องครักษ์เสื้อแพร 992-994

 ตอนที่ 992 ข้าเดินไปกับพวกเจ้าด้วย

โดย

Ink Stone_Fantasy

หม่าหลินถูกตำหนิ สีหน้าแน่นอนย่อมไม่ดีนัก แต่ทว่าขุนพลเมืองเหลียวโจวทุกคนกลับไม่ได้คิดเคือง พวกเขาเห็นหม่าหลินขัดตาอยู่แล้ว เห็นๆ ว่าเป็นลูกหลานทหาร แต่ชอบวางตัวเป็นบัณฑิต ได้ฉายาว่ารู้หลักพิชัยสงครามลึกซึ้ง แต่ใช้การไม่ได้สักอย่าง ติ้งเป่ยโหวนำทัพใหญ่ผ่าวงล้อม กองกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ เจ้ายังมาพร่ำบ่นอะไรกัน หรือว่าคิดรังเกียจศีรษะตนที่มั่นคงเกินไป?


ติ้งเป่ยโหวคิดรวบความชอบไว้คนเดียว เจ้าจะทำอะไรได้ ติ้งเป่ยโหวหากคิดวางมือไม่สนใจ หรือว่าเจ้าจะนำกำลังไปช่วยกองกำลังเถี่ยหลิ่งกับเหลียวหนานเอง


ขุนพลเมืองเหลียวโจวทุกคนตอนนี้ปวดหัวกับการต่อสู้กับเผ่าหนี่ว์เจิน เผ่าหนี่ว์เจินองอาจกล้าหาญมาก เมืองเหลียวโจวไม่สนใจผลแพ้ชนะ แต่เรียกได้ว่าทุ่มเสียไปมาก หลังการต่อสู้ที่ป้อมเจี้ยฝานไจ้ก็ประสบภัยเรื่อยมากไม่หยุด ทำให้ทหารเมืองเหลียวโจวเปลี่ยนมุมมองต่อชาวเผ่าหนี่ว์เจิน จากที่ดูแคลนกลายเป็นเกรงกลัว


แต่ทว่า ขุนพลในที่นี้ต่างไม่เข้าใจหวังทง โจมตีช่วยเสิ่นหยางไว้ได้ หลังชัยชนะไม่พักซ่อมบำรุง กลับยังเร่งเดินทางไปทำสงครามต่อ ลำบากเช่นนี้เพื่ออะไรกัน?


ได้มาถึงขั้นนี้แล้ว ไยต้องลำบากต่อด้วย และยังต้องสูญเสียกำลังทหารตนเอง ไม่เพียงแต่เมืองเหลียวโจว ทหารที่อื่นก็ล้วนคิดเช่นนี้ ตามความคิดพวกเขา หวังทงตอนนี้น่าจะไล่พวกเขาไปออกศึก ให้พวกเขาสิ้นเปลือง ตนเองนั่งรอรับผลงานสบายๆ มากกว่า


……


หลังปลดวงล้อมศัตรู เมืองเสิ่นหยางก็ไม่ได้นอนกันทั้งคืน ราษฎรล้วนถูกเกณฑ์มาเร่งจัดเตรียมเสบียงแห้งให้กองกำลังหู่เวย หวังทงขอให้เกณฑ์คนงานมาทำคงไม่ทันแล้ว ทหารปรึกษากันแล้ว ก็ให้ทหารในเมืองมาช่วย สถานการณ์ตอนนี้ แม้ใต้เท้าหวังจะใช้ทหารในสังกัดตนเอง ตนเองก็ยังต้องยอมให้


พวกเดียวที่ได้พักผ่อนก็คือกองกำลังหู่เวย นอกเมืองม้าที่ตายไป ยังมีฝูงม้าวัวที่กวาดต้อนมาได้ ส่วนใหญ่ถูกนำมาฆ่า ต้มง่ายๆ แจกเป็นรางวัล ทหารได้กินอิ่มกันสักมื้อ จากนั้นเร่งเข้าพักผ่อน


“ตอนเดินทัพ ใต้เท้าผู้บัญชาการที่ปรึกษาทัพยังถามข้า เหตุใดจึงต้องให้ทหารกินดี ไยต้องมีน้ำมันสัตว์ให้เพียงพอเพียงนั้น ทหารได้กินไม่ดี จะมีแรงเดินทางไกลได้อย่างไร”


ทหารพักผ่อน หวังทงกลับไม่ได้พัก เขากับหัวหน้าหน่วยและรองหัวหน้าหน่วยกองกำลังหู่เวยเดินตรวจการพักผ่อนของทหารทุกคนในค่าย กำลังสนทนากันอยู่ในกระโจมแม่ทัพ


ไม่ว่าเป็นหลี่หู่โถวหรือหลีเสี่ยวเปียว พวกเขาแม้ว่ารู้สึกว่าวันนี้ต่อสู้ตื่นเต้น เรื่องเหนื่อยไม่พูดถึง ได้ยินหวังทงอธิบายดังนี้ ทุกคนล้วนเป็นพยักหน้า มองดูหน้าทุกคนแล้ว วาจาหวังทงกล่าวได้ถูกต้อง


“กองกำลังหู่เวยกำลังรบไม่ธรรมดา ใต้หล้าล้วนรู้ กำลังรบมาจากไหน หนึ่ง จากอาวุธที่ยอดเยี่ยม เรื่องนี้ใครก็ดูออก สองมาจากการฝึกซ้อม ทุกวันไม่พัก เบี้ยหวัดและเสบียงไม่เคยถูกหัก ให้ทหารได้กินดีอยู่ดีตลอดเวลา เป็นเหตุสำคัญ กินดีอยู่ดี ทำให้พวกเขามีกำลังดี จึงจะทนลำบากเดินทัพได้ มีใจออกศึก เบี้ยหวัดและเสบียงเพียงพอ พวกเขาจึงจะรู้สึกว่าตนเองทุ่มเทไปได้ผลตอบแทนเพียงพอ จึงต้องใช้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยใจ”


เห็นสีหน้าสยบของทุกคน หวังทงกล่าวต่อว่า


“ตอนนี้มีข้าและขันทีไช่จับตา พวกเจ้าก็ล้วนทำงาน แน่นอนไม่เกิดเหตุหักเบี้ยหวัด แต่วันเวลาสงบสุขหากนานวัน ก็คงยากที่จะป้องกันคนหาช่องทาง มีเรื่องเช่นนี้ กำลังใจและขวัญทหารก็ย่อมลดลง ยากจะไม่แตกกระเจิง พวกเจ้าคิดมีความชอบและอำนาจวาสนา ก็ต้องจับตาดูให้ดี เรื่องเบี้ยหวัดและเสบียงต้องทำให้ดี”


“มีพี่ใหญ่อยู่ กองกำลังหู่เวยไม่เกิดพวกเหลวไหลตลอดไป พวกเราไม่ต้องเป็นกังวล!”


