เทพปีศาจหวนคืน 972-975

 บทที่ 972 แผนการใหม่


แปลโดย iPAT 


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น? สนามรบแห่งความโกลาหลอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนเต็มไปด้วยความสงสัยและผิดหวัง


 


หลังจากเกิดใหม่ เขารีบมาที่ภูเขาอี้เทียนทันทีโดยคิดว่าจะสามารถยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะ


 


แต่เมื่อเขาค้นลึกลงไปใต้พิภพ เขากลับไม่พบสนามรบแห่งความโกลาหล กระทั่งผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดก็ไม่อยู่เช่นกัน


 


“เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีเหตุผลบางอย่างอยู่เบื้องหลังการปรากฏขึ้นของสนามรบแห่งความโกลาหล ข้ามาเร็วเกินไป ดังนั้นจึงไม่พบมันงั้นหรือ?” ฟางหยวนขมวดคิ้วและครุ่นคิด


 


เขาเดาถูก


 


ก่อนหน้านี้เหตุผลที่สนามรบแห่งความโกลาหลปรากฏขึ้นเป็นเพราะไป่หนิงปิง


 


เขากระตุ้นใช้วิญญาณอมตะลึกลับที่ได้รับมาจากผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อ


 


เป็นธรรมชาติที่ฟางหยวนจะไม่รู้รายละเอียดและไม่มีวิญญาณอมตะลึกลับดวงนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่พบสิ่งใดเลย


 


หากสนามรบแห่งความโกลาหลถูกฝังไว้ที่นี่จริงๆ มันอาจถูกยึดครองไปนานแล้ว


 


โดยปราศจากทางเลือกอื่น ฟางหยวนทำได้เพียงจากไปอย่างเงียบๆเท่านั้น


 


เมื่อไม่สามารถยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล ฟางหยวนจึงต้องเปลี่ยนแผน


 


เขากระตุ้นใช้วิญญาณท่องแดนอมตะและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ค่ายกลวิญญาณใต้บาดาลของภาคเหนือ


 


เขาเข้าสู่จุดศูนย์กลางของค่ายกลวิญญาณโดยตรง


 


มันเป็นทะเลทรายสีม่วงขนาดใหญ่


 


ที่นี่เต็มไปด้วยทรัพยากรอมตะที่ล้ำค่าและหายาก


 


ความทรงจำของฟางหยวนยังกระจ่างชัด เขาไม่จำเป็นต้องตรวจสอบและสามารถตรงไปรวบรวมสมบัติได้ทันที


 


สมบัติเหล่านี้ล้ำค่ามาก สมบัติที่มีค่าน้อยที่สุดยังเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปด


 


ไม่นานหลังจากนั้นทรัพยากรอมตะกึ่งระดับเก้าทั้งสิบแปดชิ้นก็ตกอยู่ในกำมือของฟางหยวนอีกครั้ง


 


เขาทำลายข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในค่ายกลวิญญาณก่อนจากไป


 


แน่นอนว่าเขาไม่ยินดีทิ้งวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายไว้ให้ผู้อื่น


 


ก่อนจากไปเขากวาดตามองสถานที่แห่งนี้อีกครั้งและลอบถอนหายใจ


 


เขาเห็นทรัพยากรอมตะมากมายอยู่ในทะเลทรายสีม่วงแต่เขาก็รู้ว่าตนเองไม่สามารถเก็บเกี่ยวพวกมัน


 


ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนต้องวางแผนอย่างรอบคอบก่อนจะสามารถเข้ามาถึงที่นี่ แต่ในชีวิตนี้เขากลับสามารถมุ่งหน้ามาที่นี่และรวบรวมสมบัติได้โดยตรงโดยใช้เวลาและพลังงานน้อยที่สุด กระบวนการทั้งหมดนั้นง่ายดายราวกับความฝัน


 


ด้วยการใช้วิญญาณท่องแดนอมตะอีกครั้ง ฟางหยวนออกจากสถานที่แห่งนี้และกลับสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู


 


การหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ล้มเหลว ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสำเร็จและทรัพยากรมากมายสูญสลายไป


 


ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะครั้งนี้ เขาต้องจ่ายด้วยทรัพยากรทั้งหมด


 


หลังจากกำเนิดใหม่ อาจกล่าวได้ว่าเขายากจนมาก


 


ดังนั้นสมบัติที่เขาพึ่งได้รับจึงถือเป็นความช่วยเหลือที่มาได้ถูกเวลา


 


ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องการเก็บพวกมันไว้ในช่วงเวลาที่เขาต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด


 


แต่นั่นยังอีกนาน การบ่มเพาะของเขาอยู่ในจุดต่ำสุดของระดับหก การก้าวเข้าสู่ระดับแปดไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้


 


ฟางหยวนคิดมาแล้วว่าจะใช้ประโยชน์จากพวกมันอย่างไร


 


เช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนขายทรัพยากรอมตะหลายชิ้นในสวรรค์สีเหลืองและสร้างความแตกตื่นขึ้นอีกครั้ง


 


กระทั่งในสวรรค์สีเหลือง ทรัพยากรเหล่านี้ก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าและหายาก


 


ฟางหยวนแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่เขาต้องการและสามารถให้อาหารวิญญาณอมตะทั้งหมดของเขายกเว้นวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองและวิญญาณสติปัญญา


 


ลองทบทวนวิญญาณอมตะในการครอบครองของฟางหยวน


 


วิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนห้าดวงคือ วิญญาณความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณยกภูเขา วิญญาณดึงแม่น้ำ วิญญาณความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็ก และวิญญาณกินความแข็งแกร่ง


 


วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดวงดาวจำนวนสามดวงคือ วิญญาณศรดาวตก วิญญาณร่องรอยดารา และวิญญาณแสงดาว


 


วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคจำนวนสามดวงคือ วิญญาณเชื่อมโยงโชค วิญญาณช่วงเวลาแห่งโชค และวิญญาณเรียกภัยพิบัติ


 


นอกจากนี้เขายังมี วิญญาณกาลเวลา วิญญาณท่องแดนอมตะ วิญญาณหัวใจหญิงงาม วิญญาณล้างใจ และวิญญาณคลี่คลายปริศนา


 


ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์มาในช่วงเวลานี้ แต่หลังจากเกิดใหม่ เขาล้มเหลวในการหลอมรวมมัน


 


สำหรับวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า ฟางหยวนไม่สามารถปรับแต่งมันและทำได้เพียงวางมันไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูเท่านั้น


 


โดยปกติแล้วผู้อมตะระดับหกไม่แม้แต่จะมีวิญญาณอมตะหนึ่งดวงในการครอบครอง


 


จำนวนวิญญาณอมตะในการครอบครองของฟางหยวนชัดเจนกว่าเหนือกว่าระดับหกไปไกลแล้วโดยยังไม่ต้องกล่าวถึงวิญญาณสติปัญญา


 


ดังนั้นการให้อาหารวิญญาณอมตะเหล่านี้จึงถือเป็นภาระใหญ่หลวงของฟางหยวนมาตลอด


 


ตอนนี้ปัญหาการให้อาหารถูกแก้ไข ฟางหยวนจึงรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย


 


“จิตวิญญาณแผ่นดิน” ฟางหยวนเรียกเบาๆอยู่ในห้องลับ


 


“นายท่าน ข้าอยู่นี่” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูปรากฏตัวขึ้นด้วยรอยยิ้มแจ่มใสและพุ่งเข้ากอดขาของฟางหยวนเอาไว้ทันที


 


