Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 1033-1036
ตอนที่ 1033
“เหอๆ สภาพแวดล้อมที่นี่แปรปรวนไม่น้อย เหมาะสำหรับให้พวกเราต่อสู้กันยิ่งนัก!” จู่เล่อหยุนแสยะยิ้ม “โฮ่วหยาง ถ้าเจ้าไม่อยากตายที่นี่ก็ส่งมันมา!”
โฮ่วหยางหัวเราะและกล่าว “จู่เล่อหยุน เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้างั้นรึ? เจ้ามีพลังบ่มเพาะเพียงขั้นต้นชั้นสูงสุด ด้วยพลังต่อสู้สองดาวของข้าคนนี้ ถ้าหากสู้กันก็ไม่รู้หรอกนะว่าใครกันแน่ที่จะตาย”
“ข้ารู้เพียงแค่ว่าหากเจ้าไม่ส่งสิ่งนั้นมา ข้าจะสังหารเจ้า!” จู่เล่อหยุนกล่าว
“ทำไมกัน สิ่งนั้นไม่สามารถเปิดออกมาได้ เพื่อสิ่งที่ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไรเจ้าถึงขนาดต้องยอมสู้ตายละทิ้งความพยายามในการบ่มเพาะพลังหลายหมื่นปีของเจ้าเลยรึ?” โฮ่วหยางกล่าวแนะนำ
จู่เล่อหยุนตอบกลับอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าและข้าพบสิ่งนั้นพร้อมกัน เจ้าบอกว่าพวกเราจะศึกษามันไปด้วยกันแท้ๆแต่เจ้ากลับขโมยมันไปคนเดียว ถ้าข้าไม่สังหารเจ้าแล้วข้าจะระงับความโกรธได้อย่างไร?”
โฮ่วหยางยิ้ม “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะไร้เดียงสาเช่นนี้! ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ในหัวของเจ้ามีเพียงการบ่มเพาะพลัง เจ้ามันช่างโง่งม!”
“ตาย!” จู่เล่อหยุนโกรธและลงมือโจมตี
‘ตูม!’
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เกิดปรากฏการณ์สายฟ้าแลบ มหาสมุทรเกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงทำให้เกิดคลื่นน้ำขนาดร้อยฟุตที่สูงราวกับภูเขาท่าโถมลงมา
“บัดซบ ตัวตนระดับนั้นปะทะกันให้จอมยุทธตัวเล็กๆเช่นพวกเราติดร่างแหไปด้วย!” หลิงฮันสบถให้กับความโชคร้ายของตนเองเนื่องจากปรมาจารย์ระดับดาราสองคนเลือกปะทะกันบนท้องห้าเหนือหัวพวกเขา
สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือเผชิญหน้าผ่านพ้นไปให้ได้
หลิงฮันลุกขึ้นยืนต้านลมอยู่บริเวณบนหัวเรือโดยกำดาบแน่นอยู่ในมือ เมื่อคลื่นยักษ์ใกล้เข้ามา เขาก็คำรามและสะบั้นดาบออกไป เขาคิดจะสร้างรูตรงคลื่นเพื่อให้ตัวเรือแล่นทะลุคลื่น
‘ฉึบ ฉึบ ฉึบ ฉึบ’ เขาสะบั้นดาบรัวไม่ยั้ง
คลื่นมหาสมุทรหนามาก ดาบสามารถผ่าเปิดช่องว่างได้ลึกเพียงสิบฟุต ดังนั้นเขาจึงต้องกระหน่ำสะบั้นดาบอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดเรือก็แล่นทะลุคลื่นไปได้สำเร็จ หลิงฮันในตอนนี้เหนื่อยล้ามาก
ครืน! ครืน! ครืน!
ยังไม่ทันที่หลิงฮันจะได้พักหายใจ เขาก็มองเห็นคลื่นยักษ์มากมายถาโถมเข้ามาไม่หยุด
“ให้ตายเถอะ!” หลิงฮันต้องการยอมแพ้และนำเรือเข้าไปในหอคอยทมิฬพร้อมกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ เมื่อจอมยุทธระดับดาราทั้งสองคนสู้กันเสร็จเขาจึงค่อยกลับออกมาและออกเดินเรืออีกครั้ง
แต่การจะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธระดับดารานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากได้เห็นการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองความเข้าใจของหลิงฮันจะต้องพัฒนาขึ้นแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงกัดฟันยอมทนต่อไป
เขากวัดแกว่งดาบใช้ทักษะหมื่นผสานเป็นหนึ่งเพื่อทะลวงคลื่น
โชคดีที่ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาสูงแล้ว การเผาผลาญพลังงานจากการใช้หมื่นแปรผันเป็นหนึ่งจึงลดลงอย่างมาก
แต่แน่นอนว่าปัจจัยหลักที่ทำให้เขาใช้ทักษะได้อย่างต่อเนื่องเป็นเพราะกายหยาบที่ทรงพลังของเขา ไม่เช่นนั้นหากเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วไปแขนของพวกเขาคงจะอ่อนแรงจนยกไม่ขึ้นแล้ว
หลิงฮันยังคงพยายามต่อต้านอย่างสุดความสามารถ
เพียงแต่ว่าการต่อสู้ของปรมาจารย์ระดับดาราทั้งสองก็ยิ่งรุนแรงขึ้น หมู่เมฆถูกพัดกระจาย แสงจากดวงตะมันสาดฉายลงมาทั่วทำให้ดูราวกับท้องฟ้ากำลังถูกเผาไหม้
ทรงพลังสมเป็นระดับดับดารา
หลิงฮันรู้สึได้เพียงว่าต่อหน้าตัวตนเช่นนี้เขาเป็นเพียงมดปลวก ไม่สิ อาจจะต่ำกว่ามดปลวกเสียด้วยซ้ำ ถ้าใครสักคนในสองคนนี้ต้องการสังหารเขา พวกเขาไม่จำเป็นต้องลงมือเพียงแค่ชำเลืองมองพวกเขาก็สามารถสังหารหลิงฮันได้แล้ว
อำนาจ! นี่ล่ะคืออำนาจที่แท้จริง!
