เทพปีศาจหวนคืน 979-981

 บทที่ 979 ปล่อยไปตามกระแส


แปลโดย iPAT 


 


ฟางหยวนมีความอดทนสูงมาก


 


หลังจากช่วยไท่เป่ยหยุนเฉิงก้าวข้ามภัยพิบัติ ฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันและเก็บเกี่ยวผลไม้แห่งความฝันขณะเดียวกันเขาก็ขยายธุรกิจวิญญาณความเด็ดเดี่ยวรวมถึงการค้าอสรพิษเพลิง


 


สุดท้ายกำไรในแต่ละเดือนของเขาก็พุ่งขึ้นเกินกว่าสองพันหินวิญญาณอมตะ


 


สาเหตุสำคัญของเรื่องนี้มีอยู่หลายประการ


 


ประการแรก ฟางหยวนตัดสินใจเลือกพันธมิตรทางธุรกิจอย่างรอบคอบโดยเฉพาะในทะเลทรายตะวันตก


 


ด้วยประสบการณ์จากชีวิตก่อนหน้า มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะติดต่อและสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรที่ทรงพลัง


 


ประการที่สอง ฟางหยวนเพิ่มการผลิตวิญญาณถุงสูญญากาศ นี่แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้าที่เขาต้องใช้มนุษย์ขนส่วนหนึ่งผลิตวิญญาณความคิดดาราและวิญญาณอื่นๆทำให้สูญเสียรายได้


 


ประการที่สาม เขาไม่มีแผนการที่จะย้ายไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว อย่างน้อยก็ไม่ใช่เร็วๆนี้


 


ประการที่สี่ การจัดตั้งขบวนสินค้าของเผ่ามนุษย์วิหคในทะเลทรายตะวันตกทำให้ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์มากขึ้น


 


ประโยชน์ของทาสมนุษย์วิหคเริ่มปรากฏให้เห็นในเรื่องนี้


 


แต่มันยังเป็นเพียงการทดลองเท่านั้น ฟางหยวนยังไม่ได้ส่งมนุษย์วิหคทั้งหมดออกไป


 


ในแง่มุมนี้เขามีแผนการระยะยาว เขาต้องการขยายพันธุ์มนุษย์วิหคและขายทาสมนุษย์วิหคในอนาคต


 


แม้การค้าทาสมนุษย์วิหคจะด้อยกว่าทาสมนุษย์ขน แต่มันยังดีกว่าทาสมนุษย์หิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเลทรายตะวันตก ที่นั่นมีความต้องการทาสมนุษย์วิหคสูงมาก


 


ฟางหยวนค่อยๆสะสมหินวิญญาณอมตะอย่างอดทน


 


เมื่อเวลาผ่านไปแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก็ถูกโจมตีโดยศัตรูที่แข็งแกร่งอีกครั้ง


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องขอความช่วยเหลือจากฟางหยวนกับไท่เป่ยหยุนเฉิง


 


ในชีวิตนี้ฟางหยวนวางแผนอย่างพิถีพิถัน หลังจากได้รับจดหมายขอความช่วยเหลือ คนทั้งสองจึงเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีชั้นเมฆหมอกปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น สิ่งนี้ปิดบังวิสัยทัศน์ของทุกคนเอาไว้ทั้งหมด พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถมองเห็นนิ้วมือของตนเอง


 


“นี่คือค่ายกลความสับสนของเมฆาทั้งสิบสอง” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอธิบายเสียงต่ำ “และนี่คือผู้บุกรุก”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสะบัดแขนเสื้อแสดงภาพหลายภาพด้านหน้าฟางหยวนกับไท่เป่ยหยุนเฉิง


 


ฉินไป่เฉิง เจียงหยู ไห่เจิ้ง เซี่ยซ่งซื่อ อี้หลางซื่อ ฮุ้ยฟงซื่อ รวมถึงผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์อยู่ที่นี่ทั้งหมด


 


“มันคือพวกเขา!” ฟางหยวนแสร้งประหลาดใจ


 


“เจ้ารู้จักผู้คนเหล่านี้งั้นหรือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถาม


 


ฟางหยวนพยักหน้า “พวกเขาแข็งแกร่งมาก ผู้นำกลุ่มคือฉินไป่เฉิง เขาอาจเป็นผู้อมตระดับเจ็ด แต่เขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด!”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะลึง “แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นเลยงั้นหรือ?”


 


ฟางหยวนชี้นิ้วไปที่คนอื่นๆ “นี่คือเทพธิดาเจียงหยู นางครอบครองวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด นี่คือไห่เจิ้ง ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าไห่ กองกำลังขนาดใหญ่ของภาคเหนือ เขามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬในการครอบครอง นอกจากนี้ยังมีเซี่ยซ่งซื่อ เขาอาจเป็นเพียงปีศาจอมตะระดับหก แต่เขาเป็นสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะและได้รับการสนับสนุนจากปีศาจอมตะเซี่ยหู คนผู้นี้คืออี้หลางซื่อ เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่มีพลังการต่อสู้สูงมาก ในอดีตเขาเคยได้รับเชิญจากปีศาจอมตะเซี่ยหูให้เข้าร่วมกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะแต่เขาปฏิเสธ นี่คือฮุ้ยฟงซื่อ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวายุของเขาลึกซึ้งมาก เขาเป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องจากสาธารณชนว่าเป็นคนที่รวดเร็วที่สุดของภาคเหนือ ในอดีตเขาเคยหลบหนีจากผู้อมตะระดับแปดหลายคน”


 


ขณะที่ฟางหยวนกล่าว การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม


 


เมื่อฟางหยวนกล่าวจบ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาชี้นิ้วไปที่ผู้อมตะลึกลับในชุดคลุมดำ “แล้วคนผู้นี้คือผู้ใด?”


