องครักษ์เสื้อแพร 995-996

 ตอนที่ 995 ลอบโจมตี

โดย

Ink Stone_Fantasy

นู่เอ่อร์ฮาชื่อรวบรวมกำลังเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวทั้งหมดให้เป็นหนึ่งรับมือทัพหมิง หลังได้รับชัยคราก่อน เผ่าหนี่ว์เจินก็มากบารมี ดังนั้นภายใต้การคุ้มครองข่านปรีชา ก็ยิ่งมีสถานะใกล้กับฮ่องเต้ คำสั่งเขาทุกคนไม่กล้าไม่ทำตาม แต่ทว่าซูเอ่อร์ฮาฉีนั้นไม่ใช่


ทหารที่นำคำสั่งจากเจี้ยนโจวมาอย่างยากลำบาก ประกาศคำสั่งนู่เอ่อร์ฮาชื่อแล้ว ซูเอ่อร์ฮาฉีกลับมีท่าทีไม่ยอม ลังเลไปครู่หนึ่งกล่าวว่า


“ท่านข่านคิดเช่นไรข้ารู้ดี แต่ทว่าตอนนี้กองกำลังหมิงมาแบบตัวเปล่า ไม่ได้มีปืนใหญ่มาด้วย เป็นโอกาสโจมตีพวกเขา หากรอให้พวกเขามีปืนใหญ่มา เกรงว่าคงทำอะไรพวกเขาไม่ได้แล้ว เจ้ากลับไปบอกกับท่านข่านว่า หากส่งกำลังเสริมมาช่วยได้ก็จะดีมาก หากไม่ช่วยอะไรมาก็ขอแค่ไปรอล้อมโจมตีจากทางด่านยาหูกวนก็ได้ ตีทัพทางนี้แตกได้ ที่อื่นล้วนไร้ค่าจะเอ่ยถึงอีก”


ทหารนำคำสั่งเป็นทหารติดตามข้างกายนู่เอ่อร์ฮาชื่อ กัดฟันแน่น เห็นซูเอ่อร์ฮาฉีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งข่านปรีชาก็โมโหทันที วาจาเริ่มรุนแรง


“ท่านข่านกล่าวว่า เจี้ยนโจวมีกำลังเช่นวันนี้ได้ไม่ได้ง่าย อย่าได้ทำการพลการเด็ดขาด อย่าได้สูญเสียเปล่า!”


พอพูดจบ ก็ถูกซูเอ่อร์ฮาฉีถีบล้ม ทหารถ่ายทอดคำสั่งหลายคนหันไปปะทะกับทหารติดตามซูเอ่อร์ฮาฉี ทหารติดตามซูเอ่อร์ฮาฉีล้วนชักดาบออกมา ซูเอ่อร์ฮาฉีหันไปชี้ทหารติดตามด่าว่า


“เรื่องของเราพี่น้อง ไหนเลยมีที่ให้บ่าวเช่นพวกเจ้ามาแทรก ข้าทำเช่นนี้ใช่ว่าเพื่อเจี้ยนโจวหรอกหรือ กลับไปรายงานท่านข่าน โอกาสครั้งนี้ไม่อาจเสียไป ข้าจะสู้สุดชีวิตคว้าเอาไว้ สูญเสียก็กำลังข้าเอง ขอข่านปรีชาวางใจ!”


ซูเอ่อร์ฮาฉีนำกำลังกองนี้มา หลักๆ แล้วล้วนเป็นทหารเก่งกล้าในสังกัดเขาเอง เผ่าหนี่ว์เจินล้วนเกิดจากการประสานกำลังหลายเผ่า แม้ว่ายกนู่เอ่อร์ฮาชื่อเป็นหัวหน้า แต่คนเบื้องหน้าก็ยังมีกำลังของตนเอง ทุกคนภักดีนายตนเอง นู่เอ่อร์ฮาชื่อไม่อาจออกคำสั่งได้


และเพราะซูเอ่อร์ฮาฉีทรงอิทธิพลในเจี้ยนโจวมานาน กองกำลังเขาครองอัตราถึงหนึ่งในสามของเจี้ยนโจว เป็นเหตุหนึ่งที่ซูเอ่อร์ฮาฉีเป็นอันดับสองในเจี้ยนโจว


