เทพปีศาจหวนคืน 994-996

 บทที่ 994 ขโมยวิญญาณอมตะ


แปลโดย iPAT 


 


‘สัตว์อสูรแรกกำเนิดกระทิงหมื่นตา!’ ฟางหยวนมองศีรษะของวัวกระทิงที่กำลังจมลงสู่ทะเลสาบใต้น้ำตกสวรรค์


 


เขารีบเข้าไปและเก็บมันไว้อย่างรวดเร็ว


 


สัตว์อสูรแรกกำเนิดมีพลังอำนาจเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด


 


กระทิงหมื่นตามีร่างกายใหญ่โต เพียงศีรษะของมันก็เท่ากับเนินเขาลูกหนึ่ง


 


ฟางหยวนเคยยกหุบเขาเหล่าโปมาแล้วแต่ศีรษะของกระทิงหมื่นตายังหนักกว่า


 


‘แม้มันจะเหลือเพียงศีรษะแต่มันยังหนักถึงเพียงนี้!’ ฟางหยวนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ


 


เขาของกระทิงหมื่นตาเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดที่เต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโลหะและปฐพี แต่ผิวหนังของมันกลับเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารี


 


โชคไม่ดีที่ฟางหยวนได้รับเพียงผิวหนังบางส่วนบนศีรษะของมันเท่านั้น


 


อย่างไรก็ตามดวงตาของกระทิงหมื่นตาล้ำค่าที่สุด ดวงตาของมันเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืด ฟางหยวนยังได้รับวิญญาณระดับห้าบนเส้นทางแห่งความมืดจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในดวงตาเหล่านี้


 


รูปแบบชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำตกสวรรค์ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งวารี เส้นทางแห่งปฐพี เส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งวายุ เส้นทางแห่งแสง และเส้นทางแห่งความมืด มีสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งไฟอยู่ไม่มากนัก


 


‘โอ้ นี่คือแขนขวาของสัตว์อสูรบรรพกาลวานรเทพน้ำแข็ง!’


 


‘นี่คือหางของสัตว์อสูรบรรพกาลจระเข้หิมะ’


 


‘นี่คือสิ่งใด? ไม่ อย่าพึ่งคิด ข้าต้องเก็บมันก่อน’


 


ฟางหยวนเร่งปล้นสะดมทรัพยากร


 


สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเศษชิ้นส่วนร่างกายของสัตว์อสูร ฟางหยวนสามารถจดจำได้บ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด


 


มีชิ้นส่วนสัตว์อสูรบรรพกาลและพืชอสูรบรรพกาลมากมาย ท่ามกลางพวกมันยังมีชิ้นส่วนร่างกายของสัตว์อสูรแรกกำเนิดปะปนอยู่เล็กน้อย แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกจัดเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดทั้งสิ้น แม้พวกมันจะเป็นชิ้นส่วนเล็กๆน้อยๆแต่พวกมันยังมีคุณค่ามหาศาล


 


ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นพวกมัน


 


‘โอ้ สวรรค์! มันคือปลาล่องนภาแห่งชีวิตและความตาย’ ฟางหยวนอ้าปากค้าง


 


นี่คือปลาสีเทาที่มีขนาดใหญ่โตราวกับเรือสำเภา


 


มันไม่มีเหงือกแต่มีปีกที่เกิดจากพลังงานแห่งเต๋า


 


‘ปลาล่องนภาแห่งชีวิตและความตายเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดบนเส้นทางแห่งกฎ มันพิเศษมาก ร่างกายของมันเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งชีวิตและความตาย มันเป็นสิ่งมีชีวิตครึ่งปลาครึ่งวิหค มันใช้เวลาแปดพันปีแรกของชีวิตในฐานะปลาก่อนจะวิวัฒนาการเป็นวิหค หลังจากอีกแปดพันปี มันจะกลายเป็นผีดิบที่มีชีวิต ปลาล่องนภาแห่งชีวิตและความตายตัวนี้ดูเหมือนกำลังจะวิวัฒนาการไปเป็นวิหค มันควรมีอายุมากกว่าเจ็ดพันปี’


 


มนุษย์อายุสั้นขณะที่สัตว์อสูรบรรพกาลและสัตว์อสูรแรกกำเนิดมีอายุขัยหลายพันพรือหลายหมื่นปี


 


โดยยังไม่ต้องกล่าวถึงพืช


 


ตัวอย่างเช่นภูเขากู่มู่ที่ภาคเหนือ แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ภูเขาแต่เป็นต้นปฐพีที่เก่าแก่


 


ต้นไม้ต้นนี้มีประวัติศาสตร์มานานนับล้านปี เนื่องจากมันใหญ่โตมาก มันจึงถูกเรียกว่าภูเขา


 


หากเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเก้า เทพอมตะแรกกำเนิดที่มีชีวิตยืนยาวมากที่สุดยังมีอายุขัยเพียงสองหมื่นห้าพันปี เทพปีศาจบัวแดงมีอายุขัยสั้นที่สุดเพียงสามพันปี ตัวตนเหล่านี้ไม่แม้แต่จะสามารถแข่งขันกับต้นปฐพี


 


ปลาล่องนภาแห่งชีวิตและความตายถูกตัดศีรษะออกไปแต่ส่วนลำตัวของมันยังอยู่ครบ


 


เมื่อพิจารณาถึงพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งชีวิตและความตาย นี่ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก


 


‘ปลาล่องนภาแห่งชีวิตและความตายเป็นผลประโยชน์สูงสุดในการเดินทางครั้งนี้ของข้า’ ฟางหยวนถอนหายใจหลังจากเก็บมันเข้าไปในมิติช่องว่าง


 


