เทพปีศาจหวนคืน 972-975
บทที่ 972 แผนการใหม่
แปลโดย iPAT
“เกิดสิ่งใดขึ้น? สนามรบแห่งความโกลาหลอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนเต็มไปด้วยความสงสัยและผิดหวัง
หลังจากเกิดใหม่ เขารีบมาที่ภูเขาอี้เทียนทันทีโดยคิดว่าจะสามารถยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะ
แต่เมื่อเขาค้นลึกลงไปใต้พิภพ เขากลับไม่พบสนามรบแห่งความโกลาหล กระทั่งผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดก็ไม่อยู่เช่นกัน
“เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีเหตุผลบางอย่างอยู่เบื้องหลังการปรากฏขึ้นของสนามรบแห่งความโกลาหล ข้ามาเร็วเกินไป ดังนั้นจึงไม่พบมันงั้นหรือ?” ฟางหยวนขมวดคิ้วและครุ่นคิด
เขาเดาถูก
ก่อนหน้านี้เหตุผลที่สนามรบแห่งความโกลาหลปรากฏขึ้นเป็นเพราะไป่หนิงปิง
เขากระตุ้นใช้วิญญาณอมตะลึกลับที่ได้รับมาจากผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อ
เป็นธรรมชาติที่ฟางหยวนจะไม่รู้รายละเอียดและไม่มีวิญญาณอมตะลึกลับดวงนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่พบสิ่งใดเลย
หากสนามรบแห่งความโกลาหลถูกฝังไว้ที่นี่จริงๆ มันอาจถูกยึดครองไปนานแล้ว
โดยปราศจากทางเลือกอื่น ฟางหยวนทำได้เพียงจากไปอย่างเงียบๆเท่านั้น
เมื่อไม่สามารถยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล ฟางหยวนจึงต้องเปลี่ยนแผน
เขากระตุ้นใช้วิญญาณท่องแดนอมตะและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ค่ายกลวิญญาณใต้บาดาลของภาคเหนือ
เขาเข้าสู่จุดศูนย์กลางของค่ายกลวิญญาณโดยตรง
มันเป็นทะเลทรายสีม่วงขนาดใหญ่
ที่นี่เต็มไปด้วยทรัพยากรอมตะที่ล้ำค่าและหายาก
ความทรงจำของฟางหยวนยังกระจ่างชัด เขาไม่จำเป็นต้องตรวจสอบและสามารถตรงไปรวบรวมสมบัติได้ทันที
สมบัติเหล่านี้ล้ำค่ามาก สมบัติที่มีค่าน้อยที่สุดยังเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปด
ไม่นานหลังจากนั้นทรัพยากรอมตะกึ่งระดับเก้าทั้งสิบแปดชิ้นก็ตกอยู่ในกำมือของฟางหยวนอีกครั้ง
เขาทำลายข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในค่ายกลวิญญาณก่อนจากไป
แน่นอนว่าเขาไม่ยินดีทิ้งวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายไว้ให้ผู้อื่น
ก่อนจากไปเขากวาดตามองสถานที่แห่งนี้อีกครั้งและลอบถอนหายใจ
เขาเห็นทรัพยากรอมตะมากมายอยู่ในทะเลทรายสีม่วงแต่เขาก็รู้ว่าตนเองไม่สามารถเก็บเกี่ยวพวกมัน
ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนต้องวางแผนอย่างรอบคอบก่อนจะสามารถเข้ามาถึงที่นี่ แต่ในชีวิตนี้เขากลับสามารถมุ่งหน้ามาที่นี่และรวบรวมสมบัติได้โดยตรงโดยใช้เวลาและพลังงานน้อยที่สุด กระบวนการทั้งหมดนั้นง่ายดายราวกับความฝัน
ด้วยการใช้วิญญาณท่องแดนอมตะอีกครั้ง ฟางหยวนออกจากสถานที่แห่งนี้และกลับสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
การหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ล้มเหลว ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสำเร็จและทรัพยากรมากมายสูญสลายไป
ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะครั้งนี้ เขาต้องจ่ายด้วยทรัพยากรทั้งหมด
หลังจากกำเนิดใหม่ อาจกล่าวได้ว่าเขายากจนมาก
ดังนั้นสมบัติที่เขาพึ่งได้รับจึงถือเป็นความช่วยเหลือที่มาได้ถูกเวลา
ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องการเก็บพวกมันไว้ในช่วงเวลาที่เขาต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด
แต่นั่นยังอีกนาน การบ่มเพาะของเขาอยู่ในจุดต่ำสุดของระดับหก การก้าวเข้าสู่ระดับแปดไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้
ฟางหยวนคิดมาแล้วว่าจะใช้ประโยชน์จากพวกมันอย่างไร
เช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนขายทรัพยากรอมตะหลายชิ้นในสวรรค์สีเหลืองและสร้างความแตกตื่นขึ้นอีกครั้ง
กระทั่งในสวรรค์สีเหลือง ทรัพยากรเหล่านี้ก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าและหายาก
ฟางหยวนแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่เขาต้องการและสามารถให้อาหารวิญญาณอมตะทั้งหมดของเขายกเว้นวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองและวิญญาณสติปัญญา
ลองทบทวนวิญญาณอมตะในการครอบครองของฟางหยวน
วิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนห้าดวงคือ วิญญาณความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณยกภูเขา วิญญาณดึงแม่น้ำ วิญญาณความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็ก และวิญญาณกินความแข็งแกร่ง
วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดวงดาวจำนวนสามดวงคือ วิญญาณศรดาวตก วิญญาณร่องรอยดารา และวิญญาณแสงดาว
วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคจำนวนสามดวงคือ วิญญาณเชื่อมโยงโชค วิญญาณช่วงเวลาแห่งโชค และวิญญาณเรียกภัยพิบัติ
นอกจากนี้เขายังมี วิญญาณกาลเวลา วิญญาณท่องแดนอมตะ วิญญาณหัวใจหญิงงาม วิญญาณล้างใจ และวิญญาณคลี่คลายปริศนา
ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์มาในช่วงเวลานี้ แต่หลังจากเกิดใหม่ เขาล้มเหลวในการหลอมรวมมัน
สำหรับวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า ฟางหยวนไม่สามารถปรับแต่งมันและทำได้เพียงวางมันไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูเท่านั้น
โดยปกติแล้วผู้อมตะระดับหกไม่แม้แต่จะมีวิญญาณอมตะหนึ่งดวงในการครอบครอง
จำนวนวิญญาณอมตะในการครอบครองของฟางหยวนชัดเจนกว่าเหนือกว่าระดับหกไปไกลแล้วโดยยังไม่ต้องกล่าวถึงวิญญาณสติปัญญา
ดังนั้นการให้อาหารวิญญาณอมตะเหล่านี้จึงถือเป็นภาระใหญ่หลวงของฟางหยวนมาตลอด
ตอนนี้ปัญหาการให้อาหารถูกแก้ไข ฟางหยวนจึงรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“จิตวิญญาณแผ่นดิน” ฟางหยวนเรียกเบาๆอยู่ในห้องลับ
“นายท่าน ข้าอยู่นี่” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูปรากฏตัวขึ้นด้วยรอยยิ้มแจ่มใสและพุ่งเข้ากอดขาของฟางหยวนเอาไว้ทันที
