Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 1001-1012

ตอนที่ 1001

 

สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ได้เพียงแค่มีรูปลักษณ์ที่งดงาม แต่ยังมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดอีกด้วย ทุกๆการเคลื่อนไหวของนางแฝงไว้ด้วยความงามจนผู้คนหลงไหล บวกกับพลังบ่มเพาะศักดิ์สิทธิ์ของนางแล้ว นางจึงกลายเป็นจุดดึงดูดไปโดยปริยาย


สตรีเช่นนี้ คนที่เห็นใครบ้างจะไม่ใจสั่น?


“สาวงามชั้นเลิศ!”


“ดูบั้นท้ายนั่นสิ ช่างกลมและงอนยิ่งนัก ข้าอยากจะเดินไปสัมผัสมันเหลือเกิน”


“โอ้ หน้าอกนั่นก็ใหญ่ได้รูป ข้าจะหยุดมือตัวเองไว้ไม่ได้แล้ว”


ผู้คนมากมายในห้องรับรองที่กำลังกินอาหารกันอยู่ส่งเสียงเอะอะ


หลิงฮันมีสีหน้าเย็นชาและจ้องมองไปยังหนึ่งในคนเหล่านั้น


“เจ้าหนู มองมาทำไม?” เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูมีอายุราวๆสี่สิบปี ร่างของเขาบึกบึนและมีรอยแผลเป็นกากบาดอยู่บนใบหน้า เขาสวมชุดคลุมสีแดงที่ไม่โดดเด่น


เขาชี้ไปยังหลิงฮันและกล่าว “ลองมองข้าสิ ข้าจะฆ่าเจ้า!”


“หลิงฮัน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่คว้าหลิงฮันเอาไว้ นางไม่ต้องการให้เขาใช้ความรุนแรงที่นี่


หลิงฮันส่ายหัว เขาปัดมือของนางออกและเดินไปยังชายวัยกลางคน


“โมโหงั้นรึเจ้าหนู?” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้ม “เจ้าเป็นทายาทของตระกูลใดกัน ถึงได้ครอบครองสตรีที่งดงามเช่นนี้! เหอๆ ถ้าหากไม่มีตระกูลหนุนหลังแล้ว เจ้าจะได้นางมาครอบครองรึ?”


ชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความอิจฉา แววตาของเขาแดงฉาน เขาที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงกลับไม่มีสตรีเหมือนกันหลิงฮัน


“พวกสุนัขแก่นี่ไม่รู้จักวิธีหุบปากหรือวิธีพูดแบบสุนัขของตัวเองเลยรึไง?” หลิงฮันเดินเข้าไปใกล้ด้วยสีหน้าที่เย็นชา


ในเมื่อเขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่จำเป็นต้องพักที่นี่สองวัน ถ้าเขาไม่ยืนหยัดแสดงพลัง เขาก็จะต้องถูกคนเหล่านี้ดูถูกและสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็จะถูกเอาเปรียบ


“ปากดี!” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้ม “เจ้าหนู ท่านลุงผู้นี้จะสอนเจ้าเองว่า คนเช่นเจ้าเมื่อออกจากตระกูลก็ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้!”


แม้ทั้งสองคนจะกำลังมีเรื่องกัน แต่ผู้คนโดยรอบก็ยังหัวเราะล้อเล่นเพื่อดูการแสดงสนุกๆ ทางด้านโรงเตี๊ยมเองถ้าไม่ใช่การต่อสู้จากบุคคลนอก หากทั้งสองคนจะทะเลาะกันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเข้าไปยุ่ง


แต่แน่นอนว่าหากชายวัยกลางคนหรือหลิงฮันขอความช่วยเหลือ พวกเขาก็จะเข้าแทรกแซงเพื่อหยุดการต่อสู้


หลิงฮันเดินเข้าใกล้ชายวันกลางคนด้วยความโกรธ กลิ่นอายของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าระดับภูผาวารีขั้นกลางทั่วไปหลายเท่า


“แส่หาที่ตาย!” ชายวัยกลางคนทำการผลักฝ่ามือใส่หัวของหลิงฮันทันที


ถึงแม้ว่าเขากล่าวไว้ว่าเขาต้องการจะสั่งสอนหลิงฮัน แต่เขากลับโจมตีเพื่อหวังสังหารหลิงฮัน หากใครจะเชื่อคำพูดของหลิงฮันก็ดูจะไร้เดียงสาเกินไป


หลิงฮันเค้นเสียงและปล่อยฝ่ามือปะทะกับชายวัยกลางคน


ปัง!


ฝ่ามือของทั้งสองปะทะกันจนเกิดเสียงปะทะดังก้องกังวาน คลื่นปะทะที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าทำให้โต๊ะรอบข้างพังทลาย


“อ้ากกก” ชายวัยกลางคนกรีดร้อง เขารู้สึกราวกับว่าฝ่ามือของเขาพุ่งเข้าชนกับแร่โหละศักดิ์ศิทธิ์ กระดูกมือของเขาแตกร้าว เขามองไปยังหลิงฮันด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ รุ่นเยาว์ที่มีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นกลางกลับมีพลังต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้


เขาเป็นถึงระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้นเชียวนะ!


เขาเขยิบถอยหลังและใช้มือขวากำหมัดชกใส่หลิงฮัน


หลิงฮันเองก็กำหมัดชกเข้าสู้เช่นกัน


ปัง!


ร่างของชายวัยโซเซถอยไปเจ็ดก้าวและล้มลงที่โต๊ะ ภายใต้แรงกระแทกทำให้โต๊ะแหละเป็นเศษไม้


ร่างของเขายังไม่หยุดเพียงเท่านั้น คนที่อยู่ด้านข้างต้องนำมือมาดึงไว้ถึงจะหยุดร่างชายวัยกลางคนไว้ได้


“อ้ากก!” ชายวัยกลางคนกัดฟันและยกมือขึ้นมาดู เขารู้สึกอึ้งทันทีเนื่องจากกระดูกมือของเขานั้นแตกหัก


บ้าชัดๆ ในโลกนี้จะมีคนที่มีกายหยาบแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?


ชายวัยกลางคนทั้งอึ้งและโกรธ เขาพ่ายแพ้ในการแลกหมัดถึงสองครั้ง


รุ่นเยาว์ผู้นี้จะต้องบ่มเพาะทักษะกายาแน่ๆ กายหยาบของเขาถึงได้น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้!


เขายิ่งมั่นใจไปอีกว่าสถานะของหลิงฮันจะต้องเป็นทายาทของตระกูลใหญ่แน่ๆ ดังนั้นเขาจึงมีทรัพยาการณ์ที่ช่วยในการขัดเกลากายหยาบ เพราะการที่จะขัดเกลากายในระดับระพลังพระเจ้านั้นสิ้นเปลืองมหาศาล การจะมีกายหยาบเช่นนี้จำเป็นต้องอาบสมุนไพรระดับศักดิ์สิทธิ์ทุกวันเป็นเวลานับปี


ชายวัยกลางคนไม่อสบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง รุ่นเยาว์ที่ระดับพลังบ่มเพาะต่ำกว่าเขากลับมีกายหยาบอันทรงพลังที่เป็นความฝันของเขา และมีอีกฝ่ายมีสตรีงามข้างกายก็เป็นเพราะมีต้นกำเนิดตระกูลที่ดี


“ตาย!” เขาคำราม ‘พรึบ’ คลื่นเสียงของเขาเปลี่ยนสภาพเป็นรูปลักษณ์ของมนุษย์และเขวี้ยงแท่งไม้ใส่หลิงฮัน


เขาเข้าใจว่าการโจมตีโดยเว้นระยะแบบนี้ถึงจะได้ผลกับหลิงฮัน


‘ทักษะยุทธรูปแบบเสียง?’


หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อยเนื่องจากทักษะประเภทนี้หายากเป็นอย่างมาก เขาไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นมันที่นี่ แต่ไม่ว่าทักษะจะยอดเยี่ยมแค่นั้นพลังของมันก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่หวั่นเกรง


‘ตูม’ เขาโจมตีสวนทันที


คลื่นเสียงที่มีรูปลักษณ์มนุษย์สลายไป หลิงฮันยกมือขึ้นรับแท่งไม้เอาไว้ ‘พรึบ’ ร่างของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่พลังของแท่งไม้จะสลายไป


เขามองที่แขนตนเองและพบว่าแขนเสื้อของเขาฉีกขาด บนผิวของเขาปรากฏรอยขีดข่วน


จะอย่างไรนี่ก็เป็นการโจมตีของระดับภูผาวารีขั้นสูง ไม่อาจดูถูกได้


แม้เขาจะมีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย แต่คนรอบครั้งกลับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง


“ไม่เน่าเชื่อ เจ้าหนูนั่นเป็นเพียงระดับภูผาวารีขั้นกลางแต่สามารถประจันหน้ากับหลูฉีเหว่ยที่เป็นระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้นได้ แถมหลูฉีเหว่ยยังด้อยกว่าเล็กน้อยอีกด้วย”


“อัจฉริยะอย่างน้อยหนึ่งดาว!”


“ที่น่าตกตะลึงกว่านั้นคือกายหยาบ เขาจะต้องเป็นบุตรของตระกูลใหญ่แน่ๆซึ่งใช้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มากมายขัดเกลากายหยาบมาตั้งแต่เด็ก”


ความคิดของพวกเขาเหมือนกันกับของชายวัยกลางคนหลูฉีเหว่ย พวกเขาเชื่อว่าหลิงฮันเป็นทายาทของตระกูลใหญ่ถึงได้มีกายหยาบที่น่าสะพรึงกลัว


ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นจอมยุทธพเนจร พวกเขาไม่มีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกริษยาหลิงฮัน

 

 

 


ตอนที่ 1002

 

“ตาย! ตาย! ตาย!” หลูฉีเหว่ยไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร และโจมตีหลิงฮันด้วยคลื่นเสียงรูปร่างมนุษย์อีกครั้ง


“ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงแม้เด็กอย่างเจ้าจะเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่เหนือกว่าผู้อื่น แต่การต่อสู้นั้นมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์!” หลูฉีเหว่ยหัวเราะ “ข้าต่อสู้มานานจนมีอายุสองหมื่นเก้าพันปีแล้ว แล้วเจ้าจะต่อกรกับข้าได้อย่างไร?”


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “อย่างนั้นหรือ?”


“ข้าจะทุบหน้าของเจ้าให้ยับ แล้วมาดูกันว่าเจ้าจะยังยิ้มได้อีกหรือไม่!” หลูฉีเหว่ยกรีดร้อง และปล่อยคลื่นเสียงที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมสามเท่า พร้อมกับดาบที่อยู่ในมือ


คลื่นเสียงรูปมนุษย์และดาบพุ่งไปที่ใบหน้าของหลิงฮัน


หลิงฮันเพียงแค่ถอนหายใจ เขายื่นมือขวาออกมาไปข้างหน้าและเริ่มใช้พลังแรงโน้มถ่วง ทันใดนั้นเองคลื่นเสียงรูปร่างมนุษย์ก็ถูกกดทับและถูกหยุดการเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์


ปัง!


คลื่นเสียงรูปมนุษย์ถูกกดทับกับพื้น ทำให้พื้นไม้พังทลายลงและเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นบนพื้นพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว หลายคนเริ่มโบกมือไปมาเพื่อไล่ฝุ่น


แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งที่ยังนั่งนิ่ง ถึงแม้จะมีฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว แต่ก็เหมือนมีม่านพลังบางอย่างปิดกั้นไม่ให้พวกมันผ่านไปได้


คนเหล่านั้นดูธรรมดา แต่ถ้ามองให้ดีจะเป็นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากร่างกายของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีคนใดก็สามารถถูกพวกเขาบดขยี้ได้อย่างง่ายได้


เพราะพวกเขาคือจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา


“เกิดอะไรขึ้น!” หลูฉีเหว่ยรู้สึกตกตะลึง เมื่อครู่เป็นการโจมตีครั้งใหญ่ของเขา แต่หลิงฮันเพียงแค่ยื่นมือออกมาก็ป้องกันการโจมตีของเขาได้แล้ว นี่ทำให้เขาไม่อาจยอมรับได้


หลิงฮันกระโจนพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายพร้อมกับกำปั้น


“หึ่ม!” ถึงแม้หลูฉีเหว่ยจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เขาก็รีบเรียกสติของตัวเองออกมาและรีบถอยหลบไปด้านหลังพร้อมกับคลื่นเสียงรูปร่างมนุษย์อีกครั้ง


ในเมื่อหลิงฮันสามารถหยุดยั้งการโจมตีของเขาได้ แล้วคลื่นเสียงรูปมนุษย์จะคุกคามเขาได้อย่างไร?


หมัดของเขาแฝงด้วยพลังแรงโน้มถ่วง ทำให้คลื่นเสียงรูปร่างมนุษย์ถูกกดทับทันที ต้องทราบก่อนว่าผลึกภูผาวารีนั้นคือสมบัติและหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง แล้วพลังของมันจะธรรมดาได้อย่างไร?


พลังแรงโน้มถ่วงของหลิงฮันนั้นยังมีผลต่อร่างกายของหลูฉีเหว่ย และดึงให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ขึ้นและต่อยหมัดไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย


หลูฉีเหว่ยเหยียดมือออกไปข้างหน้าเพื่อต้านรับ แต่ภายใต้พลังของแรงโน้มถ่วง หมัดของเขาเลยเคลื่อนที่ช้าลง ในขณะที่หมัดของหลิงฮันกระแทกเข้าใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง ทันใดนั้นเอง กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาก็ยุบตัวลงเป็นคลื่น ก่อนที่จะกระเด็นไปด้านหลัง


เมื่อเขาถูกต่อยจนกระเด็นไปด้านหลังและกำลังจะกระแทกเข้ากับเสาหิน เขาก็เห็นใครบางคนกระโดดเข้ามากันเอาไว้ มิฉะนั้นถ้าเสาหินนี่พังทลาย บางทีทั้งโรงเตี๊ยมก็อาจพังทลายตามไปด้วย


ในตอนนี้ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลูฉีเหว่ยไม่หยุด ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขามันดูเละเทะมาก


“พอได้แล้ว หากพวกเจ้ายังต่อสู้กันอีก ข้าจะเป็นคนสังหารพวกเจ้าซะ!” คนที่หิ้วร่างของหลูฉีเหว่ยไว้อยู่คือชายชราเคราขาว ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเขาปรากฏตัวออกมาจากที่ไหน เพียงแค่พริบตาเขาก็ปรากฏตัวอยู่ตรงนี้แล้ว


ชายชราเคราขาวเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราที่มีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ด้านหลังของเขา นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูงสุด


“เฒ่าเฉียน!”


“ข้าเคยเห็นเฒ่าเฉียนมาก่อน!”


หลายคนแสดงความเคารพนับถือต่อเขา เขามีชื่อว่าเฉียนอี้ ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกกลุ่มต้าเฉิง แต่อย่าได้คิดว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจเชียว แท้จริงแล้วเขาเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียง และโด่งดังในเรื่องความโหดร้ายของเขา แล้วยังสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน


หลิงฮันไม่ได้ต่อสู้เพื่อหวังชนะ เขาแค่ปกป้องสุ่ยเยี่ยนยวี่เท่านั้นและไม่มีเหตุผลที่จะต่อสู้อีกต่อไป เขาพยักหน้าเล็กน้อยให้กับเฒ่าเฉียน จากนั้นก็เดินไปที่ประชาสัมพันธ์แล้วพูดว่า “พวกข้าต้องการพักที่นี่”


“เจ้าต้องการห้องหนึ่งห้องหรือสองห้อง?” เหรัญญิกกล่าว


“หนึ่ง”


“สอง!”


