องครักษ์เสื้อแพร 983-984

 ตอนที่ 983 ค่อยเขยิบเข้าใกล้

โดย

Ink Stone_Fantasy

ณ ที่ทำการผู้บัญชาการ อยู่ในพื้นที่เมืองเหลียวโจว ยามอยู่กับเพื่อนทหารด้วยกัน ความกล้าจึงมากขึ้นมากอีกหน่อย ขุนพลเมืองเหลียวโจวเริ่มวุ่นวาย แต่หลังหวังทงนำความสำเร็จตนออกมากล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ขุนพลเมืองเหลียวโจวไม่กล้ากล่าวอันใดไร้มารยาทต่อหน้าหวังทง


ยังมีวิธีคิดที่ว่ากฎหมายไม่ลงโทษคนหมู่มาก หวังทงสั่งการไปสามข้อเป็นสิ่งที่ยากสำหรับขุนพลทหารเมืองเหลียวโจว แน่นอนย่อมมีเรื่อง


แต่พอได้ยินผลงานการรบหวังทง ผู้บัญชาการทหารเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงแต่ต้นจนจบเอาแต่ก้มหน้าไม่กล่าววาจา คนอื่นที่เหลือเดิมทีที่กำลังเดือดจัดก็ค่อยๆ สงบลง ถึงกับรู้สึกหนาวอยู่บ้าง


ขุนพลทหารแผ่นดินหมิงมีความเห็นต่อพวกนอกด่านบนทุ่งหญ้าว่า เผ่าอันต๋าเข้มแข็งที่สุด เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นถูกดูแคลนว่าเป็นพวกป่าเถื่อน กำลังหวังทงยกปราบเผ่าอันต๋าน้อยกว่ากำลังเมืองเหลียวโจวปราบเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นและเผ่าหนี่ว์เจิน แต่ฝ่ายหนึ่งได้ชัยชนะใหญ่ยิ่งใหญ่ ฝ่ายหนึ่งกลับพ่ายแพ้เช่นนี้


 การเทียบกำลังและความสามารถเช่นนี้ กล่าวอันใดล้วนไร้ประโยชน์ กำลังแท้จริงเป็นข้อได้เปรียบ สถานะยังสูงส่งกว่ามาก ทหารเมืองเหลียวโจวทุกคนพบว่าตนเองแม้ไม่พอใจ หากได้แต่ยอมรับ หรือว่ามีแต่เส้นทางสังหารล้างตระกูลเส้นทางนี้เท่านั้นให้เดิน  ดูว่าจะสามารถรักษาสิทธิพิเศษของตระกูลตนไว้ได้หรือไม่ หรือไม่ก็สามารถรักษาชีวิตตนเองไว้ได้หรือไม่


หวังทงท่าทีนิ่งเงียบ  ไม่เร่งให้ขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวรับคำสั่ง หวังซีเจวี๋ยกับเฉินจวี่สบตากัน ล้วนเงียบ


ที่ทำการยิ่งเงียบลงไปอีก หลี่เฉิงเหลียงที่เอาแต่ก้มหน้าก็เงยหน้าขึ้น ถลึงตาจ้องมองกำราบพวกหลี่หรูป๋อ เดิมเขาป่วยอ่อนกำลังมากแล้ว ยามนี้สีหน้าเข้มงวด ทำให้ทุกคนตกใจ


ทางหนึ่งหวังทงกดดันบังคับทุกคน อีกทางหลี่เฉิงเหลียงแสดงท่าทีเหมือนด่าต่อหน้า หลี่หรูป๋อลังเลก้าวออกมา คำนับกล่าวว่า


“รับบัญชาแม่ทัพใหญ่!”


หลี่หรูซงอยู่เมืองเซวียนฝู่ หลี่หรูป๋อตำแหน่งขุนพลรุ่นสองเมืองเหลียวโจว ในเมื่อเขาออกหน้านำ ทุกคนก็ย่อมไม่ต้องเก้กัง  พากันคำนับพร้อมเพรียง


หวังทงยิ้มมุมปาก กล่าวว่า


“ครึ่งชั่วโมง ทุกท่านไปจัดการทหารในปกครองของทุกท่าน ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ปิดประตูเมือง ทั้งเมืองจัดการเข้มงวด หากจัดการไม่ได้ ก็อย่าได้ตำหนิที่ข้าโหดเหี้ยม!”


รับคำสั่งแรกไปแล้ว ลำดับถัดมาทุกคนไม่ได้มีอะไรติดอยู่ในใจอีก พากันคำนับรับคำ หวังทงโบกมือ สั่งการไปว่า


“ไปได้ อย่าได้เสียเวลา!”