“นายท่าน ข้าไม่ได้รบกวนท่านเพราะเห็นว่าท่านกำลังยุ่ง แต่ข้าคิดถึงท่านจริงๆ” เสี่ยวหูกล่าวอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับสะบัดพวงหางสีขาวของนาง “แม้นายท่านจะน่าเกลียดก็ตาม”
ฟางหยวนหัวเราะและลูบศีรษะเสี่ยวหูก่อนออกคำสั่ง “ไปสั่งมนุษย์ขนในหอคอยหินให้เพิ่มกำลังผลิตวิญญาณถุงสูญญากาศ”
“รับทราบ” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูตอบรับทันที
“ไปได้แล้ว”
“ทราบแล้ว…” เสี่ยวหูมองฟางหยวนด้วยสายตาไม่เต็มใจก่อนจะหายตัวไปในที่สุด
เมื่อเสี่ยวหูจากไป ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางต่อไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
เวลานี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังไม่เปลี่ยนร่าง เขายังอยู่ในรูปลักษณ์ของชายชราผมขาวชุดคลุมยาวและดูอ่อนโยน
“เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่? เจ้ารวบรวมสมบัติที่ข้าร้องขอได้แล้วงั้นหรือ? หากไม่ เราก็ไม่มีสิ่งใดต้องพูดคุยกัน!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสะบัดแขนเสื้อกล่าวอย่างเฉยเมย
เนื่องจากความต้องการที่มากเกินไปของฟางหยวนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ฟางหยวนต้องการความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแต่ชายชราร้องขอทรัพยากรอมตะที่หายากเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน
ต้นกำเนิดของทรัพยากรดังกล่าวมาจากสวรรค์ทั้งเก้า
หากไม่ใช่เพราะความหายากของมัน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่มอบภารกิจนี้ให้กับฟางหยวน
“แน่นอน ข้าได้มาแล้ว ดูนี่” ฟางหยวนหัวเราะโดยไม่สนใจท่าทีที่เย็นชาของฝ่ายตรงข้าม
“เจ้าได้มันมาจริงๆ!?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองทรัพยากรอมตะในมือของฟางหยวนและกล่าวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มองฟางหยวนในแง่ดีนัก
ถูกต้อง
นี่เป็นภารกิจที่เกินขีดความสามาถของฟางหยวนในชีวิตก่อนหน้า แต่ชีวิตนี้เขามีทรัพยากรอมตะระดับแปดอยู่ในมือ เหตุใดเขาต้องกังวลว่าจะไม่สามารถซื้อสิ่งที่ต้องการ?
ฟางหยวนส่งกลีบดอกไม้พิษให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและร้องขอวิญญาณความคิดดาราระดับมนุษย์จำนวนมากรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์ดวงอื่นๆ
เขารู้แล้วว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาที่แท้จริงเป็นอย่างไร
สิ่งสำคัญก็คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหม้อหลอมรวม
มนุษย์ขนจำนวนนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ที่นี่
แดนศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถมองเห็นในเวลานี้เป็นเพียงก้อนเมฆบนท้องฟ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาที่แท้จริงเท่านั้น ด้านล่างยังมีสามทวีปที่เต็มไปด้วยประชากรมนุษย์ขนที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุข
ด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขา มันเป็นเรื่องง่ายที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมาก
“บนพื้นฐานที่ข้ามี ข้าสามารถช่วยเจ้าในเรื่องนี้” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบก่อนกล่าวเพิ่ม “แต่ครั้งหน้าข้าหวังว่าเจ้าจะนำเกล็ดกิเลนจันทร์เสี้ยวมาให้ข้าอย่างน้อยสามสิบชิ้นมิฉะนั้นข้าจะไม่ฟังคำขอใดๆจากเจ้าทั้งสิ้น”
น้ำเสียงของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังเย็นชาแต่ใบหน้าของเขาไม่ได้เย็นชาอีกต่อไป
ฟางหยวนพยักหน้าและใช้วิญญาณท่องแดนอมตะจากไปอย่างเงียบๆ
เขามีวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายรวมถึงวิธีเปลี่ยนร่างบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากท่าไม้ตายเพลิงนิพพานของนางมารผลาญสวรรค์ เขาสามารถกำจัดร่างผีดิบอมตะ แต่เขายังไม่มีแผนการที่จะทำเรื่องนี้
การมีชีวิตหมายถึงศักยภาพที่จะก้าวหน้าเท่านั้น ตอนนี้เขายังเป็นผู้อมตะในจุดต่ำสุดของระดับหก หากเขากลับเป็นผู้อมตะที่มีชีวิต เขาจะสูญเสียความแข็งแกร่งทางกายภาพและทำให้เขาอ่อนแอลง
สิ่งสำคัญก็คือฟางหยวนเหลืออายุไขไม่มาก
เขาให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหลอมรวมวิญญาณต่างๆเพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคต
ทรัพยากรอมตะแลกกับวิญญาณระดับมนุษย์ นี่ถือเป็นการสูญเสียของฟางหยวน แต่ฟางหยวนไม่กังวล
เขามีแผนการของตนเองเกี่ยวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งของภาคกลาง
มีต้นไม้พิเศษอยู่ที่นี่
มันก็คือต้นไม้แห่งความฝัน
‘มันยังอยู่ที่นี่จริงๆ’ ฟางหยวนซ่อนตัวและตรวจสอบมันอย่างมีความสุข
ในชีวิตก่อนหน้าเขาได้รับข้อมูลนี้มาจากโม่เหยา แต่เมื่อเขามาถึงที่นี่ มันก็ถูกโค่นลงไปแล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากกำเนิดใหม่ ฟางหยวนไม่ต้องดิ้นรนเข้าร่วมกับกองกำลังพันธมิตรผีดิบเพื่อหาวิธีกำจัดร่างผีดิบและสามารถมาที่นี่ได้เร็วกว่าในชีวิตก่อนหน้า
บทที่ 973 ต้นไม้แห่งความฝัน
แปลโดย iPAT
ต้นไม้แห่งความฝันเป็นพืชที่พิเศษมาก
มันอาจเป็นต้นไม้ชนิดใดก็ได้แต่มีต้นไม้เพียงไม่กี่ต้นที่สามารถกลายพันธุ์เป็นต้นไม้แห่งความฝัน
หนึ่งในนั้นตั้งอยู่ใกล้กับบ้านของเกษตรกรผู้หนึ่ง
หัวหน้าครอบครัวเป็นชายชราชื่อเฒ่าเฉิน
“ลูกข้า อีกครึ่งปีเจ้าจะแต่งงาน ข้าจะสร้างบ้านให้เจ้าโดยใช้ต้นอินทผลัมเพลิงต้นนี้” เฒ่าเฉินยืนอยู่ด้านหน้าต้นไม้ต้นหนึ่งและกล่าวกับบุตรชายที่อยู่ด้านข้าง
บุตรชายยกนิ้วขึ้นด้วยความยินดี “ท่านพ่อ นี่เป็นความคิดที่ดีมาก ต้นไม้ต้นนี้มีอายุมากกว่าหมู่บ้านของเรา แม้มันจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่มันกลับไร้ประโยชน์ การตัดมันมาสร้างบ้านถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
ฟางหยวนมองด้วยสายตาเย็นชา
เขายืนอยู่ไม่ไกลแต่ไม่มีผู้ใดมองเห็นเขา
เฒ่าเฉินกับบุตรชายไม่แม้แต่จะเป็นผู้ใช้วิญญาณ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของฟางหยวน
ได้ยินว่าต้นไม้แห่งความฝันกำลังจะถูกโค่นล้ม ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะขมวดคิ้วลึก
ผลไม้แห่งความฝันจะถือกำเนิดผ่านต้นไม้ต้นนี้
