ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 982-995

 ตอนที่ 982 ผิดหวัง


คุณปู่สามารถควบคุมอารมณ์ให้เย็นลงได้อยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะโมโหมากแต่เขาก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของคุณย่าทั้งหมด และยังกล่าวเตือนคุณย่าด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดอีกด้วยว่า ห้ามเอาไปพูดมั่วซั่วข้างนอก


เหมยเหมยเพิ่งจะกลับไปที่โรงพยาบาลก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณปู่ให้เธอกลับไปหน่อย แต่ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร


เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากจึงกลับบ้านใหญ่ไปพร้อมกับจ้าวเสวียหลินด้วยกัน คุณปู่และคุณย่าต่างก็อยู่บ้าน อีกทั้งสีหน้าดูไม่สบอารมณ์เท่าไร โดยเฉพาะคุณย่าที่ทำหน้าเหมือนใครติดหนี้เธอหลายล้านยังไงอย่างนั้น


เหมยเหมยหันไปมองคุณย่าแวบหนึ่ง ไม่ได้ยาน้ำของเธอช่วยบำรุงรักษา สีหน้าของคุณย่าก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไร


เมื่อก่อนเธอเคยให้ยาน้ำกับผู้เฒ่าทั้งสองคนที่บ้านปีละครั้ง ซึ่งมันเป็นช่วงวันหยุดฤดูร้อนช่วงนี้พอดี


ปีนี้ก็เป็นปีที่สามแล้ว เมื่อไม่นานมานี้คุณปู่ก็กินไปแล้วเหมือนว่าจะดูสุขภาพดีขึ้นเยอะ กำลังวังชาเต็มเปี่ยม ตรงกันข้ามกับคุณย่าที่สีหน้าดูแย่ไปหน่อย


แต่นี่ก็แค่เริ่มต้น และก็จะเป็นไปตามลำดับขั้น คนในครอบครัวที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าจรดเย็นมองไม่ออกหรอก แม้กระทั่งตัวคุณย่าเองก็คงไม่รู้


“คุณปู่ มีธุระอะไรเหรอคะ?” เหมยเหมยถาม


คุณปู่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร คุณย่าก็อดไม่ได้ตะเบ็งเสียงถามว่า “เมื่อวานแกไปที่ห้างสรรพสินค้ามาเหรอ?”


“ใช่ค่ะ หรือว่าหนูไปไม่ได้?”


เดิมทีอารมณ์ของเหมยเหมยถือว่าสงบอยู่มาก แต่พอเห็นท่าทางของคุณย่าอารมณ์โมโหของเธอก็พุ่งขึ้นมา พูดย้อนอย่างประชดประชันเสียดสี ไม่อ่อนข้อเลยแม้แต่นิดเดียว


ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กต่างก็ไม่มีใครยอมใคร อารมณ์โกรธพุ่งปรี๊ด คุณย่าโกรธจนหน้าเขียว ยิ้มเยาะพลางพูดว่า “พวกเราตระกูลจ้าวทำไมถึงได้มีหลานสาวแบบแกได้นะ มั่วกับผู้ชายข้างนอกก็ช่างมัน ตอนนี้แม้กระทั่งเงินของผู้ชายก็ยังกล้าใช้ แกคิดอยากจะทำลายชื่อเสียงของตระกูลจ้าวใช่ไหม?”


สีหน้าของเหมยเหมยเคร่งขรึมในทันที สายตาที่มองไปทางคุณย่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร ความรักความห่วงใยอันน้อยนิดสุดท้ายที่ยังมีให้กับคุณย่าเวลานี้หายวับไปทั้งหมดแล้ว กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอย่างสมบูรณ์


“คุณย่าคะ เวลาคุณย่าพูดอะไรก็ควรจะมีหลักฐาน อะไรเรียกว่าหนูมั่วกับผู้ชายข้างนอกไปทั่ว? ยังมีอีกที่ว่าหนูทำให้ชื่อเสียงของตระกูลจ้าวต้องแปดเปื้อน? ต่อให้คุณย่าจะเป็นผู้อาวุโสกว่า แต่ก็ไม่สามารถพูดด้วยปากเปล่าไม่มีหลักฐานแบบนี้ได้ พูดจาซี้ซั้วงั้นเหรอคะ?”


เหมยเหมยมองคุณย่าอย่างเย็นชา ในดวงตาเหลือเพียงแต่ความเย็นชาเท่านั้น


คุณย่าที่เลอะเลือนเป็นอย่างมาก ไม่รู้อะไรควรไม่ควรทำ แล้วยังชอบพูดเป่าหูซุบซิบข้างหูของเธอ เชอะ รอเธอสืบหาออกมาได้ก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านจะได้เห็นดีกัน คอยดูเถอะ!


คุณย่ามองเหมยเหมยอย่างเหยียดหยาม ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่น่าฟัง “ถ้าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ ตัวเองก็อย่าทำตัวแกเอง ทำเรื่องหน้าอับอายขายหน้า คิดเหรอว่าคนอื่นจะไม่รู้จริง ๆน่ะ?”


เห็นเหมยเหมยโกรธมากคุณย่าก็พลันอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ยัยเด็กอกตัญญูสมควรตาย ครั้งนี้ดูสิว่ามันจะมีอะไรดี ๆให้พูดอีก!


คิด ๆแล้วก็รู้สึกยังระบายความโกรธไม่หมด คุณย่าก็พูดต่ออีกประโยคว่า “ถ้าแกอยากจะขายขี้หน้ามากก็กลับไปทำที่เมืองจินนู่น อย่ามาทำลายชื่อเสียงของตระกูลจ้าวในเมืองหลวงแห่งนี้ พวกเราตระกูลจ้าวไม่ควรจะปลาเน่าตัวเดียวแล้วพาลทำให้ปลาตัวอื่นเน่ากันไปหมด”


ประโยคสุดท้ายพูดออกมา คนในห้องก็หน้าเปลี่ยนสีกันยกใหญ่ เหมยเหมยโมโหจนตัวสั่น หน้าอกกระเพื่อมไม่หยุด


“คุณพูดจาไร้สาระอะไร? หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”


คุณปู่เพิ่งจะได้สติกลับมาก็หันไปตวาดใส่คุณย่าเสียงดัง เพียงแต่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เหมยเหมยไม่เพียงแต่ผิดหวังกับคุณย่า แม้กระทั่งคุณปู่เธอก็ไม่ได้เคารพเท่าเมื่อก่อนอีกแล้ว


รู้ ๆกันอยู่ว่าคุณย่าสติเลอะเลือนยังจะให้เธอมาที่บ้านเพื่อมาให้คุณย่าสติเลอะเลือนด่าประจานอีก แล้วก็ไม่คิดเลยว่าคำพูดพวกนี้ เธอฟังแล้วจะทุกข์ใจไหม?


และเป็นเพราะจิตวิญญาณของเธอคือผู้ใหญ่แล้ว ถ้าหากเธอเป็นเด็กสาวที่อายุแค่สิบกว่าปีจริง ๆ โดนญาติสนิทในบ้านทำให้อับอายแบบนี้ จิตใจต้องได้รับความกระทบกระเทือนมากแค่ไหนกันเชียว?


งั้นแบบนี้ตระกูลจ้าวกับตระกูลอู่มีอะไรแตกต่างกันล่ะ?


…………………………………………..


ตอนที่ 983 จะไม่ยอมให้ตัวเองต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมแม้แต่นิดเดียว


เหมยเหมยชิงพูดก่อนคุณย่า ยิ้มเยาะพลางพูดว่า “คุณปู่ คุณปู่อย่าเสแสร้งอีกต่อไปเลย ตอนนี้หนูดูออกหมดแล้ว สำหรับตระกูลจ้าวแล้วหนูมันก็แค่คนนอก พวกคุณไม่เคยคิดว่าหนูเป็นคนในครอบครัวเลยสักนิด อาศัยแค่คำพูดการปั้นน้ำเป็นตัวเพียงไม่กี่คำก็คิดไปแล้วว่าเป็นความผิดของหนู คิดจะให้หนูเป็นแพะรับผิดเหรอ…เชอะ…พวกคุณช่างเป็นญาติสนิทที่ดีของหนูเสียจริง คุณย่าจ้าววางใจ ต่อให้ต่างคนต่างอยู่หนูก็จะไม่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลต้องแปดเปื้อนแม้แต่นิดเดียว แต่ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกคุณตระกูลจ้าวก็อย่าคิดที่จะได้ผลประโยชน์อะไรจากตัวหนูอีกก็แล้วกัน!”


เวลานี้เองที่เหมยเหมยตัดสินใจเด็ดขาด ไม่สนว่าจะเป็นคุณปู่หรือคุณย่าจะหยุดให้ยาน้ำนั่นทั้งคู่!


ตระกูลจ้าวจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรแค่ไหนเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?


คุณย่าหัวเราะเยาะพูดว่า “ตาเฒ่า คุณฟังคำพูดของยัยเด็กสมควรตายนี่สิ ช่างพูดจาโอหังเสียจริง ตระกูลจ้าวได้ประโยชน์อะไรจากแก? หรือว่าถ้าตระกูลจ้าวไม่มีแกก็จะหมดอำนาจล่มสลายเหรอ? ช่างน่าตลกจริง ๆ!”


เหมยเหมยมองคุณย่าหน้านิ่งส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา “ล่มไม่ล่มหนูไม่รู้ แต่ว่าหนูรู้ว่าการเลื่อนขั้นของลุงสองลุงสามทั้งสองครั้งล้วนแต่เกี่ยวข้องกับหนู คุณย่าก็เป็นแค่คนสติเลอะเลือนไม่รู้อะไรดีไม่ดี หนูไม่พูดกับคุณย่าแล้ว คุณปู่คะคุณปู่ไม่เคยสติเลอะเลือน คุณปู่พูดจากจิตใต้สำนึกสิคะว่าหนูพูดถูกหรือไม่ถูก?”


คุณย่ายังคิดที่จะพูดดูถูกต่อ คุณปู่ที่ควบคุมสีหน้าไว้ไม่ได้แล้วก็หันไปตวาดคุณย่าด้วยความโกรธ “หุบปาก!”


เห็นคุณปู่โมโหขึ้นมาแล้วจริง ๆ คุณย่าจึงหุบปากอย่างโมโห สายตาที่มองเหมยเหมยไม่พอใจมาก เอ็นดูเหมยเหมยไม่ขึ้นแล้วจริง ๆ


ตระกูลจ้าวมีความยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์ได้ในวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะมาจากเลือดเนื้อหยาดเหงื่อของเธอและตาเฒ่า ยังมีชีวิตของลูกคนโตที่แลกมาด้วย เด็กสมควรตายพูดจาตอแหลได้อย่างเต็มปาก ช่างไม่มีความละอายเลยแม้แต่น้อย!


เรื่องนี้หวงอวี้เหลียนพูดไม่ผิดเลยจริ งๆ คนนอกเลี้ยงมายังไงก็ไม่สนิทชิดใกล้ ไม่ใช่หนึ่งใจเดียวกัน!


เหมยเหมยก็ไม่คิดจะเสแสร้งทำหน้ารักใคร่อะไรอีก เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งจะพูดกับเธอเอง พี่น้องจ้าวอิงสยงช่วงนี้ก็มีแนวโน้มว่าจะได้เลื่อนขั้นอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่เรื่องราวก็ได้ตัดสินลงไปแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้


เหตุผลก็เป็นเพราะเฮ่อเหลียนเช่อจับตัวเธอไป นายใหญ่ก็อารมณ์ดี และเพื่อเป็นการชดเชยให้ตระกูลจ้าวก็เลยให้ผลไม้แสนหวานแก่ตระกูลจ้าวลองชิม


จ้าวอิงหัวคือพ่อของเธอ แน่นอนว่าเธอไม่มีความเห็นอะไร แต่จ้าวอิงสยงและจ้าวอิงหย่งเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?


เธอไม่ได้มีความอดทนมากขนาดนั้น ภรรยาของสองพี่น้องนี่ต่างก็ปฎิบัติต่อเธอแบบนี้แล้ว เธอยังต้องทำความดีเพื่อตอบแทนคนเลว ๆงั้นเหรอ?


เธอไม่ใช่พระพุทธเจ้าเสียหน่อย มันคุ้มค่าสำหรับเธอหรือยังไง?


คุณปู่เห็นสีหน้าของเหมยเหมยเย็นชา จิตใจก็เจ็บปวดมาก ทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนไปกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ?


เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าปรองดองรักใคร่ มีความสุขกันดีเหรอ?


“เหมยเหมยครอบครัวเดียวกันไม่พูดจาแบ่งแยกครอบครัว จำเป็นต้องพูดแบ่งฝักฝ่ายให้ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือไง?”


คุณปู่ไม่พอใจอยู่บ้าง ไม่สนว่าจะเป็นจ้าวอิงสยงหรือจ้าวอิงหย่ง หรือว่าจะเป็นเหมยเหมยต่างก็แซ่จ้าวกันทั้งนั้น คำว่าจ้าวไม่สามารถเขียนออกมาให้เป็นสองคำได้ ใครได้ประโยชน์ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?


หรือว่าในใจของลูกรองกับลูกสามจะไม่นึกถึงความดีของเหมยเหมยเลยเหรอ?