เวลาที่ยังไม่มีหวังทง นู่เอ่อร์ฮาชื่อตั้งราชวงศ์โฮ่วจิน[1] จับซูเอ่อร์ฮาฉีขังจนตาย จากนั้นหวงไท่จี๋ก็ประหารบุตรชายคนโตซูเอ่อร์ฮาฉี แบ่งกองกำลังซูเอ่อร์ฮาฉีออกเป็นหลายส่วนให้อ่อนกำลังก่อนส่งมอบกำลังให้กับบุตรชายคนที่หกของซูเอ่อร์ฮาฉี ชื่อว่า ฉีเอ่อร์ฮาหลัง  แต่แม้เป็นเช่นนี้ กองกำลังธงน้ำเงินขลิบของซูเอ่อร์ฮาฉีก็ยังเป็นกองกำลังที่มีคนมากที่สุดในจำนวนแปดกลองธงของราชวงศ์แมนจู


เพราะมีกองกำลังเช่นนี้ ซูเอ่อร์ฮาฉีทำอะไรก็มักจะทำตามความคิดตนเอง ตอนนี้เขาไม่คิดฟังคำสั่งนู่เอ่อร์ฮาชื่อ


ทหารถ่ายทอดคำสั่งกัดฟันข่มความไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้  หากเป็นทหารค่ายอื่น พวกเขาสามารถใช้วินัยทหารจัดการ ใช้เชือกธนูรัดคอหรือไม่ก็จับกุมกลับเฮ่อถูอาลารอลงอาญา แต่ในค่ายกำลังซูเอ่อร์ฮาฉี ทุกคนล้วนฟังแค่คำสั่งซูเอ่อร์ฮาฉี หากมีเรื่องปะทะกัน ที่ถูกสังหารทิ้งก่อนเกรงว่าคงเป็นพวกเขา


……


เดินอยู่ตามเส้นทางข้างแม่น้ำ สองข้างล้วนเป็นป่า หวังทงตอนชาติก่อนก็เคยมาเหลียวหนิง ไปมาหลายแห่ง ได้เห็นป่าเขาจำนวนน้อยมาก ที่นั่นไหนเลยเหมือนตอนนี้ ป่าไม้ชอุ่มเพียงนี้


ตอนนี้หวังทงไม่รู้ว่าซุนโส่วเหลียนที่ป้อมกูซานเป่าเป็นอย่างไร ไม่รู้กำลังซูเอ่อร์ฮาฉีห่างจากตนเท่าไร แต่เขารู้ว่า เดินต่อไปตามเส้นทางนี้ ย่อมปะทะกับทัพซูเอ่อร์ฮาฉี


กลางเขามีเส้นทางน้อยหลายทาง พวกชำนาญเส้นทางป่าสามารถเดินตามเส้นทางน้อยเหล่านี้ไปทางตะวันออกออกนอกกำแพงเมือง หรือไม่ก็หลบทัพหวังทงได้


แต่ไม่มีเสบียง ไม่มีสถานะทหาร ทัพใหญ่หมื่นกว่าเดินเส้นทางสายเล็ก พวกเขาจะเหลือสักเท่าไรก็ยังเป็นปัญหา หลายคนไม่แน่ว่าจะกลับไปเข้ากอง แตกกระจัดกระจายไปเช่นนี้ ก็เท่ากับไม่ทันได้รบก็แตกกระจัดกระจาย เช่นนี้กลับเป็นการทำให้หวังทงประหยัดเวลา


เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ กว่าจะรวมกำลังได้ แน่นอนไม่อาจปล่อยทิ้งไปเสียเปล่าเช่นนี้  ดังนั้นสองฝ่ายย่อมปะทะกันริมแม่น้ำสายนี้


……


สำหรับทหารกองกำลังหู่เวย การเดินทางระยะไกลลำบากมาก แต่ทว่าก็เท่านั้น เพราะถืออาวุธเดิน ไม่ว่าทหารใหม่หรือเก่าทุกวันล้วนเป็นเช่นนี้  การฝึกซ้อมหนักทำให้พวกเขาเคยชินเสียแล้ว ตอนนี้ที่ยุ่งยากก็คืออาหารกลางวันกินแทบไม่ได้


ตอนกลางวันพักครึ่งชั่วยาม เก็บไม้แถบนั้นมาเป็นฟืนต้มน้ำทำอาหาร เวลาสั้นมาก ทำให้อาหารเย็นและแข็งในถุงหนังยังไม่ทันร้อนทั่ว กินแบบกึ่งร้อนกึ่งเย็นทำให้รู้สึกกลืนไม่ค่อยลง  ยังต้องกินน้ำร้อนตามลงไปช่วย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ปวดท้องเพราะตอนเช้าและตอนค่ำได้กินดีอยู่สักหน่อย


