ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 949-957

 บทที่ 949 บังคับให้ฉันจัดการนาย

Ink Stone_Fantasy

แต่ว่าเขาไม่ใช่รปภ. แต่เป็นคนที่จะปกป้องเต่ามะเฟือง อย่างไรเสียฟาร์มปลาของเขาก็เป็นสถานที่อนุรักษ์เต่ามะเฟืองเพียงแห่งเดียวในแคนาดา


เขาจึงอธิบายว่า “ผมกล้ารับประกัน มันไม่กลับมาที่ทะเลแถบนี้อีกแน่นอน อีกอย่างความจริงแล้วเต่ามะเฟืองไม่ใช่สัตว์ดุร้าย พวกคุณก็เห็น เมื่อกี้นี้เพราะมีคนมาก่อกวนพวกมันก่อน มันจึงจำเป็นต้องตอบโต้….”


พวกรปภ.รู้ถึงจุดนี้ดี แต่หลังจากมองหน้ากันแล้ว ก็ยังคงยักไหล่ให้ฉินสือโอวแล้วทำท่าว่าช่วยอะไรไม่ได้


ฉินสือโอวเอามือทั้งสองข้างเท้าเอวไว้แล้วมองไปที่พวกรปภ.อย่างหมดหนทาง เขากำลังเรียบเรียงคำพูดว่าจะพูดอย่างไรดี แต่ในตอนนี้นี่เองที่อัลเบิร์ตพุ่งเข้ามาแล้วตะโกนว่า “เจ้าพวกคนโง่! พวกนายยังยืนบื้ออยู่ทำไม? รีบไปฆ่าไอ้สารเลวแล้วก็โหดร้ายตัวนี้สิ! ฉันไม่สนว่าพวกนายจะเผามันหรือว่าอะไร รีบๆ ไปฆ่ามันซะ เดี๋ยวนี้!”


หัวหน้าดูแลความปลอดภัยที่ได้รับเรื่องรีบเข้ามา เขาพูดให้อัลเบิร์ตใจเย็น แล้วก็ส่งสายตาจ้องเขม็งไปที่ลูกน้อง แล้วพูดว่า “รีบเอาเจ้าเต่านี่ไปจัดการซะ”


ฉินสือโอวส่ายหัว การจะปล่อยเต่ามะเฟืองไปภายใต้สายตาคนพวกนี้นั้นไม่ง่ายเลย เขาคิดจะตามรปภ.พวกนี้ไปด้วย ถึงตอนนั้นค่อยยัดเงินให้ทีละคน แค่นี้การจะจัดการเต่ามะเฟืองอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้วไม่ใช่เหรอ?


แต่อัลเบิร์ตก็ไม่ใช่คนโง่ เขาชี้ไปที่เต่ามะเฟืองแล้วตะโกนว่า “รีบเลย! ตอนนี้! เดี๋ยวนี้! ฆ่ามันซะ!”


อย่างไรเสียเจ้าซื่อก็มีชีวิตมานานถึงหลายสิบปีบางทีอาจจะร้อยปีด้วยซ้ำ ทำให้มันยังมีความฉลาดกับเรื่องง่ายๆ อยู่บ้าง มันรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว จึงยืนขึ้นมาในสวิงนั้น ส่ายขาทั้งสี่กับหัวไปมาเพื่อเต้นรำ เพราะตอนที่อยู่ที่เกาะแฟร์เวลนั้น ขอแค่มันทำแบบนี้ ฉินสือโอวกับพวกนักท่องเที่ยวก็จะให้ของกินมันเป็นรางวัล


ดังนั้น ในสมองที่ไร้เดียงสาของมันนั้น จึงคิดว่าการทำแบบนี้จะสามารถได้รับมิตรภาพจากมนุษย์ได้


ฉินสือโอวมองเห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา เขาเดินเข้าไปตบเบาๆ ไปที่หัวของเต่ามะเฟืองผ่านสวิง แล้วพูดว่า “เฮ้ๆ ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะพานายกลับไปในทะเลเอง”


แน่นอนว่าพวกรปภ.ไม่สามารถฆ่าเต่ามะเฟืองภายใต้สายตาคนมากมายแบบนี้ได้ อย่างไรเสียที่นี่ก็ยังมีเด็กอีกมากมาย ดังนั้นหัวหน้ารปภ.จึงอธิบายให้อัลเบิร์ตฟังว่า เดี๋ยวพวกเขาจะไปจัดการให้เอง ตอนนี้ขอให้ใจเย็นลงก่อน


แต่อัลเบิร์ตจะใจเย็นได้อย่างไร? เขาร้องตะโกนเสียงดัง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฆ่าเต่ามะเฟืองให้ได้ ตอนนี้เองที่ผู้ปกครองของพวกเด็กๆ เริ่มไม่พอใจขึ้นมา แล้วตำหนิเขาว่า “จะจัดการอย่างไรพวกเราไม่สนใจ แต่อย่ามาทำที่นี่ ที่นี่เป็นสวนสนุกของเด็กๆ!”


ผู้ปกครองคนอื่นก็ออกเสียงตำหนิอัลเบิร์ตเช่นกัน คนพวกนี้เปล่งเสียงนิดเดียวก็ดังกว่าเสียงของเขาได้แล้ว อัลเบิร์ตเป็นเพียงนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของแคนาดาเท่านั้น แต่คนที่นี่กลับมีทั้งซีอีโอและประธานบริษัทของธุรกิจยักษ์ใหญ่ห้าร้อยอันดับแรกของโลกเลย


หลังจากสบถออกไปไม่กี่คำเสร็จ อัลเบิร์ตก็ดึงตัวหัวหน้ารปภ.มาแล้วบอกว่าเขาจะร่วมดูการจัดการเต่ามะเฟืองตัวนี้ด้วย เพื่อเป็นการสยบไฟแค้นในใจ


หัวหน้ารปภ.ตอบตกลง ฉินสือโอวก็ดึงตัวรปภ.สองสามคนไว้ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกนายไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? เต่ามะเฟืองตัวนี้ ไม่ได้เข้าทำร้ายคนก่อน แต่เพราะมีคนจะทำร้ายมัน มันก็เลยตอบโต้กลับเท่านั้น! อีกอย่าง มันก็แค่ใช้ผิวที่หยาบกร้านนั้นข่วนไปโดนมือของเด็กคนนั้นเท่านั้น ไม่ได้กัดนิ้วมือขาดหรือว่ากัดเนื้อออกมาสักหน่อย เข้าใจไหม?!”


คนที่มาร่วมงานประจำปีของบริษัทเอ็กซ์เพรสนั้นล้วนมีแต่พวกตัวเป้งทั้งนั้น ไม่มีคนกล้าดูถูกเขาเพียงเพราะเขาอายุน้อย พวกรปภ.รู้ว่าพวกเขาไม่ควรขัดใจอัลเบิร์ต แต่ก็ไม่ควรขัดใจคนหนุ่มตรงหน้าคนนี้ด้วย ดังนั้นจึงจำใจยอมเป็นกระสอบทรายรับอารมณ์แทน


ฉินสือโอวตบไปที่ไหล่ของพวกรปภ.เบาๆ เพื่อบ่งบอกว่าเขาเข้าใจ เขาพูดกับอัลเบิร์ตอย่างใจเย็นว่า “เพื่อน เป็นลูกของนายที่อยากจะทำร้ายเต่าตัวนี้…”


 “ฉันไม่อยากพูดกับนาย หุบปาก! คนจีน นายหลีกไป ตอนนี้ฉันจะจัดการกับเต่าที่ทำร้ายลูกของฉัน มันไม่ใช่คนชาติเดียวกับนาย! หรือว่านายเห็นว่าเต่ามะเฟืองตัวนี้เป็นคนชาติเดียวกับนายเหรอ?” อัลเบิร์ตพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น


ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา ชี้ไปที่อัลเบิร์ตแล้วพูดว่า “ดูสิ เพื่อน ลูกของนายยังอยู่ข้างๆ นาย ดังนั้นฉันจึงไม่สะดวกชกนาย ไม่อย่างนั้นอาจทำร้ายโดนลูกนายได้  ตอนนี้ฉันยังไว้หน้านาย นายขอโทษฉันมาจะดีกว่า จากนั้นก็ให้เต่ามะเฟืองหนีไป ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่”


อัลเบิร์ตร้องออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นว่า “ไม่จบง่ายๆ เหรอ? ดีเลย ฉันจะดูว่าจะไม่ง่ายสักแค่ไหน! ฉันจะดูว่าจะไม่ง่ายเหมือนที่นายขโมยรีสอร์ตของฉันไปหรือเปล่า! นายมันไอ้สารเลว ขโมย…”


ระหว่างพูดอยู่ เขาก็เงียบไป จากนั้นก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่านายจะมีความสัมพันธ์พิเศษกับเต่ามะเฟืองตัวนี้นะ? ตอนที่ฉันอยู่ที่เซนต์จอห์นได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนายมากมาย มีคนบอกว่านายสามารถขี่ปลาโลมาและปลาวาฬในทะเลได้ ก็เลยสามารถทำให้ฟาร์มปลาที่ล้มละลายกลายเป็นฟาร์มปลาที่ใหญ่ที่สุดได้ในเวลาสั้นๆ”


ฉินสือโอวยิ้มไม่พูดอะไร นีลเซ็นกับแบล็คไนฟ์มาถึงแล้ว เขาส่งสายตาไปทีหนึ่ง ให้ทั้งสองคนพาลูกของอัลเบิร์ตออกไป


อัลเบิร์ตไม่ทันสังเกต ยังคงพูดต่อด้วยท่าทีได้ใจว่า “ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง งั้นนายก็ขี่เต่าได้ด้วยหรือเปล่า? งั้นทำไมฉันจะคิดไม่ได้ว่านายเป็นคนสั่งให้เต่ามากัดลูกของฉัน?”


มีผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาดูใจดีคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดว่า “พอเถอะค่ะ คุณ ฉันสามารถเป็นพยานได้ ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อหนุ่มคนนี้เลย เขานี่แหละที่เข้าไปช่วยห้ามเลือดให้ลูกคุณเป็นคนแรก เป็นลูกชายคุณที่ทำร้ายเต่าแล้วโดนมันกัดเข้าจริงๆ นะคะ”


หญิงวัยกลางคนคนนี้ดูท่าจะไม่ใช่คนธรรมดา เพราะอัลเบิร์ตไม่กล้าชักสีหน้าใส่เธอเลย แต่กลับพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ถ้าไม่เกี่ยวอะไรกับเขาจริงๆ แล้วทำไมเขาถึงต้องรีบมาห้ามเลือดให้ลูกผมล่ะ?”


ผู้คนรอบข้างพากันโห่ร้องขึ้นมาทันที มีคนพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “ฟังคำพูดนี้สิ! เป็นคำพูดที่เลวทรามจริงๆ! คำพูดนี้ไม่ใช่คำที่จะออกมาจากปากของสุภาพบุรุษอย่างแน่นอน!”


ฉินสือโอวไม่พูดอะไร เพียงยิ้มแล้วส่ายหัวเท่านั้น


อัลเบิร์ตไม่สนว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไร เขาชี้ไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “ดูสิ ทำไมเจ้านี่ไม่พูดอะไรเลย? เพราะฉันพูดถูกสินะ เขาถึงได้พูดไม่ออกเลย…”


ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่เลย เจ้าอ้วน ฉันไม่ได้พูดไม่ออก ฉันแค่รู้สึกว่าตอนนี้พูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ ดูนี่ นี่คืออะไร?”


เขาชูกำปั้นขึ้นมาแล้วยื่นไปข้างหน้า ตามด้วยใช้มือซ้ายจับไปที่ไหล่ของอัลเบิร์ต กำปั้นถูกเหวี่ยงออกไปเร็วราวกับสายลม ฝูงชนต่างก็มองท่าทางเขาไม่ชัดนัก ได้ยินเพียงแค่เสียง ‘ตุ้บ’ ดังขึ้นมา แล้วเห็นฉินสือโอวปล่อยมือซ้ายออก อัลเบิร์ตเอามือกุมท้องทางด้านขวาแล้วทรุดนั่งลงไปกับพื้น


หน้าแดงคอบวมเปล่ง!


ดวงตาเหลือก!


อ้าปากค้างไว้เผยให้เห็นคราบฟันเหลืองในปาก แต่กลับส่งเสียงได้แค่เสียงหายใจเบาๆ!


ฉินสือโอวเข้าไปนั่งลงข้างๆ อัลเบิร์ต สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ฟังนะ คราวหลังนายต้องระวังปากบ้าง ไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าอาจจะได้กินลูกกำปั้นอีกก็ได้?”


แม้ว่าผู้คนรอบข้างจะไม่พอใจที่อัลเบิร์ตมาก่อเรื่อง แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่ฉินสือโอวใช้กำลังแก้ไขปัญหา พวกเขาพากันส่ายหัวอย่างไม่พอใจ แล้วพาลูกๆ ออกไป


พวกเด็กๆ กลับรู้สึกสนใจฉินสือโอวเป็นอย่างมาก มีเด็กผมทองตัวผอมคนหนึ่งถึงกับตะโกนออกมาว่า “เฮ้ๆ รีบใช้กระบองสองท่อนเร็ว…”


พ่อของเด็กหนุ่มผลักเขาไปที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “ไวส์ รีบไปจากที่นี่เลย ที่ลูกพูดไปคืออะไรน่ะ? ลูกไปหัดพูดภาษาจีนมาตั้งแต่ตอนไหน?”


เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อไวส์กำลังอยู่ในช่วงวัยเผด็จการ เขาไม่สนใจพ่อ และยังคงตะโกนให้ฉินสือโอวว่า “กระบองสองท่อน! เอากระบองสองท่อนออกมา! ย้าๆ! พวกเราชาวจีนไม่ใช่คนป่วยเอเชียตะวันออกนะ!”


…………………………………………………..


บทที่ 950 เจ้าหญิงกับเต่า

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวหัวเราะออกมา เด็กหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นพวกคลั่งไคล้ศิลปะการต่อสู้ของจีน เขาไม่เพียงแต่เคยดูหนังของบรูซลีเท่านั้น ยังเคยฟังเพลงของอาจารย์ต้ามู่อีกด้วย


พ่อของเด็กหนุ่มขมวดคิ้ว พยายามดึงแขนเขาเพื่อลากออกไปจากที่นี่ เด็กหนุ่มต่อต้านสุดฤทธิ์ แต่ว่าเขาอายุเพียงแค่สิบกว่าขวบเท่านั้น แถมร่างกายยังผอมบางอีก ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความอ่อนแอจากโรค จึงเป็นธรรมดาที่จะต้านแรงของพ่อไม่ไหว จึงถูกลากออกไปในที่สุด


เมื่อรู้ว่าสู้แรงไม่ไหว เด็กหนุ่มจึงหันหน้ามาทางฉินสือโอวแล้วตะโกนว่า “อาจารย์! อาจารย์! ผมชื่อไวส์ บรูซ คำว่าบรูซมาจากบรูซลี! คุณต้องจำผมให้ได้นะ อู้ๆ อย่ามาปิดปากผม! อาจารย์ ผมจะกลับมาอีก I will be back! ให้ตายสิ พูดผิดแล้ว นี่เป็นคำพูดจาก ‘ฅนเหล็ก’!”


“ไวส์!!” ในตอนนี้ชายวัยกลางคนโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว


หลังถูกเด็กหนุ่มมาวุ่นวายแบบนี้แล้ว ไฟโกรธในใจของฉินสือโอวก็ค่อยๆ ดับลง เขามองไปที่อัลเบิร์ตทีหนึ่งอย่างไม่ไยดี แล้วพูดกับรปภ.ว่า “ผมแนะนำให้พวกคุณพาคุณผู้ชายคนนั้นไปตรวจที่โรงพยาบาลนะ ดูจากที่เขาเอามือกุมท้องด้วยความเจ็บปวดแบบนั้นแล้ว สงสัยจะกินอาหารทะเลมากไปจนท้องเสียหรือเปล่า?”


หัวหน้ารปภ.กลอกตาทีหนึ่งอย่างหมดทางเลือก เขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดผ่านทางวิทยุสื่อสาร หัวหน้าของเขาตอบกลับเขามาว่าอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามเพราะเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปรับผิดชอบเรื่องนี้เอง


พอเป็นแบบนี้ หัวหน้าชายผิวสีจึงโล่งใจขึ้นมา เขาโบกมือทำท่าให้พวกลูกน้องหามอัลเบิร์ตขึ้นมา แล้วพูดว่า “ไป พาคุณผู้ชายคนนี้ไปเช็กอาการบริเวณท้องที่โรงพยาบาล”


“แต่ว่าหัวหน้าครับ แล้วเต่าจะทำอย่างไรครับ?” คนร่างใหญ่คนหนึ่งถามออกมาด้วยน้ำเสียงใสซื่อ


หัวหน้าชาวผิวดำแอบด่าว่าเจ้าโง่นี่เอาแต่หาเรื่องให้เขา แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “ระหว่างความปลอดภัยของเต่ากับแขก อันไหนสำคัญกว่ากัน?!”


พวกรปภ.เข้าใจความหมายทันที พวกเขาหามอัลเบิร์ตออกไป แล้วทิ้งเต่ามะเฟืองไว้ที่ชายหาดอย่างไม่ไยดี ส่วนเจ้าซื่อก็ยังคงเต้นรำต่ออยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย


ฉินสือโอวดึงสวิงออก นั่งตุ้บลงบนกระดองของเจ้าซื่อแล้วพูดว่า “โอเค นายหยุดได้แล้วล่ะ ไม่มีคนมาทำอะไรนายได้แล้ว ไม่ต้องเต้นแล้ว”


เต่ามะเฟืองหันหัวมามองเขา พยายามจะหันมาแตะตัวฉินสือโอวให้ได้ แต่ฉินสือโอวนั่งอยู่บนหลังของมัน ทำให้ไม่ว่ามันจะพยายามอย่างไรก็แตะไม่โดน


ฉินสือโอวยิ้มแล้วลงมาจากกระดองเต่า เต่ามะเฟืองลุกขึ้นมาแหงนหน้าขึ้นมอง ถูไปมาที่ขากางเกงของเขาเบาๆ โดยใช้หัวของมันที่ตอนนี้ก็ยังคงยืดหดเข้าออกอยู่


 “ที่ไอ้คนเลวนั่นพูดอาจจะไม่ผิดก็ได้ คุณรู้จักกับมัน ใช่ไหมคะ?” เสียงสดใสเสียงหนึ่งดังขึ้นมา สำเนียงค่อนข้างแปลก แต่ว่าน้ำเสียงรื่นหูมาก ราวกับเสียงโมไบล์ที่ส่งเสียงยามโดนลมพัด


มีคนเดินมาข้างตัวฉินสือโอว เขามองเห็นรองเท้าหนังหัวทู่สีชมพูก่อน จากนั้นก็เห็นเรียวขาคู่เล็กที่อยู่ภายใต้ถุงน่องสีขาว ขาเรียวยาวสวยได้รูป ราวกับต้นหลิวสองต้น


สุดท้ายพอเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจของเจ้าหญิงโลลิต้า


การปรากฏตัวครั้งนี้ เจ้าหญิงโลลิต้ามาด้วยลุคแต่งหน้าเบาๆ ภายใต้การแต่งหน้านั้นยังคงมีเสน่ห์ของชนชั้นสูงที่สะอาดบริสุทธิ์อยู่ คิ้วถูกกันได้รูปแต่ลงสีไม่เข้ม ริมฝีปากก็ปราศจากลิปสติกสีเข้ม แล้วเลือกที่จะเผยสีธรรมชาติของริมฝีปากแทน ทำให้เปล่งประกายไปด้วยรัศมีของผู้ดี


ไม่แปลกใจเลยที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหญิงที่เป็นที่รักมากที่สุดของดูไบ ฉินสือโอวรู้สึกว่าหากเขามีลูกสาวหรือน้องสาวที่สวยและน่ารักแบบนี้แล้ว เขาก็คงรักและทะนุถนอมเธอเหมือนกัน


นอกเหนือจากนี้แล้ว แม้ว่าจะอยู่ในรีสอร์ตก็ตาม แต่รอบตัวเจ้าหญิงซาลามาห์ก็ยังคงมีบอดี้การ์ดร่างใหญ่ถึงสี่คนคอยตามอยู่ สมกับที่เป็นเจ้าหญิงน้อยที่เป็นที่รักเสียจริง บอดี้การ์ดพวกนี้จะต้องเห็นตอนที่ฉินสือโอวซัดอัลเบิร์ตอย่างแรงด้วยอย่างแน่นอน เพราะสายตาที่มองมาที่เขานั้นเต็มไปด้วยความหวาดระแวง


โดยเฉพาะคนหน้าเหลี่ยมคนหนึ่ง ที่สายตาจับจ้องไปที่แขนของเขา ราวกับว่ากำลังคิดว่าจะเตรียมรับการโจมตีของเขาอย่างไรอย่างนั้น


ฉินสือโอวยังคงนั่งอยู่ที่พื้นแล้วลูบไปที่หัวกลมมนนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองซาลามาห์ แล้วพูดว่า “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ?”


เจ้าหญิงโลลิต้าขมวดคิ้วแน่น แล้วพูดว่า “คุณยังไม่ได้ตอบฉันมาเลย! คุณรู้จักกับมันมาก่อน ใช่ไหมคะ?”


ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ครับ พวกเรารู้จักกันมาก่อน มันมีชื่อว่าเจ้าซื่อ คุณจะเรียกมันว่าท่านซื่อก็ได้ เพราะว่ามันอายุมากแล้ว มากกว่าคนทุกคนที่อยู่ที่นี่อีก พวกเราเองก็ควรจะเคารพผู้ใหญ่ ไม่ใช่เหรอครับ?”


เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว เจ้าหญิงโลลิต้าก็หัวเราะออกมา เธอเก็บชายกระโปรงขึ้นทำท่าจะนั่งลง บอดี้การ์ดคนหนึ่งเข้ามาห้ามเธอไว้แล้วพูดว่า “องค์หญิงครับ กรุณาอย่าเข้าใกล้มากเกินไป เพื่อความปลอดภัยครับ”


ดูท่าว่าเจ้าหญิงโลลิต้าจะมีนิสัยดีใช้ได้ เธอยิ้มนิดๆ อย่างเสียดาย จากนั้นก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง นั่งลง แล้วเงยหน้ามองบอดี้การ์ดด้วยหน้าตาน่าสงสารแล้วพูดว่า “คุณลุงซาเช่ ระยะห่างเท่านี้ไกลพอหรือยังคะ?”


บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมมองที่เต่ามะเฟืองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วมองไปที่เจ้าหญิงโลลิต้า จากนั้นก็พยักหน้าแล้วนั่งลงเป็นเพื่อนเธอ


ใบหน้าของเจ้าหญิงโลลิต้าเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา แล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “พวกเราควรจะเคารพผู้สูงอายุ ท่านพ่อกับท่านพี่ของฉันก็พูดแบบนี้เป็นประจำ ดังนั้นต่อหน้าฉัน พวกเขาจึงไม่เคยลูบหัวของคนอายุมากกว่าเลย!”


ฉินสือโอวหยุดการลูบหัวของเต่ามะเฟืองไว้ เขาเหลือบตามองเจ้าหญิงโลลิต้าทีหนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่ายัยคนนี้เริ่มไม่น่ารักแล้ว


เห็นได้ชัดว่าเจ้าหญิงโลลิต้าสนใจเต่ามะเฟืองเป็นอย่างมาก เธออาศัยอยู่ในทะเลทราย ดังนั้นจึงสนใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับมหาสมุทร เธอมองดูเต่ามะเฟือง แล้วยื่นมือออกไปข้างหน้าอย่างหยั่งเชิงแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่า มันจะไม่ทำร้ายคนก่อน ใช่ไหมคะ?”


ฉินสือโอวไม่ได้พูดอะไร บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมก็รีบออกปากห้ามเจ้าหญิงโลลิต้า เจ้าหญิงไม่พอใจขึ้นมา จึงพูดออกมาอย่างเอาแต่ใจว่า “คุณลุงซาเช่ ฉันยังอยู่ห่างอีกตั้งไกล อีกอย่างคุณบอกว่าฉันเป็นคนที่ใจดีที่สุดไม่ใช่เหรอคะ? ไม่ว่าใครก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอ? งั้นเต่าตัวใหญ่ตัวนี้ก็ต้องชอบฉันด้วย ใช่ไหมคะ? ถ้าไม่ใช่แล้วล่ะก็ ก็เท่ากับว่าคุณโกหกฉันมาตลอดเลย!”


ชายหน้าเหลี่ยมเม้มปากไปทีหนึ่ง ฉินสือโอวรู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมา น้องชายคนนี้คงไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้วแน่


แต่ทว่าสำหรับบอดี้การ์ดแล้ว ถือว่าชายหน้าเหลี่ยมทำหน้าที่ได้ดีมาก เขาเข้าไปจับเต่ามะเฟืองก่อน


เต่ามะเฟืองนั้นมีความอดทนกับท่าทีที่ไม่เป็นภัยอย่างมาก จึงหดหัวเข้ามาให้เขาลูบเต็มที่ เพราะไม่แน่ว่าอาจจะมีของกินให้ด้วยก็ได้ ตอนที่อยู่เกาะแฟร์เวล เหล่านักท่องเที่ยวลูบมันแล้วก็จะให้ของกินกับมันด้วย


ชายหน้าเหลี่ยมลูบไปมาหลายจุด ถึงขั้นจิ้มไปที่ปากของเต่ามะเฟืองด้วย แต่ท่านซื่อก็แค่ผลักเขาออกไปอย่างรำคาญเท่านั้น ไม่ได้ทำร้ายเขาแต่อย่างใด


เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ชายหน้าเหลี่ยมจึงถอยตัวออกมาแล้วพยักหน้าให้กับเจ้าหญิงโลลิต้า บอดี้การ์ดคนอื่นทำท่าว่าอยากจะพูดอะไร แต่พอชายหน้าเหลี่ยมจ้องตาเขม็งเท่านั้นก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อแล้ว


เจ้าหญิงโลลิต้ายื่นมือไปลูบกระดองของเต่ามะเฟือง แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจว่า “เย็นจัง เหมือนขวดที่เพิ่งออกมาจากช่องแช่แข็งเลย”


เจ้าซื่อเงยหน้ามองเจ้าหญิงโลลิต้าด้วยสายตาน่าสงสาร มีของให้กินหน่อยไหมนะ? พวกเธอพากันมาลูบฉัน อย่างน้อยก็น่าจะมีอะไรให้ฉันกินบ้างไม่ใช่เหรอ?


