ลำนำบุปผาพิษ 951-962
บทที่ 951 นางจะอ่อนแอต่อไปไม่ได้แล้ว
“จิ้งจอกน้อย…” จมูกของเชียนหลิงวี่แสบร้อน เขาเคยทอดทิ้งสหายทั้งสองเพราะความเคียดแค้นชิงชังของบ้านเมือง แต่สหายทั้งสองของเขากลับไม่เคยทอดทิ้งเขาเลย
ช่วงที่ผ่านมานี้เมื่อจิ้งจอกน้อยเห็นเขาจะร้องเหอะคราหนึ่งแล้วเดินผ่านไปด้วยสีหน้าเหยียดหยาม ไม่แต้แต่จะทักทายเขา เขายังนักว่านางคงเกลียดเขาไปแล้ว ที่แท้ยามตกอยู่ในอันตรายเข้าจริงๆ นางยังคงห่วงใยเขายิ่งนัก ยอมสละชีวิตเพื่อเขาได้!
อันที่จริงในสมองเขาประเดี๋ยวก็แจ่มใสประเดี๋ยวก็เลอะเลือน เล็บมือก็เดี๋ยวงอกเดี๋ยวหด เขาถึงขั้นเกิดความปรารถนาจะฉีกทึ้งทุกอย่าง แต่กลับฝืนข่มตัวเองไว้ตลอด ถึงแม้จะต้องกัดลิ้นเพื่อรักษาสติไว้อยู่บ่อยครั้งก็ตาม…
จิตตานุภาพของมนุษย์ช่างแข็งแกร่งเหนือทุกสิ่งโดยแท้
ยามที่กู้ซีจิ่วร่อนลงมา ได้เห็นว่าถึงแม้สองตาของเขาจะเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง แต่สติสัมปชัญญะกลับแจ่มใสยิ่งนัก ยังส่งยิ้มให้กู้ซีจิ่วด้วย “ซีจิ่ว! ข้างบน…ข้างบนเป็นยังไงบ้าง?”
กู้ซีจิ่วมองน้ำลายที่ไหลยืดของเขา ทราบว่าการกลายร่างเป็นผีดิบของเขาอยู่ในภาวะวิกฤต รอจนรอดออกไปถึงค่อยรักษาเขาไม่ได้แล้ว
เธอสูดหายใจเบาๆ ให้อิงเหยียนนั่วคอยคุ้มกันอยู่ด้านข้าง เธอจัดแจงเชียนหลิงอวี่ที่จิ้งจอกน้อยกอดไว้ให้อยู่ในท่าตะแคง ฉีกแขนเสื้อทั้งแขนของเขาออกเสียงดังแควก เผยให้เห็นบาดแผลที่น่าสยดสยองของเขา
บาดแผลนี้ยาวครึ่งฉื่อ ทั้งบวมทั้งดำ โลหิตหนืดข้นสีดำทะลักออกมาจากปากแผล
“เชียนหลิงอวี่ ข้าต้องทำการรักษาเจ้าตอนนี้ จะค่อนข้างเจ็บปวด เจ้าต้องยืดหยัดไว้นะ!” กู้ซีจิ่วจ้องตาเชียนหลิงอวี่
เชียนหลิงอวี่พยักหน้า “ได้ ข้า…ไม่กลัว! เจ้าลงมือได้เต็มที่ลย!”
ยามที่บาดแผลเพิ่งถูกข่วนเกิดอาการเจ็บปวด แต่ต่อมาก็แปรเปลี่ยนเป็นด้านชาขึ้นเรื่อยๆ หลังจากกินยาของกู้ซีจิ่วเข้าไป บาดแผลนั้นกลับเปลี่ยนเป็นไวสัมผัสขึ้นมาอีกครั้ง แตะเพียงนิดก็เจ็บปวดปานโดนแมงป่องต่อย
กู้ซีจิ่วล้วงมีดเงินเล่มหนึ่งออกมา ขณะที่กำลังจะลงมือ ทันใดนั้นก็เห็นว่าใบหน้าของจิ้งจอกน้อยซีดเซียว จึงหยุดการเคลื่อนไหวครู่หนึ่ง “จิ้งจอกน้อย หันหน้าไปซะ เจ้าอย่ามองเลย!”
จิ้งจอกน้อยค่อนข้างกลัวเลือด จิตใจก็อ่อนแอ กู้ซีจิ่วเกรงว่าถ้านางเห็นขั้นตอนการลงมือแล้วจะเป็นลมไปทันที…
หลานไว่หูส่ายหน้า “ไม่ ซีจิ่ว ข้าจะดู! ข้าจะศึกษาไว้…” นางจะอ่อนแอต่อไปไม่ได้แล้ว นางจะต้องเรียนรู้ทักษะไว้ให้มาก ยามคับขันจะได้ช่วยเหลือสหายได้…
กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ “ได้!”
ความยากลำบากทำให้คนเติบโตอย่างรวดเร็ว ในที่สุดหลานไว่หูก็เติบโตขึ้นแล้ว
“จิ้งจอกน้อย เจ้าต้องร่วมมือกับข้า อย่ากลัว ทุกอย่างล้วนมีข้าอยู่!” กู้ซีจิ่วยัดอุปกรณ์ส่วนหนึ่งใส่มือหลานไว่หู
หลานไว่หูพยักหน้าอย่างหนักแน่นดวงตาเบิกขึ้นทั้งกว้างทั้งกลม
อันที่จริงวิธีรักษาของกู้ซีจิ่วค่อนข้างเลือดสาดอยู่บ้าง ต้องกรีดเปิดบาดแผลนั้นอีกครั้ง ขูดเนื้อเน่าทิ้ง เชื่อมต่อหลอดเลือดและเส้นเอ็นเป็นต้น…
การผ่าตัดนี้ทารุณยิ่งกว่าการขูดกระดูกรีดพิษเสียอีก และไม่อาจใช้ยาชาได้
ฝีมือของกู้ซีจิ่วช่ำชองว่องไว พยายามทุกวิถีทางเพื่อลดความเจ็บปวดของผู้ป่วยให้น้อยลง แต่ภายใต้การผ่าตัดครั้งนี้ หยาดเหงื่อเย็นเฉียบหลั่งชโลมทั่วร่างเชียนหลิงอวี่ซ้ำๆ ร่างกายหดเกร็งอย่างไม่อาจควบคุมได้ แต่เขาก็กัดฟันแน่น ไม่ร้องออกมาสักแอะ
ใบหน้าพริ้มเพราของจิ้งจอกน้อยก็ซีดเผือดเช่นกัน แต่นางก็จับจ้องอยู่ตลอดเวลา ไม่กะพริบตาเลยด้วยซ้ำ ยื่นอุปกรณ์ผ่าตัดบางอย่างส่งให้กู้ซีจิ่วบ้างเป็นครั้งคราว แถมยังช่วยเช็ดเหงื่อให้เชียนหลิงอวี่ด้วย
ตัวยาที่กู้ซีจิ่วให้เชียนหลิงอวี่กินเข้าไปก่อนหน้านี้ไม่เพียงแต่มีฤทธิ์ระงับพิษผีดิบเท่านั้น ยังขับพิษในจุดที่บาดเจ็บได้ด้วย ขัดขวางไม่ให้มันรุกเข้าสู่สมอง
แน่นอนว่าตัวยามีฤทธิ์สกัดกั้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าจะชำระล้างพิษอย่างแท้จริงต้องใช้คู่กับวิธีรักษาแบบพิเศษ ใช้พลังวิญญาณขับออกมาโดยเฉพาะ ค่อยๆ ขับพิษที่กระจายไปทั่วร่างให้ มาอยู่ที่บาดแผลเขา…
————————————————————————————-
บทที่ 952 ต่อไปไม่มีใครคอยแบกเจ้าแล้วนะ
อันที่จริงการรักษาเช่นนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนัก หลังจากเสร็จสิ้นการรักษา กู้ซีจิ่วก้เหน็ดเหนื่อยจนเหงื่อชุ่มไปทั้งศีรษะ
ระหว่างขั้นตอนรักษา อิงเหยียนนั่วเฝ้าอยู่ข้างกายพวกเธอสามคนตลอด บางครั้งแนวป้องกันของพวกเยี่ยนเฉินก็ถูกทะลวงแตกบ้าง ผีดิบชุดขาวที่กระโจนเข้ามาใกล้หมายจะโจมตีล้วนตกตายทั้งสิ้น…
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม โลหิตที่ไหลออกมาจากบาดแผลของเชียนหลิงอวี่เป็นสีแดงแล้ว เล็บมือที่ดำคล้ำของเขาก็กลับมามีสีสันตามปกติ
กู้ซีจิ่วถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เย็บแผลให้เขา จากนั้นก็ทาตัวยาบางอย่างที่สัมพันธ์กันให้แล้วพันแผลไว้
เนื่องจากสถานการณ์ฉุกละหุก เพื่อทำการรักษาให้เชียนหลิงอวี่ กู้ซีจิ่วต้องกึ่งๆ คุกเข่าอยู่ข้างกายเขาตลอด เมื่อผ่าตัดเสร็จ แข็งขาเธอล้วนเมื่อยล้าไปหมด ไอเย็นแทรกเข้าไปในหัวเข่า พอลุกขึ้นมาก็ส่ายโงนเงน
เชียนหลิงอวี่มองเธอด้วยหัวใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ เบ้าตาแดงก่ำ “ซีจิ่ว!”
“พูดไร้สาระให้น้อยๆ หน่อย รีบโคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บ ต่อไปไม่มีใครคอยแบกเจ้าแล้วนะ!” กู้ซีจิ่วตัดบทเขา
“ได้!” เชียนหลิงอวี่เริ่มนั่งสมาธิโคจรพลังทันที
….