 


ฟางหยวนรู้อยู่แล้วแต่เขาแสร้งแสดงออกด้วยความสงสัย


 


เขาลังเลก่อนกล่าว “คนผู้นี้ปกปิดใบหน้า เขามีท่าไม้ตายที่สามารถปกปิดตัวตน ข้าจะลองอนุมานดู”


 


หลังกล่าวจบคำ ฟางหยวนเริ่มขยับนิ้วพร้อมกับปลดปล่อยแสงดาวออกมา กลิ่นอายวิญญาณอมตะวนเวียนอยู่รอบตัวเขาราวกับเขากำลังทำงานอย่างหนัก


 


เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงถูกหลอกอย่างสมบูรณ์ เขาคิด ‘แม้ในอดีตข้าจะเคยขอให้ฟางหยวนพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะมาหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขาอนุมาน ข้าไม่รู้ว่าเขาใช้วิญญาณอมตะชนิดใด แต่กล่าวถึงความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขา มันไม่น้อยเลย!’


 


แสงดาวบนร่างของฟางหยวนค่อยๆเลือนหายไปขณะที่ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้น “สวรรค์! ผู้อมตะลึกลับผู้นี้พิเศษมาก เขาเป็นผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์!”


 


“เจ้าอนุมานได้ถึงระดับนี้เลยงั้นหรือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาประหลาดใจ


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงหัวเราะเบาๆ “ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา นี่เป็นเรื่องธรรมดามาก”


 


“ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา!?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกใจมาก เขาต้องประเมินฟางหยวนใหม่อีกครั้ง นี่ทำให้สายตาของเขาที่มองฟางหยวนแตกต่างออกไปจากก่อนหน้า


 


“โอ้” ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและแสร้งมองจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาด้วยความสงสัย “ดูเหมือนท่านจะยังมีความช่วยเหลืออื่นอยู่อีกถูกต้องหรือไม่?”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเผยรอยยิ้มด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาไม่ตอบแต่เปลี่ยนเป็นฝ่ายตรวจสอบฟางหยวน “เจ้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาตั้งแต่อายุยังน้อย กล่าวตามตรง ข้าค่อนข้างประหลาดใจ เหตุใดเจ้าไม่ลองอนุมานว่าข้ามีวิธีการใดและจะสามารถกำจัดศัตรูได้อย่างไร?”


 


ฟางหยวนรู้อยู่แล้วว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหม้อหลอมรวม


 


แต่เขากลับแสดงออกด้วยความยากลำบากหลังจากทดลองอนุมาน


 


ในที่สุดเขาก็ยอมรับความล้มเหลว “ข้าไม่สามารถอนุมานเรื่องนี้ กล่าวตามตรง ในอดีตข้าเคยพยายามอนุมานเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแต่กลับไม่พบสิ่งใด ตอนนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเงยศีรษะหัวเราะเสียงดังด้วยความภาคภูมิใจแต่เขาก็ไม่ได้พูดมาก


 


คฤหาสน์วิญญาณอมตะมีความสามารถทั้งการโจมตีและป้องกัน หม้อหลอมรวมก็เช่นกัน


 


หม้อหลอมรวมไม่เพียงป้องกันการโจมตีทางกายภาพแต่มันยังสามารถป้องกันการอนุมานของคนนอก


 


ดังนั้นความล้มเหลวของฟางหยวนจึงอยู่ในการคาดเดาของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


จากมุมมองของเขา นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ว่าฟางหยวนจะโดดเด่นเพียงใด การบ่มเพาะของเขาก็ยังอยู่ในระดับหก ไม่ว่าวิญญาณอมตะของเขาจะลึกลับเพียงไหน มันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับคฤหาสน์วิญยาณอมตะระดับแปดหม้อหลอมรวม


 


‘เป็นเรื่องปกติที่ข้าจะล้มเหลวในการอนุมาน หากข้าทำสำเร็จ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะหวาดระแวงข้า’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นอยู่ภายใน


 


จิตวิญญาณแผ่นดินมีความคิดที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาโง่เขลา


 


โดยเฉพาะเมื่อร่างต้นของจิตวิญญารแผ่นดินหลางหยาคือบรรพชนผมยาวที่เป็นสหายกับผู้อมตะอวี๋เยี่ยน ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ทำนายการถือกำเนิดของเทพอมตะทั้งสาม


 


ด้วยเหตุนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาในระดับหนึ่ง


 


การอนุมานเกี่ยวกับหม้อหลอมรวมอยู่นอกเหนือขอบเขตของผู้อมตะระดับหกที่จะสามารถทำได้ หากฟางหยวนค้นพบบางสิ่ง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะรู้สึกสงสัยและเริ่มระแวง


 


เขาจะคิด ‘ฟางหยวนคนเดียวจะสามารถอนุมานได้อย่างไร ชัดเจนว่ามีบางคนอยู่เบื้องหลังและคนผู้นี้ต้องแข็งแกร่งมากเพราะเขาสามารถทำลายการป้องกันของหม้อหลอมรวมและอนุมานเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา!’


