เทพปีศาจหวนคืน 963-964

 ตอนที่ 963

 

ภูเขาอี้เทียน


แปลโดย iPAT 

ดาบแสงพุ่งผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง


 


อย่างไรก็ตามการเดินทางไปยังสระสวรรค์ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิกายบัวสวรรค์ยังต้องใช้เวลาไม่น้อย


 


“หือ?” แสงดาบสลายไปและเผยให้เห็นร่างของผีดิบอมตะโป้ชิงกับหยูมู่ฉาน


 


ร่างของโป้ชิงที่ถูกบังคับโดยโม่เหยาขมวดคิ้วก่อนจะส่งดาบแสงพุ่งออกไปรอบๆ


 


ดาบแสงตัดผ่านอากาศและเผยให้เห็นสภาพแวดล้อมที่แท้จริง แต่ในเวลาต่อมาฉากมายาก็ถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง


 


“นี่คือคฤหาสน์วิญญาณสวนลวงตาของนิกายบัวสวรรค์ มันถูกสร้างขึ้นเมื่อสามร้อยปีก่อนโดยปีศาจอตะมายา ฮวงเซี่ยว” หยูมู่ฉานอธิบาย


 


ผีดิบอมตะโป้ชิงพยักหน้าและถอนหายใจ “ทุกยุคสมัยมีอัจฉริยะกำเนิดขึ้นเสมอ ดูเหมือนอัจฉิรยะหลายคนจะถือกำเนิดขึ้นหลังจากร่างหลักของข้าจากไป”


 


หยูมู่ฉานกล่าว “ปีศาจอมตะมายาตายไปแล้ว คฤหาสน์วิญญาณอมตะของเขาถูกยึดครองโดยนิกายบัวสวรรค์ จากการตรวจสอบของพวกเรา ผู้ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ต้องมีระดับการบ่มเพาะที่สูงมาก”


 


ขณะที่เขากล่าวถึงเรื่องนี้ เจ้าวังสวรรค์ ไป่เฉินเทียน และเหลียนจิวเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นในที่สุด


 


“การหลบหนีจากโชคชะตาเป็นเรื่องผิดบาป ตอนนี้พวกเจ้ายังคิดวางแผนโจมตีนิกายภายใต้การปกครองของวังสวรรค์ นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถให้อภัย!” เจ้าวังตะโกนเสียงดังออกมาทันที


 


“พูดมาก!” ผีดิบอมตะโป้ชิงสะบัดแขนเสื้อส่งดาบแสงออกไปอย่างรวดเร็ว


 


เจ้าวัง ไป่เฉินเทียน และเหลียนจิวเฉินคำรามพร้อมกับกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของพวกเขา


 


ดาบแสงทำลายท่าไม้ตายของพวกเขาแต่มันก็อ่อนแรงลงเล็กน้อยก่อนจะบรรลุถึงตัวผู้อมตะทั้งสาม


 


พวกเขาหายตัวไปและสามารถหลบหนีจากดาบแสง


 


“ขี้ขลาด!” ผีดิบอมตะโป้ชิงเย้ยหยัย


 


ในความเป็นจริงผู้อมตะทั้งสามจากวังสวรรค์คือผู้ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะสวนลวงตา พวกเขาต้องการใช้สิ่งนี้จับกุมโป้ชิงกับหยูมู่ฉาน


 


…..


 


หลายวันผ่านไป


 


ภาคใต้ บนภูเขาไร้นามแห่งหนึ่ง


 


“ตูม ตูม ตูม!”


 


เสียงระเบิดดังขึ้นสามครั้ง เซียวเมิ้งถูกส่งลอยกลับหลังพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากปาก


 


“บึม!”


 


เขาไม่ได้ล้มลงบนพื้นแต่ปะทะกับกลุ่มผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพที่น่าอเนจอนาถ


 


พ่ายแพ้อย่างยับเยิน!