นอกจากจุดไฟหุงหาอาหารได้แล้ว ทหารม้า ‘ผู้กล้า’ ยังออกไปล่าสัตว์ละแวกนั้น มักมีหมูป่าหรือกวางป่ามาให้ทุกคนได้ทำอาหารกัน กองกำลังหู่เวยจ่ายเงินซื้อจากพวกเขา อาหารที่มีน้ำมันเนื้อเหล่านี้เทียบกับน้ำมันหมูที่เอามาด้วยแล้ว อร่อยกว่ามาก กินแล้วก็รู้สึกถูกปาก เป็นเพราะน้ำมันเหล่านี้ ทหารจึงได้เดินทัพทนในช่วงอากาศหนาว


“แม่ทัพใหญ่ สายพวกนอกด่านด้านหน้ามากเกินไปแล้ว เราเดินทัพยาก!”


หวังทงยืนอยู่ริมแม่น้ำสาขาแม่น้ำไท่จื่อเหอ ทัพใหญ่เดินผ่านด้านข้างเขาไป ขุนพลทหารข้างกายเขาหลายคน กองพื้นหิมะตรงหน้ามีหัววางอยู่สองหัว


“น่าจะห่างจากซูเอ่อร์ฮาฉีไม่ไกลแล้ว สามารถตัดมาสองหัวด้วยตัวคนเดียว เป็นชายชาตรี ผู้นี้คือใคร?”


หวังทงวิเคราะห์ เอ่ยถามขึ้น ขุนพลทหารรีบกล่าวว่า


“เรียนแม่ทัพใหญ่ ผู้นี้ก็คือทหารม้าชาวบ้านจากพื้นที่เหลียวโจว มีความกล้าหาญตัวหัวมาได้มากที่สุด ตอนนี้เป็นนายกองธงเล็ก ชื่อว่าอวี๋เฟิง”


ตามตัวอวี๋เฟิงยังมีรอยคราบเลือด มายืนนอบน้อมต่อหน้าหวังทง อวี๋เฟิงเติบโตท่ามกลางการต่อสู้นองเลือดมาได้รวดเร็วมาก ตามคำวิจารณ์หัวหน้ากองกำลังหู่เวย คนผู้นี้มีพรสวรรค์ในสนามรบ สายเผ่าหนี่ว์เจินสองคนเป็นเขาสังหารมาได้ จากนั้นตัดหัวกลับมารายงาน


“ตัดไปได้หลายหัวเพียงนี้ ยังนำข่าวกลับมาด้วย เป็นคนมีความสามารถ เลื่อนเป็นนายกองธงใหญ่ วันหน้าให้ซานเปียวดูแลส่งเสริม!”


หวังทงยิ้มกล่าว อวี๋เฟิงรีบคุกเข่าขอบคุณ หวังทงเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า


“ศัตรูอยู่ตรงหน้า ทำตามธรรมเนียมเดิม สายสืบอย่าแตกแถวไปไกล เพียงแค่เก็บกวาดพื้นที่ริมแม่น้ำ กลับมารายงานตลอดเวลา!”


คนข้างๆ กำลังจะรับคำก็ได้ยินกองกำลังรอบนอกเอะอะดัง ทุกคนหันไปสนใจทางนั้นทันที นี่แค่เริ่มต้น พริบตา กองกำลังยาวทั้งสายหลายจุดก็เริ่มอลหม่าน มีคนร้องเจ็บปวด มีคนตะโกนด่า


“แม่ทัพใหญ่ ป่าสองข้างมีพวกนอกด่านซุ่มโจมตี พลปืนไฟมีคนบาดเจ็บล้มตาย!”


 ขุนพลทหารลาดตระเวนทัพใหญ่มารายงาน หวังทงขมวดคิ้วกล่าวว่า


“พลทวนยาวเดินหน้าต่อ พลปืนไฟครึ่งหนึ่งยิงโต้ อีกครึ่งตามทัพใหญ่ไปต่อ ทหารม้าทิ้งไว้ 200 คนนำทาง ที่เหลือลงจากม้าไปสังหารโต้ศัตรู!”


ปืนไฟเริ่มยิง มีขุนพลทหารออกคำสั่งดัง อวี๋เฟิงประสานมือคำนับรีบออกไปรับศึก หวังทงเงียบไปครู่หนึ่ง หันไปถามขึ้น


“ที่นี่ห่างจากป้อมเจี่ยนฉั่งเป่าอีกเท่าไร?”


“แม่ทัพใหญ่ราว 11 ลี้!”


“หัวหน้าหลักหน่วยหนึ่งสองเสริมกำลังตีโต้ด้านข้าง หน่วยอื่นเดินหน้าต่อไป อีกห้าลี้รวมกำลังตั้งค่ายพัก!”