 


หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคิดเช่นนี้ เขาจะตื่นตัวและระวังตัวจากฟางหยวน


 


ท้ายที่สุดจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็เป็นเจตจำนงของบรรพชนผมยาวซึ่งเป็นมนุษย์ขน ทัศนคติต่อมนุษย์ของบรรพชนผมยาวสามารถเห็นได้ชัดจากบุคลิกที่สองของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


เหตุผลที่ฟางหยวนสามารถเข้าใกล้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเป็นเพียงเพราะเขาคือผู้สืบทอดของเทพปีศาจปล้นสวรรค์


 


เนื่องจากบรรพชนผมยาวมีข้อตกลงกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ดังนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงต้องหลอมรวมวิญญาณให้ฟางหยวนจำนวนสามดวง


 


มิฉะนั้นฟางหยวนในฐานะมนุษย์จะเข้าใกล้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้อย่างไร


 


แม้ฟางหยวนจะต้องการวิญญาณอมตะความคิดดารา แต่เขาก็ไม่ขอให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้เพราะเขายังต้องการอยู่ใกล้ชิตจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต่อไป


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา นอกจากการติดต่อซื้อขายในสวรรค์สีเหลือง เขาก็มีสหายเพียงโม่ตันซานเท่านั้น


 


เขาเข้าใจว่าความมั่งคั่งจะดึงดูดความโลภของผู้คน ดังนั้นเขาจึงต้องรักษาระยะห่างจากคนอื่นๆ


 


ในเวลาเดียวกันเขาก็มีธรรมชาติที่หวาดระแวงต่อผู้อื่น


 


แรกเริ่มฟางหยวนยังอ่อนแอมาก นั่นทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ระวังหรือสงสัยในตัวเขา แต่ตอนนี้ฟางหยวนเริ่มแสดงความสามารถออกมา ดังนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงเริ่มตื่นตัวและไม่สบายใจ


 


ในอดีตฟางหยวนเป็นเพียงกระต่ายน้อย แต่เมื่อฟางหยวนกลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาก็ไม่ต่างจากอสรพิษ


 


สถานการณ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาค่อยๆพัฒนาไปในลักษณะเดียวกับชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน


 


ฟางหยวนได้รับภารกิจให้อยู่ปกป้องหอคอยเมฆาหลังหนึ่ง


 


แต่ก่อนหน้านั้นฟางหยวนแนะนำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอนุญาตให้กำลังเสริมของเขาซึ่งก็คือไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานมาที่นี่และเข้าร่วมในการต่อสู้


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงสนับสนุนเรื่องนี้เช่นกัน


 


แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธ


 


ฟางหยวนใช้วิธีที่แตกต่างออกไปกับเซี่ยซ่งซื่อ ครั้งนี้เขาไม่ได้ลอบโจมตีแต่เขาออกมาต่อสู้อย่างเปิดเผย


 


แม้มันจะเป็นการต่อสู้ที่น่าประทับใจแต่กลับไม่สามารถหาผู้ชนะ


 


เมื่อกำลังเสริมของเซี่ยซ่งซื่อมาถึง ฟางหยวนจึงเริ่มล่าถอย


 


ไม่มีประโยชน์ที่จะสังหารเซี่ยซ่งซื่อ แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะ แต่ฟางหยวนก็ไม่สามารถฉกชิงมันมา


 


ฟางหยวนสามารถเตือนจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อให้เขาใช้หม้อหลอมรวมกำจัดศัตรู แต่หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนปัดความคิดนี้ทิ้งไปในที่สุด


 


ประการแรก ฉินไป่เฉิงแข็งแกร่งเกินไปขณะที่ฟางหยวนยังไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างนิกายเงากับกองกำลังพันธมิตรผีดิบ


 


ประการที่สอง แม้นิกายเงาจะได้รับบางสิ่ง แต่ฟางหยวนไม่ได้รับประโยชน์ใดจากเรื่องนี้ หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเป็นฝ่ายชนะ ฐานทัพของนิกายเงา หุบเขาเหล่าโปจะตกอยู่ในมือของผู้อมตะภาคกลาง ฟางหยวนจะไม่ได้รับสิ่งใดเลย


 


ประการที่สาม ฟางหยวนต้องการใช้นิกายเงาต่อต้านผู้อมตะภาคกลาง หากนิกายเงาถูกกำจัดขณะที่ผู้อมตะภาคกลางค้นพบฟางหยวน แล้วเขาจะทำอย่างไร


 


ประการสุดท้าย ฟางหยวนคาดเดาว่านิกายเงาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียนเพราะการคงอยู่ของผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ หากเขาถูกสังหารที่นี่ เหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียนอาจเปลี่ยนแปลงไป อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดจะทำให้แผนการของฟางหยวนล้มเหลว


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปตามกระแส


 


การเปลี่ยนผลลัพธ์ของการต่อสู้จะเพิ่มความเสี่ยงในอนาคต เมื่อข้อเสียมากกว่าข้อดี คนฉลาดย่อมไม่เลือกเส้นทางสายนั้น



บทที่ 980 เข้าร่วมนิกายหลางหยา


แปลโดย iPAT 


 


“บัดซบ! เหตุใดต้องเป็นเวลานี้!?” ฉินไป่เฉิงกำหมัดแน่นขณะมองสนามรบด้วยความไม่พอใจ


 


“ถอย!” ครู่ต่อมา เขาถอนหายใจก่อนออกคำสั่ง


 


“เหตุใดต้องถอย?” เทพธิดาเจียงหยูตะลึง


 


“หุบเขาเหล่าโปถูกโจมตีโดยผู้อมตะภาคกลางที่มาตรวจสอบการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง!” ฉินไป่เฉิงถ่ายทอดเสียง


 


“การตรวจสอบของพวกเขานำพวกเขามาหาพวกเราได้อย่างไร?…เจตจำนงสวรรค์!?” ร่างของเทพธิดาเจียงหยูสั่นสะท้านขึ้น


 


“เจตจำนงสวรรค์กว้างใหญ่มาก มันควรจะเป็นเช่นนั้น การกระทำของเราสร้างความปั่นป่วนขึ้น สวรรค์ต้องการขัดขวางแผนการใหญ่ของเราที่ภาคใต้ ดังนั้นมันจึงส่งสิ่งกีดขวางลงมา” ฉินไป่เฉิงถอนหายใจ


 


ทั้งสองลอบสนทนากันอย่างรวดเร็วโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้


 


ในไม่ช้าฉินไป่เฉิงก็นำสมาชิกนิกายเงาล่าถอยออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


