ลำนำบุปผาพิษ 971-974

 บทที่ 971 อันคำว่าเซียน 3


และสัตว์ประหลาดน่าหวาดผวาที่กำลังไล่ล่าทุกคนอยู่ในขณะนี้ก็มุดออกมาจากโพรงใหญ่แห่งนั้น สัตว์ประประหลาดมีสองตัว แต่ละตัวรูปร่างพิลึกพิลั่น สูงใหญ่บึกบึนอย่างยิ่ง


ตัวหนึ่งดูคล้ายกับมังกรอยู่บ้าง ทว่าเป็นจระเข้ตีนเป็ดตัวหนึ่ง ตัวโตมโหฬารปานไดโนเสาร์ มีสิ่งที่ดูเหมือนเกล็ดปกคลุมอยู่ทั่วร่างซึ่งความจริงแล้วมิใช่เกล็ด แต่เป็นมือคน…


อีกตัวดูคล้ายกับพญาหงส์ และมีความแตกต่างกับพญาหงส์ของจริง เหมือนจะใช้ร่างคนมาก่อขึ้นตามแบบอย่างลวกๆ


สองตัวนี้ล้วนมีร่างกายใหญ่มหึมายิ่ง และมีกำลังรบเป็นเลิศ อ้าปากคราหนึ่งสามารถใช้ไอศพสีดำปานน้ำหมึกหลอมละลายทุกสิ่งได้ เมื่อกวาดหางผ่านคราหนึ่ง ภูผาก็จะถล่มลงมาทันที!


เจ้าสองตัวนี้มุดออกมาจากใต้พื้นหลังจากที่ฝูงผีดิบถูกล่อออกไป พอมุดออกมาก็ออกล่าสังหารอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เป้าหมายคือไล่ล่าสังหารสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้ทั้งหมด!


ยามที่พวกมันมุดออกมา พวกหลานไว่หูไม่ได้อยู่ใกล้ๆ และเชื่อฟังคำสั่งของกู้ซีจิ่ว ขับรถม้าออกไปไกลสิบกว่าลี้ หาสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งแล้วร่อนลงจอด ทุกคนได้พักหายใจ ขณะที่กำลังหารือกันว่าจะขับรถม้าไปหาพวกกู้ซีจิ่วดีไหม ไปดูว่าสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้างไหม ยังไม่ทันได้อภิปรายหาข้อสรุป ก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากทางด้านนั้น พื้นดินก็สั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นก็ได้ยินเสียงต่อสู้โวยวายแว่วมาจากทางทิศนั้นรางๆ มีแสงวิชายุทธ์พวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้าเป็นครั้งคราว…


พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น มองจากระยะไกลก็เห็นไม่ชัดเจน สงสัยว่าอาจเป็นพวกกู้ซีจิ่วต่อสู้กับผีดิบขึ้นมาอีกครา


ดังนั้นทุกคนจึงหารือกันครู่หนึ่ง แล้วขึ้นรถอีกครั้ง ให้สิงโตเวหาลากรถเหาะกลับมาอีก


แผนที่พวกเขาวางไว้คือ หากว่าเป็นพวกกู้ซีจิ่วที่กำลังต่อสู้กับผีดิบอยู่ เช่นนั้นทุกคนก็สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทุกคนจะเผชิญความลำบากไปด้วยกัน


หากว่าไม่ใช่กู้ซีจิ่ว เช่นนั้นพวกเขาก็เหาะกลับมาเพื่อดูว่าที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อถึงเวลาค่อยดูว่าช่วยเหลือได้หรือไม่ ถึงอย่างไรรถที่โดยสารอยู่คันนี้ก็เหาะได้ ต่อให้มีผีดิบนับไม่ถ้วนมุดออกมาอีกก็ไล่ตามพวกเขาไม่ได้


สุดท้ายแล้วทุกคนในกลุ่มก็ยังเป็นหนุ่มสาวอ่อนประสบการณ์ ล้วนเป็นเด็กน้อยอายุสิบกว่าปีทั้งสิ้น หุนหันพลันแล่นอยากรู้อยากเห็นได้ง่ายๆ อันตรายอันใดก็กล้าเสี่ยง…


แผนที่พวกเขาวางไว้ไม่เลวเลย แต่พอเห็นสิ่งที่ต่อสู้เบื้องหน้าชัดๆ ทุกคนล้วนตัวแข็งทื่อไปหมด!


