Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 1029-1032
ตอนที่ 1029
เผยจี่ในตอนนี้ดูแปลกประหลาดมาก
จนถึงต้นขาของเขานั้นยังคงเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่ตั้งแต่ต้นขาลงมามันมีสภาพเหมือนกันรากของต้นไม้หลายเส้น รากเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นอย่างสลับซับซ้อนด้วยโลหะหลายแท่งและทำให้ร่างของเขาสูงขึ้นจนเหมือนกับยักษ์
“ฮ่าๆๆๆ คอยดูแล้วกันว่าชายชราผู้นี้จะบดขยี้เจ้าอย่างไร!” เขาหัวเราะลั่น แท่งโลหะนับไม่ถ้วนด้านล่างของเขาเคลื่อนไหวราวกับหนอนร้อยขา พวกมันเคลื่อนที่เขาใส่หลิงฮัน
ทุกคนกระจัดกระเจิงแยกกันหลบหลีก หากไม่หลบพวกเขาต้องถูกเหยียบแบนเป็นแน่
หลิงฮันโคจรศรฆ่ามังกรทะลวงดารา ‘ตูม’ ลูกศรที่ถูกควบแน่นด้วยปราณก่อเกิดถูกยิงออกไป
ลูกศรที่ถูกควบแน่นด้วยปราณก่อเกิดมีสีขาวเงิน แต่ก็มีบ้างที่บางอันจะเป็นสีแดงหรือไม่ก็มีคลื่นแรงโน้มถ่วง ลูกศรที่มีสีขาวเงินคือลูกศรปราณก่อเกิดธรรมดา สีแดงคือลูกศรที่แฝงไปด้วยอำนาจของรูปแบบอักขระเปลวเพลิง ลูกศรที่มีคลื่นแรงโน้มถ่วงคือลูกศรที่แฝงไปด้วยอำนาจของรูปแบบอักขระแรงโน้มถ่วง
เผยจี่ไม่กล้ารับลูกศรเหล่านี้ตรงๆ เขายกขาโลหะหลายข้างขึ้นมาพันเป็นตาข่ายอยู่เบื้องหน้าและใช้ป้องกันลูกศรปราณก่อเกิด ไม่ใช่แค่เผยจี่สามารถป้องกันลูกศรได้แต่การโจมตีของคนอื่นๆก็ไม่สามารถทะลวงขาตาข่ายของเขาเช่นกัน
ระดับพลังต่างกันเกินไป
เขาคือปรมาจารย์ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด ส่วนพวกหลิงฮันทั้งห้าน่ะรึ?
ฟู่เทียนอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก หยินหยวนเซียงมีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นปลาย มีพลังต่อสู้อยู่ที่ชั้นสูงสุด จินจื่อฮุย มีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารี่ขั้นกลางชั้นต้น พลังต่อสู้ก็ธรรมดา สุ่ยเยี่ยนยวี่มีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด มีพลังต่อสู้หนึ่งดาว ส่วนหลิงฮันที่เป็นระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นต้น เขามีพลังต่อสู้ห้าดาวซึ่งหากใช้พลังทั้งหมดอาจจะเป็นหกดาว
พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเผยจี่
“กลุ่มเด็กเมื่อวานซืน กล้าคิดสังหารชายชราผู้นี้ พวกเจ้าช่างแส่หาความตาย!” เผยจี่แสยะยิ้ม
ร่างของหลิงฮันส่องประกายชั่วครู่ก่อนจะนำตาข่ายผนึกสีชาดออกมา ตาข่ายถูกกระตุ้นใช้งานเต็มที่จนมีขนาดขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตาข่ายชิ้นนี้มีความสามารถในการขยายขนาด หากยืดออกเต็มที่มันสามารถคลุมยอดเขาได้อย่างไม่มีปัญหา ร่างของเผยจี่ที่สูงราวๆสองฟุตจึงถูกคลุมได้โดยไม่ยากเย็น
โชคดีที่ในห้องนี้มีพื้นที่ที่จำกัด เผยจี่จึงไม่มีที่ให้หลบตาข่าย
“อะไรกันน ทำไมพลังของข้าถึงได้ลดลงมากขนาดนี้?” เผยจี่ตกตะลึง พลังบ่มเพาะของเขาลดพรวดลงมาหนึ่งขั้น!
ต้องรู้ก่อนว่าเขาที่เป็นนักเชิดหุ่นนั้นไม่ได้มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเมื่อพลังบ่มเพาะถูกลดลงมาหนึ่งขั้นเขาจึงหวาดกลัวทันที
เขารีบคำรามเสียงต่ำสั่งการให้หุ่นเชิดสตรีเคลื่อนที่กลับมาและนำตาข่ายสีแดงออกไป
จักรพรรดิจอมอสูรรีบไล่ตามมาและกล่าว “เหอๆ จงรับกระบี่ของท่านปู่ผู้นี้ไป!” เขาดึงกระบี่ที่ปักร่างของตนเองออกมาและใช้โจมตีใส่อีกฝ่าย
หุ่นเชิดสตรีใช่เพียงมือเดียวในการรับมือกับกระบี่ในขณะที่ใช้อีกมือหนึ่งคว้าตาข่ายเอาไว้
นางเป็นหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทรา ด้วยแรงมือที่มหาศาลบนตาข่ายก็เกิดรอยฉีกขาดขนาดใหญ่ จักรพรรดิจอมอสูรก็ใช้กระบี่กระหน่ำโจมตี มือกับกระบี่ที่ปะทะกันก่อให้เกิดเสียงที่ก้องกังวาล
ทุกคนรู้สึกราวกับแก้วหูจะระเบิด
‘ปัง!’
