ลำนำบุปผาพิษ 963-966

 บทที่ 963 ทับจนข้าปวดอกแล้ว


“เจ้าเป็นใคร?!” คนยักษ์เกราะทองทั้งตะลึงทั้งเกรี้ยวโกรธ น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาถูกจับจุดต่อต้านได้ ภายใต้แรงโทสะจึงคิดจะโต้กลับอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด นึกไม่ถึงว่าเพิ่งจะขยับมือเล็กน้อย ข้อมือของเขาก็ถูกบางสิ่งบิดหมุน…


ด้วยเหตุนี้ง้าวจันทร์เสี้ยวของเขาจึงหลุดมือไป…


คนยักษ์เกราะทองพูดอะไรไม่ออกแล้ว


เขาหันกลับไป มองเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนเฉียงๆ อยู่บนศีรษะสัตว์พาหนะของเขา เด็กหนุ่มคนนี้สวมอาภรณ์สีฟ้าวารี รูปโฉมล้ำเลิศเป็นเอก เรือนกายสูงโปร่งดั่งลำไผ่ ถือง้าวจันทร์เสี้ยวเล่มนั้นของเขาไว้ในมือ ยิ้มอย่างไร้พิษภัย “ชายร่างใหญ่ อารมณ์เสียบ่อยๆ ไม่ดีกระมัง?”


ปลายนิ้วเขาดีดง้าวจันทร์เสี้ยวเล่มนั้นคราหนึ่ง “ท่านจะใช้อาวุธนี้ทำร้ายเด็กน้อยงั้นหรือ?”


นิ้วมือเขาขาวสล้างดั่งหยก ราวกับบีบเบาๆ ก็หักได้ กลับนึกไม่ถึงว่าการดีดเบาๆ เช่นนี้ของเขา จะทำให้ง้าวจันทร์เสี้ยวเหล็กไหลที่หนาเท่าถ้วยชาโค้งงอราวกับจะหักลงได้


คนยักษ์เกราะทองหน้าเปลี่ยนสีแล้ว!


ง้าวจันทร์เสี้ยวเล่มนี้ของเขาหนายิ่ง ต่อให้นำถูเขาลูกหนึ่งมากดหัวท้ายก็ยังไม่อาจกดให้งอได้ ยามนี้ถูกเด็กหนุ่มคนนี้ดีดเพียงหนเดียวกลับโค้งงอประหนึ่งคันธนู…


โลกมนุษย์มีวรยุทธ์ล้ำเลิศถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!


แถมอีกฝ่ายยังเป็นเด็กหนุ่มที่ดูแล้วยังไม่สวมกวาน[1]ด้วยซ้ำ!


เมื่อครู่ยามที่เด็กหนุ่มคนนี้ใช้กลยุทธ์ชนิดหนึ่งชิงง้าวจันทร์เสี้ยวไปจากเขา นับเป็นสี่ตำลึงปาดพันชั่ง[2]ไม่ว่าจะเป็นความแม่นยำหรือพละกำลังล้วนควบคุมได้เหมาะเจาะพอดี ดังนั้นคนยักษ์เกราะทองถึงทราบวิธีของเขา


ยามนี้ลำคอเขามีกระบี่เล่มหนึ่งพาดอยู่ ซ้ำยังถูกชิงอาวุธไป ทั้งกายจึงแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น


กู้ซีจิ่วก็นึกไม่ถึงว่าอิงเหยียนนั่วจะตามมาอยู่ข้างกายเธอได้ทันกาลขนาดนี้ ขณะที่กำลังพูดบางอย่าง สีหน้าอิงเหยียนนั่วพลันแปรเปลี่ยนเล็กน้อย พุ่งตรงเข้ามา ในขณะเดียวกัน ง้าวจันทร์เสี้ยวในมือเขาฟาดออกไปด้วย!


