เจ้าคนอันธพาล!” นางบ่น “ข้าเกลียดเจ้า!”
“ทำไมเจ้าถึงเกลียดข้า?” หลิงฮันกัดหูของนางและมือทั้งสองข้างของเขาก็ลูบคล้ำเนินอกที่สูงชันทั้งสองลูกอย่างมีความสุข
“ข้าเกลียดเจ้า เพราะเจ้าทำให้ข้าต้องเป็นห่วงอยู่เสมอ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กัดไหล่ของหลิงฮัน แต่ผิวของหลิงฮันนั้นหนาและแกร่งเกินไป มันไม่ใช่อะไรที่นางจะกัดเข้า
หัวใจของหลิงฮันรู้สึกหวั่นไหว นี่นางกำลังบอกความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองออกมา? เขาใช้มือจับไปที่ใบหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่และพูดจาอ่อนโยนว่า “ข้าจะปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของข้า!”
“หึ่ม ไม่ใช่ว่าเจ้ามีสตรีที่อยู่ข้างกายสองคนแล้วหรอกรึ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลิงฮันหัวเราะกลบเกลื่อน
เขารีบหยุดพูดถึงเรื่องนั้นทันทีและตอบกลับอย่างชาญฉลาดว่า “พวกเราไปฆ่าพวกโจรสลัดต่อกันเถอะ”
สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกประหลาดใจ นี่เขาเปลี่ยนเรื่องพูดง่ายดายขนาดนี้เชียว? นี่นางตกหลุมรักคนแบบนี้จริงๆงั้นรึ?
ทั้งสองคนขี่อุปกรณ์เคลื่อนที่แหวกเมฆาและเดินทางไปรอบๆมหาสมุทรดารา เมื่อพวกเขาพบเจอโจรสลัดกลุ่มเล็กๆ พวกเขาก็ตรงดิ่งเข้าไปฆ่าพวกมันทันที และเมื่อพวกเขาพบกลุ่มโจรสลัดกลุ่มใหญ่ที่มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา พวกเขาก็จะเลี่ยงการปะทะและหลบหนีไป ซึ่งทำให้พวกโจรสลัดรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
ในช่วงสิบวันที่ผ่านมามีโจรสลัดที่ถูกทั้งสองคนฆ่าตายมากกว่าร้อยศพ
ระหว่างการต่อสู้ในที่สุดสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นกลาง!
แน่นอนว่าที่นางทะลวงผ่านได้เป็นเพราะนางได้รับผลึกภูผาวารีหลายก้อน ทำให้นางสามารถสะสมพลังปราณได้อย่างรวดเร็ว บวกกับหลิงฮันยังให้เม็ดยาแก่นางอยู่เสมอ จึงทำให้นางทะลวงผ่านได้ในเวลาอันสั้น
ตอนที่ 1045
หลังจากสุ่ยเยี่ยนยวี่ผ่านสายฟ้าสวรรค์จากการทะลวงผ่านระดับได้ หลิงฮันตัดสินใจเดินทางกลับ
พวกเขาล่าโจรสลัดได้มากพอแล้ว กลุ่มโจรสลัดมีปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราคอยควบคุมอยู่ ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่กล้าลงมือให้เอิกเกริกไปมากกว่านี้ เพราะอย่างไรพลังของระดับภูผาวารีกับระดับสุริยันจันทราก็ต่างกันเกินไป
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ใช่หลิงฮัน นางไม่มีกายหยาบที่ทนทาน สายฟ้าสวรรค์ยากลำบากไม่น้อยสำหรับนาง ถึงแม้นางจะผ่านไปได้ แต่ตามตัวก็ปรากฏรอยเผาไหม้ที่สาหัส
นี่ขนาดหลิงฮันให้นางยืมหินกำเนิดสวรรค์ไปแล้ว หากไม่ได้หินกำเนิดสวรรค์ช่วย สภาพของนางคงจะย่ำแย่กว่านี้
แต่ผลลัพธ์จากการทะลวงผ่านก็ถือว่าน่าพึงพอใจ
จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางจะได้รับอายุขัยเพิ่มขึ้นสองแสนปี นั่นหมายความว่านางจะไม่มีร่องรอยของความแก่ชราไปอีกอย่างน้อยห้าหมื่นหรือหกหมื่นปี รูปลักษณ์ของนางจะดูเหมือนกับรุ่นเยาว์อายุยี่สิบปี
สำหรับสตรีที่งดงาม นี่คือของขวัญที่ดีที่สุดจากการบ่มเพาะพลัง
ด้วยพรสวรรค์ของนางและเม็ดยาจากหลิงฮัน บางทีในอีกหลายร้อยหรือพันปี นางคงจะสามารถบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด เมื่อถึงตอนนั้นความชราของนางก็จะถูกเลื่อนไปอีกหลายหมื่นปี
ความรู้สึกดีใจที่แก่ช้าลงมีมากกว่าดีใจที่แข็งแกร่งขึ้นเสียอีก หลิงฮันรู้สึกว่าบุรุษกับสตรีนั้นคิดต่างกันจริงๆ เขาอดที่จะมองไปยังกระจกไม่ได้
“อืม หน้าดูอ่อนกว่าอายุ” หลิงฮันถอนหายใจ เขาที่ชีวิตที่แล้วมีอายุเกินกว่าสองร้อยปี ถึงแม้เขาจะยังห่างไกลกับคำว่าชรา แต่ตอนนี้เขากลับดูเหมือนรุ่นเยาว์ที่อายุราวๆยี่สิบห้ายี่สิบหก
“เจ้าจะเหน็บว่าข้าแก่งั้นรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถลึงตาใส่เขา
“โอ้ ภรรยาข้า เจ้ามีส่วนใดที่แก่ชรากัน ผิวของเจ้านั้นอ่อนเยาว์เกินจะบรรยาย” หลิงฮันเรียนก็รู้วิธีประจบมาบ้าง
ทั้งสองกลับไปยังเมืองจักรพรรดิ
พวกเขาไม่เร่งรีบ หลิงฮันหลอมเม็ดยาไข่มุกนภาเอาไว้มากมาย เมื่อเขากลับไปเมืองจักรพรรดิเขาก็จะขายพวกมันและเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบในการหลอมเม็ดยาระดับสาม
ยิ่งเม็ดมีระดับสูงขึ้น เวลาที่จะต้องหลอมก็เพิ่มขึ้นตาม แม้จะฟังดูง่ายแต่ก็มีนักปรุงยาเพียงกลุ่มน้อยที่สามารถทำได้ ในช่วงชีวิตของนักปรุงยาส่วนใหญ่นั้นสามารถหลอมได้เพียงเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งและขั้นสองเท่านั้น
ดังนั้นตั้งแต่เม็ดยาระดับสามขึ้นไป ราคาของมันจึงพุ่งขึ้นสูงมาก
พวกเขาใช้เวลาราวๆครึ่งเดือนในการกลับเมืองจักรพรรดิและผ่านประตูเมืองด้วยสถานะของศิษย์สำนักนภาสีชาด สุ่ยเยี่ยนยวี่กลับไปยังตระกูลสุ่ยก่อนถึงถึงค่อยไปรายงานสำนักว่านางทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นกลางแล้วเพื่อที่จะย้ายไปพักยังส่วนกลางของสำนัก
หลิงฮันเองก็กลับไปยังสำนักแล้ว
เขานั้นทำตัวไม่โดดเด่นอะไร แต่หลังจากเหตุการณ์ต่างๆในสำนักนภาสีชาดและเมืองจักรพรรดิ เขาจะยังเรียกว่าไม่โดดเด่นอีกรึ? ในวันรุ่งขึ้นมีคนมากมายมาหาเขาในยามเช้า
อย่างเช่นหลีเหว่ยเหว่ย หลินยู่ หม่าซิงและสหายเก่า บางคนเองก็ต้องการชื่อเสียงและมาท้าประลองเขา
“ท้าประลองกับข้า? ย่อมได้ แต่ค่าธรรมเนียมคงต้องแพงเสียหน่อย” หลิงฮันยิ้ม
“ไม่ใช่ว่าแค่สิบผลึกก่อเกิดหรอกรึ?” เหล่าผู้ท้าประลองถาม
“นั่นมันตอนที่ข้ายังไม่มีชื่อเสียง ค่าธรรมเนียมถึงได้ต่ำ แต่ตอนนี้มันต่างกัน ไม่งั้นพวกเจ้าก็คงไม่ต้องมาต่อแถวท้าประลองข้าเช่นนี้หรอกใช่ไหมล่ะ? ถ้าพวกเจ้าไม่มีเงินก็อย่ามารบกวนข้า เตรียมผลึกก่อเกิดไว้หนึ่งหมื่นก้อนแล้วต่อแถวกัน จักรพรรดิน้อย เจ้าเป็นคนทำหน้าที่นับจำนวน” หลิงฮันกล่าวกับจักรพรรดิจอมอสูร