ผลไม้แห่งความฝันเป็นสิ่งที่อยู่ในความฝัน มันไม่มีร่างกายภาพอยู่บนโลกแห่งความจริงแต่มันอาศัยต้นไม้ที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้เป็นรากฐาน
ต้นอินทผลัมเพลิงต้นนี้มีอายุหลายพันปีและสามารถผลิตผลไม้แห่งความฝัน
โดยธรรมชาติ อายุของต้นไม้ไม่ใช่ข้อกำหนดเดียวที่จะทำให้พวกมันกลายเป็นต้นไม้แห่งความฝัน
สิ่งสำคัญก็คือต้องมีมนุษย์อาศัยอยู่รอบๆมันมาอย่างยาวนานเพื่อช่วยสนับสนุนการถือกำเนิดของผลไม้แห่งความฝัน
ในอดีตที่นี่เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน หลังจากการระเบิดของภูเขาไฟ หลายร้อยปีต่อมามันกลายเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และเหมาะสมต่อการเพาะปลูก ดังนั้นมันจึงดึงดูดผู้คนให้เข้ามาอยู่อาศัย
ต้นอินทผลัมเพลิงต้นนี้สามารถอดทนต่อความร้อนและผ่านวันเวลามาอย่างยาวนานกระทั่งกลายเป็นต้นไม้แห่งความฝัน
หากมันถูกโค่นลง ผลไม้แห่งความฝันจะไม่สามารถถือกำเนิดขึ้นที่นี่และจะย้ายไปยังต้นไม้ต้นอื่นที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของมัน
ฟางหยวนไม่มีวิธีย้ายต้นไม้แห่งความฝัน เขาไม่มีแม้แต่วิธีการเก็บผลไม้แห่งความฝันโดยตรงแต่ต้องหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันเพื่อเก็บเกี่ยวมัน
ในอดีตโม่เหยารู้สึกว่าต้นไม้ต้นนี้มีความพิเศษบางอย่าง แต่ด้วยความรู้ที่จำกัด นางจึงไม่สามารถบอกความพิเศษของมันและทำได้เพียงทิ้งมันไว้เบื้องหลังเท่านั้น
‘ดูเหมือนข้าต้องรักษาสภาพแวดล้อมของต้นไม้แห่งความฝันเอาไว้ดังเดิมเพื่อให้มันผลิตผลไม้แห่งความฝันต่อไป’
ฟางหยวนสะบัดนิ้วส่งเจตจำนงของตนเข้าสู่จิตใจของเฒ่าเฉินและบุตรชาย
ทันใดนั้นบุตรชายพลันกรีดร้องและร่ำไห้ “ท่านพ่อ อย่าตัดต้นไม้ต้นนี้ แม้มันจะไม่สามารถผลิตผลไม้ แต่ข้าอยากเก็บมันไว้ ข้าเห็นมันมาตั้งแต่เด็ก ข้าฉี่รดต้นไม้ต้นนี้และทำให้มันเติบโตขึ้น แล้วข้าโค่นมันลงได้อย่างไร โปรดลืมเรื่องการตัดมันมาสร้างบ้านเสียเถิด!”
“เห้อ…ตกลง” เฒ่าเฉินพยักหน้าด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดง “เช่นนั้นก็ปล่อยให้มันเติบโตต่อไป เราจะเลือกต้นไม้ต้นอื่น แม้จะไม่มีต้นไม้ที่สูงกว่านี้ แต่มันก็เพียงพอที่จะสร้างบ้านให้เจ้า”
หลังจากเปลี่ยนความคิดของคู่พ่อลูก ฟางหยวนวางค่ายกลวิญญาณเอาไว้อีกชั้นเพื่อปกป้องต้นไม้แห่งความฝัน
ระหว่างช่วงเวลานี้ฟางหยวนทบทวนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
‘ตามเหตุการณ์ในชีวิตก่อนหน้า หลังจากข้าหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ ข้าช่วยไท่เป่ยหยุนเฉิงก้าวข้ามภัยพิบัติก่อนจะเข้าสู่การต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา หลังจากนั้นข้าปลอมตัวเป็นซิงเซียงซื่อเข้าสู่ทะเลตะวันออกและร่วมบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ ในช่วงเวลานั้นถ้ำสวรรค์นภาแห่งดาวได้ร่วงหล่นลงมา ข้าถูกเชิญให้เข้าร่วมในการบุกถ้ำสวรรค์นภาแห่งดาว หลังจากเหตุการณ์นี้นางมารผลาญสวรรค์ได้ปรากฏตัวขึ้นและต่อสู้กับฉลามนิ้วกาลเวลา ข้าถูกบังคับให้เข้าร่วมกับนางและเดินทางไปยังภาคเหนือกระทั่งสามารถเข้าสู่โลกใต้บาดาล หลังจากนั้นข้าถูกชักนำให้เข้าสู่แผนการสังหารไห่เจิ้งและถูกบังคับให้ทำข้อตกลงใหม่กับกลุ่มของนางมารผลาญสวรรค์ พวกเราสามารถยึดครองหุบเขาเหล่าโป สุดท้ายข้าจึงเข้าสู่การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน’
‘หลังจากกำเนิดใหม่ เป้าหมายหลักของข้าคือยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล ตราบเท่าที่ข้าได้รับมัน ข้าจะสามารถปราบปรามผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดและได้รับผลประโยชน์มหาศาล’
แผนการยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหลของฟางหยวนล้มเหลว แต่ความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวจะหยุดเขาได้อย่างไร
สนามรบแห่งความโกลาหลยังไม่ปรากฏขึ้นในเวลานี้ เขาเพียงต้องรอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
ตามแผนการเดิมของเขา หลังจากยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหลและกำหราบผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด เขาจะรอจนถึงเวลาที่ต้องทำข้อตกลงใหม่กับกลุ่มของนางมารผลาญสวรรค์และใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้จัดการกับพวกนาง บางทีเขาอาจสามารถหยิบยืมคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหม้อหลอมรวมจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อรับประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่สามารถทำเรื่องเหล่านี้
หากไม่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ฟางหยวนยังอ่อนแอกว่าฝ่ายของไห่ลั่วหลันอย่างชัดเจน แม้เขาจะมีแผนการมากมาย แต่ปราศจากความแข็งแกร่ง เขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ท้ายที่สุดแล้วไห่ลั่วหลันก็เป็นตัวตนที่น่าเกรงขามเช่นกัน นางไม่ใช่คนที่จะสามารถกลั่นแกล้งได้โดยง่าย สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากเรื่องที่นางสังหารบิดาของตนและต้องการแทรกซึมเข้าสู่เผ่าไห่
แม้แผนการของฟางหยวนจะยอดเยี่ยม แต่ความเป็นจริงกลับโหดร้าย
ฟางหยวนต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด นั่นก็คือสนามรบแห่งความโกลาหลจะปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกับชีวิตก่อนหน้าขณะที่เขาไม่สามารถลอบเข้าไปฉกชิงมันมาได้ในช่วงเวลานี้
สถานการณ์นี้มีความเป็นไปได้สูงมาก
‘เมื่อสนามรบแห่งความโกลาหลปรากฏขึ้น มันจะแสดงภาพเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้น ดังนั้นข้าสามารถเดินไปตามเส้นทางที่มันนำไปเท่านั้น’
หากเขาเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนเช่นชีวิตก่อนหน้า เขาจะติดอยู่ในการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะภาคใต้ นิกายเงา และวังสวรรค์ นี่เป็นเหตุการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่งยวด
แต่ปราศจากความเสี่ยงจะได้รับผลประโยชน์ได้อย่างไร?
