องครักษ์เสื้อแพร 954-955
ตอนที่ 954 ใช้ให้คุ้มค่า วางแผนระยะยาว
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตระกูลปัวคิดไม่ถึงว่าจะได้รับการจัดการเช่นนี้ ตามระเบียบแผ่นดินหมิง หวังทงแม้ไม่เอาโทษ แต่ปัวไป้ก็ต้องปลิดชีวิตตนเอง สมบัติตระกูลปัวต้องถูกริบหมด ทั้งครอบครัวกลายเป็นราษฎรธรรมดา
แต่ตอนนี้แม้ไร้ตำแหน่งขุนนาง แต่ยังให้ความหวังแก่รุ่นสามตระกูลปัว ยังจะได้เป็นทหารเพื่ออำนาจวาสนา ต้องรู้ว่าลูกหลานขุนพลทหาร เทียบกับคนอื่นแล้ว กำลังกายและความคิดเหมาะกับการเป็นทหารมาก โอกาสก้าวหน้าก็มากกว่า สำหรับไปเปิดร้านในเมืองกุยฮว่าเฉิง และมีร้านสาขาที่เทียนจิน แม้ว่าลำบาก แต่ก็สามารถทำให้ชีวิตตระกูลปัวยังคงดีต่อไป แม้ว่าปัวไป้เคยลำบากมา แต่จะให้เขากลับไปเป็นอย่างเดิมย่อมไม่อยากเช่นนั้น ย่อมไม่ต้องพูดถึงครอบครัวที่เคยมีพร้อม
เมืองกุยฮว่าเฉิงเป็นอย่างไร ปัวไป้และปัวเฉิงเอินล้วนรู้ดี พื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือ เกรงว่ามีแต่ไม่กี่เมืองใหญ่ในส่านซีเท่านั้นที่เทียบได้ ให้ตนไปที่นั่น ชีวิตไม่ลำบากไม่ว่า ยังอาจดีกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
และยังไม่ยึดทรัพย์ตระกูลปัว ให้พวกเขาเก็บทหารไว้ได้อีก ตระกูลปัวอยู่เมืองหนิงเซี่ยมานาน คุมบ่อเกลือ ยังมีการค้าชายแดน ยังมีทรัพย์สมบัติมากมาย สิ่งต่างๆ ที่มีในหนิงเซี่ยเหล่านี้ขายไป นำไปเมืองกุยฮว่าเฉิงไม่แน่ว่าอาจไปทำอะไรที่ดีได้ยิ่งกว่า
คนตระกูลปัวรู้ว่าเมืองกุยฮว่าเฉิงทำการค้านอกจากต้นทุนแล้ว ยังต้องอาศัยกองกำลังในมือ ให้พวกเขานำทหารไป500 คนได้ ไปเป็นผู้คุ้มกัน 500 คน ด้วยความเชี่ยวชาญทุ่งหญ้าทางตะวันตกของตระกูลปัวไม่ว่าปล้นหรือทำการค้า ย่อมไม่เสียเปรียบ ร่ำรวยใหญ่ก็ว่าได้
ปัวไป้ ปัวเฉิงเอินแม้อยู่เมืองหนิงเซี่ยมีประสบการณ์มานาน พบเรื่องราวมาไม่น้อย เห็นการจบสิ้นและรุ่งเรืองของชนเผ่าบนทุ่งหญ้ามามาก เห็นการล้มและเกิดขึ้นของตระกูลใหญ่ในเมืองหนิงเซี่ยมาไม่น้อย เรื่องพวกนี้มาถึงตนเองในวันนี้ ยังคิดว่าคงมีจุดจบที่น่าอนาถแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ไปได้
ความดีใจปะปนเศร้าใจกระหน่ำในใจ อารมณ์ล้วนไม่อาจระงับ แน่นอนย่อมหลั่งน้ำตาโขกศีรษะขอบคุณ
หวังทงรับการขอบคุณของพวกเขาแล้วก็ลุกขึ้นกล่าวว่า
“กลับไปก็ไปลาออกจากตำแหน่ง ส่งมอบอาวุธให้หมด รอพวกเจ้าทั้งครอบครัวออกนอกเมืองค่อยส่งมอบ”
คนเบื้องหน้าโขกศีรษะรับคำ หวังทงเงียบไป กล่าวอีกว่า