ประโยคแรกหลิงฮันเป็นคนพูด แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที


“หนึ่ง!” หลิงฮันยืนกรานอีกครั้ง


“ค่าที่พักของโรงเตี๊ยมแห่งนี้คือหนึ่งคืนต่อผลึกก่อเกิดหนึ่งก้อน ระหว่างที่พักพวกเจ้าทั้งสองจะปลอดภัยอย่างแน่นอน – แน่นอนว่าถ้าเจ้าต้องการต่อสู้กับคนอื่นสามารถทำได้เช่นกัน แต่ปัญหาคือเจ้าต้องจ่ายค่าที่พักสำหรับสิบวัน แล้วถ้าเจ้าอยากพักอาศัยต่ออีกสิบวัน เจ้าก็จ่ายเพิ่มได้เช่นกัน” เหรัญญิกกล่าว


ที่นี่เรือจะออกทุกสามวัน คนทั่วไปจะพักอาศัยอยู่ที่นี่สองหรือสามวันเท่านั้น แต่ถ้าเขาจ่ายค่าที่พักสำหรับสิบวันแล้วออกก่อน เขาก็จะไม่ได้เงินคืน


หลิงฮันนำผลึกก่อเกิดออกมาสิบก้อนและส่งให้กับเหรัญญิก มันเป็นจำนวนเล็กน้อยสำหรับเขา เขาไม่สนใจมันแม้แต่น้อย


“ข้าจะนำทางท่านไปส่งที่ห้องเอง!” คนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างกล่าว


เขาพาหลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่ขึ้นบันได โรมเตี๊ยมแห่งนี้มีทั้งหมดห้าชั้น ซึ่งพวกเขาพักอยู่ที่ชั้นสี่


ห้องพักของที่นี่ไม่ได้สวยหรือเลิศหรูอะไรมากนัก แต่จุดประสงค์ของการพักที่โรมเตี๊ยมแห่งนี้คือความปลอดภัยและได้รับการคุ้มครองจากกลุ่มต้าเฉิง


“ท่านจะนอนพักก่อนหรือจะลงไปหาอะไรกินข้างล่าง?” คนรับใช้กล่าว


“พัก”


“เอาล่ะ หากเป็นเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวและไม่รบกวนพวกท่านทั้งสองคนอีกต่อไป” คนรับใช้กล่าวและปิดประตู


ภายในห้องเหลือแค่หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่เท่านั้น เมื่อนางเห็นหลิงฮันเดินเข้ามาใกล้ นางจึงพูดด้วยความตื่นตัวว่า “อย่าได้คิด!”


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ในหัวของเจ้าคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่?” จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเสียงให้ฟังดูโหดร้ายและพูดว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าข้ามีอุปกรณ์มิติที่สามารถพาเจ้าเข้าไปได้ และข้าจะแสดงให้เจ้าเห็น”


ทันใดนั้นเองสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ อุปกรณ์มิติที่สามารถพาสิ่งมีชีวิตเข้าไปได้มีเพียงแค่ตำนานเท่านั้น สำหรับนางแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่หลิงฮันจะครอบครองมัน!


“อย่าได้ต่อต้านสัมผัสสวรรค์ของข้า!” หลิงฮันกล่าว 

 

 


ตอนที่ 1003

 

ด้านหน้าปรากฏโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล


บนผืนดินมีทั้งสวนสมุนไพร ภูเขาเขียวขจีและแม่น้ำที่ใสสะอาดราวกับแดนสวรรค์


สุ่ยเยี่ยนยวี่ตกตะลึง นางไม่เคยเห็นอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน มันกว้างใหญ่เช่นนี้เลยรึ? นี่ไม่ใช่ช่องมิติแล้วมันคือโลกอีกใบ!


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้าพอใจกับที่นี่หรือไม่?”


“อืม! อืม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่หยักหน้าซ้ำไปซ้ำมา ใบหน้าอันงดงามของนางเผยถึงความตะลึง “เมื่อเราเข้ามาที่นี่คนอื่นจะพบเห็นอุปกรณ์มิติรึเปล่า?”


“แน่นอนว่าไม่!” หลิงฮันส่ายหัว “ข้าเรียกที่นี่หอคอยทมิฬเนื่องจากหอคอยเก้าชั้นนี้มีสีดำ มีเพียงข้าเท่านั้นที่มองเห็นว่ามันมีรูปร่างอย่างไรเพราะมันมีขนาดที่เล็กมาก เมื่อเข้ามานี้แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่นจะพบเจอเนื่องจากหอคอยทมิฬมีขนาดเล็กกว่าเม็ดฝุ่นเสียอีก”


สุ่ยเยี่ยนยวี่เชื่อที่เขากล่าว เพราะว่านางเคยเห็นมาก่อนว่าตอนที่จู่ๆหลิงฮันหายตัวไปไม่ว่านางจะหาเขาอย่างไรนางก็หาเขาไม่พบ


“ด้วยสมบัตินี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครทำอะไรพวกเราได้เลยหรอกรึ?” นางอึ้งอย่างมาก


“ข้าจะพาเจ้าไปดูอะไรดีๆ” หลิงฮันนำสุ่ยเยี่ยนยวี่ไปยังตำแหน่งที่ปลูกต้นสังสารวัฏเอาไว้


สุ่ยเยี่ยนยวี่กระพริบตามึนงง “ที่นี่คือพื้นที่ว่างเปล่า?”


“ผิดแล้วๆ อีกไม่นานต้นสังสารวัฏจะเติบโตขึ้นที่นี่!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ


สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว “ต้นสังสารวัฏที่เจ้าประมูลมา? แต่เจ้าก็รู้ว่ามันต้องใช้เวลาถึงสิบสองล้านล้านปีในการเติบโต”


“ไม่ต้องกังวล เจ้าไม่ต้องรอนานจนฟันร่วงหมดปากขนาดนั้น” หลิงฮันหัวเราะและดึงแก้มของนาง “ภายในสามปี ต้นสังสารวัฏต้นนี้จะแสดงประสิทธิภาพของมันออกได้อย่างน่าตะลึง เมื่อเจ้าบ่มเพาะพลังที่นี่เพียงหนึ่งวันพลังบ่มเพาะของเจ้าจะทะยานสูงถึงสวรรค์!”


สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ผู้คนกล่าวกันว่าต้องใช้เวลาสิบสองล้านล้านปีในการปลูกต้นสังสารวัฏ แต่คำถามก็คือคนเหล่านั้นมีอุปกรณ์มิติหรือเปล่า?


ในเมื่อหลิงฮันมีอุปกรณ์มิติและก็เป็นไปได้ว่าอุปกรณ์มิติจะมีความสามารถที่น่าเหลือเชื่อ


นางจึงเลือกที่จะเชื่อหลิงฮัน


“เจ้าช่างมีวาสนาที่ยิ่งใหญ่!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า การที่สามารถเปิดสวรรค์ได้หลิงฮันจะมีวาสนาเหมือนคนธรรมดาได้อย่างไร?


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะได้สตรีที่งดงามเช่นเจ้ามาครองรึ?”


“คะ ใครเป็นของเจ้ากัน?” สุ่ยเยี่ยนยวี่เขินอายจนหน้าขึ้นสี นางไม่อาจคุ้นเคยกับการหยอกล้อของหลิงฮัน


“เจ้าอันธพาล!” นางอดนึกถึงอดีตที่ถูกหลิงฮันแอบมองตอนอาบน้ำไม่ได้ นางคำรามและปล่อยหมัดใส่หลิงฮัน


หนึ่งคืนผ่านไป ในวุ่นรุ่งขึ้นหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ลงบันไดมากินอาหารเช้า


สุ่ยเยี่ยนยวี่งดงงามอย่างแท้จริง เมื่อนางเดินลงมาก็ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วน ผู้ชายมากมายถึงกับกลืนน้ำลาย หลิงฮันช่างโชคดียิ่งนักที่ได้ใช้เวลายามค่ำคืนกับสตรีที่งดงามเช่นนี้


แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อวันก่อนจึงไม่มีใครกล้าพูดจาพล่อยๆออกมา


เมื่อบรรลุพลังบ่มเพาะระดับพระเจ้าแล้ว ร่างกายจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป พวกเขาไม่จำเป็ฯต้องกินหรือดื่ม ตราบใดที่ยังมีพลังวิญญาณให้ดูดซับพวกเขาก็ไม่มีวันอดตายและมีชีวิตได้จนถึงสิ้นอายุขัย


การหลับนอนเองก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นแต่ทุกคนก็ยังต้องการหลับนอนเพราะว่ามันดีต่อร่างกาย


หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่สั่งอาหารเช้ามากินอย่างง่ายๆซึ่งโชคดีที่อาหารเช้านั้นฟรี ไม่เช่นนั้นหากแค่อาหารเช้ายังต้องจ่ายผลึกก่อเกิดล่ะก็ แขกทุกคนคงจะโวยวายไปแล้ว


“ไม่ดีแล้ว มีคนของกลุ่มห้าทมิฬบุกมา!” ใครบางคนรีบวิ่งเข้ามาและกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว


กลุ่มห้าทมิฬมักจะก่อเรื่อง บางครั้งพวกเขาก็จะสังหารและทำร้ายคนอื่น แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่พวกมันเองเป็นฝ่ายตกตาย


“ว่าไงนะ!” คนของโรงเตี๊ยมหลายคนนำอาวุธออกมาและพุ่งไปยังประตู


ทั้งสองกลุ่มความบาดหมางและการปะทะที่รุนแรงกันมาโดยตลอด ดังนั้นกลุ่มต้าเฉิงจึงเตรียมพร้อมรับมือตลอดเวลาและลงมือตอบโต้ทันที


จิตใจของหลิงฮันสั่นไหว เขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่เดินไปยังประตูเพื่อดูเรื่องสนุก


บนถนนมีคนอยู่มากกว่าสิบคน พวกเขาล้วนสวมชุดสีดำและปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าเกรงขรามออกมา พวกเขาทุกคนคือจอมยุทธระดับภูผาวารีทั้งหมด ไม่มีคนใดเลยที่บรรลุระดับสุริยันจันทรา


แน่นอนว่าระดับสุริยันจันทรานั้นถึงแม้จะเป็นเพียงขั้นต้นก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ในเมืองจักรพรรดิ ตัวตนเช่นนั้นสามารถเป็นผู้อาวุโสของสำนักนภาสีชาดหรือเป็นเสาหลักของตระกูลใดๆก็ได้


เพราะงั้นสถานที่เล็กๆอย่างท่าเรือขวานทรราชจะมีตัวตนระดับสุริยันจันทรา?


คนของกลุ่มห้าทมิฬหยุดยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าโรงเตี๊ยมเนื่องจากคนของกลุ่มต้าเฉิงได้ปรากฏตัวมาป้องกันไม่ให้พวกเขาก้าวเข้าไปใกล้มากกว่านี้


“กลุ่มห้าทมิฬมาทำอะไรที่นี่ ไสหัวไปซะ!”


“รีบไปก่อนที่จะเจ็บตัว!”


กลุ่มต้าเฉิงกล่าวข่มขู่ก่อนเพราะกลุ่มห้าทมิฬเป็นฝ่ายบุกมาหาพวกเขาถึงที่


คนของกลุ่มห้าทมิฬเปิดทางให้ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา ชายคนนี้ไม่ได้สวมชุดคลุมดำแต่เป็นชุดผ้าไหมที่งดงามราวกับผีเสื้อ รูปลักษณ์ของเขาไม่นับว่าแย่ เขามีผิวพรรณมีเรียบเนียน ริมฝีปากสีแดงและฟันที่ขาวใส มือของเขาถือพัดเอาไว้


‘พรึบ’ ชายหนุ่มคลี่พัดออกและสะบัดเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “เมื่อวันก่อนมีคนของกลุ่มห้าทมิฬของข้าถูกทำร้าย วันนี้ข้ามาเพื่อตามหาคนที่ทำเช่นนั้น ใครที่ไม่เกี่ยวข้อง… ไสหัวไปให้พ้น!” 

 

 


ตอนที่ 1004

 

หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย กลุ่มห้าทมิฬลงทุนถึงขนาดไล่ล่าเขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่?


ทั้งเขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ผิดอะไร ที่ผิดคือกลุ่มห้าทมิฬเองต่างหากที่มาแส่หาเรื่อง เพียงเพราะเรื่องเล็กๆแค่นั้นกลุ่มห้าทมิฬถึงขั้นต้องทำให้เรื่องมันใหญ่แบบนี้เลยรึ?


“ฮ่าๆๆๆ!” เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม กลุ่มต้าเฉิงก็หัวเราะออกมา


“ยอดเยี่ยม!”


“คนที่ทำร้ายพวกเจ้าอยู่ในโรงเตี๊ยมของพวกเรา? ฮ่าๆๆ ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็สมควรได้รับการยกเว้นค่าเข้าพักเป็นรางวัล!”


ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่ม เขาคือหัวหน้าของกลุ่มต้าเฉิงโดยมีพลีงบ่มเพาะอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด “เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เจ้าถึงกลับต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง?”


ชายหนุ่มที่ว่าคือเจียงอันหยุน เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของเจียงฉีหัวหน้าของกลุ่มห้าทมิฬ


เพียงเพราะการวิวาทเล็กๆ บุตรของหัวหน้ากลุ่มห้าทมิฬถึงกลับต้องลงมือ เรื่องนี้มันไร้เหตุผลสิ้นดี


“นายน้อย เป็นชายหญิงคู่นั้น!” ชายที่พันผ้าพันแผลเอาไว้ที่แขนชี้นิ้วไปยังหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ เขาคือชายร่างใหญ่ที่เคยคิดจะเก็บข้าผ่านทางจากหลิงฮันเมื่อวาน


เจียงอันหยุนมองไปยังทิศทางที่นิ่วชี้ไป เขาชำเลืองมองหลิงฮันแวบนึง สายตาเขาไม่หยุดนิ่งและมองไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปิดปากและอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว


งดงาม… มีเสน่ห์จนเขาแทบจะห้ามใจไม่อยู่


แม้จะเป็นความจริงที่คนของเขาถูกทำร้าย แต่ในท่าเรือขวานทรราชแห่งนี้คนที่ผิดคือคนที่อ่อนแอ หรือจะพูดง่ายๆก็คือตราบใดที่คนของพวกเขาไม่ตายหรือบาดเจ็บสาหัส กลุ่มห้าทมิฬก็จะไม่ถือสาเอาความ


เพราะใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ดีไม่ดีหากอีกฝ่ายเป็นทายาทของตัวตนระดับดาราล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึงกลุ่มห้าทมิฬเลย บางทีแม้แต่ตระกูลหยางก็อาจจะถูกทำลายทิ้ง


เจียงอันหยุนเพียงแค่ได้ยินมาว่าในสองคนนี้มีคนหนึ่งเป็นสตรีที่งดงามมากก็เท่านั้นเอง


ใครจะไม่รู้บ้างว่าเจียงอันหยุนคือชายหนุ่มที่คลั่งไคล้สาวงาม แต่ไม่อาจระงับความต้องการเมื่อพบเจอกับสาวงามได้


ดังนั้นแม้เขาจะกล่าวว่านำคนมาเพื่อแพ้แค้น แต่ความจริงคือเขามาเพื่อตามหาสาวงามต่างหาก


“แค่ก! แค่ก!” เขากลับมาตั้งสติได้ก่อนจะไอสองครั้งและกล่าว “เจ้าหนู เจ้าทำร้ายคนของข้า เจ้าคิดจะชดใช้อย่างไร?”


กลุ่มต้าเฉิงยังคงไม่เคลื่อนไหว ตราบใดที่เจียงอันหยุนไม่สร้างปัญหามากเกินไป เพราะพวกเขาไม่อยากจะทำอะไรให้มันเกิดการปะทะที่รุนแรงขึ้น


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “คนของเจ้าข่มขู่ข้า เจ้าจะชดใช้อย่างไร?”