ฟางหยวนเป็นคนรอบคอบแต่เขาไม่ขาดความคิดที่จะเสี่ยง
ผลประโยชน์มหาศาลทำให้เขาตัดสินใจรับความเสี่ยง
เขากลับชาติมาเกิดใหม่และมีข้อมูลมากมาย หากเขาไม่กล้าเสี่ยง มันคงไม่ใช่ตัวเขา
‘ตอนนี้ข้าสามารถปกป้องต้นไม้แห่งความฝัน ดังนั้นข้าสามารถทิ้งมันไว้ชั่วคราว ข้าควรเปลี่ยนแผนและเข้าร่วมกับไห่ลั่วหลันอีกครั้ง’
ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง แน่นอนว่านางมารผลาญสวรรค์จะเล็งเป้ามาที่เขาเช่นเดิม
หากฟางหยวนได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวนาง
แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างออกไป หากฟางหยวนต้องการยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะภาคใต้ นิกายเงา และวังสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงต้องมีพันธมิตร
แน่นอนว่ามันไม่ใช่ผู้ใดนอกจากไท่เป่ยหยุนเฉิง ไห่ลั่วหลัน เทพธิดาหลี่ซาน และนางมารผลาญสวรรค์ โดยเฉพาะนางมารผลาญสวรรค์ที่มีการบ่มเพาะระดับแปด นางสามารถยกระดับพลังอำนาของคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้มากที่สุด
ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนพบกับความยากลำบากเพราะเขาเดินทางเพียงลำพังโดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก เมื่อนิกายเงามาถึง ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เสี่ยวฮันและใช้หุบเขาเหล่าโปบ่มเพาะจิตวิญญาณขณะที่ไท่เป่ยหยุนเฉิงอยู่ที่ทะเลตะวันออก
สิ่งทีเกิดขึ้นแน่นอนว่ามันเป็นเพราะฟางหยวนต้องการปกปิดมันจากพวกนางและลอบเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนเพียงผู้เดียว
กระทั่งฟางหยวนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาก็ยังเป็นเพียงผู้อมตะในจุดต่ำสุดของระดับหกเท่านั้น เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด เขาอาจต้องใช้เวลาอีกสามร้อยปี
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีเวลาที่จะทำเรื่องดังกล่าว
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร
แม้ฟางหยวนจะต้องการกำจัดไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆ แต่มันอาจส่งผลกระทบต่อแผนการของเขา หลายครั้งมาแล้วที่เขาต้องใช้วิธีประนีประนอม
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คนผู้หนึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้การประนีประนอม ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีตำแหน่งใหญ่โตเพียงใด บางครั้งพวกเขาก็ต้องพึ่งพาการเจรจา
การละทิ้งผลประโยชน์เล็กๆเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่าคือวิธีการสู่ความสำเร็จและแสดงให้เห็นถึงการเติบโตขึ้นของคนผู้หนึ่ง
ด้วยการใช้วิญญาณท่องแดนอมตะอีกครั้ง ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
ในชีวิตก่อนหน้าเมื่อฟางหยวนต้องการกำจัดไห่ลั่วหลัน นางก็ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไปแล้วและไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ติดตาม
แต่ในชีวิตนี้เวลานี้นางยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
นางกำลังใช้วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของพลังปราณเพื่อช่วยมนุษย์ขนในหอคอยหินหลอมรวมวิญญาณถุงสูญญากาศ
ฟางหยวนไปพบไห่ลั่วหลันที่หอคอยหิน
ใบหน้าของนางกลายเป็นไม่น่ามองหลังจากได้รับข่าวสารบางอย่าง
เมื่อเห็นฟางหยวน นางชูวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลขึ้นและถาม “เจ้าได้ยินข่าวเรื่องที่ผู้อมตะจากนิกายโบราณทั้งสิบซุ่มโจมตีซ่งซื่อซิงหรือไม่?”
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “แน่นอน เรื่องนี้สามารถเก็บเป็นความลับจากมนุษย์แต่ไม่สามารถปกปิดผู้อมตะ แม้ผู้อมตะจากนิกายโบราณทั้งสิบจะพยายามซุกซ่อนร่องรอย แต่ผู้อมตะคนอื่นๆของภาคกลางย่อมไม่ยินดีเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ตอนนี้พวกเขากำลังรอชมละครฉากใหญ่จากนิกายโบราณทั้งสิบ”
“อืม” ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ “มันเป็นโอกาสที่ดี หากเราพลาด เราจะไม่มีโอกาสสังหารซ่งซื่อซิงในเร็ววันนี้ นี่จะทำให้เราสูญเสียแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว”
ฟางหยวนมองไห่ลั่วหลันและลอบถอนหายใจอยู่ภายใน ‘คนผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก’
นางมีวิญญาณทัศนคติอยู่กับตัวและสามารถเก็บเป็นความลับ กระทั่งญาติสนิทของนางก็ยังไม่รู้
การหลอกศัตรูต้องเริ่มจากการหลอกคนใกล้ชิดของตนก่อนเป็นอันดับแรก
แต่ฟางหยวนก็ไม่ต่างจากนาง
เขายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเรียบร้อยแล้วแต่เขายังจงใจปิดบังข้อมูลนี้จากนาง ในชีวิตก่อนหน้าหากไม่ใช่เพราะนางมารผลาญสวรรค์ ไห่ลั่วหลันจะไม่มีวันรู้ความจริง
เพราะฟางหยวนกับไห่ลั่วหลันเป็นคนประเภทเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกชื่นชมนางขณะเดียวกันก็รู้สึกวิตกกังวล หากเป็นไปได้เขาต้องการกำจัดนางโดยเร็วที่สุด
แต่โชคชะตาทำงานในรูปแบบที่ลึกลับเสมอ มันทำให้ฟางหยวนต้องร่วมมือกับนางมากขึ้นเพื่อยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล
ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องนำวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองออกมาและยื่นให้กับไห่ลั่นหหลัน
บทที่ 974 การตอบสนองของไห่ลั่วหลัน
แปลโดย iPAT
‘วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง!’ การกระทำของฟางหยวนทำให้จิตใจของไห่ลั่วหลันสั่นคลอน
วิญญาณอมตะดวงนี้เดิมทีเป็นของนาง แต่เพราะนางติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน มันจึงจบลงด้วยการที่นางต้องส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองให้กับเขา
ไห่ลั่วหลันมีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองเหมาะสมกับนางมากที่สุด นอกจากนี้มันยังเป็นมรดกตกทอดจากซูเซียนเอ๋อมารดาของนาง ดังนั้นมันจึงมีความสำคัญกับนางเป็นอย่างมาก
ไห่ลั่วหลันไม่เต็มใจมอบมันให้ฟางหยวนแต่ในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือก
นางพยายามครุ่นคิดทั้งกลางวันและกลางคืนว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้รับวิญญาณอมตะดวงนี้กลับคืน
อย่างไรก็ตามนางต้องหยุดคิดเรื่องนี้เป็นการชั่วคราว
ในแง่มุมหนึ่ง มันสามารถถูกทำลายได้เพียงหนึ่งความคิด ในทางกลับกัน ไห่ลั่วหลันก็เป็นคนฉลาด
นางเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวิธีการประนีประนอม
ไห่ลั่วหลันกับฟางหยวนเป็นพันธมิตร นางยังต้องพึ่งพาธุรกิจวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะของตัวนางเอง นางร่วมมือกับฟางหยวนเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ ในทางตรงข้าม หากนางเป็นศัตรูกับเขา มันอาจเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ ดังนั้นไห่ลั่วหลันจึงต้องอดทนต่อไป
นางทำตัวราวกับลืมวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองไปแล้ว
กล่าวได้ว่านางร้ายลึกและฉลาดมาก
แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับกำลังส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองให้นาง นี่เกินกว่าการคาดหวังของนางอย่างสิ้นเชิง
ไห่ลั่วหลันค่อยๆสงบจิตใจลงและมองไปที่ฟางหยวน
สติของนางกลับมาแล้วและนางก็ระวังตัวมากขึ้น
นางรู้จักธรรมชาติของฟางหยวน เช่นเดียวกัน นางทั้งชื่นชมและหวาดกลัวฟางหยวน
‘เหตุใดฟางหยวนจึงส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองให้ข้า? เขามีแผนใด?’