“พวกเขา…ถอยกลับไปแล้ว” ไท่เป่ยหยุนเฉิงถอนหายใจ


 


“บัดซบ! เขาหนีไปได้อีกครั้ง!” ไห่ลั่วหลันกำหมัดแน่น


 


เทพธิดาหลี่ซานเงียบแต่ขมวดคิ้วลึกด้วยความกังวล


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนโห่ร้องก่อนจะรู้สึกเสียใจกับการสูญเสีย ในการต่อสู้ครั้งนี้พวกเขาพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่และยังมีผู้ทรยศ ชีวิตเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาโดยเฉพาะมนุษย์ขนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ราวกับเด็กน้อยเหล่านี้


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเก็บค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาตะโกน “คิดว่าพวกเราเผ่ามนุษย์ขนสามารถกลั่นแกล้งได้โดยง่ายงั้นหรือ? ข้าจะมอบความอัปยศคืนให้กับพวกเจ้าในอนาคต!”


 


เนื่องจากฟางหยวนไม่ได้ทำสิ่งใดและปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปในทิศทางที่มัควรจะเป็น ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่ต่างจากชีวิตก่อนหน้าของเขา


 


แรกเริ่มฟางหยวนกับคนอื่นๆพยายามปกป้องหอคอยเมฆาแต่พวกเขาพบกับความพ่ายแพ้ขณะที่นิกายเงาสามารถทำลายค่ายกลความสับสนของเมฆาทั้งสิบสองและเป็นอีกครั้งที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกถูกสังหารโดยฉินไป่เฉิง


 


ต่อมาเมื่อแผนการของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถูกขัดขวาง เขาเดินไปรอบๆด้วยความกังวล


 


ในชีวิตก่อนหน้าเขาเปลี่ยนบุคลิกในเวลานี้


 


แต่ชีวิตนี้ฟางหยวนแนะนำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ


 


เมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง เขาจึงเชื่อคำแนะนำของฟางหยวนและรีบใช้มัน


 


ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณค่อนข้างแตกต่างจากท่าไม้ตายเขตแดน พลังงานแห่งเต๋าของค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณส่งผลกระทบต่อแดนศักดิ์สิทธิ์น้อยกว่าท่าไม้ตายเขตแดนอย่างมาก


 


ในสถานการณ์คับขัน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงสามารถใช้มันเท่านั้น


 


ฟางหยวนแนะนำอีกครั้ง “พวกเราเพียงไม่กี่คนจะสามารถต่อต้านศัตรูได้อย่างไร เราต้องการคนเพิ่ม!”


 


แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังลังเลและไม่กล้าใช้งานผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงแนะนำการสนับสนุนจากภายนอกที่เชื่อถือได้


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขมวดคิ้ว ยิ่งมีคนรู้จักแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาน้อยเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น


 


ฟางหยวนกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามั่นใจได้ว่าพันธมิตรของข้าสามารถเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและจะไม่เปิดเผยข้อมูลใดเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาออกไป ท่านเพียงนำพวกเขาเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณโดยตรงและปล่อยให้พวกเขาต่อสู้ หลังการต่อสู้จบลง ท่านเพียงตอบแทนพวกเขาตามความเหมาะสม”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่เต็มใจแต่ฝ่ายของฉินไป่เฉิงยังโจมตีอย่างหนักหน่วง แม้พวกเขาจะมีค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์แต่พวกเขายังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามคำแนะนำของฟางหยวนเท่านั้น


 


ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงนำไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานเข้าสู่ยักษ์สวรรค์และทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น


 


อย่างไรก็ตามคุกทมิฬของไห่เจิ้งยังสามารถต่อต้านการโจมตีของยักษ์สวรรค์


 


ท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนีของฉินไป่เฉิงก็เป็นภัยคุกคามต่อยักษ์สวรรค์เป็นอย่างมาก


 


สถานการณ์ดีขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเลวร้ายอีกครั้ง


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องนำผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนออกมา


 


ระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือด จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถูกกดดันให้เปลี่ยนร่างในที่สุด


 


ฉินไป่เฉิงเปิดเผยผู้ทรยศเผ่ามนุษย์ขนและเริ่มฉกชิงหม้อหลอมรวม


 


สุดท้ายฉินไป่เฉิงกลับนำสมาชิกนิกายเงาล่าถอยออกไปโดยไม่คาดคิด


 


เมื่อการต่อสู้จบลง ฟางหยวนมอบวิญญาณท่องแดนอมตะให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงและขอให้เขานำไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันที


 


ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงสามารถทำตามข้อตกลงพันธมิตรเรื่องการหาโอกาสให้ไห่ลั่วหลันสังหารไห่เจิ้ง


 


แม้นางจะไม่สามารถสังหารไห่เจิ้งแต่นั่นไม่ใช่ความผิดของฟางหยวน


 


หลังการต่อสู้ ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานเต็มไปด้วยความสงสัยเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


แต่ฟางหยวนไม่ตอบคำถามพวกนาง


 


ตามข้อตกลงพันธมิตร ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดของตน


 


ฟางหยวนรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว เหตุใดเขาต้องสร้างปัญหาให้กับตนเอง?


