องครักษ์เสื้อแพร 957-959

 ตอนที่ 957 ขากลับก็ไม่ว่าง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตอนหวังทงออกจากเมืองหนิงเซี่ย บารมียิ่งใหญ่กว่าขามามาก คนมีหน้ามีตาทั้งเมืองชายแดนล้วนมาส่งหวังทง


ไม่พูดถึงหวังทงอยู่หนิงเซี่ยช่วงเวลาสั้นๆ แค่เดือนเดียวก็สร้างอิทธิพลได้เพียงนี้ ยังได้เริ่มบุกเบิกที่ดินและเพาะปลูก ประสานผลประโยชน์สองฝ่ายได้มาก ทำให้มีผลประโยชน์ร่วมกัน สายสัมพันธ์สองฝ่ายก็ใกล้ชิดกันขึ้นมาในเวลาไม่นาน


มาเงียบๆ ก็เพื่อไม่ทำให้ตระกูลปัวรู้ตัว ตอนไปกลับไม่ต้องระวังตัวเช่นนั้น ครั้งนี้ไม่ต้องเดินเส้นทางผ่านภูเขา ใช้เส้นทางสะดวกไปเมืองซีอาน


เมืองหนิงเซี่ยนั้นจริงๆ อยู่ภายใต้การดูแลของผู้บัญชาการทหารส่านซีสามชายแดน สถานะเช่นหวังทงข้ามเขตแดน อย่างไรก็ต้องมาคำนับพร้อมกันกับผู้ว่าการมณฑล อ๋องฉินแห่งส่านซีก็ต้องปรากฏตัว


แน่นอนสองฝ่ายไม่เคยคบหากัน ก็ย่อมอ้างว่างานยุ่งแล้วก็จากไปได้ แต่ครั้งนี้พวกคนใหญ่คนโตที่ซีอาน มณฑลส่านซีพากันมาเรียนเชญ สถานการณ์ไม่เหมือนเดิม  เส้นทางซีอานกลับอ้อมไกลกว่า


มาพบโดยเฉพาะเพื่ออะไร หวังทงพอเดาได้ ยังมีผู้บัญชาการเมืองกานซู่ที่ได้ส่งคนสนิทมาแจ้งไว้ก่อนแล้ว ว่าจะมาคารวะหวังทง


เมืองกานซู่เป็นเมืองชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือแผ่นดินหมิง คบหากับเผ่าทางซีอวี้หลายเผ่า การค้ามีมาแต่โบราณ เมืองกานซู่มีโลกกว้างอยู่ รู้ว่าซีอวี้มีพื้นที่ทำนาเพาะปลูกที่เหมาะ รู้ว่าซีอวี้มีสินค้าหลากหลายและยังมีแร่ใต้ดิน ผู้บัญชาการกานซู่คิดง่ายมาก เตรียมจะไปเปิดร้านที่เมืองกุยฮว่าเฉิง ส่งทหารในสังกัดตนเข้าร่วมผู้คุ้มกันกลุ่มพ่อค้า วันหน้าไม่ว่าเพาะปลูกหรือทำการค้าที่ซีอวี้ เขาล้วนมีส่วนเต็มที่


เรื่องนี้หวังทงยินดียิ่ง กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงแม้ว่าบุกเบิกเส้นทางไปทางตะวันตกได้ไกลเพียงพอแล้ว  แต่กองกำลังชื่อจิน เยี่ยเอ่อร์เชียงกับอี้ลี่ปาหลี่ พื้นที่ศูนย์กลางของซีอวี้เหล่านี้ล้วนไกลเกินไป ด้วยความช่วยเหลือของผู้บัญชาการกานซู่ ก็จะสามารถขยายไปถึงได้ ไยจะไม่ทำเล่า


แน่นอนผู้บัญชาการกานซู่เห็นการบุกเบิกลุ่มน้ำแล้วก็เข้าใจได้ อย่างไรก็ต้องนำเงินมาลงทุนโรงบ้านไว้สักสองสามแห่ง


ผู้บัญชาการกานซู่ระดับนี้ย่อมรู้โอกาสทางการค้า เมืองซีอานเป็นพื้นที่รุ่งเรืองใต้หล้าที่มีไม่มาก ผู้ใดจะไม่อยากเข้าร่วม


กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงเริ่มออกไปนอกกำแพงเมืองเพาะปลูกกันนานแล้ว ผู้มีอำนาจวาสนาส่านซีกับคหบดีท้องที่ก็เข้าร่วมกันมาก พวกเขาย่อมรู้ว่าจะสร้างความร่ำรวยได้อย่างไรมากกว่าที่อื่น ปีใหม่อยู่ๆ ก็มีพ่อค้าใหญ่ส่านซีมอบของขวัญให้หวังทง ตอนนี้คนก็มาถึงแล้ว อย่างไรก็ต้องพบหน้ากัน


แต่ความจริงนั้นเกี่ยวพันถึงการป้องกัน ชายแดนแผ่นดินหมิงล้วนมีเขตแดนป้องกัน เพาะปลูกล้วนต้องอยู่นอกกำแพงเมือง เกิดเรื่องขึ้น กองทหารเล็กๆ ยังแอบให้การปกป้องได้ หากกลุ่มใหญ่ ทหารก็ไม่รู้ทำอย่างไรเช่นกัน เรื่องชายแดนนั้นทุกคนล้วนรู้ดีแก่ใจ หากเกิดเรื่องจริง ทหารชายแดนใช่ว่าจะเก่งกว่าพวกโจร กลับเป็นกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงที่มีชื่อเสียงกว่า และลงมือได้ไวมากกว่า


ทุกคนล้วนเข้าใจดี เพราะเมืองกุยฮว่าเฉิงเป็นหวังทงดูแล  ไม่พูดถึงว่าเป็นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ว่านลี่ แต่บรรดาร้านค้าใหญ่ก็ล้วนเห็นหวังทงเป็นตัวแทน  ไม่ต้องพูดถึงหวังทงมีผลประโยชน์ใหญ่ที่นั่น ทุกคนล้วนคิดจะพบหน้าพูดคุยกับหวังทง แม้ไม่ได้มีเรื่องนอกกำแพงเมืองพวกนั้นคุย แต่หากได้เชื่อมสัมพันธ์กับติ้งเป่ยโหว ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรก็ย่อมเป็นเรื่องดี


น้ำใจยากปฏิเสธ แม้เดินทางผ่านเส้นทางเมืองซีอานจะอ้อมไกลก็ต้องไป หวังทงรู้ดี หากทุ่งหญ้าตอนนี้มีเพียงกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงเสี่ยงภัยกลุ่มเดียวย่อมไม่พอ อย่างไรก็ต้องพยายามส่งคนออกไปบุกเบิกพื้นที่เพาะปลูกทำการค้า เช่นนี้จึงจะสามารถทำให้สถานการณ์แผ่นดินหมิงบนทุ่งหญ้ามั่นคง หากเป็นไปได้ ก็อาจจะขยายพื้นที่ออกไปได้อีก


อยู่ซีอานได้ครึ่งเดือนกว่า หวังทงรู้สึกว่าตนเองยุ่งกว่าตอนอยู่หนิงเซี่ยเสียอีก ทุกวันต้องพวกคนจากที่ต่างๆ ต้องยิ้มแย้มต้อนรับพูดคุย


