เทพปีศาจหวนคืน 984-985

 บทที่ 984 บทเพลงลึกลับ


แปลโดย iPAT 


 


ฉากที่สามของอาณาจักรแห่งความฝัน


 


มันเป็นค่ำคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว


 


ฟางหยวนยืนอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบและกำลังมองสตรีนางหนึ่งที่อยู่ในศาลาหิน


 


เทพอมตะกลุ่มดาว!


 


ในประวัติศาสตร์มีเพียงเทพปีศาจบัวแดงเท่านั้นที่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน สำหรับผู้อมตะระดับเก้าคนอื่นๆ พวกเขาเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง


 


เทพอมตะกลุ่มดาวเป็นผู้อมตะระดับเก้าคนที่สองต่อจากเทพอมตะแรกกำเนิด นอกจากนี้นางยังเป็นผู้นำของวังสวรรค์รุ่นที่สอง


 


นางประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงอย่างมาก ใบหน้าและการปรากฏตัวของนางเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถจดจำนางได้ในทันที


 


เทพอมตะกลุ่มดาวเป็นสตรีผอมสูงในชุดคลุมสีฟ้ายาวลากพื้น


 


นางมีเส้นผมสีดำราวกับน้ำตกที่ยาวลงมาถึงเอว คิ้วของนางทั้งหนาและยาว ดวงตาของนางราวกับดวงจันทร์ที่ส่องประกายด้วยความฉลาดเฉลียว ขณะที่ผิวของนางขาวราวหิมะ ทั้งหมดทำให้นางดูเป็นหญิงที่ทั้งงดงามและลึกลับ


 


ตอนนี้นางกำลังดีดพิณอยู่ในศาลาบนเกาะกลางทะเลสาบ


 


“ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่” เทพอมตะกลุ่มดาวกล่าวอย่างช้าๆ


 


“น่าสนใจ ในอาณาจักรแห่งความฝันฉากนี้ ข้าคือผู้ใด?” ฟางหยวนมองกลับมาที่ตนเองและพบว่าเขาอยู่ในรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตนเอง


 


สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนตกตะลึง


 


กล่าวตามหลักเหตุผล สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น


 


ก่อนหน้านี้ในฉากแรก ฟางหยวนอยู่ในร่างของเด็กชายผู้หนึ่ง ในฉากที่สอง เขาเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการบ่มเพาะ แต่เหตุใดในฉากที่สามเขาจึงอยู่ในร่างของตนเอง?


 


‘ก่อนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ตอนนี้กระทั่งท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยก็ยังถูกลบออกไป บางทีอาณาจักรแห่งความฝันนี้อาจอยู่ลึกมาก จิตวิญญาณของข้าจมลงสู่ก้นบึ้งของมันงั้นหรือ?’


 


ฟางหยวนคิดและระวังตัวมากขึ้น


 


เมื่อเขาอยู่ในฉากที่สอง เขาตระหนักอย่างชัดเจนว่ามันเป็นความฝันไม่ใช่ความจริง


 


แต่ในกรณีที่จิตวิญญาณของเขาจมลงสู่ส่วนลึกของอาณาจักรแห่งความฝัน เขาจะสูญเสียการรับรู้และคิดว่าทุกสิ่งคือเรื่องจริงเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ไห่ลั่วหลันจมลงสู่อาณาจักรแห่งความฝันและสูญเสียตัวตน


 


‘รูปลักษณ์ดั่งเดิมของข้าแสดงให้เห็นว่าข้าจมลงสู่ส่วนลึกของอาณาจักรแห่งความฝัน ดูเหมือนฉากที่สามจะไม่ใช่เรื่องง่าย’ ฟางหยวนคิดและไม่กล้าประมาท


 


เทพอมตะกลุ่มดาวดูเหมือนจะเข้าใจความกังวลของฟางหยวน นางเผยรอยยิ้มก่อนกล่าว “อย่ากังวล เพียงฟังบทเพลงของข้า”


 


หลังกล่าวจบคำ นางจึงเริ่มดีดพิณอีกครั้ง


 


เสียงพิณบรรเลงไปราวกับสายน้ำที่อ่อนโยน


 


จากนั้นนางจึงเปิดปากร้องเพลงด้วยภาษาโบราณ


 


“บทเพลงที่ล้มเหลวและวีรบุรุษที่สิ้นหวัง ความยากลำบากในการต่อต้านโชคชะตา”


 


“ดาบที่จมอยู่ใต้พื้นทรายทะยานขึ้นจากห้วงอดีตสร้างเสียงครวญครางไปทั่วน้ำตกสวรรค์”


 


“อนิจจา…”


 


“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ?”