ราวกับได้ยินความคิดของไห่ลั่วหลัน ฟางหยวนหัวเราะเบาๆก่อนกล่าว “อย่ากังวล วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองเหมาะสมกับข้าเช่นกัน แต่ข้าเชื่อว่ามันสำคัญกับเจ้ามากกว่า ดังคำกล่าวที่ว่า สุภาพบุรุษจะไม่เอาเปรียบผู้อื่น ถูกต้องหรือไม่?”
ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขณะมองไปที่วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง จากนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นมองฟางหยวนและเย้ยหยัน “เจ้าเป็นสุภาพบุรุษงั้นหรือ? เพียงกล่าวสิ่งที่เจ้าต้องการ”
ฟางหยวนลูบจมูกของเขา “หากข้ากล่าวออกไป ข้าเกรงว่าจะทำให้เจ้าตกใจ”
ไห่ลั่วหลันตะคอก “พูด!”
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขากล่าวอย่างจริงจัง “เช่นนั้นข้าก็จะกล่าวตามตรง ข้าต้องการใช้วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองแลกเปลี่ยนกับวิญญาณทัศนคติของเจ้า”
“อันใด!?” ร่างกายของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขณะที่นางก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
“ข้าเก็บเรื่องการได้มาซึ่งวิญญาณทัศนคติไว้กับตนเอง ข้าซ่อนมันจากท่านป้า ในโลกใบนี้มีข้าเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร!?”
ไห่ลั่วหลันตกใจมาก
นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง แต่ฟางหยวนกลับเปิดเผยมันออกมา เช่นนี้แล้วจะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไร
เจตนาสังหารในดวงตาของไห่ลั่วหลันแผ่พุ่งออกมาโดยที่นางไม่รู้ตัว
นางต้องการกำจัดฟางหยวนเพื่อเก็บความลับ!
ฟางหยวนเริ่มก้าวถอยหลัง
การเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของไห่ลั่วหลัน
ไห่ลั่วหลันแสดงออกราวกับสัตว์ร้าย แต่ฟางหยวนกลับก้าวถอยหลังและเผยรอยยิ้มที่ปราศจากความมุ่งร้าย นี่ทำให้ไห่ลั่วหลันรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
ไห่ลั่วหลันจ้องมองฟางหยวนด้วยการแสดงออกที่เย็นชา เจตนาสังหารของนางยังไม่หมดไปแต่ตอนนี้สติของนางกลับคืนมาแล้ว
“ดูเหมือนเจ้าจะมีวิญญาณทัศนคติในตำนานจริงๆ” ฟางหยวนแสร้งสังเกตการแสดงออกของไห่ลั่วหลันและกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ไห่ลั่วหลันตอบกลับด้วยความโกรธ “เจ้าหลอกข้า?”
“ไม่อย่างแน่นอน” ฟางหยวนยิ้มและยักไหล่ “เจ้ายังจำท่านอาจารย์ของข้าได้หรือไม่? ราชันภูเขาม่วง”
ไห่ลั่วหลันสูดหายใจลึก เมื่อนางได้ยินชื่อราชันภูเขาม่วง การแสดงออกของนางก็เริ่มผ่อนคลายลง
นางรู้จักราชันภูเขาม่วง
ฟางหยวนเป็นศิษย์ของเขาและไท่เป่ยหยุนเฉิงก็เช่นกัน
แน่นอนว่านี่เป็นข้อมูลเท็จที่ฟางหยวนสร้างขึ้น กระทั่งนางมารผลาญสวรรค์ก็ยังถูกหลอก
“เป็นอาจารย์ของเจ้าที่ให้ข้อมูลนี้กับเจ้างั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันถาม
ความตั้งใจฆ่าของไห่ลั่วหลันหายไปแล้ว จากมุมมองของนาง ฟางหยวนได้รับการสนับสนุนจากราชันภูเขาม่วง มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าเขา
หลังจากทั้งหมดตอนนี้เทพธิดาหลี่ซานยังไม่ได้คืนดีกับนางมารผลาญสวรรค์
ฟางหยวนหัวเราะเบาๆ “เจ้าคิดอย่างไร?”
ไห่ลั่วหลันรู้สึกปั่นป่วนอยู่ภายใน ‘ราชันภูเขาม่วงล่วงรู้ความลับของข้า เขาต้องมีพลังอำนาจที่ไม่สามารถหยั่งถึง โชคดีที่ข้าเป็นพันธมิตรกับฟางหยวน แต่ฟางหยวนช่างเจ้าแผนการนัก เขารู้ว่าวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองมีความสำคัญกับข้า ดังนั้นเขาจึงกล้าใช้วิญญาณระดับหกมาแลกเปลี่ยนกับวิญญาณระดับแปด!’
แน่นอนว่าไห่ลั่วหลันปฏิเสธ “วิญญาณทัศนคติของข้าเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด ตราบเท่าที่เป็นมนุษย์มีความคิด พวกเขาก็สามารถใช้งานมันได้ มันเป็นวิญญาณในตำนาน แต่เจ้ากลับต้องการใช้วิญญาณระดับหกแลกเปลี่ยนกับมันงั้นหรือ? เจ้ากำลังฝันไปหรือไม่?”
ฟางหยวนคิดก่อนกล่าว “แล้วเจ้าต้องการสิ่งใด?”