จักรพรรดิจอมอสูรถูกทำให้ล่าถอย เห็นได้ชัดว่าถึงแม้ทั้งคู่จะมีพลังของระดับสุริยันจันทราเหมือนกัน แต่หุ่นเชิดสตรีเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่า
‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ทันใดนั้นเสียงฝีเท้ามากมายก็ดังขึ้นพร้อมกับหุ่นเชิดมากมายที่เดินออกมาจากมุมห้องในทุกๆมุม
“ฮ่าๆๆ จัดการคนเหล่านั้นให้ข้า!” ใบหน้าของเผยจี่เต็มไปด้วยโกรธและความมุ่งมั่นที่จะสังหาร
หุ่นเชิดมีอย่างน้อยหลายร้อยตัวซึ่งพวกมันยังเดินออกมาไม่หยุด
ตามที่โกวชิ่วเหวินเล่า เป็นเวลากว่าสามหมื่นปีแล้วที่เผยจี่อาศัยอยู่บนเกาะนี้ ด้วยระยะเวลายาวนานเช่นนั้นเขาจะสร้างหุ่นเชิดมาแล้วกี่ตัว?
นี่สามารถเรียกได้ว่าเป็นกองทัพที่ทรงอำนาจ ถึงมันหุ่นเชิดจะมีข้อบกพร่องทางสติปัญญา แต่มันก็ยังมีข้อได้เปรียบหลายอย่างเช่นพวกมันไม่เจ็บปวดหรือหวาดกลัวความตาย
เมื่อถึงตอนนี้ในที่สุดฟู่เทียนก็ลุกขึ้นมา แต่เขาถูกโจมตีแรงเกินไปทำให้พลังต่อสู้ยังฟื้นกลับมาไม่เต็มที่
ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว ด้วยหุ่นเชิดจำนวนขนาดนี้พวกมันสามารถทับพวกเขาจนตายได้!
หลิงฮันคำรามและลงมืออย่างไม่มีใครคาดฝัน
‘พรึบ’ เขาพุ่งไปดื้อๆไม่มีหลบหลีก แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ทำให้เขาคกเป็นเป้าโจมตีของหุ่นเชิดนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยกรงเล็บ คลื่นเสียงหรือลำแสง
หลิงฮันไม่หวาดกลัว หุ่นเชิดเหล่านี้ส่วนใหญ่มีพลังเพียงระดับภูผาวารีขั้นต้นเท่านั้น ไม่ว่าพวกมันจะโจมตียังไงเขาก็ไม่จำเป็นต้องป้องกัน
เขาแพร่สัมผัสสวรรค์ออก เมื่อใดที่ร่างของเขาวิ่งผ่าน หุ่นเชิดก็จะหายไปทีละตัวทีละตัว
เป้าหมายของเขาคือหุ่นเชิดสตรี ตราบใดที่เขาสามารถยึดครองนางได้ จักรพรรดิจอมอสูรก็จะสามารถจัดการเผยจี่ได้อย่างไม่ยากเย็น
“เร็วเข้า รีบแก้ตาข่ายให้ข้า!” เผยจี่ร้อนรน
หุ่นเชิดมากกว่าสิบตัวคว้าตาข่ายและพยายามช่วยกันปล่อยตัวเผยจี่
หลิงฮันเร่งลงมือทันที สัมผัสสวรรค์ของเขาขยายกว้างและคลุมร่างหุ่นเชิดสตรีเอาไว้
จากนั้นแน่นอนว่าเป็นไปตามที่หลิงฮันต้องการ
ฉึบ!
เผยจี่ที่เพิ่งหนีออกจากตาข่ายได้ก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สังเกตว่าหุ่นเชิดตัวก่อนๆหายไปได้อย่างไร แต่ครั้งนี้เขาเห็นวิธีการของหลิงฮันเต็มๆตา
“ไอ้ขาด้วน คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!” จักรพรรดิจอมอสูรหัวเราะและลงมือโจมตีสังหาร
เผยจี่ชะงัก เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายมีพลังขนาดไหน เขารีบตะโกนออกคำสั่ง “คุ้มกันข้า!”
ทันทีที่รู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ เขาก็หันหลังหนีและกล่าว “เจ้าหนู ถ้าเจ้าไล่ตามข้ามา พวกพ้องของเจ้าจะต้องตาย!”
เขาหัวเราะและเผ่นหนีอย่างไว
หลิงฮันลังเลก่อนจะหันกลับไปช่วยคนอื่นๆจัดการหุ่นเชิดตัวอื่น
เมื่อจักรพรรดิจอมอสูรที่ทรงพลังและหลิงฮันที่เป็นสัตว์ประหลาดลงมือ เหล่าหุ่นเชิดก็ถูกจัดการอย่างไม่อาจต้านทาน
ตอนที่ 1030
หลิงฮันในฐานะมือปราบหุ่นเชิด บวกกับจักรพรรดิจอมอสูรที่เปรียบเสมือนจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา ในไม่ช้าหุ่นเชิดที่เหลือก็ถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว
หยินหยวนเซียง ฟู่เทียน และจินจื้อฮุยดูไม่สบอารมณ์ ถ้าพวกเขาไม่มีหลิงฮันคอยช่วยเหลือ พวกเขาคงหนีไม่พ้นความตาย
ทำไมเขาแข็งแกร่งถึงขนาดต่อกรกับอีกฝ่ายที่เป็นระดับสุริยันจันทราได้?