 


ใบหน้าของเซียวเมิ้งซีดขาวราวกระดาษ เขาเบิกตาโตมองไปยังเซียวซานด้วยความโกรธและเกลียดชัง


 


ด้านหลังเซียวซานมีผู้ใช้วิญญาณปีศาจสองคนยืนอยู่ ทั้งสองต่างเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า คนหนึ่งอ้วนสูง อีกคนผอมเตี้ย


 


หลายวันก่อนเซียวซานเดินเข้าไปในถ้ำซึ่งเป็นเขตหวงห้ามของตระกูลเซียว เซียวเมิ้งจึงต้องการใช้โอกาสนี้ยึดอำนาจและสังหารเซียวซาน


 


เซียวซานวิ่งหนีขณะที่เซียวเมิ้งและกลุ่มผู้อาวุโสไล่ล่า


 


การไล่ล่าครั้งนี้นำพวกเขามาถึงภูเขาไร้นามแห่งหนึ่ง เซียวซานตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง ขณะที่เขากำลังจะถูกสังหารโดยเซียวเมิ้ง ผู้ใช้วิญญาณปีศาจทั้งสองกลับบินลงมาช่วยเขาเอาไว้


 


เซียวเมิ้งผลักกลุ่มผู้อาวุโสออกไปและลุกขึ้นยืนตะโกน “เซียวซาน เจ้าคนชั่ว เจ้าเป็นผู้นำตระกูลฝ่ายธรรมะแต่กลับร่วมมือกับฝ่ายปีศาจ!”


 


เซียวซานหัวเราะเสียงดังและส่ายศีรษะ “เซียวเมิ้ง ข้ามองเจ้าผิดไป เพียงเพื่ออำนาจ เจ้าสามารถสังหารข้าได้จริงๆ จิตใจของเจ้าช่างชั่วช้านัก น่าขันที่ข้าดีต่อเจ้ามาตลอด เจ้าเป็นญาติสนิทคนเดียวบนโลกใบนี้ของข้า แต่เจ้ายังกล้าบิดเบือนความจริงและทำร้ายข้า อย่างไรก็ตามข้าเชื่อว่าทุกคนจะสามารถแยกแยะความจริงได้อย่างง่ายดาย”


 


“ท่านเซียวเมิ้ง ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป พวกเราต้องถอย!”


 


“ถูกต้อง พวกเรายังมีเวลา”


 


“เซียวซานได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าอีกสองคนยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด”


 


กลุ่มผู้อาวุโสพยายามเกลี้ยกล่อมเซียวเมิ้งอย่างแผ่วเบา


 


“พรวด!” เซียวเมิ้งกระอักเลือดออกมาและกล่าวด้วยความรังเกียจ “พวกเขาไม่ต่างจากสุนัขจรจัด แม้ระดับการบ่มเพาะจะสูงแต่พวกเขามีวิญญาณไม่มากนัก พวกเจ้าจะกลัวสิ่งใด?”


 


แม้เขาจะกล่าวออกมาเช่นนี้แต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถสังหารเซียวซานได้ในวันนี้


 


เขาครุ่นคิด ‘ตอนนี้ข้าถือไพ่เหนือกว่า ข้ามีหลักฐานเพื่อเอ่ยอ้างความชอบธรรม หลังจากกลับภูเขาแสง ข้าจะสามารถรับสืบทอดตำแหน่งผู้นำ เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะออกประกาศจับเซียวซาน ตอนนี้เขาไม่มีตระกูลหนุนหลัง เขาทำได้เพียงหลบหนี ความแข็งแกร่งของเขาจะลดลงเรื่อยๆ มันจะฉลาดกว่าหากข้ารอเวลาที่เหมาะสมและฆ่าเขา!’


 


ด้วยความคิดนี้ เซียวเมิ้งจึงไม่ดื้อรั้นอยู่ต่อ


 


“เซียวซาน เจ้าทรยศต่อฝ่ายธรรมะ เจ้าต้องตายอย่างสุนัข ตอนนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่ข้าจะมารับมันในอนาคตอย่างแน่นอน!”


 


หลังกล่าวจบคำ เซียวเมิ้งและกลุ่มผู้อาวุโสเร่งล่าถอยอย่างระมัดระวัง


 


เขาได้รับบาดเจ็บแต่เขายังมีพลังเหลืออยู่


 


ผู้ใช้วิญญาณปีศาจทั้งสองมีวิญญาณในการครอบครองไม่มากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าไล่ล่าโดยประมาท


 


“พี่เซียว เราพบกันอีกครั้ง” เห็นกลุ่มของเซียวเมิ้งจากไป ผู้ใช้วิญญาณปีศาจอ้วนสูงชื่อ ซันเพิ่งหู จึงเปิดปากกล่าวด้วยหยดน้ำในดวงตา


 


ผู้ใช้วิญญาณปีศาจผอมเตี้ยชื่อ จ้าวซิงซิง พยุงร่างเซียวซานและกระตุ้นใช้วิญญาณสายรักษา “อย่าพึ่งกล่าวถึงอดีต รักษาอาการบาดเจ็บของพี่เซียวก่อน”


