ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 968-981
ตอนที่ 968 ถลำลึกลงไปอย่างทรมาน
เหมยซูหานรู้สึกเหมือนตนเองอยู่ในขุมนรก เจ็บปวดจนไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของเขาในเวลานี้ออกมาได้…ทว่าเขากลับรู้สึกอับอายมากเช่นกันเพราะเขารู้สึกถึงความสุข…และจิตใจอันว้าวุ่น
ท่าทีรุนแรงของเฮ่อเหลียนเช่อในตอนแรกบัดนี้กลับกลายเป็นความอ่อนโยนราวกับน้ำ…เสมือนเรือใบที่เคยเจอคลื่นพายุไต้ฝุ่นโหมซัดกระหน่ำลอยมาถึงท่าเรืออันเงียบสงบ ขยับท่วงท่าเบา ๆอย่างนิ่มนวลพร้อมทั้งพูดกระซิบที่ทำให้คนฟังต้องใจสั่น
“อย่าทรยศฉัน…ใครก็ทรยศฉันได้…ยกเว้นก็แต่นายเท่านั้น”
เฮ่อเหลียนเช่อพรมจูบตรงบาดแผลพวกนั้นไม่หยุด ใช้ลิ้นเลียหยดเลือด…ตอนแรกเขาใช้แรงบังคับ แต่ทันทีที่เข้าไป…เขากลับกลายเป็นคนรักที่นุ่มนวลที่สุดในโลก…
ความอับอาย…ความสุข…ความชั่วร้าย…ความทุกข์ทรมาน…ความลังเลใจ
เหมยซูหานบรรยายความรู้สึกของเขาออกมาได้ยากนัก เขาไร้หนทางที่จะต้านทานได้ เพราะขนาดเขาเองยังไม่เข้าใจเลย เหตุใดเวลาชั่วพริบตาเมื่อครู่เขาถึงหลงระเริงไปกลับมัน และเขาก็เข้าสู่ห้วงแห่งความฝันอีกครั้ง…
และสาเหตุที่ทำให้เขาล้มเลิกที่จะต้านทานก็คือ—
เฮ่อเหลียนเช่อเข้าไปอยู่ในความฝันของเขา เห็นเพียงแค่ผมขาวโพลนทั้งสองข้างแต่ร่างกายยังคงแข็งแรง ห้วงแห่งความฝันช่างสั้นนักแต่มันก็ชัดเจนมากพอ…
เขาและเฮ่อเหลียนเช่อก็กำลังทำกิจกรรมเช่นเดียวกันกับที่ทำในขณะนี้ แต่มีบางส่วนที่แตกต่างกันเพราะเขาในความฝันยินยอมพร้อมใจเองอย่างสิ้นเชิงทั้งยังหวั่นไหวใจสั่น เขาและเฮ่อเหลียนเช่อถลำเข้าไปในห้วงแห่งความฝัน ช่างมีความสุขเหลือเกิน…
เหมยซูหานล้มเลิกที่จะต้านทานแล้วจริง ๆ เขาสับสนพร่าเบลอไปหมดแล้ว…
ตกลงแล้วคนรักในชาติก่อนของเขาคือใครกันแน่?
เหมยเหมย? อู่เยวี่ย? หรือเฮ่อเหลียนเช่อ?
นับตั้งแต่ตอนนี้ไปเรื่องสัมพันธ์รักอันแนบแน่นของเขาและอู่เยวี่ยในความฝันก็ได้ทำกับเฮ่อเหลียนเช่อแล้วเช่นกัน แต่ก่อนหน้านี้ความรู้สึกที่เขามีต่อเหมยเหมยถึงจะเป็นความรู้สึกของคนรักอย่างแท้จริง ทว่าตอนนี้เขากลับไม่แน่ใจแล้ว…
เพราะห้วงฝันที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้น…เหมยซูหานจึงไม่ได้ขัดขืนเฮ่อเหลียนเช่ออย่างก่อนหน้านี้อีก ร่างกายอ่อนระทวย นี่จึงทำให้เฮ่อเหลียนเช่อดีใจเป็นอย่างมาก ท่วงท่าก็ยิ่งนุ่มนวลมากกว่าเดิม…
…ลึกลงไป…ถลำลึกลงไปอีกครั้ง
ประตูถูกคนถีบเปิดออกเสียงดังพลั่ก เฮ่อเหลียนเช่อที่ถูกขัดอารมณ์สะบักมือเหวี่ยงมีดออกไป ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้ากล้ามารบกวนเวลาแห่งความสุขของเขาก็สมควรตายทั้งนั้น!
เสี่ยวเมิ่งรับมีดด้วยท่าทีสบาย ๆ ต่อให้เขาอยากจะให้มีดลอยมาปักทะลุตัวหนิงเฉินเซวียนมากเท่าไรก็ตาม แต่หากเขาไม่รับมีดนั้นไว้ ลูกน้องของหนิงเฉินเซวียนก็ต้องมารับอยู่ดี งั้นสู้เขาแย่งเอามาเป็นหนี้บุญคุณดีกว่า
“คุณชายหนิง อย่าลืมบุญคุณที่ช่วยชีวิตล่ะ!”
สองมือของเสี่ยวเมิ่งหนีบมีดทรงใบหลิวที่ส่องแสงวิบวับไว้แล้วส่ายไปมาตรงหน้าที่แสนบึ้งตึงของหนิงเฉินเซวียน ใช้แรงเหวี่ยงเบา ๆมีดทรงใบหลิวก็ปักเข้ากลางบานประตูด้านหลัง
เฮ่อเหลียนเช่อเห็นว่าผิดปกติจึงรีบคว้าผ้าปูเตียงมาปกปิดเรือนร่างของตนกับเหมยซูหานไว้ แล้วมองไปยังกลุ่มคนที่ยืนตรงประตูอย่างเหนือความคาดหมาย
“คุณอา ทำไมไปอยู่กับเขาได้?” เฮ่อเหลียนเช่อชี้ไปที่เสี่ยวเมิงอย่างนึกรังเกียจ
หนิงเฉินเซวียนเห็นหนุ่มหน้าใสที่มุดอยู่ในผ้าปูเตียงนั่นตั้งนานแล้ว น่าจะเป็นคนโปรดคนใหม่ของเฮ่อเหลียนเช่อเห็นเล่าลือกันว่าถูกอกถูกใจ แต่เขากลับไม่ได้แยแสสักนิด ไม่มีใครเข้าใจลูกชายเท่าพ่ออีกแล้ว เขารู้จักสันดานของเฮ่อเหลียนเช่อยิ่งกว่าใคร
สามารถยืนหยัดได้ครบเดือนก็เก่งแล้ว!
ขอแค่วันหน้าเฮ่อเหลียนเช่อแต่งงานมีลูกมีทายาทสืบทอดให้หนิงเฉินเซวียนก็พอ ส่วนเขาจะไปเล่นสนุกข้างนอกอย่างไร จะเล่นสนุกกับผู้ชายหรือผู้หญิงหนิงเฉินเซวียนก็ไม่สนใจทั้งนั้น เอาตามที่เฮ่อเหลียนเช่อพอใจเลย
แต่ตอนนี้เขาสังเกตเห็นว่าเจ้าหนุ่มหน้าใสเหมยซูหานคนนี้จะมีผลต่อเฮ่อเหลียนเช่อมากเกินไปแล้ว
เพียงแค่เพราะหึงหวง เฮ่อเหลียนเช่อถึงขนาดลืมคำสั่งของเขากล้าไปลักพาตัวจ้าวเหมยตอนกลางวันแสก ๆ ทำเอาเรื่องบานปลายมาถึงตอนนี้ สิ่งพวกนี้ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เพราะเหมยซูหานเป็นตัวต้นตอ
หนิงเฉินเซวียนจ้องเหมยซูหานที่อยู่ใต้ผ้าปูที่นอนเขม็ง และตัดสินใจจะลงทัณฑ์เอาเขาให้ถึงตาย!
………………………………………………………
ตอนที่ 969 ได้รับการช่วยชีวิต
หนิงเฉินเซวียนเข้าใจเฮ่อเหลียนเช่อ ก็เหมือนเฮ่อเหลียนเช่อที่รู้จักหนิงเฉินเซวียนอย่างทะลุปรุโปร่ง เขาแค่เห็นสายตาของหนิงเฉินเซวียนก็รู้ว่าหนิงเฉินเซวียนเกิดความคิดที่จะฆ่าเหมยซูหาน
สายตาแบบนี้เขาคุ้นเคยมากที่สุด เพราะว่าตอนที่เขายังเด็กมีพี่สาวที่ดีกับเขามาก ๆคนหนึ่ง
พี่สาวคนนี้ทำก๋วยเตี๋ยวหมูผักดองอร่อยมาก ทั้งยังเล่านิทานให้เขาฟังได้อีก แถมยังสอนให้เขารู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ทำตัวเป็นเด็กดีให้มีคนรักคนเอ็นดู…
เขาชอบพี่สาวคนสวยคนนั้นมาก ๆ แต่หนิงเฉินเซวียนไม่ชอบ สายตาที่เขามองพี่สาวคนนั้นก็เหมือนกับตอนนี้
มีวันหนึ่งเขากลับมาจากข้างนอก แต่อยู่ดี ๆกลับไม่พบพี่สาวคนนั้นแล้ว อาบอกกับเขาว่าพี่สาวกลับบ้านเก่าไปแล้ว แต่เขารู้ว่าพี่สาวโดนอาฆ่าตายไปแล้ว
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถหาศพของพี่สาวคนนั้นเจอเลย!
เริ่มตั้งแต่นั้นมา เฮ่อเหลียนเช่อก็เปลี่ยนไป…
เขาเปลี่ยนไปเป็นคนที่กระหายเลือด ฆ่าคนง่าย ๆ โหดเหี้ยมอำมหิต ไร้ความเมตตา…
ไม่ต้องเก็บกดความเหี้ยมโหดภายในร่างกายอีกต่อไป…ใช้ชีวิตตามที่หัวใจต้องการ…ฆ่าคนเป็นเรื่องที่เขาทำแล้วมีความสุข…มองเห็นคนอื่นคุกเข่าขอความสงสาร เขารู้สึกว่ามีความสุขมาก ๆ
และเหมือนกัน นี่ก็เป็นสิ่งที่อาชอบที่จะเห็น!
เรื่องที่ได้เจอกับเหมยซูหานเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขา แผนการในชีวิตของเขาเดิมทีไม่มีการปรากฏตัวของเหมยซูหาน แต่ตอนนี้เขากลับปรากฏตัวออกมาแล้ว อีกทั้งยังทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนกับพี่สาวคนสวยคนนั้นมากอีกด้วย
อบอุ่นขนาดนั้น…สุขุมขนาดนั้น…
เฮ่อเหลียนเช่อปกป้องเหมยซูหานเอาไว้โดยสัญชาตญาณ พูดกับหนิงเฉินเซวียนว่า “คุณอา ถ้าหากอาลงมือทำอะไรเขา ก็อย่ามาโทษว่าผมโกรธแล้วกัน!”
“เพี๊ยะ”
หนิงเฉินเซวียนฟาดหน้าเฮ่อเหลียนเช่อไปฉาดใหญ่ แก้มด้านข้างบวมเป่งขึ้นมา แต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับไม่แสดงท่าทีอะไร เพียงแค่มองเขาอย่างดื้อรั้น สายตาแน่วแน่
ตอนยังเด็กไม่มีความสามารถที่จะปกป้องพี่สาวคนสวยคนนั้น ตอนนี้เขามีความสามารถพอแล้ว เขาจะต้องปกป้องเหมยซูหานให้ได้!
ดวงตาของเสี่ยวเมิ่งเป็นประกายเหลือบไปมองคนบนเตียงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะชื่อเหมยซูหาน หรือว่าจะเป็นรักที่แท้จริงของเฮ่อเหลียนเช่อ?
ไม่เคยเห็นเด็กเวรนี่ทำเพื่อใครเลย ถึงกับกล้าขัดใจหนิงเฉินเซวียนเชียวเหรอ!
เหอ ๆช่างน่าสนใจ กลับไปบอกกับนายท่าน นายท่านจะต้องดีใจเมื่อได้ยินข่าวดีนี้แน่ ๆ
เหมยเหมยค่อย ๆฟื้นขึ้นมา กลับเห็นภาพสีขาว ทันทีก็มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจเป็นห่วงเป็นใยทะลุเข้ามา
“เจ็บมาก ๆเลยใช่หรือไม่? เจ็บตรงไหนบอกกับคุณปู่เร็ว…”
“เหมยเหมยอยากดื่มน้ำไหม…”
..
เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆมองเห็นใบหน้าที่แสดงความเป็นห่วง ในใจก็มีความอบอุ่นทะลักเข้ามา เธอส่ายหัวเบา ๆ แสดงออกให้เห็นว่าเธอไม่เจ็บปวดหรือกระหายน้ำ อาการบาดเจ็บที่ร่างกายน่าจะเกิดจากยา เบาสบาย ไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย
คุณปู่เมื่อเห็นว่าหลานสาวของเขามีชีวิตชีวาดี เขาก็วางใจ เขาปล่อยให้เหมยเหมยพักในโรงพยาบาลและบอกอีกด้วยว่าเขาจะต้องล้างแค้นให้เธอแน่นอน
“ครั้งนี้ปู่จะต้องสั่งสอนไอเวรนี่อย่างโหดเหี้ยมให้ได้ เห็นคนแก่อย่างฉันตายไปแล้วหรืออย่างไร!”
คุณปู่จ้าวมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เดิมทีนายใหญ่ไม่พอใจสองอาหลานเฮ่อเหลียนเช่อมากอยู่แล้ว ครั้งนี้หลานสาวเกิดเรื่องขึ้น ก็นับว่าเป็นข้ออ้างที่ดีให้กับนายใหญ่ เกรงว่าครั้งนี้หนิงเฉินเซวียนคงต้องเสียเลือดครั้งใหญ่แล้ว!
