Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 1017-1028
ตอนที่ 1017
เศษซากเรือที่ลอยอยู่สองชิ้นเป็นเหมือนกับเรือเล็กสองลำที่กำลังลำเลียงผู้รอดชีวิตลอยอยู่ในทะเล
พวกเขากำลังพยายามกลับไปในเส้นทางเดินเรือของตระกูลหยาง มันน่าจะใช้เวลาไม่เกินสามวันที่พวกเขาจะได้พบเรือของตระกูลหยางและขอความช่วยเหลือ
แต่น่าเสียดายที่ระหว่างทางพวกเขาเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่และพัดพวกเขาจนเวียนหัวและสูญเสียทิศทางไป
เมื่อพายุสงบลง หยางเทียนเฉิงก็หยิบเข็มทิศออกมาและพบว่าพวกเขาออกจากเส้นทางไปมาก
ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพายเรือสุดแรงเกิดเพื่อให้กลับไปยังเส้นทางเดิมให้เร็วที่สุด
โชคดีที่พวกเขาทุกคนเป็นจอมยุทธจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและน้ำ
ในไม่ช้ายามราตรีก็มาถึง ทุกคนล้มตัวนอนหลับพักผ่อน แต่ไม่มีใครกล้าทำตัวผ่อนคลายจนเกินไป เพราะทุกคนต่างก็เป็นคนแปลกหน้า ใครจะเชื่อคนอื่นได้?
ในรุ่งเช้า เมื่อดวงอาทิตย์ที่ร้อนระอุโผล่ขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้าในระดับเดียวกับน้ำทะเล มันเป็นทัศนียภาพที่งดงามหาที่เปรียบมิได้
“หืม ดูเหมือนจะมีเรืออยู่ตรงนั้น!”
มีจุดสีดำอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ทุกคนสามารถมองเห็นได้ว่ามีบางอย่างกำลังลอยอยู่ในทะเล
“ระวังตัวไว้ให้ดี บางทีมันอาจเป็นเรือโจรสลัด!” หยางเทียนเฉิงกล่าวเตือน ตอนนี้พวกเขาออกจากเส้นทางเดินเรือของตระกูลหยางไปมาก ตามทฤษฎีแล้วเรือของตระกูลหยางจะไม่ปรากฏที่นี่ ดังนั้นโอกาสที่เรือที่เขาเห็นจะเป็นเรือโจรสลัดจึงมีความเป็นไปได้สูงมาก
“ไม่ใช่!” หลิงฮันใช้เนตรแห่งสัจธรรมและส่ายหน้า “มันไม่ใช่เรือ แต่เป็นเกาะ!”
เหตุผลที่มันดูคล้ายกับเรือ เพราะเกาะอยู่ไกลจากพวกเขามาก
“เกาะ!”
แววตาของทุกคนดูเปล่งประกาย ถ้าพวกเขาไปถึงเกาะ พวกเขาก็จะสามารถซ่อมแซมเรือได้ หรืออย่างน้อยพวกเขาก็สามารถทำไม้พายขึ้นมาได้สองสามอัน ซึ่งดีกว่าตอนนี้
พวกเขาพายกันมาเป็นเวลานาน เกาะที่พวกเขาเห็นตรงหน้าก็เริ่มมีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นการพิสูจน์ว่ามันเป็นเกาะจริง ทั้งยังมีขนาดใหญ่มาก
เรื่องนี้ทำให้หลายคนตกตะลึง หลิงฮันมองเห็นไกลขนาดนั้นได้อย่างไร?
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มาถึงเกาะ
“กระจายกำลังออกไปให้ทั่วและรวบรวมของที่ใช้ได้มาไว้ที่นี่” หยางเทียนเฉิงกล่าว และเก็บซากเรือสองชิ้นในแหวนมิติ เพื่อไม่ให้ใครขโมยมันและพายออกไปตามลำพัง โดยที่ทิ้งคนอื่นไว้บนเกาะ
เขาเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดและยังเป็นกัปตันเรือ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คำพูดของเขาจะมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือ
หลัวอู่และฟานหยงมองหน้ากัน หลังจากที่ทั้งสองคน “แบ่งปันความสุขและความฉิบหาย” ร่วมกัน พวกเขาจึงได้ก่อตั้งพันธมิตรขึ้น ตอนนี้ทุกคนต้องกระจายกำลังออกไปทั่วเกาะ แต่แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาคือหลิงฮัน
แต่น่าเสียดายที่หยางเทียนเฉิงไปกับหลิงฮันด้วย ดังนั้นแผนการที่จะตามหลิงฮันไปและฆ่านั้นเลยล้มเหลว
ในความเป็นจริง หลิงฮันรู้สึกเศร้าใจมากที่ไม่ได้ใช้ตาข่ายผนึกสีชาด หากใช้มันเขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวจอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่า จากนั้นเขาก็จะใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารเพื่อทำให้อีกฝ่ายชะงักแล้วพาเข้าไปในหอคอยทมิฬ
เกาะแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นพวกเขาจึงแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกไปทางทิศตะวันออก กลุ่มสองไปทางทิศตะวันตก
ป่าทึบบนเกาะนั้นหนาแน่นมาก ต้นไม้อย่างน้อยมีความสูงหนึ่งร้อยเมตรและมีใบหน้าขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อเดินอยู่ใต้ต้นไม้จึงแทบจะไม่มีแสงสว่างเล็ดลอดให้เห็นเรื่อง บรรยากาศของที่นี่จึงมืดครึ้มเป็นพิเศษ
กลุ่มของหลิงฮันมีทั้งหมดหกคน นอกจากเขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่แล้ว ยังมีหยางเทียนเฉิง หยินหยวนเซียง ฟู่เทียนและจินจื้อฮุย
เห็นได้ชัดว่าหยางเทียนเฉิงจงใจแยกหลิงฮันออกจากศัตรูของเขา
“พี่ชายจิน ท่านถือดาบทั้งวันไม่รู้สึกเหนื่อยเลยหรือ?” หลังจากที่พวกเขาออกสำรวจ หลิงฮันก็พูดกับชายหนุ่มที่ถือดาบด้วยรอยยิ้ม
จินจื้อฮุยส่ายหัวและพูดว่า “เมื่อใดที่เจ้าเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของดาบ เจ้าก็จะกลายเป็นนักดาบที่ไร้พ่าย!”
นี่เขาเป็นพวกบ้าดาบ?
สุ่ยเยี่ยนยวี่ถอนหายใจและพูดว่า “จริงหรือไม่ที่…พี่ชายจินมาจากหมู่บ้านนักตีดาบ?”
ถ้าเป็นชายคนอื่นคงจะหันไปจ้องมองสุ่ยเยี่ยนยวี่ไปด้วยความตกตะลึงไปแล้ว แต่จินจื้อฮุยกลับไม่แสดงสีหน้าออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย และยังคงจับดาบแน่น ราวกับเป็นคนรักที่ไม่อาจปล่อยมือได้
“ใช่ ข้ามาจากหมู่บ้านนักตีดาบ” เขาพยักหน้าอย่างเฉยเมย
“อืม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า ทุกคนที่มาจากหมู่บ้านนักตีดาบจะมีแซ่ว่าจิน
“หมู่บ้านนักตีดาบคืออะไร?” หลิงฮันถาม
“หมู่บ้านนักตีดาบเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงด้านการตีดาบแห่งหนึ่งของที่นี่ พวกเขาจะใช้อาวุธดาบเท่านั้นและไม่ใช้อาวุธประเภทอื่น แล้วอาวุธที่พวกเขาสร้างขึ้นนั้นไม่เพียงแค่แหลมคมและทรงพลังเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถพิเศษด้วย” สุ่ยเยี่ยนยวี่อธิบาย “และนักดาบทุกคนล้วนแต่อยากได้ดาบของหมู่บ้านนักตีดาบกันทั้งนั้น”
มันดีขนาดนั้นเลย?
หลิงฮันอดหัวเราะไม่ได้และพูดว่า “พี่ชายจิน ถ้าข้ามีวัตถุดิบสำหรับสร้างดาบ ข้าจะขอให้พี่ชายจินช่วยตีดาบให้ข้าได้หรือไม่?
หยางเทียนเฉิงอดส่ายหัวไม่ได้ แน่นอนเขารู้เรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้านนักตีดาบดี และรู้แม้กระทั่งผู้คนในหมู่บ้านนี้เป็นพวกแปลกประหลาดและมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่พวกเขากลับไม่สนใจเงินทองหรืออำนาจอะไรทั้งสิ้น และสนใจแค่การตีดาบเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกเขาจะชื่นชอบการตีดาบ แต่การที่พวกเขาจะตีดาบขึ้นมานั้น มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของพวกเขา แม้จะเสนอผลึกก่อเกิดให้มหาศาลก็ตาม
หลิงฮันจะต้องถูกจินจื้อฮุยปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยอย่างแน่นอน
“ตกลง!” จินจื้อฮุยพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
พรวด!
หยางเทียนเฉิงแทบกระอัก ไม่ใช่ว่าหมู่บ้านนักดาบเป็นพวกแปลกประหลาดหรอกหรือ? และจะตีดาบเฉพาะเมื่ออย่างตีไม่ใช่หรือไง?
จินจื้อฮุยเกาหัวและพูดด้วยท่าทางเขินอายว่า “แต่ว่าข้ายังไม่เคยตีดาบมาก่อน”
พรวด!
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงรับปากได้ง่ายขนาดนั้น เพราะเขายังเป็นแค่มือใหม่เท่านั้น
หลิงฮันหัวเราะและตบไหล่อีกฝ่าย แล้วพูดว่า “เช่นนั้นข้าขอฝากพี่ชายจินด้วย ส่วนวัตถุดิบข้าจะหามาให้ทีหลัง”
“เจ้าไม่กลัวว่าจะเสียวัตถุดิบไปอย่างสูญเปล่าหรือ?” จินจื้อฮุยรู้สึกแปลกใจ เมื่อคนอื่นได้ยินที่เขาพูดเมื่อครู่ พวกเขาคงจะส่ายหัวปฏิเสธไปแล้ว
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ประโยคที่พี่ชายจินพูดเมื่อครู่ว่า เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของดาบ นั่นก็ทำให้ข้ามั่นใจแล้วว่าพี่ชายจินจะสามารถตีดาบที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาได้!”
จินจื้อฮุยรู้สึกแปลกใจ แม้กระทั่งในหมู่บ้านนักตีดาบ เขายังไม่ได้รับอนุญาตให้ตีดาบเลย กระทั่งพ่อของเขาก็ยังไม่อนุญาต แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาที่อยากให้เขาตีดาบให้
กุญแจสำคัญคือ เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของดาบ ที่เขาพูดเมื่อครู่ แต่ตอนนี้ประโยคดังกล่าวพูดออกมาจากปากของหลิงฮัน นี่ทำให้เขารู้สึกใกล้ชิดกับอีกฝ่ายมากขึ้น
“แน่นอน ข้าจะตีดาบที่ไม่เหมือนใครให้กับเจ้าในอนาคต!”เขากำหมัดแน่นด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่นิ่งเงียบมากและเปิดปากพูดแค่ไม่กี่คำเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาเปิดปากพูดกับหลิงฮันไม่หยุดและยังคงพูดต่อไป
“น้องชายหลิง ข้าต้องการตีดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!” เขากล่าวเช่นนั้น
ตอนที่ 1018
“ดาบที่แข็งแกร่งที่สุด?” หลิงฮันดูแปลกใจ
นี่ไม่ใช่คำพูดธรรมดา มันมีคำว่าแข็งแกร่งที่สุดอยู่ในโลกใบนี้หรือไม่? เหนือฟ้ายังมีฟ้า แล้วนิยามของคำว่าแข็งแกร่งที่สุดนั้นคืออะไรกัน?
หยางเทียนเฉิงและคนอื่นต่างพากันส่ายหัว คำว่าแข็งแกร่งที่สุดควรเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาของเด็ก
“ดาบที่แข็งแกร่งที่สุด!” จินจื้อฮุยพยักหน้าอีกครั้งและพูดว่า “ข้าจะต้องตีดาบที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมาให้จงได้!”
“แล้วจะสร้างขึ้นมาได้ยังไง?” หลิงฮันรู้สึกสนใจมาก
สมองของจินจื้อฮุยเต็มไปด้วยเรื่องดาบ แต่ตอนนี้เขาเริ่มสนิทกับหลิงฮันแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะปกปิดความลับและพูดว่า “ข้ากำลังศึกษาวัตถุดิบชนิดหนึ่ง หากสามารถหลอมมันขึ้นมาได้ก็จะมีความหวังที่จะตีดาบที่แข็งแกร่งที่สุดได้สำเร็จ”
พรวด!
หยางเทียนเฉิงและคนอื่นดูไม่เชื่อ มันจะมีวัตถุดิบแบบนั้นอยู่ได้ยังไง?
แม้จินจื้อฮุยจะไม่สนใจคนพวกนั้น แต่ก็พูดว่า “มันเป็นวัตถุดิบที่สามารถพัฒนาตัวเองได้ตลอด แล้วการตีดาบนั้นมันขึ้นกับวัตถุดิบด้วย”
“ไม่เลว” หลิงฮันพยักหน้าเห็นด้วย แร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งจะไม่สามารถสร้างอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สองขึ้นมาได้ การสร้างอาวุธวัตถุดิบถือเป็นปัจจัยสำคัญ
“อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าสามารถหลอมวัตถุดิบนั้นขึ้นมาได้ อาจกล่ายได้ว่านั่นคือแก่นแท้ของมัน และถ้าใช้มันสร้างอาวุธ มันสามารถดูดกลืนวัตถุดิบอื่นและยกระดับตัวเองจากระดับหนึ่งเป็นระดับสอง จากระดับสองเป็นระดับสามไปเรื่อยๆ” จินจื้อฮุยพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
ทันใดนั้นเอง หยางเทียนเฉิงและคนอื่นก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจถึงขั้นอ้าปากค้าง
อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างไม่จำกัด?
หลิงฮันเองก็ตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ แต่แล้วเขาก็ตบไหล่ของจินจื้อฮุยและพูดว่า “สมแล้วที่เป็นพี่ชายจิน ท่านเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง!”
สีหน้าของจินจื้อฮุยดูมีความสุข เมื่อเขาบอกทฤษฎีนี้ให้กับคนในหมู่บ้านหรือแม้กระทั่งพ่อของเขาฟัง ทุกคนต่างพูดจาเยาะเย้ยเขา แม้แต่พ่อของเขาก็ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องเพ้อฝันและให้คิดถึงความเป็นจริงบ้าง
“น้องชายหลิง เจ้าเชื่อด้วยหรือว่าข้าสามารถตีดาบแบบนั้นขึ้นมาได้?” เขาถาม
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ถ้าพี่ชายจินยังไม่ลองก็คงไม่มีทางทำสำเร็จ แต่ถ้าพี่ชายจินลองทำดู แม้โอกาสจะสำเร็จจะมีแค่หนึ่งในพันล้าน แต่อย่างน้อยมันก็ยังมีความหวัง!”