“ไม่มีการแลกเปลี่ยน!” ไห่ลั่วหลันเร่งปฏิเสธ
การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้ม “ไห่ลั่วหลัน คิดให้ดี ข้าขอเตือนเจ้าว่าที่นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูของข้า”
ไห่ลั่วหลันหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วอย่างไร? เจ้าลืมข้อตกลงของเราไปแล้วงั้นหรือ? พันธมิตรไม่สามารถโจมตีซึ่งกันและกัน”
“ถูกต้อง!” ไห่ลั่วหลันกล่าวเสริม “เจ้าได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ของเจ้า บางทีเจ้าอาจทำลายข้อตกลงไปแล้ว แต่เจ้าคิดว่าข้ากลัวตายงั้นหรือ?”
“เจ้าดูแคลนข้ามากเกินไป แม้ข้าจะตายอยู่ที่นี่ ข้าก็จะทำลายวิญญาณอมตะทั้งหมดก่อนตาย นอกจากนั้นข้าก็รู้ข้อมูลทุกอย่างของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู ข้ารู้ว่าที่นี่มีทรัพยากรมากเพียงใด หากพวกมันได้รับผลกระทบจากการต่อสู้และถูกทำลาย กระทั่งไท่เป่ยหยุนเฉิงจะมีวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า มันก็เป็นเรื่องยากที่จะกู้คืนทุกสิ่ง”
ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ในใจ
ในชีวิตก่อนหน้าเขาเคยแสดงทัศนคติไม่เกรงกลัวความตายต่อหน้านางมารผลาญสวรรค์ แต่ในชีวิตนี้กลับเป็นไห่ลั่วหลันที่ถูกกดดันและต้องแสดงทัศนคติเช่นนี้ออกมา
การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป เขาหัวเราะเบาๆและปรบมือ “ไห่ลั่วหลัน ข้าย่อมไม่กล้าดูแคลนเจ้า มันเป็นเพียงเรื่องตลก”
“เรื่องตลก? ใช้วิญญาณระดับหกแลกเปลี่ยนกับวิญญาณระดับแปด นี่แสดงให้เห็นถึงความโลภและความโง่เขลาของเจ้าเท่านั้น” ไห่ลั่วหลันตำหนิเสียงเย็น
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายคมชัด “เช่นนั้นข้าจะวางบางสิ่งเพิ่มเติม ข้าจะยอมแพ้การแข่งขันชิงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว เจ้าคิดอย่างไร?”
ไห่ลั่วหลันส่ายศีรษะ “ยอมแพ้งั้นหรือ? กระทั่งเจ้าจะส่งมอบแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวให้ข้า ข้าก็จะไม่แลกเปลี่ยนวิญญาณทัศนคติกับเจ้า มันเป็นวิญญาณที่มีเงื่อนไขในการใช้งานน้อยมาก ไม่จำเป็นต้องมีพลังงานอมตะ มันใช้เพียงพลังจิตเท่านั้น นั่นหมายความว่าแม้ข้าจะเป็นผู้อมตะระดับหก ข้าก็สามารถใช้งานวิญญาณระดับแปดดวงนี้ มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของข้า ข้าจะไม่ยอมปล่อยมือจากมันอย่างแน่นอนและอย่ากล่าวถึงการซื้อ! ฟางหยวน เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าย่อมไม่ทุ่มเทความพยายามกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ถูกต้องหรือไม่?”
ฟางหยวนพยักหน้าและถอนหายใจ
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะถอยหลังไปอีกก้าว เช่นนั้นข้าจะใช้วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองแลกเปลี่ยนกับวิญญาณทาสอมตะของเจ้า”
ไห่ลั่วหลันขมวดคิ้วลึก
นางได้รับวิญญาณทาสอมตะมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือหลังจากหลอกลวงเจตจำนงของเทพอมตะตะวันเดือด
ตอนนี้นางเริ่มจมลงสู่ความเงียบเพราะข้อเสนอที่ดึงดูดใจของฟางหยวน
วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองมีค่ามากกว่าวิญญาณทาสอมตะอย่างไม่ต้องสงสัย
ไห่ลั่วหลันคิดและกล่าว “วิญญาณระดับหกแลกเปลี่ยนกับวิญญาณระดับหก นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่วิญญาณทาสอมตะใช้ได้ครั้งเดียว เจ้าไม่คิดว่ามันเป็นการสูญเสียงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง นี่เป็นการสูญเสีย” ฟางหยวนหัวเราะ “ดังนั้นข้าจึงมีเงื่อนไขเพิ่มเติม ข้าจะขอยืมวิญญาณทัศนคติของเจ้าสักระยะ”
ไห่ลั่วหลันไม่ตอบและจมลงสู่ความเงียบอีกครั้ง
ฟางหยวนใช้ทุกวิธีเพื่อขอยืมวิญญาณทัศนคติ สิ่งนี้ทำให้ไห่ลั่วหลันตระหนักว่าวิญญาณทัศนคติมีความสำคัญต่อฟางหยวน
อย่างไรก็ตามมันสำคัญกับเขามากเพียงใด เรื่องนี้ไห่ลั่วหลันยังไม่แน่ใจ ดังนั้นนางจึงต้องตรวจสอบ
นางปฏิเสธ “ข้าจะไม่ให้ยืมวิญญาณทัศนคติ”
ฟางหยวนถอนหายใจ “เช่นนั้นก็ลืมมันไปซะ”
จากนั้นเขาก็หันหลังกลับ
ไห่ลั่วหลันยืนมองอย่างเย็นชาโดยไม่ขยับเขยื้อน
ฟางหยวนเดินไปหลายก้าวก่อนจะหยุดและหันหลังกลับพร้อมกับเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าต้องการยืมวิญญาณทัศนคติเป็นเวลาสามปีเท่านั้น”
“สามปี? แม้แต่สามวันข้าก็ไม่ยินดี!” ไห่ลั่วหลันแสดงออกอย่างเย็นชาแต่ภายในกลับลอบตื่นเต้น นางเห็นโอกาสเอาเปรียบฟางหยวน
ทักษะการแสดงของนางค่อนข้างดีแต่สุดท้ายนางก็ยังเป็นเด็กขณะที่ฟางหยวนเป็นจิ้งจอกเฒ่าห้าร้อยปี
ฟางหยวนก่นเสียงเย็นไม่พอใจ เขาจะไม่รู้ความคิดของนางได้อย่างไร
เขาโยนไม้เด็ดออกมาทันที “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ต้องการแก้แค้นแล้ว โอกาสที่ดีในการสังหารไห่เจิ้งอยู่ตรงหน้า แต่เจ้ากลับไม่สนใจ”
“กระไรนะ!? สังหารไห่เจิ้ง!?” ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้นด้วยความดุร้าย
การสังหารไห่เจิ้งเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง
ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน นางสามารถสังหารไห่เจิ้งและได้รับวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองจากฟางหยวน นั่นทำให้นางสามารถกำจัดบาดแผลในใจและค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตนเอง เมื่อนางกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง ภูตมนุษย์ที่ปรากฏขึ้นจึงเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนาง
บทที่ 975 ข้อตกลงใหม่
แปลโดย iPAT
การเจรจาดำเนินไปถึงหกชั่วโมง