แต่เจ้าหญิงโลลิต้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านซื่อต้องการสื่อ เธอแค่รู้สึกเหมือนกับได้ของเล่นใหม่มา ลูบคลำเต่ามะเฟืองไปทั่ว แม้กระทั่งจุดซ่อนเร้นก็ไม่เว้น


ชายหน้าเหลี่ยมสังเกตเห็นถึงจุดนี้ เขาขยับมุมปากไปทีหนึ่ง ราวกับว่ากำลังลังเลที่จะเตือนเจ้าหญิงน้อยว่ากำลังทำอะไรอยู่ หลังจากคิดทบทวนเสร็จ ก็ตัดสินใจไม่พูดอะไร


ฉินสือโอวรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาคิดว่าท่านซื่อก็คงไม่สนใจเรื่องความเป็นส่วนตัวหรอก


รอบๆ ยังคงมีเด็กๆ ยืนมองอยู่จากที่ไม่ไกลนัก พวกเขาเองก็สนใจเต่ามะเฟืองที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ด้วยเหมือนกัน เมื่อกี้แค่ตกใจไปหน่อยเท่านั้น แต่ตอนนี้พอเห็นว่าเต่ามะเฟืองค่อนข้างเชื่องแล้ว จึงเริ่มพากันล้อมเข้ามาอีก


บทที่ 951 เพื่อความยุติธรรม

Ink Stone_Fantasy

ในที่สุดนิโคลัส หรือเจ้าซื่อก็พบกับช่วงเวลาเหมือนกับตอนอยู่ที่เกาะแฟร์เวลแล้ว ในมือของเด็กๆ ที่มุงดูอยู่นั้นมีของกินด้วย ส่วนเต่ามะเฟืองนั้นก็กินง่าย พวกมันชอบกินพวกแมงกะพรุนเป็นที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะกินแต่แมงกะพรุนเท่านั้น


พวกเด็กๆ ก็พอรู้เกี่ยวกับการตบมือแล้วลูบหลังด้วยเช่นกัน ฉินสือโอวให้พวกเขาต่อแถวกันมาลูบเต่ามะเฟือง หลังลูบเสร็จแล้วคนที่มีขนมต้องแบ่งให้มันกินด้วย


ดังนั้นท่านซื่อจึงเริ่มส่ายขาทั้งสี่เพื่อเริ่มเต้นรำอีกครั้ง และตอบรับทุกคำขอของเด็กๆ อย่างเช่นถ่ายรูปด้วย เป้าหมายก็เพื่ออยากขอของกิน


หลังจากกินดื่มจนพอใจแล้ว ท่านซื่อก็ลุกขึ้นมา แล้วมุ่งไปที่ทะเลโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง


พวกมนุษย์อันตรายเกินไป นอกจากเจ้าโง่อย่างฉินสือโอวที่สามารถทำให้พวกมันรู้สึกถึงความคุ้นเคยแล้วนั้น คนที่เหลืออยู่ห่างๆ ได้ก็อยู่ห่างๆ เสียดีกว่า หากไม่ใช่เพราะท่านซื่อแอ๊บน่ารักเป็นแล้วล่ะก็ คิดว่าวันนี้คงต้องจบชีวิตที่นี่เสียแล้ว


เมื่อมีความคิดแบบนี้ เต่ามะเฟืองจึงรีบย่ำเท้าหนีไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้าไปในทะเลก็มุดหัวลงไปในน้ำแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที


ฉินสือโอวมองดูเงาหลังของเต่ามะเฟืองแล้วหัวเราะตาม เขาอยู่เป็นเพื่อนกับมันมาตลอดจนมันหายไป แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าเต่ามะเฟืองคิดอะไรอยู่ ไม่อย่างนั้นคงทุบหัวกลมมนนั้นให้แหลกไปในทีเดียวแน่


เพื่อที่จะปกป้องเต่ามะเฟือง ฉินสือโอวได้เปิดศึกกับอัลเบิร์ตอย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอนว่า เมื่อก่อนเขาก็เปิดศึกกับเจ้าหมอนี่อย่างเป็นทางการไปแล้ว ดังนั้นจึงพูดได้ว่าถ้าหมัดบนตัวเยอะแล้วก็ไม่กลัวอาการคันอีกต่อไป อยากทำอะไรก็ต้องได้ทำ มากสุดก็แค่ขึ้นศาลเท่านั้น


การที่แขกที่เชิญมาถูกคนทำร้ายนั้นคงเป็นเรื่องที่ปล่อยไปไม่ได้ หลังจากพวกเด็กๆ สลายตัวอย่างผิดหวังเพราะเต่ามะเฟืองจากไปแล้ว ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือมาแล้วพูดว่า “สวัสดีครับ คุณฉิน ผมไรอันจากฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทเอ็กซ์เพรส ไรอัน มิเคลสัน”


 “สวัสดีครับ ผมฉินครับ ผมรู้ว่าคุณมาทำไม ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ด้วยครับ” ฉินสือโอวพูด “ที่ผมพูดว่าเสียใจ คือพูดให้พวกคุณนะครับ ผมขอโทษที่สร้างปัญหาให้กับบริษัทของคุณ”


ไรอันมองฉินสือโอวอย่างแปลกใจ แล้วถามว่า “แล้วกับคุณอัลเบิร์ตล่ะครับ? ตอนนี้คุณไม่เสียใจกับความหุนหันของคุณเมื่อกี้นี้เหรอครับ?”


เจ้าหญิงโลลิต้าก็มองเขาอย่างแปลกใจด้วยเช่นกัน ดวงตาคู่โตนั้นจับจ้องอยู่ไม่กะพริบ ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกำลังคาดหวังอะไรอยู่


ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดว่า “โอเค ผมเสียใจก็ได้…”


เจ้าหญิงโลลิต้าเม้มปากอย่างไม่พอใจ พวกของบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมเองก็พากันเลิกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง


ไรอันยิ้ม แล้วพูดว่า “ความจริงแล้ว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนะครับ คนหนุ่มก็เป็นเช่นนี้…”


“ผมเสียใจที่เมื่อกี้ออมมือมากไปหน่อย ผมควรจะชกไอ้สารเลวนั่นอีกสักหมัดแล้วตบอีกสักสองฉาก! ถ้าคนน้อยล่ะก็ ผมก็ยินดีที่จะให้เขาได้ลิ้มรสกังฟูจีนของพวกเรานะ!” ฉินสือโอวรีบพูดต่อคำพูดของไรอัน


รอบนี้กลายเป็นเจ้าหญิงโลลิต้าที่ยิ้มออกมาบ้าง


ไรอันไม่ได้มาเพื่อกล่าวโทษฉินสือโอว บริษัทเอ็กซ์เพรสไม่ต้องการให้มามีเรื่องกันในเขตที่พวกเขาดูแลอยู่ แต่เมื่อเรื่องเกิดไปแล้ว งั้นก็ต้องมาจัดการประนีประนอมกัน


ฉินสือโอวไม่กลัวว่าอัลเบิร์ตจะฟ้องร้องเขา เพราะว่าที่นี่คือออสเตรเลีย ศาลไม่มีทางยอมรับคดีของชาวต่างชาติที่เกิดเรื่องขัดแย้งกัน อีกอย่างทั้งออสเตรเลียและแคนาดาต่างก็เป็นประเทศในเครือจักรภพ ดังนั้นบทลงโทษสูงสุดก็แค่ไล่พวกเขากลับแคนาดาเท่านั้น


แต่ทว่าเขาไม่อยากหาเรื่องกับบริษัทเอ็กซ์เพรส อย่างไรเสียบริษัทนี้ก็เป็นหนึ่งในห้าสิบบริษัทใหญ่ของโลก ที่เต็มไปด้วยบุคลากรที่มีค่ามากมาย ดังนั้นเขาจึงขอโทษกับไรอัน และยอมที่จะเจรจาประนีประนอมกับอัลเบิร์ตโดยให้บริษัทเอ็กซ์เพรสเป็นคนกลาง หากสามารถยอมความกันได้โดยดีก็ถือว่าเป็นเรื่องดี


เขารู้ว่าอัลเบิร์ตไม่มีทางยอมความกับเขาแน่นอน แต่การที่เขาพูดแบบนี้ออกไป บริษัทเอ็กซ์เพรสก็คงอยากทำแบบนี้ด้วยเช่นกัน และกับนิสัยเสียสันดานสัตว์ของอัลเบิร์ตแล้ว จะต้องต่อว่าคนที่บริษัทเอ็กซ์เพรสส่งไปประนีประนอมแน่นอน ถึงตอนนั้นคนที่ได้เปรียบก็คือเขาแล้ว


ไรอันพูดคุยกับฉินสือโอวเสร็จแล้วก็ขอตัวจากไป ฉินสือโอวจะกลับบ้าง แต่เจ้าหญิงโลลิต้าก็ตามเขามา แล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณเท่มากเลย เหมือนกับผู้กล้าอย่างไรอย่างนั้น”


ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ครับ สาวน้อย ผู้กล้าที่แท้จริงนั้นไม่ใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาหรอกครับ คนที่ตัดขาดทางโลกไม่ใช่คนที่เลิศเลอเสมอไป ส่วนคนที่ชอบใช้กำลัง ก็ใช่ว่าจะเป็นผู้กล้าหาญเสมอไปเช่นกัน”


เจ้าหญิงโลลิต้ายังคงยืนกรานพูดว่า “ใช่สิ ผู้กล้าหาญก็ต้องแบบนี้แหละ! อย่างพี่ชายของฉันนะ เฮอะ เขาทำได้แค่แต่งตัวเหมือนกับคนที่โตแล้ว แล้วไว้หนวดไว้เคราเหมือนกับท่านพ่อกับท่านลุงเท่านั้น ความจริงแล้วเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย! ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเคยเรียนที่โรงเรียนฝึกทหาร แต่กลับไม่มีอะไรเหมือนทหารเลย!”


ฉินสือโอวหัวเราะออกมา หัวข้อสนทนานี้เขาไม่ขอเข้าร่วมดีกว่า ดูอย่างบอดี้การ์ดพวกนั้นสิ ตอนที่เจ้าหญิงโลลิต้าพูดถึงเรื่องพี่ชายขึ้นมา พวกเขาต่างก็พากันถอยห่างออกไปเลย


ดูออกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างองค์หญิงน้อยกับองค์ชายใหญ่นั้นไม่ค่อยดีนัก


เจ้าหญิงโลลิต้าบ่นต่อสักพัก แล้วก็มองเขาอย่างแปลกใจแล้วพูดว่า “ฉันมีเรื่องอยากถามค่ะ เมื่อคืนตอนที่ฟังรายงานอยู่นั้น ทำไมสีหน้าคุณเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะคะ? ตอนนั้นฉันตกใจมากเลยค่ะ นึกว่าคุณเป็นโรคอะไรหรือเปล่า!”


ฉินสือโอวอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะออกมาอีกรอบ เป็นการหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อน


เมื่อวานตอนที่เขาเรียกจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับมานั้นก็สังเกตเห็นด้วยเหมือนกันว่าเจ้าหญิงโลลิต้ากำลังจ้องเขาอยู่ ตอนนั้นเขายังรู้สึกแปลกใจอยู่ ที่แท้ก็เพราะตอนนั้นเป็นเหมือนกับตอนที่สู้กับเรือขโมยปลานั่นเอง ก็คือสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา


แน่นอนว่าเขาพูดความจริงออกมาไม่ได้ จึงพูดเล่นออกไปว่า “อ้อ ผมกำลังฝึกทักษะการแสดงของผมอยู่น่ะ ผมอาจจะได้ไปถ่ายหนังที่ฮอลลีวูดก็ได้นี่”


เจ้าหญิงโลลิต้าเต็มไปด้วยสีหน้าสงสัย แต่ก็ไม่ได้เค้นถามอะไรต่อ แต่กลับพูดตามน้ำไปว่า “ท่านพี่ฉันก็บอกว่าจะไปฮอลลีวูดเหมือนกัน แต่ว่าเขาไม่เคยเรียนการแสดงเลย เขาบอกว่าเขาหล่อขนาดนี้ พึ่งแค่ใบหน้าก็สามารถดังไปทั่วฮอลลีวูดแล้ว หลงตัวเองมากเลย ใช่ไหมคะ?”