เจียงอันหยุนเค้นเสียง “เหอะ เจ้ายืนอยู่ตรงนั้นอย่างไร้บาดแผล ทำไมเจ้าต้องได้รับการชดใช้ด้วย! ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดเรื่องไร้สาระกับเจ้า ส่งสตรีของเจ้ามาเป็นคู่หูให้ข้าแล้วข้าจะลืมความบาดหมางไป!”


ทุกคนอุทาน ‘โอ้’ ออกมา มิน่าทำไมเจียงอันหยุนถึงลงมือด้วยตัวเองทั้งๆที่เป็นเรื่องเล็ก ที่แท้เขาก็หวังสตรีผู้นี้เอาไว้นี่เอง


ทุกคนรู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที ถ้าพวกเขามีอำนาจอย่างเจียงอันหยุนพวกเขาก็อยากทำแบบนั้นเพื่อคว้าตัวสาวงามเอาไว้เหมือนกัน


สุ่ยเยี่ยนยวี่เกรี้ยวกราดและนำดาบออกมาทันที


หลิงฮันเอื้อมมือออกไปและกล่าวกับนาง “เมือมีสุนัขมาเห่าต่อหน้าเจ้า เจ้าจำเป็นต้องสนใจด้วยรึ? ไม่ต้องไปใส่ใจ ถ้าเมื่อใดที่สุนัขกัดเจ้า เมื่อนั้นเจ้าค่อยตัดหัวมันทิ้งก็ไม่สาย”


สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้าและเก็บดาบกลับไป แต่ใบหน้าของนางยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา


“เจ้าหนู ข้ายินดีจ่ายให้เจ้าหนึ่งล้านผลึกก่อเกิดเพื่อซื้อนาง!” เจียงอันหยุนกลืนน้ำลายและตะโกนออกไป


ฮึ่ม!


ทุกคนเย็นยะเยือกเสียวหลัง หนึ่งล้านผลึกก่อเกิดนี่เป็นเงินจำนวนที่มากขนาดไหนน่ะรึ?


โดยทั่วไปแล้ว หนึ่งผลึกก่อเกิดนั้นสามารถใช้ซื้ออตรีที่งดงามคนหนึ่งได้ ส่วนหนึ่งหมื่นผลึกก่อเกิดนั้นเพียงพอจะทำให้สตรีที่งดงามระดับภูผาวารียินยอนจะกลับบ้านกับเจ้า ส่วนหนึ่งล้านน่ะรึ?


เจียงอันหยุนช่างคลั่งไคล้สตรียิ่งนัก


หลิงฮันเค้นเสียงเย็นชา ต่อให้ขาดแคลนเงินเขาก็ไม่มีทางขายสุ่ยเยี่ยนยวี่เด็ดขาด


ในด้านของเจียงอันหยุนนั้นเขาเพียงแค่กล่าวถึงเงินจำนวนหนึ่งล้านผลึกก่อเกิดเพื่อล่อหลิงฮันให้ออกไปจากพื้นที่ของกลุ่มต้าเฉิงเท่านั้น


“ภรรยาข้า ไม่ต้องไปสนใจสุนัขโง่ตัวนั้น” หลิงฮันกล่าวกับสุ่ยเยี่ยนยวี่


สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า นางคล้านจะให้ความสนใจกับคนประเภทนี้แล้ว ทั้งสองคนหันหลังเดินกลับเข้าโรงเตี๊ยม


เจียงอันหยุนคิดจะตามพวกเขาไปแต่ก็ถูกกลุ่มต้าเฉิงยืนเรียงบังทางเอาไว้


“นายน้อย!” คนของกลุ่มห้าทมิฬรีบเดินเข้ามาพาตัวเขากลับ ถ้าเจียงอันหยุนถูกกลุ่มต้าเฉิงจับตัวไปพวกเขาจะต้องโดนหัวเน้าเจียงฉีสังหารแน่นอน


“ปล่อยข้า!” เจียงอันหยุนคำราม เขาหลงเสน่ห์สุ่ยเยี่ยนยวี่เข้าเต็มๆ


“นายน้อย ฟังข้าก่อน!” ชายชราคนหนึ่งกล่าว “ที่ทั้งสองคนนั้นมาที่นี่ก็เพื่อต้องการไปค้นหาสมบัติในมหาสมุทร เช่นนั้นก็ได้ง่ายแล้ว พวกเราแค่ปล่อยพวกเขาไปก่อนแล้วค่อยไล่ตามพวกเขาไปที่มหาสมุทรเป็นอย่างไร?”


แววตาของเจียงอันหยุนส่องประกาย นี่เป็นความคิดที่ดีมากเขารีบตอบกลับทันที “เที่ยวเรือที่จะออกท่าเร็วที่สุดจะเริ่มออกท่าในวันพรุ่งนี้”


“นายน้อย แค่วันเดียวเท่านั้น โปรดรอก่อน” ชายชรารีบกล่าว


“งั้นก็กลับ!” สายตาของเจียงอันหยุนมองไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่จนนางหายไปจากสายตา เขาสะบัดมือและเดินจากไป


หนึ่งวัน… ผ่านไปอย่างรวดเร็ว


เพียงแต่ว่าในวันต่อมาเจียงอันหยุนก็ต้องเกิดโทสะเนื่องจากหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ได้ขึ้นเรือออกมหาสมุทรแต่เลือกที่จะพักในโรงเตี๊ยมต่อ


“ทำไมพวกเขาถึงไม่ออกไปมหาสมุทรกัน?” เขาคำรามด้วยความอาฆาต


“เอ่อ ขอตอบนายน้อย บางทีพวกเขาอาจจะหวาดกลัวท่านพวกเขาถึงได้ไม่กล้าออกมหาสมุทร” ชายชรากล่าวพร้อมกับปาดเหงื่อ


“เจ้าคนไร้ประโยชน์!” เจียงอันหยุนโมโห เขาตบใส่ชายชราและกล่าว “คอยตามดูพวกเขาทั้งวันทั้งคืน ห้ามให้ทั้งสองคนหลบหนีไปได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะถลกหนังเจ้า!”

 

 

 


ตอนที่ 1005

 

หลิงฮันไม่ได้ออกทะเลเพื่อหนีเจียงอันหยุน


ท่าเรือขวานทรราชเรือจะออกทุกสามวัน แต่ขนาดของเรือนั้นจะแตกต่างกัน


ตัวอย่างเช่น ครั้งนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ ซึ่งไม่เพียงแค่รองรับผู้คนได้มากเท่านั้น แต่ยังมีกองกำลังรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ด้วยการคุ้มครองของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูงสุด


แต่ปัญหาคือหลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่มาที่นี่เพื่อกำจัดโจรสลัด หากมีคนที่แข็งแกร่งคอยปกป้องเรืออยู่ พวกโจรสลัดก็คงไม่กล้าบุกมาปล้น


ดังนั้น พวกเขาทั้งสองคนจะต้องรอให้เรือเล็กออกจากท่าเรือ ภายใต้การคุ้มครองจากจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด มันก็จะมีโอกาสสูงมากที่โจรสลัดจะบุกมาปล้น


สามวันต่อมา เรือขนาดใหญ่ออกจากท่า ดังนั้นพวกเขาจะต้องรออีกสามวันเพื่อที่จะถึงคิวเรือเล็กออกจากท่า


หลังจากที่ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว หลิงฮันและภรรยาของเขาก็เข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อฝึกฝน


สุ่ยเยี่ยนยวี่ฝึกฝนทักษะยุทธ ในขณะที่หลิงฮันกำลังศึกษาปรุงยาตัวใหม่


ก่อนหน้านี้หลิงฮันเอาแต่ฝึกฝนบ่มเพาะพลัง ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาศึกษาค้นคว้าสูตรปรุงยา


ในฐานะที่เขาเป็นจักรพรรดินักปรุงยา แม้จะอาศัยอยู่ในโลกใบเล็ก เขาก็ยังสามารถหลอมเม็ดยากึ่งระดับศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากระดับเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์เท่าไหร่นัก


“การปรุงยามีสองอย่างที่สำคัญคือ อย่างแรกคือการควบคุมเปลวเพลิง อย่างที่สองคือผสานอักขระศักดิ์สิทธิ์ในเม็ดยา”


“ทั้งสองอย่างจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณ”


“และหลังจากที่ข้าได้ดื่มชาเกิดใหม่ ทำให้พลังวิญญาณของข้าแข็งแกร่งกว่าคนอื่นมาก อาจเทียบได้กับจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด หากบวกคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เข้าไปด้วยแล้วจะไม่มีใครในระดับเดียวกันเทียบกับข้าได้”


“กล่าวคือข้าเหนือกว่าคนอื่นมาก”


“ส่วนในเรื่องของเทคนิคปรุงยา การหลอมเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แตกต่างจากเม็ดยาทั่วไปนัก แค่ต้องใช้เปลวเพลิงที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นและผสานอักขระศักดิ์สิทธิ์ลงบนเม็ดยา”


“เริ่มกันเลย!”


หลิงฮันเริ่มหลอมเม็ดยาปราณสวรรค์ ซึ่งเป็นเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หนึ่ง ประสิทธิภาพของมันคือจะช่วยให้จอมยุทธระดับภูผาวารีรวบรวมพลังปราณได้เร็วขึ้น ถึงแม้เม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ประสิทธิภาพแบบนี้จะมีมากมาย แต่เม็ดยาปราณสวรรค์นั้นเป็นหนึ่งในเม็ดยาที่ดีที่สุดแล้ว


ต้องทราบก่อนว่าการกินเม็ดยาบ่อยนั้นจะเป็นเหมือนดาบสองคน ดังนั้นถ้าสามารถกินเม็ดยาได้แค่สิบเม็ด เช่นนั้นก็จะต้องเลือกกินเม็ดยาที่ดีที่สุด


ล้มเหลว ล้มเหลว ล้มเหลว


ท้ายที่สุดมันก็ยังคงเป็นเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี เพราะหลิงฮันทำเตาหลอมระเบิดหลายครั้งราวกับเพิ่งหัดหลอมเม็ดยา แต่อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่เขาหลอมเม็ดยาล้มเหลว มันจะทำให้เขาก้าวหน้าขึ้นทีละเล็กน้อย


แต่น่าเสียดาย หกวันต่อมาถึงเวลาที่พวกเขาต้องออกทะเลแล้ว แต่หลิงฮันก็ยังคงหลอมเม็ดยาล้มเหลว


“หากข้าลองอีกสักสิบครั้ง ข้าจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน”


หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่ออกจากหอคอยทมิฬและมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือ


ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเดินมาถึง พวกเขาก็เห็นกลุ่มคนกำลังเดินมาหาพวกเขาและมีบางคนที่พวกเขารู้จักที่ไม่ใช่เจียงอันหยุน


“นั่นมันคนตระกูลหลัว หลัวยวี่ หลัวอู้ และหลัวเซินหยุน หลัวเซินหยุนคือจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา เขาน่าจะทะลวงผ่านระดับนี้มานานกว่าสามหมื่นปีแล้ว และตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูงสุด” สุ่ยเยี่ยนยวี่กระซิบอยู่ข้างหูของหลิงฮัน


“ส่วนคนพวกนั้นคือจั่วเซียวและฟานหยง ผู้ติดตามอีกสองคนของจ้าวหยุน ตอนนี้ทั้งสองคนน่าจะทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดแล้ว” สุ่ยเยี่ยนยวี่มองพวกมันขณะพูดกับหลิงฮัน


หลิงฮันพยักหน้า และเขาเห็นหนึ่งในสี่สตรีที่ชื่อเหลี่ยวหยิงที่เป็นผู้หญิงของซาหยวน ซึ่งนางเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีเหมือนกันและไม่ควรมองข้าม


นอกจากนั้นยังมีชายหนุ่มอายุประมาณสิบเจ็ดปี แต่ทะลวงผ่านระดับพลังของพระเจ้าแล้ว แต่เขาอยู่ระดับใดนั้นไม่แน่ชัด และสายตาของชายหนุ่มคนนั้นเป็นเหมือนเสือที่ทำให้คนที่ถูกจ้องมองต้องหวาดกลัว


หญิงสาวคนหนึ่งมีผิวพรรณที่ขาวเนียนเหมือนกับหยกและงดงามเหมือนกับนางฟ้าพร้อมกับริมฝีปากสีแดงเย้ายวน และถักเปีย แล้วมีจี้หยกอยู่ที่คอของนาง และนางดูเย็นชามากจนผู้คนกลัวที่จะเข้าใกล้


ชายหนุ่มจับด้ามดาบแน่นราวกับพร้อมที่จะชักดาบออกมาทุกเมื่อ


คนสุดท้ายคือชายหนุ่มสวมชุดเทาที่มีใบหน้าน่าเกลียด และราวกับไม่มีตัวตนในกลุ่มคนพวกนั้น


หลิงฮันมีอุปกรณ์บินแหวกเมฆาที่มีความรวดเร็วสูง แต่ตระกูลหลัว ตระกูลซา ตระกูลจ้าวรู้ว่าเขาจะมาที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เวลาเดินทางอยู่สักพักและในที่สุดก็มาถึงที่นี่


“ยังพอมีเวลาเหลืออีกเล็กน้อยก่อนที่เรือจะออก พวกเจ้าแต่ละคนต้องจ่ายผลึกก่อเกิดสิบก้อนก่อนขึ้นเรือ” ลูกเรือที่อยู่บนเรือตะโกนเสียงดัง


ชายหนุ่มชุดเทาขึ้นไปคนแรก ตามด้วยหญิงผิวขาว และชายถือดาบ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครขึ้นไปอีก


ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะยิ้มออกมา ดูเหมือนคนที่เหลือกำลังรอให้เขาขึ้นไปก่อน ถ้าเขาไม่ขึ้นเรือ พวกเขาก็จะไม่ขึ้นตาม


เอาแบบนั้นก็ได้!


เขาและสุ่ยเยี่ยนยวี่เดินขึ้นไปดาดฟ้าเรือและจ่ายผลึกก่อเกิดยี่สิบก้อนให้กับลูกเรือที่ยืนอยู่บนหัวเรือ


ทันใดนั้นเอง ผู้คนจากตระกูลหลัว ตระกูลซา และตระกูลจ้าวก็เคลื่อนไหวและจ่ายผลึกก่อเกิดเพื่อขึ้นเรือ


“เดี๋ยวก่อน ท่านเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราไม่สามารถโดยสารบนเรือลำนี้ได้” ลูกเรือบนหัวเรือพูดหยุดหลัวเซินหยุนที่เป็นคนของตระกูลหลัว


“ทำไมข้าจะขึ้นเรือไม่ได้อย่างนั้นรึ?” หลัวเซินหยุนกล่าวอย่างไม่พอใจ อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีแต่กล้าที่จะหยุดเขา? นี่ทำให้เขาโกรธจนตัวสั่น


“นายท่าน หากคิดจะใช้พลังข่มขู่โปรดไปทำในสถานที่อื่น เพราะที่นี่คือท่าเรือทรราช!” ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวอย่างกะทันหันและมีสุริยันจันทราอยู่เบื้องหลัง “กฎของตระกูลหยางคือเรือเล็กจำกัดแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น นั่นเป็นเพราะเพื่อความปลอดภัยของทุกคนว่าจะไม่ถูกทำอะไรหลังจากท่าเรือ”


เรือเล็กมีจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดเป็นผู้คุ้มกัน หากมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขึ้นมาด้วย ใครจะแข็งแกร่งที่สุด?


