Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 1013-1016
ตอนที่ 1013
“ถึงแม้เจ้าจะรู้แล้ว เจ้าก็ต้องตายอยู่ดี!” โจวเกาหยางแสยะยิ้ม
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “เห้อ เจ้าไม่สมควรสังหารคนที่ไม่เกี่ยวข้องเลย”
“โอ้ หรือเจ้าอยากจะตายแทนเขาล่ะ?” โจวเกาหยางกวัดแกว่งดาบอย่างโหดเหี้ยม
หลิงฮันยิ้ม “ข้าไม่ได้ว่างขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไรก็มีใครคนหนึ่งที่ต้องการทุบตีเจ้าให้เละ!”
“เหอะ ใครกัน?” โจวเกาหยางกล่าวโดยที่ไม่หยุดดาบในมือ
“ข้าไง!” เสียงอันเย็นชาดังขึ้นพร้อมกับปรากฏร่างของหยางเทียนเฉิง ทั่วร่างของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา สีหน้าของเขามืดมนอย่างถึงที่สุด
โจวเกาหยางขนลุกไปทั้งร่าง ความรู้สึกเย็นยะเยือกผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจและแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ขั้นพลังย่อยของเขากับหยางเทียนเฉิงต่างกันอย่างสิ้นเชิง แถมทักษะของตัวเขาก็ฝึกฝนมาเพื่อเป็นนักฆ่าโดยเฉพาะ ที่สำคัญคือเขาไม่ใช่อัจฉริยะแต่หยางเทียนเฉิงนั้นเป็นอัจฉริยะสองดาว!
หรือก็คือความต่างของทั้งสองนั้นคือหกขั้นพลังย่อย
เขาไม่ใช่หลิงฮันที่มีกายหยาบที่ไร้เทียมทานเหมือนหลิงฮัน หากต้องปะทะกับปรมาจารย์เช่นหยางเทียนเฉิง มีโอกาสสูงมากที่เขาจะถูกสังหารในสิบกระบวนท่า
“หยางเทียนเฉิง ตายซะ!” โจรสลัดสามคนพุ่งเข้ามา
หยางเทียนเฉิงใช้เพียงมือเดียวในการต่อต้านพวกมันในขณะที่จ้องไปยังโจวเกาหยางด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ามีอะไรจะสั่งเสียไหม?”
โจวเกาหยางนิ่งเงียบ ‘พรึบ’ เขารีบเผ่นหนีทันที
แทนที่จะต้องสู้กับหยางเทียนเฉิง เขาเลือกที่จะหนีลงไปในมหาสมุทรดีกว่า แม้ว่าในมหาสมุทรจะมีแรงโน้มถ่วงที่น่าสะพรึงกลัว การเคลื่อนที่ของเขาเมื่ออยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินเท้าของมนุษย์ทั่วไป เป็นไปได้ว่าหากต้องการออกจากมหาสมุทรแห่งนี้เขาต้องใช้เวลาแปดถึงสิบปี
แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะต้องทิ้งชีวิตให้กับหยางเทียนเฉิงไม่ใช่รึ?
“คิดหนี?” หยางเทียนเฉิงแสยะยิ้ม เขาใช้อีกมือหนึ่งยื่นโจมตีออกไปทางโจวเกาหยาง
ฝ่ามือนี้แสดงอำนาจพลังของระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดออกมาได้อย่างเต็มที่ ฝ่ามือสีดำขยายใหญ่อย่างไร้ที่สิ้นสุดราวกับขุนเขา
‘ครืนนน’ ฝ่ามือของหยางเทียนเฉิงมีขนาดใหญ่เกินไป มันครอบคลุมไปทั่วทั้งเรือในพริบตาเพื่อปิดทางหนีของโจวเกาหยาง
“ดาบพิฆาต!” โจวเกาหยางกล่าวเบาๆ ร่างของเขาเคลื่อนที่ว่องไวขึ้นพร้อมกับใช้ดาบทะลวงใส่มือยักษ์
‘พรึบ!’
ดาบส่องสว่างราวกับแสงพิรุณที่สาดไปทั่วท้องฟ้า
หลิงฮันโคจรเนตรแห่งสัจธรรม เขามองเห็นโจวเกาหยางทะลวงมือขนาดใหญ่จนเป็นรู ‘ฟุบ’ โจวเกาหยางพุ่งออกไปได้แต่เขาก็ดูอ่อนแรงเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ากระบวนท่าดาบเมื่อครู่ทำให้เขาต้องจ่ายค่าเสียหายไปพอสมควร
“คิดว่าจะหนีได้?” หยางเทียนเฉิงแสยะยิ้ม เขาเค้นเสียงและขยับมือไล่ตาม
“อ้ากกก” โจวเกาหยางกรีดร้องเนื่องจากถูกมือยักษ์จับเอาไว้ได้ กระดูกในร่างของเขาส่งเสียงแตกหักทำให้เขาต้องกรีดร้องออกมา
ความแตกต่างของพลังชัดเจนมาก ด้วยความโหดเหี้ยมของหยางเทียนเฉิงและพลังที่มากกว่าถึงหกขั้นย่อย เขาสามารถจัดการโจวเกาหยางได้อย่างง่ายดาย
“ตายยย!” โจรสลัดสามคนกระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่อง
หยางเทียนเฉิงใช้เพียงแต่มือเดียวในการปัดป้อง ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมดทำให้เขาถูกโจมตีอยู่บ้าง แม้กายหยาบของเขาจะน่าทึ่งแต่มุมปากก็ยังมีโลหิตไหลออกมา
“ผู้อาวุโสโปรดเมตตา!” โจวเกาหยางรีบอ้อนวอน “ข้าไม่ได้สังหารใครทั้งนั้น ข้าไม่ได้สังหารใครทั้งนั้น!”