แต่ว่าพูดออกมาก็ไม่มีความหมายอะไร แถมยังอาจจะทำให้คนในครอบครัวเอาใจออกห่างอีก!


เหมยเหมยส่งเสียงยิ้มเยาะ “คุณปู่อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ หนูโตจากข้างนอก ไม่อาจเอื้อมแตะต้องตระกูลจ้าวหรอกค่ะ คุณปู่อย่าโทษหนูที่พูดจาไม่น่าฟังเลยนะคะ ตอนที่ออกมาจากตระกูลอู่ หนูก็เคยสาบานแล้วว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม!”


ได้ยินเหมยเหมยพูดถึงตระกูลอู่ ในใจของคุณปู่ก็เจ็บปวด รู้สึกว่าตอนเล็ก ๆหลานสาวได้รับความทุกข์ความเจ็บปวดมามาก นิสัยจะแปลกไปสักหน่อยก็เป็นเรื่องที่ให้อภัยได้ เขาคิดอยากจะพูดเหตุผลกับเหมยเหมยดี ๆ อยากจะให้หลานสาวอย่าทำรุนแรงเกินกว่าเหตุไป


…………………………………………


ตอนที่ 984 จากไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด


เพียงแต่ในบ้านมีคุณย่าที่สติเลอะเลือนอยู่ เกิดมาเพื่อเป็นคู่หูโง่ ๆของคุณปู่ หลังจากที่เธอได้ยินเหมยเหมยพูดจบ ความโมโหก็พุ่งปรี๊ด


คุณย่าหัวเราะถากถางพูดตำหนิออกมาว่า “แกเป็นนางฟ้าสวรรค์ชั้นเก้าเหรอ ใครก็ไม่สามารถทำให้แกต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมได้? คนเราชั่วชีวิตหนึ่งมีใครบ้างที่ไม่เคยต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม? แกพูดจาอะไรก็ไม่ผ่านสมองเอาเสียบ้างเลย!”


“ดังนั้นหนูจึงต้องทน แล้วก็ทำได้แต่เพียงเก็บไว้งั้นเหรอ คุณย่าต่อไปนี้คุณย่าไม่ต้องกังวลว่าหนูจะทำลายชื่อเสียงอันสูงส่งของคุณย่าแล้วนะ แล้วก็ไม่ต้องเห็นหนูอยู่ขัดหูขัดตาอีก เป็นเรื่องดีจะตาย!”


เหมยเหมยมองคุณย่าอย่างเย้ยหยัน คิด ๆแล้วก็ยังรู้สึกไม่สะใจเท่าไร จึงตั้งใจพูดเสริมเข้าไปอีกว่า “วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่หนูจะได้พูดกับคุณย่า ถึงอย่างไรก็เรียกคุณว่าคุณย่ามาสองปี หนูก็ขอให้คุณย่าร่างกายแข็งแรง อายุยืนร้อยปีแล้วกันค่ะ!”


เธอพูดไปยิ้มไป เพียงแต่ในสายตาของพวกคุณปู่ที่มอง มักจะรู้สึกอยู่เสมอว่ารอยยิ้มของเหมยเหมยนั้นแปลกประหลาดทำให้คนรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรนัก


คุณย่าชะงักไปครู่หนึ่งแล้วด่าออกมาว่า “นังสารเลวไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ อะไรคือครั้งสุดท้าย แกคิดจะก่อกบฏหรือยังไง?”


อันที่จริงเธอก็ไม่ได้คิดจะไล่เหมยเหมยไป ไล่หลานสาวแท้ ๆของตัวเอง คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องจะหัวเราะเยาะเธอเช่นไร!


เหมยเหมยยักไหล่ ไม่คิดจะอยู่ที่ตระกูลจ้าวอีก


เหมยเหมยหันไปโค้งคำนับให้กับคุณปู่ พูดว่า “หนูขอลาตรงนี้ สำหรับเรื่องเมื่อวาน หนูว่าหนูพูดให้ชัดเจนหน่อยจะดีกว่า ไม่ควรให้คนที่มีเจตนาไม่ดีทำลายชื่อเสียงของหนู เงินที่เมื่อวานหนูใช้จ่ายนั้นเป็นเงินของหนู เพียงแต่ให้พี่เหยียนหมิงซุ่นช่วยเก็บเอาไว้ให้ ไม่กี่พันเท่านั้นเอง ตัวหนูเองสามารถหามาได้ไม่คุ้มที่จะต้องไปยั่วยวนผู้ชายหรอก วันหลังคุณย่าจะฟังคนอื่นพูดจาอะไร กรุณาพกสมองไปด้วยก็ดีค่ะ!”


พูดจบเธอก็ไม่สนใจท่าทางตกตะลึงของคนตระกูลจ้าวอีก หันหลังเดินออกไป ต่อไปก็จะไม่ย่างเท้าเข้ามาที่บ้านหลังนี้อีกแล้ว


คุณย่าตกตะลึงไปอยู่ชั่วครู่ อยู่ดี ๆก็ตะคอกออกมาว่า “แกเอาเงินมากมายขนาดนั้นฝากไว้กับคนนอก แกเป็นคนโง่หรือยังไง? ยังไม่รีบไปเอาเงินออกมาอีก!”


คำพูดของคุณย่านี้ไม่ได้มีความหมายอื่นเลยจริง ๆ เธอไม่ใช่คนโลภมากเห็นแก่เงินทอง คุณธรรมในด้านนี้ไม่มีปัญหาอะไร


เธอเพียงแต่กังวลอย่างบริสุทธิ์ใจว่าเหมยเหมยอายุยังน้อยยังไม่รู้เรื่องจะโดนคนอื่นหลอกได้ เงินตั้งหลายพันนะ!


ถ้าหากเธอรู้ว่าเงินที่เหมยเหมยฝากไง้กับเหยียนหมิงซุ่นนั้น ไม่ใช่แค่เพียงหลายพัน แล้วก็ไม่ใช่หลายหมื่น แต่เป็นหลายแสนแล้วล่ะก็ กลัวว่าคุณย่าคงจะตื่นตะลึงจนเป็นลมตายไปเลยมั้ง


เหมยเหมยส่งเสียงหึอย่างเย็นชา หมดคำพูดกับสมองของคุณย่าเสียจริง ๆ คิดแต่ละเรื่องไม่เคยตรงจุดเลย!


”คุณย่าก็เป็นกังวลมากไปแล้ว เทียบกับพวกคุณแล้ว หนูเชื่อใจพี่หมิงซุ่นมากกว่าอีก!”


เธอเดินออกจากห้องโถงใหญ่ของตระกูลจ้าว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ที่คนอื่นใฝ่ฝันหา แล้วก็ยังเป็นจุดสูงสุดของปิรามิดซึ่งผู้คนนับไม่ถ้วนอยากจะแย่งชิง แต่เหมยเหมยกลับจากไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว


คนอื่นอิจฉาริษยาตำแหน่งฐานะเจ้าหญิงแห่งตระกูลจ้าว เธอไม่เคยได้รับประโยชน์จากความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของมันเลยแม้แต่น้อย กลับกันมันยังพาปัญหาความวุ่นวายมาให้เธออีกไม่น้อย


เรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ แต่ในครอบครัวมีคุณย่าที่ไร้จิตสำนึกไร้คุณธรรมขนาดนี้ เธอรีบหาโอกาสออกไปก่อนจะถลำลึกจะดีกว่า!


จ้าวเสวียหลินมองคุณปู่คุณย่าอย่างลำบากใจ กัดฟันแล้วสุดท้ายก็ตามเหมยเหมยไป


เขาต้องปฎิบัติตามคำสั่งของจ้าวอิงหัวว่าจะไม่ห่างเหมยเหมย ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดที่คุณย่าว่าเหมยเหมยแบบนั้น เขาก็โมโหมากเช่นกัน!


แต่ว่าเขาก็ยังไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเหมยเหมยที่พูดอย่างโหดร้ายแบบนั้น ต่อให้คุณย่าจะผิดแต่ถึงอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโสของพวกเขา อย่างมากก็แค่ทำหูทวนลม แต่ถึงโต้เถียงกับคุณย่าถึงขั้นพูดคำพูดว่าจะตัดขาดกับตระกูลจ้าวมันออกจะมากเกินไปหน่อย


อีกครู่เขาต้องพูดคุยเหตุผลกับเหมยเหมยดี ๆ รอความโมโหของเหมยเหมยเบาบางลงก่อน ค่อยให้เหมยเหมยไปขอขมาคุณย่า ก็จะสามารถกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้แล้ว


ไม่ว่าจะพูดอย่างไร การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้เฒ่าทั้งสองมันก็ดีกับเหมยเหมยอยู่แล้ว


แต่จ้าวเสวียหลินกลับไม่รู้เลย เหมยเหมยไม่ได้ใส่ใจชื่อเสียงฐานะเจ้าหญิงแห่งตระกูลจ้าวโดยสิ้นเชิง อีกอย่างตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ——


ตระกูลจ้าวจะไม่สามารถหาผลประโยชน์อะไรจากตัวของเหมยเหมยได้อีกต่อไป!


……………………………………………


ตอนที่ 985 ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ


คุณปู่มองเงาที่เด็ดเดี่ยวของหลานสาวอย่างเย็นชา ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเขาถึงได้รู้สึกแย่เป็นอย่างมาก


ราวกับว่าของสำคัญบางอย่างกำลังจะจากเขาไปแล้ว


สิ่งที่พูดออกมามันไม่ได้ชัดเจน!


เพียงแต่ตอนนี้คุณปู่ยังไม่ทันรู้ตัว คำพูดของเหมยเหมยที่พูดก่อนหน้านี้หมายความว่าอะไร หลังจากหลายปีที่ผ่านมา ร่างกายของเขาอ่อนแอลงทุกวันทุกวัน คุณปู่ถึงได้เข้าใจ ——


สำหรับตระกูลจ้าวแล้วเหมยเหมย เป็นทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่ามากจริง ๆ


แต่พวกเขากลับไม่ได้เห็นคุณค่าและรักษาเอาไว้ดี ๆ!


คุณย่าโมโหจนกัดฟันกรอดหันไปตะคอกใส่คุณปู่ว่า “คุณดูสิ คุณดู ยังมีมารยาทอยู่ไหม? แม้แต่คำว่าญาติยังไม่รู้เลยว่าจะนับกันอยู่ไหม แถมยังไปเข้าข้างคนอื่นอีก?”


จ้าวเสวียกงขมวดคิ้วแน่น ทนไม่ไหวพูดออกมาว่า “คุณย่าพูดจาอะไรก็ระวังหน่อย ยังดีที่ตอนนี้มีแต่คนในครอบครัวกันเอง คุณย่าจะพูดมั่วซั่วแค่ไหนก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าออกไปข้างนอกก็อย่าพูดแบบนี้อีก คุณย่าอยากจะให้คนข้างนอกมองเหมยเหมยเป็นคนอย่างไร?”


คุณย่าด่าออกมาอย่างไม่คิดอะไรทั้งนั้น “ฉันพูดผิดตรงไหน? ยัยเด็กสมควรตายนี่ไม่ระมัดระวังตัวเอง ทำไมฉันจะพูดมากไม่ได้!”


“เหมยเหมยเธอไม่ระมัดระวังตัวตรงไหน? เมื่อวานผมและพี่สี่ก็อยู่ด้วย เหมยเหมยมีมารยาทจะตาย มีคนเลวที่ไหนมาพูดซุบซิบนินทามั่วซั่วอีกล่ะ?” จ้าวเสวียกงที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองรู้สึกไม่เป็นธรรม


จ้าวเสวียไห่หน้าตาท่าทางผิดแปลกไป สิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หรือคนที่พูดซุบซิบนินทามั่วซั่ว มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น…


คุณย่าตวาดออกมา “ไอ้สารเลวอะไรกันล่ะ เป็นป้าสะใภ้รองของแกพูดต่างหาก”


จ้าวเสวียกงหันไปมองทางจ้าวเสวียไห่ จ้าวเสวียไห่รีบพูดแก้ต่างว่า “ไม่ใช่ฉันพูดนะ”


อันที่จริงพวกเขาต่างก็รู้ว่าเป็นใครที่พูด จ้าเสวียกงยิ้มเยาะพูดว่า “พี่สี่ลูกพี่ลูกน้องของพี่ก้าวก่ายเกินไปแล้วมั้ง? ยุ่งเรื่องของชาวบ้านจนลามมาถึงตระกูลจ้าวของพวกเราแล้วเหรอ?”


อันที่จริงที่เขาอยากจะพูดถึงก็คือหานซู่ฉิน ถึงอย่างไรหานป๋อหยวนก็เพียงแค่พูดให้เพียงแค่หานซู่ฉินฟังเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะพูดเช่นไร และต่อให้เหมยเหมยจะทำผิดจริง ๆ ในฐานะที่หานซู่ฉินเป็นคนของตระกูลจ้าว ก็ควรจะปกป้องชื่อเสียงของหลานสาวสิ


หรือแค่คิดที่จะถามจ้าวเสวียไห่ก็ยังไม่ทำ แต่กลับพูดบิดเบือนความจริงเป่าหูคุณย่า ร่วมมือกับคนนอกทำลายชื่อเสียงของเหมยเหมย


มิน่าล่ะแม่ของเขาถึงไม่ชอบป้าสะใภ้รอง ที่แท้ก็ไม่ใช่คนดีแถมจิตใจยังชั่วร้ายมาก


หน้าของจ้าวเสวียไห่ถอดสี นึกไม่พอใจหานซู่ฉินและหานป๋อหยวนเป็นอย่างมาก


แน่นอนว่าคนที่เขาเกลียดที่สุดก็คือหานป๋อหยวน เมื่อก่อนทำไมมองไม่ออกนะว่าหานป๋อหยวนมีความสามารถในการนินทาผู้หญิงได้!