เพียงแต่ครั้งนี้หลานสาวได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างใหญ่หลวง!
คุณปู่มองหลานสาวที่อ่อนแรงแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถาม “เหมยเหมย หลานรู้จักเฮ่อเหลียนชิงด้วยเหรอ?”
ตามที่นายใหญ่พูด ต่อให้เขาไม่โทรศัพท์หาหนิงเฉินเซวียน เหมยเหมยก็ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นได้อยู่แล้ว เสี่ยวเมิ่งลูกน้องฝีมือดีของเฮ่อเหลียนชิงพาคนติดตามไปด้วยแล้ว!
ทำเอาคุณปู่เกิดอาการฉงนอย่างมาก เฮ่อเหลียนชิงตัวคนเดียวในเมืองหลวงไม่ไปมาหาสู่กับใคร อีกทั้งยังไม่ยื่นมือไปยุ่งเรื่องของคนอื่น ครั้งนี้ทำไมถึงได้ยื่นมือมาช่วยหลานสาวของเขาได้ล่ะ?
คุณปู่ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองหน้าใหญ่อะไรขนาดนั้น แม้กระทั่งนายใหญ่เฮ่อเหลียนชิงยังไม่ค่อยไว้หน้าเลยด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับเขาล่ะ?
ตอนที่ 970 ฉิวฉิวผู้ที่ข้ามแม่น้ำเสร็จก็จะถอนสะพานทิ้ง
เดิมเหมยเหมยยังสงสัยอยู่ว่าใครเป็นคนช่วยเธอไว้ คุณปู่ไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว เหตุผลก็คือตาแก่จิตวิปริตคนนั้นนั่นเอง!
คิด ๆไปก็ใช่ เมืองหลวงทั้งเมืองคนที่สามารถสู้กับเฮ่อเหลียนชิงได้ นอกจากตาแก่จิตวิปริตก็ไม่มีคนอื่นแล้ว!
“เฮ่อเหลียนชิงคือใคร? เขากับเฮ่อเหลียนเช่อเป็นอะไรกัน? พี่น้องเหรอคะ?” เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆ แสร้งทำเป็นสับสนงงงวย
คุณปู่มองดูท่าทางที่ไม่เหมือนโกหกของเธอ ถึงแม้ว่าจะยังรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างแต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก ที่สำคัญคือเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติที่หลานสาวของเขาจะไม่รู้จักเฮ่อเหลียนชิง รู้จักสิถึงจะแปลก!
เฮ่อเหลียนชิงและเฮ่อเหลียนเช่อเป็นศัตรูกัน ทั้งสองคนวัน ๆเอาแต่กัดกันเหมือนหมา บางทีอาจเป็นเพราะหลานสาวเขาโชคดี บังเอิญพบกับลูกน้องของเฮ่อเหลียนชิงที่ติดตามมาจึงได้ช่วยหลานสาวเขาไว้!
“อะไรก็ไม่ใช่ทั้งนั้น เหมยเหมยพักผ่อนอย่างสบายใจเถอะ คุณย่าของหลานตุ๋นซุปไก่เอาไว้ให้ที่บ้าน อีกครู่ให้คนเอามาส่งให้!”
คุณปู่อธิบายเหตุผลว่าทำไมคุณย่าถึงไม่ได้มา เหมยเหมยตอบรับอย่างเชื่อฟังแต่ในใจกลับยิ้มเยาะ
ตั้งแต่ที่เชฟหยวนมา คุณย่าก็ไม่เคยเข้าห้องครัวอีกเลย เธอไปตุ๋นซุปไก่ที่ไหนกัน?
เห็นชัด ๆว่าไม่อยากมา!
แน่นอนว่าเธอก็ไม่ได้สนใจว่าคุณย่าจะมาหรือไม่มา อยากจะมาหรือไม่มา ถึงอย่างไรวันหลังเธอก็ไม่มีทางทุ่มเทความจริงใจให้กับคุณย่าผู้เลอะเลือนอีกแน่นอน!
คุณปู่และพวกจ้าวเสวียหลินต่างกลับกันไปหมดแล้ว คุณปู่ดูยุ่งมาก ๆแต่ดูแล้วมีชีวิตชีวา พวกจ้าวเสวียเอ๋อร์และจ้าวเสวียกงไปดูแลร้านอาหาร กิจการยังคงไปได้สวย ไม่มีเวลาพักผ่อนเลยสักนิด
จ้าวเสวียหลิน สยงมู่มู่และยังมีเด็กอ้วนน้อยอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนเธอ ห้องที่เธอพักก็คือห้องเดี่ยว รวม ๆแล้วถือว่าไม่เลว อีกทั้งยังมีนางพยาบาลพิเศษมาดูแล ดูแลเหมือนระดับแขกวีไอพีเลยทีเดียว
เหมยเหมยก็ไล่พวกจ้าวเสวียหลินกลับไปแล้วเหมือนกัน เธออยากจะอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ ครั้งนี้ที่เธอโดนจับตัวไป เธอรู้สึกว่าเธออ่อนแอเกินไปแล้ว จะอย่างไรก็ควรจะมีความสามารถในการปกป้องตนเองบ้าง ไม่อย่างนั้นเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ เธอคงทำได้แค่เพียงนั่งรอความตายเท่านั้น
เธออยากจะหาฉิวฉิวเพื่อปรึกษาหารือแต่กลับพบว่าฉิวฉิวไม่อยู่ แล้วก็ไม่รู้ว่าเจ้าหนุ่มนี่วิ่งไปไหนแล้ว!
ฉาฉาค่อย ๆเคลื่อนจากข้อมือไปจนถึงฝ่ามือของเหมยเหมย หัวยกขึ้นสูง เหมยเหมยรู้สึกถึงการโทษตัวเองและรู้สึกผิดจากเจ้าตัวเล็ก อดไม่ได้ที่จะจูบหัวฉาฉา
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉาฉา เป็นพี่สาวเองที่อ่อนแอ ฉาฉาเก่งมาก ๆแล้วนะ!”
เหมยเหมยหักกล้วยบนโต๊ะน้ำชาออกมาหนึ่งลูก ตัวเองก็กินไปคำใหญ่ที่เหลือคำน้อยก็ป้อนให้กับฉาฉา เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเจ้าหนุ่มน้อย
“ฉาฉา รู้ไหมว่าฉิวฉิวไปไหน? มันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นไหม?” เหมยเหมยบ่นพึมพำกับตัวเอง
ฉาฉาที่กำลังจดจ่ออยู่กับการกินกล้วยอยู่ก็ส่ายหัว ในความเป็นจริงมันต้องการจะบอกว่าพี่ฉิวไม่เป็นอะไรทั้งนั้น สบายดีจริง ๆ แต่เหมยเหมยกลับเข้าใจผิดคิดว่ามันไม่รู้
“ฉันนี่โง่จริง ๆเลย แกจะไปรู้ได้ไงกัน!”
เหมยเหมยหัวเราะกับตัวเองจูบที่หัวของฉาฉาอีกครั้ง เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับฉิวฉิวมากนัก เจ้าตัวน้อยนี่ฉลาดจะตาย น่าจะแอบหนีไปนานแล้ว ไม่แน่บางทีมันอาจกลับมาในตอนเย็น
ฉาฉามุดหัวลงด้วยความหงุดหงิด เมื่อไหร่มันจะสามารถเป็นเหมือนพี่ฉิวแบบนั้นได้สักที สามารถทำให้เจ้านายเข้าใจในสิ่งที่มันจะพูดก็พอแล้ว!
คุณชายฉิวที่ทำให้เหมยเหมยเป็นห่วง เวลานี้กำลังฟุบอยู่บนเถาองุ่นอย่างสบายใจไร้กังวล หยอกล้อกับใครบางคนอยู่ ไม่ว่าเฮ่อเหลียนชิงจะเรียกยังไงมันก็ไม่ยอมลงมา!
เสี่ยวเมิ่งพาคนกลับมาแล้ว พูดกับเฮ่อเหลียนชิงว่าเหมยเหมยไม่เป็นอะไรแล้ว เฮ่อเหลียนชิงเข้าใจขึ้นมาโดยฉับพลัน หันไปหัวเราะและก็ด่าฉิวฉิวที่อยู่ด้านบนว่า “แกมันกระรอกเจ้าเล่ห์ ข้ามแม่น้ำเสร็จก็รื้อสะพานทิ้ง มีความสามารถมากนักวันหลังก็อย่ามาขอร้องฉันอีก!”
ฉิวฉิวแยกเขี้ยวยิงฟันส่งเสียงจี๊ด ๆใส่เขา ลองคิด ๆดูแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายอีกในอนาคต ไม่ควรทำให้ไม่พอใจ อ้อนเอาไว้ก่อนจะดีกว่า!
แสงเงาสีขาวพุ่งผ่านไป ฉิวฉิวโถมตัวกลับไปที่อ้อมกอดของเฮ่อเหลียนชิงอีกครั้ง ทำเอาใครบางคนยิ้มแป้นด้วยความดีใจและปอกเปลือกช็อคโกแลตให้คุณชายฉิวอย่างตั้งใจ
……………………………………………
ตอนที่ 971 คิดถึงคะนึงหา
ท้ายที่สุดเหยียนหมิงซุ่นก็ได้รู้เรื่องนี้เข้า ตอนที่เขาเข้าไปรายงานเรื่องงานต่อเฮ่อเหลียนชิง ทันทีที่ได้เห็นฉิวฉิวอยู่ในอ้อมแขนของเฮ่อเหลียนชิงจึงเกิดความสงสัยว่าได้เกิดเหตุอันใดขึ้นต่อเหมยเหมย
มิเช่นนั้นฉิวฉิวจะห่างกับเจ้านายของมันได้อย่างไร?
ในตอนแรกเฮ่อเหลียนชิงไม่ยอมรับ แต่ภายใต้แววตาอันดุดันของเหยียนหมิงซุ่นเขาจึงจำต้องพูดความจริงออกมา และไม่ลืมที่แอบแจงความดีความชอบไปด้วย “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉันเห็นแก่หน้าของแก ไม่งั้นฉันคงหน่ายที่จะเข้าไปข้องเกี่ยวกับความเป็นความตายของแม่เด็กนั้น!”
“ขอบคุณมากครับพ่อ!”
เหยียนหมิงซุ่นขอบคุณจากใจจริง เพราะไม่งั้นเขาเองก็ไม่อยากจะนึกถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดกับเหมยเหมยว่าจะเป็นอย่างไร
ฝากไว้ก่อนเถอะเฮ่อเหลียนเช่อ เขาไม่มีทางปล่อยคนชั่วช้าแบบนี้ไปง่าย ๆแน่!
“ส่วนเฮ่อเหลียนเช่อถ้าแกอยากจัดการก็ได้ แต่ถ้าแกทิ้งร่องรอยเอาไว้ล่ะก็ไม่ต้องกลับมาอีก ฉันไม่ต้องการลูกชายที่ไร้ประโยชน์”
เฮ่อเหลียนชิงลูบขนฉิวฉิวไปมาอยู่อย่างนั้น แต่วาจาคำพูดกลับไร้ซึ่งเยื่อใย
“ทราบครับ!”
เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางทิ้งร่องรอยไว้ให้เฮ่อเหลียนเช่อได้เห็น เขาในตอนนี้มีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถทำให้เฮ่อเหลียนเช่อแพ้ราบคาบจนสับสนได้เลย
“มื้อเย็นผมไม่อยู่กินที่บ้านนะครับ พ่อกินไปคนเดียวก็แล้วกัน!”
เหยียนหมิงซุ่นหมุนตัวกลับและมุ่งหน้าออกไป เขาต้องไปเยี่ยมเหมยเหมย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าตัวแสบจะรู้สึกเสียใจแค่ไหน!
เฮ่อเหลียนชิงที่ได้ยินดังนั้นก็รับรู้ได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นต้องไปหาจ้าวเหมยที่โรงพยาบาลเป็นแน่ จึงเอ่ยขึ้นแกมประชด “ไปเถอะไป คนแก่อย่างฉันกินข้าวคนเดียวก็อร่อยเหมือนเดิม!”
มีเจ้าฉิวฉิวอยู่ เขากินหนึ่งคำ เจ้าฉิวฉิวกินหนึ่งคำ เข้าท่ากว่าแม่เด็กนั่นตั้งเยอะ!
เพียงแต่…
เหยียนหมิงซุ่นที่เดินไปถึงหน้าประตูแล้วเดินวกกลับมาอีกครั้ง เอื้อมแขนอุ้มฉิวฉิวขึ้นมาพร้อมทั้งจ้องสบตากับเฮ่อเหลียนชิงก่อนจะเอ่ย “เหมยเหมยคงจะคิดถึงฉิวฉิวแล้วล่ะ ผมคงต้องเอามันไปส่งคืนให้เธอ พ่อเก่งกาจถึงเพียงนี้มื้อเย็นคงทานข้าวได้เป็นชาม ๆนะครับ”
คนแก่นั่งกินข้าวคนเดียวได้อย่างไม่มีหยุด ยังจะทำตัวเหมือนเด็กไปได้ ที่จะต้องคอยพูดปลอบโยน คอยเรียกร้อง จากที่เขาเห็นคงติดเป็นนิสัยไปแล้ว ลงมือทำไปเลยครั้งเดียวจะได้จบ!
ฉิวฉิวที่หมอบอยู่บนหัวไหล่ของเหยียนหมิงซุ่นหันไปหาเฮ่อเหลียนชิงพร้อมกับยกเท้าหน้าปัดป่ายส่งให้ บอกลาเขาด้วยความลั้นลา!
