เทพปีศาจหวนคืน 987-990

 บทที่ 987 ม่านหมอกดารา


แปลโดย iPAT 


 


ทะเลตะวันออก


 


ซ่งเจียตันนั่งอยู่บนหน้าผาด้วยดวงตาที่ปิดสนิท


 


ร่างกายส่วนล่างของเขาเป็นหินสีเทาที่เชื่อมต่อกับพื้น


 


ทันใดนั้นเขาพลันเปิดเปลือกตาขึ้นเมื่อตระหนักถึงป้ายคำสั่งของผู้อมตะระดับแปดซ่งฉีหยวน


 


ด้วยความตั้งใจของซ่งเจียตัน เส้นทางถูกเปิดออก


 


หลังจากชั่วครู่ สองร่างจึงเดินเข้ามา


 


หนึ่งเป็นผู้อมตะชายและอีกหนึ่งเป็นผู้อมตะหญิง


 


ผู้อมตะหญิงวัยเยาว์อยู่ในชุดคลุมสีขาว ดวงตากระจ่างชัด ใบหน้าเต็มไปด้วยชีวิตชีวา นางเดินมาพร้อมกับผู้อมตะชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง


 


“ท่านลุงเจียตัน!” ซ่งอี้ซื่อกรีดร้องมาจากระยะไกล


 


ซ่งเจียตันพยายามเผยรอยยิ้มแต่ใบหน้าของเขาแทบไม่สามารถขยับเขยื้อน


 


เขาบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งปัญญา ร่างกายของเขาหลอมรวมเข้ากับพื้นพิภพและสามารถอนุมานทุกสิ่งในทะเลตะวันออก


 


แต่ข้อดีมักมาพร้อมกับข้อเสีย ซ่งเจียตันสูญเสียอิสรภาพและไม่สามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ เมื่ออายุขัยของเขาหมดสิ้น ร่างกายทั้งหมดของเขาจะกลายเป็นหินไปอย่างสมบูรณ์


 


ในที่สุดซ่งเจียตันก็ทำได้เพียงส่งเสียงออกมาจากลำคอด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก “เสี่ยวซื่อ เซี่ยฉี นานแล้วไม่ได้พบกัน”


 


แขกสองคนที่มาพบซ่งเจียตันก็คือซ่งอี้ซื่อกับซ่งเซี่ยฉี


 


“ท่านลุงเจียตัน นี่คือป้ายคำสั่งของท่านปู่ โปรดตรวจสอบ” ซ่งอี้ซื่อส่งป้ายคำสั่งให้ซ่งเจียตัน


 


ซ่งเจียตันตรวจสอบอย่างละเอียดและพยักหน้าเบาๆ “ครั้งนี้พวกเจ้าต้องการให้ข้าอนุมานสิ่งใด?”


 


ซ่งเซี่ยฉีตอบ “มันเกี่ยวกับการรับสืบทอดมรดกของเฒ่าสายฟ้าเทียนหนานที่ผาสวรรค์”


 


ซ่งเจียตันคิดก่อนกล่าว “ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่ผาสวรรค์ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ข้าไม่สามารถไปที่นั่นด้วยตนเอง ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถอนุมานเส้นทางที่ถูกต้อง แต่ตระกูลช่ายกับตระกูลหรัวเล่ยไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ทรงพลัง ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะประสบความสำเร็จหลังจากใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้า”


 


ซ่งอี้ซื่อเผยรอยยิ้มบาง “ท่านลุงเจียตัน มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่ผาสวรรค์”


 


“โอ้?”


 


ซ่งอี้ซื่อเร่งเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


 


ซ่งเจียตันเข้าใจเจตนาของซ่งอี้ซื่อกับซ่งเซี่ยฉีทันที “ดังนั้นพวกเจ้าจึงต้องการว่าจ้างผู้อมตะความคิดดาราผู้นี้เพื่อให้ตระกูลซ่งได้รับมรดก”


 


“ถูกต้อง ผู้อมตะความคิดดาราไม่ได้เป็นสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบ เขาเป็นเพียงสหายของไท่เป่ยหยุนเฉิงที่มาจากภาคเหนือ ตั้งแต่เขาสามารถทำงานให้กองกำลังพันธมิตรผีดิบ มันย่อมเป็นไปได้ที่พวกเราจะว่าจ้างเขา เขามีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่น่าอัศจรรย์ หากเราล่าช้า อีกสองตระกูลอาจชิงลงมือก่อนขณะที่สถานการณ์ของพวกเราจะเลวร้ายลง” ซ่งอี้ซื่อกล่าว


 


“พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อขอให้ข้าอนุมานเกี่ยวกับผู้อมตะความคิดดาราผู้นี้ใช่หรือไม่?” ซ่งเจียตันถามต่อ


 


ซ่งอี้ซื่อพยักหน้า “ท่านลุง เราไม่สามารถซ่อนสิ่งใดจากท่านได้จริงๆ ถูกต้อง หากเราต้องการว่าจ้างผู้อมตะความคิดดารา เราจำเป็นต้องรู้เบื้องหลังของเขา สิ่งสำคัญก็คือเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา หากเขาคิดร้ายต่อตระกูลซ่ง พวกเราจะสูญเสียใบหน้า ดังนั้นครั้งนี้ท่านลุงต้องกำหราบคนผู้นี้!”


 


ซ่งเจียตันรู้สึกลังเล “แต่ผู้อมตะความคิดดาราเฉินเต๋าสามารถทำลายผนึกที่ข้าใช้กับฉลามปีศาจ นอกจากนั้นเขายังทำผลงานได้ดีที่ผาสวรรค์ ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เพียงมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่เขายังมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ตามประเพณีของพวกเราผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา มันเป็นการเสียมารยาท หากข้าอนุมานเกี่ยวกับเขา เขาจะรู้ตัวทันที บางทีมันอาจจะเป็นการดึงดูดความเกลียดชังจากอีกฝ่ายและสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งโดยไม่ได้ตั้งใจ”


 


ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนปลอมตัวเป็นซ่งซิงซื่อ เนื่องจากเขาแอบมองซ่งอี้ซื่อขณะอาบน้ำ ซ่งเจียตันจึงอนุมานเกี่ยวกับเขา


 


ในชีวิตนี้ ฟางหยวนปลอมตัวเป็นผู้อมตะความคิดดาราเฉินเต๋า เขาไม่ได้ทำสิ่งผิดพลาดใดๆ สิ่งสำคัญที่สุดเขามีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่น่าทึ่ง นี่ทำให้ซ่งเจียตันไม่กล้าอนุมานเกี่ยวกับเขา


 


ซ่งอี้ซื่อกับซ่งเซี่ยฉีมองหน้ากันก่อนที่คนหลังจะเปิดปากกล่าว “ทุกสิ่งมีสองด้านเสมอ มันขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน ก่อนมาที่นี่เราได้ปรึกษากับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งและสองเรียบร้อยแล้ว เจียตัน เจ้าอย่าได้กังวลและเพียงทำมันเท่านั้น”


 


ซ่งเจียตันพยักหน้า แม้เขาจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาไม่ใช่ผู้ตัดสินใจเรื่องต่างของกองกำลัง


 


ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไป


 


เขาเตรียมตัวชั่วครู่ก่อนจะเริ่มอนุมาน


 


ไม่นานหลังจากนั้นเขาจึงเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งด้วยใบหน้าที่อ่อนล้า “ข้าไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเลย”


 


“กระไรนะ! ท่านลุงเป็นหนึ่งในสามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะเลตะวันออก แล้วท่านจะล้มเหลวได้อย่างไร?”