“โบร๊วว!” จักรพรรดิจอมอสูรตอนนี้สิงอยู่ในร่างหมาป่า มันจึงตอบรับด้วยเสียงหอน
ทุกคนโมโหทันที บางคนถึงขั้นบุกเข้าไปเพื่อเริ่มการประลองทันที แต่พวกเขาก็ถูกจักรพรรดิจอมอสูรขวางเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย จักรพรรดิอสูรในตอนนี้มีพลังต่อสู้ระดับภูผาวารีขัน้สูงสุดชั้นปลาย ในสำนักมีเพียงศิษย์แค่หยิบมือที่สามารถโค่นเขาได้
“เจ้าทึ่ม หลายวันมาที่เจ้าไปทำอะไรมา เจ้ายังเห็นเจ้านายเช่นข้าอยู่ในสายตารึไม่?” หลีเหว่ยเห่วยกล่าวอย่างอวดดีและพาดแขนกอดอก
น่าเสียดายที่หน้าอกของนางเล็กไปหน่อย แม้มันจะมีเสน่ห์แต่ก็ยังไม่สุดอยู่ดี
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ยินดีด้วยที่ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลีเหว่ยเหว่ยก็มีความสุขและกล่าว “ไม่ใช่แค่นั้น คุณหนูผู้นี้ยังดูดซับผลึกภูผาวารีจนบรรลุระดับกลางขั้นต้นแล้วด้วย!” นางก็ชะงักไป “เพียงแต่ว่าข้ายังไม่เข้าใจเกี่ยวกัลพลังของระภูผาวารีแม้แต่น้อย”
“ไม่ต้องกังวล จะอย่างไรเจ้าก็ทะลวงผ่านระขั้นต้นชั้นสูงสุดมาแล้ว เจ้าค่อยๆนึกย้อนทำความเข้าใจไปก็ได้ เจ้าที่ขั้นพลังสูงขั้นต้นความยากย่อมน้อยลง” หลิงฮันปลอบใจ
หลี่เหว่ยเหว่ยจ้องไปที่เขาและกล่าว “เจ้าหมายความว่าคุณหนูผู้นี้โง่เกินไปจนทำความเข้าใจพลังตั้งแต่ขั้นต้นไม่ได้งั้นรึ?”
“เอาเถอะ!” หลีเหว่ยเหว่ยเปลี่ยนสีหน้าทันควันและกล่าว “ข้าจะบอกข่าวร้ายกับเจ้า จ้าวหลุนทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราแล้ว!”
“รวดเร็วเช่นนั้น!” หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย ต่อให้เป็นอัจฉริยะเช่นจ้าวหลุนแต่แค่กสนทะลวงผ่านขั้นพลังเล็กเขาก็ต้องใช้เวลาเป็นสิบปี ดังนั้นหากจะทะลวงระดับพลังหลักยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีก
เหตุใดเขาถึงทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราได้รวดเร็วเช่นนี้?
นี่มันไร้เหตุผลเป็นอย่างยิ่ง
“จากที่ได้ยิน ดูเหมือนจอมพลจ้าวจะพบเจอเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงจากโบราณสถานที่เขาไปสำรวจ ด้วยเหตุผลนี้จอมพลจ้าวจึงบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดที่จักรพรรดินียังตกใจ” หลีเหว่ยเหว่ยกล่าว
หลิงฮันแตะคางครุ่นคิด ข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวดีเลยจริงๆ
ตอนที่ 1046
หลิงฮันตัดสินใจเลิกคิดปัญญาวุ่นวายไปก่อนและเริ่มทำตามแผนที่ตั้งไว้
เขาต้องการขายเม็ดยาไข่มุกนภา
เรื่องนี้แน่นอนว่าเขาต้องพึ่งหลีเหว่ยเหว่ย
หากเขาเป็นคนนำไปขายเองคงไม่พ้นถูกคนอื่นกดราคาเพราะไม่มีเบื้องหลัง แต่หากหลีเหว่ยเหว่ยเป็นคนนำไปขาย ใครกันจะกล้ากดราคากับลูกสาวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย
ต่อให้เขาต้องแบ่งรายได้ให้กันหลีเหว่ยเหว่ยมันก็ยังคุ้มกว่าอยู่ดี
หลีเหว่ยเหว่ยติดใจรสชาติของการหาเงินแล้ว แน่นอนว่านางรับปากทำหน้าที่นี้ด้วยความยินดี แต่เมื่อนางเห็นเห็นจำนวนของเม็ดยาไข่มุกนภานางก็อดอุทานออกมาไม่ได้ “นี่เจ้าไปขโมยเม็ดยามาจากตระกูลนักปรุงยาไหนกัน?”
จำนวนมันมีมากเกินไป ขนาดร้านขายเม็ดยาทั่วไปก็อาจจะไม่มีเม็ดยาไข่มุกนภาจำนวนขนาดนี้
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ส่วนแบ่งของข้าแปดส่วนของเจ้าสองส่วนเป็นอย่างไร?”
หลีเหว่ยเหว่ยพยักหน้าด้วยความยินดี มูลค่าของเม็ดยานั้นแพงกว่าวัตถุดิบไม่รู้กี่เท่า ต่อให้เป็นส่วนแบ่งแค่สองส่วนมันก็ยังทำให้นางตื่นเต้นได้
หลิงฮันก็ได้พูดคุยกับหลิงยู่และหม่าซิงด้วยเช่นกัน พวกเขายังคงอยู่ในระดับทลายมิติ ถ้าพวกเขาไม่ขัดเกลาพลังต่อสู้ให้ถึงยี่สิบดาวพวกเขาก็จะไม่ทะลวงผ่านไปยังระดับพระเจ้า แม้พวกเขาทั้งสามจะเข้าร่วมสำนักนภาสีชาดพร้อมกัน แต่มีแค่พวกเขาที่ยังอยู่ที่เดิมในขณะที่หลิงฮันบรรลุระดับภูผาวารีขั้นกลางแล้ว
ทำไมความห่างของพวกเขาถึงได้กว้างขนาดนี้?
หลีเหว่ยเหว่ยทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อเงินแล้วคุณหนูผู้นี้เต็มใจยอมเหนื่อย ภายในเวลาเพียงแค่สามวันหลิงฮันก็ได้รับรายได้ถึงสามล้านผลึกก่อเกิด ต่อให้ต้องแบ่งแปดต่อสองส่วน เงินที่หลิงฮันได้รับก็ยังมากกว่าสองล้านผลึกก่อเกิดอยู่ดี
เขาเหลือผลึกก่อเกิดไว้สำหรับบ่มเพาะพลังเพียงเล็กน้อยและใช้ผลึกก่อเกิดที่เหลือไปซื้อวัตถุดิบสำหรับหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม เม็ดยาเวหาสีคราม
การหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามด้วยระดับพลังบ่มเพาะภาวารีขั้นกลางนั้นค่อนข้างลำบาก แต่หลิงฮันที่มีหอคอยทมิฬย่อมไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิของเปลวเพลิง และด้วยจิตวิญญาณที่ทรงพลังเหนือกว่าจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางทั่วไปทำให้เขาสามารถหลอมเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามได้
การหลอมครั้งแรกจบลงด้วยความล้มเหลว
วัตถุตดิบมูลค่ากว่าสองล้านผลึกก่อเกิดเพียงแค่หนึ่งเดือนเขาก็ใช้พวกมันไปกว่าเก้าส่วน แต่ในความผิดพลาดที่ผ่านมาหลิงฮันก็จับเคล็ดบางอย่างได้
อืม ถ้าหลอมล้มเหลวซักร้อยกว่ารอบคงจะหลอมเม็ดยาสำเร็จได้
นี่มันการเผาผลาญเงินชัดๆ
หลิงฮันปวดหัวทันทีเนื่องจากวัตถุดิบมูลกว่าสองล้านผลึกก่อเกิดไม่เพียงพอและเขาก็ใกล้จะถึงความสำเร็จแล้ว
“เงินไม่พอ!” หลิงฮันเกาหัวและเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาได้เงินกว่าสองล้านผลึกก่อเกิดมาเมื่อไม่นานนี้ไม่ใช่รึ ทำไมเขาถึงได้กลับมาจนอีกแล้ว?