‘หมับ!’
หยางเทียนเฉิงขยำมือแน่นจนร่างของโจวเกาหยางแหลกเป็นฝนโลหิต เขาเค้นเสียงก่อนจะปล่อยมือและมือยักษ์ก็ค่อยๆสลายไป
“เจ้าพวกโจรสลัด วันนี้ข้าจะส่งพวกเจ้าไปลงนรกให้เอง!” เขาปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ด้วยร่างที่สูงใหญ่ราวกับอสูรของเขา ทำให้เขาดูทรงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง
“ตายย!” โจรสลัดไม่หวั่นเกรงที่จะเข้าปะทะ
“เอาล่ะเจ้าหนู ทีนี้ก็เหลือแต่พวกเราแล้ว มอบชีวิตของเจ้ามาซะ!” ชายหัวโล้นลงมือโจมตีเพื่อสังหารหลิงฮันอีกครั้ง
หลิงฮันเข้าปะทะ ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ใช้กระบวนท่าลับออกมา ด้วยกายหยาบของเขาแล้วเขาสามารถรับการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์ แม้จะบาดเจ็บเขาก็ยังฟื้นฟูตนเองได้ในพริบตาด้วยคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์
หากมองจากพลังต่อสู้แล้ว เขาในตอนนี้คืออัจฉริยะห้าถึงหกดาว แต่ถ้ามองจากพลังป้องกันแล้ว เขาคืออัจฉริยะสัตว์ประหลาดสิบดาวอย่างไม่ต้องสงสัย
หลิงฮันเสียดายเล็กน้อย การที่ต้องมาพัวพันกับชายหัวโล้นแบบนี้ทำให้เขาไม่สามารถไปช่วยสุ่ยเยี่ยนยวี่สังหารโจรสลัดคนอื่นเพื่อทำภารกิจได้
งั้นเขาก็ต้องทำเองคนเดียว
หลิงฮันใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารอย่างต่อเนื่องใส่โจรสลัดคนอื่นและนำร่างพวกเขาเข้าไปยังอุปกรณ์มิติ
ชายหัวโล้นโกรธจนคำรามออกมา ทั้งๆที่ยังปะทะอยู่กับเขา หลิงฮันกลับยังสามารถหาโอกาสไปสังหารโจรสลัดคนอื่นได้ นี่มันเป็นการเหยียดหยามเขาอย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกันนี้ เมื่อโจรสลัดที่อ่อนๆเริ่มถูกสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ ทางด้านของลูกเรือเองก็ถูกสังหารไปไม่น้อยเช่นกัน เรื่องนี้ทำให้หยางเทียนเฉิงโกรธแทบบ้าคลั่ง ร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นยักษ์ที่สูงถึงสองฟุต
เสื้อผ้าของเขาขาดกระจายเหลือไว้เพียงกางเกงบางส่วนที่ปิดไว้เฉพาะส่วนสำคัญ บนร่างของเขามีสัญลักษณ์วงกลมเก้าดวงสลักเอาไว้ ตอนนี้สัญลักษณ์เหล่านั้นกำลังส่องแสงสว่าง ซึ่งทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
“อักขระเก้าผนึกศักดิ์สิทธิ์!” โจรสลัดที่แข็งแกร่งหลายคนอุทานออกมา “ทักษะลับของตระกูลหยาง ด้วยการสังเวยอายุขัยของตน มันสามารถทำให้ผู้ใช้มีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นหนึ่งดาว”
แต่เดิมหยางเทียนเฉิงก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดาว คงไม่มีใครสามารถปะทะกับเขาซึ่งๆหน้าได้แน่
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องสังเวยอายุขัยของตนเอง!
สำหรับสิ่งมีชีวิตแล้ว อะไรจะมีค่าไปกว่าอายุขัย?
“ตายไปซะ!” หยางเทียนเฉิงคำราม
หลิงฮันตกตะลึงเช่นกัน ถ้าเขาต้องปะทะกับหยางเทียนเฉิง เป็นไปได้ว่าเขาจะพ่ายแพ้อีกฝ่ายในสิบกระบวนท่า และถ้าหากถูกโจมตีร้อยกระบวนท่า แม้แต่กระดูกที่เทียบกับแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ต้องแตกหัก
ด้วยพลังของหยางเทียนเฉิง เหล่าโจรสลัดก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที
เพียงแต่ว่าคนที่หลิงฮันสนใจที่สุดในหมู่จอมยุทธบนเรือนั้นไม่ใช่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดอย่างเหลี่ยวหยิงหรือยักษ์อย่างหยางเทียนเฉิง แต่กลับเป็นฟู่เทียน ชายหนุ่มที่ดูแล้วมีอายุเพียงสิบหกหรือสิบเจ็ดปี
เด็กหนุ่มคนนี้ช่างโหดเหี้ยม!
พลังบ่มเพาะของเขาคือระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดเท่านั้น แต่พลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งมาก เขาไม่ได้ใช้อาวุธใดๆแต่เลือกใช้ทุกส่วนของร่างกายในการต่อสู้ หลิงฮันมองเห็นอีกฝ่ายใช้แม้กระทั่งปากในการกัดจมูกคู่ต่อสู้
ตอนที่ 1014
โดยทั่วไปแล้วจอมยุทธที่ใช้มือหรือเท้าเป็นอาวุธนั้นมีจำนวนน้อยมาก และบางคนอาจฝึกฝนทักษะแปลกๆอย่างเช่น ทักษะหัวเหล็ก
อย่างไรก็ตาม คนที่ใช้ปากเป็นอาวุธ นอกจากฮูหนิวแล้วก็เป็นชายหนุ่มคนนี้
รูปแบบการต่อสู้ของฟู่เทียนคล้ายกับฮูหนิวมาก แต่เขาดูโหดเหี้ยมกว่า มือของเขาเป็นเหมือนกับกรงเล็บที่สามารถทะลวงผ่านการป้องกันของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
การต่อสู้แบบนั้นมันน่าจะมาจากประสบการณ์ที่สะสมมานานหลายพันปีจนกลายเป็นสัญชาตญาณ เมื่อเขาต่อสู้ร่างกายก็จะเคลื่อนไหวอัตโนมัติ
แล้วเด็กหนุ่มคนนี้มาจากที่ไหนกัน?