ช่วงที่กู้ซีจิ่วตะลึงไปชั่วขณะ เขาก็อุ้มเธอไว้แล้วเหินกายขึ้นทันที…


แถบแพรเส้นหนึ่งเฉียดผ่านใต้เท้าคนทั้งสองดั่งอสรพิษ เลื้อยพันง้าวจันทร์เสี้ยวเล่มนั้นไว้…


ที่แท้เป็นการลงมือของสตรีชุดชาววังที่ขี่มังกรเจียวนางนั้น นางลงมือว่องไวนัก แถบแพรบนร่างเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าอสรพิษ นึกไม่ถึงว่าจะฉวยโอกาสยามที่กู้ซีจิ่วหันหลังให้นางโผลอยเข้ามา หากมิใช่อิงเหยียนนั่วลงมือได้ทันท่วงที อุ้มกู้ซีจิ่วหลีกหนี ขาของกู้ซีจิ่วคงถูกแถบแพรเส้นนั้นรัดเข้าแล้ว!


อิงเหยียนนั่วโยนง้าวจันทร์เสี้ยวออกไป ถึงชะลอความเร็วของแถบแพรเส้นนั้นได้บ้าง ทำให้ทั้งสองมีโอกาสปลีกตัวออกมา


อิงเหยียนนั่วที่อยู่กลางอากาศยกมือเป่าปากคราหนึ่ง รถม้าคันนั้นปรากฏตัวออกมาจากชั้นมฆ ร่างของพวกอิงเหยียนนั่วทั้งสองมุดเข้าไปในรถม้า ล้มกลิ้งอยู่บนผ้านวมหนานุ่มในรถม้า


กู้ซีจิ่วกำลังนอนคว่ำอยู่ในอ้อมกอดของอิงเหยียนนั่ว


บนร่างเขามีกลิ่นอายหอมอบอุ่นแผ่ออกมา คล้ายว่าคุ้นเคยแต่ก็คล้ายว่าไม่คุ้ยเคยด้วย…


หัวใจของกู้ซีจิ่วบีบรัดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอลุกพรวดทันที มองอิงเหยียนนั่วที่นอนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง “เจ้า…”


วรยุทธ์ของไอ้เด็กนี้ประหลาดเกินไปแล้ว! ปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวกว่าเธอเสียอีก!


วิชาตัวเบาของเขาอาจไม่ดีเท่าเธอ แต่การควบคุมของเขาแม่นยำเหลือเกิน! ต่อให้เป็นคนที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นสิบก็ยังไม่แน่ว่าจะสำแดงออกมาในระดับเดียวกับเขาได้!


แน่นอน กลิ่นอายบนร่างเขาก็คล้ายว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง ยามที่เข้าใกล้เขาหัวใจเธอจะสั่นไหวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด


เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยคิดมากเกินไปหลายครั้งแล้ว ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว แค่รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี้ไม่ธรรมดายิ่งนักจริงๆ!


สีหน้าอิงเหยียนนั่วซีดเซียวเล็กน้อย เขานอนเกียจคร้านอยู่ตรงนั้น ยิ้มขื่นๆ “เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เรี่ยวแรงที่สะสมมาตั้งแต่เกิดใช้ออกมาจนสิ้นแล้ว!”


แล้วเขาก็ยื่นมือข้างหนึ่งมาทางเธอ “ซีจิ่ว ข้ารู้สึกว่าตัวเจ้าหนักยิ่ง ทับจนข้าปวดอกแล้ว…ดึงข้าทีสิ พยุงข้าลุกหน่อย”


กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย


————————————————————————————-


บทที่ 964 ข้าคิดว่าบางครั้งก็สามารถผ่อนปรนได้


เธอมองมือเรียวงามปานเครื่องลายครามหยกที่ยื่นมาเบื้องหน้าตน แต่ไม่ได้ดึงขึ้นมา “เจ้ามิถือเรื่องชายหญิงมิพึงชิดใกล้แล้วหรือ?”


อิงเหยียนนั่วไม่ได้หดมือกลับ มองเธออย่างน่าสงสาร “สถานการณ์ฉุกละหุก ข้าคิดว่าบางครั้งก็สามารถผ่อนปรนได้”


กู้ซีจิ่วหันกลับไปอย่างใจแข็งยิ่ง “ข้ารู้สึกว่ายามนี้มิได้อยู่ในช่วงสถานการณ์ฉุกละหุก”


ดูเหมือนบุคลิกที่สองของเจ้าเด็กนี่จะตื่นขึ้นมาควบคุมสถานการณ์หลักแล้ว บุคลิกนี้ของเขาชอบทำตัวกระเง้ากระงอดแอ๊บแบ้ว กู้ซีจิ่วก็เคยชินแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่เก็บมาใส่ใจ