พวกเยี่ยนเฉินวิ่งพล่านอยู่ในเขตแดนนี้หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว โดยพื้นฐานย่อมเข้าใจที่นี่อย่างแจ่มแจ้ง ขณะนั้นผีดิบชุดขาวสองสามร้อยตัวไล่ล่าพวกเขา เนื่องจากทราบวิธีสังหารเจ้าพวกนี้แล้ว ทั้งสี่คนจึงลงมือปานหั่นผักหั่นแตงอยู่รอบนอก สังหารได้มากมาย กองระเกะระกะเกลื่อนพื้น
ผีดิบชุดขาวเหล่านี้แต่ละตัวล้วนมิใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน เคลื่อนไหวว่องไว กระบวนท่าดุร้าย ซ้ำทุกตัวยังได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ไม่นับว่ารับมือได้ง่ายๆ
เคราะห์ดีที่พวกเยี่ยนเฉินล้วนเป็นสุดยอดนักสู้ ความสามารถของทุกคนล้วนล้ำเลิศ เงาร่างของพวกเขาซอกซอนไปมาในฝูงผีดิบชุดขาว ประหนึ่งเงาภูตผี โรมรันสังหารได้ไม่ถึงสองชั่วยาม พวกเขาก็กำจัดผีดิบชุดขาวไปแล้วสองร้อยตัว…
หลังจากกู้ซีจิ่วรักษาเชียนหลิงอวี่เรียบร้อยแล้ว ก็เข้าร่วมขบวนสังหารผีดิบชุดขาวเช่นกัน และอิงเหยียนนั่วมักจะอยู่ไม่ห่างเธอเสมอ ระหว่างที่ลงมือก็ดุเดือดเฉียบขาด ไม่อืดอาดยืดยาดสักนิด ความเร็วในการสังหารผีดิบชุดขาวไม่ด้อยไปกว่าคนอื่นเลย…
หลานไว่หูเฝ้าอยู่ข้างกายเชียนหลิงอวี่ เพื่อปกป้องเขา
พวกกู้ซีจิ่วกระจายตัวโอบล้อมเสาธงไว้ สกัดพวกผีดิบชุดขาวทั้งหมดไว้วงนอก ไม่ปล่อยให้ล้ำเส้นเข้าไปได้สักตัว
เนื่องจากมีพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองเข้าร่วมทัพด้วย ความเร็วในการสังหารผีดิบชุดขาวจึงเร็วขึ้นมาก
สังหารเช่นนี้อยู่หนึ่งชั่วยามเต็มๆ ผีดิบชุดขาวที่ถูกพวกเขาสังหารก็เกือบสามร้อยตัวแล้ว
แต่รอบข้างยังคงสลัวมัวซัว มีผีดิบกระโจนเข้ามาอยู่เนืองๆ เช่นเคย
ไม่ปกติแล้ว!
จำนวนของผีดิบเหล่านี้ผิดปกติ! ราวกับเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
ถึงกลุ่มของของเยี่ยนเฉินจะเป็นยอดฝีมือทุกคน แต่การสังหารอย่างไม่หยุดมือในสภาวะที่มีความกดดันสูงเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาอ่อนล้า ผีดิบรอบข้างดาหน้าเข้ามาไม่ขาดสาย ทำให้พวกเขาไม่มีแม้แต่เวลาจะพักหายใจ
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ในไม่ช้าพวกเขาจะมีช่วงที่เหนื่อยล้าทั้งกายใจจนพลาดท่าถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
“ซีจิ่ว นี่ไม่ปกติแล้ว หรือสถานที่ผีสางแห่งนี้จะมีผีดิบใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาตลอด?” เยี่ยนเฉินกล่าวข้อสงสัยของตนออกมา “ก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่ได้มีผีดิบมากมายขนาดนี้…”
กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจเบาๆ เธอก็สังเกตความเคลื่อนไหวของผีดิบเหล่านี้อยู่เช่นกัน พวกมันจู่โจมเข้ามาเป็นระลอก คล้ายกับมีใครคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง
เธอนึกถึงเหล่าคนที่คอยควบคุมหุ่นตายชุดเขียวคราวก่อน เป็นการใช้วิชาขลุ่ยมาควบคุม และเสียงขลุ่ยนั้นก็เป็นคลื่นเสียงที่มนุษย์ไม่ได้ยิน ยามนี้ยากจะบอกได้ว่าในส่วนลึกของเมืองพายุหิมะแห่งนี้มีคนเช่นนี้หลบซ่อนอยู่ด้วยหรือไม่…
———————————————————————————–
บทที่ 953 ควานหาตัวผู้บงการอยู่หลังม่าน
“เยี่ยนเฉิน เจ้าจำกัดขอบเขตการสู้ให้เล็กลงหน่อย รักษากำลังไว้ก่อน ข้าจะไปค้นหารอบๆ!” กู้ซีจิ่วสั่งการ
สีหน้าเยี่ยนเฉินแปรเปลี่ยนนิดๆ “ไม่ได้! เจ้าไปคนเดียวอันตรายเกินไป!”
“ไม่เป็นไร ข้ามีวิชาเคลื่อนย้าย พวกมันทำร้ายข้าม่ได้หรอก” ร่างกายกู้ซีจิ่วส่องแสงวูบ หายลับไปทันที
“ข้าจะไปกับนาง!” หลังจากอิงเหยียนนั่วทิ้งประโยคนี้ไว้ ก็เลือนหายไปทันที
เยี่ยนเฉินพูดอะไรไม่ออกแล้ว
อิงเหยียนนั่วผู้นี้ก็หายตัวไปว่องไวยิ่งนัก! หรือว่าเขาก็เป็นวิชาเคลื่อนย้ายด้วย?
เป็นไปไม่ได้กระมัง? เขาจำได้ว่าเคยได้ยินกู้ซีจิ่วบอกไว้ วิชาเคลื่อนย้ายของนางเป็นความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง มิใช่วิชาที่สามารถฝึกฝนกันได้
เว้นแต่เขาจะฝึกฝนวิชาเหินหาวถึงขั้นแปดแล้ว
แต่วิชาประเภทนี้ผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นเก้าเท่านั้นถึงจะบรรลุได้มิใช่หรือ?
และพลังวิญญาณของอิงเหยียนนั่วในยามนี้เพิ่งฝึกฝนถึงขั้นหกสองส่วนเท่านั้น…
ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เยี่ยนเฉินได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เป็นคนพิเศษในหมู่คนพิเศษมาโดยตลอด หลังจากกู้ซีจิ่วมาถึง ก็ชิงเอาคำว่าคนพิเศษสามคำนี้ไป ตอนนี้มีอิงเหยียนนั่วโผล่มาอีกคน มงกุฎของยอดอัจฉริยะก็ดูเหมือนจะถูกยื้อแย่งไปด้วย…
เขารู้สึกมาเสมอว่าอิงเหยียนนั่วศิษย์น้องเล็กผู้นี้ค่อนข้างประหลาด บัดนี้ความรู้สึกนี้ยิ่งหนักขึ้นกว่าเก่า
อิงเหยีนนั่วผู้นี้คงมิใช่คนชั่วที่แฝงตัวอยู่ในที่มืดอันใดนั้นปลอมตัวมากระมัง?!
หน้าผากของเยี่ยนเฉินมีหยาดเหงื่อผุดพรายออกมาทันที ตัดสินใจว่าถ้ากู้ซีจิ่วกลับมาจะเตือนให้นางระวังตัวสักหน่อย…
ในเมื่อผีดิบเหล่านี้สังหารเท่าไหร่ก็ไม่สิ้น เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองพลังงานทุ่มเทต่อสู้ถึงเพียงนั้น
เยี่ยนเฉินตะโกนบอกทุกคนอย่างรวดเร็วว่าจำกัดขอบเขตให้เล็กลง ให้ทุกคนรักษากำลังไว้ ไม่ต้องเป็นฝ่ายบุกโจมตีอีก
จางฉูฉู่ติดใจการสังหารแล้ว ถึงแม้จะถอยกลับมา สีหน้านางก็ยังคงดุดันอยู่ “มารดามันเถอะ! สรุปแล้วเจ้าพวกนี้โผล่มาจากไหนกันแน่? ทำไมมากมายถึงเพียงนี้”
เยี่ยนเฉินตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเขาก็คือทหารที่เสียชีวิตแล้วหายตัวไปเหล่านั้น!”
จางฉูฉู่ตะลึง
เล่อชิงซิ่งเอ่ยขึ้นว่า “คนที่คอยควบคุมพวกมันอยู่เบื้องหลังไม่ธรรมดาเลย! หากว่าเจ้าพวกนี้ถูกปล่อยออกไปยังโลกภายนอก เกรงว่าทหารทั่วไปคงต้านรับไม่ไหว จะมีคนที่ถูกกัดเพิ่มมากขึ้น…”
เยี่ยนเฉินสูดหายใจเบาๆ “ด้านนอกมีทหารธรรมดาที่ถูกกัดแล้ว ทหารม้ากองหนึ่งของอาณาจักรเฟยซิงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พวกข้าสามคนได้ตรวจสอบเรื่องนี้ เมื่อติดตามร่องรอยไปพบว่ามีประชาชนของเมืองชายแดนแห่งหนึ่งถูกกัดเข้า ที่ตายก็ตาย ที่เจ็บก็เจ็บ พวกเราคิดจะดูอาการผู้บาดเจ็บเหล่านั้น ก็พบตัวคนน่าสงสัยคนหนึ่งอยู่ไม่ไกล จึงรีบไล่ตาม ตามมาจนถึงที่นี่…”
พายุหิมะพัดโหม หัวใจของทุกคนก็หนาวเหน็บไปหมดเช่นกัน
หากถูกเจ้าสิ่งนี้กัดก็จะกลายเป็นแบบเดียวกับเจ้าสิ่งนี้ เช่นนั้นมิใช่หายนะของแผ่นดินนี้หรอกหรือ?
….
ณ ส่วนลึกของเมืองร้างแห่งนี้ มีบ้านพักที่ดูธรรมดายิ่งนักหลังหนึ่ง บ้านดินกำแพงดิน เครื่องเรือนภายในบ้านเสื่อมโทรม
ลึกลงไปใต้พื้นของบ้านดินหลังนี้ กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่ใต้พื้นมีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของตัวเมืองอยู่ใต้ดิน
กำแพงศิลาหนาหนัก เฉลียงทางเดินเทียบกับสุสานของจักรพรรดิได้เลย ที่ส่วนลึกของเฉลียงทางเดินมีประตูศิลาบานหนึ่ง ประตูศิลาจะเปิดออกบ้างเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่เปิดออกล้วนมีผีดิบชุดขาวสิบกว่าตัวพุ่งออกมา มุดออกไปผ่านช่องทางแห่งหนึ่ง…
ที่ส่วนลึกของเฉลียงทางเดินมีพระวังใต้ดินแห่งหนึ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าปราการเหล็กกล้าเสียอีก
การตกแต่งภายในพระราชวังใต้ดินค่อนข้างประหลาด บนผนังสี่ด้านฝังกระจกฉาบปรอทไว้ ภาพที่สะท้อนออกมาจากกระจกมิใช่การจัดแต่งภายในวัง แต่เป็นฉากสถานการณ์ภายนอก บ้านเรือนทุกหลัง ถนนทุกสาย ลานกว้างทุกแห่งล้วนปรากฏออกมาภายในกระจกฉาบปรอทเหล่านั้น ไม่มีจุดอับสายตาเลยสักแห่ง
และภายในวังจัดวางอุปกรณ์หน้าตาประหลาดส่วนหนึ่งไว้ เสมือนห้องทดลองขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
————————————————————————————-
บทที่ 954 ควานหาตัวผู้บงการอยู่หลังม่าน 2
ในวังใต้ดินมีคนสองคนกำลังมองกระจกฉาบปรอทเหล่านั้นอยู่ หนึ่งในนั้นรูปร่างผอมแห้ง เรือนกายสูงโปร่ง เครื่องหน้าหล่อเหลาโดดเด่น สวมเสื้อคลุมสีขาวตัวหนึ่ง บุคลิกเสมือนคงแก่เรียนผู้หนึ่ง รูปโฉมเหมือนกับหลงซีในชาติก่อนทุกประการ!
