องครักษ์เสื้อแพร 974-975

 ตอนที่ 974 ผู้ใดกล่าวว่าพวกป่าเถื่อนไม่รู้การทหาร

โดย

Ink Stone_Fantasy

สองทัพปะทะกัน ทัพใหญ่ออกปะทะตรง ส่งทหารอีกหน่วยจู่โจมศัตรูสองปีกข้าง สถานการณ์เช่นนี้ง่ายแก่การโจมตีศัตรู ได้ผลดียิ่ง อย่างไรก็ทัพใหญ่ออกศึก สองข้างยากจะรับมือได้


พวกเผ่าหนี่ว์เจินทางตะวันออกครั้งนี้แม้ว่าสู้เต็มที่ แต่อย่างไรก็น้อยปะทะมาก คิดจะเกิดผลตาลปัตรนั้น ก็ต้องใช้ยุทธวิธีรบที่เหนือความคาดหมายเท่านั้น


หลี่เฉิงเหลียงนำทัพนานปี รู้ดีว่าชาวเผ่าหนี่ว์เจินตั้งใจปิดบังข่าวตนเต็มที่เพื่อการใด ก็เพื่อให้ทางตนไม่อาจได้ข่าวมามาก ถึงสนามรบไม่อาจเตรียมป้องกันได้ เผ่าหนี่ว์เจินประกาศว่ามีทัพนับหมื่น แต่ดูตอนนี้แล้ว ย่อมมากกว่าที่ว่า


ทัพใหญ่เมืองเหลียวโจวเตรียมการล่วงหน้า เผ่าหนี่ว์เจินออกทัพ ทหารราบเมืองเหลียวโจวเข้าตีปีกข้าง ‘แตกกระจัดกระจาย’ แต่แตกกระจัดกระจายเป็นระเบียบ ให้ทหารศัตรูไล่ล่าได้


ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินปะทะเข้ามา กองกำลังหมิงโอบล้อมไว้ ปืนธนูยิงพร้อมกัน


ปืนสามหัวพวกนี้ปกติใช้การในสนามรบไม่ดีนัก กองกำลังหมิงมักยิงมั่วนอกระยะยิง ศัตรูเข้ามาใกล้ ตนเองก็ไร้กระสุนแล้ว กระบอกปืนก็ร้อนมาก หากระยะยิงใกล้ก็จะทำลายล้างได้ดี  กองกำลังหมิงครั้งนี้เตรียมตัวมาดี ล้วนยิงในระยะยิง


พริบตาที่เสียงปืนดังสนั่น ควันดินปืนลอยคละคลุ้ง ประสิทธิภาพดีมาก ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวพากันส่งเสียงร้อยโอดโอยล้มลง ม้าก็ส่งเสียงร้องแตกตื่นท่ามกลางควันดินปืนและเสียงร้องวุ่นวาย ทำเอาคนและม้าล้มระเนระนาดเหยียบย่ำกันไปหมด


แต่ทว่าพวกป่าเถื่อนก็ยังคงเป็นพวกป่าเถื่อน พอเสียเปรียบใหญ่ ทุกคนก็ถึงกับหนีกลับฐานเดิม และรวมกำลังกับมาสู้อีกครั้ง


จากเริ่มรบถึงตอนนี้  เครื่องมือรบเผ่าหนี่ว์เจินไม่ได้ได้เปรียบนัก กลับเป็นว่าการโจมตีปีกข้างครั้งนี้สังหารได้มากที่สุด พริบตา เผ่าหนี่ว์เจินก็ตายไปสี่ร้อยกว่า ดูท่าแล้ว อย่างน้อยน่าจะมีนายกองตายไปสอง


ข่าวนี้แพร่ไปทั่วกองกำลังหลี่เฉิงเหลียง ทัพใหญ่เมืองเหลียวโจวขวัญกำลังใจฮึกเหิม และชาวเผ่าหนี่ว์เจินก็เห็นชัดว่าเอาไม่อยู่แล้ว มองออกว่า พวกเขามุ่งเน้นรับมือการโจมตีจากปีกข้าง ครั้งนี้ไม่ไหว รับมือการโจมตีหนักไม่ได้


สำนวนที่กล่าวว่า สัตว์ป่าดิ้นรนเอาตัวรอดในสถานการณ์อันตราย ก็คงเป็นเช่นนี้ ทหารเผ่าหนี่ว์เจินในกองทัพเริ่มทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมด พยายามตีโต้กองกำลังหมิงให้ถอยกลับ จากนั้นก็เปิดประตูค่าย พริบตาทหารสี่พันกว่านายก็บุกออกมา


จากการวิเคราะห์ของเมืองเหลียวโจว ทัพใหญ่ตนมาถึง  เผ่าหนี่ว์เจินไม่ว่ายิ่งใหญ่เพียงใดก็ต้องแตกพ่ายกระจัดกระจาย ระมัดระวัง ไม่กล้าเสี่ยงภัยกันบุก คิดไม่ถึงอีกฝ่ายจะกล้าเปิดศึกบนสนามรบเช่นนี้