 


“ร่างกายและจิตใจอาจเปลี่ยนผัน แต่เจตจำนงสวรรค์ยังยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต”


 


เสียงเพลงของเทพอมตะกลุ่มดาวราวกับน้ำพุธรรมชาติที่ไหลเข้าสู่ส่วนลึกในจิตใจของฟางหยวน


 


ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก เขารู้สึกว่าบทเพลงนี้เหมือนเป็นการทำนายอนาคต นางพยายามบอกบางสิ่ง แต่ฟางหยวนยังไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้ในเวลาอันสั้น


 


เมื่อเทพอมตะกลุ่มดาวร้องเพลงจบ ร่างของนางก็ค่อยๆเลือนหายไป แต่รอยยิ้มลึกลับยังแขวนอยู่บนใบหน้าของนาง


 


ฟางหยวนยังระวังตัว แต่ในเวลาต่อมาอาณาจักรแห่งความฝันกลับอันตรธานหายไปอย่างสมบูรณ์


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น? อาณาจักรแห่งความฝันหายไปได้อย่างไร?” จากด้านนอก ฟงจินฮวงที่กำลังพักฟื้นเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความตกใจและสงสัย


 


ฟางหยวนซ่อนตัวได้ทันเวลา ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดค้นพบการคงอยู่ของเขา


 


เขาลอบออกจากสถานที่แห่งนี้ด้วยความรู้สึกตกใจเช่นกัน ‘เหตุใดฉากที่สามของอาณาจักรแห่งความฝันจึงหายไปก่อนที่ข้าจะสำรวจมัน เหตุใดมันจึงลึกลับนัก? จากประสบการณ์ทั้งหมดของข้า ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีอาณาจักรแห่งความฝันเช่นนี้มาก่อน!’


 


ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก เขารู้สึกว่าอาณาจักรแห่งควมฝันนี้พิเศษและมีจุดประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงบางอย่าง


 


‘ในอาณาจักรแห่งความฝัน เทพอมตะกลุ่มดาวร้องเพลงให้ข้าฟัง นางต้องการบอกสิ่งใดกับข้า?’


 


ฟางหยวนพยายามนึกแต่ตอนนี้เขากลับจดจำบทเพลงเหล่านั้นไม่ได้


 


มันเหมือนกับคนพึ่งตื่นนอน แม้พวกเขาจะฝัน แต่พวกเขากลับไม่สามารถจดจำความฝันที่พึ่งผ่านพ้นไป


 


ฟางหยวนใช้ทักษะบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่เขายังไม่สามารถจดจำรายละเอียด


 


…..


 


ในเวลาเดียวกัน


 


ภาคใต้ ฐานทัพของนิกายเงา แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตและความตาย


 


ด้านหน้าประตูแห่งชีวิตและความตายมีอาณาจักรแห่งความฝันหนึ่งอยู่ที่นี่


 


ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อถือวิญญาณอมตะระดับแปดจำนวนเก้าดวงเดินเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอย่างช้าๆ


 


ทันทีที่เข้าไป เขาตระหนักถึงเจตนาสังหารที่พลุ่งพล่าน


 


“ตาย ตาย ตาย!” ชายชุดคลุมดำผู้หนึ่งตะโกนด้วยดวงตาสีแดงก่ำและเส้นผมที่ยุ่งเหยิง


 


ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อไม่สามารถขยับเขยื้อน


 


หากเป็นคนอื่นเข้ามาที่นี่ พวกเขาอาจกรีดร้อง “เทพปีศาจจิตวิญญาณ!”


