เทพปีศาจหวนคืน 969-970

บทที่ 969 ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ


แปลโดย iPAT 


 


‘แม้ข้าจะมีวิญญาณอมตะระเบิดพลัง แต่พลังการต่อสู้ระดับเจ็ดยังไม่เพียงพอในสถานการณ์นี้ ทางออกที่ดีที่สุดยังเป็นสนามรบแห่งความโกลาหล ผู้อมตะภาคใต้ที่อยู่ด้านนอกไม่มีโอกาสได้รับสิ่งนี้ แต่ข้ายังมีความหวัง!’


 


‘ด้วยความช่วยเหลือจากสนามรบแห่งความโกลาหล ข้ายังมีความหวังที่จะหลบหนี มิฉะนั้นข้าต้องใช้วิญญาณกาลเวลาเท่านั้น!’


 


ฟางหยวนคิดอย่างรวดเร็ว โอกาสรอดเดียวของเขามีเพียงต้องยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล


 


เขามีวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่ตอนนี้เขาปิดผนึกมิติช่องว่างไปแล้ว


 


หากเขาเปิดมันที่นี่ เขาจะมีชีวิตไม่ถึงสามลมหายใจเพื่อกระตุ้นใช้งานวิญญาณท่องแดนอมตะ


 


อย่างไรก็ตามวิญญาณกาลเวลาไม่ได้อยู่ในมิติช่องว่างแต่มันอยู่ในทะเลวิญญาณแรกของเขามาตลอด


 


ตอนนี้มันฟื้นตัวขึ้นแล้ว แม้มันจะถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนาแต่มันยังกดดันทะเลวิญญาณของฟางหยวนอย่างต่อเนื่อง


 


ก่อนการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ว่าฟางหยวนไม่เคยคิดถึงการใช้วิญญาณท่องแดนอมตะในสถานการณ์คับขัน


 


แต่ทะเลวิญญาณระดับมนุษย์ไม่สามารถรองรับวิญญาณอมตะได้ถึงสองดวง


 


‘แม้จะมีวิญญาณท่องแดนอมตะแต่ข้ายังเกรงว่า…’ ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทั้งสิบทรงพลังเกินไป กระทั่งผู้อมตะภาคใต้ที่บ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งห้วงมิติก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใด


 


เห็นได้ชัดว่ามันมีการป้องกันที่แข็งแกร่งและไม่มีช่องโหว่ให้ใช้ประโยชน์


 


กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ยังตกตายลงอย่างต่อเนื่องภายใต้ภัยพิบัติที่ร่วงหล่นลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง


 


ผู้อมตะระดับแปดเริ่มได้รับบาดเจ็บ พวกเขารู้ว่ายิ่งเวลาผ่านไป โอกาสของพวกเขาก็ยิ่งลดลง ดังนั้นผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่จึงต้องทำงานร่วมกัน


 


“พวกเจ้าคือแมลงวันที่ติดอยู่ในตาข่าย อย่าคิดว่าจะสามารถหลบหนี” ผู้อมตะชุดคลุมดำระเบิดกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา


 


“สุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด!” เพิ่งซื่อหลงตะโกนด้วยความตกใจ


 


มวลอากาศเย็นแผ่กระจายออกมาและสร้างกำแพงน้ำแข็งสูงหลายสิบเมตรปิดกั้นกลุ่มผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่เอาไว้


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่สายฟ้าฟาดลงมาจากด้านบน


 


“ภัยพิบัติสายฟ้าสงคราม!”


 


สายฟ้าสงครามเป็นหนึ่งในสิบภัยพิบัติของสุดยอดกายา แต่สายฟ้าสมครามครั้งนี้กลับมีพลังอำนาจสูงกว่าปกติอีกนับสิบเท่า


 


ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับสายฟ้าสงครามโดยตรง โชคดีที่หนึ่งในสี่ผู้อมตะระดับแปดสามารถใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อชะลอเวลาและเปิดโอกาสให้พวกเขาหลบหนี


 


ภัยพิบัติสายฟ้าสงครามยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง


 


ระหว่างเหตุการณ์นี้สายฟ้าหลายสายตกกระทบลงบนกำแพงน้ำแข็งและสร้างรูช่วงโหว่ขึ้น


 


“เจตจำนงสวรรค์!” ผีดิบอมตะสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยการแสดงออกที่ดุร้าย


 


ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่เปลี่ยนทิศทางการหลบหนี


 


“พวกเจ้าจะไปที่ใด?” ผู้อมตะชุดคลุมดำอีกคนหัวเราะ


 


“บึม!”


