พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 999-1000
บทที่ 999 พลังอิทธิฤทธิ์ย้อนทำร้าย
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทุกคนเข้าใจในทันที ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แต่การตอบสนองที่รวดเร็วแบบนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนตกใจแล้ว พวกเขาไม่เคยเห็นใครสามารถจับชิงเฟิงได้มาก่อน
แต่กลับเห็นชิงเฟิงส่ายหน้าบอกว่า “คุณชายห้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าทำแบบนี้กลับแสดงอานุภาพได้เต็มที่ ถ้าใช้อาวุธกลับจะเป็นตัวถ่วง อาวุธคือของใช้เสริมสำหรับข้า ท่านต่างหากล่ะคุณชายห้า วรยุทธ์ของท่านต่ำกว่าข้าขั้นเดียว แต่ยังตอบสนองได้รวดเร็วขนาดนี้เลย ถ้าวรยุทธ์อยู่ในระดับเดียวกับข้า ท่านต้องต้านทานได้แน่นอน!”
เหมียวอี้โบกมือ “เรื่องนี้ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ในการเข่นฆ่าที่แท้จริงไม่มีคำว่า ‘ถ้าหาก’ หรอก”
เมื่อพูดถึงการเข่นฆ่าที่แท้จริง อิงอู๋ตี๋ก็ถามว่า “พวกเราอยู่ที่นี่ไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจ เจ้าห้า เจ้าคิดว่าหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิงเป็นอย่างไรบ้างเมื่ออยู่ที่นี่?”
สายตาของทุกคนไปรวมอยู่บนตัวเหมียวอี้ทันที ต่างก็อยากอาศัยสิ่งนี้ประเมินศักยภาพของตัวเองสักหน่อย
หลังจากเหมียวอี้ลังเลงอยู่ครู่หนึ่ง ก็บอกว่า “ข้าก็สร้างท่าไม้ตายของตัวเองมาแล้วเหมือนกัน ข้าจะแสดงฝีมืออันต่ำต้อยให้ทุกคนได้ดูสักหน่อยก็ได้”
“งั้นก็ต้องเปิดหูเปิดตาสักหน่อยแล้ว ดูความสามารถที่คุณชายห้าใช้ลงหลักปักฐานที่นี่สักหน่อย” หูเฟยร้องดีใจ ตบหน้าอกที่ขาวจั๊วของเอง พร้อมกล่าวอาสา “ข้าขอคำชี้แนะสักหน่อย!”
เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะ “เกรงว่าเจ้าจะต้านทานไม่ไหว นักพรตที่วรยุทธ์ระดับเดียวกับข้าไม่มีใครต้านไหวหรอก”
“อ้อเหรอ!” อิงอู๋ตี๋กล่าวอย่างนึกสนุก “งั้นให้ข้าลองก็ได้นะ”
เหมียวอี้ตอบอย่างอึ้งๆ ว่า “ถ้าพี่สามมั่นใจว่าตัวเองต้านทานหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิงยามโจมตีพร้อมกันสิบครั้งไหว งั้นลองดูก็ได้”
“…” อิงอู๋ตี๋พูดไม่ออก โจมตีพร้อมกันสิบครั้งเหรอ? ล้อเล่นอะไรกัน แบบนี้ใครจะไปต้านไหวล่ะ?
ทุกคนตกตะลึงมาก ชิงเฟิงขมวดคิ้ว เหมือนไม่ค่อยเชื่อคำพูดนี้ เพราะเขารู้ถึงอัตราความเป็นไปได้ที่อยู่ในนั้น แต่ก็รู้สึกว่าเหมียวอี้ไม่น่าจะเอาเรื่องแบบนี้มาพูดขี้โม้โอ้อวด
ดังนั้น เขาจึงถลันตัวไปยืนแยกอยู่คนเดียว ยืนหันหลังให้ทะเลกว้าง แล้วชี้ที่ข้างหัวไหล่ตัวเอง เหมือนกับที่เหมียวอี้บอกใบ้ก่อนหน้านี้ บอกให้ลงมือข้างๆ ตัวเองดูสักหน่อย เขาต้องการจะรับคำนี้แนะด้วยตัวเองแบบต่อหน้า ดูว่าจะเป็นอย่างที่พูดจริงหรือไม่
เหมียวอี้พลิกฝ่ามือ คว้าทวนขั้นสี่ออกมาด้ามหนึ่ง แล้วก้าวช้าๆ อยู่ตรงข้ามกับชิงเฟิง ไม่ได้อยู่ไกลเท่าตอนที่ลงมือกับชิงเฟิงก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งสองยืนอยู่ตรงข้ามกัน เหมียวอี้ค่อยๆ ถือทวนเฉียงลง ชั่วพริบตาเดียวทั้งตัวก็เปลี่ยนอยู่ในสภาพดุร้าย จิงชี่เสินเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดแล้ว
ชิงเฟิงที่อยู่ตรงข้ามพลันหรี่ตา รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว
ทันใดนั้น ก็เกิดเงามายาในมือของเหมียวอี้ ทุกคนยังไม่ทันรู้ตัวว่ามันคืออะไร แสงเย็นที่แวววาวสิบดอกก็เฉียดผ่านข้างกายชิงเฟิงไปแล้ว ถึงขั้นทำให้คนมองไม่ชัดว่าแสงเย็นสิบสายนั่นโผล่มาได้อย่างไร มันกะพริบอยู่ทางซ้ายและขวาของชิงเฟิงแล้วหายไปเร็วมาก
แต่ชิงเฟิงที่อยู่ตรงข้ามกลับมองเห็นบางสิ่งที่ทำให้เขาต้องหดรูม่านตาจนเล็กเท่าเข็ม บนหัวทวนของเหมียวอี้มีจุดสีดำที่เล็กเท่าเม็ดถั่วเหลืองเช่นเดียวกัน สิบทวนที่แทงออกมาเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด
ทวนที่แทงออกมาครั้งสุดท้ายหยุดอยู่ข้างหัวไหล่ของชิงเฟิง ชิงเฟิงเอียงหน้ามองเหมียวอี้ที่กำลังเก็บทวนกลับไปอย่างช้าๆ บนหน้าผากมีเหงื่อกาฬซึมออกมาแล้ว เขาเข้าใจดี ถ้าหากเมื่อครู่นี้เหมียวอี้ลงมือสังหารเขาจริงๆ เขาก็ไม่มีทางหลบพ้นเลย!
ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าสิ่งที่เหมียวอี้พูดไม่ได้หลอกลวง หนึ่งท่าสังหารของเขา สามารถใช้พร้อมกันสิบครั้งได้จริงๆ!
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึงไปตามๆ กัน พวกเขามองเหมียวอี้ด้วยสายตาแปลกๆ วรยุทธ์ของทุกคนไม่ได้ต่ำ ย่อมเข้าใจว่าการออกทวนเมื่อครู่นี้ของเหมียวอี้น่ากลัวขนาดไหน เมื่อลองถามตัวเอง ก็พบว่าไม่มีใครสามารถหลบพ้นได้สักคน แม้แต่อิงอู๋ตี๋ก็ยังถอนหายไปออกมาอย่างช้าๆ ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ เมื่อครู่นี้เขาก็จะหลบเหมียวอี้ได้เพียงสามท่าเท่านั้น ขีดจำกัดสูงสุดคือหลบได้ไม่เกินสี่ท่า หรือพูดได้อีกอย่างว่า เขาเองก็ไม่สามารถหลบท่าไม้ตายของเหมียวอี้ได้เช่นกัน!
ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ นึกไม่ถึงว่าศักยภาพของคุณชายห้าจะน่ากลัวขนาดนี้ นี่เพิ่งวรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่งเองนะ!
เห็นได้ชัดว่าเหมียวอี้ยังควบคุมพลังได้ไม่ดีเท่าชิงเฟิง หนึ่งท่าที่ชิงเฟิงใช้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตเท่าใดนัก แต่ในตอนนี้ผิวทะเลกลับมีคลื่นใหญ่ซัดสาดแล้ว คลื่นยักษ์สูงร้อยจั้งโผเข้ามา
“ราชาปีศาจทะเลครามถลันตัวขึ้นกลางอากาศ พอกางแขนสองข้าง ก็ดึงคลื่นยักษ์สูงเสียดฟ้าให้สูงขึ้นอีก แต่กลับทำให้พลังงานจลน์
ของคลื่นยักษ์หมดไป จากนั้นคลื่นก็จมลงอย่างช้าๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมหาสมุทร เมื่อทำให้คลื่นคลั่งในทะเลสงบลงแล้ว ราชาปีศาจทะเลครามถึงได้เหาะกลับมา”
แต่ร่างของเหมียวอี้กลับโซเซ ต้องใช้ทวนค้ำยันไว้บนหาดทราย ถึงจะรักษาสมดุลให้ร่างกายได้
เมื่อเป็นแบบนี้ ทุกคนก็สังเกตเห็นทันทีว่าอาการของเขาไม่ปกติ สีหน้าซีดขาว ดวงตาสองข้างไร้แวว ทำสีหน้าเหมือนคนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
ทุกคนตกใจ อิงอู๋ตี๋รีบถลันตัวเข้ามา ใช้มือข้างหนึ่งประคองแขนเขาเอาไว้ “เจ้าห้า เจ้าเป็นอะไรไป?”
เหมียวอี้ยิ้มอย่างขื่นขม “ถึงแม้ท่าไม้ตายนี้จะร้ายกาจ แต่พอได้ลงมือครั้งเดียว กลับสิ้นเปลืองจิงชี่เสินกับพลังอิทธิฤทธิ์ของข้ามาก ตอนนี้อาการของข้าเหมือนคนแก่ใกล้ตาย ต่อให้เป็นนักพรตบงกชขาวขั้นหนึ่งก็ทำให้ข้าตายได้”
ทุกคนตกใจมาก นี่มันเรื่องอะไรกัน?
มีแค่ชิงเฟิงที่เข้าใจ เขาบอกว่า “คุณชายห้า ที่จริงท่านไม่ต้องใช้ท่านี้สิบครั้งติดต่อกันก็ได้ ต่อให้ท่านใช้ห้าครั้งข้าก็หลบไม่ทันอยู่ดี รักษาพลังไว้ที่ห้าท่า แบบนั้นท่านคงจะไม่เป็นอะไร”
เหมียวอี้ส่ายหน้า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะออมมือนะ แต่มันถูกกำหนดตายตัวไว้ตั้งแต่ท่าแรกแล้ว พอได้ลงมือครั้งหนึ่ง แม้แต่ข้าเองก็ควบคุมไม่อยู่ ถ้าไม่ใช้พลังที่ปะทุออกมาให้หมด ข้าก็ไม่มีทางหยุดได้เลย นี่ก็คือจุดประสงค์ที่ข้ามาฝึกตนครั้งนี้ ข้าอยากจะลองดูว่าจะสามารถแบ่งแยกกระบวนท่าหนึ่งทวนสิบสังหารนี้ได้มั้ย ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางนำท่านี้ออกมาใช้ได้เลย ทำได้เพียงเก็บไว้ใช้สู้ตายยามหน้าสิ่วหน้าขวานเท่านั้น!”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! ทุกคนเข้าใจกระจ่างแจ้งในทันที
“เมื่อครู่พี่สามถามข้าว่าหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิงเป็นอย่างไรที่พิภพใหญ่!” เหมียวอี้มองไปทางชิงเฟิง แล้วตอบพร้อมยิ้มอย่างหมดแรง “ตอนแรกข้าสู้กับผู้หญิงที่ชื่อว่า ‘ปีศาจโลหิต’ นางมีวรยุทธ์บงกชทองขั้นเจ็ด ข้าสู้สุดชีวิตโดยใช้ท่าเมื่อครู่นี้ ปรากฏว่านางต้านทานข้าได้สองทวน ดังนั้น หนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิง ถ้าจะสู้กับนักพรตที่วรยุทธ์บงกชทองขั้นห้าขึ้นไป ก็เกรงว่าจะต้องระวังตัวไว้สักหน่อย!”