 


อาการบาดเจ็บของเซียวซานได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วโดยผู้ใช้วิญญาณปีศาจทั้งสอง


 


เซียวซานถอนหายใจ “โชคดีที่พวกเจ้าอยู่ที่นี่ มิฉะนั้นข้าคงตายไปแล้ว แต่น้องชายของข้าช่างโหดเหี้ยมนัก เขาจะไล่ล่าข้าอีกและจะไม่หยุดจนกว่าข้าจะตาย ข้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บเหล่านี้ด้วยตนเอง พวกเจ้าไปเถอะ ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้ามีส่วนร่วม”


 


“ท่านกำลังกล่าวสิ่งใด? ครั้งนั้นหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากท่าน ข้าคงตายไปแล้ว ชีวิตของข้าเป็นท่าน!”


 


“ถูกต้อง ในอดีตข้าเคยสังหารศัตรูเพื่อแก้แค้นแต่ถูกจับโดยคนตระกูลเซียว เมื่อท่านได้ยินเรื่องราวของข้า ท่านกลับปล่อยข้าไป ความเมตตานี้ยังอยู่ในใจของข้าเสมอ”


 


ซันเพิ่งหูกับจ้าวซิงซิงกล่าวด้วยความจริงใจ


 


“เราทั้งคู่จะไม่ทอดทิ้งท่าน!”


 


“หากเซียวเมิ้งต้องการต่อสู้ เราก็จะสู้จนถึงที่สุด!”


 


ทั้งสองแสดงทัศนคติที่แน่วแน่


 


เซียวซานรู้สึกซาบซึ้งใจทนแทบไม่สามารถกลั้นน้ำตา “เห้อ…หลายปีผ่านไป ข้าเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน ผู้ใดกล่าวว่าฝ่ายปีศาจเป็นคนชั่วไร้ปรานี? ในความเป็นจริงคนหน้าซื่อใจคดที่แสร้งแสดงความเมตตาอันจอมปลอมกลับมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในฝ่ายธรรมะ”


 


“พี่เซียวกล่าวถูกต้องแล้ว! พวกเราฝ่ายปีศาจมีธรรมชาติที่ตรงไปตรงมาขณะที่ฝ่ายธรรมะมักใช้ข้ออ้างเพื่อกำจัดพวกเรา หากฝ่ายธรรมะไม่ต้อนรับท่าน พวกเราจะรวมกลุ่มและเดินทางไปทั่วโลก!” ซันเพิ่งหูกล่าวอย่างหนักแน่น


 


เซียวซานเงียบ


 


เขายังมีความคิดและอุดมการณ์ของฝ่ายธรรมะฝังอยู่ในใจ เขาไม่ต้องการเข้าสู่เส้นทางสายปีศาจ


 


เขารู้ว่ามีวิญญาณอมตะดวงหนึ่งอยู่ในร่าง เขายังต้องการกลับตระกูลเซียว


 


เห็นการแสดงออกของเซียวซาน จ้าวซิงซิงจึงเปิดปากกล่าว “พี่ใหญ่ ท่านอาจไม่เข้าใจ เมื่อผู้คนได้ยินว่าท่านถูกขับออกจากตระกูล ญาติของท่านจะไล่ล่าท่าน มีเพียงคนที่ดีต่อท่านด้วยหัวใจที่แท้จริงจึงจะอยู่เคียงข้าท่าน หลายปีที่ผ่านมาท่านช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย โดยไม่คำนึงถึงฝ่ายธรรมะหรือปีศาจ ทุกคนยินดีที่จะต่อสู้เพื่อท่าน!”


 


เซียวซานขมวดคิ้วแต่ยังไม่ตอบสนอง


 


ในจังหวะนี้เสียงสายหนึ่งดังขึ้นในใจของเซียวซานอีกครั้ง “โง่เง่า! เหตุใดต้องสนว่าฝ่ายธรรมะหรือปีศาจ? เมื่อเจ้าได้รับมรดกอมตะของข้า เจ้าก็มีคุณสมบัติที่จะสร้างตระกูลเซียวขึ้นมาใหม่และนำตระกูลสู่ความรุ่งโรจน์ด้วยตัวของเจ้าเอง! เอาล่ะ ข้าจะมอบภารกิจให้เจ้า ฟังให้ดี…”


 


เซียวซานรู้สึกตื่นเต้นและตั้งใจฟัง


 


เสียงในใจบอกว่าหากเขาผ่านการทดสอบนี้เขาจะได้รับมรดกอมตะที่แท้จริงและสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ


 


‘รวบรวมผู้ใช้วิญญาณบนภูเขาลูกนี้และสร้างหมู่บ้านที่มีป้อมปราการเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่บุกรุก ตราบเท่าที่สามารถรักษาที่มั่นได้เป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน ข้าจะได้รับมรดกอมตะและกลายเป็นผู้อมตะ!’