ฉินสือโอวหัวเราะร่าออกมาอีกครั้ง เขารู้สึกว่าเจ้าหญิงโลลิต้าคนนี้รับมือได้ยากมาก เพราะมีหัวข้อสนทนาหลายเรื่องที่ไม่สะดวกจะพูดต่อด้วย


บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมเองก็รู้สึกได้ถึงจุดนี้ จึงเข้ามาบอกเจ้าหญิงโลลิต้าว่าพวกเขาออกมาเดินเล่นนานมากแล้ว ถึงเวลากลับไปได้แล้ว


เจ้าหญิงโลลิต้าทำหน้าล้อเลียนให้บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม แล้วก็โบกมือให้ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “ลาก่อน เจ้าของฟาร์มปลาที่น่าพิศวง”


ฉินสือโอวโบกมือพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ลาก่อนครับ องค์หญิงน้อยที่น่ารัก”


ตอนเย็น เป็นเวลาที่นัดกับเคอร์ว่าจะไปตีกอล์ฟด้วยกัน หลังฉินสือโอวกินข้าวเที่ยงแล้วจึงไปหาเขาที่วิลล่าที่เคอร์พักอยู่


แสงแดดยามเที่ยงเจิดจ้า แต่เคอร์กลับกำลังแช่น้ำอยู่ในสระว่ายน้ำ หลังจากเขาไปถึงแล้วยังจะชวนเขาลงไปแช่ด้วยกันอีก  “มาเถอะ ฉิน มาดื่มด่ำกับแสงบำบัดกัน ช่วยให้คุณสบายตัวได้มากเลยนะครับ”


สระว่ายน้ำกลางแจ้งของเคอร์มีขนาดใหญ่กว่าของฉินสือโอว สระนี้มีขนาดถึงสองร้อยกว่าตารางเมตร ขนาดเท่ากับสระว่ายน้ำเล็กๆ เลย


พื้นสระปูด้วยกระเบื้องสีรุ้งแผ่นเล็กแฮนด์เมด แสงบำบัดที่เขาพูดถึงคงจะหมายถึงแสงสะท้อนที่แสงแดดกระทบกับแผ่นกระเบื้องพวกนี้เป็นแน่


ฉินสือโอวก็ยังรู้สึกว่าสระว่ายน้ำของตัวเองดีกว่า ขอบสระใช้กระจกนิรภัยเชื่อมกับทะเลไว้ ทำให้คนที่อยู่ในสระรู้สึกเหมือนกับกำลังอยู่ในทะเลด้วย แต่ว่า เขาเองก็ไม่ได้สนใจสระว่ายน้ำมากนัก เพราะว่าเขาเป็นชายที่ล่องไปในทะเลจนชินแล้ว


เคอร์เห็นว่าเขาไม่สนใจก็ไม่ได้บีบบังคับ แต่พูดถึงเรื่องเมื่อตอนบ่ายที่เขากับอัลเบิร์ตมีเรื่องกัน แล้วถามเขาว่า “คุณคงไม่ได้ชกเจ้าอ้วนคนนั้นเพราะแค่เต่าตัวเดียวหรอกใช่ไหมครับ?”


ฉินสือโอวหัวเราะเสียงเบา แล้วพูดว่า “ไม่ครับ ผมทำเพราะความยุติธรรม”


เคอร์อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะร่าออกมา


บทที่ 952 องค์ชายน้อยที่ยอมแพ้

Ink Stone_Fantasy

ดูเหมือนว่าเคอร์จะรู้สึกว่าฉินสือโอวเป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่งจริงๆ ตอนพลบค่ำเมื่ออากาศเย็นลงแล้ว พวกเขาก็นั่งรถไฟฟ้าไปที่สนามกอล์ฟ ฉินสือโอวเพิ่งรู้ตอนนี้นี่เองว่าคนที่มาร่วมตีกอล์ฟในครั้งนี้นั้นมีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้น


โมล อังเดร คาลันโป กับซิต คนที่เป็นคนสนิทของเคอร์ต่างก็มาแล้ว ยังมีพวกที่อายุห้าหกสิบปีด้วย ตอนที่เคอร์แนะนำพวกเขาให้ฉินสือโอวรู้จัก ก็พบว่าทุกคนไม่เป็นซีอีโอก็เป็นประธานบริษัททั้งนั้น แม้แต่ซีอีโอของบริษัทเอ็กซ์เพรส เคนเนดีเองก็มาด้วย


พอเห็นเหล่าคนใหญ่คนโตพวกนี้อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว ฉินสือโอวจึงมีทีท่านอบน้อมกว่าเดิม เขาคอยยืนอยู่ข้างหลังพี่ใหญ่พวกนี้อย่างเงียบๆ ตั้งหน้าตั้งตาฟังพวกเขาคุยกันถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา สิ่งที่เขาต้องทำก็คือพยักหน้าหรือหัวเราะเท่านั้น


ดีที่ว่าไม่นานเขาก็ไม่เหงาแล้ว เพราะฮามานแดนที่สวมชุดตีกอล์ฟพร้อมเสื้อกั๊กนั่งรถมาถึงแล้ว หลังจากเดินลงจากรถแล้วถอดแว่นตาด้วยท่าทางเท่ๆแล้ว เขาก็เริ่มทักทายพวกพี่ใหญ่ทั้งหลายทันที


มองดูการแต่งตัวของฮามานแดนแล้ว ฉินสือโอวทำได้แต่ยกนิ้วให้ องค์ชายน้อยคนนี้ชอบวางมาดเท่จริงๆ นั่นแหละ อากาศแบบนี้ยังจะใส่เสื้อกั๊กได้อีกเหรอ? แม้ว่าจะเป็นยามเย็นแล้ว แต่อากาศข้างนอกก็ยังสูงอย่างน้อยยี่สิบแปดองศาเลยนะ อากาศแบบนี้ยังจะใส่เสื้อกั๊กได้อย่างไร?!


แต่ว่าฮามานแดนมีรูปร่างที่สูงและสันทัด พอใส่เสื้อกั๊กแล้วก็ดูหล่อเหลาจริงๆ นั่นแหละ นอกจากนี้ฉินสือโอวกล้าพนันเลยว่าก่อนออกมาเขาต้องแต่งหน้ามาแล้วด้วยแน่ เหตุผลที่มาช้าก็คงเพราะมัวแต่แต่งหน้านี่แหละ


เคนเนดีเองก็ดูเหมือนจะคิดแบบนี้เหมือนกัน จึงยกเรื่องนี้มาพูดหยอกเขา ถามเขาว่าเพราะมัวแต่แต่งหน้าเลยมาช้าใช่หรือเปล่า ฮามานแดนไม่ยอมรับ เขายืนยันว่า “ไม่ครับ ผมแค่โกนหนวดนิดหน่อยเท่านั้น”


เกมตีกอล์ฟเป็นกีฬาที่ถือเรื่องการมาสายมากที่สุดในกีฬาทั้งหมด หากว่ามาสายในการแข่งขันกับเพื่อน จะต้องถูกจัดให้เป็นเพื่อนตีกอล์ฟที่ไม่น่าต้อนรับเป็นที่สุดแน่นอน และหากว่ามาสายในการแข่งขันอย่างทางการแล้วล่ะก็ มาสายน้อยถูกลงโทษ แต่หากมาสายมากก็สามารถถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันได้เลย


ดังนั้น ถ้าพวกพี่ใหญ่พวกนี้ยังไว้หน้าฮามานแดนอีกก็แปลกแล้ว


เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเขาแล้ว พวกพี่ใหญ่ก็หัวเราะออกมาเพื่อข้ามบทสนทนา แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครสนใจเขาอีกเลย ฮามานแดนที่รู้ว่าเขาทำตัวเอง จึงเต็มใจเดินตามอยู่หลังสุด


ฉินสือโอวส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับฮามานแดน แต่ความจริงในใจเขานั้นกลับกำลังรู้สึกสะใจอยู่ นายเป็นเชื้อพระวงศ์จากตะวันออกกลางแล้วอย่างไร สุดท้ายก็ต้องมายืนกับเขาอยู่ดี?


ฮามานแดนฝืนยิ้มกลับไปให้เขาทีหนึ่ง จัดแต่งทรงผม แล้วก็วางมาดผู้ดีตามเดิม ฉินสือโอวส่ายหัวในใจ เขาเพิ่งจะเห็นข้อดีของเจ้าชายแฮร์รี่ก็ตอนนี้นี่เอง


สำหรับมืออาชีพในวงการธุรกิจแล้ว สนามกอล์ฟก็คือสถานที่ที่ทุกคนมาสานสัมพันธ์กันนั่นเอง ดังนั้นเมื่อก้าวเข้ามาในเวทีนี้แล้ว ทุกคนก็จะเริ่มคุยเล่นกัน จากนั้นค่อยหยิบไม้ตีเพื่อเตรียมจะหวดสวิงกัน


ด้านหลังของรีสอร์ตแบ่งพื้นที่ออกมาผืนหนึ่งเพื่อสร้างเป็นสนามกอล์ฟโดยเฉพาะ พื้นที่มีขนาดกว้างขวาง เลย์เอาท์เป็นเนินลอนคลื่น มีขนาดพื้นที่ประมาณหนึ่งแสนตารางเมตร เส้นทางตีลูกมีระดับต่างกันอยู่ที่ประมาณสิบกว่าเมตร มองดูแล้วดูดีมีระดับมาก


ฉินสือโอวไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกอล์ฟเลย ก่อนจะมาเขาได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งนี้มานิดหน่อยเท่านั้น เคอร์ก็ออกปากแล้ว ว่าจะพาเขาไปแนะนำให้รู้จักกับคนใหญ่คนโตในวงการธุรกิจของอเมริกาเหนือ ให้พวกเขาคุ้นหน้าคุ้นตาเท่านั้น จะไม่ชวนเขามาร่วมแข่งด้วยกันหรอก ดังนั้นเขาจึงแค่ยืนมองอยู่ข้างๆ


องค์ชายน้อยยืนอยู่บนสนามหญ้าทำท่ายืดเส้นไปสองสามที แล้วก็เอาไม้ตีออกจากรถกอล์ฟ เมื่อเห็นฉินสือโอวยืนเบื่ออยู่ข้างๆ ถึงถามว่า “ไม้กอล์ฟของคุณล่ะ?”


ฉินสือโอวยื่นมือไปหยิบไม้ออกมาจากถุงกอล์ฟที่แคดดี้เตรียมมาอันหนึ่ง แล้วพูดว่า “ที่นี่ก็มีไม่ใช่เหรอครับ?”


องค์ชายน้อยมองไปที่เขา ท่าทีเหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ท่าทางเขาดูเหมือนดูถูกนิดๆ ด้วย สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว จึงยื่นไม้ของตัวเองให้เขา แล้วพูดว่า “หากว่าคุณอยากจะเล่นกีฬานี้ได้ดี งั้นผมแนะนำว่าคุณควรสั่งทำไม้กอล์ฟส่วนตัวชุดหนึ่งนะ ดูของผมสิ เป็นอย่างไรบ้าง? ราคาหนึ่งแสนสองหมื่นดอลลาร์สหรัฐ!”


ฉินสือโอวชื่นชมก้านเหล็กของไม้กอล์ฟทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “เป็นไม้ที่ไม่เลวเลยนะครับ แต่ผมว่าถ้าคุณได้รู้จักกับพ่อบุญธรรมผมมาก่อนก็คงดีนะครับ เขาชื่อว่าเออร์บัก เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในแคนาดา”


“เป็นนักประดิษฐ์ไม้กอล์ฟชื่อดังหรือครับ?” องค์ชายน้อยถามออกไปอย่างแปลกใจ


ฉินสือโอวส่ายหัว แล้วพูดว่า “ไม่ครับ เขาเป็นทนายความที่เชี่ยวชาญเรื่องการดำเนินคดีการหลอกลวงผู้บริโภค ที่มีชื่อเสียงมากในวงการทนายครับ”


องค์ชายน้อยมองเขาด้วยความอึ้ง สุดท้ายก็ดึงไม้กลับไปด้วยสีหน้าเย็นชา ท่าทางไม่สบอารมณ์อย่างมาก


หลังพูดเล่นออกไปแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าองค์ชายน้อยเป็นมุสลิม อาจจะไม่เข้าใจความคิดของตัวเอง จึงอยากหาโอกาสสานสัมพันธ์ และโอกาสที่ดีที่สุดก็คือเล่นกอล์ฟด้วยกันนั่นเอง


แต่ใครจะรู้ หลังจากเขาเข้าไปเสนอเรื่องนี้แล้ว ฮามานแดนกลับถามออกมาอย่างสงสัยว่า “คุณแน่ใจว่าจะมาเล่นกับผมเหรอ? คุณรู้จักดีพี เวิลด์ ทัวร์ แชมเปียนชิพใช่ไหมครับ? ในการแข่งขัน สปอร์ต 360 ของตะวันออกกลางที่เพิ่งจบไปนั้น ผมได้ที่ห้านะ”


ฉินสือโอวที่กำลังรู้สึกทุกข์ใจอยู่นั้นหัวเราะออกมาทันที ให้ตายเถอะองค์ชายน้อยคนนี้ช่างหยิ่งยโสเกินไปเสียแล้ว เป็นแบบนี้จะทำให้เขาอยู่ในสังคมได้ลำบาก ตัวเขาเองคงต้องสอนวิธีการอยู่ร่วมกับคนอื่นให้เขาเสียหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยจะต้องเสียเปรียบในสังคมแน่


เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาจึงพูดออกไปว่า “งั้นก็ดีเลยครับ พวกเรามาลองประมือกันหน่อยดีกว่า ปีที่แล้วผมเคยไปเล่นกับไทเกอร์ วูดส์มา ผมแพ้ให้เขาไปสองแต้มเท่านั้น”


ฮามานแดนได้ยินอย่างนี้แล้วก็ตาโตขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจแล้วพูดว่า “คุณแพ้ให้ไทเกอร์ไปแค่สองแต้มเองเหรอครับ? โอ้ท่านอัลเลาะห์ ผมไม่เชื่อ! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คุณคงชื่อดังก้องโลกไปแล้ว!”