“ถูกต้อง! ถูกต้อง!” จินจื้อฮุยพยักหน้าไม่หยุด ตอนนี้เขาเหมือนได้พบเจอเพื่อนสนิทที่เข้าใจเขา
หยางเทียนเฉิงและคนอื่นเลิกสนใจทั้งสองคน ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดฟังดูแล้วสุดยอดก็จริง แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
“น้องชายหลิง เมื่อใดที่ข้าตีดาบที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมาได้สำเร็จ ข้าจะนำมันมามอบให้เจ้าทันที!” จินจื้อฮุยพูดอีกครั้ง เขาชอบตีดาบ แต่เขาไม่ใช่นักดาบ อันที่จริงแล้วทุกคนในหมู่บ้านนักตีดาบมักจะจับค้อนเป็นอยู่ตลอด เพราะพวกเขาต้องใช้ค้อนทุบแร่เหล็กให้เปลี่ยนรูปร่างเป็นดาบ
“เช่นนั้น ข้าก็จะตั้งหน้าตั้งตารอ” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
จินจื้อฮุยพยักหน้า ตอนนี้เขามีแรงบันดาลใจแล้ว และเขาจะต้องทำให้สำเร็จ
กลุ่มของหลิงฮันทั้งหกคนเดินเข้าไปในป่าทึบ แต่หลังจากที่เข้ามาได้ไม่นาน เบื้องหน้าเขาก็กลายเป็นที่เปิดและมีแสงแดดของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมา ซึ่งทำให้ทั้งหกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ด้านหน้าของพวกเขามีหลุมขนาดยักษ์!
หลุมยักษ์นี่มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับพื้นที่หนึ่งในสามของเกาะ ความลึกของมันยังไม่มีใครทราบ แต่ผนังของหลุมนั้นมีความสูงชันและเรียบเนียบเหมือนกับกระจก
มันเหมือนกับเสายักษ์ที่ตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้า
พวกเขายังคงยืนอยู่ในป่า หากเดินข้างหน้าไปอีกก้าวเดียวจะกลายเป็นหน้าผา ถ้าพวกเขาประมาทคงจะตกลงไปในหน้าผาไปแล้ว
ต้องทราบก่อนว่าแรงดึงดูดของที่นี่น่ากลัวมาก แม้จะมีอุปกรณ์บินก็ไร้ประโยชน์ และหากตกลงไปในหลุมยักษ์นี่…เกรงว่ามันจะไม่มีที่สิ้นสุดและไม่ได้กลับออกมา
ทุกคนยืนอยู่ที่ริมหน้าผาและเมื่อมองเข้าไปในหลุมจะเห็นแต่ความมืดมิดราวกับว่ามันจะนำพาไปสู่แกนโลก ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ต่อให้เป็นจอมุยทธระดับดาราก็คงตายถ้าตกลงไป!
ความร้อนของแกนโลกสามารถเผาร่างของจอมยุทธระดับดาราให้กลายเป็นเถ้าถ่ายได้
ในขณะที่พวกเขาก้มลงไปมอง มันเหมือนกับมีแรงโน้มถ่วงพยายามดึงพวกเขาลงไป ดังนั้นทุกคนจึงรีบดึงหัวของตัวเองกลับมาทันที
“ผู้อาวุโสหยาง ท่านเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเกาะแห่งนี้มาก่อนหรือไม่?” หลิงฮันถาม
ใบหน้าของหยางเทียนเฉิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาส่ายหัวไปมาและพูดว่า “ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก แม้ตระกูลหยางของข้าจะเรียกได้ว่าผู้ปกครองมหาสมุทรดาราก็ไม่ผิด แต่ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกาะแห่งนี้มาก่อนเลย”
แม้กระทั่งตระกูลหยางยังไม่รู้ แล้วใครจะไปรู้
ทุกคนกลายเป็นนิ่งเงียบ เกาะแห่งนี้มันดูลึกลับมาก แต่ในความลึกลับนั้นก็ทำให้ทุกคนเกิดความอยากรู้อยากเห็น แม้จะอันตรายอะไรอยู่ไม่รู้ก็ตาม
หลิงฮันตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งและลองโยนมันลงไปในหลุม
เมื่อต้นไม้ขนาดใหญ่ตกลงไปในหลุม ภายในไม่กี่วินาทีมันก็กลายเป็นจุดสีดำเล็กๆ จากนั้นมันก็ถูกความมืดภายในหลุมกลืนกินและมองไม่เห็นอีกต่อไป เมื่อผ่านไปเป็นเวลานานก็ยังไม่ได้ยินเสียงตกกระทบ
“มันไม่มีที่สิ้นสุดหรือไงกัน” หลิงฮันกล่าว
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
หลิงฮันลองใช้เนตรแห่งสัจธรรม แต่มันก็ไม่ได้ผล เขามองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของมันเลย
“หืม!”
สีหน้าของหยางเทียนเฉิงดูตื่นตระหนก ในไม่ช้าหลิงฮันและคนที่เหลือก็เผยสีหน้าระมัดระวังและมองดูรอบๆ
พรึบ มีสามคนกระโจนออกมาจากป่าอย่างกะทันหัน
ทั้งสามคนไม่ใช่หลัวอู่ ฟานหยง และเหลี่ยวหยิง แต่เป็นชายหนุ่มสามคนที่กำลังนั่งอยู่บนเสือ หมาป่าและเสือดาวตามลำดับ แต่ถ้ามองดูให้ดีจะเห็นว่าสัตว์อสูรทั้งสามตัวไม่ใช่ของจริง แต่ทำมาจากเหล็ก หากมองจากระยะไกลคนไม่รู้ แต่ถ้ามองดูใกล้ๆก็จะเห็นรายละเอียดเล็กน้อย
“หุ่นเชิด!” หยางเทียนเฉิงและคนที่เหลือส่งเสียงอุทานออกมาพร้อมกัน
ตอนที่ 1019
บนแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีศาสตร์ความเชี่ยวชาญอยู่หลายแขนง
ศาสตร์ที่พบเจอได้ง่ายที่สุดแต่มีสถานะสูงส่งที่สุดคือศาสตร์แห่งการปรุงยา
นอกจากนั้นก็ยังมีศาสตร์ที่เรียกว่าผู้ใช้รูปแบบอาคมอยู่ รูปแบบอาคมขนาดใหญ่ที่ใช้ป้องกันเมืองจักรพรรดิก็เป็นผลงานของปรมาจารย์รูปแบบอาคม ในดวงดาวแห่งนี้พวกเขาเป็นตัวตนที่มีสถานะสูงส่ง แม้จะเป็นจักรพรรดิหรือจักรพรรดิรีของจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสามก็ต้องให้เกียร์ติพวกเขา
ส่วนศาสตร์อื่นๆที่หาได้ยากยิ่งก็คือ นักทำนายอนาคต นักพยากรณ์ดารา และ… นักเชิดหุ่น!
หุ่นเชิดคือวัตถุไร้ชีวิตที่ถูกทำให้มีชีวิต นักเชิดหุ่นเองก็สามารถพบได้ในเมืองจักรพรรดิ เพียงแต่ว่าพวกเขามีจำนวนน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสามคนกำลังขี่สัตว์หุ่นเชิดอยู่ หยางเทียนเฉิงจึงตกตะลึงเป็นเรื่องธรรมดา
สถานที่รกร้างเช่นเกาะนี้ การจะมีนักเชิดหุ่นปรากฏตัวถือว่าแปลกประหลาดเกินไป
“ฮ่าๆๆ ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะมีแขกมาที่เกาะนี้!” ชายหนุ่มที่ขี่เสือพูดเปิด “ข้าสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว ตอนแรกนึกว่าเครื่องตรวจจับมีปัญหา แต่ที่แท้ก็มีแขกมานี่เอง”
หยางเทียนเฉิงในฐานะผู้นำกลุ่ม เขาเป็นคนกล่าวตอบกลับไป “พวกเราพบเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้เรือล่มจึงลอยมาติดที่นี่ เจ้าช่วยบอกได้รึไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน?”
“ที่นี่คือเกาะแก่นโลกา” ชายหนุ่มที่ขี่เสือหัวเราะและชี้ไปยังขอบหลุม “พวกเราเรียกสิ่งนี้ว่าหลุมแก่นกลาง มีคำกล่าวว่ามันคือเส้นทางที่นำไปสู่แกนโลก โอ้จริงสิ ข้าคือโกวชิ่วเหวิน สองคนนี้คือศิษย์น้องของข้า หนิงไถ่ ต๋งหยู่หลง”
“ยินดีที่ได้พบ!” หนิงไถ่และต๋งหยู่หลงกล่าวทักทาย
หลิงฮันและคนอื่นๆแนะนำชื่อตนเองทีละคน
“เรือของพวกท่านถูกสัตว์อสูรจู่โจมจนพังทลายและพูดพัดจนมาถึงที่นี่สินะ” โกวชิ่วเหวินพยักหน้าก่อนจะกล่าวต่อ “เกาะแห่งนี้คือเกาะที่แยกตัวออกมาอย่างโดดเดี่ยว ผู้คนที่นี่ไม่มีความคิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก พวกเราต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข”
“ขอเชิญทุกคนไปพักที่หมู่บ้านของพวกเขาก่อน แล้วค่อยดูว่าพวกเขาจะช่วยสร้างเรือให้พวกท่านเพื่อส่งพวกท่านกลับไปได้หรือไม่” หนิงไถ่เอ่ยแทรกง
“เพียงแต่ว่าพวกเรานั้นชื่นชอบความสงบสุข โปรดเก็บสถานที่ของเกาะนี้ไว้เป็นความลับห้ามแพร่งพรายโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นชีวิตอันแสนสงบสุขของพวกเราคงถูกทำลาย” ต๋งหยู่หลงกล่าว
หยางเทียนเฉิงและคนอื่นๆพยักหน้า
“พวกเรายังมีพวกพ้องอีกสามคน…” หยางเทียนเฉิงนั้นถึงแม้เขาจะไม่ชอบหลัวอู้กับฟานหยง แต่ในฐานะกัปตันเรือ เขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบทั้งสองคน
“ข้ารู้แล้ว พวกเราให้ศิษย์น้องอีกสองคนมุ่งหน้าไปหาพวกเขาเพื่อรับไปยังหมู่บ้านแล้ว” โกวชิ่วเหวินหัวเราะ
หยางเทียนเฉิงพยักหน้า
“เชิญมากับพวกเรา” โกวชิ่วเหวินควบคุมเสือและเคลื่อนที่ไปยังเชิงเขาอย่างไม่รีบร้อน
ทุกคนเดินตามไปอย่างใกล้ชิด หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่งโมงพวกเขาก็เดินผ่านชั้นป่าทึบและมีหมู่บ้านปรากฏอยู่เบื้องหน้า เชิงเขาที่นี่สูงชัน มันถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาและมีทางคับแคบๆเพียงทางเดียว
ที่ทางเข้าไม่มีทหารยืนคุ้มกัน แต่มีเพียงรูปปั้นหินสองรูปตั้งอยู่ ตัวหนึ่งคือแมงมุมแปดขา และอีกตัวคือนกที่มีปีกขนาดใหญ่ กรงเล็บของมันมีขนาดใหญ่และหนากว่าแขนของมนุษย์เสียอีก
พวกเขาเดินเข้าไปยังหมู่บ้าน เมื่อเข้าไปแล้วพวกเขาก็พบเจอกับทิวทัศน์อันงดงามที่เฉิดฉายอยู่
สถานที่แห่งนี้ถูกล้อมไปเป็นแปลงสวนโดยมีหมู่บ้านขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลาง มีทั้งสะพานเล็กๆ แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวและผู้คน มันคือภาพที่เห็นแล้วดูสงบสุขและงดงามเป็นอย่างยิ่ง
ทิวทัศน์เช่นนี้ทำให้ผู้คนที่เห็นลืมภาพการต่อสู้อันโหดเหี้ยมและนองเลือดไปเสียสนิท ความรู้สึกที่เหลืออยู่คือความผ่อนคลาย
“เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้!” หยางเทียนเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง “พวกเจ้าทั้งสาม เมื่อใดที่ข้าต้องการละทางโลกข้าจะสามารถมาที่นี่ได้รึไม่?”
โกวชิ่วเหวินยิ้ม “ถ้าพี่ชายหยางตัดสินใจละทางโลกแล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ? แต่โปรดจำเอาไว้ให้ดีว่าหลังจากมาที่นี่ท่านจะต้องลืมสถานะจอมยุทธของท่านไปเสีย ที่นี่ไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้กัน ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธระดับดาราหรือระดับทลายมิติ หากอยู่ที่นี่ก็ถือว่าเป็นชาวสวนและครอบครัวเดียวกัน”
ทุกคนพยักหน้า ทุกสถานที่ล้วนมีกฎเป็นของตนเอง
ในที่ดินเพาะปลูกจะสามารถมองเห็นคนบางคนที่กำลังเลี้ยงสัตว์ บางคนก็ปลูกผัก พวกเขาแม้จะดูยุ่งๆแต่ก็ดูผ่อนคลาย
พวกเขาเดินผ่านที่ดินเพาะปลูกและเข้าไปยังหมู่บ้าน ที่นั่นมีผู้คนเดินผ่านไปมาบ้างเป็นระยะ ผู้คนส่วนใหญ่นั้นตอนนี้อาศัยอยู่ในบ้านตนเอง บ้างก็กำลังรดน้ำต้นไม้ บ้างก็กำลังอาบแดด บ้างก็กำลังจุดควัน พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างเงียบสงบ
“ผู้คนที่นี่รักความสงบ ดังนั้นช่วยอย่าไปรบกวนคนอื่นด้วย เมื่อทุกคนมาอยู่ที่นี่ พวกเขาทุกคนล้วนแต่ละทิ้งสถานะเดิมของตนเองไปแล้ว” โกวชิ่วเหวินเอ่ยเตือน
หลังจากเดินไปสักพักพวกเขาก็มาถึงใจกลางของหมู่บ้าน ที่นี่มีคฤหาสน์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เรียกได้ว่ามันแทบจะมีขนาดเกือบจะหนึ่งในสามของทั้งหมู่บ้าน
เมื่อเปิดประตูก็พบเจอกับลานกว้างที่ถูกปูด้วยก้อนอิฐสีฟ้า มันดูแล้วเหมือนกับที่ที่ใช้สำหรับฝึกฝนวรยุทธ แต่กลับไม่มีใครกำลังฝึกอยู่แม้แต่คนเดียว
“ทุกคน ข้าขอให้พวกท่านพักที่นี่กันไปก่อน อาจารย์ของข้ามักจะชอบทำเรื่องแปลกๆ บางทีเขาก็จะไม่ว่างหลายวัน ข้าอาจจะต้องให้พวกท่านรอไปก่อน” โกวชิ่วเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษ
ทุกคนไม่ขัดข้อง ถ้าพวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือพวกเขาก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่วันกว่าจะลอยแพกลับไปยังเส้นทางเดินเรือของตระกูลหยางได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดมากแม้แต่น้อยเลยว่าจะต้องที่นี่เพียงไม่กี่วัน
โกวชิ่วเหวินพาพวกเขาไปยังฝั่งซ้ายของคฤหาสน์ ที่นี่มีลานบ้านขนาดย่อมเยอะมากซึ่งเพียงพอสำหรับทุกคน หลังจากได้ที่พักแล้ว หลัวอู้ ฟานหยงและเหลี่ยวหยิงก็ถูกชายหนุ่มอีกสองคนนำทางมา
สองคนที่นำทางมาคือศิษย์น้องของโกวชิ่วเหวิน คนหนึ่งชื่อซุ่ยเต๋อ อีกคนชื่อปู้เชิงหยุน
หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่อาศัยอยู่ในบ้านพักเดียวกัน อย่างไรพวกเขาก็อยู่ในหอคอยทมิฬอยู่แล้วจึงไม่ต้องสนใจสภาพแวดล้อมด้านนอก
ณ ตอนนี้ท้องฟ้าได้เปลี่ยนเป็นมืดค่ำแล้ว
“แปลกมาก!” หลิงฮันกล่าว
ตอนที่ 1020
“มีอะไรแปลกรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่และเพลิดเพลินไปกับความเงียบสงบ
หมู่บ้านแห่งนี้มีแต่เสียงใบ้ไม้และลม มันเป็นสถานที่ที่สงบสุขจนทำให้เธอลืมความทุกข์
“ภรรยาข้า เจ้าอยู่ในเมืองจักรพรรดินานจนสายตาเลอะเลือนไปแล้วรึไง?” หลิงฮันยิ้ม
“ไม่ได้อยากจะพูดโต้เถียงกับเจ้า!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ปิดตาทำท่าทีไม่พอใจ
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “สาวน้อย เจ้าไม่คิดว่าที่นี่มันแปลกๆบ้างรึไง?”