แม้แต่หยางเทียนเฉิงก็ไม่อาจต่อกรด้วยได้มิใช่หรือ?
เมื่อพูดถึงหยางเทียนเฉิง ทุกคนดูโศกเศร้าเล็กน้อย คนอย่างเขาไม่สมควรมาตายที่นี่
หลังจากจบการต่อสู้ ฟู่เทียนก็เริ่มรักษาบาดแผลที่ได้รับทันที ด้วยนิสัยของเขาแล้ว เขาไม่ต้องการที่จะเป็นตัวถ่วงของคนอื่น
“นายท่านจะไล่ตามมันไปหรือไม่?” จักรพรรดิจอมอสูรถาม
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ อีกฝ่ายรู้จักที่นี่ดีและอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นหมื่นปี ถึงจะตามไปพวกเราก็คงจะหาเขาไม่พบ”
“ถ้าเจ้าไม่ตามเขาไป เขาก็จะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้อีก!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว
หลิงฮันพูดว่า “ถ้างั้นพวกเราคอยตรวจสอบที่นี่กันก่อนว่าตาแก่นั่นทิ้งเบาะแสอะไรไว้บ้าง และในความเป็นจริงพวกเราแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตาแก่นั่นเลย ดังนั้นพวกเราจะต้องทำความรู้จักอีกฝ่ายเสียก่อนจะได้เตรียมแผนรับมือถูก”
“นายท่านช่างฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก!” จักรพรรดิจอมอสูรรีบพูดประจบทันที
หลิงฮันมองไปที่จักรพรรดิจอมอสูรและโยนหุ่นเชิดออกมาพร้อมกับพูดว่า “เจ้าเข้าไปสิงในหุ่นเชิดตัวนี้”
จักรพรรดิจอมอสูรไม่เข้าใจ หุ่นเชิดที่เขาสิงอยู่ก็แข็งแกร่งแล้วมิใช่หรือ? แต่เมื่อเห็นว่าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ทำให้เขาเข้าใจควาหมายทันที
ในฐานะที่เจ้านายของเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เขาย่อมเกลียดที่มนุษย์ถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิด
จักรพรรดิจอมอสูรรีบย้ายร่างของตัวเองไปสิงหุ่นเชิดอีกตัวทันที
จากนั้นหลิงฮันก็เผาหุ่นเชิดที่ถูกดัดแปลงมาจากมนุษย์ในห้องทำงานของเผยจี้
ในตอนแรกหลิงฮันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แต่พวกเขาก็ค้นพบบันทึกประจำวันของเผยจี้และเผยให้เห็นถึงความผิดปกติของอีกฝ่าย
“ที่แท้หุ่นเชิดผู้ชายวัยกลางคนและผู้หญิงคนนั้นคือศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่หญิงของเขาเอง ซึ่งพวกเขาทั้งสามคนต่างก็เป็นปรมาจารย์เชิดหุ่น”
“เขาแอบหลงรักศิษย์พี่หญิงมาโดยตลอด แต่ทว่าศิษย์พี่หญิงกลับเลือกที่จะแต่งงานกับศิษย์พี่ชายของเขา”
“ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาให้เห็น แต่หลังจากที่อาจารย์ของพวกเขาตายจากไป เขาก็วางยาพิษพวกเขาทั้งสองคน และดัดแปลงพวกเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิด”
“ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหุ่นเชิดชายวัยกลางคนถึงเต็มไปด้วยดาบและกระบี่ปักอยู่บนร่าง มันเป็นเพราะเผยจี้เกลียดชังเขามาก!”
“เขาช่างโง่เขลายิ่งนัก! ถึงฆ่าหญิงสาวที่ตัวเองหลงรักและทำให้นางกลายเป็นหุ่นเชิด!”
ในบันทึกยังอธิบายวิธีการดัดแปลงศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่หญิงให้กลายเป็นหุ่นเชิดอย่างละเอียดยิบ
“พวกเขาจะรู้สึกยังไงที่ถูกศิษย์น้องของตัวเองหักหลัง และถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิด” สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวและรู้สึกโกรธ
“ดังนั้น…การเลือกศิษย์ไม่เพียงแค่ต้องมองถึงพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือนิสัย มิฉะนั้นก็จะเหมือนมีหมาป่าอยู่รอบตัว” หลิงฮันพูดพึมพัม ซึ่งทำให้จักรพรรดิจอมอสูรแปลกใจเล็กน้อย หรือว่าเจ้านายจะพูดเพื่อสื่อถึงเขา?
ฉัวะ!
ในขณะนั้น แสงดาบแทงทะลุผ่านร่างกายของหลิงฮันมันทั้งรวดเร็วและทรงพลัง และไม่มีใครคาดคิด เพราะการต่อสู้ได้จบลงแล้ว และพวกเขาที่เหลือก็ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกด้วย แล้วจะมีคนลอบโจมตีหลิงฮันได้อย่างไร?
ซวบ!