“ให้ปัวอวิ๋นส่งมอบกำลังทหารให้ขุนพลทางนั้น ทหารส่วนตัวพวกเจ้าก็ให้ประจำที่เดิม ค่าใช้จ่ายพวกเจ้าจัดการเอง บอกกับปัวอวิ๋นให้เข้าใจสถานการณ์นี้ หากเขาเคลื่อนไหว ทหารข้างนอกก็จะทลายกำแพงเมืองเข้ามาสังหารโจรทันที”
หวังทงกล่าวน้ำเสียงนิ่ง พ่อลูกตระกูลปัวเบื้องหน้าไม่กล้ารอช้า รีบรับคำทันที ปัวอวิ๋นกุมกำลังกองกำลังหลังหนิงเซี่ยซึ่งเป็นกำลังหลักของตระกูลปัว ได้ยินข่าวนี้ก็ยากจะไม่คิดสู้ ถึงตอนนั้นหากเคลื่อนไหว ก็คงยุ่งยาก ที่เรียกว่ายุ่งยากก็คือสังหารทิ้ง กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงติดอาวุธด้านนอกล้วนเป็นกองกำลังติดอาวุธที่ได้เปรียบกว่า ไม่เกรงกลัวเขาแน่นอน
***************
หลิวตงหยางกลัวความผิดปลิดชีวิตตนเอง สมบัติถูกยึด คนในครอบครัวส่งไปเป็นทาสในเมืองกุยฮว่าเฉิง ปัวไป้ปัวเฉิงเอินไม่รู้จักใช้คน จึงขอลาออกจากตำแหน่ง ข่าวนี้รายงานไปยังเมืองหลวงแล้ว
เช้าวันที่ 8 เดือนหนึ่ง ยังคงปกติ ในเมืองหนิงเซี่ย พวกที่การข่าวไวก็ล้วนรู้ว่าติ้งเป่ยโหว ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรหวังทงเรียกพบที่ประตูตะวันออก มาถึงตอนกลางวัน ข่าวก็แพร่ไปทั่วเมืองหนิงเซี่ย ทุกคนล้วนแปลกใจ แต่ทว่าก็เข้าใจดี สถานการณ์สงบสมบูรณ์แล้ว
ผู้บัญชาการจางเหวยจงกับผู้ว่าการมณฑลตั่งเซียงคิดส่งทหารติดตามไปกวาดล้างยึดทรัพย์ในทันทีที่ได้ยิน ตระกูลปัวช่างร่ำรวยอ้วนพี ไม่กินสักคำย่อมไม่อาจทำใจได้
แต่พอได้ยินการจัดการของหวังทง พวกเขาก็แต่กลับไปด้วยความผิดหวัง ได้แต่ไม่พอใจ เรื่องอื่นไม่กล้าทำ เพราะตอนนี้ในเมืองส่วนใหญ่ล้วนอยู่ใต้การควบคุมของกองกำลังหวังทง
“องครักษ์เสื้อแพรส่งคนตามไป 50 นาย ทหารติดตามผู้บัญชาการเหล่านี้ทำอะไรไม่สะอาดนักไม่ต้องสนใจ แต่อย่าให้ทำเรื่องที่เลวร้ายไม่อาจให้อภัยได้”
หวังทงกลับถึงกองพันองครักษ์เสื้อแพร ก็มีคำสั่งให้เฉินต้าเหอนำกองกำลังหนึ่งมุ่งไปยังป้อมทหารของหลิวตงหยาง นอกจากทหารที่นี่ในเมืองหนิงเซี่ย ที่เหลือส่วนใหญ่ร่วมมือกับคนใหญ่คนโตในพื้นที่ไม่น้อย ไม่อาจให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อการ แต่ทว่าก็ง่ายมาก ทหารติดตามผู้บัญชาการจัดการสู้ทหารส่วนตัวตระกูลปัวไม่ได้ รับมือทหารพวกนี้เหลือเฟือ
“เจ้าส่งคนไปตระกูลปัวถามพ่อลูกตระกูลปัว ขอหนังสืออนุญาตไปให้กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงนอกเมืองไปบ่อเกลือเอาเกลือได้ บอกพวกเขาว่าที่นี่ไม่มีปัญหา ร้านสามธาราทิ้งผู้คุ้มกันไว้รับคำสั่ง 500 ที่เหลือกลับได้!”