คุณปู่ซักไซ้ถามเรื่องเมื่อวานอย่างละเอียด เลยค่อนข้างไม่พอใจหานซู่ฉินเป็นอย่างมากที่ไม่ตรวจสอบพิจารณาใด ๆ ก่อน  เมื่อก่อนมองว่าสะใภ้รองเป็นคนดี แล้วตอนนี้ทำไมถึงเปลี่ยนไปไม่หนักแน่นแล้วล่ะ


“วันหลังก็พกสมองหน่อย อย่าเห็นพายุเป็นแค่ฝน ตอนนี้ก่อเรื่องจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว พอใจหรือยัง?”


คุณปู่หันไปตวาดใส่คุณย่า ตอนนี้เขายังไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะร้ายแรงกว่าที่คิด เพียงคิดแค่ว่าปล่อยผ่านไปก่อนไม่กี่วันค่อยไปปลอบหลานสาวก็น่าจะจบไปได้


อย่างไรก็เป็นแค่เด็กน้อยจะแค้นข้ามวันข้ามคืนอะไรได้?


เพียงแต่เขากลับไม่รู้ว่าหลานสาวของเขาไม่ใช่แค่เด็กน้อยคนหนึ่งแต่กลับเป็นผู้ใหญ่ที่ใจแคบเสียยิ่งกว่าเข็ม  แถมยังผูกอาฆาตพยาบาทจะตาย!


เดิมทีคุณย่ายังคิดจะพูดอีกหลายประโยคแต่ยังไม่ทันเปิดปาก ร่างกายก็สั่นเทิ้มในทันที จ้าวเสวียไห่รีบเข้าไปประคองเธอไว้จึงเห็นสีหน้าของคุณย่าที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ไม่ดีเหมือนก่อนหน้านี้


ตอนแรกคุณปู่ยังคิดที่จะตำหนิภรรยาผู้เลอะเลือนอีกสักหน่อย แต่เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ใจไม่แข็งพอ จึงถอนหายใจแล้วให้จ้าวเสวียไห่ประคองคุณย่ากลับไปพักที่ห้อง


ในภายหลังเหมยเหมยก็หาตัวคนนินทาได้ ความเคารพนับถือที่มีให้หานซู่ฉินก็หายไปในชั่วพริบตา


ที่แท้ก็รู้หน้าไม่รู้ใจ หานซู่ฉินก็เป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือ ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ!


…………………………………………


ตอนที่ 986 อ่อนแข็งต่างก็ไม่กิน


เหมยเหมยก็แอบดีใจกับตัวเอง เธอยังมีลูกน้องไว้ที่ตระกูลจ้าวอยู่หลายคน วันหลังตระกูลจ้าวอย่าได้คิดที่จะหาผลประโยชน์จากตัวเธอได้อีกเลยแม้แต่นิดเดียว!


สำหรับหานจั่นเผิง[1] เหมยเหมยไม่ได้เอามาใส่ใจ เมื่อก่อนยังเห็นว่าเป็นญาติ ถึงเมืองจินก็ว่าจะดูแลเสียหน่อยแต่ทว่าตอนนี้……


เชอะ ก็ถือว่าเป็นแค่คนแปลกหน้าไปก็แล้วกัน!


จ้าวเสวียไห่ตั้งใจมาหาเธอเพื่อพูดเรื่องนี้ซึ่งดูละอายใจมาก จ้าวเสวียกงบอกกับเธอว่าเพราะเรื่องนี้จ้าวเสวียไห่จึงได้ทะเลาะกับหานซู่ฉินยกใหญ่ ทะเลาะกันรุนแรงอยู่พอสมควร


ถึงแม้ว่าเหมยเหมยจะรู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง แต่เธอยังคงวางแผนที่จะรักษาระยะห่างจากจ้าวเสวียไห่ในอนาคตอยู่ดี จะพูดว่าเธอไร้ความปรานีก็ช่าง เลือดเย็นก็ช่าง เธอจะไม่ติดต่อกับใครก็ตามที่อาจเป็นอันตรายต่อตัวเธออีกแล้ว


จ้าวเสวียไห่เป็นคนดีนั้นไม่ผิด แต่ใครให้เขามีแม่ที่ไม่รู้อะไรควรไม่ควรกันล่ะ!


เธอไม่อยากจะทดสอบใจของจ้าวเสวียไห่ว่าเธอกับหานซู่ฉิน ท้ายที่สุดแล้วใครสำคัญกว่ากัน!


ก่อนออกมาหนึ่งวัน หานซู่ฉินยังโทรศัพท์หาเหมยเหมย เธอก็ไม่ได้คิดว่าเหมยเหมยจะเด็ดเดี่ยวขนาดนั้น พูดว่าจะไปก็ไปเลย


เพราะเรื่องนี้เธอต้องมาทะเลาะกับลูกชาย คุณปู่ก็ว่าเธอ จ้าวอิงสยงก็ตำหนิเธอ ยังพูดอีกว่าเธอเป็นคางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า หลานสาวตระกูลจ้าวจะแต่งกับคนด้อยกว่าได้อย่างไร?


แน่นอนว่าหานซู่ฉินยังไม่ยอมแพ้ เธอมั่นใจในตัวหลานชายของตัวเองมาก พอเธอคิดทบทวนดูแล้วก็เลยโทรศัพท์มาหา เพื่อที่จะพยายามหาโอกาสให้กับหานจั่นเผิงอีก!


แต่เธอกลับไม่รู้ว่าหานจั่นเผิงโดนเหมยเหมยจดเข้าบัญชีดำไปเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่ารวมเธอด้วย!


“เหมยเหมยเมื่อไรจะกลับเมืองจินหรือ? ตั๋วซื้อไว้หรือยัง?” หานซู่ฉินอ่อนโยนเป็นกันเองเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด


“ซื้อเรียบร้อยแล้วค่ะ” เหมยเหมยพูดเสียงเรียบนิ่ง


หานซู่ฉินรีบร้อนถาม “ซื้อเวลาไหนเหรอ?”


“ไฟลท์บินพรุ่งนี้ตอนเช้าเก้าโมง ป้าสะใภ้รองมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” เหมยเหมยไม่อยากพูดอะไรไร้สาระอีก จึงถามอย่างตรงไปตรงมา


รอยยิ้มของหานซู่ฉินชะงักค้าง แอบด่าอยู่ในใจบอกแล้วว่าอย่านั่งเครื่องบินก็ยังจะซื้อตั๋วเครื่องบินอีก ช่างดื้อรั้นจริง ๆ


“ตั๋วเครื่องบินมันเปลืองเงินมากเลยนะ ตั๋วเครื่องบินหนึ่งใบสามารถซื้อตั๋วรถไฟนอนได้ตั้งหลายใบ พี่จั่นเผิงของเธอก็ซื้อตั๋วรถไฟนอน รอบวันมะรืนตอนแปดโมงเช้า พี่จั่นเผิงดูแลเธอได้ ป้าจองตั๋วให้เธอนะ!”


หานซู่ฉินพยายามใช้วาทศิลป์ในการพูดโน้มน้าว แผนการที่ชั่วร้ายอย่าให้โจ่งแจ้งจนเกินไป! เหมยเหมยขมวดคิ้วอย่างเบื่อหน่าย  พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่รบกวนป้าสะใภ้รองและหลานชายของป้าหรอกค่ะ ก็ใช่ว่าหนูจะไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบิน แล้วมันก็ไม่คุ้มที่จะต้องไปเบียดเสียดกับคนบนรถไฟ ถ้าป้าสะใภ้รองไม่มีเรื่องอะไรแล้ว หนูวางแล้วนะคะ…”


หานซู่ฉินตกตะลึง เกลียดเหมยเหมยที่ไม่รู้จักดีชั่วในใจ นั่งรถไฟถือว่าคว้าน้ำเหลวไปแต่เธอก็ไม่ถอดใจ ยิ้มตาหยีพูดว่า “เหมยเหมยอย่าพึ่งรีบร้อนวางสายสิ พวกเราสาว ๆพูดคุยกันอีกหน่อยเถอะ!”


เหมยเหมยฟังต่อไป อยากฟังว่าท้ายที่สุดแล้วหานซู่ฉินอยากจะพูดอะไรกันแน่ อย่างไรก็ตามเธอตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าหานซู่ฉินจะพูดอะไร เธอก็จะส่ายหัวอยู่ดี


“เรื่องมันเป็นแบบนี้ พี่จั่นเผิงของเธอไปเรียนที่เมืองจินคนเดียว คนในครอบครัวต่างก็ไม่ไว้วางใจ เหมยเหมยก็ช่วยป้าดูแลพี่จั่นเผิงหน่อย วันหยุดพักผ่อนก็พาพี่จั่นเผิงไปเที่ยวชมรอบ ๆเมืองหน่อย หานจั่นเผิงของป้าน่ะมีนิสัยค่อนข้างเก็บตัว…”


เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นไม่อยากจะฟังหานซู่ฉินพูดไปเรื่อยเปื่อยอีกต่อไป พูดตัดบทว่า “ป้าสะใภ้รองคะ คำพูดพวกนี้ไม่ควรจะมาพูดกับหนู หานจั่นเผิงอย่างไรก็ถือว่าเป็นคนนอก หนูควรจะหลีกเลี่ยงหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกแม่บ้านที่ชอบซุบซิบข้างนอกนั่น ไม่รู้ว่าจะเอาไปพูดนินทาว่าอย่างไรกันบ้าง! เรื่องนี้หนูคงต้องขออภัยที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ป้าสะใภ้รองหาคนอื่นเถอะค่ะ!”


รอยยิ้มของหานซู่ฉินค้างอย่างนั้น ต่อให้เธอมีวาทศิลป์พูดได้ดีแค่ไหน แต่พอเจอกับเหมยเหมยที่อ่อนหรือแข็งก็ไม่กินไม่เอาอะไรสักอย่าง เธอก็ไม่มีกลยุทธ์เหลือให้ลองอีกแล้วเหมือนกัน


…………………………………………..


[1] หานจั่นเผิงคือคน ๆเดียวกับหานป๋อหยวน แต่นักเขียนใช้ชื่อว่าหานจั่นเผิง


ตอนที่ 987 ปกป้องอยู่ห่างๆแบบนี้แหละ


หานซู่ฉินยังดื้อรั้นไม่ยอมแพ้พยายามพูดชักจูงเหมยเหมยต่ออีก แล้วจะให้เหมยเหมยทนไหวได้อย่างไรเลยพูดออกไปว่า “ป้าสะใภ้รองคะ ถ้าหากว่าป้าเป็นห่วงหานจั่นเผิงมากขนาดนั้นก็ให้เขาอยู่ที่เมืองหลวงไปสิคะ ทำไมจะต้องให้ไปตกระกำลำบากไกลขนาดนั้นด้วยล่ะคะ?”


“ไม่ใช่…”


หานซู่ฉินยังพูดไม่จบ เหมยเหมยก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “อุ้ย หนูต้องไปแล้ว วางแล้วนะคะ…บ๊ายบาย!”


เหมยเหมยวางสายแล้วทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่โทรศัพท์ ส่งเสียงฮึอย่างลำพองใจ


ยังคิดจะให้เธอดูแลหานจั่นเผิงอีก?


เธอไม่แอบแกล้งหมอนี่ก็เมตตาขนาดไหนแล้ว!


หานซู่ฉินกัดฟันกรอดมองโทรศัพท์ เธอไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ไปทั้งแบบนี้ แต่จะให้เธอหยิบเอาเงินหกสิบเจ็ดสิบหยวนออกมา เธอก็เจ็บปวดใจจะแย่  ช่างมันเถอะถึงอย่างไรไปเมืองจินก็ยังมีโอกาส ไม่ได้ต่างกันหลายชั่วโมงนักหรอก


แต่หานซู่ฉินกลับหารู้ไม่ว่าหลานชายคนดีของเธอไม่มีโอกาสอะไรอีกต่อไปแล้ว!


เหยียนหมิงซุ่นมารับเหมยเหมยไปสนามบินแต่เช้า ส่วนจ้าวเสวียหลินสยงมู่มู่และเด็กอ้วนน้อยนั่งรถเมล์ไปกันเอง คนตระกูลจ้าวไม่มีใครรู้สักคนว่าพวกเขาจะขึ้นเครื่องบินกันวันนี้ ต่างก็ยังคิดว่าพวกเขาพักกันที่บ้านพักรับรองอยู่เลย!


คุณปู่ยังคิดว่ารอผ่านไปอีกสักสองวันจะไปหาเหมยเหมย พูดคุยด้วยเหตุผลกับเธอ แล้วบอกให้ย้ายกลับมาบ้านใหญ่ เพียงแต่…


ทั้งหมดมันสายไปแล้ว!