“แล้วตรงไหนล่ะที่แปลก?” สุ่ยเยี่ยนยวี่พึมพำ ผมและผิวอันงามราวกับหยกของนางเปล่งประกายสะท้อนแสงจันทร์
“หลังจากที่พวกเราเข้าหมู่บ้านมา ไม่มีใครเลยที่สนใจมองมาที่พวกเรา” หลิงฮันกล่าว
“ไม่ใช่ว่าเขาก็บอกแล้วรึ? หลังจากมาอยู่ที่นี่ผู้คนจะต้องลืมสถานะเดิมของตนและเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่เรียบง่าย” สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่คิดเช่นเดียวกับหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้ม “เพลิดเพลินไปกับชีวิตเรียบง่ายก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่สถานที่ที่เจ้าอยู่ หากมีคนแปลกหน้ามา อย่างน้อยเจ้าก็สมควรเหลือบมองเสียหน่อย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเมินเฉยราวกับคนตาบอด”
สุ่ยเยี่ยนยวี่เริ่มพยักหน้า “แปลกจริงๆด้วย”
“นอกจากนี้…” หลิงฮันกล่าวต่อ “ที่หมู่บ้านนี้ไม่มีเด็กเลยแม้แต่คนเดียว! ที่ข้าเห็นคือไม่ใช่นคนชราก็เป็นเหล่ารุ่นเยาว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่”
“ต่อให้บอกว่าต้องละทิ้งสถานะเก่าก็ไม่เห็นต้องเป็นเช่นนั้นเลย”
“ที่บอกว่าตอนกลางวันผู้คนจะทำไร่ทำสวนกัน แล้วพอตกดึกล่ะจะทำอะไร?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ตกตะลึงและเผลออ้าปากเล็กน้อย
สิ่งที่หลิงฮันพูดทำให้นางรู้สึกขนลุก แต่เมื่อคิดอีกครั้งหลิงฮันก็นับว่าพูดมีเหตุผล
ทำไมถึงไม่มีเด็กเลยในหมู่บ้านที่สงบสุขเช่นนี้?
ตามหลักความจริง คนที่สมควรจะทำสวนทำไร่ควรจะเป็นรุ่นเยาว์ คนที่ควรจะนั่งพักผ่อนอยู่ในสวนควรเป็นชายชรา และเด็กก็ควรจะวิ่งเล่นอยู่ในหมู่บ้าน
“เจ้าอันธพาล ช่วยอย่าพูดเรื่องแบบนั้นให้ข้ากลัวได้ไหม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่อดพูดตำหนิไม่ได้
หลิงฮันหัวเราะ “ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว พวกเรา…”
“ต่อให้ตายข้าก็จะไม่ทำเช่นนั้นกับเจ้า!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ตกตะลึงและคิดไปเองว่าหลิงฮันอดกลั้นที่จะกินนางไม่ไหวแล้ว
หลิงฮันมองบนและส่ายหัว “สมองของเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ข้าหมายถึงเมื่อถึงค่ำแล้ว พวกเราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันดีกว่า”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ที่เข้าใจหลิงฮันผิดก็หน้าเปลี่ยนไปเป็นแดงทันที แต่เมื่อเห็นใบหน้าเยาะเย้ยของหลิงฮัน นางก็รู้ตัวว่าหลิงฮันนั้นจงใจพูดให้นางคิดเช่นนั้น นางทนไม่ไหวและยืนมือออกไปที่เอวหลิงฮันและบิดอย่างแรง
“เจ้าอันธพาลตัวเหม็น!”
หลังจากพวกเขาจู๋จี๋กันอยู่พักนึง พวกเขาก็ออกไปข้างนอกอย่างเงียบเชียบ
“หยุดก่อน ดึกดื่นป่านนี้พวกเจ้าสองคนจะไปไหน?” เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากที่พัก ซุ่ยเต๋อก็ปรากฏตัวออกมาจากความมืดพร้อมกับขี่ช้างสีขาว แน่นอนว่าช้างสีขาวนี่คือหุ่นเชิด มันมีความสูงสองฟุตและมีงวงที่เคลื่อนที่ขยับไปมา ท่ามกลางความมืดเป็นเรื่องยากมากที่จะมองออกว่าเป็นหุ่นเชิดหรือของจริง
“ทิวทัศน์ที่นี่งดงามและเงียบสงบมาก พวกข้าเลยอยากไปเดินเล่นเสียหน่อย” หลิงฮันกล่าว
“โอ้ ผู้คนที่ชอบความสงบ โดยเฉพาะตอนกลางคืน หากไม่รบกวนพวกเขาคงจะไม่ดี” ซุ่ยเต๋อส่ายหัว “พวกเจ้าสองคนกลับไปพักผ่อนดีกว่า”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ขยับมือเล็กน้อยเพื่อเตรียมชักดาบ แต่หลิงฮันเอื้อมมือไปจับมือนางเอาไว้ นางที่อยู่กลับหลิงฮันมานานย่อมเข้าใจว่าเขาทำเช่นนี้เพื่อรั้งไม่ให้นางผลีผลาม
“ตกลง งั้นพวกเรากลับกันเถอะ” หลิงฮันยิ้มและหันไปส่ายหัวเล็กน้อยให้สุ่ยเยี่ยนยวี่
ตอนที่ 1021
“นี่มันน่าสงสัยเกินไปแล้ว!” เมื่อสุ่ยเยี่ยนยวี่กลับมาถึงที่พัก นางก็พูดบ่นพึมพัมออกมาทันที
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว!”
“เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการให้พวกเราตรวจสอบ หากเป็นตามที่เขาพูด ผู้คนที่อยู่ที่นี่ต้องการความสงบ แล้วทำไมเขาถึงปรากฏตัวในยามดึกเช่นนี้? มันเห็นได้ชัดว่าพวกเรากำลังถูกจับตามองอยู่” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “แต่น่าเสียดายที่ข้าเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ยิ่งพวกเขาห้ามข้ามากเท่าไหร่ มันทำให้ข้ายิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเท่านั้น”
ครั้งนี้ สุ่ยเยี่ยนยวี่เห็นด้วยกับหลิงฮันและพูดว่า “พวกเราควรแอบออกไปอีกครั้งหรือไม่?”
“ไม่ พวกเราจะเข้านอน” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสุ่ยเยี่ยนยวี่แทบบ้าคลั่ง นี่เขากำลังคิดเรื่องพวกนั้นอีกแล้วหรือ?
หลิงฮันเริ่มรุกทันที เขาจุมพิตนางและพูดว่า “พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่เป็นวันแรกเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะระวังเป็นพิเศษ แล้วข้าคิดว่าคนพวกนั้นห้าคนน่าจะคอยจับตาดูพวกเราอยู่ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะลอบออกไปได้ในค่ำคืนนี้”
“ถ้างั้นพวกเราจะรอให้ถึงพรุ่งนี้อยากนั้นรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถาม
“ใช่แล้ว!” หลิงฮันกล่าว ตอนนี้เขาอยู่ในหมู่บ้านที่มีทางเข้าและทางออกเพียงทางเดียว จึงเป็นเรื่องยากที่จะลอบออกไปได้ ในเมื่อเขาได้เข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว เขาก็จะต้องไม่รีบร้อนและประมาท
“อืม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้าเห็นด้วย
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงเข้าไปในหอคอยทมิฬอีกครั้ง สุ่ยเยี่ยนวี่เริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลัง ในขณะที่หลิงฮันยังคงหลอมเม็ดยาไข่มุกนภาต่อ เขาจะต้องหลอมมันขึ้นมาให้ได้เร็วที่สุด
หากทำสำเร็จ เม็ดยาไข่มุกนภาจะไม่ได้ทำให้แค่เขาก้าวหน้าขึ้นราวกับติดปีกเท่านั้น แต่จะนำความมั่งคั่งมหาศาลมาให้เขาอีกด้วย เพราะการฝึกฝนบ่มเพาะพลังทรัพยากรทางการเงินถือมีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ค่ำคืนแรกผ่านไป หลิงฮันยิ้มอย่างพอใจ ดูเหมือนว่าเขาจะก้าวหน้าขึ้นอีกก้าวแล้ว
หลังจากที่ทั้งสองคนรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จ พวกเขาก็ออกมาจากหอคอยทมิฬและเดินไปที่ลานกว้าง
หยางเทียนเฉิงและคนอื่นบางคนนอนหลับสนิทอย่างสบายใจ ราวกับที่นี่คือสวรรค์แห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง มิฉะนั้นเมื่อคืนพวกเขาคงไม่หลับสนิทขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม คนอย่างหยางเทียนเฉิงและฟานหยงนั้นมีประสบการณ์ทางโลกมากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ไว้วางใจคนอื่น
ในทางตรงกันข้าม จินจื้อฮุยและคนที่เหลือทำตัวประมาทมาก เมื่อคืนพวกเขานอนหลับกันสนิท
เมื่อทุกคนมารวมตัวกันครบแล้ว หลัวอู่และฟานหยงก็ไม่ปกปิดจิตสังหารที่มีต่อหลิงฮันอีกต่อไป แต่ตอนนี้พวกเขายังไม่อาจลงมือได้ เพราะมีหยางเทียนเฉิงอยู่ที่นี่ด้วย
“ทุกท่าน วันนี้เป็นวันที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักที่อาจารย์ของข้าอยากจะพบพวกท่าน” โกวชิ่วเหวินเข้ามาและกล่าว แน่นอนว่าเขากำลังขี่เสืออยู่ ราวกับว่าเขาไม่สามารถเดินไปไหนได้หากไม่มีมัน
แต่ในทางตรงกันข้าม การที่อีกฝ่ายขี่หุ่นเชิดอยู่ตลอดทั้งวัน มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ?
“ฮ่าฮ่าฮ่า เช่นนั้นพวกข้าก็รอที่จะไปเยี่ยมเจ้าของเกาะไม่ไหวแล้ว” ทุกคนหัวเราะ
“อาจารย์ของข้าเป็นปรมาจารย์นักเชิดหุ่น เขาเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์ของแปลกๆขึ้นมา หากพวกท่านได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ของข้า เขาจะต้องช่วยพวกท่านสร้างเรือที่ดีขึ้นมาให้อย่างแน่นอน เพื่อให้พวกท่านเดินทางกลับได้อย่างปลอดภัย” โกวชิ่วเหวินกล่าว
ภายใต้การนำทางของโกวชิ่วเหวิน พวกเขาก็มาถึงห้องโถงของคฤหาสน์ มันมีความลึกมากกว่าสิบฟุต และสูงห้าฟุต ราวกับเป็นวิหาร แล้วมีชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ เขาน่าจะเป็นอาจารย์ที่พวกโกวชิ่วเหวินกล่าวถึง
ชายชราคนดังกล่าวมีรูปร่างที่สูงมาก แม้ว่าเขากำลังนั่งอยู่ แต่ก็สูงเท่าคนทั่วไป ซึ่งเกือบจะเท่าหยางเทียนเฉิงที่กำลังยืนอยู่เลย
“ข้ามีนามว่าเผยจี่” ชายชรานั่งกล่าวแนะนำตัว แล้วพยักหน้าให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าข้าทำตัวไร้มารยาท แต่ขาทั้งสองข้างของข้านั้นได้หายไปนานแล้ว ข้าเลยไม่สะดวกที่จะลุกขึ้นยืน”
เขายกเสื้อคลุมขึ้นมาให้ทุกคนได้เห็น ตั้งแต่เข่าลงไปนั้นว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าขาทั้งสองข้างหายไปอย่างที่เขาพูด เมื่อดูจากรอยแผลแล้ว มันน่าจะถูกตัดมากกว่าประสบอุบัติเหตุ
“ผู้อาวุโส ท่านไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้” ทุกคนรีบส่ายหัวของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เผยจี่กล่าวว่า “ข้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า ด้วยวัสดุที่ข้ามีมันอาจจะต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อสร้างเรือให้กับพวกเจ้า หากเป็นไปได้อย่างราบรื่นก็อาจจะใช้เวลาแค่ห้าวัน แต่ถ้านานหน่อยก็อาจถึงสิบวัน หากข้าสร้างเรือให้กับพวกเจ้าเสร็จแล้ว ข้าจะส่งคนไปแจ้งให้พวกเจ้าทราบเอง ในช่วงเวลานี้ ทุกคนสามารถพักผ่อนและสนุกกับชีวิตที่เงียบสงบได้อย่างเต็มที่”
“ขอบคุณผู้อาวุโส!” ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสุข
อีกฝ่ายเป็นถึงปรมาจารย์นักเชิดหุ่น ทุกคนสามารถฝากความหวังไว้กับเขาได้อย่างแน่นอน
เผยจี่พยักหน้า “หากพวกเจ้าคนใดสนใจเรื่องการสร้างหุ่นเชิด พวกเจ้าสามารถพูดคุยกับลูกศิษย์ของข้าได้ และข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีหลายคนที่สนใจศึกษามัน”
เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนดูแปลกใจ
การสร้างหุ่นเชิดเป็นเหมือนกับทักษะยุทธลึกลับ แต่เผยจี่กลับเต็มใจที่จะสอนพวกเขา ความใจกว้างของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ
แม้แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย คนดีแบบเขาจะเป็นคนไม่ดีได้อย่างไร?
เผยจี่พูดคุยกับทุกคนอยู่สักพัก แต่ระหว่างที่พูดคุยกันนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไป และเขาก็รีบพูดกับทุกคนว่าเขาไม่ต้องการเสียเวลาและจะเริ่มสร้างเรือทันที
แน่นอนว่าทุกคนรู้สึกดีใจ ยิ่งเขาเริ่มสร้างเรือเร็วขึ้นเท่านั้น พวกเขาก็จะได้ออกไปจากเกาะแห่งนี้ได้เร็วขึ้นเท่านั้น
“ทุกท่าน หากท่านสนใจที่จะสร้างหุ่นเชิดสามารถถามศิษย์น้องของข้าได้เลย” โกวชิ่วเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม และดูทุกคนจะให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
แต่หลิงฮันนั้นไม่สนใจที่จะเรียนรู้สร้างหุ่นเชิด เพราะเขาเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเองเสมอ ไม่ว่าหุ่นเชิดจะทรงพลังแค่ไหน แต่มันก็ไม่ใช่พลังของตัวเองอย่างดี ซึ่งแตกต่างจากการปรุงยา อย่างน้อยเม็ดยาที่เขาหลอมขึ้นมาก็ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
ในขณะที่สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกสนใจมาก นางอยากจะรู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านศาสตร์นี้หรือไม่ แต่นางก็ถูกหลิงฮันขวางเอาไว้ เพราะตอนนี้พวกเขาไม่ควรแยกจากกันเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องที่คาดไม่ถึง
เขาจะพาสุ่ยเยี่ยนยวี่ออกไปจากหมู่บ้าน ตอนนี้พวกเขายังมีเหตุผลอะไรอีกที่จะต้องอยู่ในคฤหาสน์?