ปลายดาบเริ่มมิดดาบ ทันใดนั้นเองหลิงฮันก็ระเบิดเสียงคำรามและหันหลังกลับทันทีเพื่อตอบโต้ จักรพรรดิจอมอสูรเองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน และตวัดกรงเล็บไปที่คนที่ลอบโจมตีเจ้านายของเขา
มือสังหารไม่มีเวลาที่จะดึงดาบออกจากร่างของหลิงฮันและปล่อยมือออกจากดาบทันที แล้วกระโดดถอยออกไปตั้งหลักด้านหลังประมาณห้าถึงหกฟุต
นางคือหยินหยวนเซียง!
“หลิงฮัน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กรีดร้องและรีบเข้าไปหาหลิงฮันพร้อมกับน้ำตา เมื่อเห็นดาบแทงทะลุผ่านร่างกายของหลิงฮันจนมิดด้าม
“เจ้า..เจ้าทำอะไรลงไป!” จินจื้อฮุ่ยรู้สึกโกรธมากและตะโกนใส่หยินหยวนเซียง
มีเพียงแค่ฟู่เทียนเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้น และสามารถเห็นได้ว่าบาดแผลของเขายังไม่ฟื้นตัวดี
หลิงฮันจ้องมองไปที่หยินหยวนเซียงและพูดด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า “เจ้าคือนักฆ่าตัวจริงบนเรือ!”
“ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนั้น?” บุคลิกของหยินหยวนเซียงเปลี่ยนไปและเผยสีหน้าที่ภาคภูมิใจ แม้แต่กลิ่นอายของนางก็ยังแข็งแกร่งขึ้น
หลิงฮันกระอักโลหิตคำโตออกมา ใบหน้าของเขาเริ่มซีดขาวและพูดว่า “ก่อนที่โจวเกาหยางจะตาย เขาพูดว่าเขาไม่ใช่ฆาตกร”
หยินหยวนเซียงจะปิดชีพหลิงฮันเลยก็ได้ แต่ตอนนี้นางไม่รีบร้อนและพูดว่า “เพื่อที่จะมีชีวิตรอด เป็นธรรมดาที่เขาจะพูดปฏิเสธมิใช่หรือ?”
หลิงฮันส่ายหน้าและพูดว่า “ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนั้น ถ้าเขาเป็นฆาตกรจริง เขาควรจะร้องขอความเมตตา แทนที่จะพูดว่าตัวเองไม่ใช่ฆาตกร”
“ถ้างั้น เจ้าเลยเริ่มสงสัยตั้งแต่ตอนนั้น?” หยินหยวนเซียงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ใช่” หลิงฮันพยักหน้า “ข้าคิดว่า ในเมื่อสมาคมราตรีนิรันดร์สามารถส่งนักฆ่ามาสังหารข้าได้ แล้วทำไมพวกมันจะส่งมาสองคนไม่ได้ คนหนึ่งเป็นนกต่อ ส่วนอีกคนคอยอยู่ในเงามืด!
หยินหยวนเซียงลักเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ส่งเสียงหัวเราะและพูดว่า “อย่างที่เจ้าพูด ดูเหมือนข้าไม่ต้องปิดบังอะไรแล้ว ข้าเป็นนักฆ่าที่สมาคมราตรีนิรันดร์ส่งมาสังหารเจ้า แล้วดาบที่ข้าใช้แทงเจ้านั้นก็ถูกอาบไปด้วยยาพิษ แม้แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นก็ยังต้องตาย!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกตกตะลึง ตอนแรกนางมั่นใจมากว่าหลิงฮันจะต้องไม่เป็นอะไร แต่หลังจากที่ได้ยินว่าดาบเล่มนี้ถูกอาบไปด้วยยาพิษ ทำให้ความมั่นใจของนางหายไปในทันที
แต่ทว่าหลิงฮันกลับเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “ตอนแรกข้าแค่สงสัย แต่ในเมื่อเจ้าพูดยอมรับแล้วมันก็ทำให้ข้าแน่ใจแล้ว!”
เขายืนตัวตรงและยกไหล่ซ้ายขึ้น แล้วดาบก็ตกลงบนพื้น
ปรากฏว่าดาบไม่ได้แทงทะลุผ่านร่างกายของเขา แต่มันแทงทะลุระหว่างแขนและลำตัวของเขาไป!
“อะไรกัน!” สีหน้าของหยินหยวนเซียงเปลี่ยนไปทันที นางไม่อาจทำใจเชื่อได้และพูดว่า “ข้าเห็นกับตาว่าดาบแทงทะลุหัวใจของเจ้า! ข้าไม่มีทางทำพลาดอย่างแน่นอน! เว้นแต่ว่า-” นางจ้องมองไปที่หลิงฮํน “เว้นแต่ว่าเจ้าจะรู้อยู่แต่แรกแล้ว!”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อข้าสงสัยว่าสมาคมราตรีนิรันดร์จะต้องส่งนักฆ่ามาสังหารข้ามากกว่าหนึ่งคน แล้วข้าจะไม่ตื่นตัวอยู่ตลอดได้อย่างไร?”
“แต่ทำไมเจ้าถึงสงสัยข้าทั้งที่ข้าปกปิดพลังของตัวเองด้วยวิธีการลับแล้ว?” หยินหยวนเซียงดูสับสน
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “เจ้าปกปิดพลังของตัวเองได้ยอดเยี่ยม แต่เมื่อเจ้าถูกหุ่นเชิดล้อม เจ้าใช้พลังที่เหนือกว่าระดับพลังของเจ้าออกมา แล้วในตอนนั้นเองที่ข้าสงสัยเจ้า”
หยินหยวนเซียงดูตกตะลึง ในสถานการณ์ที่วุ่นวายแบบนั้น หลิงฮันยังมีเวลามาสนใจคนอื่นอีกหรือ นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง?