ผู้บัญชาการส่านซีสามชายแดนกับผู้ว่าการมณฑลล้วนมาคารวะนอบน้อม หวังทงไปจวนอ๋องฉินเองก็พบกันอย่างนอบน้อมตามมารยาท จากนั้นที่เหลือก็ล้วนเป็นงานเจรจาการค้าอย่างเป็นรูปธรรม เช่นว่า พื้นที่เพาะปลูกส่านซีนอกกำแพงเมือง การเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ได้มาเท่าไร เมืองกุยฮว่าเฉิงจะรับซื้อไหม จะรับซื้อราคาเท่าไร กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงบนทุ่งหญ้าทำการค้ากับโรงบ้านเหล่านี้ ราคาจะมีส่วนลดไหม เป็นต้น


เหล่านี้ล้วนต้องเจรจา ทุกคนล้วนต้องเจรจาให้ละเอียด การค้าก็คือการค้า ไม่นานทุกคนก็ล้วนลืมสถานะยิ่งใหญ่ของหวังทง ทุกคนร่วมหารือการค้า!


ที่จริงแล้วพื้นที่เพาะปลูกใกล้กำแพงเมือง สินค้าส่งตรงไปขายส่านซีก็ได้ แต่ระยะห่างไกลออกไป ก็ยิ่งต้องการสายสัมพันธ์เมืองกุยฮว่าเฉิง


ยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่อง ก็คือบ่อเกลือฉือเหยียนที่หนิงเซี่ย ส่านซีกับหนิงเซี่ยเดิมนั้นก็ติดกัน  ข่าวไปมาระหว่างกันก็ย่อมเร็ว ทุกคนล้วนรู้ว่าวันหน้าผลประโยชน์ใหญ่หนิงเซี่ยอยู่ในมือหวังทงแล้ว  ไม่พูดถึงพื้นที่เพาะปลูกนอกกำแพงเมืองต้องการบ่อเกลือฉือเหยียน ส่านซีหลายเมืองก็ต้องการ


เกลือจากบ่อเกลือฉือเหยียนสู่ส่านซี ความจริงนั้นเป็นการค้าเกลือเถื่อน การค้าขายขนาดใหญ่เช่นนี้ เบื้องหลังล้วนเป็นตระกูลใหญ่ส่านซี คิดทำการค้านี้ต่อไป อย่างไรก็ต้องคุยกับใต้เท้าหวัง


ปืน ชุดเกราะ รถใหญ่ เกลือ สินค้าพวกนี้เป็นสินค้าที่ทุกคนต้องการ ความจริงนั้นสินค้ากับอาวุธจากกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิง และการฝึกซ้อมจากทหารเก่ากองกำลังหู่เวย เป็นบริการที่ทุกคนต้องการ


หลังจากพบปะผู้ว่าการมณฑล อ๋องฉินและทุกคนตามมารยาท พ่อค้าใหญ่ที่มาถึงที่หลายคนหลังจากนั้น เบื้องหลังส่วนใหญ่ก็ล้วนเกี่ยวข้องมีสายสัมพันธ์กับคนเหล่านี้ วันที่ห้า มีน้าชายคนเล็กของอ๋องฉินมาพบถึงที่ เพื่อคุยการค้ากับใต้เท้าหวังอย่างนอบน้อม


ที่ทำให้ทุกคนในส่านซีดีอกดีใจก็คือ ใต้เท้าหวังครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำตนร่ำรวย ยังช่วยทุกคนให้ร่ำรวยไปด้วย เช่นว่า ซื้อหาพรมและสัตว์เลี้ยงจำนวนมากจากส่านซี ของเหล่านี้ความจริงนั้นสามารถหาซื้อได้ที่หนิงเซี่ยกับเมืองกุยฮว่าเฉิง ราคายังถูกกว่าอีกหน่อย แต่หวังทงทำเช่นนี้ ความจริงนั้นเป็นการให้ประโยชน์แก่ทุกคน คืนกำไรตนให้กับทุกคน วิธีการเช่นนี้เรียกว่ามีคุณธรรมมาก


ทางนี้คุยจบ ทางซานซีก็ส่งคนมา กลุ่มการค้าซานซีล้วนมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเมืองกุยฮว่าเฉิง พวกเขามาครั้งนี้-เพื่อขอให้ใต้เท้าหวังขากลับแวะผ่านเมืองเซวียนฝู่สักหน่อย


สาเหตุก็ง่ายมาก ตอนนี้กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงขยายพื้นที่ไปทางตะวันออกกว้างมาก ครอบครองการค้าเลี้ยงสัตว์และบ่อผงฟู การค้าไปถึงเหมืองทอง เชื่อว่าวันหน้าอีกไม่นาน ที่นี่ยังจะเป็นพื้นที่เพาะปลูกโรงบ้านรุ่งเรือง


สินค้ามากมาย ผลประโยชน์มากมาย ทุกคนล้วนควรต้องหารือ เพราะเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นใช่ว่ากำลังจะลดลง ไม่มีกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเปิดศึก คอยสร้างสมดุลกำลังอิทธิพลได้อย่างไร


ความจริงนั้นกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงกับซานซีพ่อค้าต่างรับรู้ได้เรื่องหนึ่งว่า พวกเขาขยายอิทธิพลออกไปทางตะวันออกของทุ่งหญ้า ส่งผลให้กำลังเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นยิ่งเข้มแข็ง ถึงกับทำให้เผ่าฉาฮาเอ่อร์ที่เคยเป็นศัตรูกับเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นหันมาร่วมมือกัน


เช่นนี้อิทธิพลมองโกลตะวันออกที่พวกเขาต้องเผชิญก็เพียงพอจะเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่แล้ว การต่อสู้ที่เหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์ ทหารม้าเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นบนทุ่งหญ้ามีพื้นที่ครองหลายแห่ง ทำให้กลุ่มพ่อค้ายิ่งต้องระวัง


พวกเขาขายพื้นที่เพาะปลูกไปทางตะวันออกของมองโกล ก็ต้องการกำลังเมืองเซวียนฝู่และกองกำลังมี่อวิ๋นให้การช่วยเหลือ รวมทั้งการปกป้องสินค้าด้วย ถึงกับส่งทหารกล้าออกมาดูแล


กำลังกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงอย่างไรก็มีจำกัด  ทุ่งหญ้าหมื่นลี้ พื้นที่ให้พวกเขากว้างใหญ่มาก ไม่อาจให้ทุกคนมีกำลังป้องกันเพียงพอได้


สามารถเจรจากับเมืองเซวียนฝู่ได้  ผู้มีสถานะเจรจาย่อมมีแค่หวังทง หวังทงก็มีจุดยืนนี้  แน่นอนผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่หลี่หรูซงก็ทำให้ทุกคนวางใจ ทุกคนล้วนรู้ว่าสายสัมพันธ์หวังทงกับเมืองเหลียวโจวธรรมดามาก แต่หลี่หรูซงกลับเป็นคนหัวไว รู้ว่าอะไรเป็นผลประโยชน์ อะไรเป็นเพียงชื่อเสียงจอมปลอม