 


การต่อสู้ปะทุขึ้นแต่ไม่สามารถหาผู้ชนะ


 


ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ถูกปิดกั้นแต่ผู้อมตะชุดคลุมดำก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ง่ายดายเช่นกัน


 


“สุดยอดกายาแก่นแท้แห่งปัญญา!”


 


นี่คือผีดิบอมตะหนึ่งในสิบสุดยอดกายา


 


“เจ้า…เจ้าคือเฉิงกุ้ยไช่แห่งตระกูลเฉิง!”


 


เพิ่งซื่อหลงขมวดคิ้วลึก


 


“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิงและเรายังสนิทกัน! เจ้าเป็นสมาชิกตระกูลเฉิงแห่งฝ่ายธรรมะแต่กลับเข้าร่วมกับปีศาจร้ายที่นำหายนะมาสู่โลก ตอนนี้เจ้ายังสามารถกลับใจ มิฉะนั้นตระกูลของเจ้าอาจถูกลงโทษเช่นกัน!”


 


ผู้อมตะชุดคลุมดำหัวเราะด้วยความรังเกียจ “เจ้าจะไปรู้สิ่งใด? เฉิงกุ้ยไช่เป็นเพียงตัวตนที่ข้าใช้หลังจากยึดครองร่าง ตระกูลเฉิงจะเปรียบเทียบกับแผนการที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราได้อย่างไร?”


 


“เปรี้ยง!”


 


สายฟ้าฟาดลงมาที่ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ทำให้พวกเขาได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก


 


“อย่ายุ่งกับเขา เปลี่ยนทิศทาง!”


 


“สายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ น้ำแข็งแห่งความมืด แก่นแท้แห่งปัญญา…การรวมตัวของสุดยอดกายามากมายเช่นนี้แทบไม่เคยปรากฏมาก่อน ข้าเกรงว่านี่จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”


 


“ค่ายกลวิญญาณนี้น่าจะใช้สุดยอดกายาทั้งสิบเป็นจุดรวบรวมพลัง”


 


“นั่นหมายความว่าเขาคือจุดอ่อนเดียว”


 


ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ลอบสื่อสารกันและมองไปที่อิงอู๋เซี่ย


 


ท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะชุดคลุมดำ เขาเป็นคนที่แปลกประหลาดที่สุด


 


เขายังเป็นผู้อมตะที่มีชีวิตไม่ใช่ผีดิบอมตะ นอกจากนั้นกลิ่นอายของเขายังเผยให้เห็นว่าเขาไม่ใช่สุดยอดกายา


 


หัวใจของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านด้วยความลนลาน “จะทำอย่างไร? จะทำอย่างไร? พวกเขากำลังมา!”


 


“อย่ากังวล ใช้วิธีที่เจ้าถนัดที่สุด” ผู้อมตะชุดคลุมดำด้านข้างเตือน


 


“ข้าไม่ได้กังวล ข้าไม่ได้กังวล” อิงอู๋เซี่ยสูดหายใจลึกแต่เขายังรู้สึกกระวนกระวาย


 


เมื่อผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ใกล้เข้ามา อิงอู๋เซี่ยจึงคิดถึงฉากที่เขาถือกำเนิด


 


เขาเกิดจากอาณาจักรแห่งความฝัน


 


เมื่อเขาลืมตาขึ้น คนแรกที่เขาเห็นคือผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อ


 


ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงของเขาไม่สามารถปกปิดความสุข “ดี ดี ดี กายาแห่งความฝัน เจ้าคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝันของข้า เมื่อโป้ชิงตาย เจ้าจะมาแทนที่เขาและเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด”