“หึ่ม ในเมื่อวิธีธรรมดาฆ่าเจ้าไม่ได้ผล ดูเหมือนข้าจะต้องใช้วิธีการพิเศษเพื่อฆ่าเจ้า!” หยินหยวนเซียงแสยะยิ้ม และชักอาบออกมาอีกครั้งพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่เย็นชา
ตอนที่ 1031
“หลิงฮัน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นกังวลและเผลอจับหลิงฮันแน่นจากด้านหลัง
จินจื่อฮุยเองก็กังวลเช่นกัน แต่แววตาของเขาที่มองไปยังหยินหยวนเซียงนั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
นั่นก็ไปแปลก เพราะสิ่งที่ทุกคนเกลียดชังที่สุดก็คือการถูกทรยศ
พวกเขาร่วมสู้ผ่านร้อนหนาวกันมาทั้งอสูรอสรพิษ โจรสลัดรวมถึงหุ่นเชิดบนเกาะนี้ เรียกได้ว่ามิตรภาพของพวกเขาได้ก่อตัวขึ้นแล้ว การที่หยินหยวนเซียงหักหลังพวกเขาก็เหมือนกับพวกเขาถูกกระบี่แทงเข้าที่ด้านหลัง
“นายท่าน ให้ข้าน้อยจัดการสตรีอัปลักษณ์นั่นเอง!” จักรพรรดิจอมอสูรเรียกร้องให้ตนออกไปสู้
หลิงพยักหน้าและกล่าว “ตกลง เจ้าลุยเลย!”
จักรพรรดิจอมอสูรคำรามและพุ่งเข้าใส่หยินหยวนเซียงทันที เขาถูกกังขังมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงโหยหาการต่อสู้เป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้นตัวเขาเองไม่มีร่างเนื้อเป็นของตนเอง ต่อให้ร่างกายพังเขาก็แค่หาร่างใหม่
สิ่งที่เขาหวาดกลัวมีเพียงการโจมตีทางจิตวิญญาณ
“ไร้ประโยชน์!” หยินหยวนเซียงกวัดแกว่งดาบโจมตี
พลังของนางแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดทั่วไปแต่เป็นขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
จักรพรรดิจอมอสูรถูกทำให้ล่าถอยจนไปหยุดอยู่ข้างกายหลิงฮัน
“เจ้าชนะนางไม่ได้?” หลิงฮันยิ้ม
“นายท่าน นางแข็งแกร่งกว่าข้าเพียงเล็กน้อย!” จักรพรรดิจอมอสูรกัดฟันพูด หุ่นเชิดที่เขาสิงอยู่ตอนนี้มีพลังต่อสู้เพียงระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นปลาย เขาด้อยกว่าหยินหยวนเซียงเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆ!” หยินหยวนเซียงกหัวเราะ “ใครใช้ให้เจ้าตัดสินใจผิดพลาดกันที่ทิ้งหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทราไปเช่นนั้น ว่าอย่างไร ยังคิดจะลองสู้อยู่อีกรึไม่?”
“เจ้าลุยอีกครั้ง ข้าจะคอยสนับสนุนเอง!” หลิงฮันออกแรงเตะจักรพรรดิจอมอสูร ทันใดนั้นร่างของหุ่นเชิดก็ลอยสูงและพุ่งตกลงเข้าใส่หยินหยวนเซียงจากด้านบน
“ทักษะดาบร้อยภูตผี!” หยินหยวนเซียงตะโกนและกวัดแกว่งดาบ ในตอนนั้นเองก็มีหัวของเหล่าภูติผีปรากฏออกมาโจมตีเข้าใส่ร่างของหุ่นเชิดจักรพรรดิจอมอสูร
หลิงฮันลงมือต่อ เขากระตุ้นใช้งานตาข่ายผนึกสีชาด ตราบใดที่หยินหยวนเซียงถูกจับอยู่ในตาข่ายนี้ พลังต่อสู้ของนางก็จะลดลงไปเป็นระดับภูผาวารีขั้นสูง ซึ่งสามารถจัดการต่อได้ไม่ยากเย็น
ง
“คิดง่ายเกินไปแล้ว!” ร่างของหยินหยวนเซียงเคลื่อนไหวอย่างซับซ้อนเพื่อไม่ให้หลิงฮันใช้ตาข่ายจับตัวนางได้
“งั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มและโคจรทักษะจิตเจ็ดสังหาร
การโจมตีทางจิตวิญญาณถูกปล่อยออกไปโดยไม่สามารถมองเห็น ความเร็วของการโจมตีเองก็รวดเร็วจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบพ้น
ร่างของหยินหยวนเซียงถูกทำให้หยุดนิ่ง
เพียงแต่ว่าจะอย่างไรนางก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด ทักษะจิตเจ็ดสังหารจึงไม่สามารถหยุดรั้งนางไว้ได้นาน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หลิงฮันจะมีเวลาพอจะนำร่างของนางเข้าไปในหอคอยทมิฬหรือใช้โอกาสนี้ในการปล่อยตาข่ายผนึกสีชาด
แต่ในตอนนั้นเอง จักรพรรดิจอมอสูรก็ลงมืออย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ใช้กรงเล็บหุ่นเชิดเพื่อโจมตีและและร่างหมีของตนเองกอดรั้งหยินหยวนเซียงเอาไว้แน่น
ต้องรู้ก่อนว่าเขาอ่อนแอกว่าหยินหยวนเซียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะงั้นหยินหยวนเซียงจึงไม่สามารถสลัดเขาหลุดได้ในทันที
“นายท่าน ข้าจับตัวนางได้แล้ว!” จักรพรรดิจอมอสูรตะโกนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในสมัยก่อนเมื่อพบจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดนั้นเขาทำได้เพียงต้องยอมคุกเข่า แต่ไม่คาดฝันเลยว่าจะมีวันที่เขาสามารถต่อกรกับตัวตนเช่นนั้นได้อย่างสูสี
“ปล่อยข้า!” หยินหยวนเซียงตกตะลึง จักรพรรดิจอมอสูรไม่สามารถทำให้นางบาดเจ็บได้ก็จริง แต่หากเป็นแบบนี้จะเป็นการเปิดโอการให้หลิงฮันใช้ตาข่ายผนึกสีชาด!