 


“เฉินเต๋าผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก เขาสามารถต่อต้านเจียตันจริงๆ!”


 


ซ่งอี้ซื่อและซ่งเซี่ยฉีตกใจมาก


 


ซ่งเจียตันส่ายศีรษะ “ความสามารถของมนุษย์มีขีดจำกัดขณะที่เจตจำนงสวรรค์ไม่อาจคาดเดา บางทีเฉินเต๋าผู้นี้อาจเชี่ยวชาญการป้องกันตัวและมีวิธีต่อต้านการอนุมานของข้าหรือบางทีเขาอาจไม่ได้อยู่ที่ทะเลตะวันออกในเวลานี้”


 


“ไม่ได้อยู่ที่ทะเลตะวันออก แล้วเขาอยู่ที่ใด? ยังอีกนานก่อนที่คลื่นยักษ์จะพัดมาอีกครั้ง”


 


“มิติช่องว่างของผู้อมตะคือโลกใบเล็กที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ ข้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดเท่านั้น ไม่แปลกหากข้าจะไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเลย”


 


“เป็นเช่นนั้น” ซ่งอี้ซื่อพึมพำด้วยความผิดหวัง


 


ซ่งเจียตันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนแปลงไป “สิ่งที่ข้ากังวลมากกว่าก็คือผาสวรรค์เชื่อมต่อกับสวรรค์สีขาวและสวรรค์สีดำ มันเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญและมีหลายกองกำลังที่ต้องการ แม้นางมารผลาญสวรรค์จะจากไปแล้ว แต่เราก็ไม่สามารถเอาชนะนาง สิ่งนี้จะดึงดูดความโลภของผู้คน เราต้องระวังตัวให้มากขึ้น แม้คนนอกจะไม่สามารถเข้าแทรกแซงได้โดยตรง แต่พวกเขายังสามารถใช้อิทธิพลสร้างปัญหาให้กับพวกเรา เรื่องนี้อันตรายกว่าที่เราคิด”


 


“เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว” ซ่งเซี่ยฉีพยักหน้าเห็นด้วย


 


ซ่งอี้ซื่อแสดงออกด้วยความกังวล


 


“แทนที่จะอนุมานเกี่ยวกับผู้อมตะความคิดดาราเฉินเต๋า เราควรอนุมานเรื่องนี้ ตราบเท่าที่พวกเจ้าทำตามคำแนะนำของข้า พวกเราจะได้รับชัยชนะ นอกจากนั้นเรายังสามารถหลอกใช้ปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษเพื่อต่อต้านตระกูลช่ายและตระกูลหรัวเล่ยอีกด้วย” ซ่งเจียตันกล่าวด้วยความมั่นใจ


 


…..


 


ภาคกลาง แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู


 


“ม่านหมอกดารา!”


 


ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขา


 


กลุ่มเมฆหมอกที่เกิดจากแสงดาวลอยออกมาจากมิติช่องว่างของฟางหยวนและปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ทั้งหมด


 


“ในที่สุดข้าก็สามารถอนุมานท่าไม้ตายอมตะม่านหมอกดาราฉบับดัดแปลงได้สำเร็จ!”


 


ม่านหมอกดาราสามารถป้องกันการอนุมานของผู้อื่น


 


หลังจากเจรจากับนางมารผลาญสวรรค์ ฟางหยวนกลับมายังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและใช้แสงแห่งปัญญาแก้ไขท่าไม้ตายอมตะม่านหมอกดารา


 


ท่าไม้ตายอมตะม่านหมอกดาราฉบับดั่งเดิมมีแกนกลางสองดวง หนึ่งในนั้นคือวิญญาณอมตะความคิดดารา


 


สำหรับท่าไม้ตายฉบับปรับปรุง มันยังใช้วิญญาณอมตะสองดวงเป็นแกนกลาง หนึ่งคือวิญญาณอมตะความคิดดารา และอีกหนึ่งคือวิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนา


 


เมื่อฟางหยวนกลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาจึงสามารถใช้วิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนาได้ดีขึ้น


 


‘การเดินทางไปยังผาสวรรค์ทำให้ชื่อเสียงของผู้อมตะความคิดดาราเฉินเต๋าแพร่กระจายไปในโลกผู้อมตะของทะเลตะวันออก ตอนนี้หลายคนกำลังพยายามอนุมานเกี่ยวกับตัวข้า ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยสามารถปกปิดรูปลักษณ์ของข้าแต่ไม่สามารถป้องกันการอนุมาน ด้วยท่าไม้ตายอมตะม่านหมอกดารา มันจะทำให้ข้าปลอดภัยมากขึ้น’ ฟางหยวนคิด


 


แน่นอนว่าพลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะม่านหมอกดารายังมีขีดจำกัด


 


ประการแรก มันสามารถป้องกันการอนุมานเท่านั้นแต่ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางกายภาพ


 


ประการที่สอง แกนหลักของมันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก หากเผชิญหน้ากับการอนุมานจากผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งปัญญา มันจะต่อต้านได้เพียงชั่วครู่ก่อนจะพังทลายลง


 


แต่ท่าไม้ตายอมตะม่านหมอกดาราไม่จำเป็นต้องกระตุ้นใช้งานตลอดเวลา ตราบเท่าที่กลุ่มเมฆหมอกแสงดาวยังอยู่ มันก็สามารถปกป้องเขา


 


‘ม่านหมอกดาราเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดวงดาวและเส้นทางแห่งปัญญา แม้ซ่งเจียตันจะอนุมานข้าแต่ม่านหมอกดารายังสามารถปิดกั้นเขาได้ชั่วขณะและทำให้ข้ามีเวลาใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเพื่อซ่อนตัวในแดนศักดิ์สิทธิ์’


 


แดนศักดิ์สิทธิ์คือโลกใบเล็กที่แยกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ กระทั่งผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งปัญญาก็ไม่สามารถอนุมานสิ่งใดหากเป้าหมายอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์


 


แรกเริ่มฟางหยวนคิดค้นท่าไม้ตายเขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดารา ต่อมาเขาสร้างท่าไม้ตายอมตะม่านหมอกดารา นี่ทำให้จุดอ่อนสองข้อของเขาถูกกำจัดออกไป


 


จากนั้นฟางหยวนจึงมุ่งเน้นไปที่การหลอมรวมวิญญาณอมตะระเบิดพลัง ขณะเดียวกันเขาก็รอชมการแสดงของนางมารผลาญสวรรค์


 


‘ในชีวิตก่อนหน้านางมารผลาญสวรรค์ประสบความสำเร็จในการผลักฉลามปีศาจกับซูไป่ม่านออกไป แต่เนื่องจากจังหวะเวลาที่ไม่ดีทำให้นางต้องเดินทางไปยังภาคเหนือ ครั้งนี้ด้วยอิทธิพลของข้า นางจึงสามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น เรายังมีความหวังที่จะได้รับผลประโยชน์จากแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ ข้าหวังว่ามันจะไม่น่าผิดหวังเช่นอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาว’