“ถอย!” พวกโจรสลัดเริ่มต้านไม่ไหว ก่อนหน้านี้พวกเขาขึ้นมาบนเรือทั้งหมดหกสิบคน แต่ตอนนี้เหลือไม่ถึงยี่สิบคน การสูญเสียครั้งนี้มันมหาศาลมาก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไม่สามารถยึดเรือลำนี้ได้
“จะไม่มีใครหลบหนีจากไปได้!” หยางเทียนเฉิงตะโกนและโจมตีใส่โจรสลัดที่พยายามหนีลงจากเรือจากทางด้านซ้ายและขวาของกราบเรือ
ปัง!
ทันใดนั้นเองเรือก็สั่นไหวอย่างรุนแรงและเกือบจะพลิก
ทุกคนบนเรือชะงักและหยุดต่อสู้ มันเกิดอะไรขึ้น?
“ไม่ได้การ!”
หยางเทียนเฉิงและโจรสลัดหลายคนมองออกไปในระยะไกล และเผยสีหน้าตกตะลึงพร้อมกัน
มันจะต้องเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างแน่นอน พวกเขาถึงแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา
หลิงฮันจึงใช้เนตรแห่งสัจธรรมและมองไปในระยะไกล เขาเห็นอสรพิษทะเลอย่างน้อยหนึ่งร้อยตัวกำลังแหวกว่ายมาที่นี่ ซึ่งแต่ละตัวมีความยาวประมาณสิบฟุตและยังมีร่างกายที่หนาและมีจุดสีเขียวบนร่างกายของพวกมัน
“อสรพิษจุดเขียว!” ลูกเรืออุทาน
มันเป็นสัตว์อสูรทะเลที่วิวัฒนาการมาจากงู ความแข็งแกร่งของพวกมันเทียบได้กับจอมยุทธระดับภูผาวารี ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยตัว
ปัง!
เรือทั้งลำสั่นสะเทือนอีกครั้งและเริ่มพลิกคว่ำไปทางซ้าย
“ฮึ่ม!” หยางเทียนเฉิงรีบกระโดดไปที่ด้านขวาของกราบเรือ และทำให้เรือกลับมาสมดุลอีกครั้ง
ด้านล่างตัวเรือมีอสรพิษยักษ์กำลังพยายามพลิกคว่ำเรืออยู่
เมื่ออยู่ในน้ำ ความแข็งแกร่งของจอมยุทธจะลดลงอย่างมาก
– เมื่อสัตว์อสูรทะลวงผ่านระดับพระเจ้าจะทำให้มันมีสติปัญญา ถึงขั้นอาจแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ พวกมันเลยพยายามพลิกคว่ำเรือ
หลิงฮันหันไปมองรอบๆ และเห็นว่าพวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของพวกมัน อสรพิษจุดเขียวบางตัวมีความยาวหลายสิบฟุต ซึ่งพวกมันนั้นเป็นอสรพิษระดับภูผาวารี ส่วนขั้นไหนนั้นไม่อาจระบุแน่ชัดได้
นอกจากนั้นยังมีอสรพิษตัวเล็กตัวน้อยอยู่บ้าง พวกมันอยู่ด้านหลังสุด เพราะพวกมันเป็นแค่สัตว์อสูรระดับทลายมิติเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการต่อสู้ได้ และรอให้อสรพิษตัวใหญ่เป็นคนจัดการ แล้วพวกมันค่อยกินเลือดและเนื้อของจอมยุทธทีหลัง
เนื้อพลังปราณเป็นยาบำรุงที่ยอดเยี่ยมสำหรับจอมยุทธ ในทางตรงกันข้ามเลือดของจอมยุทธเองก็เป็นยาบำรุงที่ยอดเยี่ยมของพวกสัตว์อสูรเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอมยุทธที่ทะลวงผ่านระดับพลังของพระเจ้าแล้ว
กลุ่มอสรพิษพวกนั้นน่าจะได้กลิ่นเลือดลอยมาตามทะเล พวกมันออกมาจากรังและมาที่นี่เพื่อกินพวกเขา
สถานการณ์การในตอนนี้ถือว่าเลวร้ายเป็นอย่างมาก
ปัง!
เรือยังคงสั่นคลอนไม่หยุด อสรพิษที่อยู่ด้านข้างตัวเรือยังคงไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะคว่ำเรือ
สถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้ทุกคนหยุดต่อสู้กันและยืนกระจายไปทั่วทุกมุมของเรือเพื่อรักษาสมดุลเอาไว้ไม่ให้เรือพลิกคว่ำ หากเรือคว่ำนั่นหมายความว่าชีวิตของพวกเขาได้จบสิ้นแล้ว
ปัง! ปัง! ปัง!