หลิวจี๋หลินรีบรับคำรีบไป หวังทงสั่งกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิง ผู้ใดก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธแน่นอนเลี้ยงด้วยเงินและเสบียงตนเอง แต่หวังทงทำงานแต่ไหนแต่ไรมาก็มีให้มีรับ ให้พวกเขามา ย่อมมีผลประโยชน์ให้ เกลือที่บ่อเกลือฉือเหยียนก็คือค่าตอบแทนให้แก่พวกเขา
เกลือที่บ่อเกลือฉือเหยียนตอนนี้นับเป็นเกลือคุณภาพดีที่สุด พื้นที่เมืองกุยฮว่าเฉิงเองมีบ่อเกลือ แต่กำลังการผลิตแค่เพียงพอสำหรับในเมืองเท่านั้น ยังต้องนำเข้าจากซานซีและที่อื่นๆ อีก หนิงเซี่ยมีการค้าบ่อเกลือไม่น้อยเป็นของเมืองกุยฮว่าเฉิงใช้รถใหญ่ม้าสี่ตัวบรรทุกเกลือจากบ่อเกลือฉือเหยียนกลับ ค่าใช้จ่ายพอคิดดู ดีไม่ดียังกำไรได้อีก
สำหรับทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงแล้ว เกลือสำคัญกับพวกเขาเช่นกัน แต่ล้วนขี่ม้ามา แม้ว่าเอาม้าลากเกลือกลับ ก็ไม่ได้มากมายอันใด หวังทงให้ใบอนุญาตไป อาศัยใบนี้ ก็สามารถซื้อเกลือได้ราคาถูก ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงย่อมต้องได้ประโยชน์ คนเหล่านี้ทำงานคุ้มกันให้กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ แต่ยังรับคำสั่งหวังทง แน่นอนย่อมไม่ให้พวกเขาต้องกลับไปมือเปล่า
พ่อลูกตระกูลปัวลาออกไปตามขั้นตอน ผู้บัญชาการกับผู้ว่าการมณฑลล้วนได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการ ปัวไป้เขียนจดหมายให้ปัวอวิ๋น ส่งคนนำไป จดหมายให้คนหวังทงอ่านแล้ว และยังให้คนสนิทไปติดต่อหน่วยงานต่างๆ ผู้คุ้มกันหลิวตงหยางในตระกูลปัวในเมืองตอนนี้ถูกจับมัดหมด ตนเองก็โยนอาวุธออกนอกจวนไปรอจัดการ
สื่อชีนำคนไปตรวจสอบในจวน จากนั้นก็เก็บอาวุธด้านนอกกลับ ให้ผู้คุ้มกันกลับไปทำงานต่อ ในเมื่อตระกูลปัวไม่แอบซ่อน ก็ย่อมไว้หน้า
หลิวจี๋หลินทำงานกลับมา เมื่อก่อนตอนเขามายังเมืองหนิงเซี่ย ไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลปัวไม่ไว้หน้าอย่างไร เพราะผู้ว่าการมณฑลกับผู้บัญชาการ หรือแม้แต่กองพันรักษาความสงบก็ยังไม่มองหน้า แต่ตอนนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจไม่เคารพ หลิวจี๋หลินดีใจมาก ยิ่งเลื่อมใสบูชาหวังทง
ทุกคนเก็บเนื้อเก็บตัวกันมานาน พอหวังทงมาได้ไม่กี่วัน ต่อสู้กันไปหลายรอบ ตายไปหนึ่ง จัดการได้เรียบร้อยอย่างง่ายดายเพียงนี้ ช่างเป็นผู้มีความสามารถเหนือคนทั่วไปจริงๆ
แต่ทว่าหลังหวังทงมาถึงเมืองหนิงเซี่ย งานหลิวจี๋หลินก็ยุ่งกว่าเมื่อก่อนมาก หลิวจี๋หลินแอบละอายใจ ผู้บัญชาการไม่มา ไม่รู้ตนเองมีงานมากมายที่ไม่ได้ทำ
พอกลับถึงที่ทำการ ก็มีคนมาตาม บอกท่านโหวสั่งให้นายกองพันหลิวกลับมาให้ไปพบ
**************
“ทหารติดตามตระกูลปัวมากมาย จะนำไปที่เมืองกุยฮว่าเฉิง 500 อีกสองพันกว่าไม่มีที่ไป เจ้าต้องจัดการ อีกสักครู่ไปออกเอกสารรับรองรายได้ให้พวกเขา เก็บไว้ใช้ คนตระกูลปัวจะช่วยเจ้าจัดการ”