ช่วงเวลาเช่นนี้เธอย่อมไม่มีเวลามาถกเถียงกับอิงเหยียนนั่วให้มากความ เธอเลิกม่านรถมองออกไปแวบหนึ่ง พบว่ารถม้าคันที่ตนโดยสารอยู่ในยามนี้คือรถม้าที่โดยสารมาคันนั้น สิงโตตัวนั้นก็เป็นสิงโตเวหาตัวเดิม


เห็นทีว่าอิงเหยียนนั่วจะเตรียมการไว้ตั้งแต่แรก ตอนที่เธอกระโดดลงจากรถไปทำลายเขตแดนนั้น เขาก็ให้สิงโตลากรถคันนี้ไปซ่อนอยู่ในกลุ่มเมฆแล้ว…


ถึงปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือพวกเขาไว้ได้ทันกาล


กู้ซีจิ่วเห็นด้วยว่าห่างออกไปไม่ไกล สตรีที่ขี่มังกรเจียวตัวนั้นมิได้ฉวยโอกาสที่เป็นต่อแล้วไล่ตามมาโจมตี แถบแพรของนางพันง้าวจันทร์เสี้ยวเล่มนั้นไว้แล้วโยนให้คนยักษ์ชุดเกราะทองผู้นั้น “แม้แต่เด็กน้อยของแดนมนุษย์ก็ต้านไม่อยู่ แล้วข้าจะเอาเจ้าไว้ทำอันใด?”


คนยักษ์เกราะทองผู้นั้นหน้าดำหน้าแดง รับง้าวจันทร์เสี้ยวไป “ราชินีสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว”


เขาแกว่งง้าวจันทร์เสี้ยวทันที มองมาทางกู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านนี้ด้วยสายตาโหดเหี้ยม ขณะที่กำลังจะทำอะไรบางอย่าง ดรุณีที่ขี่มังกรเจียวผู้นั้นก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ช่างเถิด แค่เด็กน้อยไม่กี่คน ไม่จำเป็นต้องถือสาหาความกับพวกเขา ยังต้องทำธุระสำคัญอีก”


เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วโผล่หน้าออกมาจากรถม้า ดรุณีนางนั้นก็เชิดหน้าขึ้น “สาวน้อย เราผู้เป็นเซียนจะไม่ถือสาหาความกับพวกเจ้า รีบไปให้พ้นซะ! อย่าถ่วงรั้งการปราบมารกำจัดปีศาจของเราผู้เป็นเซียน!”


น้ำเสียงของดรุณีขี่มังกรเจียวนางนี้ใสกระจ่าง สำเนียงและท่าทีเปี่ยมด้วยความเย่อหยิ่งของชนชั้นสูงที่ไม่คิดจะถือสาหาความกับคนที่วรรณะต่ำกว่า แทบไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา


กู้ซีจิ่วเอ่ยขัดวาจาวางอำนาจของนางโดยตรง “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นเทพเซียนจากหนใด แต่สิ่งที่ข้าจะบอกเจ้าคือ ด้านล่างมีผีดิบอยู่เรือนพันเรือนหมื่น! การที่เจ้าทำลายเขตแดนเท่ากับเป็นการปล่อยพวกมันออกมา! เจ้าคิดว่าอาศัยตัวเจ้าคนเดียวก็สามารถหยุดยั้งพวกมันได้งั้นหรือ?”


ดรุณีขี่มังกรนางนั้นตะลึงงัน “อะไรนะ…ผีดิบเรือนพันเรือนหมื่นอันใด…” นางเอ่ยยังไม่ทันขาดคำ ในพื้นหิมะด้านล่างคล้ายว่าจะปั่นป่วนขึ้นมาแล้ว ผีดิบชุดขาวนับไม่ถ้วนโผล่หัวออกมา…


“น่าตายนัก!” กู้ซีจิ่วสบถคราหนึ่ง ไม่เสียเวลาพูดจาไร้สาระกับดรุณีนางนั้นอีก บังคับรถตรงดิ่งลงไป…


ผีดิบชุดขาวเหล่านั้นกระโจนออกมาอย่างรวดเร็วยิ่ง จำนวนก็มากมายนัก พริบตาเดียวก็แทบจะเต็มพื้นที่ไปหมด หลั่งไหลไปยังทิศทางหนึ่งปานกระแสน้ำ