ทหารถ่ายทอดคำสั่งรับคำสั่งออกไป หน่วยหนึ่งสองล้วนเป็นทหารกล้าที่สุดของกองทัพ ทหารเก่าก็มีจำนวนมาก หัวหน้าหลักที่ว่าก็คือนายกองธงเล็กกับหัวหน้าแถว คนพวกนี้เข้าร่วมกองกำลังหู่เวยตอนหวังทงเพิ่งไปถึงเทียนจิน ประสบการณ์การรบมากมาย


พวกเขาล้วนสวมเกราะทั้งชุด ใช้ทวนขวานและกระบี่สั้น พวกเผ่าหนี่ว์เจินตะวันออกออกมาจากป่าสองข้างทางยิงใส่ การตีโต้ส่วนใหญ่เป็นทหารเข้าปะทะเดี่ยว ดังนั้นหวังทงจึงส่งกำลังชำนาญการต่อสู้ประชิดตัวไป


ในการเดินทัพวันอากาศหนาว แท่งไฟที่ไว้จุดปืนไฟดับง่ายมาก และตอนระยะติดไฟก็ยังสั้น เพื่อป้องกันการสูญเสีย ได้แต่ส่งกำลังปืนไฟส่วนน้อยไป แค่คอยยิงเตือนได้ตลอดเวลาเท่านั้น


ปกติระยะกระชั้นชิดนี้ ปืนไฟไม่ใช่จะยิงยามปะทะศัตรู ล้วนทำปืนลั่นก่อนทั้งสิ้น  ทหารธนูเผ่าหนี่ว์เจินคิดเช่นนี้ตามแนวคิดแต่เดิมมา แต่ความจริงนั้นระยะห่างจากปืนไฟไม่ไกลมาก อานุภาพแม้มีจำกัด แต่พวกเขาถูกสั่งสอนอย่างรวดเร็ว


ในระยะสังหารธนูชาวเผ่าหนี่ว์เจิน ปืนไฟกองกำลังหู่เวยมีความแม่นมาก อานุภาพเพียงพอ ธนูยิงโดนหนึ่ง บางครั้งถูกหมวกเกราะ  แต่ปืนไฟกองกำลังหมิงยิง ขอเพียงยิงโดนย่อมตาย  แม้ว่ายิงโดนแขนขา กระดูกแตก กระสุนตะกั่วมีพิษ ไม่อาจมีทางอื่นนอกจากพิการและตายสถานเดียว


  ทหารม้าลงจากม้าร่วมปะทะศึก ทหารเผ่าหนี่ว์เจินหวังอาศัยต้นไม้กำบังตัวก็ไม่อาจทำได้ พวกเขาชำนาญการยิง ทหารม้า ‘ผู้กล้า’ ที่เป็นนับรบก็ชำนาญเช่นกัน พวกเขาหวังปะทะตัวต่อตัว ทวนขวานอีกฝ่ายก็ไม่เกรงกลัว


พอกองกำลังหู่เวยตีโต้ ทหารเผ่าหนี่ว์เจินสองข้างก็บาดเจ็บล้มตายทันที ถอยห่างออกไปไกล ธนูพวกเขายิงไม่ถึงกองกำลังหมิง แต่ปืนไฟยังคงยิงสังหารพวกเขาได้ ต้องอ้อมออกไปไกล สูญเสียกำลังมาก กว่าจะแอบลอบเข้าใกล้ซุ่มโจมตีทัพใหญ่ได้ คงโจมตีได้แค่ครั้งเดียว จากนั้นก็เลือดตกยางออก ทิ้งเป็นซากศพหนีกันอนาถ


พวกเขาเดิมคิดว่ากองกำลังหมิงกองนี้มีปืนร้ายกาจ  แต่ระยะใกล้เข้าปะทะกันตัวต่อตัวย่อมอ่อนแอกว่า คิดไม่ถึงว่าทหารทวนขวานและกระบี่สั้นพวกนั้นไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย และยังไม่กลัวตายเหมือนกัน ชุดเกราะยิ่งทำให้ปวดหัว ยิงโดนก็ไม่ทำให้เกิดผลอันใด ต้องใช้แรงฟันพอจึงจะฟันได้ผล


แต่ก่อนจะทำเช่นนี้ได้ ก็ถูกทวนขวานอีกฝ่ายแทงตายเสียก่อน


ป่าสองข้างแม่น้ำระงมไปด้วยเสียงร้องสังหารและเจ็บปวด ค่อยๆ เงียบลง ศัตรูลอบโจมตีถูกขับไล่ไป  พวกที่บาดเจ็บ ได้รับการพันแผลง่ายๆ ก่อนจะส่งไปกองกำลังด้านหลัง