กลุ่มที่ประกอบด้วยหนึ่งหงส์หนึ่งมังกรสีสันทึมทึบกำลังล้อมโจมตีสตรีที่ขี่มังกรเจียวนางนั้นกับคนยักษ์เกราะทองผู้เป็นข้ารับใช้ของนางอย่างดุเดือดอยู่…


เห็นได้ชัดว่าว่าสตรีขี่เจียวนางนั้นนึกไม่ถึงว่าจะมีเจ้าสองตัวนี้มุดออกมาจากใต้ดินเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าสองตัวนี้ทำให้นางสะอิดสะเอียน ดวงหน้าเฉิดฉันของนางซีดเซียวอย่างยิ่ง


นางยังคงมีฝีมือนัก ฝ่ามือส่งสายฟ้าออกไปเส้นแล้วเส้นเล่า ทิ้งรอยไหม้เกรียมน่าดูชมไว้บนร่างของหนึ่งหงส์หนึ่งมังกร ภายในอากาศคลุ้งไปด้วยกลิ่นเนื้อไหม้


คนยักษ์เกราะทองผู้นั้นก็ควงง้าวจันทร์เสี้ยวปานกงล้อไฟ คมง้าวเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกมาจากง้าวจันทร์เสี้ยว บางครั้งก็ฝากทักทายลงบนร่างสัตว์ประหลาดทั้งสอง และทิ้งรอยแผลไว้บนร่างสัตว์ประหลาดพวกนั้น โลหิตสีดำปานน้ำหมึกทะลักออกมา…


แต่ไม่ว่าจะเป็นดรุณีขี่เจียวผู้นั้นหรือว่ามังกรเจียวและข้ารับใช้ของนาง ล้วนโจมตีให้สัตว์ประหลาดสองตัวนั้นถึงแก่ชีวิตอย่างแท้จริงไม่ได้ กลับทำให้สัตว์ประหลาดสองตัวนั้นบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม พ่นเมฆหมอกโอบล้อมสตรีนางนั้นไว้แล้วเข้าโจมตี!


ขณะที่สตรีนางนั้นค่อนข้างเข้าตาจนแล้ว รถลากสิงโตของพวกหลานไว่หูก็ปรากฏขึ้นไม่ไกล


ความคิดของสตรีนางนี้แล่นวาบ ส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ของนาง จากนั้นก็เผยจุดอ่อน ฝืนพุ่งฝ่าวงล้อมของสัตว์ประหลาดสองตัวนั้น มุ่งเข้าหารถลากสิงโตคันนี้!


————————————————————————————-


บทที่ 972 อันคำว่าเซียน 4


สัตว์ประหลาดสองตัวนั้นไม่จำหน้าผู้ใด โจมตีอย่างไม่ละเว้น


ด้วยเหตุนี้ ยามสตรีนางนั้นกับข้ารับใช้ของนางพุ่งผ่านข้างรถลากสิงโตไป เหินทะยานขึ้นสู่นภาสูง รถลากสิงโตคันนั้นก็กลายเป็นเป้าหมายโจมตีของสัตว์ประหลาดทั้งสอง…


สัตว์ประหลาดสองตัวนี้คือสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายยิ่ง สัตว์ทั่วไปเมื่อพบเห็นพวกมันล้วนตกใจจนขี้แตกฉี่ราด อย่าว่าแต่หนีเลย แม้แต่จะขยับก็ยังไม่กล้าด้วยซ้ำ


ต่อให้เป็นมังกรเจียวที่เพิ่งเผชิญหน้ากับการต่อสู้มาหยกๆ ของสตรีนางนั้น ก็ยังเคร่งเครียดจนแผ่นเกล็ดทั่วร่างล้วนลุกชันขึ้นมา! ร่างกายก็แข็งทื่อไปพักหนึ่ง หากมิใช่เพราะถูกฝึกฝนมาอย่างดี เกรงว่ามันคงตกใจจนหล่นลงมาคลุกฝุ่นแล้ว…


แต่สิงโตเวหาที่ลากพวกเชียนหลิงอวี่หลบหนีครานี้ ในยามที่ตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้กลับระเบิดความกล้าหาญออกมาแตกต่างจากสัตว์ทั่วไป ไม่เพียงไม่ตกใจจนตกลงไปเท่านั้น มันยังลากรถหนีอย่างมีลูกไม้ด้วย!