หวังทงท่าทีเช่นนี้ถือเป็นการกดทุกคนไว้อย่างที่สุด แม้แต่กองกำลังหู่เวยที่ภักดีกับเขาที่สุดก็ยังไม่เคยใช้ท่าทีเช่นนี้มาก่อน คนตรงหน้าแม้ว่าไม่พอใจ แต่ก็ได้แต่อดกลั้น


ทุกคนรีบถอยออกไปจัดการตามคำสั่ง ในห้องเหลือแค่สามคนจากทัพใหญ่ปราบตะวันออกและหลี่เฉิงเหลียง หลี่เฉิงเหลียงโบกมือ ให้คนรับใช้ทุกคนออกไปก่อน เขาไม่สะดวกลุกขึ้น ก้มคำนับบนเก้าอี้กล่าวว่า


“ข้าปกติปล่อยปละลูกน้องพวกนี้ ทำให้พวกเขาไม่รู้ธรรมเนียม ทำให้ใต้เท้าหนักใจแล้ว รู้สึกผิดมาก”


ผู้บัญชาการทหารเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงสถานะใดบนแผ่นดินหมิง จะกล่าวว่าอันดับหนึ่งก็ไม่เกินไปนัก แต่วันนี้ต่อหน้าหวังทงกลับยอมก้มหัว หลี่เฉิงเหลียงนับว่าเข้าใจแล้ว คิดให้ตระกูลหลี่ปลอดภัย ก็ต้องก้มหัวทุกเรื่อง อาจทำตัวแบบเมื่อก่อนได้อีกแล้ว


เขาเป็นคนแก่ที่ฉลาดมาก แต่คนอื่นอย่างหลี่หรูป๋อ ตั้งแต่เกิดมาก็กินดีอยู่ดี ก้าวมาอย่างราบรื่นทุกอย่าง แต่ไรไม่เคยพบอุปสรรค แน่นอนไม่อาจคิดเข้าใจได้เช่นนี้


เห็นหลี่เฉิงเหลียงยอมศิโรราบสิ้นเชิง หวังทงส่ายหน้ายิ้ม เคาะโต๊ะกล่าวว่า


“ก่อนออกรบ ข้าไม่คิดอยากมีอุปสรรคในการใช้กำลังทหาร หลังศึกนี้ ตระกูลหลี่จะปลอดภัย ใต้เท้าหลี่วางใจได้!”


หลี่เฉิงเหลียงอึ้งไป ไอสองสามที ประสานมือคำนับขอบคุณบนเก้าอี้


************


หวังทงบอกกับหวังซีเจวี๋ยและเฉินจวี่ ก่อนจะออกไปกองทัพ เมื่อครู่บรรยากาศอึดอัดยิ่ง พอหวังทงไป หลี่เฉิงเหลียงก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ  คุยกับหวังซีเจวี๋ยและเฉินจวี่สองคนสักครู่ ก็ให้คนรับใช้แบกตนกลับเข้าไป


คนสนิทหวังซีเจวี๋ยกับเฉินจวี่สองคนเตรียมรถม้าอยู่ด้านนอก เฉินจวี่มองซ้ายมองขวา เข้าไปใกล้หวังซีเจวี๋ยกระซิบว่า


“ใต้เท้าหวัง หวังทงนี่ถึงกับเหิมเกริมเช่นนี้ ไม่ไว้หน้าตระกูลหลี่เลย!”


หวังซีเจวี๋ยเหมือนไม่ได้ยิน เฉินจวี่กำลังรู้สึกอึดอัด กลับได้ยินหวังซีเจวี๋ยกล่าวว่า


“เดิมเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ พวกที่เมืองเหลียวโจวเหล่านี้อยู่ใต้บังคับบัญชาเขา เขากล่าวไม่น่าฟัง แต่ก็ล้วนถูกต้องตามธรรมเนียม หากไม่รักษาธรรมเนียมแล้วรักษาน้ำใจกัน แต่ไม่อาจรบชนะได้จะมีประโยชน์อันใด……รักษาธรรมเนียม ตามธรรมเนียมว่าไปแล้วง่าย แต่ทำยาก!”