 


“ท่านคือผู้ใดและข้าคือผู้ใด?” อิงอู๋เซี่ยถาม


 


“ข้าก็คือเจ้า เจ้าก็คือข้า ข้าชื่อม่านเยี่ยนซื่อ และเจ้า…ข้าจะเรียกเจ้าว่า อิงอู๋เซี่ย” ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อหัวเราะเบาๆ


 


ชายชราโบกมือและถ่ายทอดความคิดมากมายเข้าสู่จิตใจของอิงอู๋เซี่ย


 


อิงอู๋เซี่ยรู้สึกได้ถึงข้อมูลมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาในใจโดยตรง


 


‘เวลามีจำกัด ข้าสามารถส่งมอบท่าไม้ตายให้เจ้าเท่านั้น แม้มันจะไม่มีพลังทำลายล้าง แต่มันก็เป็นการโจมตีบนเส้นทางแห่งความฝันบนจุดสูงสุดของห้าภูมิภาคในยุคนี้ กระทั่งวังสวรรค์ก็ยังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เรียนรู้มันอย่างถี่ถ้วน เมื่อเจ้ากลายเป็นผู้อมตะ ข้าจะมอบชุดวิญญาณที่เหมาะสมให้กับเจ้า’


 


ความทรงจำของอิงอู๋เซี่ยหยุดลงที่จุดนี้


 


ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ใกล้เข้ามาแล้วโดยมีเคียววายุเจียอี้เป็นผู้นำกลุ่ม


 


ดวงตาของอิงอู๋เซี่ยส่องประกายคมชัด


 


เขากล่าวช้าๆ “ท่าไม้ตายอมตะ นำ.วิญญาณ.สู่.ฝัน!”


 


ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ลงและระวังตัวอย่างมาก


 


อย่างไรก็ตามมันกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น


 


“เด็กน้อย กล้าหลอกพวกเรางั้นหรือ?” เพิ่งซื่อหลงกำลังจะโจมตีด้วยความโกรธ


 


แต่ในจังหวะนี้ผู้อมตะระดับแปดเคียววายุเจียอี้กลับร่วงลงจากท้องฟ้า


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?” เพิ่งซื่อหลงกับคนอื่นๆรู้สึกมึนงง


 


ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาส่งพลังโจมตีพุ่งไปที่เจียอี้


 


แต่เจียอี้กลับไม่ขยับเขยื้อนขณะที่การป้องกันของเขาเริ่มสลายไป


 


ผู้อมตะระดับแปดอีกสามคนต้องปกป้องเขาจะการโจมตีของศัตรู


 


เจียอี้ยังคงร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า


 


“ครอก…ครอก…”


 


เขาหลับไปแล้ว!


 


“เป็นฝีมือของเด็กนั่น!” การแสดงออกของเหรินไห่หยางกลายเป็นเคร่งเครียด


 


ศัตรูเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เจียอี้กลับถูกโจมตีโดยไม่สามารถต่อต้าน


 


ยิ่งไปกว่านั้นการป้องกันของเขายังไม่ทำงาน


 


มันคือท่าไม้ตายชนิดใด!?


 


“ระวัง!” เพิ่งซื่อหลงอุทาน


 


สายฟ้าสงครามพุ่งลงมาที่กลุ่มผู้อมตะภาคใต้อีกครั้ง


 


ภายใต้พลังอำนาจของภัยพิบัติครั้งนี้ ผู้อมตะของภาคใต้ส่วนใหญ่เสียชีวิต


 


กระทั่งผู้อมตะระดับแปดเคียววายุเจียอี้ที่มีชื่อเสียงมาตลอดหลายร้อยปียังกลายเป็นฝุ่นผงร่วงหล่นลงมา


 


เพิ่งซื่อหลงกับคนอื่นๆแทบไม่สามารถรักษาชีวิตของตนเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลาดูแลผู้อื่น


 


“เราจบแล้ว” ผู้อมตะระดับแปดทั้งสามรู้สึกสิ้นหวัง


 