ที่สนามบินเหมยเหมยเห็นเหมยซูหาน มองแล้วดูผอมลงไปเยอะ และยังคงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวดูสะอาดและสดชื่น แต่กลับแฝงไปด้วยความเศร้า


เหมยซูหานก็เห็นพวกเหมยเหมยเหมือนกัน เขาชะงักหยุดเดินไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะพุ่งเข้ามา เพียงแค่ยิ้มเบา ๆให้กับเหมยเหมย รอยยิ้มดูบางเบามากแล้วก็หายไป เหลือแค่เพียงความเศร้าและความเหยียดหยามตัวเอง


เขาในตอนนี้ยังมีคุณสมบัติอะไรไปชอบเหมยเหมยได้อีก?


แม้กระทั่งจะเข้าใกล้เหมยเหมยเขายังไม่กล้า…เพราะว่ากลัว…และก็เป็นเพราะรู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำ…


เหมยซูหานมองเหมยเหมยอย่างลึกซึ้ง ในดวงตามีความเจ็บปวดและอ้างว้าง เขาหมุนตัวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล ไม่มีความอาลัยอาวรณ์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว!


เป็นไปได้ที่คนของเฮ่อเหลียนเช่อจะอยู่แถว ๆนี้ เขาไม่สามารถทำร้ายเหมยเหมยได้อีกแล้ว


มองอยู่ห่าง ๆแบบนี้ก็ดีแล้ว ขอเพียงแค่เหมยเหมยมีความสุขก็พอแล้ว…


แต่ทำไมใจของเขาถึงได้เจ็บปวดแบบนี้?


อีกทั้งความเจ็บปวดแบบนี้ก็คุ้นเคยมาก…เหมือนกับว่าเคยเจ็บปวดเช่นนี้มาแล้วก็ไม่ปาน!


เหมยเหมยจ้องด้านหลังของเหมยซูหานอยู่ชั่วครู่ รู้สึกอยู่ตลอดว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็พูดไม่ถูกว่าตรงไหนที่เปลี่ยนไป


“พี่หมิงซุ่น พี่มีความรู้สึกว่าเหมยซูหานเปลี่ยนไปไหม?” เหมยเหมยถาม


เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกมานานแล้ว เขาพอใจกับการวางตัวของเหมยซูหานมาก สำหรับเหมยซูหานแล้วเขาไม่เห็นใจเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อทั้งคู่ต่างก็ยินยอม คนหนึ่งอยากตี อีกคนก็ยินยอมให้ตีบางทีตัวเขาเองยังดีใจไปด้วยเลย!


“ไม่รู้สึก ไปเถอะ พวกเรารีบไปขึ้นเครื่องได้แล้ว!”


เหยียนหมิงซุ่นดันเหมยเหมยเดินไปข้างหน้าเบา ๆ เขาไม่ยินดีนักที่เด็กน้อยเอาแต่คิดถึงผู้ชายอีกคน โดยเฉพาะคนนั้นคือเหมยซูหาน!


และสิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจก็คือ เหมยซูหานขึ้นเครื่องบินลำเดียวกันกับพวกเขา แต่คิดไปแล้วก็ไม่แปลก ไฟลท์บินเมืองหลวงไปเมืองจินมีแค่สองไฟลท์ ตอนเช้าหนึ่งไฟลท์ ตอนบ่ายอีกหนึ่งเหมยซูหานมาตอนนี้ แน่นอนว่าต้องไปรอบเช้านี่แหละ


แต่เหมยซูหานก็ยังไม่พูดคุยกับพวกเขา ทำเพียงแค่ผงกหัวให้เบา ๆแล้วก็หลับตาพักจนเครื่องบินลงจอด


หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อก็กลับไปที่บ้าน รายงานท่าทีที่เชื่อฟังของเหมยซูหานให้กับเฮ่อเหลียนเช่อฟัง เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะอย่างพอใจ อารมณ์ดีขึ้นมาในทันที นับว่าหาได้ยากที่เขาจะไม่ด่าทอตบตีลูกน้อง


ดอกเหมยน้อยจะต้องไม่ชอบจ้าวเหมยแล้วแน่นอน!


เวลานี้เฮ่อเหลียนเช่อไม่สงสัยแม้แต่น้อยก็เพราะมีเพชรแบบเขาอยู่ตรงหน้า ตาปลาอย่างจ้าวเหมยก็ต้องกระเด็นไปข้างทางเป็นเรื่องธรรมดา ดอกเหมยน้อยเลือกได้ถูกที่สุดแล้ว!


…………………………………………


ตอนที่ 988 สามปีต่อมา


สามปีอันยาวนานผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมยเหมยจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมต้น กลายเป็นนักเรียนชั้นม.5แล้ว อีกทั้งยังเป็นมัธยมปลายที่ดีที่สุดในอีจงเมืองจิน แล้วก็เป็นโรงเรียนที่อู่เจิ้งซือทำงานอยู่ด้วย


ตามหลักแล้วเหมยเหมยควรจะเรียนม.4 แต่เธอไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ เธออยากจะไปเรียนมหาวิทยาลัยให้เร็วหน่อยแบบนั้นเธอถึงจะมีอิสระมากขึ้น


เพราะอย่างไรก็ตามสำหรับพวกผู้ใหญ่แล้ว มหาวิทยาลัยเป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาว่าเด็กโตเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือไม่


อีกทั้งถ้าว่ากันตามอายุเธอก็ควรจะขึ้นม.5แล้ว


เพราะว่าตอนอนุบาลสามผลการเรียนของเธอแย่จนเกินไป อาจารย์ประจำชั้นแนะนำอู่เจิ้งซือว่าให้เธอซ้ำอีกปี และเพราะเหตุผลนี้ทำให้อู่เจิ้งซือรู้สึกเสียหน้าและรู้สึกผิดหวังกับเธอเหลือเกิน


ส่วนเจ้าอ้วนน้อยอู่เชากลับไม่ได้เป็นเพราะซ้ำชั้น แต่เป็นเพราะคุณปู่บอกว่าควรจะก้าวเดินไปอย่างช้า ๆจะได้มั่นคง และยังบอกว่าอายุเยอะหน่อยใจก็จะยิ่งสงบมากขึ้น


เพราะเหตุนี้เด็กผู้ชายตระกูลอู่จึงเข้าเรียนช้ากว่าเด็กปกติคนอื่น ๆ


ส่วนเด็กผู้หญิงคุณปู่นั้นอย่างไรก็ได้ เพราะสำหรับเขาอย่างไรเสียหลานสาวก็ไม่ได้สำคัญอยู่แล้ว เรียนรู้คำศัพท์ไม่กี่คำก็เพียงพอแล้ว


มัธยมต้นสามปี ผลการเรียนด้านวัฒนธรรมของเหมยเหมยนั้นอยู่ในระดับกลางหรือต้น ๆเสมอ ไม่ใช่คนที่ดีที่สุดแต่ก็ไม่แย่


ถึงอย่างไรในสายตาของคู่สามีภรรยาจ้าวอิงหัว ผลการเรียนของลูกสาวพวกเขาถือว่าไม่แย่เลยทีเดียว พอไปข้างนอกก็พูดเรื่องการเรียนของลูกสาว ชมจนเหมือนว่าเหนือสวรรค์ก็ไม่มีใครเทียมเธอได้ คนไม่รู้อาจจะนึกว่าเหมยเหมยได้ที่หนึ่งของชั้นปี!


ส่วนความคิดของเหมยเหมยที่อยากจะข้ามชั้นไปม.5 สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวไม่ได้คัดค้าน แต่ไหนแต่ไรพวกเขาไม่เคยก้าวก่ายเรื่องการเรียนของเหมยเหมย เพราะพวกเขามองว่าคะแนนของลูกสาวตัวเองดีเป็นอย่างมาก ต่อให้ข้ามชั้นไปเรียนมหาวิทยาลัยเลยก็ไม่มีปัญหา!


มั่นใจเป็นอย่างมาก!


ถึงแม้ในสายตาของอาจารย์ที่อีจงจะมองว่าคะแนนด้านวัฒนธรรมของเหมยเหมยยังอ่อนไปหน่อย แต่จะทำไงได้ก็เขาเป็นถึงนักเรียนพิเศษที่มีความสามารถด้านศิลปะนี่นา!


เกณฑ์คะแนนวัฒนธรรมของนักเรียนพิเศษนั้นไม่สูง ขอเพียงแค่ทำคะแนนได้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดก็โอเคแล้ว เหมยเหมยที่ทำได้ระดับกลาง ๆหรือต้น ๆอยู่เสมอนั้นถือว่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดมามากแล้ว


อีกทั้งนักเรียนพิเศษที่ได้รับรางวัลระดับประเทศมาอย่างเหมยเหมยนั้น มหาวิทยาลัยชั้นนำที่น่าเชื่อถือมักจะรับนักเรียนที่มีผลการเรียนที่ดีเหมาะสม แล้วแบบนั้นอาจารย์จะไม่พอใจได้อย่างไร?


จะยินดีต้อนรับกันแทบไม่ทันน่ะสิ!


เจ้าอ้วนน้อยอู่เชาก็ได้ข้ามชั้นเหมือนกัน คะแนนของเขาและเหมยเหมยไม่ต่างกันมาก โดยเฉพาะวิชาภาษาและวรรณคดีทำให้อาจารย์ประหลาดใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งสามปีมานี้เขาก็เป็นนักเขียนอายุน้อยที่มีชื่อเสียงอีกด้วย


หนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้ว และเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกระหว่างเจ้าอ้วนน้อยกับสำนักพิมพ์ฮวาหยู่  นับว่าหัวหน้ากองบรรณาธิการของสำนักพิมพ์นี้ มองเห็นความสามารถของเจ้าอ้วนน้อย!


ถึงแม้ว่าเจ้าอ้วนน้อยจะเคยร่วมงานกับสำนักพิมพ์มากมาย แต่เขาก็เป็นคนที่รู้จักตอบแทนคุณคน ดังนั้นจึงได้เซ็นต์สัญญากับสำนักพิมพ์ฮวาหยู่ จนถึงตอนนี้เจ้าอ้วนน้อยก็ได้ตีพิมพ์บทความไปสามบทความแล้ว


เจ้าชายน่าหลานก็กลายเป็นไอดอลในใจของชายหนุ่มหญิงสาวมากมายไปแล้ว!


ส่วนสยงมู่มู่ปีที่แล้วเขาก็ได้ไปเรียนที่อังกฤษแล้ว เดิมทีจ้าวอิงหนานเตรียมให้เขาไปที่อเมริกาเพราะว่าเฮ่อเหวินจิ้งอยู่ที่อเมริกา แต่สยงมู่มู่อยากจะไปอังกฤษเอง จ้าวอิงหนานขัดเขาไม่ได้จึงจำใจเห็นด้วย


เหมยเหมยคิดว่าเหตุผลหลักที่สยงมู่มู่ไปอังกฤษน่าจะเป็นเพราะเซียวเซ่อ ถึงแม้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาเจ้าหมอนี่จะไม่ยอมรับความสัมพันธ์อันคลุมเครือไม่ชัดเจนระหว่างเขาและเซียวเซ่อเลยก็ตาม


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเจ้าอ้วนน้อยที่โทรมาบอกว่าอีกสิบนาทีจะถึง หลังจากนั้นค่อยไปลงทะเบียนด้วยกัน


เพราะว่าวันนี้คือวันที่หนึ่งเดือนกันยายนเป็นวันที่นักเรียนใหม่เข้าเรียน แล้วก็เป็นวันเปิดเทอมใหม่วันแรกด้วย


…………………………………………..


ตอนที่ 989 กำลังดี


อู่เชาและเจียงซินเหมยมาด้วยกัน ตอนมัธยมต้นเจียงซินเหมยและเจ้าอ้วนน้อยอยู่ห้องเดียวกัน เหมยเหมยอยู่อีกห้องหนึ่ง แต่ตอนม.3 ความสนิทสนมของพวกเขาทั้งสามคนก็ดีมาโดยตลอด


เจียงซินเหมยก็สอบเข้าที่อีจงได้ เธอเป็นนักเรียนพิเศษด้านการเต้น อีกทั้งคะแนนด้านวัฒนธรรมของเธอก็ไม่เลว ดังนั้นเมื่อหญิงสาวเห็นเพื่อนรักทั้งสองต่างก็ข้ามชั้น จึง ——


เธอก็ข้ามชั้นด้วยเหมือนกัน!


อีกทั้งภายใต้ข้อเรียกร้องที่แข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสามคนจึงได้มาอยู่ห้องเดียวกัน เป็นกลุ่มสามคนอีกครั้ง!


ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า เป็นเวลาที่เจ้าอ้วนน้อยโทรศัพท์มาหาแต่เหมยเหมยยังซุกอยู่ใต้ผ้านวมไม่ยอมลุกจากเตียงอยู่เลย แต่เพื่อนก็ใกล้จะถึงหน้าประตูอยู่แล้ว ต่อให้เธอไม่อยากลุกแค่ไหนก็ต้องลุกขึ้นมา และใช้ความเร็วอย่างที่สุดในการล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้านาทีเสร็จ


จ้าวอิงหัวไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว สองปีที่แล้วเลขาคณะกรรมการพรรคเก่าของเมืองจินเกษียณไป จ้าวอิงหัวจึงได้เข้ามาและกลายเป็นผู้นำของเมืองจิน ยุ่งจนหัวหมุนทุกวัน หากไม่ได้ยาของเหมยเหมยช่วยบำรุงรักษาล่ะก็ ร่างกายของจ้าวอิงหัวคงจะพังไปนานแล้ว


ไหนเลยจะเหมือนตอนนี้ที่เต็มไปด้วยพลังงานทุกวัน พลังในการสู้รบก็เต็มเปี่ยม——


ไม่เพียงแค่การทำงาน แต่ในห้องนอน ——ยังมีเหยียนซินหย่าผู้ที่มีความอิ่มเอิบเปล่งออร่าเป็นหลักฐาน!