“นายท่าน ข้าไม่ได้รบกวนท่านเพราะเห็นว่าท่านกำลังยุ่ง แต่ข้าคิดถึงท่านจริงๆ” เสี่ยวหูกล่าวอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับสะบัดพวงหางสีขาวของนาง “แม้นายท่านจะน่าเกลียดก็ตาม”


 


ฟางหยวนหัวเราะและลูบศีรษะเสี่ยวหูก่อนออกคำสั่ง “ไปสั่งมนุษย์ขนในหอคอยหินให้เพิ่มกำลังผลิตวิญญาณถุงสูญญากาศ”


 


“รับทราบ” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูตอบรับทันที


 


“ไปได้แล้ว”


 


“ทราบแล้ว…” เสี่ยวหูมองฟางหยวนด้วยสายตาไม่เต็มใจก่อนจะหายตัวไปในที่สุด


 


เมื่อเสี่ยวหูจากไป ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางต่อไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


เวลานี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังไม่เปลี่ยนร่าง เขายังอยู่ในรูปลักษณ์ของชายชราผมขาวชุดคลุมยาวและดูอ่อนโยน


 


“เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่? เจ้ารวบรวมสมบัติที่ข้าร้องขอได้แล้วงั้นหรือ? หากไม่ เราก็ไม่มีสิ่งใดต้องพูดคุยกัน!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสะบัดแขนเสื้อกล่าวอย่างเฉยเมย


 


เนื่องจากความต้องการที่มากเกินไปของฟางหยวนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา


 


ฟางหยวนต้องการความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแต่ชายชราร้องขอทรัพยากรอมตะที่หายากเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน


 


ต้นกำเนิดของทรัพยากรดังกล่าวมาจากสวรรค์ทั้งเก้า


 


หากไม่ใช่เพราะความหายากของมัน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่มอบภารกิจนี้ให้กับฟางหยวน


 


“แน่นอน ข้าได้มาแล้ว ดูนี่” ฟางหยวนหัวเราะโดยไม่สนใจท่าทีที่เย็นชาของฝ่ายตรงข้าม


 


“เจ้าได้มันมาจริงๆ!?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองทรัพยากรอมตะในมือของฟางหยวนและกล่าวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


 


เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มองฟางหยวนในแง่ดีนัก


 


ถูกต้อง


 


นี่เป็นภารกิจที่เกินขีดความสามาถของฟางหยวนในชีวิตก่อนหน้า แต่ชีวิตนี้เขามีทรัพยากรอมตะระดับแปดอยู่ในมือ เหตุใดเขาต้องกังวลว่าจะไม่สามารถซื้อสิ่งที่ต้องการ?


 


ฟางหยวนส่งกลีบดอกไม้พิษให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและร้องขอวิญญาณความคิดดาราระดับมนุษย์จำนวนมากรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์ดวงอื่นๆ


 


เขารู้แล้วว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาที่แท้จริงเป็นอย่างไร


 


สิ่งสำคัญก็คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหม้อหลอมรวม


 


มนุษย์ขนจำนวนนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ที่นี่


 


แดนศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถมองเห็นในเวลานี้เป็นเพียงก้อนเมฆบนท้องฟ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาที่แท้จริงเท่านั้น ด้านล่างยังมีสามทวีปที่เต็มไปด้วยประชากรมนุษย์ขนที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุข


 


ด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขา มันเป็นเรื่องง่ายที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมาก


 


“บนพื้นฐานที่ข้ามี ข้าสามารถช่วยเจ้าในเรื่องนี้” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบก่อนกล่าวเพิ่ม “แต่ครั้งหน้าข้าหวังว่าเจ้าจะนำเกล็ดกิเลนจันทร์เสี้ยวมาให้ข้าอย่างน้อยสามสิบชิ้นมิฉะนั้นข้าจะไม่ฟังคำขอใดๆจากเจ้าทั้งสิ้น”


 


น้ำเสียงของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังเย็นชาแต่ใบหน้าของเขาไม่ได้เย็นชาอีกต่อไป


 


ฟางหยวนพยักหน้าและใช้วิญญาณท่องแดนอมตะจากไปอย่างเงียบๆ


 


เขามีวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายรวมถึงวิธีเปลี่ยนร่างบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากท่าไม้ตายเพลิงนิพพานของนางมารผลาญสวรรค์ เขาสามารถกำจัดร่างผีดิบอมตะ แต่เขายังไม่มีแผนการที่จะทำเรื่องนี้


 


การมีชีวิตหมายถึงศักยภาพที่จะก้าวหน้าเท่านั้น ตอนนี้เขายังเป็นผู้อมตะในจุดต่ำสุดของระดับหก หากเขากลับเป็นผู้อมตะที่มีชีวิต เขาจะสูญเสียความแข็งแกร่งทางกายภาพและทำให้เขาอ่อนแอลง


 


สิ่งสำคัญก็คือฟางหยวนเหลืออายุไขไม่มาก


 


เขาให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหลอมรวมวิญญาณต่างๆเพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคต


 


ทรัพยากรอมตะแลกกับวิญญาณระดับมนุษย์ นี่ถือเป็นการสูญเสียของฟางหยวน แต่ฟางหยวนไม่กังวล


 


เขามีแผนการของตนเองเกี่ยวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น


 


ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งของภาคกลาง


 


มีต้นไม้พิเศษอยู่ที่นี่


 


มันก็คือต้นไม้แห่งความฝัน


 


‘มันยังอยู่ที่นี่จริงๆ’ ฟางหยวนซ่อนตัวและตรวจสอบมันอย่างมีความสุข


 


ในชีวิตก่อนหน้าเขาได้รับข้อมูลนี้มาจากโม่เหยา แต่เมื่อเขามาถึงที่นี่ มันก็ถูกโค่นลงไปแล้ว


 


อย่างไรก็ตามหลังจากกำเนิดใหม่ ฟางหยวนไม่ต้องดิ้นรนเข้าร่วมกับกองกำลังพันธมิตรผีดิบเพื่อหาวิธีกำจัดร่างผีดิบและสามารถมาที่นี่ได้เร็วกว่าในชีวิตก่อนหน้า



บทที่ 973 ต้นไม้แห่งความฝัน


แปลโดย iPAT 


 


ต้นไม้แห่งความฝันเป็นพืชที่พิเศษมาก


 


มันอาจเป็นต้นไม้ชนิดใดก็ได้แต่มีต้นไม้เพียงไม่กี่ต้นที่สามารถกลายพันธุ์เป็นต้นไม้แห่งความฝัน


 


หนึ่งในนั้นตั้งอยู่ใกล้กับบ้านของเกษตรกรผู้หนึ่ง


 


หัวหน้าครอบครัวเป็นชายชราชื่อเฒ่าเฉิน


 


“ลูกข้า อีกครึ่งปีเจ้าจะแต่งงาน ข้าจะสร้างบ้านให้เจ้าโดยใช้ต้นอินทผลัมเพลิงต้นนี้” เฒ่าเฉินยืนอยู่ด้านหน้าต้นไม้ต้นหนึ่งและกล่าวกับบุตรชายที่อยู่ด้านข้าง


 


บุตรชายยกนิ้วขึ้นด้วยความยินดี “ท่านพ่อ นี่เป็นความคิดที่ดีมาก ต้นไม้ต้นนี้มีอายุมากกว่าหมู่บ้านของเรา แม้มันจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่มันกลับไร้ประโยชน์ การตัดมันมาสร้างบ้านถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด”


 


ฟางหยวนมองด้วยสายตาเย็นชา


 


