ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 979-984

 บทที่ 979 ตีกันแล้ว

Ink Stone_Fantasy

สถานการณ์วิกฤตยิ่งกว่าที่ฮิวจ์พูดเสียอีก


ฉินสือโอวอยู่ปลอบใจพวกวัยรุ่นที่ร้านสะดวกซื้อ เขาโทรหาแฮมเล็ตแล้วพูดว่า “บริษัทดาวเคมิคอลจะมาทำโรงงานเคมีบัดซบบนเกาะ คุณเป็นนายกเทศมนตรีนะ ไม่มีอำนาจยับยั้งเลยเหรอ?”


แฮมเล็ตพูดอย่างจนใจ “ถ้าพวกเขาขอสร้างโรงงานเคมีขึ้นมาใหม่ฉันก็สามารถยับยั้งได้ แต่แม่เอ๊ย ไอ้พวกนี้มันฉลาดเหลือเกิน พวกมันซื้อโรงงานจากโรงงานเคมีชุนเทียน ขอเพียงได้รับหนังสืออนุญาตให้เปิดสายการผลิตใหม่ก็จะสามารถเปิดโรงงานเคมีขึ้นมาอีกครั้งได้”


ฉินสือโอวพูด “ถ้าอย่างนั้นก็ต่อต้านพวกเขาสิ ทำให้พวกเขาไม่สามารถเอาหนังสืออนุญาตมาได้!”


แฮมเล็ตยิ่งจนใจมากขึ้น “แต่หนังสืออนุญาตฉบับนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นคนอนุญาต รัฐบาลเมืองอย่างพวกเราไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย! และพวกเขาก็ได้มันมาแล้วด้วย!”


บริษัทดาวเคมิคอลฉลาดมาก พวกเขาทำไปแล้วค่อยมาบอกทีหลัง ด้านนี้ทำท่ามาสำรวจความเห็นคนในเมืองอีกด้านก็เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว แค่รอให้สายการผลิตพร้อมดำเนินการ ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะไม่นึกถึงความเห็นของชาวเมืองเพราะขั้นตอนของพวกเขาถูกต้องตามกฎหมายแล้ว


แม้พวกฮิวจ์จะยังบีบบังคับให้พวกเขาออกไป พวกเขาก็ไม่สนใจ


ฉินสือโอวถามด้วยเสียงทุ้ม “ก็คือว่าเงินจำนวนห้าสิบล้านที่ผมช่วยให้คุณได้เป็นนายกเทศมนตรีนี่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยใช่ไหม?”


เขารู้สึกผิดหวัง หลังจากที่แฮมเล็ตได้เป็นนายกเทศมนตรีแล้ว เขายังไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากการลงทุนทางการเมืองนี่เลย แม้เจ้านี่จะตั้งใจให้เขาลงเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการเมืองแต่ฉินสือโอวก็ไม่ได้สนใจอยู่ดี


นับว่าแฮมเล็ตยังมีมโนธรรมหรือพูดได้ว่าเขาไม่อยากเสียพันธมิตรที่มีอำนาจอย่างฉินสือโอวไปจึงรีบพูด “เรื่องนี้ฉันช่วยได้แน่ๆ แต่แค่ไม่มีวิธีช่วยตรงๆ  ฟังฉันนะฉิน การจะรับมือกับบริษัทดาวเคมิคอลมันก็มีวิธีอยู่ นั่นคือการยื้อเวลา!”


“ยื้อเวลา? นี่นับเป็นวิธีเหรอ?”


แฮมเล็ตอธิบาย “บริษัทดาวเคมิคอลซื้อโรงงานและได้เงินกู้จากธนาคารแล้ว พวกเขาเริ่มลงทุนแล้ว แต่เพียงแค่สายการผลิตของพวกเขาไม่มีวันได้ก่อสร้าง อย่างนั้นก็จะไม่มีวันได้กำไร สำหรับนักธุรกิจแล้วนั่นก็หมายถึงการขาดทุน”


“ไม่ต้องสงสัยเลย โรงงานเคมีต้องมีมลพิษอยู่แล้ว แล้วทำไมชาวเมืองจะรวมกลุ่มกันเองเพื่อต่อต้านการก่อตั้งโรงงานเคมีไม่ได้ล่ะ? ขอเพียงชาวเมืองปิดท่าเรือไว้ ฉันก็ไม่เห็นวิธีที่พวกมันจะขนส่งเครื่องจักรและอุปกรณ์มาที่เกาะได้ ใช้การขนส่งทางอากาศเหรอ? ถ้าอย่างนั้นพวกมันก็ต้องให้กองทัพอากาศทำงานให้ถึงจะทำได้”


ฟังความคิดนี้แล้ว ไม่ว่าฉินสือโอวจะคิดยังไงมันก็เป็นความคิดที่แย่มาก เขาถามอย่างสงสัย “ท่านนายกเทศมนตรี นี่คุณกำลังยุให้ผมต่อต้านรัฐบาลเหรอ?”


ถ้าพวกเขาปิดท่าเรือและไม่อนุญาตให้โรงงานเคมีที่ได้รับอนุญาตไปแล้วเริ่มก่อสร้าง อย่างนั้นก็รอรับมือกับรัฐบาลได้เลยหรือที่เรียกว่าการประท้วงที่รุนแรง


แฮมเล็ตรีบพูดเสริมว่า “ไม่ สิ่งที่ฉันจะช่วยนายก็คือตรงจุดนี้แหละ ตอนที่นายกำลังต่อสู้กับโรงงานเคมี พวกมันจะต้องให้นายกเทศมนตรีมาช่วยจัดการ แต่ฉันจะปฏิเสธและฉันเองก็จะไม่เซ็นคำสั่งให้ตำรวจไปจัดการด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็จะทำได้แค่เลื่อนออกไป”


“อีกอย่างนะฉิน ที่จริงนายเองก็มีทรัพยากรที่ใช้ได้อยู่เยอะ อันดับแรกฉันได้ตรวจสอบมาแล้วว่าธนาคารที่บริษัทดาวเคมิคอลกู้ในครั้งนี้คือธนาคารมอนทรีออล อันดับต่อไปนายมีทหารลาดตระเวนที่สามารถเรียกใช้งานได้ อย่าลืมสิว่ากองทหารลาดตระเวนของนายก่อตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร!”


ฟังถึงตรงนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกโล่งใจที่เงินห้าสิบล้านนั้นไม่ได้เสียเปล่า การพิจารณาปัญหาอย่างนักการเมืองของแฮมเล็ตช่างเฉียบแหลมจริงๆ  ช่วยเขาคิดในด้านเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร เรื่องของพลเมืองไว้หมดแล้ว เขาแค่ต้องดำเนินการไปเท่านั้น


ใช่แล้ว ทำไมเขาถึงได้มีกองทหารลาดตระเวนล่ะ? เพราะฟาร์มของเขาเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเต่ามะเฟือง ทหารลาดตระเวนมีไว้เพื่อดูแลแหล่งอาศัยนี้ เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถให้โรงงานเคมีขึ้นฝั่งมาที่เกาะได้ ไม่อย่างนั้นน้ำเสียที่ระบายออกมาจะทำลายแหล่งอาศัยแห่งนี้ไป จะทำอย่างไร?


พอเข้าใจเหตุผลนี้แล้วเขาก็ขอบคุณแฮมเล็ตแล้วกลับบ้านไปอย่างสบายใจ


ความขัดแย้งเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ฉินสือโอวคาดเอาไว้ หลังจากที่คนของบริษัทดาวเคมิคอลเข้ามาที่เกาะได้สองวันก็มีเสียงที่ฟังดูกังวลใจของคาร์สันดังขึ้นมาจากในวิทยุสื่อสาร “มาที่ถนนกลางกันให้หมด เวรเอ๊ย พวกฮิวจ์คนน้องตีกันแล้ว!”


หลังจากที่ได้รับวิทยุฉินสือโอวก็ตะโกนเรียกแบล็คไนฟ์ เหล่าทหารลาดตระเวนและชาวประมงที่พักผ่อนอยู่ให้รีบลุกขึ้นมา รถกระบะสี่คันมุ่งหน้าไปยังตัวเมืองอย่างยิ่งใหญ่ นำหน้าด้วยรถฟอร์ด F650 ที่ไร้เทียมทาน


ในเมืองมีเสียงโหวกเหวกของผู้คนและมีคนกลุ่มหนึ่งที่ล้อมใจกลางถนนไว้พร้อมกับตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด


“โรงงานเคมี ไสหัวออกจากเมืองเราไปซะ!!”


“ระเบิดหัวมันเลย! ชัคใช้ปืนนายระเบิดหัวมันเลย!”


“กล้ามาทำคนของเราเหรอ? ไอ้เวรเอ๊ย!”


“ให้ตำรวจไปให้พ้น! เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง!”