 


เซียวซานกำหมัดแน่นขณะที่ดวงตาส่องประกายด้วยความคาดหวัง


 


“ดี มาพยายามด้วยกัน! คนที่เรียกตนเองว่าฝ่ายธรรมะคอยดูให้ดี!” เซียวซานกล่าวอย่างกล้าหาญ


 


ซันเพิ่งหูและจ้าวซิงซิงดีใจมาก


 


หลังจากพูดคุยกินดื่มกันสักพัก พวกเขาก็เริ่มเกิดความรู้สึกใกล้ชิด


 


เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เซียวซานจึงแนะนำให้พวกเขาสาบานเป็นพี่น้อง


 


ซันเพิ่งหูและจ้าวซิงซิงอุทานว่านี่เป็นความคิดที่วิเศษมาก


 


พวกเขาหยดเลือดลงในชามและใช้วิญญาณสาบานเป็นพี่น้อง


 


หลังจากคนทั้งสามกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ใบหน้าของเซียวซานจึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา


 


เขายืนเผชิญหน้ากับลมภูเขาและถอนหายใจ “เซียวซานฝ่ายธรรมะตายไปแล้วเมื่อวานนี้ คนที่ยืนอยู่ที่นี่คือเซียวซานฝ่ายปีศาจ ที่นี่คือสถานที่แห่งโชคชะตา มันคือลิขิตสวรรค์ ข้าจะสร้างหมู่บ้านใหม่บนภูเขาลูกนี้ เราจะต้อนรับผู้ใช้วิญญาณปีศาจและทำงานร่วมกันเพื่อต่อต้านฝ่ายธรรมะ!”


 


ใบหน้าของซันเพิ่งหูกลายเป็นแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น “พี่ใหญ่ ท่านเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่และมีคุณธรรมสูง นี่เป็นการกระทำที่ยอดเยี่ยมนัก!”


 


จ้าวซิงซิงกล่าวด้วยใบหน้าไร้ปรานี “ข้าถูกฝ่ายธรรมะไล่ล่าไปทุกหนทุกแห่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าต้องใช้ชีวิตอยู่กับการหลบหนี นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ พี่ใหญ่ ข้าจะสนับสนุนท่านอย่างสุดความสามารถ!”


 


“พี่น้องที่ดี!” เซียวซานโอบไหล่คนทั้งสอง “ฝ่ายปีศาจเต็มไปด้วยความหวาดระแวง หากเราจะทำสิ่งนี้ เราต้องลดละอคติให้มากที่สุดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความภักดี พวกเราสามพี่น้องจะสร้างหมู่บ้านที่มีชื่อว่าหมู่บ้านอี้เทียน! ภูเขาลูกนี้จะมีชื่อว่าภูเขาอี้เทียน!”


 


ฟางหยวนถอนหายใจเมื่อสังเกตเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น


 


ภูเขาไร้นามที่ซ่อนคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลและผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดก็คือภูเขาอี้เทียน!


 


ในความเป็นจริงฟางหยวนจำได้ตั้งแต่เห็นมันครั้งแรก


 


มันเป็นเพียงแค่เขาไม่คิดว่าเหตุผลที่แท้จริงของการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนจะเป็นเช่นนี้


 


‘ตอนนั้นสถานะของข้ายังต่ำเกินไป วิสัยทัศน์ของข้าถูกจำกัด มีรายละเอียดมากมายที่ซ่อนอยู่ในประวัติศาสตร์ แต่ผู้ใดได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลในชีวิตก่อนหน้าของข้า?’