ขณะนี้สายตาของเขาจับจ้องร่างของกู้ซีจิ่วที่เข้าๆ ออกๆ บ้านร้างเหล่านั้นปานพายุหมุน ก้นบึ้งดวงตาฉายแววซับซ้อนและร้อนแรงแวบหนึ่ง
บุรุษชุดสีมรกตคนหนึ่งยืนอยู่ด้านข้างเขา รูปร่างผอมกระหร่อง มือทั้งสองราวกับท่อนกระดูก สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่กลุ่มของพวกเยี่ยนเฉิน พูดให้ถูกคือ สายตาเขาจ้องมองร่างของเชียนหลิงอวี่ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ตรงนั้น
บุรุษชุดสีมรกตกำหมัดแน่น “ผู้อาวุโสหลง ไอ้เด็กนั่นใกล้จะกลายเป็นผีดิบแล้วใช่ไหม? ข้ารู้สึกว่าท่านน่าจะเอาไอ้เด็กนั่นมาศึกษาทดลองนะ บางทีอาจะทลายปัญหายุ่งยากได้!”
บุรุษชุดขาวผู้นั้นเหลือบมองเชียนหลิงอวี่แวบหนึ่ง กล่าวเรียบๆ “จับไม่ได้ พิษศพบนร่างเขาถูกขจัดออกไปแล้ว จับมาก็ไม่มีประโยชน์ ซ้ำยังเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น”
บุรุษชุดสีมรกตจ้องกู้ซีจิ่วในกระจกปรอทเขม็งแวบหนึ่ง “ล้วนเป็นนังเด็กตัวเหม็นคนนี้ที่ทำลายแผนการของพกเรา! ต้องกำจัดนังเด็กตัวเหม็นคนนั้นทิ้งก่อนไหม?”
ท่าทางของผู้อาวุโสหลงสงบยิ่ง ทว่าถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยกลับเย็นชา “ห้ามแตะต้องนาง!”
บุรุษชุดสีมรกตเลิกคิ้วขึ้น “เพราะเหตุใดเล่า? นางทำลายแผนการของพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า…”
ผู้อาวุโสหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ห้ามก็คือห้าม ไม่มีว่าเพราะเหตุใด นางคือเส้นตายของผู้อาวุโสเช่นข้า ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องนางแม้สักเส้นขน ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้!”
บุรุษชุดสีมรกตตะลึง
เขากระอึกกระอักอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ถึงถามออกมา “ที่แท้นางเป็นใครกัน? เหตุใดผู้อาวุโสหลงต้องปกป้องนางถึงเพียงนี้?”
สายตาของผู้อาวุโสหลงร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว เด็กสาวคนนั้นกำลังตรวจค้นบ้านเรือนทุกหลัง บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมาแวบหนึ่งราวกับกำลังมองเข้ามาในกระจก สายตาเฉียบคมนั้นทำให้บุรุษชุดสีมรกตสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่!
ผู้อาวุโสหลงมองกู้ซีจิ่วด้วยสายตาที่เจือแววหลงใหลเอ็นดูรางๆ “นางคือผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของข้า…เป็นคนสำคัญที่สุด…”
บุรุษชุดสีมรกตนิ่งงัน
เห็นได้ชัดว่าเขากริ่งเกรงผู้อาวุโสหลง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสีย “ผู้อาวุโสหลง เมื่อไหร่ผู้ฟื้นจากความตายของท่านจะสามารถปรับปรุงจนใช้งานจริงได้?”
ผีดิบชุดขาวเหล่านั้นกัดและข่วนคน ทว่าไม่อาจทำใคนผู้นั้นกลายเป็นพวกเดียวกันได้ คนที่ถูกพวกมันกัดข่วนจนบาดเจ็บล้วนสิ้นชีพหมด
ไม่ง่ายเลยกว่าจะคนพิเศษอย่างเชียนหลิงอวี่สักคน หลัจากเขาถูกกัดก็มีมีอาการว่าจะกลายเป็นผีดิบ นึกไม่ถึงว่าจะถูกนังเด็กตัวเหม็นคนนั้นรักษาจนหายอีกแล้ว!
ในที่สุดสายตาของผู้อาวุโสหลงก้กวาดผ่านเชียนหลิงอวี่แวบหนึ่ง นัยน์ตาฉายแววใคร่ครวญแวบหนึ่ง เอ่ยเรียบๆ ว่า ข้าผู้อาวุโสกำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ การทดลองทางวิทยาศาสตร์มิใช่สิ่งที่จะสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน เจ้าร้อนใจอันใด?“
บุรุษชุดสีมรกตยิ้มหยัน “มิใช่ข้าที่ร้อนใจเป็นท่านเจ้าของพวกเราต่างหากที่ค่อนข้างร้อนใจ เขาส่งข้ามาเร่งท่าน”
ผู้อาวุโสหลงเม้มปากแน่นไม่พูดอะไรอีก
บุรุษชุดสีมรกตผู้นั้นกล่าวต่อว่า “ระยะนี้จำนวนครั้งที่พวกเราล่อลวงผู้คนเข้ามาทดสอบมากพอแล้ว แต่คนที่ถูกขังไว้ที่นี่ล้วนถูก ‘ผู้ฟื้นจากความตาย’ ของพวกเราฉีกทึ้งเป็นอาหารโดยตรง ยังไม่มีเลยสักคนที่กลายเป็นผีดิบอย่างแท้จริง…อีกทั้งวิธีการสร้าง ‘ผู้ฟื้นจากความตาย’ ขึ้นมาสักตัวก็สิ้นเปลืองกำลังเหลือเกิน ไม่อาจแพร่พิษศพไปทั่วแผ่นดินอย่างรวดเร็วได้…ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าการศึกษาทดลองของท่านยังไม่ทันประสบความสำเร็จก็จะถูกคนของเทพศักดิ์สิทธิ์พบเข้าเสียก่อน…”
ผู้อาวุโสหลงตอบอย่างเฉยชา “ข้าก็พยายามอยู่! ข้าจะฝ่าด่านนี้ให้ได้ จะทำให้ท่านเจ้าพึงพอใจ!”
บุรุษชุดสีมรกตเสนอความคิดขึ้นมา “เป็นไปได้หรือไม่ว่าเกี่ยวข้องกับระดับสูงต่ำพลังวิญญาณ? ยิ่งมีพลังวิญญาณสูง พอถูกกัดหรือข่วนก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นผีดิบ แต่เนื่องจากชาวบ้านธรรมดาทนรับความรุนแรงของพิษไม่ไหว พอถูกกัดถูกข่วนจึงสิ้นชีพผุพังไปทันที แทนที่จะกลายเป็นผู้ฟื้นจากความตาย?”
————————————————————————————-
บทที่ 955 เดี๋ยวข้าจะออกไปจับตัวนางเอง
ผู้อาวุโสหลงเอ่ยอย่างเย็นชา “วิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับการอนุมานส่งเดช”
บุรุษชุดสีมรกตพูดไม่ออก
เขาสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่งแล้วกล่าว “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้เข้ามาในสถานที่แห่งนี้แล้วไม่อาจปล่อยให้รอดชีวิตออกไปได้ มิเช่นนั้นที่นี่ของพวกเราจะถูกเปิดเผย! เจ้าผีน้อยพวกนี้เมื่อรอดออกไปได้จะต้องรายงานสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แน่นอน ชักนำให้พวกเขามาปิดล้อมปราบปรามพวกเรา สถานที่แห่งนี้ของพวกเราก็จะรักษาเอาไว้ไม่ได้!”
ผู้อาวุโสหลงมุ่นคิ้วนิดๆ ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างลำบากใจ สายตามองไปที่กู้ซีจิ่ว นัยน์ตาฉายแววซับซ้อนรางๆ
เด็กสาวคนนี้กล้าหาญรอบคอบเสมอมา ไม่ว่าคดียุ่งยากอะไรขอเพียงมาถึงมือเธอ เธอสามารถไขปมคลี่คลายให้กระจ่างแจ้งได้ทั้งสิ้น ต่อกรกับเธอไม่อาจพลาดได้แม้แต่น้อย มิเช่นนั้นจะมีเพียงความพ่ายแพ้ยับเยินที่รอคอยอยู่…
บุรุษชุดสีมรกตผู้นั้นมองผู้ฟื้นจากความตายข้างนอกที่ถูกหักคอตัวแล้วตัวเล่า ค่อนข้างปวดใจยิ่งนัก “ว่าก็ว่าเถอะ นังเด็กคนนั้นรู้จุดอ่อนของผู้ฟื้นจากความตายได้อย่างไร? พวกเราสูญเสียผู้ฟื้นจากความตายไปมากกว่าสามร้อยตัวแล้ว! ถ้าคิดจะกำจัดเจ้าผีน้อยพวกนี้เกรงว่าคงต้องใช้การลอบสังหารถึงจะได้เรื่อง ควรปล่อยราชาผู้ฟื้นจากความตายออกไปหรือไม่?”
ผู้อาวุโสหลงขมวดคิ้ว “รอไปก่อน”
“ยังต้องรออีกหรือ?! รอฝ่ายเราบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่านี่หรือไง! รู้ไหมว่าไม่ง่ายเลยกว่าพวกเราจะสร้างผู้ฟื้นจากความตายได้สักตัว…” บุรุษชุดสีมรกตร้อนใจ “ขอเพียงปล่อยราชาผู้ฟื้นจากความตายหลายตัวนั้นออกไป จะต้องฉีกเจ้าผีน้อยพวกนี้เป็นชิ้นๆ ได้แน่นอน!”
ผู้อาวุโสหลงหรี่ตาลงนิดๆ “ราชาผู้ฟื้นจากความตายเหล่านั้นเมื่อถูกปล่อยออกมาก็จะโจมตีไม่เลือกหน้า พอถึงเวลานั้นพวกเราก็ควบคุมไว้ไม่อยู่! คนอื่นโดนก็แล้วไปเถิด แต่กู้ซีจิ่วจะบาดเจ็บไม่ได้เด็ดขาด!”
บุรุษชุดเขียวเงียบไป
เขากำมือแน่น “เช่นนั้นจะทำอย่างไร? เบิกตามองพวกเขากำจัดแรงกายแรงใจของพวกเราไปทีละตัวงั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสหลงสูดหายใจนิดๆ “เดี๋ยวข้าจะออกไปจับตัวนางเอง!”