ประเดี๋ยวก็บินซิกแซก ประเดี๋ยวก็บินเป็นรูปเลขแปด ประเดี๋ยวก็บินเป็นรูปตัวเอส…


หลบหนีการปิดล้อมไล่ล่าของสัตว์ประหลาดทั้งสองอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะดูดุร้ายอันตรายอย่างยิ่ง แต่สัตว์ประหลาดสองตัวนั้นก็สัมผัสไม่ได้แม้แต่สักล้อของมัน…


บนโลกนี้สิงโตเวหาเป็นสัตว์พาหนะของชนชั้นสูง มีอยู่มากมายทั่วแผ่นดิน ถึงแม้จะนับว่าล้ำค่าเช่นกัน แต่ก็ไม่นับว่าเป็นสัตว์หายาก แม้กระทั่งสัตว์ระดับต่ำที่สุดที่เหล่าผู้อาวุโสของสามสำนักขี่ยังสูงส่งกว่าสิงโตเวหาเสียอีก


ยามที่พวกเชียนหลิงอวี่เห็นว่าสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นพุ่งเข้ามาประหนึ่งหัวรถไฟ ยังนึกอยู่ว่าหนนี้พวกตนคงตายแน่แล้ว!


ทว่ายังคงพากันออกกระบวนท่าสกัดกั้น คิดจะขวางให้ฝีเท้าของสัตว์ประหลาดสองตัวนี้ชะชอลงบ้าง


แต่สัตว์ประหลาดสองตัวนี้ร้ายกาจเกินไปจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือหรืออานุภาพของพวกมันล้วนถึงขั้นดุร้ายกว่าสัตว์ร้ายขั้นแปดภายในป่าทมิฬเสียอีก กำแพงที่พวกหลานไว่หูปลดปล่อยออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกมันก็เหมือนกระดาษ ทะลวงครั้งเดียวก็แหลกสลาย!


พวกหลานไว่หูเบิกตามองกำแพงถูกซัดกระเด็น ยามที่ฟันคมกริบของสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นอยู่เบื้องหน้า หัวใจทุกคนล้วนหนาวยะเยือก รู้สึกว่าครั้งนี้จบสิ้นแน่แล้ว!


นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ สิงโตเวหาตัวนั้นจะหมุนตัวคราหนึ่ง ลากรถพุ่งผ่านช่องว่างระหว่างสัตว์ประหลาดทั้งสอง หางสิงโตยังฟาดลงบนดวงตาของจระเข้ตีนเป็ดตัวนั้นด้วย ทำให้มันคำรามอย่างบ้าคลั่ง…


หงส์มังกรคู่นั้นถูกยั่วโมโหจนถึงขีดสุดแล้ว ตามติดอยู่ด้านหลังรถลากสิงโตเวหาไม่ยอมปล่อย สิงโตเวหาถูกฝึกฝนอย่างดีเหนือธรรมดา ในสถานการณ์คับขันมักจะหลบเลี่ยงการโจมตีของพวกมันได้เสมอ


ชัดเจนยิ่งนักว่าสิ่งโตเวหาตัวนี้ไม่ใช่สินค้าทั่วไป


รถคันนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามิใช่รถธรรมดา สิงโตเวหาลากมันหมุนวนหลบหลีกปานกังหัน ทว่ารถนั้นกลับไม่ถูกเขย่าคลอนจนหลุดเป็นชิ้น แม้แต่พู่ห้อยรถก็แข็งแรงนักแกว่งไกวไปมาแต่ว่าไม่หลุดออกไป ที่ทุกข์ทรมานมีเพียงทั้งสี่คนในรถ ถูกเขย่าจนเกือบขย้อนน้ำดีขมๆ ออกมา มือของพวกเขายึดตัวรถไว้แน่น ร่างกายส่ายไปมาอย่างรุนแรง กระแทกโดนกันบ้างเป็นครั้งคราว