พลังของนางแข็งแกร่งกว่า ด้วยการที่ระเบิดพลังออกไปทั้งหมดในทีเดียวแขนของจักรพรรดิจอมอสูรจึงบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง
หากเป็นสิ่งมีชีวิตทั่วไปคงต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บด้วยแล้ว แต่สิ่งมีชีวิตเช่นจักรพรรดิจอมอสูรนั้นไม่มีความรู้สึกเช่นนั้น เขายังคงกอดรัดหยินหยวนเซียงเอาไว้แน่นเพื่อรอหลิงฮันลงมือ
‘พรึบ’ ตาข่ายขนาดใหญ่ถูกโยนออกไปและร่วงลงมาจากฟากฟ้า
ภายในพริบตาพลังบ่มเพาะของหยินหยวนเซียงกับจักรพรรดิจอมอสูรก็ลดลงมาหนึ่งขั้น
หยินหยวนเซียงรีบใช้ปราณดาบโจมตีเพื่อตัดร่างของจักรพรรดิจอมอสูร
แต่น่าเสียดายที่ร่างของหุ่นเชิดหมีนั้นถูกหลอมขึ้นจากวิธีพิเศษ กระดูกของมันขึ้นทนทานมาก
หลิงฮันนำคันะนูและคันศรออกมาเพื่อใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มพลัง
เมื่อถูกลูกศรชี้เข้าใส่ หยินหยวนเซียงก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกอันไร้ที่สิ้นสุด นางรู้ตัวว่าหากหลิงฮันยิงลูกศรมา ชีวิตของนางจะดับสิ้น!
ตอนนี้นางไม่มีเวลาจะมาคิดว่าทักษะยิงธนูนั่นคือทักษะอะไรทำไมมันถึงทรงพลังเช่นนั้น สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวนางตอนนี้คือการหลบหนีออกจากตาข่ายเพื่อมให้ถูกยิง
“ปล่อยข้า! ปล่อยข้า!” ใบหน้าอันงดงามของหยินหยวนเซียงบิดเบี้ยวน่าเกลียด แต่นั่นก็ยังคงมีความงดงามเหลือเอาไว้ คราวนี้นางใช้พลังทั้งหมดออกมาจริงๆ นางเผาผลาญแก่นพลังชีวิตของตนเองและตั้งใจจะลากจักรพรรดิจอมอสูรออกจากตาข่ายไปพร้อมกับนาง
แน่นอนว่าความเร็วของนางนั้นรวดเร็วมาก
แต่นั่นจะเทียบกับความเร็วของศรฆ่ามังกรทะลวงดาราได้รึ?
‘พรึบ’ ลูกศรถูกยิงออกไปและพุ่งเข้าใส่หยินหยวนเซียง
ฉัวะ!
ลูกศรทะลุหน้าอกของนางและเข้าปะทะกับร่างหุ่นเชิดของจักรพรรดิจอมอสูร เมื่อถูกแรงปะทะของลูกของทะลวงเข้าใส่จักรพรรดิจอมอสูรก็รั้งแขนเอาไว้ไม่ไหวและร่างของหุ่นเชิดกับหยินหยวนเซียงก็แยกออกจากกัน
“เจ้าหนู ข้าจะฆ่าเจ้…”
ตูม!
หยินหยวนเซียงกำลังด่าแช่ง แต่ทันใดนั้นหน้าอกของนางก็ระเบิดออก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึงและก้มมองลงไปยังบริเวณหัวใจที่ระเบิดเมื่อครู่ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวนาง… นี่มันลูกศรที่ถูกสร้างขึ้นโดยสมาคมราตรีนิรันดร์ไม่ใช่รึไงกัน?
น่าขันสิ้นดี นางที่เป็นนักฆ่าของสมาคมราตรีนิรันดร์ต้องมาถูกอาวุธของตนเองสังหาร… หรือนี่จะเป็นเวรกรรม?