ทุกคนหวาดผวาในใจ วิชาทวนที่ร้ายกาจขนาดนั้น มีคนสามารถต้านทานได้สองท่าเลยเหรอ? ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ถ้าเหมียวอี้สู้กับคนที่พิภพเล็ก ก็ไม่มีนักพรตบงกชทองขั้นเจ็ดคนไหนสามารถรอดชีวิตไปได้เลย!
วันนี้พวกเขาได้รับรู้ถึงศักยภาพของคุณชายห้าท่านนี้แล้ว!
“คุณชายห้า หลังจากปีศาจโลหิตนั่นต้านทานท่านได้สองทวน แล้วแปดมวนหลังจากนั้นนางเป็นอย่างไรบ้าง?” ชิงเฟิงถาม
“ข้าใช้ไปทั้งหมดสิบทวน ถึงแม้จะทำให้นางบาดเจ็บ แต่กลับปล่อยให้นางหนีรอดไปได้!” เหมียวอี้ตอบ
พอพูดถึงเรื่องนี้เขาก็กลุ้มใจนิดหน่อย ตอนสู้กับปีศาจโลหิตครั้งนั้นเขาใช้เปลวเพลิงไร้รูปร่าง เดิมทีนึกว่าปีศาจโลหิตจะรอดชีวิตได้ยาก แต่เปลวเพลิงไร้รูปร่างที่ไม่เคยทำพลาดมาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าจะพลาดท่าให้ปีศาจโลหิต ตอนหลังที่ได้ติดต่อกับศีลแปด เขาถึงได้รู้ว่าปีศาจโลหิตยังไม่ตาย!
ทุกคนนิ่งเงียบ เมื่อได้เห็นความน่ากลัวของกระบวนท่าหนึ่งทวนสิบสังหารที่เหมียวอี้ใช้ ถึงได้รู้จักความน่ากลัวของนักพรตบงกชทองขั้นเจ็ด นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานไหวเลย
“เจ้าห้า เจ้าสูญเสียจิงชี่เสินกับพลังอิทธิฤทธิ์ไปเกือบหมด ไม่ต้องพูดมากแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ” อิงอู๋ตี๋หันกลับมาบอกใบ้ให้เลี่ยหวนกับภรรยาประคองแขนเหมียวอี้คนละข้าง แล้วเหาะไปยังห้องถ้ำที่ขุดไว้ข้างๆ ปากภูเขาไฟ
เหมียวอี้แทบจะหลับทันทีที่หัวถึงพื้น อิงอู๋ตี๋จัดคนมาล้อมเฝ้าเอาไว้รอบๆ แล้ว
การหลับครั้งนี้ ใช้เวลาไปสิบวันเต็มๆ กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตอนตื่นได้ยินเสียงคนพึมพำเถียงกัน
“เจ้าจะเข้ามาอีกทำไม?” เป็นเสียงของเลี่ยหวน
เสียงของหูเฟยดังขึ้นตามมา “ทำไมข้าจะเข้ามาไม่ได้? ข้าจะมาดูแลคุณชายห้าบ้างไม่ได้เหรอ?”
“อย่ามาอ่อยผู้ชายที่นี่ อนุภรรยาของคุณชายห้ามีแต่สวยใสบริสุทธิ์ เขาจะชอบนางจิ้งจอกช่างยั่วอย่างเจ้าเหรอ?” เลี่ยหวนถาม
หูเฟยหัวเราะคิกคัก “ก็ไม่แน่หรอกนะ ในปีนั้นที่ตำหนักบรมอัคคี คุณชายห้าก็เคยใช้อ่างอาบน้ำของข้ามาแล้ว ทั้งยังฉีกกระโปรงของข้าด้วย เขาอาจจะชอบคนแบบข้าก็ได้ ถึงตอนนั้นถ้าคุณชายห้าไปเอ่ยปากขอกับประมุขถิ่น ข้าก็ยินดีจะแต่งงานเป็นอนุภรรยาของคุณชายห้า ไม่มาคอยปรนนิบัติคนหน้าไม่อายที่เข้าหอโคมเขียวอย่างเจ้าหรอก!”
ตอนที่พูดออกไปแบบนี้ ที่จริงนางกำลังนั่งอยู่ข้างกายเหมียวอี้ สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ผิดปกติของเหมียวอี้ รู้ว่าเหมียวอี้ตื่นแล้ว จึงได้จงใจพูดแบบนี้ออกมา
เมื่อได้ยินนางพูดแบบนี้ เหมียวอี้ก็เหงื่อแตกนิดหน่อย สงสัยอีกฝ่ายจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาทำอะไรไว้ที่ตำหนักบรมอัคคี เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมากจริงๆ
พอเป็นแบบนี้ เขากลับไม่กล้าตื่นขึ้นมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนได้เลย
หลังจากรอให้สองสามีภรรยาเถียงกันเสร็จและออกไปแล้ว เหมียวอี้ถึงได้ลืมตาขึ้นอย่างเงียบๆ แล้วลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ กำยาเม็ดโลหิตฟื้นฟูพลังอิทธิฤทธิ์ให้ตัวเอง ตอนนี้จิงชี่เสินฟื้นตัวกลับมาแล้ว เพียงแต่ตอนหลับลึกไม่เคยได้ฟื้นฟูพลังอิทธิฤทธิ์เลย
ตอนที่ออกมาจากถ้ำอีกครั้ง เมื่อเจอหูเฟย ก็ไม่เห็นว่าหูเฟยจะทำตัวซี้ซั้วอะไร สิ่งนี้ทำให้เหมียวอี้โล่งใจ
แต่จะว่าไปแล้ว หูเฟยก็กล้ายั่วยวนผู้ชายคนอื่น แต่กลับไม่กล้ามาทำให้เหมียวอี้เสื่อเสียชื่อเสียง ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ ถึงตอนนั้นถ้าฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ไม่ลงโทษนางก็คงแปลกแล้ว และแน่นอน ถ้าเหมียวอี้เป็นฝ่ายสนใจนางก่อน นางก็ไม่มีอะไรต้องกังวลเลยจริงๆ
“ถ้าควบคุมไม่ได้ ให้ฝืนทดลองอีกรอบก็คงจะอันตราย!”