ผีดิบชนิดนี้ชอบไล่ล่าตามกลิ่นไอของคนเป็น ถึงแม้เพื่อนๆ ของเธอจะยืนอยู่บนหน้าผาที่ห่างออกไปเจ็ดแปดลี้ แต่ผีดิบเหล่านี้ก็ยังคงได้กลิ่นของพวกเขาอย่างรวดเร็ว รีบกรูกันไปทางเนินเขาทันที…


ผีดิบเหล่านี้มีจำนวนหลายพันตัว หากว่าถูกผีดิบเหล่านี้ล้อมไว้ เกรงว่าทวยเทพเหล่าเซียนก็ช่วยออกมาไม่ได้!


โชคดีที่รถม้าของเธอดิ่งลงไปเร็วพอ ไปถึงหน้าผาแห่งนั้นก่อนที่คลื่นผีดิบจะมาถึง หยุดอยู่เบื้องหน้าพวกเยี่ยนเฉิน “เร็วเข้า ขึ้นมาให้หมด!”


พวกเยี่ยนเฉินก็ทราบความร้ายกาจของผีดิบดี พากันกระโดดขึ้นรถไป


ความเร็วของผีดิบเหล่านั้นรวดเร็วนัก ระยะเวลาเพียงครู่เดียวนี้ มีผีดิบโผล่หน้าขึ้นมาบนหน้าผาแล้ว


สิงโตเวหากระพือปีกสุดกำลังในที่สุดก็โบยบินขึ้นสู่นภาก่อนที่คลื่นผีดิบจะมาถึง


“กรรซ์! กรรซ์ กรรซ์” เสียงคำรามแหบห้าวด้วยความโกรธของเหล่าผีดิบแว่วมาจากด้านล่าง


ห้องโดยสารของรถม้าคันที่พวกกู้ซีจิ่วนั่งอยู่นี้กว้างขวางมาก…


————————————————————————————-


[1] กวาน เป็นเครื่องประดับศีรษะของผู้ชาย เปรียบได้กับรัดเกล้าที่สวมครอบมวยผม ถือเป็นสัญลักษณ์บอกสถานะอีกด้วย ชายชาวจีนเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ก็จะเข้าพิธีสวมกวานเพื่อยืนยันว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ในบางพื้นที่อายุครบ 16 ปีก็เข้าพิธีสวมกวานได้แล้ว


[2]  สี่ตำลึงปาดพันชั่ง เป็นศิลปะการใช้แรงขั้นสูง เน้นไม่ให้แรงตนเข้าปะทะกับแรงของคู่ต่อสู้ ดึงพลังของคู่ต่อสู้ไปสู่ความว่างเปล่า หลีกเลี่ยงแรงปะทะทางตรง ตัดกำลังคู่ต่อสู้ไม่ให้ปลดปล่อยพลังออกมาได้ ภายหลังการเป็นสำนวนที่สื่อถึงใช้แรงเพียงเล็กน้อยเพื่อเอาชนะแรงที่มากกว่า



บทที่ 965 ฉากนี้ช่างอุจาดตาโดยแท้!


ห้องโดยสารของรถม้าคันที่พวกกู้ซีจิ่วนั่งอยู่นี้กว้างขวางมาก แต่ยามนี้การยัดคนแปดคนเข้ามาในคราวเดียวก็ค่อนข้างแอดอัดอยู่บ้าง ร่างกายของทุกคนแทบจะแนบชิดเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว นี่ล้วนเป็นสิ่งที่พอรับได้ แต่สิ่งที่ทำให้คนใจหายใจคว่ำที่สุดคือ ยามนี้เห็นได้ชัดว่ารถคันนี้บรรทุกเกินน้ำหนัก การลากกินแรงสิงโตตัวนั้นยิ่งนัก มันลากรถส่ายไปส่ายมาอยู่ในอากาศ ราวกับพร้อมจะเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ


เห็นได้ชัดว่าพวกเยี่ยนเฉินก็นึกไม่ถึงว่าผีดิบที่ทะลักออกมาด้านล่างจะมากมายถึงเพียงนี้ ทุกคนล้วนตกตะลึง บัดนี้เมื่อเห็นว่าคลื่นผีดิบด้านล่างเริ่มกระจายตัวออกไปรอบๆ ก็หน้าซีดเผือดจนปัญญาจะต่อกร


ผีดิบที่ด้านล่างมากมายสุดลูกหูลูกตา ไม่อาจควบคุมได้แล้ว เนื่องจากสูญเสียเป้าหมายที่ต้องการฉีกทึ้งไป พวกมันจึงเริ่มกระจายออกไปรอบๆ…


ทุกคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี ผีดิบเหล่านี้มีนิสัยดุร้ายทุกตัว แถมยังมีวรยุทธ์สูง หากปล่อยให้หลุดเข้าไปในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน จะกลายเป็นหายนะทันที!