หลิวจี๋หลินมาถึง หวังทงก็เปิดเรื่องตรงไปตรงมาทันทีไม่อ้อมค้อม ทหารตระกูลปัวที่หนิงเซี่ยเรียกได้ว่าแกล้วกล้า อยู่ๆ ให้ปลดประจำการ ดีไม่ดีอาจมีคนคิดก่อการ แม้ไม่ก่อการก็ไม่อาจคุมได้ กองกำลังเช่นนี้หากปลดไปย่อมน่าเสียดาย
ดังนั้นหวังทงจึงคิดให้หลิวจี๋หลินคว้ากองกำลังนี้ไว้ หลิวจี๋หลินรีบรับคำ แต่ทว่าเรื่องนี้ไม่เล็ก เขาถามขึ้นจริงจังว่า
“ผู้บัญชาการ ข้าน้อยมีตำแหน่งว่างอีกแค่ 200 ที่เหลือหากคัดทหารอ่อนแอและชราภาพออกก็ว่างราว 500 หากมากกว่านี้เกรงว่าไม่พอ คนที่เหลือหากเป็นทหารส่วนตัวข้าน้อย ก็คงถูกคนยื่นฎีกา”
“เลือก 500 ไว้รับคำสั่งโดยตรงก็พอ แต่เจ้าต้องคุมให้อยู่ก่อน เจ้าตอนนี้มีคนแค่ไม่กี่สิบ หากนำเข้ามา 500 คนอื่นกลับมาเป็นใหญ่แทน”
หวังทงเตือน กล่าวต่อ เห็นว่าเขาคิดการไว้หมดแล้ว
“ที่ข้าคิดไว้ก็คือให้เจ้ารับกำลังผู้คุ้มกันข้างนอก 500 เข้าเป็นองครักษ์เสื้อแพร ส่วนทหารส่วนตัว 2,000 กว่าของตระกูลปัว ส่วนหนึ่งให้ไปคุ้มกันบ่อเกลือ อีกส่วนหนึ่งเป็นผู้คุ้มกันร้านสามธาราที่จะเปิดใหม่ สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าใช้กำลังมากคุม ย่อมสบายขึ้นมาก”
“ผู้บัญชาการช่างรอบคอบ”
หลิวจี๋หลินกล่าวอย่างดีใจ หวังทงโบกมือ ไม่สนใจวาจาพวกนี้
“แต่ทหารส่วนตัวตระกูลปัว เจ้าจะต้องรีบกุมไว้ในมือให้ดี ให้พวกเขาฟังคำสั่งเจ้าแต่โดยดี เจ้าทำได้ไหม?”
หลิวจี๋หลินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคำนับกล่าวว่า
“ขอผู้บัญชาการวางใจ เบี้ยหวัดและเสบียงเพียงพอ ใช้การฝึกแบบกองกำลังหู่เวย รับรองว่าพวกเขาจะจงรักภักดี แต่ทว่าขุนพลทหารฝึกซ้อม ยังคงต้องให้ผู้บัญชาการดูแล ที่นี่มีแค่สี่คนมาจากเทียนจิน ดูแลไม่ไหวจริงๆ”
“มีความมั่นใจเช่นนี้ก็ดี นอกเมืองมีกลุ่มผู้คุ้มกันขบวนพ่อค้า 500 ทหารสูงวัยอย่างน้อยก็ 150 ที่เหลือล้วนฝึกมาจากระบบกองกำลังหู่เวย พวกเขาล้วนนำมาเป็นครูฝึกได้ เจ้ารู้ไหมทำไมให้เจ้าคุมกำลังกองใหญ่เช่นนี้?”
หวังทงอยู่ๆ ถามขึ้นเช่นนี้ กลุ่มผู้คุ้มกันพ่อค้า 500 ทหารตระกูลปัวเกือบ 2,000 ที่เพิ่มเข้ามา นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรหลิวจี๋หลินมีกำลังไม่ด้อยกว่าตระกูลปัวตอนนั้น หลิวจี๋หลินคิดแล้วก็คำนับกล่าวว่า
“เพื่อปกป้องบ่อเกลือ ทำให้เมืองกุยฮว่าเฉิงไม่ต้องกังวลเรื่องเกลืออีกต่อไป”
“นี่ก็เรื่องหนึ่ง เรื่องอื่นเล่า?”
“เพื่อคุมแต่ละเผ่าบนทุ่งหญ้าต่อไป……” ”ไม่สิ เพื่อให้อีกสิบปีต่อไปนี้หากแต่ละเผ่าบนทุ่งหญ้า ไม่สวามิภักดิ์แผ่นดินหมิงก็ขับไล่ไปทะเลทรายหรือให้ขึ้นเหนือไป กำลังกองนี้ ช่วยจับตาดูผู้บัญชาการทหารประจำหนิงเซี่ยกับผู้ว่าการมณฑล”
หวังทงกล่าวตรงๆ หลิวจี๋หลินได้ยินก็สะดุ้ง กลับไม่เกรงกลัว หากคำนับกล่าวว่า
“ข้าน้อยโง่เขลา ขอแค่ผู้บัญชาการบอกกล่าว ข้าน้อยจะบุกน้ำลุยไฟไม่เกรงกลัวความตาย!!”