 


ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อถูกบังคับให้ออกไปพร้อมกับจิตวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส


 


เขาพ่นเลือดตำโตออกมาขณะที่ใบหน้ากลายเป็นซีดขาว


 


อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจจิตวิญญาณมีความยากสูงกว่าอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาว


 


ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อพึ่งเข้าไปในฉากแรกแต่กลับถูกบังคับให้ออกมาอย่างรวดเร็ว


 


ตัวละครที่เขาสวมเป็นศัตรูที่ถูกสังหารโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


ม่านเยี่ยนซื่อพยายามเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันนี้มาแล้วหลายครั้งแต่ยังถูกเทพปีศาจจิตวิญญาณสังหารทุกครั้งและไม่สามารถตอบสนอง


 


“แต่ข้าทิ้งวิญญาณอมตะไว้ในอาณาจักรแห่งความฝันแล้ว มันต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อแสดงพลังอำนาจ” ม่านเยี่ยนซื่อไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตน เขาเปิดฝ่ามือและเผยให้เห็นวิญญาณอมตะดวงหนึ่ง


 


วิญญาณอมตะดวงนี้ถูกหลอมรวมขึ้นโดยหยูมู่ฉาน มันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎที่มีชื่อว่า กลายเป็นความจริง


 


ม่านเยี่ยนซื่อกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะกลายเป็นความจริงทันที


 


มันบินไปรอบๆอาณาจักรแห่งความฝันและทิ้งเส้นแสงสีเงินเอาไว้ในอากาศ


 


‘ไป!’ ม่านเยี่ยนซื่อคิด


 


ทันใดนั้นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนจากมิติช่องว่างของเขาก็บินออกไปและสร้างค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ปกคลุมอาณาจักรแห่งความฝันเอาไว้ทั้งหมด


 


ค่ายกลวิญญาณลึกลับราวกับรังไหมสีเงินที่ห่อหุ้มอาณาจักรแห่งความฝันเอาไว้ภายใน


 


ม่านเยี่ยนซื่อถอนหายใจ ร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรงและแทบไม่สามารถประคองตัวยืนอยู่ต่อ


 


เขาเหนื่อยมากแต่เขามีความสุขเมื่อมองไปที่รังไหมแสง “ต่อไปเพียงต้องรอให้มันโตเต็มที่เท่านั้น”


 


…..


 


หลายวันผ่านไป


 


แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู


 


ฟางหยวนหัวเราะอยู่ในถ้ำใต้พิภพ


 


เขาประสบความสำเร็จ


 


หลังจากใช้เวลาหนึ่งเดือนในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู เขาสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะเขตแดน!


 


ท่าไม้ตายนี้มีชื่อว่าเขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดารา มันใช้วิญญาณอมตะล้างใจ วิญญาณอมตะร่องรอยดารา วิญญาณอมตะศรแสงดาว วิญญาณอมตะแสงดาว และวิญญาณอมตะความคิดดาราเป็นแกนกลาง มันไม่มีพลังโจมตีแต่มันจะสลายพละกำลังของศัตรูตลอดเวลา


 


“แสงแห่งปัญญาช่างทรงพลังนัก หากข้าคิดเอง ข้าจะไม่ได้รับสิ่งใดแม้จะผ่านไปสามปี!”


 


ท่าไม้ตายเขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดาราใช้วิญญาณระดับมนุษย์เพียงหกร้อยดวงแต่การทำงานร่วมกันระหว่างพวกมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก


 


ดังนั้นการกระตุ้นใช้งานเขตแดนนี้ ฟางหยวนต้องมีเวลาอย่างน้อยสองหรือสามนาที


 


เวลาดังกล่าวไม่ถือว่านานนัก มันอยู่ในค่าเฉลี่ยของท่าไม้ตายเขตแดนทั่วไป


 


ในความเป็นจริงท่าไม้ตายเขตแดนมักต้องใช้เวลาในการติดตั้ง ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน เทพธิดาหลี่ซานก็ต้องติดตั้งท่าไม้ตายเขตแดนภูเขาสวนแพร์ล่วงหน้าก่อนจะล่อลวงผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่เข้าสู่กับดัก