ยามค่ำคืนเหมยเหมยนอนอยู่บนเตียงด้วยความเบื่อหน่าย จ้าวเสวียหลินต้องการจะอยู่เฝ้าไข้เธอ แต่กลับถูกเหมยเหมยไล่ตะเพิดกลับไปเสียได้
บาดแผลของเธออาจดูเหมือนร้ายแรง แต่ความจริงเป็นเพียงบาดแผลถลอกเท่านั้น ไม่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำเลยสักนิด ไหนจะต้องให้ใครมาเฝ้าอีกเล่า ไม่ใช่ผู้ป่วยอาการโคม่านี่นา
ฉิวฉิวยังไม่กลับมาเลย เจ้าตัวเล็กต้องไปเจอกระรอกสาวสวย ๆเข้าแน่ ช่างใจจืดใจดำนัก เห็นคนอื่นดีกว่าเจ้านายมัน ไม่คิดจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอบ้างเลยหรือไง!
พี่หมิงซุ่นเองก็ไม่รู้ว่ามัวไปทำอะไรอยู่ เขาไม่รู้เรื่องที่เธอบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ จู่ ๆเหมยเหมยก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
หากเหยียนหมิงซุ่นอยู่ตรงนี้ จะต้องรู้สึกสงสารเห็นใจเธอเป็นแน่ แถมยังสามารถพูดปลอบใจเธอได้ด้วย!
ไม่ได้ จะให้เหยียนหมิงซุ่นรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด จะเป็นตัวถ่วงต่อการฝึกซ้อมของเขาไม่ได้ เธอจะต้องไม่ดื้อดึง ไม่อย่างนั้นตาแก่จอมวิปริตจะต้องว่าเธอเอาได้ อาจบอกว่าเธอเป็นตัวถ่วงของเหยียนหมิงซุ่นก็ได้…
พยาบาลพิเศษเข้ามาเปลี่ยนยาให้กับเธอ และยังช่วยล้างหน้าล้างตาให้เธออีกด้วย คุณป้าพยาบาลทั้งอ่อนโยนและเอาใจใส่เป็นอย่างดี จึงทำให้เหมยเหมยรู้สึกเกรงอกเกรงใจขึ้นมา
เธอนอนนับแกะอยู่บนเตียง นับไปจนดวงตาฝ้าฟางแต่ก็ยังไม่สามารถข่มตาหลับได้ เป็นเพราะช่วงกลางวันนอนมากจนเกินไป
บริเวณหน้าต่างมีเสียงเคาะก๊อก ๆที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น เหมยเหมยดวงตาเป็นประกายอย่างฉับพลัน รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาเป็นร้อยเท่าจึงย่องเดินไปยังบริเวณริมหน้าต่าง เพียงแค่ผลักออกเบา ๆ ฃก็ได้เจอกับบุคคลที่เธอกำลังเฝ้าคะนึงหาไปเมื่อครู่
เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาใช้อุ้งมือพาดกับหน้าต่างไว้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เธอ ฉิวฉิวเองก็หมอบอยู่บนหัวของเขาอย่างสบายใจเฉิบเสียเป็นไหน ๆ…
เหมยเหมยกลับดวงตาแดงก่ำ อึดอัดไปหมด…แต่พอได้เห็นท่าทางของฉิวฉิวที่อยู่บนหัวของเหยียนหมิงซุ่นนั้นดูแปลกประหลาดจึงหลุดหัวเราะคิกคักขำพรืดออกมา…
ตอนที่ 972 แก้แค้น
เหยียนหมิงซุ่นเพียงพลิกตัวก็กระโดดเข้ามาอยู่ในห้อง เขาดึงตัวสาวน้อยผู้น่าสงสารเข้ามากอดไว้ จากนั้นพาเธอไปส่งถึงเตียงพร้อมกับห่มผ้าผืนบางให้เสร็จสรรพ ถือว่าเครื่องทำความเย็นภายในห้องที่เปิดอยู่นั้นกำลังเย็นพอดีเลยทีเดียว แต่อย่าหวังจะได้เย็นจนแช่แข็งเจ้าหญิงตัวน้อยของเขา!
“พี่ขอดูแผลบนตัวเธอหน่อย…”
เหยียนหมิงซุ่นพูดไม่ทันจบประโยคก็เลิกชายเสื้อของคนป่วยขึ้น เผยให้เห็นร่องรอยบาดแผลบนแผ่นหลัง แค่ดูก็รู้ว่าถูกฟาดด้วยแส้ แววตาของเหยียนหมิงซุ่นผลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา แต่แค่แวบเดียวก็กลับมาเป็นปกติ
“ยังเจ็บอยู่ไหม?”
เขาลูบคลำบาดแผลอย่างแผ่วเบาด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ
“ไม่เจ็บแล้ว พี่หมิงซุ่นรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่? แล้วฉิวฉิวล่ะทำไมถึงมาอยู่กับพี่ได้?” เหมยเหมยไม่เข้าใจ
เหยียนหมิงซุ่นดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับเอ่ยตอบด้วยความนุ่มนวล “พ่อเป็นคนบอกน่ะ ฉิวฉิวไปตามพ่อเพื่อให้มาช่วยเธอ เจ้าตัวเล็กนี่ก็ฉลาดไม่เบานะ”
ฉิวฉิวที่ได้รับคำชมจึงส่งเสียงร้องอย่างได้ใจออกมาเพียงไม่กี่ครั้ง หางฟูฟ่องสะบัดปัดป่าย ก็มันเป็นสัตว์ฉลาดมากถึงมากที่สุดในโลกใบนี้แล้วไง !
เหมยเหมยอุ้มฉิวฉิวเข้ามาไว้ในอ้อมกอดพร้อมกับหยิกหยอกมันด้วยความตกตะลึง “ขอบคุณมากที่รัก พี่คิดว่าแกจะไปสวีทอยู่กับแฟนเสียอีก ขอโทษด้วยนะ…”
ฉิวฉิวมองเธอด้วยสายตาระอา พร้อมทั้งหันท้ายทอยให้กับเหมยเหมย ชักจะดูถูกคุณชายฉิวเกินไปแล้ว!
ในช่วงเวลาสำคัญ คิดว่ากระรอกอย่างมันเห็นกระรอกสวย ๆดีกว่าเจ้านายหรือไง?
เหมยเหมยง้อด้วยการหยิบช็อกโกแลตในลิ้นชักออกมาและป้อนให้คุณชายฉิวกิน นั่นจึงทำให้เจ้าตัวเล็กหายโมโหได้ และมันกินพร้อมกับฉาฉาอย่างเอร็ดอร่อย รวมทั้งไม่อยากจะเป็นก้างขวางคออีก
เหยียนหมิงซุ่นถามถึงความเป็นมาของเรื่องที่เกิดขึ้น เหมยเหมยจึงพูดไปตามความจริง พร้อมทั้งพูดถึงสิ่งที่เธอกำลังสงสัย “ฉันคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อต้องหึงหวงแน่เลย เขาปฏิบัติกับเหมยซูหานต่างออกไป…”
ยิ่งคนโหดร้ายทารุณอย่างเฮ่อเหลียนเช่อแล้วด้วย เหมยซูหานเคยต่อต้านเขาอยู่หลายครั้งหลายหน แต่สุดท้ายก็ถูกฟาดด้วยแส้ไปเพียงไม่กี่ที หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก คงพูดได้เพียงว่าเฮ่อเหลียนเซ่อนั้นรักเหมยซูหานด้วยหัวใจจริง
แม้ว่าสำหรับรักแท้ระหว่างคู่ชายรักชายนั้นจะดูไม่เข้าท่านักแต่เหมยเหมยก็พอจะเข้าใจได้ เดิมทีเฮ่อเหลียนเช่อนั้นก็เป็นประเภทนิยมชมชอบต่อทั้งสองเพศอยู่แล้ว ซึ่งการที่เขาตกหลุมรักเหมยซูหานจึงนับว่าเป็นเรื่องปกติ
เพียงแต่เหมยซูหานกลับ…
“แต่ก็ไม่รู้ว่าเหมยซูหานเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะเหมยซูหานเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยฉัน ฉันคงไม่อาจมีชีวิตรอดมาได้…”
จนป่านนี้แล้วเหมยเหมยยังคงรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกที่เธอมีต่อเหมยซูหานนั้นดูซับซ้อนมาก
แม้ว่าจะเป็นเพราะเหมยซูหานถูกทำร้ายอย่างคาดไม่ถึง แต่กระนั้นก็ถือว่าเหมยซูหานได้ช่วยชีวิตเธอไว้ เพียงแค่ไม่รู้ว่าเหมยซูหานจะขัดขวางเฮ่อเหลียนเช่อด้วยวิธีไหน?
เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้รู้สึกขอบคุณเหมยซูหานเลยสักนิด “หากไม่เป็นเพราะมัน เธอคงไม่ถูกเฮ่อเหลียนเช่อลากตัวไปหรอก เหมยเหมยพักผ่อนแล้วก็วางใจได้ เอาไว้คืนพรุ่งนี้พี่จะมาหาใหม่!”
เขากลับไม่ได้บอกเหมยเหมยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเหมยซูหานหลังจากนั้น เฮ่อเหลียนชิงได้บอกเขาแล้วว่าเหมยซูหานถูกเฮ่อเหลียนเช่อข่มขืน จากการคิดวิเคราะห์ของตัวเขาเหมยซูหานยอมแลกร่างกายเพื่อช่วยเหมยเหมย แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกที่จะขอบคุณอยู่ดี
แต่เขาเองก็รู้สึกเห็นใจต่อสิ่งเลวร้ายที่เหมยซูหานต้องพบเจออยู่บ้าง การที่ได้พบเจอกับคนวิปริตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อนั้นนับว่าเป็นชะตากรรมของเหมยซูหานที่ถูกลิขิตเอาไว้!
แต่นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขา!
เขาพูดคุยกับเหมยเหมยอยู่พักใหญ่ พอเหมยเหมยรู้สึกสบายใจขึ้นก็สามารถเข้าสู้ห้วงนิทราได้อย่างรวดเร็ว เหยียนหมิงซุ่นจึงก้มลงจูบบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงออกไปจากห้องผู้ป่วย
เขาต้องไปแก้แคนให้กับเจ้าหญิงตัวน้อย…
เฮ่อเหลียนเช่อเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์ด้วยสีหน้าบึ้งตึง เขาเพิ่งกลับมาจากบ้านของหนิงเฉินเซวียน มีปากเสียงทะเลาะกับหนิงเฉินเซวียนอย่างรุนแรง แต่เมื่อเขาเดินเข้ามาในบ้าน สีหน้าท่าทางก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก จากนั้นจึงกวักมือเรียกหาลูกน้อง
“วันนี้ได้ออกไปไหนหรือเปล่า?”
ลูกน้องส่ายหน้า “ไม่ครับ ขนาดประตูห้องยังไม่เปิดออกมาเลย นอนอยู่ในห้องตลอด ผมให้หมอจัดยาให้เขาแล้วครับ ไม่เป็นอะไรแล้ว ”
เฮ่อเหลียนเช่อพยักหน้าอย่างพึงพอใจพร้อมเตรียมจะเดินขึ้นบ้าน ในตอนนี้เขารู้สึกฟุ้งซ่านมาก อยากจะอยู่ข้างกายเหมยซูหานเงียบ ๆสักหน่อย
ขณะที่เดินขึ้นบันไดไป หน้าต่างบานสูงบนดาดฟ้าชั้นสองถูกโจมตีจนเกิดเป็นรูเล็ก ๆหลายรู เงาทมิฬของบุคคลหนึ่งได้กระแทกเข้ากับกระจกกันกระสุนจนแตกกระจายพร้อมพุ่งใส่เฮ่อเหลียนเช่อ…
………………………………………………..
ตอนที่ 973 อยากออกไปจากที่นี่ไหม
เฮ่อเหลียนเช่อไม่ทันได้ป้องกันตัวจึงได้รับหมัดจากเงาทมิฬนั้นหลายหมัดติดต่อกัน ทั้งเจ็บทั้งตกใจ เขาเกิดความตื่นตระหนกปนสงสัยต่อตัวตนของเงาทมิฬผู้นี้เป็นมาก
เมืองหลวงมีคนฝีมือดีถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
นึกไม่ถึงเลยว่าฝีมือจะทัดเทียมกับเขาได้?
“แกเป็นคนที่ไอ้แก่เฮ่อเหลียนชิงนั่นส่งมาใช่ไหม?” เฮ่อเหลียนเช่อถามด้วยน้ำเสียงติดตำหนิ
เงาทมิฬก็คือเหยียนหมิงซุ่น เขาโพกปิดใบหน้าเอาไว้และไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด ได้แต่โจมตีใส่ระรัว
ช่วงนี้ฝึกพลังทู่น่า[1]อยู่ทุกวัน พลังในตำแหน่งตันเถียน[2]ก็ไหลเวียนรวมกันได้มากขึ้น รวมทั้งแผนการฝึกอบรมที่เฮ่อเหลียนชิงได้ออกแบบมาเพื่อเขานั้นทำให้กำลังวังชาของเหยียนหมิงซุ่นเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าเฮ่อเหลียนเช่อเลย
หากพูดตามความเป็นจริง พละกำลังของเหยียนหมิงซุ่นยังไม่อาจแซงหน้าเฮ่อเหลียนเช่อได้ เพียงแต่เขาได้เปรียบในการโจมตีก่อน รวมถึงเฮ่อเหลียนเช่อที่มีจิตใจไม่แน่นิ่ง เป็นธรรมดาที่จะไร้เรี่ยวแรงไม่ได้ดั่งที่ใจคิด นั่นจึงทำให้ฝีมือของเหยียนหมิงซุ่นสามารถเทียบชั้นกับเขาได้
ลูกน้องคนอื่น ๆที่กรูกันเข้ามาก็ได้ถูกเหยียนหมิงซุ่นจัดการจนราบเป็นหน้ากลอง เขาใช้อาวุธลับที่เฮ่อเหลียนชิงทำขึ้นเพื่อตัวเขา นั่นคือบูมเมอแรง
บูมเมอแรงหนึ่งอันสามารถใช้ซ้ำกันได้หลายครั้งอย่างต่อเนื่องเพียงแต่ยากที่จะควบคุมแรงได้ เหยียนหมิงซุ่นฝึกฝนอยู่เป็นเวลานานกว่าจะสามารถใช้มันได้อย่างเห็นผล ในค่ำคืนนี้นับเป็นครั้งที่เขาได้ใช้จริง ๆสักที
ผลลัพธ์ถือว่าไม่เลวเลย บูมเมอแรงเพียงหนึ่งอันที่เขาใช้สามารถล้มลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อได้เป็นโขยง ซึ่งไม่รุนแรงถึงขั้นคร่าชีวิตเพียงแต่ทำให้เอ็นกล้ามเนื้อของพวกเขาขาดเท่านั้นเอง
อีกหน่อยหากเชื่อมมันขึ้นมาใหม่ได้ก็ไม่สามารถกลับมาช่วยเฮ่อเหลียนเช่อทำเรื่องเลวระยำได้อีก ถือว่าเขาได้ช่วยพวกนั้นไว้ตั้งหนึ่งชีวิตนะ!