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนได้รับประโยชน์มหาศาลจากการผ่านฉากที่หนึ่งและสองในอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาว


 


อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านฉากที่สาม ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งดวงดาวของเขากลับยังอยู่ในระดับปรมาจารย์เช่นเดิม


 


สิ่งสำคัญที่สุดก็คือฟางหยวนไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในฉากที่สาม มันแปลกเกินไปโดยเฉพาะบทเพลงของเทพอมตะกลุ่มดาวที่เขาแทบไม่สามารถจดจำ


 


วันเวลาผ่านไป


 


ในที่สุดนางมารผลาญสวรรค์ก็ใช้โป้ตันเป็นเครื่องมือเพื่อขับไล่ฉลามปีศาจกับซูไป่ม่านออกจากเส้นทาง


 


ฟางหยวนไม่ได้เข้าร่วมในครั้งนี้


 


เขาเคลื่อนไหวเพียงเมื่อนางมารผลาญสวรรค์บุกแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่


 


เพื่อคลี่คลายเขตแดนกองทัพที่ไม่สามารถเคลื่อนย้าย ฟางหยวนต้องทุ่มเทพลังจิตและพลังงานอมตะจำนวนมาก แต่สุดท้ายพวกเขาก็สามารถยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ได้อย่างสมบูรณ์


 


“มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเพียงดวงเดียว อย่าแม้แต่จะคิดเพราะข้าจะมอบมันเป็นของขวัญให้แก่เสี่ยวหลัน ตามข้อตกลง เจ้าจะได้รับวิญญาณอมตะระดับหกจำนวนสองดวง แต่วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดวงดาวดวงนี้เป็นหนึ่งในสิบวิญญาณอมตะที่ลึกลับที่สุด มันมีค่ามาก หากเจ้าเลือกมัน เจ้าจะไม่ได้รับวิญญาณอมตะดวงที่สอง” นางมารผลาญสวรรค์กล่าวกับฟางหยวน



บทที่ 988 วิญญาณอมตะเนตรดารา (อ่านฟรี)


แปลโดย iPAT 


 


ภาคกลาง แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว


 


ฟางหยวนกำลังหลอมรวมวิญญาณอมตะระเบิดพลัง


 


ทรัพยากรอมตะจำนวนมากหลอมรวมกันและกลายเป็นก้อนของเหลวสีน้ำตาลลอยอยู่กลางอากาศ


 


ด้วยความตั้งใจของฟางหยวน วิญญาณระเบิดพลังพุ่งเข้าสู่มวลของเหลวที่อยู่ตรงหน้า


 


“ขึ้นมา!”


 


ฟางหยวนใช้กำปั้นทุบพื้นส่งเศษดินพุ่งขึ้นสู่อากาศและหลอมรวมเข้ากับก้อนของเหลว


 


นี่คือท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปฐพีที่ฟางหยวนได้รับมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเมื่อไม่นานมานี้


 


มันเป็นผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆที่เขาเข้าร่วมนิกายหลางหยา


 


แน่นอนว่ามันมีราคาที่ต้องจ่าย


 


ฟางหยวนพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน


 


แม้มันจะไม่ใช่ท่าไม้ตายอมตะแต่มันมีประโยชน์มาก


 


ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือด อสรพิษหลอมรวมโลหิต!


 


เลือดไหลออกมาจากดวงตา จมูก และรูหูของฟางหยวนก่อนจะก่อตัวเป็นอสรพิษโลหิตพุ่งเข้าเลื้อยพันก้อนโคลนกลางอากาศ


 


ฟางหยวนโยนวิญญาณเข้าไปอย่างต่อเนื่องขณะที่อสรพิษโลหิตอ้าปากกลืนพวกมันเข้าไป


 


สองชั่วโมงต่อมาอสรพิษโลหิตจึงหลอมรวมเข้ากับก้อนโคลนอย่างสมบูรณ์


 


บนพื้นผิวของมันถูกเคลือบคลุมไปด้วยเกล็ดอสรพิษสีแดง


 


ฟางหยวนจุดไฟเผา


 


แรกเริ่มเขาใช้ไฟสีฟ้า นี่ทำให้เกิดชั้นน้ำค้างแข็งขึ้นบนเกล็ดอสรพิษ


 


ต่อมาเป็นไฟสีเขียว มันทำให้มอสสีเขียวเติบโตขึ้นบนชั้นน้ำแข็ง


 


สุดท้ายเป็นไฟสีเหลือง มันกลายเป็นรังไหมสีทองที่ส่องประกายงดงาม


 


เมื่อถึงจุดนี้ฟางหยวนก็สามารถผ่านขั้นตอนที่สำคัญที่สุดไปแล้ว


 


เขาถอนหายใจและสามารถพักผ่อนเป็นเวลาสองวันสองคืน


 


เมื่อถึงเวลา ก้อนทองคำก็เติบโตขึ้นเท่ากับกะละมังใบใหญ่


 


ถัดไปเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญ


 


ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะส่งวิญญาณพุ่งเข้าโจมตีก้อนทองคำดังกล่าว


 


ด้วยเสียงที่ดังสนั่น ก้อนทองคำระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


 


“ล้มเหลว!” การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้ม


 


หากสามารถผ่านขั้นตอนนี้ การหลอมรวมวิญญาณอมตะก็แทบรับประกันความสำเร็จ


 


แต่น่าเสียดายที่มันล้มเหลว


 


ทรัพยากรและหินวิญญาณอมตะทั้งหมดที่เขาลงทุนไปกลายเป็นสูญเปล่า สิ่งเดียวที่เขาได้รับก็คือประสบการณ์ในการหลอมรวมวิญญาณ ในการหลอมรวมครั้งต่อไปเขาจะมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นเล็กน้อย


 


หลังจากถอนหายใจ ฟางหยวนปรับอารมณ์ของตนอย่างรวดเร็ว


 


การหลอมรวมวิญญาณอมตะไม่ใช่เรื่อง่าย โอกาสประสบความสำเร็จมีต่ำมาก


 


ความล้มเหลวถือเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่เขาสามารถทำมีเพียงรวบรวมทรัพยากรและทดลองหลอมรวมอีกครั้งเท่านั้น


 


ฟางหยวนเคยหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาในชีวิตก่อนหน้าและประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดาราในชีวิตนี้ ด้วยประสบการณ์เหล่านี้ มันทำให้จิตใจของเขาแข็งแกร่งมากในแง่ของการหลอมรวม


 


หลังจากพักผ่อน ฟางหยวนใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางไปยังภาคใต้


 


ฟางหยวนบินอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน


 


เหนือขึ้นไปสามารถมองเห็นดวงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า


 


เนตรดารา!