บุรุษชุดสีมรกตถอนหายใจอย่างโล่งอก “ควรทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว!” เขามองกระจกฉาบปรอท จู่ๆ สายตาก็ร่วงลงบนร่างอิงเหยียนนั่วที่สุ่มอยู่ไม่ไกลจากกู้ซีจิ่วมาโดยตลอด
เด็กหนุ่มคนนั้นสง่างามปานลำไผ่เขียวขจีตามหลังกู้ซีจิ่วโดยไม่ปรากฏตัวออกมา แถมยังซ่อนตัวอยู่รอบกายนางคอยกำจัด ‘ผู้ฟื้นจากความตาย’ เหล่านั้นให้นาง
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเด็กหนุ่มดูอ่อนแอนัก ทว่าการเคลื่อนไหวกลับดุดันเฉียบขาดอย่างยิ่ง เรือนกายวูบไหวดั่งสายฟ้าแลบ ทุกครั้งที่ขยับจะมีผู้ฟื้นจากความตายตัวหนึ่งอยู่ในกำมือเขา…
‘ผู้ฟื้นจากความตาย’ ที่ร้ายกาจถึงเพียงนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ราวกับตุ๊กตากระดาษทันที อ่อนแอปวกเปียก
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่นเขาเก็บงำฝีมือเอาไว้ ยามนี้ได้ปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ ร่างกายดั่งควันไฟ ลงมือว่องไวปานเสือดาว ทำให้บุรุษชุดสีมรกตมองจนตาพร่าไปหมด
เมื่อเห็น ‘ผู้ฟื้นจากความตาย’ เหล่านั้นถูกจับหักคอ บุรุษชุดสีมรกตผู้นั้นก็รู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอของตนเช่นกัน…
อิงเหยียนนั่วที่เพิ่งหักคอผีดิบชุดขาวตนหนึ่งไป ทันใดนั้นคล้ายว่าสัมผัสถึงบางอย่างได้ ดวงตาคู่หนึ่งมองตรงมาทันที!
บุรุษชุดสีมรกตประสานสายตากับเขาที่อยู่ในกระจกฉาบปรอท หนาวสะท้านขวัญผวาในทันใด!
ทราบชัดเจนว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นเขา ทว่าเขายังคงสั่นสะท้านไปทั้งใจ เกือบจะถอยหลังไปแล้ว เอ่ยโพล่งออกมา “คนผู้นี้ต่อกรได้ยาก!”
ผู้อาวุโสหันมองตามเสียง จ้องอิงเหยียนนั่วครู่หนึ่งเช่นกัน
อิงเหยียนนั่วพลันยกมือขึ้น แสงเพลิงสายหนึ่งวาบเข้ามา กระจกฉาบปรอทบานนั้นกลายเป็นเกล็ดหิมะหนาทึบกลุ่มหนึ่งทันที ชัดเจนยิ่งนักว่ากระจกที่ติดตั้งไว้ตรงจุดนั้นถูกอิงเหยียนนั่วทำลายแล้ว
ผู้อาวุโสหลงหน้าเปลี่ยนสีเล็ก้อย เด็กหนุ่มคนนี้ประหลาดนัก! เกรงว่าจะเป็นบุคคลที่รับมือได้ยากผู้หนึ่ง…
มีคนผู้นี้อยู่ข้างกายเธอ เกรงว่าการจับกุมกู้ซีจิ่วโดยที่ตนไม่บุบสลายสักเส้นขนคงไม่ง่ายดายเสียแล้ว…
————————————————————————————-
บทที่ 956 เด็กสาวผู้นี้หนีไปเช่นนี้เลยหรือ?!
แต่หากว่าไม่จับตัวเธอ เธอจะค้นหาที่นี่พบในไม่ช้านี้ เมื่อถึงเวลานั้นก็จะยุ่งยากตามเคยสถานที่แห่งนี้คือฐานทัพสำคัญของเขา เขาไม่คิดจะปล่อยให้ถูกทำลายเช่นนี้…
สายตาเขาร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่วในกระจกอีกครั้ง เด็กสาวคนนั้นปราดเปรียวว่องไว ตรวจค้นบ้านเรือนไปหลายสิบแห่งแล้ว ดูเหมือนจะค้นมาจนถึงเรือนหลังนี้แล้ว
เธอละเอียดลออรอบคอบ เมื่อมาถึงที่นี่ จะต้องค้นพบพระราชวังใต้ดินแห่งนี้ แล้วบุกเข้ามาแน่นอน…
มือของผู้อาวุโสหลงกำแน่นเล็กน้อย นัยน์ตามีแววโหดเหี้ยมวาบผ่าน สั่งการบุรุษชุดสีมรกตคนนั้น “อีกเดี๋ยวถ้านางมาตรวจค้นเรือนนี้ ให้รีบปล่อยราชาผู้ฟื้นจากความตายออกไปตัวหนึ่งทันที!”
ดวงตาบุรุษชุดสีมรกตเปล่งประกาย “ท่านไม่กลัวว่าราชาผู้ฟื้นจากความตายจะทำร้ายนางเข้าหรือ?”
ผู้อาวุโสหลงไอเบาๆ สองครา กล่าวอย่างเฉยเมย “ข้ามีแผนการเป็นของตัวเอง”
เด็กหนุ่มคนนั้นปกป้องเธอยิ่งนัก เมื่อปล่อยราชาผู้ฟื้นจากความตายออกไป เด็กหนุ่มคนนั้นจะต้องพุ่งเข้ามารับหน้าก่อนเป็นแน่ จากการคาดคะเนของเขา ทั้งสองอาจจะต่อสู้กันจนล้มเจ็บทั้งสองฝ่าย พอถึงเวลานั้นเขาค่อยออกไปลอบโจมตีกู้ซีจิ่ว แล้วพาเธอลงมา…
เขามองกู้ซีจิ่วในบานกระจก เสมือนจิตกรที่มองภาพวาดที่น่าพอใจที่สุดของตน มุมปากค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ซีจิ่ว ประเดี๋ยวพวกเราจะได้เจอกันแล้ว ฉันจะดูแลเธออย่างดี และจะให้เธอได้เห็นตัวจริงของฉันชัดๆ…
สายตาเขามองกู้ซีจิ่วที่กำลังค้นบ้านเรือนหลังแล้วหลังเล่า อีกสามหลังเธอก็จะค้นมาถึงที่นี่แล้ว!
ปลายนิ้วของผู้อาวุโสหลงเย็นนิดๆ ทว่าดวงตากลับฉายแววเร่าร้อน
บุรุษชุดสีมรกตมองดูเขา แววตาซับซ้อนยิ่งนักเช่นกัน ผู้อาวุโสหลงคนนี้เป็นบุคคลที่ท่านเจ้าให้ความสำคัญที่สุด รูปลักษณ์คล้ายคลึงกับหลงซือเย่เจ้าสำนักถามสวรรค์ถึงเก้าส่วน ดูเหมือนอายุก็ไม่ต่างกับหลงซือเย่เท่าไหร่เช่นกัน แต่กลับดูอ่อนเยาว์กว่าหลงซือเย่ บุคลิกก็ดูสำอางกว่า…
ทุกครั้งที่บุรุษชุดสีมรกตต้องเรียกเขาว่าผู้อาวุโส ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก รู้สึกอยู่เสมอว่าตนต้องฝืนจำนนต่อเด็กคนหนึ่ง…
เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วใกล้จะตรวจค้นมาถึงเรือนหลังนี้แล้ว นิ้วของบุรุษชุดสีมรกตจึงแตะลงบนปุ่มหนึ่งบนแท่น ขอเพียงกดลงไป ประตูใหญ่ที่อยู่ในส่วนลึกของวังใต้ดินก็จะค่อยๆ เปิดออก ‘ราชาผู้ฟื้นจากความตาย’ ที่สามารถฉีกกระชากทุกคนที่หลงเข้ามาในเขตแดนนี้ให้เป็นชิ้นๆ ได้ก็จะพุ่งทะยานออกมา…
นังหนู มาเถอะ! ขอเพียงเจ้าเข้ามาที่นี่ จะต้องสำนึกเสียใจไปชั่วชีวิต! เจ้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลสำหรับการอวดฉลาดของตัวเอง!
ทันใดนั้นกู้ซีจิ่วที่กำลังตรวจค้นอยู่ก็หยุดชะงัก ร่างกายอรชรอ้อนแอ้นยืนอยู่บนหลังคาเรือนหลังหนึ่ง สายตากวาดมองไปทั่วรอบหนึ่ง จู่ๆ ก็ถอนหายใจออกมา พึมพำกับตัวเอง “พวกเยี่ยนเฉินมองผิดไปหรือเปล่า? ผีดิบชุดขาวพวกนี้จะเกิดขึ้นใหม่ได้อย่างไร เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าพายุหิมะแค่รุนแรงเกินไป พวกเขามองเห็นไม่ชัดเจนไปชั่วขณะ บ้านเรือนผุพังพวกนี้มิใช่อ่างกำเนิดทรัพย์อะไรพรรค์นั้นเสียหน่อย ที่สังหารไปหนึ่งตัวแล้วจะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัว…”
เธอยกมือเคาะขมับตัวเองเบาๆ “ตัวโง่งม เจ้าก็ประสาทไปแล้ว ถึงได้วิ่งออกมาตามหาจริงๆ…ช่างเถอะ กลับไปหารือกับพวกเขาดีกว่าว่าจะออกไปข้างนอกได้อย่างไร” เธอเหินกายขึ้น ใช้วิชาเคลื่อนย้ายจากไปในชั่วพริบตา…
บุรุษชุดสีมรกตตกตะลึง
ผู้อาวุโสหลงนิ่งงัน
ทั้งสองมองหน้ากัน เด็กสาวผู้นี้หนีไปเช่นนี้เลยหรือ?!
“ทำยังไงดี? ยังต้องปล่อย ‘ราชาผู้ฟื้นจากความตาย’ ออกมาหรือไม่?” บุรุษชุดสีมรกตถาม
ผู้อาวุโสหลงส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ต้องแล้ว”
ขอเพียงเด็กสาวคนนี้หาที่นี่ไม่พบ ฐานทัพของเขาก็จะไม่ถูกเผยออกไป และเขาก็ไม่จำเป็นต้องปล่อย ‘ราชาผู้ฟื้นจากความตาย’ ออกไปก่ออันตราย
ถึงอย่างไรเจ้าสิ่งนั้นก็ไม่อาจควบคุมได้ พลังทำลายล้างแข็งแกร่งเกินไป ถ้าปล่อยออกไปคิดจะจับมันกลับมาอีกก็ยากแล้ว
ที่สำคัญกว่านั้นคือแม้ว่าคนกลุ่มนั้นจะถูกสังหาร แต่กู้ซีจิ่วก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน เขาอาจไปช่วยเหลือไม่ทันกาล…
————————————————————————————-
บทที่ 957 ข้าทำลายพวกมันทิ้งรวดเดียวได้!
บุรุษชุดสีมรกตขมวดคิ้ว “เช่นนั้นยามนี้จะทำเช่นไร?”
ผู้อาวุโสหลงใคร่ครวญครู่หนึ่ง “ระงับการปล่อยผู้ฟื้นจากความตายออกไปข้างนอก จากนั้นก็รอ!”
“รออะไร?”