เหยียนหมิงซุ่นถือจังหวะที่เฮ่อเหยียนเช่อเผลอดึงเอาแส้หนังที่พันอยู่รอบเอวของเขาออกมา พร้อมกับฟาดแส้ไปครั้งหนึ่งอย่างรุนแรง โดยใช้พละกำลังมหาศาล ไร้ซึ่งความปรานี!
“แกเป็นใคร? ถ้ากล้ามากก็บอกชื่อเสียงเรียงนามมา ทำลับ ๆล่อ ๆจะมีประโยชน์อะไร?”
เฮ่อเหลียนเช่อร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด แต่ก่อนเป็นเขาเองที่ใช้แส้เทียวฟาดคนอื่น วันนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสชาติของการถูกแส้ฟาด เจ็บเสียยิ่งกว่าอะไร!
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะไปที จากนั้นขยับร่างกายพร้อมกับออกแรงฟาดแส้อีกครั้ง ในจังหวะนั้นเสื้อผ้าของเฮ่อเหลียนเช่อขาดวิ่นเป็นเศษผ้า ร่างกายส่วนบนเปลือยเปล่า ตามตัวปรากฏรอยเลือดอยู่หลายจุดซึ่งลึกพอสมควร
เฮ่อเหลียนเช่อพยายามหลบแส้แต่มีหรือที่เหยียนหมิงซุ่นจะยอมให้สมดั่งใจได้ เขาเหวี่ยงแส้ฟาดลงไปต่อเนื่องอยู่หลายครั้ง เสียงแส้ฟาดนั้นดังจนแสบแก้วหู รอยเลือดตามร่างกายของเฮ่อเหลียนเช่อก็เพิ่มขึ้นมาอีกหลายจุด ผิวถลอกปอกเปิกจนแตกช้ำ
เหยียนหมิงซุ่นจ้องมองเฮ่อเหลียนเช่อที่มีเลือดสีสดไหลอาบด้วยความพึงพอใจ ฉับพลันจึงฟาดแส้ลงไปซ้ำอีกหลายครั้ง เฮ่อเหลียนเช่อนับว่าเป็นชายชาตรีเพราะเขาไม่ส่งเสียงร้องออกมาเลยสักนิด เพียงแค่จ้องเขม็งไปที่เหยียนหมิงซุ่นไม่วางตา ราวกับต้องการจดจำรูปร่างลักษณ์ของเขาไว้
เหมยซูหานที่อยู่ในห้องได้ยินความเคลื่อนไหวจากภายนอกจึงวิ่งออกมา พลันเหลือบเห็นเฮ่อเหลียนเช่อที่มีเลือดอาบท่วมตัวจึงส่งเสียงร้องอย่างตื่นตระหนก
แต่ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเซ่อได้ส่งสัญญาณเป็นนัย ๆให้ลูกน้องคนอื่นเข้ามาช่วย เหยียนหมิงซุ่นเองรู้ดีว่าไม่ควรอยู่ที่นี่นานกว่านี้ เขาหันไปมองใบหน้าซีดเซียวของเหมยซูหาน พร้อมปรับโทนเสียงให้ต่ำพร้อมกับเอ่ยถาม “อยากออกไปจากที่นี่ไหม?”
เห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมชั้นมาสามปี รวมทั้งเมื่อวานที่เขาได้ช่วยเหมยเหมยไว้ครั้งหนึ่ง ตัวเขาเองเลยจะช่วยเหมยซูหานสักครั้ง!
เหมยซูหานมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความตื่นเต้น หากออกไปจากที่นี่ได้ถือว่าเป็นความฝันที่ซ่อนอยู่ของเหมยซูหานเลยล่ะ เหมยซูหานพยักหน้าตอบโดยไม่แม้แต่จะคิดพลางเดินตามเหยียนหมิงซุ่นไป…
เฮ่อเหลียนเช่อเจ็บปวดจนแทบไม่อยากจะหายใจ เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดร่องรอยบาดแผลตามร่างกายเลยสักนิด แต่หัวใจของเขานั้นกลับเจ็บปวดนัก
เขาไม่ได้ร้องขอให้เหมยซูหานอยู่ที่นี่ต่อ หนิงเฉินเซวียนบอกเขามาตั้งแต่เด็กแล้ว ของที่อยากได้ต้องแย่งชิงมา หากไม่เต็มใจที่จะอยู่ก็ทำลายพวกมันทิ้งเสีย
การขอร้องอ้อนวอนมีแต่พวกที่อ่อนแอเท่านั้นที่จะทำ พวกที่เข้มแข็งไม่จำเป็นต้องร้องขอให้ดูน่าสงสาร!
เฮ่อเหลียนเช่อจ้องเหมยซูหานไม่วางตาแต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำพูดใด ๆออกมา เลือดตามตัวก็ไหลรินไม่หยุดจนไหลมากองรวมกันเป็นธารอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา แลดูสยดสยอง
หากเหมยซูหานไปจากที่นี่จริง เขาจะต้อง…ทำลาย…เขา!
ด้วยมือของเขาเอง!
เหมยซูหานที่เดินไปอยู่ข้างหน้าต่างได้หันหน้ากลับมาอย่างไม่รู้ตัว และมองคนเลือดอาบที่ยืนขึ้นอย่างดื้อรั้น…
……………………………………………………….
[1] การฝึกกำหนดลมหายใจเข้าออก ช่วยบำบัดและเพื่อขับพิษออกจากร่างกาย
[2] ชื่อตำแหน่งบนร่างกายบริเวณท้องน้อยใต้สะดือ 3ชุ่น ซึ่งในลัทธิเต๋าได้กำหนดตำแหน่งตันเถียนในร่างกายไว้ 3แห่ง ได้แก่ ตันเถียนบน จะอยู่บริเวณหว่างคิ้ว ตันเถียนกลาง อยู่บริเวณใต้หัวใจ ตันเถียนล่างอยู่บริเวณใต้สะดือ
ตอนที่ 974 ไม่ได้ตั้งใจ
เหยียนหมิงซุ่นโดดลงไปก่อนพลางส่งสัญญาณให้เหมยซูหานกระโดดตามลงมา เหมยซูหานเกิดลังเลอยู่หลายวินาที ความรู้สึกภายในใจตีกันไปมาไม่จบสิ้น!
เขาอยากหนีออกไปจากเรือนจำของเฮ่อเหลียนเช่อ แต่พอเขาเห็นสภาพของเฮ่อเหลียนเช่อในตอนนี้ เขากลับตัดใจทำไม่ลง…
เหยียนหมิงซุ่นรออยู่ได้พักหนึ่งกลับเห็นเหมยซูหายังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่คนของเฮ่อเหลียนเช่อกลับเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆจึงได้เอ่ยตัดรำคาญ “ฉันจะนับถึงสาม…”
เสียงนับ ‘สาม’ จบลง เหมยซูหานหลับตาลงอย่างเจ็บปวด พร้อมกับส่งยิ้มให้เหยียนหมิงซุ่นเพื่อเป็นการขอโทษ “ขอโทษนะ นายรีบไปเถอะ!”
เขาทำไม่ได้ที่จะทอดทิ้งเฮ่อเหลียนเช่อที่มีสภาพเป็นแบบนี้ไป เขาใจร้ายทำมันไม่ลง…
เหยียนหมิงซุ่นจึงหลบออกไปจากที่นั่นอย่างไม่นึกลังเล เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็หายวับเข้าไปในความมืด สำหรับเหมยซูหานแล้ว ก่อนหน้านั้นเขาเองยังคงมีความรู้สึกเห็นใจอยู่บ้าง แต่ดูจากตอนนี้แล้วคงไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นอย่างสิ้นเชิง!
คนหนึ่งยินดีที่จะทำ ส่วนอีกคนนั้นเต็มใจที่จะรับ เมื่อครู่นี้เขาคงว่างมากเกินไปเสียจริง!
เฮ่อเหลียนเช่อฉีกยิ้มให้กับเหมยซูหาน ยิ้มด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็ได้ล้มลงไป…
เซียวเซ่อได้เข้ามาเยี่ยมเหมยเหมยในวันถัดมา ดูจากท่าทางคงจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งเอาแต่หลบสายตาเหมยเหมยอยู่ตลอด ท่าทีดูแปลกหูแปลกตาไป
เหมยเหมยเองก็รู้สึกแปลกใจ เมื่อวานทุกคนพากันมาหาเธอขาดก็เพียงแต่คุณย่าและเซียวเซ่อ คุณย่าไม่มาเธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เซียวเซ่อถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอนี่ พอไม่เจอก็แอบรู้สึกแปลกใจ
ยิ่งได้เห็นท่าทีของเซียวเซ่อที่ดูผิดแปลกไป เหมยเหมยก็ยิ่งเกิดความสงสัย จึงถามออกไปตรง ๆ “ทำไมเมื่อวานเธอถึงไม่มาหาฉัน?”
ฉับพลันที่เซียวเซ่อรู้สึกละอายแก่ใจ จึงได้ก้มหน้างุด ราวกับเธอได้ทำเรื่องที่ผิดต่อเหมยเหมยก็ไม่ปาน
“เธอเป็นอะไร? ไปทำเรื่องไม่ดีอะไรไว้?” เหมยเหมยถามติดตลก
เซียวเซ่อทึ้งเส้นผมตัวเองอยู่แบบนั้นอย่างกระวนกระวาย พลางมองหาน้ำเย็นเพื่อมาดื่มดับกระหายอย่างลืมตัว หาอยู่นานสองนานถึงได้รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านก็ยิ่งรู้สึกกระวนการะวายเข้าไปใหญ่ เธอทึ้งเส้นผมไปมาจนแทบจะกลายเป็นรังนก
เหมยเหมยกลับยิ่งรู้แปลกใจเข้าไปอีก เช้าจนไก่โห่แบบนี้เธอเป็นบ้าอะไรล่ะ?
เซียวเซ่อทึ้งเส้นผมตัวเองอยู่นาน จู่ ๆก็พูดขึ้นกะทันหันว่า “ฉันจะไม่อยู่ที่เมืองหลวงแล้ว ฉันจะกลับอังกฤษ”
เหมยเหมยตกใจอย่างสุดขีด ดูท่าเรื่องนี้จะรุนแรงมาก!
จริง ๆแล้วเซียวเซ่อไม่ชอบอยู่อังกฤษเลยสักนิด นั่นเป็นเพราะหญิงชราตระกูลสูงส่งที่มีอำนาจคนนั้นคือคุณย่าแท้ ๆ ของเธอ ซึ่งหลังจากที่เธอได้รับสิ่งกระทบกระเทือนจิตใจจากอาจารย์เซียว นิสัยใจคอก็เปลี่ยนไปจนไม่น่ารักอีกแล้ว เอาแต่สร้างกฎระเบียบจำนวนนับไม่ถ้วนให้กับเซียวเซ่อ และยังได้เรียนเชิญติวเตอร์ส่วนตัวจำนวนไม่น้อยเข้ามาสอน
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเปียโน เต้นรำ ศิลปะการขี่ม้า ฟันดาบ ยูโด มารยาท ภาษา ทำขนมเค้กตะวันตก…
คุณย่าต้องการจะฝึกให้หลานสาวของตนนั้นกลายเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมด้วยความสวยและมากด้วยความสามารถ แต่เธอกลับไม่ได้คำนึงถึงว่าหลานสาวชอบหรือไม่ชอบ ในที่สุดแม่นางเซียวที่มีอายุเพียงสิบขวบก็ทนไม่ไหว และได้เลือกที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา
เธอไม่ได้บอกอะไรกับใครเลย เพียงทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งให้คุณย่าของเธอไว้ดูต่างหน้า โดยเขียนแค่ประโยคเดียว ที่ว่า หนูไม่อยู่เล่นด้วยแล้วจะกลับบ้าน!
จากนั้น…ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่นางเซียวซื้อตั๋วเครื่องบินมาได้อย่างไร รวมทั้งยังแฝงตัวขึ้นเครื่องบินมาได้อย่างไร แต่ถึงกระนั้นในช่วงเวลาที่เซียวจิ่งหมิงเจอกับลูกสาว แม่นางผู้นี้ได้อยู่ที่สนามบินฮ่องกง และกำลังง่วนอยู่กับการขายงานศิลปะเพื่อหาเงินกลับเมืองหลวง!
ไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นกับเธอแต่อย่างใดแต่กลับใช้ชีวิตได้สุดแสนจะชื่นมื่นเป็นเท่าตัว แลดูสนุกกว่าการได้อยู่ข้างกายคุณย่าเป็นอย่างมาก!
ต่อจากนั้นมาเซียวจิ่งหมิงจึงปล่อยลูกสาวของตนไปตามอิสระ อยากจะเรียนอะไรก็ให้เรียนอันนั้น ขอเพียงแค่ตัวของเซียวเซ่อมีความสุขก็เพียงพอแล้ว!