และแหล่งชุมชนที่อยู่ใกล้ที่นี่ที่สุดอยู่ห่างออกไปประมาณห้าหกสิบลี้ ด้วยความเร็วของผีดิบเหล่านี้คิดจะเดินทางไปยังที่แห่งนั้นก็ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ!


ทำยังไงดี? ทำยังไงดี?! ทำยังไงดี?!


ในดวงตาของทุกคนแทบจะเขียนอักษรตัวใหญ่สี่คำนี้ไว้


ถึงแม้ทุกคนล้วนเป็นมือดีในการสังหารผีดิบทั้งสิ้น แต่ยามนี้ผีดิบที่อยู่ด้านล่างมีมากมายเกินไป พยัคฆ์ห้าวหาญมิอาจต้านทานฝูงหมาป่าได้!


ยิ่งไปกว่านั้นคือผีดิบเหล่านี้กระจายออกไปทั่วสารทิศ กำลังคนของพวกเขาน้อยเกินไป ต่อให้คิดจะขวางก็ขวางไม่อยู่!


สายตาของทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังตัวต้นเหตุที่อยู่กลางอากาศสองคนนั้น


เห็นได้ชัดว่าดรุณีที่ขี่มังกรเจียวนางนั้นก็โง่งมไปแล้วเช่นกัน นางนึกว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านล่างจะเป็นสัตว์ร้ายขนาดใหญ่สักตัว ไม่นึกเลยว่าจะเป็นกองทัพผีดิบจำนวนมหาศาลเช่นนี้! นางขี่มังกรเจียวสาดกระบวนท่าชุดใหญ่ใส่คลื่นผีดิบอย่างต่อเนื่อง วรยุทธ์ของนางยอดเยี่ยมยิ่งนัก สายฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าฟาดลงไป ทุกสายล้วนสามารถฟาดผีดิบสักตัวให้ล้มคว่ำได้ แม้แต่มังกรเจียวที่อยู่ใต้ร่างเธอก็พ่นไฟออกมาด้วยความโกรธ ลามเผาคลื่นผีดิบเป็นทรงใบพัด…


หลังจากเปลวไฟเผาผลาญแล้ว ชุดขาวบนร่างผีดิบเหล่านั้นก็มอดไหม้ไป แต่ผีดิบยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่ ร่างของพวกมันถูกเผาจนดำ แต่ไม่บุบสลายเลยสักนิด ทันทีที่ดรุณีขี่เจียวนางนั้นก้มหน้าลง ก็เห็นผีดิบเปลือยเปล่าดำมะเมื่อมฝูงใหญ่ทั้งกระโดดทั้งกระโจนเข้าใส่นาง


ผีดิบเหล่านี้แทบจะเป็นบุรุษทั้งสิ้น น่าจะเป็นเพราะผลกระทบจากตัวยา จุดนั้นของพวกมันจึงคักคักอยู่ตลอด ด้วยเหตุนี้นางจึงเห็น ‘ปูขน’ นับไม่ถ้วน แถมยังเป็นปูขนที่ลุกผงาดอีกด้วย…


ฉากนี้ช่างอุจาดตาโดยแท้!


ดวงหน้าเฉิดฉันของดรุณีขี่เจียวนางนั้นเขียวครึ้ม ตะโกนใส่คนยักษ์เกราะทองที่เป็นข้ารับใช้ของนางอย่างขุ่นเคือง “เจ้าหยุดมือซะ!”