 


นี่คือวิญญาณอมตะที่ฟางหยวนพึ่งได้รับมา


 


มันเป็นรางวัลในการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่


 


เมื่อฟางหยวนกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะดวงนี้ ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้นก่อนจะเริ่มหมุนวน


 


แสงดาวถูกดึงดูดเข้าสู่ดวงตาของเขา


 


วิญญาณอมตะเนตรดาราระดับหกเป็นหนึ่งในสิบวิญญาณที่ลึกลับที่สุด


 


มันเป็นวิญญาณอมตะสายตรวจสอบ


 


ฟางหยวนไม่ได้ขาดวิธีการตรวจสอบ แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขายังเลือกรับวิญญาณอมตะดวงนี้


 


เหตุผลเป็นเพราะความสามารถของมันที่เกินกว่าท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบทั่วไป


 


เขาสามารถเปลี่ยนดวงดาวบนท้องฟ้าให้เป็นดวงตาของตนเองเพื่อสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง


 


ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใด ตราบเท่าที่มีดวงดาว ฟางหยวนก็สามารถสอดส่อง


 


แม้เขาจะอยู่ที่ภาคกลางแต่เขาจะสามารถตรวจสอบเหตุการณ์ต่างๆของภาคใต้หรือภาคอื่นๆ


 


ด้วยเหตุนี้วิญญาณอมตะเนตรดาราจึงถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในวิญญาณที่ลึกลับที่สุด


 


‘แต่น่าเสียดาย หากมันไม่มีจุดอ่อนนี้ พลังอำนาจของมันจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า’


 


จุดอ่อนของวิญญาณอมตะเนตรดาราคือไม่สามารถใช้งานได้ทันที ก่อนการใช้งาน มันต้องเชื่อมต่อกับดวงดาวบนท้องฟ้า


 


ฟางหยวนกำลังทำขั้นตอนนี้


 


เมื่อเวลาผ่านไป การหมุนวนในดวงตาของเขาก็หยุดลงและปรากฏร่องรอยเล็กๆของแสงดาวอยู่ในดวงตาทั้งสองข้างของเขา


 


ร่องรอยนี้เกิดจากการเชื่อมต่อระหว่างดวงตาของฟางหยวนกับดวงดาวบนท้องฟ้า


 


พลังงานอมตะถูกใช้ไปอย่างต่อเนื่องในการกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะเนตรดารา


 


ร่องรอยแสงดาวในดวงตาของฟางหยวนค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นทีละเล็กทีละน้อย


 


เมื่อเวลาผ่านไป ค่ำคืนก็สิ้นสุดลง


 


‘แสงดาวในดวงตาของข้าจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้มันจะสมบูรณ์แบบ ข้ายังต้องใช้เวลาและความพยายามอีกมาก’


 


หลังจากหนึ่งคืน ฟางหยวนพบว่าเขาใช้องุ่นเขียวอมตะไปถึงแปดผล!


 


‘วิญญาณอมตะเนตรดาราถูกจัดอยู่ในอันดับที่สิบเพราะค่าใช้จ่ายของมันสูงเกินไป ในการเชื่อมต่อกับดวงดาวแต่ละดวง ค่าใช้จ่ายของมันสูงกว่าวิญญาณอมตะระดับหกทั่วไปถึงสิบเท่า โชคดีที่ข้าสามารถดูแลเรื่องนี้’


 


‘ในความเป็นจริง ด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งดวงดาวระดับปรมาจารย์ของข้ากับแสงแห่งปัญญา ข้าสามารถเพิ่มวิญญาณอมตะเนตรดาราเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะอื่นๆเพื่อแสดงพลังอำนาจที่เหนือกว่าออกมา มันจะยอดเยี่ยมที่สุดหากข้าสามารถใช้วิญญาณเนตรดารากับวิญญาณท่องแดนอมตะร่วมกัน…’


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า


 


นางมารผลาญสวรรค์ต้องตระหนักถึงจุดนี้เช่นกัน มิฉะนั้นนางย่อมไม่ให้ความสำคัญกับวิญญาณอมตะเนตรดารามากนัก


 


มันเป็นเรื่องจริงที่วิญญาณเนตรดาราและวิญญาณท่องแดนอมตะเป็นวิญญาณที่สนับสนุนกัน


 


หลายวันต่อมา ฟางหยวนยังพยายามหลอมรวมวิญญาณอมตะระเบิดพลัง ขณะเดียวกันเขาก็ศึกษาท่าไม้ตายเขตแดนที่ถูกทิ้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ เขาต้องการสร้างท่าไม้ตายเขตแดนที่ไม่ส่งผลกระทบต่อแดนศักดิ์สิทธิ์


 


ทุกช่วงเวลาหนึ่งฟางหยวนจะออกไปยังโลกภายนอกและใช้วิญญาณอมตะเนตรดาราเชื่อมต่อกับดวงดาวบนท้องฟ้า


 


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วขณะที่ฟางหยวนทำงานอย่างหนัก


 


สถานการณ์ที่ภาคเหนือและภาคกลางไม่ต่างจากชีวิตก่อนหน้า


 


แต่ที่ทะเลตะวันออก สถานการณ์ในผาสวรรค์เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน ผู้บ่มเพาะสันโดษกับปีศาจอมตะจำนวนมากพุ่งเข้าสู่ผาสวรรค์และสร้างปัญหาให้กับสามตระกูลใหญ่


 


ในช่วงเวลานี้นางอสรพิษเจ็ดสมุทรยังสร้างปัญหาให้ซ่งอี้ซื่อทำให้ฝ่ายหลังทำลายหมู่บ้านบนเกาะและสังหารบรรพบุรุษของหลี่เสี่ยวเหยาด้วยโกรธ


 


อย่างไรก็ตามในชีวิตนี้กลุ่มผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะกลับถูกผลักดันออกไปโดยสามตระกูลใหญ่ เหตุผลเป็นเพราะการปรากฏตัวของนางมารผลาญสวรรค์กับฟางหยวนทำให้พวกเขาตื่นตัวและสามารถเตรียมตัวรับมือล่วงหน้า ความขัดแย้งภายในลดน้อยลงขณะที่สามตระกูลสามารถสร้างความร่วมมือ


 


เรื่องที่ฟางหยวนกังวลมากที่สุดคือเหตุการณ์ในหุบเขาเหล่าโป


 


เขารู้ว่าหุบเขาเหล่าโปอยู่ระหว่างการต่อสู้ร้อยวัน


 


ผู้อมตะภาคกลางนำโดยฟงจิวเก้อกำลังต่อสู้กับสมาชิกนิกายเงาที่นำโดยฉินไป่เฉิง


 


ฟางหยวนต้องการทราบสถานการณ์แต่เขาไม่มีวิธีตรวจสอบ


 


หากเขาวางค่ายกลวิญญาณสายตรวจสอบเอาไว้ใกล้กับหุบเขาเหล่าโป ผู้อมตะทั้งสองฝ่ายจะค้นพบเรื่องนี้


 


ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะภาคกลางหรือสมาชิกนิกายเงา พวกเขาไม่ใช่ตัวตนที่สามารถล้อเล่นได้โดยง่าย ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสถานการณ์แห่งชีวิตและความตาย หากบุคคลที่สามต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้ พวกเขาจะตอบโต้อย่างรุนแรง


 


‘ครั้งนี้แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า ข้าตั้งใจไว้ชีวิตเซี่ยซ่งซื่อเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนิกายเงา นั่นทำให้สถานการณ์ในหุบเขาเหล่าโปอาจเปลี่ยนแปลงไป’


 


ครั้งก่อนนิกายเงาพ่ายแพ้แต่พวกเขาก็สามารถหลบหนี แม้ผู้อมตะภาคกลางจะได้รับชัยชนะ พวกเขาก็สูญเสียฟงจิวเก้อ มันถือเป็นชัยชนะที่เต็มไปด้วยการสูญเสีย