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน เขาสัมผัสได้เลยว่าทั่วร่างของเขากำลั่งตื่นเต้น
เขามองไม่เห็นการต่อสู้บนท้องฟ้าของทั้งสองคนแม้แต่น้อย
ท้องฟ้ากำลังถูกเผาไหม้ มหาสมุทรกำลังเดือดด้วยความร้อนสูง นี่มันราวกับเป็นขุมนรกบนพื้นดินชัดๆ!
โชคดีที่ปรมาจารย์สองคนอยู่ห่างจากตำแหน่งของพวกเขา ไม่เช่นนั้นหลิงฮันคงไม่สามารถต้านทานผลกระทบจากการต่อสู้ของทั้งสองคนได้แน่ๆ
ตูม!
ภายใต้ผิวสมุทร จู่ๆก็มีเสาแสงพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า คาดว่าต่อให้เป็นคนที่อยู่ไกลหลายพันไมล์ก็ต้องมองเห็นเสาแสงนี้
“จู่เล่อหยุน ดูเหมือนจะมีซากโบราณสถานที่ตกทอดอยู่ใต้ล่างนี้ เจ้าลงไปสำรวจมันสิ ข้าไม่ไปแย่งเจ้าหรอก!” โฮ่วหยางหัวเราะ
“ไร้สาระ ก็แค่ซากโบราณสถานของระดับสุริยันจันทรา มันจะเทียบกับกล่องนั่นได้?” จู่เล่อหยุนคำราม
“ยังไงกล่องนั่นก็เปิดไม่ได้อยู่แล้ว มันไม่มีค่าอะไรหรอก”
“ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่ส่งมันมาให้ข้าล่ะ!”
“ก็ข้าชอบของแปลกๆ”
“ไร้สาระ!”
ทั้งสองคนเข้าปะทะกันอีกครั้ง ครั้งนี้การปะทะรุนแรงกว่าเดิม พวกเขามีบาดแผลจนโลหิตไหลออกมา โลหิตสาดกระจายทั่วท้องฟ้ากลายเป็นฝนโลหิต
สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง พวกมันถูกฝนโลหิตกระทบจนร่างระเบิด
โลหิตของระดับดารานั้นแค่หยดเดียวก็หนักแน่นราวกับดวงดาวที่ร่วงลงสู่พื้น
หลิงฮันนำทั้งสุ่ยเยี่ยนยวี่และเรือพร้อมกับตัวเขาเข้าไปในหอคอยทมิฬเรียบร้อยแล้ว โดยหอคอยทมิฬได้ลอยไปตามคลื่นมหาสมุทร
หอคอยทมิฬนั้นเล็กราวกับไรฝุ่น มันไม่ได้รับผลกระทบจากทั้งแรงโนมถ่วงและอำนาจแห่งกฎเกณณ์ของที่แห่งนี้มันจึงไม่จมลงมหาสมุทร
‘พรึบ’ อะไรบางอย่างที่ส่องประกายตกลงมาจากท้องฟ้า
ดวงตาของหลิงฮันจดจ้องไปที่มันและพบว่าสิ่งที่ร่วงลงมาคือกล่องหยกสีขาว เมื่อมันตกลงสู่ผิวมหาสมุทรมันก็จมลงอย่างรวดเร็ว
หรือนั่นจะเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ระดับดาราสองคนแย่งชิงกันอยู่?
เขาเคยคิดว่าเขาไม่มีทางแย่งสมบัติมาจากมือของปรมาจารย์ระดับดาราได้ แต่ตอนนี้สมบัติที่ว่าได้ร่วงลงมาราวกับว่ามอบโอกาสให้เขา
เพียงแต่… มันอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย!
ภายในหอคอยทมิฬ หลิงฮันมองเห็นร่างสองร่างลอยลงมาจากฟ้าและดำลงไปในมหาสมุทรเพื่อไล่ตามกล่องหยก แม้ในขณะไล่ตามพวกเขาก็ยังต่อสู้กันอยู่เพื่อแย่งกันนำหน้า
แต่ด้วยแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงของที่นี่ทำให้กล่องหยกดิ่งลงด้วยความเร็วสูง หลิงฮันคลาดสายตาจากกล่องหยกอย่างรวดเร็ว ปรมาจารย์ทั้งสองคนก็หายไปจากสายตาของเขาแล้วเช่นกัน
หอคอยทมิฬยังคงลอยอยู่โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
หลิงฮันติดสินใจในที่สุดและออกมาจากหอคอยทมิฬ ‘ตูม’ แรงโน้มถ่วงที่น่าสะพรึงกลัวกระแทกเข้ากับร่างของเขาทำให้เขาจมลงสู่ใต้ท้องมหาสมุทร
นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ
ตอนที่ 1034
หากได้รับกล่องหยกนั่นมา แน่นอนว่าจะต้องเป็นเรื่องดี แต่ถึงไม่ได้มันมา หลิงฮันก็อยากลงไปสำรวจโบราณสถานที่ที่มีลำแสงพุ่งออกมา
หลังจากที่ได้ยินเรื่องต้นกำเนิดของมหาสมุทรดวงดาว หลิงฮันก็รู้สึกสนใจใต้ทะเลมาก แล้วด้วยความโชคดีของเขา บางทีอาจค้นพบสมบัติบางอย่างก็เป็นได้
ก่อนหน้านี้จอมยุทธระดับดาราทั้งสองคนได้พูดไว้ว่าเสาแสงนั่นเป็นซากโบราณสถานของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเท่านั้น
ถึงพวกเขาจะไม่สนใจ แต่หลิงฮันนั้นสนใจเป็นอย่างมาก!