กองกำลังสี่พันกว่า รอบนอกล้วนสวมเกราะผ้าหนาและเกราะขดลวด คนด้านในล้วนสวมชุดหนังหมู ในมือถือดาบใหญ่และทวนยาว มองออกว่าเป็นทหารราบผู้กล้าแห่งเผ่าหนี่ว์เจินเจี้ยนโจว พวกเขาบุกออกมามีจุดประสงค์ชัด ก็คือปะทะผู้บัญชาการทหารเมืองเหลียวโจวแม่ทัพใหญ่หลี่เฉิงเหลียง


การรบยุคสมัยนี้ บัญชาการสังเกตการรบอาศัยเพียงแค่การคาดเดา รายงานจากทุกที่ล้วนไม่อาจนำมาอ้างอิงได้โดยตรง ดังนั้นแม่ทัพจึงมักอยู่ใกล้สนามรบแนวหน้าที่สุด หลี่เฉิงเหลียงอยู่ห่างจากแนวรบเผ่าหนี่ว์เจินเพียงแค่ห้าร้อยก้าวเท่านั้น


กองกำลังเผ่าหนี่ว์เจินที่บุกออกไปคิดการใด สองฝ่ายล้วนเข้าใจ ตีกองหลักของหลี่เฉิงเหลียงแตก สามารถสังหารหลี่เฉิงเหลียงได้แน่นอนย่อมดีที่สุด หากทำไม่ได้ ก็บีบให้หลี่เฉิงเหลียงถอย ธงประจำแม่ทัพถอยร่น ทัพใหญ่ย่อมถอย ตอนนี้แต่ละด้านล้วนบีบเข้ามา ฝั่งเจี้ยนโจวเริ่มทานไม่อยู่ หากบีบกองกำลังหมิงให้ถอยร่น อย่างน้อยก็พอมีโอกาสได้หายใจ


หลี่เฉิงเหลียงวิเคราะห์การเคลื่อนไหวนี้ได้แล้ว เขาอยู่ทัพกลาง หนึ่งเพื่อบัญชาการ สองเพื่อล่อศัตรู เพื่อสมดุลกำลังเมืองเหลียวโจว แนวหน้าบัญชาการโดยบรรดาบุตรชายหลี่เฉิงเหลียงกับหม่าหลิน ทั้งหมดล้วนจัดการได้


วิเคราะห์ได้แล้ว แต่หลี่เฉิงเหลียงพบว่าตนประเมินพวกเผ่าหนี่ว์เจินต่ำไป ทหารสี่พันของเผ่าหนี่ว์กล้าหาญชาญศึกมาก ตีแตกด่านป้องกันที่หนึ่งพ่ายอย่างรวดเร็ว


พูดให้ถูกก็คือ ตีแนวหน้ากองกำลังหมิงแตก สามารถออกมาบุกเช่นนี้ และตีกองกำลังหมิงแห่งเหลียวโจวแตกได้ ก็มีใจคิดสู้จนตัวตายแล้ว กองกำลังหมิงฮึกเหิมลำพอง และยังโจมตีแบบกดดันด้วยกำลัง ในใจก็ยากจะไม่รู้สึกว่าออกรบสบายๆ


พอสู้กันตัวตัวต่อ พวกเผ่าหนี่ว์เจินถึงกับชนะได้มากกว่า อย่างน้อยตั้งแต่ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 1 มา เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวก็รบกับหลายฝ่ายมาเรื่อย


กองกำลังหมิงหน้าสุดแตกแล้ว แขนขวาหลี่หรูจางที่นำทัพถูกธนูยิงเข้าหนึ่งดอก เดิมหลี่หรูจางสวมเกราะหู่เวย ธนูนี้น่าจะรับอยู่ แต่เพื่อให้สมศักดิ์ศรีแม่ทัพใหญ่ จึงได้คลุมเสื้อคลุมสีแดงแทน ปลดปลอกเกราะด้านขวาออก ผลปรากฏถูกยิงเข้า ทหารในสังกัดประคองให้ถอยกลับมาได้


ทหารราบสู้ไม่ไหว ถูกต้อนถอยร่นราวกับฝูงแพะ ชาวเผ่าหนี่ว์เจินวางแผนได้ดี ทำให้ทหารราบกองกำลังหมิงแตกกระจัดกระจายยามปะทะกองกลาง แต่ทว่าหลี่เฉิงเหลียงก็เตรียมตัวมาดี ทัพกลางกลับสองปีกข้างมีที่ว่าง เป็นที่ให้ทหารแตกพ่ายหนีกลับมาได้ จากนั้นก็รวมกำลังทหารม้าห้าพันนาย เตรียมบุกโต้ศัตรูคืน


