เทพปีศาจหวนคืน 991-992

 บทที่ 991 ฉกชิงมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์


แปลโดย iPAT 


 


ฟางหยวนไม่ทราบเหตุผลหรือแหล่งที่มา แต่เมื่อบทเพลงของเทพอมตะกลุ่มดาวดังขึ้น ข้อมูลจำนวนมากก็พุ่งเข้าสู่จิตใจของเขาทันที


 


หนึ่งในข้อมูลเหล่านี้บอกว่าหุบเขาเหล่าโปซ่อนมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เอาไว้


 


แม้มันจะน่าสงสัยแต่ฟางหยวนก็ถูกล่อลวงอย่างช่วยไม่ได้


 


‘นี่เป็นกับดักที่ผู้อมตะภาคกลางทิ้งไว้หรือไม่? พวกเขาอาจใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อล่อลวงศัตรูที่เข้ามาในหุบเขา?’


 


ฟางหยวนสงบจิตใจลงและเริ่มสำรวจพื้นที่


 


หลังจากทั้งหมดบทเพลงของเทพอมตะกลุ่มดาวดังขึ้นอย่างกะทันหันและหายไปอย่างรวดเร็ว


 


ฟางหยวนตรวจสอบแต่ยังไม่พบสิ่งใด


 


เขาไตร่ตรองและรู้สึกว่าข้อมูลที่ได้รับมีความน่าเชื่อถือ


 


เหตุผล?


 


หนึ่ง มันเป็นบทเพลงของเทพอมตะกลุ่มดาว สอง ข้อมูลที่เขาได้รับบอกวิธีเข้าสู่ด่านรับสืบทอดมรดกแห่งนี้


 


‘ข้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา วิธีทั่วไปของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาไม่สามารถหลอกลวงข้า นอกจากนี้ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มผู้อมตะภาคกลางเฒ่าพยากรณ์ก็ตายไปแล้วในการต่อสู้ร้อยวัน เรื่องนี้ง่ายมาก ข้าเพียงต้องทดสอบมันด้วยตนเอง’


 


ฟางหยวนตัดสินใจและเคลื่อนที่ไปยังจุดหมาย


 


ด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา ฟางหยวนสามารถเดินอ้อมค่ายกลวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้และบรรลุถึงสถานที่เป้าหมายในที่สุด


 


ฟางหยวนตรวจสอบเป็นเวลานานแต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ


 


สถานที่แห่งนี้ปลอดภัยมาก ฟางหยวนไม่พบกับดักใดๆทั้งสิ้น


 


หลังจากยืนยันความปลอดภัยซ้ำแล้วซ้ำอีก ฟางหยวนจึงตัดสินใจเปิดประตูด่านรับสืบทอดมรดกตามวิธีการที่ได้รับ


 


ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนเคยใช้วิญญาณเปิดประตูเพื่อเข้าสู่ด่านรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เช่นกัน แต่เขาไม่ได้รับสิ่งใดและคิดว่ามันถูกนิกายเงายึดครองไปแล้ว


 


แต่ในชีวิตนี้เมื่อฟางหยวนเปิดประตู เหตุการณ์กลับแตกต่างออกไป


 


ลำแสงสายหนึ่งพลันแผ่พุ่งลงมา


 


ฟางหยวนตกใจแต่เขาก็ปล่อยให้ลำแสงกลืนกินเขาเข้าไป


 


ในเวลาต่อมาฟางหยวนถูกนำเข้าสู่ด่านรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์


 


เขาก้าวเท้าออกไปจากเสาแสงและพบกับพื้นที่ขนาดใหญ่


 


ด้านหลังเขาคือเสาแสงสายเดิมที่นำเขาเข้ามา มันยังคงอยู่แต่เริ่มหดเล็กลงเรื่อยๆ


 


เสียงลมดังขึ้น ฟางหยวนหันหน้าไปทางแหล่งที่มาของเสียง


 


“ลมมรณะ!” เขาอุทาน


 


นี่เป็นฉากที่เขาเคยเห็น เขารู้จักพลังอำนาจของลมมรณะเป็นอย่างดีจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ


 