ตอนที่ 955 จัดการภาพรวม
โดย
Ink Stone_Fantasy
ใช้กำลังมากเพียงนี้ไว้รับมือผู้บัญชาการกับผู้ว่าการมณฑล แม้องครักษ์เสื้อแพรมีหน้าที่สืบความลับขุนนาง แต่หวังทงกล่าวมาเมื่อครู่กลับไม่ได้หมายความเช่นนี้
หลิวจี๋หลินแน่นอนฟังเข้าใจ ดังนั้นคำตอบแรกจึงไม่ใช่ถามว่าทำอย่างไร แต่เป็นการแสดงถึงจุดยืนตน เรื่องนี้อาจผิดกฎหมาย อาจไม่ต้องตามธรรมเนียม แต่หลิวจี๋หลินรู้ว่าอำนาจวาสนาตนเองแท้จริงมาจากผู้ใด ไร้หวังทงสนับสนุนและส่งเสริม ตนเองก็ไม่เหลืออะไร หากจะมาลังเลในเรื่องนี้ เช่นนั้นคงได้แต่ไร้อนาคตแล้ว
คำตอบเขาทำให้หวังทงพอใจมาก หวังทงพยักหน้าเอ่ยขึ้น
“เจ้าเป็นคนจากกองกำลังหู่เวย ความเป็นตายเจ้าก็ผูกไว้กับข้า ข้าไม่ปิดบังเจ้า ข้าคิดจะเปลี่ยนระบบเมืองชายแดน!”
จากการที่หวังทงเป็นขุนนางบู๊สูงสุดแผ่นดินหมิง จึงมีสถานะพอจะกล่าวเช่นนี้ แต่หลิวจี๋หลินได้ฟังแล้ว ก็อดสะดุ้งไม่ได้ ไม่สนใจอันแล้ว ยามนี้ต้องระวังรอบคอบ เอ่ยเตือนว่า
“ผู้บัญชาการเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องรอบคอบให้มาก!”
ชายแดนทั้งเก้ามีประชากรถึงหนึ่งในห้าของแผ่นดินหมิงก็ว่าได้ นับเป็นทหารครึ่งหนึ่งของแผ่นดินหมิงหรืออาจมากกว่านั้น ทุกปีใช้งบประมาณแผ่นดินหมิงสองในสาม กลุ่มเช่นนี้แม้ว่าไม่ใช่ภาพรวมทั้งหมด แต่จากเมืองชายแดนไปยังท้องถิ่นหรือ จากเมืองชายแดนไปยังราชสำนัก สองร้อยปีมานี้ ก็เริ่มขยายใหญ่ ผลประโยชน์ทับซ้อนมากมาย หากแตะหนึ่งย่อมกระทบทั้งหมด หวังทงคิดแตะต้องกับผลประโยชน์ร่วมกองนี้ แม้ว่าหวังทงตอนนี้มีอำนาจมาก แต่ก็ยังเสี่ยงเกินไป กล่าวให้ถูกต้องก็คือ รนหาที่ตาย
หวังทงพยักหน้ากล่าวว่า
“แน่นอนต้องรอบคอบ ข้าจะไม่เหมือนกับพวกขุนนางในราชสำนัก เรื่องยังไม่ทำ ก็ตะโกนบอกใครต่อใครไปหมด แต่การจะจัดการถอนกำลังเมืองชายแดน ดีไม่ดีผู้บัญชาการ ผู้ว่าการมณฑล หรือแม้แต่ขุนพลภาคในยามนี้ก็คงก่อเรื่อง เจ้าต้องรับมือเรื่องพวกนี้ เข้าใจไหม?”
“ข้าน้อยเข้าใจ ยอมมอบชีวิตเพื่อการนี้!”