*************


“ทุกท่านรีบไปจัดการตามที่สั่ง เมืองจี้โจวป้องกันเมือง หน่วยรบสาม สี่ ห้า หก กองกำลังหู่เวยเข้าสู่เมืองเหลียวหยางปฏิบัติการแบบกองร้อย ถนนทุกสายเก็บกวาดทุกซอก หากมีผู้ใดแต่งกายแบบทหารให้จับกุมตัว หนีหรือขัดขืนให้สังหารทิ้งให้หมด ก่อนฟ้ามืดหนึ่งชั่วยาม คุมเข้มทั่วเมือง”


ขุนพลเบื้องหน้าส่วนใหญ่เมื่อก่อนล้วนเป็นทหารติดตามหวังทง เดินทัพมาด้วยกัน ไม่มีโอกาสได้ทำศึก พอได้ยินคำสั่งก็ดีใจ พากันตะโกนรับคำสั่งเสียงดังพร้อมเพรียง


ยามนี้เห็นได้ว่าทหารติดตามหวังทงล้วนได้รับการอบรมมาดี ทุกคนแม้ว่าลิงโลด แต่ปฏิบัติงานก็ยังรักษาธรรมเนียม ไม่บกพร่อง หรือไร้ระเบียบแม้แต่น้อย


“หยางจิ้น เมืองจี้โจวหกพันไปคุมประตูเมืองก่อน รอเก็บกวาดในเมืองให้สงบ ในเมืองถนนสายสำคัญก็ให้ทหารเมืองจี้โจวเฝ้าระวัง เมืองจี้โจวสี่พันส่งไปดูแลแต่ละโกดัง นี่เป็นงานอันดับหนึ่ง เจ้ารู้ใช่ไหม!”


ได้ยินหวังทงกล่าวจริงจังเช่นนี้ รองแม่ทัพเมืองจี้โจวหยางจิ้นก็รับคำสั่งหนักแน่น หวังทงเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า


“ไปประกาศกับเหล่าทหารม้า ‘ผู้กล้า’ ว่าคำสั่งข้า จากวันนี้ไปให้พวกเขาไปเคลื่อนไหวที่ตะวันออกเฉียงเหนือของเหลียวหยาง สังหารสายสืบมองโกลกับเผ่าหนี่ว์เจินและกองกำลังเล็กๆ ที่รุกเข้ามาในพื้นที่”


ทหารถ่ายทอดคำสั่งเข้าไปรออยู่ในกระโจมแล้ว ไช่หนานรีบเร่งร่างคำสั่ง หวังทงกล่าวว่า


“สายสืบกองกำลังหู่เวยกับต้าถงสามร้อย ทหารม้าเมืองเซวียนฝู่สองร้อย สายสืบเมืองเหลียวโจวเองสี่ร้อย แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปกองกำลังเสิ่นหยาง อีกกลุ่มหนึ่งไปเหลียวหนาน  ทุกวันล้วนรายงานสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในเสิ่นหยางกลับมายังทัพใหญ่ ส่งสายสืบไปเหลียวหนาน ต้องรายงานความเคลื่อนไหวซูเอ่อร์ฮาฉีมา และต้องรายงานมาให้เร็วที่สุดว่าพวกเขาอยู่ที่ใด”


ไช่หนานเขียนคำสั่งเสร็จ ส่งให้หวังทง หวังทงกวาดตาดูรอบหนึ่ง เงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า


“หัวละห้าตำลึง หัวที่ตรวจแล้วว่าไม่ใช่ของปลอมก็รับเงินสด สังหารผู้บริสุทธิ์ ให้ชดใช้ด้วยชีวิต เรื่องตรวจสอบหัวให้พวกหลี่ซานสือไปทำ”


ไช่หนานพยักหน้า เปลี่ยนและแก้หลายจุด ก่อนหวังทงใช้ตราประทับ ฉบับหนึ่งเอาออกไปถ่ายทอดคำสั่ง อีกฉบับส่งรายงานหวังซีเจวี๋ยกับเฉินจวี่


ว่าเขารักษาธรรมเนียม แต่เขากลับไม่รักษาธรรมเนียมเสียแล้ว คำสั่งทัพใหญ่ปราบตะวันออก ความจริงนั้นต้องให้หวังซีเจวี๋ยรับรองจึงจะเป็นผล แต่หวังทงกลับไม่สนใจเรื่องนี้  เกี่ยวกับการทหาร ทุกเรื่องล้วนเน้นประสิทธิภาพไว้ก่อนเป็นสำคัญ  หวังทงมีคำสั่งลงไป  ทุกคนได้แต่ปฏิบัติตามอย่างไม่ลังเล


สถานการณ์ตอนนี้ หวังซีเจวี๋ยกับเฉินจวี่แน่นอนรู้ แต่ทว่าทำเป็นไม่เห็น เฉินจวี่ส่งรายงานลับไปยังเมืองหลวงอีกฉบับ ได้รับตอบกลับก็ไม่ได้แสดงความเห็นใด


ไช่หนานร่างคำสั่งเสร็จ ทหารในสังกัดไปถ่ายทอดคำสั่ง ไช่หนานจึงได้เข้ามาใกล้กระซิบว่า