ทหารที่บุกเข้ามากระจัดกระจายถูกสังหารทิ้ง ทหารม้าที่บุกเข้ามาถูกสังหารเช่นกัน ไม่นานก็แตกกระจัดกระจาย แต่พวกป่าเถื่อนเช่นเผ่าหนี่ว์เจินกลับไม่ยอมหยุด เห็นด้านหน้าตนได้เปรียบก็บุกเข้าไปต่อ พวกเขายังคงเสริมกำลังบุก


ขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวยามนี้เห็นแล้วก็พากันตกใจ เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงกับต่อสู้เช่นนี้ได้ บุกขึ้นหน้ามาได้ราวสามร้อยก้าว รูปทัพเริ่มมาประสานกำลังกันได้ และยังเป็นพวกไม่กลัวตาย มีคนกำลังคิด ศึกนี้ได้ชัยแล้ว ตนเองจะรับชาวเผ่าหนี่ว์เจินมาเป็นลูกน้อง


แต่มีคนที่หัวไวเริ่มคิดได้ ว่าเหตุใดพวกเผ่าหนี่ว์เจินจึงไม่ถอยกลับ แต่ยังเสริมกำลังขึ้นมา ตอนนี้จะถอย ย่อมเปิดที่ว่างให้ทหารม้าเมืองเหลียวโจวไล่ล่า ให้ทหารม้าเมืองเหลียวโจวควบม้าย่ำ การเสริมกำลังบุกเช่นนี้ทำให้เกิดเป็นแรงคลื่นเบาๆ ที่ทหารม้าไม่อาจปะทะแตกได้ สองฝ่ายพยายามรักษาระยะใกล้ชิด เข้าปะทะกันชุลมุน


หากทหารม้ากับทหารราบปะทะกัน ทหารม้าแม้ว่าได้เปรียบจากการสังหารมุมสูง แต่ก็มีข้อเสียเปรียบที่เคลื่อนไหวได้ยาก นี่เป็นยุทธวิธีรบสู้ตายแบบหาทางรอด


ทหารกระจัดกระจายกันไปพอสมควร สองฝ่ายเข้าใกล้กันระยะ 20 ก้าว ทหารม้าเมืองเหลียวโจวล้วนยิงธนูได้ ทหารเผ่าหนี่ว์เจินเองก็ใช้โล่บัง พวกด้านหลังร้องตะโกนดัง ก่อนจะยิงธนูเข้าใส่


สองฝ่ายส่งเสียงตะโกนดังเข้าปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง ระยะห่างนี้ธนูยิงออกไปย่อมยิงเข้า มีคนส่งเสียงร้องดังโหยหวน เลือดสาดกระเซ็น ทหารเมืองเหลียวโจวล้วนถูกนายเลี้ยงดูมาอย่างดี รู้ว่ายามนี้เป็นเวลาแห่งการตอบแทนด้วยชีวิต เผ่าหนี่ว์เจินอยู่ในภาวะไร้หนทาง ถูกบีบจนไม่อาจไม่สู้ได้แล้ว ล้วนบุกเข้ามาอย่างกล้าหาญ


ธนูยิงไปสองระลอก ผู้ใดล้วนไม่สนใจความเป็นความตาย  หากยังบุกเข้ามาไม่กลัวตาย ทหารราบเผ่าหนี่ว์เจินบางคนถูกทหารม้าชนล้ม ทหารเมืองเหลียวโจวเองก็ถูกเผ่าหนี่ว์เจินลากลงจากหลังม้าเช่นกัน


พริบตา เสียงสังหารดังก้องทั่วฟ้า ขุนพลเมืองเหลียวโจวสบตากัน ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าพวกนอกด่านเช่นเผ่าหนี่ว์เจินทางตะวันออกจะสามารถเช่นนี้


เห็นสถานการณ์เช่นนี้ หลี่เฉิงเหลียงก็ถอนหายใจ แม้ว่าเปิดศึกปะทะ ทหารม้าเหมือนไม่ได้เปรียบอันใด แต่ข้อได้เปรียบอย่างไรก็เป็นข้อได้เปรียบ เผ่าหนี่ว์เจินรักษาที่มั่นด้วยชีวิต ทุกคนหากค่อยๆ ทุ่มกำลังรบช้าๆ  กล้าเข้าสังหาร ย่อมทำให้พวกเขาสูญเสียใหญ่


“ให้พวกเราอย่าได้บีบคั้นมากไป ล้อมไว้ หลี่หรูเหมยเจ้านำกำลังทหารไปรอ รอทหารจากในค่ายออกมาช่วย เจ้าไปรับศึกไว้ กองกำลังกองนี้ออกศึก ถึงกับมีคนสนิทของหัวหน้าโจรชั่ว เจ้าซูเอ่อร์ฮาฉี นำกองกำลังออกมาเอง ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่ออกมาช่วย!”