ตอนนี้ทะเลสาบใต้น้ำตกสวรรค์ถูกย้อมเป็นสีแดงเลือด


 


เศษชิ้นส่วนของสัตว์อสูรและพืชอสูรจำนวนมหาศาลจมอยู่ใต้น้ำ


 


ด้วยความแข็งแกร่งของฟางหยวน เขาสามารถรวบรวมเศษชิ้นส่วนที่ลอยอยู่บนผิวน้ำเท่านั้น


 


เมื่อเวลาผ่านไป ความโกลาหลจะปะทุขึ้น สัตว์อสูรจำนวนมากจะถูกดึงดูดเข้ามาและต่อสู้เพื่อแย่งอาหาร


 


นี่ทำให้ผลประโยชน์ของฟางหยวนค่อยๆลดลงขณะที่ความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น


 


เขาลังเลเล็กน้อย เขาต้องการจากไปขณะที่ยังปลอดภัย แต่อีกด้านหนึ่ง เขาก็ต้องการสำรวจน้ำตกสวรรค์เช่นกัน


 


ท้ายที่สุดบทเพลงของเทพอมตะกลุ่มดาวก็กล่าวถึงร่างของผีดิบอมตะโป้ชิง


 


แต่ทั้งหมดเป็นเพียงการคาดเดาของฟางหยวนเท่านั้น เขาไม่แน่ใจนัก


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่บทเพลงของเทพอมตะกลุ่มดาวดังขึ้นในหูของฟางหยวนอีกครั้ง


 


“บทเพลงที่ล้มเหลวและวีรบุรุษที่สิ้นหวัง ความยากลำบากในการต่อต้านโชคชะตา”


 


“ดาบที่จมอยู่ใต้พื้นทรายทะยานขึ้นจากห้วงอดีตสร้างเสียงครวญครางไปทั่วน้ำตกสวรรค์”


 


“อนิจจา…”


 


“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ?”


 


“ร่างกายและจิตใจอาจเปลี่ยนผัน แต่เจตจำนงสวรรค์ยังยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต”


 


เมื่อบทเพลงจบลง คลื่นข้อมูลจำนวนมากก็พุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน


 


“ดวงวิญญาณของโม่เหยาอยู่ในร่างของโป้ชิง!” ดวงตาของฟางหยวนเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกตะลึง


 


“เช่นนั้นหากข้ารับความเสี่ยงนี้? ตราบเท่าที่ข้าได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง แม้ข้าจะไม่สามารถใช้งานมันได้อย่างเต็มที่ แต่มันยังสามารถเทียบเคียงกับส่วนหนึ่งของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ”


 


ฟางหยวนตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวก่อนจะออกจากพื้นที่บริเวณนี้และเลือกดำลงไปใต้น้ำในสถานที่ห่างออกไป


 


บริเวณนี้เต็มไปด้วยสัตว์อสูร ฟางหยวนต้องใช้เส้นทางที่ปลอดภัยกว่า


 


แน่นอนว่าเขาฉกฉวยทรัพยากรอมตะที่อยู่ระหว่างทางมาด้วย


 


เมื่อว่ายน้ำไปถึงตำแหน่งที่ระบุไว้ในข้อมูลลึกลับ ฟางหยวนจึงหยุดเคลื่อนไหว


 


เขานำเจตจำนงของโม่เหยาออกมา


 


“ฟางหยวน เจ้าต้องการสิ่งใด…” เจตจำนงของโม่เหยาไม่พอใจแต่นางกลับอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมของฟางหยวน


 


“ดูเหมือนทุกสิ่งมีความเชื่อมโยงถึงกัน โม่เหยา เจตจำนงของท่านทำให้ข้าทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง วันนี้ข้าจะตอบแทนความเมตตาของท่านในครั้งนั้น”


 


เจตจำนงของโม่เหยาค่อยๆสลายไปและปลดปล่อยกลิ่นอายบางอย่างออกมา


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้ ดาบแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที


 


ฟางหยวนตกใจและเกือบถอยกลับ แต่ดาบแสงไม่ได้ทำร้ายเขา มันเพียงกวาดล้างทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างเท่านั้น


 


ท่ามกลางแสงดาบ ร่างของผีดิบอมตะโป้ชิงค่อยๆปรากฏขึ้น


 


ฟางหยวนจ้องมองร่างของผีดิบอมตะโป้ชิงและพบว่ามันยังปิดเปลือกตาอยู่ นี่หมายความว่าดวงวิญญาณของโม่เหยายังอยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น


 


ดวงวิญญาณของโม่เหยาถูกดึงดูดเข้ามาโดยกลิ่นอายที่ถูกปลดปล่อยออกไปโดยฟางหยวน


 


ตอนนี้ฟางหยวนยืนอยู่ท่ามกลางแสงดาบ เขาสามารถขยับได้เพียงสามเก้าเท่านั้น ระยะทางนี้คือขีดจำกัดของเขา


 


‘วิธีอื่นไม่สามารถใช้งานได้ มีเพียงกลิ่นอายของโม่เหยาที่สามารถอำพรางกลิ่นอายของข้าและด้วยวิธีนี้ผีดิบอมตะโป้ชิงจึงถูกล่อลวงเข้ามา’


 


ฟางหยวนเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเพราะเกรงว่าจะปลุกผีดิบอมตะโป้ชิงให้ตื่นขึ้น


 


วิธีที่รุนแรงที่สุดในการต่อต้านผีดิบอมตะโป้ชิงก็คือทำลายพลังงานอมตะระดับแปดทั้งหมดของเขา


 


ด้วยวิธีนี้โป้ชิงจะไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะของตน


 


นี่ไม่รวมวิญญาณอมตะชนิดพิเศษที่ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานอมตะเช่นวิญญาณอมตะปีกแห่งความฝันของฟงจินฮวง