หญิงสาวผู้หนึ่งที่ยินยอมออกร่อนเร่พเนจรอยู่ภายนอกแต่หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมกลับอังกฤษ แต่ในวันนี้กลับพูดว่าอยากกลับไปอังกฤษเพื่อน้อมรับโทษ จะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่!
เหมยเหมยเค้นถามอยู่หลายครั้ง เซียวเซ่อบ่นพึมพำอยู่นานกว่าจะยอมบอกถึงเหตุผลที่เธอจะต้องกลับอังกฤษ
………………………………………………………….
ตอนที่ 975 ฉันไม่ใช่เลสเบี้ยนนะ
“คุณย่าของฉันเป็นขุนนางมาร์ควิส[1] ท่าน…พ่อของฉันเขามีฐานันดรศักดิ์แห่งราชวงศ์แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งคุณย่าบอกว่าจะให้ฉันเป็นผู้สืบทอดแต่ถ้าฉันไม่กลับไปก็หมดสิทธิ์ และอาจจะถูกหลานชายของย่าฉันแย่งชิงไปได้”
เซียวเซ่อพูดพลางกัดกล้วยกินไปด้วย การกลับอังกฤษเป็นสิ่งที่เธอขบคิดมาแล้ว หากจะปล่อยให้คนอื่นได้รับผลประโยชน์จากฐานันดรศักดิ์ของคุณย่า สู้เธอเอามันคืนกลับมาไม่ดีกว่าเหรอ!
เพียงแค่มีฐานันดรศักดิ์ เธอก็จะแข็งแกร่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปขอร้องใครอีก!
เหมยเหมยปอกแอปเปิ้ลและยื่นส่งให้เธอพร้อมกับเอ่ยถาม “เมื่อก่อนเธอบอกว่าไม่ได้หวงแหนต่อฐานันดรศักดิ์ของคุณย่าไม่ใช่หรือไง?”
“ก็ตอนนี้จะหวงไม่ได้หรือไงเล่า?” เซียวเซ่อกัดกินคำใหญ่เสียงดังสวบ ๆอย่างไม่สบอารมณ์
เหมยเหมยไม่มีทางเชื่อในคำพูดเหล่านี้ของเธอแน่นอน ยัยเซียวเซ่อนี่ไม่ได้สนใจเรื่องเงินเลย ไม่สนใจชื่อเสียงด้วย…
ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เหตุใดเพียงชั่วข้ามคืนถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ เธอต้องการกลับไปแย่งชิงฐานันดรศักดิ์กับบรรดาลุงของเธองั้นหรือ?
มันต้องเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน!
ไม่ว่าอย่างไรเซียวเซ่อก็ไม่ยอมปริปากพูด ช่วงบ่ายสยงมู่มู่แวะมาหา เธอจึงเลียบ ๆเคียง ๆถามเขาดู นั่นถึงทำให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันทั้งดูตลกและดูซาบซึ้งไปพร้อมกัน
ที่แท้แล้วเมื่อวันที่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ เซียวเซ่อเข้าไปหาคุณหนูใหญ่เฝิง เธอต้องการจะให้คุณหนูใหญ่เฝิงไปตามหาเธอจากเฮ่อเหลียนเช่อ สยงมู่มู่เองก็ตามไปด้วย แต่คุณหนูใหญ่เฝิงกลับปฏิเสธเซียวเซ่อ
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การปฏิเสธตรง ๆเอ่ยปากเพียงแค่ว่าเธอจะหาวิธีจัดการให้ แต่แล้วกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เกิดขึ้นเลย เซียวเซ่อและสยงมู่มู่ไม่ใช่เด็กไอคิวธรรมดา ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาเข้าใจความหมายของคุณหนูใหญ่เฝิง ทั้งหมดเป็นเพียงแค่คำแก้ตัว และไม่ได้มีแพลนที่จะไปพบเฮ่อเหลียนเช่อด้วยซ้ำ
เซียวเซ่อได้ทะเลาะกับแม่ของเธออย่างหนัก จากนั้นก็เข้าไปพบเซียวจิ่งหมิง เพียงแต่เวลานั้นเซียวจิ่งหมิงไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง เขาไปทำงานที่ฮ่องกง
หลังจากที่เหมยเหมยได้รับการช่วยเหลือออกมา เซียวเซ่อก็เอาแต่ขังตัวเองไว้ในห้อง จนถึงตอนนี้กว่าจะโผล่หน้ามาให้เห็น
“เหมยเหมยเธออย่าโทษป้าเฝิงเลยนะ จริง ๆแล้วเธอก็พยายามโทรหาอยู่หลายสาย เพียงแต่ไม่มีใครเต็มใจที่จะช่วย” สยงมู่มู่เรียกร้องความเห็นใจให้กับเฝิงไห่ถัง
“ฉันรู้ ป้าเฝิงไม่ออกหน้าเองเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว ผิดใจกับเฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่เรื่องดีเลย”
เหมยเหมยเข้าใจต่อการกระทำของเฝิงไห่ถัง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับคนนอก เฝิงไห่ถังไม่จำเป็นที่จะต้องมีเรื่องมีราวกับเฮ่อเหลียนเช่อ
แต่หากเรื่องมันเกิดขึ้นกับตัวเซียวเซ่อ เธอเชื่อว่าต่อให้เฝิงไห่ถังไม่รู้จักประมาณตนจนต้องตาย แต่ก็จะพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อช่วยลูกสาวให้ได้
หากสลับกันให้เธอยืนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเฝิงไห่ถัง เธอเองก็คงจะกระทำเช่นเดียวกับเฝิงไห่ถัง!
เหมยเหมยเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเซียวเซ่ออยากกลับอังกฤษเพื่อไปแย่งชิงฐานันดรศักดิ์ หากไม่ผิดคาดคงอยากจะยิ่งใหญ่ขึ้น ซึ่งต่อไปนี้ก็ไม่จำเป็นต้องขอร้องใครอีก!
ช่างเป็นผู้หญิงที่โง่นัก!
ในช่วงที่เซียวเซ่อกลับมาอีกครั้ง เหมยเหมยโผล่เข้าใส่เธอพร้อมทั้งกอดทั้งหอมไปชุดใหญ่ จนทำให้เซียวเซ่อตกใจอยู่ไม่น้อย เธอออกแรงผละตัวหนี พร้อมกับจ้องเธอเพื่อเตือนเป็นนัย ๆ “ฉันไม่ใช่เลสเบี้ยนนะ!”
เหมยเหมยจ้องเธอกลับอย่างเอาเรื่อง เซียวเซ่อลูบแขนตัวเองไปพลางอย่างไม่รู้ตัว เพื่อนสนิทของเธอนี่ช่างมีเสน่ห์เหลือล้นนัก แค่จ้องมองด้วยสายตาระอาแบบไม่ได้ตั้งใจก็สามารถดึงดูดใครต่อใครได้ แม้แต่ตัวเธอที่เป็นผู้หญิงยังไม่อาจจะทนได้!
“เธอคิดไปถึงไหนเนี่ย ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นเลสเบี้ยนไปกับเธอหรอกนะ ฉันแค่รู้สึกว่ามีเพื่อนดี ๆแบบเธอนับว่าเป็นความโชคดีของฉันไปทั้งสามภพชาติ…เปรียบดั่งคุณงามความดีที่สั่งสมมานับร้อยปี…”
เหมยเหมยกอดเซียวเซ่อไว้พร้อมกับบ่นอยู่ยกใหญ่ พูดยกยอปอปั้นจนทำเอาเซียวเซ่อหน้าแดงหูแดง เขินอายจนแทบทำตัวไม่ถูก
“เซ่อเซ่อ ที่อังกฤษลำบากจะตาย เธออยู่ที่เมืองหลวงเถอะ ถ้าเธอไปอังกฤษ แล้วฉันคิดถึงเธอขึ้นมาจะทำไงล่ะ?” เหมยเหมยรู้สึกอาลัยอาวรณ์
เธอไม่ได้คัดค้านที่เซียวเซ่อจะกลับอังกฤษ ในความเป็นจริงนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเซียวเซ่อแล้ว และนั่นก็ยังเป็นฐานะอันสูงส่งที่ใครต่อใครต่างต้องการจะแย่งชิง หากจะทอดทิ้งไปง่าย ๆแบบนี้คงเป็นอะไรที่น่าเสียดาย!
แต่การต้องแยกจากเพื่อนไป ยิ่งนับเป็นสิ่งที่ทำใจได้ยาก ไม่ง่ายเลยที่จะได้เจอกับเพื่อนสนิทสักคนที่มีความคิดร้าย ๆ เหมือนกัน!
……………………………………………….
[1] เทียบชั้นบรรดาศักดิ์ของไทย เท่ากับตำแหน่ง พระยา
ตอนที่ 976 เหยียบเรือของปู่เธอสิ
เซียวเซ่อเป็นหญิงสาวที่มีความคิดแน่วแน่ ในเมื่อเธอตัดสินใจที่จะกลับไป วัวนับสิบตัวก็ไม่อาจฉุดดึงเธอไว้ได้ อีกทั้งคุณพ่อบ้านสตีฟเว่นและคุณป้าซูซือก็กลับไปพร้อมเธอด้วย
“พ่อแม่ของคุณลุงสตีฟเว่นยังแข็งแรงอยู่ ฉันจะเห็นแก่ตัวมากไปกว่านี้ไม่ได้ ยังไงก็ต้องกลับไปให้คุณลุงสตีฟเว่นได้ทดแทนบุญคุณท่านบ้าง ถ้าฉันมีเวลาว่างจะรีบกลับมาหาเธอ!” เซียวเซ่อรับปากกับเหมยเหมย
“อืม ถ้าฉันว่าง ฉันก็จะไปหาเธอที่อังกฤษ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ต้องเขียนจดหมายหาฉันด้วย!” เหมยเหมยน้ำตาไหลพรากอย่างห้ามไม่ได้
เซียวเซ่อนี่ช่างใจจืดใจดำ บอกว่าจะไปก็จะไป ไม่มีแม้แต่ช่วงเวลาที่จะให้เธอได้ทำใจ ตั๋วเครื่องบินก็จองเสร็จสรรพ ตัวเธอถือสัญชาติอังกฤษ พำนักอยู่ในเมืองหลวงเป็นการชั่วคราวจึงสามารถบินกลับไปได้ทุกเมื่อ โดยไม่จำเป็นต้องรอทำวีซ่าอะไร อีกสามวันเธอก็จะเดินทางกลับแล้ว
“แล้วฮ่องเต้กับฮ่องเฮาจะทำยังไง?” เหมยเหมยเอ่ยถาม
“ลุงสตีฟเว่นจัดการทำเรื่องโหลดใต้ท้องเครื่องให้แล้ว คาดว่าน่าจะถึงอังกฤษในเวลาใกล้เคียงกับฉัน”
เซียวเซ่อมองดูเพื่อนของเธอที่น้ำตาไหลเป็นสาย ในใจก็ไม่ได้รู้สึกดีนักแต่เธอจะต้องเข้มแข็งให้มาก ไม่ใช่แค่ทำเพื่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่ก็เพื่อตัวของเธอเองด้วย
หากว่าเธอแข็งแกร่งขึ้น ในอนาคตก็ไม่จำเป็นต้องขอร้องใครอีก!
ส่วนคฤหาสน์ตระกูลเซียว เซียวเซ่อบอกให้เหมยเหมยอาศัยอยู่ที่นั่นต่อ คนงานที่นั่นยังคงอยู่เหมือนเดิม ซึ่งอีกหน่อยในช่วงวันหยุดเธอก็จะกลับมาพักที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นเฝิงไห่ถังหรือเซียวจิ่งหมิงพวกเขาต่างก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินจำนวนเล็กน้อยที่ต้องจ่ายให้กับคนงานเลย
“ฉันคงอยู่ต่ออีกไม่กี่วันหรอก พอเธอกลับอังกฤษฉันก็จะเตรียมตัวกลับเมืองจินแล้วล่ะ” เซียวเซ่อไม่อยู่แล้ว เธอจะอยู่ที่นั่นต่อก็คงไม่ได้แน่ อีกอย่างวันหยุดช่วงฤดูร้อนก็ใกล้จะหมดลงแล้ว มันถึงเวลาที่เธอจะต้องกลับเมืองจินเสียที!
“งั้นถ้าครั้งหน้าเธอมาเมืองหลวงก็มาพักที่บ้านฉันนะ หลีกเลี่ยงที่จะไปพักบ้านของปู่ของเธอจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องโมโหกับคุณย่าจอมเลอะเลือนของเธออีก!” เซียวเซ่อเอ่ยปากพูดพร้อมกัดแอบเปิ้ลไปพลาง ในคำพูดที่พ่นออกมาเจือปนไปด้วยความดูแคลนที่มีต่อคุณย่า
พวกไอคิวประเภทนี้ในละครทีวีที่ฉายไม่เคยอยู่รอดได้ถึงสามตอนเลย ซึ่งความฉลาดเพียงแค่ครั้งเดียวก็คือเธอแต่งงานกับคุณปู่ ไม่อย่างงั้นตัวเองตายอย่างไรคงไม่รู้เหมือนกัน
สามวันถัดมาเหมยเหมยออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปส่งเซียวเซ่อที่สนามบิน ความจริงแล้วอาการบาดเจ็บของเธอทุเลาจนใกล้หายแล้ว และสามารถออกจาโรงพยาบาลได้ทุกเมื่อ แต่เหมยเหมยก็เลือกที่จะอยู่โรงพยาบาลต่อไป
ถึงอย่างไรช่วงนี้ก็เป็นช่วงซบเซาของโรงพยาบาล เตียงของผู้ป่วยว่างระนาว เหมยเหมยนั้นได้จ่ายค่าห้องพักผู้ป่วยเป็นจำนวนหนึ่งเดือนเต็มให้กับฝ่ายผู้อำนวยการ มีแต่ได้กับได้อีกทั้งไม่จำเป็นต้องมีหมอหรือพยาบาลมาคอยดูแล โอกาสเพิ่มรายได้ดี ๆแบบนี้ ถ้าผู้อำนวยการไม่เห็นด้วยก็คงโง่แล้วล่ะ!