หลี่หู่โถวรับคำ ทุกคนพากันหัวเราะดัง ต่อหน้าหวังทง พวกเขาค่อนข้างวางตัวสบายๆ ไม่เหมือนกับการหารือทางการทหารทั่วไป


หวังทงกับไช่หนานสบตา หรี่ตามองไปยังถานเจียงข้างๆ ยิ้มส่ายหน้ากล่าวว่า


“พวกเจ้าช้าเร็วก็ต้องเป็นอิสระของตนเอง จะมาติดตามข้าตลอดเวลาได้อย่างไร”


……


เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่ทันสางหวังทงก็ตื่นนอนไปเดินตรวจตราการทำงานของทหารเมืองเหลียวโจวและคนงานที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน ยังไปตรวจดูม้าวัวนอกเมือง


เสบียงที่ราษฎรต้องเตรียมก็เตรียมเสร็จ ทหารในเมืองเก็บรวบรวมมาพร้อม เริ่มจัดระเบียบม้าวัวเข้าหน่วย หวังทงจัดการง่ายๆ เพียงแค่นำของลงจากรถใหญ่ให้มากที่สุด จากนั้นให้คนงานกับม้าวัวที่เลือกมาใหม่นำไปลากแทน


รถใหญ่เพียงแค่บรรทุกเสบียงอาหารแห้งที่กองกำลังหู่เวยใช้วันหนึ่งกับกระสุนปืนและเครื่องตั้งค่ายไม่มากนัก สำหรับรถใหญ่ม้าสี่ตัวลากเช่นนี้ก็เหมือนว่าลากรถเปล่า บรรดาทหารก็ถือแต่อาวุธไม่ให้แบกสิ่งของอื่น


พอฟ้าสาง ทหารกองกำลังหู่เวยเตรียมเดินทัพเรียบร้อย ก็เริ่มตั้งแถวนอกเมือง เตรียมออกเดินทาง


“ซุนเผิงจวี่ ข้าให้คนเจ้าราวสิบกว่าคน ม้า 30 ตัว เจ้าตอนนี้รีบเร่งไปนำวาจาข้าไปยังป้อมกูซานแจ้งบิดาเจ้า ห้ามถูกโจรเผ่าหนี่ว์เจินสกัดจับได้เด็ดขาด ไม่ว่าต้องล้มตายเท่าไรก็ต้องทำให้ได้ จากนี้ข้ารับรองให้ว่าซุนโส่วเหลียนจะได้เป็นผู้บัญชาการทหาร!”


ซุนเผิงจวี่ได้ยินว่าบิดากำลังนำทัพอยู่ที่ป้อมกูซาน รบเคร่งเครียดกับเผ่าหนี่ว์เจินก็ร้อนใจหลายส่วน ได้ยินการจัดการของหวังทง ซุนเผิงจวี่คิดแล้วก็โดดลงจากหลังม้า โขกศีรษะให้หวังทงอย่างแรงหลายที กล่าวว่า


“แม่ทัพใหญ่ ครอบครัวข้าน้อยเป็นตายขึ้นกับแม่ทัพใหญ่แล้ว ข้าน้อยจะเร่งเดินทางไป”


หวังทงพยักหน้ากล่าวว่า


“กองกำลังหู่เวยจะรีบเร่งเดินทางไป ทุกอย่างเตรียมพร้อม ล้วนเพื่อไปช่วยป้อมกูซาน”


มองทหารม้าซุนเผิงจวี่สิบกว่านายวิ่งฝุ่นตลบไป หวังทงกล่าวต่อว่า


“ทัพใหญ่เร่งเดินทาง หากใครทำเสียเวลาลงโทษตามวินัย ข้าวของอันใดให้กองกำลังที่เหลือนำตามไป อย่าได้สนใจสัตว์เป็นตาย การพักผ่อนคนงานก็ไม่ต้องสนใจ แต่ทุกวันต้องเร่งตามกองกำลังหู่เวยให้ทัน หากผิดจากนี้ตัดหัว ชาวบ้านโบยสิบทีก่อนตัดหัว”


กล่าวได้รุนแรงเช่นนี้ หลิ่วซานหลางรีบรับคำสั่งทันที หวังทงออกคำสั่งต่อว่า


“เมืองเสิ่นหยางทำเสบียงให้เพียงพอแล้ว คนงานกินวันละสี่มื้อได้ แต่ห้ามเสียเวลาเดินทาง หลิ่วซานหลาง เจ้ารู้ใช่ไหมว่าควรทำเช่นไร?”


“ข้าน้อยเข้าใจ!”


หวังทงโดดขึ้นม้า มองไปยังแถวทหารราบที่รออยู่ เขากระตุกบังเหียนม้าเริ่มวิ่งไปยังแนวหน้าหน่วยทหารราบ ทหารติดตามรีบตามไป ไปเรียงอยู่ด้านหน้า ทหารติดตามรักษาระยะห่างพอสมควรโดยมีหวังทงเป็นศูนย์กลาง เช่นนี้วาจาตะโกนหวังทงย่อมถูกตะโกนต่อไปยังที่ต่างๆ รับรองว่าแต่ละคนล้วนได้ยิน


“จากนี้อีกราว 250 ลี้คือป้อมกูซาน ที่นั่นรอกองกำลังหู่เวยเราอยู่ รอให้พวกเราไปรับชัยชนะ พวกเจ้าต้องเร่งเดินทางไปให้เร็ว เพื่อรับชัยชนะนี้ ไปช่วยเพื่อนทหารเราด้วยกัน”


ทั้งกองทัพเงียบมาก ทหารทุกคนล้วนตั้งใจฟัง หวังทงโดดลงจากหลังม้า กล่าวอีกว่า


“ทหารม้านำกำลังคุ้มกันกองเสบียงด้านหลัง ข้าจะเดินทางไปพร้อมกับพวกเจ้า!!”


วินัยทหารเคร่งครัด แต่ตอนนี้เริ่มมีเสียงดังเคลื่อนไหวไปทั่วกอง ทหารติดตามกับแต่ละกองขุนพลทหารบนหลังม้าเริ่มพากันลงจากม้า หวังทงโบกมือ ออกคำสั่งไป กองกำลังทหารราบออกเดินทาง


แต่ละคนล้วนรู้ว่าจากนี้เดินทัพอีกหลายวันย่อมยากลำบาก หากแต่ละคนล้วนยอม เร่งกำลังเต็มที่ เพราะแม่ทัพพวกเขาลงมาเดินไปด้วยกันกับพวกเขา เดินทัพไปพร้อมกัน


คนที่มุงดูรอบๆ และบนกำแพงได้เห็นรู้สึกเหนือความคาดหมาย หลี่หรูเจินกระซิบกับหลี่หรูป๋อเบาๆ ว่า


“หวังทงมาลำบากตัวเองเช่นนี้ คิดแผนอะไรกันแน่ หรือว่าเพื่อชัยชนะเท่านั้น อำนาจวาสนากับเสพสุขไม่ต้องการแล้วหรือ?”


“ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ทว่าหวังทงสามารถรบมีชัยเช่นนี้ได้ มีสถานะเช่นตอนนี้ได้ เขาทำเช่นนี้ย่อมเหตุผลของเขา”


คำตอบหลี่หรูป๋อเองก็ไม่รู้เหมือนกัน


……


แต่ไรมากองกำลังหู่เวยเดินทัพไม่เน้นความเร็ว แต่เน้นให้นิ่ง ทุกวันเดินทัพไม่นาน ตั้งค่ายพักกับเวลาพักนั้นนาน ขอเพียงไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูมีโอกาสโจมตี


แต่ทว่าครั้งนี้จากเมืองเสิ่นหยางไปทางตะวันตกเฉียงใต้ที่ป้อมกูซาน กลับต้องการเร่งเดินทัพ ความเร็วเป็นอันดับหนึ่ง


พื้นดินเป็นน้ำแข็งเดินทัพเช่นนี้ ทหารต้องกินให้อิ่ม  แต่เพื่อรักษาความเร็ว ของและเสบียงที่หนักเกินไปนั้นจึงต้องปลดออก  ครั้งนี้หวังทงพยายามรักษาเสบียงให้พอและความเร็วให้คงที่ ให้พวกเขาเสียกำลังน้อยที่สุด


ดูแลเติมกำลังทหารให้พอ แต่คนงานไม่อาจสนใจแล้ว ทหารนำเสบียงกินในหนึ่งวันติดตัวไป ตอนกลางวันจะมีเวลาพักเล็กน้อย พวกเชื้อเพลิงต้มน้ำร้อนก็หาเอาจากข้างทาง พวกเขาต้องเดินทัพให้เร็วกว่าปกติอีกหนึ่งในสาม พวกคนงานขนเสบียงตามมาเดินตามมาไม่เร็วนัก ดังนั้นหลังกองกำลังหู่เวยตั้งพักทัพยามกลางคืน พวกเขาก็จะมาช้าราวหลายชั่วยาม กองกำลังหู่เวยเติมเสบียงให้ตนแล้วก็เดินทางต่อ เป็นเช่นนี้ไปจนตลอดเส้นทาง


รถใหญ่ไม่ขนของมาก็รักษาความเร็วได้ดี รถใหญ่นี้สามารถเป็นเครื่องป้องกันยามค่ำคืนของกองกำลังหู่เวยขณะตั้งค่ายพัก สามารถป้องกันการโจมตีของศัตรูได้ รถใหญ่ที่เกินพอดีก็จะถูกส่งให้กองเสบียงไปขน  รถใหญ่ที่กองกำลังหู่เวยนำมาพร้อมกันนั้นเพียงพอจะล้อมเป็นค่ายพักเท่านั้น


ทหารสามารถพักผ่อนได้เต็มที่ คนงานและม้าวัวไม่อาจทำได้ ย่อมมีคนงานเหนื่อยเกิดปัญหา ม้าวัวลากรถก็อาจเหนื่อยตาย  แต่ของเหล่านี้ล้วนสามารถสละได้


หากเป็นทหารราบแผ่นดินหมิงที่อื่นเดินทัพเช่นนี้ย่อมหมดเรี่ยวหมดแรง เกิดปัญหาก็อาจเป็นได้ แต่การได้รับเครื่องอุ่นเพียงพอ กับอาหารเพียงพอให้อิ่มท้องมีเนื้อสัตว์อย่างกองกำลังหู่เวยนี้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ พวกเขามีกำลังเพียงพอ การฝึกซ้อมสามารถรับประกันเรื่องนี้ได้


ที่หวังทงไม่เป็นห่วงว่าจะมีผู้ใดมาโจมตีกำลังขนเสบียงด้านหลังที่อ่อนแอ ก็เพราะคาดเดาไว้แล้วว่า ไม่มีผู้ใดมีกำลังทหารเพียงพอที่จะไล่ตามมาด้านหลังหวังทง แม้ไล่ตามมาได้ ทหารราบกองกำลังหู่เวยก็สามารถได้ข่าวและถอยกลับไปช่วยได้


สำหรับเรื่องที่หากโจมตีทหารราบกองกำลังหู่เวยระหว่างนั้นก็มีแต่รนหาที่ตาย ย่อมต้องตายใต้คมอาวุธร่างแหลกสลาย


การเดินทัพเช่นนี้ได้วันที่สองเริ่มทำให้ม้าวัวล้มตาย ม้าวัวเริ่มถูกนำมาเป็นอาหาร วันที่สาม มีคนงานเริ่มหนี  แต่ก็ถูกทัพม้าล่าจับตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว


ความเร็วเดินทัพทหารราบกองกำลังหู่เวยไม่ลดลง เดินหน้าไม่หยุด


ตอนที่ 993 ป้อมกูซานเป่า

โดย

Ink Stone_Fantasy

รองแม่ทัพซุนโส่วเหลียนประจำเหลียวหนานตอนนี้เสียใจภายหลังมาก เขาต่อสู้ที่ป้อมกูซานเป่านี่มาได้หกวันเต็มๆ ซุนโส่วเหลียนสงสัยว่าตนเองจะได้เสวยสุขตามที่หวังทงรับปากว่าจะมอบให้ได้หรือไม่  สมบัติที่ตนสั่งสมมาหลายปีเกรงว่าคงต้องทิ้งไว้ให้ลูกหลานแล้ว  วาจานี้ไม่ถูกต้องนัก บนแผ่นดินหมิงนี้ แม่หม้ายหรือลูกไร้บิดาพร้อมสมบัติ อย่างไรก็ย่อมถูกพวกหมาป่าจ้องมองตาเป็นมัน


ซุนโส่วเหลียนตั้งแนวป้องกันริมแม่น้ำไท่จื่อเหอก็ถูกตีแตกหมดแล้ว เดิมทีซุนโส่วเหลียนจะพยายามรักษาแนวป้องกันนี้ให้ยาวไปทางตะวันตกให้มากที่สุด สามารถไปถึงเหลียวหยางได้ดีที่สุด


เช่นนี้กำลังที่เหลียวหยางที่มีพอก็จะสามารถมาช่วยได้ แต่รอบๆ เหลียวหยางกลับสถานการณ์รุนแรง ทำให้ซุนโส่วเหลียนโมโหก็คือ เหลียวหยางถึงกับเคลื่อนกำลังทหารจากป้อมทหารที่ใกล้เหลียวหยางไปหมด ทำให้กำลังแม่น้ำไท่จื่อเหอเริ่มอ่อนกำลัง ผลปรากฏถูกกำลังเผ่าหนี่ว์เจินยกลงใต้มาจัดการเสียย่อยยับ


พ่อค้าเผ่าหนี่ว์เจินเดินทางไปเมืองเหลียวโจวแต่ไรไม่เคยถูกจำกัด ยังมีชาวเผ่าหนี่ว์เจินไม่น้อยเป็นทหารอยู่ที่เมืองเหลียวโจว ชำนาญในพื้นที่มาก พวกเขาเดินทางไปมาชำนาญเส้นทางยิ่ง


กำลังเผ่าหนี่ว์เจินภายใต้การนำของซูเอ่อร์ฮาฉีเริ่มปล้นป้อมทหารรายทางเพื่อเอาเสบียง  นำกำลังเดินหน้า กวาดต้อนมาตลอดทาง ชาวฮั่นเหมือนว่ากำลังตกอยู่ในขุมนรก ทำให้ซุนโส่วเหลียนไม่อาจป้องกันได้อีก