ดวงตาของหลัวเซินหยุนจ้องมองไปที่อีกฝ่ายอยู่สักพัก แต่เขาก็ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจและพูดกับหลัวยวี่กับหลัวอู้ไม่กี่คำก่อนที่จะลงจากดาดฟ้าเรือ


แต่ก่อนที่จะลงจากดาดฟ้าเรือนั้น เขาจ้องมองไปที่หลิงฮันด้วยจิตสังหาร ถึงแม้เขาจะไม่สามารถขึ้นเรือได้ หลัวยวี่และหลัวอู้ต่างก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง ในขณะที่หลัวยวี่ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดแล้ว เขาสามารถจัดการอีกฝ่ายได้ด้วยมือข้างเดียว


หลังจากนั้นไม่นาน เรือเล็กก็แล่นออกจากท่าเรือทรราชท่องไปในทะเลอันกว้างใหญ่


เรือที่พวกหลิงฮันโดยสารนั้นมันมีขนาดเล็กมาก ตัวเรือมีขนาดยาวเพียงสิบฟุตและสูงห้าฟุต ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสามชั้น ผู้โดยสารจะอยู่ชั้นบนสุด ลูกเรือจะอยู่ชั้นล่างสุด ส่วนชั้นกลางจะเป็นโกดังเก็บอาวุธอย่างเช่นปืนใหญ่ที่ใช้ผลึกก่อเกิดเป็นพลังงานเพื่อสร้างการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัว


อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วจะไม่ค่อยยิงปืนใหญ่เท่าไหร่นัก เพราะมันต้องใช้ผลึกก่อเกิดหลายก้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป


ยิ่งไปกว่านั้น แหล่งพลังงานของเรือลำนี้คือผลึกก่อเกิด ซึ่งตัวเรือจะมีรูปแบบอาคมอยู่หากลมนิ่ง รูปแบบอาคมก็จะเปิดใช้งานด้วยผลึกก่อเกิด


เมื่อท่าเรือเริ่มลับหายไปในสายตา สายตาของผู้คนจำนวนมากก็จ้องมองไปที่หลิงฮัน

 

 

 


ตอนที่ 1006

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงแม้เจ้าจะหนีออกทะเล เจ้าก็ไม่มีทางหนีข้าพ้น!” เจียงอันหยุนหัวเราะ


หลิงฮันไม่สนใจอีกฝ่าย มันก็แค่ตัวตลก


“สั่งสอนมัน!” เจียงอันหยุนโกรธเคืองเล็กน้อย แต่ยังไงก็ตามเขาก็คือนายน้อยของกลุ่มห้าทมิฬ


“ขอรับ!” ชายร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวพร้อมกับมัดกล้ามเนื้อที่ราวกับทำจากเหล็ก หากมองให้ดีจะเห็นว่ามันเงาวาว


“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าเมินเฉยข้า?” เจียงอันหยุนไม่พอใจ กลุ่มห้าทมิฬของเขามีชื่อเสียงมาก แล้วคนอื่นจะไม่ไว้หน้าเขาได้อย่างไร?


“แต่ว่านายน้อย-” ชายชราดึงแขนเขาและพูดกระซิบว่า “พวกเราอยู่บนเรือของหยางเทียนเฉิงที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดคอยดูแลเรือลำนี้อยู่ และว่ากันว่ากายหยาบของเขาแข็งแกร่งเหมือนกับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่อาวุธมีคมยังยากที่จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ เขาเป็นคนที่มีค่ามากในตระกูลหยาง”


เจียงอันหยุนดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาคือนายน้อยของกลุ่มห้าทมิฬ แต่ไม่สามารถเทียบกับตระกูลหยางได้อย่างนั้นหรือ?


“บนเรือของข้า อย่าได้ก่อปัญหาเด็ดขาด!” หยางเทียนเฉิงกวาดสายตามองทุกคนจากบนหัวเรือ


“เมื่อพวกเจ้าลงจากเรือของข้าสามารถแก้ปัญหาความคับแค้นใจของพวกเจ้าได้ แต่บนเรือของข้าถ้ามีใครเริ่มทำร้ายผู้อื่นก่อน เช่นนั้นอย่าได้ตำหนิข้าที่ทำตัวหยาบคาย!” หยางเทียนเฉิงกล่าวและปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าเกรงขามออกมา


“พี่หยางพูดถูก แต่ถ้าเกิดอาการคันไม้คันมือขึ้นมา พวกเราพอจะปะมือสักสองกระบวนท่าได้หรือไม่?” หลัวยวี่ถามด้วยรอยยิ้ม


“ย่อมได้!” หยางเทียนเฉิงตอบกลับอย่างไม่แยแส


หลัวอวี่ก้าวไปข้างหน้า และหยุดอยู่ตรงหน้าหยางเทียนเฉิง


ปัง! ปัง! ปัง!


หยางเทียนเฉิงโจมตี ทั้งสองคนเคลื่อนไหวกันเร็วมาก เพียงพริบตาพวกเขาก็ต่อสู้กันมากกว่าสิบกระบวนท่าแล้ว


หลัวยวี่กระเด็นไปด้านหลังไม่กี่ก้าว ตอนนี้ใบหน้าของเขาดูซีดขาว


“พอแล้วหรือยัง” หยางเทียนเฉิงกล่าว


หลังจากนั้นไม่นาน หลัวยวี่โค้งคำนับและพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “พี่หยางแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าไม่ใช่คู่มือของท่านเลย”


การต่อสู้ครั้งนี้ หยางเทียนเฉิงต้องการแสดงความแข็งแกร่งของเขาให้ทุกคนบนเรือได้เห็น เพื่อให้พวกเขาหวาดกลัวและไม่ก่อปัญหา


เดิมทีตระกูลหลัวและคนอื่นที่มาจากเมืองจักรพรรดิต่างก็ดูถูกจอมยุทธหลังเขา แต่ความแข็งแกร่งที่หยางเทียนเฉิงแสดงออกมานั้นเป็นเหมือนการตบหน้าพวกเขา


“เขาน่าจะเป็นอัจฉริยะระดับสองดาว”


“และยังเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดอีกด้วย เมื่อบวกกับอัจฉริยะระดับสองดาวแล้ว เขาจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนเรือไม่ผิดแน่”


“ถ้างั้นพวกเราก็ไม่สามารถฆ่าหลิงฮันบนเรือได้”


“รอไปก่อน!”


คนเหล่านั้นพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะเป็นใครก็ห้ามทำร้ายแขกบนเรือของข้าเด็ดขาด มิฉะนั้นข้าจะสังหารมันผู้นั้น!” หยางเทียนเฉิงกล่าว


“หึ่ม!” ทุกคนนิ่งเงียบ มีเพียงแค่เจียงอันหยุนเท่านั้นที่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาให้เห็นบนใบหน้า


ข้าอยากจะทำอะไรก็ทำ ข้าอยากจะปล้นใครก็ปล้น แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่เก็บความไม่พอใจเอาไว้เท่านั้น


หลังจากที่หยางเทียนเฉิงพูดจบ เขาก็เข้าไปในห้องโดยสารเพื่อพักผ่อน


การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างกินเวลานานมากทีเดียว


เรือลำนี้จะแล่นอยู่ในทะเลหนึ่งอาทิตย์บนเส้นทางเดินเรือที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ระหว่างนั้นจะหยุดในพื้นที่ทะเลที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง และพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งถึงสามวัน จากนั้นก็จะไปทะเลถัดไป


พื้นที่ทะเลที่มีชื่อเสียงคืออะไร?


มันคือพื้นที่ใต้ทะเลที่อาจมีสมบัติซ่อนอยู่


ในตอนที่ดวงดาวตกลงมาจากท้องฟ้า มันได้แตกออกเป็นเจ็ดส่วน และตกลงไปในทะเลทั้งเจ็ดแห่ง ดังนั้นหากต้องการค้นหาสมบัติ คนส่วนใหญ่จะเลือกมาที่น่านน้ำทั้งเจ็ดแห่งนี้


หลิงฮันมองไปที่ทิวทัศน์รอบข้างอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ทะเลแห่งดวงดาวเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่น่าทึ่ง ถ้าจอมยุทธลงไปว่ายน้ำแล้วใช้พลังปราณไปจนหมด พวกเขาจะต้องถูกดูดลงไปก้นบึ้งของทะเลอย่างแน่นอน


ยิ่งไปกว่านั้น ใต้ทะเลยังมีสัตว์อสูรที่น่าหวาดกลัวจำนวนมาก สัตว์อสูรเหล่านั้นได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงน่าสะพรึงกลัวและยังอาศัยอยู่ในน้ำ ถ้าเผชิญหน้ากับพวกมันคงจะเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และมีโอกาสสูงมากที่จะถูกพวกมันฆ่าตาย


– การต่อสู้ใต้ทะเลนั้น พลังต่อสู้ของเผ่ามนุษย์จะลดลงอย่างมาก


แต่หลิงฮันไม่ได้มาที่นี่เพื่อค้นหาสมบัติใต้ก้นทะเล ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเรื่องพวกนั้นมากนัก หลังจากที่มองทิวทัศน์จนพอใจ เขาก็กลับไปในห้องโดยสารเพื่อฝึกฝนหลอมเม็ดยาต่อจะได้ไม่เสียเวลาเปล่า


แม้เรือจะแล่นอยู่ในทะเล แต่ก็ไม่มีใครสนใจทะเลเลยแม้แต่คนเดียว เพราะเป้าหมายของพวกเขาคือหลิงฮัน


เจ็ดวันต่อมา หลิงฮันก็หลอมเม็ดยาปราณสวรรค์สำเร็จเป็นครั้งแรก


เม็ดยาปราณสวรรค์มีไว้สำหรับจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้น หากจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางกินเข้าไป ประสิทธิภาพของมันจะลดลงอย่างมหาศาล ดังนั้นหลิงฮันจะต้องหลอมเม็ดยาที่ดีที่สุดให้แก่สุ่ยเยี่ยนยวี่ให้จงได้


นางเคยเห็นหลิงฮันหลอมเม็ดยามาก่อน แต่เพราะเขาหลอมเม็ดยาล้มเหลวอยู่บ่อยครั้ง นางจึงคิดว่าเขาเพิ่งจะก้าวเดินบนศาสตร์ปรุงยา และไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะหลอมเม็ดยาปราณสวรรค์สำเร็จ


ในเมื่อนางอาศัยอยู่ในเมืองจักรพรรดิ นางสามารถซื้อเม็ดยาปราณสวรรค์ได้ด้วยผลึกก่อเกิดหนึ่งร้อยก้อน!


เตาแรกหลิงฮันหลอมเม็ดยาสำเร็จแค่สามเม็ด แต่เตาที่สองเขาหลอมได้ห้าเม็ด เตาที่สามได้เจ็ดเม็ด และเตาที่สิบเขาหลอมได้สิบเม็ด


ในความเห็นของเขา นี่ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาคือจักรพรรดินักปรุงยา


สุ่ยเยี่ยนยวี่ทึ่งมาก นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง? เขาไม่เพียงแค่มีพรสวรรค์ด้านวรยุทธเท่านั้น แต่ยังมีพรสวรรค์ด้านศาสตร์ปรุงยาที่หน้าทึ่งด้วย นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว


แต่ยังไงก็ตาม นางก็รู้สึกมีความสุขมากเพราะตอนนี้นางต้องการเม็ดยาปราณสวรรค์มาก มันจะช่วยนางให้นางยกรากฐานพลังได้เร็วยิ่งขึ้น


หลังจากที่หลิงฮันใช้วัตถุดิบจนหมด เขาก็เริ่มศึกษาเม็ดยาอีกชนิดหนึ่ง


เม็ดยาไข่มุกนภา


มันเป็นเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ซึ่งจะช่วยปรับปรุงพลังก่อเกิดและกายหยาบของจอมยุทธให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น


ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีผู้คนจำนวนมากที่กำลังฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะกายา แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ เพราะการขัดเกลากายหยาบเป็นเรื่องยาก น้อยคนนักที่จะมีกายหยาบเทียบกับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ เพราะใช้ทรัพยากรมากเกินไป


ดังนั้นเม็ดยาไข่มุกนภาจึงมีราคาแพงมาก หนึ่งเม็ดเท่ากับผลึกก่อเกิดสามร้อยก้อน และมักจะไม่มีขายในตลาด


ในปัจจุบัน เม็ดยาไข่มุกนภาเป็นเม็ดยาที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับหลิงฮันแล้ว และตอนนี้เขายังเต็มไปด้วยแรงจูงใจ หากเขาหลอมมันสำเร็จ เขาก็จะกลับมามั่งคั่งอีกครั้ง

 

 

 


ตอนที่ 1007

 

นักปรุงยาทุกคนต่างมั่งคั่ง เพียงแค่ว่าจะมากหรือน้อยเท่านั้น


ในเวลาเพียงสี่วันหลิงฮันก็หลอมวัตถุดิบราคากว่าสองแสนผลึกก่อเกิดจนหมด


เขาใช้เงินไปกว่าล้านผลึกก่อเกิดเพื่อซื้อวัตถุดิบสมุนไพร ในขณะที่เม็ดยาปราณสวรรค์ใช้สมุนไพรไปประมาณหนึ่งแสนผลึกก่อเกิด ส่วนที่เหลือเขาจะใช้ไปกับเม็ดยาไข่มุกนภาและเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ในระดับที่สูงขึ้นเช่นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามหรือสี่


“ทุกคนมามารวมตัวกันด้านหน้าดาดฟ้าเรือ”


เสียงหนึ่งดังก้องไปทั่วท้องเรือ มันคือเสียงของหยางเทียนเฉิง


“เกิดอะไรขึ้น?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถาม


“ข้าก็ไม่รู้ ยังไงก็ออกไปดูกันก่อน” หลิงฮันส่ายหัว


ทั้งสองเดินออกจากห้องพักในขณะที่เจียงอันหยุนก็เดินออกมาจากห้องข้างๆ ใบหน้าของเขามืดมนและมองมายังหลิงฮันด้วยความโหดเหี้ยม ในหัวของเขาคู่รักที่อยู่ห้องเดียวกันสองคนจะมีอะไรให้ทำนอกจากเรื่องบนเตียง


สวนบุรุษเช่นเขาที่ต้องอยู่ในห้องคนเดียวนึ่? อ้ากกก


พวกเขาเดินมายังหัวเรือและพบคนหลายคนที่มาถึงก่อนแล้ว


“พวกเราใกล้จะเข้าสู่เขตหมอกดำแล้ว” หยางเทียนเฉิงกล่าวและชี้ไปด้านหน้า “ในเขตหมอกดำ การรับรู้และการมองเห็นของพวกเราจะได้รับผลกระทบ พวกเราจะมองเห็นรอบด้านได้เพียงระยะครึ่งก้าวเท่านั้น”


เขาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “ส่วนที่เรียกทุกคนมาอยู่รวมกันเพราะข้าไม่ต้องการให้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น”


อย่างที่ว่าเมื่อเข้าไปยังเขตหมอกดำแล้วการรับรู้ของเขาจะไม่ครอบคลุมไปทั่วทั้งเรือและอะไรก็ตามสามารถเกิดขึ้นเหนือการควบคุมของเขา ในกรณีที่มีการตายเกิดขึ้นเขาจะต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบ


ดังนั้นที่เขาเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อให้ทุกคนอยู่ในสายตาของเขาและจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาใดเกิดขึ้น


หลิงฮันมองไปยังด้านหน้าและพบเห็นเขตหมอกดำที่อยู่ไกลไม่เกินสามไมล์ตรงหน้า ขอบเขตของหมอกนั้นกว้างจนไม่สามารถมองเห็นได้รอบ


“นี่คือหนึ่งในความพิเศษของมหาสมุทรดารา มหาสมุทรแห่งนี้มักจะสร้างหมอกดำเช่นนี้ขึ้นมาบ่อยๆ ส่วนที่ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นยังไม่มีผู้ใดรู้” สุ่ยเยี่ยนยวี่กระซิบข้างหูเขา