ผู้อาวุโสหลงกล่าวเอ่ยเยือกเย็น “พวกเขาติดอยู่ที่นี่ออกไปไม่ได้ รอให้พวกเขาขาดน้ำขาดอาหารจนอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง เมื่อถึงเวลานั้นค่อยไปจับตัวพวกเขามาก็ได้”
เด็กพวกนี้ล้วนยังฝึกฝนไม่ถึงขั้นตัดธัญพืชทั้งห้าอย่างแท้จริง ยังต้องกินข้าวกินน้ำอยู่
และพวกเขาก็ไม่ได้พกพวกเสบียงอาหารแห้งมาสักเท่าไหร่ ติดอยู่ที่นี่สามวันขึ้นไปจะขาดแคลนอาหาร ติดอยู่สักแปดวันสิบวันทุกคนจะหิวจนแม้แต่แรงจะเดินก็ไม่มีแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นมิใช่จะปล่อยให้พวกเขาบีบขยี้ได้ตามอำเภอใจหรอกหรือ?
สายตาเขาจดจ้องร่างกูซีจิ่วที่ปรากฏตัวขึ้นกลางลาน สาวน้อยรวมกลุ่มกับสหายของเธอแล้ว แม้อิงเหยียนนั่วคนนั้นก็กลับไปแล้ว
การกลับมาของเธอทำให้สหายเหล่านั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก เยี่ยนเฉินถามไถผลลัพธ์ กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “พายุหิมะตกหนักเกินไป พวกเจ้าเลยตาฝาด ข้าตรวจดูจนทั่วแล้วก็ไม่เห็นว่ามีผีดิบโผล่ออกมาจากไหน…”
เยี่ยนเฉินไม่คิดจะถามอะไรอีก กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “สถานที่แห่งนี้ประหลาดจริงๆ ในสถานที่บางแห่งข้าพบกระจกหยินหยางจำนวนหนึ่งด้วย ข้าเดาว่าฤทธิ์ของกระจกหยินหยางเหล่านั้นก็คือทำให้คนเห็นภาพหลอน เกิดภาพลวงตาว่ามีพายุหิมะตกหนักยิ่ง ดังนั้นข้าจึงใช้ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ กับกระจกหยินหยางพวกนั้น”
“กระจกหยินหยาง?”
“ลูกไม้อันใด?” ทุกคนพากันซักถาม
กู้ซีจิ่วยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง รอยยิ้มนั้นค่อนข้างลำพองนิดๆ น่าชังหน่อยๆ ผู้อาวุโสหลงใจเต้นแรงแวบหนึ่ง สังหรณ์ใจไม่ดีทันที!
“ข้าทำลายพวกมันทิ้งรวดเดียวได้! เมื่อถึงยามนั้นภาพมายาพายุหิมะเหล่านี้ก็จะหายไป!” กู้ซีจิวยกมือขึ้น ฝ่ามือพลันมีบางอย่างส่องวาบขึ้นมา
‘ตู้ม!’ ‘ตู้ม!’ ‘ตู้ม!’ ‘ตู้ม!’
เสียงระเบิดหลายสิบเสียงดังขึ้นจากทุกแห่งทั่วทั้งเมือง ม่านฝุ่นสีเหลืองระคนกับหิมะนับไม่ถ้วนพวยพุ่งฟุ้งกระจายไปทั่ว…
ทุกคนตกตะลึง
ผู้อาวุโสหลงที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปในวังใต้ดินกำมือแน่นทันที!
กระจกฉาบปรอทในวังใต้ดินของเขาที่สะท้อนให้เห็นสถานการณ์ภายนอกทั้งหมดดับมืดสนิทลงเกือบหมด!
ติดตามความคลื่อนไหวของคนเหล่านั้นทุกทิศทางโดยไร้จุดอับสายตาไม่ได้อีกต่อไป!
ชัดเจนยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ยามที่สาวน้อยค้นหาตามซอกมุมต่างๆ ได้พบ ‘กล้องวงจรปิด’ ที่ติดตั้งไว้ในจุดซ่อนเร้นเหล่านั้นแล้ว จากนั้นก็เล่นลูกไม้ ติดตั้งบางสิ่งที่คล้ายคลึงกับระเบิดเวลาลงไป…
น่าตายนัก! เขาลืมไปได้ยังไงว่าชาติก่อนสาวน้อยคือนักฆ่าผู้ล้ำเลิศ ย่อมเป็นอัจฉริยะด้านการทหารที่โดดเด่นคนหนึ่ง สามารถประดิษฐ์สิ่งของจำพวกดินระเบิดได้
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ในยุคโบราณ ขอเพียงมีวิธีการอยู่ในมือ สร้างระเบิดไดนาไมต์ขึ้นมายังพอไหว เนื่องจากข้อจำกัดด้านเงื่อนไขจึงสร้างดินระเบิดอานุภาพสูงไม่ได้
แต่ยุคนี้กลับเป็นยุคสมัยแห่งพลังวิญญาณ สามารถคว้าจับสสารต่างๆ ในอากาศได้ การสร้างสิ่งของจำพวกดินระเบิดอานุภาพสูงขึ้นมามีความเป็นไปได้ว่าจะประสบความสำเร็จ ขอเพียงเข้าใจหลักการเหล่านั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะสร้างอาวุธที่มีอานุภาพสูงได้…
บุรุษชุดสีมรกตต่อยลงบนแท่น “นังเด็กคนนั้นดูหมิ่นผู้อื่นนัก! ผู้อาวุโสหลง ปล่อย ‘ราชาผู้ฟื้นจากความตาย’ ออกไปกำจัดไอ้เด็กเหลือขอพวกนี้ทิ้งได้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสหลงเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ไม่ได้!”
เมื่อพวกเขามองไม่เห็นความเคลื่อนไหวด้านนอกก็ยิ่งปล่อย ‘ราชาผู้ฟื้นจากความตาย’ ออกไปไม่ได้ ถ้าปล่อยออกไปแล้วจะเอามันกลับมายังไง? หากเจ้าสิ่งนี้ซุ่มจู่โจมในจุดอับ คนของเขาก็จะบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน!
ตอนนี้มีเพียงวิธีเดียวคือสังหารคนที่อยู่ด้านนอกเหล่านี้ทิ้งหรือไม่ก็ปล่อยตัวออกไป หลังจากทำให้ที่นี่กลับเป็นปกติแล้ว เขาค่อยออกไปติดตั้ง ‘กล้องวงจรปิด’ เหล่านั้นด้วยตัวเองอีกครั้ง
การสังหารคนเหล่านี้ให้สิ้นซากในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ง่ายดายเลย…
————————————————————————————-
บทที่ 358 หลุดพ้น
การสังหารคนเหล่านี้ให้สิ้นซากในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ง่ายดายเลย…แต่การรั้งให้คนเหล่านี้อยู่ที่นี่จนถึงที่สุดก็เป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอน
โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่คอยติดตามข้างกายกู้ซีจิ่วคนนั้น เกรงว่าฝีมือคงไม่ธรรมดา หากปล่อยให้พวกเขาหาที่นี่พบ จะต้องเกิดศึกสังหารขึ้นแน่นอน อีกทั้งเขาไม่สามารถปลดปล่อยราชาผู้ฟื้นจากความตายออกมาช่วยเหลือได้ เมื่อถึงยามนั้นเกรงว่าจะบาดเจ็บสูญเสียกันทั้งสองฝ่ายโดยแท้…
เห็นทีว่าทำได้พียงปล่อยคนพวกนี้ออกไปก่อน
โชคดีที่คนพวกนี้ยังไม่พบฆาตกรตัวจริงของที่นี่ ก็ปล่อยให้พวกเขาสังหารผีดิบชุดขาวด้านนอกเหล่านั้นแล้วนึกว่าที่นี่จบลงเพียงเท่านี้แล้ว…
อย่างมากเขาก็แค่หาวิธีทำลายสิ่งปลูกสร้างด้านนอกทิ้งเสีย ทำให้ที่นี่กลับเป็นทุ่งหิมะผืนหนึ่งเหมือนเดิม ผีน้อยเหล่านั้นจะได้นึกไปเพียงว่าต้องวิชามายาเข้า ไม่ตรวจสอบลงลึกอีก
ต่อให้ในใจพวกเขายัคงสงสัยอยู่ รายงานไปยังเบื้องบน แล้วพาคนมาตรวจสอบอีกก็เป็นเรื่องในอีกหลายวันข้างหน้า ยามนั้นเขาจะจัดแจงที่นี่ใหม่อีกครั้ง ทำให้คนเหล่านี้หาไม่พบอีกต่อไป…
ในใจผู้อาวุโสหลงมีสารพัดความคิดวิ่งวนอยู่ หลังจากชั่งผลดีผลเสียแล้วก็สั่งการบุรุษชุดสีมรกตทันที “หาทางทยอยเรียก ‘ผู้ฟื้นจากความตาย’ เหล่านั้นกลับมา เหลือไว้ด้านนอกสักสามสิบสี่สิบตัวก็พอ!”
บุรุษชุดสีมรกตไม่เข้าใจ “เพราะอะไร?”
ผู้อาวุโสหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้อาวุโสเช่นข้าจะกระทำสิ่งใดล้วนต้องอธิบายให้เจ้าเข้าใจหรือว่าเพราะอะไร?”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้บุรุษชุดสีมรกตพูดไม่ออกแล้ว
เขายังคงค่อนข้างกริ่งเกรงผู้อาวุโสหนุ่มที่หล่อเหลาผู้นี้อยู่ จึงทำได้เพียงปฏิบัติตามคำสั่งของเขา
‘ผู้ฟื้นจากความตาย’ ที่อยู่ด้านนอกไม่มีความสามารถในการตามตัวภายหลัง เหลือไว้เพียงสามสิบสี่สิบตัวก็ฆ่าเวลาได้ดีมากแล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วยาม บนพื้นด้านนอกก็ไม่มีผีดิบชุดขาวปรากฏตัวขึ้นอีก แม้แต่พายุหิมะที่รุนแรงก็หยุดลงแล้ว
เมื่อผีดิบชุดขาวตัวสุดท้ายล้มลงไป ท้องฟ้าที่เดิมทีมีเมฆคลุมหนาทึบจนคนมองไม่เห็นสีสันของนภาก็เริ่มปรากฏลักษณะเดิมออกมาช้าๆ…
“เขตแดนนี้กำลังจะสลายแล้ว!” หลานไว่หูโห่ร้องขึ้นมาด้วยความยินดี
พวกเยี่ยนเฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกเขาถูกขังไว้ที่นี่หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว บัดนี้ในที่สุดก็ได้เห็นแสงสว่างแล้ว!