ทัพใหญ่เผ่าหนี่ว์เจินเข้ามาใกล้มากที่สุด ก็เคยเข้าตีมาถึงด่านเหลียนซานกวน ที่นั่นห่างจากกองกำลังซุนโส่วเหลียนอันเป็นกองกำลังฝ่ายขวาติ้งเหลียวเมืองหวงเฟิ่งเฉิงไม่ถึงสองวันเดินทาง


แนวป้องกันใช้การไม่ได้ หวังทงยังมีจดหมายมาสั่งการอีก ทำให้ซุนโส่วเหลียนไม่อาจเอาแต่หลบป้องกันแต่ในกำแพง เขาฝากเมืองหวงเฟิ่งเฉิงให้คหบดีใหญ่ในเมืองร่วมกันป้องกัน นำกำลังในเมืองออกไปหมด  เร่งเดินหน้าไปรับศึกซูเอ่อร์ฮาฉีด้วยตนเอง


เมืองเหลียวโจวหักเบี้ยหวัดทหารเป็นปกติ  แต่ซุนโส่วเหลียนที่มีเงินทองมาก  หากก็ยังหักเบี้ยราวสองหรือสามส่วน อย่างไรก็เรียกว่าแล้งน้ำใจ


ออกเดินทางครั้งนี้ กองกำลังซุนโส่วเหลียนไม่ได้เสียเปรียบกำลังอย่างเช่นที่ป้อมเจี้ยฝานไจ้พ่ายศึก แต่ทว่าได้ข่าวมาไม่น้อย  แม่น้ำไท่จื่อเหอกับป้อมทหารรายทางพ่ายแพ้ มีคนหนีตายกันมาก พวกเขานำข่าวมาทำให้หลายคนเป็นกังวล ในใจก็เริ่มหวาดกลัว


ซุนโส่วเหลียนเองก็เทหมดหน้าตัก ไม่เพียงแต่คืนเบี้ยหวัดและเสบียงที่หักไว้ ยังให้เพิ่มอีกสองเดือน และยังรับปากให้รางวัลสองเท่าหลังชนะศึก


เขาเองเข้าใจดี หากทำตามคำสั่งหวังทง อำนาจวาสนาล้วนไม่ต้องกังวล หากให้ชาวเผ่าหนี่ว์เจินตีเข้ามาได้ ไม่เพียงแต่สมบัติตนต้องสูญสิ้นหมด ยังมีอีกหลายเมืองที่ถูกยึด ราชสำนักเอาเรื่องขึ้นมา ตนเองไม่ได้มีฐานบารมีเช่นหลี่เฉิงเหลียง ถึงตอนนั้นตำแหน่งรองแม่ทัพที่ได้มาใหม่ไม่อาจรักษาไว้ ดีไม่ดียังต้องรับโทษอีกด้วย


ซุนโส่วเหลียนนำทัพใหญ่ออกมา ซูเอ่อร์ฮาฉีก็เริ่มถอย การป้องกันอยู่ๆ เปลี่ยนเป็นการโจมตี จริงๆ บีบทัพเผ่าหนี่ว์เจินให้ห่างออกจากพื้นที่ป้องกันของตนก็พอ


แต่ทว่าหวังทงคำสั่งเขาไม่กล้าขัด ได้แต่ไล่โจมตีต่อ ซูเอ่อร์ฮาฉีได้แต่หนี  ซุนโส่วเหลียนตลอดทางยึดป้อมทหารต่างๆ ที่สูญไปคืนมา รายงานความชอบไปยังเหลียวหยางไม่หยุด  ก็รู้สึกดีไม่เบา ขอเพียงซูเอ่อร์ฮาฉีออกไปนอกแนวชายแดน ตนเองก็ถือว่ามีความชอบแล้ว และไม่ต้องใช้กำลังเงินและคนอันใด


เขาไล่ล่าไปถึงริมเส้นแม่น้ำไท่จื่อเหอ กลับไปฟื้นแนวป้องกันของตนเองที่ตั้งไว้ขึ้นใหม่  จากชัยชนะหนึ่งไปสู่อีกชัยชนะหนึ่ง


แต่ทว่าพอไล่ไปถึงแนวตะวันออกของแม่น้ำไท่จื่อเหอแถบป่าต้นสน พวกเผ่าหนี่ว์เจินที่ไม่สู้กองกำลังหมิงก็หันมาบุกกลับอย่างน่ากลัว


ทหารหมื่นกว่าของซุนโส่วเหลียนไม่อาจต้านทานได้ เดิมทีจากการข่าวศัตรูก่อนหน้า ซูเอ่อร์ฮาฉีมีกำลังเจ็ดพันกว่า ในนั้นมีทหารม้าพันกว่า แต่พอปะทะกันก็พบว่า อีกฝ่ายมีกำลังทุ่มลงมามากกว่าซุนโส่วเหลียน มีถึงเรือนหมื่น ทหารม้าก็ไม่น้อยกว่าสามพัน


ทว่ากำลังซุนโส่วเหลียนกล้าหาญเต็มที่ เป็นกำลังพร้อมรบเต็มที่ เช่นนี้สองฝ่ายก็ย่อมรบกันดุเดือด ซุนโส่วเหลียนแม้จะหนีออกมาก็หนีไม่ได้


กองกำลังหมิงเหลียวหนานเห็นชัดว่าไม่ใช่กองกำลังสู้ตาย ซุนโส่วเหลียนไม่คิดสู้ตาย พอปะทะกันเสียเปรียบเล็กน้อย ก็นำกำลังถอยกลับ ทหารซูเอ่อร์ฮาฉีแน่นอนว่ากัดไม่ปล่อย จากนั้นก็ไล่ล่ากลับมาตลอดทาง จากป่าต้นสนลงใต้ผ่านป้อมตามทาง จากนั้นก็มาถึงป้อมเจี่ยนฉั่งเป่า ป้อมที่นี่หลายป้อมล้วนไม่อาจอยู่รอด สุดท้ายก็กลับถึงป้อมกูซานเป่า


ทหารซุนโส่วเหลียนแม้ว่าแตกกระจัดกระจายไม่น้อย แต่ก็ติดตามกลับมาได้มาก เข้ามาใกล้กำแพงเมือง รอบๆ เป็นเทือกเขาเสียมาก ด้านหลังมีทหารไล่ล่ามา หากหลุดจากทัพก็ย่อมยากรักษาชีวิตได้


ป้อมกูซานเป่าไม่ใหญ่มาก แต่ทว่าซุนโส่วเหลียนมาถึงก่อนเผ่าหนี่ว์เจินทหารได้วันหนึ่ง ป้อมกูซานเป่ากับป้อมซาหม่าจี๋เป่าและป้อมอ้ายหยางเป่าทางตะวันตกล้วนคั่นด้วยเทือกเขา ความจริงนั้นป้อมกูซานเป่านั้นเป็นที่ทัพใหญ่ไม่อาจถอยได้อีกแล้ว ซุนโส่วเหลียนได้แต่รักษาที่มั่นนี้ด้วยชีวิตแล้ว