ตอนนี้ลมมรณะกำลังกลืนกินด่านรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เข้าไปอย่างช้าๆ


 


เขาล่าถอยออกไปหลายร้อยก้าวและรู้สึกดีใจเล็กน้อยเพราะนี่คือการยืนยันว่ามีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อยู่ที่นี่จริงๆ


 


‘ข้อมูลเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง!’ ฟางหยวนสามารถยืนยันบางสิ่งแต่ยังสงสัยเกี่ยวกับบทเพลงของเทพอมตะกลุ่มดาวและข้อมูลลึกลับ


 


เขาคิดต่อ ‘หากวิญญาณเปิดประตูสามารถเปิดทางเข้า แล้ววิญญาณปิดประตูจะสามารถปิดทางเข้าหรือไม่?’


 


ฟางหยวนทดลองใช้วิญญาณปิดประตูทันที


 


ดังคาด เสาแสงที่นำเขาเข้ามาอันตรธานหายไปในพริบตา


 


ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขากระตุ้นใช้วิญญาณเปิดประตูอีกครั้ง


 


ภายใต้พลังอำนาจของวิญญาณเปิดประตูระดับห้า เสาแสงสายใหม่ก่อตัวขึ้น


 


ฟางหยวนก้าวเท้าเข้าไปในเสาแสงขณะที่มันนำเขากลับสู่หุบเขาเหล่าโปอีกครั้ง


 


‘นี่หมายความว่าข้อมูลลึกลับเป็นเรื่องจริง ไม่! เพียงส่วนของวิญญาณเปิดประตูและวิญญาณปิดประตูเท่านั้นที่สามารถยืนยัน’


 


ฟางหยวนคิดก่อนจะกลับเข้าไปในด่านรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์


 


‘ตามข้อมูลที่ได้รับ ลมมรณะเป็นของจริงแต่มันไม่เป็นอันตรายต่อข้า ข้าสามารถก้าวผ่านลมมรณะและรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสรรค์!’


 


ฟางหยวนเดินเข้าสู่ลมมรณะด้วยความระมัดระวัง ในช่วงเวลานี้เขาเปิดเผยร่างที่แท้จริงของตนออกมา


 


ลมมรณะเปิดทางให้เขา นี่ทำให้ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น


 


เขาพึมพำกับตนเอง “เหลือเชื่อ! ลมมรณะสามารถกลืนกินทุกสิ่งแต่พวกมันกลับถูกควบคุมโดยด่านรับสืบทอดมรดกนี้ แม้ผู้สร้างสถานที่แห่งนี้จะไม่ใช่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของเขาได้เป็นอย่างดี”


 


แม้ลมมรณะจะเปิดทางให้ฟางหยวนแต่เขาก็ไม่ประมาทและพร้อมล่าถอยทันทีหากเกิดเรื่องผิดปกติ


 


ฟางหยวนใช้วิญญาณเปิดประตูและวิญญาณปิดประตูเพื่อทิ้งเส้นทางหลบหนีสายหนึ่งเอาไว้ทุกระยะที่เขาเคลื่อนที่ไป


 


ลมมรณะค่อยๆคลี่คลายลงภายใต้ความพยายามของฟางหยวน


 


หลังจากไม่นานฟางหยวนก็บรรลึถึงส่วนที่ลึกที่สุดของด่านรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์


 


ฟางหยวนสังเกตและค้นพบบางสิ่ง ‘ลมมรณะลูกสุดท้ายไม่เพียงใหญ่โตแต่มันยังทรงพลังที่สุด’


 


เขารู้สึกว่าลมมรณะลูกนี้ซ่อนบางสิ่งเอาไว้ภายใน


 


‘เป็นไปได้หรือไม่ว่ามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อยู่ในลมมรณะลูกนี้?’ ฟางหยวนคาดเดา


 


เขายื่นมือออกไปสัมผัสลมมรณะสีเขียวมรกตลูกนี้อย่างช้าๆ


 


ทันใดนั้นมันกลับเผยให้เห็นร่างของคนผู้หนึ่ง


 


“ฟงจิวเก้อ!” ฟางหยวนอุทานเบาๆและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว


 


แต่ฟงจิวเก้อยังเร็วกว่าฟางหยวน


 


เขาเปิดเปลือกตาขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นลำแสงสีรุ้งพุ่งผ่านฟางหยวนและจากไปทางประตูแสง


 


กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเสี้ยวพริบตา


 


ฟางหยวนตอบสนองโดยการใช้วิญญาณปิดประตูก่อนจะสามารถผ่อนคลายลง


 


“เหตุใดฟงจิวเก้อจึงอยู่ที่นี่? เขาถูกกักขังไว้ที่นี่งั้นหรือ? แล้วคนอื่น? ฉินไป่เฉิง เทพธิดาโอวเซี่ย และเทพธิดาหลิงเหม่ย พวกเขาอยู่ที่ใด?”


 


ฟางหยวนเร่งตรวจสอบพื้นที่แต่เขาพบเพียงความว่างเปล่า


 


มีเพียงวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงหนึ่งเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้โดยฟงจิวเก้อ


 


เมื่อฟางหยวนไม่พบสิ่งผิดปกติ เขาจึงเริ่มเปิดอ่านข้อมูลจากวิญญาณดวงนี้


 


“ฟางหยวน เจ้าเป็นปีศาจต่างโลก ข้าจะเก็บข้อมูลนี้ไว้เป็นความลับ เจ้าคงอยากรู้ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงจดจำเจ้าได้ เหตุผลก็คือข้าเป็นบิดาของฟงจินฮวง วันนี้เจ้าช่วยชีวิตข้า ข้าจะตอบแทนเรื่องนี้ในอนาคต ตอนนี้มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จะเป็นของเจ้า ข้าเชื่อว่าเราจะได้พบกันอีกหลังจากนี้”


 


“ฟงจิวเก้อ…” ฟางหยวนแสดงออกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน


 


เขาถอนหายใจก่อนจะเก็บวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเข้าไปในมิติช่องว่างของตน


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่ด่านรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศจปล้นสวรรค์เริ่มมืดลง


 


ท่ามกลางความมืดมิด ตำแหน่งที่ฟางหยวนยืนอยู่เป็นจุดเดียวที่มีแสงสว่างส่องลงมา


 


เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น


 


“นักเดินทางจากแดนไกล”


 


“เจ้าและข้าต่างเป็นคนน่าสงสารที่ไม่สามารถกลับบ้านของเรา”


 


“ชื่อจริงของข้าคือ เพ่งเจียซัน แต่ผู้คนบนโลกใบนี้เรียกข้าว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ในความเป็นจริงข้าเป็นเพียงคนจรที่ต้องการกลับบ้าน”


 


“โลกใบนี้เหมือนคุกที่พันธนาการข้าเอาไว้ด้วยความสิ้นหวัง”


 


“หากเจ้าต้องการกลับบ้านเช่นกันก็รับของขวัญจากข้าเอาไว้”


 


“ข้าเชื่อว่ามันจะสามารถช่วยเหลือเจ้า แต่หากเจ้าต้องการกลับบ้านจริงๆ เจ้ายังต้องพึ่งพาความพยายามของตนเอง”


 


“ของขวัญชิ้นนี้มีชื่อว่า ผนึกภูตผี”


 


ในเวลาต่อมาฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่หุบเขาเหล่าโป


 


ชั้นแสงสีเทาส่องประกายขึ้นบนร่างกายของเขา


 


ฟางหยวนเพิกเฉยต่อชั้นแสงเหล่านี้แต่เร่งตรวจสอบสภาพแวดล้อม


 


ไม่ปรากฏร่องรอยการคงอยู่ของฟงจิวเก้อ


 


‘ดูเหมือนอาการบาดเจ็บของเขาจะร้ายแรงมาก หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เขาคงโจมตีข้าในด่านรับสืบทอดมรดกไปแล้ว’


 


‘แต่…คนผู้นี้สามารถแยกแยะบุญคุณและความแค้น เขาจะตอบแทนความเมตตาและจะแก้แค้นศัตรูอย่างสาสม เขาได้รับการยกย่องเกี่ยวกับประเด็นนี้และถูกบันทึกไว้ในอัตชีวประวัติของเขา บางทีในอนาคตเขาอาจตอบแทนข้าจริงๆ’