จางฉูฉู่เอ่ยขึ้นว่า “ดูเหมือนกะจกหยินหยางที่ซีจิ่วทำลายทิ้งพวกนั้นจะเป็นตาค่ายของค่ายกลใหญ่แห่งนี้ เมื่อกระจกหยินหยางแตกไป ผีดิบเหล่านี้จึงไม่ดาหน้าเข้ามาอย่างไร้ที่สิ้นสุดอีก”
คนที่เหลือพากันพยักหน้าเห็นด้วย
ทุกคนมองไปรอบๆ เนื่องจากพายุหิมะที่บ้าคลั่งหยุดลงแล้ว ทัศนะวิสัยจึงดีขึ้น มองปราดเดียวก็เห็นสภาพของเมืองร้างทั้งเมืองแล้ว
เมื่อเห็นสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่เหล่านี้ ก็คาดการณ์ได้ว่าเมืองแห่งนี้ถูกทิ้งร้างอย่างน้อยหลายทศวรรษแล้ว ผนังกำแพงชำรุดทรุดโทรม ดูเปลี่ยวร้างอย่างยิ่ง
และลานกว้างที่พวกเขาอยู่นี้น่าจะเป็นลานนวดข้าวของเมือง ใต้หิมะที่ทับถมมีผืนดินเหลืองแน่นแข็ง ส่วนเสาธงสูงตระหง่านต้นนั้นยามนี้ก็ดูผุพังเช่นกัน ก่อนหนานี้ยามที่อยู่ในค่ายอาคม เสาต้นนี้ดูค่อนข้างประหลาดทองก็ไม่ใช่เหล็กไม่เชิง แต่ยามนี้เมื่อค่อยๆ สลายไป เมื่อมองไปที่เสาธงต้นนั้นอีกครั้งก็เห็นทำมาจากไม้เนื้อแข็งชนิดหนึ่ง ด้านบนมีรอยแตกร้าว ไม่โดดเด่นสะดุดตา
เมื่อจางฉูฉู่เห็นสภาพรอบข้างก็ค่อนข้างตกตะลึงคลางแคลง “มารดามันเถอะ สามารถปรับเปลี่ยนเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งให้ร้ายกาจได้ขนาดนี้เชียวหรือ? พวกเราต้องทำลายสถานที่ผุพังแห่งนี้ทิ้งหรือไม่? กันไม่ให้ผู้อื่นหลงเข้ามาติดกับอีก…”
“ไม่ต้องหรอก ค่ายกลของที่นี่พังไปแล้ว ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป พวกเรารีบไปกันเถอะ” กู้ซีจิ่วกล่าว
“แต่ที่นี่…” จางฉูฉู่ยังคิดจะพูดต่อ
กู้ซีจิ่วโบกมือพลางเอ่ยว่า “ค่ายกลพังไปแล้ว ที่นี่ก็เป็นแค่บ้านเรือนผุผังไม่กี่หลังเท่านั้น ไม่เกิดสถานการณ์อะไรขึ้นหรอก พวกเราต้องออกจากที่นี่ก่อน ทุกคนตามหาสถานที่อบอุ่นแล้วค่อยพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์เถอะ สถานที่ผีสางแห่งนี้ ข้าไม่คิดจะรั้งอยู่นานกว่านี้แล้ว! เอาล่ะ ไปได้แล้ว!” พลางเหินนำไปทางตะวันออกเฉียงใต้ก่อน
————————————————————————————-
บทที่ 959 ในสามสิบหกกลยุทธ์มีเพียงหนีเท่านั้นที่เป็นสุดยอดกลยุทธ์!
ยามนี้โดยพื้นฐานแล้วทุกคนล้วนยกให้เธอเป็นผู้นำ ย่อมติดตามไปด้วย
หลังจากทำลายเขตแดนแห่งนี้ได้จิตใจของทุกคนก็ผ่อนคลายอย่างยิ่ง มีเพียงกู้ซีจิ่วที่ยังคงอกสั่นขวัญแขวนอยู่!
ก่อนหน้านี้ระหว่างที่กู้ซีจิ่วตรวจค้นอยู่ เธอไม่เพียงแต่พบสิ่งของที่คล้ายกับกล้องวงจรปิดเหล่านั้น ยังมองออกว่าค่ายกลนี้เป็นค่ายกลโบราณอันชั่วร้ายอีกด้วย!
ไอหยินในค่ายกลเข้มข้นยิ่ง พายุหิมะที่บ้าคลั่งนั้นย่อมไม่ใช่พายุหิมะแท้จริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการใช้ไอแค้นของวิญญาณพยาบาทนับพันนับหมื่นในสนามรบมาเปลี่ยนแปลงสนามพลังของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นพายุหรือเกล็ดหิมะล้วนปนเปื้อนด้วยไอพยาบาทนับไม่ถ้วน
และเขตแดนบนอากาศเหนือค่ายกลที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งนี้ ก็กักไอหยินเหล่านี้ไว้ไม่ให้มันรั่วไหลออกไป
สัมผัสที่หกของกู้ซีจิ่วเฉียบไวยิ่งนักมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ระหว่างที่เธอตรวจค้นอยู่ก็สัมผัสได้ว่ามีคนลอบเฝ้ามองพวกเธออยู่!
ราวกับมีดวงตาชั่วร้ายคู่หนึ่งกำลังเฝ้ามองทุกความเคลื่อนไหวของเธอจากใต้พิภพอันมืดมิด ทำให้กล้ามเนื้อของเธอเคร่งตึง
ต่อมาเธอก็ได้กลิ่นอายของสิ่งที่ชั่วร้ายสุดขีด ถึงแม้สิ่งชั่วร้ายนั้นจะไม่เผยโฉมออกมาเลย แต่สัมผัสที่หกของเธอบอกเธอว่า จะไปหาเรื่องสิ่งนั้นไม่ได้เด็ดขาด! และไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มนี้ของเธอจะสามารถยุแหย่ได้!
เธอทราบจาก ‘กล้องวงจรปิด’ เหล่านั้นแล้ว ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็น ‘ปรมาจารย์กู่’ ผู้นั้น และเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องบิดาของหลงซีผู้นั้น!
คนที่แอบจับตามองเธอก็น่าจะเป็นเขาเช่นกัน
คนผู้นี้คลั่งชีวเคมี อีกทั้งเขาฝึกฝนวิชามาร การที่เขาคิดจะทำให้ยุคนี้เกิดสถานการณ์ซอมบี้ล้างเมืองก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใจจนเกินไป แถมคนผู้นี้ยังบ้าคลั่งถึงปานนี้ ผีดิบชุดขาวที่อยู่ในการควบคุมของเขาก็หยุดยั้งได้ยากยิ่งนัก ไม่แน่อาจจะศึกษาวิจัยราชาผีดิบออกมาได้แล้ว สิ่งชั่วร้ายใหญ่หลวงที่เธอสัมผัสได้อาจจะเป็นราชาผีดิบ!
จะสืบค้นต่อไปไม่ได้เด็ดขาด ถ้าสืบค้นต่อไปเกรงว่าจะก่อให้คนผู้นั้นตอบโต้กลับ พวกเธอทั้งกลุ่มล้วนต้องสิ้นชีพอยู่ที่นี่!
ดังนั้นหลังจากกู้ซีจิ่วตรวจค้นอยู่พักใหญ่ก็ยุติลงอย่างไม่ลังเลเลย กลับไปรวมตัวกับเหล่าสหาย
เธอไม่รู้ว่าที่แท้แล้วนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นมีแผนการอะไร แต่ตอนนี้รูปการณ์แบบข้าอยู่ในที่แจ้ง ศัตรูอยู่ในที่ลับเห็นได้ชัดว่าไม่ดี ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงทำลายกล้องวงจรปิดเหล่านั้นทิ้งโดยตรง ทำให้ศัตรูพะว้าพะวงขึ้นอีกขั้น ไม่กล้าหลับหูหลับตาปล่อยเจ้าใหญ่นั้นออกมา
เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ คนที่ซุ่มอยู่ผู้นั้นคล้ายจะมีอะไรให้พะวงอยู่เช่นกัน ในที่สุดก็ยอมปล่อยพวกเขาจากไป ระงับการทำงานของค่ายกล…
ยามนี้ในสามสิบหกกลยุทธ์ย่อมมีเพียงหนีเท่านั้นที่เป็นสุดยอดกลยุทธ์!
หลังจาพายุหิมะหยุดลงกู้ซีจิ่วก็มองออกว่า เรือนแห่งหนึ่งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้คือประตูทางออกของค่ายกลนี้ ขอเพียงหนีไปถึงที่นั่น พวกเธอก็สามารถไปจากที่นี่อย่างสมบูรณ์ได้!
ในเมื่อเธอมองค่ายกลใหญ่นี้ออก ก็ย่อมหาตาค่ายของค่ายกลแห่งนี้พบ
…เป็นเสาธงต้นนั้น!
เสาธงต้นนั้นก็คือตาค่ายที่รักษาค่ายกลนี้ไว้ เมื่อเสาธงต้นนี้ถูกทำลาย ค่ายกลนี้จึงทลายลง เขตแดนที่ครอบคลุมอยู่ด้านนอกจึงไม่คงอยู่แล้ว
แต่เขตแดนนี้กลับไม่อาจทำลายทิ้งได้ เนื่องจากถึงแม้จะกักขังคนไว้ แต่ก็กักขังผีดิบชุดขาวเหล่านั้นไว้เช่นกัน ให้พวกมันเคลื่อนไหวอยู่แค่ในค่ายกล ถ้าบุ่มบ่ามทำลายเขตแดนนี้ทิ้ง เกรงว่าพวกผีดิบชุดขาวที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปใต้ดินจะแห่ออกมาด้วย เมื่อถึงยามนั้นแทบไม่อยากคาดการณ์เลยว่าภัยพิบัติเช่นใดจะมาเยือนโลกใบนี้
ดังนั้นสิ่งที่เธอต้องทำในตนนี้ก็คือออกไปให้พ้นจากสถานที่อันตรายแห่งนี้ก่อน จากนั้นค่อยว่ากันอีกที
ความเร็วของคนกลุ่มนี้ล้วนแต่ว่องไวยิ่ง เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงทางออกที่อยู่ข้างหน้าแล้ว กู้ซีจิ่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นเหนือศีรษะพลันมีเสียงดังครืนกึกก้องขึ้นเหนือศีรษะ ราวกับมีสายฟ้าผ่าลงมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ
————————————————————————————-
บทที่ 960 หรือเขาจะพลาดท่าติดอยู่ในข้างใน?!
ทั่วโลกาล้วนสะท้านสะเทือนไปตามๆ กัน!
ทุกคนล้วนตกตะลึงพรึงเพริด หลายฝีเท้าหยุดชะงัก หันกลับไปมองทันที จางฉูฉู่ตะโกนขึ้นว่า “ดูเร็ว! เสาธงต้นนั้นจะถูกฟ้าผ่าแล้ว!”
เสาธงต้นนั้นคือสิ่งที่สูงที่สุดในเมืองนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนล้วนมองเห็นมันได้ในแวบเดียว ยามนี้จู่ๆ มันก็ถูกฟ้าผ่า เป็นธรรมดาที่ทุกคนล้วนมองเห็นได้ ทุกคนเบิกตามองอัสนีสีทองเจิดจ้าสายหนึ่งผ่าลงที่เสาธงต้นนั้นอย่างจัง เกิดเสียงเปรี้ยงดังกัมปนาทขึ้น
กู้ซีจิ่วใจหายวาบทันที ตะโกนเสียงดัง “อย่าสนใจเรื่องนั้น! รีบวิ่ง!”