ก่อนอื่นเขาจะต้องตามหากล่องหยกก่อน จากนั้นค่อยไปสำรวจซากโบราณสถานนั่น
สิบเมตร ร้อยเมตร พันเมตร… หลิงฮันยังคงดำดิ่งสู่ใต้ท้องทะเลอยากต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันบรรยากาศรอบตัวเขาก็เริ่มมืด แรงดันน้ำเองก็หนักหน่วงมากขึ้นเรื่อนๆ เช่นกัน
มันเป็นแรงดันน้ำที่น่าสะพรึงกลัวมาก! ราวกับมีภูเขามากดทับ
ด้วยพลังของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราพวกเขาสามารถแบกภูเขาหลายลูกได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่น้ำทะเลของที่นี่หนึ่งหยดก็หนักเท่าเท่ากับภูเขาแล้ว มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก
กุญแจสำคัญคือยิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ แรงดันน้ำก็จะยิ่งหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อจอมยุทธดำลงไปในทะเล พวกเขาจะต้องเกราะพลังก่อเกิดขึ้นมา มิฉะนั้นร่างกายของพวกเขาจะถูกบดขยี้ภายในไม่กี่วินาที
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่มีใครสามารถอยู่ในใต้ทะเลได้นานนัก เพราะพลังก่อเกิดคงจะหมดก่อน และตายในท้ายที่สุด แต่หลิงฮันต้องการดำดิ่งสู่ก้นทะเล
แน่นอน หลิงฮันไม่ใช่คนธรรมดา
ประการแรก เขามีกายหยาบที่แข็งแกร่ง อย่างน้อยตอนนี้ก็สามารถรับแรงดันน้ำไหว แต่กระดูกของเขาก็เริ่มส่งเสียงแตกหักแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าแรงดันน้ำของที่นี่น่ากลัวแค่ไหน ประการที่สอง เขายังมีหอคอยทมิฬอยู่ ถ้าพลังปราณก่อเกิดเขาหมด เขาก็สามารถเข้าไปหลบด้านในและฟื้นฟูพลังปราณได้
เมื่อดำดิ่งลงถึงหนึ่งพันเมตร ทิวทัศน์รอบข้างก็เริ่มมืดสนิท
หนึ่งพันหนึ่งร้อยเมตร หนึ่งพันสองร้อยเมตร หนึ่งพันสามร้อยเมตร หลิงฮันยังคงดำดิ่งสู่ก้นทะเลไม่หยุด
หากคนอื่นทราบเรื่องนี้เข้า พวกเขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน เพราะทุกคนที่มาที่ทะเลแห่งนี้ต่างก็มาเพื่อค้นหาสมบัติที่หายสาบสูญอยู่ใต้ทะเล แต่โดยปกติแล้วพวกเขาจะออกค้นหาในทะเลที่มีระดับความลึกไม่มากเท่าไหร่นัก
ในระดับความลึกหนึ่งพันเมตรจะเรียกว่าทะเลลึก
ทะเลลึกนั้นอัตรายเกินไป แค่แรงดันน้ำเพียงอย่างเดียวก็สามารถฆ่าจอมยุทธระดับภูผาวารีได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทะเลลึกยังมีสัตว์อสูรระดับสุริยันจันทราอาศัยอยู่อีกด้วย ซึ่งพวกมันสามารถสังหารจอมยุทธที่ดำลงมาได้ภายในไม่กี่วินาที
– ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ จอมยุทธยังจะมีน้ำยาอีกหรือไม่?
หนึ่งพันหกร้อยเมตร หนึ่งพันเจ็ดร้อยเมตร หนึ่งพัดแปดร้อยเมตร…
เมื่อหลิงฮันดำดิ่งสู่ความลึกสองพันเมตรก็เริ่มมีแสงสว่างอันเลือนรางปรากฏให้เห็น ซึ่งมันคือแสงสว่างจากเกล็ดปลาที่อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึก
มันส่องแสงเงาวับและแพรวพราว
สองพันห้าร้อยเมตร สองพันแปดร้อยเมตร
เมื่อมาถึงระดับความลึกในระดับนี้ กระดูกของหลิงฮันก็ไม่สามารถต้านทานแรงดันน้ำได้อีกต่อไป เขารีบโคจรพลังปราณสร้างเกราะป้องกันแรงดันน้ำทันที แต่เกราะพลังปราณนั้นใช้พลังปราณมหาศาลมาก ดังนั้นเขาจึงต้องหยิบผลึกก่อเกิดออกมาช่วยด้วย
สามพันเมตร!