 


ฟางหยวนครุ่นคิด


 


ฟงจิวเก้อไม่โจมตีฟางหยวน นี่อาจไม่เกี่ยวกับพลังการต่อสู้ที่ลดลงของเขาแต่เป็นเพราะฟางหยวนช่วยชีวิตเขาเอาไว้


 


แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใด มันก็ทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์ครั้งใหญ่


 


ฟงจิวเก้อติดหนี้บุญคุณฟางหยวน การเชื่อมต่อนี้อาจเป็นประโยชน์มหาศาลต่อเขาในอนาคต


 


นอกจากนี้เขายังได้รับท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผี แม้ฟางหยวนจะไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด แต่อย่างน้อยมันก็เป็นมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์!


 


สุดท้ายยังมีหุบเขาเหล่าโป


 


‘ฟงจิวเก้อจากไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการยึดครองหุบเขาเหล่าโป’ ฟางหยวนคิดและลงมือทันที


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฮุ้ยฟงซื่อตกใจเมื่อเห็นหุบเขาเหล่าโปถูกยกขึ้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่เขาอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “บางคนกำลังขโมยหุบเขาเหล่าโปงั้นหรือ?”


บทที่ 992 หลอกฮุ้ยฟงซื่อ


แปลโดย iPAT 


 


ฮุ้ยฟงซื่อตกใจและโกรธมาก


 


แม้เขาจะไม่เต็มใจยอมจำนนต่อผู้อมตะภาคกลางแต่หลังจากนั้นพวกเขาก็สามารถสร้างความร่วมมือ


 


ผู้อมตะภาคกลางสั่งให้เขาอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องหุบเขาเหล่าโป


 


เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ฮุ้ยฟงซื่อต้องหยุดฟางหยวน


 


แต่เมื่อเขาเห็นฟางหยวน ฮุ้ยฟงซื่อกลับยิ่งตกใจและกลายเป็นหวาดกลัว “ฟงจิวเก้อ!”


 


ฟางหยวนมองเขาด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง


 


ผู้อมตะภาคกลางออกจากภาคเหนือไปแล้ว แต่พวกเขาย่อมต้องทิ้งบางสิ่งเอาไว้เบื้องหลัง ฟางหยวนเป็นคนฉลาม แล้วเขาจะไม่สามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้อย่างไร


 


ดังนั้นเขาจึงปลอมตัวเป็นฟงจิวเก้อขณะฉกชิงหุบเขาเหล่าโป


 


‘ผู้อมตะภาคกลางทิ้งฮุ้ยฟงซื่อไว้เพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้ ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ว่าฟงจิวเก้อจากไปแล้ว ฟงจิวเก้อยังอยู่ในหุบเขาหรือไม่? ไม่ เป็นไปไม่ได้ หลังการต่อสู้ร้อยวัน นิกายเงาได้จากไปแล้ว ฟงจิวเก้อรู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่อันตรายขณะที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาต้องการล่าถอยอย่างเร่งด่วนและไม่แม้แต่จะหยุดพูดคุยกับข้าในด่านรับสืบทอดมรดก’


 


ฟงจิวเก้อเป็นคนฉลาด


 


หากฟางหยวนรู้ว่าฟงจิวเก้ออยู่ที่นั่น เขาจะโจมตี


 


การสังหารฟงจิวเก้อเป็นประโยชน์ต่อฟางหยวน แม้เขาจะไม่สามารถฉกชิงวิญญาณอมตะ แต่การค้นวิญญาณของฟงจิวเก้อก็จะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาล


 


นอกจากนี้หากเขาสามารถจับฟงจิวเก้อที่มีชีวิต เขาจะสามารถรีดไถนิกายคฤหาสน์วิญญาณหรืออาจขายเชลยศึกให้กองกำลังฝ่ายตรงข้าม


 