“ข้าเริ่มสนใจแล้วอยากจะไปสำรวจในมหาสมุทรเสียแล้ว” หลิงฮันยิ้มก่อนจะส่ายหัว “ทำไมเจ้าพวกโจรสลัดถึงได้ชักช้าอย่างนี้ นี่ก็เป็นเวลาหลายวันแล้วพวกมันกลับไม่โผล่หัวมา”


สุ่ยเยี่ยนยวี่ขมวดคิ้วและมีท่าทีไม่พอใจเช่นกัน


คนอื่นเกรงกลัวว่าจะพบโจรสลัด แต่พวกเขาทั้งสองคนนั้นต้องการจะพบกับโจรสลัด


“เรื่องที่ข้าจะรบกวนทุกคนก็คือเมื่ออยู่ในเขตหมอกดำ พวกเจ้าต้องยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมห้ามขยับ ไม่เช่นนั้น…” หยางเทียนเฉิงกำหมัดและมองด้วยสายตาข่มขู่


ไม่มีใครกล่าวอะไร แต่ส่ายตาทุกคู่กลับวอกแวก เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนมีแผนการบางอย่าง


“ระวังตัวด้วย!” สุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นกังวลเล็กน้อย ที่นี่ไม่ได้มีเพียงจอมยุทธที่มีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสูง แต่ยังมีระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดด้วย


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ไม่ต้องห่วง พวกเราแค่เข้าไปในหอคอยทมิฬแล้วปล่อยคนพวกนี้ไว้ด้านนอก”


ตัวเรือเข้าใกล้เขตหมอกดำมากขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศโดยรอบๆเรือเปลี่ยนไปเป็นกดดันในทันที


“รอให้เข้าไปในหมอกก่อน แล้วจงสังหารเจ้าหนูนั่นเสีย!” เจียงอันหยุนกล่าวกับคนของเขา


“แต่นายน้อย หยางเทียนเฉิงยังอยู่ใกล้ๆนี้” หนึ่งในคนของเขากล่าวด้วยเสียงเบา


“เหอะ แล้วจะอย่างไร? ในหมอกที่สัมผัสสวรรค์และสายตาถูกจำกัด เจ้าแค่ลงมือให้ไวมากพอก็ไม่มีใครรู้ตัว” เจียงอันหยุนกล่าว “แต่ห้ามทำให้สตรีผู้นั้นบาดเจ็บเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะโยนเจ้าลงมหาสมุทร!”


“ขอรับนายน้อย” บนเรือมีทั้งหมดแปดคนที่เป็นคนของกลุ่มห้าทมิฬ


ในขณะเดียวกันจั่วเซียวกับฟานหยงก็กระซิบกันว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี และในด้านตระกูลหลัวเองก็จ้องมองมายังหลิงฮันด้วยความอาฆาต


เหลี่ยวหยิงและองครักษ์สาวงามทั้งสี่เองก็มีสีหน้าเย็นชาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร


ชายชราวัยกลางคนในชุดคลุมเทาจ้องมองด้วยสายตาที่ส่องประกาย


ชายหนุ่มที่ถือดาบ ชายหนุ่มชุดสกปรกและสตรีงดงามชุดขาวเขยิบไปยืนด้านข้างหยางเทียนเฉิง ดูเหมือนพวกเขาจะดูออกว่ากำลังจะมีคลื่นลูกปะทะลูกใหญ่เกิดขึ้น พวกเขาจึงแสดงตนว่าไม่ต้องการมีส่วนร่วม


ด้วยบรรยากาศเช่นนี้ เรือก็ค่อยๆเข้าไปยังหมอกอย่างช้าๆ


ทันใดนั้นเองพวกเขาก็รู้สึกทันทีว่าการมองเห็นเปลี่ยนไป แม้จะเปิดตาอยู่แต่แม้แต่ภาพเบื้องหน้าก็ไม่สามารถมองเห็นได้ มีเพียงมือของตนเองเท่านั้นที่มองเห็นได้อย่างเลือนราง


สัมผัสสวรรค์ยิ่งแย่ไปกว่านั้น มันไม่สามารถใช้งานได้อย่างสิ้นเชิง ต่อให้ปล่อยสัมผัสสวรรค์ออกมาจากร่าง สัมผัสสวรรค์ก็ดูราวกับถูกบางสิ่งบางอย่างดูดกลืนเข้าไป


โชคดีที่การได้ยินยังคงอยู่ ไม่เช่นนั้นหากต้องเสียสัมผัสทั้งสามอย่างการมอง การได้ยิน การรับรู้ไป ผู้คนหลายคนคงจะกลายเป็นบ้าเป็นแน่


บนเรือมีแต่ความเงียบสงัด


แต่นั่นก็เป็นเพียงชั่วครู่ ‘ตูม ตูม ตูม’ เสียงปะทะเกิดขึ้นในทันที พลังต่อสู้ที่รุนแรงไม่ได้ทำให้หมอกสลายหายไป และโชคดีที่เรือลำนี้ถูกสร้างจากวัสดุทนทานที่ใช้ต้านแรงโน้มถ่วงมันจึงแข็งแรงมาก อย่างน้อยด้วยพลังของจอมยุทธระดับภูผาวารีก็ยากที่จะทำให้เรือลำนี้พัง


“หยุด! หยุด!” หยางเทียนเฉิงคำรามต่อเนื่อง เขาพุ่งเข้าไปยังกลุ่มที่ปะทะกัน ไม่ว่าเขาพบเจอใครเขาก็จะคว้าตัวเอาไว้แหละเหวี่ยงไปทางเรือหรือไม่ก็ห้องพักเรือ


ลูกเรือเองก็มาช่วยกันหยุดการปะทะเช่นกัน แต่นั่นก็มีแต่จะทำให้การปะทะอลหม่านกว่าเดิม


ภายในหมอก ไม่มีใครมองเห็นเหตุการณ์ได้ชัดเจน พวกเขาเคลื่อนไหวตามความรู้สึกเท่านั้น


หลังจากเวลาผ่านไปพอสมควร แสงของตะวันก็สาดส่องเข้ามาอีกครั้ง หมอกดำค่อยๆเริ่มสลายหายไป


การปะทะหยุดทันที เมื่อท้องฟ้าปรากฏอีกครั้งทุกคนก็ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของตนเองราวกับว่าไม่มีใครเลยที่ลงมือ


แต่ถ้ามองดีๆจะพบว่าใบหน้าของใครบางคนนั้นถูกชกจนขอบตาเป็นสีดำ บางคนมีทรงผมกระเซอะกระเซิง บางชุดถูกฉีกขาด


“นะ นายน้อย!” เสียงอุทานดังขึ้น ทุกคนหันไปและพบจับร่างของเจียงอันหยุนนอนนิ่งอยู่ ที่ตำแหน่งหน้าอกของเขามีหลุมโลหิตปรากฏเนื่องจากถูกแทงหัวใจจนไร้สัญญาณชีวิต


ใบหน้าของเขาแสดงไว้ถึงความตกตะลึงที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะถูกลอบโจมตีจนต้องทิ้งชีวิต


“เจ้า! เจ้าต้องเป็นคนทำแน่ๆ!” ชายชราของกลุ่มห้าทมิฬชี้ไปยังหลิงฮัน ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความอาฆาตแค้น

 

 

 


ตอนที่ 1008

 

“ข้า?” หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในหมอกดำ เขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็เข้าไปหลบในหอคอยทมิฬทันที การต่อสู้ที่เกิดขึ้นภายนอกมันจะเป็นฝีมือของเขาได้อย่างไร?


แต่เขาไม่สามารถพูดถึงเรื่องนั้นได้ เขาเพียงแค่ส่ายหน้าและพูดว่า “ข้าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องลอบสังหารเขา”


หลังจากที่พูดแบบนั้นออกมา หลิงฮันก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น เพราะคนที่มาที่นี่มีเป้าหมายคือเขา แล้วทำไมเจียงอันหยุนถึงถูกแทงด้วยดาบ? เมื่อดูจากบาดแผลแล้ว มันถือว่าลึกทีเดียว เหมือนกับต้องการฆ่าอีกฝ่ายให้ตายทันที


นี่จะต้องเป็นการลอบสังหารที่วางแผลล่วงหน้าเอาไว้แล้วไม่ผิดแน่


“นอกจากเจ้าแล้วจะเป็นใครได้!” ชายชราเคราขาวกล่าว “เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเจียงจือ แม้เขาจะทำตัวไร้ค่า แต่เขาก็ต้องแบกรับภาระหน้าที่อันหนักอึ้งเพื่อความสำเร็จของตระกูลเจียง และตอนนี้ความหวังของตระกูลเจียงถูกฆ่าไปแล้ว เจียงจือจะต้องโกรธจนบ้าคลั่งเป็นแน่”


“ใช่แล้ว ทุกคนรู้ดีว่าเจียงอันหยุนมีความบาดหมางกับเจ้าก่อนจะออกเรือซะอีก หากไม่ใช่ฝีมือของเจ้าแล้วจะเป็นใคร?” หลัวอู่กล่าวเสริม ใบหน้าของเขามีรอยฝ่ามือ ซึ่งเขายังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร


ทันใดนั้นเอง หยางเทียนเฉิงก็หันไปจ้องมองหลิงฮันทันทีด้วยจิตสังหาร


อันที่จริงแล้ว หลิงฮันไม่หวาดกลัวเขาเลย ถึงแม้จะไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่เขามีกายหยาบที่น่าทึ่ง เขาแน่ใจว่าสามารถหลบหนีได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีหอคอยทมิฬอยู่มิใช่หรือ?


แต่ถ้าไม่มีความจำเป็น ทำไมเขาจะต้องต่อสู้กับคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย นี่อาจเป็นแผนการของใครบางคนก็เป็นได้


หลิงฮันดูนิ่งเฉยและพูดว่า “ข้าจะพูดอีกครั้ง ข้าไม่ได้เป็นคนทำ หากข้าเป็นคนทำจริง ข้าคงไม่แทงเขา แต่ตัดหัวเขาไปแล้ว!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ายอมรับแล้วว่ามีแรงจูงใจ!” จั่วเซียวกล่าว


“นี่เจ้าปัญญาอ่อนหรือไง?” หลิงฮันจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม


“พี่หยาง ชายคนนี้มีความบาดหมางกับเจียงอันหยุน และตอนนี้เขาก็เพิ่งยอมรับว่าต้องการฆ่าอีกฝ่าย” หลัวอวี่กล่าวกับหยางเทียนเฉิง


“หลิงฮัน หากเจ้าพูดว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนทำ เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”ฟานหยงกล่าว


“ถูกต้อง หากเจ้าไม่ได้เป็นคนทำก็แสดงหลักฐานออกมา!” หลัวอู้ตระโกน พวกเขาทุกคนต้องการกดดันหลิงฮัน


หลิงฮันแสยะยิ้มและพูดว่า “กลุ่มคนโง่เขลา ในเมื่อพวกเจ้าต้องการกล่าวหาว่าข้าเป็นคนทำ แล้วจะเรียกร้องหาหลักฐานไปทำไม เพราะข้าไม่ได้เป็นคนทำ! แล้วเมื่อพวกเจ้ายังแอบดูข้าอาบน้ำ ถ้าพวกเจ้าจะพูดว่าไม่ได้ทำ ถ้างั้นพวกเจ้าก็หาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเจ้าบ้างสิ!”


เขาชี้หน้าด่าทีละคนทีละคน


ทุกคนรู้ว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระที่จะกล่าวหาหลิงฮันอย่างไร้หลักฐาน ถ้าพวกเขาต้องการใส่ร้ายให้หลิงฮันเป็นคนทำจริง พวกเขาก็ควรมีหลักฐานเพื่อให้คนอื่นคล้อยตาม


ทันใดนั้นเอง ทุกคนก็นิ่งเงียบไป


สถานการณ์ในตอนนี้วุ่ยวายมาก ในความเป็นจริงไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนลงมือฆ่าเจียงอันหยุน แต่เมื่อมีคนโยนความผิดให้กับหลิงฮัน พวกเขาเลยคล้อยตามและยินดีที่จะช่วย นั่นเป็นเพราะจุดประสงค์หลักของการมาที่นี่คือการฆ่าหลิงฮันอยู่แล้ว


หยางเทียนเฉิงขมวดคิ้ว ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนบนเรือซับซ้อนมาก เขาไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครเป็นคนทำ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ข้าจะตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น และทุกคนโปรดให้ความร่วมมือด้วย!”


“แน่นอน!” ทุกคนตอบกลับ


ทุกคนที่อยู่บนดาดฟ้าเรือให้ความร่วมมือกับหยางเทียนเฉิงในการสืบสวนหาคนทำ


มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาคนลงมือทำได้ นั่นเป็นเพราะทุกคนต่างมีอุปการณ์มิติเป็นของตนเอง และซ่อนอาวุธไว้ด้านใน แล้วใครจะหาเจอ? หรือบางทีอาจโยนทิ้งลงไปในทะเลแล้วก็ได้ ถ้าวนเรือกลับไปที่หมอกดำนั่นอีกครั้ง มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะหาเจอ


การสืบสวนเริ่มต้นขึ้น ทุกคนจะถูกซักถามทีละคน


ชายหนุ่มถือดาบมีชื่อว่าจินจื้อฮุย ชายชราชุดเทามีชื่อว่าโจวเกาหยาง ชายหนุ่มชุดสกปรกมีชื่อว่าฟู่เทียน และหญิงสาวชุดขาวมีชื่อว่าหยินหยวนเซียง และอีกเจ็ดคนจากกลุ่มห้าทมิฬ


หยางเทียนเฉิงต้องแบกความรับผิดชอบเมื่อมีการตายเกิดขึ้นบนเรือ แต่ประเด็นสำคัญคือใครเป็นคนทำ มันไม่มีร่องรอยที่จะสืบหาตัวคนร้ายได้เลย เหมือนกับอีกฝ่ายเป็นนักฆ่ามืออาชีพ


“นักฆ่ามืออาชีพ!” คนอื่นคิดแบบนั้นเหมือนกัน ถึงแม้อยากจะใส่ร้ายหลิงฮัน แต่ถ้ามีนักฆ่ามืออาชีพอยู่บนเรือ พวกเขาทุกคนก็จะตกอยู่ในอันตราย


บางทีคนที่อาจถูกฆ่าคนต่อไปก็อาจเป็นพวกเขาก็ได้ ซึ่งทุกคนอาจเป็นฆาตกรได้ทุกคน


“ข้าว่าพวกเราเข้าไปในหมอกดำอีกครั้งดีกว่า!” หลิงฮันพูดแนะนำ


ทุกคนดูแปลกใจ นี่เขาบ้าหรือเปล่า? ในหมอกดำวิสัยทัศน์จะเป็นศูนย์ แม้แต่สัมผัสสวรรค์ยังถูกยับยั้ง คงไม่มีใครยอมเข้าไปในสภาพแวดล้อมแบบนั้นอีกรอบ


“บางทีพวกเราอาจหาตัวฆาตกรเจอก็ได้” หลิงฮันกล่าวอีกครั้ง


นั่นเป็นเพราะเป้าหมายของเขาคือโจรสลัด ไม่สำคัญว่าการเดินทางจะล่าช้าหรือไม่


“ข้าคิดว่ามันเป็นข้อเสนอที่ดี” หลัวยวี่กล่าวเห็นด้วยเป็นครั้งแรก และจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาอาฆาต


ก่อนหน้านี้เขาหาตัวหลิงฮันไม่พบ ซึ่งทำให้เขาค่อนข้างแปลกใจ แต่ครั้งนี้เขาจะไม่พลาดอย่างแน่นอน!