ร่างของนางค่อยๆล้มลงไปด้านหน้าเนื่องจากพลังชีวิตสลายหายไป
จักรพรรดิจอมอสูรร่างควันลอยออกจากหุ่นเชิดและกล่าว “นายท่าน หุ่นเชิดพังอีกแล้ว”
ครั้งแรกก็เป็นเสือ คราวนี้ก็เป็นหมี ยังไม่ทันจะผ่านพ้นวันไป ร่างที่สำคัญของเขาก็ถูกทำลายไปถึงสองร่าง
หลิงฮันโยนหุ่นเชิดหมาป่าออกมาและกล่าว “ไม่ต้องกังวล ยังมีอยู่อีก”
เขาเก็บตาข่ายผนึกสีชาดกลับไป สิ่งนี้คือสมบัติช่วยชีวิตของเขาในขณะที่เขายังไม่บรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด
ต้องขอบคุณพวกเจ้ามาก ตระกูลหลัว!
…หากหลัวหงรู้สิ่งที่หลิงฮันกำลังคิดตอนนี้เขาจะต้องเดือดดาลด้วยความโกรธเป็นแน่ เจ้ารู้รึไม่ว่าตระกูลหลัวต้องใช้ทรัพยากรมากมายมากี่รุ่นเพื่อที่จะสร้างตาข่ายนี้ขึ้นมา?
“ค้นที่นี่ให้ทั่ว อย่าให้เหลืออะไรทิ้งไว้!”
ตอนที่ 1032
บางทีพวกเขาอาจจะหาตัวเผยจี่ไม่พบแล้ว?
ต่อให้เขาพกวัตถุดิบพกติดตัวไปด้วย แต่จำนวนที่สามารถพกติดตัวได้ก็มีจำกัด ถ้าเขาคิดจะสร้างกองทัพหุ่นเชิดขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้เพียงความฝัน
สิ่งต่างๆที่ค้นพบที่นี่ทำให้หลิงฮันพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากนักเชิดหุ่นเองก็เหมือนกับ นักพยากร นักปรุงยา และปรมาจารย์รูปแบบอาคม วัสดุหรือทรัพยากรนั้นไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ไหนก็ใช้ไม่ต่างกัน ด้วยทรัพยากรมากมายที่หลิงฮันพบหากนำกลับไปขายเขาต้องได้รับผลึกก่อเกิดจำนวนมากเป็นแน่
จินจื่อฮุยและฟู่เทียนเองก็ได้ทรัพยาส่วนแบ่งเช่นกัน แต่คนที่ได้เยอะสุดแน่นอนว่าเป็นหลิงฮัน ทั้งสองคนไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเนื่องจากหลิงฮันเป็นคนที่ทำผลงานมากที่สุด
หรือหากจะพูดชัดๆเลยคือพวกเขาต่างหากที่เป็นหนี้บุญคุณหลิงฮัน หากไม่มีหลิงฮันทั้งสองคนคนถูกทำให้กายเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว
พวกเขาพบเจอเรือเช่นกัน แม้มันจะมีขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ถูกสร้างขึ้นจากกระดูกของสัตว์อสูรใต้ทะเลแห่งนี้ และเมื่อถูกหลอมวัตถุดิบต่างๆของที่นี่เพิ่มขึ้นไปอีกเรือลำนี้จึงสมควรแล่นได้ด้วยความเร็วสูง
เรือที่พบมีอยู่ทั้งหมดห้าลำ พวกเขาทุกคนแบ่งเรือกันไปคนละลำโดยลำนึงที่เหลือเกินจำนวนคนถูกยกให้เป็นของหลิงฮัน
แม้เรือเช่นนี้จะไร้ประโยชน์ในอนาคตหากเขาไม่ได้อยู่ในทะเลแห่งนี้ แต่หอคอยทมิฬก็มีพื้นที่กว้างขวาง การนำเรือใส่เข้าไปสักลำก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“พี่ชายหลิง พวกข้าขอลา!”
“ไว้ภายภาคหน้าพวกเราคงได้พบเจอกันอีก!”
จินจื่อฮุยและฟู่เทียนกล่าวอำลาหลิงฮัน พวกเขาไม่คิดจะกลับไปยังท่าเรือขวานทรราช พวกเขาเลือกที่จะใช้เรือมุ่งหน้าไปยังชายและออกเดินทางต่อ
หลิงฮันมองพวกเขาจากไปในทิศทางที่ต่างกัน ผ่านไปไม่นานเรือของพวกเขาก็มองเห็นเป็นเพียงจุดเล็กๆ เขาหันหลังกลับไปยิ้มให้สุ่ยเยี่ยนยวี่ “ภรรยาข้า ตอนนี้บนเกาะก็เหลือเราอยู่เพียงสองคนแล้วสินะ?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่จ้องมองเขาด้วยแววตาโกรธและกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าใจง่ายรึไง? แถมที่นี่ก็ยังไม่ได้มีแค่พวกเราสองคนเสียหน่อย!”
นางชำเลืองมองไปยังจักรพรรดิจอมอสูร
จักรพรรดิจอมอสูรสะดุ้ง เขารีบยกเท้าของหุ่นเชิดหมาป่าขึ้นมาแตะหูสองข้าง เขาเรียนแบบท่าทีของสุนัขราวกับกำลังจะบอกว่าเขาไม่ใช่คนแต่เป็นสุนัขต่างหาก
เมื่อเห็นท่าของอีกฝ่าย สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็เผลอหัวเราะออกมา นางรู้ถึงต้นกำเนิดของจักรพรรดิจอมอสูรแล้ว แต่นางไม่คิดเลยว่าตัวตนระดับภูผาวารีจะยอมทำเรื่องน่าอายเช่นนี้
สุ่ยเยี่ยนยวี่ฟุบหัวลงที่แขนของหลิงฮันและกล่าว “เผยจี่อาจจะยังอยู่บนเกาะนี้!”