“ใต้เท้า วันนี้พวกเมืองเหลียวโจวถูกกดไปมากเช่นนี้ วันหน้าเกรงว่าไม่เป็นผลดี อย่างไรก็แค่ชัยชนะเท่านั้น ไยต้องทำเช่นนี้”


เป็นเพราะสายสัมพันธ์ไช่หนานกับหวังทง ทำให้เขาสามารถคุยเช่นนี้ต่อหน้าหวังทงได้ หวังทงยิ้มอย่างไม่ยี่หระ กล่าวว่า


“หลังศึกนี้ ทหารตระกูลหลี่อาจจะยังอยู่ เมืองเหลียวโจวย่อมไม่อยู่ให้พวกเขาได้อวดบารมี พวกเขายังไม่รู้ดีชั่ว ทัพใหญ่อยู่แนวหน้าออกศึก พวกเขาคงยากจะไม่แสดงปฏิกิริยา แต่ก็เอาให้นิ่งไว้ก่อนละกัน”


ไช่หนานส่ายหน้า หวังทงตัดสินใจแล้วยากจะเปลี่ยนใจ เมื่อครู่ไช่หนานเตือน ทำให้หวังทงคิดอะไรได้สักอย่าง ส่งคนไปตามหลี่ซานสือมา


หลี่หรูซงเริ่มค่อยๆ เข้ากับหวังทงได้ เมืองเซวียนฝู่ส่งทหารมาเป็นเหตุแห่งการเข้ากันได้ หลี่ซานสือเป็นคนตระกูลหลี่ บิดาเป็นผู้คุ้มกันหลี่เฉิงเหลียง ตอนนั้นหลี่เฉิงเหลียงยกทัพไปเขาเถี่ยหลิ่ง เคยแบกหลี่เฉิงเหลียงหนีออกมาสองครั้ง สะสมความดีความชอบไว้ไม่น้อย อย่าเห็นว่าเป็นบ่าว บิดาหลี่ซานสือก่อนตายมีสถานะถึงขุนพล


หลี่ซานสือตอนเด็กสถานะบ่าว แต่ได้รับการเลี้ยงดูแบบคุณชาย ไม่ได้แตกต่างจากบรรดาลูกหลานตระกูลหลี่ ดังนั้นแต่เล็กได้ติดตามหลี่หรูซง ฝึกซ้อมฝีมือต่อสู้ออกรบ ไปเมืองเซวียนฝู่ก็ตามไปได้วย เป็นหน่วยจู่โจม ครั้งนี้ส่งเขามานำทหารหลี่หรูซงกลับมายังเมืองเหลียวโจว


กลับถึงเมืองเหลียวโจว สายหวังทงรู้มาว่า คนเมืองเหลียวโจวหลายครั้งมาแอบติดต่อ หากหลี่ซานสือล้วนไม่พบ การวางตัวเช่นนี้คิดว่าเป็นหลี่หรูซงสั่งการมา จุดยืนนี้ทำให้คนเมืองเหลียวโจวไม่พอใจ แต่ทว่าหวังทงรู้ว่ากองกำลังนี้ใช้งานได้


“เจ้ากับลูกหลานหลี่เฉิงเหลียงเหล่านี้ยังสนิทกันไหม?”


“เรียนแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยล้วนสนิท ทุกคนล้วนเติบโตมาด้วยกัน”


หลี่ซานสือตอบกลางๆ หวังทงพยักหน้า กล่าวตรงไปตรงมาว่า


“เจ้ารีบไปเสิ่นหยาง ติดต่อกับขุนพลประจำเมือง ต้องรักษาเมืองไว้ โกดังในเมืองต้องรักษาให้ดี เสบียงที่มีใช้ได้ตามปกติ แต่ห้ามฟุ่มเฟือยมาก ไม่อาจปล่อยให้แย่งชิงไปแบ่งสรรกันได้  หากรักษาไว้ได้ เมืองแตกไม่เอาเรื่อง หากรักษาไว้ไม่ได้ เมืองยังอยู่ แต่หัวพวกเขาย่อมไม่อาจรักษาไว้ได้ วาจาเหล่านี้เจ้าจำให้ดี ต้องนำไปถ่ายทอดในเมือง เข้าใจไหม?”


เห็นหลี่ซานสือไม่มีความคิดเห็นอื่น ได้แต่โขกศีรษะรับคำสั่ง หวังทงก็กล่าวต่อว่า


“ตระกูลหลี่ยิ่งใหญ่ในเมืองเหลียวโจว หมดสิ้นแล้ว วันหน้าทหารตระกูลหลี่กองนี้ จะมีชื่อเสียงเกรียงไกรในเมืองเซวียนฝู่ ปฏิบัติหน้าที่ให้ดี!”