 


ฟางหยวนเต็มไปด้วยความสงสัยและความปรารถนา


 


แต่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะแข่งขันกับผู้อมตะคนอื่นๆในการปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะ


 


แน่นอนว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จ


 


การต่อสู้ที่แท้จริงบนภูเขาอี้เทียนคือการต่อสู้ระหว่างเจตจำนงเพื่อปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะ การต่อสู้เป็นหมู่คณะจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ส่วนตัว คนที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายจะได้ครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล


 


อย่างไรก็ตามเขตต้องข้ามของผู้อมตะขยายออกไปเป็นรัศมีหลายหมื่นลี้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นสิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำก็คือเลือกมนุษย์เพื่อเป็นตัวแทน


 


มันจะกลายเป็นสนามรบของผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์


 


ร่างกายของมนุษย์เหล่านั้นจะถูกดัดแปลงโดยวิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญา


 


กล่าวโดยสรุป ผู้อมตะจะเลือกมนุษย์บางคนและเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นเครื่องมือที่ใช้ปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล


 


เซียวซานเป็นบุคคลที่ผู้อมตะตระกูลเซียวเลือก


 


ในร่างกายของเขาไม่เพียงมีวิญญาณอมตะฝังอยู่แต่ยังมีกระทั่งพลังงานอมตะและเจตจำนงจำนวนมากของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเซียว


 


เนื่องจากเซียวซานเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ ดังนั้นเขาจึงไม่ตระหนักถึงความจริงเหล่านี้


 


นอกจากเซียวซาน เซียวเมิ้งก็เป็นตัวหมากของผู้อมตะตระกูลเซียวเช่นกัน มิฉะนั้นพวกเขาจะไล่ล่ากันมาจนถึงภูเขาอี้เทียนโดยบังเอิญได้อย่างไร


 


กระทั่งผู้ใช้วิญญาณระดับห้าที่เป็นตัวตนบนจุดสูงสุดของโลกผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ก็ยังถูกขังอยู่ในความมืดและถูกชักใยโดยผู้อมตะบางคนโดยไม่รู้ตัว


 

 

 


ตอนที่ 964

 

 กั่วหลาวยืมเงิน


แปลโดย iPAT 


 


หลังจากก่อตั้งหมู่บ้านบนภูเขาอี้เทียน เซียวซานเชิญผู้ใช้วิญญาณปีศาจจากทุกทิศทางให้เข้าร่วม


 


เขามีชื่อเสียงในเรื่องคุณธรรม ดังนั้นเขาจึงได้รับความนิยมจากผู้คนทั้งฝ่ายธรรมะและปีศาจ


 


เซียวซานมีธรรมชาติที่ตรงไปตรงมา เขาสามารถแยกแยะความเมตตาและความเกลียดชังออกจากกันอย่างชัดเจน นี่ทำให้เขาสามารถสร้างสายสัมพันธ์และความภักดี


 


อีกด้านหนึ่ง ตระกูลเซียวเริ่มอ่อนแอลง พวกเขาถูกกดดันโดยตระกูลวูและกองกำลังอื่นๆ กระทั่งผู้ใช้วิญญาณปีศาจ พวกเขาก็ไม่สามารถปราบปราม โดยเฉพาะผู้ใช้วิญญาณปีศาจระดับสี่และห้า


 


ผู้ใช้วิญญาณปีศาจไม่เหมือนผู้ใช้วิญญาณฝ่ายธรรมะ หากถูกกดดันมากเกินไป พวกเขาสามารถทำลายทุกสิ่งอย่างไร้ปรานี


 


ตระกูลเซียวมีธุรกิจขบวนสินค้าเช่นกัน หลายปีที่ผ่านมา เซียวซานมักจะปล่อยผ่านผู้ใช้วิญญาณปีศาจและกระทั่งให้ความช่วยเหลือพวกเขาเป็นครั้งคราว แม้เขาจะเป็นผู้นำกองกำลังฝ่ายธรรมะ แต่เขาก็ได้รับการยกย่องและนับถือจากผู้ใช้วิญญาณปีศาจหลายคน


 


ทั้งหมดทำให้เซียวซานมีกองกำลังที่แข็งแกร่งสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง


 


เมื่อข่าวการก่อตั้งหมู่บ้านอี้เทียนกระจายออกไป ผู้คนมากมายจึงมารวมตัวกัน


 


แน่นอนว่ามีตัวหมากเบี้ยของผู้อมตะแฝงตัวอยู่


 


ในเวลาเพียงหกถึงเจ็ดวัน หมู่บ้านอี้เทียนก็มีสมาชิกมากกว่าสามสิบคน ความเร็วดังกล่าวกระทั่งเซียวซานยังรู้สึกตกใจ


 


เมื่อผู้คนมารวมตัวกัน มันจึงกลายเป็นองค์กร


 


องค์กรใดๆก็ตามล้วนต้องมีตำแหน่งและสถานะ


 