 


“ในแง่ของการจับกุมศัตรู เขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดาราของข้าไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขตแดนภูเขาสวนแพร์ แต่ความสามารถในการสลายพลังของศัตรูทำให้มันเหนือกว่าเขตแดนภูเขาสวนแพร์ หลังจากทั้งหมดเขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดาราของข้าใช้เขตแดนสนามรบจิตวิญญาณในการอ้างอิง”


 


ฟางหยวนต้องการทดสอบท่าไม้ตายเขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดารากับเป้าหมายที่เหมาะสม


 


เขาคิดถึงฉลามนิ้วกาลเวลา


 


‘ฉลามนิ้วกาลเวลามีพลังการต่อสู้ระดับแปด มันยังมีวิญญาณอมตะในการครอบครองถึงสามดวง ขณะเดียวกันเขตแดนสนามรบจิตวิญญาณดาราของข้าก็ไม่สามารถดักจับมันได้ นอกจากนั้นเพื่อจัดการฉลามนิ้วกาลเวลา ข้าต้องต่อสู้กับฉลามปีศาจและซูไป่ม่านเป็นอันดับแรก’


 


ฟางหยวนปัดความคิดนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว


 


แน่นอนว่าเขาสามารถร่วมมือกับนางมารผลาญสวรรค์


 


ในช่วงเวลานี้เทพธิดาหลี่ซานเริ่มติดต่อนางมารผลาญสวรรค์และสร้างความร่วมมือ


 


หากฟางหยวนใช้ตัวตนของเขาในฐานะพันธมิตรของไห่ลั่วหลันเพื่อร่วมมือกับนางมารผลาญสวรรค์ มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะสามารถจัดการฉลามปีศาจกับซูไป่ม่าน


 


แต่ฟางหยวนไม่ต้องการทำสิ่งนี้


 


แม้เขาจะสามารถจัดการฉลามนิ้วกาลเวลา แต่ในแง่ของการปล้นชิง เขาไม่สามารถแข่งขันกับนางมารผลาญสวรรค์ สุดท้ายเขาจะได้รับผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย


 


นอกจากนั้นเขายังไม่สามารถสังหารฉลามปีศาจกับซูไป่ม่าน


 


แม้ฟางหยวนจะไม่ใช่สมาชิกกองกำลังพันธมิตรผีดิบแต่นางมารผลาญสวรรค์เป็น ตามข้อตกลง นางสามารถกำหราบแต่ไม่สามารถสังหารฉลามปีศาจกับซูไป่ม่าน


 


“อย่างไรก็ตามข้าต้องตามหานางมารผลาญสวรรค์ หากข้าไม่พบนาง ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานอาจปกปิดการดำรงอยู่ของนางและใช้นางจัดการข้า หากข้าเป็นฝ่ายออกตามหานาง ไห่ลั่วหลันจะสูญเสียความหวังในเรื่องนี้ นี่เป็นวิธีหนึ่งในการต่อต้านนางมารผลาญสวรรค์”


 


ฟางหยวนเดินทางไปยังทะเลตะวันออก


 


ฉลามปีศาจกับซูไป่ม่านคาดหวังกับฟางหยวนเป็นอย่างมาก


 


ในครั้งก่อนหน้าการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาบรรลุถึงเขตแดนกองทัพที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายแต่พวกเขายังไม่สามารถทำสิ่งใด


 


ฉลามปีศาจต้องการความช่วยเหลือจากฟางหยวนแต่ฟางหยวนกลับเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิง


 


เขาเต็มใจช่วยนางมารผลาญสวรรค์มากกว่าฉลามปีศาจ


 


หลังจากทั้งหมดฟางหยวนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนางมารผลาญสวรรค์มากกว่าฉลามปีศาจ เขาจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นหากร่วมงานกับนาง


บทที่ 985 เข้าสู่ผาสวรรค์


แปลโดย iPAT 


 


เมฆสีขาวลอยอยู่บนท้องฟ้าที่สว่างสดใส


 


ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและมองไปที่สุดขอบฟ้า


 


ท้องฟ้าบรรจบกับท้องทะเลขณะที่เกลียวคลื่นที่ซัดสาดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง


 


สิ่งเหล่านี้เป็นเอกลักษณ์ของภาคตะวันออกซึ่งแตกต่างจากภาคใต้ที่เป็นภูเขาอย่างสิ้นเชิง


 


มันเป็นทัศนียภาพที่สงบเงียบแต่แฝงไว้ด้วยอันตรายไม่ต่างจากภาคเหนือ


 


นอกเหนือจากการคลื่นทะเล กระแสน้ำใต้สมุทรยังเปลี่ยนทิศทางและรูปแบบตลอดเวลา


 


ฟางหยวนรอคอยอย่างอดทน


 


ทะเลด้านล่างเป็นทะเลในอาณาเขตของกองกำลังพันธมิตรผีดิบและเป็นทะเลส่วนตัวของโป้ตัน


 


แต่โป้ตันถูกขับไล่ออกไปนานแล้ว ผู้ยึดครองสถานที่แห่งนี้ก็คือผู้นำกองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือ ผีดิบอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งไฟ นางมารผลาญสวรรค์


 


ไม่นานมานี้วิญญาณสื่อสารที่ฟางหยวนเตรียมไว้สำหรับนางมารผลาญสวรรค์ถูกส่งลงไปใต้ทะเลแห่งนี้


 


แต่นี่ไม่ได้สร้างความปั่นป่วนขึ้น


 


“เจ้าคือผู้ใด? ช่างกล้าหาญนัก เจ้ากล้าขัดจังหวะการหลอมรวมวิญญาณของข้างั้นหรือ?” เสียงสายหนึ่งดังขึ้น


 


หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เขาใช้วิญญาณสายตรวจสอบมานานแล้วแต่กลับไม่พบการคงอยู่ของนางมารผลาญสวรรค์


 


นางสามารถเข้าใกล้ฟางหยวนได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว!


 


ภายนอกฟางหยวนยังกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าฟางหยวนทักทายท่านหญิง”


 


“ฟางหยวน?” ดวงตาของนางมารผลาญสวรรค์ส่องประกายขึ้น


 


ช่วงนี้นางกำลังอารมณ์ดีเนื่องจากนางเริ่มติดต่อกับเทพธิดาหลี่ซานอีกครั้ง จดหมายจากเทพธิดาหลี่ซานกล่าวว่าพวกนางควรแก้ไขความสัมพันธ์เพื่อประโยชน์ของไห่ลั่วหลัน


 


ก่อนหน้านี้นางไม่ได้หลอมรวมวิญญาณใดๆ


 


แต่เมื่อนางได้รับจดหมายที่ระบุว่ามาจากสหายของไห่ลั่วหลัน นางจึงลอบเข้าใกล้ฟางหยวนเพื่อตรวจสอบเขา


 


ฟางหยวนไม่ตระหนักถึงนางและด้วยการบ่มเพาะระดับหก นางมารผลาญสวรรค์จึงลดคุณค่าของเขาลงอย่างมาก


 


นางมารผลาญสวรรค์แสดงออกอย่างแข็งกร้าวเมื่อนางกล่าวว่าฟางหยวนขัดจังหวะการหลอมรวมวิญญาณของนาง


 


แต่กระทำนี้ไม่สามารถกดดันฟางหยวน ดังนั้นนางจึงรู้สึกพอใจมากขึ้น ฟางหยวนพยักหน้า “ถูกต้อง เป็นข้า”


 


หลังกล่าวจบคำ ฟางหยวนยกเลิกท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและเผยร่างผีดิบอมตะออกมา


 


รูม่านตาของนางมารผลาญสวรรค์หดเล็กลง นางถอนหายใจเล็กน้อย “วิญญาณทัศนคติระดับแปดช่างยอดเยี่ยมนัก ข้าไม่พบข้อบกพร่องใดๆเลย แต่เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับผู้อมตะความคิดดาราเฉินเต๋า?”