 


โป้ชิงเสียชีวิตไปนานแล้ว มิติช่องว่างของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์ หากไม่ใช่เพราะแสงดาบที่อยู่รอบตัวเขา ฟางหยวนจะสามารถจับเขา


 


แต่ความจริงมักไม่เป็นไปตามความคาดหวัง


 


แสงดาบรอบตัวโป้ชิงจะโจมตีทุกสิ่งที่เข้ามาใกล้


 


ฟางหยวนใช้วิธีตามข้อมูลที่ได้รับและสามารถล่อลวงวิญญาณอมตะให้ออกมาได้อย่างรวดเร็ว


 


วิญญาณอมตะดวงนี้มีรูปร่างราวกับไข่หงส์ที่ปลดปล่อยแสงสีเขียวหยกออกมา เมื่อฟางหยวนเข้าไปใกล้ เขารู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากไข่หงส์ใบนี้


 


ฟางหยวนมีความสุขมาก


 


แม้เขาจะไม่รู้ว่าวิญญาณอมตะดวงนี้คือสิ่งใดและใช้งานอย่างไร แต่จากกลิ่นอายของมัน เขารู้ว่ามันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด


 


โป้ชิงเป็นตัวตนเช่นไร? เขาเป็นที่รู้จักกันในฐานะบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นรองเพียงเทพอมตะเท่านั้น แม้เขาจะไม่ใช่เทพอมตะ แต่เขาก็สามารถปกครองภาคกลางทั้งหมด


 


ไม่มีวิญญาณอมตะดวงใดของเขาอยู่ในระดับหก วิญญาณอมตะทั้งหมดของเขาอยู่ในระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย แน่นอนว่าวิญญาณหลักของเขาล้วนเป็นวิญญาณระดับแปด หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เขาจะมีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวและมีชื่อเสียงเช่นนี้ได้อย่างไร


 


ฟางหยวนใช้กลิ่นอายของโม่เหยาห่อหุ้มวิญญาณอมตะดวงนี้เอาไว้ก่อนจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาผนึกมันไว้อย่างสมบูรณ์


 


เขากำลังหลอกเจตจำนงที่อยู่ในวิญญาณอมตะและทำให้มันรู้สึกราวกับได้พบเจ้าของ


 


ฟางหยวนไม่สามารถสัมผัสมันโดยตรงแต่เก็บมันไว้ในมิติช่องว่างของเขา


 


หลังจากนั้นเขาก็ทำซ้ำอีกครั้งทำให้วิญญาณอมตะดวงที่สองลอยออกมา



 บทที่ 995 วิญญาณดาบแห่งปัญญา


แปลโดย iPAT 


 


วิญญาณอมตะดวงหนึ่งลอยออกมา


 


‘มันคือ…วิญญาณคิ้วดาบ?’ ฟางหยวนคิด


 


นี่คือข้อมูลที่เขาได้รับจากฟงจินฮวง


 


โป้ชิงมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงหนึ่งชื่อวิญญาณคิ้วดาบ มันไม่ใช่วิญญาณสายต่อสู้แต่เป็นวิญญาณที่ช่วยในการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งดาบ


 


เมื่อผู้อมตะใช้มัน คิ้วของพวกเขาจะถูกเคลือบคลุมไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบ


 


พลังงานแห่งเต๋าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มพูนพลังอำนาจของวิญญาณ


 


‘วิญญาณอมตะดวงนี้ล้ำค่ามาก มันเหมาะสมกับข้าที่ไม่มีพื้นฐานบนเส้นทางแห่งดาบแม้แต่น้อย’ ฟางหยวนใช้กลิ่นอายของโม่เหยาจับวิญญาณอมตะดวงนี้เอาไว้อย่างระมัดระวัง


 


ถัดไปเป็นวิญญาณอมตะดวงที่สาม


 


วิญญาณอมตะดวงนี้ยิ่งพิเศษมากกว่า


 


เมื่อมันปรากฏขึ้น มันเต้นรำไปรอบๆฟางหยวน


 


มันเหมือนของเหลวที่อ่อนนุ่ม แต่ฟางหยวนรู้สึกราวกับผิวหนังของเขาถูกกรีดเฉือนตลอดเวลา


 


หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนคิดว่ามันคือวิญญาณอมตะคลื่นดาบระดับเจ็ด


 


ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ โป้ชิงพยายามผลักดันให้วิญญาณคลื่นดาบก้าวเข้าสู่ระดับแปด แต่เขาล้มเหลว


 


ความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะทำให้โป้ชิงได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่วิญญาณคลื่นดาบระดับเจ็ดถูกทำลาย


 


แต่โป้ชิงยังใช้ความพยายามหลอมรวมมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง


 


วิญญาณอมตะดวงที่สี่คือวิญญาณดาบบิน


 


มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่โป้ชิงใช้ในการต่อสู้


 


ด้วยการใช้วิญญาณอมตะดวงนี้เป็นแกนกลางผสานกับวิญญาณอมตะดวงอื่นและวิญญาณระดับมนุษย์ โป้ชิงสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะที่มีชื่อเสียงมาถึงปัจจุบัน


 


ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะดาบบินไร้ลักษณ์ ท่าไม้ตายอมตะดาบบินเมฆา ท่าไม้ตายอมตะดาบบินไล่ล่า และท่าไม้ตายอมตะดาบบินหมื่นลี้


 


วิญญาณอมตะดวงที่ห้าเป็นวิญญาณที่ช่วยในการเคลื่อนไหว มันถูกเรียกว่าวิญญาณดาบทะลวงมิติ


 