คงอยากให้เหมยเหมยพักอยู่ที่นี่นาน ๆเสียมากกว่า!
เซียวเซ่อและคุณลุงสตีฟเว่นพร้อมด้วยภรรยาได้ขึ้นเครื่องบินไปพร้อมกัน สยงมู่มู่และเจ้าเด็กอ้วนก็ได้มาส่งด้วย ทางฝั่งเซียวเซ่อมีเซียวเซียงเพียงแค่คนเดียวที่มา คุณหนูใหญ่เฝิงและเซียวจิ่งหมิงต่างก็ไม่ได้มาด้วย
เซียวเซียงนั้นมีทีท่าเศร้าสลดอยู่บ้าง แต่พอเธอได้เห็นท่าทีไร้เยื่อใยของเซียวเซ่อ ความเศร้าโศกอันน้อยนิดของเธอก็ได้คะย้อนกลับไปเสียหมด จึงพูดเพียงแค่ว่าถ้าเธอได้ไปเรียนที่อังกฤษจะแวะไปเที่ยวหาเซียวเซ่อ
เหมยเหมยกอดเซียวเซ่อไว้ด้วยน้ำตาไหลพราก พูดบ่นอุบอิบอยู่หลายประโยค บ้างก็บอกเธอว่าอย่าลืมเขียนจดหมายมาหา บ้างก็บอกเธอว่าให้ทำตัวใจกว้างขึ้นหน่อย ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามอย่าเอาแต่พูดจาเป็นขวานผ่าซากอยู่เรื่อย
“เธอต้องหัดเรียนรู้การทำร้ายคนอื่นอย่างลับ ๆเข้าใจไหม? ฉันได้ยินมาว่าคนตะวันตกเป็นคนตรง ๆ แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีเจตนาอะไร แค่รับมือกับลุงลุงของเธอก็น่าจะเพียงพอแล้ว อย่าทำให้ฮวาเซี่ยของเราต้องขายหน้าเชียวล่ะ”
เหมยเหมยบ่นพึมพำอยู่ข้างเซียวเซ่อไม่หยุด เธอเป็นห่วงยัยซื่อบื่อคนนี้ที่จะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปอยู่ต่างที่ โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง หากถูกใครรังแกเข้าจะทำยังไง?
เซียวเซ่อมองเธออย่างระอา ตัวเองโง่จะตายไปยังกล้าบอกว่าเธอโง่อีกเหรอ?
เธอคิดไปคิดมาพลางตัดสินใจว่าจะต้องตักเตือนยัยโง่นี้เสียหน่อย จึงได้เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น “เหยียบเรือสองแคมไม่เป็นไร แต่เธอไม่ควรจะใช้จ่ายด้วยเงินของเหยียนหมิงซุ่นอีก เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกครรลองคลองธรรม…”
ความรู้สึกเศร้าโศกของการจากลาที่เหมยเหมยมีได้สลายหายวับไปในพริบตาเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเซียวเซ่อ เธอกัดฟันพูดออกไปว่า “เหยียบเรือของปู่เธอสิ เซียวเซ่อเธอไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลยนะ…”
………………………………………………..
ตอนที่ 977 ฉันนั่งเครื่องบิน
เมื่อส่งแม่นางเซียวเสร็จ เหมยเหมยกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรนัก ถึงอย่างไรก็คงได้พบกันอีก หากว่าคิดถึงมาก ๆก็ยังสามารถไปหาเพื่อนที่อังกฤษได้ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
สยงมู่มู่กลับมีท่าทีแปลกไป เขาดูไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย ทำได้เพียงขังตัวเองเขียนเพลงอยู่แต่ในห้อง
พูดถึงเพลงเพลงนี้เขาใช้เวลาทั้งช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเขียนมันแต่ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ทุกวันนี้จึงได้ยินเสียงพึมพำอยู่ในห้อง
สยงมู่มู่และเจ้าเด็กอ้วนไม่ได้กลับไปอยู่ที่บ้านคุณปู่อีก ช่วงนี้เจ้าเด็กอ้วนเขียนบทความแล้วได้เงินมาจำนวนไม่น้อย เขาจึงเลือกที่จะจองห้องในเกสต์เฮาส์ไว้ ข้าวก็กินที่เกสต์เฮาส์ ทั้งสะดวกและอิสระ สบายใจเสียยิ่งกว่าพักที่บ้านคุณปู่เยอะ
ส่วนสยงมู่มู่นั้นจะพูดให้สวยหน่อยคงเรียกว่ามาอยู่เป็นเพื่อน เขาตัดสินใจเองที่จะย้ายเข้าไปอยู่ที่เกสต์เฮาส์ เข้ามาเบียดเสียดอยู่ในห้องกับเจ้าเด็กอ้วน ในความเป็นจริงทุกคนต่างทราบดีว่าสยงมู่มู่เบื่อหน่ายคุณย่า ไม่เต็มใจที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับคุณย่า
เหมยเหมยยังรู้อีกด้วยว่าสาเหตุที่เขาดูผิดปกติไปนั่นเป็นเพราะไม่มีคนให้ต่อปากต่อคำด้วย การที่เซียวเซ่อจากไป เกรงว่าคนที่เจ็บปวดที่สุดจะเป็นเจ้าหมอนี่
แค่พริบตาเดียวก็ย่างมาถึงช่วงกลางเดือนแปดแล้ว เหยียนหมิงซุ่นฝึกซ้อมอยู่ที่ฐานก็ลำบากมาได้ระยะหนึ่ง ศักยภาพทางร่างกายของเขาได้รับการพัฒนาไปในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาพักสักระยะหนึ่ง เพื่อที่จะเข้าสู่การฝึกในขั้นต่อไป
ซึ่งนั่นเป็นแผนการฝึกซ้อมที่เฮ่อเหลียนชิงออกแบบมาเพื่อตัวเขา ในตอนนั้นเขาเองก็ได้ฝึกเฮ่อเหลียนเช่อแบบนี้เช่นกัน สามารถพูดได้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อถูกสร้างขึ้นด้วยมือของเขา และในตอนนี้เขาต้องการจะสร้างเหยียนหมิงซุ่นให้เก่งกาจยิ่งกว่าเฮ่อเหยียนเช่อ
เดิมทีเหมยเหมยต้องการจะรอให้เหยียนหมิงซุ่นกลับมาจากการฝึกซ้อมแล้วค่อยกลับเมืองจินด้วยกัน แต่คุณปู่กลับโทรหาเธอเพื่อให้เข้าไปหา โดยบอกว่าจะจัดงานวันเกิดแบบง่าย ๆให้กับคุณย่า รวมตัวคนในตระกูลเพื่อทานข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
จ้าวอิงหัวก็โทรมาเพื่อกำชับเธอโดยเฉพาะ บอกกับเธอว่าอย่าไปสนใจว่าในใจรู้สึกไม่ดีขนาดไหน แต่อย่างน้อยก็ต้องไว้หน้าให้เกียรติกันบ้าง อย่าปล่อยให้คนอื่นหัวเราะเยาะได้
เหมยเหมยเข้าใจเหตุผลนี้ดี ถึงอย่างไรคุณย่าก็เป็นผู้อาวุโส หากเธอไม่ยอมไปร่วมแม้แต่งานฉลองวันเกิดของคุณย่า คนนอกอาจจะมองว่าเธอไร้มารยาท ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่มีทางปล่อยให้คนนอกจับพิรุธได้
คุณปู่ก็ไม่ได้ออกไปทานข้าวนอกบ้านแต่สั่งให้เชฟหยวนเตรียมจัดโต๊ะฉลอง สองสามีภรรยาอย่างจ้าวอิงสยงรีบกลับมา แต่คู่สามีภรรยาอย่างจ้าวอิงหย่งไม่ได้กลับ แต่สั่งให้จ้าวเสวียเอ๋อร์ซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณย่าแทน
สีหน้าของคุณย่าไม่สู้ดีนัก เธอรู้ดีว่าลูกชายคนที่สามจะต้องถูกอันหย่าฟางบงการเป็นแน่ ลูกชายไม่เชื่อฟังแม่ แต่กลับเชื่อฟังเมีย ไอ้ลูกอกตัญญูเนรคุณ
ลูกชายคนเล็กและสะใภ้ก็เหมือนกัน ใจจืดใจดำทั้งนั้น เห็นอย่างนี้แล้วดูท่าลูกรองจะดีที่สุด สะใภ้รองก็ดีไม่น้อยเพราะจำวันเกิดของเธอได้ทุกปี
เมื่อเทียบกับทั้งสองฝ่าย คุณย่าดูมีเมตตาต่อจ้าวอิงสยงและสะใภ้มาก จนสีหน้าท่าทางแลดูอ่อนโยนขึ้นมาก
เหมยเหมยไม่ได้พิถีพิถันต่อการเลือกของขวัญนัก ซื้อเพียงแค่ขนมเต้าเซียงชุนให้ไปอย่างลวก ๆก็ถือว่าจบแล้ว ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็ยังเป็นแค่เด็ก ต่อให้ไม่ซื้อของขวัญก็ยังได้
เมื่อหานซู่ฉินเห็นเหมยเหมยจึงเข้าหาเธออย่างสนิทสนม เริ่มจากบาดแผลของเธอก่อนและพูดประโยคที่แสดงความเป็นห่วงออกมาอีกนิดหน่อย แต่ไม่นานก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็วเพื่อพูดถึงหลานชายของหล่อน และบอกให้หลานชายเธอกลับเมืองจินพร้อมกันเพื่อจะได้ช่วยดูแลระหว่างทาง
เหมยเหมยกลับไม่ได้ยินดีที่จะกลับพร้อมคนนอกจึงเอ่ยปฏิเสธอย่างลำบากใจ “ป้ารองคะ ไม่ทราบว่าหลานของป้าเดินทางกลับอย่างไรเหรอคะ? ฉันตั้งใจจะนั่งเครื่องบินค่ะ”
หานซู่ฉินยิ้มเจื่อน นั่งเครื่องบิน?
ต้นปีแบบนี้ใครจะมีกินมีใช้มากพอจนต้องนั่งเครื่องบิน?
ตั๋วเครื่องบินหนึ่งใบก็เท่ากับเงินเดือนครึ่งเดือนแล้ว พี่สะใภ้ของเธอจะยอมหรือ?
“นั่งเครื่องบินจะดีอะไรล่ะ ราคาก็แพงนั่งก็ไม่สบายด้วย นั่งรถไฟไม่ดีกว่าหรือ”
หานซู่ฉินพยายามพูดเกลี้ยกล่อมเพื่อให้เหมยเหมยยอมนั่งรถไฟ เหมยเหมยได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้วแน่น แต่กลับไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรได้แต่ส่งยิ้มให้ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีทางนั่งรถไฟเด็ดขาด ต่อให้คุณจะพูดอะไรก็ช่าง!
ตอนที่ 978 ชายอื่นล้วนไม่มีความสำคัญ
หานซู่ฉินเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าในใจของเหมยเหมยนั้นคิดอะไรอยู่ จึงเลียบ ๆเคียง ๆถามอยู่หลายหน แต่กลับไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมา เธอจึงปล่อยไว้เสียแบบนั้น
เธอประสงค์จะให้หลานชายแต่งงานกับเหมยเหมย ไม่เพียงแค่ต้องการเกาะตระกูลจ้าว แต่เธอยังค้นพบว่าเหมยเหมยเป็นดั่งดาวนำโชคดวงน้อย
ตั้งแต่ที่รับเหมยเหมยกลับเข้ามา สุขภาพร่างกายของคุณปู่ก็เปลี่ยนไปแข็งแรงขึ้น อาจช่วยปกป้องดูแลผู้ชายของเธอได้อีกนับสิบกว่าปี ทั้งยังสามารถทำให้หน้าที่การงานของชายคนรักก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว เดิมทีที่คิดว่าตำแหน่งการงานก้าวหน้าจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นอีกหลายปี
แต่สิ่งที่วาดฝันไว้ ซึ่งไม่กี่วันมานี้ชายคนรักของเธอได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว
หานซู่ฉินฉลาดถึงเพียงนี้ เพียงไม่นานจึงเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น
เฮ่อเหลียนเช่อทำร้ายเหมยเหมยจนเกิดรอยฟกช้ำดำเขียวไปทั่วร่างกาย ซึ่งเรื่องราวที่เกิดแม้แต่หนิงเฉินเซวียนก็ไม่อาจพูดอะไรได้ นายใหญ่จับจุดอ่อนได้อย่างพอดิบพอดีจนทำให้หนิงเฉินเซวียนน้ำท่วมปาก
ไม่ว่าจะเป็นการขอบคุณหรือการปลอบขวัญ ถึงอย่างไรนายใหญ่ก็จำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างให้ตระกูลจ้าวเห็น ไม่ใช่แค่จ้าวอิงสยงที่ได้เลื่อนขั้น จ้าวอิงหย่งและจ้าวอิงหัวต่างก็ได้เลื่อนไปด้วย ถือเป็นความโชคดีในความโชคร้าย
งานวันเกิดของคุณย่านั้นดูจืดชืดไร้สีสัน ได้ยินแต่เสียงของหานซู่ฉินที่พูดอยู่คนเดียว คนอื่น ๆต่างทำหน้าอึดอัดพร้อมทานข้าวไปพลาง บรรยากาศไม่ครึกครื้นเหมือนอย่างที่ผ่านมา
เหมยเหมยนั้นยิ่งไม่พูดถึงตั้งแต่งานเริ่มจนงานจบ นอกเสียจากตอนที่เข้าบ้านมาก็เข้าไปอวยพรกับคุณย่าด้วยคำพูดอันเป็นมงคลแค่นั้น
คุณปู่เก็บบันทึกภาพเหตุการณ์ตรงหน้าไว้ พร้อมทั้งถอนหายใจออกมายกใหญ่ เขาเหลือบมองหญิงชราซึ่งมีสีหน้าไร้ความสุข พลางส่ายหน้าให้กับตัวเอง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรกับภรรยาของตนได้
หลังจากทานข้าวเสร็จ เหมยเหมยแสร้งทำเป็นว่าจะไปยกน้ำชามาให้คุณปู่ โดยเธอได้ลอบหยดยาน้ำลงไปในชาเป็นจำนวนสามหยด ส่วนคุณย่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอแล้วนี่!