ยังคงเป็นที่หาดทรายผืนเดิม เหมียวอี้ถือทวนไว้ในมือ แต่ครั้งนี้กลับถือทวนเงินธรรมดา ทุกคนกำลังยืนอยู่ข้างหลัง ชิงเฟิงเป็นคนที่กล่าวเตือนเขา
“ข้าเองก็รู้ แต่ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าปัญหาอยู่ตรงไหน?” เหมียวอี้ตอบ แล้วหยิบสมุนไพรเซียนซิงหัวต้นหนึ่งออกมา อ้าปากกัดกลืนลงท้องไปแล้ว
ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก นี่คือการเตรียมตัวก่อนได้รับบาดเจ็บ!
แสงสีเงินพลันกะพริบวับวาบ ราวกับมีฝนดาวตกสายหนึ่งยิงออกมาจากมือเหมียวอี้ แต่กลับหยุดชะงักกะทันหัน
ครั้งนี้กลับไม่ปรากฏจุดสีดำบนหัวทวน วรยุทธ์ของเขายังไม่สูงพอ ต้องอาศัยอาวุธขั้นสูงถึงจะแสดงมันออกมาได้
หนึ่งทวนสิบสังหาร เหมียวอี้แทงออกมาได้ทวนเดียว ก็หักดิบหยุดไว้กลางคันแล้ว
บึ้ม! เสียงระเบิดดังขึ้น! เนื่องจากไม่อยากให้เกิดอานุภาพมากเกินไปยามลงมือ เขาถึงได้เลือกใช้อาวุธระดับต่ำ ผลก็คือมันระเบิดกลายเป็นผุยผงภายในชั่วพริบตาเดียว
แรงระเบิดกระจายไปทั่วทิศ ทุกคนร่วมมือกันร่ายอิทธิฤทธิ์ระงับไว้
“พลั่ก!” เหมียวอี้กลับเงยหน้ากระอักเลือดสดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ภาพตรงหน้าพลันกลายเป็นสีดำ ชั่วพริบตาเดียวก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว หงายหลังล้มลงไปขณะเผชิญหน้ากับทะเลกว้าง เลือดทะลักออกปากออกจมูก!
อิงอู๋ตี๋และคนอื่นรีบถลันตัวเข้ามา พอร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจอาการ พวกเขาก็สีหน้าเปลี่ยนทันที เหมียวอี้ที่โดนพลังอิทธิฤทธิ์ย้อนทำร้ายจนชีพจรขาด อวัยวะภายในเสียหาย!
ถึงแม้เหมียวอี้จะกินสมุนไพรเซียนซิงหัวเตรียมไว้ก่อนแล้ว แต่อิงอู๋ตี๋ก็ยังรีบนำสมุนไพรเซียนซิงหัวออกมาอีกต้น รีบเป่าหมอกดาวเข้าในร่างกายเหมียวอี้ พร้อมทั้งร่ายอิทธิฤทธิ์ระงับอาการบาดเจ็บในร่างกายเขา
อาการบาดเจ็บสาหัสมาก! บาดเจ็บสาหัส!
แต่ภายใต้การเยียวยาของโอสถเทวดา อาการบาดเจ็บก็บรรเทาเร็วมาก ใช้เวลาไม่กี่วันก็ฟื้นตัวแล้ว หายเร็วกว่าจิงชี่เสินที่เสียไป สมุนไพรเซียนซิงหัวไม่ค่อยได้ผลอะไรกับจิงชี่เสินที่เสียหาย
หลังจากนั้นหลายวัน เหมียวอี้ก็ก็ยืนถือทวนอยู่บนหาดทรายอีกครั้ง เขาหันหน้าเข้าหาทะเลกว้าง ต้องการตามหาความรู้สึกบางอย่างต่อไป!
ทุกคนพูดไม่ออก วิธีการฝึกตนแบบบนี้ช่างเสี่ยงชีวิตจริงๆ เพราะไม่มีการชี้แนะใดๆ จากคนรุ่นก่อน นักพรตโดยทั่วไปล้วนใช้ประโยชน์จากเคล็ดวิชาที่ฝึกจนสุกงอม ถึงได้ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น ถึงได้ฝึกตนได้อย่างสงบใจ การฝึกแบบเหมียวอี้ หากพลาดทำเกินไปก็จะทำให้ตัวเองเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
แต่เกลี้ยมกล่อมอย่างไรก็ไม่ฟัง! ถ้าคุณชายห้าท่านนี้จะโหดขึ้นมา แม้แต่กับตัวเองก็ไม่เว้น!
ชิงเฟิงก็ดันติดปัญหาอยู่ที่ด่านนี้เหมือนกัน พอได้ใช้ท่านี้แล้วหยุดไม่ได้ จึงไม่มีประสบการณ์ที่มีประโยชน์อะไร เขาโจมตีได้ครั้งละท่าเท่านั้น ไม่อาจใช้ท่านี้อีกจนพลังตัวเองหมด!
เลี่ยหวนถามอย่างสงสัยว่า “คุณชายห้า กดวรยุทธ์ให้ต่ำแล้วค่อยใช้ท่านี้ไม่ได้เหรอ? แบบนี้พลังอิทธิฤทธิ์ที่ย้อนทำร้ายจะได้ลดอานุภาพลงหน่อย”
ชิงเฟิงส่ายหน้า “ไม่ได้! ถ้าควบคุมไว้ก่อนล่วงหน้า ก็ไม่สามารถใช้กระบวนท่านี้ได้!”
เหมียวอี้ยิ้มพร้อมตอบว่า “ชิงเฟิงเข้าใจดีที่สุด!”
…………………………
บทที่ 1000 เคล็ดวิชาเพลิงใจ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ผลปรากฏว่า จบลงด้วยการที่เขากระอักเลือดออกมา บาดเจ็บสาหัสอีกแล้ว!
กลุ่มปีศาจรีบพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง เพราะสำหรับทุกคนแล้ว เจ้าหนุ่มนี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญ จะตายไม่ได้!