ในที่สุด หลิงฮันก็ดำลงมาถึงก้นทะเล ทว่าพื้นทะเลกลับไม่เรียบเหมือนหาดทราย แต่เต็มไปด้วยภูเขาและเนินมากมาย และหินที่ส่องประกายระยิบระยับเหมือนกับปลาที่ส่องแสงก่อนหน้านี้
นี่คือโลกที่งดงาม หากไม่มีแรงดันน้ำที่น่าสะพรึงกลัวแบบนั้น หลิงฮันก็อยากเรียกสุ่ยเยี่ยนยวี่ออกมาจากหอคอยทมิฬเพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่งดงามแบบนี้ด้วยกัน
แต่น่าเสียดายที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่มีกายหยาบที่แข็งแกร่งเหมือนกับเขา และนางยังเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงสุดเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะต้านทานแรงดันน้ำที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ได้ หากนางออกมาจากหอคอยทมิฬ ร่างของนางคงระเบิดตายในพริบตา
ในระยะไกลมีแสงสว่างแพรวพราว ถึงแม้อยู่ไกลจากตรงนั้นมาก แต่หลิงฮันก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
มันคือซากโบราณสถานของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา
หลิงฮันรีบมุ่งหน้าไปตรงนั้นทันทีอย่างไม่ลังเล
ส่วนกล่องหยกหากเขาโชคดีก็อาจจะได้พบเจอมัน
เพราะจอมยุทธระดับสุริยันจันทรานั้นดำดิ่งสู่ก้นทะเลได้เร็วกว่าเขามาก ตอนนี้พวกเขาอาจจะหากล่องหยกเจอแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นเขาจะต้องสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อน
หลิงฮันเดินไปตรงนั้นด้วยความยากลำบากแลดูตะกุกตะกัก และความเร็วของเขาลดลงไปมาก หากคนอื่นเห็นเข้าพวกเขาจะต้องหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ หลิงฮันเลยใช้เวลากว่าครึ่งวันกว่าจะเดินมาถึงซากโบราณสถาน
นี่มันน่าจะเป็นประตูทางเข้าภูเขา
มันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าที่นี่คือภูเขา แต่ตอนนี้ยอดเขาส่วนใหญ่ถูกตัดออกไปแล้ว และมีหลายส่วนที่จมอยู่ในน้ำทะเล มีเพียงแค่ไม่กี่ส่วนเท่านั้นที่โผล่ออกมา
ตรงกลางภูเขามีเสาหินตั้งตระหง่านอยู่ มันมีความสูงอย่างน้อยร้อยฟุตและหนาสิบฟุต ทั้งยังให้แสงที่ส่องประกาย
ด้านข้างของเสาหินมีถ้ำที่มีแสงสว่างอันเลือนลางโผล่ออกมา แต่เนื่องจากเสาหินนี่สว่างเกินไป จึงทำให้แสงที่ออกมาจากถ้ำเลือนลางมาก
หลิงฮันเดินสำรวจไปมาและอยากเข้าไปสำรวจในถ้ำ แต่ทันใดนั้นก็เกิดคลื่นน้ำพุ่งเข้ามาหาหลิงฮันและมีฉลามยักษ์ปรากฏตัวอยู่ในสายตาของเขา ซึ่งลำตัวของมันมีวงแหลมสีทองพันอยู่รอบตัว
ฉลามทองคำ สัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด!
ฉลามทองคำเองก็สังเกตเห็นหลิงฮัน มุมปากของมันยกขึ้นเล็กน้อย แน่นอนว่ามันมีสติปัญญาแล้ว และในสายตาของมันหลิงฮันเป็นเหมือนเหยื่อที่แสนจะอ่อนแอของมัน
ทันใดนั้นเอง หางของมันก็กระดิกไปมาอย่างลูกศร และพุ่งเข้ามาหาหลิงฮันพร้อมกับอ้าปากกว้างหวังที่จะเขมือบเขา
งับ เมื่อปากมันปิด สีหน้าของมันก็กลายเป็นมึนงง เพราะมันรู้สึกเหมือนไม่ได้กัดอะไร
เจ้ามนุษย์ตัวน้อยหายไปแล้ว!
มันว่ายน้ำค้นหาไปทั่วไม่หยุดอยู่สักพัก และในที่สุดมันก็ล้มเลิกความพยายามที่จะหาหลิงฮัน และว่ายน้ำเข้าไปในถ้ำ
– มันเองก็ถูกเสาแสงมาที่นี่เหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้มีจอมยุทธระดับดาราสองคนปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวมากจึงว่ายหนีออกไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานและไม่พบกลิ่นอายของจอมยุทธระดับดาราทั้งสองคนแล้ว มันจึงว่ายน้ำอย่างกล้าหาญมาที่นี่อีกครั้ง
เหล่าสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ที่นี่เองก็มีความคิดเช่นเดียวกัน หลิงฮันเห็นสัตว์อสูรมากมายไม่ว่าจะเป็นเต่า ปู ม้าน้ำและปลาหมึกยักษ์
สัตว์อสูรพวกนั้นน่าจะมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน ดังนั้นพวกมันจึงไม่ต่อสู้กันเอง แต่หลังจากเผชิญหน้ากันชั่วครู่ พวกมันก็สื่อสารผ่านสัมผัสสวรรค์และเข้าไปในถ้ำทีละตัว
“หืม!”