เกิดเสียงดังมาจากข้างเรือไม่หยุด ราวกับมีอะไรระเบิดเกิดขึ้น
“ไม่ พวกมันกำลังพยายามทำลายเรือ!” สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที
หากยื่นหัวออกไปมองด้านล่างเรือในตอนนี้จะเห็นว่ามีอสรพิษจุดเขียวยักษ์หลายสิบตัวกำลังโจมตีเรือจากด้านล่างไม่หยุด และทำให้เรือสั่นสะเทือนรุนแรงยิ่งกว่าเก่า
ท่ามกลางพวกมันมีอสรพิษยักษ์ที่มีความยาวร้อยฟุตและมีจุดสีเงินอยู่บนร่างกาย มันคือราชาอสรพิษ ซึ่งความแข็งแกร่งของมันได้ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้ว
เรือยังคงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ในทะเล และผู้คนที่มีระดับพลังต่ำกว่าระดับภูผาวารีต่างก็สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
หลิงฮันและคนอื่นเองก็ไม่มีข้อยกเว้น สีหน้าของพวกเขาเริ่มดูวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเขาทุกคนรู้ว่าเรือลำนี้คงต้านทานการโจมตีที่บ้าคลั่งของพวกมันได้ไม่นาน
“พวกเราเสียเวลาอยู่ที่นี่นานเกินไป แต่ถ้าพวกเราสามารถยืนหยัดได้สองวัน เรือลำต่อไปก็จะผ่านมาที่นี่ มันเป็นเรือลำใหญ่ที่มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทรามาด้วย” หยางเทียนเฉิงพูดให้กำลังใจทุกคน
ถ้ามีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราอยู่ที่นี่ อย่าว่าแต่อสรพิษเขียวลายจุดร้อยตัวเลย แม้แต่หนึ่งหมื่นตัวพวกเขาก็สามารถสังหารพวกมันได้
แต่คำถามคือพวกเขาจะสามารถยืนหยัดได้ถึงสองวันหรือไม่?
“เรือกำลังจะแตก!” ฟู่เทียนเปิดปากพูด แต่ใบหน้าของเขากลับไม่แสดงร่อยรองของความหวาดกลัวให้เห็นเลยแม้แต่น้อย และดูกระหายการต่อสู้
เขาเป็นคนบ้าการต่อสู้อย่างแน่นอน!
แคร๊ก!
เสียงแตกหักดังมาจากกลางลำเรือ มันคือกระดูกงูที่หัก
ทุกคนมองหน้ากันไปมา แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไรออกมา เรือทั้งลำก็พังทลายลงเป็นชิ้นๆ
“หาอะไรที่ลอยได้และยืนบนนั้น มิฉะนั้นพวกเจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน!” หยางเทียนเฉิงตะโกนเสียงดัง ในฐานะกัปตันเรือ เขามีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตของลูกเรือและผู้โดยสารทุกคน
ทุกคนเชื่อฟังคำพูดของเขาและยืนบนเศษซากของเรือ
พวกโจรสลัดเองก็หยุดต่อสู้ พวกเขาประมาณยี่สิบคนลอยกระจัดกระจายอยู่บนเศษซากเรือสามส่วน ส่วนเรือที่พวกเขาพายมานั้นถูกพวกอสรพิษบดขยี้เป็นชิ้นเล็กๆไปแล้ว จึงไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
ปัง อสรพิษยักษ์ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำราวกับมังกร และใช้หางที่ยาวเหยียดของมันทำลายเศษซากเรือที่มีคนยืนอยู่
โชคร้ายคนที่ยืนอยู่บนเศษซากเรือนั้นคือหลิงฮัน
แต่โชคดีคนที่ยืนอยู่ไม่ได้มีแค่หลิงฮันคนเดียว แต่ยังมีหยางเทียนเฉิงด้วย!
“ตาย!” เขากำหมัดและต่อยไปที่หางของอสรพิษยักษ์
ปัง หางของอสรพิษยักษ์ถูกทำลายทันที และกลายเป็นฝนโลหิตที่กระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ร่างของมันดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บปวด
สมแล้วที่เป็นหยางเทียนเฉิง เขาแข็งแกร่งมาก!
“ภรรยาข้า มานี่สิ” หลิงฮันจับดาบในมือขวาและใช้มือซ้ายโอบเอวของสุ่ยเยี่ยนยวี่ “วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของพวกเรา แม้เจ้าจะไม่เคยพูดบอกรักครั้งสักครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ข้าตายด้วยความเสียใจ!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่จ้องเขม็งใส่หลิงฮัน ชายคนนี้แสดงละครเก่งเกินไปแล้วทั้งที่มีหอคอยทมิฬอยู่ในมือ แม้ว่าทุกคนในที่นี้จะถูกฆ่าตาย แต่พวกเขาทั้งสองคนจะเป็นผู้รอดชีวิต
ตอนที่ 1015
ฝูงอสรพิษเริ่มกระหน่ำโจมตี
‘ปัง! ปัง! ปัง!’
การโจมตีของพวกมันแตกต่างกันออกไป บ้างก็พ่นระเบิดวารี บางก็ใช้หางสะบัดจู่โจม บ้างก็เคลื่อนที่ไปซุ่มอยู่ใต้ซากเรือ เป้าหมายของพวกมันทุกตัวเหมือนกันคือทำให้พวกหลิงฮันร่วงจากซากเรือ
ตราบใดที่พวกเขาร่วงไปยังมหาสมุทร เหล่าอสรพิษจะสามารถเขมือบจอมยุทธเหล่านี้เป็นอาหารได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่มีใครกล้าปิดบังพลังไว้อีกต่อไป พวกเขาใช้พลังทั้งหมดออกมาอย่างไม่ลังเล ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่เป็นแน่
หลิงฮันไม่ได้กังวลว่าเขาจะตาย แต่ปัญหาก็คือการเขาหล่นไปยังใต้มหาสมุทรเขาจะกลับขึ้นบกได้อย่างไรต่างหาก ดังนั้นเขาจึงใช้ไม่ลังเลที่จะสู้ต่อต้าน เขานำคันศรออกมาและใช้ปราณก่อเกิดควบแน่นเป็นลูกศรเพื่อโจมตีอสรพิษจากระยะไกล
ถึงแม้ลูกศรจะไม่ใช่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็ยังอัดแน่นไปด้วยพลังต่อสู้ห้าดาวของเขา
ระดับพลังในตอนนี้ของหลิงฮันคือภูผาวารีขั้นกลางชั้นต้น ด้วยพลังต่อสู้ห้าดาวของเขา การโจมตีของเขาจะมีอำนาจเทียบเท่าระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นกลาง ถ้าอสรพิษไม่ใช่ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด พวกมันจะต้องถูกสังหารแน่นอน
ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารานั้นรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง หากศัตรูไม่แข็งแกร่งก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนีพ้นและมีชะตากรรมคือแหลกออกเป็นสองส่วน
จอมยุทธส่วนใหญ่นั้นจะสามารถแสดงพลังต่อสู้ออกมาได้เต็มที่คือในระยะสองถึงสามฟุต จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเทียบกับศรฆ่ามังกรทะลวงดาราได้
ดังนั้นเมื่อพูดถึงความเชี่ยวชาญในการสังหาร ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทัดเทียมหลิงฮัน
หยางเทียนเฉิงที่เห็นเช่นนั้นก็ทำเพียงทุ่มพลังไปกับการป้องกันซากเรือและปล่อยให้หลิงฮันเป็นคนโจมตี
‘ฟุบ ฟุบ ฟุบ’ ลูกศรถูกยิงออกไปอย่างต่อเนื่องส่งผมให้อสรพิษจำนวนมากตกตาย
‘ครืนน!’