ตอนหวังทงออกเดินทางจากเมืองซีอาน ก็มีพ่อค้าจากเมืองกุยฮว่าเฉิงกับซานซีเร่งเดินทางมาซีอาน เรื่องหลักก็คือพ่อค้ามาคุยรายละเอียด  เทียนจินอย่างไรก็ยังต้องส่งคนมา เพียงแต่ทางไกล คงกำลังอยู่ระหว่างเดินทาง


คนแม้ว่าอยู่ข้างนอก แต่ข่าวสารก็ยังคงไม่ขาด ตอนหวังทงเดินทางสู่เขตซานซี ข่าวจากเทียนจินก็มา


ข่าวนี้มาจากเมืองจี้โจวว่า เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นตอนนี้ทิ้งทหารไว้ที่ตัวหลุนเพียงห้าพันกว่า พวกชนเผ่าอื่นๆ ที่ไม่เคยเข้ามาสู่พื้นที่นี้มาก่อนก็เริ่มปรากฏตัว แต่เผ่าฉาฮาเอ่อร์ที่เป็นเผ่าใหญ่กลับไม่มีคนมากที่นี่ ที่ตัวหลุนนี้นับว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำบนทุ่งหญ้าหากกล่าวว่าราชวงศ์ฮั่นต้องการเป็นใหญ่ก็ย่อมต้องยึดพื้นที่ตอนกลางแผ่นดินจีน บนทุ่งหญ้าจะเป็นใหญ่ก็ต้องยึดตัวหลุนกับแม่น้ำถู่ม่อชวน


พื้นที่เช่นนี้  สองกลุ่มใหญ่กลับปล่อยทิ้งเช่นนี้ ช่างน่าสงสัย ชาวเมืองจี้โจวไม่กล้ารุกออกไปมาก หากเป็นพ่อค้าเทียนจินไม่น้อยไปทำการค้าที่ตัวหลุน พอรู้ข่าวนี้ แจ้งข่าวมาว่าสองกลุ่มใหญ่ตอนนี้ล้วนเคลื่อนไปทางตะวันออก


ข่าวเหมือนไม่น่าเชื่อ แต่คิดให้ดีก็วิเคราะห์ได้ง่ายว่า กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธขยายพื้นที่เปลี่ยนจากแผ่นดินหมิงที่เคยใช้นโยบายป้องกันเป็นการรุกแทน กลุ่มอิทธิพลอำนาจบนทุ่งหญ้าไม่ถูกทำลายก็ควบรวมเป็นพวกกัน หรือไม่ก็ยอมหลีกทางให้กัน ชนเผ่าสองเผ่าทางมองโกลตะวันออกเห็นได้ว่ายอมหลีกทางให้กัน


ตั้งแต่สมัยฮ่องเต้จูตี้มา อิทธิพลอำนาจแผ่นดินหมิงบนทุ่งหญ้าตกอยู่ในสถานะเก็บตัวหัวหดในกำแพงเมือง แต่ตอนนี้กลับตาลปัตร หวังทงรู้สึกภูมิใจมาก


นอกจากข่าวเหล่านี้ที่มาอย่างกระจัดกระจาย เช่นว่า ร้านสามธาราทางใต้ได้ข่าวมาจากซาต้าเฉิง บอกว่าโจรสลัดวัวโค่วบนท้องทะเลเพิ่มมากขึ้น สาเหตุเป็นเพราะสถานการณ์ทางนั้นค่อยๆ สงบลง พวกขุนศึกพ่ายก็ได้แต่มาร่อนเร่บนท้องทะล มีทั้งหากินเดี่ยว และรวมตัวกับพ่อค้าทะเล


ยังมีทางเมืองเหลียวโจว ขุนพลทหารที่ส่งไปปราบเผ่าหนี่ว์เจินเปลี่ยนเป็นฉินเต๋ออี่ สามวันชนะเล็กๆ  ห้าวันชนะใหญ่ ตามรายงานฉินเต๋ออี่ เผ่าหนี่ว์เจินได้ถูกสังหารไปหลายรอบแล้ว แต่ทว่าตามรายงานพ่อค้า เผ่าหนี่ว์เจินไม่ได้เสียกำลังหลักอันใดเลย เผ่าหนี่ว์เจินนับวันยิ่งเคียดแค้นชาวฮั่น


ตอนที่ 958 การเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย

โดย

Ink Stone_Fantasy

ข่าวจากที่ต่างๆ ไม่ได้ทำให้แปลกใจ ล้วนเป็นไปตามคาดของหวังทง ตั้งแต่บุกเบิกเทียนจินมา ด้วยความแข็งแกร่งของการค้าเทียนจิน กองกำลังหู่เวยก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้น กองกำลังหู่เวยปราบเผ่าอันต๋าบนทุ่งหญ้า ทำลายสมดุลแผ่นดินหมิงกับมองโกล เรื่องนี้เริ่มสร้างผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้แผ่นดินหมิงเปลี่ยนแปลงไปในหลายด้าน


เช่น หลายปีนี้กรมอากรราชสำนักจับตาภาษีการค้ามากยิ่งขึ้นทุกวัน พวกขุนนางบุ๋นที่เดิมทีละอายกับการเก็บภาษี คิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย แม้กรมอากรก็คิดเช่นนี้ แต่ทว่าตอนนี้ขุนนางที่มีหน้าที่ทางนี้ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ เหตุใดเทียนจินจึงเก็บภาษีได้มาก แผ่นดินหมิงตั้งด่านภาษีเจ็ดด่านบนคลองส่งน้ำ เหตุใดจึงเก็บได้น้อยกว่า


กรมโยธาส่งคนไปโรงช่างเทียนจิน ทุกคนล้วนทำงานตามหน้าที่ เหตุใดโรงช่างเทียนจินของหวังทงจึงทำได้ดี ที่อื่นล้วนมีแต่เสียงด่าทอไม่หยุด


ตอนนี้กองทหารตอนเหนือรับอาวุธไป ก็อยากจ่ายเงินมากหน่อยไปซื้อที่เทียนจิน ไม่อยากจะรับอาวุธที่ได้จัดสรรจากคลังอาวุธ


อาวุธที่ผลิตไม่ดีเช่นนี้นำออกสู่สนามรบก็มีแต่ทำให้ขายหน้า อาวุธชุดเกราะเทียนจินสามารถทำให้ทุกคนรักษาชีวิตรอดและสร้างผลงานได้ แน่นอนเหล่านี้ยังคงมีแค่ทหารส่วนตัวสังกัดขุนพลทหารตนเท่านั้นที่จะมีได้ ค่าใช้จ่ายมากมายเช่นนี้พวกเขาตัดใจจ่ายไม่ลง


กระแสชาวบ้านก็เริ่มเปลี่ยนทิศ เมื่อก่อนผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในพื้นที่ก็คือขุนนางบุ๋น จากนั้นก็เป็นบัณฑิต พ่อค้าแม้มีเงินก็ต้องไปขอพึ่งพาอาศัย หรือไม่ก็ต้องคบหาสมาคมขุนนางทางการ ไม่ก็ต้องหาลูกเขยเป็นบัณฑิตรู้หนังสือ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้ แต่ตอนนี้รอบเทียนจิน หรือแม้แต่หลายเมืองในเขตปกครองเหนือที่ได้รับผลกระทบจากเทียนจิน มีตำแหน่งบัณฑิตไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เป็นขุนนางบุ๋นไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่หากเทียบกับพ่อค้าใหญ่มีหน้ามีเกียรติในเทียนจินพวกนั้นแล้ว ก็ล้วนเทียบไม่ติด