“พี่ชายหลิงและแม่นางสุ่ย พวกท่านจะออกไปข้างนอกหรือ?” เมื่อทั้งสองคนเดินไปที่ประตูของคฤหาสน์ปู้เชิงหยุนขี่ลิงดำมาขวาง ซึ่งทำให้หลิงฮันรู้สึกสงสัยมากขึ้น หรือว่าคนพวกนี้จะไม่มีขาเหมือนกับเผยจี่?
มิฉะนั้น ทำไมพวกเขาจะต้องขี่หุ่นเชิดตลอดทั้งวันด้วย?
“ใช่ พวกข้าอยากจะออกไปเดินเล่นชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามเสียหน่อย มันไม่ง่ายเลยที่จะเห็นทิวทัศน์ที่งดงามแบบนี้” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ เช่นนั้นข้าจะไปกับพวกท่านด้วย”
ตอนที่ 1022
ไม่ว่าหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่จะเต็มใจหรือไม่ ปู้เชิงหยุนก็เดินตามพวกเขาไม่เว้นแต่ละก้าว
้ขออ้างที่เขาใช้ตามมาก็คือเขาจะติดตามไปด้วยเพื่อต้อนรับแขกและคอยแนะนำให้
ปู้เชิงหยินตามพวกหลิงฮันไปทุกที่ไม่ว่าพวกเขาจะไปไหน ไม่แน่ใจว่าเขากระตือรือร้นในการต้อนรับจริงๆหรือว่ากำลังจับตาดูพวกเขาอยู่กันแน่
หลิงฮันต้องการจะเดินไปยังบ้านพักทุกหลังในหมู่บ้าน แต่เมื่อใดที่เขาเดินออกนอกเส้นทางหลักของถนน ปู้เชิงหยุนก็จะเอ่ยเสียงห้ามเขาและอ้างว่าผู้คนที่นี่ไม่ชอบให้ถูกรบกวน จึงห้ามเดินผ่านไปยังบ้านแต่ละหลัง
ยิ่งถูกห้ามเรื่อยๆก็ยิ่งทำให้หลิงฮันรู้สึกสงสัยมากขึ้น
แต่เพราะเขาไม่ต้องการจะมีเรื่องกับผู้คนบนเกาะนี้ หลิงฮันจึงไม่ลงมือทำอะไรผลีผลามและกลับไปยังที่พักของตัวเองทันทีหลังจากที่สำรวจหมู่บ้านแบบคร่าวๆเสร็จ
หลัวอู้กับฟานหยงไปหาโกวชิ่วเหวินเพื่อเรียนรู้ศาสตร์หุ่นเชิด ถ้าพวกเขามีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้จริงๆ เมื่อพวกเขาเรียนรู้ทักษะได้สำเร็จและกลับไปยังเมืองจักรพรรดิ สถานะของพวกเขาจะต้องทะยานสูงขึ้นแน่นอน
หลัวอู้หวังจะได้ตำแหน่งในตระกูลที่สูงขึ้นในขณะที่ฟานหยงหวังว่าจะไม่ต้องเป็นผู้ติดตามของจ้าวหลุนอีกต่อไปและมีอำนาจพอจะยืนหยัดด้วยอำนาจของตนเอง
เพราะงั้นพวกเขาจึงจริงจังอย่างมาก
เหลี่ยวหยิงดูไม่ได้สนใจอะไรในตอนแรกก็เริ่มดูเหมือนจะหันมาสนใจเช่นกัน
ในทางตรงข้าม หยางเทียนเฉิงนั้นคิดเพียงต้องการกลับขึ้นฝั่ง จินจื่อฮุยมีเพียงคำว่า ‘หลอมดาบ’ อยู่ในสมอง หยินหยวนเซียงพูดน้อยและไม่ชอบสุงสิงกับใคร ฟู่เทียนเองก็เมินเฉยต่อสิ่งอื่นนอกจากการบ่มเพาะพลังอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเวลาผ่านไป หลัวอู้ ฟานหยง เหลี่ยวหยิงก็ไม่กลับมาที่พักอีกเลยราวกับว่าพวกเขาเสพติดการเรียนรู้ศาสตร์หุ่นเชิด
ในวันที่เจ็ด โกวชิ่วเหวินก็มาชวนหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ไปชมผลงานหุ่นเชิดของเขา
หลิงฮันไม่สนใจเรียนรู้ศาสตร์แห่งเชิดหุ่น แต่เขาสงสัยในระบบการทำงานของหุ่นเชิดมาก ดังนั้นเขาจึงยอมรับคำเชิญและไปยังห้องทำงานในคฤหาสน์กับสุ่ยเยี่ยนยวี่
ห้องทำงานมีสองห้องคือห้องเล็กกับห้องใหญ่ ห้องทำงานเล็กนั้นเป็นห้องทำงานส่วนตัวซึ่งมีเพียงศิษย์ทั้งห้าที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ ส่วนห้องทำงานที่พวกเขาไปนั้นคือห้องทำงานใหญ่
เผยจี่ห้องทำงานเหล่านี้ให้การสอนศิษย์ทั้งห้าและให้พวกเขาฝึกฝนกันที่นี่
ห้องทำงานแบ่งออกเป็นหลายห้องซึ่งแต่ละห้องปิดกันเสียงได้ดีเยี่ยม ไม่เช่นนั้นหากสร้างหุ่นเสียงดังขึ้นในห้องหนึ่ง คนที่อยู่ห้องข้างๆจะไม่หนวกหูรึไง?
“สำหรับการสร้างหุ่นเชิด สิ่งจำเป็นคือการเลือกวัตถุดิบในการสลักรูปแบบอามคมและใส่ผลึกก่อเกิดเข้าไป” โกวชิ่วเหวินพูดชี้แนะพวกเขาในขณะที่เดินอยู่ เขาพาหลิงฮันไปยังห้องทำงานห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องของเขา
ห้องนี้มีขนาดกว้างและถูกล้อมไปด้วยวัตถุดิบ เครื่องมือมากมาย
“ช่วงนี้ข้ากำลังสร้างหุ่นเชิดรูปแบบมนุษย์อยู่ มันเกือบจะถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว”
ตอนนี้เขาขี่หุ่นเชิดเสือเหมือนอย่างเคย แต่หุ่นเชิดเสือก็ยังคงเดินตามเขาอยู่ หากมองจากด้านหลังนั้นไม่สามารถแยกออกได้เลยว่ามันคือเสือจริงหรือปลอม แต่จากด้านหน้าจะสามารถมองเห็นดวงตาปลอมของมันได้ชัดเจน มันคือดวงตาจากการฝังอัญมณีสองเม็ดลงไป ไม่ใช่ดวงตาจริงๆ
เขาชี้ไปยังหุ่นเชิดรูปร่างมนุษย์
ร่างของหุ่นเชิดถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลทั้งร่าง แต่ก็สามารถมองออกว่ามันมีรูปร่างของมนุษย์ ส่วนมันถูกสร้างขึ้นจากวัสดุอะไรนั้นไม่สามารถบอกได้
“ความสำเร็จสูงสุดของนักเชิดหุ่นคือการทำหุ่นเชิดที่เหมือนจริงที่สุด” เขาลูบหุ่นเชิดที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์พร้อมกับแสดงสีหน้าตื่นเต้น “ทั้งสองเชิญชม”
เขาเปิดหน้าอกของหุ่นเชิด ด้านในนั้นไร้อวัยวะภายในและสามารถมองเห็นซี่โครงได้อย่างชัดเจน กระดูกของหุ่นเชิดนั้นไม่ใช่สีขาวแต่เป็นสีทองอ่อน
“กระดูกของมันสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยการเคลือบแร่โลหะเอาไว้ แต่เนื่องจากวัสดุที่ใช้สร้างหุ่นนั้นมีหลายประเภท แร่โลหะที่จะใช้ก็ต้องมีระดับที่ไม่เหมือนกันด้วย อย่างเช่นหุ่นตัวนี้มันต้องใช้แร่โลหะระดับสาม” โกวชิ่วเหวินอธิบาย
“ดูให้ดี กระดูกทุกชิ้นของมันมีรูปแบบอาคมสลักเอาไว้ นี่คือส่วนที่สำคัญมาก เนื่องจากมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต มีเพียงรูปแบบอักขระที่สลักเอาไว้เท่านั้นที่จะทำให้มันเคลื่อนไหวได้”
โกวชิ่วเหวินกล่าวอย่างกระตือรือร้นโดยไม่สนว่าหลิงฉันจะเข้าใจหรือสนใจเรื่องที่เขากล่าวหรือไม่
“ขั้นตอนสุดท้ายคือการใส่ผลึกก่อเกิดเข้าไปเพื่อกระตุ้นให้รูปแบบอักขระทำงาน” เขานำผลึกก่อเกิดหลายชิ้นออกมาและมองไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่ “แม่นางสุ่ย ท่านช่วยเป็นคนนำผลึกก่อเกิดใส่เข้าไปเพื่อกระตุ้นใช้งานหุ่นเชิดได้รึไม่?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่รีบส่ายหัว ถึงแม้นางจะรู้ว่าตรงหน้าคือหุ่นเชิด แต่ด้วยรูปร่างมนุษย์ของมันก็ทำให้นางรู้สึกขยะแขยง
โกวชิ่วเหวินยิ้มและไม่เร้าหรือแต่กล่าวออกมา “ไม่ว่าจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ยังมีอายุขัยที่จำกัด ไม่ว่าสตรีจะงดงามเพียงใด สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความตาย”
เขานำผลึกก่อเกิดใส่เข้าไปในหุ่นเชิดและจ้องมองไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่ด้วยสายตาที่ร้อนแรง “แม่นางสุ่ยช่างงดงามและมีเสน่ห์ยิ่งนัก ใบหน้าและเรือนร่างของท่านสมควรจะถูกหยุดไว้เช่นนั้นตลอดกาลไม่สมควรแก่เฒ่า ไม่เช่นนั้นจะเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก!”
“เรื่องนี้ไม่เห็นจะเกี่ยวกับพี่ชายโกว” หลิงฮันเอ่ยแทรก
“โอ้ ต้องขอโทษด้วย ข้าเผลอตัวไปหน่อย!” โกวชิ่วเหวินรีบกล่าวขอโทษและปิดหน้าอกของหุ่นเชิด แน่นอนว่าสิ่งที่ใช้เชื่อมให้ผิวของหุ่นเชิดติดกันไม่ใช่ไหมเย็บแผลแต่เป็นห่วงเล็ก
“เอาล่ะ ทีนี้ก็เชิญสนุกกับหุ่นเชิดของข้า!” เขาเขยิบถอยหลังและแสดงสีหน้ามีความสุข
‘พรึบ’ หุ่นเชิดลืมตาและลุกขึ้นยืน มันชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหันมองรอบข้าง
หุ่นเชิดจ้องไปยังหลิงฮัน สายตาของมันไม่ได้มืดมัวอีกต่อไป ตรงช่องว่างของผ้าพันแผลสามารถมองเห็นดวงตาที่ส่องประกายราวกับหมาป่าของมัน
“โฮกก!” หุ่นเชิดมนุษย์คำรามเสียงต่ำและขยับเท้าพุ่งไปยังทิศทางของหลิงฮัน
มันเคลื่อนที่ได้ไวมาก มันยื่นมือข้างหนึ่งออกมา มือของมันมีนิ้วอยู่สองนิ้วที่ไม่ถูกพันด้วยผ้าพันแผล นิ้วของมันดูทนทานราวกับเหล็กกล้า ปลายนิ้วของมันก็แหลมคมเป็นอย่างยิ่งพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกออกมา
หลิงฮันไม่หวาดกลัวและปล่อยหมัดออกไป
‘ปัง!’
จากการปะทะกัน หลิงฮันถูกทำให้เดินถอยสองสามก้าวในขณะที่หุ่นเชิดถูกทำให้สั่นสะท้านเพียงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาทรงตัวคงที่ มันคำรามอีกครั้งและโจมตีใส่หลิงฮัน
ระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นกลาง หรืออาจจะชั้นปลาย หลิงฮันประเมินในใจและใช้งานอักขระแรงโน้มถ่วง หุ่นเชิดมนุษย์เดินโซเซในทันทีจนเกือบจะล้มลงกับพื้น
แต่หลิงฮันก็ต้องขมวดคิ้วเพราะเขารู้สึกว่าเขารั้งการเคลื่อนที่ของอีกฝ่ายได้ยากมาก
อีกฝ่ายที่มีพลังเพียงระดับภูผาวารีขั้นสูงแต่ทำให้เขารู้สึกลำบากได้ เหตุผลคงมีอยู่ข้อเดียวคือร่างของอีกฝ่ายมีน้ำหนักที่มากเกินไป!
เมื่อนึกถึงสิ่งที่โกวชิ่วเหวินเคยกล่าวว่ากระดูกของหุ่นเชิดนั้นถูกหลอมเคลือบขึ้นจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นหนักของมันก็คงจะไม่ธรรมดาแน่นอน
แต่ที่หลิงฮันไม่เข้าใจก็คือทำไมหุ่นเชิดตนนี้ถึงโจมตีเขา ทั้งๆที่ก็เห็นอยู่ว่าโกวชิ่วเหวินไม่ได้ออกคำสั่งใดๆ
ตูม! ตูม! ตูม!
หุ่นเชิดกระหน่ำโจมตีใส่หลิงฮันราวกับต้องการเอาชีวิตของเขา
ตอนที่ 1023
“หยุด! หยุดมันเดี๋ยวนี้!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กรีดร้องใส่โกวชิ่วเหวิน
นางไม่ได้เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของหลิงฮัน ตราบใดที่ไม่มีใครสามารถทำลายกายหยาบที่แข็งแกร่งของเขาได้ เขาก็เป็นตัวตนไร้พ่าย แต่ใครจะชอบถูกเป็นฝ่ายโจมตี?
โกวชิ่วเหวินยิ้มเยาะและพูดว่า “แม่นางสุ่ย ข้าไม่ได้เป็นคนออกคำสั่ง ทั้งหมดที่หุ่นเชิดทำเป็นเพราะการตัดสินใจของมันเอง”
“มันจะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กรีดร้อง “หุ่นเชิดตัวนี้เจ้าเป็นคนสร้างมันขึ้นมา หากเจ้าไม่ได้เป็นคนออกคำสั่ง แล้วมันจะโจมตีได้อย่างไร?”
“หรือว่าแม่นางสุ่ยจะลืมเรื่องที่ข้าพูดเมื่อครู่ไปแล้ว?” โกวชิ่วเหวินไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย และพูดว่า “ทุกอย่างที่ใช้สร้างหุ่นเชิดจะส่งผลต่อหุ่นเชิดโดยตรง”
“อย่างเช่นอะไร?” สุ่ยเยี่ยนยวี่เริ่มใจเย็นลง
หลิงฮันกำลังต่อสู้กับหุ่นเชิดอย่างดุเดือดและสูสี ดังนั้นนางจึงไม่รีบร้อน
โกวชิ่วเหวินแสดงรอยยิ้มแปลกๆ และพูดว่า “ตัวอย่างเช่น ส่วนที่เก็บความทรงจำเอาไว้”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่เข้าใจ อะไรคือส่วนที่เก็บความทรงจำเอาไว้? แล้วมันเกี่ยวข้องกับที่หุ่นเชิดโจมตีหลิงฮันยังไง?