ผิวมหาสมุทรเปิดออกพร้อมกับอสรพิษขนาดมหึมาที่พุ่งขึ้นมา มันคืออสรพิษยักษ์ที่มีร่างกายเป็นสีเงินแวววาว
“ราชาอสรพิษ!” ใบหน้าของหยางเทียนเฉิงเปลี่ยนเป็นหน้าเกลียดทันที
‘ตูม’ ราชาอสรพิษเปิดปากยิงระเบิดวารีเข้าใส่หยางเทียนเฉิง
ความเร็วของระเบิดวารีไม่ใช่ช้าไปกว่าศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเลย
‘ฮึม!’ หยางเทียนเฉิงใช้หมัดชกเข้าปะทะ ‘ปัง’ ร่างของเขาถูกซัดกระเด็นลอยไปไกลหลายร้อยฟุตและร่วงไปยังมหาสมุทร
ขนาดแข็งแกร่งอย่างหยางเทียนเฉิงก็ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีเดียวของราชาอสรพิษ?
ทุกคนหวาดหวั่นทันที หรือพวกเขาต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่จริงๆ?
‘ตูม’ ร่างๆหนึ่งโผล่ขึ้นจากมหาสมุทร นั่นคือหยางเทียนเฉิงนั่นเอง ขาของเขาวิ่งทะยานอยู่บนผิวมหาสมุทรก่อให้เกิดเป็นคลื่น บนหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลท่วม
แรงโน้มถ่วงในอาณาเขตมหาสมุทรแห่งนี้รุนแรงมาก เพื่อที่จะต่อต้านแรงโน้มถ่วงเช่นนั้นเขาต้องเผาผลาญปราณก่อเกิดไปจำนวนมหาศาล ดังนั้นแม้จะเป็นแค่ระยะทางร้อยฟุตแต่หยางเทียนเฉิงก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อย
ทันใดนั้นอสรพิษหลายสิบตัวก็รุมโจมตีเขาทันที แต่หยางเทียนเฉิงในตอนนี้มีพลังต่อสู้สามดาวของระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด เพียงแค่หมัดเดียวเหล่าอสรพิษก็ถูกซัดจนกลายเป็นฝนโลหิต
ราชาอสรพิษเกรี้ยวกราด มันปรากฏตัวอีกครั้งด้านหน้าหยางเทียนเฉิงก หัวของมันแหงนหน้าขึ้นสูงเพื่อเตรียมปล่อยระเบิดวารีอีกครั้ง
“ลุย!” หลิงฮันยิงลูกศรออกไป ครั้งนี้เขาไม่ได้เพียงใช้เนตรแห่งสัตจธรรมมองหาจุดอ่อนของราชาอสรพิษแต่ยังโคจรอักขระศักดิ์สิทธิ์ของภูผาวารีอีกด้วย
ขนาดเป็นลูกศรนี้ ราชาอสรพิษยังไม่หวาดกลัวที่จะรับการโจมตีซึ่งๆหน้า
‘ปัง’ ราชาอสรพิษใช้หางรับลูกศรที่สร้างจากปราณก่อเกิดเอาไว้ แต่หยางเทียนเฉิงก็ใช้โอกาสนี้ในการเคลื่อนที่หลบเปลี่ยนตำแหน่ง เขากระโดดไปยังเศษแผ่นไม้ ถึงแม้แผ่นไม้จพเล็กแต่มันก็ยังช่วยให้เขามีเวลาหายใจเพราะไม่ต้องเหยียบย่ำผิวมหาสมุทร
ราชาอสรพิษหันมามองหลิงฮันอย่างด้วยเกรี้ยวกราดด้วยตาคู่ยักษ์
หลิงฮันอดรู้สึกขนลุกไม่ได้ ราชาอสรพิษตนนี้น่าสะพรึงกลัวมาก มันสมควรเป็นตัวตนที่อีกก้าวเดียวก็จะข้ามผ่านไปยังระดับสุริยันจันทราแน่นอน เพียงแค่มันจองมองมาเขาก็สัมผัสถึงความเย็นยะเยือกอันไร้ที่สิ้นสุด
“เป็นเจ้าหนูนั่นที่ดึงดูดความสนใจของราชาอสรพิษมาทางนี้!”
“พลักเขาให้ตกมหาสมุทรไปเลย!”