หลังจากที่เข้าไปในถ้ำ สัตว์อสูรพวกนั้นก็อุทานด้วยความตกใจ เพราะมันไม่มีน้ำอยู่ภายในน้ำ แต่กลายเป็นพื้นที่แห้ง
ตอนที่ 1035
“นี่คือถ้ำใต้น้ำที่ถูกสร้างโดยเผ่ามนุษย์!” สัตว์อสูรเต่ากล่าว
“ผิดแล้ว แต่เดิมที่นี่ควรจะเป็นทางเข้าหุบเขา แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ของมันถูกทำลายไปแล้วทำให้มีสภาพเหมือนถ้ำเช่นนี้” สัตว์อสูรม้าน้ำกล่าวแทรก
“จะต้องมีสมบัติอยู่แน่นอน!” สัตว์อสูรตนอื่นๆมีความเห็นตรงกัน
พวกมันใช้สัมผัสสวรรค์ในการสื่อสาร ดังนั้นจึงสามารถข้ามกำแพงภาษาและพูดคุยกันได้โดยตรง
“สมบัติของเผ่ามนุษย์คงไม่มีประโยชน์ต่อข้าเท่าไหร่” สัตว์อสูรปูกล่าว มันคือปูหน้าผีเนื่องจากมันมีลวดลายบนเปลือกเหมือนกับภูติผี ในตอนนี้มันเปลี่ยนมาอยู่รูปร่างของมนุษย์ แต่กล้ามปูขนาดใหญ่ทั้งสองข้างของมันยังคงอยู่ในสภาพเดิม
สำหรับสัตว์อสูรแล้ว ร่างกายอันแข็งแกร่งเปรียบเสมือนอาวุธที่พระเจ้าประทานมาให้
“เหอะๆ ถ้างั้นเจ้าก็ไสหัวไปซะสิ สำหรับข้าต่อให้มันเป็นสมบัติของเผ่ามนุษย์ข้าก็คิดดีจะใช้มัน!” สัตว์อสูรกุ้งกล่าว มันคือกุ้งทมิฬที่ทั่วร่างเป็นสีดำ เปลือกของมันนั้นแข็งแกร่งจนยากจะหาใครเทียบ เปลือกของมันนั้นทนทานเทียบได้กับแร่โลหะระดับเดียวกันกับพลังบ่มเพาะ
มันเองก็อยู่ในรูปร่างมนุษย์เช่นกัน โดยที่สวมเกราะสีดำซึ่งแปลงมาจากเกาะของตนเองเอาไว้
ที่แห่งนี้คือสถานที่ที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งไม่เหมาะกับรูปร่างขนาดใหญ่ดั้งเดิมของพวกมัน แถมที่นี่ยังไม่มีสภาพแวดล้อมเป็นน้ำอีกด้วย ดังนั้นการแปลงเป็นมนุษย์จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด
ปูหน้าผีเค้นเสียงและกล่าว “ข้าจะทำอะไร ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาบอก”
“เอาน่า เอาน่า ก่อนอื่นพวกเราต้องตามหาสมบัติกันก่อน จากนั้นค่อยคิดว่าจะแบ่งกันอย่างไรดี” สัตว์อสูรปลาหมึกกล่าว นางเป็นคนเดียวที่เป็นสัตว์อสูรเพศเมีย ผมของนางนั้นเป็นสีเทาและถูกมัดเป็นเปียขนาดใหญ่หลายสิบเส้น
แต่หากมองให้ดีจะพบว่าเปียแต่ละเส้นของนางนั้นแท้จริงคือหนวดปลาหมึกที่กระดิกไปมาเล็กน้อยอยู่ตลอด
นางคือหมึกหมอกเมฆา
“อืม มาค้นหากันก่อนว่าที่นี่มีอะไรอยู่กันแน่!” สัตว์อสูรใต้สมหาสมุทรทุกตัวตกลงเห็นพ้องต้องกัน
“แต่ด้วยเวลาที่ผ่านพ้นมานาน บางทีหลายๆอย่างอาจจะสลายกลายเป็นเศษฝุ่นไปแล้วก็ได้”
“หืม นั่นหญ้าจิตดารา สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า! ตราบใดที่กินหญ้านี่เข้าไปในจำนวนที่มากพอ ข้าก็จะสามารถทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราได้!”
“นี่มันศิลาที่ช่วยในการเสริมแกร่งกระดูก โชคร้ายที่มันสลายเป็นเศษซากไปแล้ว ไม่เช่นนั้นมันจะช่วยยกระดับพลังป้องกันของเปลือกเกราะข้าได้หนึ่งระดับ!”
“สวรรค์! นี่มันเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่!”
เหล่าสัตว์อสูรอุทานออกมาอย่างต่อเนื่องเนื่องจากตกตะลึงในความล้ำค่าของสมบัติที่นี่ แต่พวกมันก็ต้องผิดหวังเนื่องจากสมบัติส่วนใหญ่ได้สลายเป็นเศษฝุ่นหรือไม่ก็มีสภาพไม่สมบูรณ์
ห้องสมบัติถูกแบ่งเป็นห้องเล็กๆหลายห้อง พวกมันตรวจสอบทีละห้องจนในที่สุดก็มาถึงห้องสุดท้ายซึ่งมีแผ่นหินวางเอาไว้เพียงแผ่นเดียว
แผ่นหินที่ดูธรรมดา
‘ธรรมดา’ นี่คือความรู้สึกแรกของเหล่าสัตว์อสูร แต่แผ่นหินนี่กลับไม่มีร่องรอยสึกหรอใดๆแถมดูแล้วยังไม่ใช่สมบัติแบบเดียวกันกับเศษซากสมบัติที่กองอยู่บนพื้นด้วย
หรือหินนั่นจะเป็นสมบัติของห้องนี้?
ที่นี่คือห้องสมบัติของตัวตนระดับสุริยันจันทรา แต่สิ่งที่วางอยู่กลับเป็นหินที่ดูธรรมดา ใครบ้างจะไม่รู้สึกสงสัย?
“มันคืออะไร?” สัตว์อสูรทุกตัวต่างสงสัย
“ยังไงก็ไปดูกันก่อนว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไร” ปูหน้าผีกล่าว
“อืม!”
อสูรทุกตัวเข้าไปพร้อมกัน เนื่องจากพวกเขาตกลงกันแล้วจึงไม่มีใครกล้าลงมือฉกชิง ไม่เช่นนั้นคนที่ลงมือก่อนจะต้องกลายเป็นเป้าหมายของทุกคน
แผ่นหินนี้ไม่ว่าดูอย่างไรก็ธรรมดามาก
หลังจากลองเคาะและสัมผัสดูสองสามครั้ง แผ่นหินนี้ก็ไร้การตอบสนองใดๆ
เหล่าสัตว์อสูรลองโจมตีดูซึ่งนั่นก็ทำให้พวกมันเปลี่ยนสีหน้า การโจมตีทั้งหมดของพวกมันเมื่อสัมผัสโดนแผ่นหินก็ราวกับถูกทำให้สลายหายไปและแผ่นหินก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย
“ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าหินแผ่นนี้คืออะไร แต่การที่มันสามารถดูดซับการโจมตีของพวกเราได้แสดงว่ามันล้ำค่ามาก” หมึกหมอกเมฆาตกตะลึงและกล่าวออกมา
แผ่นหินที่ดูไม่ทนทานนี้ การที่สามารถดูดซับการโจมตีของพวกมันได้แสดงว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของที่นี่
สัตว์อสูรทุกตัวแสดงท่าทางละโมบออกมา ต่อให้แผ่นหินนี้ไม่มีประโยชน์อย่างอื่น แต่คุณสมบัติที่สามารถดูดซับการโจมตีได้ก็ถือว่าน่าสะพรึงกลัวมากพอแล้ว
พรึบ!