‘ฟงจิวเก้อได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เขาจึงระวังตัวเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้พูดกับข้าในด่านรับสืบทอดมรดก เมื่อเขาเห็นฮุ้ยฟงซื่อ เขาย่อมไม่แสดงตัว เหตุผลอาจเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าฮุ้ยฟงซื่อยอมจำนนหรือกระทั่งเขาจะรู้ เขาก็ยังไม่ไว้ใจและหวาดกลัวความยัดแย้งระหว่างสิบนิกายโบราณ หลังจากทั้งหมดจิตใจของผู้คนลึกเกินหยั่งถึง สถานการณ์ปัจจุบันของฟงจิวเก้อ เขาไม่สามารถรับความเสี่ยง’


 


ความคิดมากมายเกิดขึ้นในใจของฟางหยวน


 


“เป็นเขาจริงๆ!” ฮุ้ยฟงซื่อใช้วิธีตรวจสอบของตน หลังจากยืนยันว่าเป็นฟงจิวเก้อตัวจริง เขาจึงถอนหายใจ


 


ฟงจิวเก้อเป็นผู้นำกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง หากเขานำหุบเขาเหล่าโปไป ฮุ้ยฟงซื่อก็ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดเขา


 


“ผู้ใต้บังคับบัญชาทักทายนายท่านฟงจิวเก้อ” ฮุ้ยฟงซื่อบินมาหยุดอยู่ด้านหน้าฟางหยวนและแสดงความเคารพ


 


“อืม” ฟางหยวนพยักหน้า “ข้าเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ปกป้องข้า ข้าไม่สามารถถูกรบกวนในช่วงเวลานี้”


 


“รับทราบ!” ฮุ้ยฟงซื่อเร่งตอบรับ


 


ภายใต้การคุ้มครองจากฮุ้ยฟงซื่อ ฟางหยวนจึงประสบความสำเร็จในการฉกชิงหุบเขาเหล่าโปอย่างง่ายดาย


 


“แม้หุบเขาเหล่าโปจะถูกย้ายออกไปแล้วแต่ยังมีแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายอยู่ที่นี่ เจ้าจงอยู่ปกป้องพวกมันและอย่าให้เกิดปัญหา” ก่อนออกเดินทาง ฟางหยวนกล่าวกับฮุ้ยฟงซื่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง


 


ฮุ้ยฟงซื่อพยักหน้าโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น


 


ฟางหยวนบินจากไปอย่างสงบ


 


“ฟงจิวเก้อสามารถหลบหนี นั่นหมายความว่าฉินไป่เฉิงตายแล้ว” ฮุ้ยฟงซื่อถอนหายใจให้กับความแข็งแกร่งของฟงจิวเก้อ


 


แต่เขาไม่แปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้


 


เขารู้ว่าฉินไป่เฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัส


 


อย่างไรก็ตามฮุ้ยฟงซื่อกลับฉุดคิดได้อย่างกะทันหัน ‘โอ้ ไม่ สิบนิกายโบราณมีความขัดแย้งภายใน ฟงจิวเก้อเป็นสมาชิกนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ข้าไม่มีเหตุผลที่จะหยุดการฉกชิงหุบเขาเหล่าโปของเขา แต่ข้าต้องส่งข้อมูลนี้ให้กับนิกายอื่นๆ’


 


เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาไม่ลังเลที่จะใช้วิญญาณสื่อสาร


 


องค์ชายฟงเซี่ยนได้รับจดหมายจากเขาอย่างรวดเร็ว


 


“โอ้ ฟงจิวเก้อยังมีชีวิตอยู่ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังนำหุบเขาเหล่าโปมาด้วย!” องค์ชายฟงเซี่ยนหัวเราะและดีใจมาก


 


หลังจากแยกทางกับฮุ้ยฟงซื่อ ฟางหยวนบินไปหาไท่เป่ยหยุนเฉิงและจ้าวจง


 


ทั้งสองซุ่มรอเป็นกำลังเสริมอยู่ไม่ไกลนัก


 


ในเวลาเดียวกันหากเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด เขายังสามารถขอความช่วยเหลือจากไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซาน


 


ด้วยความแข็งแกร่งของนางมารผลาญสวรรค์ แม้ผู้อมตะระดับแปดบางคนจะปรากฏตัวขึ้น ฟางหยวนก็ไม่กลัว


 