เมื่อมันจบลง ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกอ่อนล้า หลังจากทั้งหมดจิตใจของผีดิบคือจุดอ่อน ความคิดของพวกเขาช้ากว่ามนุษย์ที่ชีวิตมาก
อย่างไรก็ตามไห่ลั่วหลันก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขามากนัก การเจรจาครั้งนี้ราวกับการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย นี่ทำให้นางรู้สึกเวียนศีรษะและเหนื่อยล้าเช่นกัน
หลังจากนั้นฟางหยวนได้นำไท่เป่ยหยุนเฉิงเข้ามาเพื่อทำข้อตกลงใหม่กับไห่ลั่วหลันและเทพธิดาหลี่ซาน
ฟางหยวนส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับวิญญาณทาสอมตะของไห่ลั่วหลันและยืมวิญญาณทัศนคติเป็นเวลาหนึ่งปี
ฟางหยวนยังต้องหาโอกาสสังหารไห่เจิ้งให้กับพวกนาง
สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว ทั้งสองสามารถแข่งขันกันอย่างยุติธรรม
นอกจากนี้ฟางหยวนยังได้รับความยินยอมจากไห่ลั่วหลันให้เชื่อมโยงโชค
ข้อตกลงใหม่เชื่อมต่อพวกเขาเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา กระทั่งเทพธิดาหลี่ซานก็ยังต้องใช้เวลาหลายปีหากต้องการทำลายข้อตกลงนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือข้อตกลงนี้คำนวณการปรากฏตัวของนางมารผลาญสวรรค์เอาไว้แล้ว
มีเงื่อนไขที่ระบุว่าสามารถเพิ่มจำนวนพันธมิตรแต่คนที่มาใหม่ต้องทำตามข้อตกลงนี้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองฝ่ายไม่สามารถรับความช่วยเหลือจากภายนอกเพื่อทำร้ายซึ่งกันและกัน แต่ละฝ่ายมีโอกาสขอการสนับสนุนจากอีกฝ่ายเพียงครั้งเดียว หากใช้แล้วต้องตอบแทนก่อนจะใช้อีกครั้ง
ข้อตกลงดังกล่าวเข้มงวดมากโดยเฉพาะการแบ่งปันผลประโยชน์ ฟางหยวนใช้ความหวาดกลัวที่ไห่ลั่วหลันมีต่อราชันภูเขาม่วงเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา
ท้ายที่สุดการต่อสู้ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่าง
หลังจากบรรลุข้อตกลง สถานการณ์ของฟางหยวนเปลี่ยนไปมาก
ประการแรก ไห่ลั่วหลันคือเทพธิดาจันทร์ทมิฬ โชคของนางจะไม่ลดลงเป็นเวลานาน เมื่อฟางหยวนเชื่อมโยงโชคกับนาง มันจะช่วยชดเชยข้อบกพร่องเกี่ยวกับความโชคร้ายที่เกิดจากวิญญาณกาลเวลา
ประการที่สอง เขาสามารถยืมวิญญาณทัศนคติระดับแปด วิญญาณดวงนี้เคยถูกใช้โดยเทพปีศาจปล้นสวรรค์ มันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยในตำนาน
ย้อนกลับไป ขณะที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ยังเป็นผู้อมตะระดับหก เขาใช้ท่าไม้ตายนี้หลอกผู้อมตะระดับแปดถึงสองคนและสามารถปล้นทรัพย์สมบัติมากมาย
ฟางหยวนสูญเสียวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์แต่เขากลับได้รับวิญญาณทัศนคติที่ดีกว่า!
ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คลุมเครือของเขาจะยกระดับขึ้นหากใช้วิญญาณทัศนคติเป็นแกนกลาง เขามั่นใจว่าด้วยสิ่งนี้ เขาจะสามารถหลอกลวงกระทั่งผู้อมตะระดับแปด
ประการสุดท้ายคือนางมารผลาญสวรรค์
ในชีวิตก่อนหน้า นางมารผลาญสวรรค์วางแผนต่อต้านฟางหยวน แต่ในชีวิตนี้เมื่อฟางหยวนสร้างข้อตกลงใหม่กับเทพธิดาทั้งสอง มันสามารถหยุดแผนการในช่วงแรกของนาง
ความรู้สึกผิดและความรักที่มีต่อไห่ลั่วหลันคือจุดอ่อนของนางมารผลาญสวรรค์ ฟางหยวนวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากจุดนี้เพื่อยืมมือนาง
แม้นางมารผลาญสวรรค์จะไม่ได้เข้าร่วมในข้อตกลงพันธมิตรใหม่ แต่เมื่อไห่ลั่วหลันตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย นางมารผลาญสวรรค์จะนิ่งเฉยได้อย่างไร
อาจกล่าวได้ว่าไห่ลั่วหลันเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการควบคุมนางมารผลาญสวรรค์
‘ฝ่ายของไห่ลั่วหลันไม่ใช่อุปสรรคของข้าอีกต่อไป หลังจากเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร แผนการของข้าจะราบรื่นขึ้นมาก แต่พวกนางฉลาดมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลอกลวง ตอนนี้พวกนางพอใจกับข้อตกลงนี้แต่พวกนางจะตระหนักถึงข้อได้เปรียบของข้ามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกนางอาจพยายามต่อต้านข้า’
ด้วยความทรงจำในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนมีข้อได้เปรียบ อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้ลดความระวังตัวลงแม้แต่น้อย
‘รอจนกว่าข้าจะสามารถครอบครองสนามรบแห่งความโกลาหล เมื่อเวลานั้นมาถึง ความแข็งแกร่งของข้าจะเหนือกว่าพวกนาง แม้ฝ่ายของไห่ลั่วหลันจะไม่พอใจ แต่พวกนางจะไม่สามารถทำสิ่งใด’
ฟางหยวนไม่ลังเลที่จะปล่อยมือจากวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองเพราะเขามีแผนการยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลและผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด
ด้วยวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง ฟางหยวนสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจระดับเจ็ดเท่านั้น
ขณะที่สนามรบแห่งความโกลาหลจะทำให้เขาสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปดหรืออย่างน้อยก็สามารถหลบหนี
หลังจากได้รับวิญญาณทัศนคติ ฟางหยวนเดินทางต่อไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถาม “เหตุใดจึงกลับมาเร็วนัก? เจ้าได้สิ่งที่ข้าต้องการมาแล้วงั้นหรือ?”
“ไม่อย่างแน่นอน” ฟางหยวนส่ายศีรษะ
การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ฟางหยวน เจ้าเด็กบ้า เจ้าไม่ได้ยินคำกล่าวของข้าก่อนหน้านี้งั้นหรือ? ข้าบอกแล้วว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาหรือไปเมื่อใดก็ได้! หากเจ้าไม่มีทรัพยากรอมตะที่ข้าต้องการ ข้าจะไม่คุยกับเจ้า!”
“จะเป็นเช่นนั้นจริงๆงั้นหรือ?” ฟางหยวนหัวเราะเบาๆ “หากข้าต้องการใช้โอกาสสุดท้ายเพื่อขอให้ท่านหลอมรวมวิญญาณอมตะ ท่านจะว่าอย่างไร?”