ทันใดนันเองมือหลายข้างก็คว้าไปยังแผ่นหินพร้อมกัน เมื่อรู้ว่าแผ่นหินสามารถดูดซับการโจมตีได้ทุกคนก็ต้องการมัน หากมีแผ่นหินนี้ พวกมันจะมีความสามารถในการป้องกันตนเองเพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่า
“ส่งมาให้ข้า!”
“มันเป็นของข้า!”
เหล่าสัตว์อสูรเริ่มลงมือแย่งชิงกัน
เป้าหมายของพวกมันคือการแย่งชิงแผ่นหินไม่ใช่การสังหาร แต่ตราบใดที่มีใครคนหนึ่งคว้าแผ่นหินไปได้ พวกมันก็จะพร้อมใจกันล้อมสัตว์อสูรตนนั้นเอาไว้
‘ตูม!’
แต่ทันใดนั้น ร่างของสัตว์อสูรฉลามทองคำก็ระเบิดกระจุย
เหตุการณ์นี้ทำให้สัตว์อสูรทุกตัวตกตะลึง เป็นไปได้อย่างไร? ไม่มีใครคนไหนลงมือสังหารฉลามทองคำเลยแท้ๆ แต่ทำไมจู่ๆร่างของมันถึงระเบิดได้?
หลังจากนั้นเอง พวกมันก็เห็นร่างหนึ่งปรากฏตัวและคว้าแผ่นหินไป
ร่างนั้นคือหลิงฮัน!
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาถูกฉลามทองคำเขมือบ เขาได้เข้าอยู่ในหอคอยทมิฬทันที และเมื่อครู่เขาได้ออกมาจากหอคอยทมิฬแปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาจึงทำให้ร่างของฉลามทองคำระเบิดออก
ต่อให้เป็นสัตว์อสูร อวัยวะภายในก็ยังคงอ่อนนุ่มไม่ทนทานอยู่ดี
“เผ่ามนุษย์!”
“น่ารังเกียจ!”
เหล่าสัตว์อสูรที่ท่าทีรังเกียจ ถึงแม้พวกมันจะต่างเผ่าพันธ์และไม่ได้เป็นมิตรสหายกัน บางครั้งเมื่อเจอหน้ากันพวกมันยังเข้าปะทะกันเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังเป็นสัตว์อสูรเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อเจอเผ่ามนุษย์ที่แปลกแยก พวกมันจึงมองหลิงฮันเป็นศัตรู
ยิ่งกว่านั้นคือหลิงฮันได้คว้าแผ่นหินไปแล้ว!
เหล่าสัตว์อสูรลงมือโจมตีเข้าใส่หลิงฮันพร้อมกัน
‘ปัง!’
การโจมตีของพวกมันปะทะเข้ากับแผ่นหลังหลิงฮัน การโจมตีของสัตว์อสูรทั้งห้าตัวผสานเป็นหนึ่งเดียว พวกมันทุกตัวเป็นสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด หากเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางทั่วไปก็คงร่างระเบิดตายไปแล้ว
หลิงฮันกระอักโลหิตออกมา แต่เขาก็ยังคงเคลื่อนได้รวดเร็วเช่นเดิมและไม่ปล่อยให้แผ่นหินหลุดจากมือ
อะไรกัน!
สัตว์อสูรทั้งห้าตกตะลึง นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? อีกฝ่ายเป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลาง ต่อให้พวกเขาไม่ร่วมมือกันแค่พวกมันสักตัวลงมือก็สมควรจะสามารถสังหารเผ่ามนุษย์คนนั้นได้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงได้บาดเจ็บแค่กระอักโลหิต?
มีคำกล่าวว่าสัตว์อสูรนั้นมีร่างกายที่ทนทาน แต่ทำไมเผ่ามนุษย์ผู้นี้ถึงได้ดูเหมือนสัตว์อสูรมากกว่าพวกมันอีก
หลิงฮันหยุดเคลื่อนที่และพยายามยืนอย่างโซซัดโซเซ เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดบ่นแผ่นหลัง
ถึงแม้เขาจะมีกายหยาบที่เทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม แต่การที่ถูกสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดห้าตัวรุมโจมตีพร้อมกันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บอยู่ดีเขาจึงต้องกระอักโลหิตออกมาเพื่อให้สบายตัว
โคตรเจ็บเลย!
หลิงฮันคำรามในใจ แต่สุดท้ายเขาก็ได้แผ่นหินมาอยู่ในมือแล้ว ต่อเป็นอยู่ต่อหน้าปรมาจารย์ระดับดาราเขาก็ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะแย่งแผ่นหินไปจากเขาได้
“ขอโทษที แต่สิ่งนี้ขาขอรับไปแล้วกัน!”