“ข้าเองก็เห็นด้วย!” เหลี่ยวหยิงเองก็กล่าวเห็นด้วย


ฟานหยงและจั่วเซียวมองหน้ากันและพยักหน้าเห็นด้วย


จินจื้อฮุย โจวเกาหยางและหยินหยวนเซียงไม่แสดงความคิดเห็นอะไรว่าเห็นด้วยหรือไม่


เมื่อเห็นว่าหลายคนเห็นด้วยที่จะเข้าไปในหมอกดำ หยางเทียนเฉิงจึงตะโกนพูดว่า “ตกลง พวกเราจะกลับเข้าไปในหมอกดำอีกครั้ง” เขาเองก็อยากจะหาฆาตกรให้พบ อีกฝ่ายกล้ามากที่ลงมือต่อหน้าเขา


เรือวกกลับอย่างช้าๆ และแล่นเข้าไปในหมอกดำ


ทุกคนหยุดพูดคุยกัน ราวกับเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปแล้ว ในไม่ช้าหมอกดำก็เริ่มบดบังดวงอาทิตย์ทีละเล็กน้อย จนกระทั่งมืดสนิท


ในขณะนั้นเอง เสียงต่อสู้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง


“อ๊าก!”   “โอ๊ย!”


“เกิดอะไรขึ้น!”


เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นไม่หยุด บางคนถูกซัดจนกระเด็นไปที่ห้องโดยสาร บางคนถูกต่อยจนใบหน้าบวม บางคนถูกดาบฟันจนเลือดอาบ


พวกเขาทุกคนต่างคิดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นฝีมือของหลิงฮัน

 

 

 


ตอนที่ 1009

 

“เจ้าช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ” ภายในหอคอยทมิฬ สุ่ยเยี่ยนยวี่ ส่ายหัวและถอนหายใจ


หลัวยวี่และหลัวอู้คือเสาหลักของตระกูลหลัว จั่วเซียว ฟานหยงและเหลี่ยวหยิงเองก็เป็นคนที่มีอายุมาแล้วหลายพันปี แต่พวกเขาก็ยังตกหลุมพรางหลิงฮัน


ที่เขากล่าวไปว่าเพื่อให้คนร้ายปรากฏตัว ที่จริงเขาก็แค่ต้องการให้คนเหล่านี้เข้าห้ำกั่นใส่กันเอง โดยที่เขาเป็นผู้ชม


“แล้วเจ้าชอบที่ข้าทำเช่นนี้รึไม่?” หลิงฮันยิ้ม โชคไม่ดีที่พวกเขาอยู่ภายในหมอกดำทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกหอคอยทมิฬ เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกเสียดายเล็กน้อย


“ไม่!” สุ่ยเยี่ยนยวี่รีบตอบ นางกลัวว่าหลิงฮันทำเรื่องเจ้าเล่ห์กับนาง ซึ่งนางไม่ชอบแม้แต่น้อย


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ไม่ใช่ว่าสตรีนั้นชื่นชอบบุรุษชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์รึไง่?”


“ใช่ที่ไหน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่เค้นเสียง นางไม่มีทางชอบคนเลวและเจ้าเล่ห์แน่นอน ไม่เช่นนั้นนางจะหนีจากจ้าวหลุนทำไม?


“เกือบจะได้เวลาออกไปแล้ว” หลิงฮันกล่าว เขารู้สึกได้ว่าดวงตะวันกำลังจะสาดแสงลงมาอีกครั้ง


‘พรึบ’ ทั้งสองคนออกจากหอคอยทมิฬ ด้วยการที่มีหมอกหนาทึบทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบว่าพวกเขาหายตัวไปชั่วขณะและจู่ๆก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง


แสงจากดวงตะวันหวนคืนกลับมา


“อะไรกัน!”


ทุกคนตกตะลึงทันทีเนื่องจากมีร่างอีกเจ็ดร่างนอนแน่นิ่งเรียงกันอยู่ที่ดาดฟ้าเรือ


ร่างทุกร่างตายด้วยสาเหตุเดียวกันคือถูกแทงด้วยดาบอันเฉียบคม


ใครเป็นคนลงมือกันแน่?


สายตาทุกคู่อดหันมองมายังหลิงฮันไม่ได้ เขาเป็นคนแนะนำให้กลับเข้ามาในหมอกอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด


“หลิงฮัน คราวนี้เจ้ายังมีอะไรจะกล่าวอีกรึไม่?” หลัวยวี่ตะโกนขึ้นมา


“ข้าไม่มีอะไรกับตัวโง่งมเช่นเจ้า” หลิงฮันยิ้ม “แต่แผนการของข้าก็ได้ผลไม่ใช่รึไง? เพราะคนร้ายก็ปรากฏตัวอีกครั้งตามคาด แต่แค่พวกเจ้าไม่สามัคคีร่วมมือกันก็เท่านั้นเอง ไม่เช่นนั้นทั้งๆที่มีจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดมากมายขนาดนี้อยู่บนเรือจะไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้อย่างไร?”


“ไร้สาระ เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของเจ้า!” หลัวยวี่ชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน


หลิงฮันส่ายหัว “เมื่อครู่นี่ทุกคนต่างก็รุมโจมตีใส่ข้า ข้าจะไปมีเวลาสังหารคนถึงเจ็ดคนได้อย่างไร?”


“ไม่ต้องหาข้อแก้ตัว!” ฟานหยงเค้นเสียง


“ถูกแล้ว เจ้าพูดอะไรไร้สาระ!” หลัวยวี่เองก็ปฏิเสธทันทีเนื่อจากการโจมตีใส่ศิษย์สำนักเดียวกันนั้นผิดกฎของสำนักนภาสีชาด


หยางเทียนเฉิงขมวดคิ้ว แน่นอนว่าเขาก็รู้ว่าการต่อสู้เมื่อครู่นั้นยุ่งเหยิงเป็นอย่างมาก ทุกคนล้วนแต่มุ่งเป้าไปยังหลิงฮัน ซึ่งหากจะบอกว่าในสถานการณ์เช่นนั้นหลิงฮันยังสามารถสังหารคนอื่นได้ถึงเจ็ดคนก็นับว่าเหลือเชื่อเกินไป


แต่ในขณะเดียวกันหลิงฮันก็ยังเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดเหมือนกันเพราะเขาเป็นคนที่แนะนำให้กลับเข้าไปยังหมอกดำ


“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็กลับไปยังหมอกดำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเราจะต้องมัดตัวเขาเอาไว้!” หลัวยวี่ชี้ไปยังหลิงฮัน


“ความคิดดี!” ฟานหยงปรบมือเห็นด้วย


“เหอๆ หลิงฮัน เจ้าบอกเองสินะว่าเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์? ถ้าเจ้าถูกมัดเอาไว้ตอนอยู่ในหมอกแล้วไม่มีใครตาย นั่นก็ถือว่าเจ้าไม่ใช่คนร้าย” หลัวอกล่าวตาม


หลิงฮันเค้นเสียง “พวกเจ้าบ้ารึเปล่า? หากทำเช่นนั้นข้าก็กลายเป็นเป้านิ่งไม่ใช่รึไงกัน!”


“พี่ชายหยาง ท่านเป็นผู้นำของเรือลำนี้ ท่านมีความเห็นอย่างไร?” หลัวยวี่โยนปัญหานี้ไปให้หยางเทียนเฉิง


หยางเทียนเฉิงครุ่นคิดชั่วขณะก่อนจะกล่าวออกไป “หลิงฮัน เจ้ามาตรงนี้ ข้าจะคุ้มครองความปลอดภัยของเจ้าเอง!”


ที่เขาพูดเช่นนี้ก็หมายความว่าเขาเห็นด้วยกับหลัวยวี่และคนอื่นๆที่ว่าจะกลับไปยังหมอกโดยมัดตัวหลิงฮันเอาไว้


หลิงฮันคิดนิดหน่อยและกล่าวออกไป “ก็ได้ ข้าเชื่อใจพี่ชายหยาง!”


เขาพยักหน้าให้กับสุ่ยเยี่ยนยวี่ พวกเขาเดินไปยืนด้านข้างหยางเทียนเฉิง


หยางเทียนเฉิงนำโซ่สองอันออกมา “โซ่นี่สร้างขึ้นจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่และมีรูปแบบอักขระสลักเอาไว้ถึงสามอักขระ ถ้าถูกโซ่นี่รัดเอาไว้ แม้จะเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถแก้ให้หลุดได้”


ทุกคนพยักหน้า อุปกรณ์เช่นนี้มีไว้ใช้ผนึกจอมยุทธระดับสูงโดยเฉพาะ นี่เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่เท่านั้น ถ้าเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก เจ็ด หรือแปดล่ะก็ แม้แต่ตัวตนระดับสุริยันจันทราก็ต้องถูกกักขัง


รูปแบบอักขระสามรูปแบบจะทำการผนึกพลังของจอมยุทธอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อใดที่ถูกมัดต่อให้ขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์


‘ฮึ่ม คราวนี้แหละเจ้าจบสิ้นแล้ว!’


หลัวยวี่และคนอื่นๆคิดในใจ พวกเขาไม่สนใจอยู่แล้วว่าหลิงฮันจะเป็นคนร้ายหรือไม่ พวกเขาแค่ต้องการหาโอกาสในการสังหารหลิงฮันเท่านั้น


หยางเทียนเฉิงมัดหลิงฮันต่อหน้าทุกคนและกล่าว “สบายใจได้ ข้ารับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้แน่นอน!”


แม้อีกฝ่ายจะกล่าวเช่นนั้นแต่หลิงฮันก็ยังไม่ไว้วางใจ


พลังของหยางเทียนเฉิงนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่จอมยุทธคนอื่นในที่นี้ก็ไม่ได้อ่อนแอ พวกหลัวยวี่กับเหลี่ยวหยิงเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี่ขั้นสูงสุด ถ้าหากพวกเขาทั้งห้าคนร่วมมือกัน หยางเทียนเฉิงจะหยุดพวกเขาได้?


ตราบใดที่พวกเขาถ่วงเวลาหยางเทียนเฉิงเอาไว้ได้ คนที่เหลือก็สามารถสังหารหลิงฮันได้อย่างไม่ยากเย็น


ที่หลิงฮันยอมรับขอเสนอเป็นเพราะเขามีหอคอยทมิฬ


“พวกเจ้ามาตรงนี้ซะ ยืนเรียงกันค่อยป้องกันทั้งสองคนเอาไว้ ต่อให้พวกเจ้าตายก็ห้ามขยับหลบให้สองคนนี้เป็นอะไรไป!” หยางเทียนเฉิงตะโกนออกมา


“ขอรับ!” ลูกเรือยี่สิบคนขานรับและรีบมายืนล้อมรอบหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่


‘เหอะ ลูกเรือแต่ละก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้น พวกเขาจะทำอะไรได้?’


หลัวยวี่และคนอื่นๆกล่าวในใจ ความห่างของขั้นพลังในระดับพลังบ่มเพาะระดับพระเจ้านั้นกว้างเกินไป แค่พลังต่างกันขั้นเล็กๆหนึ่งขั้นก็มีอำนาจเหนือล้นกว่าแล้ว ไม่ต้องกว่าถึงพวกเขาที่มีพลังสูงกว่าเหล่าลูกเรือสองสามขั้นเลย


ตัวเรือหันลำอีกครั้งและวกกลับไปยังหมอกดำ


ทุกคนกลายมาสงบนิ่งอีกครา


เรือค่อยๆเข้าไปยังเขตหมอกดำช้าๆ เมื่อแสงสุดท้ายของตะวันหายไปการปะทะก็เริ่มขึ้น


ปัง! ปัง! ปัง!


ทุกคนกระหน่ำโจมตีไม่ยั้ง คลื่นพลังและเงาของกระบี่และดาบสาส่องไปทั่ว


หยางเทียนเฉิงปล่อยพลังอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการโจมตีจากทุกคน เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดที่อยู่ในขั้นที่ไม่สามารถพัฒนาต่อได้แล้วจนกว่าจะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา


หลังจากการขัดเกลาหลายพันปีพลังต่อสู้ของเขาก็บรรลุระดับสุดยอด หมัดของเขาทรงพลังไม่ต่างกับแร่โลหะในระดับเดียวกัน ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังเป็นอัจฉริยะสองดาวอีกด้วย ดังนั้นพลังต่อสู้ของเขาจึงน่าสะพรึงกลัวมาก


แต่ปัญหาก็คือมีคนที่กระหน่ำโจมตีใส่เขาเยอะเกินไป แถมทุกคนก็ไม่ใช้ตั้งใจโจมตีโดยมีเขาเป็นเป้าหมาย พวกเขาต้องการโจมตีผ่านร่างของเขาไป


ดังนั้นความยากจึงเพิ่มขึ้นเนื่องจากเขาไม่สามารถปัดป้องการโจมตีได้ทุกครั้ง


“อ้ากกก” เสียงกรีดร้องของลูกเรือดังขึ้นพร้อมกับร่างของพวกเขาที่ล้มลงกับพื้นนอนแน่นิ่ง


“บังอาจ!” หยางเทียนเฉิงเกรี้ยวกราด ร่างของเขาส่องประกายเงาวับราวกับร่างกลายเป็นโลหะสีดำ ในที่สุดเขาก็จะลงมือใช้ทักษะเพื่อโจมตี

 

 

 


ตอนที่ 1010

 

เมื่อการต่อสู้อันโกลาหลสิ้นสุดลง เรือก็แล่นออกมาจากหมอกดำอีกครั้ง


ทันใดนั้นเอง การต่อสู้ก็จบลงทันที


หยางเทียนเฉิงมีแสงสีดำอยู่รอบตัว ซึ่งทำให้เขาดูเหมือนปีศาจที่มาจากขุมนรกและปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวออกมา เขากวาดสายตามองและเห็นลูกเรือรอบตัวเขาส่งเสียงร้องโอดครวญไม่หยุด


โชคดีที่พวกเขาแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่มีสองคนที่มีเลือดพุ่งออกมาจากทรวงอก ทำให้ร่างของพวกเขาท่วมไปด้วยเลือด


ฆาตกรลึกลับปรากฏตัวอีกครั้ง!


เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของนักฆ่าคือหลิงฮัน หลังจากนั้นไม่นานสายตาของทุกคนก็หันไปมองหลิงฮัน


ทุกคนดูตกตะลึงหลังจากที่เห็นหลิงฮันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและมีสุ่ยเยี่ยนยวี่นั่งอยู่ด้านข้าง ทั้งคู่ดูนิ่งมากและไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ให้เห็น


มันดูเหลือเชื่อ เพราะทุกคนต่างมีร่องรอยจากการต่อสู้กันทั้งนั้น แต่ทำไมหลิงฮันที่เป็นเป้าหมายถึงไม่มีร่องรอยการต่อสู้เลย?


ยิ่งไปกว่านั้นมือและเท้าของหลิงฮันยังถูกล่ามโซ่ไว้อีกด้วย นี่ทำให้พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก


“ข้าปลดโซ่ออกได้แล้วหรือยัง?” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม


โซ่สามารถผนึกพลังของเขาได้เท่านั้น มันไม่สามารถผนึกสัมผัสสวรรค์ได้ ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าออกหอคอยทมิฬได้อย่างอิสระ และแสดงละครเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง      หยางเทียนเฉิงเองก็ตกตะลึง แต่เขาก็ปลดโซ่ให้หลิงฮันทันที จากนั้นเขาก็ไปดูศพของลูกเรือสองคนที่ถูกฆ่าตาย


” ข้าไม่สนว่าใครจะเป็นคนลงมือ เมื่อใดที่ข้าลากคอมันออกมาได้ ข้าจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ!” เขาพูดคำต่อคำ ขณะกวาดสายตามองทุกคนด้วยแววตาอาฆาต


ตอนนี้นอกเหนือจากหลิงฮันแล้ว ทุกคนดูน่าสงสัย


“รายงาน!” ลูกเรือที่ยืนอยู่บนเสากระโดงเรือดูรีบร้อนและตะโกนพูดว่า “ศัตรู! ข้าเห็นศัตรู! พวกมันเป็นโจรสลัด!”