ความแข็งแกร่งของอิงอู๋เซี่ยเหนือกว่าจินตนาการของผู้อมตะระดับแปดทั้งสามไปไกลมาก


 


ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันไม่เคยปรากฏมาก่อน มันสามารถส่งเจียอี้เข้าสู่ห้วงนิทราได้โดยที่เขาไม่สามารถต่อต้าน


 


การเสียชีวิตของเจียอี้ทำให้ความหวังของคนที่เหลือลดลงอย่างมาก


 


‘หือ!’ บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนรู้สึกกังวลมากเช่นกัน


 


กระทั่งเขาจะสามารถครอบครองสนามรบแห่งความโกลาหล แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเพียงลำพัง มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะสามารถกระตุ้นการทำงานของคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด


 


ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องมีพันธมิตร


 


ยิ่งได้รับพลังงานอมตะมากเท่าใด คฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ยิ่งสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจได้มากเท่านั้น


 


ฟางหยวนเพียงคนเดียวไม่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจของมันออกมา


 


เมื่อเวลาผ่านไป ความแข็งแกร่งของผู้อมตะระดับแปดก็ลดลงเรื่อยๆ สำหรับผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเขาทำได้เพียงหลบหนีอย่างสิ้นหวัง


 


เหรินไห่หยางเสียชีวิตลงในภัยพิบัติครั้งต่อมา นี่ทำให้ผู้อมตะระดับแปดอีกสองคนที่เหลืออยู่สูญสิ้นความหวังไปอย่างสมบูรณ์


 


‘มันจบแล้ว’ ฟางหยวนรู้สึกเจ็บปวด ‘เห้อ…ตอนนี้ข้าทำได้เพียงปลอมตัวต่อไปและหวังว่าจะไม่ถูกค้นพบ’


 


แต่เมื่อผู้อมตะระดับหกกับระดับเจ็ดทั้งหมดเสียชีวิตและเหลือผู้อมตะระดับแปดเพียงสองคน ภูเขาอี้เทียนกลับเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างกระทันหัน


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?” แรงสั่นสะเทือนดึงดูดความสนใจของผู้อมตะระดับแปดทั้งสอง


 


“สนามรบแห่งความโกลาหลถูกยึดครองโดยเจ้างั้นหรือ?” ผู้อมตะระดับแปดมองหน้ากันและกล่าวด้วยความประหลาดใจ


 


ทั้งคู่มึนงงและตระหนักว่าไม่ใช่ฝีมือของพวกเขา


 


ร่างกายของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น เขายังไม่ได้ยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหลเช่นกัน แล้วฝีมือผู้ใด?


 


“บึม!”


 


เกิดการระเบิดขึ้นบนภูเขาอี้เทียนขณะที่ผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดทะยานร่างขึ้นมา


 


เขาถูกปลดปล่อยจากสนามรบแห่งความโกลาหล!


 


อย่างไรก็ตามก่อนที่ฟางหยวนจะสามารถตอบสนอง เสียงอันเย็นเยียบกลับดังขึ้น “พวกเจ้าคิดหลบหนีจากโชคชะตาต่อหน้าพวกเรางั้นหรือ? ตาย!”


 


ลำแสงสายหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้า


 


คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้า หอคอยดวงตาสวรรค์!


 


วังสวรรค์มาถึงแล้ว!


 


ลำแสงสีขาวพุ่งเข้าโจมตีค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทั้งสิบและกำจัดผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้สองคนที่เหลือในเวลาเดียวกัน


 


“บัดซบ!” ผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดไม่สามารถหลบ เขาทำได้เพียงส่งเสียงคำรามก่อนถูกทำลายและกลายเป็นฝุ่นผงไปในพริบตา


 


ลำแสงสีขาวยังพุ่งต่อลงมาบนภูเขาอี้เทียน


 


‘ข้ากำลังจะตาย…’ ฟางหยวนกัดฟันแน่น


 


การโจมตีอย่างเต็มรูปแบบจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าไม่มีทางป้องกัน


 


เขามีเพียงวิธีเดียวที่เหลืออยู่ วิญญาณกาลเวลา!