แม้คนจะเยอะแต่รถในเมืองมีไม่เยอะ เพราะรถส่วนมากต้องจอดไว้ที่ลานจอดรถของท่าเรือ จะขับมาที่เกาะไม่ได้ และพื้นที่ของเกาะแฟร์เวลก็มีเท่านี้ ขับเข้ามาก็ไม่มีประโยชน์อะไร


รถกระบะขับมาที่ถนนได้โดยไม่มีอะไรขวาง ฉินสือโอวกระโดดขึ้นหน้ารถแล้วมองเข้าไปด้านในเห็นสารวัตรโรเบิร์ตและลูกน้องที่เหมือนลูกหมาลูกแมวกำลังคุ้มครองคนของบริษัทดาวเคมิคอล ฮิวจ์คนน้องเลือดกำเดาไหลตัวเปียกไปด้วยน้ำที่ละลายจากหิมะและเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ก็ตัวมอมแมม


ชาร์คกดเปิดแตรอย่างแรงแล้วเสียงแสบแก้วหูจากแตรของรถ F650 ก็ดังขึ้น ดังยิ่งกว่าแตรรถบรรทุกเสียอีก


คนที่เข้าใกล้รถกระบะพากันเงียบพลางเอามือปิดหูในขณะที่คนอื่นๆ ค่อยๆ หันมามอง พอเห็นฉินสือโอวที่นั่งยองๆ อยู่ที่หน้ารถกระบะก็หลีกทางให้


พอฮิวจ์คนน้องเห็นฉินสือโอวก็ถือไม้เบสบอลเดินมาหาอย่างฉุนเฉียว “เวรเอ๊ย พี่ฉิน ฟาดไอ้พวกเวรนี่เสียเถอะ พวกมันทำเกินไปแล้ว…”


“หุบปาก!” ฉินสือโอวพูดออกไปโดยพลัน เขากระโดดลงจากรถแย่งไม้เบสบอลมาแล้วเขวี้ยงทิ้งไป ไม้เบสบอลที่หนักหน่วงลอยเคว้งไปบนฟ้าไม่รู้ว่าถูกโยนไปถึงไหน


เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวแสดงด้านรุนแรงออกมาในเมืองนี้ ที่ผ่านมาเขาเป็นคนที่อัธยาศัยดีมาตลอด ไม่ว่าจะทักทายกับใครเขาก็จะยิ้มให้ก่อนพูดเสมอ


คนที่สุขุมเวลาโกรธจะรุนแรงมากกว่า โดยเฉพาะชายร่างใหญ่และเหล่าชาวประมงที่โกรธอย่างเห็นได้ชัดที่อยู่ข้างๆ คนที่ดูสุขุมคนนี้


ฉินสือโอวเดินไปตรงหน้าพนักงานจำนวนสิบกว่าคนของบริษัทดาวเคมิคอลแล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ใครคือหัวหน้า?”


ชายหนุ่มผมยุ่งเหยิงคนหนึ่งถามอย่างระวัง “คุณเป็นใคร? หาตัวหัวหน้าของพวกเราทำไม?”


ฉินสือโอวไม่สนใจชายหนุ่มคนนี้ เขามองคนกลุ่มนั้นอย่างเย้ยหยัน “บริษัทดาวเคมิคอลเป็นบริษัทชื่อดัง แต่คนเป็นหัวหน้าปอดแหกขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่กล้าแม้แต่จะออกมาคุยกับผม?”


พอได้ฟังที่เขาพูด ชายจมูกโตวัยกลางคนก็ออกมาพร้อมถาม “คุณอยากคุยอะไร?”


ฉินสือโอวชี้ไปที่เออร์บักที่มาด้วยกันแล้วพูดว่า “เรื่องวันนี้ผมไม่สนว่าใครถูกใครผิด ถ้าพวกคุณต้องการฟ้องร้อง ทนายของผมจะดูแลให้ ต่อไปพวกคุณไม่ต้องมาที่เกาะนี้อีก พวกเราไม่ต้อนรับพวกคุณ”


บทที่ 980 ปิดท่าเรือ

Ink Stone_Fantasy

ชายจมูกโตวัยกลางคนพูดด้วยความโมโห “พวกเราแค่มาสำรวจที่เมือง พวกเราไม่ใช่คนร้าย…”


“สำรวจ? สำรวจอะไร?” ฉินสือโอวยื่นมือออกมาวาดเป็นวง “คุณดูสิ คนในเมืองก็อยู่ที่นี่กันเกือบหมดแล้ว คุณอยากสำรวจว่าจะมีใครยอมรับเงินของคุณแล้วย้ายออกจากบ้านเกิดของพวกเราไปไหมใช่ไหม? อย่างนั้นก็ดี ผมจะช่วยถามให้!”


ฉินสือโอวกระโดดขึ้นหน้ารถกระบะแล้วตะโกนเสียงดัง “ใครเต็มใจรับเงินของโรงงานเคมีแล้วย้ายไปนครเซนต์จอห์น ทิ้งบ้านเกิดของตัวเองไว้ให้โรงงานเคมีมาทำให้เกิดมลพิษไหม?!”


“ใครเต็มใจก็ออกมาพูดหน่อยครับ!”


เสียงเงียบลง มีเพียงเสียงหายใจหนักๆ ของบางคน


ที่จริงการที่ฉินสือโอวถามแบบนี้ก็ไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไร คำพูดของเขาเป็นความจริงแต่การเอาหลักศีลธรรมมาอ้างแถมยังอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถึงจะมีคนอยากรับเงินจริงๆ พวกเขาก็คงไม่กล้าออกมา ออกมาในเวลานี้ก็เท่ากับเป็นศัตรูของเมือง


แต่จิตใจมนุษย์ก็ล้วนเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น


ฉินสือโอวทุ่มเทให้กับเมืองอย่างเงียบๆ มาตลอด ดึงดูดนักท่องเที่ยว พัฒนาพิพิธภัณฑ์ฟอสซิล เชิญโอดอมมาเปิดโรงพยาบาลชุมชนและอื่นๆ หลังจากที่ฉินสือโอวมาที่เกาะแฟร์นี่เอง เมืองนี้ถึงได้กลายสภาพเป็นเหมือนกับดินแดนในฝัน


ที่เขาทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่ามีน้ำใจทำไปเปล่าๆ การทุ่มเทในที่สุดก็เพื่อผลประโยชน์ ตอนนี้คือเวลาที่เขาจะรับผลประโยชน์จากการสนับสนุนจากชาวเมือง


คนของบริษัทดาวเคมิคอลก็เข้าใจในจุดนี้ ชายจมูกโตตะโกน “คุณทำแบบนี้ในตอนนี้ไม่ยุติธรรมกับชาวเมืองเลย ใครจะกล้าเปิดเผยทางเลือกของตัวเองในที่โจ่งแจ้งแบบนี้…”


ฉินสือโอวตัดบทไม่ให้เขาพูด “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? พวกคุณทำเรื่องไม่ดีเหรอไง? ทำไมจะบอกกับพวกเราอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้ล่ะ? หรือว่า แม้ว่าพวกคุณจะให้ที่อยู่กับพวกเราเมื่อย้ายไปนครเซนต์จอห์นได้ แต่งานล่ะ? พวกเราจะทำอะไรกิน?!”


ฮิวจ์คนน้องไม่อยากให้โรงงานเคมีเหยียบขึ้นมาบนเกาะก็เพราะถ้าพวกเขาย้ายไปนครเซนต์จอห์นแล้ว ร้านสะดวกซื้อก็ต้องปิดตัวลง เพราะร้านนี้เป็นธุรกิจท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวคงไม่มาเที่ยวดูโรงงานเคมี


ดังนั้นเขาเลยตะโกนร่วมไปกับฉินสือโอว “พูดสิ! พวกเราจะทำมาหากินอะไร?! พวกเราจะไปทำงานที่ไหน?! บริษัทดาวเคมิคอลของพวกคุณจะเลี้ยงเราไปตลอดชีวิตไหม? แล้วลูกหลานของพวกเราล่ะ?!”


“ใช่ พวกเราจะไปทำงานที่ไหน!”


“ต่อไปลูกหลานของพวกเราจะทำอย่างไร?”


“พวกเราล้วนเป็นชาวประมง ไม่มีประกันสังคมอะไร ออกจากเกาะไปแล้วตอนแก่เราจะทำอย่างไรกัน?”


ระบบประกันสังคมของแคนาดามีความก้าวหน้ามากจนเป็นที่รู้กัน แต่ถึงจะก้าวหน้ามันก็ยังเหมือนกับประเทศอื่นตรงที่คนที่ไม่เสียภาษีจะไม่ได้รับเงินเกษียณและเบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ แต่จะได้อาศัยกองทุนช่วยเหลือของเมือง นี่เป็นสิ่งที่เหล่าคนมีเงินในเมืองทำร่วมกัน ถ้าออกจากเกาะไปก็จะไม่มีแล้ว


แบบนี้ถ้าชาวประมงย้ายออกจากเกาะแฟร์เวลไปยังเขตชุมชนในเมือง ชีวิตช่วงบั้นปลายในอนาคตก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร


เหล่าชาวเมืองตื่นตัวขึ้นมาและเริ่มคิดว่าถ้าออกจากเมืองแฟร์เวลไปแล้วอาจจะเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ ในสถานการณ์แบบนี้ทุกคนย่อมไม่คิดไปในทางดีแน่นอน ผลสุดท้ายยิ่งพูดข้อเสียก็ยิ่งเยอะและข้อสรุปก็คือไม่มีทางออกไปจากเมือง


ฮิวจ์คนน้องฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง ไม่มีไม้เบสบอลเขาก็ไปแย่งกระบองในมือเพื่อนมาแทน เขาโบกมือให้พวกบริษัทดาวเคมิคอลออกไป ไม่อย่างนั้นเตรียมตัวโดนอัดได้เลย


พวกเขาทำให้คนในเมืองโกรธแล้ว พวกพนักงานเห็นท่าไม่ดีเลยรีบร้อนกันเข้าไปในรถมินิบัส รถมินิบัสขับมาถึงท่าเรือแต่ต้องขับขึ้นเรือขนส่งถึงจะออกไปได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาออกเรือของเรือขนส่ง


ฮานี่ย์ไปหาพนักงานขับเรือขนส่งแล้วบอกเขาว่าวันนี้คงไม่มีใครออกไปจากเกาะแล้ว ให้เขาพารถมินิบัสไปก็พอเพราะพวกเขาจะปิดท่าเรือกันในไม่ช้า


พอได้ฟังคำนี้ฉินสือโอวก็รู้เลยว่าแฮมเล็ตโทรไปหาฮานี่ย์แล้ว ดูท่าพันธมิตรทางการเมืองคนนี้จะพึ่งพาได้ไม่น้อย


เรือขนส่งขับออกไป ฮานี่ย์โบกมือให้พวกชาวประมงขับเรือที่มีบนเกาะทั้งหมดมา ฉินสือโอวเองก็เอาเรือของเขามาที่ท่าเรือสาธารณะด้วยจนเต็มพื้นที่ท่าเรือ แบบนี้ต่อไปเรือที่มาก็ไม่มีทางเทียบท่าได้


ตอนนี้ฉินสือโอวมีเรืออยู่เยอะที่สุดและเรือแฟร์เวลกับเรือฮาวิซทก็ไม่ใช่เรือเล็กๆ เขายังมีเรือกำปั่นทะเลอีกสี่ลำซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้ใช้ป้องกันเรือขโมยปลาเลยเอามาด้วย


เห็นเรือเล็กเรือใหญ่แน่นเต็มท่าเรือ เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้งแล้วตะโกนพูดกับชาวเมืองที่กำลังยุ่งกันอยู่ “โอเค ทุกท่าน ได้เวลาที่เราต้องต่อต้านอย่างเป็นทางการแล้ว! ปกป้องบ้านเกิด! ห้ามให้โรงงานเคมีมาทำลายบ้านเกิดของเราเด็ดขาด!”