เขายืนอยู่ไม่ไกลแต่ไม่มีผู้ใดมองเห็นเขา


 


เฒ่าเฉินกับบุตรชายไม่แม้แต่จะเป็นผู้ใช้วิญญาณ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของฟางหยวน


 


ได้ยินว่าต้นไม้แห่งความฝันกำลังจะถูกโค่นล้ม ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะขมวดคิ้วลึก


 


ผลไม้แห่งความฝันจะถือกำเนิดผ่านต้นไม้ต้นนี้


 


ผลไม้แห่งความฝันเป็นสิ่งที่อยู่ในความฝัน มันไม่มีร่างกายภาพอยู่บนโลกแห่งความจริงแต่มันอาศัยต้นไม้ที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้เป็นรากฐาน


 


ต้นอินทผลัมเพลิงต้นนี้มีอายุหลายพันปีและสามารถผลิตผลไม้แห่งความฝัน


 


โดยธรรมชาติ อายุของต้นไม้ไม่ใช่ข้อกำหนดเดียวที่จะทำให้พวกมันกลายเป็นต้นไม้แห่งความฝัน


 


สิ่งสำคัญก็คือต้องมีมนุษย์อาศัยอยู่รอบๆมันมาอย่างยาวนานเพื่อช่วยสนับสนุนการถือกำเนิดของผลไม้แห่งความฝัน


 


ในอดีตที่นี่เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน หลังจากการระเบิดของภูเขาไฟ หลายร้อยปีต่อมามันกลายเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และเหมาะสมต่อการเพาะปลูก ดังนั้นมันจึงดึงดูดผู้คนให้เข้ามาอยู่อาศัย


 


ต้นอินทผลัมเพลิงต้นนี้สามารถอดทนต่อความร้อนและผ่านวันเวลามาอย่างยาวนานกระทั่งกลายเป็นต้นไม้แห่งความฝัน


 


หากมันถูกโค่นลง ผลไม้แห่งความฝันจะไม่สามารถถือกำเนิดขึ้นที่นี่และจะย้ายไปยังต้นไม้ต้นอื่นที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของมัน


 


ฟางหยวนไม่มีวิธีย้ายต้นไม้แห่งความฝัน เขาไม่มีแม้แต่วิธีการเก็บผลไม้แห่งความฝันโดยตรงแต่ต้องหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันเพื่อเก็บเกี่ยวมัน


 


ในอดีตโม่เหยารู้สึกว่าต้นไม้ต้นนี้มีความพิเศษบางอย่าง แต่ด้วยความรู้ที่จำกัด นางจึงไม่สามารถบอกความพิเศษของมันและทำได้เพียงทิ้งมันไว้เบื้องหลังเท่านั้น


 


‘ดูเหมือนข้าต้องรักษาสภาพแวดล้อมของต้นไม้แห่งความฝันเอาไว้ดังเดิมเพื่อให้มันผลิตผลไม้แห่งความฝันต่อไป’


 


ฟางหยวนสะบัดนิ้วส่งเจตจำนงของตนเข้าสู่จิตใจของเฒ่าเฉินและบุตรชาย


 


ทันใดนั้นบุตรชายพลันกรีดร้องและร่ำไห้ “ท่านพ่อ อย่าตัดต้นไม้ต้นนี้ แม้มันจะไม่สามารถผลิตผลไม้ แต่ข้าอยากเก็บมันไว้ ข้าเห็นมันมาตั้งแต่เด็ก ข้าฉี่รดต้นไม้ต้นนี้และทำให้มันเติบโตขึ้น แล้วข้าโค่นมันลงได้อย่างไร โปรดลืมเรื่องการตัดมันมาสร้างบ้านเสียเถิด!”


 


“เห้อ…ตกลง” เฒ่าเฉินพยักหน้าด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดง “เช่นนั้นก็ปล่อยให้มันเติบโตต่อไป เราจะเลือกต้นไม้ต้นอื่น แม้จะไม่มีต้นไม้ที่สูงกว่านี้ แต่มันก็เพียงพอที่จะสร้างบ้านให้เจ้า”


 


หลังจากเปลี่ยนความคิดของคู่พ่อลูก ฟางหยวนวางค่ายกลวิญญาณเอาไว้อีกชั้นเพื่อปกป้องต้นไม้แห่งความฝัน


 


ระหว่างช่วงเวลานี้ฟางหยวนทบทวนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


 


‘ตามเหตุการณ์ในชีวิตก่อนหน้า หลังจากข้าหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ ข้าช่วยไท่เป่ยหยุนเฉิงก้าวข้ามภัยพิบัติก่อนจะเข้าสู่การต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา หลังจากนั้นข้าปลอมตัวเป็นซิงเซียงซื่อเข้าสู่ทะเลตะวันออกและร่วมบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ ในช่วงเวลานั้นถ้ำสวรรค์นภาแห่งดาวได้ร่วงหล่นลงมา ข้าถูกเชิญให้เข้าร่วมในการบุกถ้ำสวรรค์นภาแห่งดาว หลังจากเหตุการณ์นี้นางมารผลาญสวรรค์ได้ปรากฏตัวขึ้นและต่อสู้กับฉลามนิ้วกาลเวลา ข้าถูกบังคับให้เข้าร่วมกับนางและเดินทางไปยังภาคเหนือกระทั่งสามารถเข้าสู่โลกใต้บาดาล หลังจากนั้นข้าถูกชักนำให้เข้าสู่แผนการสังหารไห่เจิ้งและถูกบังคับให้ทำข้อตกลงใหม่กับกลุ่มของนางมารผลาญสวรรค์ พวกเราสามารถยึดครองหุบเขาเหล่าโป สุดท้ายข้าจึงเข้าสู่การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน’


 


‘หลังจากกำเนิดใหม่ เป้าหมายหลักของข้าคือยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล ตราบเท่าที่ข้าได้รับมัน ข้าจะสามารถปราบปรามผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดและได้รับผลประโยชน์มหาศาล’


 


แผนการยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหลของฟางหยวนล้มเหลว แต่ความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวจะหยุดเขาได้อย่างไร


 


สนามรบแห่งความโกลาหลยังไม่ปรากฏขึ้นในเวลานี้ เขาเพียงต้องรอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น


 


ตามแผนการเดิมของเขา หลังจากยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหลและกำหราบผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด เขาจะรอจนถึงเวลาที่ต้องทำข้อตกลงใหม่กับกลุ่มของนางมารผลาญสวรรค์และใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้จัดการกับพวกนาง บางทีเขาอาจสามารถหยิบยืมคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหม้อหลอมรวมจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อรับประโยชน์สูงสุด


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่สามารถทำเรื่องเหล่านี้


 


หากไม่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ฟางหยวนยังอ่อนแอกว่าฝ่ายของไห่ลั่วหลันอย่างชัดเจน แม้เขาจะมีแผนการมากมาย แต่ปราศจากความแข็งแกร่ง เขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ท้ายที่สุดแล้วไห่ลั่วหลันก็เป็นตัวตนที่น่าเกรงขามเช่นกัน นางไม่ใช่คนที่จะสามารถกลั่นแกล้งได้โดยง่าย สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากเรื่องที่นางสังหารบิดาของตนและต้องการแทรกซึมเข้าสู่เผ่าไห่


 


แม้แผนการของฟางหยวนจะยอดเยี่ยม แต่ความเป็นจริงกลับโหดร้าย


 


ฟางหยวนต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด นั่นก็คือสนามรบแห่งความโกลาหลจะปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกับชีวิตก่อนหน้าขณะที่เขาไม่สามารถลอบเข้าไปฉกชิงมันมาได้ในช่วงเวลานี้


 


สถานการณ์นี้มีความเป็นไปได้สูงมาก


 


‘เมื่อสนามรบแห่งความโกลาหลปรากฏขึ้น มันจะแสดงภาพเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้น ดังนั้นข้าสามารถเดินไปตามเส้นทางที่มันนำไปเท่านั้น’


 


หากเขาเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนเช่นชีวิตก่อนหน้า เขาจะติดอยู่ในการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะภาคใต้ นิกายเงา และวังสวรรค์ นี่เป็นเหตุการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่งยวด


 


แต่ปราศจากความเสี่ยงจะได้รับผลประโยชน์ได้อย่างไร?