ตอนที่ 1036
“วางแผ่นหินลงแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” หมึกหมอกเมฆากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เดิมทีเส้นผมที่เป็นหนวดของนางมีความนาวแค่หนึ่งฟุตเท่านั้น แต่ตอนนี้มันกลับตั้งชันเหมือนกับอสรพิษ
สัตว์อสูรปูหน้าผี กุ้งทมิฬ เต่ายักษ์และม้าน้ำต่างจ้องมองไปที่หลิงฮันด้วยแววตาที่น่าหวาดกลัว
ถึงแม้ว่ากายหยาบของเผ่ามนุษย์คนนี้จะน่าตกตะลึงมาก แต่ใช่ว่าพวกมันจะไม่สามารถทำลายได้ มิฉะนั้นอีกฝ่ายคงไม่กล้าอักเลือดออกมาหลังถูกกระหน่ำโจมตี แล้วถึงจะมีแผ่นหินอยู่กับตัว แต่มันก็มีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น ซึ่งสามารถป้องกันได้แค่จุดสำคัญจุดเล็กๆ
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีกันห้าตัวจึงมีความได้เปรียบทั้งด้านจำนวนและพลังต่อสู้ แล้วมั่นใจมากว่าสามารถสังหารเผ่ามนุษย์ผู้นี้ได้อย่างง่ายดาย
หลิงฮันเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “เข้ามาได้เลย!”
จากนั้นเขาก็นำดาบออกมาจากหอคอยทมิฬ
“น่ารังเกียจยิ่งนัก!” สัตว์อสูรทั้งห้าตัวเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและกระโจนเข้าหาหลิงฮันทันที
เป้าหมายของหลิงฮันคือการทดสอบความทนทานของแผ่นหิน นั่นเป็นในตอนที่เขาหลบซ่อนอยู่ในหอคอยทมิฬนั้นทำให้เขาได้รับข้อมูลที่คลุมเครือ
ปัง ปัง ปัง การโจมตีพุ่งเข้ามา หลิงฮันใช้แผ่นหินรับการโจมตีจากทางด้านซ้ายและขวา ทันใดนั้นเองการโจมตีก็ถูกดูดซับหายไปเหมือนกับฟองน้ำที่ดูดซับน้ำ แล้วบรรยากาศก็กลายเป็นเงียบงันจนน่าสะพรึงกลัว
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกตกตะลึง ถึงแม้เขาจะมีกายหยาบที่แข็งแกร่ง แต่หลังจากที่ถูกโจมตีเมื่อครู่มันก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ถึงขั้นปลิวไปด้านหลัง แต่ทว่าแผ่นหินนี่สามารถดูดซับการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
มันน่าทึ่งมาก
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้แผ่นหินจะมีความสามารถที่ท้าทายสวรรค์ แต่ภายใต้การล้อมกรอบของสัตว์อสูรทั้งห้าตัว หลิงฮันจึงไม่สามารถต้านรับการโจมตีของพวกมันได้หมด และถูกกระหน่ำโจมตีอยู่หลายครั้ง จนเขาต้องกระอักเลือดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จุดประสงค์ของเขาคือการทดสอบประสิทธิภาพของแผ่นหิน ในเมื่อเขารู้ประสิทธิภาพของมันแล้ว จึงไม่มีความหมายที่จะต่อสู้กันอีกต่อไป
“หืม?”
ในขณะที่หลิงฮันกำลังจะเข้าไปในหอคอยทมิฬ เขาก็เห็นใครบางคนกำลังเข้าไปในห้องเก็บสมบัติ
สิ่งแรกที่เขาเห็นในสายตาคือขาที่เหมือนกับรากต้นไม้ ซึ่งมันทำมาจากแท่งเหล็กนับไม่ถ้วน จากนั้นก็มีชายชราอยู่ด้านบน ร่างกายท่อนล่างของเขากำลังเชื่อมต่อกับแท่งเหล็กพวกนั้น
เผยจี้!
นี่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายก็เห็นเสาแสงเหมือนกัน และคิดว่ามันจะต้องมีสมบัติลับหลับไหลอยู่แน่นอน ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้ามาที่นี่ด้วย
“พี่ชายเผยจี้ช่วยข้าด้วย!” หลิงฮันส่งเสียงตะโกน
“หลิงฮัน!” เผยจี้รู้สึกแปลกใจ เขาไม่คิดเลยว่าจะเจอหลิงฮันที่นี่ เจ้าเด็กนี่เป็นเงาของเขาหรือไงถึงไปไหนก็เจอทุกที่?
หลิงฮันรีบเคลื่อนที่ไปหาเผยจี้ แต่ในขณะที่กำลังเข้าใกล้อีกฝ่าย เขาก็เข้าไปหลบในหอคอยทมิฬทันที
ทันใดนั้น สายตาของเหล่าสัตว์อสูรทั้งห้าตัวก็หันไปจ้องมองเผยจี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
“เจ้าเด็กนั่นหายไปไหนแล้ว?”
เผยจี้ดูสับสน เมื่อครู่เขายังได้ยินอีกฝ่ายเรียกเขาว่าพี่ชายอยู่เลย แต่เมื่อเห็นแววตาที่ชั่วร้ายของสัตว์อสูรทั้งห้าตัว มันก็ทำให้เขารู้ว่าตัวเองติดกับหลิงฮันเข้าให้แล้ว
นี่คือหายนะ!
บัดซบ เจ้าเด็กนั่นทำให้ข้าต้องเจอกับเรื่องโชคร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ข้าจะบอกความจริงกับพวกเจ้า ข้าและเจ้าเด็กหนุ่มที่ชั่วร้ายนั่นไม่ได้เป็นแม้กระทั่งมิตรสหายกัน แต่เป็นศัตรูเหมือนกับพวกเจ้า ซึ่งข้าเองก็อยากฆ่าเจ้าเด็กนั่นให้เร็วที่สุด!” ขณะที่พูดเผยจี้เริ่มสร้างระยะห่าง และไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
แล้วตอนนี้เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต มันทำให้เขารู้สึกโกรธเกรี้ยวมาก ถ้าหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทราสองตัวไม่ถูกหลิงฮันเอาไป สัตว์อสูรห้าตัวตรงหน้าเขาก็จะสามารถจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย แล้วเขาจะต้องสร้างระยะห่างจากพวกมันด้วยอย่างนั้นรึ?