วันถัดมาเหมยเหมยและจ้าวเสวียหลินไปเดินชอปปิ้งเพื่อหาซื้อของขวัญ โดยจะซื้อนาฬิกาให้จ้าวอิงหัวสักเรือน และซื้อสร้อยทองให้เหยียนซินหย่า และซื้อสร้อยข้อมือคริสตัลสวย ๆให้เจียงซินเหมย
เจียงซินเหมยนี่นับว่าใช้ได้ทีเดียว เพียงแต่เขาไม่ค่อยมีความคิดเห็นตรงกับเธอก็เท่านั้น ไม่เหมือนกับเซียวเซ่อที่เหมือนกันราวกับฟ้าลิขิต แต่ก็นับว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอ
เดินมาถึงห้างสรรพสินค้าได้ไม่นาน ด้านหน้าก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าเดินเข้ามา รูปร่างสันทัดแลดูสง่า ส่วนสูงปานกลาง สวมใส่แว่นตากรอบทอง ดูท่าทีมีมารยาท
จ้าวเสวียไห่ถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางเดินเข้าไปหาเขาด้วยท่าทางที่เกินจริง แสร้งทำทีเหมือนเจอกันโดยบังเอิญ “พี่ มาซื้อของที่นี่เหมือนกันเหรอ?”
ชายผู้นี้ก็คือหลานชายของหานซู่ฉิน หานจั่นเผิง [1]หานซู่ฉินต้องการเพิ่มความมั่นใจเลยนึกอยากให้หลานชายรู้จักกับเหมยเหมยไว้ก่อน ไม่แน่ว่าแม่สาวน้อยด้อยประสบการณ์ เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์แสนสง่างามของหลานชายตน อาจจะตกหลุมรักหลานชายของเธอก็เป็นได้!
เพื่อทำให้การเกี้ยวพาราสีของหลานชายราบรื่น หานซู่ฉินจึงจำยอมให้เงินสมทบไปเป็นจำนวนสามสิบเหรียญ ออกคำสั่งต่อเขาไม่ให้ปล่อยไก่เมื่ออยู่ที่ห้าง หากว่าเหมยเหมยถูกใจก็จัดการซื้อให้เธอเสียหมดนั่นเลย
ผู้หญิงมักจะชอบผู้ชายที่ใจกว้างพร้อมจ่าย ในตอนนี้ต้องยอมวางทุน ทำการใหญ่ต้องใช้เวลาซึ่งวันข้างหน้าก็จะสามารถกอบโกยกลับคืนมาได้
หานจั่นเผิงได้เห็นถึงความงดงามเฉกเช่นดอกไม้ของเหมยเหมย แววตาเปล่งประกาย เจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวช่างงดงามเสียยิ่งกว่าภาพถ่ายเป็นร้อยเท่า คุณอาก็จริง ๆ เลยทำไมถึงไม่แนะนำให้เขารู้จักเร็วกว่านี้หน่อย
รูปลักษณ์หน้าตาดีขนาดนี้ ต่อให้ชื่อเสียงแย่ไปบ้างแต่แล้วจะทำไมเล่า?
อย่างมากก็แค่แต่งเข้ามาเป็นของเล่น พอเบื่อก็แค่ออกไปหาความสนุกนอกบ้าน!
“สวัสดีครับ ผมเป็นพี่ของจ้าวเสวียไห่ ชื่อหานจั่นเผิง เธอคือจ้าวเหมยสินะ? ยินดีที่ได้รู้จัก!”
หานจั่นเผิงเผยรอยยิ้มอันสุภาพอ่อนโยน ยื่นมือขวาอันขาวนวลออกไปเพื่อหวังทำการทักทายเหมยเหมยอย่างจริงจังด้วยการจับมือ ซึ่งนี่เป็นวิธีที่เขาหยั่งเชิงดู
สาวน้อยวัยเดียวกับเหมยเหมยมักจะต้องการให้คนอื่นปฏิบัติกับเธอเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง ก่อนหน้านั้นเขาเองก็ใช้วิธีแบบนี้ในการจีบสาวมาไม่น้อย!
เหมยเหมยจ้องมองชายตรงหน้าที่คิดว่าน่าจะเป็นคนดีโดยไม่มีความรู้สึกอื่นมาแฝง ในสายตาเธอนอกจากเหยียนหมิงซุ่นแล้วชายอื่นก็ไม่มีความสำคัญ!
เพราะงั้นการกระทำของหานจั่นเผิงในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการส่งสายตาหวานเยิ้มให้คนตาบอด…ตาบอดเสียเปล่า!
………………………………………………..
[1] เป็นคน ๆเดียวกับหานป๋อหย่วน แต่นักเขียนเขียนเป็นหานจั่นเผิง
ตอนที่ 979 การพบปะศัตรูหัวใจ
เหมยเหมยไม่ได้ยื่นมือออกไป เธอไม่ชอบการถูกเนื้อต้องตัวกับชายแปลกหน้าจึงเธอส่งยิ้มบาง ๆให้หานจั่นเผิง พร้อมกับพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ซึ่งนั่นคือการทักทาย
มือของหานจั่นเผิงเคว้งอยู่กลางอากาศ จะยื่นออกไปก็ไม่ใช่จะหดกลับมาก็ไม่เชิง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆจางหายไป บรรยากาศโดยรอบดูกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
จ้าวเสวียไห่จึงรีบยื่นมือออกไปเพื่อจับมือกับผู้พี่ตนแทน และเขย่าอยู่หลายครั้งจนเกินเหตุ นั่นถือว่าเป็นการช่วยสร้างความผ่อนคลายให้หานจั่นเผิง
ความจริงเขาเองก็ไม่คุ้นชินกับท่าทีเสแสร้งของพี่นัก คิดจะจับมือกับน้องตนเนี่ยนะ ไม่ใช่การทักทายกับผู้ใหญ่เสียหน่อย
หากไม่ใช่เพราะแม่ที่กำชับไว้ เขาคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอก!
หานจั่นเผิงวางท่าพลางดึงมือกลับ เพียงชั่วพริบตารอยยิ้มก็ปรากฏดังเดิมแล้วกลับสู่ท่าทีผู้ดีมีมารยาท
แต่ความรู้สึกในใจของเขาที่มีต่อเหมยเหมยกลับปรารถนาที่อยากจะพิชิตใจเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งใจว่าจะต้องเอาชนะใจเหมยเหมยให้ได้ ทำให้เธอรักเขาเจียนตาย รักอย่างสุดหัวใจ
หานจั่นเผิงหวังที่จะคุยกับเหมเหมยอยู่หลายหน แต่เหมยเหมยกลับไม่ได้สนใจอะไรเขามากนัก ตอบกลับตามอารมณ์เพียงแค่ไม่กี่คำ เอาแต่ตั้งน่าตั้งตาเลือกของขวัญ
“เหมยเหมยซื้อของขวัญให้เพื่อนหรือ? ฉันคิดว่าขนมเต้าเซียงชุนก็ไม่เลวนะ มีความเป็นเอกลักษณ์และรสชาติก็ดีด้วย ฉันว่าเพื่อนเธอต้องชอบแน่” หานจั่นเผิงพูดเองเออเอง
เหมยเหมยเหลือบมองเขาเพียงครู่เดียว พลางกระตุกยิ้ม “พ่อของฉันไม่ชอบทานขนม คุณเรียกชื่อของฉันจะดีกว่านะคะ ฉันกับคุณไม่ได้สนิทกัน”
ถูกหานจั่นเผิงเรียกชื่อตัวเองว่าเหมยเหมยเธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรนักจึงเอ่ยปากบอกอย่างไม่เกรงใจ แม้ว่าจะเป็นหลานชายของหานซู่ฉิน แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองลำบากใจนี่นา
รอยยิ้มของหานจั่นเผิงค่อย ๆเลือนหายไป ไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไรต่อ คุณอาบอกว่าจ้าวเหมยเป็นคนอ่อนโยนจิตใจดี เข้ากันได้ง่าย แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ชีวิตของจ้าวเหมยนั้นถูกเอาใจจนกลายเป็นหญิงสาวนิสัยเสียคนหนึ่งแล้ว!
เขาก็ไม่ได้ท้อถอยพลันฉีกยิ้มกว้าง เป็นอีกครั้งที่ตั้งใจจะเสนอความคิดแต่กลับพบว่าเหมยเหมยได้เดินมายังชั้นบนสุด ในส่วนบริเวณนี้เป็นเคาน์เตอร์ขายสินค้าราคาแพงโดยเฉพาะ อาทิเช่นของจำพวกนาฬิกา สร้อยข้อมือ
หานจั่นเผิงรู้สึกใจฝ่อ พลางลูบคลำกระเป๋ากางเกงที่มีเงินจำนวนสามสิบหยวนอยู่ในนั้น พอมาอยู่ที่นี่เงินจำนวนน้อยนิดของเขายังไม่พอที่จะเอาออกมาใช้เลย!
เดิมทีตั้งใจจะซื้อของขวัญให้จ้าวอิงหัวที่ได้พบกันครั้งแรก แต่หานจั่นเผิงกลับไม่กล้าปริปากพูด กลัวว่าถึงเวลานั้นเขาจะจ่ายไม่ไหว
จ้าวอิงหัวไม่ต่างไปจากผู้ชายส่วนใหญ่ที่ชื่นชอบสะสมนาฬิกา งานวันเกิดของเขาในทุกปีเหมยเหมยจะให้นาฬิกาแบรนด์ดังกับเขาหนึ่งเรือน
วันเกิดของจ้าวอิงหัวตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วง ให้เขาตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน ช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นจังหวะที่เขาจะไปทำงานที่อเมริกา จะได้ให้เขาสวมนาฬิกาเรือนใหม่ไปด้วย
เหมยเหมยสนใจนาฬิกาโรเล็กซ์รุ่นใหม่อยู่ เธอไม่กล้าซื้อนาฬิกาแบรนด์ดังจำพวกวาเชอรอง คอนสแตนตินสักเท่าไหร่ อย่างไรเสียจ้าวอิงหัวก็เป็นแค่พนักงานราชการ ได้รับเงินเดือนที่ตายตัว หากว่าเขาสวมนาฬิกาแบรนด์ดังอย่างวาเชอรอง คอนสแตนตินพวกนี้ล่ะก็ เกรงว่าจะต้องถูกคณะกรรมการตรวจสอบวินัยเรียกสอบเป็นแน่
โรเล็กซ์นับว่าไม่เป็นปัญหา จากเงินเดือนของจ้าวอิงหัวและเหยียนซินหย่าแล้ว หากยอมกัดฟันซื้อก็นับว่าจ่ายไหว
หานจั่นเผิงแอบมองราคาของนาฬิกาเรือนที่เหมยเหมยถูกใจก็เกิดอาการเสียวสันหลังวาบ ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง นาฬิกาเรือนเดียวตั้งสองพันกว่าหยวน ตีเขาให้ตายเขาก็ไม่มีปัญญาซื้อ! จ้าวเหมยเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะขนาดนี้?
เหมยเหมยให้พนักงานขายช่วยห่อนาฬิกาให้ จากนั้นไปที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อทำการชำระเงิน แต่กลับได้รับแจ้งว่ามีคนจ่ายเงินให้แล้ว
เธอจึงหันหลังสอดสายตามองอย่างไม่รู้ตัว ทว่ากลับมองเห็นเหยียนหมิงซุ่นที่ยิ้มตาหยีส่งมาให้ และเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอยิ้มหวานดุจดอกไม้
“จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ช่วงเช้าของวันมะรืนนี้ ไว้ถึงเวลาพี่จะมารับเธอเอง” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงแผ่วเบาที่ข้างหู แต่ทว่าสายตาพลันมองเห็นหานจั่นเผิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
สายตาของชายผู้คนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดีอะไรนัก เพียงมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าคิดอะไรกับเหมยเหมยอยู่ แต่ฝันไปเถอะ!