พี่เสือไทเกอร์ วูดส์ นักกอล์ฟชื่อดังของอเมริกา ในปี 2009 ก็ได้มีชื่ออยู่ในระดับแนวหน้าของวงการกอล์ฟแล้ว แถมยังถูกยกให้เป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย เป็นสุดยอดนักกีฬาที่มีค่าตัวสูงกว่าพันล้านเป็นคนแรกเลย


ฉินสือโอวพูดว่า “เรื่องนี้ไม่คู่ควรที่จะทำให้มีชื่อเสียงหรอกครับ? ผมไม่จำเป็นต้องหาเงินจากการเป็นนักกีฬาสักหน่อย อีกอย่าง ผมกับพี่เสือตีกอล์ฟกันเป็นส่วนตัว พวกเราตีกันเล่นๆ เท่านั้น ไม่นับหรอกครับ”


ฮามานแดนเงียบไปสักพัก แล้วถามว่า “พี่เสือได้ไปกี่แต้มครับ?”


ฉินสือโอวขมวดคิ้วทำทีหวนนึกแล้วพูดว่า “70 แต้มครับ เป็นคะแนนที่ไม่เลวเลยทีเดียว ใช่ไหมครับ?”


“คุณทำได้ 72 แต้มเหรอครับ?” ฮามานแดนใช้สายตาที่สงสัยและอึ้งมองไปที่เขา


ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดว่า “คุณต้องรู้ก่อนนะ วันนั้นฟอร์มผมค่อนข้างดี เลยตีได้ 270 แต้ม”


“เท่าไรนะครับ?”


“270 แต้ม มากกว่า 70 ไปสองแต้ม ไม่ใช่เหรอครับ?” ฉินสือโอวพูดอย่างจริงจัง


แน่นอนว่าฮามานแดนรู้ว่าตัวเองถูกแกล้งเสียแล้ว เขายื่นมือออกไปอย่างโกรธเคืองอยากจะชี้หน้าฉินสือโอว แต่รู้สึกว่าท่าทางแบบนั้นดูไม่มีการศึกษามาก จึงได้แค่กลอกตาทีหนึ่ง แล้ววิ่งไปตีคนเดียวแทน


ฉินสือโอวหัวเราะเหอๆ ออกมา องค์ชายคนนี้อายุมากกว่าเขาสี่ห้าปีก็จริง แต่ในบางมุมนั้นยังไร้เดียงสามาก ใช้แค่ลูกไม้ตื้นๆ ก็แกล้งเขาได้แล้ว


การตีกอล์ฟคนเดียวนั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อมาก ฮามานแดนตีอยู่สักพัก ท่าหวดสวิงของเขาสวยมากจริงๆ ทำเอาแคดดี้ที่อยู่ข้างๆ ถึงขั้นอดที่จะปรบมือให้เขาไม่ได้ แต่การเป็นที่ยอมรับแค่นี้ไม่เพียงพอสำหรับเขา เขาต้องการได้รับการยอมรับจากคนระดับเดียวกันมากกว่า


แต่พวกพี่ใหญ่กำลังคุยเล่นกันอย่างมีความสุขอยู่ ไม่ได้สังเกตเห็นเขาเลย กลับเป็นเขาที่สังเกตเห็นว่าฉินสือโอวกำลังมองดูเขาเล่นอยู่ จึงทำทีไม่สนใจแล้วเดินเข้าไปหาพร้อมพูดว่า “ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เล่น เลยยังไม่ค่อยชินมือเท่าไร ลูกที่ผมตีเมื่อกี้เป็นอย่างไรบ้างครับ?”


ฉินสือโอวไม่อยากหาเรื่องเขา พูดหยอกได้ก็จริง แต่ตอนที่ควรจะให้เกียรติก็ยังคงต้องพูดดีด้วย จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตีได้สวยมากครับ ตอนผมดูวู้ดส์เล่นนั้น ท่าของเขาก็ไม่ได้ดูดีเท่าคุณนะครับ”


ฮามานแดนมองฉินสือโอวด้วยท่าทางระแวง แล้วพูดว่า “คุณเคยตีกอล์ฟกับพี่เสือจริงเหรอ? ไม่เอาน่า เพื่อน อาฟิฟบอกว่าคุณเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก อย่ามัวแต่ล้อผมเล่นเลย”


ฉินสือโอวพูดว่า “ผมไม่ได้พูดเล่นครับ แน่นอนว่าผมเคยตีกอล์ฟกับพี่เสือมาก่อน”


ฮามานแดนเริ่มโกรธขึ้นมานิดหน่อย แล้วพูดว่า “ก็คุณบอกว่าท่าของผมสวยกว่าของเขาไง? พูดดีเพื่อยอผมเหรอ?”


ฉินสือโอวปัดมือแล้วพูดว่า “แต่ผมเคยเห็นพี่เสือตีกอล์ฟจากในทีวีนี่ครับ”


ฮามานแดนมองฉินสือโอวอย่างงุนงง หันหัวไปมองสนามหญ้าที่เขียวขจี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “คุณชนะแล้วล่ะ พี่น้องจากเมืองจีนของผม”


พอดีกับที่ซิตกำลังเดินผ่านไป เขาเป็นซีอีโอของบริษัทให้คำปรึกษาด้านการเงินของ Onex ปกติมักจะมาตีกอล์ฟกับเพื่อนร่วมธุรกิจ เป็นมือดีในด้านนี้ เขารู้ว่าฮามานแดนมีฝีมือแค่ไหน


ดังนั้นเมื่อได้ยินฮามานแดนพูดประโยคนี้ เขาจึงถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “ฉิน ผมไม่รู้มาก่อนเลย คุณเป็นนักกอล์ฟมือดีที่ไม่เปิดเผยตัวเหรอครับนี่? น้อยคนนักที่จะทำให้ฮามานแดนยอมแพ้ได้นะครับ”


ฮามานแดนมองไปที่ซิตด้วยท่าทีร้อนรน เขาอยากจะพูดอธิบาย แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร จึงได้แต่พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “อัลเลาะห์ให้อภัยลูกด้วย ลูกอยากจะด่าคนจริงๆ!”


บทที่ 953 คารวะอาจารย์

Ink Stone_Fantasy

คล้ายกับกำลังงอนอยู่ หลังจากนั้นองค์ชายน้อยก็ไม่สนใจฉินสือโอวอีกเลย เขาเดินถือไม้กอล์ฟราคาแสนกว่าดอลลาร์ที่แสนหวงแหนของเขาเดินไปเดินมา แคดดี้คนหนึ่งนึกว่าเขาไม่มีลูกจะตีแล้ว จึงเข้าไปพูดอย่างสุภาพว่า “คุณผู้ชายสามารถเล่นอย่างสบายใจได้เลยนะคะ พวกเราได้เตรียมลูกมาเพียงพอค่ะ”


องค์ชายน้อยกะพริบตา มองไปที่สนามหญ้าอย่างหวาดระแวง กำลังคิดว่าตัวเองไม่ถูกโฉลกกับที่นี่หรือเปล่า ทำไมตั้งแต่มาถึงก็ไม่มีตอนไหนที่สบายใจเลย?


เกมตีกอล์ฟดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนพระอาทิตย์ตกดินและไม่มีแสงเพียงพอแล้ว พวกพี่ใหญ่ถึงจะจำใจยอมกลับกัน


เคนเนดีขึ้นนั่งบนรถกอล์ฟแล้วโบกมือเรียกให้ฉินสือโอวขึ้นมา ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าบิดาแห่งบัตรเครดิตคนนี้เรียกตัวเองทำไม แต่ก็ขึ้นไปบนรถด้วยความงุนงง แต่ถือว่าเขาฉลาดใช้ได้เลย เมื่อเห็นเคนเนดีนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ เขาจึงขึ้นไปนั่งที่ฝั่งคนขับทันที


รถกอล์ฟขับออกไป เคนเนดีไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากออกจากสนามกอล์ฟแล้วเขาได้หยิบซิการ์ออกมาอย่างรวดเร็ว ใช้ที่ตัดซิการ์ตัดออกจุดไฟแล้วก็คาบไว้ในปากอย่างชำนาญ จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า “หลังออกกำลังเสร็จได้สูบซิการ์สักมวนนี่ ช่างเป็นชีวิตดั่งพระเจ้าจริงๆ!”


ฉินสือโอวหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร เขารู้ว่าตาแก่เคนเนดีต้องมีอะไรอยากพูดกับเขา และคงเกี่ยวกับอัลเบิร์ตอย่างแน่นอน


จริงตามนั้น หลังจากสูบไปไม่กี่คำแล้ว เคนเนดีก็พูดว่า “พ่อหนุ่ม คุณเคยเรียนการต่อสู้มาเหรอครับ?”


ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่ครับ แต่ว่าบอดี้การ์ดของผมเคยสอนมวยทหารมาก่อน หมัดของผมวันนี้ก็มาจากมวยทหารนั่นแหละครับ”


เคนเนดีพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดีจัง การพูดกับเด็กฉลาดมันก็ง่ายแบบนี้แหละ ผมได้คุยกับคุณอัลเบิร์ตแล้ว สาเหตุของเรื่องขัดแย้งระหว่างคุณสองคนผมก็รู้แล้ว ผมไม่อยากออกความเห็นอะไร แค่อยากจะบอกคุณถึงบทสรุปของการสนทนาของพวกเรา ความขัดแย้งของพวกคุณนั้นไม่ใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้เลย แต่สามารถทำได้โดยคุณต้องขายฟาร์มปลาส่วนหนึ่งให้กับเขา”


ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “ฟาร์มปลาแกธเธอริงเหรอครับ?”


เคนเนดียักไหล่แล้วพูดว่า “น่าจะใช่นะครับ มีแค่ฟาร์มปลานั้นที่มีรีสอร์ตใช่ไหมครับ?”


ฉินสือโอวพูดอย่างช้าๆ ว่า “ผมต้องพูดความคิดเห็นของผมด้วยไหมครับ?”


เคนเนดีพูดว่า “มีความจำเป็นเหรอครับ? ถ้าหากผมเป็นคุณ ผมคงต้องไปหาเขาแล้วชกเขาอีกสักรอบ ให้เขารู้เสียบ้างว่าความโลภมากนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก!”


คำตอบนี้ทำให้ฉินสือโอวตกใจเล็กน้อย เขานึกว่าเคนเนดีจะมาเป็นคนไกล่เกลี่ยเสียอีก ดูท่าคงจะไม่ใช่


พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวเริ่มเดาไม่ออกแล้วว่าจุดประสงค์ที่ตาแก่คนนี้เรียกเขามานั่งรถด้วยคืออะไร เขาขับรถกลับไปยังเขตห้องพักด้วยความสงสัย ภายหลังทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย เขาตั้งใจขับรถ ส่วนตาแก่ก็มองดูทิวทัศน์รอบๆ อย่างใจเย็น


กลับถึงวิลล่า พวกเบลคที่ออกไปร่วมกิจกรรมกันยังไม่กลับมา มื้อค่ำได้ถูกเตรียมไว้อีกแล้ว เป็นมื้อที่ต่างกับเมื่อวานโดยสิ้นเชิง


ฉินสือโอวถอดเสื้อออกอยากจะไปอาบน้ำ แต่ขณะที่เขาเพิ่งเข้าไปในสระว่ายน้ำเท่านั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า “เฮ้ คุณบอดี้การ์ด ได้ข่าวว่าวันนี้คุณดังใหญ่เลยใช่ไหมคะ?”