กล่าวยังไม่ทันขาดคำ พสุธาใต้ฝ่าเท้าก็สั่นไหวขึ้นมา คล้ายจะเกิดแผ่นดินไหวระดับแปดขึ้นมาในทันใด! แผ่นดินเริ่มแยกออก…
ทุกคนไม่ทันระวังตัว ถูกเขย่าจนล้มไปคนละทิศละทาง เชียนหลิงอวี่ร่างกายอ่อนแอเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ จึงกระเด็นออกไปทันที ประจวบเหมาะเคราะห์ร้ายไถลไปทางหลุมลึกแห่งหนึ่งที่เพิ่งแยกออกอย่างรวดเร็ว!
หลุมลึกที่แตกอ้านั้นมืดสนิท เชียนหลิงอวี่เบิกตามองร่างตนหล่นลงไปในรอยแยกที่ลึกจนไม่เห็นก้นแห่งนั้น ตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี! เขายังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร ทั้งร่างก็แขวนค้างอยู่กลางอากาศแล้ว!
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะหล่นลงไป คนผู้หนึ่งก็พุ่งมาปานฟ้าแลบ รั้งตัวเขาไว้ โอบเอวแล้วอุ้มเขาขึ้นมา จากนั้นก็เกิดเสียงลมหวีดหวิวคราหนึ่ง เชียนหลิงอวี่เวียนหัวตาลายอยู่ครู่หนึ่ง ยามที่เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ตัวคนก็ถูกพามาไว้ที่เนินเขาแห่งหนึ่งที่ด้านนอกแล้ว
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วนัก เร็วจนทำให้คนตอบสนองไม่ทัน
หัวใจเชียนหลิงอวี่เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา ในที่สุดเขาก็เห็นชัดเจนแล้วว่าผู้ที่พาเขาออกมาคือใคร
เป็นกู้ซีจิ่ว…
ในสถานการณ์คับขันเธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายช่วยเหลือเขาไว้ ไม่เพียงแต่ช่วยเขาเท่านั้น ในมืออีกข้างของเธอยังพาจางฉูฉู่ที่มัวแต่ชมเรื่องครึกครื้นจนตกตะลึงเสียหลักลื่นล้มออกมาด้วย
ส่วนคนที่เหลือ เยี่ยนเฉินอุ้มจิ้งจอกน้อยที่ปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้าออกมา เล่อชิงซิ่งก็ลากน้องสาวของตนออกมาแล้ว…
กู้ซีจิ่วยังไม่ได้วางคนทั้งสองลง สายตาก็กวาดมองไปทั่วอย่างรวดเร็ว เยี่ยมมาก คนส่วนใหญ่ล้วนออกมาแล้ว ยามนี้กำลังมุ่งหน้ามาทางเนินเขาแห่งนี้ที่เธออยู่
เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก เพียงแต่ลมหายใจแห่งความโล่งอกนี้เพิ่งจะพ่นออกมาได้เพียงครึ่งเดียวก็สะกิดใจขึ้นอีกครา!
อิงเหยียนนั่วล่ะ?!
เนื่องจากอิงเหยียนนั่วผู้นี้ขอเพียงโผล่ออกมาก็จะชอบติดสอยห้อยตามอยู่ข้างกายเธอ แทบจะตามติดทุกฝีก้าวเว้นเพียงเวลานอนเท่านั้น และไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นใดเขาล้วนมีความสามารถพอที่จะเอาตัวรอดได้ ดังนั้นในยามที่ต้องหนีเอาชีวิตรอดจากภยันอันตรายกู้ซีจิ่วจึงติดนิสัยไม่มองหาเขา เนื่องจากเธอรู้ว่าเขาสามารถตามตนออกมาได้ ถึงขั้นที่หนีได้ว่องไวกว่าเธอด้วยซ้ำ!
แต่ตอนนี้เธอกลับไม่เห็นเขา!
หรือเขาจะพลาดท่าติดอยู่ข้างใน?!
ขณะนี้เห็นได้ชัดว่าค่ายกลนั้นกำลังถล่มลงมา เสียงโครมครามกึกก้องปานภูผาคลอนปฐพีโยก ม่านหมอกหิมะมหาศาลฟุ้งอยู่ในอากาศ แทบจะบดบังฟ้าดิน
หากอิงเหยียนนั่วพลาดท่าติดอยู่ด้านใน เกรงว่าคงไม่รอดแน่!
ร่างกายกู้ซีจิ่วพุ่งขึ้นมา คิดจะกระโจนกลับเข้าประตูค่ายกลไปตามหาคนอีกครั้ง…
เงาร่างเธอว่องไวยิ่ง พวกเยี่ยนเฉินไม่มีทางสกัดไว้ทัน เมื่อเห็นว่าเธอกำลังพุ่งเข้าไปในประตูค่ายกล คนผู้หนึ่งก็โผล่พรวดออกมาจากประตูค่ายกล กู้ซีจิ่วยั้งเท้าไม่อยู่ เกือบจะโผใส่อ้อมแขนคนผู้นั้น!
คนผู้นั้นรวดเร็วปานฟ้าแลบ ดึงเธอไว้แล้วเหินทะยานขึ้น…
หัวใจกู้ซีจิ่วสงบลงทันที คนผู้นี้คืออิงเหยียนนั่ว
ขอบคุณฟ้าดิน เขาหนีออกมาได้ในวินาทีสุดท้าย!
เงาร่างของเขาและเธอเพิ่งจะพ้นจากประตูค่ายกลนั้น ประตูค่ายกลก็ถล่มลงมาทันที และสามารถกล่าวได้ว่า เขตแดนทั้งหมดถล่มลงมาแล้ว…
….
เสียงที่แว่วอยู่ด้านหลังดังสะเทือนเลือนลั่น ทุกคนไม่มีเวลาหันกลับไปมอง โคจรพลังใช้วิชาเหินหาว หลบหนีออกไปประหนึ่งควันสายหนึ่ง ได้ระยะทางเจ็ดแปดลี้ถึงหยุดฝีเท้าลง
————————————————————————————-
บทที่ 961 หรือเป็นสวรรค์ลงทัณฑ์?!
ที่นี่คือผาสูงแห่งหนึ่ง ทุกคนยืนอยู่บนหน้าผา ในที่สุดก็สามารถพักหายใจพลางหันกลับไปมองได้
ตำแหน่งที่พวกเขายืนนี้ไม่เลวเลย มองลงไปเห็นสถานการณ์โดยรอบได้พอดี เมื่อพวกเขามองจากทิศนี้ไป สามารถมองเห็นเมืองร้างแห่งนั้นที่ถูกหิมะและน้ำแข็งกลบฝังไปจนสิ้นได้ พื้นที่ตรงนั้นดั่งทะเลหิมะที่ซัดสาด มองแล้วค่อนข้างน่าหวาดหวั่น
มีเสียงคำรามแผ่วๆ แว่วมาจากส่วนลึกใต้พสุธา ราวกับสัตว์ประหลาดที่เดิมที่หลับลึกอยู่กำลังจะตื่นขึ้นมา มีไอหยินชั่วร้ายทะลักออกมาจากใต้พื้น…
แย่แล้ว!
เกรงว่าเจ้าสัตว์ประหลาดดุร้ายตัวนั้นคงถูกรบกวนจนตื่นขึ้นมาแล้ว!
กู้ซีจิ่วกำหมัด
ประหลาดนัก ที่แท้สายฟ้าที่ผ่าลงมาฟากฟ้านั้นมาจากไหนกันแน่?!
หรือเป็นสวรรค์ลงทัณฑ์?!
เธอคิดยังไม่ทันจบ จู่ๆ หลานไว่หูที่อยู่ข้างกายก็กระซิบออกมา “ดูเมฆสิ!”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นตามเสียง จากนั้นก็ตกตะลึงกันถ้วนหน้า!
บนท้องฟ้า ท่ามกลางหมู่เมฆ มังกรเจียว[1]สีเงินตัวหนึ่งกำลังเหินร่อนอยู่ และบนหลังของมังกรเจียวก็มีดรุณีในชุดชาววังนางหนึ่งยืนอยู่
ดรุณีนางนั้นสวมชุดฝ่ายในสีนวลจันทร์ปักลายหงส์ กระโปรงซ้อนเป็นชั้น เมื่อต้องลมคราหนึ่ง แต่ละชั้นที่ซ้อนกันจะเผยอออก ปานดอกบัวดอกหนึ่งที่โยกไหวอยู่กลางสายลม แถบแพรยาวสีเดียวกันสองเส้นโบกสะบัดอยู่รอบกายนาง วนเวียนดั่งมังกร เส้นผมดำขลับดุจขนกา เกล้าขึ้นครึ่งหนึ่งปล่อยสยายครึ่งหนึ่ง ลอยพลิ้วอยู่ด้านหลังนาง
เนื่องจากอยู่ห่างไกล ทุกคนจึงมองไม่เห็นใบหน้านาง เพียงรู้สึกได้รางๆ ว่าสตรีผู้นี้สูงส่งงดงามและเยือกเย็นยิ่งนัก
นางยืนอยู่บนหลังมังกรเจียว มือหนึ่งจับเขามังกรค้ำร่างไว้ มืออีกข้างทำมุทราร่ายอาคม พริบตาเดียวสายฟ้าสีทองเส้นหนึ่งก่อตัวขึ้นจากปลายนิ้วของนาง นางชี้ลงไปด้านล่างทันที!
‘เปรี้ยง’ เป็นเสียงของสายฟ้าที่ผ่าลงไป!
ผ่าลงตรงเขตแดนที่กำลังโหมซัดสาดอยู่ ด้วยเหตุนี้ม่านหมอกหิมะตรงนั้นจึงฟุ้งขึ้นสูงกว่าเดิม เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวที่อยู่ลึกลงไปในใต้ดินนั้นดังยิ่งขึ้น..
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เข้าใจแล้ว
ไม่แปลกเลยที่เขตแดนจะทรุดตัวลง ไม่แปลกเลยที่เสาธงจะถูกผ่า ที่แท้มิใช่สวรรค์ลงทัณฑ์อันใด แต่เป็นกระบวนท่าอันดุเดือดที่สตรีผู้นี้สำแดงออกมา!
วรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วในยามนี้ถึงแม้จะมิได้สูงส่งเลิศล้ำ แต่สายตายังคงแหลมคมยิ่งนัก มองแวบเดียวก็ทราบว่ากระบวนท่าที่สตรีผู้นี้สำแดงออกมาไม่ธรรมดาเลย อย่างน้อยที่สุดก็เป็นวรยุทธ์ในระดับพลังวิญญาณขั้นเก้า และมองจากกระบวนท่าที่นางสำแดงออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นพลังวิญาณธาตุสายฟ้าที่พบเห็นได้ยากเป็นที่สุด
สตรีนางนี้คือผู้ใด?