แต่สถานการณ์ปัจจุบันถือเป็นกรณีที่ดีที่สุด


 


ฟางหยวนได้รับหุบเขาเหล่าโปมาด้วยตัวของเขาเอง


 


นอกจากนี้โดยปราศจากดวงวิญญาณของไห่เจิ้ง ไห่ลั่วหลันย่อมไม่รู้ตำแหน่งที่ตั้งของหุบเขาเหล่าโป


 


หากพวกนางรู้เรื่องนี้ นางมารผลาญสวรรค์จะขอใช้หุบเขาเหล่าโปอย่างแน่นอน


 


‘ในอนาคตหากพวกนางต้องการทำธุรกรรมเพื่อขอใช้หุบเหล่าโป ข้าก็จะให้พวกนางใช้หลังจากจิตวิญญาณของข้าแข็งแกร่งมากพอแล้ว’


 


ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวและวางหุบเขาเหล่าโปไว้ที่นั่น


 


ไห่ลั่วหลันเดินทางเข้าออกแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูตลอดเวลาเพื่อสร้างวิญญาณถุงสูญญากาศ ดังนั้นมันจะดีที่สุดหากฟางหยวนไม่วางหุบเขาเหล่าโปไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู


 


เรื่องของหุบเขาเหล่าโปจบสิ้นแล้วแต่ฟางหยวนยังรู้สึกกังวล


 


แน่นอนว่าหุบเขาเหล่าโปเป็นกำไรที่เหนือความคาดหมาย แต่เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาเช่นกัน


 


ความรู้สึกของการสูญเสียการควบคุมทำให้ฟางหยวนรู้สึกหงุดหงิดและไม่สบายใจ


 


ในด่านรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ฟางหยวนได้รับท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผีมาจากที่นั่น


 


ฟางหยวนตรวจสอบร่างกายของตนเองและพบว่าดวงวิญญาณของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของพลังงานแห่งเต๋า


 


แต่ฟางหยวนยังไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร


 


โชคดีที่เขาเป็นสมาชิกนิกายหลางหยา ดังนั้นเขาจึงไปพบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อถามเกี่ยวกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้ปกปิดสิ่งใดและบอกข้อมูลมากมายให้กับฟางหยวนโดยไม่ร้องขอสิ่งตอบแทน


 


“มรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์มีอยู่มากมาย แต่มรดกที่แท้จริงมีเพียงสิบชิ้น ชิ้นที่เจ้าได้รับมาก่อนหน้านี้ สัญญาที่ให้ข้าหลอมรวมวิญญาณจำนวนสามดวง นั่นไม่ใช่มรดกที่แท้จริง มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบ แต่ผู้ที่สามารถรับสืบทอดพวกมันต้องเป็นปีศาจต่างโลกเท่านั้น”


 


“ตำนานกล่าวว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์มีท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันสองท่า หนึ่งคือผนึกศักดิ์สิทธิ์ และอีกหนึ่งคือผนึกภูตผี ผนึกศักดิ์สิทธิ์สามารถป้องกันการอนุมานจากคนนอก สำหรับผนึกภูตผี มันค่อนข้างลึกลับ ข้าไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนักแต่มันเกี่ยวกับดวงวิญญาณ อา…เหตุใดเจ้าจึงสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน? เจ้าพบเบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์งั้นหรือ?”


 


ฟางหยวนหัวเราะ “ท่านเดาถูกแล้ว”


 


“ผนึกศักดิ์สิทธิ์…ผนึกภูตผี…” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจ “หากข้าได้รับผนึกศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะกลายเป็นสวรรค์อย่างแท้จริง พวกเราจะสามารถหลบหนีจากภัยพิบัติสวรรค์พิภพ น่าเสียดายที่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ลึกลับเกินไป จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับพวกมัน มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จะเชื่อมต่อถึงกัน เมื่อเจ้าได้รับหนึ่งในนั้น มันจะนำเจ้าไปยังมรดกต่อไป ฟางหยวน หากเจ้าได้รับผนึกศักดิ์สิทธิ์ จงนำมันมาให้กับนิกายหลางหยา แล้วข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างเหมาะสม ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลางหยาและเป็นรองเป็นข้าเท่านั้น ในความเป็นจริงเจ้าสามารถเลือกวิญญาณอมตะระดับเจ็ดจากคลังสมบัติของข้าหนึ่งดวง อา…ไม่ อย่างน้อยสองดวง!”