ทัพใหญ่เร่งเดินทัพไปต่อ พลปืนไฟบรรจุกระสุนเข้าไปเดินในป่า ค้นหาศัตรูบาดเจ็บ เงียบไปราวหนึ่งก้านธูป มีคนสังเกตเห็นว่าต้นไม้เหมือนสั่นไหว


ไม่ใช่เหมือน แต่สั่นไหวเห็นได้ชัด หิมะสะสมบนกิ่งไม้พากันร่วงหล่น


……


[1] ปี 1616-1636 นู่เอ่อร์ฮาชื่อแห่งเจี้ยนโจวได้ตั้งตัวเป็นข่านใหญ่ชาวแมนจู ถือเป็นต้นกำเนิดราชวงศ์แมนจู


ตอนที่ 996 ผู้ใดเป็นผู้กล้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

กิ่งไม้สะเทือน หิมะบนกิ่งไม้ร่วง นอกด่านหิมะมาก  กองทัพม้าและคนไม่ไกลมากแม้ไม่ได้ส่งเสียงสะเทือนเท่าไร  แต่ภาพการณ์ตอนนี้ เห็นชัดว่าศัตรูอยู่ไม่ไกลแล้ว


เพิ่งวิเคราะห์ไปเมื่อครู่ ก็เห็นสายสืบทหารม้าที่ส่งออกไปเมื่อครู่เร่งกลับมาอย่างไม่คิดชีวิต มาถึงค่ายก็ลงจากม้าตะโกนดังทันทีว่า


“ระยะห้าลี้มีทัพม้าศัตรูกองใหญ่ กำลังมุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็ว!”


เสียงรายงานเพิ่งจบลง ก็เห็นทหารม้ากองใหญ่มาจากอีกทางของแม่น้ำ กำลังมุ่งตะบึงมาทางนี้


“แม่ทัพใหญ่ เคลื่อนรถใหญ่มากั้น!”


สถานการณ์เริ่มเคร่งเครียด คนข้างหวังทงลืมตัว ตะโกนร้อนใจ หวังทงส่ายหน้ากล่าวว่า


“เหลวไหล! รถใหญ่จากด้านหลังมาที่นี่ จะทันได้อย่างไร กลับทำให้กองกำลังแตกตื่น!”


กล่าวจบ หวังทงเสียงดังต่อว่า


“ถ่ายทอดคำสั่งข้า หยุดเดินทัพ ตั้งแถวรบที่นี่ หน่วยหนึ่งหน่วยสองอยู่หน้า ตั้งทัพรูปแบบป้องกัน พลปืนไฟหน่วยสามหน่วยสี่ ขึ้นหน้า ร่วมพลปืนไฟกองหนึ่งและหน่วยสองตั้งแถวยิง!”


คำสั่งการลงไป เสียงกลองรัวดัง ขุนพลทหารตะโกนสั่งทหาร พลปืนไฟที่เพิ่งไปไล่ล่าบนเขามาก็รีบเข้าแถวตามคำสั่ง วิ่งๆ เหยาะมาด้านหน้าสองหน่วย  ปืนไฟ 1,200 นายเรียงเป็นชั้นเริ่มยืนเรียงพร้อมบรรจุกระสุน


“อย่าเรียงแถวนอนชิดไป เหลือที่เว้นช่องให้พลปืนไฟด้วย!”


หวังทงยามนี้หาม้ามาได้ตัวหนึ่ง ขึ้นม้าตะโกนดัง เส้นทางพื้นที่รอบแม่น้ำเดิมไม่กว้างนัก สองหน่วยทวนยาวเรียงแถวแนวนอนเสร็จ ก็แทบจะปิดกั้นพื้นที่ไปทั้งแถบ ดูเหมือนว่าตั้งแนวป้องกันแล้ว ความจริงนั้นทำให้ขยับยืดหยุ่นไม่ได้


ถูกหวังทงตะโกนด่าไปเช่นนั้น ก็เห็นหลี่หู่โถวยกมือตบหมวกเกราะ แถวพลทวนยาวจึงจัดแถวใหม่ กลายเป็นสองแถวเรียง เช่นนี้จึงเหลือที่ให้พลปืนไฟสามแถว และยังสามารถรักษาความหนาแน่นได้เพียงพอ


ด้านหน้าจัดการเช่นนี้ ด้านหลังหลายหน่วยทหารรายก็จัดแถวตามทันที เหลือที่สามแถวด้านหลังราวร้อยก้าว “จำนวนปืนไฟแถวหน้าเพียงพอ เร่งเสริมกำลังป้องกันปีกข้าง อย่าให้ถูกกองกำลังศัตรูรบกวนด้านข้างได้!”