ชาวเมืองพูดเสียงดัง “ปกป้องบ้านเกิด! คัดค้านโรงงานเคมี!”


วุ่นกันอยู่สองชั่วโมงชาวเมืองก็ทยอยแยกย้ายกันไป ฉินสือโอวตะโกนเรียกแบล็คไนฟ์มา บอกเขาว่าไม่ต้องไปเฝ้าฟาร์มปลาแล้ว แต่ให้นำเหล่าชาวประมงมาเฝ้าที่ท่าเรือตลอด 24 ชั่วโมง ห้ามให้พวกโรงงานเคมีขึ้นฝั่งได้อย่างเด็ดขาด


การต่อต้านอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นแล้ว


แบล็คไนฟ์ถาม “ถ้าพวกเขายืนกรานจะขึ้นมาล่ะครับ?”


“ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ปืนของพวกนายไล่พวกเขาไป!” ฉินสือโอวพูดเสียงดัง


แบล็คไนฟ์ทำท่าตะเบ๊ะแล้วพูดอย่างหนักแน่น “รับคำสั่งครับท่าน!”


ฉินสือโอวไปหาฮานี่ย์ที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด หลังจากที่เห็นเขาก็ส่ายหัวแล้วพูด “ผมกังวลจริงๆ ว่าจะเกิดความวุ่นวาย ถ้าคนของบริษัทดาวเคมิคอลมาไม้แข็งจะทำอย่างไร?”


ตอนนี้ก็สามารถเห็นความแตกต่างของผู้นำได้แล้ว แม้แฮมเล็ตจะออกแนวผู้ดีอังกฤษแต่เขาไม่เกรงกลัวต่อเรื่องใด ถ้าเขาอยู่ตรงนี้เขาต้องพูดกับฉินสือโอวว่าพวกบริษัทดาวเคมิคอลนี่จัดการยากดีจริงๆ


ยากก็ยาก พวกเขาไม่กลัวใครหน้าไหนนอกจากบริษัทดาวเคมิคอลจะเคลื่อนกองทหารได้ แต่ถ้ากองทัพแคนาดาเคลื่อนทัพมากดดันพลเมืองก็คงวุ่นวาย อาจจะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากประเทศต่างๆ


ที่ฮานี่ย์กลัวน่าจะเป็นการที่บริษัทดาวเคมิคอลจะฟ้องร้องพวกเขาตามกฎหมาย แต่ฉินสือโอวตัดสินใจจะทำให้ถึงที่สุดแล้ว เพราะเรื่องแบบนี้ที่แคนาดามีตัวอย่างให้เห็นแล้ว ก่อนหน้านี้มีเมืองหนึ่งในรัฐบริติชโคลัมเบียปฏิเสธไม่ให้รัฐบาลสร้างโรงงานจัดการขยะขึ้นในเมือง จากนั้นก็ถือปืนเผชิญหน้ากับตำรวจที่มาไกล่เกลี่ย


ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรัฐเนวาดาที่กั้นระหว่างอเมริกาและแคนาดา ปีที่แล้วพวกเขาเพิ่งประสบกับเหตุการณ์ “เกษตรกรคนสุดท้าย” จนตอนนี้ผลกระทบก็ยังไม่หมดไป


เหตุการณ์ “เกษตรกรคนสุดท้าย” คือเรื่องคำสั่งเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วของกรมบริหารที่ดินของรัฐและกรมบริหารที่สาธารณะของประเทศ ตำรวจของรัฐเนวาดาใช้เฮลิคอปเตอร์เก้าลำ ตำรวจสองร้อยนายและมือปืนในการจัดการอย่างรุนแรงกับ ‘เกษตรกรคนสุดท้าย’   และยึดวัวจำนวน 900 กว่าตัวที่เขามีอยู่


สาเหตุของเรื่องนี้คือการที่เกษตรกรคนนี้ปฏิเสธการซื้อใบอนุญาตทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่ปี 1990 ในเขตตะวันตกของอเมริกาหากต้องการทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ของรัฐบาลจะต้องส่งค่าทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ให้แก่รัฐเป็นประจำเพื่อให้ได้รับใบอนุญาตการทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์


แต่บันดีประกาศว่าไร่ขนาดหกหมื่นเอเคอร์นี้เป็นมรดกตกทอดของเขามาตั้งแต่ปี 1870 ในตอนนั้นยังไม่มีกรมบริหารที่ดินของรัฐบาล ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องจ่าย แต่ทางรัฐบาลอ้างกฎหมายว่าบันดีติดหนี้อยู่หนึ่งล้านหนึ่งแสนดอลลาร์ เขาต่อสู้มายี่สิบปี ในที่สุดก็มีการจัดการอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่แล้ว


ผลสุดท้ายหลังจากมีการใช้ความรุนแรงต่อต้าน คลีเวน บันดีภายใต้สถานการณ์ที่ได้รับประชามติให้ความสนใจและการสนับสนุนจำนวนมากก็ระดมเหล่าคาวบอยพร้อมอาวุธและธงชาติล้อมค่ายของตำรวจอเมริกาไว้


สุดท้ายรัฐบาลกลางของอเมริกาก็ให้ประนีประนอม สั่งให้หัวหน้าตำรวจในการจัดการครั้งนั้นจับมือและชดใช้ให้กับบันดี ในที่สุดการจัดการและยึดคืนพื้นที่ก็หยุดลงและทางตำรวจก็คืนวัวที่ยึดไว้ให้แก่เกษตรกร


บทที่ 981 ขุดเห็ดทรัฟเฟิล

Ink Stone_Fantasy

หลังปิดท่าเรือสาธารณะแล้ว ฉินสือโอวก็เปิดท่าเรือส่วนบุคคล เรือขนส่งมารวมตัวกัน จากนั้นครู่หนึ่งเรือขนส่งก็เอาเรือที่อนุญาตให้เข้าเกาะได้มาที่ท่าเรือฟาร์มปลาต้าฉิน


สำหรับเรือประมงส่วนบุคคลนั้นต้องดูสถานการณ์ก่อน เช่นเรือขนส่งของบริษัทดาวเคมิคอล จะมาจอดที่ฟาร์มปลาไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะนี่คือสิทธิ์ของฉินสือโอว


ฉินสือโอวต่อต้านบริษัทดาวเคมิคอลอย่างสุดความสามารถและแน่นอนว่าทั้งเกาะแฟร์เวลเองก็ต่อต้านพวกเขาอย่างเต็มที่ด้วยเหมือนกัน พอได้สัมผัสการใช้ชีวิตกับฟ้าสีครามและน้ำทะเลใสแล้ว พวกเขาก็ไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตในบรรยากาศที่เลวร้ายแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว สำหรับเมืองนี้แล้วโรงงานเคมีมีผลกระทบมากเหลือเกิน


หากบริษัทดาวเคมิคอลบอกว่าพวกเขาจะจัดการเรื่องงานให้ อย่างนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยังพอคุยกันได้


แต่ทางบริษัทดาวเคมิคอลก็ยากที่จะจ้างงานคนที่เมืองเพราะการทำเกษตรเคมีเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาก ต้องใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีขั้นสูง จะไปเป็นพนักงานยกของเหรอ? ขอร้องล่ะ ตอนนี้เป็นสังคมแห่งเทคโนโลยีและค่าใช้จ่ายในการที่โรงงานเคมีใช้แรงงานคนก็เยอะกว่าการใช้เครื่องจักรมาก


บริษัทดาวเคมิคอลไม่ได้มีการตอบสนองที่รวดเร็วนัก หลังจากที่คนของพวกเขาถูกขับไล่ไปแล้วก็ไม่ได้กลับไปที่เมืองในทันที หรือพวกเขาอาจยอมแพ้กับวิธีแก้ปัญหาแบบสันติ อย่างไรเสียพวกเขาก็ทำตามขั้นตอนครบสมบูรณ์และก็ซื้อโรงงานไว้แล้ว แค่ย้ายเข้าไปก็ได้แล้ว


สองวันมานี้ฉินสือโอวเอาแต่ศึกษาเรื่อง ‘เกษตรกรคนสุดท้าย’ และการต่อต้านที่รุนแรงของแคนาดา เขาต้องทำอะไรโดยมีเหตุผลที่เหมาะสม หากทั้งสองฝ่ายลงมือเขาต้องหาหลักฐานที่ทำให้ศาลเห็นใจให้ได้


อันดับแรกคือความคิดเห็นของสาธารณชน ต้องขอบคุณหวงเจียเจียที่เคยพยายามโน้มน้าวให้เขาเปิดเวยป๋อ ตอนนี้บัญชีเวยป๋อของเขามีอิทธิพลมากและก็มีผู้ติดตามล้านกว่าคนแล้ว


เขาเล่าเรื่องที่เกาะแฟร์กำลังเผชิญวิกฤตลงบนเวยป๋อ แล้วใส่ไข่ลงไปว่ารัฐบาลของนิวฟันด์แลนด์ต้องมีนอกมีในกับบริษัทดาวเคมิคอลอย่างแน่นอน จะเสียเกาะแฟร์เวลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของนิวฟันด์แลนด์ไปไม่ได้