ส่วนพี่น้องจ้าวอิงสยงกลับย่ำอยู่กับที่ไม่มีความก้าวหน้า การเลื่อนขั้นที่ตัดสินใจไปแล้วก็ถูกยกเลิกไป ถึงแม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆแต่เหมยเหมยก็รู้ต้องเป็นเพราะเขาจัดการแน่ ๆ ช่างใจตรงกับเธอจริง ๆ


ปีที่แล้วจ้าวเสวียหลินก็สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ เรียนที่เดียวกันกับพี่น้องจ้าวเสวียไห่และจ้าวเสวียกง และไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีหรือการปฏิบัติ รวมถึงสมรรถภาพทางกาย จ้าวเสวียหลินนั้นเก่งมากอนาคตบอกได้เลยว่าสดใส


เหมยเหมยรวบผมยาวมัดเป็นมวยกลม ๆหลวม ๆสบาย ๆ อากาศร้อนจนเกินไปมัดผมจะเย็นสบายกว่า เธอพยายามทำทุกอย่างให้ไม่ยุ่งยาก จึงสวมแค่เสื้อยืดสีขาวเรียบง่ายและกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน รวมถึงรองเท้าผ้าใบสีขาว


ช่วงเวลาสามปีเป็นช่วงที่ดีของเหมยเหมยมาก ร่างกายดูสูงเพรียว ตอนนี้ก็สูง163เซนติเมตรแล้ว หน้าอกที่เป็นหมั่นโถวเล็ก ๆก็กลายเป็นซาลาเปาไปแล้ว แม้ว่าจะไม่นับว่าใหญ่มากแต่เหมยเหมยก็พอใจมากแล้ว


ใหญ่ไปมีอะไรดี เซียวเซ่อพูดถูก ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งหย่อนยานง่าย!


“เหมยเหมย แบบนี้นุ่มมือกำลังดี!”


นึกถึงเสียงแหบห้าวของเหยียนหมิงซุ่นที่ดังข้างหูอีกครั้ง เหมยเหมยก็งุดหน้าอย่างเขินอาย เมื่อไม่นานมานี้เหยียนหมิงซุ่นมีภารกิจแล้วผ่านมาทางเมืองจิน ช่วงกลางคืนก็ปีนกำแพงเข้ามาเป็นเรื่องธรรมดา!


ชายหญิงอยู่ในห้องเดียวกันตามลำพังและเป็นค่ำคืนที่มืดไร้แสงจันทร์ อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าสาวสวยอีก เวลาและสถานที่ล้วนเป็นใจ มีหรือที่ชายชาติทหารที่กำลังอารมณ์พลุ่งพล่านอย่างเหยียนหมิงซุ่นจะทนไหว ถ้าทนไหวก็แปลกแล้ว!


อีกทั้งยังไม่มีพี่ชายขี้ระแวงที่คอยมาก่อกวนอีก ค่ำคืนนั้นจึงปล่อยให้อารมณ์พาไป นอกจากขั้นตอนสุดท้ายที่คู่รักควรทำกันพวกเขาก็ล้วนทำมันหมดแล้ว!


ที่เหยียนหมิงซุ่นชอบที่สุดก็คือ’ซาลาเปา’ของเธอ เพราะว่านุ่มเหมาะมือดี…


พอนึกถึงค่ำคืนที่ร้อนระอุค่ำคืนวันนั้น ด้วยมือไม้และริมฝีปากที่อยู่ไม่สุขของเหยียนหมิงซุ่น หน้าของเหมยเหมยก็ร้อนฉ่าแดงก่ำเหมือนเลือดจะไหลออกมาก็ไม่ปาน


“หน้าไม่อาย…”


เหมยเหมยพ่นน้ำใส่ตัวเองในกระจก แล้วก็ทำหน้าตาบู้บี้วิ่งไปที่ห้องน้ำใช้น้ำเย็นล้างหน้า ถึงได้ใจเย็นลงมาบ้าง


เธอก้มหัวลงมองฉาฉาที่ข้อมือ เวลาสามปีมานี้ก็ไม่ได้โตขึ้นเท่าไร เพียงแต่ร่างกายนั้นเขียวเข้มขึ้น ถ้าไม่ได้จ้องมองเป็นเวลานานก็จะไม่มีใครค้นพบถึงความเปลี่ยนแปลงของฉาฉา


ฉิวฉิวก็ไม่ได้โตขึ้นเท่าไร สามปีนี้มันกลืนของล่ำค่าไปบ้างพอสมควร แต่มองอย่างไรเหมยเหมยก็มองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง มีแต่ฉิวฉิวที่พูดเองว่า ฝีมือความสามารถของมันแข็งแกร่งขึ้นอีกหน่อยแล้ว สามารถถ่วงเวลาคนน่ารังเกียจอย่างเฮ่อเหลียนเช่อได้พอสมควร


เหมยเหมยส่องกระจกแล้วส่องกระจกอีกจนเห็นว่าไม่มีปัญหาแล้วก็สะพายกระเป๋า ตอนนี้ฉิวฉิวนั้นไม่อยู่บ้าน เพราะโดนเฮ่อเหลียนชิงมารับไปแล้ว แต่ว่าฉิวฉิวก็ให้ฟันเธอเอาไว้หนึ่งซี่ อันที่จริงแล้วมันคือมิติเก็บของขนาดเล็ก จริง ๆก็ไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ใส่ของได้ไม่น้อย


“แม่คะ หนูไปเรียนแล้วนะ!”


เหมยเหมยตะโกนไปทางชั้นสองแล้วก็ปั่นจักรยานออกจากบ้านไป อู่เชาและเจียงซินเหมยถึงหน้าประตูใหญ่แล้วเรียบร้อย โบกไม้โบกมือให้เธออยู่ไกลๆ


…………………………………………..


ตอนที่ 990 ลงทะเบียน


เด็กอ้วนน้อยก็โตขึ้นมากในช่วงสามปีที่ผ่านมา ภายใต้คำแนะนำของเหมยเหมย เด็กอ้วนน้อยดื่มนมครึ่งแก้วทุกวัน ไม่ละทิ้งความพยายามกลางคัน จากนั้นหากมีเวลาว่างก็จะไปเล่นบาสที่สนาม สูงกว่าชาติที่แล้วสองสามเซนติเมตร พยายามเคี่ยวเข็ญจนสูงถึง 170 เซนติเมตร


อีกทั้งยังเป็นเพราะว่าออกกำลังกายทุกวัน ไขมันในร่างกายก็ลดลงไปมาก โครงหน้าชัดเจนขึ้นจนสามารถมองออกถึง ’คิ้วดาบดวงตาดาราอันหล่อเหลา’ ที่อยู่ลึก ๆออกแล้ว


ด้วยเหตุที่พอจะมีเงินบ้างแล้ว และมีเพื่อนสายตาดีอย่างเหมยเหมยและสยงมู่มู่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านเสื้อผ้า รสนิยมสไตล์เสื้อผ้าของเด็กคนอ้วนน้อยก็ดีขึ้นอย่างมาก


ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ตอนนี้เด็กอ้วนน้อยไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนแล้ว มีท่วงท่าอันสง่างามเหมือนกับเจ้าชายน่าหลานอยู่หลายส่วนแล้ว!


เจียงซินเหมยยืนอยู่กับเด็กอ้วนน้อยซึ่งเตี้ยกว่าเขาอยู่เป็นคืบ สูงกว่าเหมยเหมยนิดหน่อย


รูปร่างเธอก็ผอมเพรียวสวยงามเพราะเรียนเต้น รูปร่างและนิสัยไม่ต้องพูดถึง ถึงแม้ว่าจะเทียบความสวยกับเหมยเหมยไม่ได้ แต่เดินอยู่บนถนนก็เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามเลยทีเดียว


อีกทั้งฐานะของครอบครัวของเจียงซินเหมยนั้นก็ถือว่าไม่เลว พ่อแม่ต่างก็เป็นผู้ปฎิบัติงานระดับกลางของบริษัทปิโตรเคมี เงินเดือนสวัสดิการดีมาก เธอเป็นลูกสาวคนเดียว แน่นอนว่าพ่อแม่ก็ต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกสาวในทุก ๆสิ่ง


หน้าตางดงาม รูปร่างก็ดี อีกทั้งยังแต่งตัวทันสมัย จะไม่สวยได้อย่างไรกัน?


“พวกเธอทำไมมาเร็วขนาดนี้? ฉันยังนอนอยู่เลย!”


เหมยเหมยหยุดรถมองค้อนพวกเขาอย่างตำหนิ เช้าขนาดนั้นก็ยังโทรศัพท์มา ทำเอาเธอรู้สึกอ่อนเพลียเหมือนไม่ได้นอน


เจียงซินเหมยชี้ไปที่จุดสูง ๆที่มีดวงอาทิตย์อยู่ พูดเกินจริงว่า “เธอแหกตาดูเถอะพระอาทิตย์ส่องก้นแล้ว ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ยังไม่ร้อนจนเกินไป พวกเราไปลงทะเบียนเร็ว ๆหน่อย เดี๋ยวร้อนขึ้นมาคงเหนื่อยแย่”


“เด็กอ้วนน้อยพงกหัวไม่หยุด “ใช่ ๆ รีบไปรีบกลับ อีกเดี๋ยวฉันเลี้ยงเคเอฟซีพวกเธอเอง!”


“ไม่เอา…”


เหมยเหมยและเจียงซินเหมยปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน


หลังจากที่เด็กอ้วนน้อยออกหนังสือเล่มแรก เจ้าหมอนี่ก็ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้จึงจัดเคเอฟซีมื้อใหญ่ให้เหมยเหมย สยงมู่มู่และเจียงซินเหมย สั่งให้กินจนหนำใจ กินจนจะอ้วกถึงหยุด


มีเพียงเด็กอ้วนน้อยเท่านั้นที่กินไม่เบื่อ ทุกครั้งที่ได้ค่าต้นฉบับ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือการเชิญเพื่อน ๆไปกินเคเอฟซี แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยพิจารณาร้านอาหารอื่นเลย


ทำเอาตอนนี้แค่เหมยเหมยและเจียงซินเหมยได้ยินคำว่าเคเอฟซีสามคำนี้ก็คลื่นไส้อยากจะอาเจียนออกมาอย่างไม่รู้ตัว เหมือนกับปฏิกิริยาของสตรีมีครรภ์เสียอย่างนั้น


“เคเอฟซีอร่อยจะตาย…”


เด็กอ้วนน้อยไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ของอร่อยขนาดนี้จะสามารถกินจนเบื่อได้อย่างไรกัน?


“อยากจะกินก็ไปกินเอง นายเอาเงินที่จะเลี้ยงพวกฉันมาให้พวกฉัน พวกเราจะไปกินข้าวที่ภัตตาคารจุ้ยเซียน” เหมยเหมยพูดหยอกล้อ เจียงซินเหมยก็ตบมือเห็นด้วย


เด็กอ้วนน้อยลังเลอยู่ครู่ใหญ่ก็กัดฟันพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปภัตตาคารจุ้ยเซียนเถอะ ไปกินคนเดียวมันไม่สนุก”


เพื่อนสนิททั้งสามคนยิ้มให้กัน ต่างคนต่างขี่จักรยานของตัวเอง พูดคุยหยอกล้อมุ่งหน้าไปทางหน้าโรงเรียน แสงสีทองยามเช้าส่องประกายมาที่พวกเขาสามคน เป็นวัยรุ่นก็ดีแบบนี้


อีจงก็ยังเป็นเหมือนเดิม คุณปู่ที่ป้อมยามก็ยังเป็นคนเดิม เขารู้จักเหมยเหมยจึงหันมาทักทายเธอ ใบหน้ามีความเมตตาอ่อนโยน


โรงเรียนเต็มไปด้วยนักเรียนและผู้ปกครอง วันนี้เป็นวันที่นักเรียนใหม่เข้าโรงเรียน หลายคนเป็นนักเรียนที่มาจากชนบท ข้าง ๆคือพ่อแม่ที่แบกกระเป๋าเดินทางจนเหงื่อไหลซก ทุกคนมีรอยยิ้มแห่งความสุขบนใบหน้า


ถึงแม้ว่าพวกเหมยเหมยจะเป็นนักเรียนชั้นม.5 แต่อันที่จริงก็ถือว่าเป็นนักเรียนใหม่ ขั้นตอนก็ค่อนข้างซับซ้อน อาจารย์ประจำชั้นของพวกเขาอันที่จริงก็เป็นคนคุ้นเคย นั้นก็คืออาจารย์จางผู้ที่เคยอาศัยอยู่ข้างบ้านของบ้านอู่ เมื่อเขาได้เห็นเหมยเหมยก็ดีใจแทนเหมยเหมยมาก


และห้องของพวกเขาก็ยังมีคนคุ้นเคยอีก เหยียนหมิงต๋า เจ้าหมอนี่คะแนนแย่จนเกินไปจึงได้ซ้ำชั้นอีกแล้ว


………………………………………….