 


ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานรู้สึกราวกับมีชั้นเมฆหมอกหนาทึบอยู่รอบตัวฟางหยวน เบื้องหลังของเขาอาจเกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ราชันภูเขาม่วงอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


 


ก่อนหน้าเขาเปิดเผยการคงอยู่ของวิญญาณทัศนคติ ตอนนี้เขายังเกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา นี่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของไห่ลั่วหลันเป็นอย่างมาก ในทางตรงข้าม ฟางหยวนรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้นในการรับมือนางมารผลาญสวรรค์


 


ขณะเดียวกันมันเป็นการเตรียมตัวสำหรับอนาคตที่เขาอาจร่วมมือกับไห่ลั่วหลันยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


หากเป็นไปได้ฟางหยวนจะยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเพียงผู้เดียว แต่บ่อยครั้งที่ความคิดมักสวยงามแต่ความจริงกลับโหดร้าย นี่เป็นการเตรียมตัวเล็กๆสำหรับอนาคตในกรณีที่ฟางหยวนต้องการกำลังเสริม


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบุคลิกที่สองเป็นเช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน เขาตัดสินใจย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันที ในเวลาเดียวกันเขาก็ก่อตั้งนิกายหลางหยาและเสนอให้ฟางหยวนเป็นผู้อาวุโสสูงสุด


 


ฟางหยวนตกลง


 


เมื่อกล่าวถึงค่าตอบแทนในการต่อสู้ครั้งนี้ ฟางหยวนไม่ได้ขอเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณระเบิดพลังระดับหก แต่เขาเรียกร้องกำลังเสริมจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาในกรณีฉุกเฉิน


 


ในอนาคต เมื่อฟางหยวนตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย นิกายหลางหยาต้องส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนออกไปช่วยเหลือเขา


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามอบภารกิจให้ฟางหยวนเดินทางไปยังที่ราบน้ำแข็งและติดต่อเผ่ามนุษย์หิมะกับเผ่ามนุษย์หินที่อาศัยอยู่ที่นั่น


 


“ตราบเท่าที่เจ้าทำภารกิจนี้สำเร็จ ข้าจะมอบเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบางชิ้นให้เจ้า นอกจากนั้นเจ้ายังสามารถรวบรวมแต้มผลงานเพื่อแลกเปลี่ยนกับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะที่เจ้าต้องการได้เช่นกัน” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาล่อลวงฟางหยวน


 


ฟางหยวนเร่งถาม “ข้าขอดูว่ามีเคล็ดลับใดบ้างก่อนได้หรือไม่?”


 


“แน่นอน”


 


หลังจากเห็นพวกมัน ฟางหยวนจึงถูกล่อลวงอย่างช่วยไม่ได้


 


แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเก็บเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเอาไว้มากมาย การให้ฟางหยวนดูทั้งหมดเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ให้ฟางหยวนดูมากกว่าสองร้อยเคล็ดลับ


 


ฟางหยวนค้นพบเคล็ดลับที่เหมาะสมกับตนเองอย่างรวดเร็ว


 


เขาถาม “ข้าสามารถเลือกภารกิจได้หรือไม่?”


 


แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธ


 


“นิกายหลางหยาของข้าพึ่งก่อตั้ง มีหลายสิ่งที่ต้องทำ แต่ภารกิจนี้อันตรายที่สุด ดังนั้นมันจึงถูกมอบให้เจ้า หลังจากทั้งหมดผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคือสมาชิกที่แท้จริงที่พวกเราไม่สามารถสูญเสีย!”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวอย่างตรงไปตรงมา ฟางหยวนไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้


 


“แต่เจ้าอย่าได้กังวล ข้าต้องการสร้างยุคของมนุษย์ขน ดังนั้นข้าจึงต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าและมนุษย์กลายพันธุ์เผ่าอื่นๆ ข้ามีวิธีการมากมายที่สามารถเปลี่ยนเจ้าให้เป็นมนุษย์ขน เมื่อเจ้ากลายเป็นมนุษย์ขนที่แท้จริง ข้าจะเปิดคลังสมบัติและให้เจ้าเลือกวิญญาณอมตะหรือสามารถยืมวิญญาณอมตะโดยใช้แต้มผลงาน ฮ่าฮ่าฮ่า”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตบไหล่ให้กำลังใจฟางหยวน


 


แต่ฟางหยวนไม่สนใจ


 


คำถามแรกที่เขาคิดคือเขาจะสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยหลอกจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหรือไม่?


 


แต่เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้อย่างรวดเร็ว


 


ฟางหยวนได้รับท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยฉบับดั่งเดิมมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและแน่นอนว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไม่ได้โง่


 


‘ข้าไม่สนใจการเปลี่ยนเป็นมนุษย์ขนที่แท้จริงเพราะเผ่ามนุษย์คือการดำรงอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้มาตั้งแต่โบราณและจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ย้อนกลับไปกระทั่งบรรพชนผมยาวก็ยังต้องปกปิดตัวตน ตอนนี้เขาเป็นเพียงจิตวิญญาณแผ่นดิน แล้วเขาจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?’


 


ฟางหยวนไม่ได้คิดถึงโอกาสประสบความสำเร็จของนิกายหลางหยา


 


ในชีวิตก่อนหน้าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกยึดครองโดยวังสวรรค์ นี่คือจุดจบของมัน แม้อนาคตจะเปลี่ยนไป แต่กองกำลังใดกองกำลังหนึ่งก็จะยึดครองมัน


 


ในโลกของมนุษย์ สถานะของมนุษย์กลายพันธุ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง


 


แผนการตั้งแต่ต้นจนจบของฟางหยวนคือการรีดเค้นผลประโยชน์จากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาให้ได้มากที่สุด การเปลี่ยนร่างของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์มากกว่าสูญเสีย อย่างน้อยสำหรับตอนนี้เขาก็ได้กำไรมากขึ้น


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาร่างแรกเป็นชายชราหัวโบราณ เขาไม่มีความคิดที่จะสร้างนิกายหลางหยาและเชิญฟางหยวนให้เข้าร่วม เขาจะไม่สนใจและไม่ให้ความช่วยเหลือหากฟางหยวนตกอยู่ในอันตราย


 


หลังจากการต่อสู้เพื่อปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาสิ้นสุดลง การต่อสู้ร้อยวันในหุบเขาเหล่าโปก็เริ่มขึ้น