เช้าวันนี้ ทหารซุนโส่วเหลียนทุกคนไม่ว่าสู้ได้หรือไม่ได้ ล้วนถูกเขาเรียกระดมมาหมด ไปขุดคูล้อมนอกเมืองและสร้างสิ่งป้องกันทางการทหาร และยังเริ่มเก็บกวาดรวบรวมเสบียงจากป้อมรอบๆ เข้ามาให้หมด


ทหารอาศัยงานก่อสร้างทางการทหารป้องกันไว้ชั้นหนึ่ง ความกล้าหาญและใจออกศึกมากกว่าเดิมมาก ทหารเผ่าหนี่ว์เจินที่ไล่ตามมาวันแรก็ถูกสกัดไว้


ในการโจมตีสิ่งป้องกันต่างๆ นี้ ชาวเผ่าหนี่ว์เจินไม่ชำนาญ คนข้างนอกถึงกับสามารถเข้ามาในป้อมกูซานเป่าได้จากช่องทางที่พวกเขาไม่อาจป้องกัน ทำให้ซุนโส่วเหลียนได้รับข่าวระดับหนึ่ง เช่นว่า ซูเอ่อร์ฮาฉีได้รับกำลังเสริมจากด่านยาหูกวน จากนั้นจึงตีโต้คืนมาได้


ซุนโส่วเหลียนเข้าใจทหารเมืองเหลียวโจวมาก เป้าหมายเผ่าหนี่ว์เจินตอนนี้คือกวาดล้างแนวกำลังแผ่นดินหมิงตามเส้นทางแม่น้ำไท่จื่อเหอ ด่านฝู่ซุ่นกวนเป็นประตูสู่เมืองเหลียวโจว  มีกองกำลัง ป้อมและค่ายป้องกันตั้งอยู่แน่นหนา แต่ละเมืองมีกำลังเพียงพอ เส้นด่านยาหูกวนเข้าเมืองเหลียวโจว ก็สามารถล่องตามแม่น้ำไท่จื่อเหอเข้าสู่ใจกลางเหลียวตงได้โดยตรง และยังสามารถไปสร้างสัมพันธ์กับพวกเกาหลีที่ริมกำแพงชายแดนได้อีกด้วย


การค้าเผ่าหนี่ว์เจินกับเกาหลีมีมาตลอด เกาหลีเหมือนเป็นพ่อค้าระหว่างแผ่นดินหมิงกับชาวเผ่าหนี่ว์เจิน หากสื่อสัมพันธ์ได้ ชาวเผ่าหนี่ว์เจินไม่เพียงแต่ทำการค้ากับพวกเกาหลีได้ เกาหลียังอ่อนแอ  ปล้นชิงก็อาจทำได้เช่นกัน


จะทำเรื่องเหล่านี้ได้ ชาวเผ่าหนี่ว์เจินจะต้องกวาดล้างสิ่งที่เป็นอุปสรรครายทาง เช่นกองกำลังซุนโส่วเหลียน ต้องทำลายกองกำลังซุนโส่วเหลียนให้ราบคาบ เหลียวหนานก็จะไม่มีกำลังต้านทานอีก


รอบป้อมกูซานเป่าไม่มีพื้นที่รบมากนักที่จะให้กองกำลังนับหมื่นออกปะทะศึก ป้อมกูซานเป่าก็ไม่ได้มีกำแพงหนา แนวป้องกันก็ใช้มาหลายปี มีคูน้ำและกำแพงเตี้ยเท่านั้น ไม่เป็นอุปสรรคของศัตรูมากนัก การต่อสู้วันที่สองลำบากมาก


เป็นทหารราบธรรมดาเช่นกัน แต่ชาวเผ่าหนี่ว์เจินได้เปรียบมากกว่าจริงๆ มีความกล้าหาญในการต่อสู้มากกว่า กำลังซุนโส่วเหลียนไม่แตกกระเจิงก็เป็นเพราะมีสิ่งก่อสร้างทางการทหารป้องกัน  และยามนี้ยังไม่อาจถอยหนีได้อีกแล้ว


ซุนโส่วเหลียนกุมกำลังทหารในสังกัดตนไว้ในมือเพื่อเป็นหน่วยป้องกันเตรียมพร้อม การป้องกันรอบป้อมกูซานเป่าหากรับมือไม่อยู่ ก็จะให้หน่วยป้องกันเตรียมพร้อมนี้ออกไปปิดรูโหว่ไว้


ทหารในสังกัดซุนโส่วเหลียนมีอุปกรณ์รบเกือบครบชุดจากโรงช่างสามธารา ซุนโส่วเหลียนเลี้ยงดูอย่างดีด้วยเบี้ยหวัดและเสบียงให้อิ่มพอ กำลังการต่อสู้แข็งแกร่งมาก ออกไปปิดรูโหว่ไม่ใช่ปัญหา


 สถานการณ์วันแรกก็รักษาสถานการณ์ไว้ได้ แต่ป้อมกูซานเป่าเล็กไป กำลังทหารราบชาวเผ่าหนี่ว์เจินก็ยังเหนือกว่าภาพรวมของกำลังซุนโส่วเหลียน ทำให้พวกเขาสามารถเข้าบุกได้หลายทิศทางพร้อมกัน  ทหารในสังกัดซุนโส่วเหลียนต้องออกรบรอบทิศ


ทุกแห่งถูกทะลวงแนวป้องกันเข้ามา ทหารประจำเริ่มลดลงจนน่าใจหาย ทำให้ทหารในสังกัดซุนโส่วเหลียนเหนื่อยยิ่งมากขึ้น


การต่อสู้ในวันที่สาม ซุนโส่วเหลียนได้รับรายงานจากทหารหลายคนว่าทหารเผ่าหนี่ว์เจินเริ่มไปเก็บไม้จากภูเขารอบๆ เตรียมจะทำเครื่องโจมตีกำแพงเมือง


“มารดามันสิ ปกติก็เลี้ยงดูอย่างดี กลับเป็นพวกลูกหมาขี้ขลาดได้”


ทุกคนล้วนด่าเช่นนี้ ถึงกับล้วนไม่อยากคาดเดา เห็นคนที่บุกกำแพงเมืองราวเครื่องจักรโจมตีในชุดทหารเมืองเหลียวโจวชัดๆ หลังป้อมเจี้ยฝานไจ้พ่ายศึก มีคนถูกพวกนอกด่านจับตัวไป มีคนไปสวามิภักดิ์เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวเอง ไปเป็นทหารกินเสบียง ทหารเมืองเหลียวโจวมากมายไม่ใช่พวกมีคุณธรรมอันใด


หลังสร้างเครื่องมือโจมตีได้ การป้องกันป้อมกูซานเป่าก็เริ่มยิ่งยากขึ้น อาศัยโล่บัง ก็สามารถป้องกันธนูจากกองกำลังหมิงได้ ทหารเผ่าหนี่ว์เจินถมคูรอบเมืองเต็ม จากนั้นก็ก็ใช้ไม้ที่มัดเป็นท่อนใหญ่ทะลวงกำแพงเตี้ยรอบนอกที่ทำจากไม้