ตอนที่ 980 ฉันไม่ได้สนิทกับคุณ
เช่นเดียวกันหานจั่นเผิงเองก็ลอบสำรวจเหยียนหมิงซุ่นอยู่ ท่าทีของเหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยที่ดูสนิทสนม อีกทั้งเขายังเป็นคนจ่ายค่านาฬิกาให้ด้วย หนำซ้ำเหมยเหมยเองก็ยอมรับเอาไว้นั่นจึงทำให้หัวใจของหานจั่นเผิงชาวาบในทันที
มากประสบการณ์ด้านความรักอย่างหานจั่นเผิงแค่มองก็รู้ เหมยเหมยและชายหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ต้องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอยู่พอควร เขาพลันนึกถึงเรื่องซุบซิบนินทาก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ จึงคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นคือคู่กรณีที่ทำให้เหมยเหมยเป็นข่าวฉาว พลันนึกดูแคลนเหมยเหมย
แต่ทว่าตัวเขาเองก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น เขาไม่คุ้นหน้าเหยียนหมิงซุ่นเลย คงไม่ใช่คุณชายตระกูลดังในเมืองหลวงแน่นอน ถึงอย่างไรคุณชายผู้มีฐานะสูงกว่าเขาล้วนไม่มีเหยียนหมิงซุ่นเป็นหนึ่งในนั้นแน่ และนั่นจึงทำให้หานจั่นเผิงเกิดความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
ฐานะสู้เขาไม่ได้ รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเลย สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเขาเองแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาหานจั่นเผิงมีความมั่นใจเต็มร้อย
อายุแลดูมากกว่าเขาด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะเหยียนหมิงซุ่นทั้งดำทั้งผอม เมื่อเทียบกับความขาวเนียนของหานจั่นเผิงแล้ว ทำให้เห็นว่าเหยียนหมิงซุ่นดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า
ซึ่งหานจั่นเผิงยังคิดอีกว่าตัวเขาเองเป็นผู้มีการศึกษาและมีคุณธรรมสูง ใช่ว่าเป็นตัวเขาที่คุยโวโอ้อวด ในเมืองหลวงมีชายหนุ่มชื่อเสียงโด่งดังมากมาย ทว่าชายผู้มีบุคลิกดีและการเรียนเด่น ในความเป็นจริงกลับมีอยู่เพียงไม่กี่คน และเขาหานจั่นเผิงถือว่าเป็นหนึ่งในผู้โดดเด่น
คนป่าเถื่อนอย่างเหยียนหมิงซุ่น เพียงมองก็รู้ได้ว่าไม่ใช่คนที่มีการศึกษาแต่อย่างใด
หนึ่งเดียวที่ทำให้เขาไม่สบายใจ นั่นคือการที่เหยียนหมิงซุ่นมีเงินมากกว่าเขา
ต้องร่ำรวยเอามากถึงจะสามารถอยู่เหนือสิ่งอื่นใดได้ นาฬิกาเรือนละสองสามพันหยวน ชั่วพริบตาก็หมดแล้ว พูดว่าซื้อก็ซื้อเลย หากแต่เงินฝากของตระกูลเขาเมื่อรวมกันแล้ว เกรงว่าจะไม่ถึงสามพันด้วยซ้ำ!
หานจั่นเผิงได้เห็นรอยยิ้มที่แสนหวานดุจดอกไม้ของเหมยเหมยจึงรู้สึกอิจฉาอยู่ไม่น้อย ที่แท้พวกผู้หญิงก็โลภมากต่อเกียรติยศศักดิ์ศรี เหมือนกับเพื่อนผู้หญิงร่วมชั้นที่เขาเคยเล่นด้วยไม่มีผิด ใครบ้างล่ะที่จะไม่ชอบคุณธรรม?
เพียงแต่เพื่อนผู้หญิงร่วมชั้นพวกนั้นไม่ได้ซื้อของราคาที่สูงถึงเพียงนี้ แค่สมุดหนึ่งเล่ม หรือไม่ก็ผ้าโพกหัวหนึ่งชิ้น…ก็สามารถจัดการได้อย่าง่ายดาย อย่างมากก็อาจจะแค่สิบหยวนหรืออาจจะสิบกว่าหยวน ซึ่งถือว่านั่นยังอยู่ภายใต้การยอมรับของเขา
หานจั่นเผิงไม่มีทางยอมแพ้ต่อเงินเพียงไม่กี่พันหยวนแน่ เหมยเหมยเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆความต้องการที่มีต่อวัตถุไม่ได้สูงมากนักและคงไม่เข้าใจหรอก!
ตราบใดที่เขาสามารถทำให้จ้าวเหมยเห็นถึงความสามารถ เขามั่นใจว่าจ้าวเหมยจะต้องใจเต้นได้แน่
สาวน้อยต่างก็ชอบผู้ชายที่หล่อเหลาเพียบพร้อมด้วยความสามารถมิใช่หรือ?
หานจั่นเผิงที่คิดได้ดังนั้น ใบหน้าจึงเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ เอ่ยปากถามขึ้นว่า “เหมยเหมย นี่คือ…”
เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น ไม่พึงพอใจที่หานจั่นเผิงนั้นถือสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของตัวเองเอามาก ๆ พึ่งเจอกันเป็นครั้งแรกคิดว่าตัวเองดีนักหรือไง?
“เมื่อกี้ฉันบอกไปแล้ว กรุณาเรียกชื่อของฉันด้วย เหมยเหมยจะต้องเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทของฉันเท่านั้นถึงจะเรียกได้” เหมยเหมยตัดบทความมั่นใจของหานจั่นเผิงทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
หานจั่นเผิงอึ้งไปชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าเหมยเหมยจะพูดออกมาตรง ๆได้ถึงเพียงนี้ ไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย ไฟโทสะในใจของเขาได้ปะทุขึ้น แต่ต้องฝืนทนเก็บมันเอาไว้ สีหน้าท่าทางไม่เปลี่ยนไปยังคงเผยให้เห็นรอยยิ้มเช่นเคย
ยัยผู้หญิงไร้ยางอายนี่ รอให้เขาได้มาอยู่ในกำมือก่อนเถอะ จะทำให้หล่อนได้เห็นถึงความร้ายกาจของเขา!
“ฉันคิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนสนิทกับเธอแล้วเสียอีก ดูเหมือนว่าฉันคงคิดไปเองเสียแล้ว”
หานจั่นเผิงประชดตัวเองพร้อมทั้งยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ สีหน้าเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดเล็กน้อย ละครประเภทนี้เมื่อก่อนเขาเคยแสดงมานักต่อนักแล้ว ทว่าทุกครั้งก็สามารถทำให้หญิงสาวที่ปฏิเสธตีตัวออกห่างไปหลายพันไมล์ยังใจอ่อนได้ พร้อมทั้งยอมรับคำเชื้อเชิญจากเขา จากนั้น…
เขาคิดว่าจ้าวเหมยก็คงไม่ใช่ข้อยกเว้น เพียงแต่…
“คุณคิดมากไปแล้วล่ะ ฉันไม่ได้สนิทกับคุณ” เหมยเหมยมองเขาด้วยความแปลกใจอยู่ชั่วครู่ และเริ่มเข้าใจถึงเจตนาของหานจั่นเผิง
รูปร่างน่าตาใช้ได้ ฐานะทางครอบครัวก็ใช้ได้ เรียนก็ดี ผู้ชายประเภทนี้เมื่ออยู่ในโรงเรียนล้วนเป็นเป้าหมายที่ทำให้พวกผู้หญิงวิ่งไล่ตามเป็นโขยงราวฝูงเป็ด แต่นั่นไม่ได้เหมารวมเธอด้วย!
……………………………………………………
ตอนที่ 981 ใช้เล่ห์เหลี่ยมลับหลัง
เหมยเหมยพูดจบก็เอาแต่พูดคุยกับเหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจหานจั่นเผิงอีก เป็นแค่เพียงญาติที่เกี่ยวดองกับตระกูลจ้าวก็เท่านั้นเอง แม้กระทั่งตระกูลจ้าวเธอก็ไม่สนใจแล้ว เป็นแค่ญาติที่เกี่ยวดองกันแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย!
ถูกชะตาก็พูดด้วยมากหน่อย ไม่ถูกชะตาแค่ทักทายก็พอแล้ว!
แล้วหานจั่นเผิงก็เป็นพวกที่เธอเห็นแล้วไม่ถูกชะตาด้วยพอดี!
เหยียนหมิงซุ่นหันไปผงกหัวให้กับหานจั่นเผิงเบา ๆ ก็แค่ตัวตลกก็เท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจมากเกินไป!
เหมยเหมยเลือกสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือคริสตัลอีก และก็เป็นเหยียนหมิงซุ่นที่จ่ายให้ทั้งหมด เหมยเหมยก็ไม่เกรงใจอะไรเขา อีกทั้งเหยียนหมิงซุ่นยังซื้อกิ๊บติดผมเพชรสวย ๆให้เหมยเหมยอีกหลายอัน แต่ละอันมีราคานับสิบกว่าหยวน ทำเอาหานจั่นเผิงถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
จ้าวเสวียหลินยังสับสนที่อยู่ ๆเหยียนหมิงซุ่นก็ปรากฏตัวขึ้นมา เห็นอยู่ชัด ๆว่าเขาไม่ปรากฏมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าแล้วนะ!
เขาหวนนึกถึงผู้ชายลึกลับในรถทหารคนนั้นอีกครั้ง แล้วก็มองไปทางเหมยเหมยด้วยความสงสัย
หรือว่าเซียวเซ่อจะพูดถูก?
น้องสาวของเขาเหยียบเรือสองแคม แถมยังใช้เรือสองลำตกปลา?
นี่เหมือนจะไม่ค่อยดีสักเท่าไรนะ?
จ้าวเสวียหลินวางแผนไว้ว่าหลังกลับไปแล้วจะพูดคุยกับเหมยเหมยหน่อย ไม่ควรทำเรื่องผิดศีลธรรมแบบนี้นะ!
เหมยเหมยอำลาหานจั่นเผิงอย่างมีมารยาทตรงหน้าประตูห้างสรรพสินค้า หานจั่นเผิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ผมส่งคุณหนูจ้าวกลับบ้านแล้วกัน พอดีตัวผมเองก็ไม่ได้ไปเยี่ยมคุณย่าจ้าวนานแล้ว”
หานจั่นเผิงยังไม่รู้ว่าเหมยเหมยไม่ได้พักอยู่ที่บ้านใหญ่ คิดว่าตัวเองหาข้ออ้างที่ดีมาก ๆออกมาได้ก็แอบนึกดีใจกับตัวเอง
เหมยเหมยยิ้มเบา ๆพูดว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณไปเยี่ยมคุณย่าด้วยตัวเองเถอะ สวัสดีค่ะ!”
พูดจบเธอก็หันหลังจากไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิด รอยยิ้มของหานจั่นเผิงเจื่อนลง จะไปบ้านใหญ่ก็ใช่เรื่องจะไม่ไปก็ไม่ได้ จ้าวเสวียไห่รีบไกล่เกลี่ย พูดว่าไปบ้านใหญ่ด้วยกันเถอะ นี่ถึงได้ทำให้ความเก้อเขินของหานจั่นเผิงเบาบางลง
เหยียนหมิงซุ่นส่งเหมยเหมยกลับโรงพยาบาลแล้วก็กลับไปหาเฮ่อเหลียนชิง ครั้งที่แล้วเฮ่อเหลียนเช่อโดนเขาตีเกือบตาย หนิงเฉินเซวียนแค้นมากจึงมาหาอยู่หลายต่อหลายครั้ง บอกว่าเป็นคนของเฮ่อเหลียนชิงส่งไปจัดการ บอกให้เฮ่อเหลียนชิงจัดการเรื่องนี้ให้เขาด้วย
แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนชิงไม่สนใจเขา เขายังดีใจจะตาย แดกดันเยาะเย้ยไป วัน ๆเอาแต่ปะทะฝีปากกับหนิงเฉินเซวียน ทั้งสองคนรวม ๆอายุกันแล้วก็ร้อยกว่าปี ยังทำตัวเหมือนกับเด็กน้อยทะเลาะกันเช่นนี้ทุกวี่วัน เขาควรจะต้องกลับไปดูสักหน่อย
หานจั่นเผิงกลับบ้านไปอย่างโมโห โทรศัพท์ฟ้องหานซู่ฉิน ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ได้พูดอะไร พูดแต่เพียงเหมยเหมยดูถูกไม่ชอบตระกูลหาน แถมยังมั่วไปทั่ว มีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับผู้ชายอีกด้วย…
ท้ายที่สุดเขาพูดว่า “เหมือนคนข้างนอกพูดกันไม่ผิด จ้าวเหมยเป็นผู้หญิงใจง่าย คุณป้า ถ้าหากไม่เห็นแก่ฐานะว่าเธอเป็นหลานสาวของตระกูลจ้าวแล้วล่ะก็ ผู้หญิงแบบนี้ แม้กระทั่งเพื่อนก็ยังไม่อยากเป็นเลยด้วยซ้ำ!”
หานซู่ฉินพูดปลอบใจหลานชายไปอยู่หลายประโยค ในใจไม่พอใจเหมยเหมยเป็นอย่างมาก ดูถูกตระกูลหานก็เหมือนกับดูถูกเธอ สงสัยจะคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงจริง ๆไปแล้วล่ะมั้ง!
หานซู่ฉินที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนหลานชาย ก็โทรศัพท์หาคุณย่า แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดถึงเรื่องของหลานชายตัวเอง ประเด็นสำคัญที่พูดก็คือเรื่องที่เหมยเหมยใช้เงินของผู้ชายตั้งหลายพัน เธอได้ฟังยังใจเต้นเกือบกระเด็นออกมา!
หานซู่ฉินไม่รู้จักเหยียนหมิงซุ่น แต่ว่าต่อให้รู้จักเธอก็ไม่มีทางพูดชื่อของเหยียนหมิงซุ่นออกมาแน่ เธอไม่มีทางลืมว่าคุณย่ารู้สึกดีต่อเหยียนหมิงซุ่นมากขนาดไหน!
ภายใต้การชี้นำของหานซู่ฉิน คุณย่าก็โมโหขึ้นมาในทันที ถ้าหากว่าเป็นยามปกติเธอคงไม่โมโหขนาดนี้ แต่ใครให้ตอนนี้เธอมีอคติต่อเหมยเหมยกันล่ะ!
ครั้งนี้คุณย่าเรียนรู้ที่จะฉลาดแล้ว ไม่ได้โทรศัพท์หาเหมยเหมยโดยตรงแต่กลับพูดกับคุณปู่ก่อน
เธอยิ่งใส่สีตีไข่ลงไปอย่างสนุกสนาน พูดแต่เพียงว่าเหมยเหมยอายุน้อยขนาดนี้ก็มั่วกับผู้ชายไปทั่ว แถมยังใช้เงินผู้ชายจ่ายสุรุ่ยสุร่ายตั้งหลายพันหยวน ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลจ้าวต้องมัวหมอง
………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น