ข้ารับใช้ร่างยักษ์ผู้นั้นจึงไม่กล้าลงมือสะเปะสะปะอีก


ทุกคนที่อยู่บนรถม้าย่อมมองเห็นฉากนี้เช่นกัน เยี่ยนเฉินปิดตาจิ้งจอกน้อยไว้ทันที เลี่ยงมิให้จิตใจอันบริสุทธิ์ไร้มลทินของนางต้องแปดเปื้อน


เล่อชิงซิ่งสบถออกมาคราหนึ่งยกมือปิดตาน้องสาวเอาไว้เช่นกัน


ส่วนจางฉูฉู่ เดิมทีนางก็เป็นหญิงแกร่งห้าวหาญอยู่แล้ว ทุกคนจึงไม่สนใจนางไปชั่วขณะ นางมองตาปริบๆ อย่างสนอกสนใจนัก เอ่ยโพล่งออกมาประโยคหนึ่ง “ที่แท้ส่วนนี้ของบุรุษก็ยืดยาวเช่นนี้! ช่างน่าเกลียดเสียจริง!”


ประโยคนี้ของนางทำให้บุรุษที่เหลืออยู่ภายในรถมองมาด้วยสายตาขุ่นเคือง


ดวงตาของกู้ซีจิ่วก็ถูกคนใช้แขนเสื้อบดบังไว้ เสียงอิงเหยียนนั่วดังขึ้นริมหูเธอ “อย่ามองของแสลงตา ห้ามแอบดูนะ!”


กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก เธอจะอยากแอบดูไปทำไม? ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นเสียหน่อย!


กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่อวลอยู่ในแขนเสื้อเขาทำให้จิตใจเธอว้าวุ่น เธอยกมือดึงแขนเสื้อของเขาลง จากนั้นก็พบว่าม่านรถปลดลงมาแล้ว ไม่มีทางมองเห็นด้านนอกจากในห้องโดยสารได้


————————————————————————————-


บทที่ 966 เขาไม่อยากถูกผู้อื่นดูแคลนแล้ว


“ซีจิ่ว เจ้ากับพวกเด็กผู้หญิงอยู่บนนี้ก่อน ข้าจะลงไปล่อผีดิบพวกนี้ จะปล่อยให้พวกมันบุกเข้าเมืองไปทำร้ายผู้คนไม่ได้เด็ดขาด!”


น้ำเสียงอิงเหยียนนั่วดังขึ้นริมหูเธอ เขากอดเธอคราหนึ่ง “ระวังตัวด้วย!”


จากนั้นเขาก็ถอยหลังไป เอ่ยขึ้นว่า “ผู้ที่เป็นบุรุษ ลงไปพร้อมข้าให้หมด! ตามข้าไปล่อผีดิบพวกนี้ ล่อมันไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ที่นั่นมีหล่มโคลมอยู่ พยายามล่อผีดิบพวกนี้ไปที่นั่น…ก่อนหน้านี้ข้าจุดพลุขอความช่วยเหลือแล้ว คนของเราน่าจะมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็วนัก พอถึงเวลาพวกเราค่อยล้อมโจมตี! เยี่ยนเฉิน เจ้าล่อผีดิบด้านตะวันออกเฉียงใต้ เล่อชิงซิ่ง เจ้าล่อด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ข้าจะไปล่อด้านตะวันตกเฉียงใต้…”


เงาร่างไหววูบ เหินทะยานออกไปนอกรถทันที


พริบตาเดียวก็อยู่บนอากาศใกล้กับเหล่าผีดิบ ผีดิบเหล่านั้นได้กลิ่นคนเป็น พากันเงยหน้าหมายจะตะครุบเขา…


แต่ท่าร่างของเขาว่องไวปานสายฟ้า ปลายเท้าพลันแตะลงบนยอดศีรษะของผีดิบ ทะยานหนึ่งคราไกลหลายสิบจั้ง พริบตาเดียวเขาก็ไล่ตามคลื่นผีดิบด้านตะวันตกเฉียงใต้จนขึ้นนำ…


ผีดิบเหล่านั้นย่อมต้องการจะตะครุบเขา พากันไล่ตามฝีเท้าของเขา ถึงแม้ความเร็วของผีดิบเหล่านี้จะรวดเร็วยิ่ง แต่คิดจะตะครุบเขาก็ค่อนข้างลำบากนัก เขาวิ่งไม่เร็วไม่ช้า เป็นระยะห่างที่ผีดิบตะครุบไม่ถึงพอดี อีกทั้งไม่ห่างจากพวกมันเกินไป ด้วยเหตุนี้คลื่นผีดิบมหาศาลลูกแรกจึงเริ่มไล่ตามเขา ถูกเขาล่อให้หันหลังวิ่งกลับไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ…