หลี่เฉิงเหลียงออกคำสั่งอย่างมั่นใจ ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังมาจากทางป้อมเจี้ยฝานไจ้ ดูท่าหลี่หรูป๋อเริ่มนำปืนใหญ่ออกมายิงแล้ว ขอเพียงใช้ปืนใหญ่ระดมยิงป้อมได้ เสริมกำลังเข้าไปเพียงพอ ก็จะยึดได้


หลังเริ่มปะทะกันไป พวกทหารม้าค่อยๆ ล้อมทหารราบที่บุกออกมาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ เข้าสังหาร เป็นไปตามคาดของหลี่เฉิงเหลียง ทางเผ่าหนี่ว์เจินไม่อาจทนดูกองกำลังถูกกินรวบไปเช่นนี้โดยไม่ทำอะไรได้ ไม่นาน ก็มีกองกำลังสองพันกว่าบุกออกมา กองกำลังสองพันกว่านายนี้เป็นทหารม้าหลายร้อย


กองกำลังนี้บุกออกมาทำให้สีหน้าขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวล้วนลิงโลด สถานการณ์เริ่มอยู่ในการควบคุมของกองกำลังหมิงทีละน้อย ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม


พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว ตามการวิเคราะห์หลี่เฉิงเหลียง การรบหากเป็นเช่นนี้ต่อไป พรุ่งนี้ก็คงต่อสู้กันเรียบร้อย ถึงตอนนั้นค่อยปล่อยทหารที่ต่อสู้เต็มที่ในวันนี้ได้พักสักสองสามวัน ให้พวกเขาไปสนุกกันในเจี้ยนโจวสักหน่อย และจะให้พวกเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลชนเผ่าต่างๆ ได้เห็นว่า เป็นศัตรูกับแผ่นดินหมิง เป็นปรปักษ์กับเมืองเหลียวโจวนั้น มีจุดจบเช่นไร


“แม่ทัพใหญ่ ทางเหนือมีควัน…”


ในตอนนั้นเอง ทหารข้างกายหลี่เฉิงเหลียงก็ตะโกนดัง ทุกคนล้วนสนใจแต่สนามรบที่กำลังล้อมสังหาร พอมีเสียงตะโกนดัง ก็พบว่าตอนเหนือมีควันหนา ควันลอยปกคลุมทั่วฟ้า น่าจะอยู่ไกลออกไป


“พวกนอกด่านจะยกทัพใหญ่มาแล้ว!!”


มีคนตะโกนดัง ที่ตั้งค่ายเผ่าหนี่ว์เจินเริ่มเคลื่อนไหว กองกำลังหมิงที่เพิ่งรวมกำลังเข้าบุกก็ถูกตีกลับมา ครั้งนี้พวกเผ่าหนี่ว์เจินไม่ป้องกันค่ายแล้ว หากพากันตีฝ่าออกมา


เดิมทีเป็นโอกาสดีในการปราบเจี้ยนโจวให้สิ้น แต่ยามนี้หลี่เฉิงเหลียงกลับยิ้มไม่ออก ในตอนนี้เอง ทัพใหญ่เมืองเหลียวโจวตอนเหนือ ทางปีกซ้ายทัพใหญ่เริ่มแตกตื่น ไม่นาน หลี่หรูหนานประจำปีกซ้ายก็ส่งทหารติดตามม้าเร็วมารายงานว่า


“แม่ทัพใหญ่ ทางเหนือมีทัพม้าศัตรู ทัพม้าใหญ่…”


ตอนมารายงาน เสียงดังสั่นหวั่นไหวของพื้นดินก็รู้สึกได้ ทัพม้าใหญ่เพียงนี้ ย่อมไม่น้อยกว่าหมื่นนาย และเข้ามาระยะใกล้ที่เรียกได้ว่าอันตราย


จัดระเบียบทหารเตรียมออกรับศึก แต่ทหารกล้าเมืองเหลียวโจวกำลังติดพันกับเผ่าหนี่ว์เจิน แม้ว่าได้เปรียบ แค่กลับไปอาจกินรวบอีกฝ่ายได้ ยังถูกดึงยืดเยื้อมาถึงตอนนี้


ทหารราบปีกซ้ายเห็นกำลังทหารม้ากองใหญ่แล้วก็เริ่มลนลานไร้ระเบียบ ความกล้าหาญแตกกระเจิง หากไม่ใช่ขุนพลทหารระงับไว้ เกรงว่าคงหนีกันแตกกระจัดกระจายไปแล้ว


ตอนนี้ทางปีกข้างกองกำลังทหารม้าเมืองเหลียวโจวเป็นทหารม้ามองโกล จำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่น ตั้งพักอยู่ข้างแม่น้ำหุนเหอจัดกระบวนทัพครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มเข้าปะทะทัพใหญ่เมืองเหลียวโจว จากนั้นกองกำลังทหารเมืองเหลียวโจวก็แตกพ่าย