โจรสลัด!


หลิงฮันแปลกใจเล็กน้อย แม้เขาจะรอให้โจรสลัดปรากฏตัวออกมาหลายวันแล้ว แต่ไม่คิดว่าพวกมันจะปรากฏตัวในช่วงเวลาแบบนี้


“เตรียมพร้อมสู้!” หยางเทียนเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา เขารู้ดีว่าคนที่ฆ่าลูกเรือของเขาอยู่บนเรือลำนี้ แต่ก็ไร้หนทางที่จะสังหารอีกฝ่าย เพราะเขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขาโกรธตัวเองเป็นอย่างมาก


และตอนนี้โจรสลัดยังบุกมาอีก ทำให้เขาต้องปล่อยวางเรื่องพวกนั้นไปก่อน


ด้านหน้าพวกเขามีเรือเล็กทั้งหมดสิบสองลำอยู่ด้านหน้า แต่ละลำมีโจรสลัดเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น ทุกคนบนเรือกำลังพายเรือด้วยความรวดเร็วเหมือนลูกศร ตอนแรกพวกมันอยู่ห่างออกไปห้าไมล์ แต่ในพริบตาระยะห่างก็สั้นลงเหลือเพียงแค่สองไมล์เท่านั้น


ระยะดังกล่าวใกล้มาก คนบนเรือสามารถมองเห็นพวกโจรสลัดได้อย่างชัดเจน ใบหน้าของพวกมันแต่ละคนดูโหดเหี้ยมและชั่วร้ายมาก


“บรรจุกระสุน!” หยางเทียนเฉิงออกคำสั่ง


“ขอรับ!”


“ยิง!”


ปัง! ปัง! ปัง!


เมื่อโจรสลัดเห็นกระสุนปืนใหญ่ลอยพุ่งเข้ามา พวกมันสามารถบังคับเรือหลบได้อย่างง่ายดาย


มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบกระสุนปืนใหญ่ได้โดยตรง นั่นเป็นเพราะปืนใหญ่ยิงลำแสงทำลายล้างสูงที่เห็นจากรูปแบบอาคมซับซ้อนเพื่อรีดเค้นพลังของผลึกก่อเกิดออกมา


อย่างไรก็ตาม ปืนใหญ่จะต้องเล็งเป้าก่อนที่จะยิง และเรือยังโคลงเคลงไปมา ทำให้โอกาสจะยิงโดนพวกมันยิ่งยากขึ้นไปอีก


“เตรียมตัวสู้ระยะประชิด!” หยางเทียนเฉิงยังคงออกคำสั่งอย่างไม่ตื่นตระหนก


“ฮ่าฮ่าฮ่า!” โจรสลัดขนานข้างเรือและบีนขึ้นไปพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะแปลกๆ เพื่อข่มขวัญศัตรู


“การล่าครั้งนี้เหมือนจะไม่สูญเปล่า มีสาวงามมากมายนัก!”


“ใช่แล้ว ยิ่งเป็นสาวงามที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีด้วยยิ่งขายได้ราคาดี!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า ฆ่าผู้ชายให้หมด ส่วนผู้หญิงพาตัวไป!”


“ตกลง!”


ในไม่ช้า โจรสลัดทั้งหกสิบคนก็อยู่บนดาดฟ้าเรือ และเริ่มอาละวาด


ก่อนหน้านี้แม้จะมีการต่อสู้หลายครั้งในหมอกดำ และมีหลายคนที่ถูกฆ่าตาย แต่ตอนนี้เป้าหมายของพวกเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือหลิงฮัน แม้จะมีสมาชิกแปดคนจากกลุ่มห้าทมิฬและลูกเรือสองคนตายเพราะลูกหลงก็ตาม


แต่ตอนนี้มันแตกต่าง โจรสลัดจะไม่แสดงความเมตตาและความชอบธรรม หากไม่ฆ่าก็จะถูกฆ่า ในสายตาของโจรสลัดผู้หญิงคือเครื่องมือทำเงิน ส่วนผู้ชายเป็นศัตรูที่ต้องถูกจำกัด


“ฆ่า!”


ทุกคนไม่แตกตื่น ในตอนนี้พวกเขาต้องไม่ต่อสู้กันเอง มิฉะนั้นอาจเป็นพวกเขาเองที่ถูกโจรสลัดฆ่าตาย ส่วนผู้หญิงจะไม่ถูกฆ่า แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดพวกนางจะต้องทุกข์ทรมานมากกว่าความตายเสียอีก


“ภรรยาข้า พวกเรามาแข่งกันไหมว่าใครฆ่าโจรสลัดได้มากกว่ากัน!” หลิงฮันหัวเราะและเริ่มกวัดแกว่งดาบ


“อย่างเจ้าเทียบกับข้าไม่ติด!” สุ่ยเยี่ยนยวี่เองก็มีนิสัยไม่ยอมแพ้


“หากข้าเป็นฝ่ายชนะ เจ้าต้องให้ข้านอนด้วยหนึ่งคืน และถ้าเจ้าเป็นฝ่ายชนะ ข้าจะให้เจ้านอนในอ้อมแขนของข้า” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“เจ้าอันธพาล!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวขณะกวัดแกว่งดาบไม่หยุด


“แม้เจ้าจะเป็นคู่รักที่รักกันมาก แต่ยังไงเจ้าเด็กนั่นก็ต้องตาย! ส่วนเจ้าไม่ต้องห่วง ยังมีผู้ชายอีกมากที่จะคอยดูแลเจ้าเอง ข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะไม่มีทางเบื่อ!” โจรสลัดคนหนึ่งพูด


หลิงฮันแสยะยิ้มและใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารโจมตีใส่อีกฝ่าย ทำให้โจรสลัดคนนั้นหยุดชะงัก สุ่ยเยี่ยนยวี่จึงใช้โอกาสนี้แทงไปที่หัวใจของอีกฝ่ายทันที


วินาทีต่อมา ร่างของโจรสลัดก็ถูกเก็บเข้าไปในแหวนมิติ


-ถ้าเขาไม่นำศพของพวกมันกลับไปให้สำนักดู เขาจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าได้ฆ่าพวกโจรสลัดจริง?


“เจ้าเด็กสารเลว!” โจรสลัดอีกคนบุกเข้ามาฆ่า ความแข็งแกร่งของมันเหนือกว่าโจรสลัดคนก่อนมาก และโจมตีใส่หลิงฮันด้วยมีดที่ส่องแสงสีดำ ซึ่งทำให้ผู้คนแสบแก้วหู


หลิงฮันใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารอีกครั้ง แต่ทำได้แค่หยุดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ชั่วครู่เท่านั้น ถึงแม้สุ่ยเยี่ยนยวี่จะคว้าโอกาสนั้นแทงอีกฝ่าย แต่ก็ถูกป้องกันด้วยดาบยักษ์


ถ้าหลิงฮันพาอีกฝ่ายเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที มันคงจะผิดสังเกต ถึงแม้ทุกคนกำลังต่อสู้กับพวกโจรสลัดอย่างดุเดือด แต่ก็ยังมีสายตาของคนจำนวนมากจ้องมองมาที่เขา


หลิงฮันเค้นเสียงอยู่ในลำคอ ดาบและฝ่ามือร่ายรำและโจมตีออกไปด้วยทักษะดาบลึกลับสามพันเล่มกับทักษะฝ่ามือผนึกพลิกปฐพีใส่อีกฝ่ายพร้อมกัน


“เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางไม่สมควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า!” โจรสลัดหัวเราะเยาะและใช้ดาบยักษ์ป้องกันการโจมตีของหลิงฮัน


เมื่อหลิงฮันเห็นเช่นนั้น เขาจึงกระตุ้นใช้พลังอักขระแรงโน้มถ่วง ทำให้สีหน้าของโจรสลัดดูตกตะลึงขึ้นมาทันที ดาบยักษ์ที่อยู่ในมือเหมือนหนักขึ้นหลายสิบเท่าและเกือบจะหลุดออกจากมือ นี่ทำให้เขาสูญเสียการป้องกันไปที่แม่นยำไป


ช่วยไม่ได้ที่เขาจะตระหนก นี่มันทักษะอะไรกัน? มันทรงพลังมาก!


ต้องทราบก่อนว่าอีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงสุด ระดับพลังของเขาเหนือกว่าหลิงฮัน แน่นอนว่าเขาจะต้องแข็งแกร่งกว่าหลิงฮัน แต่นี่เขาได้รับผลกระทบได้อย่างไร?


หลิงฮันปรากฏตัวอยู่ด้าน ดาบและฝ่ามือพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมกัน

 

 

 


ตอนที่ 1011

 

“แส่หาที่ตาย!” โจรสลัดแสยะยิ้ม


การปะทะกันนั้น รูปแบบต่อสู้ที่อันตรายที่สุดคือการสู้ระยะประชิด


แต่ในทางกลับกันมันก็เป็นวิธีที่ใช้ตัดสินการต่อสู้ได้รวดเร็วที่สุด


เจ้าหนูนี่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าเขาแท้ๆ การเป็นฝ่ายเริ่มสู้ระยะประชิดเองก็หมือนกับการฆ่าตัวตาย


นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะห้าดาวรึอย่างไร?


“ภายในสิบกระบวนท่า ข้าจะส่งเจ้าไปสู่ยมโลก!” หลิงฮันยิ้ม


พรวด!


โจรสลัดแทบจะสำลักออกมา คำพูดนี้ควรจะออกมาจากปากของเขาต่างหาก จอมยุทธที่มีพลังเพียงระดับภูผาวารีขั้นกลางกล้าอวดดีว่าจะกำจัดเขาภายในสิบกระบวนท่ารึ?


“เจ้าหนู รีบๆตายได้แล้ว!” เขกวัดแกว่งมีดในมืออย่างรวดเร็ว แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายออกมาจากใบมีดและพุ่งเข้าปะทะ


ไม่ใช่ว่ามีดของเขาเป็นอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นเพราะภายใต้เจตจำนงแต่งเต๋าของเขาที่ทำให้มีดเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เจตจำนงของเขาทำให้ราวกับว่ามีดได้กลายไปเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย


ดังนั้นถึงแม้ว่ามีดเล่นนี้จะไม่ใช่อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็ทรงพลังไม่ต่างกัน


‘พรึบ’ ใบมีดส่องประกายแสงสีดำออกมาด้วยอำนาจทำลายล่างที่น่าตกตะลึง เส้นแสงที่ถูกปลดปล่อยออกมาทำให้พื้นของดาดฟ้าเรือปรากฏรอยขีดข่วน


ร่างของหลิงฮันปลดปล่อยอำนาจของอักขระแรงโน้มถ่วงออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อผสานเข้ากับอำนาจของทักษะจิตเจ็ดสังหารทำให้โจรสลัดไม่สามารถใช้พลังออกมาได้เต็มที่


การจะสังหารศัตรู การมีพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เพียงอย่างเดียว แต่การทำให้พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายลดลงก็ถือเป็นการเอาชนะได้ด้วยเช่นกัน


เมื่อปะทะกันไปชั่วครู่ กระบวนท่าก็ผ่านไปแล้วเก้ากระบวนท่า


โจรสลัดไม่กล้าผลีผลามโจมตีหลิงฮันต่อเนื่องจากเหลืออีกหนึ่งกระบวนท่า แต่เมื่อมาคิดอีกทีการที่หลิงฉันจะจัดการเขาได้ในสิบกระบวนท่านั้นคิดอย่างไรก็เป็นได้แค่ความฝันไม่ใช่รึไงกัน?


หลิงฮันก้าวเดินตรงไปด้านหน้าอย่างเฉยเมย


โจรสลัดชะงักไปชั่วขณะก่อนจะแสยะยิ้ม


เขามั่นใจว่าตราบใดที่เขาสังหารหลิงฮันให้ตกตาย สิ่งที่หน่วงรั้งพลังของเขาจะหายไปและพลังต่อสู้ของเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม


ช่างโง่ยิ่งนัก คิดว่าทำให้พลังของข้าลดลงแล้วเจ้าจะไร้เทียมทานรึอย่างไร


เขาสะบัดมีดโจมตีใส่หลิงฮัน


โชคร้ายที่ทุกคนในเมืองจักรพรรดิไม่อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นคงจะมีคนตะโกนออกมาว่าอย่าดูถูกกายหยาบของหลิงฮันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเจ้าจะพบกับความตาย


ปัง!


ใบมีดเข้าปะทะกับหัวของหลิงฮันในตอนแรก แต่หลังจากนั้นมันก็สั่นสะท้านก่อนจะกระเด้งกลับ


อะไรกัน!


ตาของโจรสลัดแทบจะถลนออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเหนือความคาดฝันของเขาเกินไป เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมหลิงฮันถึงได้ดูมีความมั่นใจขนาดนี้ ที่แท้กายหยาบของเขาก็เป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดดีๆนี่เอง


แย่แล้ว!


เขาอุทานในใจทันทีแต่มันก็สายเกินไปแล้ว เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดตรงบริเวณหน้าอกพร้อมกับเรี่ยวแรงที่ค่อยๆหายไปอย่างรวดเร็ว


“กระบวนท่าที่สิบ!” เสียงของหลิงฮันดังก้องในหูของเขา แม้เสียงจะใกล้แต่เขากลับรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงดังมาจากฟากฟ้า แต่ก่อนจะคิดอะไรได้สติของเขาก็หายไปอย่างสมบูรณ์


หลิงฮันดึงดาบกลับมาโดยที่ดาบนั้นไม่เปื้อนเลือดแม้แต่น้อย ใบดาบยังคงเงางามราวกับกระจก


เขานำศพเข้าไปยังอุปกรณ์มิติและไปช่วยสุ่ยเยี่ยนยวี่จัดการศัตรู


ทั้งสองร่วมต่อสู้คียงข้างกัน หนึ่งใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารในการทำให้ศัตรูหยุดชะงักในขณะที่อีกหนึ่งใช้โอกาสนั้นโจมตี ตราบใดที่ศัตรูมีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าระดับภูผาวารีขั้นสูง แค่พวกเขาลงมือกันคนละกระบวนท่าก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้


จำนวนของโจรสลัดคือประมาณหกสิบคนเท่านั้น หลังจากที่พวกเขาจัดการโจรไปสิบกว่าคนสายตาของโจรสลัดหลายคู่ก็จ้องมายังพวกเขา


‘ตุบ’ โจรสลัดที่ทรงพลังคนหนึ่งกระโดดออกมา ด้านหลังของเขามีเงาของภูผาวารีอยู่สี่อัน


ขั้นสูงสุด!


แม้ภูผาลูกที่สี่จะถูกสร้างขึ้นมาแล้ว แต่มันก็มีขนาดเล็ก เขาสมควรเป็นเพียงระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นปลายเท่านั้นยังไม่บรรลุชั้นสูงสุด แต่ถึงอย่างนั้นด้วยพลังเช่นนี้อีกฝ่ายก็ยังสามารถบดขยี้หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้อยู่ดี


หลิงฮันนั้นมีพลังบ่มเพาะต่างกับอีกฝ่ายสิบขั้นเล็ก นอกเสียจากว่าเขาจะเป็นอัจฉณิยะสิบดาวเขาถึงจะทดแทนความต่างของพลังนี้ได้ แต่แค่อัจฉริยะห้าดาวก็ถือว่าเป็นตัวตนในตำนานแล้ว แล้วอัจฉริยะสิบดาวจะโผล่มาจากที่ไหนได้?