บนซากเรือชิ้นนี้ มีหลัวอู้และฟานหยงที่จ้องไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
แม้เป้าหมายที่แท้จริงของราชาอสรพิษจะเป็นหลิงฮัน แต่ถ้าเจ้าตัวใหญ่นั่นโจมตีมา พวกเขาก็คงโชคร้ายโดนลูกหลงไปด้วย แต่ถ้าพวกเขาพลักหลิงฮันให้ร่วงมหาสมุทรไปพวกเขาก็อาจจะพอซื้อเวลาต่อไปได้อีก
ตราบใดที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่พวกเขาก็ยังเหลือความหวัง เมื่อใดที่เรือลำใหญ่ผ่านมาที่นี่พวกเขาก็จะสามารถหลบหนีไปจากสถานการณ์นี้ได้
“ทำไมเจ้าไม่ลงไปเองล่ะ?” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา ทั้งสองคนนี้เห็นแก่ตัวเกินไป
“ไม่ พวกข้าจะส่งเจ้าลงไปเอง!” หลัวอู้และฟานหยงลงมือพร้อมกัน แต่เดิมพวกเขาก็มีแผนจะลงมือกับหลิงฮันอยู่แล้วเพียงแต่ว่าพวกเขาไม่กล้าพอที่จะทำอย่างโงแจ้ง แต่ในตอนนี้เพื่อชีวิตตนเองพวกเขาจึงไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว
ทั้งสองคนคือจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงและมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
หลิงฮันเค้นเสียงและใช้งานทักษะจิตเจ็ดสังหาร เป้าหมายของเขาในการใช้ทักษะนี้คือฟานหยง แต่ทันใดนั้นบริเวณร่างกายของอีกฝ่ายก็มีแสงเงาปรากฏออกมาเพื่อป้องกันจิตวิญญาณเอาไว้
“ฮ่าๆๆๆ นี่คือสมบัติลับที่นายน้อยให้ข้าเอาไว้ มันคือสมบัติที่ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ระดับดารา มันมีคุณสมบัติในการป้องกันการโจมตีทางจิตวิญญาณ เจ้าคงนึกไม่ถึงล่ะสิ!” ฟานหยงหัวเราะ น่าเสียหายที่ดาบที่นายน้อยของเขาให้มานั้นอยู่ในมือของจั่วเซียว ไม่เช่นนั้นเขาคงสามารถหั่นหลิงฮันออกเป็นสองท่อนได้แล้ว
แต่นั่นก็ไม่สำคัญ เขาร่วมมือกับหลัวอู้ผลักหลิงฮันลงไปในมหาสมุทร
‘ตูม!’
ทั้งสองคนร่วมมือกันแล้ว แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมถูกผลักให้ร่วงสู่มหาสมุทร
“หลิงฮัน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่อุทานและกระโดดตามลงไป
“สตรีโง่!” ฟานหยงอดอุทานออกมาไม่ได้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด เขารู้ดีว่าจ้าวหลุนหลงใหลสตรีคนนี้มากขนาดไหน จ้าวหลุนวางแผนจะแต่งงานกับนางเมื่อตอนที่ทะลวงระดับสุริยันจันทราได้สำเร็จ
แต่ตอนนี้โอกาสที่สุ่ยเยี่ยนยวี่จะถูกฝังอยู่ใต้มหาสมุทรนั้นมีถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ หลังจากกลับไปเมืองจักรพรรดิแล้วเขากับจั่วเซียวจะอธิบายให้จ้าวหลุนฟังอย่างไรดี?
แต่เขาไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องนั้นในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ เหล่าอสรพิษเริ่มกระหน่ำโจมตีอีกครั้ง
สังหาร! สังหาร! สังหาร!
จอมยุทธระดับภูผาวารีนั้นคือจอมยุทธที่บรรลุระดับพลังของพระเจ้า พวกเขาแต่ละคนหรืออสูรแต่ละตัวมีพลังที่แข็งแกร่ง โลหิตแต่ละหยดของพวกเขาอัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตและพลังงาน ผ่านไปไม่นานน้ำทะเลรอบด้านก็เปลี่ยนไปเป็นสีโลหิต
สิ่งนี้ได้ดึงดูดปลามากมาย แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือมันยังดึงดูดสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอีกด้วย
ปลาตัวแบนขนาดยักษ์ปรากฏตัวโผล่ขึ้นมา ดวงตาทั้งสองดวงของมันเรียงกันไว้อยู่ฝั่งเดียว มันเคลื่อนไหวได้เร็วมาก ปากขนาดมหึมาของมันเปิดกว้างและกลืนอสรพิษนับสิบตัวในขณะที่ลอยอยู่และดำน้ำหายไปในพริบตา
มันคือสัตว์อสูรระดับสุริยันจันทราที่น่าเกรงขาม!
ตอนที่ 1016
สัตว์อสูรระดับสุริยันจันทราปรากฏตัวแล้ว!