……
“นายน้อย!” เบื้องหน้าจ้าวหลุน มีสตรีที่งดงามคนหนึ่งยืนอยู่ หากมองนางให้ดีนางมีส่วนที่คล้ายคลึงกับสุ่ยเยียนยวี่ แต่ถึงจะคล้ายนางก็ยังมีหลายส่วนที่ด้อยกว่า
จ้าวหลุนมองไปยังคลื่นของทะเลสาปและโคจรทักษะบางอย่างที่ราวกับมีงูทองคำหลายพันตัวกำลังเลื้อยคลานไปพร้อมๆกัน
เขาฝึกฝนทักษะลับโบราณที่สามารถเรียนรู้การเคลื่อนไหวของสายน้ำและกฎของธรรมชาติได้
“มีอะไร?” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“หลิงฮันและคุณหนูสุ่ยกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” สตรีที่งดงามกล่าว ชื่อของนางชื่อหยังลั่วตัน
ใบหน้าที่สงบนิ่งของจ้าวหลุนบิดเบี้ยวทันทีและเผลอกำมืออย่างโกรธแค้น เหตุการณ์ที่พ่ายแพ่ให้กับหลิงฮันนั้น ต่อให้เป็นเพราะเขาถูกลดพลังบ่มเพาะลงก็ตาม มันก็ยังเป็นมลทินที่ไม่อาจลบไปจากชีวิตของเขา
“ไอ้ตัวไร้ประโยชน์สองคนนั่น ภารกิจแค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ!” จ้าวหลุนเค้นเสียง ตอนนี้หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่กลับมาแล้วและจั่วเซียวและฟานหยงก็หายตัวไป พวกเขาคงหนีไม่พ้นถูกหลิงฮันสังหารแล้วเป็นแน่
จ้าวหลุนไม่เข้าใจเลย ทั้งสองคนมีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดแท้ๆ แถมก็ยังมีพลังต่อสู้ราวๆสองสามดาว บวกกับสมบัติที่เขาให้ทั้งสองไปแล้วเหตุใดยังล้มเหลวในการสังหารหลิงฮัน?
แค่มดปลวกที่เปิดสวรรค์และได้รับวาสนาจากสวรรค์และปฐพี… พวกเจ้าสังหารไม่ได้รึไง?
“อย่าบอกว่าจะต้องให้ข้าเป็นคนลงมือเอง?” จ้าวหลุนเกรี้ยวกราด เบื้องหลังของเขามีดวงอาทิตย์สีแดงปรากฏอยู่ ถึงแม้ขนาดของมันจะเล็กแต่ในด้านของพลังแล้วมันแข็งแกร่งจนระดับภูผาวารีไม่อาจเทียบได้
มดปลวกจากโลกใบเล็กนั่นตอนนี้เป็นคนของราชินีที่เก้า ใครกันจะกล้าลงมือกับหลิงฮันตรงๆ? คนที่กล้าทำเช่นนั้นไม่หวาดกลัวความเกรี้ยวกราดของราชินีที่เก้ารึไง? ไม่ต้องพูดถึงจ้าวหลุนเลย ต่อให้เป็นผู้อาวุโสจ้าวเองก็ไม่กล้า
“นายน้อย ไปจ้างวานคนของสมาคมราตรีนิรันดร์เป็นอย่างไร?” หยังลั่วตันเอ่ยแนะนำ
จ้าวหลุนคำรามออกมาทันที “บังอาจ!”
สมาคมราตรีนิรันดร์เป็นศัตรูอย่างเปิดเผยของสามจักรพรรดิราชวงศ์ จ้าวหลุนที่เป็นบุตรของแม่ทัพนั้นหากมีข่าวรั่วไหลว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาคมราตรีนิรันดร์และจักรพรรดินีรู้เข้า เขาจะต้องถูกประหารแน่นอน
หยังลั่วตันรีบคุกเข่าและกล่าว “นายน้อยโปรดเมตตา!”
……
หลิงฮันใช้วัตถุดิบที่มีอยู่จนหมด ตอนนี้เขาหมดตัวแล้ว หากต้องการหลอมเม็ดยาต่อเขาต้องหาเงินเพิ่ม
ตั้งแต่กลับมาตอนนี้เวลาก็ผ่านไปห้าเดือนแล้ว
สำหรับจอมยุทธห้าเดือนไม่ต่างอะไรกับการกระพริบตา ระยะเวลาเท่านี้หากเป็นในมุมมองของคนทั่วแล้วก็แค่หนึ่งวัน
แต่เวลาเท่านี้นั้นสำหรับหลิงฮันแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
เม็ดยาเวหาสีครามถูกหลอมสำเร็จแล้ว แถมพลังบ่มเพาะของเขาก็ยังเพิ่มเป็นระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นปลายแล้วด้วย
ตอนที่ 1047
เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ทุกระดับนั้นมีราคาแพงมาก
มีเพียงแค่เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งและสองเท่านั้นที่มีจำนวนมาก ดังนั้นเม็ดยาทั้งสองระดับจึงมีราคาค่อนข้างถูกกว่า แต่หลังจากที่เป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขึ้นไป มันจะมีราคาแพงเกินจนไม่มีปัญญาซื้อ
ถ้าเป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งและสอง จอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วไปก็สามารถซื้อได้ แต่ถ้าเป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามมันจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งทันที
เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามราคาถูกที่สุดคือหนึ่งพันผลึกก่อเกิด แต่ยากที่จะดูดซับ ดังนั้นราคาเริ่มต้นสองพันผลึกก่อเกิดนั้นถือว่าไม่ผิดปกติ เม็ดยาเวหาสีคราม
เม็ดยาเวหาสีครามเป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ซึ่งยากต่อการหลอมขึ้นมา และอัตราสำเร็จอยู่ในระดับต่ำมาก ดังนั้นนักปรุงยาระดับสามจึงไม่ชอบหลอมเม็ดยาเวหาสีครามมากนัก แล้วถึงแม้ว่านักปรุงยาระดับสี่จะหลอมขึ้นมาได้ แต่ในเมื่อเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่มีราคาแพงกว่า แล้วพวกเขาจะหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามไปทำไม?
ดังนั้น เมื่อหลิงฮันสามารถหลอมเม็ดยาเวหาสีครามได้จำนวนมาก ความมั่งคั่งมหาศาลก็จะหลั่งไหลเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้เขาคิดจะเปิดร้านขายเม็ดยาเป็นของตัวเอง
ถึงแม้เขาจะนำเม็ดยาที่หลอมขึ้นมาเองขายให้กับร้านขายเม็ดยาได้โดยตรง แต่ก็ต้องเสียส่วนแบ่งให้กับร้าน ซึ่งไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
เขาบอกเรื่องนั้นให้กับหลี่เหว่ยเหว่ยฟัง แต่ดูเหมือนว่าหลี่เหว่ยเหว่ยจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเปิดร้านขายเม็ดยาเท่าไหร่นัก เพราะนางเกลียดปัญหา
หลิงฮันจึงหันไปพูดคุยกับสุ่ยเยี่ยนยวี่แทน
ตระกูลสุ่ยไม่เคยยอมรับตัวตนของเขา แม้ว่าหลิงฮันจะไม่สนใจความคิดเห็นของตระกูลสุ่ยก็ตาม แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่เหมือนกับเขาเพราะนางเป็นคนตระกูลสุ่ย ดังนั้นเขาจึงต้องยอมอ่อนข้อ
หากเขาเปิดร้านขายเม็ดยา เขาก็จะมีสินสอดหมั้น แล้วการต่อต้านของตระกูลสุ่ยก็จะน้อยลง
สุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นคนฉลาด นางคาดเดาได้ทันทีว่าหลิงฮันตั้งใจจะทำอะไร ซึ่งแน่นอนว่านางเห็นด้วย และนางเป็นฝ่ายเริ่มจูบเขาทันทีเพื่อตั้งหน้าตั้งตารอ
หลิงฮันบอกว่าจะทำมัน เขาจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน
ถ้าเขามีทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ในมือ เขาก็จะสามารถทำธุรกิจในเมืองจักรพรรดิได้ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่าตอนนี้เขามีสถานะพิเศษอยู่หรอกหรือ ใครจะไม่รู้ว่าราชินีที่เก้าให้การสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง?