 


ฟางหยวนหัวเราะ “ผู้อมตะความคิดดาราเฉินเต๋าก็คือข้าแต่ข้าไม่ใช่เพียงผู้อมตะความคิดดารา”


 


นางมารผลาญสวรรค์รู้สึกประทับใจฟางหยวนมากขึ้น “ในจดหมายของหลี่ซาน นางไม่ได้บอกว่าเจ้ามีความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญา”


 


นางมารผลาญสวรรค์เฝ้ามองการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ของฉลามปีศาจมานานแล้ว


 


ดังนั้นนางจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้อมตะความคิดดารา


 


“หากข้าไม่มีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา ข้าจะเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือได้อย่างไร? ท่านหญิง ข้าสงสัยว่าท่านสนใจแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่หรือไม่?” ฟางหยวนกล่าวเข้าประเด็นทันที


 


นางมารผลาญสวรรค์เผยรอยยิ้ม “เจ้าคิดอย่างไร?”


 


ฟางหยวนกล่าวอย่างสงบนิ่ง “หากท่านหญิงไม่สนใจ ข้าจะไม่มาที่นี่”


 


นางมารผลาญสวรรค์หัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นความต้องการของราชันภูเขาม่วงอาจารย์ของเจ้าด้วยงั้นหรือ?”


 


ฟางหยวนไม่ปฏิเสธ “ท่านหญิง ด้วยความสามารถของข้า ตราบเท่าที่ข้ามีเวลามากพอ ข้าจะสามารถคลี่คลายเขตแดนกองทัพที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างแน่นอน แต่การกำจัดฉลามปีศาจกับซูไป่ม่านออกไป คงต้องรบกวนท่านหญิงแล้ว”


 


หากปราศจากวิญญาณอมตะความคิดดารา ฟางหยวนจะไม่มีความมั่นใจ


 


แต่ด้วยวิญญาณอมตะและความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาในปัจจุบันของเขารวมถึงความจริงที่ว่าเขตแดนกองทัพที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไร้ผู้ควบคุม ฟางหยวนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น


 


การแสดงออกของนางมารผลาญสวรรค์จมดิ่งลง


 


ฟางหยวนสามารถควบคุมบทสนทนา นี่ทำให้นางรู้สึกไม่มีความสุข


 


“ไร้สาระ!” นางมารผลาญสวรรค์ตะคอก “เจ้ากล่าวว่าตนเองมีความสามารถ แล้วข้าจำเป็นต้องเชื่องั้นหรือ?”


 


ความโกรธของผู้อมตะระดับแปดทำให้บรรยากาศกลายเป็นหนักหน่วง


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอย่างใจเย็น เขารู้ว่านางมารผลาญสวรรค์จะตอบสนองเช่นนี้


 


นางมารผลาญสวรรค์ยังไม่คุ้นเคยกับฟางหยวนขณะที่ฟางหยวนมีประสบการณ์เกี่ยวกับอารมณ์ของนางมารผลาญสวรรค์จากชีวิตก่อนหน้า


 


รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งย่อมชนะทุกครั้ง


 


ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงสามารถควบคุมบทสนทนาต่อไป


 


“มันไม่ยากที่จะพิสูจน์ความสามารถของข้า ท่านหญิงโปรดอดทนรอสักครู่” ฟางหยวนกล่าวและเริ่มอนุมาน


 


แสงดาวปะทุขึ้นบนร่างของเขาพร้อมกับกลิ่นอายของวิญญาณอมตะ


 


หลังจากหลายสิบลมหายใจ ฟางหยวนจึงหยุดและแสร้งถอนหายใจ “เป็นเรื่องยากอย่างแท้จริงที่จะอนุมานเกี่ยวกับผู้อมตะระดับแปด”


 


“นี่เป็นเพียงข้ออ้างสำหรับความล้มเหลวใช่หรือไม่?” นางมารผลาญสวรรค์ยกคิ้วขึ้นเย้ยหยัน


 