ในทางตรงกันข้าม หลิงฮันดูเหมือนจะตระหนักอะไรบางอย่าง ในตอนนี้หุ่นเชิดตรงหน้ายังไม่สามารถเป็นภัยคุกคามให้กับเขาได้ ดังนั้นเขาจึงฟังบทสนทนาระหว่างสุ่ยเยี่ยนยวี่กับโกวชิ่วเหวินพร้อมกับต่อสู้ไปด้วย
หรือว่ามันจะเป็น?
หลิงฮันนำดาบออกมาและกระหน่ำโจมตีใส่ใบหน้าของหุ่นเชิดหลายสิบกระบวนท่า ในไม่ช้าผ้าพันแผลบนใบหน้าของหุ่นเชิดก็ถูกตัดเป็นชิ้นๆ และเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่
“น…น…นี่มัน-” สุ่ยเยี่ยนยวี่เบิกตากว้าง และไม่อาจปกปิดสีหน้าตกตะลึงของนางเอาไว้ได้ ไม่สิ อาจพูดได้ว่าสีหน้าที่หวาดผวาของนางก็ไม่ผิด
โกวชิ่วเหวินยิ้มเหมือนปีศาจและพูดว่า “ใช่แล้ว ดั่งที่พวกเจ้าเห็น ดูเหมือนว่าความทรงจำของหุ่นเชิดนี่ มันจะโจมตีก่อนที่ข้าจะออกคำสั่งซะอีก
หุ่นเชิดตัวนี้คือ…หลัวอู่!
ที่หลัวอู่หายตัวไปหลายวันเพราะเขากลายเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว? หรือว่าหุ่นเชิดตัวนี้จะเลียนแบบใบหน้าของหลัวอู่กันแน่?
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจและพูดว่า “ข้าไม่แปลกใจเลยที่พวกเจ้าไม่ต้องการให้พวกข้าเข้าใกล้บ้านของชาวบ้านและไม่อนุญาตให้พูดคุย เพราะพวกเขาทุกคน…เป็นหุ่นเชิด!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” โกวชิ่วเหวินหัวเราะและปรบมือไม่หยุด “ไม่เลวเลว เจ้าเดาได้ถูกต้อง ข้ารู้สึกชื่นชมเจ้าจริงๆ เพราะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่เหมือนกับเจ้า”
หลิงฮันยังคงหลบการโจมตีไปเรื่อยๆ ในขณะที่หลัวอู่โจมตีใส่เขาไม่หยุด ความคิดที่แข็งแกร่งที่สุดของหลัวอู่คือการฆ่าหลิงฮัน ดังนั้นหลังจากที่ถูกทำให้เป็นหุ่นเชิด มันจึงกลายเป็นความทรงจำเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่
“จ…เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ตะโกนด่า ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูดล้วนเป็นเรื่องโกหก และไม่คิดที่จะสร้างเรือให้พวกเขาออกไปจากที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว
“ผิดแล้ว ผิดแล้ว พวกข้าแค่ต้องการทำให้พวกเจ้ามีชีวิตนิรันดร์ก็เท่านั้น!” โกวชิ่วเหวินหัวเราะ “ลองคิดดูสิ พวกเจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหนกันเชียว? ไม่ว่าพวกเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนท้ายที่สุดก็ต้องตายอยู่ดีมิใช่หรือ?”
“แต่หลังจากที่กลายเป็นหุ่นเชิด มันจะคงสภาพของเจ้าไว้ตลอดกาล! แม่นางสุ่ย เจ้าเป็นคนที่งดงามมาก ทำไมเจ้าไม่รักษาะความงดงามนั้นไว้ตลอดกาลกันล่ะ?” สายตาของโกวชิ่วเหวินจับจ้องไปที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่หยุด
“โอ้ว แล้วทำไมเจ้าไม่ทำกับตัวเองกันล่ะ?” หลิงฮันสลัดออกจากหลัวอู่และพุ่งเข้าไปโจมตีโกวชิ่วเหวิน
“โฮก!” หุ่นเชิดเสือส่งเสียงคำราม และคลื่นเสียงของมันกลายเป็นวงกลมและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน
ร่างของหลิงฮันกระเด็นไปด้านหลังทันที เสื้อผ้าของเขากลายเป็นหลุดลุ่ย
ช่วยไม่ได้ที่เขาจะแปลกใจ ความแข็งแกร่งของเจ้าหุ่นเชิดเสือตัวนี้อยู่ในระดับภูผาวารีขั้นสูง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในเมื่อเจ้ารู้ความลับของที่นี่แล้ว แล้วข้าจะไม่เตรียมพร้อมได้อย่างไร?” โกวชิ่วเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ไม่ต้องห่วง พวกเจ้าทุกคนจะกลายเป็นหุ่นเชิดให้กับข้า ส่วนสตรีที่งดงามกับเจ้า ข้าจะทำวันละหลายๆครั้งเลย!”
ประโยคหลังกล่าวถึงสุ่ยเยี่ยนยวี่ ซึ่งเปิดเผยธาตุแท้ของเขาออกมา นั่นเป็นเพราะยังไงทุกคนก็จะถูกทำเป็นหุ่นเชิดอยู่แล้ว อีกฝ่ายรู้แล้วจะได้อะไร?
สุ่ยเยี่ยนยวี่ตะโกนด่าอย่างดุเดือดว่า “น่าขยะแขยงสิ้นดี!”
“ข้าสัญญาว่าจะทำให้เจ้ามีความสุข” แววตาของโกวชิ่วเหวินเปล่งประกายด้วยแสงที่ชั่วร้าย เขาไม่สนใจสตรีที่งดงามที่ยังมีชีวิต เฉพาะตอนที่เป็นหุ่นเชิดเท่านั้นถึงจะเกิดอารมณ์
โฮก! ตู้ม! โฮก! ตู้ม!
หลัวอู่และหุ่นเชิดเสือกำลังกระหน่ำโจมตีใส่หลิงฮัน โดยเฉพาะหุ่นเชิดเสือ ความแข็งแกร่งของมันเหนือกว่าหลัวอู่มาก ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ทุกส่วนของร่างกายของมันไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ ผิวและกระดูกล้วนแต่ถูกเสริมแกร่งทุกส่วน มันคือเครื่องจักรสังหารอย่างแท้จริง
หลิงฮันเรียกใช้พลังแรงโน้มถ่วง แต่กลับไม่ได้ผลกับหุ่นเชิดเสือเลยแม้แต่น้อย เพราะมันมีน้ำหนักมากกว่าหลัวอู่มาก
เมื่อเห็นเช่นนั้น สุ่ยเยี่ยนยวี่เลยเริ่มเคลื่อนไหวและเข้าร่วมการต่อสู้
ในทางตรงกันข้าม โกวชิ่วเหวินยังไม่เคลื่อนไหว เพียงแค่มองดูการต่อสู้อย่างมั่นใจ
ฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นกลางและชั้นต้น ในทางทฤษฎีแล้ว แค่หลัวอู่คนเดียวก็สามารถสยบทั้งสองคนได้แล้ว และยิ่งมีหุ่นเชิดเสือร่วมสู้ด้วยอีกฝ่ายจะเอาชนะได้อย่างไร?
ที่เขานั่งดูนั้น เพราะเขาไม่ต้องการให้หุ่นเชิดทั้งสองตัวลงมือหนักจนเกินไป เพราะกลัวสุ่ยเยี่ยนยวี่เสียโฉม
“อะไรกัน!” ในไม่ช้าโกวชิ่วเหวินก็เผยสีหน้าตกตะลึง เพราะเขาพบว่าพลังป้องกันของหลิงฮันนั้นค่อนข้างน่าทึ่ง ภายใต้การโจมตีอย่างหนักหน่วงของหุ่นเชิดทั้งสองตัว เขายังไม่ได้รับบาดแผลเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” ความประหลาดใจของเขากลายเป็นความปีติยินดี “กายหยาบของชายคนนี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก มันคุ้นค่ามากที่จะหล่อโครงกระดูกด้วยแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าหรือกระทั่งขั้นหก!”
“แม้ว่าเขาจะเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลาง แต่ข้ามั่นใจว่าสามารถลงอักขระของระดับสุริยันจันทราบนกระดูกของเขาได้ แล้วในตอนนั้นเองเขาก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทรา!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอาจารย์มีหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทราแค่สองตัว ข้าอยากจะสร้างหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทราขึ้นมาแล้วสิ หากเจ้ากลายเป็นหุ่นเชิดของข้า ข้าก็จะกลายเป็นผู้ปกครองที่นี่!”
“หลังจากที่ข้าชายคนนี้ได้แล้ว ข้าจะซ่อนศพเขาเป็นอย่างดี และโกหกว่าร่างของเขาเสียหายเกินกว่าจะสร้างเป็นหุ่นเชิดได้ อย่างไรก็ตามอาจารย์และศิษย์คนอื่นก็คงสนแต่ผู้หญิงคนนี้เท่านั้น…”
พรึบ!
ในตอนนั้นเอง หลิงฮันกระโจมเข้ามาเพื่อที่จะสังหารเขา
จะจับโจรให้จับหัวหน้าก่อน!
ตอนที่ 1024
โกวชิ่วเหวินเคลื่อนไหวใดๆ แต่เป็นหุ่นเชิดเสือที่พุ่งแทรกเข้ามาเพื่อหยุดหลิงฮัน มันคำรามใส่เขา ‘โฮกกก’ มันอ้าปากและพ่นเขี้ยวทั้งยี่สิบออกมาเพื่อโจมตีราวกับเป็นมีดบิน
ฉัวะ!
หุ่นเชิดเสือมีพลังต่อสู้ของระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นปลาย หลิงฮันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ร่างของเขาถูกเขี้ยวทั้งยี่สิบกว่าอันทิ่มแทงและมีโลหิตไหลออกมา
ต่อให้เป็นกายหยาบของเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บหากคู่ต่อสู้มีพลังระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด นี่เพราะอย่างไร ระดับพลังบ่มเพาะของพระเจ้านั้นแม้พลังจะห่างกันแค่ขั้นเล็กแต่ความต่างของพลังนั้นใหญ่โตมาก
หุ่นเชิดเสืออ้าปากอีกครั้งและคิดจะดูดเขี้ยวที่มันพ้นกลับเข้ามา
“คิดอะไรง่ายๆ!” หลิงฮันแสยะยิ้ม เขาสั่งการในใจให้สัมผัสสวรรค์คลุมเขี้ยวเอาไว้ ‘พรึบ’ ทันใดนั้นเขี้ยวทั้งยี่สิบสี่ซี่ก็ถูกนำเข้าไปยังหอคอยทมิฬ
บนเขี้ยวของหุ่นเชิดไม่มีเจตจำนงใดๆเหลือเชื่อจึงเป็นเรื่องง่ายที่หลิงฮันจะทำเช่นนี้
“อะไรกัน!” โกวชิ่วเหวินตกใจจนตาถลน
เกิดอะไรขึ้น?
จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของหุ่นเชิดคือมันไม่มีความคิดเป็นของตนเอง มันสามารถถูกนำเข้าไปในอุปกรณ์มิติได้ง่ายมาก แต่ปัญหานั้นแก้ง่ายมากคือการทำให้หุ่นเชิดกลายเป็นอุปกรณ์มิติเสียเอง
เท่าที่รู้อุปกรณ์มิตินั้นไม่สามารถนำอุปกรณ์มิติอีกชิ้นเข้าไปในตัวมันได้ ที่เป็นแบบนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่ขนาดของมิติแต่เป็นคุณภาพ
ไม่ว่าจะเป็นตัวหรือฟันของหุ่นเชิดเสือก็ส้วนแต่มีช่องมิติเล็กๆอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้มันถูกขโมยเข้าไปยังอุปกรณ์มิติ
แต่ตอนนี้เขี้ยวทั้งยี่สิบสี่อันกลับหายไปแบบดื้อๆ!
แต่ด้วยขีดจำกัดความรู้เรื่องมิติของโกวชิ่วเหวิน เขาไม่มีทางรู้แน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้น
“โฮกกก!” หุ่นเชิดเสือคำรามและแกว่งกรงเล็บเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ตราบใดที่เป็นสิ่งที่ไม่มีเจตจำนง เขาสามารถใช้สัมผัสสวรรค์นำมันเข้ามาในหอคอยทมิฬได้
ฮ่าๆๆ ยอดเยี่ยม!
เขาจ้องไปยังหุ่นเชิดเสือและพาดมือไว้ด้านหลัง ท่าทีของเขาดูเหมือนกับกำลังอวดดี
เพียงแต่ว่าสัมผัสสวรรค์ของเขานั้นได้ขยายออกกว้างราวกับเป็นตาข่ายเพื่อโอบล้อม
หุ่นเชิดเสือพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วที่สูงมาก ถ้าลองเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางคนอื่น ยังไม่ทันทีสัมผัสสวรรค์จะโอบล้อมได้เสร็จสมบูรณ์ร่างของพวกเขาก็คงจะถูกบดขยี้โดยหุ่นเชิดเสือเสียก่อน
แต่พลังจิตวิญญาณของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าระดับพลัง แถมยังถูกทำให้มั่นคงด้วยคัมภีร์สวรรค์อีก
“แส่หาความตาย!” โกวชิ่วเหวินคำราม เขาชี้นิ้วและกล่าว “สังหารเขาแต่อย่าให้ศพเละมาก ไม่เช่นนั้นมันจะยุ่งยาก!”
หุ่นเชิดเสือพุ่งกระโจน ‘พรึบ’ และหายไปทันที
พรวด!
โกวชิ่วเหวินตกตะลึงจนลูกตาของเขาถลนออกมา ปากของเขาอ้าค้างและเผลอแลบลิ้นห้อย
หายไปแล้ว!
หุ่นเชิดระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดหายวับไปราวกับความฝัน
‘พึบ’ ทันใดนั้นเอง หลัวอู้ก็เปลี่ยนความสนใจจากสุ่ยเยี่ยนยวี่มาโจมตีหลิงฮัน
แม้เขาจะได้รับคำสั่งให้สังหารทั้งหลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่ แต่ความเกลียดชังที่เขามีต่อหลิงฮันในความทรงจำนั้นมากกว่า
แน่นอนว่าเขาต้องเลือกสังหารหลิงฮันเป็นคนแรก!
“กลับมา! จงกลับมา!” โกวชิ่วเหวินรีบตะโกน เขารู้สึกตัวแล้วว่าหลิงฮันมีอะไรที่แปลกๆ
หลิงฮันจ้อมอง หลัวอู้นั้นเป็นคนที่คิดจะไล่ล่าสังหารเขา แต่สุดท้ายเขาก็ต้องพบเจอกับความตาย แถมตายไปแล้วก็ยังถูกใช้เป็นสุนัขรับใช้อีก
หลิงฮันส่ายหัว แน่นอนว่าเขาไม่มีความรู้สึกสงสารกับคนเช่นนี้ แต่เขาแค่อดคิดไม่ได้เท่านั้น
หลัวอู้นั้นเป็นหุ่นเชิดที่ผิดพลาด? โกวชิ่วเหวินออกคำสั่งแล้วแท้ๆแต่เขาก็ยังลงมือไม่หยุด เขาเลือกที่จะโจมตีก่อนถึงจะค่อยล่าถอย
‘พรึบ’ ร่างหุ่นเชิดของหลัวอู้หายไป
หลิงฮันหัวหน้ายิ้มให้กับโกวชิ่วเหวินและกล่าว “ทีนี้ก็เหลือแค่พวกเราแล้ว!”