ในโลกของผู้ใช้วิญญาณ ผู้แข็งแกร่งจะได้รับความเคารพ


 


ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้ ไม่เพียงเซียวซานจะแข็งแกร่งที่สุดแต่เขายังมีชื่อเสียงที่ดี ดังนั้นเขาจึงได้รับเลือกเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน


 


พี่น้องร่วมสาบานของเขา ซันเพิ่งหูและจ้าวซิงซิงได้รับตำแหน่งรองลงมาตามลำดับเพราะพวกเขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสมาชิกทั้งหมด


 


สำหรับคนอื่นๆ ส่วนใหญ่พวกเขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองและสาม มีผู้ใช้วิญญาณระดับสี่อยู่ไม่กี่คน สถานะของพวกเขาถูกจัดเรียงตามระดับการบ่มเพาะและความแข็งแกร่ง


 


ในถ้ำบนภูเขา ฟางหยวนนั่งดื่มสุราอยู่กับผู้อมตะคนหนึ่ง


 


ชายผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกที่มีศีรษะขนาดใหญ่และค่อนข้างแก่ชรา เขาชื่อกั่วหลาว


 


“พี่เจิ้งอิง ลองดื่มสุราผลไม้ของข้าดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” กั่วหลาวกระตุ้นให้ฟางหยวนดื่ม


 


ฟางหยวนเข้าใจเจตนาของกั่วหลาว ดังนั้นเขาจึงยกจอกสุราขึ้นดื่มและพยักหน้า “ไม่เลว ไม่เลว”


 


แม้เขาจะกล่าวว่า “ไม่เลว” แต่การแสดงออกของเขาชัดเจนว่าไม่เต็มใจกล่าว


 


กั่วหลาวหัวเราะเบาๆก่อนจะชี้ไปข้างนอก “ข้าสงสัยว่าพี่เจิ้งอิงคิดเห็นเช่นไรกับการแข่งขันครั้งนี้”


 


ฟางหยวนตอบอย่างใจเย็น “ยังไม่ต้องคิดว่าสนามรบแห่งความโกลาหลจะเป็นของผู้ใด แต่ทุกคนร่วมทำข้อตกลง ดังนั้นมันย่อมไม่มีปัญหา”


 


ในอดีตฝ่ายธรรมะมักเหนือกว่าฝ่ายปีศาจเสมอไม่ว่าจะเป็นโลกของมนุษย์หรือโลกของผู้อมตะ


 


แต่ตอนนี้เป็นข้อยกเว้น


 


การปรากฏขึ้นของคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลทำให้โลกของผู้อมตะสั่นสะเทือน ปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษปรากฏตัวขึ้นอย่างพร้อมเพรียง พวกเขากลายเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ที่ทำให้ฝ่ายธรรมะต้องประนีประนอมและสร้างข้อตกลงเพื่อทำการแข่งขันที่เท่าเทียม


 


วิธีการแข่งขันก็คือใช้มนุษย์เป็นตัวแทนเพื่อเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนและปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะ


 


แต่ในการแข่งขันนี้ยังมีเงื่อนไขบางอย่าง


 


ผู้อมตะทุกคนที่ต้องการเข้าสู่การแข่งขันต้องวางสิ่งเดิมพัน ยิ่งวางเดิมพันมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งสามารถส่งผู้ใช้วิญญาณมนุษย์เข้าสู่สนามประลองได้มากเท่านั้น


 


สุดท้ายเมื่อการแข่งขันสิ้นสุด ของเดิมพันจะถูกแบ่งปัน


 


ผู้อมตะแต่ละคนจะได้รับส่วนแบ่งตามการจัดลำดับ ยิ่งปรับแต่งวิญญาณได้มากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งได้รับส่วนแบ่งมากเท่านั้น


 


ผู้ที่สามารถปรับแต่งได้มากกว่าห้าสิบส่วนจะเป็นผู้ชนะและสามารถครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะ


 


สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาจะได้รับกำไรจากของเดิมพันมากน้อยตามความสามารถ


 


นี่ถือเป็นข้อตกลงที่ดีมาก


 


เพราะมันทำให้ผู้อมตะทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรือปีศาจ มิตรหรือศัตรู ต่างต้องทุ่มเทความพยายามและทำงานร่วมกันโดยไม่รู้ตัว


 


ผู้ใดที่พยายามใช้ลูกไม้สกปรกจะถูกยึดของเดิมพันและไม่ได้รับสิ่งใดเลย


 