หลังจากเลือกทำเลที่ตั้งแล้วต่อไปคือการตกแต่งและรับสมัครคน
แต่ในขณะนั้นเอง หลิงฮันก็ประสบกับปัญหา
ปัญหาคือไม่มีใครสมัครมาแม้แต่คนเดียว!
หลิงฮันจึงหาสาเหตุ แล้วก็พบว่ามันเป็นเพราะจ้าวหลุนและซาหยวนที่ร่วมมือกันและสั่งว่าห้ามใครไปสมัครทำงานในร้านของเขา
พวกเขาเป็นทายาทของแม่ทัพทั้งสองคน แล้วใครจะไม่กล้าเชื่อฟังคำพูดของพวกเขา?
ถึงแม้หลิงฮันจะได้รับความโปรดปรานจากราชินีที่เก้า แต่ราชินีที่เก้าจะเคลื่อนไหวจะทำอะไรได้?
ดังนั้น แม้ว่าหลิงฮันจะเสนอเงินตอบแทนที่สูงมากให้ แต่ก็ไม่มีใครกล้ามาสมัคร
เมื่อเป็นเช่นนั้น หลิงฮันจึงหันไปรับสมัครผู้คนในสำนักแทน
คราวนี้เงื่อนไขที่เขาเสนอให้สูงขึ้นมาก – ถ้าใครทำงานในร้านของเขาจะได้รับเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ทุกเดือน
เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งสิบเม็ด! เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสองห้าเม็ด! เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามหนึ่งเม็ด!
ด้วยวิธีนี้จึงมีคนตอบรับข้อเสนอของเขาเยอะมาก
เป้าหมายหลักของพวกเขาคือเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม แม้ว่าจะได้รับเดือนละหนึ่งเม็ดก็ตาม
หลิงฮันสรรหาคนได้ทั้งหมดสิบคนและแบ่งพวกเขาออกเป็นสองกะ
ด้วยเหตุนี้ร้านขายเม็ดยาของเขาก็จะเปิดทำการได้สักที แต่หลิงฮันได้เปลี่ยนวิธีการขาย เขาจะขายเม็ดยาเวหาสีครามแค่ห้าเม็ดต่อวันเท่านั้น และหนึ่งคนต่อหนึ่งเม็ด
นั่นเป็นเพราะหลิงฮันสามารถหลอมเม็ดยาเวหาสีครามได้แค่สิบเม็ดต่อวันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการปรุงยาหลิงฮันไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเขาจะขาดแคลนพลังปราณ ที่เขาขาดแคลนคือความเข้าใจใจพลังแห่งกฎเกณฑ์
การปรุงยาเป็นกระบวนการของความเข้าใจ
เพราะสมุนไพรเติบโตขึ้นโดยการดูดซับพลังปราณแห่งสวรรค์และปฐพี กระบวนการปรุงยานั้นเชื่อมโยงกับอักขระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของพลังแห่งกฎเกณฑ์ ยิ่งเขาหลอมเม็ดยามากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งมีความเข้าใจพลังแห่งกฎเกณฑ์มากขึ้นเท่านั้น
“ดั่งคำพูดที่เรียกว่า พลังแห่งกฎเกณฑ์ทั้งหมดบนโลกมารวมกันในวิธีการที่แตกต่างกัน” หลิงฮันพยักหน้า
อย่างไรก็ตามการปรุงยานั้นขึ้นอยู่กับความเข้าใจ ส่วนทักษะหรือเทคนิคลับอะไรพวกนั้นจะต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง
ดังนั้น นอกเหนือจากการปรุงยาแล้ว หลิงฮันจะยังนำพลังทั้งหมดของเขาไปฝึกฝนทักษะบัญญัติดาบเร็ว
ทักษะบัญญัติดาบเร็วถูกสร้างขึ้นโดยเซียนดาบไร้พ่าย มันเป็นทักษะลับชั้นสูงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อเขาสามารถฝึกฝนทักษะบัญญัติดาบเร็วได้ แน่นอนเขาจะไม่ปล่อยโอกาสนั้นไปเด็ดขาด
……
“พี่หลุน ข้านึกออกแล้วว่าจะสังหารหลิงฮันยังไงดี” ในคฤหาสน์แม่ทัพจ้าว หยังลั่วตันอยู่ในอ้อมแขนของจ้าวหลุน “นั่นคือจ้างมือสังหารจากสมาคมราตรีนิรันดร์ ทั้งที่เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราก็ยังคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลาง”
“ยิ่งไปกว่านั้น เขามีทักษะลับติดตัวอยู่ด้วย เมื่อใดที่เขาใช้ทักษะลับนั่น มันจะทำให้พลังต่อสู้ของเขากลายเป็นระดับสุริยันจันทรา แต่เขาจะมีชีวิตอยู่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
“ให้เขาไปฆ่าหลิงฮัน หลังจากฆ่าหลิงฮันแล้ว เขาจะตายในไม่ช้าแล้วความลับของเราก็จะไม่ถูกเปิดเผยแม้แต่น้อย”
หยังลั่วตันยิ้มอย่างชั่วร้าย นางอยากเป็นนายหญิงของคฤหาสน์แม่ทัพ แน่นอนว่านางจะต้องฆ่าหลิงฮันให้ได้ มิฉะนั้นจะเป็นความอัปยศของจ้าวหลุนและนาง
จ้าวหลุนถอนหายใจและคิดไตร่ตรองอยู่สักครู่ และพูดว่า “มันจะไม่หลงเหลืออะไรแน่รึ?”
“ไม่ ข้าจะเปลี่ยนโฉมหน้าและกลิ่นอาย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้คนในสมาคมราตรีนิรันดร์จะตระหนักถึงตัวตนของข้า” หยังลั่วตันกล่าว
“ก็ได้ ให้เขาเป็นคนกำจัดหลิงฮัน!” จ้าวหลุนพยักหน้าเห็นด้วย ในเมืองจักรพรรดิเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าหลิงฮัน แม้แต่สมาคมราตรีนิรันดร์ก็ยังหาโอกาสไม่ได้
“แต่ว่าค่าจ้างที่สมาคมราตรีนิรันดร์เรียกร้องคือสามแสนผลึกก่อเกิด” หยังลั่วตันพูดด้วยความลังเล
“สามแสน!”
แม้แต่บุตรชายของแม่ทัพจ้าวอย่างจ้าวหลุนก็ยังรู้สึกตกใจ แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ของตัวเองลงและพูดว่า “ตกลง! ตราบใดที่สามารถฆ่าหลิงฮันได้ ข้าจะจ่ายสามแสนผลึกก่อเกิด! แต่ที่ข้าจ่ายไปเพื่อซื้อชีวิตของหลิงฮัน ถ้าทำไม่ได้ข้าจะขอเงินคืน”
“พี่หลุนช่างฉลาดยิ่งนัก!” หยังลั่วตันกล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง นางจะไม่ทราบความคิดของจ้าวหลุนได้อย่างไร แต่ที่จ้าวหลุนไม่รู้คือนางจะปลอมตัวเป็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ไปที่สมาคมราตรีนิรันดร์ ความคล้ายคลึงกันระหว่างพวกนางทั้งสองคน คนอื่นจะต้องเข้าใจผิดว่านางเป็นสุ่ยเยี่ยนยวี่อย่างแน่นอน
เมื่อหลิงฮันตายและสืบสาวพบว่าเป็นฝีมือของสมาคมราตรีนิรันดร์ ความผิดทั้งหมดก็จะตกมาอยู่ที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ นี่เป็นเหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้ตกสองตัว
นางไม่ต้องการเป็นตัวสำรอง!