หวังทงตะโกนสั่งดัง เขาอยู่ทางปีกขวาหน่วยหนึ่ง ทหารติดตามกับทหารถ่ายทอดคำสั่งรีบเร่งวิ่งไปสั่งการ


“ทหารม้าทั้งหมดอยู่หลังกองหลัง เป็นกำลังเสริม พร้อมปฏิบัติการ”


เสียงฝีเท้าม้าด้านหน้าดังกลบเสียงคำสั่งเขาไปหมด หวังทงต้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้ยิน ตอนนี้ทั่วพื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยทหารศัตรู


พื้นที่ห่างออกไปราวสี่ร้อยก้าว  หัวหน้าสองสามคนยกดาบในมือขึ้น ทั้งทัพก็ค่อยๆ ลดความเร็ว มาจนระยะสามร้อยก้าวก็หยุดลง


เห็นทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินตะวันออกเคลื่อนตำแหน่งไม่หยุด จัดแถวตรง มีคนตะโกนดัง ถึงกับยังเห็นทหารม้าในชุดเกราะ


ที่หวังทงยืนอยู่ ด้านข้างมีหลี่หู่โถว ด้านขวาหน้าแถวหนึ่งเป็นที่บัญชาการ แม่ทัพหน่วยหนึ่งกับแม่ทัพใหญ่กำลังอยู่ตรงนั้นพอดี


“พี่ใหญ่ พวกนอกด่านมาได้เวลาดีจริง มาตอนเราไม่มีปืนใหญ่ หากมีปืนใหญ่ ระยะห่างนี้ปืนใหญ่กระสุนสามชั่งถล่มพวกมันทิ้งเลย เจ้าพวกนอกด่านก็ช่างคิดได้นะ!”


หวังทงพยักหน้า เงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า


“ไม่เพียงแต่ไม่มีปืนใหญ่ แม้แต่สนามรบยังแคบ กำลังพวกเราทุ่มลงไปได้จำกัด กำลังพวกเขาเองก็จำกัด แต่พวกเขามีทหารม้ามากพอ เป็นข้อได้เปรียบ และการที่สองทัพปะทะกันในที่แคบ พวกเขายังสามารถสู้ตายกับเราได้ สองทัพปะทะกันผู้กล้าหาญก็ชนะกันด้วยพื้นที่แคบเช่นนี้”


สองทัพปะทะกันผู้กล้าหาญชนะ วิธีการรบนี้เริ่มแรกสุดกล่าวถึงในการต่อสู้ครั้งหนึ่งระหว่างรัฐฉินและรัฐจ้าวในสมัยจั้นกั๋ว ก็เป็นพื้นที่ระเบียงแคบเช่นนี้ สองฝ่ายเข้าประหัตประหารกัน ทัพจ้าวได้ชัย นำมาพูดถึงเหตุการณ์ตอนนี้พอดี


หลี่หู่โถวหันไปถ่มน้ำลายทิ้ง กล่าวไม่พอใจว่า


“เจ้าพวกนอกด่านบัดซบ คิดว่าบุกพ้นพลปืนไฟเรามาได้หรือ คิดฝันหวานไปหน่อยแล้ว!”


หวังทงส่ายหน้า กล่าวว่า


“อย่าเชื่อมั่นในปืนมากไป ตัดสินแพ้ชนะบนสนามรบอย่างไรก็อาศัยทวนยาวและดาบ อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้”


พวกนอกด่านทหารตรงหน้าเริ่มส่งเสียงตะโกนดัง ระยะห่างแค่นี้ ทางนั้นตะโกนมาก็ได้ยินชัดเขน เสียงตะโกนดังมาก


“หากด้านหน้าหันหลังกลับ คนด้านหลังสามารถตัดหัวได้ทันที จากหน้าถอยหลังก็เช่นกัน หากข้าหันหลังหนี ก็ให้ตัดหัวข้าได้เลย คนที่ถูกตัดหัว ม้าวัว สมบัติและภรรยา ให้คนด้านหลังที่ตัดครอบครองไป ทำลายกองกำลังหมิงตรงหน้าได้ ของที่ได้ข้าไม่เอาสักอย่าง ให้ทุกคนไปแบ่งเท่าๆ กัน!”