ตอนที่ 975 แค้นใหญ่สามแค้น

โดย

Ink Stone_Fantasy

กำลังหลักทุ่มกำลังอยู่ตรงกลางด้านหน้า ปีกข้างอยู่ ๆ กลับมีทัพม้าใหญ่บุกเข้ามา จุดจบก็ง่ายมาก ทั้งทัพแตกกระเจิง


การต่อสู้ราวสี่ชั่วยาม กองกำลังหมิงเมืองเหลียวโจวล้วนอ่อนล้าอย่างมาก หลี่เฉิงเหลียงใช้ทหารราบผลัดกันบุก ความกล้าทหารราบกับวินัยไม่สู้ทหารม้า ดังนั้นไม่อาจให้พวกเขาต่อสู้นานเกินไป เพื่อมิให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายแล้วแตกกระจัดกระจาย  ขุนพลทหารแผ่นดินหมิงล้วนรบเช่นนี้  ตัดสินแพ้ชนะมักอาศัยทหารในสังกัดตนเอง หลี่เฉิงเหลียงได้เป็นอันดับหนึ่งใต้หล้า ก็เพราะมีทหารในสังกัดมากที่สุดนั่นเอง


ทหารราบอ่อนล้า ล้วนหวังว่าทหารม้าจะชนะ ทหารม้าล้อมโจมตีอีกทาง สถานการณ์รบกำลังได้เปรียบและค่อยๆ ก้าวสู่ชัยชนะช้าๆ


ในยามนั้นเอง คนและม้าเหนื่อยล้า ล้วนเริ่มผ่อนกำลัง จากนั้นปีกข้างก็มีพวกทหารม้ามองโกลโผล่มา กำลังหลักอยู่ด้านหน้าตรงกลางทั้งหมด ปีกข้างมีทหารม้าไม่มากนำทหารราบ เห็นทหารม้ามองโกลมืดฟ้ามัวดินทะยานมา ทหารม้าปีกข้างไม่กล้าเข้าต่อกร มักต้องประคองแม่ทัพหนีเอาตัวรอดก่อน ทหารม้าเป็นกำลังหลัก พวกเขาหนี  ทหารราบเห็นด้านหน้ามีแต่พวกทหารม้านอกด่านตะบึงมา จะต้านทานได้อย่างไร ล้วนพากันหนีกระเจิดกระเจิง


ทหารหลายพันเกือบหมื่น ทหารเมืองเหลียวโจวแต่ละคนล้วนไม่รู้ว่าทหารม้าพวกนอกด่านมากันเท่าไร พวกเขารู้เพียงแค่ตอนนี้ศัตรูไม่เพียงแต่เป็นเผ่าหนี่ว์เจิน หากยังมีพวกมองโกล ทหารม้าศัตรูตอนนี้ไม่น้อยกว่าทหารม้าทัพตน ถึงกับยังอาจมากกว่าอีกมาก สถานการณ์เช่นนี้ แม้ทหารม้าส่วนกลางเองก็ยังเริ่มแตกตื่น


ยามนี้ฐานที่มั่นเผ่าหนี่ว์เจินตะวันออกเปิดประตูกว้าง ทหารบุกกันออกมา มุ่งไปทางกองกำลังเหลียวโจวที่ระส่ำระสาย ทหารองอาจกล้าหาญเผ่าหนี่ว์เจิน พวกเขามีทหารม้าพันกว่า บุกเข้ามาทันที


ทัพเมืองเหลียวโจวแตกแล้ว ฉินเต๋ออี่กับหลี่ผิงหูสองคนครั้งนี้ไม่หนี หรืออาจไม่มีโอกาสหนี พวกเขาบุกเข้าทัพใหญ่เผ่าหนี่ว์เจิน และถูกล้อมในวงล้อม ไม่อาจรอดออกมาได้อีก


หลี่เฉิงเหลียงคิดรวบรวมกำลังทหารในสังกัดคุมสถานการณ์ แต่ไม่อาจทำได้ ทหารแตกกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง รอบนอกเอาไม่อยู่แล้ว


ทุกคนเดิมทีล้วนหวังว่าหลี่เฉิงเหลียงจะสั่งการใด คิดไม่ถึงหลี่เฉิงเหลียงบนหลังม้านิ่งอึ้งราวกับไก่ไม้ ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เขากลับดูแก่ลงไปสิบกว่าปี หัวหน้าทหารหลายนายคิดแล้ว ก็ไม่สนใจนายหรือลูกน้อง พากันสบตาประคองหลี่เฉิงเหลียงหนีกลับ