โชคดีที่วรยุทธ์ของทั้งสี่คนล้วนไม่เลวยิ่ง มิเช่นนั้นคงถูกสะบัดออกจากรถไปนานแล้ว กลายเป็นอาหารของสัตว์ประหลาดสองตัวนั้น


ถึงอย่างไรสิงโตเวหาก็ลากมนุษย์สี่คนอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่ได้ปลดปล่อยความเร็วที่เร็วที่สุดของมันออกมา สัตว์ประหลาดสองตัวนั้นกัดไม่โดนมัน แต่มันก็สลัดการไล่ล่าโจมตีของสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นไม่พ้นไประยะหนึ่ง…


ยามที่กู้ซีจิ่วตามมาถึง รูปการณ์ทั้งหมดที่ได้เห็นคือดังนี้


สิงโตเวหาลากรถสับสนวุ่นวานอยู่บนฟ้า สัตว์ประหลาดรูปร่างอัปลักษณ์ยิ่งนักสองตัวไล่กัดมันอยู่…


และสตรีขี่เจียวนางนั้นกับข้ารับใช้ของนางก็ยืนอยู่ในชั้นเมฆที่สูงลิบลิ่ว ซ่อนตัวอยู่ในหมู่เมฆมองอยู่ตรงนั้น นิ่งเฉยดูดายโดยแท้ ไม่มีทีท่าว่าจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเลยสักนิด


สิงโตเวหาหลบหนีอย่างหวาดเสียว


————————————————————————————-


บทที่ 973 อันคำว่าเซียน 5


สิงโตเวหาหลบนี้อย่างน่าหวาดเสียว ทั้งสี่คนบนรถตกอยู่ในอันตรายจากการถูกกลืนกิน


และดรุณีนางนั้นก็เฝ้ามองอยู่ตลอด กำลังศึกษากระบวนการโจมตีของสัตว์ประหลาดสองตัวนั้น ในใจใคร่ครวญหาวิธีรับมือกับพวกมันอยู่


ในสายตานาง มนุษย์ไม่กี่คนที่อยู่บนรถก็คือมดปลวก จึงโยนออกไปเป็นตัวทดสอบ ชีวิตของพวกเชียนหลิงอวี่ในสายตาดรุณีนางนี้ไม่ไม่นับว่ามีค่าอันใด!


เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นสถานการณ์นี้ก็คาดเดาเรื่องราวออกแปดเก้าส่วน ไม่อาจข่มกลั้นความโกรธไว้ได้!


เทพเซียนเสียที่ไหน เป็นตัวสารเลวชัดๆ!


นัยน์ตาของเธอมีแววขุ่นแค้นวาบผ่าน ซัดฝ่ามือใส่สัตว์ร้ายสองตัวนั้นที่อยู่บนนภาทันที!


เธอยืนอยู่บนเนินเขา ส่วนสัตว์ร้ายทั้งสองบินเหินอยู่ในอากาศ ถึงแม้พลังฝ่ามือเธอจะแกร่งกล้ายิ่ง แต่ยามที่โจมตีขึ้นไปบนฟ้า กลับไม่ทรงอานุภาพสักเท่าไหร่ เพียงดึงดูดความสนใจจากสัตว์ร้ายสองตัวนั้นได้สำเร็จ


สัตว์ร้ายสองตัวนั้นเนื่องจากไล่ตามสิงโตเวหาไม่ทันจึงกำลังหงุดหงิดงุ่นง่าน ทันทีที่เห็นว่ามีมนุษย์ยืนอยู่ที่เนินเขาด้านล่าง ย่อมปรีดายิ่ง เพลิงโทสะที่ลุกโหมถูกโยกย้ายไปที่กู้ซีจิ่ว สัตว์ร้ายทั้งสองกู่ร้องเสียงยาว ละทิ้งการไล่ล่าสิงโตเวหาตัวนั้นต่อ หมุนกายคราหนึ่ง โผลงมาทางกู้ซีจิ่ว!