คนที่รู้ภาษาเผ่าหนี่ว์เจินแปลให้หวังทงฟัง มีคนนำวาจานี้ไปบอกกล่าวาแก่หัวหน้าทหารหน่วยหนึ่งและสอง สีหน้าพวกเขาต่างเริ่มเคร่งเครียด


“ถ่ายทอดคำสั่งข้า พลปืนไฟยิงระลอกหนึ่งเสร็จให้รีบกลับมาหลังแถวทวนยาว แล้วแอบด้านหลังลอบยิงต่อตามอิสระ!”


ถ่ายทอดคำสั่งเสร็จ หวังทงหันไปกล่าวกับหลี่หู่โถวข้างๆ ว่า


“เจ้าคิดใช่หรือไม่ว่า พลปืนไฟยิงแล้วก็จะกำจัดการบุกศัตรูได้ทันที…”


หลี่หู่โถวแม้ว่าไม่กล่าวอันใด แต่สีหน้ากลับบอกชัดว่าคิดเช่นนี้ หวังทงอธิบายต่อว่า


“กำลังศัตรูเพียงพอ ความเร็วเพียงพอ ยังมีความแน่วแน่ พลปืนไฟระลอกแรกยิงไป แต่ระลอกสองเป็นต้นไป ก็เกิดช่องว่าง ศัตรูก็จะบุกปะทะมาถึงก็เป็นได้ ถึงตอนนั้นย่อมเข้าสังหารโหดเหี้ยมรุนแรง สนามรบเช่นนี้ทุกอย่างต้องรอบคอบ”


หวังทงบนม้ามองไปรอบๆ สนามรบ กล่าวว่า


“เมื่อครู่ศัตรูจากป่าสองข้างทางออกมาโจมตีและก่อกวน อีกสักครู่ใช่ว่าไม่มี ใช้พลปืนไฟยันศัตรูได้ระลอกแรก ยังต้องเตรียมกำลังทหารป้องกันการโจมตีกระทันหันให้เพียงพออีก!”


หลี่หู่โถวกำลังเรียนรู้ที่จะเติบโต แต่เขาเป็นหัวหน้ากองกำลังหู่เวยที่ไม่เคยบัญชาการทัพใหญ่ทำศึกเองแม้แต่ครั้งเดียว ปกติเพียงแค่ฝึกซ้อมทหารในค่ายเท่านั้น ทุกอย่างล้วนเป็นหวังทงบัญชาการ เขาทำตามคำสั่ง เมื่อก่อนหวังทงจะไม่อธิบายมากนัก แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม


สอนจบ รูปแบบกองทัพก็เริ่มปรับเปลี่ยนครั้งที่หนึ่ง ทหารม้าชุดเกราะสิบกว่านายมาถึงด้านหน้าสุดของกองทัพ กองกำลังศัตรูเงียบไปทันที


ณ ฝั่งกองกำลังหู่เวย  พลทวนยาว พลปืนไฟ พลทหารม้า ตั้งทัพล้วนเตรียมตัวพร้อมตามคำสั่ง รถใหญ่ยังจัดระเบียบอยู่ พื้นที่แคบ รถใหญ่คันสุดท้ายของกองกำลังจะจัดวางอย่างไรล้วนเป็นเรื่องยุ่งยากมาก แต่ทว่ากองกำลังชาวเผ่าหนี่ว์เจินไม่ให้เวลาพวกเขาแล้ว


เห็นหัวหน้าทหารม้าในชุดเกราะสิบกว่าคนตะโกนดังพร้อมกัน ตะลุยม้าขึ้นหน้า ทัพม้าด้านหลังค่อยๆ เคลื่อนตาม คนด้านหน้าทั้งหมดรู้สึกได้ถึงแผ่นดินสะเทือน


ม้าวิ่งเหยาะไปได้สองสามก้าว ก็เริ่มเร่งความเร็ว พื้นสั่นสะเทือนหนักขึ้น ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินล้วนตะลึงมาอย่างบ้าคลั่ง


พลปืนไฟกองกำลังหู่เวยไม่ได้แตกตื่นตกใจ ภาพเช่นนี้พวกเขาผ่านมาหลายครั้ง  ทหารม้ากองใหญ่บุกใส่พวกเขา ก็ย่อมเลือดตกยางอ่อนต่อหน้าพวกเขายามยิงพร้อมกันเช่นกัน พวกเขาเพียงแค่คุมปืนไฟกับรักษาสมดุลไม้ตั้งปืนไฟให้ดี จากนั้นก็ดูไฟชนวนแท่งไฟ ให้พร้อมจุดเสมอ