มันจะเปลี่ยนผู้อมตะให้กลายเป็นดาบอันแหลมคมพุ่งทะลวงไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง


 


ความเร็วของมันเกือบเท่าวิญญาณอมตะสายเคลื่อนไหวบนเส้นทางแห่งพลังปราณในระดับเดียวกัน ในช่วงชีวิตของโป้ชิง เขามีความสำเร็จอันโดดเด่นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกบันทึกไว้


 


ครั้งหนึ่งเมื่อเขายังเป็นผู้อมตระดับเจ็ด เขาเคยต่อสู้กับผู้อมตะในระดับเดียวกันผู้หนึ่ง ฝ่ายหลังไม่สามารถเอาชนะ ดังนั้นเขาจึงใช้วิญญาณเคลื่อนพลังปราณเพื่อหลบหนี


 


แต่โป้ชิงใช้วิญญาณดาบทะลวงมิติไล่ล่า


 


แม้เขาจะไม่สามารถตามจับฝ่ายตรงข้าม แต่ระยะห่างก็ไม่เพิ่มขึ้น


 


หลังจากโป้ชิงใช้ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวที่มีวิญญาณดาบทะลวงมิติเป็นแกนกลาง เขาจึงสามารถไล่ตัดศีรษะของฝ่ายตรงข้ามและได้รับชัยชนะในที่สุด


 


ฟางหยวนยังไม่พอใจกับวิญญาณอมตะทั้งห้าดวงที่ได้รับและยังดำเนินการต่อไป


 


อย่างไรก็ตามเจตจำนงของโม่เหยามีอยู่จำกัด ตอนนี้เขาใช้ไปแล้วหกสิบห้าส่วน


 


‘ข้าสงสัยว่าวิญญาณอมตะดวงต่อไปจะเป็นสิ่งใด?’ ฟางหยวนทั้งตื่นเต้นและกังวล


 


เขากำลังเต้นรำอยู่บนปลายดาบ


 


หากผีดิบอมตะโป้ชิงตื่นขึ้น เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย


 


แต่ด้วยดวงวิญญาณของโม่เหยาที่อยู่ภายในและความเจ้าเล้ห์ของฟางหยวน มันไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะบิดเบือนความจริงและหลอกฝ่ายตรงข้าม


 


อย่างไรก็ตามในกรณีที่ผีดิบอมตะโป้ชิงตื่นขึ้นมาด้วยความโกรธหรือตกใจ ฟางหยวนอาจถูกสังหารก่อนที่เขาจะได้กล่าวสิ่งใด


 


แน่นอนว่าฟางหยวนจะไม่ปลุกผีดิบอมตะโป้ชิงให้ตื่นขึ้นและวางชีวิตของตนไว้ในมือของผู้อื่น


 


ฟางหยวนรอคอยเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแต่ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากวิญญาณอมตะดวงต่อไป


 


‘บางทีเขาอาจไม่เหลือวิญญาณอมตะอีกแล้ว ไม่ นี่เป็นไปไม่ได้ หากเขามีวิญญาณอมตะเพียงเท่านี้ เขาจะสามารถส่งดาบแสงออกไปทั่วทั้งภาคกลางได้อย่างไร?’


 


สองชั่วโมงผ่านไป เจตจำนงของโม่เหยาแทบหมดสิ้น


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่หัวใจของฟางหยวนกระตุกขึ้น


 


เขาวางค่ายกลวิญญาณสายตรวจสอบไว้รอบๆน้ำตกสวรรค์และตอนนี้มันตรวจพบบางสิ่ง


 


‘ผู้อมตะบางคนกำลังมา!’ การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนใช้เวลาค่อนข้างมากในการรวบรวมทรัพยากรอมตะที่กระจัดกระจายอยู่บนผิวน้ำ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้อมตะคนอื่นๆจะถูกดึงดูดมาในช่วงเวลานี้


 


หากผู้อมตะบางคนค้นพบสิ่งผิดปกติและเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ฟางหยวน มันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก


 


ฟางหยวนไม่กังวลเกี่ยวกับผู้อมตะคนอื่นๆ แต่เขากังวลเกี่ยวกับโป้ชิง ผู้อมตะคนอื่นๆไม่มีเจตจำนงของโม่เหยา หากพวกเขาเข้ามา มันอาจเป็นการกระตุ้นให้ผีดิบอมตะโป้ชิงโจมตีหรือตื่นขึ้น


 


จะเป็นเช่นไรหากเขาตื่นขึ้นมาและพบว่าฟางหยวนกำลังขโมยวิญญาณอมตะของเขา?


 


ฮ่าฮ่า


 


ผลลัพธ์ชัดเจนมาก


 


มีความเป็นไปได้สูงมากที่ฟางหยวนจะถูกตัดศีรษะทันทีก่อนที่จะได้กล่าวสิ่งใด


 


‘เจตจำนงของโม่เหยาใกล้หมดแล้ว ข้าต้องรีบออกไป แต่ข้าต้องซ่อนตัวอย่างมิดชิดและไม่สามารถใช้เจตจำนงทั้งหมดของโม่เหยาที่นี่’


 


ฟางหยวนอยู่ใกล้กับโป้ชิงมากเกินไป


 


หากเขาใช้วิญญาณท่องแดนอมตะโดยตรง กลิ่นอายของมันจะกระตุ้นดวงวิญญาณของโม่เหยาที่อยู่ในร่างของโป้ชิง


 


อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ฟางหยวนกำลังจะจากไป วิญญาณอมตะดวงที่หกกลับบินออกมาและปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา


 


มันเป็นวิญญาณอมตะที่มีรูปลักษณ์เหมือนฟองสบู่ แต่กลิ่นอายของมันกลับทำให้ดวงตาของฟางหยวนเบิกกว้าง


 


วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งดาบ!