 


ฟางหยวนอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการต่อสู้ร้อยวันในครั้งนี้เป็นอย่างมาก


 


แต่ก่อนที่ผลลัพธ์จะปรากฏ เขาไม่ต้องการสอดมือเข้าไป


 


หลังจากทั้งหมดเมื่อเขาสูญเสียวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองขณะที่การหลอมรวมวิญญาณอมตะระเบิดพลังยังไม่ประสบความสำเร็จ พลังการต่อสู้ของเขาลดลงอย่างมาก เขาไม่มีความมั่นใจมากนัก


 


สามวันหลังจากการต่อสู้ร้อยวันสิ้นสุดลง ฟางหยวนลอบอนุมานและรอคอยอยู่ในภาคเหนืออย่างอดทน


 


สุดท้ายก็มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นที่หุบเขาเหล่าโป



บทที่ 989 ไล่ล่าผีดิบอมตะสุดยอดกายา


แปลโดย iPAT 


 


สองร่างบินออกมาจากหุบเขาเหล่าโป


 


หนึ่งคือผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์และอีกหนึ่งคือไห่เจิ้ง


 


ฟางหยวนตื่นตัวอย่างมากแต่เขาไม่ได้ไล่ตามคนทั้งสองไปในทันที


 


หลังจากชั่วครู่ก็ไม่มีผู้อมตะคนใดออกมาจากหุบเขาเหล่าโปอีก


 


ฟางหยวนคาดเดา ‘ดูเหมือนแม้ข้าจะปล่อยให้เซี่ยซ่งซื่อมีชีวิตอยู่ แต่มันสามารถซื้อเวลาให้นิกายเงาได้อีกสามวันเท่านั้น ตอนนี้มีเพียงผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์และไห่เจิ้งที่สามารถหลบหนี’


 


ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลก


 


ปัจจัยชี้ขาดของการต่อสู้คือฟงจิวเก้อกับฉินไป่เฉิง


 


แม้ฟางหยวนจะไว้ชีวิตเซี่ยซ่งซื่อ เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากนัก


 


‘ข้าสงสัยว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นในหุบเขาเหล่าโปอีกหรือไม่?’ ฟางหยวนคิดและเริ่มเคลื่อนไหว


 


ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์กลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง


 


“ผู้ใด?” ทันใดนั้นผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์กลับหยุดชะงักอย่างกะทันหัน


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงปรากฏตัวขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่ วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า”


 


“ฮืม เพียงผู้อมตะระดับหก” ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ระเบิดพลังออกไปด้วยเจตนาสังหาร


 


“บึม!”


 


ด้วยการโจมตีที่รุนแรง ร่างของไท่เป่ยหยุนเฉิงแตกสลายกลายเป็นฟองอากาศ


 


“ภาพลวงตา?” ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ระวังตัวมากขึ้น เขาคิด ‘ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกแต่เขากล้าต่อต้านผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นข้า นอกจากนั้นเขายังรู้ตำแหน่งของข้าอย่างชัดเจน เขาเป็นตัวหมากเบี้ยของกลุ่มผู้อมตะภาคกลางงั้นหรือ? เขาไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ร้อยวันเพราะความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอหรือบางทีเขาอาจพึ่งมาถึง?’


 


แม้เขาจะเป็นผีดิบอมตะแต่ชัดเจนว่าเขามีทักษะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ทำให้เขาคิดคำนวณได้อย่างรวดเร็ว


 


ความคิดมากมายเกี่ยวกับไท่เป่ยหยุนเฉิงปรากฏขึ้นในใจของเขา


 


‘เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกแต่ข้าเป็นผีดิบอมตะระดับเจ็ด ข้าแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างน้อยสี่สิบส่วน เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า กลิ่นอายของเขาบ่งบอกว่าเขาเป็นคนเหนือ เหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือเขามาที่นี่เพื่อถ่วงเวลาการหลบหนีของข้าเท่านั้น!’


 


“ฮิฮิฮิ อย่าพึ่งรีบร้อน” ภาพลวงตาของไท่เป่ยหยุนเฉิงปรากฏขึ้นอีกครั้ง


 


มันเป็นภาพลวงตาที่เหมือนจริงมาก ก่อนหน้านี้ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ไม่ได้สนใจและคิดว่ามันเป็นร่างจริง


 


แต่หลังจากใช้วิธีการตรวจสอบ เขาจึงค้นพบสิ่งผิดปกติ


 


“ฮืม!” ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ก่นเสียงเย็นก่อนจะบินจากไปโดยไม่สนใจไท่เป่ยหยุนเฉิง


 


“เจ้ากำลังจะไปที่ใด?” ฟางหยวนมาถึงในที่สุด


 


ด้วยวิญญาณท่องแดนอมตะ วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล และไท่เป่ยหยุนเฉิง ฟางหยวนสามารถไล่ตามผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ได้อย่างง่ายดาย


 


หากไม่ใช่เพราะเขาไม่ต้องการเปิดเผยวิญญาณท่องแดนอมตะและตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ เขาคงมาถึงนานแล้ว


 


เห็นการมาถึงของฟางหยวน ขวัญกำลังใจของไท่เป่ยหยุนเฉิงพุ่งสูงขึ้น


 


ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ


 


ร่างของผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์สั่นสะท้านขึ้น


 


“ฟงจิวเก้อ!” เขากรีดร้อง


 


ความจริงก็คือฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยปลอมตัวเป็นฟงจิวเก้อ


 


พลังการต่อสู้ของเขาอยู่บนจุดสูงสุดของระดับหกเท่านั้น หากเขาต่อสู้ตอนนี้ เขาจะไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากนัก


 


แต่ฟางหยวนมีไพ่ตาย


 


ความมั่นใจของเขามาจากท่าไม้ตายเขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดารา


 


ฝ่ายตรงข้ามเป็นผีดิบอมตะระดับเจ็ด เขาพึ่งผ่านการต่อสู้ร้อยวัน ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงลดลงอย่างมาก


 


ในสถานการณ์นี้ตราบเท่าที่สามารถบังคับศัตรูให้เข้าสู่เขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดาราเพื่อระบายความแข็งแกร่ง ฟางหยวนมีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะ


 


‘ลืมไห่เจิ้งไปได้เลย เขาเป็นเพียงสุนัขจรจัด เขาสูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬไปแล้ว สถานการณ์ของเขาอาจเลวร้ายยิ่งกว่า มิเช่นนั้นเหตุใดผู้อมตะภาคกลางจึงไม่ไล่ล่าเขา ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเขา’


 


‘แต่ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์เป็นสมาชิกคนสำคัญของฉินไป่เฉิงและเทพธิดาเจียงหยู พวกเขาทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือคนผู้นี้ บนภูเขาอี้เทียน เขายังเป็นหนึ่งผีดิบอมตะสุดยอดกายาทั้งสิบที่เป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณ’


 


‘เขาได้รับภารกิจสำคัญ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตาย ในชีวิตก่อนหน้า ปีศาจอมตะเซี่ยหูจับเขาก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังพันธมิตรผีดิบ ในชีวิตนี้มีความเป็นไปได้ที่ข้าจะสามารถจับเขาเช่นกัน’