เมื่อไร้เครื่องป้องกันง่ายๆ เหล่านี้ ทหารเผ่าหนี่ว์เจินก็สามารถบุกเข้ามาปะทะได้โดยตรงอย่างง่ายดาย ธนูยิงสร้างความเสียหายได้ ทหารติดตามซุนโส่วเหลียนเริ่มล้มตายบาดเจ็บกันมาก


ทหารปกติก็ไร้ขวัญกำลังใจ สติแตกกระเจิงมากขึ้น แม้แต่ซุนโส่วเหลียนสังหารตัดหัวทิ้งก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ สถานการณ์ค่อยๆ สูญเสียการควบคุมทีละน้อย  การป้องกันได้วันที่สี่ มีทหารเผ่าหนี่ว์เจินนับพันบุกเข้าป้อมกูซานเป่า ซุนโส่วเหลียนนำกำลังขับไล่ออกไปด้วยตนเองได้


แต่ศัตรูบุกเข้ามาทำลายไปมาก โกดังเสบียงถูกเผา ตอนไล่ศัตรูถอยออกไป ป้อมกูซานเป่าใช้กำลังคนทั้งหมดมาดับเพลิง แต่ยามต่อสู้ไม่อาจดับเพลิงได้ เสบียงถูกเผาไปมาก  คนนับหมื่นกินใช้ไม่น้อย ซุนโส่วเหลียนพบว่าสิ้นหวัง  คิดจะยืนหยัดต่อ สองวันก็ได้แต่สังหารม้ากินแล้ว


ทหารเบื้องหน้ากำลังหนี มีคนไปสวามิภักดิ์เผ่าหนี่ว์เจิน แต่ทว่าทหารติดตามซุนโส่วเหลียนยังคงจงรักภักดีเพียงพอ สถานการณ์สิ้นหวังนี้ยังคงอยู่อารักขาพลีชีพ ไม่สู้ทุกคนป้องนายหนี เช่นนี้ยังมีโอกาสรอด


ในขณะที่ทุกคนกำลังสติแตก ซุนเผิงจวี่กับทหารก็เข้ามาในป้อมกูซานเป่า พวกเขามาถึงบริเวณสนามรบ ก็ใช้เส้นทางภูเขา จากเขาที่ติดป้อมกูซานเป่าทางหนึ่งแอบเล็ดรอดเข้ามา เดินทางมายากลำบาก บุตรชายปรากฏตัวทำให้ซุนโส่วเหลียนโมโหแทบคลั่ง เห็นๆ ว่าเป็นที่ตาย ยังลอดเข้ามารนหาที่ตายทำไมกัน


เช้าวันที่สองที่ซุนเผิงจวี่มาถึง ทหารป้อมกูซานเป่าก็ตกใจพบว่า ศัตรูหน้าป้อมกูซานเป่าอยู่ๆ ถอยกำลังกลับตลอดคืนที่ผ่านมา


ตอนที่ 994 รบไม่รบๆ

โดย

Ink Stone_Fantasy

รบเป็นรบตายมาถึงวันนี้ ซุนโส่วเหลียนเดิมทีเตรียมพร้อมเผชิญกับความเลวร้ายที่สุดไว้แล้ว แต่พอบุตรชายตนมาถึง ซุนโส่วเหลียนได้แต่ปรับแผน เตรียมสู้ตายกับทหารติดตามตน เพื่อให้บุตรชายตนได้หนีออกไป ถึงตอนนั้นหวังทงย่อมเห็นแก่ความเสียสละนี้ ส่งเสริมบุตรชายเขา


ตัดสินใจเช่นนี้แล้วก็นอนไม่หลับทั้งคืน พลิกไปพลิกมา คิดถึงบุตรภรรยา คิดถึงทรัพย์สมบัติ ไม่อาจปล่อยว่างได้จริงๆ


คนสนิทของซุนโส่วเหลียนล้วนรู้หลังพรุ่งนี้ก็จะสู้ตายแล้ว ทุกคนจะได้กลับเมืองหวงเฟิ่งเฉิงหรือไม่ก็ไม่รู้ได้ สถานการณ์เช่นนี้  แน่นอนนอนไม่หลับ


คิดไม่ถึงเลยว่า งัวเงียหลับไปในกลางดึกสงัด เช้ามาก็พบภาพเช่นนี้ ทัพใหญ่พวกนอกด่านรอบป้อมกูซานเป่าหายไปอย่างไร้ร่องรอย


แน่นอน ใช่ว่าหายไปไร้ร่องรอย เพราะค่ายพักเผ่าหนี่ว์เจินยังคงอยู่ ยุทโธปกรณ์หนักก็ยังคงอยู่ ทหารเวรดึกบอกว่าเที่ยงคืนก็ได้ยินเผ่าหนี่ว์เจินเคลื่อนไหว ยังคิดว่าจะโจมตีกลางดึก แต่เสียงไกลออกไปเรื่อยๆ ได้แต่แปลกใจ ไม่กล้าทำอะไรพลการ


พวกเผ่าหนี่ว์เจินตะวันออกถอยไประยะวางใจแล้ว ก็ไม่ได้ไปทำให้พวกซุนโส่วเหลียนต้องตกใจ


ซุนโส่วเหลียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขานับว่าหนีรอดจากขอบความตายกลับมาได้แล้ว ข่าวที่ซุนเผิงจวี่นำมาทำให้เขาไม่อาจไม่คิดให้หนัก


ซุนเผิงจวี่เร่งม้าเร็วมานั้น กองกำลังหู่เวยหวังทงออกเดินทางแล้ว ตนเองไม่ได้รั้งพวกนอกด่านตะวันออกนี้ไว้ ไม่ตรงตามคำสั่งหวังทง


คิดไปคิดมา ซุนโส่วเหลียนออกคำสั่งให้ทหารส่วนใหญ่ที่ป้อมกูซานเป่าเสริมแนวป้องกันทางการทหาร รักษาไว้ด้วยชีวิต ตนเองนำทหารทหารติดตามสองพัน ไล่ล่าพวกนอกด่าน


กว่าจะทำให้พวกนอกด่านถอยไปได้ ทุกคนคิดว่ารอดแล้ว ไยต้องไล่ล่าไปรนหาที่ด้วย ทหารติดตามกล่าวว่าคนเดิมก็น้อยแล้ว ไล่ล่าไป ใช่ว่าไปเป็นอาหารให้พวกนอกด่านหรือ?