ผู้อมตะที่มาภายหลังสามารถเข้าร่วมได้แต่ต้องวางของเดิมพันเช่นกัน


 


นอกจากนั้นเมื่อการแข่งขันดำเนินไปแล้ว หากผู้อมตะต้องการวางของเดิมพันเพิ่มก็สามารถทำได้


 


กั่วหลาวที่อยู่ตรงหน้าฟางหยวนเป็นคนหนึ่งที่ต้องการวางของเดิมพันเพิ่ม


 


แต่เขายังขาดเงินทุน


 


หลายวันมานี้เขาขอยืมเงินจากหลายคนและวันนี้เขาก็มายืมเงินฟางหยวน


 


ฟางหยวนมองผ่านกั่วหลาวอย่างไม่แยแส กั่วหลาวไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกล่าวถึงเรื่องการแข่งขัน


 


ฟางหยวนกล่าวโดยไม่ได้คิดมากแต่กั่วหลาวยังยกนิ้วชื่นชม “พี่เจิ้งอิงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว การแข่งขันนี้ไม่สามารถทำลายได้ หากผู้ใดทำลายมัน พวกเขาจะกลายเป็นศัตรูของผู้อมตะทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงต้องหาเงินทุนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันอย่างซื่อสัตย์”


 


“ตอนนี้การแข่งขันพึ่งเริ่มต้น แต่ผู้อมตะตระกูลเซียวก็นำเซียวซานตัวหมากเบี้ยของเขามาแล้ว นั่นทำให้เขากลายเป็นคนแรกที่สามารถปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ตราบเท่าที่เซียวซานยังไม่ตาย ผู้อมตะตระกูลเซียวก็ยังสามารถปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้อย่างต่อเนื่อง”


 


ฟางหยวนมองกั่วหลาวและกล่าว “เซียวซานเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าและเป็นคนแรกที่มาถึง เป็นธรรมดาที่ผู้อมตะตระกูลเซียวจะได้เปรียบ แต่เขาก็ต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ของเดิมพันของเขากลับเป็นสิ่งที่ผู้อมตะระดับแปดยังไม่สามารถเปรียบเทียบ”


 


กั่วหลาวพยักหน้าซ้ำๆและแสยะยิ้มที่เผยให้เห็นฟันสีเหลือง “ถูกต้อง ยิ่งเราวางตัวหมากเบี้ยไว้บนภูเขาอี้เทียนได้เร็วเท่าใด เราก็จะได้รับประโยชน์เท่านั้น แน่นอนว่าตัวหมากเบี้ยเหล่านี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ มิฉะนั้นพวกเขาจะตายอย่างรวดเร็วและทำให้เราพบกับความสูญเสีย พี่เจิ้งอิง ข้าจะไม่ปิดบังจากท่าน ข้าปวดใจมากที่ไม่สามารถวางเดิมพันด้วยตนเอง ข้ายากจนเกินไป ไม่ทราบว่าพี่เจิ้งอิงจะให้ข้ายืมทรัพยากรอมตะสักเล็กน้อยได้หรือไม่? หลังจากเรื่องนี้จบลง ข้าจะคืนให้เป็นสองเท่า!”


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้ม “แน่นอน”


 


กั่วหลาวเต็มไปด้วยความสุขและกำลังจะกล่าวขอบคุณแต่ฟางหยวนกลับขัดจังหวะ “แต่เราต้องทำข้อตกลง”


 


“นี่เป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งจำเป็น!” กั่วหลาวเร่งพยักหน้า


 


ฟางหยวนกล่าวต่อ “นอกจากนั้นเจ้าต้องนำวิญญาณอมตะมาเป็นหลักประกัน”


 


การแสดงออกของกั่วหลาวเปลี่ยนทันที “พี่เจิ้งอิง นี่เป็นเรื่องตลกหรือไม่? หากข้ามีวิญญาณอมตะ เหตุใดข้าต้องมาที่นี่?”


 


ใบหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา “กั่วหลาว เจ้าไม่มีวิญญาณอมตะแม้แต่ดวงเดียวแต่กลับต้องการยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะงั้นหรือ? เจ้ากำลังฝันไปหรือไม่?”