ที่เทียนจินมีคนที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นที่สนใจแม้แต่น้อย ตอนนี้ล้วนรุ่งเรือง มีการค้าชายแดน มีการค้าทะเล ยังมีพวกหัวไว มีการค้าที่เทียนจิน คนพบโอกาสมากมาย คนเหล่านี้ไม่ได้มีตำแหน่งบัณฑิต ไม่อาศัยอิทธิพลหาเงินทอง แต่ยังคงร่ำรวยอย่างเปิดเผย ตัวอย่างนี้มีค่าอย่างมาก


แม้สอบได้ตำแหน่งบัณฑิตซิ่วไฉ ครอบครัวเสียภาษีน้อยลง แต่ในหนึ่งปีก็ยังไม่ได้กินอาหารดีๆ อันใด ได้ตำแหน่งบัณฑิตจวี่เหริน หากไม่เป็นขุนนาง ครอบครัวอาศัยที่ดินเพาะปลูก ก็พอให้กินอิ่มเท่านั้น แต่พวกสามารถสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉจะมีสักกี่คนกัน สอบได้จวี่เหรินกี่คนกัน หากพวกช่างและคนงานในเทียนจิน กินอิ่มมีอยู่  หากฉลาดหน่อย ยังสามารถมีอนาคตรอพวกเขาอยู่


เรื่องเหล่านี้ทำให้ทุกคนคิดได้ เรียนหนังสือกับทำงานทำการค้าอันไหนดีกว่ากัน คนส่วนใหญ่ล้วนเห็นแต่ผลประโยชน์ตรงหน้า ไปเทียนจินไม่ว่าทำการค้าหรือทำงาน ก็กลายเป็นทางเลือกของคนมากมาย


สำหรับคนเรียนหนังสือแล้ว  นอกจากพวกบัณฑิตสมองตายไปแล้ว ที่เหลือก็ล้วนคิดได้เร็วกว่าชาวบ้าน พวกเขาก็คิดได้ ว่าตนเองลำบากลำบน หลายคนที่สู้ตนไม่ได้ไปร่ำรวยมีหน้ามีตากันที่เทียนจินหมดแล้ว ตนเองเหตุใดไม่ทำ  ซิ่วไฉหรือตำแหน่งใดก็ได้มาไม่ง่าย แม้ได้ตำแหน่งมา ไม่มีที่พึ่งเบื้องหลังยิ่งใหญ่จริง ก็ได้แต่เป็นขุนนางท้องถิ่นห่างไกล หรือหากจะเป็นขุนนางมือสะอาดดังคำสอน ก็ไม่สู้ไปทำการค้าหากำไรดีกว่า ทำให้ครอบครัวเป็นอยู่ดีขึ้น ทำให้ตนเองมีชีวิตที่มีความสุข


พวกที่มีที่นาให้ทำให้เช่า ก็พบว่างานนี้ไม่อาจทำได้ง่ายเหมือนก่อน หากให้เงินเท่ากับที่เคยให้ก็ไม่อาจรั้งคนไว้ได้ คนที่หัวไวคิดได้ก็ล้วนไปทำงานกันที่เทียนจิน  ทำรายได้มากกว่าทำนามากนัก และที่นาทุกปีลงทุนไปก็กำไรเรียกว่าน้อยมาก หากนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนการค้าที่เทียนจิน ไม่แน่อาจทำกำไรให้มากมายมหาศาลก็ได้


บัณฑิตและราษฎรล้วนคิดเช่นนี้ ขุนนางและชนชั้นสูงก็คิดเช่นนี้ ก่อนปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 10 ที่ทุกคนต้องทำก็คือกอบโกยที่นามาให้มากที่สุด ไปเมืองหลวงกับทางใต้เปิดร้านค้า โรงบ้านตนเองก็เปิดโรงสี โรงน้ำมัน โรงทอ เป็นต้น มีเพียงที่นาที่มีค่าที่สุด แต่ตอนนี้ทุกคนมีเงินก็ล้วนอยากนำไปลงทุนที่เทียนจิน ป้อมจางเจียโข่ว ซานซี และต้าถง  มีพวกใจกล้าหน่อยก็คิดจะไปลงทุนที่เมืองกุยฮว่าเฉิง การค้าทางทะเล หนังสัตว์ เลี้ยงสัตว์ ผงฟู พวกเขาเองยังงง ตนเองเมื่อก่อนทำไมไม่พบเส้นทางร่ำรวยนี้กัน หากรู้ก่อน ตนเองไปครอบครองก่อน จะดีสักเพียงใด


 เสียใจภายหลังก็เสียใจไป แต่ก็ต้องขายที่นาดีส่วนหนึ่งไป รวบรวมเงินได้ก้อนหนึ่ง นำไปลงทุนที่เทียนจิน ปลอดภัยที่สุดก็คือเอาเงินไปลงทุนกับร้านเงินสามธาราและร้านประกันภัยสามธาราเพื่อกินดอก รายได้นี้ล้วนดีกว่าเปิดโรงบ้านหรือให้เช่าเสียอีก แม้ว่าไม่อยากไปเสี่ยงภัยข้างนอก ก็อาจไปเปิดร้านที่เมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ หรือเปิดโรงช่างโรงทออะไรสักอย่าง กำไรก็ดีกว่าการทำนามาก


แน่นอน คิดจะหาเงินทองก็ต้องเรียนรู้ธรรมเนียมเทียนจิน โดยเฉพาะธรรมเนียมร้านสามธารา ที่นั่นธรรมเนียมเข้มงวด  ทำงานรอบคอบ ยากเปิดช่อง


ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป เทียนจินส่งอิทธิพลไปถึงเขตปกครองเหนือ  การค้าทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป พ่อค้าทางใต้ที่เดิมคิดว่ามาตอนเหนือทำการค้าง่ายมาก กำไรหาได้ง่าย เพราะคนทางเหนือไม่เข้าใจการค้า มีช่องทางมากมายเปิดทางไว้ พอเพียง มีแต่ทางซานซีที่พ่อค้าคบหายากเท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม ทุกคนทำการค้าอยู่ๆ ก็มีหัวทางนี้ขึ้นมา ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะเอาเปรียบกันได้ง่ายๆ แน่นอน โอกาสทางการค้าก็ย่อมมากกว่าเดิมมาก


จากระดับบนถึงระดับล่าง ล้วนเริ่มคิดว่าจะหาเงินทำกำไรอย่างไร  เมืองหลวงกับแต่ละเมืองในเขตปกครองเหนือเป็นครั้งแรกที่ต้นฤดูกาลก็เกิดความวุ่นวาย เจ้าของที่หาคนงานไม่ได้ ไม่ว่าชั่วคราวหรือถาวร  หลายคนเปิดร้านค้าโรงงานเอง ให้คนงานทำนาของตนไปทำงานกัน เริ่มมีคนไปจ้างแรงงานจากเหอหนานกับซานตงมาทำนา