ขาสองข้างของโกวชิ่วเหวินสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ตามหลักแล้ว นักปรุงยา ผู้ใช้รูปแบบอาคม นักคำนายและอื่นๆ นั้นพวกเขาจะมีพลังต่อสู้ที่ไม่สูงเท่าไหร่ อย่างมากก็พอจะสู้ได้ในระดับพลังเดียวกันเท่านั้น การจะสู้ข้ามระดับนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็ง่ายมาก พวกเขาในเวลาและความพยายามไปกับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ศาสตร์วรยุทธ แล้วพวกเขาจะสามารถขัดเกลาพลังสู้ได้อย่างไร?
โกวชิ่วเหวินก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่เขาแตกต่างคือการเป็นนักเชิดหุ่นทำให้มีหุ่นเชิดอยู่ข้างกาย ที่พึ่งของเขาคือหุ่นเชิดเสือที่มีพลังต่อสู้ของระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นปลาย
แต่ตอนนี้หุ่นเชิดทั้งสองของเขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย การที่เขาไม่เข้าใจว่าหายไปได้อย่างไรทำให้ขาหวาดกลัว ยิ่งกว่านั้นพลังบ่มเพาะของเขาเองก็อยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นปลายเท่านั้น
ห้องนี้เองก็เป็นห้องปิดเสียง ต่อให้เขาตะโกนแหกปากไปก็ไม่มีใครได้ยิน
นอกเสียจากว่าเขาต้องหนีออกไปให้ได้
เมื่อคิดเช่นนั้นสายตาของเขาก็เพ่งไปยังประตูทันที
หนี!
เขาสับขาวิ่งเพื่อรีบไปขอความช่วยเหลือ ตอนนี้เขาลืมความคิดจะซ่อนหลิงฮันเอาไว้เพื่อจะนำไปหลอมเป็นหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทราไปสนิทแล้ว
แต่ที่เขาประหลาดใจก็คือหลิงฮันไม่ไล่ตามมา
ดี!
เขากล่าวในใจและค่อยๆเข้าใกล้ประตูมากขึ้น ใบหน้าของเขาเผลอแสดงท่าทีดีใจออกมาไม่ได้
‘พรึบ’ แสงที่เย็นยะเยือกแวบผ่านเข้ามา
“อ้ากกก” โกวชิ่วเหวินครวญครางและล้มลงพื้นทันที
เขามองไปด้านหลังและพบว่ามีบาดแผลปรากฏที่ขา เขาไม่รู้เลยว่าอะไรทำให้เขาเกิดบาดแผล แต่การโจมตีเมื่อครู่ทำให้เส้นลมปราณที่บริเวณขาของเขาฉีกขาด
แน่นอนว่าสิ่งที่หลิงฮันใช้โจมตีไปคือศรฆ่ามังกรทะลวงดารา ดังนั้นมันจึงรวดเร็วจนมองไม่ทัน!
โกวชิ่วเหวินรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน เขาอดกลั้นความเจ็บปวดและเดินไปยังประตู ความคิดเดียวในหัวของเขาตอนนี้คือการหลบหนี
“ข้ามองเจ้าสูงไปจริงๆ!” หลิงฮันกระโดดเพื่อหวังไปคว้าคอของอีกฝ่าย
“อย่าเข้ามาใกล้ข้า!” โกวชิ่วเหวินกรีดร้องและใช้มือทุบตีหลิงฮัน
หลิงฮันส่ายหัว ด้วยพลังของเขาความพยายามของโกวชิ่วเหวินย่อมไร้ความหมาย โกวชิ่วเหวินถูกหลิงฮันจับไว้ได้ทันที
“เอาล่ะ เล่าที่มาของอาจารย์ขาเป๋ของเจ้ามาซะ!” หลิงฮันกล่าว
ก่อนหน้านี้เขาไม่มีความคิดจะไปวุ่นวายกับเผยจี แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเผยธาตุแท้ออกมาและเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน หลิงฮันก็ต้องการรู้ข้อมูลของศัตรูเป็นธรรมดา
ตอนที่ 1025
“เจ้า เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นอาจารย์ของข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” โกวชิ่วเหวินตัวสั่น
หลิงฮันส่ายหัว “ข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นคนโหดเหี้ยมเสียอีก เหตุใดถึงได้ขี้ขลาดเช่นนี้?”
เขาสะบัดมือและนำร่างของหลัวอู้ออกมา
ร่างที่ถูกนำออกมาคือซากศพของจริงเนื่องจากผลึกก่อเกิดภายในถูกนำออกมาแล้ว แถมรูปแบบอาคมก็ถูกทำลายทิ้งด้วย นอกจากกระดูกที่แข็งทนทาน ร่างนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากศพธรรมดา
“นี่คือหุ่นเชิดที่เจ้าสร้างสินะ?” หลิงฮันชี้ไปยังร่างศพและกล่าว “อวัยวะภายในของศพถูกล้วงออกไป ข้าเกรงว่าคราวนี้คงถึงตาของเจ้าบ้างแล้ว”
โกวชิ่วเหวินสั่นสะท้านและตอบ “ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ หมอนั่นก็เป็นแค่วัตถุดิบเท่านั้น เขาไม่ใช่คนอีกต่อไปแล้ว”
หลิงฮันตกตะลึงเล็กน้อย ตรรกะในการมองคุณค่าของชีวิตของชายคนนี้ผิดเพี้ยนไปใหญ่แล้ว แม้จะหวาดกลัวความตาย แต่เขาก็ยังพูดจาโหดเหี้ยม
เขาตบหน้าอีกฝ่ายและกล่าว “ข้าไม่ต้องการอ่านความทรงจำของเจ้า จงตอบสิ่งที่ข้าถามมาซะ!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่เดินเข้ามาใกล้และนำดาบไปจ่อไว้ที่คอของโกวชิ่วเหวิน “จะมัวไปพูดกับคนเช่นนี้ทำไม สังหารทิ้งไปเลยดีกว่า!”
“อย่า! อย่า!” โกวชิ่วเหวินหวาดกลัวความตาย “อย่าสังหารข้า เจ้าต้องการรู้อะไรข้าจะบอกหมดเลย ขอแค่อย่าสังหารข้าก็พอ!” ในขณะที่กำลังโอดครวญ โกวชิ่วเหวินก็ฉี่ไหลออกมา หมอนี่หวาดกลัวจนคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว
สุ่ยเยี่ยนยวี่รีบนำมือขึ้นมาปิดจมูกและเดินถอยไปไกล
หลิงฮันต้องการจะตบหน้าอีกซักครั้ง แต่เกรงกว่าอีกฝ่ายจะกลัวจนตกใจจะตายไปเสียก่อน เขาเค้นเสียงเย็นชาและกล่าว “บอกทุกอย่างที่เจ้ารู้มา”
“แน่นอน ข้าบอกแล้ว ข้าจะบอกแล้ว!” โกวชิ่วเหวินพยักหน้ารัวและเริ่มเล่า
ราวๆสามหมื่นปีก่อนเขาเริ่มติดตามเรียนรู้วิชากับเผยจี่ เมื่อตอนนั้นเขาเพิ่งจะมีอายุเพียงหกหรือเจ็ดปีเท่านั้น ดังนั้นความทรงจำจึงคลุมเครือ
ในช่วงสามหมื่นปีนี้เขาติดตามและเรียนรู้จนได้ถูกรับเป็นศิษย์คนที่สี่
เกาะนี้นั้นมักจะเกิดอุบัติเหตุทางทะเลหลายครั้งอย่างเช่นคลื่นยักษ์ บางครั้งก็มีโจรสลัดมาเยือนที่นี่บ้าง ซึ่งคนเหล่านั้นก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นหุ่นเชิดทั้งหมด
บางทีเหยื่อที่มาติดเกาะก็พาลูกมาด้วย เผยจี่เลือกเด็กบางคนจากหมู่เหยื่อเหล่านั้นมาเป็นลูกศิษย์ ถ้าหากเขาพบว่าเด็กที่ว่าไม่มีอนาคตแล้วเขาก็จะสังหารทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
โกวชิ่วเหวินได้สรุปไปเองว่าเขาคงเป็นลูกหลานของเหยื่อเหล่านั้น ครอบครัวหรือญาติของเขาคงจะถูกสังหารไปแล้ว แต่เนื่องจากเขามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม เขาจึงถูกเผยจี่รับเป็นศิษย์
ในตอนนั้นเขายังเด็กเกินกว่าที่จะจำอะไรได้ หรือไม่ก็เขาอาจจะหวาดกลัวจนลืมความทรงจำที่เลวร้ายไปหมดสิ้น
แต่ถึงแม้เรื่องที่ว่ามาจะเป็นความจริงเขาก็ไม่กล้าที่จะมีความแค้นต่อเผยจี นั้นเพราะอีกฝ่ายมีหุ่นเชิดสองตัวที่มีพลังต่อสู้ระดับสุริยันจันทรา
เผยจี่คือนักเชิดหุ่นที่แข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องการจะแสดงพลังของเขาออกมา เขาจึงเลือกตั้งตนเป็นจักรพรรดิของเกาะนี้และมอบฝันร้ายให้กับคนที่มาติดเกาะนี้
ส่วนเผยจี่มีที่มาอย่างไรนั้น โกวชิ่วเหวินไม่รู้อะไรเลย สิ่งที่เขารู้คือฃเกาะนี้นั้นอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ทุกๆปีมันจะปลดปล่อยพลังงานลึกลับบางอย่างออกมาในรูปแบบหมอกและจะทำให้หุ่นเชิดมีพลังที่แข็งแกร่งมากขึ้น
ยิ่งกว่านั้นหากเป็นในช่วงปกติพวกเขาจะต้องใช้เวลาหลายเดือนในการสร้างหุ่นเชิด แต่เมื่อมีหมอกวิเศษช่วย หุ่นเชิดจะถูกสร้างเสร็จภายในไม่กี่วัน
หมอกวิเศษ?
หลิงฮันสงสัยและกล่าว “มันอยู่ที่ไหน? ให้ข้าดูหน่อย”
โกวชิ่วเหวินรีบลุกขึ้นเพื่อเปิดตู้ใส่ของและนำขวดหยกออกมา “หมอกวิเศษถูกกักเก็บอยู่ภายในนี้” โกวชิ่วเหวินก้มหน้าในขณะที่แววตาของเขาส่องประกายความชั่วร้าย
หมอกวิเศษนี้ช่วยเสริมสร้างหุ่นเชิดก็จริง แต่ถ้าหากมนุษย์เป็นๆสูดดมเข้าไป ความนึกของคนๆนัน้จะถูกกลืนกินและกลายเป็นมนุษย์ไร้ความนึกคิดที่รู้จักแต่การเข่นฆ่าสังหาร มันก็คล้ายกับกลายเป็นหุ่นเชิดแต่คนที่กลายเป็นเช่นนั้นจะไม่รับฟังคำสั่งของใคร
หลิงฮันรับขวดหยกมา ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่มีทางเปิดมันซี้ซั้วแน่นอน เขาโยนโกวชิ่วเหวินเข้าไปในหอคอยทมิฬก่อนที่จะตามเข้าไปกับสุ่ยเยี่ยนยวี่
สำหรับการตรวจสอบสิ่งที่ไม่รู้จัก ในหอคอยทมิฬคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด
“หอคอยน้อย ตรวจสอบได้รึไม่ว่านี่คืออะไร?” หลิงฮันนำขวดหยกออกมา เขาออกคำสั่งในจิตใจ ‘เพล๊ง’ ขวดหยกแตกกระจายทันที
หมอกสีดำหมุนวนกลางอากาศ มันเปลี่ยนสภาพกลายเป็นรูปร่างต่างๆ บ้างก็เป็นสัตว์อสูร บ้างก็เป็นนก และจากนั้นก็กลายเป็นรูปร่างมนุษย์ แต่ร่างมนุษย์ที่มันเปลี่ยนสภาพนั้นมีเขาหนึ่งเขาและมีหางที่ก้น
“ปราณอสูร!” หอคอยน้อยปรากฏตัวและกล่าวออกมาพร้อมกับหลิงฮัน
นี่จะต้องเป็นปราณอสูณแน่นอน หลิงฮันเคยเห็ฯมันมาแล้วในทวีปฮงเทียน แต่ปราณอสูรอันนี้นั้นแค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่ามันแข็งแกร่งกว่าของจักรพรรดิจอมอสูรไม่รู้ที่เท่า
‘พรึบ!’
หลิงฮันออกคำสั่งในใจ จักรพรรดิจอมอสูรนั้นถูกเขาจับตัวไว้แล้วถูกขังอยู่ในหอคอยทมิฬตลอดมา
“คารวะนายท่าน สวรรค์ให้พรขอให้นายท่านมีอายุยืนยาว!” จักรพรรดิจอมอสูรประจบสอพลอเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเห็นสุ่ยเยี่ยนยวี่เขาก็คุกเข่าทันที “คารวะนายหญิง! นายท่านช่างมีสายตาที่เฉียบคมยิ่งนัก นายหญิงนั้นงดงามราวกับเทพธิดา สตรีเช่นนี้สามารถพบเจอได้ในรอบร้อยล้านปีเท่านั้น!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ชะงัก ในโลกนี้มีคนที่ขี้ประจบเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
หลิงฮันเค้นเสียง “เลิดพูดไร้สาระได้แล้ว ตรวจสอบปราณอสูรนี่ให้ข้าและบอกที่มาของมันมา”
“ขอรับ! ขอรับ!” จักรพรรดิจอมอสูรรีบพยักหน้าและมองไปยังปราณอสูร ร่างกายที่เป็นควันของเขาขยับไปมาราวกับกำลังสั่นกลัว “นี่มัน นี่มัน นี่มันปราณอสูรของจ้าวอสูร!”
“จ้าวอสูร?” หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายและกล่าว “เล่าให้ชัดเจนหน่อย”
จักรพรรดิจอมอสูรค่อยๆสงบใจและพยักหน้า “ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีระดับพลังที่เรียกว่าระดับสร้างสรรพสิ่ง ในขณะเดียวกัน ที่ดินแดนใต้พิภพตัวตนที่มีพลังเช่นเดียวกันจะถูกเรียกว่าจ้าวอสูร”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ตกตะลึงและอุทาน “นี่เขาเป็นสิ่งมีชีวิตของดินแดนใต้พิภพ?”
หลิงฮันชะงักกับความจริงที่ว่านี่คือออร่าที่ถูกทิ้งไว้โดยจ้าวอสูร ซึ่งเป็นตัวตนระดับเดียวกับจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง
จักรพรรดิจอมอสูรจู่ๆก็พุ่งเข้าไปยังกลุ่มก้อนของหมอกปราณอสูร
“ฮ่าๆๆ ตราบใดที่ข้าผสานรวมกับปราณอสูรนี่ได้ พลังของข้าจะเพิ่มขึ้นมหาศาลและสามารถกลับไปมีพลังระดับภูผาวารีเช่นเดิมได้ การสังหารเจ้าหนูนี่ก็เป็นเรื่องง่ายราวกับขยี้ลูกไก่ในกำมือ” เขาอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
ตอนที่ 1026
จักรพรรดิจอมอสูรเป็นคนที่ละโมบและโหดเหี้ยม เพื่อที่จะให้ตนเองมีชีวิตรอดเขาจึงยอมเลียแข้งเลียขาหลิงฮัน
เขาเป็นชายที่รู้จักการยืนหยุ่นตนเองเพื่อเอาชีวิตรอด ดังนั้นเมื่อใดที่มีโอกาสเขาก็พร้อมหักหลัง!
ตอนนี้คือโอกาสที่ดีที่สุด!
ตราบใดที่เขาดูดซับปราณอสูรนี้ได้ พลังของเขาจะฟื้นฟูกลับไปเป็นระดับภูผาวารีขั้นต้น
แม้หลิงฮันจะเป็นสัตว์ประหลาดและมีพรสวรรค์ที่ลำเลิศ แต่หลิงฮันจะสามารถต่อกรกับเขาที่มีพลังระดับพระเจ้าได้รึ?