 


“เจิ้งอิง! เจ้า!” กั่วหลาวโกรธมากแต่ในจังหวะนี้เขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะจากร่างของฟางหยวน


 


‘เขามีวิญญาณอมตะจริงๆ!’ หัวใจของกั่วหลาวจมดิ่งลง


 


สิ่งนี้เกินความคาดหมายของกั่วหลาว โดยปกติคนที่สามารถครอบครองวิญญาณอมตะมักจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง


 


แต่ฟางหยวนที่ไร้ชื่อเสียงกลับมีวิญญาณอมตะในการครอบครองและนี่ทำให้กั่วหลาวรู้สึกหวาดกลัวอย่างช่วยไม่ได้


 


ด้วยวิญญาณอมตะ พลังการต่อสู้ของผู้อมตะจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เจิ้งอิงที่มีวิญญาณอมตะไม่ใช่คนที่กั่วหลาวจะสามารถจัดการได้


 


กั่วหลาวไม่ได้ปลดปล่อยความโกรธออกมา เขาป้องหมัดและฝืนยิ้ม “ข้าล่วงเกินแล้ว พี่เจิ้งอิง โปรดอย่างถือสาต่อความหยาบคายของข้า”


 


ฟางหยวนก่นเสียงเย็น “เจ้าออกไปได้แล้ว”


 


“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ลาก่อน” กั่วหลาวฝืนยิ้มและก้าวถอยหลังสองสามก้าวก่อนจะจากไปโดยไม่กล้าอ้อยอิ่ง


 


เมื่อกั่วหลาวออกจากถ้ำ ใบหน้าของเขาจึงถูกแทนที่ด้วยความโกรธและความอับอาย


 


เขาคำรามในใจ ‘ฮืม การมีวิญญาณอมตะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมนัก! ข้าจะจำความอัปยศครั้งนี้เอาไว้ วันหนึ่งหากข้าสามารถครอบครองวิญญาณอมตะ ข้าจะมาส่งคืนความอัปยศให้กับเจ้า!’


 


ภายในถ้ำ ฟางหยวนกำลังคิด


 


เรื่องของกั่วหลาวทำให้เขาตระหนักถึงการเคลื่อนไหวของผู้อมตะระดับล่างที่มีอยู่มากมาย


 


คนเหล่านี้ไม่มีวิญญาณอมตะ ดังนั้นพวกเขาจึงกระหายที่จะมีส่วนร่วมในการแข่งขัน พวกเขารู้ดีว่าความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่สามารถได้มาโดยง่าย แต่ผู้ใดจะไม่ต้องการความก้าวหน้าและร่ำรวยภายในชั่วข้ามคืน


 


การแข่งขันครั้งนี้ตอบสนองต่อความทะเยอทะยานของพวกเขาเป็นอย่างมาก


 


ในสถานการณ์ปกติ ผู้อมตะระดับล่างจะไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับสูง


 


แต่ครั้งนี้มันไม่เกี่ยวกับพลังการต่อสู้ นี่ทำให้ผู้อมตะระดับล่างรู้สึกมีความหวัง


 


บุคคลเช่นกั่วหลาวมีอยู่ไม่น้อย


 


ฟางหยวนคิดต่อไปถึงผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเซียว


 


ตามข่าวลือเขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ เขาแทบไม่สามารถก้าวผ่านภัยพิบัติครั้งล่าสุด ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ฟื้นคืน ในภัยพิบัติครั้งต่อไป เขาจะตายอย่างแน่นอน


 


อย่างไรก็ตามการแข่งขันครั้งนี้ทำให้เขามีความหวัง


 


หากเขาได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาจะสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ


 


ดังนั้นเขาจึงวางเดิมพันด้วยทุกสิ่งและทำให้เขาสามารถเลือกตัวหมากเบี้ยได้สองตัว


 


นอกจากนี้ตัวหมากทั้งสองของเขายังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า เซียวซานเข้าสู่สนามประลองเรียบร้อยแล้ว สำหรับเซียวเมิ้ง เขาจะเข้าสู่สนามประลองในอนาคต


 


นี่ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเซียวมีข้อได้เปรียบอย่างมาก


 


‘ครั้งนี้ข้าจงใจปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะออกมาเพื่อให้ผู้อมตะคนอื่นๆระวังตัวและไม่คิดว่าข้าอ่อนแอ’


 


‘ข้าต้องเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้อย่างถูกต้อง นอกจากผลประโยชน์ ข้ายังจะได้เรียนรู้โครงสร้างโลกของผู้อมตะภาคใต้อย่างใกล้ชิด’


 


‘สำหรับตัวหมากที่ข้าจะใช้ บางทีข้าอาจสามารถลงสนามด้วยตนเอง…’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)