ร่างของสัตว์ร้ายทั้งสองใหญ่ยักษ์ เมื่อโผลงมาเช่นนี้ ร่างกายของพวกมันยังคงอยู่กลางอากาศ รอบกายแฝงด้วยพายุโหมกรรโชกพัดพาหินบนพื้นปลิวว่อน ม่านหิมะฟุ้งตลบ


กู้ซีจิ่วยืนอยู่ท่ามกลางพายุ อาภรณ์ถูกลมพัดจนโบกสะบัดอย่างรุนแรง ทว่าเธอไม่หลีกหนี เมื่อเห็นกรงเล็บของสัตว์ร้ายสองตัวนั้นที่กำลังจะซัดลงบนร่างเธอ เธอจึงใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที!


‘ตึง!’ ‘ตึง!’


สัตว์ร้ายทั้งสองยั้งไม่ทัน ชนกันเข้าอย่างจัง และกระแทกลงบนพื้นอีกที!


พสุธาสั่นสะเทือน ถูกเจ้าสองตัวนี้กระแทกจนเกิดหลุมใหญ่สองหลุม!


แรงปะทะนี้มหาศาลยิ่ง สัตว์ร้ายสองตัวนี้ถึงแม้จะหนังเหนียวเกล็ดหนา แต่การที่หัวกระแทกอย่างรุนแรงถึงเพียงนี้ ก็ทำให้หัวแตกเลือดอาบ สมองมึนงง


สัตว์ร้ายสองตัวนี้โหดเหี้ยมอย่างยิ่ง งุนงงหัวหมุนอยู่เพียงครู่เดียวก็กระโดดขึ้นมาจากหลุมทันที นัยน์ตาแดงก่ำสองคู่จับจ้องร่างกู้ซีจิ่วที่เคลื่อนย้ายออกไปสามลี้!


จากนั้นต่างคำรามออกมาด้วยความโกรธพุ่งเข้าใส่กู้ซีจิ่วอีกครั้ง


กู้ซีจิ่วยังใช้อุบายเดิม ยามที่ทั้งสองตัวพุ่งมาถึงเบื้องหน้าก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายหลบหนี ด้วยเหตุนี้ทั้งสองตัวจึงชนกันอีกครั้ง


ทุกการเคลื่อนไหวของกู้ซีจิ่วล้วนจับจังหวะได้เหมาะเหม็ง หากเธอไม่ใช่วิชาเคลื่อนย้าย ก็จะใช้วิชาตัวเบา เช่นนั้นไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หลีกเลี่ยงไม่พ้น


สัตว์ร้ายสองตัวนี้ยงพอมีสติปัญญาอยู่บ้าง หลังจากเสียเปรียบเช่นนี้ติดต่อกันสามหน พวกมันก็ได้เรียนรู้แล้ว เมื่อพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้งก็ไม่รวมหัวกันโจมตีอีกแต่แยกกันโจมตี…


แต่ท่าร่างของกู้ซีจิ่วว่องไวเกินไป เธอเลือนหายไปทันที สัตว์ร้ายสองตัวนั้นเกี่ยวมุมชุดของเธอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ


และเธอก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายหายไปเลย มักจะปรากฏตัวไม่ไกลจากสัตว์ร้ายทั้งสองตัวตลอด เป็นระยะไม่ใกล้ไม่ไกลดั่งหนูยั่วแมวอยู่เสมอ เมื่อถูกหาเรื่องเช่นนี้นิสัยดุร้ายของพวกมันปะทุขึ้นมา ไล่ตามเธออย่างกระชั้นชิดไม่ยอมปล่อย


ทั้งสี่คนที่อยู่บนรถลากสิงโตเวหาในที่สุดก็ได้พักหายใจแล้ว เดิมทีพวกเขาคิดจะกระโดดลงไปช่วย ทว่าถูกกู้ซีจิ่งส่งกระแสเสียงมาหยุดยั้งไว้ กู้ซีจิ่วให้พวกเขาฉวยโอกาสนี้จากไปอย่างรวดเร็ว


ในยามนี้ พวกเยี่ยนเฉินทั้งสองก็กลับมาแล้ว พวกเขาค่อนข้างมีสติ ไม่หลับหูหลับตาพุ่งเข้าไป ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับมองสถานการณ์ครู่หนึ่งก็ทราบว่ากู้ซีจิ่วจะไม่เกิดอันตรายขึ้นในขณะนี้ ถ้าพวกเขาเข้าไปช่วยในยามนี้มีแต่จะช่วยให้ยุ่งกว่าเดิม…