รอจนกระทั่งเหมียวอี้หายจากอาการบาดเจ็บ แล้วออกมาอีกครั้ง ทุกคนก็เรียกได้ว่าเกลี้ยกล่อมอย่างยากลำบาก ไม่ต้องเล่นแล้ว ใครเขาฝึกตนกันแบบนี้บ้าง อย่างน้อยเจ้าก็ต้องจับต้นชนปลายได้บ้างสิ ขนาดจับต้นชนปลายไม่ถูกก็ยังจะเล่นแบบนี้อีก แบบนี้ไม่ใช่การเอาชีวิตมาล้อเล่นหรอกเหรอ!
เขาดื้อดึงที่จะทดลอง ห้ามไม่อยู่ คนที่เหลือทำได้เพียงตามเขามาที่หาดทราย มายืนอยู่ข้างหลังเขาเพื่อคอยเตรียมตัวกับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด
เมื่อเห็นเขากำลังรวบรวมจิงชี่เสิน จู่ๆ ชิงเฟิงก็บอกว่า “คุณชายห้า ท่านไม่ลองเปลี่ยนวิธีการดูหน่อยล่ะ เก็บพลังในรวดเดียวกะทันหันเกินไป ท่านทนรับไม่ไหว ไม่ลองเก็บพลังให้น้อยลงล่ะ ปล่อยออกมาเก้าทวนก่อน แล้วเก็บพลังทวนสุดท้ายเอาไว้ พลังอิทธิฤทธิ์ที่ย้อนทำร้ายจะได้ไม่รุนแรงขนาดนั้น”
เหมียวอี้ตะลึงงัน นี่คือวิธีที่ดี จากนั้นก็รวบรวมจิงชี่เสินอีกครั้ง
ชั่วพริบตาเดียวที่เคลื่อนไหว แสงเย็นที่ดุร้ายไร้ที่เปรียบเก้าสายถูกยิงออกมา สายสุดท้ายถูกบังคับหยุดเอาไว้ได้
บึ้ม! ทวนในมือระเบิดกลายเป็นผุยผงอีกครั้ง “พลั่ก!” ไม่ใช่แค่กระอักเลือดสดออกมา แต่เหมียวอี้ก็กระเด็นถอยหลังกลับมาเช่นกัน แม้แต่เสื้อผ้าบนตัวก็ระเบิดกลายเป็นฝุ่นผงเช่นกัน เขาตกกระแทกลงบนหาดทราย สลบเหมือนตายอีกครั้ง!
ทุกคนพุ่งเข้ามาตรวจดูอาการทันที ผลก็คือพบว่าครั้งนี้บาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่าเดิม แม้แต่กระดูกในร่างกายก็หักหลายจุด
นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมอานุภาพลดลงแล้ว แต่กลับบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่าเดิมล่ะ?
อิงอู๋ตี๋รีบร่ายอิทธิฤทธิ์รักษา ส่วนชิงเฟิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่พูดอะไร เหมือนกำลังครุ่นคิดว่าปัญหาอยู่ตรงไหน
ส่วนหูเฟยก็เอามือปิดปาก ดวงตาฉายแววแปลกพิลึก มองดูท่อนล่างที่เปลือยเปล่าของเหมียวอี้หลายครั้ง ตอนแรกคนอื่นยังไม่สนใจ แต่เลี่ยหวนกลับสังเกตเห็นแล้ว ตอนนี้เขาอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้มาก รีบเอาตัวเข้ามาขวางทันที ปิดบังสายตาของหูเฟยเอาไว้ ทำให้หูเฟยกลอกตามองบน
ครั้งนี้เลี่ยหวนเริ่มปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างเตียงคุณชายห้าเหมียวทั้งวันทั้งคืน ไม่ออกห่างแม้แต่ก้าวเดียว! บางครั้งก็ออกจากถ้ำมาดูข้างนอกบ้าง ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นหูเฟยกับราชาปีศาจทะเลครามกำลังเล่นน้ำตัวเปียกอยู่ริมทะเลด้วยกัน เขาคำรามอย่างเดือดดาลทันที ตะคอกถามราชาปีศาจทะเลครามว่า “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน เจ้ากำลังเอามือลูบไล้อะไรอยู่!”
นึกถึงเมื่อก่อน ถึงอย่างไรเขาก็คือราชาปีศาจเลี่ยหวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของพิภพเล็ก อำนาจบารมีแผ่ไปทั่วทิศ เมื่ออยู่ในบ้านก็พูดจามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ แต่เพราะเรื่องที่หอโคมเขียวครั้งนั้น การล้างแค้นของหูเฟยทำให้เขาทรมานจนแทบจะเป็นบ้าแล้วจริงๆ คาดว่าคงใกล้ถึงเวลาที่จะได้คุกเข่าขอร้องแล้ว!
หลังจากเหมียวอี้ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง ทุกคนถึงได้เข้าใจว่าปัญหาอยู่ตรงไหน
เมื่อหยุดออกทวนหนึ่งครั้ง อานุภาพของพลังที่ย้อนทำร้ายก็ลดลงแล้ว แต่ประเด็นสำคัญก็คือเก้าทวนก่อนหน้าได้ทำให้เขาสูญเสียจิงชี่เสินไปเกือบหมด การที่จิงชี่เสินเซื่องซึมแบบนี้ ทำให้เขาไม่สามารถรวบรวมสมาธิเพื่อร่ายอิทธิฤทธิ์ต้านทานได้ทันเวลา ถึงแม้อานุภาพจะลดลง แต่เป็นครั้งที่กายเนื้อต้องทนรับกับพลังย้อนทำร้ายเข้าอย่างจัง
อาศัยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ ถ้าประมาทเพียงนิดเดียว ก็สามารถทำให้กายเนื้อฉีกขาดได้เลย เคราะห์ดีที่ยังมีการป้องกันไว้บ้างนิดหน่อย ไม่อย่างนั้นครั้งนี้คงอันตรายถึงชีวิตแล้ว
หลังจากได้ยินคำอธิบายนี้ ทุกคนที่กำลังล้อมอยู่ข้างเตียงก็มองชิงเฟิงด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนกำลังบอกว่า ดูความคิดโง่ๆ ที่เจ้าเสนอขึ้นมาสิ
ชิงเฟิงเงยหน้ามองอย่างพูดไม่ออก ใครจะไปรู้วะ!