“ก่อนหน้าเพื่อทางรอด ตอนนี้เพื่ออำนาจวาสนา ต่างกันมาก”


ซุนโส่วเหลียนตอบอย่างคิดเข้าใจแล้ว


……


ในระหว่างเร่งเดินทัพ หวังทงนอนน้อยมาก ทุกค่ายหลังจากได้กินอาหารแห้งที่ใช้น้ำร้อนชงแล้วก็พากันนอน ก่อนนอนหวังทงให้ทุกค่ายได้ตรวจสอบ ดูว่าทหารมีเท้าพองหรือไม่ นี่เป็นเรื่องใหญ่หนึ่งของการเดินทางไกล


พอทหารหลับหมด หวังทงยังอยู่ร่วมกับทหารยามรอการมาของกองเสบียง พอกองเสบียงมาถึง หวังทงก็จะคำนวณม้าวัวที่ตายไป จากนั้นก็ให้คนงานนำเสบียงแห้งที่เตรียมไว้ออกมา จากนั้นค่อยไปนอนก


คนเป็นสัตว์ที่ทนลำบากได้มากที่สุด วัวม้าขนเสบียงไม่หยุดล้มตายไป แต่ทหารและคนงานได้กินอิ่ม ได้พักผ่อน ย่อมยืนหยัดต่อไปได้


กองกำลังหู่เวยข้ามสบแม่น้ำไท่จื่อเหอกับแม่น้ำสาขามาแล้ว ที่ปากป่าสนเดินเลียบไปตามแม่น้ำสาขาลงใต้


จากป้อมกูซานเป่าถึงปากป่าสนมีแม่น้ำสายเดียวที่หล่อเลี้ยงทัพใหญ่ หวังทงนำทัพมาถึง ตลอดทางได้เห็นทหารเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลมาลอบสังเกตการณ์  เห็นร่องรอยทัพใหญ่


ทหารหลายพันนับหมื่นไม่อาจไปมาไร้ร่องรอย ตอนกองกำลังหู่เวยเลี้ยวเข้าสู่แม่น้ำไท่จื่อเหอ ก็เห็นได้เรื่องหนึ่ง กองกำลังซูเอ่อร์ฮาฉีเผ่าหนี่ว์เจินมาขวางหน้าแล้ว


ในยามเร่งด่วน หวังทงสามารถสั่งการทหารม้าได้จำกัด มีแต่ทหารม้า ‘ผู้กล้า’ หลายร้อยที่นำอยู่แถวหน้าทัพใหญ่คอยหาข่าวเท่านั้น คนมีจำกัด พอข่าวแน่นอนแล้ว ก็มีกำลังจำกัด แต่ทว่ายังคงวิเคราะห์ได้ว่า ซูเอ่อร์ฮาฉีถูกกักไว้ตรงกลางแล้ว


……


หนึ่งขึ้นเหนือ หนึ่งลงใต้ ใช้เส้นทางแม่น้ำสาขาไท่จื่อเหอ ย่อมมาพบกัน


ทหารม้าในมือหวังทงน้อย ซูเอ่อร์ฮาฉีกลับมีทหารม้าไม่น้อย ชัยชนะใหญ่ เมืองเสิ่นหยาง ข่าวปิดไม่มิด ซูเอ่อร์ฮาฉีเองก็รู้ผลการรบ หรือว่าเป็นเหตุให้ซูเอ่อร์ฮาฉีได้ข่าวแล้วยกทัพถอยตลอดคืน


 กองกำลังสี่หมื่นถูกทำลายราบในวันเดียว ทหารซูเอ่อร์ฮาฉีนับหมื่น ล้วนเป็นกำลังกองเจี้ยนโจว เทียบกับเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีแล้วแข็งแกร่งกว่ามาก


ที่แม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซาน เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวเป็นหน่วยปกครอง เป็นกำลังที่นู่เอ่อร์ฮาชื่อรวมรวมขึ้นมา เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีเป็นเพียงชื่อสถานที่  แสดงถึงการรวมกันหลายชนเผ่า ไม่ใช่องค์รวมเดียวกัน


ตามรายงานข่าวเมืองเสิ่นหยาง กองกำลังปืนใหญ่หมิงจากในด่านมาช่วยนั้นร้ายกาจมาก ทันทีที่ยิงถล่ม ก็ราวกับพสุธากัมปนาท ใครขวางย่อมย่อยยับ


ซูเอ่อร์ฮาฉีมีทหารม้าในมือหลายพัน เป็นทหารม้าชาวเผ่าหนี่ว์เจินเอง  ยังมีทหารม้ามองโกลที่เป็นมิตรกับเผ่าหนี่ว์เจิน คนเหล่านี้ล้วนคุ้นเคยกับพื้นที่นอกด่านมาก ยามถอยทัพ ซูเอ่อร์ฮาฉีเองก็ระวังกองทัพของหวังทงเช่นกัน


สายเผ่าหนี่ว์เจินปล่อยออกไปรอบๆ กินพื้นที่กว้าง สืบข่าวมาจนเข้าใจ


กองกำลังหู่เวยมาตามแม่น้ำสาขาแม่น้ำไท่จื่อเหอได้สองวัน ก็เริ่มเห็นทหารม้าศัตรูผ่านพวกเขาไป ไม่ก็ปะทะระยะไกล


จำนวนทหารม้า ‘ผู้กล้า’ น้อยไป และยังใช้งานเพื่อการสืบเส้นทางและหาที่ตั้งค่ายพัก ใช้กับการสังหารสายสืบทหารม้าศัตรูไม่ได้  การปิดบังเรื่องการศึกไม่อาจทำได้ หวังทงจึงเลิกสนใจ ให้พลปืนไฟล้อมอยู่รอบนอก หากศัตรูกล้าเข้าใกล้ระยะยิง ก็ให้ยิงทันที และให้ทหารม้า ‘ผู้กล้า’ มารวมตัวกัน รวมเป็นกองใหญ่ ออกไปสืบเส้นทางพร้อมกัน


สถานการณ์เช่นนี้ หากหากสู้อีกฝ่ายไม่ไหวก็อาจจะหนีกลับมาได้ทัน ส่วนสายสืบรอบๆ ทัพใหญ่ที่ราวกับแมลงวันนั้น ท่าทีหวังทงก็คือ


“เป้าหมายทัพเราก็คือกำลังหลักเผ่าหนี่ว์เจิน ทุกอย่างไว้รอใช้กำลังหลักปะทะกันตัดสินศึกนี้!”


……


ซูเอ่อร์ฮาฉีอายุ 30 ต้นๆ  แต่ทว่ามากบารมีในเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว ที่ว่าฟ้าประทานเจี้ยนโจวหนึ่งมังกรหนึ่งพยัคฆ์ มังกรก็คือนู่เอ่อร์ฮาชื่อ พยัคฆ์ก็คือซูเอ่อร์ฮาฉี


รูปร่างชาวเผ่าหนี่ว์เจินสูงกว่าชาวฮั่นมาก แต่ในบรรดาชาวเผ่าหนี่ว์เจิน ซูเอ่อร์ฮาฉียิ่งตัวใหญ่อย่างเห็นได้ชัด


ข่าวพ่ายแพ้ที่ได้ยินข่าวจากเมืองเสิ่นหยาง ทำให้ทัพเผ่าหนี่ว์เจินแตกตื่นอยู่บ้าง แต่ทว่าไม่หวาดกลัว สำหรับกองกำลังร่วมเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีกับมองโกลที่ไม่เป็นหนึ่งนั้น ได้กลายเป็นสิ่งดูแคลนของทหารเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวที่รบอยู่ตลอดสี่ปีที่แม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซาน


พวกเขาแพ้นั้น พวกเราใช่ว่าจะแพ้ตาม แต่ละคนล้วนคิดเช่นนี้ ซูเอ่อร์ฮาฉีแม้นำพวกเขาถอนทัพกะทันหัน แต่ทั้งกองกำลังก็ยังคงกำลังใจเป็นหนึ่ง ไม่ได้แตกสามัคคี


ทุกวันซูเอ่อร์ฮาฉีจะออกตรวจตรากองทัพ จัดการทุกอย่างอย่างดูไม่ออกว่าเหน็ดเหนื่อย ทำให้ทหารเบื้องหน้าไม่กล้าแสดงอาการแตกตื่น


สายสืบส่งออกไปก็กลับมา นำข่าวแนวหน้ากลับมาตลอด ทุกครั้งซูเอ่อร์ฮาฉีล้วนมีสีหน้านิ่งรับฟัง ในใจคิดเช่นไร คนข้างกายไม่อาจรู้ได้


ต้นเดือนสองแล้ว น้ำแข็งและหิมะในเส้นทางป่าเขาไม่ได้ละลายลงแม้แต่น้อย  แต่อากาศรู้สึกอุ่นลงบ้างแล้ว ซูเอ่อร์ฮาฉีได้ฟังรายงานสายสืบแล้ว ก็ขยับคิ้ว จากนั้นก็เคลื่อนม้าไปมา ดูเหมือนสำรวจค่าย แต่ความจริงนั้นไม่อยากให้คนได้ยิน


“เจ้าบอกว่าทัพใหญ่กองกำลังหมิงไม่มีปืนใหญ่มาด้วย? มีแต่ทหารราบเร่งเดินทาง? ทุกคืนก็จะมีกองเสบียงกับรถปืนใหญ่ตามมาสมทบ!”


“ท่านแม่ทัพ จริงแท้แน่นอน ข้าน้อยติดตามมาวันหนึ่งคืนหนึ่ง ตามมาตลอดทาง กองกำลังหมิงกองนี้เร่งร้อนไปช่วยป้อมกูซานเป่า ไม่เอาเสบียงอะไรมาทั้งนั้น ล้วนมากันแบบตัวเบาๆ เร่งเดินทาง”


ตอนเพิ่งได้ยินข่าวพ่ายแพ้ที่เมืองเสิ่นหยาง ซูเอ่อร์ฮาฉีแทบไม่อยากเชื่อว่าตามนี้จริง ในเวลาไม่ถึงวัน กองทัพแผ่นดินหมิงสามารถทำลายทหารนับหมื่นราบเป็นหน้ากลอง และยังมีปืนที่คาดไม่ถึงอีกด้วย ทุกคนที่มารายงานล้วนเอ่ยถึงคำว่า เสียงก้องกัมปนาท  เหมือนว่าพวกเขาได้เห็นมา มีแต่เสียงก้องปัมปนาทจึงมีอานุภาพเช่นนี้


สายสืบที่มารายงานข่าวสนามรบข่าวนับวันยิ่งมาก ซูเอ่อร์ฮาฉีมั่นใจเรื่องนี้แล้ว หลายคนตอนพูดถึงปืนใหญ่ ถึงกับล้วนมีสีหน้าซีดขาว ตัวสั่น


เพราะอานุภาพปืนใหญ่แสนเกรียงไกร ทหารรอบเมืองจึงได้สูญสิ้นกำลังอย่างรวดเร็ว แต่ละคนล้วนคาดไม่ถึง แต่ละคนล้วนรู้สึกว่าต้องมีอะไรที่คาดไม่ถึงอีก มีปืนใหญ่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ย่อมเป็นที่จดจำของสายสืบ


“อีกนิดเดียวเท่านั้น ทหารม้าเราใกล้จะบุกถึงด้านหน้าแล้ว หากปืนไฟไม่ยิงออกมาก่อน ผลปรากฏปืนใหญ่ยิงถล่มมา ทุกคนพริบตาก็ต้านทานไม่อยู่…”


แต่ละคนล้วนเป็นคิดเหมือนกัน ม้านับหมื่นพันบุกเข้าไป ห่างจากปืนใหญ่ไม่ไกลแล้ว สามารถเข้าสังหารได้แล้ว ผลปรากฏในตอนนั้นเองปืนใหญ่ก็ยิง อีกนิดเดียวเท่านั้น  สุดท้ายหมดสิ้น ในสนามต่อสู้ อานุภาพปืนไฟไม่อาจแสดงอานุภาพได้เต็มที่เท่าอานุภาพปืนใหญ่ที่เป็นที่จดจำ


“ศึกนี้ใช่ว่าไม่อาจรบ แต่ต้องเลือกสถานที่และเวลาที่เหมาะสม!”


ซูเอ่อร์ฮาฉีได้ข้อสรุปแล้ว


……


แม่น้ำสาขาแม่น้ำไท่จื่อเหออยู่ทางป้อมกูซานเป่าไปทางตะวันออก มีพื้นที่ลุ่มน้ำเหมาะแก่เป็นเส้นทางเดินทัพ ป้อมทหารตั้งอยู่แนวนี้ก็เพื่อป้องกันศัตรูนอกกำแพงเมือง


แต่ทว่าหลายปีนี้ เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวกับแผ่นดินหมิงไปมาหาสู่กันล้วนใช้เส้นทางด่านฝู่ซุ่นกวน เข้าออกด่านยาหูกวนก็ใช้เส้นทางริมแม่น้ำไท่จื่อเหอ ดังนั้นป้อมเจี่ยนฉั่งเป่าปากป่าสนถึงป้อมกูซานเป่าก็เริ่มไม่มีคนใช้  เส้นทางตะวันออกตะวันตกก็ล้วนมีต้นไม้ขึ้นรกครึ้มไปหมด ทัพใหญ่จึงต้องเดินทัพมาตามแม่น้ำสาขาแนวเหนือใต้  ทัพเล็กอาจเดินทางแนวเส้นทางตะวันออกตกได้ แต่ทัพใหญ่ยุ่งยากมาก


ที่มีป้อม จึงจะมีที่ราบ รอบป้อมสามารถเป็นเส้นทางเดินทัพใหญ่ได้ มีแต่เส้นทางสาขาแม่น้ำไท่จื่อเหอ


ซูเอ่อร์ฮาฉีตั้งทัพที่ป้อมเจี่ยนฉั่งเป่า พักผ่อนได้วันหนึ่งก็เดินหน้าต่อ  เขาต้องกะเวลาให้แม่นยำ เข้าปะทะกับกองกำลังหมิงที่ตอนกลางวันยังไม่มีปืนใหญ่


ทหารเผ่าหนี่ว์เจินกองนี้เดินทัพ คนนำข่าวมาจากเฮ่อถูอาลาเจี้ยนโจวก็มาถึง นำคำสั่งข่านปรีชานู่เอ่อร์ฮาชื่อมาด้วย มีคำสั่งให้ทหารทั้งหมดถอนกำลังกลับเจี้ยนโจวทันที ไปรวมกำลังที่เฮ่อถูอาลา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)