สองฝ่ายปะทะนับแสนบนสนามรบ เปิดพื้นที่กว้าง แม้ด้านหนึ่งแตกกระเจิงไป แต่หากคิดจะสังหารถึงทัพกลางก็ต้องใช้เวลาพอควร ทหารหลี่เฉิงเหลียงคุ้มกันนายหนีออกไป ขุนพลทหารที่เหลือย่อมไม่อยู่ให้ตัวตาย ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงที่ตาย ไม่ถึงขั้นต้องสละชีพ


ทหารม้าทัพหลักบนสนามรบถอยหนี สถานการณ์ทั้งหมดพังทลายสิ้นเชิง แม้แต่ทหารราบเผ่าหนี่ว์เจินก็ล้วนสามารถเข้าสังหารทหารม้าเก่งกล้ากองกำลังหมิงได้ สังหารได้หนึ่ง แต่ที่เหลือก็ตามไม่ทัน หากทหารราบเต็มพื้นที่เป็นเป้าหมายแห่งการสังหาร ทุกด้านพากันแตกกระเจิงไม่หยุด


หลี่หรูป๋อที่มุ่งโจมตีป้อมเจี้ยฝานไจ้รู้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว แต่ทางป้อมเจี้ยฝานไจ้ พวกเผ่าหนี่ว์เจินตั้งหลักมั่นยอมตายบุกออกมา ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากอยู่ก่อนแล้ว


ปืนใหญ่ไม่ค่อยสร้างความข่มขวัญให้ทหารราบที่บุกออกมาสักเท่าไร พวกเผ่าหนี่ว์เจินได้เปรียบเพราะอยู่ที่สูงกว่า หลี่หรูป๋อคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะบุกอย่างไม่สนใจอะไรเช่นนี้ พริบตาก็ต้านทานไม่อยู่ ได้แต่ถูกไล่ลงไป ตอนกำลังจัดทัพจะบุกอีกรอบ ข่าวแตกพ่ายก็มาถึง


หลี่หรูป๋อเป็นลูกกตัญญู ไม่สนใจเอาตัวรอด หากรวบกำลังทหารติดตามไปช่วยบิดา เห็นพวกบิดากำลังหนี แน่นอนต้องหนีตามเช่นกัน


ทหารราบไม่อาจรวบรวมกลับมาได้แล้ว ทหารม้าตนก็แตกกระจัดกระจายระหว่างทาง ทหารม้าเมืองเหลียวโจวหนีตายกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่ได้หันไปมองทัพม้ามองโกลไล่บดขยี้มา ม้าหลายตัวในขบวนทัพม้าก็พากันล้มตาย ล้วนหมดกำลัง แต่ก็หาม้าอื่นไล่ตามต่อ


ไม่รักษาฐานที่มั่นแล้ว เสบียงก็ไม่เอาแล้ว รีบหนีกลับเมืองเหลียวโจวก่อน


***************


เมืองหลวงได้รับข่าวการรบอย่างละเอียดตอนต้นเดือนสิบเอ็ด เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวได้รับชัยชนะ ข่าวที่ปิดบังไว้แน่นอนตอนนี้เผยออกมา สายที่อยู่ตอนลึกที่สุดกับทหารที่กระจัดกระจายตอนนี้เริ่มกลับมายังเมืองเหลียวโจว พวกเขานำข่าวละเอียดมา


เผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลตอนนี้ประสานกำลังกันบุกเข้าด่านฝู่ซุ่นกวนมาแล้ว เข้าพื้นที่เมืองเหลียวโจวแล้ว ค่ายฝู่ซุ่นตกเป็นของข้าศึกแล้ว เมืองใหญ่อันดับสองของเมืองเหลียวโจวเช่นเสิ่นหยางกลายเป็นแนวหน้าแทน


พวกที่ร่วมมือกับเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวก็คือพวกเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นแห่งมองโกล ยังมีเผ่าตั่วเหยียนและเผ่าไท่หนิงที่หลงเหลืออยู่ ยังมีชนเผ่ามองโกลที่ภูเขาไป๋ซานและแม่น้ำเฮยสุ่ย


ความจริงนั้นเมื่อสามปีก่อน นู่เอ่อร์ฮาชื่อรวมกำลังเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว เผ่าหนี่ว์เจินเผ่าทางตะวันตกร่วมเป็นพันธมิตรกับเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นของมองโกลรบกับเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวได้รับชัยเหนือกว่าเล็กน้อย พวกเขาเดิมทีควรเป็นศัตรูที่ไม่อาจร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน คิดไม่ถึงเพราะมีศัตรูเดียวกันจึงร่วมมือกันได้


การสังหารม้าขาววัวดำร่วมเป็นพันธมิตรนั้นเป็นพิธีการร่วมพันธมิตรที่สำคัญที่สุด เพื่อแสดงถึงการร่วมเป็นร่วมตาย


การต่อสู้ครั้งนี้เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวนำกำลังเกินสองหมื่นร่วมศึก ไม่เพียงแค่เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว ยังมีเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีทางตะวันตก ถึงกับแม้แต่เผ่าหนี่ว์เจินตอนเหนือก็มาร่วมสามพันกว่า