แต่เหมียวอี้กลับตื่นเต้นดีใจมาก คิดว่าสามารถจับต้นชนปลายได้บ้างแล้ว ในเมื่อหนึ่งทวนไม่สำเร็จ เก้าทวนไม่สำเร็จ เช่นนั้นก็แบ่งที่ตรงกลางแล้วกัน คาดว่าห้าทวนคงจะเหมาะสมที่สุด
เหมือนที่เขาเดาไว้ไม่มีผิด พอได้ทดลอง เขาก็กระอักเลือดเซถอยหลังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้สลบเป็นตาย เพียงแค่ยืนโซเซอยู่อย่างนั้น อาการบาดเจ็บก็ไม่ได้รุนแรงเท่าก่อนหน้านี้แล้ว
ทุกคนต่างก็รู้สึกดีใจแทนเขา คิดว่าในที่สุดเขาก็จับต้นชนปลายได้แล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะเสียชีวิต
ดังนั้นเขาจึงบาดเจ็บอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งปีก็พบว่าตัวเองเริ่มทนไม่ไหว ไม่มีสมุนไพรเซียนซิงหัวมาให้เขาผลาญเล่นมากมายขนาดนั้น แต่ถ้าไม่ใช้สมุนไพรเซียนซิงหัว การฟื้นตัวก็จะเชื่องช้า เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งปี จะเอาเวลาว่างจากไหนมากมายเยียวยาให้เขา
ยังมีอีกปัญหาหนึ่งก็คือ ต่อให้ควบคุมกระบวนท่าหนึ่งทวนสิบสังหารให้กลายเป็นหนึ่งทวนห้าสังหารก็ไม่มีความหมาย ทำให้ตัวเองบาดเจ็บจนเดินโซเซ จะต่างอะไรกับการสิ้นเปลืองจิงชี่เสินล่ะ? ยามสู้กับศัตรูจะมีอะไรแตกต่างกันเหรอ?
อิงอู๋ตี๋เองก็มองเบาะแสออกเหมือนกัน รอจนกระทั่งเหมียวอี้ฟื้นตัวและออกจากถ้ำอีกครั้ง เขาก็มารออยู่ที่ปากถ้ำแล้ว “เจ้าห้า เจ้าทำแบบนี้ซ้ำๆ แล้วสังเกตเห็นอะไรบางหรือยัง?”
ตรงจุดไกลๆ คือคลื่นสีครามหมื่นลี้ ลมทะเลพัดเข้ามาปะทะหน้า เหมียวอี้ยิ้มเจื่อนขณะทอดสายตามองไปไกลๆ ได้แต่ส่ายหน้าอยู่อย่างนั้น
อิงอู๋ตี๋ “เรื่องแบบนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหรอก ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เคยมีใครประสบมาก่อน ถ้าอยากจะบุกเบิกช่องทางใหม่ก็ไม่ง่าย จำเป็นต้องมีจังหวะดีๆ เมื่อน้ำมาคลองเกิด ความสำเร็จก็ย่อมมาถึงเอง ถ้าหลับหูหลับตาพุ่งชน โอกาสสมหวังก็มีน้อยมาก มิหนำซ้ำเวลายังสั้นเกินไป สำหรับคนในแดนฝึกตน เวลาหนึ่งปีนับว่าสั้นเกินไปจริงๆ”
เหมียวอี้ที่ดื้อหัวชนฝาครั้งแล้วครั้งเล่าได้รับคำชี้แนะจากเข ไม่รับคำชี้แนะก็คงไม่ได้แล้ว สมุนไพรเซียนซิงหัวเหลือไม่เยอะ ทุกคนนำสมุนไพรซิงหัวที่อยู่ในมือตัวเองมาให้เขาใช้อย่างสิ้นเปลือง
เขาจึงหยุดวิธีการฝึกแบบนี้เอาไว้ชั่วคราว แล้วพาราชาปีศาจทะเลครามออกทะเลไปไกลร้อยลี้
ท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาล หลังจากทั้งสองหยุดเหยียบบนคลื่น เหมียวอี้ก็กำหมัดสองข้าง เสื้อผ้าบนตัวฉีกขาด เปลือยร่างกายโดยใส่กางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว แล้วกระโดดดำลงไปในทะเลลึกก่อน จากนั้นราชาปีศาจทะเลครามก็ตามลงไปทันที
เมื่อจมลึกลงไปที่ก้นทะเลหนึ่งหมื่นจั้ง อาศัยแรงดันมหาศาลของทะเลลึก บวกกับการร่ายอิทธิฤทธิ์ของราชาปีศาจทะเลคราม ความน่ากลัวของแรงดันมหาศาลก้นทะเลทำให้เหมียวอี้ก้าวเท้าลำบากมาก
“เริ่มเลยเถอะ!” เหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงบอก
ภายใต้ร่ายอิทธิฤทธิ์ของราชาปีศาจทะเลคราม ที่ก้นทะเลมีคลื่นแฝงกลุ่มหนึ่งซัดขึ้นมาทันที กลายเป็นธนูน้ำยิงโจมตีไปทางเหมียวอี้
เหมียวอี้ที่กำลังหลับตาออกแรงชกโจมตีหนึ่งหมัด ทำให้ธนูน้ำพลังทลาย
ตอนที่เหล่าไป๋ชี้แนะเขาในปีนั้น สิ่งที่เขาใช้คืออาวุธ แต่ตอนนี้กลับชกมือเปล่า สาเหตุที่ใช้หมัดเปล่า วิธีคิดของเขาก็เรียบง่ายมาก ในเมื่อใช้ทวนแล้วเกิดจุดสีดำ เช่นนั้นถ้าหลังจากหมัดของเขามีอานุภาพเพียงพอแล้ว ก็จะสามารถเพิ่มอานุภาพแบบนี้ให้หมัดและเท้าได้เหมือนกัน?