ไม่ต้องหันไปมอง แค่ฟังเสียงฉินสือโอวก็รู้ได้ว่านี่คือเสียงของนิกกี้ ฮิลตัน แต่พอเขาหันหน้ากลับไปมองแล้วกลับรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เพราะนอกจากนิกกี้แล้ว แพรีส ฮิลตันก็อยู่ด้วย เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงอาบแดดอยู่


ฉินสือโอวหันหน้าไปเจอเข้ากับสายตาของแพรีสพอดี ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาตาวาวเป็นประกาย จับจ้องไปที่กล้ามเนื้อของเขาราวกับสายตาของหมาป่าที่กำลังมองเนื้อแพะอันโอชะอย่างไรอย่างนั้น


โบกมือเป็นการทักทายเสร็จ ฉินสือโอวก็แช่ลงในน้ำทะเลที่ยังคงร้อนอยู่แล้วถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย แล้วพูดว่า “คุณหมายถึงเรื่องที่ผมไปชกคนมาเหรอครับ? ใช่แล้ว ดูท่าว่าผมจะโด่งดังแล้วจริงๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องที่ผมมีเรื่องชกต่อยกันหมดแล้ว”


นิกกี้ว่ายน้ำมาพาดตัวอยู่บนกระจกนิรภัย โดยไม่สนใจก้อนเต้าหู้ขาวเนียนที่โผล่ออกมาจากทรวงอก เธอยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องชกต่อยกันเป็นเรื่องที่ดังมากก็จริง แต่ที่ฉันอยากพูดก็คือ คุณกับเคนเนดี เคอร์ โมล และฮามานแดนไปตีกอล์ฟด้วยกันต่างหาก นั่นแหละถึงจะเรียกว่าโด่งดังแล้วจริงๆ”


สายตาของฉินสือโอวมองไปที่รูปร่างของนิกกี้แวบหนึ่ง ยักไหล่แล้วพูดว่า “ไม่ครับ ผมไม่ได้ไปตีกอล์ฟหรอก คุณก็รู้สถานะของผมดี ผมเป็นบอดี้การ์ดเท่านั้น ผมไปเพื่อปกป้องคนพวกนั้นต่างหาก”


แพรีสลุกนั่งขึ้นมา ใช้สายตาเร่าร้อนนั้นจ้องไปที่ท่อนบนของฉินสือโอวแล้วถามว่า “งั้นขอถามคุณบอดี้การ์ดหน่อย ค่าตัวคุณเท่าไรคะ?”


ฉินสือโอวไม่รู้สึกสนใจสาวพวกนี้เลยสักนิด การที่วินนี่ท้องอยู่ทำให้ไฟในตัวเขาสุมอยู่มากก็จริง แต่เขาก็ไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับสาวเสเพลอย่างแพรีสแต่อย่างใด จึงพูดอย่างนอบน้อมว่า “ราคาถูกตั้งโดยภรรยาของผมครับ หากพวกคุณสนใจผมสามารถให้เบอร์ติดต่อของเธอกับพวกคุณได้นะครับ เธอเป็นผู้จัดการของผมด้วยครับ”


เสียงที่สดใสของนิกกี้หัวเราะร่าออกมา ส่วนแพรีสนั้นมองไปที่หน้าของฉินสือโอวด้วยความรู้สึกสนใจ แล้วก็นอนลง หยิบมือถือออกมาเล่นอย่างตั้งใจแทน


ฉินสือโอวแช่น้ำอยู่สักพัก ตอนนี้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากห้องรับแขก ตอนแรกเขานึกว่าเป็นใครสักคนในพวกบิลลี่ แต่ว่าเสียงฝีเท้าเบาและถี่มาก ไม่ค่อยเหมือนกับลักษณะของคนพวกนั้นสักเท่าไร


เป็นไปตามคาด เสียงที่ดังขึ้นมานั้นได้ยืนยันในสิ่งที่เขาคิด เป็นเสียงของเด็กคนหนึ่งดังขึ้นมา “อาจารย์ อาจารย์! ผมคือไวส์ ผมกลับมาแล้ว คุณอยู่ที่ไหนครับ? เชิญคุณออกมารับการคารวะจากลูกศิษย์ด้วยครับ!”


การที่ฉินสือโอวได้ยินเสียงนี้ทำให้เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เด็กน่าสนใจที่เจอกันตอนบ่ายนั้นมาหาเขาจริงๆ เหรอ? และมาเพื่อคารวะอาจารย์จริงๆ เหรอ?


เขายืนขึ้นออกจากน้ำ เสียงน้ำดังซู่ซ่าออกมา


เด็กหนุ่มก็คงได้ยินเสียงนี้ด้วย จึงรีบวิ่งเข้ามา จากนั้นเขายืนเกาะอยู่ที่ประตูแล้วมองดู เมื่อเห็นนิกกี้กับแพรีส ใบหน้าน้อยๆ นั้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้มเขินอาย แต่ไม่นานก็รีบหลบเข้าไปแล้วพูดว่า “อาจารย์ ผมรอคุณอยู่ข้างนอกนะครับ ไม่แอบดูแน่นอน!”


ฉินสือโอวหมดคำจะพูดในทันที เด็กหนุ่มคนนี้อายุแค่สิบเอ็ดสิบสองขวบเท่านั้น อายุน้อยกว่าพวกเชอร์ลี่ย์อีก ทำไมดูจะเข้าใจอะไรๆ มากมายอย่างนี้? เด็กอเมริกันนี่ไม่ใช่เล่นจริงๆ


เขาไม่มีกะใจจะอาบน้ำจืดแล้ว หลังจากเช็ดตัวอย่างลวกๆ เสร็จ ก็สวมเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วรีบเดินเข้าไปทันที และเมื่อเข้าไปในห้องรับแขกแล้วเขาก็ต้องตกใจยกใหญ่ เด็กคนนั้นถึงขั้นนั่งคุกเข่าอยู่กลางห้องรับแขก มือทั้งสองวางไว้บนหัวเข่า ตัวตรงก้มหัวไว้ ท่าทางอย่างกับจะคารวะอาจารย์จริงๆ อย่างไรอย่างนั้น


เมื่อเห็นฉินสือโอวมาถึง สีหน้าเขินอายบนใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างเมื่อกี้ได้หายไปแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่จริงจังก้มหัวให้เขาแล้วพูดว่า “อาจารย์ โปรดรับการคารวะจากศิษย์ด้วย!”


ฉินสือโอวตกใจจนแทบจะฉี่ราดกางเกง เด็กคนนี้ทำอะไรเนี่ย คารวะอะไรกัน เขาไม่ใช่พระหรือนักบวชเสียหน่อย และก็ไม่มีคัมภีร์การต่อสู้อะไรด้วย เจ้าเด็กนี่มาคารวะตัวเขาทำไมกัน?


เขารีบเดินเข้าไปดึงตัวเด็กหนุ่มขึ้นมา แล้วพูดว่า “นายกำลังเล่นอะไรอยู่? ฉันเป็นอาจารย์อะไรกัน? นายไม่ได้ไปถามใครมาก่อนเหรอ? ฉันเป็นแค่ชาวประมงมาจากแคนาดาเท่านั้น ไม่ใช่ยอดฝีมืออะไรเลย!”


เด็กหนุ่มพูดว่า “แน่นอนว่าผมไปถามมาก่อนแล้ว พระสงฆ์ นักพรต แม่ชี ขอทาน ชาวประมง นักบวชหรือคนตัดฟืน นี่แหละคืออาชีพของคนที่กลายเป็นยอดฝีมือได้ง่ายที่สุดแล้ว!”


เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ฉินสือโอวก็รู้ได้ในทันทีว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่เพียงแต่เคยดูหนังวิทยายุทธ์เท่านั้น แต่ยังเคยอ่านนิยายวิทยายุทธ์อีกด้วย!


ฉินสือโอวให้เขานั่งบนโซฟา แล้วอธิบายอย่างเลือกไม่ได้ว่าตัวเองไม่ใช่ยอดฝีมืออะไรเลย เด็กหนุ่มฟังแล้วก็หยิบมือถือออกมาเปิดแล้วยื่นสองมือให้เขาดู จากนั้นก็ไปยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีนอบน้อม


หลังมองไปบนมือถือทีหนึ่งแล้ว ฉินสือโอวก็ตาโตทันที!


บทที่ 954 รับศิษย์

Ink Stone_Fantasy

บนมือถือเป็นบทความหนึ่งจาก ‘หนังสือพิมพ์นิวฟันแลนด์’ เป็นบทความที่พูดถึงยอดฝีมือจีนคนหนึ่ง รวมไปถึงเรื่องความกล้าหาญที่ไปช่วยคนในพายุบนท้องทะเล และรวมไปถึงเรื่องการมีเรื่องกับแก๊งต้มตุ๋นในเซนต์จอห์น ที่ทำเอานักเลงสิบกว่าคนเจ็บหนักภายในสิบกระบวนท่า…


ฉินสือโอวมองดูบทความนี้แล้วส่ายหัวไม่หยุด ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่ายอดฝีมือคนจีนนี้ก็คือเขานั่นเอง แต่ว่าเนื้อหานี้ช่างแตกต่างกับความเป็นจริงมากเลย นี่มันพูดเกินจริงไปหน่อยแล้ว


ไวส์นึกว่าเขาไม่พอใจ จึงเลื่อนหน้าจอไปเจอกับบทความอีกอันหนึ่ง ที่พูดถึงเรื่องปีก่อนที่มีทหารรับจ้างพวกหนึ่งอยากจะเข้ามาปล้นฟาร์มปลาแล้วถูกฉินสือโอวจับได้


เขาจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ตอนนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว ก็ผู้ต้องหาเป็นถึงทหารรับจ้างของฝรั่งเศสนี่นา เรียกได้ว่าเป็นสุนัขสงครามระดับมืออาชีพเลย พวกเขาทั้งมาสังเกตการณ์ล่วงหน้า วางแผนได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่สุดท้ายไม่เพียงปล้นไม่สำเร็จเท่านั้น แถมยังถูกฉินสือโอวซัดจนร่วงจนถูกจับอีก


ตอนนั้นเขาเพิ่งไปที่เกาะแฟร์เวลได้ไม่นาน ในหมู่ผู้สื่อข่าวที่อยากจะเพิ่มยอดขายให้กับหนังสือพิมพ์ จึงพากันโหมเรื่องยกยอว่าเขาเป็นยอดฝีมือจากตะวันออกกัน


แต่เพราะเรื่องพวกนี้ไม่ได้กระทบกับชีวิตฉินสือโอวมากนัก เขาจึงไม่ได้ใส่ใจมาก แต่พอตอนนี้หันกลับไปมองดูแล้ว พบว่ากระทบไม่มากก็จริง แต่ว่าดึงเขาถอยกลับไปต่างหาก


หัวเล็กๆ ของไวส์พิงอยู่ข้างๆ ฉินสือโอวดูข่าวไปพร้อมกัน เขาดูไปพลางพึมพำไปพลาง “ว้าวๆ ซัดพวกเลวนี่ให้หมอบไปเลย! อะจารย์สุดยอดมากเลย วันนี้ตอนผมเห็นคุณออกหมัดก็รู้เลยว่าคุณคือยอดฝีมือ แต่นึกไม่ถึงว่าฝีมือคุณจะยอดถึงขนาดนี้! ย้าๆ! ฉันจะเป็นจอมยุทธ์ ฉันจะเรียนกังฟู! กังฟูจีน! ย้าๆ!”


ฉินสือโอวยัดมือถือคืนให้เขา แล้วพูดอย่างหมดทางเลือกว่า “ฟังนะเด็กน้อย ฉันเข้าใจว่านายชื่นชมกังฟูมาก แต่ถ้าให้ฉันพูดนะ นั่นน่ะล้วนเป็นของปลอมทั้งนั้น ไม่มียอดฝีมือแบบนั้น ไม่มี…”


ไวส์จ้องมองเขาอย่างงุนงง แล้วถามว่า “ของปลอม? กังฟูจีนเป็นของปลอมเหรอครับ? กังฟูจีนไม่มีจริงเหรอครับ?”


เมื่อมองดูใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กน้อยคนนี้ แล้วคิดถึงเรื่องที่วัฒนธรรมจีนนั้นเข้าถึงอเมริกาได้ยากเพียงใด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีสาวกกังฟูจีนโผล่มาสักคน ตัวเองไม่ควรแค่กลัวว่าตัวเองจะลำบากแล้วทำลายมันลงนะ


ดังนั้น ฉินสือโอวจึงสูดหายใจลึกแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “แน่นอนว่ากังฟูจีนเป็นของจริง! ฉันหมายถึงว่า ฉันไม่ใช่ยอดฝีมือแบบนั้น เรื่องนี้น่ะเป็นของปลอม ฉันเองก็ไม่ใช่จอมยุทธ์…”


“ไม่เป็นไรครับ อะจารย์ ผมจะต้องเป็นจอมยุทธ์แน่ จอมยุทธ์ไวส์ บรูซ เท่านี้ต่อไปคุณก็จะได้เป็นอะจารย์ของจอมยุทธ์แล้ว” ไวส์มีท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง


ฉินสือโอวบ่น** แล้วพูดอย่างเลือกไม่ได้ว่า “ฉันก็อยากเป็นอาจารย์ของจอมยุทธ์ แต่ว่าฉันน่ะ…”


“อะจารย์ โปรดรับการคารวะจากศิษย์ด้วย!” เหมือนว่าไวส์จะฟังคำเขาแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เขาพูดตัดบทฉินสือโอว และคุกเข่าลงอีกครั้ง!