 


ฟางหยวนพยักหน้า บุคลิกใหม่ของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก


 


อย่างน้อยบุคลิกก่อนหน้าก็จะไม่ให้สัญญาเช่นนี้กับฟางหยวน


 


“อย่างไรก็ตามย้อมกลับไป ไม่ใช่ว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์สามารถเดินทางไปทุกหนทุกแห่งและปล้นชิงทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่มีผู้ใดสามารถระบุตำแหน่งของเขาเพราะเขาพึ่งพาผนึกศักดิ์สิทธิ์และผนึกภูตผีเช่นนั้นหรือ? สมบัติเช่นนี้ควรจะมีคุณค่ามากกว่าวิญญาณอมตะระดับเจ็ดจำนวนสองดวงใช่หรือไม่?” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เจ้ากล่าวไม่ผิด แต่ข้ายังพูดไม่จบ ไม่เพียงวิญญาณอมตะระดับเจ็ดจำนวนสองดวง เจ้ายังจะได้รับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ ท่าไม้ตายอมตะ ความลับโบราณ หรือเบาะแสเกี่ยวกับมรดกอีกมากมาย รางวัลเหล่านี้เพียงพอหรือไม่?”


 


“อืม นั่นเพียงพอแล้ว ข้าจะกลับมาเมื่อได้รับผนึกศักดิ์สิทธิ์” ฟางหยวนได้รับข้อมูลที่ต้องการแล้ว ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับและเตรียมจากไปทันที


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพึมพำขณะมองฟางหยวนจากไป “เด็กบ้าผู้นี้…เขาอาจพบเบาะแสบางอย่างจริงๆ หากข้าได้รับผนึกศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใดอีกต่อไป ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า แม้ข้าจะมอบตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลางหยาให้เขา แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ยังเชื่อฟังข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า โอ้ ข้าเผลอพูดความคิดของตนเองออกมาอีกครั้ง!”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายกมือขึ้นปิดปากของตนขณะมองแผ่นหลังของฟางหยวนด้วยสายตาไร้เดียงสา


 


ฟางหยวนคุ้นเคยกับนิสัยที่แปลกประหลาดของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผู้นี้แล้วและลอบหัวเราะอยู่ภายใน


 


“ข้าได้ยินทุกสิ่งที่ท่านกล่าว” ฟางหยวนโบกมือลาจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาโดยไม่หันหลังกลับก่อนจะใช้วิญญาณท่องแดนอมตะจากไป


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ “เจ้าเด็กบ้า!”


 


เมื่อกลับไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู ฟางหยวนเริ่มไตร่ตรอง


 


‘ข้าเป็นผู้อวตาร แม้ร่างกายของข้าจะมาจากโลกใบนี้ แต่ดวงวิญญาณของข้ามาจากโลกมนุษย์อีกใบ ดังนั้นข้าจึงเป็นปีศาจต่างโลก ข้ามีคุณสมบัติที่จะรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์’


 


‘จากคำกล่าวของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาบอกว่าตนเองเป็นปีศาจต่างโลกเช่นกัน’


 


‘อาจเป็นเรื่องยากมากหรือง่ายมากที่จะได้รับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ สิ่งสำคัญที่สุดคือสถานะปีศาจต่างโลก ไม่แปลกใจเลยที่เบาะแสเกี่ยวกับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จะกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง สิ่งที่ข้าสงสัยก็คือเหตุใดวิญญาณเปิดประตูและวิญญาณปิดประตูจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะได้รับ?’


 


‘แต่หลังจากได้รับผนึกภูตผี ข้าไม่ได้รับเบาะแสเกี่ยวกับผนึกศักดิ์สิทธิ์ นั่นหมายความว่าผนึกศักดิ์สิทธิ์ถูกบางคนยึดครองไปแล้ว!?’

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)