 


“บึม!”


 


ฟางหยวนระเบิดตัวเอง


 


แต่มันล้มเหลว!


 


จักจั่นไม้แห่งกาลเวลาแบกจิตวิญญาณของฟางหยวนออกเดินทางก่อนจะร่วงลงสู่สายธารแห่งกาลและระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


 


ฟางหยวนตาย!?



บทที่ 970 ใบหน้าภูตผีและดอกบัวสีแดง


แปลโดย iPAT 


 


ตำนานกล่าวว่ามีแม่น้ำสายหนึ่งไหลไปทั่วโลก


 


ด้วยการเคลื่อนไหวของแม่น้ำสายนี้ โลกจึงดำเนินต่อไปได้ตามปกติ


 


แม่น้ำสายนี้ถูกเรียกว่าสายธารแห่งกาลเวลา


 


นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ สถานที่ที่วิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจำนวนมากถือกำเนิดและอาศัยอยู่


 


มันเป็นแม่น้ำที่ส่องประกายระยิบระยับหลากหลายสีสัน ฟางหยวนรู้สึกว่ามันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามที่สุด


 


เมื่อคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์โจมตีลงมาอย่างกระทันหัน ฟางหยวนไม่สามารถหลบหนี ทางเลือกเดียวของเขามีเพียงวิญญาณกาลาเวลาเท่านั้น


 


อย่างไรก็ตามวิญญาณกาลเวลาเป็นเพียงวิญญาณระดับหก มันมีโอกาสที่จะล้มเหลวทุกครั้งที่ใช้งาน


 


บนภูเขาชิงเหมา ฟางหยวนประสบความสำเร็จ


 


บนภูเขาซานชา ฟางหยวนก็ประสบความสำเร็จ


 


หากนับรวมในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการใช้งานวิญญาณกาลเวลามาแล้วถึงสามครั้ง


 


แต่สุดท้ายเขาก็พบกับความล้มเหลวในครั้งนี้


 


จั๊กจั่นไม้แห่งกาลเวลาระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขณะที่จิตวิญญาณของฟางหวนจมลงสู่สายธารแห่งกาลเวลาและถูกกลืนกินราวกับเด็กทารกที่พลัดตกลงไปในทะเล


 


‘ในที่สุดข้าก็ล้มเหลว…’


 


ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย จิตใจของฟางหยวนยังสงบนิ่ง


 


ไม่กังวลและไม่เสียใจ


 


ตั้งแต่เขาเลือกเส้นทางสายนี้ เขาก็คาดการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับมันจริงๆ ฟางหยวนจึงไม่แปลกใจและไม่แตกตื่น


 


เขาทำทุกอย่างที่ทำได้ไปแล้ว


 


‘หากเลือกได้อีกครั้ง ข้าก็ยังจะเลือกเดินบนเส้นทางสายนี้ ฮ่าฮ่า แม้เรื่องราวในฐานะผู้อมตะของข้าจะจบลงที่นี่ แม้ข้าจะไม่สามารถฝากชื่อหรือมรดกเอาไว้เบื้องหลัง แต่มันก็ไม่สำคัญ’


 


จิตวิญญาณของฟางหยวนกำลังจะแตกดับแต่เขากลับสงบนิ่งและกระทั่งรู้สึกมีความสุข


 


หากเขายังมีใบหน้า มุมปากของเขาคงยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มในเวลานี้ เขาตายขณะมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย เหตุใดต้องเสียใจ?