หลังดำเนินนโยบายเก็บภาษีและแรงงานของจางจวีเจิ้ง ภาษีที่เก็บเป็นสิ่งของกับแรงงานล้วนสามารถจ่ายด้วยเงินสด ตอนนี้นโยบายเก็บภาษีและแรงงานของจางจวีเจิ้งแม้ว่าทำลายระบบชั่วร้ายเดิมลงไปได้ แต่เงินที่ต้องจ่ายก็ยังต้องจ่าย ชาวนาเล็กไปถึงระดับกลาง เพื่อหาเงินจ่ายภาษี ล้วนต้องขายผลผลิตตนเอง เข้าเมืองออกเมืองก็ถูกด่านเก็บเงินอีก ขายสินค้ายังถูกพ่อค้าขูดรีด  ที่ผ่านมาดังนี้ ทำให้มีเจ้าของที่มากมายล้มละลาย มีชาวนาเล็กๆ มากมายต้องสูญเสียที่นา


ที่อื่นเกิดเหตุเช่นนี้ แต่เขตปกครองเหนือกลับไม่มี เพราะทุกคนมีเงินกันง่ายมาก เพราะการค้ารุ่งเรือง เงินทองมากมี คนทำงานค่อยๆ ลดลง แต่ไม่ทำให้ภาษีลดลง


ผลปรากฏเจ้าของที่ขนาดกลางและเล็กในเขตปกครองเหนือกับซานซีและมณฑลโดยรอบ รวมทั้งชาวนาที่เคยถูกนโยบายเก็บภาษีและแรงงานทำครอบครัวล่มสลาย พวกเขาเดิมทีกลายเป็นชาวอพยพกันมาก กลายเป็นภัยแห่งการปกครอง  แต่เพราะการค้าเขตปกครองเหนือรุ่งเรือง ชาวนาไม่พอ ทำให้รับชาวนามาเพิ่มได้มาก ทำให้แผ่นดินหมิงมากวาสนาขึ้นทันที


การเปลี่ยนแปลงนี้ก็ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งนั้น ความแตกต่างระหว่างบุ๋นบู๊เริ่มเปลี่ยนไป ตั้งแต่ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิงจูหยวนจางสร้างแผ่นดิน หลังฮ่องเต้จูตี้ยกทัพขึ้นเหนือมา แผ่นดินหมิงก็ไม่อาจมีการทหารที่เข้มแข็งอีก ฮ่องเต้อู่จงพ่ายแพ้ที่วิกฤตป้อมถู่มู่และพ่ายแพ้อีกหลายคราหลังจากนั้นมา แผ่นดินหมิงก็อยู่ในสถานะใช้นโยบายป้องกันเป็นหลัก ในแผ่นดินยังคงสงบมาตลอด


ผลเช่นนี้ทำให้เป็นทหารย่อมเสี่ยงภัย ในแผ่นดินต้องระวังป้องกันอย่างมาก ขุนพลทหารเลี้ยงดูคนงานตนดังทหารส่วนตัว ปฏิบัติกับทหารผู้น้อยราวกับแรงงานทาส


สภาวะในและนอกที่เน่าเฟะ ผู้ใดก็ย่อมไม่อยากไปเป็นทหารกินเบี้ยหวัด ล้วนกล่าวว่าเป็นความอัปยศ  ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกที่ไม่มีตำแหน่งบัณฑิต ทว่าตอนสมัยฮ่องเต้เจียจิ้งที่รบกับโจรสลัด เรื่องพวกนี้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว


ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว คนนอกมองมา สถานะชื่อเสียงเกรียงไกรเช่นหวังทง ได้มาได้อย่างไร  หากไม่ใช่อาศัยความดีความชอบทางการทหารค่อยๆ สั่งสมมา ล้วนเคยกล่าวกว่าขุนนางบุ๋นสูงส่งกว่าขุนนางบู๊ แต่ขุนนางใหญ่ราชสำนักมากมายเพียงนั้น พวกที่มีชื่อเสียง  หรือแม้แต่พวกที่เป็นเชื้อพระวงศ์มีหน้ามีตาในและนอกวัง ปกติก็เสียงดังเอะอะ แต่พอทัพใหญ่มา ยังไม่ทันชักดาบ ก็สงบเสงี่ยมเงียบกริบ


ได้ยินว่าการประชุมราชสำนักครั้งนั้น หวังทงนำทหารมาแต่ไม่ได้สังหารผู้ใด แต่พวกขุนนางบัณฑิตก็พากันตกใจปัสสาวะรดกางเกงไปหมด ไม่กล้าผายลมสักคนเดียว เปรียบเทียบแล้ว ผู้ใดยังกล้ากล่าวว่า ขุนนางบุ๋นสูงส่งกว่าขุนนางบู๊


มีอีกเรื่อง ตอนนั้นฝ่าบาทถูกขุนนางบุ๋นล่วงเกินอย่างที่สุด ดังนั้นจึงทรงใกล้ชิดกับขุนพลทหารขุนนางบู๊มาก ตอนนั้นขุนพลทหารที่มาจากลานฝึกหู่เวย ตอนนี้ตำแหน่งที่ต่ำที่สุดยังได้เป็นขุนพลประจำการ วันหน้าอาจเป็นรองแม่ทัพ หรือผู้บัญชาการก็ได้ พวกเขารุ่งเรืองแล้ว และยังจะกดบรรดาขุนนางบุ๋นไว้แน่นหนา ตอนนี้เป็นทหาร ไม่แน่อาจตามกระแสนี้ทัน


และตอนนี้บนทุ่งหญ้ากับบนทะเลก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เดิมคิดว่าพวกนอกด่านเหมือนเสือร้าย แต่ตอนนี้บนทุ่งหญ้าเป็นพื้นที่ทหารม้าฮั่น บนทุ่งหญ้าชาวฮั่นน้อย ร้านค้าสมัครคนล้วนให้ค่าจ้างสูง หากยอมเป็นผู้คุ้มกันเสี่ยงชีวิต ก็ยิ่งได้เงินมาก สามารถเข้าร่วมสังหารปล้นชิงได้ จะร่ำรวยได้อีก


ลูกหลานชนชั้นสูงเมืองหลวงมากมายที่ยังไม่ได้กลายเป็นเศษสวะที่วันๆ เอาแต่ร้องรำทำเพลง เดินเล่นอวดบารมีคุณชายสำราญไปวันๆ ก็ล้วนอยากออกไปเปิดหูเปิดตาบนทุ่งหญ้า


ตอนนี้เมืองชายแดนแต่ละแห่ง ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงแต่ละตระกูล ล้วนคิดออกไปบุกเบิกกิจการ เลี้ยงสัตว์เร่ร่อน บุกเบิกพื้นที่บนทุ่งหญ้า กำลังต้องการกำลังผู้คุ้มกันจำนวนมาก กำลังขาดแคลนชายฉกรรจ์ขี่ม้ายิงธนูได้ และมีข่าวว่า มีคนกราบทูลฮ่องเต้ถึงเรื่องราวบนทุ่งหญ้า ฮ่องเต้ทรงชมเชยไม่ขาด ยังตรัสว่าไปบุกเบิกบนทุ่งหญ้า กลับมาก็จะให้นำทหารออกรบ เป็นเสาหลักของแผ่นดิน หวังทงบอกด้วยว่า หากอยู่บนทุ่งหญ้า เคยผ่านการต่อสู้มา ล้วนสามารถได้จารึกชื่อมีความชอบทางการทหาร