ตอนที่ 1048
ช่วงนี้เมืองจักรพรรดิมีคนที่โดดเด่นปรากฏตัว
คนคนนี้มีชื่อว่าหวูซื่อเหริน เขามีพลังบ่มเพาะเพียงระดับภูผาวารีขั้นกลาง แต่สามารถประลองชนะสังเวียนเหล็กติดต่อกันได้ถึงสิบเก้าครั้ง ทำให้โด่งดังไปทั่วเมืองจักรพรรดิ
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีคนชนะการประลองของสังเวียนเหล็ก แต่การจะชนะสามครั้งติดต่อกันก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว เพราะว่าเมื่อชนะติดต่อกันสามครั้ง สังเวียนเหล็กก็จะส่งปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งมาเพื่อหยุดยั้งการชนะรวด
ไม่มีใครที่เป็นข้อยกเว้น ต่อให้จ้าวหลุนหรือชาหยวนมาประลอง พวกเขาก็ไม่มีทางได้สิทธิพิเศษใดๆเมื่ออยู่บนสังเวียนเหล็ก
ยิ่งกว่านั้นการประลองบนสังเวียนเหล็กนั้นเป็นการประลองที่โหดเหี้ยม หากจะต้องทิ้งชีวิตไว้บนสังเวียนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ในรอบหนึ่งปีจะมีคนที่ชนะติดต่อกันสิบครั้ง ในรอบร้อยปีจะมีคนชนะติดต่อกันสิบห้าครั้ง และมีเพียงในรอบพันปีเท่านั้นถึงจะมีอัจฉริยะที่สามารถชนะติดต่อกันยี่สิบครั้งปรากฏตัว
หวูซื่อเหรินผู้นี้ชนะติดต่อกันมาสิบเก้าครั้งแล้ว แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ต้องโด่งดังไปทั่วเมืองจักรพรรดิ
ตอนนี้หวูซื่อเหรินจงใจท้าทายหลิงฮันบนสังเวียนเหล็กเพื่อใช้เขาเป็นหินรองเท้าขึ้นไปยังชัยชนะครั้งที่ยี่สิบ
ภายในพริบตา เมืองจักรพรรดิก็คึกครื้นขึ้นมาทันที
หลิงฮันโด่งดังมาจากการประลองที่สังหารไป๋หยวนซื่อและชนะจ้าวหลุนในระดับพลังที่เท่ากัน ตอนนี้หลิงฮันได้กลายเป็นราชาในหมู่คนรุ่นเยาว์ไปเรียบร้อยแล้ว
หวูซื่อเหรินจะช่วงชิงตำแหน่งของหลิงฮันมาได้รึไม่?
การประลองยังไม่ทันเริ่มก็มีการพนันกันแล้ว
การพนันนั้นไม่ใช่การพนันว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะแต่เป็นการพนันว่าทั้งสองจะสามารถโนศัตรูได้ในกี่กระบวนท่า และเนื่องจากทั้งสองคนแข็งแกร่งเกินจะคาดเดาแถมพลังของหวูซื่อเหรินก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าหลิงฮันอัตราต่อนองจึงสูงอย่างยิ่ง
สังเวียนเหล็กในตอนนี้ครึกครื้นมาก หลิงฮันนั้นมีข้อตกลงในการรับการประลองว่าตราบใดที่อีกฝ่ายจ่ายค่าธรรมเนียมให้เขาสองหมื่นผลึกก่อเกิดเขาก็จะรับคำท้า และถ้าเขาเป็นฝ่ายชนะก็ต้องให้เขาเพิ่มอีกหนึ่งแสนผลึกก่อเกิด
เพราะงั้นหลิงฮันจึงอดไม่ได้ที่จะสนใจรับคำท้า
เขาลองคำนวณดูแล้ว ตอนนี้เขามีรายได้อยู่ที่ราวๆวันละหนึ่งหมื่นผลึกก่อเกิด แต่ถ้าเขารับคำท้าเขาก็จะได้ค่าธรรมเนียมถึงสองหมื่นซึ่งเป็นสองเท่าของรายได้ต่อวัน ไม่ต้องกล่าวถึงที่ว่าหากเขาชนะเขาจะได้เพิ่มอีกถึงหนึ่งแสนผลึกก่อเกิด
เพียงแต่ว่าเป็นเพราะเขาไม่คุ้นเคยกับหวูซื่อเหรินทำให้ไม่รู้พลังของอีกฝ่าย จึงไม่สามารถพนันได้ว่าเขาจะชนะได้ภายในกี่กระบวนท่า
เรื่องชนะน่ะเขามั่นใจแน่นอนว่าชนะ แต่ไม่รู้ว่าจะภายในกี่กระบวนท่า
…เขาไม่ต้องการเปิดเผยทักษะบัญญัติดาบไว
เมื่อข่าวที่ว่าเขารับเข้าท้าประลองรั่วออกไป เมืองจักรพรรดิก็เดือดเป็นไฟ ทุกคนต้องการซื้อบัตรเข้าชมการประลอง โดยการจะหาบัตรนั้นยากลำบากมาก มีคนกล่าวว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะทางสังเวียนเหล็กจงใจกั๊กบัตรไว้เพื่อเพิ่มราคา
“เจ้าโง่ นี่เจ้าลืมคุณหนูผู้นี้ไปแล้วรึไง?” หลีเหว่ยเหว่ยมาหาเขาทันที
หลิงฮันหัวเราะ “นี่เจ้าเสพติดการพนันไปแล้ว? ครั้งก่อนเจ้าชนะพนันไปเยอะขนาดนั้นไม่กลัวว่าคนอื่นจะไม่ต้อนรับเจ้ารึไง?”
“ฮึ คุณหนูผู้นี้เป็นคนลงพนันเอง ใครจะกล้าไม่รับข้า?” หลีเหว่ยเหว่ยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “แล้วครั้งนี้ว่าอย่างไร!”
“ยังไม่รู้” หลิงฮันส่ายหัว “ข้าไม่คุ้นเคยกับชายคนนั้น”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้รึว่าหากระดับพลังเดียวกันไม่มีใครชนะเจ้าได้?” หลีเหว่ยเหว่ยและกล่าวเสียดสี
หลิงฮันพยักหน้า “ข้ามั่นใจว่าจะชนะ แต่จะชนะได้ในกี่กระบวนท่านั้นข้าไม่แน่ใจ” แน่นอนว่านี่เป็นการความคิดที่ยังไม่รวมทักษะบัญญัติดาบไวและศรฆ่ามังกรทะลวงดารา
“เห้อ ไม่สนุกเลย!” หลีเหว่ยเหว่ยส่ายหัว
หลิงฮันกล่าว “เจ้าลองสืบที่มาของหวูซื่อเหรินรึยัง? มีคนเช่นนี้อยู่จริงๆน่ะรึ?”
หลีเหว่ยเหว่ยปรบมือและกล่าว “เจ้ารอก่อน เดี๋ยวคุณหนูคนนี้จะไปสืบให้เจ้าเอง! เหอะ เจ้าควรขอบคุณด้วยนะ ที่บุตรสาวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเช่นข้าจะทำงานเพื่อเจ้า”
“แน่นอน ข้าขอบคุณเจ้ามาก!” หลิงฮันยิ้ม
หลีเหว่ยเหว่ยพึงพอใจและเดินจากไป นางทำงานได้รวดเร็วมาก ไม่สิ จะกล่าวก็คืออิทธิพลของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายนั้นยิ่งใหญ่มาก นางสามารถสืบข้อมูลมาได้ภายในสามวันซึ่งในวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันตัดสินการประลองของหลิงฮันกับหวูซื่อเหริน
“เจ้าโง่ เบาะแสหลายๆอย่างบ่งบอกถึงสมาคมราตรีนิรันดร์!” หลีเหว่ยเหว่ยเปลี่ยนมาจริงจัง “ตอนนี้ข้ามั่นใจเจ็ดถึงแปดส่วนว่าคนคนนั้นคือคนของสมาคมราตรีนิรันดร์!”