 


ฟางหยวนเป็นคนรอบคอบแต่เขาไม่ขาดความคิดที่จะเสี่ยง


 


ผลประโยชน์มหาศาลทำให้เขาตัดสินใจรับความเสี่ยง


 


เขากลับชาติมาเกิดใหม่และมีข้อมูลมากมาย หากเขาไม่กล้าเสี่ยง มันคงไม่ใช่ตัวเขา


 


‘ตอนนี้ข้าสามารถปกป้องต้นไม้แห่งความฝัน ดังนั้นข้าสามารถทิ้งมันไว้ชั่วคราว ข้าควรเปลี่ยนแผนและเข้าร่วมกับไห่ลั่วหลันอีกครั้ง’


 


ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง แน่นอนว่านางมารผลาญสวรรค์จะเล็งเป้ามาที่เขาเช่นเดิม


 


หากฟางหยวนได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวนาง


 


แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างออกไป หากฟางหยวนต้องการยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะภาคใต้ นิกายเงา และวังสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงต้องมีพันธมิตร


 


แน่นอนว่ามันไม่ใช่ผู้ใดนอกจากไท่เป่ยหยุนเฉิง ไห่ลั่วหลัน เทพธิดาหลี่ซาน และนางมารผลาญสวรรค์ โดยเฉพาะนางมารผลาญสวรรค์ที่มีการบ่มเพาะระดับแปด นางสามารถยกระดับพลังอำนาของคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้มากที่สุด


 


ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนพบกับความยากลำบากเพราะเขาเดินทางเพียงลำพังโดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก เมื่อนิกายเงามาถึง ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เสี่ยวฮันและใช้หุบเขาเหล่าโปบ่มเพาะจิตวิญญาณขณะที่ไท่เป่ยหยุนเฉิงอยู่ที่ทะเลตะวันออก


 


สิ่งทีเกิดขึ้นแน่นอนว่ามันเป็นเพราะฟางหยวนต้องการปกปิดมันจากพวกนางและลอบเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนเพียงผู้เดียว


 


กระทั่งฟางหยวนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาก็ยังเป็นเพียงผู้อมตะในจุดต่ำสุดของระดับหกเท่านั้น เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด เขาอาจต้องใช้เวลาอีกสามร้อยปี


 


เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีเวลาที่จะทำเรื่องดังกล่าว


 


ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร


 


แม้ฟางหยวนจะต้องการกำจัดไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆ แต่มันอาจส่งผลกระทบต่อแผนการของเขา หลายครั้งมาแล้วที่เขาต้องใช้วิธีประนีประนอม


 


เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คนผู้หนึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้การประนีประนอม ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีตำแหน่งใหญ่โตเพียงใด บางครั้งพวกเขาก็ต้องพึ่งพาการเจรจา


 


การละทิ้งผลประโยชน์เล็กๆเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่าคือวิธีการสู่ความสำเร็จและแสดงให้เห็นถึงการเติบโตขึ้นของคนผู้หนึ่ง


 


ด้วยการใช้วิญญาณท่องแดนอมตะอีกครั้ง ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู


 


ในชีวิตก่อนหน้าเมื่อฟางหยวนต้องการกำจัดไห่ลั่วหลัน นางก็ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไปแล้วและไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ติดตาม


 


แต่ในชีวิตนี้เวลานี้นางยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู


 


นางกำลังใช้วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของพลังปราณเพื่อช่วยมนุษย์ขนในหอคอยหินหลอมรวมวิญญาณถุงสูญญากาศ


 


ฟางหยวนไปพบไห่ลั่วหลันที่หอคอยหิน


 


ใบหน้าของนางกลายเป็นไม่น่ามองหลังจากได้รับข่าวสารบางอย่าง


 


เมื่อเห็นฟางหยวน นางชูวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลขึ้นและถาม “เจ้าได้ยินข่าวเรื่องที่ผู้อมตะจากนิกายโบราณทั้งสิบซุ่มโจมตีซ่งซื่อซิงหรือไม่?”


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “แน่นอน เรื่องนี้สามารถเก็บเป็นความลับจากมนุษย์แต่ไม่สามารถปกปิดผู้อมตะ แม้ผู้อมตะจากนิกายโบราณทั้งสิบจะพยายามซุกซ่อนร่องรอย แต่ผู้อมตะคนอื่นๆของภาคกลางย่อมไม่ยินดีเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ตอนนี้พวกเขากำลังรอชมละครฉากใหญ่จากนิกายโบราณทั้งสิบ”


 


“อืม” ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ “มันเป็นโอกาสที่ดี หากเราพลาด เราจะไม่มีโอกาสสังหารซ่งซื่อซิงในเร็ววันนี้ นี่จะทำให้เราสูญเสียแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว”


 


ฟางหยวนมองไห่ลั่วหลันและลอบถอนหายใจอยู่ภายใน ‘คนผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก’


 


นางมีวิญญาณทัศนคติอยู่กับตัวและสามารถเก็บเป็นความลับ กระทั่งญาติสนิทของนางก็ยังไม่รู้


 


การหลอกศัตรูต้องเริ่มจากการหลอกคนใกล้ชิดของตนก่อนเป็นอันดับแรก


 


แต่ฟางหยวนก็ไม่ต่างจากนาง


 


เขายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเรียบร้อยแล้วแต่เขายังจงใจปิดบังข้อมูลนี้จากนาง ในชีวิตก่อนหน้าหากไม่ใช่เพราะนางมารผลาญสวรรค์ ไห่ลั่วหลันจะไม่มีวันรู้ความจริง


 


เพราะฟางหยวนกับไห่ลั่วหลันเป็นคนประเภทเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกชื่นชมนางขณะเดียวกันก็รู้สึกวิตกกังวล หากเป็นไปได้เขาต้องการกำจัดนางโดยเร็วที่สุด


 


แต่โชคชะตาทำงานในรูปแบบที่ลึกลับเสมอ มันทำให้ฟางหยวนต้องร่วมมือกับนางมากขึ้นเพื่อยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล


 


ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องนำวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองออกมาและยื่นให้กับไห่ลั่นหหลัน



 บทที่ 974 การตอบสนองของไห่ลั่วหลัน


แปลโดย iPAT 


 


‘วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง!’ การกระทำของฟางหยวนทำให้จิตใจของไห่ลั่วหลันสั่นคลอน


 


วิญญาณอมตะดวงนี้เดิมทีเป็นของนาง แต่เพราะนางติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน มันจึงจบลงด้วยการที่นางต้องส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองให้กับเขา


 


ไห่ลั่วหลันมีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองเหมาะสมกับนางมากที่สุด นอกจากนี้มันยังเป็นมรดกตกทอดจากซูเซียนเอ๋อมารดาของนาง ดังนั้นมันจึงมีความสำคัญกับนางเป็นอย่างมาก