 


ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ต้องใช้เวลานานในการล่อลวงวิญญาณอมตะดวงนี้


 


‘แต่นี่คือวิญญาณชนิดใด?’ ฟางหยวนยังไม่สามารถบอกได้ทันทีว่าวิญญาณอมตะดวงนี้คือสิ่งใด


 


แต่เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้


 


เขาใช้วิธีเดียวกับก่อนหน้าเพื่อเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างของตน


 


จากนั้น…


 


หลบหนี!


 


หลบหนีอย่างรวดเร็วที่สุด!


 


ครั้งนี้เขาได้รับกำไรเกินคาดหมายไปไกลมาก


 


หากเปรียบเทียบ ผลประโยชน์ที่ได้รับจากสุสานใต้บาดาลของภาคเหนือไม่ถือเป็นสิ่งใดเลย


 


หลังจากนี้เมื่อผู้อมตะมารวมตัวกันที่น้ำตกสวรรค์ ผีดิบอมตะโป้ชิงจะตื่นขึ้นในที่สุด


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถอยู่ต่อ


 


กระบวนการหลบหนีออกจากน้ำตกสวรรค์ของฟางหยวนเป็นไปได้อย่างราบรื่น


 


ผู้อมตะระดับเจ็ดที่มาถึงตกตะลึงและถูกล่อลวงโดยทรัพยากรอมตะจำนวนมากที่อยู่ในน้ำ


 


เขาต้องการรวบรวมทรัพยากรอมตะแต่เขายังลังเลและไม่กล้าต่อสู้กับสัตว์อสูรที่ถูกดึงดูดเข้ามา


 


ท้ายที่สุดมันก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดอีกต่อไป มันเสี่ยงมากหากบางคนต้องการฉกชิงเหยื่อของเหล่าสัตว์ร้าย


 


หลังจากมาถึงสถานที่ปลอดภัย ฟางหยวนจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


ขณะที่เขากำลังจะใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ ร่างกายของเขากลับสั่นสะท้านขึ้นอย่างกะทันหัน


 


‘ข้าจำได้แล้ว! วิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ควรเป็นวิญญาณดาบแห่งปัญญา!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความสุข


 


‘วิญญาณอมตะดวงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยโป้ชิง แม้เขาจะมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น แต่เขายังได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ดังนั้นเขาจึงสร้างวิญญาณดาบแห่งปัญญาขึ้นมาเพื่อจัดการกับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ วิญญาณอมตะดวงนี้ไม่เพียงเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งดาบแต่มันยังมีความล้ำเลิศบนเส้นทางแห่งปัญญา’


 


เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฟางหยวนตัดสินใจทันทีว่าจะปรับแต่งวิญญาณอมตะดวงนี้เป็นอันดับแรก


 


ความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาทำให้ฟางหยวนเกิดความเข้าใจบางอย่าง ตราบเท่าที่เขาสามารถใช้วิญญาณดาบแห่งปัญญา วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาจะยกระดับขึ้นอย่างก้าวกระโดด


 


หลังจากกลับถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูอย่างปลอดภัย ฟางหยวนตระหนักถึงอีกประเด็นหนึ่ง ‘มรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของตงฟางชางฟาน ความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา วิญญาณอมตะความคิดดาราระดับหก วิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาระดับแปด และวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า…โดยไม่ได้ตั้งใจ เส้นทางแห่งปัญญาของข้าดูเหมือนจะสว่างไสวที่สุด ในสถานะปัจจุบันของข้า เส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งกาลเวลาดูเหมือนจะช่วยข้าได้มากกว่า แต่ในระยะยาว เส้นทางแห่งปัญญากลับสามารถคาดหวังได้มากกว่า’


 


เขาจัดการวิญญาณอมตะทั้งหมดที่ได้รับมาอย่างเหมาะสม


 


เจตจำนงของโม่เหยาถูกสร้างขึ้นอีกครั้งเพื่อใช้เป็นเครื่องมือปิดผนึกวิญญาณอมตะเหล่านี้


 


ตราบเท่าที่เจตจำนงไม่เข้าสู่การจำศีล พวกมันจะคิดและค่อยๆสูญสลายไป ย้อนกลับไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ เจตจำนงของโม่เหยาพึ่งพาวิญญาณอมตะความสดใสของแม่น้ำและขุนเขาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง


 


ตอนนี้แม้ฟางหยวนจะไม่มีวิญญาณอมตะความสดใสของแม่น้ำและขุนเขาแต่เขามีวิธีอื่นบนเส้นทางแห่งปัญญาที่สามารถสร้างเจตจำนงของโม่เหยาได้อย่างง่ายดาย


 


แต่เขาต้องใช้วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องมีเวลาเตรียมการ


 


สถานการณ์ที่น้ำตกสวรรค์พัฒนาไปเร็วกว่าที่มันเคยเป็น ที่นั่นฟางหยวนไม่มีเวลาเสริมสร้างเจตจำนงของโม่เหยา


 


อย่างไรก็ตามทั้งหมดที่เขาได้รับในการเดินทางครั้งนี้ก็เหนือเกินกว่าความคาดหมายของเขาไปแล้ว


 


โอกาสที่จะขโมยวิญญาณอมตะของผู้อื่นหายากมาก


 


เนื่องจากในสถานการณ์ปกติ ผู้อมตะสามารถทำลายวิญญาณอมตะได้ด้วยเพียงหนึ่งความคิด


 


ฟางหยวนใช้ประโยชน์จากโป้ชิงที่กำลังหลับไหลเพื่อขโมยวิญญาณอมตะของเขา หากโป้ชิงตื่นขึ้น คงมีเพียงเทพปีศาจปล้นสวรรค์เท่านั้นที่สามารถทำได้


 


‘คำทำนายของเทพอมตะกลุ่มดาวจากอาณาจักรแห่งความฝันช่างน่าเกรงขามนัก ตอนนี้เหลืออีกไม่กี่ประโยค แล้วพวกมันหมายถึงสิ่งใด?’