ดังนั้นสองคนนี้เลยส่งกระแสเสียงไปหาพวกจิ้งจอกน้อย ให้พวกเขารีบจากไปเสีย


ในบรรดาคนทั้งสี่เล่อจื่อซิ่งค่อนข้างรู้ความ เข้าใจผลดีผลเสียเหล่านั้นได้ทันที จึงบังคับรถม้าจากไปไกล


ส่วนพวกเยี่ยนเฉินทั้งสองก็ซ่อนอยู่ในที่ลับตา


————————————————————————————-


บทที่ 974 อันคำว่าเซียน 6


ส่วนพวกเยี่ยนเฉินทั้งสองก็ซ่อนอยู่ในที่ลับตา เตรียมพร้อมหากกู้ซีจิ่วตกอยู่ในอันตรายจริงๆ พวกเขาก็จะออกไปช่วยเหลือ


โชคดีที่วิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วล้ำเลิศยิ่ง หลังจากเธอใช้วิชาเคลื่อนต่อเนื่องกันสิบกว่าครั้ง ก็แทบจะทำให้สัตว์ร้ายทั้งสองตาลายแล้ว


ดรุณีขี่เจียวและข้ารับใช้ของนางที่ชมการต่อสู้อยู่บนฟ้าก็มองอย่างตกตะลึง ดูเหมือนพวกเขาจะคาดไม่ถึงว่าเด็กสาวชาวมนุษย์อย่างกู้ซีจิ่วจะมีวรยุทธ์ที่พิสดารปานนี้


ดรุณีขี่เจียวขุ่นเคืองที่ตนยืนอยู่สูงเกินไป มองเห็นท่าร่างของกู้ซีจิ่วไม่ชัด ดังนั้นจึงสั่งการให้มังกรเจียวบินต่ำลงหน่อย จากนั้นก็บินต่ำลงไปอีก นางจะได้ชมการต่อสู้สะดวก


เดิมทีนางยืนอยู่ที่ระดับความสูงกว่าสามพันเมตร ทว่ายามนี้กลับค่อยๆ ลดระดับลง ยิ่งบินยิ่งต่ำ จนห่างจากพื้นดินเพียงหนึ่งร้อยเมตร เช่นนี้ในที่สุดนางก็มองเห็นชัดเจนแล้ว


ขณะที่นางกำลังมองอย่างใจลอย ทันใดนั้นสาวน้อยที่เคลื่อนย้ายไปเคลื่อนย้ายมาอยู่บนพื้นก็เงยหน้ามองนางแล้วยกยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง รอยยิ้มนั้นเย็นชายิ่ง ทำให้นางใจหายวาบทันที!


วินาทีถัดมากู้ซีจิ่วเคลื่อนย้ายไปอยู่บนหลังมังกรเจียวของนางโดยตรง!


ดรุณีนางนั้นยังไม่ทันได้ซัดเธอลงไป สัตว์ร้ายที่อยู่ด้านล่างสองตัวนั้นก็ไล่ตามขึ้นมาอย่างดุดันเหี้ยมหาญแล้ว…


ส่วนกู้ซีจิ่วนั่นใช้วิชาเคลื่อนย้ายหายไปนานแล้ว หนนี้เธอเคลื่อนย้ายไปค่อนข้างไกล เงาร่างหายลับไปทันที


เมื่อสัตว์ร้ายสองตัวนั้นหากู้ซีจิ่วไม่เจอ ในที่สุดก็พบดรุณีขี่เจียวผู้นี้อีกครั้ง พวกมันยังคงเจ้าคิดเจ้าแค้นนัก นึกถึงตอนที่เสียเปรียบในเงื้อมมือนางก่อนหน้านี้ขึ้นมาทันที ด้วยเหตุนี้เป้าหมายโจมตีจึงย้ายไปที่ร่างนาง…


ดรุณีขี่เจียวนางนั้นโมโหจนแทบจะตะโกนด่าแล้ว แต่นางไม่มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายแบบกู้ซีจิ่ว ไม่อาจหลุดพ้นจากสัตว์ร้ายสองตัวนี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ทำได้เพียงเปิดฉากต่อสู้อีกครั้ง ท้องนภากลายเป็นสนามรบ