 


ไห่ลั่วหลันไม่เต็มใจมอบมันให้ฟางหยวนแต่ในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือก


 


นางพยายามครุ่นคิดทั้งกลางวันและกลางคืนว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้รับวิญญาณอมตะดวงนี้กลับคืน


 


อย่างไรก็ตามนางต้องหยุดคิดเรื่องนี้เป็นการชั่วคราว


 


ในแง่มุมหนึ่ง มันสามารถถูกทำลายได้เพียงหนึ่งความคิด ในทางกลับกัน ไห่ลั่วหลันก็เป็นคนฉลาด


 


นางเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวิธีการประนีประนอม


 


ไห่ลั่วหลันกับฟางหยวนเป็นพันธมิตร นางยังต้องพึ่งพาธุรกิจวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะของตัวนางเอง นางร่วมมือกับฟางหยวนเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ ในทางตรงข้าม หากนางเป็นศัตรูกับเขา มันอาจเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ ดังนั้นไห่ลั่วหลันจึงต้องอดทนต่อไป


 


นางทำตัวราวกับลืมวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองไปแล้ว


 


กล่าวได้ว่านางร้ายลึกและฉลาดมาก


 


แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับกำลังส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองให้นาง นี่เกินกว่าการคาดหวังของนางอย่างสิ้นเชิง


 


ไห่ลั่วหลันค่อยๆสงบจิตใจลงและมองไปที่ฟางหยวน


 


สติของนางกลับมาแล้วและนางก็ระวังตัวมากขึ้น


 


นางรู้จักธรรมชาติของฟางหยวน เช่นเดียวกัน นางทั้งชื่นชมและหวาดกลัวฟางหยวน


 


‘เหตุใดฟางหยวนจึงส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองให้ข้า? เขามีแผนใด?’


 


ราวกับได้ยินความคิดของไห่ลั่วหลัน ฟางหยวนหัวเราะเบาๆก่อนกล่าว “อย่ากังวล วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองเหมาะสมกับข้าเช่นกัน แต่ข้าเชื่อว่ามันสำคัญกับเจ้ามากกว่า ดังคำกล่าวที่ว่า สุภาพบุรุษจะไม่เอาเปรียบผู้อื่น ถูกต้องหรือไม่?”


 


ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขณะมองไปที่วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง จากนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นมองฟางหยวนและเย้ยหยัน “เจ้าเป็นสุภาพบุรุษงั้นหรือ? เพียงกล่าวสิ่งที่เจ้าต้องการ”


 


ฟางหยวนลูบจมูกของเขา “หากข้ากล่าวออกไป ข้าเกรงว่าจะทำให้เจ้าตกใจ”


 


ไห่ลั่วหลันตะคอก “พูด!”


 


ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขากล่าวอย่างจริงจัง “เช่นนั้นข้าก็จะกล่าวตามตรง ข้าต้องการใช้วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองแลกเปลี่ยนกับวิญญาณทัศนคติของเจ้า”


 


“อันใด!?” ร่างกายของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขณะที่นางก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว


 


“ข้าเก็บเรื่องการได้มาซึ่งวิญญาณทัศนคติไว้กับตนเอง ข้าซ่อนมันจากท่านป้า ในโลกใบนี้มีข้าเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร!?”


 


ไห่ลั่วหลันตกใจมาก


 


นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง แต่ฟางหยวนกลับเปิดเผยมันออกมา เช่นนี้แล้วจะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไร


 


เจตนาสังหารในดวงตาของไห่ลั่วหลันแผ่พุ่งออกมาโดยที่นางไม่รู้ตัว


 


นางต้องการกำจัดฟางหยวนเพื่อเก็บความลับ!


 


ฟางหยวนเริ่มก้าวถอยหลัง


 


การเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของไห่ลั่วหลัน


 


ไห่ลั่วหลันแสดงออกราวกับสัตว์ร้าย แต่ฟางหยวนกลับก้าวถอยหลังและเผยรอยยิ้มที่ปราศจากความมุ่งร้าย นี่ทำให้ไห่ลั่วหลันรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น


 


ไห่ลั่วหลันจ้องมองฟางหยวนด้วยการแสดงออกที่เย็นชา เจตนาสังหารของนางยังไม่หมดไปแต่ตอนนี้สติของนางกลับคืนมาแล้ว


 


“ดูเหมือนเจ้าจะมีวิญญาณทัศนคติในตำนานจริงๆ” ฟางหยวนแสร้งสังเกตการแสดงออกของไห่ลั่วหลันและกล่าวด้วยความประหลาดใจ


 


ไห่ลั่วหลันตอบกลับด้วยความโกรธ “เจ้าหลอกข้า?”


 


“ไม่อย่างแน่นอน” ฟางหยวนยิ้มและยักไหล่ “เจ้ายังจำท่านอาจารย์ของข้าได้หรือไม่? ราชันภูเขาม่วง”


 


ไห่ลั่วหลันสูดหายใจลึก เมื่อนางได้ยินชื่อราชันภูเขาม่วง การแสดงออกของนางก็เริ่มผ่อนคลายลง


 


นางรู้จักราชันภูเขาม่วง


 


ฟางหยวนเป็นศิษย์ของเขาและไท่เป่ยหยุนเฉิงก็เช่นกัน


 


แน่นอนว่านี่เป็นข้อมูลเท็จที่ฟางหยวนสร้างขึ้น กระทั่งนางมารผลาญสวรรค์ก็ยังถูกหลอก


 


“เป็นอาจารย์ของเจ้าที่ให้ข้อมูลนี้กับเจ้างั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันถาม


 


ความตั้งใจฆ่าของไห่ลั่วหลันหายไปแล้ว จากมุมมองของนาง ฟางหยวนได้รับการสนับสนุนจากราชันภูเขาม่วง มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าเขา


 


หลังจากทั้งหมดตอนนี้เทพธิดาหลี่ซานยังไม่ได้คืนดีกับนางมารผลาญสวรรค์


 


ฟางหยวนหัวเราะเบาๆ “เจ้าคิดอย่างไร?”


 


ไห่ลั่วหลันรู้สึกปั่นป่วนอยู่ภายใน ‘ราชันภูเขาม่วงล่วงรู้ความลับของข้า เขาต้องมีพลังอำนาจที่ไม่สามารถหยั่งถึง โชคดีที่ข้าเป็นพันธมิตรกับฟางหยวน แต่ฟางหยวนช่างเจ้าแผนการนัก เขารู้ว่าวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองมีความสำคัญกับข้า ดังนั้นเขาจึงกล้าใช้วิญญาณระดับหกมาแลกเปลี่ยนกับวิญญาณระดับแปด!’


 


แน่นอนว่าไห่ลั่วหลันปฏิเสธ “วิญญาณทัศนคติของข้าเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด ตราบเท่าที่เป็นมนุษย์มีความคิด พวกเขาก็สามารถใช้งานมันได้ มันเป็นวิญญาณในตำนาน แต่เจ้ากลับต้องการใช้วิญญาณระดับหกแลกเปลี่ยนกับมันงั้นหรือ? เจ้ากำลังฝันไปหรือไม่?”


 


ฟางหยวนคิดก่อนกล่าว “แล้วเจ้าต้องการสิ่งใด?”