 


ฟางหยวนคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาลและรู้สึกสงสัยพร้อมคาดหวัง


 


“บทเพลงที่ล้มเหลวและวีรบุรุษที่สิ้นหวัง ความยากลำบากในการต่อต้านโชคชะตา”


 


“ดาบที่จมอยู่ใต้พื้นทรายทะยานขึ้นจากห้วงอดีตสร้างเสียงครวญครางไปทั่วน้ำตกสวรรค์”


 


“อนิจจา…”


 


“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ?”


 


“ร่างกายและจิตใจอาจเปลี่ยนผัน แต่เจตจำนงสวรรค์ยังยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต”


 


ฟางหยวนเข้าใจสองบรรทัดแรกแล้ว แต่หลังจากนั้นมันหมายถึงสิ่งใด?


 


ทุกอย่างคลุมเครือเกินไปสำหรับเวลานี้ ฟางหยวนยังไม่สามารถคาดเดา



บทที่ 996 บ่มเพาะจิตวิญญาณ


แปลโดย iPAT 


 


ภาคกลาง วังสวรรค์


 


“ท่านเจ้าวัง ยอมแพ้เถอะ เราไม่สามารถช่วยวิญญาณอมตะดวงนี้” ไป่เฉินเทียนกล่าว


 


แต่เจ้าวังไม่ตอบ


 


ตอนนี้ในมือของเขามีวิญญาณอมตะที่ถูกผ่าครึ่งและดูเหมือนกำลังจะตายวางอยู่


 


ใบหน้าของเหลียนจิ่วเฉิงเต็มไปด้วยความกังวล


 


เขามีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ตามความคิดเห็นของเขา วิญญาณอมตะดวงนี้ไม่สามารถช่วยได้ กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่สามารถทำสิ่งใดแม้จะทุ่มเทความพยายามทั้งหมดก็ตาม


 


แต่เจ้าวังยืนกรานที่จะพยายาม


 


เจ้าวังเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาระดับแปด ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่บรรลุถึงระดับนี้จะสามารถใช้ประโยชน์จากเส้นทางสายอื่นอย่างน้อยก็ขั้นพื้นฐาน


 


โดยธรรมชาติตัวตนระดับนี้จะไม่มีจุดอ่อน เขาสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาจำลองวิธีบนเส้นทางความแข็งแกร่งหรือเส้นทางสายอื่น บางครั้งมันยังยอดเยี่ยมกว่าทักษะดั่งเดิมของเส้นทางสายนั้นๆ


 


เหลียนจิ่วเฉิงไม่สามารถช่วยชีวิตวิญญาณอมตะดวงนี้แต่เจ้าวังที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญายังมีความหวัง


 


เว้นเพียงว่าวิธีที่เขาใช้มีความเสี่ยงสูงเกินไปในความคิดเห็นของเหลียนจิ่วเฉิง


 


หากเกิดเรื่องผิดพลาด เจ้าวังอาจพบกับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง พลังงานแห่งเต๋าของเขาจะเกิดความปั่นป่วน ไม่เพียงเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาอาจไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะในช่วงเวลาสามสิบปีหลังจากนี้ มิฉะนั้นอาการบาดเจ็บของเขาจะยิ่งร้ายแรง


 


“ฟิ้ว…”


 


ทันใดนั้นดาบพลังปราณอันแหลมคมพลันแผ่พุ่งออกมาจากวิญญาณอมตะที่กำลังจะตาย


 


เจ้าวังไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลาแต่โชคดีที่ดาบแสงผ่านใบหูของเขาไปและตัดเส้นผมสีขาวของเขาออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


 


ไป่เฉินเทียนตกใจมาก


 


“มันจบแล้ว” การแสดงออกของเจ้าวังผ่อนคลายลง เขาถอนหายใจและกล่าวด้วยความพึงพอใจ “ข้าดึงดาบพลังปราณออกจากวิญญาอมตะดวงนี้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มันปลอดภัยแล้ว”


 


ก่อนหน้านี้ดาบแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากน้ำตกสวรรค์และอาละวาดไปทั่วภาคกลาง


 


หนึ่งในดาบแสงดังกล่าวพุ่งมาทางวังสวรรค์และตัดหอคอยดวงตาสวรรค์ออกเป็นสองส่วน


 


เจ้าวังเรียกไป่เฉินเทียน เหลียนจิ่วเฉิง และเทพธิดาเพ่ยกังซุ้ยกลับมาอย่างรวดเร็ว ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่เพ่ยกังซุ้ยจะถูกส่งไปตรวจสอบน้ำตกสวรรค์ ขณะเดียวกันผู้อมตะอีกสามคนก็ร่วมมือกันซ่อมแซมหอคอยดวงตาสวรรค์


 


ไม่นานหลังจากนั้นวิญญาณอมตะในมือของเจ้าวังก็ฟื้นตัวขึ้นภายใต้แสงสีส้ม


 


ดวงตาของเหลียนจิ่วเฉิงส่องประกายขึ้น เขาปรบมือและชื่นชม “ท่านเจ้าวัง ความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของท่านช่างอัศจรรย์นัก ผู้ใดจะคิดว่าท่านจะสามารถช่วยชีวิตวิญญาณอมตะดวงนี้ได้จริงๆ แต่เหตุใดท่านต้องรับความเสี่ยงถึงเพียงนี้? วิญญาณอมตะดวงนี้เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก ในคลังสมบัติของวังสวรรค์มีทรัพยากรมากมายที่สามารถหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ขึ้นมาอีกครั้ง แต่หากท่านได้รับบาดเจ็บ ท่านจะไม่สามารถทำสิ่งใดตลอดสามสิบปีหลังจากนี้ นั่นจะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์”