ความจริงที่เกิดขึ้นบนดรรชนีกระบี่ของชิงเฟิง ได้มอบความมั่นใจให้เขาสูงมาก!
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ราชาปีศาจทะเลครามพบว่าเหมียวอี้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของแรงดันในทะเล จนทำให้ร่างกายตัวเองปรับตัวได้ไว เรียกได้ว่าก้าวหน้ารวดเร็วมาก สิ่งนี้ทำให้เขาตกตะลึง จุดที่สำคัญก็คือ เขาพบว่าความสามารถในการแยกแยะของเหมียวอี้ยามอยู่ในความมืดน่าทึ่งมาก เพราะเหมียวอี้หลับตาเสียเป็นส่วนใหญ่
เริ่มจากการโจมตีด้วยธนูน้ำจำนวนประปราย จนกระทั่งเพิ่มเป็นสิบเป็นร้อย การออกหมัดโจมตีของเหมียวอี้ภายใต้แรงดันก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ทุกครั้งที่มีความก้าวหน้าเกิดขึ้น เหมียวอี้ก็จะเข้าไปในภูเขาไฟ เข้าไปในค่ายกลเพลิงอัคคีที่เลี่ยหวนกับหูเฟยวางไว้
เขายังคงเปลือยร่างและสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียว ส่วนท่าทางประหลาดของหูเฟย เขามองข้ามมันไปตั้งนานแล้ว เขากำลังอยู่ในสภาวะฝึกตน จิตใจไม่วอกแวก ในสายตาเขาตอนนี้ คนที่อยู่รอบกายไม่มีการแบ่งแยกชายหญิง เขาถึงขั้นบอกพวกอวิ๋นจือชิวไว้แล้วด้วย ว่าถ้าไม่มีเรื่องสำคัญก็ห้ามรบกวนเขา
ในค่ายกลเพลิงอัคคี ดาบเพลิงนับไม่ถ้วนล้อมโจมตีเขาด้วยความเร็วสูง จำนวนเริ่มจากน้อยไปมาก เหมียวอี้ที่อยู่ข้างในออกหมัดออกเท้าโจมตีอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ดาบเพลิงสามารถโจมตีฝ่าการป้องกันของเขาได้ เขาก็จะหยุดมือ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองลงมือได้ไม่เร็วพอ ก็จะลงไปฝึกฝนอย่างหนักโดยอาศัยแรงดันจากก้นทะเลต่อ
“แรงดันยังไม่พอ! ขอแรงดันที่แรงที่สุด!” เหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงอยู่ที่ก้นทะเล
ดังนั้น ทุกครั้งที่เหมียวอี้เหนื่อยจนหมดแรงและโผล่ขึ้นมาที่ผิวทะเล ราชาปีศาจทะเลครามก็เหนื่อยปางตายเหมือนกัน พยายามใช้พลังอิทธิฤทธิ์ควบคุมไม่หยุด เมื่อเวลานานไปเขาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
หลังจากเริ่มมีความก้าวหน้า การโจมตีของค่ายกลเพลิงอัคคีกับการโจมตีของธนูน้ำก็ทำให้เหมียวอี้พอใจไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเหมียวอี้สามารถรับทุกการโจมตีไหว สาเหตุที่รับไม่ไหว ก็เพราะการโจมตีของดาบเพลิงและธนูน้ำมีความหนาแน่นมากเกินไป แบบนั้นต่อให้ตอบสนองได้เร็วกว่านี้ก็ยากที่จะรับมือได้ ถ้าตัดปัจจัยเรื่องความหนาแน่นในการโจมตีออก การโจมตีที่พุ่งเป้ามาหาเขาจริงๆ กลับไม่ได้รวดเร็ว
วิธีการฝึกความเร็วหมัดสองแบบนี้ยังคงดำเนินต่อไป แต่เหมียวอี้ไม่พอใจ จึงจ้องอิงอู๋ตี๋อีกครั้ง
ราชาปีศาจทะเลครามสร้าง ‘พายุหมุน’ ที่ผิวทะเล ใช้น้ำทะเลก่อพายุหมุนขึ้นมา
อิงอู๋ตี๋และเหมียวอี้เข้าไปในพายุหมุนพร้อมกัน เหมียวอี้หลับตาตอนอยู่ข้างใน เสียงลมพัดรุนแรงเคล้ากับเสียงคลื่น ดังเซ็งแซ่ไร้ที่เปรียบ อิงอู๋ตี๋กลายร่างเป็นเงามายาร้อยร่างและล้อมโจมตีเหมียวอี้อย่างบ้าคลั่งและรวดเร็ว
เหมียวอี้ที่กำลังหลับตารีบลงมือโต้ตอบ เสียงของหมัด กรงเล็บ นิ้ว ฝ่ามือที่ปะทะกันดังราวกับเสียงรัวตีกลอง
เมื่อหยุดพักสนามแรก ‘พายุหมุน’ ก็พังตกลงในน้ำทะเล เหมียวอี้ที่อยู่กลางอากาศก็หอบหายใจพลางตะโกนบอกว่า “พี่สาม ข้าโดนท่านโจมตีหกร้อยยี่สิบสามนิ้ว!”
บนร่างเปลือยท่อนบนและขาสองข้างของเขา ทุกที่มีแต่รอยนิ้วมือของอิงอู๋ตี๋
อิงอู๋ตี๋กลับทั้งตกตะลึงทั้งประหลาดใจ เขาโจมตีต่อเนื่องกันไม่หยุด ลงมือไปอย่างน้อยเป็นหมื่นครั้ง แต่กลับโดนเหมียวอี้แค่หกร้อยกว่าครั้ง
และแน่นอน เขาไม่ได้อาศัยความได้เปรียบของพลังอิทธิฤทธิ์มาควบคุม ไม่อย่างนั้นเหมียวอี้จะโดนแค่หกร้อยกว่าครั้งได้อย่างไร แค่โดนครั้งเดียวก็คงแพ้แล้ว
แต่เหมียวอี้หลับตาประมือกับเขาตั้งแต่ต้นจนจบ ภายใต้สถานการณ์ที่ตามองไม่เห็น แถมสภาพแวดล้อมยังเสียงดังวุ่นวายขนาดนั้น รวมทั้งผลกระทบจากลมแรง ภายใต้เงื่อนไขที่ซับซ้อนขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถหลับตารับกระบวนท่าได้เยอะมาก ยากจะบรรยายความตกตะลึงในใจอิงอู๋ตี๋ได้
ดังนั้น อิงอู๋ตี๋จึงหน้าบึ้งเล็กน้อย “เจ้าห้า หรือว่าเจ้าดูถูกข้า ไม่อย่างนั้นเจ้าจะหลับตาตอนประมือกับข้าทำไม?”