เพื่อผนึกกำลังเหล่านี้ เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวนำสมบัติที่ได้จากการสงครามที่สั่งสมมาโปรยออกไป แน่นอนทำให้ได้กองกำลังกองใหญ่มา แน่นอนการค้านี้ไม่เสียเปรียบ ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ได้เสบียงมามากมาย ยังมีข้าวของจากสงครามต่างๆ เพียงพอชดเชยที่เสียไปก่อนหน้า


หลังชัยชนะใหญ่  แต่ละเผ่าในเฮ่อถูอาลาก็ยกให้หัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว นู่เอ่อร์ฮาชื่อ เป็นข่าน ชื่อว่า ‘ข่านปรีชา’ แสดงให้เห็นว่านู่เอ่อร์ฮาชื่อได้ขับไล่แผ่นดินหมิงออกจากการบัญชาการเมืองเจี้ยนโจวและทิ้งตำแหน่งขุนพลที่ได้รับพระราชทานมาแล้ว ตัดสะบั้นกับแผ่นดินหมิงเด็ดขาดแล้ว


เดิมแม่ทัพใหญ่เมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงมีชื่อเสียงเกรียงไกรในหมู่พวกนอกด่านทางแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป๋ซาน ชนชั้นสูงเผ่าหนี่ว์เจินแต่ละเผ่าแถบแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป๋ซานล้วนยกย่องสูงส่งราวกับฮ่องเต้ ทหารม้าเหล็กเมืองเหลียวโจวก็ยังมีชื่อเสียงว่ารบไม่เคยแพ้


ครั้งนี้ชื่อเสียงตำนานหมดสิ้น การพ่ายของกองกำลังหมิงทำให้นู่เอ่อร์ฮาชื่อกลายเป็นวีรบุรุษเผ่าหนี่ว์เจิน เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวโดดเด่นขึ้นมา เผ่าหนี่ว์เจินไห่ซีเดิมทีมีใจคิดปรปักษ์ ถึงกับสมคบกับกองกำลังหมิงมาตลอด  คอยแอบให้ข่าว แต่ครั้งนี้ก็ยังมาร่วมโจมตี  หลังชัยชนะนี้ เผ่าหนี่ว์เจินไห่ซีหลายกลุ่มนับวันยิ่งเข้าไปอยู่ฝ่ายเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวมากขึ้น


สำหรับเผ่าหนี่ว์เจิน พวกเขามีชีวิตบนเขา อาศัยการล่าสัตว์ยังชีพ แม้ว่าองอาจกล้าหาญ แต่มักลำบากยากจน ขอเพียงให้เงินทองและของกินพวกเขา มักจะทำให้พวกเขามีใจจงรักภักดีและสวามิภักดิ์


หัวหน้าเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นหมั่งกู่ซือได้ชื่อว่า ข่าน นานแล้ว นู่เอ่อร์ฮาชื่อได้เป็น ข่านปรีชา สองคนร่วมสถานะ


น้าวธนูยิงไปไม่อาจคืน นู่เอ่อร์ฮาชื่อได้ชื่อ ข่านปรีชา ยังปราบกองกำลังหมิงพ่ายไป ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเป็นใหญ่นอกกำแพงเมืองแล้ว


ตอนนี้เป็นฤดูหนาว หยุดพักทำเกษตร สามารถเคลื่อนกำลังมาได้มาก นู๋เอ่อร์ฮาชื่อประกาศ ‘สามแค้นใหญ่’ กับทหารเมืองเหลียวโจว


ทัพหลักเมืองเหลียวโจวแตกกระจัดกระจาย ด้านในว่างเปล่า เป็นเวลาโจมตีที่ดีที่สุด ทัพใหญ่มองโกลกับเผ่าหนี่ว์เจินบุกเข้าเมืองเหลียวโจว ยึดกองกำลังฝู่ซุ่น ทัพใหญ่เหลียวโจวถูกบีบถอยไปเสิ่นหยาง ทัพมองโกลเดินทัพมามุ่งไปยังกองกำลังเถี่ยหลิ่ง แต่ละที่รายทางถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย


ไม่ว่ามองโกลเคอเอ่อร์ชิ่นหรือเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว ล้วนไม่มีประสบการณ์ตีเมืองใหญ่ เมืองเสิ่นหยางกับกองกำลังเถี่ยหลิ่ง พวกเขาไม่อาจยึดได้ในเวลาอันรวดเร็ว ได้แต่กวาดต้อนหมู่บ้านและป้อมล้อมรอบไปแทน กองกำลังเถี่ยหลิ่งกับเมืองอันเล่อ เมืองชายแดนสำคัญตอนเหนือสุดของเมืองเหลียวโจว หากยึดได้ ลุ่มน้ำเหลียวเหอก็ไร้การป้องกัน สามารถเข้าสู่เสิ่นหยางกับเหลียวหยางทางทุ่งหญ้าได้ทันที ยึดที่นี่ได้ พวกมองโกลเคอเอ่อร์ชิ่นก็จะยิ่งสะดวกในการเข้าสู่เมืองเหลียวโจว