“ฮ่าฮ่าฮ่า คำพูดของมนุษย์มีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด!” ปูหน้าผีพูดอย่างเย็นชา
“ถูกต้อง แม้เจ้าแก่นี่จะพิการและไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่ยังไงเจ้าแก่นี่ก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด อย่างน้อยโลหิตก็เพียงพอสร้างประโยชน์ให้กับข้าได้บ้าง” อสูรหมึกหมอกเมฆากล่าวและพรางเลียริมฝีปาก
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเผยจี้รู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง และรีบพูดตอบกลับไปว่า “พวกเจ้า แม้ข้าจะแก่เฒ่าแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการข้าได้ และหากพวกเจ้าต้องการที่จะสังหารข้า อย่างน้อยข้าก็จะลากพวกเจ้าไปตายกับข้าด้วย!”
“อย่างนั้นรึ!” สัตว์อสูรทั้งห้าตัวเปิดฉากโจมตีเผยจี้พร้อมกันทันที
ปัง!
ทันทีที่ถูกสัตว์อสูรทั้งห้าตัวโจมตี เผยจี้พ่ายแพ้ต่อสัตว์อสูรทั้งห้าตัวในพริบตา
ความแข็งแกร่งของเขาสามารถต่อกรกับคนที่อยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้น หรืออาจอ่อนแอกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ แล้วเขาจะต่อกรกับสัตว์อสูรทั้งห้าตัวได้อย่างไร
“อัก!”
ในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์หุ่นเชิด ถ้าเขามีหุ่นเชิดที่ทรงพลังสองตัวนั้นอยู่ล่ะก็สถานการณ์จะกลับตาลปัตรทันที แต่หุ่นเชิดสองตัวนั้นถูกหลิงฮันเอาไป แล้วในตอนที่เขาหลบหนี เขาก็เอาหุ่นเชิดติดตัวมาไม่กี่ตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละตัวนั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากมายอะไรนัก
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่หุ่นเชิดพวกนั้นจะดำลงมาใต้ทะเล และพวกมันก็ไม่สามารถเก็บในอุปกรณ์มิติได้ ตอนนี้เขาตัวคนเดียวจริงๆ
สถานการณ์ในปัจจุบันเลวร้ายอย่างยิ่งสำหรับเขา
“ก็แค่เผ่ามนุษย์!”
“อ่อนแอสิ้นดี!”
สัตว์อสูรทั้งห้าเย้ยหยัน ความอ่อนแอของเผยจี้ทำให้พวกมันรู้สึกมั่นใจตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ไม่อาจทำอะไรหลิงฮันได้
เผยจี้รู้สึกสิ้นหวังมาก ในระหว่างทางที่มาที่นี่เขายังไม่เจอสมบัติแม้แต่ชิ้นเดียวเลย แล้วนี่เขายังต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรทั้งห้าตัวอีก
เจ้าเด็กสารเลวนั่น ทั้งหมดเป็นเพราะมัน! เป็นเพราะมันคนเดียว!
“ร้อยบุปผาร่ายรำ!” เผยจี้โจมตีครั้งใหญ่ ขาที่ทำจากแท่งเหล็กนับไม่ถ้วนกำลังเบ่งบานเหมือนกับดอกไม้ พลังทำลายล้างของมันน่าอัศจรรย์มาก แล้วในตอนนี้เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะสู้กับพวกมันด้วย ดังนั้นเขาเลยคิดจะโจมตีครั้งใหญ่และเปิดทางหนี
สมบัติอะไรนั่น ข้าไม่เอาแล้ว!
“หึ่ม!” อสูรเต่ายักษ์เข้ามารับการโจมตี ร่างกายของมันสั่นเล็กน้อยและขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าอย่างกะทันหัน และใช้กระดองเต่าของมันรับการโจมตีของเผยจี้
ตู้ม!
การโจมตีที่ทรงพลังของเผยจี้ไม่อาจทำลายการป้องกันของอสูรเต่ายักษ์ได้เลยแม้แต่น้อย
สัตว์อสูรประเภทเต่ามีการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด และแทบจะไม่มีใครสามารถทำลายการป้องกันของพวกมันได้
เผยจี้แทบจะกระอักเลือด ทั้งที่เขาโจมตีชุดใหญ่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านเลย
“ตาย!” ทันใดนั้นเอง สัตว์อสูรที่เหลืออีกสี่ตัวก็กระโจนเข้าใส่เผยจี้อีกครั้ง
“อ๊าก-” เผยจี้ส่งเสียงกรีดร้อง ถึงแม้เขาจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อป้องกัน แต่ก็ไม่อาจต้านทานพวกมันที่มีจำนวนมากกว่าได้ไหว แขนข้างหนึ่งของเขาถูกตัดออกไป หน้าอกของเขาปรากฏรูมากกว่าสิบรู แต่โชคดีที่ไม่โดนจุดตาย
สัตว์อสูรทั้งห้าตัวนั้นไร้ซึ่งความปรานี และกำลังเตรียมตัวโจมตีอีกครั้งเพื่อปิดฉาก
“ข้าต้องขอโทษพวกเจ้าด้วย แต่ตาแก่นี่ ข้าจะเป็นคนสังหารด้วยตัวเอง!” หลิงฮันปรากฏตัวอย่างกะทันหัน และยิงศรฆ่ามังกรทะลวงดาราออกไป
สัตว์อสูรทั้งห้าตัวต่างพากันขนลุก ลูกศรนั่นทำให้พวกมันรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่ ถ้าพวกมันไม่หลบก็อาจได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นตายในไม่กี่วินาที
“ไม่!” ทันทีที่เผยจี้เบิกตากว้าง ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราของหลิงฮันก็ทะลวงผ่านหน้าอกของเผยจี้และทะลุออกไปที่หลังแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น