 


‘ฮ่าฮ่าฮ่า หือ…’ ฟางหยวนหยุดหัวเราะ


 


เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ


 


ห่างออกไป ใบหน้าของภูตผีค่อยๆปรากฏขึ้น มันมองมาที่ฟางหยวนด้วยดวงตาเย้ยหยัน


 


แก้มของมันจะพองโตขึ้นก่อนที่มันจะพ่นดอกบัวตูมขนาดใหญ่ออกมาจากปาก


 


หลังจากนั้นมันจึงเผยรอยยิ้มตลกขบขันแต่แฝงไว้ด้วยความสยดสยองขณะมองมาที่ฟางหยวน


 


ดอกบัวค่อยๆผลิบานเป็นดอกบัวสีแดงท่ามกลางสายธารแห่งกาลเวลา


 


ลำแสงสีแดงพุ่งออกมาจากใจกลางของดอกบัวแดงมายังบริเวณที่จั๊กจั่นไม้แห่งกาลเวลาร่วงหล่นลงมา


 


ขณะเดียวกันใบหน้าภูตผีก็ค่อยๆจมลงไปใต้น้ำ


 


ทุกอย่างราวกับภาพยนตร์ที่ฉายย้อนกลับ


 


จิตวิญญาณของฟางหยวนเหลืออยู่ไม่มากนัก แต่ภายใต้แสงสีแดง จิตวิญญาณของเขากลับฟื้นตัวขึ้นด้วยความเร็วสูง


 


ชิ้นส่วนของจั๊กจั่นไม้แห่งกาลเวลาพุ่งเข้ามาหลอมรวมกันและกลายเป็นวิญญาณกาลเวลาที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ


 


จั๊กจั่นไม้แห่งกาลเวลำแบกจิตวิญญาณของฟางหยวนและเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง!


 


แสงสีแดงหายไปพร้อมกับดอกบัวแดง สายธารแห่งกาลเวลากลับสู่สภาพปกติ


 


ทุกอย่างราวกับภาพมายาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


 


อย่างไรก็ตามวิญญาณกาลเวลาได้รับการกู้คืนแล้วและยังนำจิตวิญญาณของฟางหยวนบินทวนกระแสน้ำ!


 


ย้อนอดีต!


 


หวนคืน!


 


…..


 


แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว


 


โลหิตพิษกำลังเดือดพล่าน ค่ายกลวิญญาณสามชั้นถูกกัดกร่อนขณะที่หมอกพิษเริ่มแพร่กระจายออกไป


 


ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งเครียด


 


‘ต่อไปเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด ผสานปราณพิภพดารา’


 


เขานำทรัพยากรอมตะออกมา หนึ่งคือแก่นดินดำทรงกลม อีกหนึ่งคือปราณดาราที่อยู่ในรูปลักษณ์ของดวงแสงสีฟ้าอ่อน


 


ปราณดาราคือปราณสวรรค์ที่เกิดขึ้นในสวรรค์ทั้งเก้า แก่นดินดำคือปราณพิภพที่ควบรวมเป็นก้อน


 


โดยทั่วไปปราณสวรรค์และปราณพิภพจะไม่สามารถอยู่ร่วมกัน แต่ปราณพิภพดาราคือการหลอมรวมกันของปราณสวรรค์และปราณพิภพ


 


ฟางหยวนผสานปราณดาราและแก่นดินดำเข้าด้วยกัน ทั้งสองหมุนวนรอบกันราวกับกงล้อหยินหยาง


 


‘ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมทั่วไปไม่สามารถจัดการพวกมันได้อย่างสมบูรณ์ ขั้นตอนนี้ต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังเช่น ท่าไม้ตายอมตะอสรพิษสายฟ้า หิมะย้อนกลับ กลองสายฟ้า หรือโม่หินสายลม โชคไม่ดีที่ข้าไม่มีหนึ่งในท่าไม้ตายอมตะในตำนานทั้งสี่ ในขั้นตอนนี้ข้าต้องใช้เวลาและความพยายามเท่านั้น’


 


ฟางหยวนกระโดดเข้าไปในกระดองเต๋า


 


ต่อมาเขายังใช้กรงเล็บกรีดเฉือนร่างกายของตนเอง


 


ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือด คลื่นโลหิต!