 


ฟางหยวนกลับแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูเพื่อพักผ่อนและหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝัน


 


ในเวลาเดียวกันเขายังรวบรวมทรัพยากรสำหรับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ


 


หนึ่งเดือนต่อมา เขาสามารถเก็บเกี่ยวผลไม้แห่งความฝันทั้งหมดขณะเดียวกันเขาก็มีวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันในการครอบครองจำนวนมาก แน่นอนว่ามันมากกว่าในชีวิตก่อนหน้าของเขา


 


สองเดือนต่อมา ฟางหยวนใช้คลื่นยักษ์เป็นข้ออ้างเพื่อเข้าสู่ทะเลตะวันออกอีกครั้ง



บทที่ 981 ความสามารถของปรมาจารย์


แปลโดย iPAT 


 


ทะเลตะวันออก แดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่


 


เช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า โดยการนำทางของผีดิบอมตะชาหนานจิง ฟางหยวนกับไท่เป่ยหยุนเฉิงถูกนำเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่


 


“น้องไท่เป่ย เราพบกันอีกครั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า” ฉลามปีศาจทักทายไท่เป่ยหยุนเฉิงด้วยการแสดงออกที่อบอุ่น


 


ด้วยวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าและวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าทำให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในทะเลตะวันออก


 


ดังนั้นฉลามปีศาจจึงเชิญเขาเข้าร่วมในการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่


 


หลังจากฉลามปีศาจทักทายไท่เป่ยหยุนเฉิง เขาหันหน้าไปทางฟางหยวน “ท่านนี้ต้องเป็นสหายที่ดีของน้องไท่เป่ย ผู้อมตะความคิดดารา เฉินเต๋า เมื่อท่านเป็นสหายของน้องไท่เป่ย ท่านก็เป็นสหายของข้าเช่นกัน”


 


“ข้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษ ข้ามิกล้า” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มถ่อมตน


 


เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มที่ดูสุภาพและหล่อเหลาราวกับบัณฑิต


 


เมื่อเขายิ้ม เขาดูเหมือนสุภาพบุรุษที่สมบูรณ์แบบ


 


ในชีวิตก่อนหน้าเขาคือซิงเซียงซื่อแต่ในชีวิตนี้เขาปลอมตัวเป็นผู้อมตะความคิดดาราเฉินเต๋า


 


พลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเหนือกว่าท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คลุมเครือ หากก่อนหน้าฉลามปีศาจกับคนอื่นๆไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา ครั้งนี้พวกเขาก็ยิ่งไม่สามารถ


 


ซูไป่ม่านภรรยาของฉลามปีศาจพิจารณาฟางหยวนก่อนกล่าว “ข้าได้ยินมาว่าคุณชายบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นเส้นทางหลักและเส้นทางแห่งดวงดาวเป็นเส้นทางรอง ไม่ทราบว่าคุณชายจะช่วยแสดงความสามารถให้พวกเราชื่นชมสักเล็กน้อยได้หรือไม่?”


 


ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนปลอมตัวเป็นซิงเซียงซื่อและประกาศว่าตนเองบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งดวงดาวเป็นเส้นทางหลักขณะที่เส้นทางแห่งปัญญาเป็นเส้นทางรอง แต่ตอนนี้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนบรรลุระดับปรมาจารย์เรียบร้อยแล้ว แม้เขาจะไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาก็มีพื้นฐานที่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนข้อมูลของตนเองในครั้งนี้


 


ฟางหยวนพยักหน้ากล่าว “พวกท่านสงสัยเกี่ยวกับการบ่มเพาะของข้า นี่เป็นเรื่องปกติ เช่นนั้นข้าก็จะขอให้พวกท่านช่วยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทักษะของข้า”


 


ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนถ่อมตัวมาก แต่ครั้งนี้แม้เขาจะกล่าวด้วยถ้อยคำที่สุภาพแต่การแสดงออกของเขายังดูยโส


 


ฉลามปีศาจกับซูไป่ม่านลอบมองหน้ากันด้วยความคาดหวัง


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงกลับรู้สึกกังวลอยู่ภายในแต่เขาไม่ได้แสดงออก


 


โป้ตันยืนอยู่ในกลุ่มด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม การปรากฏตัวของฟางหยวนคุกคามสถานะและผลประโยชน์ของเขาเป็นอย่างมาก


 


ทุกคนมองฟางหยวนเป็นสายตาเดียว


 


ฟางหยวนยิ้ม มือข้างหนึ่งไพล่หลังขณะที่มืออีกข้างสะบัดพัดขนนกไปมาอยู่บริเวณหน้าอก


 


เขากวาดตามองไปรอบๆ


 


ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเขตแดนโลกเยือกแข็ง ดังนั้นทุกทิศทางจึงเต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง


 


ทุกช่วงเวลาหนึ่งฝนน้ำแข็งจะร่วงหล่นลงมาพร้อมกับการบุกโจมตีของอสูรหิมะ


 


ฟางหยวนกวาดตามองเพียงครู่เดียวก่อนจะเปิดปากกล่าว “ข้าอนุมานเรียบร้อยแล้ว”


 


ฉลามปีศาจกับคนอื่นๆตกใจมาก พวกเขาคิดว่าฟางหยวนกำลังเตรียมตัวกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายแต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะอนุมานเรียบร้อยแล้ว!


 


ซูไป่ม่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายมีระดับความสำเร็จที่น่าทึ่งนัก ท่านสามารถอนุมานท่าไม้ตายเขตแดนนี้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อมัน นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง”


 


ฟางหยวนโบกมือ “ท่านหญิงกล่าวยกย่องข้าเกินไปแล้ว ข้าต้องใช้ความพยายามพอสมควรในการอนุมานและสรุปข้อบกพร่องของท่าไม้ตายเขตแดนนี้ สิ่งที่ข้าอนุมานได้อาจไม่เหมือนที่พวกท่านคิด”


 


ผีดิบอมตะบางคนเร่งถาม “แล้วมันคือสิ่งใด?”