 


‘ตราบเท่าที่ข้าสามารถจับเขา ข้าจะล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับนิกายเงา แน่นอนว่าหากจิตวิญญาณของเขาถูกดัดแปลงเหมือนเซี่ยซ่งซื่อ ข้าจะไม่ได้รับสิ่งใด แต่อย่างน้อยการสังหารเขาก็จะทำให้นิกายเงาพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่’


 


ฟางหยวนกำลังตรวจสอบนิกายเงา หากเขาต้องการฉกชิงคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล เขาต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังที่ทรงพลังและลึกลับนี้อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง


 


สำหรับเรื่องนี้ ฟางหยวนไม่ได้กำลังรอคอยอย่างอดทน


 


แต่เขาโจมตีไปที่จุดอ่อนของนิกายเงาโดยตรง


 


‘ฟงจิวเก้อจริงๆงั้นหรือ?’ ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์คิด


 


เขาเป็นสมาชิกหลักของนิกายเงา แผนการของฉินไป่เฉิงไม่ได้ถูกซ่อนจากเขา


 


ก่อนจากมา ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์เห็นฟงจิวเก้อถูกดึงเข้าสู่ด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์พร้อมกับเทพธิดาโอวเซี่ยและเทพธิดาหลิงเหม่ย เมื่อฉินไป่เฉิงสังเวยชีวิตของตนเอง กลุ่มของฟงจิวเก้อจะถูกกำจัดโดยลมมรณะ


 


แล้วฟงจิวเก้อจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร


 


ความเป็นไปได้มีน้อยมาก


 


เพราะนิกายเงารู้ว่าจ้าวเหลียนหยุนถูกส่งตัวไปภาคกลางเรียบร้อยแล้ว


 


จากมุมมองของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เพื่อยึดครองมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ พวกเขาต้องส่งจ้าวเหลียนหยุนไปที่นั่น


 


‘เว้นเพียงว่าหนึ่งในกลุ่มของฟงจิวเก้อ เทพธิดาโอวเซี่ย หรือเทพธิดาหลิงเหม่ยจะเป็นปีศาจต่างโลก แต่เราได้ตรวจสอบเรื่องนี้ล่วงหน้าเช่นกัน’


 


ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์คิดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเห็นภาพลวงตาของไท่เป่ยหยุนเฉิงก่อนหน้านี้ มันยิ่งทำให้เขาเต็มไปด้วยความสงสัยต่อฟงจิวเก้อผู้นี้


 


เขาลอบใช้วิธีตรวจสอบอย่างลับๆ แต่หลังจากนั้นเม็ดเหงื่อกลับไหลลงมาจากหน้าผากของเขา


 


‘ฟงจิวเก้อตัวจริง!’ ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ตกใจมาก


 


‘ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยของข้าสามารถหลอกผู้อมตะระดับแปด เจ้าเหนือกว่าพวกเขางั้นหรือ? นอกจากนั้นข้ายังมีท่าไม้ตายอมตะม่านหมอกดารา แม้เจ้าจะมีทักษะบนเส้นทางแห่งปัญญาบางอย่าง เจ้าก็ไม่สามารถทำลายมันได้โดยง่าย’ ฟางหยวนเย้ยหยันอยู่ภายใน


 


ด้วยท่าไม้ตายอมตะม่านหมอกดารา ประสิทธิภาพของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจึงเพิ่มสูงขึ้น


 


แม้ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์จะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาอนุมาน แต่ฟางหยวนก็จะสัมผัสได้ว่าม่านหมอกดาราเริ่มบางลงและสามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายนี้ซ้ำๆเพื่อต่อต้านการอนุมานของฝ่ายตรงข้าม


 


เว้นเพียงว่าผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์จะมีวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ทรงพลังและสามารถทำลายม่านหมอกดาราได้อย่างรวดเร็ว


 


แต่สิ่งนี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก


 


อย่างน้อยที่สุดจากข้อมูลที่ฟางหยวนได้รับจากไห่ลั่วหลันในชีวิตก่อนหน้า ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ก็ไม่เคยแสดงทักษะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ทรงพลังออกมาในการต่อสู้ร้อยวัน


 


ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์รีบหลบหนีด้วยความตื่นตระหนก


 


ความเร็วของฟางหยวนไม่สามารถติดตามฝ่ายตรงข้ามแต่เขามีวิญญาณท่องแดนอมตะ


 


ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาสำรวจพื้นที่บริเวณนี้มาอย่างสมบูรณ์แล้ว


 


ตราบเท่าที่เขารู้ทิศทางที่ฝ่ายตรงข้ามมุ่งหน้าไป เขาก็สามารถเคลื่อนย้ายสถานที่ได้ในพริบตา


 


การไล่ล่าครั้งนี้ค่อยๆบังคับให้ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์เข้าสู่สถานที่ที่ฟางหยวนจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า


 


มันก็คือเขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดารา


 


เมื่อผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ไปถึงที่นั่น เขาก็ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่ติดอยู่ในกับดัก


 


แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในเขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดารา เขาพลิกตัวกลับมาและใช้ท่าไม้ตายอมตะโจมตีฟางหยวนอย่างกะทันหัน


 


เปลวเพลิงสีแดงพุ่งเข้าหาฟางหยวน


 


อุณหภูมิในอากาศพุ่งสูงขึ้นกระทั่งสามารถเผาเส้นผมและขนคิ้วของฟางหยวน


 


เขาต้องถอย!


 


ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์หัวเราะเสียงดัง “หนูตัวน้อย กล้าหลอกข้างั้นหรือ?”


 


ฟางหยวนลอบถอนหายใจ ไม่มีแผนการใดสมบูรณ์แบบ ข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของเขาก็คือความเร็วในการบินของเขาช้าเกินไป


 


ในการต่อสู้ร้อยวัน ฟงจิวเก้อเคยแสดงความสามารถด้านการบินที่น่าทึ่งออกมา


 


ดังนั้นข้อบกพร่องของฟางหยวนจึงทำให้ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์รู้สึกสงสัย


 


นั่นทำให้เขาเริ่มคาดเดาแรงจูงใจซ่อนเร้นของฝ่ายตรงข้าม


 


ชัดเจนว่าเขาไม่เพียงแข็งแกร่งแต่ยังเต็มไปด้วยสติปัญญา


 


แผนการของฟางหยวนเกือบประสบความสำเร็จแต่กลับล้มเหลวในช่วงเวลาสำคัญ


 


ตอนนี้สถานการณ์กลายเป็นพลิกผัน


 


ฟางหยวนกลายเป็นฝ่ายที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย


 


ความเร็วของผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์เหนือกว่าฟางหยวนมาก


 


ฟางหยวนหลบเปลวเพลิงด้วยความยากลำบากและตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช


 


ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์โกรธมากที่ถูกหลอก ดังนั้นเขาจึงพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้อตัวปลอมอย่างบ้าคลั่ง


 


แต่ฟางหยวนยังหัวเราะ “ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ เจ้าแพ้แล้ว ทุกคน ภารกิจของเราสำเร็จแล้ว ที่เหลือฝากพวกเจ้าด้วย”


 


ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ตกใจมาก เขาหันหลังกลับโดยไม่รู้ตัวและเริ่มหลบหนีอีกครั้ง