“โอ้ ในที่สุดก็ลงมือแล้ว!” หลิงฮันนึกแปลกใจอยู่ นักฆ่าสองคนที่พวกเขาส่งมาก็ตายไปกว่าครึ่งปีแล้ว ทำไมสมาคมราตรีนิรันดร์ถึงยังไม่ลงมือต่อเสียที ที่แท้พวกเขาก็มาแผนนี้นี่เอง
“เจ้าโง่ อย่าประลองเลยดีกว่า ข้าจะนำข้อมูลนี้ไปบอกกับฝ่ายคุมกฎและให้พวกเขาตรวจสอบหวูซื่อเหริน!” หลีเหว่ยเหว่ยแสดงท่าทีเหี้ยมโหด
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย คราวนี้หลีเหว่ยเหว่ยทำตัวสมกับเป็นบุตรสาวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายแล้ว เขานึกว่านางจะเป็นคุณหนูที่เอาแต่สร้างเรื่องไปทั่วเสียอีก
“ไม่ต้อง!” เขาส่ายหัว “อย่างแรกเลยในเมื่อข้ารับประลองแล้วก็ไม่มีเหตุที่จะต้องคืนคำ อย่างที่สองคือมีเงินมากองอยู่ตรงหน้าตั้งหนึ่งแสนสองหมื่นผลึกก่อเกิด ทำไมจะไม่รับไว้ล่ะ? อย่างที่สามคือสมาคมราตรีนิรันดร์เป็นฝ่ายเปิดเผยตัวเอง ทำไมเขาต้องหนีการต่อสู้?”
“เจ้าโ. เจ้านี่มันโง่จริงๆด้วย!” หลีเหว่ยเหว่ยหน่ายที่จะเตือน ในความคิดของนางคนที่จงใจเตรียมตัวมาท้าประลองเช่นนี้จะต้องอันตรายแน่นอน
ทำไมต้องไปเสี่ยงด้วย? หรือเพราะศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย?
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ตายเด็ดขาด! สมาคมราตรีนิรันดร์… ในเมื่อพวกเจ้าต้องการสังหารข้า ก็ให้พวกเขาจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสม!” หลิงฮันหัวเราะ การจะเลี้ยงดูฝึกฝนให้มีนักฆ่าระดับภูผาวารีสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้พวกเขาสูญเสียนักฆ่าระดับภูผาวารีไปสามคนแล้ว ถ้าหากพวกเขาสูญเสียไปอีกคนพวกเขาจะต้องเจ็บปวดมากแน่นอน
ใครใช้ให้พวกเจ้าคิดสังหารข้ากัน?
ตอนที่ 1049
หนึ่งวันผ่านไปและวันนี้เป็นวันที่หลิงฮันกับหวูซื่อเหรินต่อสู้กัน
การต่อสู้ครั้งนี้จะจัดขึ้นที่สังเวียนเหล็ก ดังนั้นการที่ขึ้นมาต่อสู้ในสังเวียนนี้หมายถึงการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต ไม่มีใครต้องแสดงความเมตตาและไม่มีใครต้องแบกรับความรับผิดชอบหลังจากที่ฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้
ในวันนี้มีผู้คนจำนวนมากแห่กันมาที่สังเวียนเหล็ก ถึงขั้นที่นั่งไม่เพียงพอต่อจำนวนคนที่มาดูการต่อสู้
แต่เดิมสังเวียนเหล็กนั้นไม่มีบัตรเข้าชม แต่ใครขอให้การต่อสู้ครั้งนี้น่าสนใจกันล่ะ ถึงแม้จะมีคนขายบัตรเข้าชมห้าสิบผลึกก่อเกิดก็ยังมีผู้คนจำนวนมากแย่งกันซื้อ
สุ่ยเยี่ยนยวี่เดินทางมาพร้อมกับหลิงฮัน เมื่อทั้งสองคนเข้าไปในสังเวียนเหล็ก ช่วยไม่ได้ที่นางจะตื่นตระหนก ทำไมถึงมีคนดูมากมายขนาดนี้?
แต่โชคดีที่หลิงฮันเป็นคนที่ขึ้นต่อสู้ ทางสังเวียนเหล็กกำลังรอเขาอยู่และจัดช่องทางพิเศษให้เขาเพื่อที่ทั้งสองคนจะได้เข้าไปด้านในได้อย่างราบรื่น
หลิงฮันยังเหลือเวลาพักผ่อนอีกเล็กน้อย ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเริ่มการต่อสู้
“เจ้าว่าหวูซื่อเหรินเป็นนักฆ่าที่ถูกส่งมาจากสมาคมราตรีนิรันดร์หรือไม่?” สุ่ยเยี่ยนยวี่เพิ่งได้ยินเรื่องนี้จากหลิงฮัน
หลิงฮันพยักหน้า “มีโอกาสเป็นเช่นนั้นเกินครึ่ง”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “สมาคมราตรีนิรันดร์ส่งกลุ่มคนสังหารเจ้าสองกลุ่มและนักฆ่าสามคนเพื่อฆ่าเจ้า แต่โจวเกาหยางและหยินหยวนเซียงฆ่าเจ้าไม่สำเร็จ ซึ่งพวกเขาต่างก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงด้วยกันทั้งคู่”
“ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่ตอนนี้สมาคมราตรีนิรันดร์น่าจะประเมินความสามารถของเจ้าเอาไว้สูงมาก และส่งหวูซื่อเหรินมาต่อสู้กับเจ้า ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องเหนือกว่าโจวเกาหยางและหยินหยวนเซียงอย่างแน่นอน!”
การวิเคราะห์ของนางนั้นมีเหตุผลมาก สมาคมราตรีนิรันดร์คือสมาคมนักฆ่าไม่ใช่สมาคมคนโง่ ในเมื่อพวกมันทราบความแข็งแกร่งของหลิงฮันแล้วจะส่งคนมาให้หลิงฮันฆ่าเล่นได้อย่างไร?
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ข้าเองก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว”
“นี่เจ้ารู้สึกสงสัยมากกว่าความปลอดภัยของตัวเองงั้นรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกโกรธ ชายคนนี้ไม่รู้เลยหรือไงว่านางเป็นห่วงเขาแค่ไหน?
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว” หลิงฮันโอบกอดสุ่ยเยี่ยนยวี่อย่างอ่อนโยน ซึ่งหาได้ยากมากที่เขาจะกอดนางอย่างเดียวไม่ทำอะไรอย่างอื่น
เมื่อเห็นเช่นนั้นสุ่ยเยี่ยนยวี่ถอนหายใจอย่างไร้หนทางและพูดกับหลิงฮันว่า “ยังไงก็ตาม เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวให้มาก!”
“อืม!” หลิงฮันกล่าว จากนั้นท่าทีของเขาก็กลายเป็นผ่อนคลายและพูดว่า “เจ้ากลับบ้านไปอาบน้ำล้างตัวรอสามีของเจ้าได้เลย!”
แต่ครั้งนี้สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่รู้สึกโกรธ นางซบแขนของหลิงฮันและพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าใครในรุ่นเดียวกัน แต่โลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อถ้าเจ้าไม่ระมัดระวังตัว…”
“อืม” หลิงฮันตบไหล่ของนางอย่างอ่อนโยน
“เจ้าโง่หลิง เจ้ามั่วทำอะไรอยู่ – หืม!” หลี่เหว่ยเหว่ยที่วิ่งเข้ามา ทันใดนั้นนางก็เห็นฉากที่ไม่ควรดูและรีบใช้มือปิดตาทันที แล้วพูดว่า “นี่เจ้ากำลังทำให้ข้าเป็นตากุ้งยิง!”
“เป็นตากุ้งยิงอะไร? ไร้สาระ!” หลิงฮันยิ้มและพูดกระซิบกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ว่า “ข้าคงต้องไปแล้ว”
“ข้าจะรอเจ้า” สุ่ยยี่ยนยวี่พูดด้วยความเป็นห่วง
หลิงฮันพยักหน้าและเดินจากไป
“พี่สาวสุ่ย พี่ชอบเจ้าโง่หลิงนี่จริงหรือ?” หลี่เหว่ยเหว่ยรีบวิ่งเข้ามาถาม
ถึงแม้สุ่ยเยี่ยนยวี่จะเขินอาย แต่นางก็พยักหน้า
หลี่เหว่ยเหว่ยดูตกใจเล็กน้อย นางไม่คิดเลยว่าเรื่องที่ตัวเองทำลงไปจะทำให้หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้กันจริง แล้วพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “แต่เจ้าโง่หลิงเป็นแค่จักรพรรดิจากโลกใบเล็ก ถึงจะฟังดูดี นางเขาเป็นคนที่ไม่มีภูมิหลังอะไรเลย แล้วตระกูลของพี่สาวสุ่ยจะเห็นด้วยหรือ?”