*************


เดือนหนึ่งปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 16 เมืองเหลียวหยางไม่มีบรรยากาศเฉลิมฉลอง เดิมยังมีทหารวางอำนาจอันธพาลกันเหมือนอยู่ มีพังประตูแย่งเสบียงในโกดัง สังหารชาวบ้าน ข่มขืนปล้น ชาวบ้านทั้งเมืองเหลียวหยางมีชีวิตราวกับอยู่ในนรก ราชสำนักส่งทัพใหญ่ปราบตะวันออกมาถึง ทุกคนยิ่งหวาดกลัว กลัวว่าจะยิ่งเลวร้ายไปกว่าเดิม…


ตอนที่ 984 ต้านนอก ในต้องสงบก่อน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ทหารเมืองเหลียวโจวกับเมืองชายแดนอื่นไม่เหมือนกัน เบี้ยหวัดและเสบียงมีพอเพียง  ไม่เคยพ่ายศึก กอปรกับเมืองเหลียวโจวเป็นมณฑลทหารอย่างเดียวมานาน ไม่มีระบบขุนนางบุ๋น ดังนั้นกองกำลังเมืองเหลียวโจวแต่ไรมาก็หัวสูง วางอำนาจไม่เกรงผู้ใด


พอพ่ายศึกมา ทหารเมืองเหลียวโจวก็เหมือนไร้ความห้าวหาญ แต่ละคนเอาแต่โกรธแค้นเต็มที่ พร้อมกับความรู้สึกอัดแน่นในใจ แม้แต่ทหารเมืองเหลียวโจวที่ได้ชื่อว่าอันดับหนึ่งยังพ่าย เมืองเหลียวโจวถูกพวกเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลนอกด่านตีเข้ามาได้แล้ว หรือว่าวันเวลาของทุกคนจบสิ้นแล้ว?


เมื่อมีความคิดเช่นนี้ ทางหนึ่งก็เอาไประบายความโกรธแค้นใส่หัวชาวบ้าน ทางหนึ่งก็คิดแย่งชิงสินค้าเงินทองแล้วหลบหนีออกจากเมืองเหลียวโจว แน่นอนมีคนคิดว่าอย่างไรสถานการณ์ก็พังพินาศแล้ว รีบเร่งมีความสุขกันสองสามวันเป็นเรื่องสำคัญ


ทหารในเมืองนอกเมืองทำร้ายราษฎร อันธพาลไร้กฎหมาย พวกขุนพลทหารก็ไม่มีใจคิดจัดการ พ่ายศึกกลับมา แต่ละคนเสียหายกันหนักมาก จิตใจทุกคนไม่สงบ ทุกคนล้วนคิดกุมกำลังที่มีอยู่ตอนนี้ไว้ คิดหาทางซื้อใจไว้เป็นพวกกันต่อ อย่าว่าจะควบคุม ถึงกับมีคนรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้กระทำด้วยซ้ำไป


 แน่นอนที่ต้องโชคร้ายก็คือราษฎร พวกที่มาอาศัยในเหลียวหยางล้วนเป็นตระกูลร่ำรวย ภาษีที่เมืองเหลียวโจวน้อยกว่าที่อื่นบนแผ่นดินหมิง โอกาสร่ำรวยก็มาก วันเวลาของทุกคนล้วนไม่เลว  กิจการไม่ใหญ่โตมาก ก็สามารถมีชีวิตที่สุขสบายได้ ผู้ใดจะคิดว่าจะมีวันที่ภัยหายนะจะมาถึงตัวเช่นนี้


สำหรับตระกูลร่ำรวย เป็นเรื่องที่เมืองเหลียวโจวรู้ดีแต่ไม่พูด คหบดีร่ำรวยมาถึงระดับนี้ได้ ก็ย่อมเป็นที่จับตาของตระกูลหลี่ อย่างไรก็ต้องแย่งสมบัติพวกเจ้ามาให้ได้……


ตอนพ่ายศึกใหม่ ทหารยังไม่ใจกล้ามากนัก ก็แค่แอบนายออกแตะๆ ต้องๆ ยังมีคนคิดไปถึงโกดังเสบียง ก็แอบลงมือกัน ทำไปหลายครั้งก็พบว่าไม่มีคนสนใจ  ยังมีเพื่อนทหารที่ถูกจับได้ขัดขืนต่อสู้ ทำร้ายชาวบ้าน นายยังถึงกับทำเป็นเลอะเลือนไป


เพราะท่าทีปล่อยปละเช่นนี้ ทำให้ทหารทุกคนนับวันยิ่งใจกล้า ถึงตอนนี้ มีคนถึงกับกล้าบุกพังประตูกลางวันแสกๆ ขูดรีดปล้นชิงเงินทอง ถึงกับย่ำยีสตรี  เหิมเกริมยิ่ง มีราษฎรต่อต้าน ถูกสังหารทิ้งทั้งครอบครัว ตัวอย่างเลวร้ายเช่นนี้ไม่น้อย


ราษฎรในเมืองไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าทำการค้า ถึงกับไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียว บางคนมารวมกันสิบกว่าครอบครัว รวมกำลังผู้ชายปกป้องกันเอง มีคนควักเงินก้อนหนึ่งให้ทหารในละแวกใกล้เพื่อซื้อความปลอดภัย มีคนออกนอกเมืองไปกันหมดทั้งครอบครัว ห่างไกลจากที่นี่ได้ก็ย่อมปลอดภัย


เรื่องอื่นไม่ว่า กลางวันแต่ละบ้านไม่กล้าออกมา ผู้หญิงในบ้านสีหน้าหมองเศร้าหลบกันอยู่แต่ห้องใต้ดินในบ้าน มีคนปืนมองลอดช่องกำแพงคอยสอดส่องด้านนอกตลอดเวลา ระมัดระวังรอบคอบอย่างที่สุด


ตอนพวกหวังทงเข้าเมืองมา หลายคนล้วนแอบมองลอดช่องประตูมาดู ไม่รู้สึกว่าเป็นเทพมาช่วยเหลือ กลับรู้สึกหวาดกลัวมากกว่า ตอนนี้ในเมืองพวกทหารพ่ายศึกเหล่านี้กลายเป็นพวกทรชนไปแล้ว หากยังมีทหารนอกพื้นที่มาอีก ก็ช่างราวกับเติมน้ำค้างแข็งบนพื้นหิมะที่หนาวเหน็บ ทหารแผ่นดินหมิงจากนอกพื้นที่แต่ไรก็ล้วนเป็นเภทภัย


จิตใจไม่สงบหวาดกลัวกันสองสามชั่วยาม เห็นพระอาทิตย์ค่อนไปทางตะวันตก แต่ละครอบครัวก็พากันแปลกใจ เดิมถนนที่เคยมีทรชนเตร็ดเตร่วุ่นวาย อวดเบ่งบารมี อยู่ๆ หายไปหมด มีคนรู้จักคนมาก บอกว่าเห็นพวกที่หนีกันไปหมดนี้ล้วนเป็นทหารติดตามลูกหลานสายรองตระกูลหลี่


ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ประตูเมืองหลายแห่งก็มีเสียงเป่าเขาสัญญาณ เสียงยาวนานหดหู่ แต่เสียงแบบนี้ ชาวเมืองเหลียวหยางไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่รู้สัญญาณอันใด


ไม่นาน ก็เห็นทหารพ่ายศึกที่ไม่ได้จากไปเริ่มเหมือนกับแมลงวันไร้หัว พากันแตกตื่น  มีคนตกใจตะโกนดังว่า


“ประตูเมืองปิดแล้วๆ ทัพใหญ่ราชสำนักเข้าเมืองมาแล้ว!”


ทหารแตกตื่นพวกนี้พากันวิ่งเข้าหาบ้านชาวบ้านหลบซ่อนตัว ยามนี้ไม่เหมือนตอนเริ่มต้น ชาวบ้านมีใจสู้ตายแล้ว และชาวบ้านเมืองนี้ล้วนมีอาวุธ ทุกคนสู้ตาย ทำให้สถานการณ์ในเมืองยิ่งวุ่นวาย


เริ่มจากประตูเมืองเหลียวหยางแต่ละแห่ง มีเสียงฝีเท้าก้าวพร้อมกันและเสียงเกราะเหล็กดังมา ไม่นาน ก็มีเสียงสังหารดังไปทั่วเมือง


การค้าร้านสามธารากับเครือข่ายสามธารา มีสาขาสิบกว่าแห่งในเมืองเหลียวหยาง การค้าใหญ่โตมาก  แต่หลังพ่ายศึกกลับถึงเหลียวหยาง การค้าพวกนี้ก็พลอยโดนไปด้วย ขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทหารพ่ายศึกเล็งเป้าหมายพวกนี้ไว้แล้ว


ร้านสามธาราก็มีผู้คุ้มกัน แต่มีทรัพย์สินเงินทองมา และยังมีความแค้นไม่น้อย ทหารเลวล้อมร้านสามธารา ไม่ได้ลงมือจู่โจมเบาไปกว่าสู้กับพวกนอกด่านเลย