หลิงฮันพยักหน้าเห็นด้วย เกาะนี่กว้างใหญ่พอสมควร จำนวนคนของพวกเขาก็มีไม่มากอาจจะมีที่ที่พวกเขายังไม่ค้นหาก็เป็นได้ บางทีเผยจี่อาจจะรอให้พวกหลิงฮันจากเกาะนี้ไปแล้วค่อยกลับมายังรังของตนเอง
“พวกเราไม่มีเวลาไปไล่ตามมารเฒ่าเช่นนั้น ออกเดินทางกันเถอะ” หลิงฮันตัดสินใจ “ในเมื่อพวกเรามีเรือของตนเองแล้ว งั้นพวกเราก็ควรออกตามหาโจรสลัดต่อ”
“อืม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า แม้ก่อนหน้านี้พวกเขาจะสังหารโจรสลัดมาบ้างแต่ ไหนๆพวกเขาก็อุตส่าห์ออกเดินทางมาแล้วและภารกิจก็สามารถทำซ้ำได้ เขาจึงตั้งใจจะล่าโจรสลัดเพิ่มอีกสักหน่อย
เมื่อคิดได้เช่นนั้นพวกเขาก็กลับไปยังหมู่บ้านก่อนและมุ่งหน้าต่อไปยังชายหาดเพื่อออกเรือ
“เกาะแห่งนี้ยังมีปราณอสูรปล่อยออกมาอยู่ในทุกๆปี ข้าจะต้องกลับมาตรวจสอบมันอีกครั้งแน่นอนเพื่อดูว่าใต้ล่างนี้มีอะไรอยู่” หลิงฮันกล่าว
สุ่ยเยี่ยนยวี่ขมวดคิ้วและกล่าว “ระดับพลังที่ต่ำกว่าระดับดาราไม่สามารถบินได้ แล้วเจ้าจะกลับขึ้นจากด้านล่างได้อย่างไร”
“จะว่าไปแล้วระดับดาราสามารถโบยบินเหนือมหาสมุทรแห่งนี้ได้รึไม่” หลิงฮันกล่าว
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่รู้คำตอบเนื่องจากตระกูลสุ่ยไม่มีจอมยุทธระดับดารา ส่วนหากจะให้ไปถามจอมยุทธระดับดารานั้น… ใครจะไปมีความกล้าเช่นนั้น?
เรือมีขนาดเล็กมาก มันไม่เหมาะสมจะใช้เดินทางบนมหาสมุทรแม้แต่น้อยเพราะคลื่นอาจจะทำให้ตัวเรือพลิดคว่ำได้ แต่นี่ไม่ใช่เรือธรรมดาแต่เป็นเรือที่ถูกสร้างขึ้นโดนนักเชิดหุ่น มันมีเครื่องมือหลายอย่างถูกติดตั้งเอาไว้ทำให้เรือแล่นบนคลื่นได้อย่างมั่นคงและว่องไว
ทั้งสองคนไม่เร่งรีบและเพลิดเพลินไปกับความเป็นส่วนตัวที่ได้อยู่ด้วยกันสองคน
“โฮ่วหยาง เจ้าคิดจะหลบหนีไปไหน!” เสียงด้องกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เหอะ จู่เล่อหยุนเจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึไง?” อีกเสียงหนึ่งดีงขึ้น
“แล้วเจ้าจะหลบหนีทำไม?” เสียงในตอนแรกดังขึ้นอีกครั้ง
“ข้าแต่เบื่อคร้านที่จะต่อสู้ การต่อสู้มักจะมีผลกระทบตามมาเสมอ!”
หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่มองหน้ากันก่อนจะแสดงท่าทีตกตะลึง
พวกของมันไปบนฟ้าและพบเห็นคนสองคนกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า
สามารถบินได้ด้วยร่างเนื้อเช่นนั้น… ระดับดารา! ไม่สิ ควรจะเรียกว่าพวกเขาคือระดับดาราเป็นอย่างน้อย
“เจ้าเคยได้ยินชื่อของสองคนนั้นรึไม่?” หลิงฮันกล่าวถามสุ่ยเยี่ยนยวี่
สุ่ยเยี่ยนยวี่นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “จู่เล่อหยุนคือจอมยุทธระดับดาราของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ เขาคือปรมาจารย์จอมยุทธพเนจร ถึงแม้เขาจะบรรลุระดับดาราแล้วแต่ก็ไม่ได้ก่อตั้งขุมอำนาจของตนเอง”
“ส่วนโฮ่วหยาง ถ้าจำไม่ผิดเขาเป็นจอมยุทธของจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม ทำไมเขากับจู่เล่อหยุนถึงมาอยู่ที่นี่?
หลิงฮันกล่าว “ฟังจากบทสนทนาก่อนหน้านี้แล้วพวกเหมือนว่าพวกเขาจะมีปัญหากันมาสักพักแล้ว ด้วยตัวตนเช่นพวกเขามีทางเป็นไปได้สองอย่างคือหนึ่งพวกเขามีความเกลียดชังต่อกัน และสองคือเพื่อที่จะแย่งชิงสมบัติ!”
พวกหลิงฮันมองกันด้วยความตกตะลึง การที่จอมยุทธระดับดาราต้องปะทะแย่งชิงกันเช่นนี้ สมบัตินั้นจะล้ำค่าขนาดไหน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น