ถึงกระนั้นสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ยังคงพยักหน้า พรสวรรค์ของหลิงฮันนั้นไม่มีใครสามารถอธิบายได้ ในอนาคตเขาจะต้องกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน แต่คำถามคือตระกูลสุ่ยจะรอได้นานแค่ไหน? ต้องทราบก่อนว่า จ้าวหลุนยังไม่ตัดใจจากนาง เมื่อใดที่เขาหมดความอดทน ตระกูลสุ่ยของนางจะมีทางเลือกอะไรบ้าง?
“ทุกอย่างมันต้องค่อยเป็นค่อยไป” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างไร้หนทาง
หลี่เหว่ยเหว่ยดึงนางขึ้นมาแล้วพูดว่า “พวกเราเองก็ไปดูการต่อสู้ของเจ้าโง่หลิงกับหวูซื่อเหรินกันเถอะ”
หญิงสาวทั้งสองคนเดินจากไป ซึ่งแน่นอนว่าพวกนางไม่ได้ไปกับหลิงฮัน แต่ไปที่นั่งพิเศษที่สนามประลองเหล็กโลหิตจัดเตรียมไว้ให้
แต่ที่นั่งแขกพิเศษก็มีผู้คนจำนวนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว
จ้าวหลุน ซาหยวน!
“เยี่ยนยวี่ ข้าไม่เห็นเจ้าตั้งนาน” จ้าวหลุนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้า แล้วด้วยกลิ่นอายของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา ทำให้เขาดูสูงส่งมากขึ้นไปอีกเหมือนพระเจ้าที่แท้จริงที่ทุกคนต้องบูชาเขา
สุ่ยเยี่ยนยวี่เผยสีหน้ารังเกียจ แต่ก็ยังพยายามทำตัวเป็นปกติและพูดว่า “ข้าเองก็เหมือนกัน นายน้อยจ้าว!”
จ้าวหลุนเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพจ้าว ทั้งยังทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีชื่อสลักอยู่ในธงจักรวรรดิ ดังนั้นคนธรรมดาทุกคนจะต้องคำนับเขาเมื่อพบเขา นี่คือกฎ
จ้าวหลุนรู้สึกหงุดหงิด เมื่อเห็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ทำตัวสุภาพ มันก็เหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้า แต่เขาก็ระงับความไม่พอใจเอาไว้และพูดว่า “เยี่ยนยวี่ การต่อสู้ในวันนี้เจ้าคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ?”
ก่อนที่สุ่ยเยี่ยนยวี่จะตอบ เขาก็พูดต่อว่า “ข้าคิดว่าหวูซื่อเหรินจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน และข้าพนันได้เลยว่าหลิงฮันจะต้องถูกฆ่าภายในสิบกระบวนท่า!”
“จ้าวหลุน นี่เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยรึ?” ซาหยวนหัวเราะ
“แน่นอน หลิงฮันเป็นแค่มดปลวกจากโลกใบเล็ก ไม่มีทางที่เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของหวูซื่อเหรินได้” จ้าวหลุนกล่าว
เมื่อเขาพูด ผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็เผยรอยยิ้มแปลกๆออกมาให้เห็น
“จ้าวหลุน นี่เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าถูกหลิงฮันทุบตีเมื่อครึ่งปีที่ก่อน หรือเป็นเพราะเจ้าถูกตบจนสมองเสื่อมเลยหลงลืมว่าใครเป็นคนทุบตีเจ้า?” หลี่เหว่ยเหว่ยเป็นคนไร้ความปราณี มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าจ้าวหลุน ซึ่งนางก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น
จ้าวหลุนกำหมัดแน่นและขมวดคิ้ว แล้วปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าเกรงขามของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราออกมา ซึ่งเพียงพอที่จะสังหารจอมยุทธระดับภูผาวารี
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นเป็นเพราะพี่ชายหลุนถูกปิดผนึกพลังที่แท้จริงเอาไว้ มันเป็นการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรม!” หยังลั่วตันกล่าว “พวกเราทุกคนต่างก็เป็นรุ่นเยาว์กันทั้งนั้น แต่เจ้ามดปลวกที่มาจากโลกใบเล็กมีระดับบ่มเพาะพลังที่ต่ำเกินไป ดังนั้นพี่ชายหลุนจึงต้องลดตัวไปสู้ด้วย แล้วมันจะเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมได้อย่างไร? ในเมื่อมันไม่ใช่พลังที่แท้จริงของพี่ชายหลุน”
“ถ้ามดปลวกนั่นในระดับเดียวกันกับพี่ชายหลุนของข้า เขาต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พี่ชายหลุนได้ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราแล้ว และยังทะลวงผ่านก่อนอายุหนึ่งพันปีอีกด้วย ซึ่งหาได้ยากในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ และเขายังเป็นคนแรกในรอบหนึ่งแสนปี!”
ตอนที่ 1050
แม้ว่าหยังลั่วตันจะพูดจาประจบประแจงจ้าวหลุน แต่คำพูดส่วนใหญ่ของนางนั้นก็ฟังดูสมเหตุสมผล จอมยุทธระดับสุริยันจันทราอย่างจ้าวหลุนนั้นหาได้ยากทั้งในยุคอดีตกาลและยุคปัจจุบัน!
จ้าวหลุนกลับมาสงบอีกครั้ง ใช่แล้ว ความแข็งแกร่งของเขาสามารถบดขยี้หลิงฮันได้ แล้วทำไมเขาจะต้องไปสนใจเจ้ามดปลวกตัวนี้ด้วย?
โลกของจอมยุทธนั้นไม่เคยมีความยุติธรรม ความแข็งแกร่งเท่านั้นคือหนทางสู่ราชัน
“เยี่ยนยวี่ หลังจากวันนี้ข้าจะไปที่ตระกูลสุ่ยเพื่อสู่ขอเจ้าแต่งงาน!” จ้าวหลุนกล่าว ก่อนหน้านี้ดูเหมือนเขาจะให้อิสระสุ่ยเยี่ยนยวี่มากเกินไป และในเมื่อเขาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราแล้ว มันคงจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะแต่งงานกับสุ่ยเยี่ยนยวี่
“นายน้อยจ้าวอย่าได้ลืมว่าข้ากลายเป็นคนตระกูลหลิงแล้ว! ข้าไม่คิดที่จะมีสามีสองคน โปรดอย่าได้รบกวนข้าอีก!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พูดอย่างเย็นชา
จ้าวหลุนแสยะยิ้มและพูดว่า “เจ้าจะปกป้องคนตายไปทำไม?”
“พี่สาวสุ่ยไปกันเถอะ ไม่ต้องสนใจเขา!” หลี่เหว่ยเหว่ยพาสุ่ยเยี่ยนยวี่ออกไปและพาไปยังที่นั่ง ซึ่งห่างจากจ้าวหลุนพอสมควร
“พี่หลุน พวกเราก็นั่งกันเถอะ” หยังลั่วตันจับแขนจ้าวหลุน
จ้าวหลุนปัดแขนหยังลั่วตันและนั่งลงบนเก้าอี้
ท่าทางของจ้าวหลุนทำให้หยังลั่วตันรู้สึกไม่พอใจ และช่วยไม่ได้ที่นางจะรู้สึกอิจฉาสุ่ยเยี่ยนยวี่
นางรู้ว่าถ้านางเป็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ จ้าวหลุนจะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อเอาใจนางอย่างแน่นอน แต่ทำไมเขาถึงเย็นชากับนางขนาดนี้? นี่เขาไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลยหรือ
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่หลิงฮันตาย เบาะแสทั้งหมดก็จะชี้เป้าไปที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ แล้วมาดูกันว่านางจะหลีกเลี่ยงปัญหาได้อย่างไร!