“ลุกขึ้นมาก่อน ลุกขึ้นมา มีอะไรก็พูดกันก่อน อย่าคุกเข่าได้ไหม?” ฉินสือโอวดึงตัวไวส์ขึ้นอย่างร้อนรน เด็กคนนี้ทำไมต้องคุกเข่าด้วยล่ะ ยังดีที่เขาไม่ได้อาศัยอยู่จีน ไม่อย่างนั้นคงได้คุกเข่ากันจนเข่าแหลกแน่


ไวส์แสดงสีหน้ามุ่งมั่นออกมาแล้วพูดว่า “อะจารย์ หากคุณไม่รับผมเป็นศิษย์ ผมก็จะคุกเข่าอยู่อย่างนี้! ผมจะเรียนกังฟูให้ได้!”


ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ จึงถีบไปที่โซฟาทีหนึ่ง แต่เพราะตอนนี้เขามีพลังล้นหลาม การถีบครั้งนี้ ทำเอาโซฟาพื้นไม้แท้ที่คนปกติจะลากยังลากไม่ไหวถึงกับลอยขึ้นมา…


ใบหน้าไวส์เต็มไปด้วยความตกตะลึง แล้วตามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีอกดีใจ…


ในตอนนี้นั่นเองที่เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากด้านหลัง ฉินสือโอวหันกลับไปมองด้วยความสงสัย เห็นนิกกี้ ฮิลตันในชุดบิกินียืนอยู่หลังประตูห้องรับแขก มองเขาที่ถีบโซฟาจนลอยอย่างตกใจ


นี่มันอะไรเนี่ย? ฉินสือโอวใกล้จะสติแตกแล้ว เขามองไปที่นิกกี้แล้วถามว่า “คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าคุณเข้ามาได้อย่างไรครับ?”


นิกกี้ชี้ไปที่สระว่ายน้ำด้านหลังอย่างหมดแรง แล้วพูดเสียงเบาว่า “แค่ปีนทีเดียวก็ปีนข้ามมาได้แล้วนี่คะ ฉันได้ยินเสียงทะเลาะกันที่นี่ จึงอยากมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น”


ฉินสือโอวเดินไปพลิกโซฟาที่ล้มลงกลับมา แล้วดึงไวส์ราวกับดึงลิงไปโยนไว้บนโซฟา แต่เจ้าเด็กนี่กลับคุกเข่าบนโซฟาขึ้นมาทันที สองมือทำท่าคำนับ มองดูฉินสือโอวด้วยใบหน้าจริงจัง


“ฉันไม่เป็นกังฟูจริงๆ นะ! ฉันเป็นแค่ชาวประมงเท่านั้น!” ฉินสือโอวตะโกนออกไปอย่างหมดทางเลือก “อีกอย่างฉันเป็นคนแคนาดา ไม่ได้อาศัยอยู่ในอเมริกา!”


ไวส์ก็ตะโกนออกมาว่า “งั้นผมก็จะไปแคนาดา! คุณป้าผมก็อยู่ที่แคนาดา! เซนต์จอห์น อยู่ที่เซนต์จอห์น! นี่ก็คือโชคชะตานำพาให้พบกันในยุทธภพใช่ไหมครับ?”


ให้ตายสิ ยังจะมาพบกันในยุทธภพอีก? ฉินสือโอวรู้สึกว่าวัฒนธรรมจอมยุทธ์ของจีนได้ซึมเข้าไปในอเมริกาสำเร็จแล้วล่ะ


นิกกี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามว่า “ฉันขอพูดอะไรได้ไหมคะ?”


ฉินสือโอวทำท่าบอกว่าตามสบาย นิกกี้จึงถามว่า “เฮ้ หนุ่มหล่อ ทำไมเธอถึงต้องเรียนกังฟูจีนล่ะ?”


ไวส์หันตัวกลับไปทำท่าคำนับให้กับนิกกี้แล้วพูดว่า “เรียนอะจารย์แม่…”


“ฟัค เธอเป็นแค่เพื่อนบ้าน อ้า ไม่ใช่สิ แม้แต่เพื่อนบ้านก็ไม่ใช่! เธอไม่ใช่อาจารย์แม่ของนาย อาจารย์แม่ของนายอยู่แคนาดา!” ฉินสือโอวใกล้จะสติแตกแล้ว


ไวส์ดีใจขึ้นมาอีก แล้วร้องว่า “อะจารย์ คุณยอมรับผมเป็นศิษย์แล้วเหรอครับ?”


ฉินสือโอวปัดมือ แล้วพูดว่า “นายพูดก่อนว่าทำไมต้องเรียนกังฟู”


ไวส์พยักหน้าอย่างดีใจ แล้วพูดว่า “ผมร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก จะต้องกินยาทุกวัน ผมไม่อยากกินยา และก็ไม่อยากไปผ่าตัดอีกด้วย กังฟูจีนสามารถทำให้ร่างกายแข็งแรง เฉินเจินบอกไว้แบบนี้!”


ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งให้ เด็กน้อยทำไมนายถึงเท่อย่างนี้? นายไม่เพียงแต่รู้จักบรูซ ลี ยังรู้จักเฉินเจินอีก นายคงไม่ได้เป็นเด็กจีนที่ข้ามเวลาไปอเมริกาใช่ไหมเนี่ย?


นิกกี้หัวเราะแล้วพูดว่า “อยากร่างกายแข็งแรงน่ะง่ายมาก ฉันรู้จักเทรนเนอร์เก่งๆ หลายคนเลย ไว้จะแนะนำให้เธอรู้จักดีไหม? อีกอย่าง อยากแข็งแรงไม่จำเป็นต้องพึ่งแต่กังฟูจีนอย่างเดียว คาราเต้หรือเทควันโดก็ทำได้เหมือนกันนี่”


ไวส์เบะปากอย่างไม่พอใจแล้วพูดว่า “เทรนเนอร์พวกนั้นแค่ดูผลตรวจร่างกายของผมก็ตกใจจนจะร้องไห้แล้ว พวกเขาไม่กล้าเทรนให้ผมหรอก เทควันโดกับคาราเต้เหรอ? นั่นน่ะแค่ดูดีเฉยๆ กังฟูจีนสิถึงจะดั้งเดิมจริงๆ!”


หลังจากได้ยินประโยคหลังนี้ ฉินสือโอวก็เริ่มคิด เทียบกับเด็กคนนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าคนจีนอย่างตัวเขาเองก็ยังไม่มีความมั่นใจในกังฟูจีนอย่างนี้เลย ช่างเป็นเรื่องที่รับไม่ได้เสียจริง งั้นตัวเองก็รับเด็กคนนี้เป็นศิษย์แล้วกัน ปกป้องเกียรติของกังฟูจีนหน่อยก็ดีเหมือนกัน


 “อีกอย่างนะ” ไวส์พูดต่อ ใบหน้าเผยสีหน้าเขินอายเหมือนก่อนหน้านี้ “ตอนผมเรียนชั้นประถม มักจะถูกคนรังแกประจำ พวกเขารู้ว่าผมมีเงิน จึงมักจะมาขอเงินจากผม ผมมีเพื่อนเชื้อสายจีนคนหนึ่ง พ่อของเขาเปิดสำนักการต่อสู้ เขาก็เรียนกังฟูจีนเหมือนกัน เก่งมากเลย เขาช่วยผมจัดการพวกคนเลวที่รังแกผมไปเยอะเลย!”


“เพราะเขาช่วยผมไว้ ผมจึงเอาเงินให้เขา แต่เขาก็ไม่เคยรับเลย ผมถามเขาว่างั้นทำไมถึงช่วยผม เขาบอกว่านี่น่ะคือจิตวิญญาณของจอมยุทธ์จีน! เขาเป็นจอมยุทธ์ ผมก็จะเป็นจอมยุทธ์ด้วย! ตั้งใจฝึกฝนกังฟู ปราบคนชั่วช่วยเหลือคนอ่อนแอ!” ไวส์พูดอย่างมุ่งมั่น


นิกกี้ทำท่าคำนับแล้วพูดว่า “ใช่ งั้นเธอก็ควรจะเรียนกังฟูจะได้เป็นจอมยุทธ์!”


ฉินสือโอวเงียบไปสักพักแล้วถามว่า “งั้นนายก็ไปเรียนที่สำนักกังฟูของเพื่อนนายได้นี่นา”


ไวส์พูดด้วยเสียงเศร้า “พวกเขาอาศัยอยู่ที่ชิคาโกแค่ครึ่งปีเท่านั้น แล้วก็ย้ายไปแล้ว อะจารย์ ผมอยากจะเรียนกังฟูจริงๆ นะครับ! ตั้งใจมาก!”


ฉินสือโอวจะพูดอะไรได้อีก? เขาตบไปที่ไหล่ของเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วพูดว่า “นั่งลงเถอะ อาจารย์รับนายเป็นลูกศิษย์แล้ว แต่ว่าจากนี้นายต้องจำไว้ให้แม่นนะ เรียนการต่อสู้ก็เพื่อช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอ ไม่ใช่เอาไว้รังแกคนอ่อนแอ เข้าใจไหม?”


บทที่ 955 เป็นวีรบุรุษได้อย่างไร

Ink Stone_Fantasy

หลังจากที่บิลลี่พูดคุยกับคนอื่นๆ อย่างสนุกสนานเสร็จ เขาก็เห็นเด็กชายร่างผอมคนหนึ่งกำลังชงชาอยู่ อีกทั้งฉินสือโอวก็กำลังดื่มน้ำชาด้วยใบหน้าอันขมขื่น นอกจากนี้ยังมีสาวสวยที่มองไปยังพวกเขาสองคนด้วยความสนอกสนใจ


“นิกกี้? เฮ้ เธอมาได้อย่างไรน่ะ?” บิลลี่มองไปยังเบลคแล้วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ฮิลตันเป็นสุภาพสตรีชาวอเมริกา แน่นอนว่าเขาที่เคยเป็นหนุ่มเพลย์บอยนั้นจะต้องรู้จักเธอ และแน่นอนว่า เธอไม่รู้จักเขา


‘สุภาพสตรี’ คำคำนี้ ในตอนนี้อาจจะสามารถทำให้หญิงสาวคนอื่นๆ ที่ต้องการมีชื่อเสียงทำให้เสียชื่อเสียงได้ อันที่จริงแล้วคำคำนี้เป็นคำที่มีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ จนมาถึงช่วงปี 1970 คำคำนี้จึงได้กลายมาเป็นคำสรรเสริญผู้คน ความหมายของคำนี้หมายถึงหญิงสาวผู้มีชื่อเสียง มีความสามารถ สง่างาม และมักจะออกงานสังคมบ่อยๆ เพราะเหตุนี้ พวกเธอจึงมักจะมีส่วนในการช่วยเหลือสังคม และกระตือรือร้นที่จะทำงานการกุศล ทำให้ชื่อเสียงของพวกเธอไปในทางที่ดีมาก


ชีวิตส่วนตัวของแพรีส ฮิลตันผู้มีชื่อเสียงนั้นมักจะยุ่งเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการทำงาน ความสามารถและงานการกุศล หญิงสาวเหล่านี้จึงมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เพราะว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศสังคมนิยม ใครจะไปสนใจว่าคุณจะนอนกับผู้ชายหรือผู้หญิงกี่คนกันเชียว?


แพรีสพยักหน้าเล็กน้อย พลางชี้ไปยังด้านข้างและพูดว่า “สวัสดีค่ะทุกท่าน ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันอยู่ใกล้ๆ พวกคุณนี่เองค่ะ ตอนนี้ฉันเป็นเพื่อนบ้านพวกคุณแล้ว”


เหมาเหว่ยหลงพยักหน้า แล้วพูดกลับเบลคเสียงเบาว่า “ผมเห็นตั้งแต่วันที่คุณมาวันแรกแล้วค่ะ ตอนนั้นคุณกำลังอาบน้ำอยู่”


“นายเป็นพวกถ้ำมองเหรอ?” เบลคพูดออกมาด้วยสีหน้าตกใจ พลางกะพริบตาแสดงแววตาชื่นชมออกมา “ทำบ้าอะไรของนายน่ะ!”


เหมาเหว่ยผลักเบลคออก พลางพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พูดให้มันดีๆ หน่อย สระว่ายน้ำมันอยู่ด้านนอก กำแพงบ้านเราสองคนเชื่อมกัน”


พวกเขานั่งคุยกัน หลังจากนั้นเธอก็มองไปยังชายหนุ่มที่กำลังชงชาอยู่ด้วยแววตาสนอกสนใจ พลางถามออกมา “เด็กคนนี้คือใครเหรอ?”


ไวส์มองกลับไปยังคนกลุ่มนั้นแล้วพูดออกมาว่า “ผมชื่อไวส์ เป็นลูกศิษย์คนใหม่ของอาจารย์ฉิน! อะจารย์ อะจารย์ พวกเขาคืออะจารย์ลุงและอะจารย์อาของผมใช่ไหม?”


เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังทันที บิลลี่มองไปยังฉินสือโอวแล้วพูดขึ้นว่า “นายยังรับลูกศิษย์อยู่อีกเหรอ? ก๊ากๆ คิดผิดหรือเปล่า นายรับลูกศิษย์มาทำไมกัน? เป็นเด็กขาดความรับผิดชอบหรือเปล่า?”