ตอนที่ 991 โลกมันกลมจึงมักจะได้เจอกับคนที่ไม่อยากเจอ


เหยียนหมิงต๋าที่สูงตัวใหญ่ถึง180 เซนติเมตรเหมือนวัว ไม่เหมือนกับเหยียนหมิงซุ่นพี่ของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว โตดูรูปร่างแข็งแรงล่ำสันมาก


อันที่จริงถ้าผ่านไปอีกหลายปี ผู้ชายที่รูปร่างเหมือนเหยียนหมิงต๋านั้นจะถูกเรียกย่างน่าฟังว่า——ผู้ชายแมน ๆ


เพียงแต่ว่าตอนนี้ผู้ชายแมน ๆแบบเขายังไม่ได้รับความนิยม ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบผู้ชายที่ดูหล่อเหลาผิวขาว สุภาพเรียบร้อยเป็นปัญญาชน ผู้ชายอย่างเหมยซูหานและหานจั่นเผิงเป็นจำพวกที่เป็นที่นิยมที่สุด หรืออย่างเช่นเหยียนหมิงซุ่นก็ด้วย


แต่สรุปแล้วไม่ว่าจะเวลาไหน แล้วก็ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง หน้าตาดีก็เป็นที่นิยมที่สุดอยู่เสมอ!


เดิมทีเหยียนหมิงต๋าควรจะขึ้นม.6แล้ว เขาเป็นนักเรียนพิเศษด้านกีฬา แม้คะแนนจะแย่หน่อยก็ไม่เป็นไร แต่เขาขอซ้ำชั้นด้วยตัวเอง ทำเอาคู่สามีภรรยาเหยียนโฮ่วเต๋อโมโหจนแทบจะกระอักเลือด ตีก็ตีแล้ว ด่าก็ด่าแล้ว แต่เหยียนหมิงต๋าก็ยังดึงดันที่จะเรียนซ้ำชั้นให้ได้


เพราะว่าอู่เยวี่ยก็ซ้ำชั้นเหมือนกัน อู่เยวี่ยนั้นตั้งแต่ขึ้นม.3 คะแนนก็ตกลงไปเยอะมาก ๆ จากเมื่อก่อนที่เป็นนักเรียนดีเด่น บัดนี้กลับกลายเป็นนักเรียนเรียนเกเรที่อาจารย์ต่างก็เบื่อหน่าย


อีกทั้งอู่เยวี่ยสอบไม่ติดที่อีจงจึงต้องไปเรียนในโรงเรียนที่ไม่ค่อยดีแถบชานเมืองแห่งหนึ่ง แต่เหมยซูหานก็ใช้เงินเพื่อช่วยเหลือเธอให้ได้เรียนที่อีจง ดังนั้นอู่เยวี่ยก็เลยยังได้เรียนอยู่ที่อีจง


เพียงแต่คะแนนของเธอช่างแย่เอามาก ๆ ตัวเธอเองก็คงจะคิดว่าไหน ๆก็พังแล้วก็ให้มันพังต่อไปเลยแล้วกัน ไม่มีใจที่จะเล่าเรียนใด ๆทั้งนั้น ตอนที่เพิ่งจะเข้ามาเรียนยังสามารถสอบได้ที่สิบกว่าจากข้างหลัง แต่พอถึงชั้นม.5 ลำดับก็คงที่ไม่มีเปลี่ยน รักษาระดับไว้ได้ดีได้ลำดับหนึ่งจากท้ายสุด


อาจารย์ที่อีจงส่วนใหญ่ก็รู้จักอู่เยวี่ยกันทั้งนั้น แน่นอนว่ารู้ถึงประวัติอันรุ่งโรจน์ของอู่เยวี่ยในอดีตจึงรู้สึกปวดใจกับความเฉื่อยชาและความไม่พยายามที่อยากจะก้าวหน้าของเธออยู่มาก


ไม่ว่าอาจารย์จะพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่เข้าหูอู่เยวี่ยเลย ผลการเรียนก็ยังคงที่เหมือนเดิม ในที่สุดอาจารย์ก็ยอมแพ้ และขอให้เธอทำเรื่องซ้ำชั้นเพราะการเลื่อนชั้นอาจจะส่งผลต่อการเรียนของเธออย่างแน่นอน!


เหยียนหมิงต๋าที่เป็นคนประเภทคลั่งรัก พอเห็นอู่เยวี่ยซ้ำชั้นไม่ต้องพูดอะไรมากก็จะซ้ำชั้นด้วย เหยียนโฮ่วเต๋อและถานซูฟางไม่เห็นด้วย เขาเลือกที่จะไม่ทะเลาะกับพวกเขาทั้งสองแต่เลือกที่จะประท้วงอดอาหารแทน ทนหิวอยู่สามวัน แม้กระทั่งข้าวสักเม็ดก็ไม่ตกถึงท้อง


เหยียนโฮ่วเต๋อนั้นสามารถทนได้แต่ถานซูฟางนั้นปวดใจแทนลูกจึงไปพูดโน้มน้าวสามี เหยียนโฮ่วเต๋อไม่มีทางเลือกจึงจำใจโทรศัพท์หาผู้อำนวยการอีจง เพื่อทำเรื่องซ้ำชั้นให้กับเหยียนหมิงต๋า


เหยียนหมิงต๋าและเหมยเหมยอยู่ห้องเดียวกัน อู่เยวี่ยอยู่อีกห้องหนึ่ง นี่จึงทำให้เหมยเหมยถอนหายใจ


มาเรียนทุกวันแต่ต้องเห็นคนที่เกลียด ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยจริง ๆ!


พวกเหมยเหมยไปที่ฝ่ายวิชาการเพื่อทำขั้นตอนการสมัครเรียน เพราะว่าเป็นนักเรียนที่ไม่อยู่หอดังนั้นขั้นตอนจึงค่อนข้างง่ายครู่เดียวก็เสร็จแล้ว และก็ได้เจอคนที่แสนจงเกลียดจงชังบนถนน


คำพูดที่ว่าโลกมันกลมจึงมักจะได้เจอกับคนที่ไม่อยากเจอนั้นไม่ผิดเลยจริง ๆ สามปีก่อนครอบครัวของหวงอวี้เหลียน โดนเหมยเหมยจัดการจนไม่เหลือพื้นที่ให้ยืนในเมืองหลวง โอหยางเซี่ยงหมิงจึงต้องย้ายออกจากเมืองหลวง เหมยเหมยคาดไม่ถึงเลยจริง ๆว่าจะย้ายกันมาอยู่ที่เมืองจิน


โอหยางเซี่ยงหมิงก็ยังอยู่ในสายงานเดิมเป็นรองหัวหน้าของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ในเมืองจิน โอหยางซานซานก็เรียนอยู่ที่อีจง อีกทั้งยังเป็นคนสำคัญของสมาคมนักเรียน พูดได้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลของโรงเรียนเลยทีเดียว


ภูมิหลังของครอบครัวดี หน้าตาก็ดูดี ร้องเพลงและเต้นรำได้แถมยังวาดรูปเป็น อีกทั้งยังเป็นตระกูลเก่าแก่ในเมืองหลวง ถึงแม้ว่าตระกูลโอหยางจะไม่ได้เป็นตระกูลชั้นสูง  แต่ถ้าอยู่ ในท้องถิ่นแน่นอนว่ามันดูสูงส่งมาก


ด้วยท่าทางที่เปล่งประกายมากมายขนาดนี้ หลังจากที่โอหยางซานซานมาถึงเมืองจิน ก็เหมือนปลาได้น้ำได้รับการดูแลจากอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นเรียนเสมือนเจ้าหญิงตัวจริงยังไงอย่างนั้น แต่อย่าหวังจะได้เป็นสุขเลย!


โอหยางซานซานที่เวลานี้กำลังช่วยเพื่อนนักเรียนในสมาคมอยู่เพื่อช่วยอาจารย์ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุ่มเททำอย่างเต็มที่ พอเธอเห็นเหมยเหมยแล้ว รอยยิ้มอันอบอุ่นและแสนหวานบนใบหน้าของเธอก็เจื่อนลงในทันที


…………………………………………


ตอนที่ 992 เจอกันแล้ว


เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นแล้วเดินไปอีกทางหนึ่ง ไม่อยากจะเจอหน้าโอหยางซานซาน สามปีมานี้แม่ลูกโอหยางซานซานถือว่าทำตัวดี ไม่ได้มีแผนการชั่วร้ายอะไร


ในเมื่อเป็นเช่นนี้เธอก็จะไม่ยึดติดกับเรื่องเล็ก ๆพวกนั้นอีกแต่เธอก็ยังคงเกลียดคู่แม่ลูกนี้มากอยู่ดี โชคดีที่เมื่อก่อนเธอกับโอหยางซานซานไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน เวลาสามปีนั้นไม่เคยได้เจอหน้ากันเลยไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่ออารมณ์ของเธอ


เพียงนึกถึงหนึ่งปีที่จะมาถึง เธอกับโอหยางซานซานผู้หญิงที่เธอเกลียดต้องมาเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน อารมณ์ของเหมยเหมยก็ยิ่งไม่ดี


เธอหันหลังกลับ เดินไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก็หันกลับมาอีกครั้งแล้วลอบด่าตัวเองว่าโง่ในใจ


ทำไมเธอต้องหลบเลี่ยงโอหยางซานซานด้วย?


เธอไม่ได้มีความผิดเป็นวัวสันหลังหวะเหมือนนังนั่นเสียหน่อย คนที่ควรจะกลัวควรจะเป็นโอหยางซานซานสิถึงจะถูก เธอจะหลบทำไม?


เหมยเหมยที่คิดได้แล้วก็มุ่งตรงไปทางโอหยางซานซาน เชิดหน้าขึ้นสูงยืดอก ตามองตรงไม่วอกแวก ราวกับไม่เห็นโอหยางซานซานอยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว


พอเห็นเหมยเหมยที่ทำท่าทางหยิ่งยโส โอหยางซานซานก็โกรธเกลียดในใจ กัดฟันกรอด มองข้ามไป ไม่ได้มองเหมยเหมยอีก แล้วทักทายนักเรียนใหม่อย่างกระตือรือร้น


แม่บอกว่ายังมีข้อมูลเรื่องฉาวอยู่ในกำมือของนังสารเลวจ้าวเหมย ตราบใดที่ข้อมูลเรื่องฉาวยังไม่ถูกชิงเอากลับมา อย่าไปยั่วโมโหนังจ้าวเหมย ดังนั้นตอนนี้เธอทำได้แค่เพียงอดทน เกลียดแค่ไหนก็ต้องอดกลั้นเอาไว้


เหมยเหมยเดินผ่านโอหยางซานซานไปแล้ว เธอคิดแล้วคิดอีกก็เดินถอยหลังกลับมาหลายก้าว ก่อนจะหันไปยิ้มให้โอหยางซานซานอย่างมีเลศนัย หลังจากนั้นก็เดินจากไป


นังนี่ความจำไม่ค่อยดี ต้องเตือนกันหน่อย ให้โอหยางซานซานรู้ถึงความเจ๋งของเธอสักหน่อย เหมยเหมยคิดเช่นนี้


โอหยางซานซานมองหลังของเธอที่เดินไป ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจ เมื่อครู่ทำไมจ้าวเหมยถึงได้หันมายิ้มให้เธอนะ?


อีกทั้งยังยิ้มอย่างมีเลศนัยแบบนั้นอีกด้วย!


นังสารเลวนี่มันคิดจะทำอะไร?


โดนเหมยเหมยหันกลับมามองยิ้มให้ทีเดียว ก็ทำเอาโอหยางซานซานใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยทีเดียว ไม่เป็นตัวของตัวเอง พาลทำผิดอยู่หลายครั้ง


คนอื่น ๆเห็นสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีก็คิดไปว่าเธอเป็นไข้แดดต่างก็บอกให้เธอกลับไปพักผ่อน มีเพื่อนนักเรียนชายแสดงท่าทีกระตือรือร้นที่จะส่งเธอกลับบ้าน แต่โดนโอหยางซานซานปฎิเสธไป


ถึงแม้ว่าการมาที่เมืองจินจะทำให้เธอรู้สึกสูงส่ง มีความสุขที่มีคนมากมายมาชื่นชอบ เป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากเมืองหลวง แต่ในความงดงามก็ยังมีสิ่งที่ขาดอยู่ ——


ก็คือผู้ชายที่ดีเลิศช่างมีน้อยจริง ๆ คุณสมบัติในตัวของแต่ละคนก็นับว่าไม่เลว เพียงแต่ภูมิหลังครอบครัวกลับต่ำมาก!


คนเดียวที่เข้าตาเธอก็คือจ้าวเสวียหลิน เพราะว่านังสารเลวจ้าวเหมยก็เลยต้องล้มเลิกไป ที่เหลืออยู่พวกนั้นก็ไม่เข้าตาเธอเลยแม้แต่น้อยจริง ๆ!