คนงานหลายร้านมีทั้งบาดเจ็บล้มตาย เถ้าแก่ใหญ่เครือข่ายสามธาราที่นี่จึงให้ทุกคนรวมกำลังที่ร้านสาขาที่ใหญ่ที่สุด ขณะเดียวกันก็ขอความช่วยเหลือจากหลี่เฉิงเหลียง หลังหลี่เฉิงเหลียงป่วย ก็ปล่อยปละสถานการณ์เมืองเหลียวโจวไปหมด  แต่เขาอยู่วงการขุนนางมานานปี หนักเบาย่อมพอรู้กระจ่างอยู่ จึงมีคำสั่งไปให้ส่งผู้คุ้มกันไปดูแลร้านเครือข่ายสามธารา จึงสงบลงได้


ครั้งนี้กองกำลังหู่เวยเข้าเมืองกวาดล้าง ร้านสามธารารีบส่งคนมานำทาง  ไปที่แรกสุดก็คือร้านสาขาร้านสามธารา เพราะในร้านไม่มีคนแล้ว มีแต่พวกทหารที่ไม่ใช่สังกัดตระกูลหลี่พากันมาจับจอง


ไม่ต้องรอไปถึงที่ ครึ่งทางก็เปิดฉากสังหารแล้ว รับรู้คำสั่งจัดการแล้ว ตอนนี้ยังกล้ามาก่อเรื่องบนท้องถนน ต้องไม่ใช่ชาวบ้านบริสุทธิ์แน่ ทุกหน่วยกองกำลังหู่เวยเปิดฉากสังหาร


อย่าเห็นว่ากองหนึ่งไม่ถึง 200 คน แต่แค่พลทวนยาว 100 พลปืนไฟ 60 เดินมาตามถนน ก็สามารถเป็นดังเทพสังหารได้แล้ว


เห็นเช่นนี้ ทหารที่กระจัดกระจายก็ไม่กล้าต่อกร ล้วนหันหลังเผ่นแนบ คิดจะหนี พลปืนไฟบรรจุกระสุนปืนพร้อมก้าวหน้าสองสามก้าว ยิงทันที  มีพวกสู้ตายเห็นว่าหนีไม่พ้น กวัดแกว่งดาบเข้าปะทะ ก็เท่ากับรนหาที่ตายแท้ๆ  ถูกทวนยาวแทงทะลุสิ้นใจ


ถนนในเมืองเหลียวหยางเป็นทิศเหนือใต้แบบตารางหมาก  ไม่นาน ทหารพ่ายในเมืองก็เริ่มถูกไล่ล่ามารวมกันกลางเมือง ที่นี่เป็นพื้นที่ทหารของลูกหลานและคนสนิทตระกูลหลี่ พวกเขาได้รับคำสั่งไว้ก่อนหน้าแล้ว ประตูใหญ่ปิดแน่นหนา ทหารติดตามด้านในให้รักษาป้องกันให้แน่นหนา


ทหารในเมืองกระทำการเหิมเกริม เริ่มลนลานไม่เลือกหนทาง คิดจะเข้าไปในบ้านใหญ่เหล่านี้ แต่พอเข้าไปก็พบว่าถูกคนจับสังหารโยนออกมาทันที อย่างไรก็ตาย ความกล้าหาญต่อสู้ของทหารแตกพ่ายพวกนี้ ได้แสดงให้เห็น ณ ป้อมเจี้ยฝานไจ้แล้วว่าต่ำยิ่ง ที่นี่ยิ่งไร้ประโยชน์


ทหารพ่ายศึกรวมตัวกันบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น คนมากก็ยิ่งเริ่มใจกล้า ในนั้นมีนายกองพัน มีผู้นำทหาร กอปรกับเมื่อครู่เพื่อนทหารด้วยกันถูกสังหารไปน่าอนาถ แม้แต่คุกเข่าร้องขอชีวิตก็ยังถูกสังหารทิ้ง ทำให้พวกเขารู้ว่าไร้ทางรอดแล้ว


เช่นนี้ก็ย่อมสู้ตาย ‘พี่น้องเรา สู้ตาย พวกป่าเถื่อนในด่านพวกนี้ไม่เหลือทางรอดให้พวกเรา!!’ ‘หลายวันนี้กินดีอยู่ดี ยังได้หลับนอนสตรีไม่น้อย ชีวิตนี้คุ้มค่าแล้ว สู้ตาย บุกออกไป พวกเราไปหาพวกนอกด่าน ก็พอมีทางรอดได้!!!’