ไม่เพียงแค่จอมยุทธทุกคนจะรีบเหยียบซากเรือเอาไว้ แม้แต่ฝูงอสรพิษก็ยังเผ่นหนีไปอีกด้วย ตอนนี้เหลือเพียงราชาอสุรพิษอยู่อยู่ต่อหน้าปลายักษ์
มันกลายเป็นเป้าหมายของปลายักษ์ไปแล้ว เพียงไม่กี่วินาทีมันก็ถูกปลายักษ์จับตัวไว้ แม้จะดิ้นรนต่อสู้ได้ชั่วระยะสั้นๆ แต่มันก็ถูกปลายักษ์กลืนลงท้องไปในที่สุด
ราชาอสรพิษมีพลังที่อีกก้าวเดียวก็จะข้ามผ่านไปยังระดับสุริยันจันทรา แต่เมื่อต้องประจันหน้ากับระดับสุริยันจันทราที่แท้จริง มันไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อยและถูกกินแทบจะในพริบตา
ปลายักษ์นั้นดูเหมือนจะไม่ได้เสพติดการเข่นฆ่า
หลังจากกินอสรพิษเข้าไปมันก็สะบัดหางและว่ายกลับลงสู่ก้นมหาสมุทร
สถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ฝูงอสรพิษคือฝ่ายที่ได้เปรียบ ภายใต้การนำของราชาอสรพิษพวกมันไล่ล่าทุกคนอย่างไม่หวั่นเกรง แต่ภายในพริบตาอสูรอสรพิษเหล่านั้นกลับถูกเขมือบโดยปลายักษ์ จำนวนที่พวกมันหนีไปได้นั้นเหลือไม่ถึงสิบตัว
แต่ฝ่ายของมนุษย์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
กลุ่มโจรสลัดถูกทำลาย หลัวยวี่กับจั่วเซียวตกตาย องครักษ์สาวทั้งสี่ของชาหยวนก็เหลือเพียงเหลี่ยวหยิงคนเดียว ตระกูลหยางยิ่งหนักกว่า มีเพียงหยางเทียนเฉิงคนเดียวเท่านั้นที่รอดตาย คนอื่นที่เหลือรอดอีกสามคนคือ จินจื่อฮุยฟู่เทียนและหยินหยวนเซียง รวมแล้วมีผู้รอดชีวิตเพียงเจ็ดคน
พวกเขานั่งอยู่บนซากเรือที่อยู่ห่างจากจุดที่เกิดการปะทะด้วยท่าทีเหน็ดเหนื่อย
“อะไรกัน!” หยางเทียนเฉิงมองไปยังด้านหลังและอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
นั่นเพราะในทิศทางที่เขามองไปนั้นมีซากเรือลอยอยู่พร้อมกับคนสองคนที่ยืนอยู่บนนั้น ทั้งสองคือหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่
คนอื่นรีบหันมองตามสายตาของหยางเทียนเฉิงและตกตะลึงไปพร้อมๆกัน
นี่หลิงฮันคือสัตว์ประหลาดที่ฆ่าไม่ตายหรือยังไง?
ก่อนหน้านี้ที่เขาถูกรุมโจมตีในหมอกดำ ไม่เพียงแค่เขาจะไม่ตายแต่ยังไร้บาดแผล เมือถูกโจรสลัดบุกเขาก็ยังรอดชีวิตแม้ศัตรูจะเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง และสุดท้ายขนาดถูกพลักตกลงไปยังมหาสมุทรแล้ว เขาน่าจะต้องถูกฝูงอสรพิษรุมฉีกกระฉากเป็นชิ้นๆไปแล้วแท้ๆ
แต่ตอนนี้เขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่กลับปรากฏตัวอย่างไร้รอยขีดข่วน แบบนี้จะให้พวกเขายอมรับได้อย่างไร?
“ว่าไงทุกคน ไม่ได้เจอกันนานเลย” หลิงฮันโบกมือ เขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่ใช้ไม้พายซากเรือจากทั้งฝั่งซ้ายและขวามุ่งหน้าไปหาหยางเทียนเฉิง
คนอื่นๆนั้นไม่บาดเจ็บสาหัสก็ต้องมีบาดแผลกันบ้าง เมื่อเห็นท่าอันสงบนิ่งของหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ พวกเขาก็อดรู้สึกอยากจะบ้าคลั่งไม่ได้ นี่พวกเจ้าสองคนมาพักร้อนกับรึอย่างไร?
ในทางตรงกันข้ามกับคนอื่น หยางเทียนเฉิงแสดงท่าทีประหลาดใจและกล่าว “เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!”
ก่อนหน้านี้หลิงฮันได้ช่วยสังหารอสรพิษไปมากมาย นั่นถือเป็นการช่วยเขาแก้แค้นให้กับความตายของเหล่าลูกเรือ ดังนั้นเขาจึงมีความประทับใจต่อหลิงฮันมากกว่าคนอื่นๆ
สายตาของหลิงฮันกวาดผ่านหลัวอู้กับฟานหยงด้วยความเยือกเย็น ก่อนหน้านี้ที่เขาถูกสองคนนี้โจมตี หากไม่ใช่เพราะหอคอยทมิฬเขาคงจะลำบากไปแล้ว
ทั้งสองคนนี้… เขาต้องสังหารให้ได้
“เจ้ากำลังคิดอะไร?” หลัวอู้กล่าวอย่างเย็นชา ในตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะไปยุ่งกับหลิงฮัน เพราะพวกเขาจะสามารถกลับขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัยรึเปล่านั้นก็ยังไม่รู้
เหตุผลที่ตอนนี้พวกเขาต้องลอยซากเรือไปอย่างช้าๆเพราะถ้าพวกเขาไปดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรตัวอื่นเข้าอีกล่ะก็ พวกเขาอาจต้องตายกลางมหาสมุทรแห่งนี้ก็ได้
เหล่าคนจากเมืองจักรพรรดิต่างโทษให้เรื่องนี้เป็นความผิดของหลิงฮัน ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงฮันจะมาที่นี่ พวกเขาจะตามมาที่นี่รึไง?
“คอยดูว่าเจ้าจะตายอย่างไร!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา เขานำคันศรออกมาและควบแน่นปราณก่อเกิดเป็นลูกศรฆ่ามังกรทะลวงดาราพร้อมกับเล็งใส่หลัวอู้
เมื่อถูกเล็งด้วยลูกศร หลัวอู้ก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นทันที
กลุ่มของเขาสามคนที่มาจากเมืองจักรพรรดินั้น มีปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราเป็นผู้นำกลุ่มเพื่อมาสังหารหลิงฮัน แต่หลัวเซินหยุนที่เป็นผู้นำถูกห้ามไม่ให้ขึ้นเรือมาด้วย หลัวยวี่ก็ตายด้วยปากของปลายักษ์ ในกลุ่มสามคนตอนนี้มีเขาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว
อยู่ต่อหน้าลูกศรของหลิงฮัน เขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถรับการโจมตีไว้ได้รึไม่
สภาพแวดล้อมในตอนนี้ย่ำแย่เกินไปสำหรับเขา ไม่เช่นนั้นด้วยความเร็วของเขาแล้วเขาไม่มีทางถูกเล็งเป็นเป้านิ่งแน่นอน แต่ปัญหาก็คือซากเรือนั้นมีขนาดจำกัด แล้วเขาจะหลบไปที่ไหนได้?