 


“ไม่มีการแลกเปลี่ยน!” ไห่ลั่วหลันเร่งปฏิเสธ


 


การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้ม “ไห่ลั่วหลัน คิดให้ดี ข้าขอเตือนเจ้าว่าที่นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูของข้า”


 


ไห่ลั่วหลันหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วอย่างไร? เจ้าลืมข้อตกลงของเราไปแล้วงั้นหรือ? พันธมิตรไม่สามารถโจมตีซึ่งกันและกัน”


 


“ถูกต้อง!” ไห่ลั่วหลันกล่าวเสริม “เจ้าได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ของเจ้า บางทีเจ้าอาจทำลายข้อตกลงไปแล้ว แต่เจ้าคิดว่าข้ากลัวตายงั้นหรือ?”


 


“เจ้าดูแคลนข้ามากเกินไป แม้ข้าจะตายอยู่ที่นี่ ข้าก็จะทำลายวิญญาณอมตะทั้งหมดก่อนตาย นอกจากนั้นข้าก็รู้ข้อมูลทุกอย่างของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู ข้ารู้ว่าที่นี่มีทรัพยากรมากเพียงใด หากพวกมันได้รับผลกระทบจากการต่อสู้และถูกทำลาย กระทั่งไท่เป่ยหยุนเฉิงจะมีวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า มันก็เป็นเรื่องยากที่จะกู้คืนทุกสิ่ง”


 


ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ในใจ


 


ในชีวิตก่อนหน้าเขาเคยแสดงทัศนคติไม่เกรงกลัวความตายต่อหน้านางมารผลาญสวรรค์ แต่ในชีวิตนี้กลับเป็นไห่ลั่วหลันที่ถูกกดดันและต้องแสดงทัศนคติเช่นนี้ออกมา


 


การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป เขาหัวเราะเบาๆและปรบมือ “ไห่ลั่วหลัน ข้าย่อมไม่กล้าดูแคลนเจ้า มันเป็นเพียงเรื่องตลก”


 


“เรื่องตลก? ใช้วิญญาณระดับหกแลกเปลี่ยนกับวิญญาณระดับแปด นี่แสดงให้เห็นถึงความโลภและความโง่เขลาของเจ้าเท่านั้น” ไห่ลั่วหลันตำหนิเสียงเย็น


 


ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายคมชัด “เช่นนั้นข้าจะวางบางสิ่งเพิ่มเติม ข้าจะยอมแพ้การแข่งขันชิงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว เจ้าคิดอย่างไร?”


 


ไห่ลั่วหลันส่ายศีรษะ “ยอมแพ้งั้นหรือ? กระทั่งเจ้าจะส่งมอบแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวให้ข้า ข้าก็จะไม่แลกเปลี่ยนวิญญาณทัศนคติกับเจ้า มันเป็นวิญญาณที่มีเงื่อนไขในการใช้งานน้อยมาก ไม่จำเป็นต้องมีพลังงานอมตะ มันใช้เพียงพลังจิตเท่านั้น นั่นหมายความว่าแม้ข้าจะเป็นผู้อมตะระดับหก ข้าก็สามารถใช้งานวิญญาณระดับแปดดวงนี้ มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของข้า ข้าจะไม่ยอมปล่อยมือจากมันอย่างแน่นอนและอย่ากล่าวถึงการซื้อ! ฟางหยวน เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าย่อมไม่ทุ่มเทความพยายามกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ถูกต้องหรือไม่?”


 


ฟางหยวนพยักหน้าและถอนหายใจ


 


“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะถอยหลังไปอีกก้าว เช่นนั้นข้าจะใช้วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองแลกเปลี่ยนกับวิญญาณทาสอมตะของเจ้า”


 


ไห่ลั่วหลันขมวดคิ้วลึก


 


นางได้รับวิญญาณทาสอมตะมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือหลังจากหลอกลวงเจตจำนงของเทพอมตะตะวันเดือด


 


ตอนนี้นางเริ่มจมลงสู่ความเงียบเพราะข้อเสนอที่ดึงดูดใจของฟางหยวน


 


วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองมีค่ามากกว่าวิญญาณทาสอมตะอย่างไม่ต้องสงสัย


 


ไห่ลั่วหลันคิดและกล่าว “วิญญาณระดับหกแลกเปลี่ยนกับวิญญาณระดับหก นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่วิญญาณทาสอมตะใช้ได้ครั้งเดียว เจ้าไม่คิดว่ามันเป็นการสูญเสียงั้นหรือ?”


 


“ถูกต้อง นี่เป็นการสูญเสีย” ฟางหยวนหัวเราะ “ดังนั้นข้าจึงมีเงื่อนไขเพิ่มเติม ข้าจะขอยืมวิญญาณทัศนคติของเจ้าสักระยะ”


 


ไห่ลั่วหลันไม่ตอบและจมลงสู่ความเงียบอีกครั้ง


 


ฟางหยวนใช้ทุกวิธีเพื่อขอยืมวิญญาณทัศนคติ สิ่งนี้ทำให้ไห่ลั่วหลันตระหนักว่าวิญญาณทัศนคติมีความสำคัญต่อฟางหยวน


 


อย่างไรก็ตามมันสำคัญกับเขามากเพียงใด เรื่องนี้ไห่ลั่วหลันยังไม่แน่ใจ ดังนั้นนางจึงต้องตรวจสอบ


 


นางปฏิเสธ “ข้าจะไม่ให้ยืมวิญญาณทัศนคติ”


 


ฟางหยวนถอนหายใจ “เช่นนั้นก็ลืมมันไปซะ”


 


จากนั้นเขาก็หันหลังกลับ


 


ไห่ลั่วหลันยืนมองอย่างเย็นชาโดยไม่ขยับเขยื้อน


 


ฟางหยวนเดินไปหลายก้าวก่อนจะหยุดและหันหลังกลับพร้อมกับเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าต้องการยืมวิญญาณทัศนคติเป็นเวลาสามปีเท่านั้น”


 


“สามปี? แม้แต่สามวันข้าก็ไม่ยินดี!” ไห่ลั่วหลันแสดงออกอย่างเย็นชาแต่ภายในกลับลอบตื่นเต้น นางเห็นโอกาสเอาเปรียบฟางหยวน


 


ทักษะการแสดงของนางค่อนข้างดีแต่สุดท้ายนางก็ยังเป็นเด็กขณะที่ฟางหยวนเป็นจิ้งจอกเฒ่าห้าร้อยปี


 


ฟางหยวนก่นเสียงเย็นไม่พอใจ เขาจะไม่รู้ความคิดของนางได้อย่างไร


 


เขาโยนไม้เด็ดออกมาทันที “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ต้องการแก้แค้นแล้ว โอกาสที่ดีในการสังหารไห่เจิ้งอยู่ตรงหน้า แต่เจ้ากลับไม่สนใจ”


 


“กระไรนะ!? สังหารไห่เจิ้ง!?” ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้นด้วยความดุร้าย


 


การสังหารไห่เจิ้งเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง


 


ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน นางสามารถสังหารไห่เจิ้งและได้รับวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองจากฟางหยวน นั่นทำให้นางสามารถกำจัดบาดแผลในใจและค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตนเอง เมื่อนางกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง ภูตมนุษย์ที่ปรากฏขึ้นจึงเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนาง



บทที่ 975 ข้อตกลงใหม่


แปลโดย iPAT 


 


การเจรจาดำเนินไปถึงหกชั่วโมง


 


เมื่อมันจบลง ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกอ่อนล้า หลังจากทั้งหมดจิตใจของผีดิบคือจุดอ่อน ความคิดของพวกเขาช้ากว่ามนุษย์ที่ชีวิตมาก


 