บทที่ 990 เข้าสู่หุบเขาเหล่าโปเป็นครั้งที่สอง


แปลโดย iPAT 


 


เห็นผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์บินจากไป ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายลงและเร่งบินไปในทิศทางตรงข้ามทันที


 


แม้เขาจะมีวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่มันจะดีที่สุดหากเขาไม่เปิดเผยวิญญาณดวงนี้ออกไป


 


หลังจากทั้งหมดการคงอยู่ของวิญญาณท่องแดนอมตะเป็นสิ่งที่ชัดเจนเกินไป โดยไม่ต้องเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ทุกคนก็สามารถคาดเดาได้ว่าคนผู้นี้คือฟางหยวน


 


‘หลายคนรู้ว่าข้าครอบครองวิญญาณท่องแดนอมตะ หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ข้าจะเคลื่อนไหวได้สะดวกมากขึ้น’


 


ฟางหยวนบินเข้าสู่เขตแดนที่จัดตั้งไว้ก่อนจะเคลื่อนย้ายสถานที่ไปยังจุดหมายปลายทาง


 


ที่นั่นไท่เป่ยหยุนเฉิงรออยู่แล้ว


 


“แผนจับกุมผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ล้มเหลว” ฟางหยวนกล่าวอย่างเคร่งขรึม


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงถอนหายใจ “ในความคิดเห็นของข้า มันเป็นสิ่งที่ดี การจับกุมผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นเรื่องอันตรายเกินไป ฟางหยวน เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลให้มากนัก ผู้อมตะภาคกลางยังไม่พบพวกเรา หรือกระทั่งพวกเขาจะพบพวกเรา ท่านอาจารย์ก็คงไม่นิ่งเฉย อย่าลืมว่าเรายังมีวิญญาณท่องแดนอมตะ พวกเราสามารถไปที่ใดก็ได้บนโลกใบนี้ บางทีพวกเราก็ควรเก็บความแข็งแกร่งเอาไว้บ้าง ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายตลอดเวลา”


 


ฟางหยวนถอนหายใจและรู้สึกพูดไม่ออก


 


เขาไม่ได้บอกไท่เป่ยหยุนเฉิงเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ


 


ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการบ่มเพาะอย่างสงบสุข แต่มันเป็นเพราะสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย ไท่เป่ยหยุนเฉิงไม่ใช่คนที่มาจากอนาคตเช่นเขา ด้วยประสบการณ์ห้าร้อยปี ฟางหยวนรู้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นหลังจากนี้


 


หากความจริงเกี่ยวกับการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงถูกเปิดเผย สถานการณ์ของเขาจะเลวร้ายมาก


 


แม้ฟางหยวนจะต้องการอยู่อย่างสงบแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้


 


ตราบเท่าที่วังสวรรค์เผยข้อมูลเท็จออกไปว่าฟางหยวนได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนจะมาหาเขาด้วยความโลภ


 


ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใด เขาก็จะถูกไล่ล่าและปราบปราม


 


ท้ายที่สุดตอนนี้ก็ไม่ใช่ยุคของอาณาจักรแห่งความฝันอันรุ่งโรจน์ มันไม่ใช่การกล่าวเกินจริงที่มรดกของเทพอมตะตะวันเดือดจะกลายเป็นจุดสนใจของผู้อมตะทั้งโลก


 


การบ่มเพาะของฟางหยวนอยู่ในจุดต่ำสุดของระดับหก เขาจะกลายเป็นเป้าหมายของผู้คนทั้งหมดทันที


 


เมื่อเวลานั้นมาถึง ฟางหยวนจะไม่ต่างจากสุนัขจรจัดที่ต้องหลบหนีไปทุกหนทุกแห่งและไม่มีเวลาบ่มเพาะ


 


อย่าลืมว่าเขายังต้องพบกับภัยพิบัติสวรรค์พิภพเป็นครั้งคราว


 


ในทางตรงข้าม หากเขาได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดสนามรบแห่งความโกลาหล ทุกอย่างจะแตกต่างออกไป


 


ด้วยพลังการต่อสู้ระดับหก ฟางหยวนจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะทั้งหมด แต่ด้วยพลังการต่อสู้ระดับแปด มีเพียงผู้อมตะระดับแปดเท่านั้นที่จะเล็งเป้ามาที่เขาและกระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากหากต้องการโค้นล้มฟางหยวน


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงกล่าวปลอบใจฟางหยวน “ฟางหยวน เจ้าฝืนตนเองมากเกินไป เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ พวกเราเป็นผู้อมตะ เราควรใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเป็นครั้งคราว”


 


“ข้ามีความสุขดีกับชีวิตของข้าตอนนี้” ฟางหยวนมองไปที่สุดขอบฟ้า “นานแล้วแต่ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ยังไม่กลับมา ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างใจเย็น ด้วยสติปัญญาของเขา เขาย่อมรู้ว่าข้าโกหก แต่เขาสามารถเอาชนะความโกรธของตนเองและจากไป”


 


“เจ้า…” ไท่เป่ยหยุนเฉิงถอนหายใจ “แต่ค่ายกลวิญญาณที่เจ้าสร้างขึ้นค่อนข้างน่าสนใจ มันปกคลุมพื้นที่นับหมื่นลี้ นี่เป็นเขตแดนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น มันยังสามารถสร้างภาพลวงตา สิ่งสำคัญมันใช้เพียงวิญญาณระดับมนุษย์เท่านั้น เจ้าได้รับสิ่งนี้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่เช่นนั้นหรือ?”


 


ฟางหยวนพยักหน้าแต่ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม


 


เขาไม่เพียงได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดวงดาวแต่เขายังได้รับความรู้เกี่ยวกับวิธีการบ่มเพาะของเทพธิดาหยูลู่


 


ด้วยการใช้แสงแห่งปัญญา เขาจึงสามารถสร้างท่าไม้ตายเขตแดนที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้


 


ฟางหยวนกล่าว “หมื่นลี้แล้วอย่างไร? วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงสามารถส่งอิทธิพลไปทั่วทั้งภาคเหนือ แท้จริงแล้วค่ายกลวิญญาณนี้อ่อนแอมาก ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ไม่ได้ทำลายมันเพียงเพราะเขากำลังยุ่งอยู่กับการหลบหนีและไม่มีเวลาสนใจมัน เอาล่ะ ไปกันเถอะ เราจะไล่ล่าไห่เจิ้ง”


 


แผนจับตัวผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ล้มเหลวเพราะเขาฉลาดเกินไป


 


แต่ฟางหยวนจะไม่ยอมปล่อยไห่เจิ้งไป


 


ฟางหยวนใช้ทาสอมตะเผ่ามนุษย์วิหคจ้าวจงลอบติดตามไห่เจิ้งไปอย่างลับๆ ดังนั้นการติดตามไห่เจิ้งจึงประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย


 


แม้ไห่เจิ้งจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาพึ่งผ่านการต่อสู้ร้อยวันและได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจ


 


เขาใช้กลยุทธ์เดิมอีกครั้ง


 


คราวนี้เขาไม่ได้ปลอมตัวเป็นฟงจิวเก้อแต่ปลอมเป็นผู้อมตะเฒ่ากังหยาง


 


ไห่เจิ้งหลบหนีและตกลงสู่หลุมพรางในที่สุด


 