กระโดดลงมหาสมุทร? บางทีเขาอาจจะไม่รอดชีวิตกลับขึ้นมาเลย
ด้วยความเจ้าเล่ห์ เขาเขยิบตัวไปหลบด้านหลังฟู่เทียน โดยหวังจะใช้เด็กหนุ่มคนนี้เป็นโล่
ฟู่เทียนโมโหทันที เขาแยกเขี้ยวราวกับสัตว์อสูรที่กำลังเกรี้ยวกราดและกล่าวออกมา “ไสหัวไป!”
“เจ้าหนู ไม่ต้องกังวล หมอนั่นไม่มีความบาดหมางอะไรกับเจ้า เขาไม่มีทางยิงใส่เจ้าแน่นอน!” หลัวอู้กล่าว ถ้าเป็นการต่อสู้บนพื้นดินเขาไม่หวาดกลัวหลิงฮันแน่นอน แต่ตอนนี้หากสู้ไปก็มีแต่จะพ่ายแพ้ ที่นี่ไม่มีพื้นที่ให้เขาหลบหลีกแม้แต่น้อยและแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมเสี่ยงรับการโจมตีแน่นอน
“เหอะ ช่างไร้ยางอาย!” หยางเทียนเฉิงเต้นเสียง เขาใช้มือขวาคว้าฟู่เทียนมาอยู่ด้านหลังของตัวเองและแยกตัวออกมาให้หลัวอู้ไปอยู่ด้านหน้าเขาแทน
หลัวอู้เปลี่ยนสีหน้า ตอนนี้เขากลายเป็นเป้าแล้ว!
เขารีบกล่าวออกไป “หัวหน้าหยาง ท่านรับค่าขึ้นเรือจากข้าไปแล้ว เป็นหน้าที่ของท่านในการคุ้มครองความปลอดภัยของข้า!”
“เรือถูกทำลายไปแล้ว หน้าที่ของข้าคือว่าสิ้นสุด และเมื่อข้ากลับไปถึงท่าเรือข้าจะคืนเงินที่ว่าให้กับเจ้าและจะมีค่าชดเชยให้อย่างเหมาะสม” หยางเทียนเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา
“ท่านกล่าวผิดแล้ว!” หลัวอู้ส่ายหัวและชี้ไปยังบริเวณเท้า “ดูเสีย พวกเรายังอยู่บนเรืออยู่ ต่อให้เป็นแค่เศษซากแต่มันก็ยังเป็นเรือ ท่านเป็นกัปตันเรือดังนั้นท่านจึงมีหน้าที่ในการรับผิดชอบความปลอดภัยของผู้โดยสาร”
แม้จะไร้ยางอายแต่ก็มีเหตุผล หยางเทียนเฉิงที่ได้ยินก็รู้สึกลังเลอย่างช่วยไม่ได้
“หลิงฮัน อย่าเพิ่งยิง!” หยางเทียนเฉิงกล่าว
เขาเขยิบไปยืนด้านหน้าหลัวอู้
“ฮ่าๆๆๆ!” หลัวอู้หัวเราะด้วยท่าทีภาคภูมิใจ
บนเรือ เขามีการคุ้มครองจากหยางเทียนเฉิง และเมื่อเขารอดพ้นจากสถานการณ์ปัจจุบันนี้ไปได้ ทำไมเขาจะต้องกลัวหลิงฮันอีกต่อไปด้วย
หยางเทียนเฉิงหันหลังและคว้าคอหลัวอู้
หยางเทียนเฉิงมีส่วนสูงที่มากกว่าหลัวอู้ และด้วยพลังต่อสู้สองดาวของเขาหลัวอู้จะสามารถต่อต้านได้?
“อั่ก” เสียงหัวเราะของหลัวอู้หยุกงักเนื่องจากถูกจับคอเอาไว้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ถึงแม้จอมยุทธจะไม่ต้องหายใจ แต่หากถูกบีบคอไว้ปราณก่อเกิดก็ไม่สามารถโจรได้สะดวก หากปล่อยไว้เช่นนี้นานๆวิญญาณของเขาจะไม่มีพลังไปหล่อเลี้ยงและจะต้องตาย
เขาดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ เขารู้สึกอึดอัดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
“แม้ข้าจะไม่ยอมให้หลิงฮันสังหารเจ้า แต่เจ้าจงใจพลักหลิงฮันลงไปในมหาสมุทร เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยไปได้ง่ายๆ!” หยางเทียนเฉิงยื่นอีกมือนึงออกไปคว้าคอฟานหยง
ทั้งสองคนดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง แม้พวกเราจะออกแรงพร้อมกับก็ไม่อาจสู้แรงของหยางเทียนเฉิงและทำได้เพียงดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์
“ฮึ่ม หลังจากลงจากเรือไปแล้ว ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆแน่!” หยางเทียนเฉิงกล่าวอย่างเย็นชาและปล่อยมือ ‘ตุบ’ ทั้งสองคนร่วงหล่นก้นกระแทกพื้น ทั่วร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและรู้สึกราวกับว่าเพิ่งรอดพ้นมาจากประตูแห่งความตาย
ทั้งสองคนก้มหน้า ตอนนี้ในใจพวกเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น