เขาเรียนรู้สิ่งนี้มาจากเรื่อง ‘เกษตรกรคนสุดท้าย’ คลีเวน บันดีพูดกับสื่อว่าที่ตำรวจโจมตีไร่ของเขาก็เพราะสมาชิกวุฒิสภาตระกูลหลี่เต๋อเห็นที่ผืนนี้แล้วอยากเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์


สิ่งที่บันดีทำเป็นการใส่ร้ายโดยแท้ แต่ของฉินสือโอวถือว่าเป็นการพูดไปตามเรื่อง เพราะรัฐบาลของนิวฟันด์แลนด์ให้ใบอนุญาตในการเข้ามากับบริษัทดาวเคมิคอลแคนาดา แน่นอนว่าเป็นเพราะเห็นแก่กำลังในการจ่ายภาษีอันมหาศาลของบริษัท ดังนั้นที่เขาพูดจึงไม่ผิด รัฐบาลของรัฐคิดจะเสียสละเกาะแฟร์เวลเพื่อแลกกับการพัฒนาเศรษฐกิจ


ต่อมาเขาทำการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เพื่อรายงานเรื่องนี้กับแพรีส แฮมเล็ต ซึ่งเป็นน้องสาวของแฮมเล็ตโดยผ่านนีลเซ็น


เพราะพี่ชายช่วยกรุยทางให้ บวกกับความสามารถของแพรีส เธอมาทำงานที่ ‘นิวฟันด์แลนไทม์’ ได้แค่ปีกว่าๆ ก็ได้เป็นถึงรองบรรณาธิการฝ่ายข่าวปัจจุบันซึ่งสามารถทำข่าวได้ และฉินสือโอวยังจ่ายเงินไปเพื่อซื้อพื้นที่สื่อด้วย หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์หนังสือพิมพ์ก็ติดตามรายงานเรื่องนี้


สำหรับพวกเวทีอภิปรายต่างๆ ฮิวจ์คนน้องจะพาคนไปจัดการ ถึงอย่างไรเสียก็เผยแพร่ไปหลายๆ ช่องทาง เปิดโปงความร่วมมืออย่างลับๆ ของรัฐบาลของรัฐกับโรงงานเคมี


ฮานี่ย์สั่งให้คนทำป้ายมาแขวนไว้ที่ท่าเรือสาธารณะ เขียนว่าคำจำพวกว่า ‘ครั้งนี้เป็นเกาะแฟร์เวล ครั้งหน้าจะเป็นเกาะไหน’


จากนั้นก็อยู่ในความสงบ นครเซนต์จอห์นมีหิมะตก เกล็ดหิมะที่ละเอียดตกลงมาคืนหนึ่งแล้วก็หยุด


ตอนเช้าเชอร์ลี่ย์วิ่งมาดูแล้วก็กลับไปด้วยความผิดหวัง เธอยักไหล่พลางพูด “รถเลื่อนใช้ไม่ได้แล้ว แต่ไม่ต้องไปเรียน”


การเรียนของนักเรียนที่นิวฟันด์แลนด์ตั้งแต่เกรดเก้าลงมาค่อนข้างผ่อนคลาย เพราะพายุหิมะในปีนี้นครเซนต์จอห์นจึงกำหนดให้หยุดเรียนหนึ่งถึงสองวันเมื่อหิมะตก


แม่ของฉินสือโอวพูดคุยเป็นเพื่อนวินนี่ ตอนไปเดินเที่ยวในเมืองครั้งที่แล้วเธอเห็นว่ามีร้านขายไหมพรมเลยซื้อมาม้วนหนึ่ง แบบนี้แม่ของฉินสือโอวจึงคุยไปถักชุดไหมพรมไป สามารถฆ่าเวลาได้


วินนี่เห็นแล้วสนใจเลยวางข้อมูลการบริหารงานสาธารณะในมือลงแล้วมองดูอยู่ข้างๆ อย่างสงสัย


แม่ฉินสือโอวถาม “หนูอยากเรียนไหม?”


พ่อของฉินสือโอวโบกมือแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เรียนอะไร? เสื้อไหมพรมที่ทำด้วยเครื่องจักรสมัยนี้ยังไม่อยากจะใส่ ใครจะใส่เสื้อไหมพรมที่ใช้มือถักกัน? คุณจะให้วินนี่มาเสียเวลาเรียนทำไม?”


แม่ของฉินสือโอวมองค้อนเขาไปครั้งหนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม”


พ่อของฉินสือโอวพูดด้วยความไม่พอใจ “สมัยนี้ใครยังจะเอาความสามารถแบบนี้อยู่อีก?”


ฉินสือโอวหัวเราะยกใหญ่พลางชี้ไปที่เหมาเหว่ยหลงแล้วพูด “โคโกโร่ มาแสดงให้พ่อฉันดูหน่อยสิ ฝีมือการถักเสื้อไหมพรมของโคโกโร่ไม่ธรรมดาเลยนะ”


วินนี่พูดเสริม “ฉันจำได้ว่าของขวัญชิ้นแรกที่เขาให้ฉันก็คือเสื้อไหมพรม ใช่ไหมคะ?”


“เสื้อไหมพรมที่สี่ปีก็ยังส่งออกไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ส่งให้คุณ” ฉินสือโอวเยาะเย้ย


เหมาเหว่ยหลงอยู่ที่ฟาร์มปลาไม่ได้กลับประเทศไปฉลองตรุษจีน อย่างไรเสียตระกูลเขาก็ใหญ่โตพ่อแม่คงไม่เบื่ออยู่แล้ว ถ้าเขาพาหลิวซูเหยียนกับตั๋วตั่วกลับไปตอนนี้ ผู้คนคงติฉินนินทากันจนรับไม่ได้


ได้ยินฉินสือโอวเอาตัวเองไปล้ออย่างสนุก เหมาเหว่ยหลงก็พูดอย่างไม่พอใจ “ถักไหมพรมเป็นแล้วทำไม? การมีความสามารถเป็นเรื่องน่าอายตั้งแต่เมื่อไร? คนที่ทำอะไรไม่เป็นยังภูมิอกภูมิใจอยู่ได้? แกบอกมาสิ นี่มันบรรทัดฐานอะไรกัน?”


ฉินสือโอวชี้ปที่พ่อของเขาแล้วพูด “แกอย่ามาจ้องฉันสิโคโกโร่ นี่เป็นสิ่งที่พ่อฉันพูด ฉันไม่ได้พูดเองนะ”


เหมาเหว่ยหลงมุมปากกระตุก เวรเอ๊ย เมื่อครู่ไม่ได้ฟังพวกเขาพูดให้ละเอียด ตกหลุมพรางเสียแล้ว


แม่ฉินสือโอวสนับสนุนเหมาเหว่ยหลงทันที “เสี่ยวหลงพูดถูก! ใช่แล้ว ถักเสื้อไหมพรมไม่เป็นยังมาดูถูกคนที่ถักเป็น นี่มันบรรทัดฐานอะไรกัน?”


เหมาเหว่ยหลงเกาท้ายทอย เขารู้ว่านี่คือสงครามของพ่อแม่ฉินสือโอว ตัวเองไม่แทรกเข้าไปดีกว่า สุดท้ายเขาก็มองตาฉินสือโอว ถูกเจ้าบ้านี่ลวงให้ติดกับเสียแล้ว


หิมะหยุดตกแล้วท้องฟ้าสดใส ฉินสือโอวมองเทือกเขาเคอร์บัลที่ขาวโพลนแล้วพูด “ไม่มีอะไรทำเลย พ่อ ผมพาพ่อขึ้นเขาดีไหม พวกเราไปขุดเห็ดทรัฟเฟิลกันเถอะ!”


“ทรัฟเฟิล? กระรอก? หรือว่าอะไรนะ?” พ่อของฉินสือโอวไม่เคยได้ยินชื่อเจ้าสิ่งนี้มาก่อน


แม่ฉินสือโอวแย้ง “อากาศแบบนี้จะขึ้นเขาไปทำไม? ไม่ได้อะไรเลยนอกจากความทรมาน บนภูเขามีหิมะตั้งเยอะ ลื่นล้มไปจะทำอย่างไร?”


ฉินสือโอวอธิบายเรื่องเห็ดทรัฟเฟิลครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลูบที่ไหล่ของฉงต้าแล้วพูด “ช่วงก่อนหน้านี้พวกแบล็คไนฟ์ฝึกให้ฉงต้าขุดเห็ดทรัฟเฟิลอยู่ตลอด เราจะให้ความสามารถเขาสูญเปล่าไม่ได้ ใช่ไหม?”