ฟางหยวนกระตุ้นใช้เขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดาราและทำให้ไห่เจิ้งสูญเสียความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง


 


นั่นทำให้ฟางหยวนสามารถจับไห่เจิ้งที่ยังมีชีวิต


 


ไห่เจิ้งมีคุณค่ามาก อย่างน้อยฟางหยวนก็สามารถขายเขาให้กับไห่ลั่วหลันเพื่อรีดเค้นผลประโยชน์


 


แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องค้นวิญญาณไห่เจิ้งเป็นอันดับแรก


 


เขาได้รับข้อมูลจากไห่ลั่วหลันในชีวิตก่อนหน้าแต่มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับการค้นวิญญาณไห่เจิ้งด้วยตัวของเขาเอง


 


ฟางหยวนนำเชลยไห่เจิ้งกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู


 


เขาพักผ่อนแต่ยังเฝ้ามองสถานการณ์ในภาคเหนือ


 


‘เป้าหมายต่อไปของข้าคือหุบเขาเหล่าโป ด้วยการผสานงานกันระหว่างภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป จิตวิญญาณของข้าจะยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว แรงกดดันที่เกิดจากทาสอมตะก็จะถูกกำจัดออกไปขณะที่พลังการต่อสู้ของข้าจะกลับมา’ ฟางหยวนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อหุบเขาเหล่าโป


 


ก่อนหน้านี้เขาเลือกวิญญาณทาสอมตะเนื่องจากการดำรงอยู่ของหุบเขาเหล่าโป


 


แต่เขายังต้องรอเวลาที่เหมาะสม


 


หลังจากค้นวิญญาณของไห่เจิ้ง เขารู้ว่าเซี่ยซ่งซื่อเสียชีวิตตั้งแต่ช่วงแรกของการต่อสู้ร้อยวัน นอกจากนั้นทุกอย่างก็ไม่ต่างจากที่มันเคยเป็น


 


‘ฟงจิวเก้อถูกฉินไป่เฉิงกักขังเอาไว้ด้วยวิธีการบางอย่าง ตอนนี้หุบเขาเหล่าโปถูกยึดครองโดยกลุ่มผู้อมตะจากภาคเหนือ มันยังไม่ถึงเวลา’


 


ฟางหยวนรอคอยอย่างอดทน


 


ในไม่ช้าสถานการณ์ของภาคเหนือก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มันดึงดูดความสนใจของฟางหยวนทันที


 


ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ลอบเข้าสู่สุสานผีดิบแต่พบและถูกจับโดยปีศาจอมตะเซี่ยหู


 


การต่อสู้ที่รุนแรงทำให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูถูกค้นพบโดยกองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือ


 


แม้การต่อสู้ร้อยวันจะถูกลากออกไปสามวันแต่เหตุการณ์เกี่ยวกับปีศาจอมตะเซี่ยหูยังเกิดขึ้น


 


ฟางหยวนรู้สึกเศร้าเล็กน้อยกับเรื่องนี้


 


เขาไม่ต้องการให้นางมารผลาญสวรรค์กลับภาคเหนือเร็วเกินไปเนื่องจากนางจะร่วมมือกับไห่ลั่วหลันและเทพธิดาหลี่ซานวางแผนปราบปรามเขา


 


เหตุการณ์หลังจากนั้นพัฒนาไปในรูปแบบที่เคยเป็นเกือบทั้งหมด


 


กองกำลังพันธมิตรผีดิบของทะเลตะวันออกสั่งให้นางมารผลาญสวรรค์กลับภาคเหนือเพื่อปกป้องชื่อเสียงของเมืองคลื่นทมิฬ


 


นางมารผลาญสวรรค์เลือกผู้ติดตามจำนวนหนึ่งรวมถึงผีดิบอมตะระดับแปดอีกสองคนร่วมทางไปด้วย


 


ฟางหยวนแนะนำแผนการต่อต้านปีศาจอมตะเซี่ยหูให้กับนางมารผลาญสวรรค์


 


เมื่อนางมารผลาญสวรรค์ได้ยิน นางต้องเปิดปากชื่นชมอย่างช่วยไม่ได้ “นี่เป็นแผนที่ดีมาก ข้าชอบ ปีศาจอมตะเซี่ยหูแข็งแกร่งมากแต่เขาก็มีจุดอ่อนสำคัญ ตอนนี้เขากำลังรวบรวมทรัพยากรอมตะเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ ข้ารู้จักนิสัยของเจ้า บอกมาว่าเจ้าต้องการสิ่งใดเป็นค่าตอบแทน”


 


สิ่งที่นางมารผลาญสวรรค์ไม่รู้ก็คือแท้จริงแล้วนี่เป็นแผนการที่นางเค้นสมองคิดขึ้นมาด้วยตนเองหลังจากกลับไปถึงเมืองคลื่นทมิฬ


 


ฟางหยวนขอร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง


 


นางมารผลาญสวรรค์ลังเล แต่เมื่อนึกถึงเบื้องหลังของฟางหยวน นางจึงยอมรับคำขอนี้


 


ฟางหยวนขอสิ่งนี้ไว้เพื่อเป็นแผนสำรองในกรณีที่แผนการยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลและผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดล้มเหลว


 


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว


 


ฟางหยวนตรวจสอบผู้อมตะภาคกลางและพบว่าพวกเขาออกจากภาคเหนือเรียบร้อยแล้ว


 


‘ได้เวลาเข้าสู่หุบเขาเหล่าโป!’


 


ฟางหยวนนำไท่เป่ยหยุนเฉิงและจ้าวจงเดินทางไปยังส่วนลึกของหุบเขาเหล่าโปโดยวิญญาณท่องแดนอมตะ


 


หลังจากค้นวิญญาณของไห่เจิ้ง เขาจึงรู้จักภูมิประเทศของหุบเขาเหล่าโปเป็นอย่างดี


 


ด้วยวิธีนี้ ฮุ้ยฟงซื่อที่เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกจึงไม่ตระหนักถึงกลุ่มของฟางหยวน


 


วิญญาณอมตะยกภูเขา!


 


ฟางหยวนกำลังจะขโมยหุบเขาเหล่าโปแต่ในจังหวะนี้เขากลับรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง


 


เขาได้ยินเสียงเพลงดังขึ้นในหู


 


“บทเพลงที่ล้มเหลวและวีรบุรุษที่สิ้นหวัง ความยากลำบากในการต่อต้านโชคชะตา”


 


“ดาบที่จมอยู่ใต้พื้นทรายทะยานขึ้นจากห้วงอดีตสร้างเสียงครวญครางไปทั่วน้ำตกสวรรค์”


 


“อนิจจา…”


 


“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ?”


 


“ร่างกายและจิตใจอาจเปลี่ยนผัน แต่เจตจำนงสวรรค์ยังยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต”


 


มันเป็นบทเพลงลึกลับของเทพอมตะกลุ่มดาว!


 


ครั้งนี้ฟางหยวนสามารถจดจำได้ทั้งหมด ในเวลาเดียวกันข้อมูลจำนวนมหาศาลก็พุ่งเข้าสู่จิตใจของเขาอย่างกะทันหัน


 


ฟางหยวนตะลึง


 


‘หุบเขาเหล่าโปซ่อนมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เอาไว้!’

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)