“ไม่อย่างแน่นอน” ริมฝีปากของฟางหยวนม้วนตัวขึ้น “ข้าอนุมานแล้วว่าท่านหญิงติดต่อสำนักงานใหญ่ของกองกำลังพันธมิตรผีดิบเรียบร้อยแล้วและพร้อมจะผลักฉลามปีศาจกับซูไป่ม่านออกไป โป้ตันก็ถูกควบคุมโดยท่านหญิงถูกต้องหรือไม่? จับเขา ไล่เขา และบังคับให้เขาติดสินบนซูไป่ม่านด้วยทรัพยากรอมตะ หลังจากนั้นท่านหญิงจะใช้ข้ออ้างเรื่องการขโมยทรัพยากรอมตะเพื่อทวงความยุติธรรมจากพวกเขา”


 


ได้ยินเรื่องนี้ การแสดงออกของนางมารผลาญสวรรค์เปลี่ยนไปทันที


 


นางตกใจมาก นางไม่คิดว่าฟางหยวนจะสามารถอนุมานแผนการของนางได้ในระยะเวลาสั้นๆ


 


นางเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งไฟแต่นางก็มีวิธีการบางอย่างที่สามารถป้องกันการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา


 


แต่การป้องกันของนางกลับล้มเหลวต่อหน้าฟางหยวน?


 


‘ไม่แปลกใจเลยที่คนผู้นี้สามารถทำให้หลี่ซานรู้สึกหวาดกลัวและทำให้หลานสาวของข้าพบกับความสูญเสีย ไม่ บางทีสิ่งนี้อาจเป็นฝีมือของราชันภูเขาม่วง เขาอนุมานไว้ล่วงหน้าแล้วและมอบข้อมูลนี้ให้กับฟางหยวน’


 


นางมารผลาญสวรรค์สงบจิตใจลง


 


นางไม่ใช่ตัวตนทั่วไปและไม่สามารถถูกหลอกลวงได้โดยง่าย


 


“เอาล่ะ เมื่อเจ้ามีความสามารถบางอย่าง ข้าก็จะให้เจ้าแก้ปัญหาบางอย่างให้ข้า”


 


นางคว้าร่างของฟางหยวนและปลดปล่อยเปลวเพลิงออกไปรอบๆ


 


หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น


 


เขาได้เห็นความเอาแต่ใจของนางมารผลาญสวรรค์อีกครั้งแต่เขาไม่กลัวว่านางจะทำร้าย


 


เหตุผลเป็นเพราะวิญญาณทัศนคติของไห่ลั่วหลันอยู่กับเขา


 


หากนางมารผลาญสวรรค์ทำร้ายเขา เขาสามารถทำลายวิญญาณทัศนคติได้ทันที


 


ฟางหยวนไม่ได้ต่อต้านและปล่อยให้นางมารผลาญสวรรค์ดำเนินการต่อไป


 


หลังจากนั้นคนทั้งสองจึงกลายเป็นสายรุ้งพุ่งข้ามขอบฟ้าไปด้วยความเร็วสูง


 


ฟางหยวนแทบไม่สามารถเปิดเปลือกตาและไม่สามารถขยับเขยื้อน


 


เพียงพริบตาฟางหยวนก็พบว่าพวกเขามาถึงที่ราบแห่งหนึ่ง


 


สถานที่แห่งนี้เป็นที่ราบทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยมวลดอกไม้


 


สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือวังที่อยู่ไม่ไกลนัก


 


มันเป็นวังสีทองและมรกตที่แกะสลักรูปท้องฟ้า ทะเล และภูเขาเอาไว้


 


กลิ่นอายของวิญญาณอมตะแผ่พุ่งออกมาจากวังหลังนี้อย่างชัดเจน


 


นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะ!