 


เลือดของฟางหยวนผสานเข้ากับโลหิตพิษ ขณะเดียวกันโลหิตพิษก็ไหลเข้าสู่บาดแผลบนร่างกายของฟางหยวน


 


ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนแต่เขายังไม่แยแส


 


ร่างผีดิบอมตะไม่มีความรู้สึกแต่เขาใช้วิญญาณทำให้ร่างกายรับรู้ถึงความเจ็บปวดเพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าการหลอมรวมบรรลุถึงขั้นตอนใดแล้ว


 


หลังจากขั้นตอนนี้เริ่มเกิดเสถียรภาพ เขาจึงนำปราณดารากับแก่นดินดำออกมาอีกครั้งและกลืนพวกมันลงไปในท้อง


 


นี่เป็นทักษะบนเส้นทางแห่งเลือดจากชีวิตก่อนหน้าที่เขาเรียกมันว่าทักษะเนื้อสด


 


ปราณดารากับแก่นดินดำถูกห่อหุ้มด้วยเลือดและเริ่มหลอมละลายอยู่ในท้องของฟางหยวน


 


ร่างของฟางหยวนเต็มไปด้วยบาดแผล ความเจ็บปวดทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว


 


เวลาผ่านไปสามวันสองคืน


 


“ยัง…ยังต้องใช้เวลาอีกหนึ่งคืน ตราบเท่าที่ข้าผ่านขั้นตอนที่ยากที่สุดนี้ ข้าจะประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ…อุ๊บ!”


 


ทันใดนั้นใบหน้าของเขาพลันปรากฏให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานที่เพิ่มสูงขึ้น


 


ดวงตาที่ส่องประกายสดใสของเขาเผยให้เห็นถึงความสับสนและเริ่มมืดมนลง


 


“พรวด!”


 


เขาพ่นเลือดคำโตออกมาจากปากอย่างกระทันหันและล้มลงไปในบ่อพิษ


 


“นายท่าน!” จิตวิญญาณแผ่นดินแห่งดวงดาวตะโกน


 


แต่ในจังหวะนี้ศีรษะของฟางหยวนกลับโผล่ขึ้นมา


 


ความสับสนบนใบหน้าของเขาหายไปและถูกแทนที่ด้วยชีวิตชีวา เขาพึมพำ “ที่นี่คือ…”


 


ได้ยินคำกล่าวของฟางหยวน จิตวิญญาณแผ่นดินแห่งดวงดาวยิ่งรู้สึกกังวล “นายท่านเสียสติเพราะล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณงั้นหรือ?”


 


ฟางหยวนมองฝ่ามือทั้งสองของเขาก่อนจะกวาดตามองบ่อเลือดและหยุดสายตาที่จิตวิญญาณแผ่นดินแห่งดวงดาว


 


“ตอนนี้เป็นเวลาใด?” ฟางหยวนถาม


 


จิตวิญญาณแผ่นดินแห่งดวงดาวลอบส่ายศีรษะอยู่ภายในแต่ยังตอบคำถาม “หลายวันผ่านไปแล้วหลังจากนายท่านเริ่มหลอมรวมวิญญาณอมตะ”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนเงยหน้าหัวเราะอย่างเต็มที่


 


จิตวิญญาณแผ่นดินแห่งดวงดาวรู้สึกหวาดกลัว “โอ้ ไม่ นายท่านเสียสติไปแล้ว หลังจากล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ นายท่านได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถจดจำวันเวลาและตอนนี้ยังหัวเราะอย่างมีความสุข…”


 


ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องอธิบายเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้เขามีความสุข


 


‘ข้ากลับมาแล้ว!’


 


‘แม้วิญญาณกาลเวลาจะล้มเหลว แต่เหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นทำให้ข้ากลับมาจากความตายและสามารถหวนคืนสู่อดีตอีกครั้ง’


 


‘ตอนนี้ข้ากำลังหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์…ข้าย้อนกลับมาประมาณหนึ่งปีงั้นหรือ? สั่นมาก!’


 


‘ตามพื้นฐานของข้า ข้าควรย้อนกลับไปในอดีตหลายร้อยปี เป็นไปได้หรือไม่ว่าเพราะความล้มเหลวของวิญญาณกาลเวลาทำให้ข้าย้อนกลับมาเพียงหนึ่งปีก่อนหน้า’


 


‘นอกจากนั้นใบหน้าภูตผีและดอกบัวสีดอก…มันคือสิ่งใด?’

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)