เมฆาล่องลอย สายลมคำราม เสียงต่อสู้กลางนภาดังเปรี้ยงปร้างรุนแรงเสมือนมีฟ้าผ่าอยู่ไม่ขาดสาย เร่าร้อนยิ่งนัก


ห่างออกไปหลายลี้ สิงโตเวหาหยุดอยู่บนเนินเขาที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง หอบหายใจแฮ่กๆ มันเหนื่อยเหลือเกิน! การหลบหนีเมื่อครู่แทบจะบีบให้มันเค้นเรี่ยวแรงที่สะสมไว้ตั้งแต่เกิดออกมา


เชียนหลิงอวี่และพวกหลานไว่หูก็ลงมาหมดแล้ว สีหน้าพวกเขาแต่ละคนค่อนข้างซีดเซียวเช่นกัน


เมื่อครู่โยกคลอนเกินไปหวาดเสียวยิ่งกว่านั่งรถไฟเหาะเป็นร้อยเท่า พวกเขารู้สึกว่าอวัยวะภายในถูกเขย่าจนจะหลุดออกมาแล้ว! โดยเฉพาะเชียนหลิงอวี่ ถึงอย่างไรเขาก็บาดเจ็บอยู่ เมื่อลงจากรถจึงอาเจียนออกมาทันที


พวกเยี่ยนเฉินทั้งสองก็ตามมาแล้วเช่นกัน ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายปลีกตัวมา ในที่สุดคนทั้งหลายก็ได้อยู่พร้อมหน้าอีกครั้ง


ครานี้นับว่าทุกคนรอดพ้นจากความตายมาได้ จึงโล่งอกกันถ้วนหน้า


พวกเขาเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุดแล้ว ยามนี้เลยถือโอกาสนั่งพักผ่อนกินอาหาร ฟื้นฟูพละกำลัง


แน่นอนว่าพวกเขามักจะมองดูการต่อสู้บนฟากฟ้าด้านนั้นจากที่ไกลๆ กันไม่ให้ถูกนางเซียนขี่เจียวผู้นั้นลากลงน้ำอีก


จิ้งจอกน้อยติดกู้ซีจิ่วเป็นที่สุด เมื่อเห็นเธอมาถึง ก็กระโดดมาอยู่ข้างกายเธอทันที พูดจ้อถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้เธอฟัง เมื่อนึกถึงว่าก่อนหน้านี้นางเซียนผู้นั้นใช้พวกเขาเป็นโล่กำบัง นางยังคงเดือดดาลนัก


กู้ซีจิ่วสอบถามเยี่ยนเฉิน “เจ้ารู้จักผู้คนค่อนข้างมาก ทราบหรือไม่ว่านางเป็นเทพเซียนจากที่ใด?”


เยี่ยนเฉินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จึงเปิดปากเอ่ย “ยามที่ข้ากำลังเดินทาง ได้ยินว่าดินแดนเบื้องบนส่งเซียนท่านหนึ่งลงมา วรยุทธ์ของเซียนท่านนี้เก่งกาจยิ่ง ชำนาญการปราบมารปีศาจ ได้รับเกียรติจากจักรพรรดิของอาณาจักรเฮาเยวี่ยยิ่งนัก แต่งตั้งให้นางดำรงตำแหน่งราชครูกำปราบมาร แน่นอนว่านางไม่สนใจศึกระหว่างสองอาณาจักรเลย สนใจเพียงการตรวจสอบเรื่องเภทภัยชั่วร้าย ได้ยินว่านางก็ตรวจสอบเรื่องการหายตัวไปของทหารเหมือนกัน ซ้ำยังมีการติดต่อกับกลุ่มของรัชทยาทหรงเจียหลัวด้วย…ข้าได้ยินมาเพียงเท่านี้ อย่างอื่นไม่ทราบแล้ว”


หลานไว่หูกล่าวอย่างโกรธเคือง “เซียนเซินอันใด?! เซียนที่ไหนจะทำแบบนางกัน?! นางไม่เห็นชีวิตของพวกเรามีค่าเลย! พวกเราเกือบถูกนางใช้เป็นเบี้ยรับเคราะห์แล้ว!!”


————————————————————————————-

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)