 


เจ้าวังส่ายศีรษะและกล่าวยอย่างช้าๆ “กล่าวตามตรง ข้าเองก็ไม่รู้เหตุผล แต่เมื่อไม่นานมานี้ข้ารู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติราวกับว่ามีอันตรายที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างลับๆ ก่อนหน้านี้เราสามารถฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมและสามารถใช้งานมันได้ห้าสิบส่วน แต่ตอนนี้ดาบแสงกลับพุ่งเข้ามาตัดหอคอยดวงตาสวรรค์โดยไม่คาดคิด นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆงั้นหรือ?”


 


ไป่เฉินเทียนกับเหลียนจิ่วเฉิงมองหน้ากันและแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด


 


“ข้าจะไม่ซ่อนมันจากท่าน ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน” ไป่เฉินเทียนกล่าว “แต่ความรู้สึกของข้าเริ่มขึ้นในช่วงเวลาที่พวกเราฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม”


 


เหลียนจิ่วเฉิงกล่าวต่อ “ดังนั้นมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกของข้าเพียงผู้เดียว เดิมทีข้าคิดว่าลูกหลานของข้าอาจกำลังประสบปัญหาและทำให้ข้าเกิดความรู้สึกเช่นนี้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ท่านเจ้าวัง ท่านเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา หอคอยดวงตาสวรรค์อยู่ในการควบคุมของท่าน ประสาทสัมผัสของท่านก็เฉียบคมกว่าพวกเรา ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นจริงๆ”


 


เจ้าวังกล่าวขณะที่ยังถือวิญญาณอมตะดวงเดิมเอาไว้ในมือ “ด้วยเหตุนี้ข้าจึงต้องเสี่ยงรักษาวิญญาณอมตะดวงนี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่หนึ่งในวิญญาณอมตะแกนกลางของหอคอยดวงตาสวรรค์ แต่ตราบเท่าที่เราสามารถซ่อมแซมมัน เราจะค้นพบความจริงได้ในที่สุด”


 


“นอกจากนี้โป้ชิงที่ตายไปนานแล้วในภัยพิบัติสวรรค์ เหตุใดเขาจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงเวลานี้ ทั้งสองดูเหมือนจะมีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด หลังจากนี้ข้าจะซ่อมแซมวิญญาณอมตะดวงต่อไปและไม่สามารถถูกรบกวน หากเทพธิดาเพ่ยกังซุ้ยส่งข่าวมา พยายามแจ้งข้าอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”


 


ไป่เฉินเทียนกับเหลียนจิ่วเฉิงพยักหน้ารับคำ “เข้าใจแล้ว”


 


ข่าวการปรากฏตัวขึ้นของผีดิบอมตะโป้ชิงกระจายออกไปในวงกว้างและส่งอิทธิพลต่อภาคกลางรวมถึงวังสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ


 


เช่นเดียวกับครั้งก่อน ผู้อมตะของภาคกลางถูกดึงดูดให้ไปสำรวจน้ำตกสวรรค์


 


ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้ว ดังนั้นเวลานี้เขาจึงบ่มเพาะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู


 


เขายืนอยู่บนยอดเขาตงฮันและสะบัดมือส่งดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนับหมื่นออกไป


 


ดวงวิญญาณส่วนใหญ่เป็นดวงวิญญาณของสัตว์อสูร กระต่าย แพะ ม้า มีดวงวิญญาณหมาป่าและเสือเล็กน้อย มันมีกระทั่งดวงวิญญาณของมนุษย์กลายพันธุ์ และมนุษย์


 


มีการค้าดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตมานานแล้ว


 


เพราะโลกใบนี้มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ


 


วิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมีมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล


 


มีเพียงผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่สามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดเท่านั้นที่สามารถสร้างเส้นทางแต่ละสาย


 


หนึ่งในผู้อมตะระดับเก้า เทพปีศาจจิตวิญญาณ เป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและสามารถผลักดันเส้นทางสายนี้ขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยตัวเขาเอง


 


ในยุคของเขา ผู้ใช้วิญญาณอย่างน้อยห้าในสิบคนจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ


 


สำหรับเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ทรัพยากรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด


 


โดยเฉพาะดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่ถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ


 


เพื่อหลอมรวมวิญญาณ เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้อมตะระดับเก้าที่โหดเหี้ยมที่สุด


 


มันเป็นยุคสมัยที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าอย่างไม่รู้สิ้นสุดและถือเป็นช่วงเวลาที่มืดมนของโลกใบนี้


 


เนื่องจากผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะจำนวนมากที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณทำให้พวกเขาจำเป็นต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตเพื่อใช้ดวงวิญญาณในการบ่มเพาะ


 


นั่นเป็นต้นกำเนิดของการค้าดวงวิญญาณ


 


หลังจากยุคของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เทพอมตะสวรรค์พิภพถือกำเนิดขึ้น


 


เทพอมตะสวรรค์พิภพเป็นคนใจดีและเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ดังนั้นเรื่องหนึ่งที่เขาสามารถฝากร่องรอยเอาไว้ในประวัติศาสตร์ก็คือการปราบปรามเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ


 


ผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณลดน้อยลงขณะที่การค้าดวงวิญญาณถูกผลักลงไปในตลาดใต้ดิน


 