มีโอกาสได้เสี่ยงภัยตื่นเต้น มีโอกาสสังหารปล้นชิง มีโอกาสร่ำรวย มีโอกาสได้จารึกความชอบ เรื่องเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ลูกหลานชนชั้นสูงชอบที่สุด มีชายหนุ่มในเมืองหลวงไม่น้อยอยากทำ หรือพวกหนุ่มน้อยที่มีชีวิตสุขสบาย อยากออกไปเติมเต็มความฝันกัน ก็อยากไปกัน


ผลปรากฏแถบเมืองหลวงและเทียนจิน ทุกระดับชั้น ทุกคนก็ล้วนอยากเป็นทหาร อยากออกสู่ทุ่งหญ้า แต่ละร้านค้าก็หาผู้คุ้มกันกันได้ง่านมากขึ้น โดยเฉพาะผู้คุ้มกัน ร้านสามธารา เลือกได้คนไม่เลวไปจำนวนมาก


กระแสนี้ยังทำให้การค้าชุดเกราะกับอาวุธของโรงช่างสามธารายิ่งดีขึ้น หากต้องการสู่ทุ่งหญ้า อย่างไรก็ต้องเตรียมอาวุธให้พร้อม


ตอนที่ 959 ผู้บัญชาการหลี่หรูซงเมืองเซวียนฝู่

โดย

Ink Stone_Fantasy

พอหวังทงมาถึงเมืองเซวียนฝู่  พบกันคนไม่มาก แต่เรื่องที่คุยกันนั้นเทียบกับที่ซานซีกับส่านซีแล้วละเอียดกว่ามาก


เมืองหนึ่งต่อตระกูลหนึ่ง เป็นระบบสืบทอดทางการทหารแผ่นดินหมิง ชายแดนทั้งเก้าความจริงนั้นล้วนเป็นของตระกูลหนึ่งครอง ไม่จำเป็นว่าต้องสืบทอดกัน แต่ในระยะเวลาหนึ่ง ก็ย่อมครอบครองโดยตระกูลเดียว


ก่อนปรากฏชื่อชีจี้กวงกับอวี๋ต้าโหยว กลุ่มสู้รบที่ไว้ใจได้ที่สุด สามัคคีกันที่สุด ก็ย่อมเป็นกลุ่มสายเลือดเดียวกัน และกำลังการต่อสู้ที่ดีที่สุดก็ย่อมเป็นทหารในสังกัดขุนพลทหารตนเอง สภาพการณ์เช่นนี้ หากเป็นสายสัมพันธ์พ่อลูกหรือเครือญาติ บัญชาการก็ย่อมสะดวกมาก


ตอนยังไม่มีหวังทงปรากฏตัว การปรากฏตัวของชีจี้กวงกับอวี๋ต้าโหยวเป็นเพียงการปรับปรุงระบบทหารแบบเฮือกสุดท้ายก่อนตาย  ทำให้กองกำลังเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นจากนั้นหลายสิบปีเท่านั้น


ราชสำนักแอบยอมรับสถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงเช่นนี้ เมืองชายแดนจึงจะยังรักษากำลังต่อสู้ไว้ได้ แน่นอนหลังปรากฏหวังทงตัวขึ้นและฝึกกองกำลังหู่เวยขึ้นมา ทุกคนก็ได้เห็นเส้นทางที่แตกต่างจากเดิม


เมืองต้าถงตอนนี้เป็นตระกูลหม่า เมืองจี้โจวเป็นตระกูลลี่ เมืองเหลียวโจวเป็นตระกูลหลี่  เมืองเซวียนฝู่กลับแตกต่าง เมืองเซวียนฝู่เดิมผู้บัญชาการเป็นหม่าฟาง ได้ชื่อว่าขุนพลอันดับหนึ่งแผ่นดินหมิง อิทธิพลอำนาจตระกูลหม่าในเมืองเซวียนฝู่หยั่งรากลึก ตระกูลลี่เป็นเจ้าของพื้นที่ในเมืองเซวียนฝู่  ลี่อวิ๋นไหลไปเมืองจี้โจว ตามหลักตระกูลลี่ควรย้ายไปเมืองจี้โจว แต่พี่ชายสองคนของลี่เทาลงหลักปักฐานในเมืองเซวียนฝู่แล้ว ไม่ได้ตามไปด้วย ลี่เทาตอนนี้เป็นทหารกองกำลังวังหลวง ตระกูลลี่อิทธิพลอำนาจค่อยๆ ขึ้นมาสมดุลตระกูลหม่า สองฝ่ายใกล้ชิดกับหวังทงพอกันก็ย่อมกล่าวได้ยากว่าผู้ใดทรงอิทธิพลกว่ากัน


ตอนนี้ผู้บัญชาการเป็นหลี่หรูซง หลี่หรูซงเป็นบุตรชายคนโตตระกูลหลี่เมืองเหลียวโจว ทรงอิทธิพลอำนาจด้วยตนเองมาก่อนหน้าแล้ว มาถึงที่นี่ แน่นอนย่อมนำคนมาไม่น้อย


ตระกูลหม่า ตระกูลลี่ ตระกูลหลี่ สามตระกูลล้วนอยู่เมืองเซวียนฝู่ ทำให้ชายแดนทางเมืองเซวียนฝู่ซับซ้อนมาก แต่ทว่าความขัดแย้งไม่รุนแรง เพราะทุกคนล้วนยุ่งกับการหาเงินทอง


หม่าต้งที่ซานซีกับเมืองกุยฮว่าเฉิงไม่ต้องพูดถึง ที่เมืองเซวียนฝู่ ตระกูลหม่ามีกำไรจากหนังสัตว์และผงฟูไม่น้อย ตระกูลลี่แน่นอนไม่ยอมน้อยหน้า การค้าหนังสัตว์กับผงฟูเป็นพวกเขาที่ร่วมทำกับเทียนจินก่อน ตอนนี้พี่ชายสองคนของลี่เทาให้ความสำคัญกับการดูแลเส้นทางการค้าเมืองเซวียนฝู่และเทียนจินมาก เป็นภูเขาเงินทะเลทองคำโดยแท้!