ฉงต้าหาวแล้วเอาคางเกยที่ขาของฉินสือโอวพร้อมขยิบตาที่พร่ามัวแสดงให้เห็นว่าจะหลับแล้ว ไม่มีอะไรทำอย่างนั้นก็นอน


ฤดูหนาวในทะเลจะหนาวมากจนไม่สามารถออกทะเลไปตกปลาหรือชมวิวได้ ฉินสือโอวเลยเบื่อมาก แบบนี้เขาก็เลยบอกว่าอยากขึ้นเขา เขาคิดแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ขึ้นเขากันเถอะ ช่วงนี้เป็นเวลาที่ดีในการจับกระต่ายและไก่ฟ้า”


ฉินสือโอวโบกมือพลางพูด “ถ้าอยากจะจับไก่ฟ้าจริงๆ ก็ไม่ต้องลำบากปีนเขาขึ้นไปหรอก รออยู่ที่ริมทะเลสาบก็ได้”


ทะเลสาบเฉินเป่ากลายเป็นแหล่งอาหารใหม่ของเหล่าสัตว์กินหญ้า มีหิมะตกลงมาครั้งใหญ่ไม่กี่ครั้งบนเขาก็ไม่มีอะไรกินได้แล้ว พวกมันทำได้แค่ลงจากภูเขามาหาอาหารเท่านั้น


ขอเพียงขึ้นภูเขาไปแล้วโชคดี ฉินสือโอวก็จะได้เจ้าพวกนี้มาอย่างง่ายดาย ทุกคนจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมปีนเขา


บทที่ 982 ราชาซิมบ้าบินไปแล้ว

Ink Stone_Fantasy

ในฤดูกาลแบบนี้ย่อมไม่สามารถค้างคืนบนเขาได้เป็นธรรมดา ฉินสือโอวเตรียมตัวไปอย่างง่ายๆ แค่เปลี่ยนเป็นรองเท้าปีนเขาและเสื้อแจ็กเกตเดินป่าพร้อมแบกปืนกับหน้าไม้พาหู่จือเป้าจือฉงต้าหลัวปอออกจากบ้านไป


พอเห็นหู่จือเป้าจือฉงต้าและหลัวปอออกไปกันหมดแล้ว ซิมบ้าที่นอนหมอบงีบอยู่ข้างๆ วินนี่ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มันนึกว่ามีอะไรสนุกๆ เลยไม่อยากพลาดจึงตามไปอย่างกระดี๊กระด๊า


แมวป่าเดินในหิมะโดยที่ไม่มีเสียงและซิมบ้าก็เดินตามหลังฉงต้าอีก แบบนี้รอให้ถึงตอนที่ฉินสือโอวเห็นว่าซิมบ้าตามมาพวกเขาก็เดินจนถึงตีนเขากันแล้ว


เพราะกลัวว่าซิมบ้าจะเป็นอะไรไป อย่างไรเสียมันก็ยังเล็กเท่ากับแมวตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ในภูเขาที่พื้นหิมะอาจยาวถึงสิบกิโลเมตรนั้นมันก็เป็นแค่เจ้าตัวจิ๋ว เขาเลยจับมันโยนลงไปในฮู้ดบนเสื้อแล้วแบกขึ้นเขาไป


ซิมบ้าจัดท่าทางอยู่ในฮู้ด มันรู้สึกสบายมากเลยเหล่ตามองอย่างเบิกบานใจพลางใช้อุ้งเท้าน้อยๆ กอดไปที่คอฉินสือโอว พิงหัวที่ไหล่ขวาของเขาแล้วกวาดตาโตมองไปรอบๆ


ขนของแมวป่านุ่มและอบอุ่นมาก หัวของซิมบ้าพิงอยู่ไม่เท่าไรฉินสือโอวก็รู้สึกอุ่นแล้ว


แมวป่าเป็นสัตว์ขี้หนาวชนิดหนึ่ง ดังนั้นครั้งแรกที่เจ้าตัวเล็กเห็นฉินสือโอว มันก็รีบมุดเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาทันที ตอนนั้นขนของมันยังไม่ยาวมาก จะว่าไปบุชก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตมันไว้เพราะถ้าบุชไม่เอามันมา มันก็คงแข็งตายในฤดูหนาวอยู่ที่นี่แล้ว


หลังจากเข้าไปในภูเขาแล้วซิมบ้าก็หูตั้งขึ้นมาตามสัญชาตญาณ นี่คือถิ่นของมัน ตามทฤษฎีแล้วจึงไม่มีอะไรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของแมวป่าได้


แน่นอนว่าป่าในเขาก็เป็นถิ่นของหมีสีน้ำตาลด้วยเช่นกัน


เห็นแต่ว่าฉงต้าเข้ามาที่เขาน้อยครั้งแต่พอถึงในป่ามันก็ไม่เซื่องซึมไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีกต่อไป ดวงตาเล็กๆ มองไปรอบทิศอย่างระมัดระวังพลางเดินไปตามทางอย่างองอาจ เห็นได้ชัดว่าพันธุกรรมเจ้าถิ่นตื่นขึ้นมาแล้ว


ห่านสีเทาตัวหนึ่งกระพือปีกบินมา ตัวของมันชนเข้ากับกิ่งไม้ทำให้หิมะร่วงลงมา


หู่จือและเป้าจือแกว่งหางแล้วกระโจนขึ้นไป แน่นอนว่ากระโดดไปไม่เท่าไหร่ห่านสีเทาก็บินหนีไปแล้ว พวกมันค้นหาตรงที่ห่านสีเทาเคยพักอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเมื่อหาอะไรไม่เจอพวกมันก็ได้แต่ วิ่งกลับมาอย่างอารมณ์เสีย


ป่าไม้ที่เคยเติบโตแน่นขนัดเปลี่ยนเป็นสีเทาขาว มีแต่ต้นสนที่ยังคงเป็นสีเขียวทั้งต้น เพิ่มชีวิตชีวาให้กับป่าผืนนี้


ป่าเขาในฤดูหนาวเงียบสงบ พวกเขาเดินลงเขามาในทางของหมาป่าขาว หลัวปอดมกลิ่นนำทางอยู่ด้านหน้า เห็ดทรัฟเฟิลถูกพบในท้องของหมูป่าที่เจ้าหมาป่าขาวล่าได้ จึงต้องเดินตามเส้นทางที่พวกมันไปเป็นธรรมดา


แน่นอนว่าฉินสือโอวไม่ได้หวังว่าจะหาเห็ดทรัฟเฟิลเจอจริงๆ เจ้าสิ่งนี้พบได้น้อยและความเป็นไปได้ที่จะพบก็ต่ำมาก


คนในขบวนเดินทางบนเขาพูดคุยพลางหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ฉินสือโอวเดินไปกับพ่อ มือเท้าของพ่อฉินสือโอวก็ยังคล่องแคล่วอยู่ แต่เดินบนทางภูเขาหิมะที่มีโคลนลื่นๆ ฉินสือโอวต้องคอยช่วยพยุง


เห็นลูกชายที่คอยประคองแขนตัวเองอยู่ข้างๆ พ่อของฉินสือโอวก็ถอนหายใจพลางพูด “เฮ้อ พ่อน่ะแก่แล้ว”


ฉินสือโอวหัวเราะพลางพูดอย่างไม่ใส่ใจ “พ่อแก่ที่ไหนกัน? ยังปีนภูเขาที่มีหิมะได้อยู่เลย พูดได้แค่ว่าพ่ออายุมากขึ้นเท่านั้นแหละ แต่ถ้าพ่อยังหนุ่มอยู่ตลอด อย่างนั้นจะไม่วุ่นวายเหรอ?”


ตอนที่กำลังพูดบนท้องฟ้าก็มีเงาสองเงาบินมา ฉินสือโอวไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นบุชและนิมิตส์บินมาหา


เขาผิวปากแล้วบุชกับนิมิตส์ก็บินลงมา พวกมันอยากเกาะไหล่ของฉินสือโอว แต่เสื้อกันหนาวหนาเกินไปไม่เหมาะที่จะเกาะและตอนนี้เจ้าสองตัวนี้ก็ตัวใหญ่เกินไปแล้ว พื้นที่ไหล่จึงไม่พอให้พวกมันเกาะ


ฉินสือโอวยื่นข้อมือมาข้างหนึ่งแล้วบุชก็ลงมาเกาะ นิมิตส์มองแล้วเลือกเกาะบนไหล่ของอีวิลสันแล้วยังกินของกินอีก พอมันเกาะลงมาอีวิลสันก็ฉีกปลาแห้งให้มันอย่างมีน้ำใจ


นิมิตส์คาบปลาแห้งยืดคอกลืนลงไป ผลสุดท้ายติดคอ!


เจ้านกโจรสลัดใหญ่ยืดคอสุดชีวิตปากร้องอย่างร้อนรนตาเหลือก


ฉินสือโอวรีบอุ้มมันลงมาให้มันอ้าปากแล้วใช้นิ้วหยิบเอาชิ้นปลาที่ยังไม่ได้กลืนออกมา


เห็นปลาโอแถบแห้งชิ้นนี้แล้วคำนับอีวิลสัน “เวรเอ๊ย อีวิลสัน นี่คือปลาโอแถบแห้ง กินเลยไม่ได้! เจ้าสิ่งนี้แข็งยิ่งกว่าหินเสียอีก นายกินเข้าไปได้อย่างไร?”


อีวิลสันหัวเราะแหยๆ “ฟันกราม ใช้ฟันกรามได้”


เหมาเหว่ยหลงมองอีวิลสันอย่างประหลาดใจแล้วพูดว่า “ฉิน วันนั้นที่วินนี่บอกว่าขนมสำหรับกัดของหู่จือและเป้าจือชอบหมดอยู่เรื่อยน่ะ เจ้านี่กินไปหรือเปล่า?”


ขนมสำหรับกัดเป็นอาหารที่ทำมาจากแป้ง ฉินสือโอวก็ไม่รู้วิธีทำ แต่ถึงอย่างไรเจ้าสิ่งนี้ก็เป็นเหมือนหินอ่อนในหมู่อาหารที่ทำจากแป้ง หู่จือและเป้าจือที่ถนัดในการใช้กราม บางครั้งกัดไปหนึ่งชั่วโมงยังกินไม่หมดเลย


ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งให้อีวิลสัน ใช้กรามกัดปลาโอแถบแห้งได้ อีวิลสันนี่มีฟันที่แข็งแรงดีจริงๆ


เหมาเหว่ยหลงสังเกตดูอีวิลสันอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “พระเจ้าช่างยุติธรรมจริงๆ แกดูสิ ท่านให้สมองที่ฉลาดขนาดนี้กับฉัน แล้วให้ร่างกายที่ธรรมดามากมาด้วย แกดูอีวิลสัน เวร กระดูกเหล็กจริงๆ!”