ต้องทราบก่อนว่าความสัมพันธ์ระหว่างราชินีที่เก้ากับหลิงฮันนั้นไม่ธรรม และเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลสุ่ยจะปกป้องสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้
……
ในสังเวียนเหล็ก หลิงฮันและหวูซื่อเหรินพร้อมที่จะต่อสู้กันแล้ว
หวูซื่อเหรินดูเป็นชายธรรมดาในวัยสามสิบปี รูปร่างของเขาไม่ได้สูงมากนัก และมีผมที่ยุ่งเหยิงกับแววตาที่มืดมน แล้วใครจะทำใจเชื่อลงว่าเขาเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง
ระดับบ่มเพาะพลังของเขาอยู่แค่ระดับภูผาวารีขั้นกลาง แต่ในบรรดาคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่เขาเอาชนะมาได้นั้นต่างก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง นั่นเป็นเพราะเขามีพลังต่อสู้มากกว่าห้าดาว!
นี่มันน่าทึ่งมาก ต้องทราบก่อนว่าแม่ทัพทั้งเจ็ดคนและผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวานั้นมีพลังต่อสู้แค่สี่ดาวเท่านั้น ถ้าจะมีพลังต่อสู้ระดับห้าดาวได้พวกเขาจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากพลังแห่งจักรภพ แต่หวูซื่อเหรินนั้นพึ่งพาแค่พลังของตัวเองก็มีพลังต่อสู้ห้าดาวแล้ว
“โปรดชี้แนะด้วย!” หลิงฮันเอื้อมมือออกไป
หวูซื่อเหรินแสดงสีหน้า เขาได้รับคำสั่งฆ่าให้ฆ่าชายตรงหน้าภายในสิบกระบวนท่า และนั่นหมายความว่าเขาจะต้องแลกด้วยชีวิตของเขา
“ชี้แนะด้วย!” หวูซื่อเหรินพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง
เขายืดเส้นยืดสาย จากนั้นกระดูกของเขาก็สั่นไหวไปมา ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างกะทันหันและยังคงขยายใหญ่ไม่หยุด แล้วมีปราณสีดำออกมาจากร่างกาย
หวูซื่อเหรินที่เคยดูธรรมดา แต่ตอนนี้เขากลับดูดุร้ายและน่าราวกับกับปีศาจ
ตู้ม!
กลิ่นอายของเขาดูน่าเกรงขามขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนหน้านี้เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นปลายเท่านั้น แต่ตอนนี้พลังของเขาพุ่งทะยานไม่หยุดจากระดับภูผาวารีขั้นกลายกลายเป็นระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้น และดูไม่มีท่าทีว่าจะหยุด นี่มันบ้าไปแล้วฃ
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน!”
“ไม่ใช่ว่าเขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางหรอกรึ ทำไมเขาถึงกลายเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงได้อย่างไร?”
“ความก้าวหน้านี้มันไม่สมเหตุสมผล! นอกจากนี้ ถ้าเขาทะลวงผ่านระดับจริง มันควรมีทัณฑ์สวรรค์ปรากฏออกมาแล้ว”
“หืม นี่มันเทคนิคลับอะไรกันถึงทำให้จอมยุทธทะลวงผ่านสองขั้นในครั้งเดียวและมีพลังต่อสู้อย่างน้อยเก้าดาว!”
“มันไม่ใช่เก้าดาว กลิ่นอายที่น่าเกรงขามของเขาในปัจจุบันมันไม่ใช่กลิ่นอายของจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด แต่เป็นกลิ่นอายของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา!”
“สิบดาวหรือสิบเอ็ดดาว!”
“เป็นไปไม่ได้! มันไม่มีทางเป็นไปได้! อัจฉริยะระดับห้าดาวมีอยู่ในตำนานเท่านั้น และอัจฉริยะระดับหกดาวนั้นไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน แล้วมันจะมีอัจฉริยะระดับสิบดาวหรือระดับสิบเอ็ดดาวได้อย่างไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ใครบอกว่าอัจฉริยะระดับหกดาวไม่มี! ในตอนที่ข้ายังเยาว์วัย ข้าเคยออกท่องโลกกว้างและเห็นอัจฉริยะระดับหกดาวด้วยตาตัวเอง แม้แต่อัจฉริยะระดับเจ็ดดาวก็ยังเคยได้ยิน เหตุผลที่อัจฉริยะเหล่านั้นไม่ปรากฏให้เห็นที่นี่ นั่นเป็นเพราะตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่คือจอมยุทธระดับดาราเท่านั้น”
“แล้วเขาก็ไม่ใช่อัจฉริยะระดับสิบดาว ที่กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนแปลงไปนั่นเป็นเพราะเขาใช้เทคนิคลับบางอย่าง และตอนนี้เทคนิคลับนั่นก็ทำให้เขามีพลังต่อสู้เพิ่มมากขึ้น”
บนอัฒจรรย์มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราหลายคนกำลังนั่งพูดคุยกัน
ชายชราคนหนึ่งที่ปิดปากเงียบมาตลอด จู่ๆเขาก็เผยสีหน้าตกใจและพูดว่า “ปราณอสูร!”
“ผู้อาวุโส ปราณอสูรคืออะไรอย่างนั้นหรือ?” จอมยุทธระดับสุริยันจันทราคนหนึ่งถาม แลละดูเหมือนว่าเขาจะเคารพชายชราผู้นี้มาก
ชายชราผู้นี้เป็นคนแซ่อัน เขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงชั้นสูงสุด ซึ่งถือเป็นตัวตนระดับสูงของเมืองจักรพรรดิ มีเพียงแค่เจ็ดแม่ทัพ ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาและราชินิทั้งเก้าองค์และจักรพรรดินีเท่านั้นที่อยู่เหนือกว่าเขา
นอกจากนี้เขามีอายุมากแล้ว ในตอนที่เขายังเยาว์วัยเขาเคยออกเดินทางมุ่งหน้าลงใต้ออกจากจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์มากมาย
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่านอกเหนือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วยังมีอีกโลกหนึ่งคือดินแดนใต้พิภพ?” ผู้อาวุโสอันไม่ตอบคำถามโดยตรง แต่เลือกที่จะถามกลับ
พวกเขาพยักหน้า มันเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่พวกเขาจะเคยได้ยินการมีอยู่ของดินแดนใต้พิภพ
“ปราณสีดำนั่นคือปราณอสูร!” ผู้อาวุโสอันกล่าว “ในตอนที่ข้ายังเยาว์วัย ข้าเคยเข้าร่วมสงครามเพื่อต่อสู้กับจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพอยู่หลายครั้ง ดังนั้นข้าจึงคุ้นเคยกับปราณอสูรที่ชั่วร้ายนั่น”
“ท่านพูดว่าไงนะ นี่หรือว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพ?” ทุกคนร้องอุทาน นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก หากมีจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพอยู่ที่นี่ เป็นไปได้ไหมว่าอาจมีช่องทางที่ทำให้พวกมันเล็ดลอดเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
“ไม่ ชายคนนี้เป็นจอมยุทธจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาได้ปิดผนึกปราณอสูรไว้ในร่างกาย นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก เมื่อใดที่ดูดซับปราณอสูรเข้ามาในร่างกาย มันจะทำให้ร่างของคนผู้นั้นระเบิดตายทันที นั่นเป็นเพราะพลังแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับดินแดนใต้พิภพนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พลังทั้งสองอย่างไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้”
ใบหน้าของผู้อาวุโสอันเต็มไปด้วยความสงสัย
“แล้วพวกเราควรหยุดการต่อสู้ครั้งนี้หรือไม่?” ใครบางคนถาม
แต่ทันใดนั้นเองใครบางคนก็ส่ายหน้าและพูดว่า “เพื่อการต่อสู้ที่ยุติธรรม ลานสังเวียนเหล็กจึงได้ทำการปิดกั้นเวทีประลองตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งมีเพียงแค่จอมยุทธระดับดาราเท่านั้นที่สามารถทำลายมันได้!”
แต่การต่อสู้ของจอมยุทธระดับภูผาวารีจะดึงดูดความสนใจของจอมยุทธระดับดาราได้อย่างไร?
“ใช่แล้ว!” ผู้อาวุโสอันปรบมือ และลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร แต่การที่เขาใช้ปราณอสูรเพื่อยกระดับพลังของตัวเองนั้น ราคาที่เขาต้องจ่าย…จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น