 


ฟางหยวนกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าสามารถอนุมานรายละเอียดของท่าไม้ตายเขตนี้ ตัวอย่างเช่นมันเรียกว่าท่าไม้ตายเขตแดนโลกเยือนแข็ง”


 


ผู้อมตะทั้งหมดตะลึง


 


ดวงตาของฉลามปีศาจส่องประกายแหลมคม เขาแทบระเบิดความโกรธออกมาแต่ซูไป่ม่านหยุดเขาเอาไว้อย่างลับๆ


 


โป้ตันหัวเราะ “เฉินเต๋า เจ้ากำลังล้อพวกเราเล่นเช่นนั้นหรือ? เหตุใดพวกเราจะไม่รู้ว่ามันคือท่าไม้ตายเขตแดนโลกเยือกแข็ง เจ้าไร้ความสามารถแต่กลับกล้าล้อเล่นกับท่านฉลามปีศาจงั้นหรือ?”


 


ซูไป่ม่านหัวเราะเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดก่อนกล่าว “เก็บลิ้นของเจ้าเอาไว้ โป้ตัน ข้าแน่ใจว่าคุณชายเฉินเต๋ามีความสามารถ”


 


ฟางหยวนส่ายศีรษะ “ท่านหญิง นี่คือสิ่งที่ข้าสามารถอนุมาน”


 


การแสดงออกของซูไป่ม่านกลายเป็นมืดมน


 


“ฮืม!” ฉลามปีศาจก่นเสียงและไม่สามารถอดทนอีกต่อไป


 


ไท่เป่ยหยุนเฉิงก้าวออกไปข้างหน้า เขาป้องหมัดขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ท่านฉลามปีศาจ นี่เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ได้บอกท่านล่วงหน้าว่าน้องชายของข้าเป็นคนเช่นนี้ เขาจะอธิบายสิ่งเล็กน้อยก่อนเสมอ นิสัยนี้ของเขาทำให้ข้าทุกข์ใจมานานแล้ว”


 


“โอ้?” การแสดงออกของฉลามปีศาจผ่อนคลายลง


 


“เห้อ…น้องเฉิน กล่าวทุกสิ่งที่เจ้าสามารถอนุมานออกมาเถิด” ไท่เป่ยหยุนเฉิงแสร้งแสดงออกด้วยความหนักใจ


 


ฟางหยวนหัวเราะ “ทุกท่าน ข้าสรุปท่าไม้ตายเขตทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ไม่เพียงท่าไม้ตายเขตแดนโลกเยือกแข็ง หลังจากนี้ยังมีเขตแดนสนามรบจิตวิญญาณ เขตแดนเขาวงกตแปดประตู และเขตแดนกองทัพที่ไม่สามารถเคลื่อนย้าย”


 


“เขตแดนสนามรบจิตวิญญาณ เขตแดตเขาวงกตแปดประตู เขตแดนกองทัพที่ไม่สามารถเคลื่อนย้าย นี่เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ!?” ฉลามปีศาจถูกดึงดูดโดยคำกล่าวของฟางหยวน


 


ฟางหยวนโบกมือ “เมื่อข้าอนุมาน มันจะผิดได้อย่างไร?”


 


ฉลามปีศาจกับซูไป่ม่านลอบสื่อสารกันอย่างลับๆ


 


ฉลามปีศาจมีความสุขมาก “ภรรยา หากเฉินเต๋าผู้นี้อนุมานได้ถูกต้อง ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาต้องอยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก!”


 


ซูไป่ม่านเห็นด้วย “ถูกต้อง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่เราเคยเชิญมาก่อนหน้านี้ต่างพบกับความยากลำบากในการอนุมานท่าไม้ตายเขตแดน แต่เฉินเต๋าผู้นี้กลับสามารถอนุมานได้อย่างง่ายดาย”


 


ฉลามปีศาจไตร่ตรอง “เราจะเห็นกันว่าเขากล่าวเรื่องไร้สาระหรือไม่ หากเขาอนุมานผิด เราจะทำอย่างไร?”


 


ซูไป่ม่านคิดก่อนตอบ “ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะผิดพลาด ประการแรก ไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นคนซื่อตรง หากเขายอมรับเฉินเต๋า นั่นหมายความว่าคนผู้นี้เป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาที่แท้จริง ด้วยความสำเร็จของเขา เป็นไปได้ที่เขาจะค้นพบเขตแดนทั้งหมด ประการที่สอง เราสามารถยืนยันคำกล่าวของเขาเมื่อบุกเข้าไป พวกเขาคงไม่โง่พอที่จะหลอกลวงพวกเรา”


 


“ถูกต้อง เจ้ากล่าวได้ถูกแล้ว”


 


ขณะที่ฉลามปีศาจกับซูไป่ม่านกำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โป้ตันไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป เขาเย้ยหยัน “เฉินเต๋า เจ้าช่างมีจินตนาการกว้างไกล ตราบเท่าที่เรายังไม่ผ่านเขตแดนโลกเยือกแข็ง ผู้ใดจะรู้ว่ามีสิ่งใดรออยู่!”