ไร้สาระสิ้นดี!
เมื่อปราณอสูรอยู่ใกล้แค่เอื้อม จักรพรรดิจอมอสูรก็แสดงสีหน้าเบิกบานใจ หากเขาผสานรวมเข้ากับปราณของจ้าวอสูร ศักยภาพของเขาจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างใหญ่หลวง เพราะนี่เป็นถึงเศษเสี้ยวทักษะยุทธของจ้าวอสูร!
สำหรับสิ่งมีชีวิตบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สิ่งนี้อาจจะเป็นยาพิษ แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตจากดินแดนใต้พิภพเช่นเขา สิ่งนี้คือสุดยอดยาบำรุง
ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังโชคดีที่ปราณอสูรตรงหน้าเป็นเพียงเศษเสี้ยว ไม่เช่นนั้นหากมันมีปริมาณที่มากกว่านี้ คงเป็นตัวเขาเองที่จะระเบิดออกเป็นจุลน์
ออร่าของระดับสร้างสรรค์พสิ่งนั้นทรงพลังเกินไป
ห่างอีกหนึ่งนิ้ว… ครึ่งนิ้ว!
‘กึก’ ทำไมเขาถึงขยับตัวไปต่อไม่ได้?
จักรพรรดิจอมอสูรหันหลังทันที เขาเห็นหลิงฮันกำลังใช้มือขนาดใหญ่กำร่างเขาเอาไว้แน่นทำให้เขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าต่อได้
“เหอๆ เจ้านี่ช่างกล้าหาญเสียจริง!” หลิงฮันยิ้ม
“นายท่าน!” จักรพรรดิจอมอสูรมีรูปร่างเป็นควันโดยที่ไม่มีกายหยาบ เขารีบยืดร่างของตนเองและไปกอดน่องหลิงฮัน “ผู้น้อยคนนี้เพียงแค่หลงตาบอดไปชั่วครู่!”
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้าต้องการดูดซับกลุ่มก้อนปราณอสูรอันนี้งั้นรึ?”
“นายท่านโปรดอนุญาติ!” ใบหน้าของจักรพรรดิจอมยอสูรเต็มไปด้วยท่าทีอ้อนวอน
“หลิงฮัน อย่าโดนเขาหลอก!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว จักรพรรดิจอมอสูรเป็นคนที่ตีสองหน้าอย่างเห็นได้ชัด
จักรพรรดิจอมอสูรด่าทอในใจทันที หลิงฮันยังพอวางใจได้ แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่กลับยั่วยุขึ้นมา!
“ก็ได้ ข้าจะให้มันเป็นรางวัลเจ้า” หลิงฮันยิ้ม ปราณอสูรอันนี้เป็นพิษต่อตัวเขา ซึ่งอันตรายมาก
จักรพรรดิจอมอสูรถูกปล่อยเป็นอิสระ เขาไม่กล่าวขอบคุณและรีบไปดูดกลืนกลุ่มก้อนปราณอสูรทันที
‘ตูม’ ร่างของเขาขยายใหญ่จนดูเหมือนกลายเป็นลูกบอลยักษ์ก่อนที่จะย่อเล็กลงมาเหมือนกัน จักรพรรดิจอมอสูรดูไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากดามก็จริงแต่สามารถสัมผัสได้ว่าออร่าของเขากำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาได้ทะลวงผ่านกลับไปยังระดับพระเจ้าและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา
ระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด!
“ฮ่าๆๆๆ!” จู่ๆจักรพรรดิจอมอสูรก็หัวเราะลั่นด้วยความทะนง “หลิงฮัน เจ้าช่างโง่เง่านักที่ให้ข้าผู้นี้ฟื้นคืนพลังกลับมา! วันนี้ข้าจะสอนให้เจ้ารู้เองว่าพลังระดับพระเจ้ามันเป็นเช่นไร!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ชะงัก นางไม่ได้ตกตะลึงในพลังของจักรพรรดิจอมอสูร แต่อีกฝ่ายนั้นไร้ยางอายเกินไปที่เปลี่ยนนิสัยจากหน้าเป็นหลังรวดเร็วเช่นนี้!
หลิงฮันยิ้ม “ฟื้นพลังกลับมาเป็นระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด?”
“หืม เจ้ารู้ได้อย่างไร?” จักพรรดิจอมอสูรอดประหลาดใจไม่ได้ อีกฝ่ายสมควรจะไม่รู้เรื่องระดับพลังของพระเจ้ามากนัก แต่การที่สามารถบอกระดับพลังของเขาได้อย่างชัดเจนเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงและเป็นลางไม่ดี
หลิงฮันถอนหายใจและกล่าว “จอมอสูรน้อย เจ้าอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว?”
“ห้ามเรียกข้าเช่นนั้นอีกต่อไป ข้าคือจักรพรรดิจอมอสูร!” จักรพรรดิจอมอสูรไม่สบอารมณ์
หลิงฮันกล่าวต่อ “เจ้าคิดว่าหลังจากผ่านไปหลายปีพลังของข้าไม่เพิ่มขึ้นเลยรึไง?”
“เจ้า เจ้า…” จักรพรรดิจอมอสูรมีท่าทีเปลี่ยนไป เจ้าหนูนี่มีพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาด ตรรกะทั่วไปไม่สามารถนำมาใช้กับเขาได้
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและปลดปล่อยออร่าออกมา ‘ครืนน’ มันคือออร่าที่แข็งแกร่งกว่าของจักรพรรดิจอมยอสูรจนเทียบไม่ติด
“นายท่าน!” จักรพรรดิจอมอสูรพุ่งเข้าไปกอดขาหลิงฮัน “ข้าน้อยคิดถึงท่านเป็นอย่างมากที่ในแต่ละวันข้าไม่ได้พบหน้าท่านสามเวลา”
มุมปากของสุ่ยเยี่ยนยวี่กระตุก นางไร้คำพูดไปโดยสิ้นเชิง
“ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่เจ้ายังโหดเหี้ยมอยู่เลยงั้นรึ?” หลิงฮันกล่าวเหน็บแนม
“ขะ ข้าแค่สมองฟั่นเฟือนไปชั่วครู่!” จักรพรรดิจอมอสูรกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “นายท่านก็รู้ว่าหากถูกขังไว้เป็นเวลานานคนเราก็สามารถเกิดนิสัยที่สองขึ้นมาได้ ซึ่งข้าน้อยคนนี้ก็เป็นเช่นนั้น! แต่นายท่านไม่ต้องกังวลข้าได้กำจัดนิสัยนั่นทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่นี้ไปข้าน้อยจะเป็นสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตว์ต่อท่านและไม่แว้งกัดท่านอีก!”
หลิงฮันจ้องมองและกล่าว “นี่เป็นโอกาสที่เจ้าขอข้าครั้งที่สองแล้ว!”
ถ้าจักรพรรดิจอมอสูรมีเหงื่อตอนนี้เขาคงเหงื่อไหลท่วมร่างไปแล้ว
“โปรดไว้วางใจ จะไม่มีครั้งที่สามแน่นอน!” เขาทำท่าทีก้มหัวด้วยความจริงใจ
ครั้งนี้เขาหวาดกลัวหลิงฮันอย่างแท้จริง
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปีหลิงฮันก็สามารถก้าวไปถึงระดับพระเจ้าจากระดับสวรรค์ได้ และไม่ใช่เพียงแค่ระดับภูผาวารีทั่วไปแต่เขาบรรลุระดับภูผาวารีขั้นกลางอีกด้วย ถ้าหลิงฮันยังเติบโตเช่นนี้ต่อไป อีกหลายร้อยหลายพันปีเขาจะไม่กลายเป็นจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งเลยรึไง?
หากมีนายท่านเช่นนั้น ไม่เพียงแค่เขาจะไม่อับอายแต่ยังได้ประโยชน์อีกด้วย
จักรพรรดิจอมอสูรเปลี่ยนไปแล้ว ตราบใดที่หลิงฮันยังเติบโตด้วยความเร็วเช่นนี้ต่อไปเขาก็จะยินยอมเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์
เขารู้ว่าต่อให้เขาเป็นเพียงสุนัขที่ซื่อสัตย์ แต่หากเป็นสุนัขของผู้ยิ่งใหญ่ แม้จะเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาก็ต้องให้ความเคารพต่อเขา
หลิงฮันพยักหน้า “นี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้า จะไม่มีครั้งที่สามอีก!”
“ขอบคุณนายท่าน! ขอบคุณนายท่าน!” จักรพรรดิจอมอสูรรู้สึกปลื้มปิติ
หลิงฮันตั้งใจจะสยบจักรพรรดิจอมอสูรอย่างสมบูรณ์ นั่นเพราะจักรพรรดิจอมอสูรมีความสามารถที่มีประโยชน์อยู่… อย่างเช่นการเข้าไปในหุ่นเชิด
“ข้ามอบสิ่งนี้ให้ เจ้าจงเข้าในภายในแล้วต่อสู้เพื่อข้าในอนาคต” หลิงฮันเรียกหุ่นเชิดเสือออกมา
ไม่ว่าจะถูกสั่งให้เข้าสิงคนหรือสุนัข จักรพรรดิจอมอสูรก็ไม่มีความคิดจะโต้แย้ง เขาเข้าไปยังภายในร่างของหุ่นเชิดเสือทันที ทันใดนั้นร่างของหุ่นเชิดเสือก็เคลื่อนไหว
“นายท่าน นี่มันร่างระดับภูผาวารีขั้นสูง!” จักรพรรดิจอมอสูรตื่นเต้นทันที ถึงแม้เขาจะฟื้นพลังกลับไปยังจุดสูงสุดของเขา เขาก็ยังมีพลังระดับภูผาวารีขั้นกลางอยู่ดี พลังของเขายังห่างไกลกับระดับสูง
“ไม่พอใจ?”
“พอใจ! พอใจแน่นอน!” จักรพรรดิจอมอสูรตื่นเต้น
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ตราบใดที่เจ้าทำงานเพื่อข้าอย่างซื่อสัตย์ จะปราณอสูรระดับสุริยันจันทรา ระดับดารา หรือแม้แต่ระดับสร้างสรรพสิ่งข้าก็สามารถมอบให้เจ้ากลืนกินได้”
“นายท่านช่างเมตตาข้าน้อย! ข้าน้อยจะทำทุกอย่างเพื่อท่าน!” จักรพรรดิจอมอสูรลอยออกมาจากหุ่นเชิดเสือและคลอเคลียขาหลิงฮัน
ครั้งนี้แม้เขาจะมีร่างที่แข็งแกร่งอยู่ เขาก็ไม่กล้ามีความคิดชั่วร้ายในใจแม้แต่น้อย
ร่างนี้หลิงฮันเป็นคนนำมา!
นั่นก็หมายความว่านายท่านของเขาแข็งแกร่งจนแม้แต่เจ้าของร่างระดับภูผาวารีขั้นสูงก็ยังถูกเหยียบย่ำจนตาย
ตอนที่ 1027
โกวซิ่วเหวินถูกหลิงฮันจับ ร่างของเขาหยุดชะงักด้วยทักษะจิตเจ็ดสังหารของหลิงฮัน และยังคงไม่รู้สึกตัว
ความแข็งแกร่งของทักษะนี้คือยิ่งผู้ใช้มีพลังวิญญาณที่แกร่งกล้ามากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมีผลกระทบต่อฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นเท่านั้น
เขาถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงปรบมือ และช่วยไม่ได้ที่เขาจะลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันและตกตะลึง
ที่นี่คือที่ไหนกัน? นี่ข้าหมดสติไปนานแค่ไหนก่อนที่จะออกมาจากเกาะแก่นโลกา แล้วสถานที่แปลกประหลาดนี่มันอะไรกัน?
“จ จ จ เจ้า…” เมื่อเห็นหลิงฮันช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกหวาดกลัว เพราะหลิงฮันไม่ได้ทำอะไรเลย
หรือว่าอีกฝ่ายไม่ได้เปิดขวด?
ไม่ มันมีเศษขวดอยู่ทางด้านโน้น เขาจะต้องเปิดขวดอย่างแน่นอน
“เจ้ารู้สึกผิดหวังอย่างนั้นหรือ?” หลิงฮันพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ข้าขอเหตุผลเจ้าสักข้อว่าทำไมข้าต้องไว้ชีวิตเจ้าด้วย?”
“ข ข ข ข้าเป็นเหยื่อ ข้าถูกบังคับให้ทำ!” โกวซิ่วเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอนและโยนความผิดทั้งหมดให้กับเผยจี้
“จอมอสูรน้อย ข้ามัน!”
จักรพรรดิจอมอสูรรีบเข้าไปอยู่ในหุ่นเชิดเสือทันที มันเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “น้อมรับคำสั่งนายท่าน!”
โกวซิ่วเหวินรู้สึกประหลาดใจและงงงวย หุ่นเชิดเสือตัวนี้เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมากับมือ และขี่มันอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้มันกำลังจะฆ่าเขา ซึ่งทำให้เขาเกือบจะกลัวจนตัวตาย
ตั้งแต่ที่เขาจำความได้ เขาก็ไม่เคยออกจากเกาะมาก่อน แล้วเขาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับดินแดนใต้พิภพได้อย่างไร?
“จ จ เจ้าเป็นหุ่นเชิดของข้า!” โกวชิ่วเหวินคิดว่าอีกฝ่ายกำลังควบคุมหุ่นเชิดของเขาอยู่
จักรพรรดิจอมอสูรกระโจนกัดคอโกวซิ่วเหวินทันที ภายใต้แรงกัดของมัน ทำให้อีกฝ่ายถูกฆ่าตายอย่างรวดเร็ว
“ตามข้ามา และอย่าทำอะไรตามใจชอบ” หลิงฮันสั่ง
จักรพรรดิจอมอสูรรู้สึกมีความสุข หรือว่าเจ้านายประทับใจในตัวเขาแล้ว?
พรึบ!
หลิงฮันสบัดมือ ทันใดนั้นเขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่และหุ่นเชิดเสืออีกหนึ่งตัวก็ปรากฏตัวอยู่ในห้องทำงาน
“ที่นี่มัน….ดินแดนศักดิ์สิทธิ์!” จักรพรรดิจอมอสูรกล่าวด้วยความตกตะลึง แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าหลิงฮันกลายเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีแล้วก็สามารถเดาได้ว่าหลิงฮันก้าวเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงตกตะลึงกับพลังปราณของที่นี่อยู่ดี
“เปิดประตู” หลิงฮันบอกให้จักรพรรดิจอมอสูรเปิดประตู
“ขอรับนายท่าน!” จักรพรรดิจอมอสูรรีบพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เป็นโอกาสที่เขาจะแสดงความจงรักภักดี
เขารีบหมุนลูกบิดประตูให้หลิงฮันทันที
“ตรวจสอบทุกห้อง” หลิงฮันกล่าว
ปัง!