“อา…” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นพูดไม่ออก
ฟางหยวนขโมยโอกาสนี้มาจากหม่าหงหยุนในฐานะผู้สืบทอดของเทพปีศาจปล้นสวรรค์
เนื่องจากบรรพชนผมยาวได้ทำข้อตกลงกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ดังนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงต้องหลอมรวมวิญญาณให้ฟางหยวนสามดวง
หากเป็นวิญญาณระดับมนุษย์ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถรับประกันความสำเร็จ แต่สำหรับวิญญาณอมตะ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอาจล้มเหลว
ฟางหยวนใช้โอกาสไปแล้วสองครั้ง
ครั้งแรกคือการหลอมรวมวิญญาณประตูแห่งดวงดาว
ครั้งที่สองคือการหลอมรวมวิญญาณทะเลวิญญาณที่สอง
ฟางหยวนยังเหลือโอกาสครั้งสุดท้ายที่จะร้องขอให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหลอมรวมวิญญาณให้เขา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวเสียงเข้ม “เด็กน้อย เจ้าต้องการหลอมรวมสิ่งใด?”
ฟางหยวนหัวเราะอย่างเต็มที่และตบไหล่จิตวิญญาณแผ่นดิน “ข้ากล่าวเพียงว่า หาก แต่ตอนนี้ข้ายังไม่ต้องการสูญเสียโอกาสครั้งสุดท้าย”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปัดมือของฟางหยวนออกไปและไม่กล่าวสิ่งใดอีกเลย
ตราบเท่าที่ฟางหยวนไม่ใช้โอกาสสุดท้าย เขาก็ยังสามารถเข้าออกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้เสมอ
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้ว่านี่คือคำเตือนจากฟางหยวน แม้มันจะเป็นเพียงการโจมตีด้วยวาจา แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไม่สามารถตอบโต้ นี่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ
“หากไม่ใช้โอกาสสุดท้ายก็ออกไป!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยความไม่พอใจ
ฟางหยวนยักไหล่ “แม้ข้าจะไม่มีทรัพยากรอมตะที่ท่านต้องการ แต่ข้ามีสิ่งนี้ ลองดู”
มุมปากของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน “เด็กเลว! คิดว่าจะหลอกลวงข้าได้อีกงั้นหรือ? ฮืม…ทรัพยากรของเจ้าจะสามารถทดแทนสิ่งที่ข้าต้องการได้อย่างไร ข้าไม่…”
เขาหยุดพูดอย่างกระทันหัน
ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะจ้องมองทรัพยากรอมตะในมือของฟางหยวน
มันไม่ใช่ทรัพยากรอมตะทั่วไปแต่เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดที่ฟางหยวนนำมาจากโลกใต้บาดาลของภาคเหนือ
“นี่…นี่…นี่…ดูเหมือนชิ้นส่วนร่างกายของสัตว์อสูรแรกกำเนิดเมฆวิหคเพลิง!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถึงกลับพูดติดอ่าง
ฟางหยวนยกนิ้วให้ “ดังคาด จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาช่างรอบรู้นัก ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว หลังจากข้าได้รับสิ่งนี้ ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อค้นคว้าเกี่ยวกับมัน”
ฟางหยวนส่งทรัพยากรอมตะชิ้นนี้ให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถยับยั้งตนเองและยื่นมือออกไปคว้ามันมาตรวจสอบ
“ของดี ของดี”
“ถูกต้อง มันคือชิ้นส่วนร่างกายของเมฆวิหคเพลิงที่หายาก!”
“เจ้าช่างโชคดีนักที่พบมัน!”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพึมพำ เขาถูกล่อลวงอย่างสมบูรณ์
ไม่ว่าอย่างไรจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็มีต้นกำเนิดมาจากบรรพชนผมยาว
บรรพชนผมยาวเชี่ยวชาญ้ด้านการหลอมรวม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ได้รับความสามารถนี้สืบทอดมาเช่นกัน
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกปั่นป่วน เขาค้นหาทรัพยากรอมตะนี้มาอย่างยาวนานแต่กลับไม่พบ หากเขาได้รับมัน มีวิญญาณอมตะมากมายที่เขาสามารถหลอมรวมและจะเริ่มต้นทันที
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเลิกสนใจฟางหยวนและมองทรัพยากรอมตะในมือด้วยความคลั่งไคล้
กระทั่งในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทรัพยากรอมตะระดับแปดก็มีอยู่น้อยมาก
เหตุผล?
มันยากที่จะรวบรวม
ตัวอย่างเช่น ชิ้นส่วนร่างกายของเมฆวิหคเพลิงชิ้นนี้ ร่างหลักของมันคือสัตว์อสูรแรกกำเนิดเมฆวิหคเพลิงที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด!
ในการรวบรวมชิ้นส่วนร่างกายของเมฆวิหคเพลิง พวกเขาต้องสังหารมันเป็นอันดับแรก ผู้อมตะมีอยู่น้อยมากโดยเฉพาะผู้อมตะระดับแปดที่มีอยู่เพียงไม่กี่คน พวกเขายังต้องคำนึกถึงความปลอดภัยของตนเองและจะไม่ต่อสู้โดยง่าย เว้นเพียงพวกเขาจะต้องการทรัพยากรอมตะระดับแปดชนิดพิเศษ เวลานั้นพวกเขาจึงจะเคลื่อนไหว
นี่เป็นสาเหตุที่ฟางหยวนสามารถขายทรัพยากรอมตะระดับแปดได้อย่างง่ายดายในสวรรค์สีเหลือง
เพราะกระทั่งบรรพชนผมยาวร่างหลักของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ยังไม่มีความสามารถที่จะรวบรวมทรัพยากรอมตะดังกล่าวด้วยตัวของเขาเอง
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาทำข้อตกลงกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์และเทพอมตะตะวันเดือด
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นการแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา หลังจากนั้นเขายังหยิบทรัพยากรอมตะระดับแปดอีกชิ้นออกมา “จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา โปรดช่วยข้าตรวจสอบต้นกำเนิดของสิ่งนี้ด้วย”
“อา…” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเงยหน้าขึ้นและกรีดร้องออกมาทันที
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความยินดี “สวรรค์! นี่คือปีกของผึ้งลายเสือมิใช่หรือ? ดู แสงเหล่านี้คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโลหะ! เรากระทั่งสามารถมองเห็นพวกมันได้ด้วยตาเปล่า!”
“เด็กบ้า! เจ้าได้ทรัพยากรระดับนี้มาได้อย่างไร? พวกมันทำให้ข้ารู้สึกเจ็บปวด หลังจากทุ่มเทความพยายามมาอย่างยาวนาน ข้ายังมีทรัพยากรอมตะระดับนี้ไม่เกินยี่สิบชิ้น พวกมันมีค่ามากจนข้าไม่เต็มใจที่จะใช้งานพวกมัน!”
ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง “หากข้ากล่าวว่าข้าเพียงหยิบพวกมันขึ้นมา ท่านจะเชื่อหรือไม่?”
เมื่อเขากล่าวถึงจุดนี้ เขาหยิบเมฆวิหคเพลิงกลับมาจากมือของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอย่างรวดเร็ว
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ทันตั้งตัว หลังจากถูกฉกชิงทรัพยากรอมตะไปจากมือ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะส่งเสียงโหยหวนอย่างน่าเวทนาออกมา
เขากระทืบเท้าและตะโกน “เจ้ากำลังทำสิ่งใด?”
“ทำสิ่งใดงั้นหรือ?” ฟางหยวนเผยใบหน้างุนงง “นี่เป็นสมบัติของข้า ท่านคิดจะขโมยมันไปจากข้าเช่นนั้นหรือ?”
ร่างกายของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นแข็งค้าง เขาไม่สามารถตอบโต้และทำได้เพียงมองไปที่ฟางหยวนเท่านั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น