โอหยางซานซานมองผู้ชายที่เธอพึ่งปฏิเสธไปอย่างเสียดาย เพื่อนนักเรียนชายก็ดูผิดหวังมากนั่นจึงทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าตาแต่กลับอาลัยอาวรณ์สายตาที่เร่าร้อนและกระตือรือร้นของเพื่อนนักเรียนชายพวกนั้น ——


ทำให้เธอรู้สึก…ตัวเธอเองเหมือนกับเป็นเจ้าหญิงจริง ๆ!


เหมยเหมยและเพื่อนทั้งสามคนเข็นจักรยานแล้วเดินไปที่ประตูโรงเรียน แต่กลับเห็นคนที่ทำให้ไม่มีความสุขอีกแล้ว นั้นก็คือสองแม่ลูกเหอปี้อวิ๋น ดูเหมือนเพิ่งจะทำเรื่องสมัครเรียนเสร็จเตรียมจะกลับบ้าน


หลายปีที่ผ่านมาคนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดน่าจะเป็นเหอปี้อวิ๋น เธอตกต่ำกลายเป็นแม่ค้าขายปลาที่เนื้อตัวผมเผ้ารุงรังสกปรกไปแล้ว บนตัวมีแต่กลิ่นปลาเหม็นเน่าน่ารังเกียจแผ่กระจายออกมา มันทำให้คนอยากจะหลีกหนีไปให้ไกล


รวมถึงลูกสาวแท้ ๆของเธอด้วยเช่นกัน ——อู่เยวี่ย


อู่เยวี่ยขมวดคิ้วแน่นยืนอยู่ห่างจากเหอปี้อวิ๋นครึ่งเมตร ถึงแม้ว่ารอยยิ้มยังคงอ่อนหวาน แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ


เพียงแต่เหอปี้อวิ๋นไม่รู้สึกถึงเธอมองลูกสาวอย่างรักใคร่พูดไปเรื่อยเปื่อยไม่หยุดว่า “เยวี่ยเยวี่ย เทอมนี้ลูกต้องขยันท่องหนังสือนะลูก จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำให้ได้นะ แบบนี้พ่อของลูกจะได้รับลูกกลับไป เชอะ ลูกสิถึงจะเป็นหลานสาวแท้ ๆของตระกูลอู่ อย่าไปยอมเสียเปรียบนังจิ้งจอกนั่น!


…………………………………………..


ตอนที่ 993 วนเวียนอยู่ระหว่างความหวังและสิ้นหวัง


เหอปี้อวิ๋นท่าทางดูโมโหมากเพราะว่าการทำงานหนักและชีวิตที่ไม่ราบรื่นจึงทำให้เธอแก่เร็วมาก ผมหงอกผมขาวก็เห็นได้ชัด ร่องรอยตีนกาตรงใต้ตาก็เป็นริ้วรอยลึก


และเพราะด้วยความที่ผอมเกินไป ใบหน้าที่เคยกลมของเธอแต่เดิมก็เปลี่ยนเป็นซูบตอบ โหนกแก้มยกสูง ดวงตาเป็นมุมสามเหลี่ยม มุมปากคว่ำทำให้ดูเป็นคนขี้เหวี่ยง แถมยังหน้าเลือดค้ากำไรเกินควรอีกด้วย


ทุกครั้งที่มีคนเดินผ่าน เหอปี้อวิ๋นมักจะมองกลับไปอย่างมีนัยยะ


อีกทั้งตอนที่เธอมองดูคนก็มักจะมองตั้งแต่หัวจรดเท้า มองที่รองเท้าก่อนแล้วค่อยมองไล่ขึ้นมา ไม่ถึงสิบวินาทีเธอก็สามารถประเมินได้คร่าว ๆว่าคน ๆนี้เป็นแค่คนยากจนที่ซื้อได้แค่ปลาตายกับกุ้งตายเท่านั้น


อู่เยวี่ยเห็นการกระทำของเหอปี้อวิ๋นก็ยิ่งรังเกียจมากยิ่งขึ้น เธอตอบรับอย่างรำคาญแล้วเร่งให้เหอปี้อวิ๋นรีบ ๆกลับไป อีกครู่ถ้าเพื่อนนักเรียนเห็นเธอจะมีหน้าที่ไหนไปมองคนอื่น?


“แม่คะ หนูรู้แล้ว แม่รีบกลับไปขายปลาเถอะ ทางนี้หนูยังมีธุระต่ออีก”


พอนึกถึงความโหดร้ายของผู้ชายคนนั้น เหอปี้อวิ๋นก็อดตัวสั่นไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นให้เธอลาได้แค่สองชั่วโมง หากว่าเกินเวลาไปกว่านั้นกลัวว่าจะต้องโดนตีอีกเป็นแน่


“ได้ งั้นแม่กลับไปก่อน วันนี้อากาศร้อนอย่าอยู่ข้างนอกนานเกินไปนะ รีบกลับบ้านไปอ่านหนังสือ เยวี่ยเยวี่ยลูกเป็นคนที่มีพื้นฐานดี ขอเพียงแค่ตั้งใจอ่านหนังสือ จะต้องสอบได้ที่ดีแน่ ๆ…”


เหอปี้อวิ๋นเริ่มพูดพร่ำอีกครั้ง เธอพูดเรื่องอู่เยวี่ยซ้ำ ๆตลอดปิดเทอมฤดูร้อนเลย


อู่เยวี่ยรีบไล่เหอปี้อวิ๋นกลับไปอย่างเกินที่จะทนแล้ววิ่งไปยืนหลบร่มใต้ต้นไม้ ใบหน้ามีรอยยิ้มเยาะเย้ยที่เย็นชา


เรียนดีแล้วมีประโยชน์อะไร?


ยุคสมัยนี้นักเรียนที่ยากจนจะเรียนดีเพียงใดก็ไม่สามารถสู้คนที่มีพื้นฐานครอบครัวดีพวกนั้นได้!


ไม่ได้ เธอไม่สามารถอยู่กับเหอปี้อวิ๋นได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าชีวิตความเป็นอยู่จะไม่ได้แย่เท่าไร เทียบกับคนที่ไม่มีก็ถือว่าดีกว่า เทียบกับคนที่มีก็ด้อยนิดหน่อยแต่เธอก็ยังไม่พอ


ลูกสาวแม่ค้าขายปลา…


แค่พูดออกไปก็ขายขี้หน้าแล้ว!


เธอต้องคิดวิธีกลับไปอยู่ข้างกายของอู่เจิ้งซือ ตอนนี้อู่เจิ้งซือเป็นผู้จัดการใหญ่ในบริษัทของพี่ซูหาน ที่นำเข้ารถ แถมยังพักบ้านแบบตะวันตกมีสวนดอกไม้อีกด้วย…


ค้าขายเหมือนกัน แต่พ่อของเธอดีกว่าแม่ค้าขายปลาอย่างแม่เธอเป็นหลายร้อยเท่า!


ทว่าอู่เจิ้งซือกลับไม่ยอมรับเธอ แต่ส่วนค่าเลี้ยงดูก็ยังให้ไม่น้อยให้ร้อยหยวนทุกเดือน ไม่มีมากหรือน้อยไปกว่านี้ โดยเงินจะเข้าบัญชีของเธอทุกต้นเดือน


เงินพวกนั้นเธอยังไม่เคยใช้เลยสักหยวน เก็บออมไว้ทั้งหมด เพราะในเวลาปกติก็ยังมีเงินค่าขนมที่เหมยซูหานให้เธอไว้อีก เงินในบัญชีของเธอเลยมีไม่น้อย นี่ถึงทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้นหน่อยเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนนักเรียน


อู่เยวี่ยไม่เห็นพวกเหมยเหมย เธอยืนพิงต้นไม้ก้มหน้าคิดเรื่องต่าง ๆ ใช้สมองคิดว่าจะทำยังไงอู่เจิ้งซือถึงจะรับเธอกลับบ้าน


ตอนนี้อู่เจิ้งซือยังไม่ได้แต่งกับนังจิ้งจอกนั่น ถ้าหากรอให้นังจิ้งจอกแต่งเข้าบ้านแล้วคลอดลูกชาย อู่เจิ้งซือก็จะไม่สนใจเธอแล้ว!


เหมยเหมยรอให้เหอปี้อวิ๋นไปก่อนถึงจะเดินออกมาจากประตูโรงเรียน เธอมองไปทางอู่เยวี่ยที่แต่งตัวได้ทันสมัยสวยงามแวบหนึ่ง เทียบกับเหอปี้อวิ๋นแล้ว มองดูไม่เหมือนคนในครอบครัวเดียวกันเลยสักนิด


ถ้าให้อู่เยวี่ยอยู่ข้างกายเหอปี้อวิ๋นหนึ่งวัน หนึ่งวันนั้นของนังสารเลวนี่ก็จะไม่รู้สึกถึงความสุข!


ดังนั้นสามปีมานี้เหมยเหมยจึงไม่ได้คิดที่จะกระทำอะไรมากมายกับอู่เยวี่ย เพราะว่าการที่ในบ้านมีกลิ่นปลาอยู่ทุกหนทุกแห่งมันเป็นการลงโทษที่ใหญ่ที่สุดของอู่เยวี่ยแล้ว!


แน่นอนว่าเธอจะยอมปล่อยอู่เยวี่ยไปง่าย ๆได้อย่างไรกัน?


วันเวลามันยังอีกยาวไกลให้ความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆกับอู่เยวี่ยหน่อยแล้วค่อยทำให้เธอหมดหวังอย่างถึงที่สุด…ทำให้เธอตกอยู่ในระหว่างความหวังและความหมดหวัง เวลานั้นก็รอดูว่าอู่เยวี่ยจะสามารถทนรับได้นานแค่ไหน!


หลังจากที่เหมยเหมยไปได้ไม่นานโอหยางซานซานก็เข็นจักรยานเดินออกมา เห็นอู่เยวี่ยที่ยังพิงต้นไม้อยู่ โอหยางซานซานก็ตาเป็นประกายเดินเข้าไปหาด้วยตัวเอง


…………………………………………..


ตอนที่ 994 ต่างคนต่างคิดร้าย


ตั้งแต่โอหยางซานซานรู้ถึงความสัมพันธ์ของอู่เยวี่ยและเหมยเหมยเธอก็ตั้งใจที่จะเข้าหาอู่เยวี่ย อีกคนก็ทำเพื่อจะสืบหาข่าว อีกคนก็ทำเพื่ออยากจะยืมชื่อเสียง สามปีที่ผ่านมานี้ทั้งสองคนถือว่าค่อนข้างใกล้ชิดกันมาก


แต่ก็แค่เพียงการสนิทแบบเงียบ ๆเท่านั้น โอหยางซานซานไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของอู่เยวี่ย ไม่คุ้มที่จะทำให้ชื่อเสียงของเธอต้องแปดเปื้อนไปด้วย


“อู่เยวี่ย เธออยู่ตรงนี้รอใครเหรอ?” โอหยางซานซานทักทายอย่างเป็นกันเอง


อู่เยวี่ยรีบฝืนยิ้มออกมาส่ายหัวอย่างสุภาพอ่อนโยน “ไม่ใช่ อากาศร้อนเกินไปเลยพักในที่ร่ม ๆให้เย็นสบายก่อน ซานซานเธอไม่ต้องดูแลนักเรียนใหม่เหรอ?”


ตอนที่พูดคำพูดพวกนี้ออกมา ในใจของอู่เยวี่ยก็มีความอิจฉาพุ่งแล่นขึ้นมา หลังจากที่รู้จักโอหยางซานซานเธอก็เริมมีความคิดไม่อยากเรียนหนังสือขึ้นมาพอดี


ผลการเรียนของโอหยางซานซานดีกว่าเธอในตอนนี้ แต่ก็เพียงแค่ดีกว่านิดหน่อยเท่านั้น


แต่ในสายตาของอาจารย์นั้นเธอกับโอหยางซานซานต่างกันราวฟ้ากับเหว


เพียงเพราะโอหยางซานซานมีพ่อแม่ดี อาจารย์ถึงได้ให้ความสำคัญกับเธอ เพื่อนนักเรียนก็ประจบประแจงเธอ โดยเฉพาะเพื่อนนักเรียนชายพวกนั้น พวกเขาทุกคนแทบจะหมอบลงพื้นและให้โอหยางซานซานขี่หลังอยู่แล้ว


อีกทั้งโอหยางซานซานยังได้ทำงานอยู่ในสภานักเรียน โรงเรียนมีกิจกรรมอะไรก็จะให้เธอเข้าร่วมจนโดดเด่นเป็นที่สนใจ!


มองย้อนกลับมาที่เธอ เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนผลการเรียนของเธอดีกว่าโอหยางซานซานอีกแต่เป็นเพราะว่าเธอไม่มีภูมิหลังครอบครัวที่ดีอาจารย์ก็เลยไม่สนใจเธอ เพื่อนร่วมชั้นก็ยิ่งพูดจาเย็นชาแตกต่างกันกับโอหยางซานซานมาก


ถึงแม้ในใจจะเกลียดโอหยางซานซานมากอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ แต่บนใบหน้าของอู่เยวี่ยก็ไม่ปรากฏให้เห็น แสร้งพูดคุยและหัวเราะกับโอหยางซานซาน แถมยังกอดแขนอีกฝ่ายด้วยความสนิทสนมอีกด้วย ดูแล้วเหมือนกับพี่น้องที่สนิทกันคู่หนึ่งกำลังพูดคุยกัน


“ฉันไม่สบายนิดหน่อย เพื่อน ๆเป็นห่วงฉันก็เลยให้ฉันกลับบ้านไปพักผ่อนน่ะ” โอหยางซานซานดึงแขนตัวเองกลับมาอย่างระงับอารมณ์


ถ้าหากไม่ใช่คำพูดของแม่ที่บอกให้เธอเป็นเพื่อนกับอู่เยวี่ยอย่างลับ ๆเอาไว้ มีเหรอที่ลูกสาวคนขายปลาแบบนี้จะมีคุณสมบัติได้มาพูดคุยกับเธอ?