วาจาเสียงดังกังวาน มีหลายส่วนฟังแล้วจริงใจอยู่ หลิวจี๋หลินคิดเข้าใจแล้ว หากจะเป็นเพราะปรับระบบเมืองชายแดนแล้วทำให้เกิดความวุ่นวายทางการทหาร กำลังในมือตนแค่นี้จะไปทำอะไรได้ ถึงตอนนั้นต้องลงมือ ก็คงต้องสละชีวิตนี้ไปด้วย เพื่อให้สมกับที่ผู้บัญชาการไว้วางใจ
หวังทงโบกมือกล่าวเรียบๆ ว่า
“คงไม่ถึงชีวิตหรอก รอบคอบหน่อย ละเอียดหน่อย ระวังหน่อย ก็พอแล้ว”
หลิวจี๋หลินอดยิ้มไม่ได้ ใต้เท้าตนไม่นิยมวาจาเช่นนี้ ตนเองกลับลืมเสียได้ หวังทงตบเท้าแขนเก้าอี้ กล่าวว่า
“วันที่ 18 เดือนหนึ่งข้าจะจัดงานเลี้ยงทุกฝ่ายในหนิงเซี่ย ทหารเมืองหนิงเซี่ย คหบดีใหญ่ที่นี่….ไม่ว่ามีตำแหน่งขุนนางหรือไม่ หากเป็นคนใหญ่คนโตในพื้นที่ที่กล่าววาจาแล้วมีผู้รับฟัง เจ้าส่งรายชื่อมา เชิญมาให้หมด ปล่อยข่าวไปด้วยว่า หากไม่มาก รอรับโทษได้!”
“ขอรับ ข้าน้อยขอล่วงเกิน โทษนี้เป็นเพียงวาจา แต่อย่างไรต้องเตรียมการลงโทษ!”
องครักษ์เสื้อแพรหาความผิดให้ผู้อื่นเป็นเรื่องชำนาญ ข่มให้กลัวเรื่องหนึ่ง หากต้องลงโทษจริง ก็ต้องหาหลักฐาน แน่นอน หลักฐานจริงหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
“เตรียมการลงโทษ สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มาร่วมงานเลี้ยง ย่อมมีใจคิดการไม่ซื่อ!”
หวังทงตอบอย่างไม่ลังเล
***************
วันที่ 11 เดือนหนึ่งเริ่มแจกเทียบเชิญออกไป หนิงเซี่ยเป็นเมืองชายแดน มาตรฐานที่หวังทงว่ามาเชิญแขกก็ควรจะไม่น้อย แต่ความจริงนั้นกลับไม่มาก
เมืองหนิงเซี่ยกับเมืองกานซู่ตะวันตกเฉียงเหนือกับเมืองชายแดนทางตะวันออกไม่เหมือนกัน ทางนั้นเป็นมณฑลทหารชายแดน ยังมีพื้นที่ปกครองชาวบ้าน เช่นที่ต้าถง มีพื้นที่ปกครองและพื้นที่ทหารผสมกัน แต่เมืองหนิงเซี่ยทางนี้เป็นมณฑลทหารจริงๆ แต่ละที่ล้วนเป็นป้อมกับกองพันทหาร
ป้อมกับกองพันเหล่านี้มีประโยชน์ในการรวมกำลังใหญ่ก็มีราวสองสามแห่งเท่านั้น ขุนพลทหารมักเป็นตระกูลเผ่าใหญ่ในพื้นที่
สำหรับพวกที่ได้รับเทียบเชิญแล้วไม่มา เป็นสิ่งที่หวังทงกังวลมากไป ไม่ใช่ว่าได้รับเทียบแล้วไม่มา แต่พวกที่ไม่ได้รับเทียบต่างหากที่ว้าวุ่นใจ เกรงว่าตนเองจะกลายเป็นเป้าสังหารหวังทง
เรื่องอื่นไม่พูดถึง เพราะแค่ระดับตระกูลปัวทรงอิทธิพลอำนาจเช่นนั้น ไม่กี่วันก็ล้ม แอ่งน้ำฮัวหม่ามีทหารมากมายเพียงนั้น ในหนิงเซี่ยมีทหารเท่าไร หวังทงคุยเล่นไม่กี่คำก็นำทหารกองทัพใหญ่มา ผู้ใดจะกล้าก่อการ ผู้ใดจะไม่แตกตื่น ไม่ได้รับเทียบเชิญ ยังคิดว่าตนเองจะเป็นเป้าหมายจัดการต่อไป
หากเป็นเมื่อก่อน บีบหนักเข้า อย่างมากก็นำคนออกทุ่งหญ้า แต่ดูคนที่หวังทงนำมาจากเมืองกุยฮว่าเฉิง ออกไปลำบากบนทุ่งหญ้าไม่ว่า กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงจะปล่อยไว้หรือ ท่ามกลางความว้าวุ่นใจ ก็ได้แต่ฝากคนนำของขวัญมายังเมืองหนิงเซี่ยเพื่อแสดงตน เชื่อมสายสัมพันธ์หาลู่ทาง