ทั่วพื้นที่เต็มไปด้วยเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งราวสัตว์ป่า แต่อย่างไรก็เป็นทหารทางการ ในเวลาคับขันสามารถรวมกำลังเช่นนี้ได้ กองกำลังหู่เวยแต่ละหน่วยที่ไล่ตามมาก็ค่อยๆ บีบเข้ามาทีละก้าวอย่างไม่เร่งร้อน บรรยากาศเช่นนี้ยิ่งทำให้คนรู้กดดันขาดอากาศหายใจ


ที่นี่เดิมทีเป็นจวนหลี่เฉิงเหลียงกับลูกหลานคนสนิทตระกูลหลี่ พวกเขาล้วนได้เห็นปฏิบัติการกองกำลังหู่เวยครั้งแรก ทหารในสังกัดบนกำแพงและประตูคอยระวังคุ้มกัน พวกหลี่หรูป๋อปืนไปยืนบนกำแพง พวกเขาคิดจะดูว่าสู้อย่างไร


“ทหารวุ่นวายมากมายเช่นนี้ จัดการบีบพื้นที่ให้เล็กลงได้อย่างไรกัน พวกเขาไม่รู้หรือว่ากักขังสัตว์ป่าให้ผลเช่นไรหรือ?”


มีคนกล่าวหลักการเช่นนี้ แต่กองกำลังหู่เวยร้อยคนหนึ่งกอง จากกองรวมเป็นหน่วย เต็มถนนทุกสาย  ถนนไม่ได้กว้าง ขุนพลทหารยังจัดเป็นกองเล็ก แม้แต่ซอกซอยหรือบ้านชาวบ้านก็เข้าตรวจค้น เพื่อไม่ให้เล็ดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว


“พี่น้อง บุกออกไป บุกไปถึงหน้า ปืนพวกเขาก็ใช้การไม่ได้แล้ว!!”


มีคนตะโกนดัง ทหารไร้ระเบียบพยายามตั้งแนวรบ มีคนตะโกนบ้าคลั่ง ทุกคนก็วิ่งกรูไปทางใต้


 พวกทหารไร้ระเบียบนี่ก็ยังมียุทธวิธี หลายทิศทางถูกขวางไว้ แต่พวกเขาถึงกับรู้ว่าไปทิศทางเดียวกัน รู้ว่าไม่บุกออกไปมีแค่ตาย บุกออกไปอาจมีทางรอด พวกร้องตะโกนบ้าคลั่งพุ่งเข้าใส่ทหารราบกองกำลังหู่เวย


“สองแถวยิงพร้อม ระลอกแรก ยิง!!!”


 หัวหน้ากองกำลังหู่เวยบนกำแพงตะโกนดัง ปืนไฟที่เตรียมไว้แล้วระดมยิงทันที เสียงปังๆ ดังไปทั่ว ถนนแคบ พลปืนไฟกองกำลังหู่เวยแน่นหนาเรียงแถวเต็มพอดี เพื่อรับประกันประสิทธิภาพการยิง จึงเรียงแถวยิงพร้อมกัน


ทหารไร้ระเบียบบุกออกมาราวกับเสียสติ เข้าสู่รัศมียิงของปืนไฟ  ไม่อาจถอยได้ ปืนไฟไม่ใช่ปืนสามหัวแบบที่กองทัพพวกเขาใช้กัน แต่เป็นปืนที่อานุภาพสังหารได้จริง ไม่ได้ยิงติดต่อกัน พลปืนไฟถอยหลังบรรจุกระสุนยากลำบากสักหน่อย แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว


ทหารไร้ระเบียบถูกกำราบอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอยไปเบียดกันด้านหลัง รู้ว่ามีทางรอดจึงคิดไปเสี่ยงตาย แต่การไปมีจุดจบตายแน่นอนนี้ ผู้ใดก็ไม่โง่บุกเข้าไปรนหาที่ตาย


“……แต่ทว่าเป็นปืนไฟร้ายกาจ ได้ประโยชน์จากการยิงระยะไกล ทหารหวังทงย่อมไม่เข้าใกล้ปะทะ ขอเพียงเข้าใกล้มา ก็ย่อมยิงกระจัดกระจาย……”


จู่เฉิงซวิ่นที่ยืนดูอยู่บนกำแพงเห็นเช่นกัน ก็หน้าซีดขาว แต่ก็ยังทำเป็นผู้รู้พึมพำวิจารณ์ ปืนไฟระลอกแรกยิงจบ ล้วนถอยหลัง กลับไม่เข้ายิงต่อ พลปืนไฟกองกำลังหู่เวยถอยไปอยู่กองหลัง หัวหน้าทหารสั่งการต่อว่า


“พลทวนยาวบุกขึ้นหน้าสังหาร!!”


พลทวนยาวกองกำลังหู่เวยแต่ละกองในมือถือทวนยกระนาบ ก้าวขึ้นหน้า ทหารเมืองเหลียวโจวที่ชมสถานการณ์อยู่ ล้วนตั้งใจดู ไม่มีเวลากล่าวอันใด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)