 


ตอนนี้มีผู้อมตะจำนวนมากยืนอยู่รอบๆคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้


 


เมื่อนางมารผลาญสวรรค์ปรากฏตัวขึ้น ทุกคนจึงหันหน้ามาที่นาง


 


นางมารผลาญสวรรค์เป็นผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นทุกคนจึงต้องให้ความสำคัญ นี่รวมถึงการคงอยู่ของฟางหยวนเช่นกัน


 


“ข้า ซ่งคุน ทักทายท่านหญิง”


 


“ช่ายซ่ง คารวะท่านหญิง”


 


“ข้า หรัวเล่ยกุ้ยอี้ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบท่านหญิง”


 


ผู้อมตะที่เป็นตัวแทนของคนสามกลุ่มกล่าวทักทายนางมารผลาญสวรรค์


 


แม้ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาจะด้อยกว่านางมารผลาญสวรรค์ แต่พวกเขาก็เป็นตัวแทนของตระกูลซ่ง ตระกูลลั่ว และตระกูลหรัวเหล่ย


 


ทั้งสามต่างเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ของทะเลตะวันออก


 


พวกเขากำลังแข่งขันกันเพื่อยึดครองผาสวรรค์แห่งนี้


 


กระทั่งนางมารผลาญสวรรค์ก็ยังไม่สามารถแสดงความยโสต่อหน้าพวกเขา


 


นางพยักหน้าเบาๆและกล่าว “ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับมรดกของเฒ่าสายฟ้าเทียนหนานมาก่อน ข้ามาที่นี่เพื่อทดสอบมัน พวกเจ้าสามารถจัดการเรื่องของตนเองได้อย่างอิสระ”


 


ทั้งสามตระกูลเงียบ


 


นางมารผลาญสวรรค์กล่าวอย่างไม่เป็นทางการ แต่ทั้งสามตระกูลยังไม่กล้าประมาท


 


นางมารผลาญสวรรค์เป็นผู้อมตะระดับแปด นางยังมีกองกำลังพันธมิตรผีดิบอยู่เบื้องหลัง หากกองกำลังพันธมิตรผีดิบต้องการยึดครองผาสวรรค์ มันจะเกิดความปั่นป่วนขึ้น


 


“ท่านหญิงมาจากภาคเหนือ ท่านเป็นแขกของที่นี่ เราจะหยาบคายต่อท่านได้อย่างไร ข้าไม่คู่ควร แต่โปรดให้ข้าติดตามไปกับท่านด้วย” ซ่งคุณกล่าวและเริ่มออกบิน


 


“พี่ซ่งกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ท่านหญิงพึ่งมาถึง ข้ายินดีเป็นผู้อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้ท่านหญิงทราบ” ช่ายซ่งกล่าวและติดตามนางมารผลาญสวรรค์ไปพร้อมกับหรัวเล่ยกุ้ยอี้


 


นางมารผลาญสวรรค์ไม่ได้ขับไล่และอนุญาตให้พวกเขายืนอยู่ข้างๆ


 


พิจารณาถึงตำแหน่งภูมิศาสตร์ กองกำลังพันธมิตรผีดิบและกองกำลังใหญ่อื่นๆไม่สามารถเข้าแทรกแซงการแข่งขันครั้งนี้ มีเพียงสามตระกูลใหญ่ที่สามารถยึดครองผาสวรรค์


 


ทั้งสามตระกูลต่อสู้กันทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่เมื่อคนนอกเช่นนางมารผลาญสวรรค์เข้ามา พวกเขาก็สามารถสร้างความร่วมมือและต่อต้านนาง


 


โดยไม่จำเป็นต้องคาดเดา ทั้งสามตระกูลแจ้งข่าวกลับไปที่ตระกูลของตนเองเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานผู้อมตะระดับแปดของทั้งสามตระกูลจะมาที่นี่


 


ขณะเดียวกันนางมารผลาญสวรรค์ก็รู้ดีว่านางไม่สามารถยึดครองมรดกนี้


 


แม้นางจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่หากนางต้องการยึดครองผาสวรรค์ ไม่เพียงกองกำลังพันธมิตรผีดิบจะไม่ช่วยนาง นางยังต้องเผชิญหน้ากับความโกรธของสามตระกูลใหญ่


 


แม้นางจะยโสแต่นางก็ไม่ใช่คนโง่


 


แรงจูงใจของนางมารผลาญสวรรค์ในการเดินทางครั้งนี้ชัดเจนว่าไม่ใช่เพื่อรับสืบทอดมรดกของเฒ่าสายฟ้าเทียนหนาน นางเพียงต้องการทดสอบความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนเท่านั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)