สำหรับหลี่หรูซง แม้ว่ามาทีหลัง แต่ประสบการณ์มากพอ สถานะถึงผู้บัญชาการ การค้าที่ควรมีก็ไม่ขาดสักอย่าง และยังส่งทหารในสังกัดเข้าร่วมบนทุ่งหญ้าด้วยตนเองอีก  ยังส่งคนของตนไปทำการค้าบนทุ่งหญ้าอีก เบื้องหลังร้านค้าอันดับหนึ่งในเมืองกุยฮว่าเฉิงภายใต้ชื่อของเมืองเหลียวโจวก็มีหลี่หรูซงร่วมด้วย


โรงบ้านเพาะปลูกเลี้ยงสัตว์และการค้า หลี่หรูซงอาศัยคนงานและทหารในสังกัดตน ทำกำไรได้บนทุ่งหญ้าไม่น้อยจริงๆ และยังร่วมกับกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธออกสู่ทุ่งหญ้า เมืองเซวียนฝู่ต้องการสิ่งใด ล้วนเป็นคนหลี่หรูซงจัดหาให้ครบ เงินรายได้ก้อนนี้ไม่น้อยเลย


หักเบี้ยหวัดทหารไม่ได้เงินสักเท่าไร ไม่มีเงินก็ไม่อาจดูแลเลี้ยงดูคนงานและทหารในสังกัด คนงานและทหารในสังกัดน้อยก็ไม่อาจสร้างความชอบรักษาสถานะตอนนี้ให้คงอยู่ต่อไปได้ การมีมากยังสามารถทำให้ยิ่งก้าวหน้าไปได้อีกก้าว


อิทธิพลการเงินและอำนาจในเมืองเหลียวโจวล้วนอยู่ในมือตระกูลหลี่ แน่นอนสะดวก แต่หลี่หรูซงไปดำรงตำแหน่งที่เมืองเซวียนฝู่ เริ่มแรกก็ได้แต่ให้เมืองเหลียวโจวส่งเงินมาให้ สิ้นเปลืองเงินทองมาก การจัดการเช่นนี้เป็นไปตามที่ราชสำนักต้องการ แต่สร้างสมดุลได้หรือไม่นั้นก็ไม่อาจกล่าวได้ชัดนัก


แต่ทว่าหลี่หรูซงเริ่มหาช่องทางในเมืองเซวียนฝู่ อาศัยการที่หวังทงปราบเมืองกุยฮว่าเฉิงลงได้ ค่อยๆ เริ่มสร้างตนจนมีเงินมีทองขึ้นมา พอมีเงิน ทุกอย่างก็ง่าย เขาสามารถเป็นเอกเทศจากเมืองเหลียวโจวได้อย่างสิ้นเชิง


สามตระกูลมีผลประโยชน์บนทุ่งหญ้าต่างกัน  วันหน้าทิศทางที่จะดำเนินไปก็ย่อมต่างกัน เช่นตระกูลหม่า คิดแต่ทำการค้าในพื้นที่ตนให้มั่นคง จากนั้นไปเปิดการค้าที่เทียนจิน ถึงกับยังร่วมการค้าทางทะเล ไม่ค่อยคิดอยากขยับขยายในพื้นที่เร็วไปหรือมากไปนัก เพราะตระกูลหม่าเขานั้นมีพื้นที่หลักที่ซานซี หม่าต้งได้สร้างความเป็นใหญ่ในพื้นที่นั้นไว้แล้ว


ตระกูลลี่นั้นแตกต่าง เมืองเซวียนฝู่กับเมืองจี้โจวเกือบเรียกได้ว่าขวางกั้นระหว่างมองโกลตะวันออก พวกเขาต้องการยึดครองโรงบ้านเลี้ยงสัตว์และบ่อผงฟูให้ยิ่งมากขึ้น จากนั้นก็ส่งไปขายเทียนจิน ยังนำสินค้าเทียนจินไปขายบนทุ่งหญ้าให้ยิ่งมากขึ้น นี่เป็นแผนการร่ำรวยของพวกเขา


สำหรับตระกูลหลี่ ก็ย่อมต้องหารือละเอียดกับหวังทง ดังนั้นหวังทงจึงมายังเมืองเซวียนฝู่ พอได้วันที่หก หลังจากหารือจากทุกฝ่ายจบลง หลี่หรูซงก็จัดงานเลี้ยงที่จวนตนเอง เชิญหวังทงร่วมงาน


….


จวนสร้างได้งดงามอลังการ ไม่ธรรมดา หวังทงมาเยือนจวนของขุนพลใหญ่เช่นนี้ก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้ง ทุกครั้งล้วนได้แต่ทอดถอนใจ มีกลิ่นอายสังหารองอาจที่ไหนกัน เห็นชัดๆ ว่าเป็นกลิ่นอายแบบพ่อค้าคหบดีร่ำรวยค้าเกลือแดนใต้แท้ๆ


ใต้หล้าแดนใต้ได้ชื่อว่าร่ำรวยมหาศาล เป็นสถานที่ที่รุ่งเรืองทันสมัยที่สุด ใต้หล้าคนมีเงินก็ล้วนใช้ชีวิตตามแบบคนเหล่านี้  ทุกอย่างอันดับหนึ่งไม่แตกต่าง พอมาถึงรุ่นหลี่หรูซง ก็ยิ่งเหมือนแดนใต้ยิ่งกว่าเหมือน เดาว่าเป็นช่างสร้างมาซูโจวหังโจวเลยทีเดียว มองไม่ออกว่ามีที่ใดผิดแผกแตกต่าง


หวังทงลงจากหลังม้าหน้าประตู หลี่หรูซงในชุดธรรมดาแบบคหบดีก็รีบเข้ามาต้อนรับ หลี่หรูซงเป็นลูกหลานขุนพลทหาร รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ในชุดคหบดีขุนนางแบบพอดีตัว  สวมบนร่างกายขาได้อย่างพอดี ยามนี้หลี่หรูซงดูเหมือนคหบดีใหญ่ที่ร่ำรวยมากกว่า


“ข้าน้อยคารวะท่านโหว”


ไม่ใช่แค่การแต่งกาย แม้แต่การวางท่าทางก็เป็นเช่นกัน หลี่หรูซงเผยรัศมีชนชั้นสูงบรรดาศักดิ์ แต่เขาเป็นผู้บัญชาการ หวังทงแน่นอนย่อมไม่ให้เขาคารวะลงไปจริงๆ รีบเข้าประคอง  สองฝ่ายทักทายกันตามธรรมเนียม  ก่อนจะเดินเข้าจวนไป


งานเลี้ยงจัดที่โถงกลาง หวังทงกวาดตาสำรวจคร่าวๆ ก็พบว่าที่นี่กับที่เคยเห็นมาตลอดนั้นไม่เหมือนกัน มีความเป็นเหมือนที่พักขุนพลทหารอยู่บ้าง


บนกำแพงมีธนูแขวน ทางมุมหนึ่งมีอาวุธหลากหลายจัดเรียง มุมหนึ่งยังมีเกราะหู่เวยตั้งอยู่ มองไปยังเห็นข้างโต๊ะน้ำชามีดาบประเทศวัวด้ามหนึ่ง


“ใต้เท้าหลี่ ช่างมีความเป็นขุนพลทหารแท้จริง!”