เสิ่นหยางเป็นประตูหลักสู่เมืองเหลียวโจว เป็นเส้นทางสำคัญ หากไม่ตีเสิ่นหยาง ไม่ว่าไปเมืองเหลียวโจวทางใด ก็ล้วนมีอันตรายว่าจะถูกตัดทางด้านหลัง


รองแม่ทัพซุนโส่วเหลียนประจำเหลียวหนานยามนี้ปรากฏตัว เพราะอยู่กองหลัง เมื่อกองหน้าพ่ายศึก เขาย่อมนำกำลังหนีทัน แม้ว่าเขาหนี แต่กำลังกระจัดกระจายไปไม่มาก หลี่เฉิงเหลียงเดิมไม่อยากให้เขานำกำลังทหารสร้างความชอบมาก ดังนั้นปรากฏซุนโส่วเหลียนจึงคุมกำลังในมือตนไว้ได้สมบูรณ์ไม่เสียหาย


ซุนโส่วเหลียนหนีกลับเหลียวหนาน ก็เตรียมป้องกันเมืองเหลียวโจวตามแนวขวางออกตกของแม่น้ำไท่จื่อเหอ แต่ละป้อมแต่ละค่ายก็ล้วนเสริมกำลังแน่นหนา


มองโกลเคอเอ่อร์ชิ่นกับเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว หนึ่งอยู่ตะวันตก หนึ่งอยู่เหนือ เหลียวหนานได้รับผลกระทบน้อยมาก กอปรกับกำลังยังอยู่ กลับทำให้รักษาไว้ได้


พวกนอกด่านตะวันตกกับพวกนอกด่านทางตะวันออกร่วมกันแล้วก็หลายหมื่น คิดปิดบังไม่ง่าย ข่าวมาถึงเมืองหลวงไม่ขาด


ผู้ว่าการเขตจี้เหลียวกับขุนนางที่ราชสำนักส่งมาไปถึงเมืองเหลียวโจว แต่ละพื้นที่ตอนเหนือรวมกำลังทหารไปที่เสิ่นหยางตั้งแนวป้องกัน คุมสถานการณ์ สองฝ่ายตอนนี้นับว่ารักษาท่าทีกันอยู่


บุตรชายคนหนึ่งของหลี่เฉิงเหลียงตายในสนามรบ บาดเจ็บอีกหนึ่ง ทหารคนสนิทก็สูญเสียไปสี่ห้านาย ก็เป็นการสูญเสียที่เจ็บหนัก หากที่เหลวไหลก็คือ สถานการณ์เช่นนี้ ถึงกับมีคนในแนะนำให้หลี่เฉิงเหลียงปิดบัง ใช้เงินทองซื้อพวกเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกล ให้พวกเขาถอยทัพไปก่อน จากนั้นค่อยว่ากันใหม่ มาแก้ปัญหานี้ทีหลัง


กล่าวถึงคนเสนอผู้นี้ ถูกจับตัดหัวทันที หลี่เฉิงเหลียงยามนี้ได้คิดเข้าใจแล้ว


“ตอนนี้สำคัญที่ต้องขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก หากยังปิดบังอีกต่อไป ตระกูลหลี่อย่าว่าแต่รักษาอำนาจวาสนาไม่ได้ เกรงว่าแม้แต่ตระกูลก็คงถึงจบสิ้นวงศ์ตระกูล!”


**************


“โกรธแค้นหมิงที่สังหารปู่ข้าไร้เหตุผล โกรธแค้นหมิงที่กวาดต้อนคนและทรัพย์สินเราไป โกรธแค้นหมิงที่อวดเบ่งบารมีกับเรา…”


หวังทงยิ้ม ส่ายหน้าอ่านสามแค้นของนู่เอ่อร์ฮาชื่อจบลง อ่านจบแล้วก็รู้สึกงง เหมือนมีอันใดไม่ถูกต้อง ก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงรู้สึกเช่นนี้


ความพ่ายแพ้ของเมืองเหลียวโจว ทำให้บรรยากาศเมืองหลวงหดหู่ แต่ก็เพียงแค่นี้ อย่างไรเมืองเหลียวโจวก็ห่างจากเมืองหลวงไกล สถานการณ์ก็ยังไม่ใช่ว่าแตกพ่าย ที่ต้องทำจากนี้ก็คือจะฟื้นคืนอย่างไร


“นายท่าน ฝ่าบาทให้เข้าเฝ้า ขอท่านรีบเข้าวัง”


ด้านนอกมีทหารติดตามมารายงาน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)