หัวหน้าหน่วยปืนไฟมองศัตรูเข้ามาใกล้อย่างเคร่งเครียด การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่เมืองเสิ่นหยาง เมืองเสิ่นหยางให้ศัตรูเข้ามาในรัศมียิงเพียงพอ ทำให้เกิดอานุภาพสังหาร แต่ครั้งนี้จะให้ศัตรูหยุดอยู่ระยะห่างพอควร ไม่อาจให้ศัตรูเข้ามาใกล้ได้


อีกราวห้าก้าวเข้าในระยะรัศมียิง หัวหน้าหน่วยปืนไฟระลอกแรกก็สับทวนขวานในมือเป็นสัญญาณ ปืนไฟเริ่มยิงพร้อมกัน


ทวนขวานสะบัด ทหารยิง  ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินตะวันออกบุกเข้ามาในรัศมียิงแล้ว  ทหารม้าด้านหน้าสุดสิบกว่าคนในชุดเกราะพยายามก้มตัวหมอบต่ำที่สุด พวกเขาล้วนสวมเกราะผ้าสองชั้น หวังว่าจะกันปืนไฟอีกฝ่ายได้ ตามความคิดเมื่อก่อน เกราะนวมหน้าสองชั้นสามารถกันปืนยิงทะลุได้


แต่ครั้งนี้ไม่อาจทำได้ กระสุนยิงมาด้วยความเร็วทะลุเกราะนวมสองชั้น เนื้อปริแตกเลือดสาดทันที มีคนร่วงจากหลังม้า มีคนถูกม้าลากไป  ม้าตกใจวิ่งเตลิด เริ่มแรกที่สั่งไว้ก่อนหน้า ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าหนี แต่ละคนล้วนรู้สึกว่าต้องบุกเข้าไป ระยะทางสั้น จากนั้นก็ฟันสังหาร


ยิงระลอกแรกเสร็จ ก็หันหลังกลับ ระลอกสองยิง ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินถูกยิงร่วงจากหลังม้าไม่หยุด แต่ก็ยังคงบุกไม่หยุดเช่นกัน


การตั้งทัพแนวขวางมีข้อจำกัดในการสยายกำลัง ทุกครั้งสร้างแรงสังหารได้ดี แต่สังหารคนได้ไม่มากนัก  ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินยังคงเสริมกำลังบุกขึ้นมาได้อีก


ปืนไฟน่ากลัวมาก ทหารม้าแม้บุกไม่หยุด แต่ที่ขึ้นหน้ามาได้ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายยิงและถอยหลังไม่หยุด  ไม่ว่าขี่ม้าเก่งเพียงใด สวมเกราะหนาเพียงใด เคลื่อนไหวคล่องเพียงใด  ล้วนไม่อาจหลบพ้นปืนไฟ นักรบแต่ละคนส่งเสียงร้องเจ็บปวดดังก่อนจะร่วงจากหลังม้า  บางคนแม้แต่เสียงร้องก็ยังไม่ทันได้ยิน!


ด้านหลังบีบอัดเข้ามา เรียกได้ว่าไม่อาจหันหลังกลับ แต่ทุกคนก็อดผ่อนกำลังม้าไม่ได้ ไม่กล้าบุกขึ้นหน้าเช่นเดิมอีก


ไม่ว่าสถานการณ์เช่นไร ขบวนทัพม้าก็ยังคงบุกขึ้นหน้า พลปืนไฟแสนน่ากลัวของกองกำลังหมิงก็ถอยกลับเข้าแถว ด้านหน้าล้วนเป็นทหารราบแล้ว แต่ละคนอดไม่ได้ที่จะเร่งความเร็วม้า ต่อหน้าทหารม้า ทหารราบจะไปกระไรนัก  ม้าไปถึงตรงหน้า ทหารราบก็คงอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นหนีกระเจิง


ทหารราบด้านหน้าเหมือนกับพลปืนไฟเมื่อครู่  แต่เหมือนมีบางอย่างต่างกัน สีหน้าทหารราบพวกนี้นิ่งมาก กระชับทวนยาวในมือตั้งแนวระนาบเดินขึ้นหน้าไม่หยุด


“ตั้งทวนรับ!!”


มีขุนพลทหารตะโกนดัง ทหารทวนยาวยกปลายทวนแทงลงพื้น  กระชับทวนยาวเอียงชี้ขึ้น เดิมทีทวนยาวชี้ฟ้าก็เริ่มแผ่ออกในแนวใช้คมทวนตั้งรับราวกับขนเม่นชี้ขึ้น


“แม่ทัพใหญ่! พวกนอกด่านบุกจากเขาสองข้าง!!”


มีคนตะโกนดัง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)