คนทั้งกลุ่มหัวเราะ อีวิลสันเคี้ยวปลาโอแถบแห้งเสียงฮึดฮัด ผ่านไปครู่หนึ่งก็จ้องมองเขาแล้วพูดว่า “นายนั่นแหละโง่”


ฉินสือโอวหัวเราะ อีวิลสันไม่ได้โง่ เขาแค่ความรู้สึกช้าเท่านั้น


นกอินทรีหัวขาวอยู่บนท้องฟ้า บุชอยู่บนไหล่ของฉินสือโอวเพียงไม่กี่นาทีแล้วกระพือปีกบินไป


ฉินสือโอวรู้สึกถึงลมแรงที่พัดมาครั้งหนึ่งจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าที่ฮู้ดนั้นเบาลง


เจ้าแมวป่าล่ะ? เขาคิดขึ้นมาได้กะทันหัน


พอจับไปที่ฮู้ด ราชาซิมบ้าก็ไม่อยู่แล้ว ฉินสือโอวถามอย่างร้อนรน “แม่งเอ๊ย พวกนายเห็นซิมบ้าบ้างไหม?”


เบิร์ดถลึงตามองไปที่ท้องฟ้าแล้วยื่นนิ้วมือชี้ไปที่บุช


ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วมอง ที่อุ้งเท้าของบุชจับแมวใหญ่ตัวอ้วนอยู่ นั่นไม่ใช่ซิมบ้าแล้วจะเป็นใคร?


“เวรเอ๊ย! ไม่ต้องเล่นแล้ว เอาซิมบ้าลงมา!” ฉินสือโอวพูด


บุชไม่ได้บินสูงเท่าไร มันบินร่อนบนท้องฟ้าต่ำๆ ซิมบ้าก็คงตกใจจนร้องไม่ออก มันหลับตาแน่นอุ้งเท้าทั้งสี่กอดขาใหญ่ๆ ของบุชไว้แน่นสุดชีวิต


ฉินสือโอวกลัวบุชทำซิมบ้าหล่นลงมาตาย อย่างนั้นวินนี่อาจจะเอาเรื่องเขาอย่างหนัก เขาเลยรีบตามขึ้นไป


คนในขบวนรีบเดินตามทางที่บุชบินไป ค่อยๆ เข้าไปในป่าลึก ฉินสือโอวมองไปด้านหน้ามีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ สนซีคัวยายักษ์ ต้นสนยักษ์!


สนซีคัวยายักษ์คือชื่อเรียกของต้นสนยักษ์ตามรูปร่างที่ใหญ่โตของมัน ต้นไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทางตะวันตกของเทือกเขาเนวาดา อยู่ที่นั่นจะสูงได้ถึงหนึ่งร้อยสามสิบเมตรกว้างได้ถึงสิบกว่าเมตรหรือก็คือเส้นผ่านศูนย์กลางสิบกว่าเมตร เป็นต้นไม้ยักษ์อันดับหนึ่งของโลก


แต่หลังจากต้นไม้ชนิดนี้ถูกนำเข้าไปที่อื่นเช่น อเมริกา แคนาดา ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และอเมริกาใต้อย่างชิลีและอาร์เจนตินา จึงไม่มีทางสูงได้เท่านี้ หากสูงได้สักห้าหกสิบเมตรก็ถือว่าสูงมากแล้ว


เทือกเขาเคอร์บัลก็มีไม้ชนิดนี้กระจัดกระจายกันอยู่เป็นทัศนียภาพอย่างหนึ่งบนภูเขา บุชพาพวกเขามาที่นี่ทำไม?


บทที่ 983 ตัวขโมยไข่

Ink Stone_Fantasy

ต้นสนยักษ์เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังคงมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าต้องเพิ่มข้อสันนิษฐานในการค้นพบไปอีกหนึ่งข้อ มหาสมุทรกว้างใหญ่และมนุษย์ก็ยังสำรวจไม่ได้ทั้งหมด ยังไม่รู้ว่าในทะเลลึกยังมีสัตว์ประหลาดยักษ์อะไรที่ยังไม่ได้ถูกค้นพบอีก


พูดถึงพวกต้นสนยักษ์แล้วหลายคนอาจจะตื่นเต้น เพราะมันเป็นหนึ่งในไม้มะฮอกกานี


เฟอร์นิเจอร์จากไม้มะฮอกกานีเป็นสินค้าระดับสุดยอดในหมู่เฟอร์นิเจอร์ ต้นสนยักษ์สูงร้อยเมตรเส้นผ่านศูนย์กลางสิบเมตรหนึ่งต้นสามารถทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานีได้เท่าไร? มีวัตถุดิบเยอะอย่างนี้ทำไมเฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานีถึงยังแพงขนาดนั้น?


เหตุผลอยู่ตรงที่แม้ว่าต้นสนยักษ์จะจัดเป็นไม้มะฮอกกานีแต่มันไม่สามารถเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ได้ เพราะเนื้อไม้แตกง่าย ไม่เพียงแค่ไม่สามารถขัดเงาให้เป็นเฟอร์นิเจอร์ได้แต่ถึงขนาดที่ว่าไม่สามารถใช้เป็นวัสดุก่อสร้างได้เลย ประโยชน์ใช้สอยของไม้ประเภทนี้มักจะใช้ทำเป็นหลังคาไม้ รั้ว หรือไม้ขีดไฟ…


นอกจากนี้พวกมันยังใช้ประโยชน์ได้อีกอย่าง นั่นคือกลายเป็นรังของพวกอินทรีทอง อินทรีหัวขาวหรือแรปเตอร์!


ฉินสือโอวรู้มาตั้งนานแล้วว่าบนเทือกเขาเคอร์บัลมีป่าต้นสนยักษ์อยู่แต่เขายังไม่เคยเข้าไปสำรวจ ต้นไม้ชนิดนี้เติบโตรวดเร็วมากจนสามารถบดบังท้องฟ้าและแสงแดด ตั้งแต่เริ่มฤดูใบไม้ผลิ ในป่ามีความชื้นสูง มีใบไม้เน่าและแมลงเยอะ ทำให้เหล่านักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนเขาต่างก็ถูกเตือนให้ออกห่างจากที่นี่


ในฤดูหนาวป่าต้นสนยักษ์จะโปร่งโล่งมากเพราะใบจะร่วงลงมาเหลือไว้แค่กิ่งแห้งๆ ตั้งตรงสูงตระหง่านเทียมเมฆอยู่บนภูเขาสูงคดเคี้ยว ต้นไม้แห้งหนาๆ ดูเหมือนปล่องไฟโรงงานเหล็กที่พุ่งทะยานขึ้นไป!


พ่อของฉินสือโอวเงยหน้ามองต้นไม้แล้วพูดพึมพำว่า “พระเจ้า ทำไมต้นไม้ต้นนี้ถึงสูงขนาดนี้! อายุเท่าไรเนี่ย? เสี่ยวโอว มิน่าล่ะแกมาที่นี่แล้วถึงไม่ยอมกลับบ้านเลย นี่จะพูดยังไงดี รักษาสิ่งแวดล้อมไว้ได้ดีจริงๆ!”


ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “รักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีแต่ไม่เกี่ยวกับต้นไม้ชนิดนี้หรอก ต้นไม้แบบนี้ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ สร้างบ้านก็ไม่ได้ทำเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่ได้ ราคาในการโค่นก็แพง ใครจะไปสนใจมันกันล่ะครับ?”


เหมือนคำพูดที่ว่า ซื้อขายไม่ได้ก็ไม่มีการเข่นฆ่า แม้ไม่พูดถึงเรื่องราคาค่าโค่นที่แพง การโค่นไม้ชนิดนี้ก็อันตรายแถมยังเปลืองแรงมาก ต้นไม้ใหญ่ที่สูงเป็นสิบเมตรและยังเปราะบางโค่นโครมลงมา โดยปกติแล้วลำต้นจะเสียหาย ดังนั้นไม่ว่าจะทางรัฐบาลหรือส่วนบุคคลก็เลยไม่มีใครไปโค่นต้นสนยักษ์นี่


แน่นอนว่าก็ไม่มีใครไปปกป้องรักษามันด้วย


ตอนนี้ผู้คนตั้งเขตอนุรักษ์กันเยอะขนาดนี้ สัตว์ป่าและพืชหายากก็ล้วนต้องการการอนุรักษ์ อันที่จริงสัตว์และพืชมีชีวิตที่อึดทนมาก ถ้าไม่มีการรุกรานจากมนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ พวกมันสามารถเจริญเติบโตเองได้เป็นอย่างดี


ที่พื้นของป่าต้นสนยักษ์เต็มไปด้วยใบไม้เน่าและหิมะ ที่นี่มีร่มเงาเยอะจึงยากที่แสงแดดจะส่องเข้ามาจึงทำให้หิมะหนามาก ฉินสือโอวก้าวเท้าเข้าไปข้างในยังไม่ทันถึงเข่า อีวิลสันก็รีบดึงเขาออกมา


แบบนี้คนในขบวนก็เข้าไปไม่ได้เลยไม่รู้ว่าบุชต้องการจะทำอะไร?


เบิร์ดเอากล้องส่องทางไกลออกมามองหาอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งให้ฉินสือโอวพลางชี้ไปทางหนึ่ง “บอส ดูทางนั้น”


ฉินสือโอวมองเข้าไปในเลนส์ก็สามารถเห็นบุชได้อย่างชัดเจน นิมิตส์กำลังบินร่อนอยู่ในระยะสูงกว่าประมาณหนึ่ง บุชเกาะอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่แต่ไม่รู้ว่าราชาซิมบ้าไปอยู่ที่ไหนแล้ว


พอหาเจ้าแมวป่าไม่เจอฉินสือโอวก็เริ่มร้อนรน เขาหาไปทั่วอยู่ครู่หนึ่งก็มองเห็นรังขนาดใหญ่รังหนึ่ง


รังนั้นใหญ่โตจริงๆ มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางสองเมตร สูงหนึ่งเมตรครึ่ง ใช้กิ่งไม้ที่ตายแล้วมากองสุมกันเป็นทรงจาน หากมองอย่างละเอียดผ่านกล้องส่องทางไกลแล้วถึงได้เห็นพวกกิ่งไม้เล็กๆ ใบสน หญ้าและหนังสัตว์ที่ปูรองอยู่ในรัง


บนเทือกเขาเคอร์บัลจะมีนกอะไรที่สามารถสร้างรังได้สูงและใหญ่ได้ขนาดนี้? ฉินสือโอวนึกถึงนกอินทรีทองตัวที่ตีกับนิมิตส์จนตกที่นั่งลำบาก แต่ในที่สุดก็ถูกนิมิตส์จิกตาไปข้างหนึ่ง!


ตอนที่พวกเขามาปีนเขาเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วเคยเห็นนกอินทรีทองตาเดียวบินโฉบอยู่บนเทือกเขาเคอร์บัล มันยังหานกอินทรีตัวหนึ่งมาเป็นคู่ได้ด้วย ถ้าอย่างนั้นรังนี้ก็ต้องเป็นรังของพวกมัน


ฉินสือโอวยังค้นหาต่อไป หลังจากที่มองไปที่บุชและนิมิตส์ไม่กี่ครั้งเขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง นิมิตส์บินวนอยู่สูงบนท้องฟ้าราวกับกำลังเฝ้ายาม และบุชก็เกาะอยู่บนกิ่งไม้มองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่มีเลศนัย ทำไมถึงดูเหมือนโจรเลย?


แย่ล่ะ ฉินสือโอวคาดเดาอะไรได้อย่างหนึ่งแล้ว เขาใช้กล้องส่องทางไกลมองไปที่รังทันที จากนั้นไม่นานเจ้าแมวป่าก็โผล่หัวอ้วนๆ ออกมา


มันกวาดตามองซ้ายขวาอย่างเหนียมๆ จากนั้นก็อ้าปากส่งเสียงให้บุชครั้งหนึ่ง บุชบินมาทันทีแล้วยื่นอุ้งเท้าด้านหยาบของมันจับหลังของเจ้าแมวป่าเอาไว้แล้วยกขึ้นมา


ฉินสือโอวมองดูอย่างตกตะลึง อุ้งเท้าทั้งสี่ของราชาซิมบ้ากอดไข่ใบใหญ่สีน้ำตาลเทาไว้ฟองหนึ่ง มันงอขาทั้งสี่เข้าข้างในเหมือนกับหนูที่กำลังขโมยไข่ไก่…


“เวรเอ๊ย แม่ง! ไอ้พวกตัวแสบ กลับไปฉันจะให้วินนี่ด่าพวกมันให้หูชาเลย! พวกมันกำลังขโมยไข่นกอินทรีทอง!” ฉินสือโอวด่าออกไปด้วยความโกรธราวกับเห็นลูกชายกำลังขโมยของคนอื่น


ไม่รักดี!


ระบายอารมณ์ออกไปแล้วฉินสือโอวก็รู้สึกไม่พอใจอีก แม่งเอ๊ย ตัวเองเป็นคนซื่อตรงมาตลอดไม่เคยคดโกงใคร วินนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เด็กทั้งสี่คนมีวินัยในตัวเองมาก ถ้าอย่างนั้นพวกมันไปเอานิสัยที่น่าเกลียดแบบนี้มาจากไหน?


ได้ยินเสียงคำรามของฉินสือโอวคนในขบวนก็ล้อมรอบเข้ามาถามว่ามีอะไรเกิดขึ้น ในตอนนี้เองบุชก็บินลงมาช้าๆ อย่างระมัดระวัง อุ้งเท้าจับซิมบ้าไว้หลวมๆ แต่ระวัง ซิมบ้าตกใจจะตายอยู่แล้ว มันกอดขาที่มีไข่ใบใหญ่เท่าหัวเด็กเอาไว้สุดชีวิต


หลังจากบินลงมาแล้วบุชก็ตรงมาหาฉินสือโอว พ่อของฉินสือโอวเห็นภาพนี้แล้วก็ถาม “เจ้าสองตัวนี่ทำอะไรเหรอ? ทำไมท่าทางถึงเหมือนหนูขโมยไข่ไก่ขนาดนั้น?”


เมื่อครู่ฉินสือโอวด่าด้วยภาษาอังกฤษ พ่อของเขาเลยฟังไม่ออก


เป็นความจริง เมื่อตอนฉินสือโอวยังเด็กเคยเห็นหนูขโมยไข่ไก่ หนูตัวใหญ่สามารถทำได้อย่างในการ์ตูนจริงๆ มันใช้ขาสี่ขากอดไข่ไก่ได้อย่างน่าประหลาดใจ ส่วนอีกฝ่ายอ้าปากงับหางมันแล้วดึงเข้ารัง


ตอนนี้ซิมบ้าก็คือหนูที่กอดไข่ไก่ตัวนั้น บุชไม่ต้องลากเพราะมันจับบินเลย


ฉินสือโอวรีบอ้าแขนกอดแมวป่าไว้ บุชรอให้เขากอดได้ที่แล้วค่อยละอุ้งเท้าพร้อมกระพือปีกร้องด้วยท่าทางชอบใจ มันส่งเสียงสองครั้งแล้วบินขึ้นมาอีก


“กลับมา กลับมาหาฉัน!” ฉินสือโอวเรียก


แม่วป่าวางไข่นกอินทรีทองในอ้อมกอดแล้วรีบร้อนมุดเข้าไปในฮู้ดของเขา มันโผล่หัวออกมาดู พอเห็นว่าบุชบินลงมาก็รีบซุกตัวเข้าไปในฮู้ด เห็นได้ชัดว่าถูกบุชปู้ยี่ปู้ยำจนแย่แล้ว


ฉินสือโอวโกรธมากเลยด่าออกไป “ไอ้พวกตัวแสบไปเรียนรู้การขโมยของคนอื่นมาได้ยังไง? กลับไปจะให้วินนี่สั่งสอนให้หนักเลย!”


เบิร์ดมองไข่นกใบนี้แล้วพูด “นี่คือไข่นกอินทรีทองใช่ไหม? ใช่แล้ว นี่คือไข่นกอินทรีทอง เมื่อก่อนผมเคยจับเจ้าหัวขโมยไข่ได้เลยยึดเจ้าสิ่งนี้ไว้ มันมีหน้าตาเป็นแบบนี้เลย”


เขาลังเลแล้วพูดกับฉินสือโอว “บอส อย่าโกรธไปเลย คุณจะไปว่าบุชกับนิมิตส์ไม่ได้ ที่พวกมันขโมยไข่นกอินทรีทองมาน่ะพอจะให้อภัยได้อยู่”


ฉินสือโอวพูดด้วยความโกรธ “นกอินทรีทองเป็นนกคุ้มครอง จะขโมยไข่มันได้อย่างไร?”


บทที่ 984 เอาไปด้วย

Ink Stone_Fantasy

เบิร์ดพูดอย่างเรียบๆ “สำหรับมนุษย์อย่างเรานกอินทรีหัวขาวและนกอินทรีทองเป็นนกคุ้มครอง แต่สำหรับพวกมันกันเองแล้ว พวกมันคือคู่ต่อสู้ คือศัตรูกันนะครับ”


“ข้างนอกป่าเหตุการณ์แบบนี้เห็นได้บ่อยๆ ถ้านกอินทรีหัวขาวเจอรังของนกอินทรีทองหรือนกอินทรีทองเจอรังเก่าของนกอินทรีหัวขาว พวกมันก็จะคิดหาวิธีทำลาย ถ้าข้างในมีไข่นกก็ต้องจิกให้แตก! ดังนั้นปกติแล้วที่รังจะมีนกใหญ่คอยปกป้องรังอยู่”


ฉินสือโอวนิ่งไป พอเข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกันแล้วก็รู้สึกอับอายอยู่หน่อยๆ ปกติแล้วเขาจะเห็นพวกตัวแสบในบ้านเป็นเหมือนลูกเลยคิดว่าพวกมันเป็นคนไปจริงๆ


จริงอยู่ที่เจ้าตัวแสบเหล่านี้ฉลาดมากด้วยการเปลี่ยนแปลงของพลังโพไซดอน แต่พวกมันก็เป็นสัตว์ป่าและในสายเลือดของพวกมันก็มีสัญชาตญาณที่ตกทอดมาทางพันธุกรรม ซึ่งสิ่งนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้


เบิร์ดพูดต่อ “นกอินทรีทองสองตัวบนเขากับบุชและนิมิตส์เป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ และนิมิตส์ยังไปทำลายตาข้างหนึ่งของนกอินทรีทองด้วย ทั้งสองเป็นคู่ต่อสู้กันไปจนตาย! นายหญิงเคยให้ผมตรวจดูว่าบุชกับนิมิตส์บินมาทำอะไรที่เขาทุกวัน”


“จากที่พวกเราตรวจดูแล้ว พวกมันมาทะเลาะกับนกอินทรีทองสองตัวนี้ เพียงแต่ทั้งสองฝ่ายต่างมีกำลังพอฟัดพอเหวี่ยงกันเลยไม่มีใครจัดการใครได้ แน่นอนว่าบางครั้งพวกมันก็เปิดสงครามกับนกอินทรีพวกนั้น ตอนนี้ท้องฟ้าเหนือเทือกเขาเคอร์บัลก็เลยแบ่งออกเป็นสามส่วน”


“ความขัดแย้งหลักๆ อยู่ที่นิมิตส์และบุชกับนกอินทรีทอง ตอนนี้พวกมันมีกำลังพอๆ กันแต่ถ้านกอินทรีทองฟักนกน้อยออกมา รอให้นกน้อยมีกำลังต่อสู้ นั่นก็จะเป็นจุดจบของนิมิตส์กับบุช”


“ดังนั้นการกระทำของบุชและนิมิตส์จึงพอเข้าใจได้ นั่นคือการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม! ดูจากนิสัยของพวกนกแล้ว พวกมันจะไม่ขโมยไข่นกมา แต่จะจิกให้แตกเลยถึงจะถูก”


พอพูดถึงประโยคสุดท้ายเบิร์ดก็นึกสงสัย เขามองไข่ของนกอินทรีทองที่ยังสมบูรณ์อยู่ แล้วมองไปที่นิมิตส์กับบุชอย่างไม่เข้าใจ


ฉินสือโอวกลับสามารถเข้าใจเหตุผลได้ บุชกับนิมิตส์ฉลาดมาก พวกมันรู้ว่าตัวเองกับวินนี่ชอบเลี้ยงนกน้อยและสัตว์ตัวน้อยๆ เลยตั้งใจเอาไข่นกมาเป็นของขวัญให้ตัวเอง!