 


ฟางหยวนลอบถอนหายใจ ในชีวิตก่อนหน้าเขาเหยียบย่ำโป้ตันและดูเหมือนว่าชีวิตนี้มันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยง


 


ในความเป็นจริงฟางหยวนไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับโป้ตันหากไม่จำเป็น แต่คนผู้นี้กลับสอดมือเข้ามาทำให้ฟางหยวนไม่มีทางเลือก


 


ในจังหวะนี้ฉลามปีศาจกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านเฉิน โปรดอย่าถือสาความหยาบคายของโป้ตัน”


 


“แม้เขาจะหยาบคายแต่เขาก็พูดความจริง สิ่งที่ข้าอนุมานยังต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์” ฟางหยวนพยักหน้าตอบ


 


ซูไป่ม่านเผยรอยยิ้มบาง “แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับคุณชายแต่ข้ารู้สึกราวกับได้พบสหายสนิทที่พลัดพรากจากกันมาเน้นนาน แม้เราจะไม่สามารถยืนยันได้ในเวลานี้ แต่ข้าเชื่อท่าน”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า หลายคนมักจะกล่าวเช่นนี้กับข้าเสมอ” ฟางหยวนหัวเราะและไม่ถ่อมตนแม้แต่น้อย


 


แต่เขาไม่จำเป็นต้องถ่อมตน


 


หลังจากทั้งหมดนี่คือผลกระทบของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย


 


ฉลามปีศาจกล่าว “ท่านเฉิน ตอนนี้เราติดอยู่ในโลกเยือกแข็ง ข้าหวังว่าท่านจะช่วยคลี่คลายเขตแดนนี้ให้เรา ยิ่งเร็วเท่าใดเราก็ยิ่งเข้าสู่ชั้นถัดไปได้เร็วเท่านั้นและมันจะเป็นการยืนยันความสามารถของท่าน”


 


ฟางหยวนหัวเราะ “ท่านฉลามปีศาจ ข้ามั่นใจในการอนุมานของตนเอง ข้าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตนเองเพียงเพราะคนอื่นไม่เชื่อใจข้า”


 


หลังจากนั้นฟางหยวนยังกล่าวต่อ “เนื่องจากท่านร้องขอความช่วยเหลือจากข้า เช่นนั้นเราควรมาพูดคุยเกี่ยวกับค่าตอบแทนกันก่อนดีหรือไม่?”


 


ฉลามปีศาจขมวดคิ้ว ฟางหยวนทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุข


 


ท้ายที่สุดฟางหยวนก็เป็นเพียงผู้อมตะระดับหกแต่เขากลับกล้ายโสต่อหน้าผู้อมตะระดับเจ็ด


 


ฟางหยวนอ่อนน้อมและสุภาพต่อฉลามปีศาจในชีวิตก่อนหน้าเพราะเขาต้องการเข้าร่วมกองกำลังพันธมิตรผีดิบของทะเลตะวันออก แต่ตอนนี้เขาได้รับมรดกจากสุสานใต้บาดาลของภาคเหนือเรียบร้อยแล้ว เหตุใดเขายังต้องเข้าร่วมกับกองกำลังพันธมิตรผีดิบ?


 


ฉลามปีศาจบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่และต้องการความช่วยเหลือจากฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงต้องรีดเค้นผลประโยชน์จากฝ่ายตรงข้าม


 


หลังจากเจรจา ฉลามปีศาจต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล


 


ฟางหยวนยอมรับและเริ่มทำงาน


 


แม้เขาจะไม่มีวิญญาณอมตะความคิดดาราแต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาเหนือกว่าชีวิตก่อนหน้าอย่างมาก กระทั่งเขาจะใช้วิญญาณระดับมนุษย์ เขาก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


 


สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาเคยคลี่คลายเขตแดนนี้มาแล้ว


 


ดังนั้นผลลัพธ์ที่รวดเร็วจึงทำให้ทุกคนต้องอ้าปากค้าง


 


ในความเป็นจริงฟางหยวนมุ่งเน้นไปที่การศึกษาเขตแดนเป็นหลักขณะที่ค่อยๆคลี่คลายมัน


 


เมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนจึงได้รับข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับเขตแดนนี้


 


เขารู้ว่ามันใช้วิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์ทั้งหมดกี่ดวง แต่เขายังไม่แน่ใจว่าพวกมันทำงานร่วมกันได้อย่างไร


 


ฟางหยวนไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาดเช่นชีวิตก่อนหน้า ดังนั้นพลังอำนาจของฝนเยือกแข็งจึงไม่เพิ่มสูงขึ้น ตรงข้ามมันค่อยๆลดความรุนแรงลงเรื่อยๆ


 


สำหรับโป้ตัน เขาต้องหลบอยู่ในมุมหนึ่งและไม่กล้าที่จะแข่งขันกับฟางหยวน


 


แม้โป้ตันจะไม่พอใจ แต่เขาก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้


 


เมื่อวิญญาณความคิดดาราระดับมนุษย์ถูกใช้ไปเกือบทั้งหมด ฟางหยวนจึงหยุดมือ


 


ตอนนี้เขตแดนโลกเยือกแข็งถูกคลี่คลายไปแล้วหกสิบส่วนและเหลืออีกเพียงสี่สิบส่วน


 


“ท่านเฉิน เหตุใดจึงหยุด?” ฉลามปีศาจถามด้วยความกังวล


 


ฟางหยวนยิ้ม “การเร่งรีบจะทำให้พบกับความสูญเสีย วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว เราจะหยุดที่นี่”


 


ฉลามปีศาจโกรธมากแต่เขายังต้องการความช่วยเหลือจากฟางหยวนและไม่มีทางเลือกนอกจากเผยรอยยิ้ม “ท่านกล่าวได้ถูกต้อง ท่านควรพักผ่อน ท่านเป็นแขกจากแดนไกล เช่นนั้นข้าขอเชิญท่านไปร่วมงานเลี้ยงที่วังของข้า”


 


ผู้อมตะคนอื่นๆอ้าปากค้างและเต็มไปด้วยความอิจฉา


 


ฟางหยวนพยักหน้าอย่างเรียบง่าย “เช่นนั้นข้าคงต้องขอรบกวนแล้ว”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)