แต่ก็แค่พูดคุยเท่านั้น ความสนิทชิดเชื้ออื่น ๆอย่าได้แม้แต่จะคิด เธอลดเกียรติไม่ไหว!


ในตาของอู่เยวี่ยมีความไม่พอใจพาดผ่าน โน้มตัวไปข้างหน้านิดหน่อยประคองโอหยางซานซานเอาไว้อย่างแนบแน่น พูดเกินจริงไปว่า “ซานซานเธอจะเป็นไข้แดดหรือเปล่า? เฮ้ย สีหน้าดูไม่ดีเลย เอาอย่างนี้ไหมให้ฉันไปส่งเธอกลับบ้านดีกว่า?”


โอหยางซานซานยังไม่ทันได้พูดคำปฏิเสธออกมาอู่เยวี่ยก็แย่งจักรยานไปจับไว้เองอย่างรวดเร็ว แถมยังหันไปพูดกับเพื่อนนักเรียนที่รู้จักที่เดินผ่านมาอย่างดังว่า “ซานซานเหมือนจะเป็นลมแดด ฉันต้องพาเธอไปส่งที่บ้าน พวกเธอช่วยฉันประคองเธอขึ้นไปนั่งหน่อยสิ!”


เพื่อนนักเรียนถามอย่างเป็นห่วงอยู่หลายประโยค ประคองโอหยางซานซานนั่งเบาะหลังของจักรยานอย่างกระตือรือร้น แถมยังถามอีกว่าต้องการความช่วยเหลือไหม อู่เยวี่ยรีบส่ายหัว “ไม่ต้องแล้ว ฉันคนเดียวก็พอละ พวกเธอรีบกลับบ้านเถอะ!”


ล้อเล่นหรืออย่างไรกัน ไม่ง่ายเลยที่เธอจะพยายามหาโอกาสไปเป็นแขกที่บ้านของโอหยางซานซานได้ ไหนเลยจะให้คนอื่นได้ประโยชน์!


เมื่อก่อนเธอพูดอยู่หลายครั้งเรื่องที่อยากไปเป็นแขกที่บ้านของโอหยางซานซาน แต่ผู้หญิงคนนี้มักจะหาเหตุผลมาปฏิเสธ เชอะ คิดว่าเธอเป็นคนโง่หรือยังไงกัน?


ครั้งนี้ดูสิว่าเธอยังมีเหตุผลอะไรมาปฏิเสธ!


โอหยางซานซานไม่มีเหตุผลมารองรับอีกต่อไปแล้ว ต่อหน้าเพื่อนนักเรียน ต่อหน้านักเรียนคนอื่น ๆ เธอจำเป็นต้องเป็นเจ้าหญิงโอหยางผู้อ่อนโยนใจดีอบอุ่น ไม่สามารถให้คนอื่นมองเห็นถึงความดูถูกเหยียดหยามภายในใจที่มีต่ออู่เยวี่ยได้


“เยวี่ยเยวี่ยเธอแค่เป็นห่วงฉันน่ะ อันที่จริงฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอก ขอบคุณพวกเธอมากนะ!”


โอหยางซานซานเก็บความโกรธเคืองเอาไว้แล้วหันไปขอบคุณเพื่อนนักเรียน คงต้องจำยอมให้อู่เยวี่ยส่งเธอกลับบ้านแล้วล่ะ


บ้านของโอหยางซานซานอยู่ในตึกที่มีแต่ครอบครัวของคนในสถานีโทรทัศน์และวิทยุอาศัยอยู่เท่านั้น สามห้องนอนสองห้องรับแขก ตกแต่งได้ไม่เลว หวงอวี้เหลียนอยู่บ้าน เธอไม่ได้ไปทำงาน ควรจะพูดว่าหลายปีมานี้เธอไม่เคยไปทำงาน แต่ก็ยังได้รับเงินเดือน


องค์กรของเธอก็อยู่ในสถานีโทรทัศน์ โอหยางเซี่ยงหมิงรับผิดชอบเรื่องนี้ ดังนั้นไม่ว่าหวงอวี้เหลียนจะไปทำงานหรือไม่ก็ตามก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ไม่มีใครกล้าหักเงินเดือนของเธอ ในทางตรงกันข้ามโบนัสและสวัสดิการก็เช่นกันห้ามลดลงเด็ดขาด


“แม่คะ นี่คือเพื่อนนักเรียนที่หนูเล่าให้แม่ฟังอยู่บ่อย ๆไงคะ ชื่ออู่เยวี่ย”


ตอนที่พูดถึงอู่เยวี่ย โอหยางซานซานก็ตั้งใจเน้นเสียงเข้าไปอีก หวงอวี้เหลียนตาเป็นประกายวับ


………………………………………….


ตอนที่ 995 ลองหยั่งเชิง


ถึงแม้ว่าหวงอวี้เหลียนจะรักษาตำแหน่งคุณนายโอหยางไว้ได้ แต่ตลอดสามปีที่ผ่านมานี้เธอและโอหยางเซี่ยงหมิงก็เป็นสามีภรรยาเพียงแค่ในนามเท่านั้น ต่อหน้าคนอื่นทั้งสองคนแสดงละครได้ดีมาก


เป็นคู่สามีภรรยาที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันรักใคร่กันอย่างลึกซึ้ง เป็นบทบาทที่พวกเขาจำเป็นต้องแสดง


แต่ตอนที่ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย พวกเขาทั้งสองแม้กระทั่งพูดยังไม่พูดกันเลยด้วยซ้ำ โอหยางเซี่ยงหมิงถึงขั้นกลับมาอยู่บ้านน้อยมาก ๆ หวงอวี้เหลียนเองก็รู้ว่าเขายังมีบ้านอีกหลังอยู่ข้างนอกแต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ


ถึงอย่างไรสิ่งที่เธออยากได้ก็คือชื่อเสียงในฐานะคุณนายโอหยาง ของที่ต้องการโอหยางเซี่ยงหมิงก็ให้ไม่ได้!


ในช่วงสามปีที่ผ่านมาหวงอวี้เหลียนก็ยังรู้สึกอึดอัดเหมือนเดิม เว้นเสียว่าโอหยางปินจะมาที่เมืองจินบ้างถึงจะได้รับความกระชุ่มกระชวยสักหน่อย นอกนั้นก็ไม่ได้มีชายอื่นได้แต่ก้มหน้าก้มตาเป็นแม่บ้านที่ดีมาสามปี ไม่กล้าออกนอกลู่นอกทางแม้แต่นิดเดียว เพราะเธอกลัวข้อมูลในมือของจ้าวเหมย


แต่สามปีที่ผ่านมามันถึงขีดจำกัดของเธอแล้วจริง ๆผู้หญิงอายุสามสิบปีก็เหมือนหมาป่าที่กระหาย พอวัยสี่สิบต้น ๆยิ่งหิวกระหายมากขึ้น โอหยางปินนั้นไม่ได้อยู่ในเกมของเธอแล้ว เธอจึงต้องการหาเป้าหมายใหม่ ๆ


แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้นเธอต้องกำจัดจ้าวเหมยที่เป็นหนามทิ่มแทงใจเธอเสียก่อน มิเช่นนั้นใจของเธอจะสงบสุขได้อย่างไร!


“รีบเข้ามาข้างในห้องกินแตงโมเร็ว ไม่ต้องเกรงใจ คิดเสียว่านี้เป็นบ้านของตัวเองก็แล้วกัน  ซานซานของเรามาอยู่ที่นี่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไรยังดีที่มีเยวี่ยเยวี่ยคอยดูแลเธอ  น้าต้องขอบคุณเธอมาก ๆเลยนะ!”


หวงอวี้เหลียนหยิบแตงโมแดงฉ่ำมีเมล็ดสีดำออกมาจากตู้เย็น ทักทายอู่เยวี่ยอย่างกระตือรือร้นเป็นกันเอง


อู่เยวี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอคิดว่าหวงอวี้เหลียนจะคบค้าสมาคมยากเหมือนกับโอหยางซานซานเสียอีก!


หวงอวี้เหลียนหันไปส่งสายตาให้กับโอหยางซานซานที่ยังงุนงงอยู่ โอหยางซานซานรีบเปลี่ยนท่าที แม่ลูกคู่นี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำเอาอู่เยวี่ยค่อย ๆคลายใจที่ระแวดระวังลง


“วันนี้เป็นวันดีจริง ๆ น้าเลี้ยงข้าวเอง พวกเราไปกินอาหารที่ภัตตาคารจุ้ยเซียนกันเถอะ”


หวงอวี้เหลียนอารมณ์ดีไม่น้อย ถ้าครั้งนี้โชคเข้าข้างเธอ ไม่แน่เธออาจจะได้สั่งสอนนังสารเลวจ้าวเหมยให้ได้เลือดบ้างก็เป็นได้!


ก่อนอื่นจะต้องทำให้อู่เยวี่ยลดท่าทีระแวงลงก่อน ทำไมเธอถึงไม่คิดวิธีดี ๆแบบนี้ให้ได้เร็วกว่านี้กันนะ!


เวลาสามปีที่ผ่านไปช่างเสียเวลาเปล่า น่าเสียดายจริง ๆ !


พวกเหมยเหมยทั้งสามคนก็ขี่จักรยานมาถึงที่ภัตตาคารจุ้ยเซียน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาทานอาหารคนในภัตตาคารจึงไม่เยอะ พวกเหมยเหมยพากันเลือกโต๊ะที่ติดริมหน้าต่าง ในภัตตาคารเปิดแอร์เย็นฉ่ำ พอนั่งลงไม่นานความร้อนก็มลายหายไป


อู่เชาหยิบเมนูมาและสั่งอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดในร้านไปหลายอย่าง แถมยังสั่งให้นำไอศกรีมมากินเป็นของหวานเล่น ๆก่อน!


กินไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ลูกค้าถึงได้ทยอยมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พวกหวงอวี้เหลียนทั้งสามคนก็มาถึงแล้ว เหมยเหมยมองไม่เห็นทั้งสามคนนั้น แต่แค่แวบแรกที่เดินเข้ามาหวงอวี้เหลียนก็เห็นพวกเธอแล้ว


“แม่ เราเปลี่ยนที่กินข้าวกันเถอะ” โอหยางซานซานแค่เห็นเหมยเหมยก็โมโหแล้ว ไหนเลยจะมีอารมณ์อยากอาหารได้?


หวงอวี้เหลียนตบบ่าลูกสาวเบา ๆเพื่อปลอบใจ ยิ้มบาง ๆพูดว่า “พวกเรากินก็กินแค่ในส่วนของพวกเรา ไม่ต้องไปใส่ใจคนอื่น”


เธอคิดแล้วคิดอีก จึงเรียกผู้จัดการร้านให้ช่วยจัดห้องส่วนตัวให้ อันที่จริงเธอมองไปที่จ้าวเหมยก็หวาดกลัวแล้ว เลยถือโอกาสทำเป็นมองไม่เห็นเสียเลย


ขณะที่ทั้งสามคนกำลังขึ้นไปด้านบน เหมยเหมยก็เงยหน้าขึ้นเห็นสามคนนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจพลันอดขมวดคิ้วไม่ได้


ทำไมแม่ลูกหวงอวี้เหลียนจึงสนิทกับอูเยวี่ยขนาดนี้กันล่ะ?


ทั้งสามคนกำลังวางแผนชั่วร้ายอะไรกันอีกแล้วก็ไม่รู้ว่าจะออกมาชั่วร้ายขนาดไหน เหมยเหมยยิ้มเยาะในใจเธอจะรอแล้วกัน!


ขณะขึ้นข้างบน หวงอวี้เหลียนแสร้งทำเป็นพูดกับตัวเองว่า “เฮ้อ จ้าวเหมยสาวน้อยคนนี้เธอช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีไม่เลวเลยจริง ๆ แค่พริบตาเดียวจากนกกระจอกบินไปจับกิ่งไม้ก็กลายเป็นนกฟีนิกซ์ที่สูงส่งไปเสียแล้ว!”


อู่เยวี่ยตัวแข็งทื่อ ความเคียดแค้นพุ่งทะลักขึ้นมา


เมื่อก่อนเธอนี่แหละที่เป็นนกฟีนิกซ์!


จ้าวเหมยเทียบกับรองเท้าแตะของเธอยังไม่คู่ควรเลย!


หวงอวี้เหลียนเพียงแค่ลองหยั่งเชิงเธอดูเล็กน้อยก็สามารถทดสอบความในใจที่แท้จริงของอู่เยวี่ยออกมาได้ เธอยิ่งมั่นใจกับแผนของตัวเองมากยิ่งขึ้นไปอีก!


…………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)