เหมียวอี้ตอบพร้อมยิ้มขื่นขม “พี่สาม ถ้าข้าลืมตาสู้ ข้าคงไม่ได้โดนแค่หกร้อยนิ้วหรอก เกรงว่าหกพันนิ้วยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“ทำไมล่ะ?” อิงอู๋ตี๋สงสัย
เหมียวอี้เอามือกดที่หัวใจ แล้วตอบว่า “ข้ากำลังใจหัวใจตระหนักรู้ การโจมตีของพี่สามเร็วขนาดนั้น สายตาทำให้ตัดสินพลาดได้ง่าย”
“แบบนี้…” อิงอู๋ตี๋พึมพำ ทำท่าทางครุ่นคิด
หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันฝึกฝนสามวิธีอย่างหนัก เงื่อนไขการฝึกที่ดีขนาดนี้ เป็นสิ่งที่เหมียวอี้ไม่เคยกล้าใฝ่ฝันถึงมาก่อน ตอนนี้เรียกได้ว่าหมกมุ่นกับมันอย่างหิวกระหาย
ตอนที่จำนวนครั้งที่อิงอู๋ตี๋โจมตีโดนเหมียวอี้ลดลงต่ำกว่าหกร้อย ตอนที่ทุกคนรู้สึกถึงความก้าวหน้าขอเหมียวอี้ได้อย่างชัดเจน แต่ละคนก็แอบตกตะลึงในใจ หรือว่าวิธีการฝึกแบบนี้จะได้ผลตามคาดจริงๆ? ดูแล้วเหมือนจะเป็นวิธีการที่ดีมาก…
วิธีการที่ดีขนาดนี้ ย่อมไม่มีใครอยากพลาดอยู่แล้ว ดังนั้นตอนที่เหมียวอี้ไปฝึกโดยใช้วิธีการอื่นหรือตอนพักผ่อนฟื้นฟูพลังอิทธิฤทธิ์ คนอื่นๆ ก็ถือโอกาสฝึกตามด้วยเหมือนกัน
ที่ก้นทะเลฝั่งนี้ เลี่ยหวนถูกธนูน้ำโจมตีจนตาเหลือกและพ่นฟองอากาศออกมา
อีกสักประเดี๋ยวเดียว ราชาปีศาจทะเลครามก็ร้องโวยวายอยู่ท่ามกลางค่ายกลเพลิงอัคคี
สำหรับเรื่องนี้ เหมียวอี้ไม่เก็บมาใส่ใจ และไม่กลัวว่าจะมีคนลอกเลียนแบบด้วย ยิ่งวรยุทธ์สูงขึ้น เขาก็ยิ่งตระหนักอะไรบางอย่างได้ วิธีการแบบเดียวกันใช่ว่าจะได้ผลกับทุกคน กุญแจสำคัญอยู่ที่จิตใจ ในจุดนี้ต้องยกความดีความชอบให้เคล็ดวิชาอัคนีดารา
เมื่อการรุมล้อมโจมตีมาถึง ในใจเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีวัตถุจำนวนเท่าไรกำลังรุกโจมตีเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกมันมาจากทิศทางไหน การตัดสินให้ถูกต้องแม่นยำคือสิ่งที่สำคัญมาก นี่คือเงื่อนไขสำคัญในการโจมตีโต้ตอบของเจ้า เจ้าต้องรู้ก่อน ถึงจะไล่ตามได้อย่างรวดเร็ว จิตใจต่างหากที่สามารถนำทางให้เจ้าตอบสนองได้รวดเร็ว ถ้าเจ้าไม่รู้แม้แต่สิ่งเหล่านี้ ต่อให้หลับหูหลับตาฝึกไปมั่วๆ ก็ไม่มีประโยชน์
ถ้าพูดจากในบางมุม เหมียวอี้รู้สึกว่า ‘เคล็ดวิชาอัคนีดารา’ นี้ ถ้าเรียกว่า ‘เคล็ดวิชาเพลิงใจ’ จะเหมาะสมกว่า ไม่อย่างนั้นมันจะเผาทำลายเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาได้เหรอ? นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมวิธีการฝึกแบบนี้จึงสามารถทำให้เขาสงบใจท่ามกลางความวุ่นวายและตอบสนองออกมาได้
ตอนที่จำนวนครั้งที่อิงอู๋ตี๋โจมตีโดนเหมียวอี้ลดลงเหลือห้าร้อยครั้ง ก็ครบกำหนดเวลาหนึ่งปีพอดี
ถึงแม้ความก้าวหน้าจะไม่มาก แต่ก็เป็นเพราะมีเวลาสั้นเกินไป แค่นี้ก็นับว่ามีพัฒนาการรวดเร็วมากแล้วในสายตาคนอื่น
“คุณชายสาม ท่านกำลังดูแลข้าเป็นพิเศษอยู่หรือเปล่า? คุณชายห้าต้านทานได้นานขนาดนั้น แต่ข้าต้านทานการโจมตีของท่านไม่ได้เลยสักรอบ? ท่านแน่ใจนะว่าความเร็วในการลงมือกับพวกเราสองคนเท่ากัน?”
ตอนที่เลี่ยหวนร้องโอดครวญและเหาะออกมาจากพายุหมุน เหมียวอี้ก็ถลันตัวเหาะเข้ามา แล้วประกาศอยู่บนท้องฟ้าว่า “กลับกันเถอะ โค่วเหวินหลานส่งข้อความมาบอกข้า การทดสอบของข้ากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
…………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น