จักรพรรดิจอมอสูรทำลายประตูห้องถัดไปทันที นอกเหนือจากเครื่องมือและวัสดุที่อยู่บนโต๊ะทำงานแล้ว มันไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกอยู่ภายในห้อง
พวกเขาถอยออกมาจากห้องและจักรพรรดิจอมอสูรก็ทำลายประตูห้องอื่นต่อ
“เอ่อ…” สุ่ยเยี่ยนยวี่แสดงสีหน้าน่ารังเกลียดและอยากจะอาเจียนออกมา
ห้องนี้ไม่แตกต่างจากสองห้องก่อนหน้านี้มากนัก มันมีเครื่องมือและวัสดุอยู่รอบๆ ส่วนตรงกลางเป็นโต๊ะทำงาน แต่ทว่าโต๊ะทำงานของห้องนี้มีศพที่ถูกแยกชิ้นส่วนอยู่บนโต๊ะ
มันคือศพของฟานหยง
หลิงฮันยังรู้สึกสงสัยว่าตอนที่อีกฝ่ายถูกจับแยกส่วนนั้นเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
มันจะน่าสะพรึงกลัวแค่ไหนกันเมื่อเห็นตัวเองกำลังถูกแยกส่วนและตายอย่างช้าๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสีหน้าของฟานหยงถูกบิดเบี้ยวขนาดนั้น
“พวกต่ำช้า!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ด่าทออยู่ด้านข้าง
หลิงฮันเรียกใช้อักขระศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงและเผาศพของฟานหยงให้กลายเป็นเถ้าถ่าน แม้ว่าจะเคยเป็นศัตรูกันก็ตาม
“ไปห้องถัดไป!”
จักรพรรดิจอมอสูรเชื่อฟังคำสั่งและเริ่มทำลายประตูห้องถัดไป เขารู้ว่าตอนนี้เจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดีและเสียงของเขาเยือกเย็นมากราวกับออกมาจากถ้ำน้ำแข็งหลังจากที่เห็นศพถูกแยกส่วน ถ้าเป็นดินแดนใต้พิภพฉากที่เกิดขึ้นคงจะโหดร้ายกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ปัง!
จักรพรรดิจอมอสูร ทำลายประตูห้องที่สี่
ที่นี่…มีคนอยู่!
“เจ้า…เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน? หืม? ทำไมหุ่นเชิดเสือถึงอยู่กับเจ้ากัน?” คนที่อยู่ในห้องถัดไปคือต๋งหยู่หลงที่ดูยุ่งอยู่
บนโต๊ะมีร่างที่กำลังถูกแยกส่วนและเลือดที่ปกคลุมไปทั่วโต๊ะ หากมองให้ดีจะเป็นว่ามันเป็นร่างของผู้หญิง เพราะแขนและขาที่ถูกตัดแยกออกมาจากลำตัวนั้นค่อนข้างเรียวยาว แล้วตรงช่วงอกถึงหน้าท้องนั้นถูกแหวกออกและถูกควักอวัยวะภายในออกไป
ร่างที่อยู่บนโต๊ะคือเหลี่ยวหยิง
นางยังไม่ตาย และขยับดวงตาไปมองหลิงฮัน ริมฝีปากของนางขยับอยู่สองสามครั้งเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่นางไม่อาจส่งเสียงได้
แต่หลิงฮันสามารถเดาได้ว่านางต้องการพูดอะไร – ฆ่าเจ้าสัตว์เดรัจฉานนี่! และช่วยปลดปล่อยข้าที
“ฆ่ามัน!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นราวกับเป็นเสียงที่มาจากขุมนรก
จักรพรรดิจอมอสูรกระโจนใส่ต๋งหยู่หลงทันที
“โฮก!” หุ่นเชิดหมาป่าเข้ามาขวางจักรพรรดิจอมอสูร มันเป็นหุ่นเชิดระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดเหมือนกัน ดังนั้นความแข็งแกร่งของมันจึงไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิจอมอสูร
หลิงฮันเดินไปข้างหน้าและใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหาร แล้วหุ่นเชิดหมาป่าก็หายไปในหอคอยทมิฬ
อึก!
การแสดงออกของต๋งหยู่หยงนั้นเหมือนกับโกวซิ่วเหวินไม่มีผิด แต่ทันใดนั้นเองจักรพรรดิจอมอสูรก็พุ่งกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง และใช้กรงเล็บตะปบไปที่หัวอีกฝ่าย หลังจากนั้นไม่นานร่างที่ไร้หัวก็ล้มลงกับพื้น
หลิงฮันเดินไปหาเหลี่ยวหยิงและนำดาบออกมา ตอนนี้นางคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน นางหลับตาลงอย่างช้าๆและรู้สึกขอบคุณหลิงฮัน จากนั้นเขาก็เรียกใช้อักขระศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอีกครั้งแล้วเผาร่างของเหลี่ยวหยิง
จากนั้นพวกเขาก็ไปห้องที่ห้าและพบเหยื่อรายอื่น
หยางเทียนเฉิง!
เขาเองก็ถูกจับแยกส่วนเช่นกัน ซึ่งแต่ละส่วนนั้นถูกแช่อยู่ในของเหลวสีเงิน แต่เขาไม่ได้อดทนเหมือนกับเหลี่ยวหยิง และได้ตายจากไปแล้ว
เขาน่าจะถูกแยกส่วนวันนี้ เพราะตอนเช้าหลิงฮันยังเห็นหยางเทียนเฉิงอยู่เลย
สำหรับหลัวอู่และฟานหยงนั้นกลายเป็นเครื่องจักรสังหารไปแล้ว ส่วนเหลี่ยวหยิงหลิงฮันก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีกับนางเท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายต้องการไล่ตามเขา แต่สำหรับหยางเทียนเฉิงนั้นเขาค่อนข้างชื่นชมอีกฝ่ายมากทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก่อน
“พี่ชายหยาง ท่านไม่ต้องกังวล ข้าได้สังหารพวกสัตว์เดรัจฉานไปหมดแล้ว ตอนนี้ท่านสามารถพักผ่อนได้อย่างสงบแล้ว” หลิงฮันพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและพูดต่อว่า “ออกไปจากที่นี่ บางทีอาจช่วยคนอื่นได้อีก!”
ตอนที่ 1028
หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่รีบมุ่งหน้าไปยังบ้านพักที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่
“เกิดอะไรขึ้น!”
ทันทีที่พวกเขาเดินออกมาจากห้องทำงานก็เห็นซุ่ยเต๋อเดินอยู่เคียงข้างหยินหยวนเซียง และเมื่อเขาเห็นหลิงฮันเดินออกมาจากข้างในพร้อมกับหุ่นเชิดเสือชองโกวซิ่วเหวิน ช่วยไม่ได้ที่ซุ่ยเต๋อจะรู้สึกแปลกใจ
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่?
“ฆ่ามัน!” หลิงฮันพูดพึมพัม
จักรพรรดิจอมอสูรกระโจนเข้าไปฆ่าซุ่ยเต๋อทันที ซึ่งเขาค่อนข้างฉลาดทีเดียว ทั้งที่หลิงฮันไม่ได้บอกให้ฆ่าใคร แต่จักรพรรดิจอมอสูรก็เข้าใจเป้าหมายของหลิงฮันได้ทันที และไม่ลงมือฆ่าหยินหยวนเซียง
“พี่ชายหลิง นี่ท่านกำลังทำอะไร?” หยินหยวนเซียงถามด้วยความตกใจ
“แล้วเดี๋ยวเจ้าจะขอบคุณข้าทีหลัง!” หลิงฮันกล่าว “หลัวอู่ ฟานหยง เหลี่ยวหยิงและพี่ชายหยางได้ตกเป็นเหยื่อ และพวกเขาได้ตายจากไปแล้ว”
“เหลวไหล!” ซุ่ยเต๋อตื่นตระหนก “แม่นางหยินอย่าได้เชื่อคำโกหกหลอกลวงของพวกเขา ข้าไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเจ้าแม้แต่น้อย”
“หึ่มจะว่าไปข้าเหมือนจะได้ยินโกวชิ่วเหวินพูดแบบนั้นเหมือนกัน” หลิงฮันแสยะยิ้ม
ทั้งซุ่ยเต๋อและหยินหยวนเซียงต่างก็รู้สึกตกตะลึง แล้วจักรพรรดิจอมอสูรก็สังหารซุ่ยเต๋อด้วยกรงเล็บที่แหลมคม
เมื่อเห็นหยินหยวนเซียงตกอยู่ในความสับสน หลิงฮันจึงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “รอทุกคนมารวมตัวกันก่อน แล้วข้าจะพูดอธิบายให้เจ้าฟัง”
ปัง!
ตู้ม!
หลังจากนั้นไม่นานหนิงไถ่และปู้เชิงหยุนก็ถูกฆ่าตายไปตามกันภายใต้กรงเล็บของจักรพรรดิจอมอสูร
ปัง หลิงฮันทำลายประตูและเรียกจินจื้อฮุยกับฟู่เทียนออกมา
พวกเขาน่าจะเป็นเหยื่อลำดับท้ายๆ ตอนนี้ยังไม่ถึงตาพวกเขา ดังนั้นทั้งสองคนจึงอยู่แต่ในบ้าน โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก
หลิงฮันอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง และทำให้สีหน้าของพวกเขาทั้งสามคนเปลี่ยนไปทันที
“ข้าอยากจะสังหารพวกมันให้หมด!” ฟู่เทียนคำรามด้วยความโกรธจนเส้นผมตั้งชัน และปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
“แล้วพวกเจ้าล่ะ?” หลิงฮันมองหยินหยวนเซียงและจินจื้อฮุย
“ฆ่า!” จินจื้อฮุยยกมือเห็นด้วย
ในขณะที่หยินหยวนเซียงเพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
“ดี ตอนนี้ศัตรูของพวกเราเหลือแค่คนเดียวเท่านั้น!” หลิงฮันกล่าว
แม้ว่าเผยจี้จะมีหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทราสองตัว แต่ตัวเขาเองก็เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงเท่านั้น ซึ่งหลิงฮันไม่หวาดกลัวเลย ในทางตรงกันข้ามกับรู้สึกมั่นใจด้วยซ้ำ
ทั้งห้าคนมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของเผยจี้ แต่หลังจากออกค้นหาไปทั่วคฤหาสน์ พวกเขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย
“มันยังมีห้องทำงานเล็กอยู่ เผยจี้อาจอยู่ที่นั่น!”
หลิงฮันนึกถึงคำพูดของโกวชิ่วเหวินได้ว่าเขาจะไปที่ห้องทำงานเล็ก
มันเป็นห้องทำงานที่มีขนาดเล็กจริงๆ และประตูปิดอยู่
ฟู่เทียนสูดลมหายใจ จากนั้นก็กระแทกหมัดใส่ประตู
ปัง!
หมัดของเขาเป็นเหมือนกับอุกกาบาตที่กระแทกใส่ประตู ทันใดนั้นประตูก็สั่นสะเทือนอยู่สักพักก่อนที่จะพังทลายลง ในขณะเดียวกันร่างของฟู่เทียนก็กระเด็นไปด้านหลัง แต่เขาก็กลับมายืนหยัดได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อประตูพังทลายทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว แล้วในไม่ช้าก็เห็นร่างของเผยจี้ที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของผู้หญิง ใบหน้าของเขาดูมึนเมาและกำลังลูบหน้าอกและใบหน้าของผู้หญิงด้วยความอ่อนโยน
ทว่าหญิงสาวที่เขากำลังลูบอยู่นั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหุ่นเชิด ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนมนุษย์ก็ตาม แต่ดวงตาทั้งสองข้างของนางถูกฝังด้วยอัญมณีสีดำ “การที่เจ้าสามารถบุกมายังห้องทำงานของข้าได้ นั่นหมายความว่าศิษย์ของข้าทั้งหมดถูกฆ่าตายแล้ว” เผยจี้ไม่ตกใจ เขาและหุ่นเชิดสาวของเขาหันไปจ้องมองพวกหลิงฮันพร้อมกัน
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์!” เขาพูดด้วยความรังเกียจ
“ตาแก่ใกล้ตาย ข้าจะเป็นคนสังหารเจ้าเอง!” ฟู่เทียนกระโจนเข้าใส่เผยจี้ทันที แต่ทันใดนั้นเองหุ่นเชิดสาวที่อยู่ข้างกายของเผยจี้กระตอบสนองและตอบโต้อีกฝ่ายด้วยฝ่ามือที่ทรงพลังราวกับท้องฟ้งกำลังจะพังทลาย
“หืม หลังจากที่ถูกหุ่นเชิดของข้าโจมตี เจ้ากลับยังไม่ตาย?” เผยจี้ดูแปลกใจเล็กน้อย “ดูเหมือนข้าจะดูถูกเจ้าเกินไป ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงสามารถสังหารศิษย์ของข้าได้ แต่ในเมื่อเจ้าบุกมาหาข้าถึงที่ เจ้าก็จะไม่มีทางรอดกลับออกไปได้!”
เผยจี้โบกมือส่งสัญญาณ ทันใดนั้นเองก็มีหุ่นเชิดชายวัยกลางคนออกมาจากในเงามืด ซึ่งร่างของเขาเต็มไปด้วยดาบและกระบี่เหมือนกับเม่น
“ฆ่าพวกมัน!” เผยจี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา หลังจากพูดจบเขาก็หันหน้าไปซบอกหุ่นเชิดสาวต่อ
แต่ทว่าในไม่ช้าเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทำไมมันถึงเงียบขนาดนี้?
เขาหันหน้าไปมองและช่วยไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกตะลึง
มันหายไปแล้ว!
หุ่นเชิดชายวัยกลางคนที่เขาเพิ่งเรียกออกมาได้หายไปแล้ว ไม่ว่าจะมองไปที่ด้านบนหรือด้านล่างก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอย หุ่นเชิดของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ยังไงกัน?
“ตาย!” จักรพรรดิจอมอสูรกระโจนออกไปในทันทีราวกับรู้หน้าที่ ทั้งที่หลิงฮันยังไม่ทันได้ออกคำสั่ง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคนไหนที่หลิงฮันอยากจะฆ่า และเพื่อเป็นการประจบสอพลอเขา
หุ่นเชิดสาวโจมตีออกไปด้วยฝ่ามืออีกครั้งและปะทะกับจักรรพรรดิจอมอสูร
ปัง!
หุ่นเชิดเสือที่จักรพรรดิจอมอสูรสิงอยู่นั้นหัวหลุดทันที
ช่องว่างระหว่างระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดกับระดับสุริยันจันทรานั้นยังคงห่างชั้นกันอยู่ดี
“ใช้ร่างนี้!” หลิงฮันโยนหุ่นเชิดชายวัยกลางคนให้กับจักรพรรดิจอมอสูร
“ขอบคุณนายท่าน!” จักรพรรดิจอมอสูรเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นปราณอสูรและเข้าไปในหุ่นเชิดตัวใหม่
“ยอดเยี่ยม ข้าสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่ง!” เขาขยับแขนขาไปมาและช่วยไม่ได้ที่จะยิ้ม “และมันยังเป็นหุ่นเชิดร่างมนุษย์”
“เกิดอะไรขึ้น?” เผยจี้รู้สึกตกตะลึง หุ่นเชิดตัวนั้นเขาเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือ แต่ทำไมถึงถูกช่วงชิงไปได้อย่างง่ายดายขนาดนี้?
“ครั้งนี้แหละ ข้าจะสังหารเจ้าให้ได้!” จักรพรรดิจอมอสูรกระโจนใส่เผยจี้อีกครั้ง แต่ก็ยังคงเหมือนเดิม หุ่นเชิดสาวที่อยู่ข้างกายเผยจี้เข้ามาขัดขวางเขาอีกครั้ง แล้วการปะทะกันระหว่างหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทราก็ทำให้เผยจี้ที่อยู่ตรงกลางกระเด็นไปด้านหลัง
“หึ่ม ถึงแม้ข้าจะไม่มีใครคอยปกป้อง แต่การจะฆ่าพวกเจ้านั้นเป็นเรื่องง่ายมาก!” เผยจี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็น และเริ่มลุกขึ้นยืน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น