สำหรับยอดฝีมือของทวีปนี้ซีจิ่วรู้จักไม่น้อยแล้ว ในข้อมูลทั้งหมดที่เธอได้รับมา ปัจจุบันสตรีที่มีระดับพลังวิญญาณสูงสุดในทวีปนี้คือฮวาอู๋เหยียน พลังวิญญาณที่นางฝึกฝนคือธาตุน้ำ
รองลงมาคือสาวใช้ประจำตัวตี้ฝูอี ได้ยินว่าข้างกายตี้ฝูอีมีสาวใช้อยู่สี่นาง พลังวิญญาณของแต่ละนางชวนตะลึง เพียงแต่พวกนางเผยโฉมน้อยยิ่ง และแทบจะไม่แสดงฝีมือเลย ดังนั้นบนโลกนี้คนที่ทราบตื้นลึกหนาบางของพวกนางจึงมีน้อยคนนัก และไม่ทราบว่าพวกนางฝึกฝนถึงขั้นไหนแล้ว…
สตรีผู้ขี่มังกรเจียวอยู่บนฟ้ายามนี้ย่อมมิใช่ฮวาอู๋เหยียน เช่นนั้นนางคือผู้ใด? หรือจะเป็นหนึ่งในสาวใช้ประจำตัวของตี้ฝูอี?
เพียงแต่มองจากจากการแต่งการแล้วมิคล้ายว่าจะเป็นสาวใช้อันใด เหมือนพวกองค์หญิงมากกว่า…
เห็นได้ชัดว่าสตรีนางนั้นก็มองเห็นคนทั้งแปดที่เพิ่งหนีออกมาจากเขตแดนนั้น แต่นางก็เหลือบมองกลุ่มของกู้ซีจิ่วอย่างเฉยเมยแวบเดียวเท่านั้น ไม่สนใจอีกต่อไป นิ้วมือค่อยๆ กรีดกรายร่ายอาคมให้สายฟ้าอีกเส้นผ่าลงไป…
เสียงดังตูมตามนั่นทำให้พื้นดินทั้งผืนสั่นสะเทือนไปด้วย
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนทันที เธอหูดีจนน่าตกใจ จึงได้ยินเสียงที่ค่อนข้างสับสนวุ่นวายดังขึ้นมาจากใต้ดิน คล้ายว่าผีดิบนับไม่ถ้วนกำลังหาทางเล็ดรอดออกมา…
สายฟ้าที่สตรีนางนั้นผ่าลงมามิใช่ดาบปราบมาร แต่ศาสตราวุธที่ตัดโซ่ตรวนของมวลมาร สายฟ้าของนางไม่อาจกำจัดมารได้ ซ้ำยังเป็นการปล่อยมารเหล่านั้นออกมาอีก!
————————————————————————————-
บทที่ 962 ไม่คาดคิดเลย
“หยุดมือ!” เยี่ยนเฉินตะโกนออกไปในทันใด
เสียงนี้ของเขาดังกึกก้องยิ่ง ทะลุผ่านชั้นเมฆ แว่วไปถึงหูสตรีนางนั้นจริงๆ
นิ้วของสตรีนางนั้นชะงักไปเล็กน้อย เหลือบมองด้านล่างอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง สายตาน้ันปานเทพเซียนที่กำลังก้มมองมดปลวกบนพื้นดิน สูงส่งเหนือปวงชน
“สามหาว!” เสียงดังสนั่นหวั่นไหวปานฟ้าร้องดังอยู่เหนือศีรษะ ทำให้ทุกคนสะดุ้งโหยง คนยักษ์ผู้หนึ่งที่สูงถึงสองร้อยยี่สิบเซนติเมตรปรากฏตัวออกมาจากหมู่เมฆเบื้องหลังสตรีนางนั้น คนยักษ์ผู้นี้ขี่หลังสิงโตทองตัวหนึ่งอยู่ บนร่างสวมเกราะทองเจิดจ้า สองแขนเปิดเปลือย เผยให้เห็นมัดกล้ามสีเข้ม ในมือถือง้าวจันทร์เสี้ยว[2]สีทองอร่ามเล่มหนึ่ง ดูสูงใหญ่ทรงพลังยิ่ง ดุดันเหี้ยมหาญ
“ผีน้อยเช่นเจ้าเป็นตัวอันใด?! กล้าตะโกนใส่ราชินีลี่ของพวกเราได้อย่างไร?!” คนยักษ์ผู้นั้นพอปรากฏตัวขึ้นก็เกรี้ยวกราด เสียงดังปานฟ้าผ่า ทรงพลังเหมือนคิงคองในหนัง!
เห็นได้ชัดยิ่งว่าคนยักษ์ผู้นี้เป็นผู้คุ้มกันของสตรีนางนั้น เขาคงคิดจะสั่งสอนเยี่ยนฉินสักหน่อย ตะโกนยังไม่ทันจบ ง้าวจันทร์เสี้ยวในมือก็ชี้ลงมาทางเยี่ยนเฉิน
ลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งตรงมาที่เยี่ยนเฉิน!
สีหน้าเยี่ยนเฉินแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ไม่คาดคิดเลยว่าพออีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นก็จะสำแดงกระบวนท่ายิ่งใหญ่ทันที!
ในช่วงวิกฤตไม่อาจคิดให้ถี่ถ้วนได้ รีบสร้างกำแพงทองคุ้มกันทันที
ในขณะเดียวกัน เหล่าสหายตัวน้อยที่อยู่รอบกายเขาก็ลงมืออย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย จิ้งจอกน้อยปล่อยกำแพงวารีออกมากั้น จางฉูฉู่ เล่อชิงซิ่ง เล่อจื่อซิ่งต่างก็ปลดปล่อยวิชาป้องกันของพวกเขาออกมา
แสงทองของคนยักษ์ผู้นั้นดุดันร้ายกาจยิ่ง ถูกคมมีดวายุของกู้ซีจิ่วสกัดไว้ก่อน จากนั้นก็ตีกำแพงวารีของจิ้งจอกน้อยแตก พัดกำแพงไม้ของจางฉูฉู่กระเด็น…
ชั่วพริบตาเดียว แสงทองสายนั้นก็ทำลายกำแพงป้องกันด้านพวกกู้ซีจิ่วทั้งสามจนพินาศย่อยยับ พุ่งไปถึงเบื้องหน้ากำแพงทองของเยี่ยนเฉินถึงได้ชะงักลงครู่หนึ่ง เกิดเสียงดังเปรี๊ยะ กำแพงทองของเยี่ยนเฉินก็พังทลายลงแล้วเช่นกัน อานุภาพที่หลงเหลืออยู่ยังไม่หมดลง เข้าปะทะกับกำแพงที่คู่แฝดเล่อชิงซิ่งเล่อจื่อซิ่งสร้างขึ้น…
สองพี่น้องเล่อชิงซิ่งเล่อจื่อซิ่งหน้าแดงก่ำ แต่เคราะห์ดีที่ในที่สุดก็หยุดยั้งไว้ได้!
ดูเหมือนคนยักษ์ผู้นั้นนึกไม่ถึงว่าผีน้อยที่อยู่ด้านล่างจะสามารถสกัดกั้นลำแสงทองที่เขาส่งไปได้ ดวงตาเบิกกว้างปานคิงคอง “เหล่าผีน้อยก็มีฝีมืออยู่บ้างนี่! รับไปอีก…” เขายกมือขึ้น หมายจะส่งออกไปอีกกระบวนท่าหนึ่ง
ทันใดนั้นด้านหลังพลันเย็นวาบ มีบางสิ่งจ่อแนบต้นคอเขา “ไอ้ตัวใหญ่ หยุดมือซะ!”
น้ำเสียงใสกระจ่างนั้นแฝงเยียบเย็นเอาไว้รางๆ ทำให้คนยักษ์เกราะทองผู้นั้นแข็งทื่อไปทันที
ดูเหมือนเขาจะคาดไม่ถึงว่าจะมีคนที่สามารถลอบจู่โจมเขาจากด้านหลังได้ พลันหันกลับไปมองตามสัญชาตญาณ เด็กสาวเยาว์วัยคนหนึ่งยืนสง่าอยู่ด้านหลัง
เด็กสาวคนนั้นอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี บนร่างสวมชุดสีดำทะมัดทะแมง ผิวเนียนกระจ่างปานหยก เครื่องหน้างดงามล้ำเลิศ ดวงตาดุจดาราที่เยือกเย็น หางตาเรียวเฉี่ยวขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือจะเป็นโฉมงามที่แฝงความเด็ดเดี่ยวปราดเปรียวไว้
เมื่อครู่เด็กสาวยังยืนรวมกับกลุ่มคนเบื้องล่างอยู่เลย นึกไม่ถึงว่าพริบตาเดียวก็มาโผล่ด้านหลังเขาแล้ว มือนางถือกระบี่สั้นทอประกายวาวแววเล่มหนึ่ง คมกระบี่พาดอยู่ที่ลำคอเขา คมกระบี่เย็นเฉียบทำให้เส้นขนบนผิวของคนยักษ์เกราะทองลุกชันปานหนังไก่
กระบี่เล่มนั้นมิใช่กระบี่ธรรมดาแน่นอน คนยักษ์เกราะทองผู้นี้ฝึกฝนถึงขั้นฟันแทงไม่เข้านานแล้ว แต่ยามที่กระบี่เล่มนี้จ่อต้นคอ เขายังคงสัมผัสถึงไอสังหารที่เฉียบคมยิ่งนักบนตัวกระบี่ได้
เสิ่งเหล่านี้มิใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญที่สุดคือ ที่แท้แล้วเด็กสาวผู้นี้โผล่มาได้อย่างไร?! ความเร็วเช่นนี้ช่างน่าหวาดหวั่นโดยแท้!
“เจ้าเป็นใคร?!” คนยักษ์เกราะทองทั้งตะลึงทั้งเกรี้ยวโกรธ น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาถูกจับจุดต่อต้านได้
————————————————————————————-
[1] มังกรเจียว ตำนานกล่าวไว้ว่าเป็นมังงกรมีเกล็ด อาศัยตามลุ่มหนองหรือถํ้าตามภูเขา มีขนาดตัวเล็กกว่ามังกรฟ้า มีหัวและลำคอเล็ก ไม่มีเขา มี 4 ขา ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกับงู และแต่ละท้องที่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันออกไป
[2] ง้าวจันทร์เสี้ยว เป็นอาวุธโบราณชนิดหนึ่งของจีน มีปลายแหลมใช้แทง ด้านข้างมีคมรูปจันทร์เสี้ยวใช้สำหรับฟัน อาวุธชนิดนี้มีทั้งแบบที่มีคมสองข้างและแบบมีคมข้างเดียว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น