เยี่ยนเฉินและเล่อชิงซิ่งย่อมมิใช่ผู้ที่ยินยอมล้าหลังเช่นกัน พากันกระโจนลงจากรถ ทำตามแผนที่อิงเหยียนนั่วบอก ต่างคนต่างล่อผีดิบจากทิศทางหนึ่งไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ


ผีดิบที่เดิมทีกระจายไปทั่วสารทิศในที่สุดก็เริ่มมีทิศทางที่เข้ารวมตัวกัน ไล่ล่ามนุษย์สามคนที่วิ่งนำอยู่ด้านหน้า ดั่งกระแสน้ำหลาก วิ่งไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ


ภายในตัวรถมีเพียงกู้ซีจิ่ว จางฉูฉู่ จิ้งจอกน้อย เล่อจื่อซิ่ง และเชียนหลิงอวี่ที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ


ก่อนหน้านี้เชียนหลิงอวี่ก็คิดจะกระโดดลงไปโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บ ทว่าถูกกู้ซีจิ่วกดไว้ทันที “เจ้าไปไม่ได้!”


เชียนหลิงอวี่กำมือ “ข้าก็เป็นบุรุษเช่นกัน!” เขาไม่อยากถูกผู้อื่นดูแคลนแล้ว


“เมื่อเจ้าหายดีเจ้าจะมีโอกาสเป็นบุรุษแน่!” กู้ซีจิ่วตัดบทเขา เธอเลิกม่านรถมองลงไปแวบหนึ่ง ทันใดนั้นพบว่ามีผีดิบกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งไม่ได้ตามฝูงทั้งหมดไป แต่มุ่งตรงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ…


จางฉูฉู่ก็เห็นเช่นกัน นางทำตาโตทันที “ข้าจะลงไปล่อผีดิบพวกนั้น!”


กู้ซีจิ่วกดไหล่นางไว้ “พวกเจ้าทุกคนจับตามองอยู่บนรถ ข้าจะลงไปล่อเอง!”


พลันใช้วิชาเคลื่อนย้าย ไปปรากฏด้านหน้าของผีดิบกลุ่มเล็กๆ นั้น ดึงดูดความสนใจของผีดิบเหล่านั้น แล้วล่อผีดิบกลุ่มนี้ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเช่นกัน


จะว่าไปก็แปลก สำหรับผู้อื่นขอเพียงวิ่งอยู่เบื้องหน้าผีดิบก็สามารถทำให้ผีดิบวิ่งตามดั่งสุนัขเห็นเนื้อติดกระดูกได้


ทว่าผีดิบที่กู้ซีจิ่วล่อกลุ่มนี้ค่อนข้างประหลาดอยู่บ้าง ถ้ากู้ซีจิ่ววิ่งเร็วขึ้นเล็กน้อย ทิ้งระยะห่างจากพวกมันสองจั้ง ผีดิบเหล่านี้ก็ไม่ไล่ตามแล้วประหนึ่งตาบอดก็มิปาน ซ้ำยังคิดจะหันหลังวิ่งกลับไปด้วย…


กู้ซีจิ่วสบถด่าอยู่ในใจคราหนึ่ง ดูเหมือนร่างกายเธอจะพิเศษอยู่บ้างจริงๆ


ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในเขตแดนส่วนใหญ่แล้วผีดิบเหล่านั้นก็ไม่เป็นฝ่ายโจมตีเธอเช่นกัน ตอนที่เธอวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในเมืองร้างแห่งนั้น ก็ไม่พบผีดิบสักเท่าไหร่ ตอนนั้นเธอยังนึกอยู่เลยว่าตัวเองดวงดี ยามนี้ดูเหมือนปัญหาจะอยู่ที่ร่างกายเธอ


คุณสมบัติพิเศษนี้ทำให้ไม่ถูกผีดิบโจมตีง่ายๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่กลับไม่ค่อยเป็นผลดีต่อเรื่องที่เธอกระทำในยามนี้ ราวกับเธอถูกผีดิบพวกนี้รังเกียจ ไม่อยากจะไล่ตามเธอ


————————————————————————————-

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)