แน่นอน คนพวกนี้สุดท้ายล้วนได้รับข่าวที่ทำให้ยิ้มไม่ออก ร้องไห้ก็ไม่ได้ ไม่แจกเทียบเพราะว่าพวกเจ้าไม่ทำอะไรผิด จึงไม่มีคุณสมบัติ
พอหายตกใจ ก็รู้สึกไม่ถูกต้องนัก ในเมื่อสถานะไม่พอเข้าร่วม ก็แสดงว่างานเลี้ยงย่อมมีเรื่องสำคัญอันใด หากได้ร่วมฟังย่อมเป็นเรื่องดี เดิมของขวัญที่นำมามอบเพื่อขอร้องจึงใช้เพื่อการนี้ ขอให้ได้เข้าร่วม แย่งกันเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้
ทางหวังทงเองก็ไม่ได้เคร่งครัด ในความจริง สามารถรู้ตัวและส่งคนรีบมาส่งมอบของขวัญได้ก็นับว่าเป็นพวกมีอิทธิพลไม่น้อยแล้ว คนเหล่านี้ว่าไปก็ตรงตามเกณฑ์ ปรากฏว่าหลิวจี๋หลินอย่างไรก็ต้องเพิ่มโต๊ะอีกหลายตัว หลายสิบที่นั่ง
สมบัติตระกูลปัวในเมืองนอกเมืองมีไม่น้อยจริงๆ ร้านค้า 20 กว่า โรงบ้านนอกเมืองก็เป็นพื้นที่ที่ดีที่สุด การลาออกจากตำแหน่งขายทอดกิจการนี้ พ่อค้าใหญ่ในเมืองนอกเมืองก็ล้วนรุมแย่งกัน ล้วนอยากได้ประโยชน์ตรงนี้กันทุกคน พวกทรงอิทธิพลเหล่านี้ หวังทงเองย่อมยอมเสียเปรียบ ให้ฉีอู่กับซาตงหนิงไปจัดการขาย
ผู้บัญชาการและผู้ว่าการมณฑลกับขันทีคุมกำลังล้วนได้แบ่งที่ดีที่สุดไปส่วนหนึ่ง คนที่เหลือล้วนได้ราคาต่ำกว่าท้องตลาดสองส่วน แต่ทุกคนก็ว่าได้กำไร
ตระกูลปัวขายกิจการครั้งนี้ไม่ได้ขาดทุนมาก เป็นเรื่องยินดีเหนือคาด เป็นขุนนางแผ่นดินหมิงมานาน ตระกูลปัวก็ย่อมรู้ว่าควรทำเช่นไร จึงส่งเงิน 15,000 ตำลึงเงินกับสัญญาที่ดินที่ดีที่สุดหลายแห่งไปให้หวังทง
ของพวกนี้หวังทงไม่เห็นในสายตา แต่ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ ไม่รับไว้ก็ไม่ได้ ตระกูลปัวอาจจะหวาดกลัวแทน หวังทงได้แต่รับไว้
15,000 ตำลึงเงิน หวังทงมอบให้หลิวจี๋หลินไว้ 6,000 ตำลึงเงิน ไว้ใช้ในเหตุการณ์เร่งด่วนวันหน้าและเป็นรางวัลให้กับคนมีความชอบ กิจการหลายแหล่งก็ให้เป็นกิจการขององครักษ์เสื้อแพรท้องที่ มีเงินเข้ามากหน่อยอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
ที่เหลืออีก 9,000 ตำลึงเงิน ก็ให้ขันทีคุมกำลัง ผู้ว่าการมณฑล กับผู้บัญชาการ สามคนไปแบ่งกัน นับว่าเป็นการปลอบใจ พวกเขาสามคนไม่โลภมาก เตรียมจะร่วมกับหวังทงจัดการสมบัติตระกูลปัวทั้งหมดอยู่แล้ว หวังทงเอาก้อนใหญ่ไป พวกเขาแบ่งที่เหลือ แม้เป็นเช่นนี้ ก็ได้มากกว่าที่ได้รับตอนนี้มากนัก หวังทงแน่นอนไม่คิดให้พวกเขาสมหวัง ปล่อยที่นี่วุ่นวายเพียงนี้ พวกเขากลัวหัวหด เรื่องราวแก้ไขได้ก็มาขอแบ่ง ใต้หล้าไหนเลยมีเรื่องดีเช่นนี้
แต่ทว่าในเวลาสั้นๆ นี้ยังต้องการใช้งานคนพวกนี้ ดังนั้นอย่างไรก็ต้องให้อะไรปลอบใจบ้าง
***************
ปัวอวิ๋นแห่งกองกำลังหลังหนิงเซี่ยที่บ่อเกลือได้รับข่าวแล้วก็รู้ความ รีบส่งมอบอำนาจทหาร และเตือนคนตรงนั้นให้อยู่อย่างสงบ