หวังทงกล่าวขึ้น แต่ทว่าพอกล่าวออกไปก็รู้สึกไม่ถูกต้อง ธรรมเนียมแผ่นดินหมิง ชมขุนนางบู๊กล้าหาญได้ แต่กล่าวว่า ‘มีความเป็นขุนพลทหาร’ กลับเป็นการลบหลู่  เหมือนว่าบรรยายถึงพวกนิสัยหยาบช้า ขาดความละเอียดอ่อน


หลี่หรูซงสีหน้ายังคงปกติ ยิ้มแหะๆ กล่าวว่า


“บิดาข้าน้อยเป็นขุนนาง อยู่จวนก็มักจะชอบแต่งกายด้วยชุดแบบบัณฑิต ถือหนังสือวางท่าวางทางว่าอ่าน เห็นแล้วก็ขัดตา อำนาจวาสนาเรามาจากมีดดาบ สู้มาด้วยชีวิต เรียนหนังสือไปทำซากอะไร อ่านออกก็พอแล้ว ยังมีหม่าหลินตระกูลหม่าอีก เพิ่งไปถึงเมืองเหลียวโจว ข้าน้อยเห็นแล้วสะดุ้งตกใจ ในใจคิดว่าเป็นราชสำนักส่งผู้ว่าการมณฑลหรือนายกองคุมกำลัง ตระกูลหม่าถึงกับมีขุนนางบุ๋นได้ ต่อมาจึงได้รู้ว่าเป็นรองแม่ทัพ ช่างน่าหัวเราะ ไม่ใช่ว่าเขาสังหารพวกนอกด่านที่ต้าถงได้ความชอบมา เขาจึงมีวันนี้ได้ กลับมาทำท่าทางแบบนี้ได้”


วาจานี้ถูกใจหวังทง หวังทงสีหน้าค่อยๆ มีรอยยิ้ม หลี่หรูซงกล่าวมาคำแรกก็นิ่งไปพักหนึ่ง เห็นสีหน้าหวังทงแล้วก็พูดต่อ


ตามความเข้าใจของหวังทง หลี่หรูซงผู้นี้เป็นขุนพลแท้จริง  แม้องครักษ์เสื้อแพรกับร้านสามธาราไม่ได้บรรยายด้านบวกนัก  แต่ทว่าหวังทงกลับมองออก หลี่หรูซงมีความเป็นขุนพลทหาร เป็นขุนนางบู๊แผ่นดินหมิงที่หาได้ยากยิ่งที่จะมีนิสัยเช่นนี้ ก็คือนิยมชมชอบการต่อสู้ ชอบการสังหาร


หรือเพราะหลี่หรูซงเป็นบุตรชายคนโตตระกูลหลี่  แต่เล็กจนโตก็ติดตามบิดาออกรบออกตก และได้ชัยชนะมาตลอด ทำให้เขาชมชอบการต่อสู้ ชอบการทหาร ชอบการสังหาร


ผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่มักขี่ม้าออกไปบนทุ่งหญ้ากวาดล้างเผ่าเล็ก หากแต่ไรมาไม่เคยนำหัวศัตรูกลับมา ที่แท้คิดเช่นไร มีข่าวมาว่าตอนไปตีหม่านเท่าเอ๋อร์ หลี่หรูซงก็อาจร่วมด้วย แต่ข่าวไม่ยืนยัน เพียงแค่ลือกัน


แต่ทว่าหลี่หรูซงชอบการต่อสู้กับการสังหาร ขัดหูขัดตากับพวกขุนนางบู๊ที่ท่าทางเรียบร้อยแบบพวกอ่านตำรา แต่ไม่เกี่ยวอันใดกับเรื่องที่คุยกันตอนนี้ หลี่หรูซงสามารถมาสู่สถานะเช่นตอนนี้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบิดา แต่ตนเองเองก็มีความสามารถเช่นกัน สองฝ่ายเคยคบหากันไม่มากครั้ง แต่เหตุใดจึงมาพูดว่าขัดตาบิดาตนต่อหน้าเช่นนี้


วาจานี้ย่อมมีสาเหตุ เครือข่าวหวังทงขัดแย้งกับพวกตระกูลหลี่ ใต้หล้าล้วนรู้ แต่ขุนพลตระกูลหลี่ อยู่เมืองเหลียวโจว หลี่หรูซงตอนนี้แยกออกมา ก็ต้องแสดงความเป็นมิตรกับหวังทงให้ชัดเจน


ยุคสมัยนี้ทุกคนต่างวางตัวตระกูลสูง การวางตัวและงานเลี้ยงของหลี่หรูซงวันนี้ บางทีอาจไม่ใช่ความคิดจากหลี่เฉิงเหลียงก็ได้ อย่างไรหลี่เฉิงเหลียงก็แก่มากแล้ว หวังทงอายุยังน้อย และหวังทงกุมอำนาจราชสำนัก  ประเด็นสำคัญคือฮ่องเต้ว่านลี่เองก็ยังทรงอายุน้อย ตระกูลหลี่คิดจะดำรงอำนาจวาสนาต่อ อย่างไรก็ไม่อาจดำรงตนอยู่บนต้นไม้เดิม


หวังทงคิดไปร้อยพันอย่างรวดเร็ว หลี่หรูซงกล่าวจบ หวังทงยิ้มกล่าวว่า


“ขุนนางบู๊เราอาศัยอาวุธและการต่อสู้ดังชีวิต ขุนนางบุ๋นอาศัยพู่กันดังชีวิต ไม่ลืมที่มาของตนเป็นเรื่องดี!”


ได้ยินวาจาหวังทง หลี่หรูซงก็อึ้งไป ตามมาด้วยหัวเราะดัง ยกจอกสุราขึ้นกล่าวว่า


“ท่านโหวกล่าวได้ดี ไม่ลืมที่มา มา ข้าน้อยคำนับท่านโหวสามจอก!”


วาจาหวังทงแสดงท่าทีชัดเจน แม้ว่าไม่ได้กล่าวชัด แต่ก็แสดงความเป็นมิตร หลี่หรูซงแน่นอนว่าดีใจ หลายจอกลงท้องไป สองฝ่ายก็มีวาจากันมากขึ้น


“ท่านโหวช่างใจกว้าง ข้าน้อยส่งคนไปหม่านเท่าเอ๋อร์ไม่กี่ร้อย ใต้เท้าก็มอบทรายทองคำให้ตั้งสองส่วน มีสองส่วนนี้ กำไรมากกว่าเพาะปลูกมาก!”


“ไม่ใช่ว่าข้าใจกว้าง แต่เป็นร้านสามธาราใจกว้าง”


“ผิดไปแล้ว ๆ ข้าน้อยกล่าวผิดไปแล้ว”


“วันหน้ากลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงออกไปทางตะวันออก ก็ต้องขอใต้เท้าหลี่ดูแลให้มากๆ แล้ว”


“ท่านโหวไยกล่าวเช่นนี้ ข้าน้อยใช่ว่าไม่ได้แบ่ง งานในหน้าที่ย่อมต้องตั้งใจทำให้ดี ขอท่านโหววางใจได้”


สองฝ่ายกล่าวกันตามมารยาท ก็กำหนดทิศทางเรียบร้อย จากนั้นลูกน้องสองฝ่ายก็คุยรายละเอียดกัน ตอนหวังทงมา คิดไม่ถึงหลี่หรูซงจะเป็นมิตรเช่นนี้  ทำให้เรื่องง่ายขึ้นมาก หลังจากดื่มสุราไปพักหนึ่ง ก็ให้คนรับใช้ในห้องออกไป หวังทงยิ้มถามขึ้น


“ตอนนี้เมืองเหลียวโจวปราบเผ่าหนี่ว์เจิน ใต้เท้าหลี่เห็นอย่างไรในเรื่องนี้?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)