อันที่จริงก็ยังมีอีกวัตถุประสงค์ นั่นคือบุชคิดว่าฉินสือโอวจะสามารถฟักนกน้อยออกมาฝึกแล้วให้พวกมันต่อสู้กับคู่นกอินทรีทอง


พอเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้วฉินสือโอวก็หาหญ้านุ่มๆ ยัดเข้าไปในกระเป๋าแล้วเอาไข่นกอินทรีวางลงไป เขาต้องเอาไข่นกนี้ไปฟักไม่อย่างนั้นไข่ใบนี้จะถูกจิกให้แตก บุชและนิมิตส์ไม่มีทางใจบุญปล่อยสิ่งที่เป็นภัยต่อชีวิตตัวเองเอาไว้แน่


การต่อสู้ของธรรมชาติก็โหดร้ายแบบนี้แหละ เพื่อความอยู่รอด พวกนกป่าต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับศัตรูทางธรรมชาติ


บุชกระพือปีกบินลงมาที่กิ่งไม้ข้างๆ ฉินสือโอว ผงกหัวพลางส่งเสียงร้องออกมาราวกับกำลังอวดความดีความชอบอยู่


ฉินสือโอวยิ้มให้มันแล้วเขกหัวไปครั้งหนึ่ง แกนี่ฉลาดนะ


จากนั้นบุชยังคิดจะจับเจ้าแมวป่าอีก ซิมบ้ามุดเข้าฮู้ดหัวซุกหัวซุนแล้วยังใช้ฟันงับปิดขอบฮู้ดไว้จากด้านใน แบบนี้บุชก็จะจับมันไม่ได้แล้ว


เบิร์ดเดาว่า “ในรังนกอาจจะมีไข่นกอินทรีอยู่อีกฟอง นกชนิดนี้ปกติแล้วจะไข่ครั้งละสองฟอง”


แต่พวกเขาพลาดโอกาสดีๆ ไปแล้ว นิมิตส์ที่มองอยู่บนฟ้าหุบปีกแล้วบินลงมากะทันหัน บุชที่กระพือปีกเตรียมจะบินร่อนก็สงบลงทันที


เห็นแบบนี้ฉินสือโอวก็เอากล้องส่องทางไกลมองไปบนฟ้า เงาเล็กๆ ความเร็วสูงสองเงากลายเป็นเงาที่ใหญ่ขึ้น คู่นกอินทรีทองกลับรังมาแล้ว!


“รีบไปเร็ว!” ฉินสือโอวโบกมือพลางพูดอย่างร้อนรน “พ่อแม่นกกลับมาแล้ว ถ้าไม่รีบไปก็เตรียมตีกันได้เลย”


คนในขบวนพานกสองตัวกระโจนเข้าไปในป่าอย่างเศร้าใจ เดินหันหลังให้ป่าต้นสนยักษ์ไกลออกไปเรื่อยๆ


ฉินสือโอวเตรียมรับมือกับนกอินทรีทองทั้งสองตัวได้ดีแล้ว นกชนิดนี้สายตาดีมากขนาดมองเห็นกระต่ายที่วิ่งอยู่ในทุ่งหญ้าที่ห่างออกไปสามกิโลเมตรได้ คนกลุ่มใหญ่อย่างพวกเขายิ่งเป็นเป้าที่ใหญ่ ยิ่งหาเจอได้ง่าย


แต่หลังจากที่นกอินทรีทองกลับรังแล้วก็ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าไข่ของตัวเองน้อยลงไปฟองหนึ่ง พวกมันไม่ได้เกรี้ยวกราดไล่ตามมา ฉินสือโอวใช้กล้องส่องทางไกลมองดูพวกมันอยู่ตลอด หลังจากที่นกอินทรีทองกลับรังแล้วก็ไม่โผล่หัวออกมาอีกเลย


แบบนี้เพราะการก่อกวนของบุชพวกเขาเลยเคลื่อนที่ออกจากทางเดินของหมาป่าขาว หลัวปอเองก็หากลิ่นของพ่อแม่ไม่เจอแล้ว การหาเห็ดทรัฟเฟิลที่หายากในภูเขากว้างไกลสุดสายตาแบบนี้ยากกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก


ตอนนี้ฉินสือโอวมีจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ถ้างมเข็มในมหาสมุทรเขามั่นใจว่าจะหาเจอแต่หาเห็ดทรัฟเฟิลในภูเขาที่กว้างใหญ่โดยอาศัยจมูกของฉงต้าเขาไม่มั่นใจเลย โดยเฉพาะเจ้าตัวแสบนี่ที่วิ่งๆ อยู่ก็ไปเล่นเองแล้ว


ตอนเที่ยงพวกเขาหาที่ราบบนภูเขาปัดกวาดหิมะแล้วทำอาหารกินกัน บุชจับกระต่ายหิมะขนาดใหญ่เจ็ดแปดกิโลกรัมมาได้หนึ่งตัว


พ่อของฉินสือโอวตกใจยกใหญ่ พอยกขึ้นมาแล้วก็พูดว่าเจ้าตัวนี้เหมือนลูกแกะตัวหนึ่งเลย กระต่ายจะตัวใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร?


ฤดูหนาวเหมาะกับการดื่มซุป เบิร์ดจับไก่ป่าเฮเซลมาได้สองตัวแต่มันผอมเกินไป หน้าหนาวทำให้พวกมันหิวจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ฉันสือโอวเห็นว่าไม่น่ากินก็วางลง


แบบนี้ในตอนเที่ยงพวกเขาก็ได้แต่ดื่มซุปเนื้อกระต่ายกับไส้กรอกและเนื้อแฮมเบิร์กย่าง กินไปฉินสือโอวก็ส่ายหัวไป “ขึ้นเขามาตั้งหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้รันทดที่สุดแล้ว ไม่สนุกเลย”


พ่อของฉินสือโอวหัวเราะ “พอแล้ว แกได้ไข่นกอินทรีทองมาฟองหนึ่งแล้ว กลับไปให้เจ้านิมิตส์อะไรนั่นฟักออกมา ปีหน้าแกก็จะได้พานกอินทรีทองขึ้นเขามาล่าสัตว์แล้ว”


ได้ฟังพ่อพูด ฉินสือโอวก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่ “พึ่งนิมิตส์น่ะเหรอ? ช่างเถอะ ซื้อเครื่องฟักมาสักเครื่องแล้วกัน เรื่องแบบนี้ถ้าอาศัยนิมิตส์ไม่รู้ว่าไข่นกจะกลายเป็นเศษไข่แตกตอนไหน”


ตอนบ่ายพวกเขาตระเวนไปรอบๆ พักหนึ่ง ฉินสือโอวให้ฉงต้าดมหาเห็ดทรัฟเฟิล แต่ฉงต้าอ้าปากก็จะกินทำให้เขากลุ้มใจจะแย่


ฉงต้ายากที่จะเข้าใจวัตถุประสงค์ของฉินสือโอว มันยื่นจมูกย่นใบหน้าอ้วนๆ นั่งส่ายหัวอยู่ที่พื้นทำให้พ่อของฉินสือโอวหัวเราะไม่หยุด


บ่ายสองโมงกว่าๆ ฉินสือโอวรู้สึกว่าลมทะเลหนาวขึ้นมาแล้วเลยเสนอให้กลับบ้าน ทางลงเขาลื่นมากทำให้เสียเวลาจนเกือบพลบค่ำพวกเขาถึงได้กลับมาถึงบ้าน


หลังจากกลับไปแล้วฉินสือโอวก็ไปหาวินนี่แล้วกระซิบ “ที่รัก ผมมีของขวัญมาให้ คุณเดาสิว่าคืออะไร?”


วินนี่ขมวดคิ้วครุ่นคิด เธอมองหน้าฉินสือโอวครู่หนึ่งแล้วพูด “เป็นสัตว์เลี้ยงเหรอคะ?”


ฉินสือโอวหัวเราะยกใหญ่ “คุณนี่รู้จักสามีตัวเองดีจริงๆ…”


“คือไข่นกอินทรีทอง?” วินนี่พูดต่อ


ฉินสือโอวตะลึงงัน “คุณดูดวงเป็นเหรอ?”


วินนี่พูดอย่างใจเย็น “แน่นอนว่าไม่เป็น แต่คุณพ่อบอกฉันแล้วน่ะ”


ฉินสือโอวทำเสียงเหมือนเด็กแล้วเปิดเป้เอาไข่ใบใหญ่ออกมา วินนี่ใกล้จะคลอดแล้ว กำหนดคลอดคือเดือนหน้า ตอนนี้เลยเป็นช่วงเวลาที่มีสัญชาตญาณความเป็นแม่สูงที่สุด


พอเห็นไข่นก วินนี่ก็โห่ร้องพลางเอาไข่ไปกอดไว้ จากนั้นเอาของถุงใหญ่ออกมาพอเปิดแล้วด้านในกลับมีแต่ขนนก!


“นี่ นี่คืออะไร?” ฉินสือโอวพูดอย่างตะลึง


วินนี่พูด “นี่คือขนที่ร่วงตามปกติของบุชกับนิมิตส์ ฉันเก็บเอาไว้หมดเลย คุณดูสิ เอามาทำรังนกให้เจ้าอินทรีทองน้อยได้พอดีเลยใช่ไหมคะ?”


……………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)