อย่างไรก็ตามไห่ลั่วหลันก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขามากนัก การเจรจาครั้งนี้ราวกับการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย นี่ทำให้นางรู้สึกเวียนศีรษะและเหนื่อยล้าเช่นกัน


 


หลังจากนั้นฟางหยวนได้นำไท่เป่ยหยุนเฉิงเข้ามาเพื่อทำข้อตกลงใหม่กับไห่ลั่วหลันและเทพธิดาหลี่ซาน


 


ฟางหยวนส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับวิญญาณทาสอมตะของไห่ลั่วหลันและยืมวิญญาณทัศนคติเป็นเวลาหนึ่งปี


 


ฟางหยวนยังต้องหาโอกาสสังหารไห่เจิ้งให้กับพวกนาง


 


สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว ทั้งสองสามารถแข่งขันกันอย่างยุติธรรม


 


นอกจากนี้ฟางหยวนยังได้รับความยินยอมจากไห่ลั่วหลันให้เชื่อมโยงโชค


 


ข้อตกลงใหม่เชื่อมต่อพวกเขาเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา กระทั่งเทพธิดาหลี่ซานก็ยังต้องใช้เวลาหลายปีหากต้องการทำลายข้อตกลงนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือข้อตกลงนี้คำนวณการปรากฏตัวของนางมารผลาญสวรรค์เอาไว้แล้ว


 


มีเงื่อนไขที่ระบุว่าสามารถเพิ่มจำนวนพันธมิตรแต่คนที่มาใหม่ต้องทำตามข้อตกลงนี้เช่นกัน


 


ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองฝ่ายไม่สามารถรับความช่วยเหลือจากภายนอกเพื่อทำร้ายซึ่งกันและกัน แต่ละฝ่ายมีโอกาสขอการสนับสนุนจากอีกฝ่ายเพียงครั้งเดียว หากใช้แล้วต้องตอบแทนก่อนจะใช้อีกครั้ง


 


ข้อตกลงดังกล่าวเข้มงวดมากโดยเฉพาะการแบ่งปันผลประโยชน์ ฟางหยวนใช้ความหวาดกลัวที่ไห่ลั่วหลันมีต่อราชันภูเขาม่วงเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา


 


ท้ายที่สุดการต่อสู้ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่าง


 


หลังจากบรรลุข้อตกลง สถานการณ์ของฟางหยวนเปลี่ยนไปมาก


 


ประการแรก ไห่ลั่วหลันคือเทพธิดาจันทร์ทมิฬ โชคของนางจะไม่ลดลงเป็นเวลานาน เมื่อฟางหยวนเชื่อมโยงโชคกับนาง มันจะช่วยชดเชยข้อบกพร่องเกี่ยวกับความโชคร้ายที่เกิดจากวิญญาณกาลเวลา


 


ประการที่สอง เขาสามารถยืมวิญญาณทัศนคติระดับแปด วิญญาณดวงนี้เคยถูกใช้โดยเทพปีศาจปล้นสวรรค์ มันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยในตำนาน


 


ย้อนกลับไป ขณะที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ยังเป็นผู้อมตะระดับหก เขาใช้ท่าไม้ตายนี้หลอกผู้อมตะระดับแปดถึงสองคนและสามารถปล้นทรัพย์สมบัติมากมาย


 


ฟางหยวนสูญเสียวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์แต่เขากลับได้รับวิญญาณทัศนคติที่ดีกว่า!


 


ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คลุมเครือของเขาจะยกระดับขึ้นหากใช้วิญญาณทัศนคติเป็นแกนกลาง เขามั่นใจว่าด้วยสิ่งนี้ เขาจะสามารถหลอกลวงกระทั่งผู้อมตะระดับแปด


 


ประการสุดท้ายคือนางมารผลาญสวรรค์


 


ในชีวิตก่อนหน้า นางมารผลาญสวรรค์วางแผนต่อต้านฟางหยวน แต่ในชีวิตนี้เมื่อฟางหยวนสร้างข้อตกลงใหม่กับเทพธิดาทั้งสอง มันสามารถหยุดแผนการในช่วงแรกของนาง


 


ความรู้สึกผิดและความรักที่มีต่อไห่ลั่วหลันคือจุดอ่อนของนางมารผลาญสวรรค์ ฟางหยวนวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากจุดนี้เพื่อยืมมือนาง


 


แม้นางมารผลาญสวรรค์จะไม่ได้เข้าร่วมในข้อตกลงพันธมิตรใหม่ แต่เมื่อไห่ลั่วหลันตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย นางมารผลาญสวรรค์จะนิ่งเฉยได้อย่างไร


 


อาจกล่าวได้ว่าไห่ลั่วหลันเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการควบคุมนางมารผลาญสวรรค์


 


‘ฝ่ายของไห่ลั่วหลันไม่ใช่อุปสรรคของข้าอีกต่อไป หลังจากเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร แผนการของข้าจะราบรื่นขึ้นมาก แต่พวกนางฉลาดมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลอกลวง ตอนนี้พวกนางพอใจกับข้อตกลงนี้แต่พวกนางจะตระหนักถึงข้อได้เปรียบของข้ามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกนางอาจพยายามต่อต้านข้า’


 


ด้วยความทรงจำในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนมีข้อได้เปรียบ อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้ลดความระวังตัวลงแม้แต่น้อย


 


‘รอจนกว่าข้าจะสามารถครอบครองสนามรบแห่งความโกลาหล เมื่อเวลานั้นมาถึง ความแข็งแกร่งของข้าจะเหนือกว่าพวกนาง แม้ฝ่ายของไห่ลั่วหลันจะไม่พอใจ แต่พวกนางจะไม่สามารถทำสิ่งใด’


 


ฟางหยวนไม่ลังเลที่จะปล่อยมือจากวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองเพราะเขามีแผนการยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลและผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด


 


ด้วยวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง ฟางหยวนสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจระดับเจ็ดเท่านั้น


 


ขณะที่สนามรบแห่งความโกลาหลจะทำให้เขาสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปดหรืออย่างน้อยก็สามารถหลบหนี


 


หลังจากได้รับวิญญาณทัศนคติ ฟางหยวนเดินทางต่อไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถาม “เหตุใดจึงกลับมาเร็วนัก? เจ้าได้สิ่งที่ข้าต้องการมาแล้วงั้นหรือ?”


 


“ไม่อย่างแน่นอน” ฟางหยวนส่ายศีรษะ


 


การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ฟางหยวน เจ้าเด็กบ้า เจ้าไม่ได้ยินคำกล่าวของข้าก่อนหน้านี้งั้นหรือ? ข้าบอกแล้วว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาหรือไปเมื่อใดก็ได้! หากเจ้าไม่มีทรัพยากรอมตะที่ข้าต้องการ ข้าจะไม่คุยกับเจ้า!”


 


“จะเป็นเช่นนั้นจริงๆงั้นหรือ?” ฟางหยวนหัวเราะเบาๆ “หากข้าต้องการใช้โอกาสสุดท้ายเพื่อขอให้ท่านหลอมรวมวิญญาณอมตะ ท่านจะว่าอย่างไร?”