“ฮึ่ม ตายซะ!” โจรสลัดลงมือโจมตี เขาเป็นโจรสลัดที่หัวล้าน บริเวณศีรษะของเขานั้นสะท้อนแสงเปล่งประกาย เขาใช้สร้อยประคำเป็นอาวุธโจมตี หากมองให้ดีจะพบว่าลูกประคำแต่ละลูกนั้นคือหัวของมนุษย์ เพียงแต่ว่ามันมีขนาดเล็ก


หลิงฮันมั่นใจว่านั่นห้องเป็นหัวกะโหลกของมนุษย์แน่นอน อย่างน้อยพวกมันต้องเป็นหัวกะโหลกของจอมยุทธระดับภูผาวารีซึ่งถูกหลอมให้เล็กลงโดยโจรสลัดหัวล้าน


เมื่อประคำถูกใช้งาน หัวกะโหลกก็ส่องสว่างและปลดปล่อยปราณสีดำออกมา ปราณเหล่านั้นเปลี่ยนสภาพกลายเป็นดาบสีดำและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน


เร็วมาก!


หลิงฮันตอบโต้ทันเพียงแค่นำแขนมาปิดกั้นบริเวณใบหน้า ‘ฉึบ ฉึบ ฉึบ’ ดาบแต่ละเล่มทะลุเสื้อผ้าของเขา ทำให้เห็นโลหิตและกล้ามเนื้อ โชคดีที่กายหยาบศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นทนทาน ไม่มีดาบเล่มไหนเลยที่ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส


ขั้นสูงสุดก็ยังคงเป็นขั้นสูงสุด ช่างแข็งแกร่ง


หลิงฮันถอนหายใจ แต่หารู้ไม่ว่าชายหัวล้านรู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่า เขามีพลังบ่มเพาะต่างกับหลิงฮันถึงสิบขั้นเล็ก ตามหลักแล้วเขาควรจะสามารถสังหารหลิงฮันด้วยภายในหนึ่งกระบวนท่า การที่หลิงฮันได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยนั้นทำให้เขายอมรับไม่ได้


“ฮึ่ม!” หลิงฮันคำรามในใจเพื่อโคจรใช้งานอักขระเปลวเพลิง ดาบสีดำที่ปักอยู่ตามร่างของเขาถูกเผาไหม้จนสลายเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นเขาได้โคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เพื่อฟื้นฟูบาดแผลด้วยในพริบตา


ชายหัวล้านชะงัก กายหยาบที่ทนทานและความสามารถในการฟื้นฟูเช่นนี้ ถ้าหากสามารถใช้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ใครกันจะสามารถสังหารหลิงฮันได้?


บัดซบ ในโลกนี้มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้ได้อย่างไร


ชายหัวโล้นสูดหายใจลึก ดูเหมือนว่าเขาต้องเอาจริงเสียแล้ว เขาต้องใช้ทักษะลับเพื่อสังหารหลิงฮัน อย่างน้อยเขาต้องบดขยี้หลิงฮันให้สาหัส ไม่เช่นนั้นหลิงฮันคงจะฟื้นฟูตัวเองกลับมาได้อย่างง่ายดาย


เขาสะบัดสร้อยประคำและกล่าวร่าย “ข้านักบุญผู้เมตตา ขอก้าวผ่านห้วงทะเลอันแสนรันทด!”


‘ครืน’ ร่างของเขาถูกโอบล้อมไปด้วยแสงสีทองที่ดูศักดิ์สิทธิ์


เจ้าเป็นโจรสลัดชั่วร้ายแท้ๆ ทำไมถึงต้องทำอะไรที่ดูน่าเลื่อมใสเช่นนั้น?


“เจ้าคนโง่เขลา ข้าจะลงทัณฑ์เจ้า!” ชายหัวล้านเค้นเสียงและโยนสร้อยประคำ ‘พรึบ’ สร้อยประคำขยายใหญ่ขึ้นในพริบตา กะโหลกมนุษย์แค่ละอันขยายกลับสู่ขนาดปกติ เมื่อลองนับดูแล้วจำนวนของกะโหลกนั้นมีถึงสามร้อยหกสิบหัว


“รูปแบบอาคมวังวงหมื่นสวรรค์โบราณ สังหาร!”


“ตูม” กะโหลกมนุษย์ทุกอันปล่อยแสงสีดำออกมา

 

 

 


ตอนที่ 1012

 

หัวกะโหลกทุกอันปล่อยแสงสีดำออกมาและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน


หัวกะโหลกทั้งสามร้อยหกสิบหัวได้ก่อเป็นรูปแบบอาคมที่น่าทึ่ง มันสามารถเพิ่มพลังทำลายล้างได้ทุกคนที่โจมตี แต่หลังจากที่โจมตีสีหน้าของโจรสลัดหัวโล้นจะเริ่มซีดขาว นี่แสดงให้เห็นว่ามันสูบพลังเขามหาศาล


หลิงฮันไม่กล้าที่จะรับมันโดยตรง


ถึงแม้กายหยาบของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ระดับพลังของเขาในตอนนี้ต่ำกว่าอีกฝ่ายมาก กายาเพชรของเขาอาจถูกทำลาย อย่างน้อยเขาก็จะได้รับบาดหนัก


ปัง เขาตอบโต้ด้วยฝ่ามือและผลักสุ่ยเยี่ยนยวี่ไปอยู่ด้านข้าง ในขณะที่เขาถอยกลับไปอีกด้านหนึ่ง


“ข้าตัวแทนของพระพุทธองค์จะมอบความเมตตาให้กับทุกสรรพสิ่ง!” ร่างของโจรสลัดหัวโล้นห้อมล้อมด้วยแสงสีทองและมีสีหน้าที่ดุร้าย มันไม่ได้แสดงถึงความเมตตาอะไรเลย


หลิงฮันยังคงหลบหลีกไปมาและโจรสลัดหัวโล้นยังไล่ล่าเขาไม่หยุด ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเหนือกว่าหลิงฮันมาก และเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ในไม่ช้าแสงสีดำพวกนั้นก็เกือบจะไล่ตามหลิงฮันได้ทัน


ตู้ม!


แสงสีดำพวกนั้นถูกทำลาย โดยฝีมือของหยางเทียนเฉิง ถึงแม้เขากำลังเผชิญหน้ากับโจรสลัดสามคน แต่เมื่อเห็นหลิงฮันตกอยู่ในอันตรายเขาก็ยังคงยื่นมือเข้ามาช่วย


ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงถูกโจรสลัดสามคนโจมตีใส่ แสงและเงาเข้าห้อมล้อมเขาอย่างสมบูรณ์และไม่เห็นการต่อสู้ของเขาอีกต่อไป


“เจ้ารอดพ้นจากการโจมตีครั้งแรกของข้าได้ แล้วครั้งที่สองเจ้าจะหลบได้หรือไม่?” โจรสลัดหัวโล้นหัวเราะเยาะ และโจมตีใส่หลิงฮันอีกครั้ง แต่ไม่ได้โจมตีด้วยลูกประคำ


นี่แสดงให้เห็นว่าการโจมตีก่อนหน้านี้ใช้พลังงานมากเกินไป ตอนนี้เขาจึงไม่สามารถใช้มันออกมาได้อีก


ภัยคุกคามจากการโจมตีครั้งนี้ลดลงมาก หลิงฮันใช้โครงสร้างเรือเป็นที่กำบังและหลบหลีกอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตการณ์การต่อสู้ของคนอื่น


การต่อสู้ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นมาก แต่ก็มีหลายคนที่ยังไม่ได้เอาจริง


ตัวอย่างเช่น กลุ่มเหลี่ยวหยิงทั้งสี่คน เห็นได้ชัดว่าพวกนางเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด แต่พลังที่แสดงออกมานั้นเป็นแค่ระดับภูผาวารีขั้นกลางขั้นสูงสุด และเล่นกับพวกโจรสลัด ส่วนตระกูลหลัวเองก็เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองคนแข็งแกร่ง แต่ก็จงใจทำเป็นอ่อนแอ


ถ้าพวกเขาทั้งห้าคนเอาจริง พวกโจรสลัดคงถูกกำจัดไปนานแล้ว


“ข้าจะพาเจ้าขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์!” โจรสลัดหัวโล้นตะโกนและใช้มือขวายกกระดูกขาขึ้นมาโจมตีหลิงฮันอย่างบ้าคลั่ง


หลิงฮันรีบหลบอย่างรวดเร็ว ปัง และกระดูกขากระแทกกับดาดฟ้าเรือและทิ้งหลุมขนาดใหญ่ นี่แสดงให้เห็นถึงความหน้ากลัวของการโจมตีครั้งนี้ ต้องทราบก่อนว่าเรือทั้งลำถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูกสัตว์อสูรในมหาสมุทรดารา ซึ่งมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ


ปัง การโจมตีดังกล่าวทำให้ร่างของหลิงฮันกระเด็นไปด้านข้าง


ในขณะนั้นเอง คมดาบที่แหลมคมอย่างหาที่เปรียบมิได้ก็พุ่งมาแทงที่หน้าอกของหลิงฮัน


คนที่ลอบโจมตีหลิงฮันคือโจวเกาหยางที่เป็นชายในชุดเทา แต่ในตอนนี้แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงอันดุร้ายพร้อมกับกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว


จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด!


เขาแข็งแกร่งกว่าโจรสลัดก่อนหน้านี้มาก เมื่อหลิงฮันสูญเสียการทรงตัวคือช่วงเวลาที่การป้องกันของเขานั้นอ่อนแอที่สุด การโจมตีของโจวเกาหยางมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะแทงทะลุร่างกายของหลิงฮันด้วยดาบเดียว


และเป้าหมายของเขาคือหัวใจของหลิงฮันที่เป็นจุดตาย!


โจรสลัดหัวล้านไม่รู้ว่าคนบนเรือลำนี้มีคนที่แข็งแกร่งมากมาย มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นฉากที่เกิดขึ้นนี้ แต่มันไม่สำคัญ เป้าหมายของพวกเขาทุกคนคือฆ่าผู้ชายทั้งหมด แต่นี่เกิดอะไรขึ้น?


ใบหน้าของโจวเกาหยางดูเคร่งขรึม เขาจับดาบในมือแน่นและมีอักขระศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงอยู่ในมือของเขา ซึ่งทำให้ดาบของเองเปล่งประกายเช่นเดียวกัน


นี่แสดงให้เห็นว่าเขาหวาดกลัวกายหยาบของหลิงฮันมากแค่ไหน ถึงใช้ทุกอย่างออกมาทั้งหมดไปกับการโจมตีครั้งนี้และต้องทะลวงผ่านร่างของหลิงฮันให้จงได้


“เคล็บลับหมื่นเงาจุติ!” หลิงฮันตะโกนและในช่วงเวลาที่ปลายดาบกำลังจะสัมผัสกับร่างกายของเขา เขาเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬทันที


ปลายดาบของโจวเกาหยางแทงผ่านอากาศที่ว่างเปล่า


ต้องทราบก่อนว่าการโจมตีครั้งนี้เขาใช้ทุกอย่างแล้ว ในเมื่อเขาแทงอากาศที่ว่างเปล่า และยังคงพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่อาจควบคุมได้


ฉัวะ!


ดาบเล่มนั้นบังเอิญแทงใส่โจรสลัดคนหนึ่ง ทำให้โจรสลัดคนนั้นส่งเสียงกรีดร้องทันที ทั้งที่เขากำลังต่อสู้กับลูกเรืออยู่ แต่ทำไมถึงมีดาบมาแทงเขาจากด้านหลัง?


ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา ลูกเรือที่กำลังต่อสู้กับเขาอยู่จึงคว้าโอกาสนี้และใช้ค้อนทุบไปที่หัวของโจรสลัด


พรึบ หลิงฮันปรากฏตัวออกมาอีกครั้งและยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม


“หืม?”


“เกิดอะไรขึ้น?”


โจวเกาหยางเกาหัวด้วยความมึนงง ในขณะเดียวกันหลายคนที่เพ่งเล็งมาที่หลิงฮันก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อครู่…หลิงฮันหายตัวไปอย่างกะทันหันอย่างนั้นรึ?


เคล็บลับหมื่นเงาจุติ?


พวกเขาเชื่อว่าหลิงฮันจะต้องใช้ทักษะลับอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาเชื่อว่าเหตุผลดังกล่าวมันมีความเป็นไปได้สูงกว่ามากเมื่อเทียบกับอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ – บ้าหรือเปล่า มดปลวกจากโลกใบเล็กจะมีสมบัติแบบนั้นได้ยังไงกัน?


ความคิดที่ว่าหลิงฮันมีอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่มีอยู่ในหัวของพวกเขาเลย


ใช่แล้ว มันจะต้องเป็นทักษะลับแน่นอน ต้องทราบก่อนว่าความแข็งแกร่งของโจวเกาหยางนั้นเหนือกว่าหลิงฮันมาก ถึงกระนั้นการโจมตีของเขาก็ไม่อาจทำอะไรหลิงฮันได้


หึ่ม ทำไมมดปลวกจากโลกใบเล็กถึงฆ่ายากฆ่าเย็นขนาดนี้กัน?


หลิงฮันแสยะยิ้มและพูดว่า “ที่แท้ฆาตกรลึกลับก็เป็นเจ้านี่เอง!”


ใบหน้าของโจวเกาหยางยังคงนิ่งเฉยและพูดว่า “เจ้าสงสัยข้ามานานแล้วใช่หรือไม่?”


“การที่ข้าออกมาจากเมืองจักรพรรดิ สำหรับพวกเจ้าแล้วนี่คงเป็นโอกาสที่ไม่อาจพลาดได้ แล้วสมาคมราตรีนิรันดร์จะไม่เคลื่อนไหวได้อย่างไร? ข้าคิดมานานแล้วว่าจะต้องมีนักฆ่าลึกลับถูกส่งมาจากสมาคมราตรีนิรันดร์อย่างแน่นอน และในความคิดเห็นของข้า เจ้าคือคนที่น่าสงสัยที่สุด!”


หลิงฮันกล่าวว่าคนอย่างหลัวยวี่ เหลี่ยวหยิง จั่วเซียวและคนอื่นเขารู้จักดี ดังนั้นนักฆ่าที่สมาคมราตรีนิรันดร์ส่งมาจะต้องเป็นหนึ่งในสี่คนคือ จินจื่อฮุย โจวเกาหยาง ฟู่เทียนและหยินหยวนเซียง


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจินจื่อฮุยจะเป็นนักดาบเหมือนกัน แต่กระบวนท่าดาบของเขานั้นทั้งรุนแรงและบ้าระห่ำ ซึ่งไม่เหมาะกับการลอบโจมตี


ฟู่เทียนก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเขาเป็นเหมือนอสูรคลั่งในร่างมนุษย์ รูปแบบการต่อสู้ของเขานั้นป่าเถื่อนเป็นอย่างมากและใช้ทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นข้อศอก หัวเข่า หัว หรือแม้กระทั่งปาก เหมือนพวกคนเถื่อน


ส่วนหยินหยวนเซียงไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะนางใช้แส้เป็นอาวุธ


ในทางตรงกันข้าม ถ้าโจวเกาหยางเป็นนักฆ่าของสมาคมราตรีนิรันดร์ มันก็จะมีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะเป็นฆาตกรลึกลับก่อนหน้านี้


แม้ว่าหลิงฮันกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับโจรสลัดหัวล้าน แต่เขาก็ยังคงสังเกตโจวเกาหยาง และรู้ว่าเมื่อใดที่เขาพลาดท่า อีกฝ่ายจะลอบโจมตีเขาเหมือนอสรพิษทันที


เขาไม่ได้ทำพลาด แต่จงใจทำพลาดเท่านั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)