ความปั่นป่วนค่อยๆสงบลง ทั้งห้าภูมิภาคค่อยๆฟื้นตัวขึ้น


 


สิ่งที่น่าจดจำที่สุดก็คือเทพอมตะสวรรค์พิภพไม่ได้ใช้กำลังบังคับแต่เขาผลักดันผู้คนด้วยคุณธรรมและเปลี่ยนโลกใบนี้ด้วยการกระทำของตัวเขาเอง


 


ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันกระทั่งในสวรรค์สีเหลืองก็ยังเป็นเรื่องยากที่พบเห็นการซื้อขายดวงวิญญาณ


 


โดยปกติฟางหยวนได้รับดวงวิญญาณมาจากไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซาน


 


ตั้งแต่สร้างความร่วมมือ ไห่ลั่วหลันจัดหาดวงวิญญาณให้ฟางหยวนอย่างต่อเนื่อง นี่ช่วยแก้ปัญหาได้มาก


 


ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานเป็นคนเหนือ โดยเฉพาะเทพธิดาหลี่ซานที่เป็นผู้นำลำดับที่สามของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะและด้วยวิญญาณอมตะคำสาบานของภูเขาและมหาสมุทร มันทำให้นางมีเครือข่ายขนาดใหญ่


 


ดวงวิญญาณเหล่านี้ถูกภูเขาตงฮันดูดกลืนเข้าไปทันที


 


หลังจากไม่นานผลึกตงฮันจำนวนมากจึงถือกำเนิดขึ้น


 


‘โดยทั่วไป ยิ่งเป็นดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง คุณภาพของมันก็จะยิ่งสูง ในทำนองเดียวกัน ยิ่งเป็นดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา คุณภาพของมันก็จะยิ่งสูงเช่นกัน ดวงวิญญาณเหล่านี้อยู่ในระดับมาตรฐานเท่านั้น มีดวงวิญญาณของสัตว์อสูรเพียงเล็กน้อย ไม่มีสัตว์อสูรเดียวดาย มันมีดวงวิญญาณของมนุษย์กลายพันธุ์กับมนุษย์อยู่น้อยมาก วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจะถือกำเนิดขึ้นไม่มากนัก’


 


ฟางหยวนคิดขณะเดินไปบนภูเขาตงฮัน


 


ดวงวิญญาณชุดนี้ไม่ได้มาจากไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานแต่ฟางหยวนรวบรวมมันมาด้วยตนเอง


 


เขาแตกต่างจากก่อนหน้า


 


เขาสามารถรวบรวมดวงวิญญาณโดยไม่ต้องพึ่งพาเทพธิดาหลี่ซานหรือแม้แต่ลงมือสังหารด้วยตนเอง


 


แน่นอนว่ามันไม่ได้มาจากสวรรค์สีเหลืองแต่เป็นทะเลทรายตะวันตก


 


ทะเลทรายตะวันตกมีตลาดการค้าขนาดใหญ่ขณะที่ฟางหยวนไม่ใช่เด็กใหม่ของที่นั่นอีกต่อไป เขาร่วมงานกับตระกูลเซียวแห่งทะเลทรายตะวันตกมาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยป้ายเปิดทางของตระกูลเซียว มันทำให้ฟางหยวนได้รับการยอมรับจากตลาด


 


ตระกูลเซียวเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก การรวบรวมดวงวิญญาณไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา


 


แต่หากการค้าขายดวงวิญญาณถูกเปิดเผย ตระกูลเซียวจะไม่ยอมรับว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้อง การซื้อขายดวงวิญญาณไม่สามารถกระทำได้อย่างเปิดเผยโดยเฉพาะตระกูลเซียวที่เป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะ


 


ฟางหยวนซื้อดวงวิญญาณจากทะเลทรายตะวันตกเพื่อป้องกันตัวจากไห่ลั่วหลัน เทพธิดาหลี่ซาน และนางมารผลาญสวรรค์


 


แม้พวกเขาจะมีข้อตกลงพันธมิตร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฟางหยวนจะไม่จำเป็นต้องป้องกันตนเองจากพวกนาง


 


ฟางหยวนรู้วิธีป้องกันตัวจากผู้อื่นและยิ่งเชี่ยวชาญในการทำร้ายผู้อื่น


 


หากเขาพยายามบ่มเพาะจิตวิญญาณ มันจะทำให้ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานรู้สึกหวาดระแวง ขณะเดียวกันฟางหยวนก็ไม่ต้องการทิ้งเบาะแสใดๆไว้ให้พวกนาง


 


หากเขาบ่มเพาะจิตวิญญาณ วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจะลดลง เพื่อชดเชยเรื่องนี้ ฟางหยวนจึงต้องเติมเต็มส่วนต่าง


 


วิญญาณความเด็ดเดี่ยวที่หาได้ยากกลับถูกหยิบขึ้นมาจากพื้นอย่างง่ายดายโดยฟางหยวน


 


หากวิญญาณความเด็ดเดี่ยวถูกนำออกจากภูเขาตงฮัน มันจะแตกสลายไปทันที มีเพียงวิญญาณถุงสูญญากาศที่สามารถเก็บรักษาและนำมันเข้าสู่ท้องตลาด


 


หลังจากกลืนกินวิญญาณความเด็ดเดี่ยวจำนวนมากเข้าไป จิตวิญญาณของฟางหยวนก็ถึงขีดจำกัด หากเขายังดื้อรั้น จิตวิญญาณของเขาจะพังทลายลง


 


ฟางหยวนรู้สึกว่าร่างผีดิบของเขาแน่นมาก


 


มันเหมือนผู้ใหญ่ที่พยายามสวมเสื้อที่พวกเขาเคยใส่เมื่อยังเป็นวัยรุ่น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)