จากนั้นก็นำทหารสังกัดตระกูลปัวมามอบให้หัวหน้ากลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ ตนเองม้าเร็วกลับเมืองหนิงเซี่ย ยามนี้สถานการณ์ไม่ใช่ว่ายอมหรือไม่ยอม แต่เป็นความเป็นหรือความตาย กำลังตนเองหากไม่ยอม เกรงว่าคนถูกทำลายราบคาบ จากนั้นครอบครัวในเมืองหนิงเซี่ยก็จะพลอยลำบากไปด้วย
ปัวอวิ๋นเข้าใจสถานการณ์บนทุ่งหญ้า เขารู้ว่ากลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงติดอาวุธเป็นกองกำลังเช่นไร นั่นเป็นระดับทหารม้าได้รับการฝึกฝน
หลังปัวอวิ๋นส่งมอบอำนาจทหารไป คนที่กังวลสถานการณ์เมืองหนิงเซี่ยที่สุดก็รู้แล้วว่าตอนนี้สถานการณ์ยุติแล้ว ตอนนี้ต้องดูว่า งานเลี้ยงติ้งเป่ยโหวจะทำอะไร
วันที่ 18 เดือนหนึ่ง หน้าประตูสำนักกองพันองครักษ์เสื้อแพรก็คึกคักเป็นพิเศษ จัดโต๊ะเลี้ยงกลางที่ทำการ ดีที่ที่กว้างพอ
คนมีหน้ามีตาทยอยกันมา คนไม่มีคุณสมบัติจะมาก็ส่งคนของตนมาจับตาดู หวังว่าสามารถได้ข่าวกลับไปทันการณ์
ผู้คุ้มร้านสามธารารักษาการณ์อยู่ด้านนอก แม้ว่าพวกเขาสิบคนมีคนหนึ่งสวมเกราะเหล็ก แต่ที่เหลือก็ล้วนเป็นเกราะหนัง ยืนประจำการอย่างเข้มงวดน่าเกรงขาม ไม่ใช่ทหารชายแดนหนิงเซี่ยจะสู้ได้ คนชั้นสูงในเมืองนอกเมืองไม่ว่าอยู่ที่ใดก็พากันมาที่นี่อย่างไม่รอช้า ต่อหน้ากองกำลังเหล่านี้ ย่อมไม่กล้าวางอำนาจ
พอเข้าไปด้านใน ก็จะเห็นทหารหวังทงเดินตระเวน ล้วนอยู่ในชุดเกราะเหล็กน่าเกรงขามยิ่ง แม้แต่ขุนพลทหารด้วยกันยังต้องระวังตัว
นี่เป็นงานเลี้ยงระดับผู้มีหน้ามีตาในเมืองหนิงเซี่ย เริ่มแรกก็เริ่มจิตใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ทุกคนล้วนทักทายกัน ปรับทุกข์ถามไถ่กัน สายสัมพันธ์ใกล้ตระกูลปัวก็เงียบหน่อย สายสัมพันธ์ห่างตระกูลปัวสายสัมพันธ์ หรือใกล้กับผู้บัญชาการหรือผู้ว่าการมณฑล ก็จะอดเสียงดังหน่อยไม่ได้
แน่นอน ทุกคนคิดจะเชื่อมสายสัมพันธ์กับองครักษ์เสื้อแพร ใต้เท้าหวังมาแล้วก็ไป แต่วันหน้าองครักษ์เสื้อแพรประจำในพื้นที่นายท่านผู้นี้ย่อมต้องดูแลให้ดีๆ
“ใต้เท้าหวังมา~~~”
บรรยากาศเริ่มครึกครื้น มีคนส่งเสียงรายงานดัง ความครึกครื้นก็เงียบลง ผู้ว่าการมณฑลกับผู้บัญชาการและขันทีคุมกำลังที่นั่งอยู่ตรงกลางก็สบตากัน พากันยืนขึ้น ต่อหวังทงผู้ทรงอิทธิพล พวกเขาไม่มีบารมีพอ ทุกคนล้วนต้องยืนนอบน้อม
หวังทงสวมชุดขุนนางเดินออกมา รับคำนับจากทุกคนแล้ว ทุกคนนั่งลง พอนั่งลงไม่นาน หวังทงก็ยกจอกสุรายืนขึ้น ทุกคนย่อมไม่กล้านั่งต่อ พากันยืนตาม
“เดิมทีต้องช้ากว่านี้ แต่เห็นทุกท่านหวาดระแวง ก็ขอพูดก่อนละกัน ครั้งนี้เชิญทุกท่านมา ก็เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสได้ร่ำรวย!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น