 


“อา…” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นพูดไม่ออก


 


ฟางหยวนขโมยโอกาสนี้มาจากหม่าหงหยุนในฐานะผู้สืบทอดของเทพปีศาจปล้นสวรรค์


 


เนื่องจากบรรพชนผมยาวได้ทำข้อตกลงกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ดังนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงต้องหลอมรวมวิญญาณให้ฟางหยวนสามดวง


 


หากเป็นวิญญาณระดับมนุษย์ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถรับประกันความสำเร็จ แต่สำหรับวิญญาณอมตะ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอาจล้มเหลว


 


ฟางหยวนใช้โอกาสไปแล้วสองครั้ง


 


ครั้งแรกคือการหลอมรวมวิญญาณประตูแห่งดวงดาว


 


ครั้งที่สองคือการหลอมรวมวิญญาณทะเลวิญญาณที่สอง


 


ฟางหยวนยังเหลือโอกาสครั้งสุดท้ายที่จะร้องขอให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหลอมรวมวิญญาณให้เขา


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวเสียงเข้ม “เด็กน้อย เจ้าต้องการหลอมรวมสิ่งใด?”


 


ฟางหยวนหัวเราะอย่างเต็มที่และตบไหล่จิตวิญญาณแผ่นดิน “ข้ากล่าวเพียงว่า หาก แต่ตอนนี้ข้ายังไม่ต้องการสูญเสียโอกาสครั้งสุดท้าย”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปัดมือของฟางหยวนออกไปและไม่กล่าวสิ่งใดอีกเลย


 


ตราบเท่าที่ฟางหยวนไม่ใช้โอกาสสุดท้าย เขาก็ยังสามารถเข้าออกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้เสมอ


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้ว่านี่คือคำเตือนจากฟางหยวน แม้มันจะเป็นเพียงการโจมตีด้วยวาจา แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไม่สามารถตอบโต้ นี่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ


 


“หากไม่ใช้โอกาสสุดท้ายก็ออกไป!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยความไม่พอใจ


 


ฟางหยวนยักไหล่ “แม้ข้าจะไม่มีทรัพยากรอมตะที่ท่านต้องการ แต่ข้ามีสิ่งนี้ ลองดู”


 


มุมปากของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน “เด็กเลว! คิดว่าจะหลอกลวงข้าได้อีกงั้นหรือ? ฮืม…ทรัพยากรของเจ้าจะสามารถทดแทนสิ่งที่ข้าต้องการได้อย่างไร ข้าไม่…”


 


เขาหยุดพูดอย่างกระทันหัน


 


ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะจ้องมองทรัพยากรอมตะในมือของฟางหยวน


 


มันไม่ใช่ทรัพยากรอมตะทั่วไปแต่เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดที่ฟางหยวนนำมาจากโลกใต้บาดาลของภาคเหนือ


 


“นี่…นี่…นี่…ดูเหมือนชิ้นส่วนร่างกายของสัตว์อสูรแรกกำเนิดเมฆวิหคเพลิง!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถึงกลับพูดติดอ่าง


 


ฟางหยวนยกนิ้วให้ “ดังคาด จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาช่างรอบรู้นัก ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว หลังจากข้าได้รับสิ่งนี้ ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อค้นคว้าเกี่ยวกับมัน”


 


ฟางหยวนส่งทรัพยากรอมตะชิ้นนี้ให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถยับยั้งตนเองและยื่นมือออกไปคว้ามันมาตรวจสอบ


 


“ของดี ของดี”


 


“ถูกต้อง มันคือชิ้นส่วนร่างกายของเมฆวิหคเพลิงที่หายาก!”


 


“เจ้าช่างโชคดีนักที่พบมัน!”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพึมพำ เขาถูกล่อลวงอย่างสมบูรณ์


 


ไม่ว่าอย่างไรจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็มีต้นกำเนิดมาจากบรรพชนผมยาว


 


บรรพชนผมยาวเชี่ยวชาญ้ด้านการหลอมรวม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ได้รับความสามารถนี้สืบทอดมาเช่นกัน


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกปั่นป่วน เขาค้นหาทรัพยากรอมตะนี้มาอย่างยาวนานแต่กลับไม่พบ หากเขาได้รับมัน มีวิญญาณอมตะมากมายที่เขาสามารถหลอมรวมและจะเริ่มต้นทันที


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเลิกสนใจฟางหยวนและมองทรัพยากรอมตะในมือด้วยความคลั่งไคล้


 


กระทั่งในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทรัพยากรอมตะระดับแปดก็มีอยู่น้อยมาก


 


เหตุผล?


 


มันยากที่จะรวบรวม


 


ตัวอย่างเช่น ชิ้นส่วนร่างกายของเมฆวิหคเพลิงชิ้นนี้ ร่างหลักของมันคือสัตว์อสูรแรกกำเนิดเมฆวิหคเพลิงที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด!


 


ในการรวบรวมชิ้นส่วนร่างกายของเมฆวิหคเพลิง พวกเขาต้องสังหารมันเป็นอันดับแรก ผู้อมตะมีอยู่น้อยมากโดยเฉพาะผู้อมตะระดับแปดที่มีอยู่เพียงไม่กี่คน พวกเขายังต้องคำนึกถึงความปลอดภัยของตนเองและจะไม่ต่อสู้โดยง่าย เว้นเพียงพวกเขาจะต้องการทรัพยากรอมตะระดับแปดชนิดพิเศษ เวลานั้นพวกเขาจึงจะเคลื่อนไหว


 


นี่เป็นสาเหตุที่ฟางหยวนสามารถขายทรัพยากรอมตะระดับแปดได้อย่างง่ายดายในสวรรค์สีเหลือง


 


เพราะกระทั่งบรรพชนผมยาวร่างหลักของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ยังไม่มีความสามารถที่จะรวบรวมทรัพยากรอมตะดังกล่าวด้วยตัวของเขาเอง


 


นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาทำข้อตกลงกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์และเทพอมตะตะวันเดือด


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นการแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา หลังจากนั้นเขายังหยิบทรัพยากรอมตะระดับแปดอีกชิ้นออกมา “จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา โปรดช่วยข้าตรวจสอบต้นกำเนิดของสิ่งนี้ด้วย”


 


“อา…” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเงยหน้าขึ้นและกรีดร้องออกมาทันที


 


ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความยินดี “สวรรค์! นี่คือปีกของผึ้งลายเสือมิใช่หรือ? ดู แสงเหล่านี้คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโลหะ! เรากระทั่งสามารถมองเห็นพวกมันได้ด้วยตาเปล่า!”


 


“เด็กบ้า! เจ้าได้ทรัพยากรระดับนี้มาได้อย่างไร? พวกมันทำให้ข้ารู้สึกเจ็บปวด หลังจากทุ่มเทความพยายามมาอย่างยาวนาน ข้ายังมีทรัพยากรอมตะระดับนี้ไม่เกินยี่สิบชิ้น พวกมันมีค่ามากจนข้าไม่เต็มใจที่จะใช้งานพวกมัน!”


 


ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง “หากข้ากล่าวว่าข้าเพียงหยิบพวกมันขึ้นมา ท่านจะเชื่อหรือไม่?”


 


เมื่อเขากล่าวถึงจุดนี้ เขาหยิบเมฆวิหคเพลิงกลับมาจากมือของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอย่างรวดเร็ว


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ทันตั้งตัว หลังจากถูกฉกชิงทรัพยากรอมตะไปจากมือ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะส่งเสียงโหยหวนอย่างน่าเวทนาออกมา


 


เขากระทืบเท้าและตะโกน “เจ้ากำลังทำสิ่งใด?”


 


“ทำสิ่งใดงั้นหรือ?” ฟางหยวนเผยใบหน้างุนงง “นี่เป็นสมบัติของข้า ท่านคิดจะขโมยมันไปจากข้าเช่นนั้นหรือ?”


 


ร่างกายของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นแข็งค้าง เขาไม่สามารถตอบโต้และทำได้เพียงมองไปที่ฟางหยวนเท่านั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)