ฉินสือโอวขมวดคิ้วพลางโบกมือปัดไปมา แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันมีอำนาจว่า “หุบปากกันให้หมด! ต่อไปต้องระมัดระวังคำพูดที่จะพูดต่อหน้าลูกศิษย์ของฉัน!” หลังจากนั้นเขาก็หันไปอธิบายกับไวส์ว่า “อย่าไปสนใจคนพวกนี้เลย พวกเขาเป็นพวกโง่ทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่อาจารย์ของนายหรอก พวกเราเป็นทายาทของรุ่นนะ”


ไวส์แสดงท่าทางออกมาด้วยความพึงพอใจ เขารินชาอีกแก้วหนึ่งพลางพูดว่า “อะจารย์ เชิญดื่มชาครับ!”


ฉินสือโอวยังคงมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขมขื่น เขารับถ้วยชามาแล้วยกขึ้นดื่มช้าๆ


เหมาเหว่ยหลงพูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “เอาล่ะเจ้าคนเลว เด็กมันชงชาให้ ทำไมแกถึงทำท่าแบบนั้นล่ะ? นี่เป็นชาเพื่อเคารพอาจารย์ไม่ใช่เหรอ?”


ฉินสือโอวส่งสัญญาณให้ไวส์ชงชาให้เหมาเหว่ยหลงหนึ่งถ้วย จากนั้นเขาก็ยกชาขึ้นจิบหนึ่งอึก ทันใดนั้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาก็ตื่นตัวขึ้นทันที เขาพยายามที่จะกลั้นไม่ให้ตัวเองต้องพ่นน้ำออกมา และยิ่งพยายามหนักยิ่งขึ้นเมื่อต้องกลืนน้ำชานั้นลงไป จนในที่สุดเขาก็ไม่สามารถเปิดปากของตัวเองได้


เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เหมาเหว่ยหลงก็พูดออกมาอย่างทุกข์ใจว่า “นี่มันเค็มเกินไปแล้ว น้องชาย นายใส่ใบชาลงไปในกาเท่าไรกันเนี่ย?!”


ฉินสือโอวหยิบห่อใบชาห่อหนึ่งส่งให้กับเหมาเหว่ยหลง เมื่อเขาเปิดดู ใบชาที่หนักประมาณครึ่งกรัม ก็ได้หายไปหมดแล้ว…


พอถึงเวลาสองทุ่มกว่าโทรศัพท์มือถือของไวส์ก็ดังขึ้น พ่อของเขาโทรมาถามว่าเขาไปวิ่งถึงไหนกันแน่ เขาแลบลิ้นออกมาพลางพูดกับฉินสือโอวว่า “อะจารย์ ผมกลับก่อนนะครับ วันพรุ่งนี้ผมจะมาหาใหม่ พวกเราจะเริ่มฝึกกังฟูกันเมื่อไหร่ดีครับ?”


ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เช้า ฉันจะพานายไปออกกำลังกายตอนเช้า”


เมื่อรับลูกศิษย์มาแล้ว เขาก็ต้องดูแลให้ดีเสียหน่อย ฉินสือโอวโทรบอกวินนี่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวินนี่ได้ฟังเธอก็รู้สึกมีความสุข เธอบอกว่าเมื่อลูกของเธอคลอดก็จะให้ลูกเรียนกังฟูกับเขาด้วยเหมือนกัน แบบนี้ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเปิดสำนักในแคนาดาก็ได้


หลังจากวางสาย ฉินสือโอวก็ไม่ได้ส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปยังทะเลอีก แต่กลับเข้าอินเทอร์เน็ตค้นหาเกี่ยวกับทักษะกังฟูเบื้องต้น


ไวส์เป็นเด็กที่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ดูจากสีหน้าและท่าทางก็สามารถดูออกได้ทันที นอกจากนี้เขายังบอกว่าอีกว่าเมื่อครูสอนพละเห็นรายงานสมรรถภาพร่างกายของเขา ครูก็บอกว่าไม่มีทางช่วยจัดแผนการออกกำลังกายให้เขาได้ เพราะโดยปกติแล้วเขาจำเป็นจะต้องกินยาทุกวัน


เพราะแบบนี้ ฉินสือโอวก็ยิ่งมีร่องรอยในการติดตาม เขาทำการค้นหาและเตรียมการอย่างมีเป้าหมาย


เช้าตรู่เวลาตีห้า พระอาทิตย์พึ่งจะขึ้นมาจากขอบฟ้า ไวส์ออกมาวิ่งแล้ว ใบหน้าของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เส้นผมสีบลอนด์สะบัดไปมา เมื่อรวมกับเอวและแขนขาที่เล็กของเขาแล้ว ท่าทางก็ดูน่ารักอยู่นิดหน่อย


โชคดีที่ฉินสือโอวแอบมาวิ่งเองแล้วแต่เช้า ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาคงขายหน้าเป็นแน่ ไม่คิดเลยว่าไวส์จะเป็นคนที่มีพลังขนาดนี้


เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้ไวส์เช็ดเหงื่อ แล้วพูดออกมาว่า “ดีมาก ความกระตือรือร้นของนายทำให้อาจารย์พอใจมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถือว่านายได้เป็นศิษย์อย่างเป็นทางการแล้ว นายจะได้เริ่มเรียนกังฟูกับอาจารย์”


“พวกเราจะเรียนอะไรกันก่อนเหรอครับ?” ไวส์ถามออกมาอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ


ฉินสือโอวมองไปยังไวส์แล้วพูดว่า “ไวส์ ตอนนี้ร่างกายของนายค่อนข้างอ่อนแอ ไม่สามารถเรียนท่ากังฟูที่ยากเกินไปได้ เช่นพวกท่าดรรชนีวชิระเทวราช ดาบเปลวเพลิง วชิระอันแข็งแกร่ง ท่าพวกนี้นายยังเรียนไม่ได้”


ไวส์รู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที แต่เขาก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “อะจารย์ ท่าพวกนี้คุณทำได้ไหมครับ?”


“ใช่แล้ว ‘อาจารย์’ ไม่ใช่ ‘อะจารย์’ ถ้านายไม่ถนัดภาษาจีนก็พูดภาษาอังกฤษซะเถอะ” ฉินสือโอวแก้ไขคำพูดของเขา เพราะเขาต้องการจะเปลี่ยนหัวข้อ เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องการเรียกชื่อเท่าไร


ไวส์ตอบอย่างหนักแน่นว่า “แบบนี้ไม่ได้ครับ ผมต้องการเรียกคุณเป็นภาษาจีน อะจารย์ แบบนี้ใช่ไหม?”


“อาจารย์! อา! อา!”


“ครับ อะจารย์ อา อา! ผมออกเสียงถูกไหมครับ อะจารย์?”


ฉินสือโอวมองไปยังพระอาทิตย์ที่ขึ้นทางตะวันออก ท่าทางของเขาดูเศร้าเล็กน้อย


“เอาล่ะ ฉันไม่ได้เป็นครูที่หัวโบราณ เรียก ‘อะจารย์’ ก็ได้ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้สนใจเรื่องพิธีอะไรมากมาย” ฉินสือโอวต้องยอมรับสภาพไปด้วยความจำใจ


“แล้วพวกเราจะเรียนอะไรกันเหรอครับ?”


“ท่าพวกนั้นแข็งแกร่งเกินไป นายยังเรียนไม่ได้ ส่วนท่าที่อ่อนแอเกินไป ก็ไม่ได้อีก ถ้างั้นเก้าหยิ่นสุสานโบราณ ฝ่ามือลี้ลับ กระบี่มารพวกนั้นก็ผ่านไปก่อนแล้วกัน แล้วเรียนอะไรดีล่ะ? งั้นอาจารย์จะสอนวิชากังฟูที่กว้างขวางและลึกล้ำที่สุดของประเทศจีนให้แล้วกัน นั่นก็คือไท! เก๊ก!” ฉินสือโอวเน้นคำหลังทีละคำ


แต่ไวส์ไม่ใช่คนที่ถูกหลอกได้ง่าย เขาถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “ไทเก๊กงั้นเหรอ? อะจารย์ เหมือนว่าผมจะเคยเรียนวิชานี้มาแล้วนะ ผมรู้มาว่า ไทเก๊กเป็นสิ่งที่คนแก่ๆ เขาฝึกฝนกัน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงนี่ครับ?”


ฉินสือโอวพูกับไวส์ว่า “ไม่ผิด ไทเก๊กทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ว่าเฉินเจินบอกไว้ว่าอย่างไร?”


“กังฟูไม่ได้มีไว้เพื่อการแข่งขัน หรือต่อสู้ แต่มีไว้เพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง!” ไวส์รีบตอบกลับทันที เขาเป็นคนมีความจำดี สำหรับคำพวกนี้จากในภาพยนตร์ที่ฉินสือโอวจำไม่ได้เขากลับจำได้ขึ้นใจ


ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วพูดออกมาว่า “ใช่แล้ว และฉันจะบอกกับนายว่า ไทเก๊กของพวกเราแบ่งออกเป็นสองชนิดนั่นก็คือ ภายใน และภายนอก ไทเก๊กภายนอกเป็นสิ่งที่คนแก่ๆ เขาฝึกฝนกัน ส่วนไทเก๊กภายในนั้นจำเป็นที่จะต้องผสานกับทักษะในการหายใจ แบบนั้นก็จะกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่”


ใบหน้าของไวส์เต็มไปด้วยความคาดหวัง


ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขาลูบหัวเด็กหนุ่มตัวเล็กแล้วพูดออกมาว่า “อย่าดูถูกไทเก๊กเลย มีคำพูดหนึ่งในโลกของศิลปะแห่งการต่อสู้ บอกว่า ‘ราชวงศ์เหวินมีไท่จี๋คอยปกป้อง ราชวงศ์อู่ก็มีมวยแปดคอยดูแลจักรวาล’ แบบนี้นายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าไทเก๊กร้ายกาจแค่ไหน?”


ไวส์พยักหน้าเบาๆ พลางพูดออกมาว่า “ผมรู้ครับ ผมต้องรู้แน่นอนอยู่แล้ว ความไม่มีก่อให้เกิดความเติมเต็ม ความเติมเต็มทำให้เกิดหยินหยาง หยินหยางทำให้เกิดสี่ปรากฏการณ์ สี่ปรากฏการณ์ทำให้เกิดแปดเอกลักษณ์ แปดเอกลักษณ์ทำให้เกิดสรรพสิ่ง ไทเก๊กถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนี้”


ประโยคนี้ เขาพูดด้วยภาษาจีนทั้งหมด! เป็นภาษาจีนกลางที่ได้มาตรฐานอีกด้วย!


แต่ว่า นี่เป็นสิ่งที่ฉินสือโอวนั้นคิดจะพูดเป็นสิ่งต่อไป เด็กคนนี้เรียนมาจากไหนกันนะ? ทำไมเขาถึงได้รู้เรื่องมากมายแบบนี้?


ทันใดนั้นท่านฉินก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้หลอกไม่ได้ง่ายๆ จริงๆ


บทที่ 956 ผู้ประกอบการค้าเหล็ก

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวออกกำลังกายตั้งแต่เช้าตรู่จนเคยชิน เริ่มต้นด้วยการวิ่งก่อน เขาวิ่งนำไวส์มาแล้วระยะหนึ่ง ตอนนี้ไวส์หอบอย่างหนัก


นอกจากนี้ อาการของเขายังทำให้ฉินสือโอวรู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย คนปกติเวลาที่วิ่งแล้วหน้าจะเป็นสีแดงเพราะเลือดสูบฉีด แต่ไวส์กลับมีใบหน้าซีดขาว เหงื่อที่ออกมาทั่วร่างกายของเขานั้น เป็นเหงื่อเย็นทั้งหมด!


ฉินสือโอวรีบให้เขานั่งพักทันที เขาถามขึ้นมาว่า “นายเคยบอกว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง บอกฉันหน่อยได้ไหมว่านายป่วยเป็นอะไร?”


ไวส์กะพริบตามองไปรอบๆ พลางพูดออกมาว่า “ปกติผมไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เลยวิ่งไม่ไหว”


ทำไมถึงตอบไม่ตรงคำถามแบบนี้ล่ะ? ฉินสือโอวยิ้มออกมา เด็กคนนี้อยากที่จะปกปิดความลับไว้แต่กลับเผยออกมาเองซะงั้น


เขาไม่กล้าให้ไวส์วิ่งต่อ ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเรื่องได้ถ้ายังให้วิ่งต่อไป แบบนั้นเขาคงรับผิดชอบไม่ไหวแน่


ดังนั้น เขาจึงช่วยลูบหลังไวส์เบาๆ หลังจากพักกันอยู่ครู่หนึ่งฉินสือโอวก็พูดขึ้นมาว่า “มา ไปที่สระว่าบน้ำกับฉัน ฉันจะสอนวิธีกลั้นหายใจให้นายเอง ต้องปรับสภาพอวัยวะภายในของนายเสียก่อน”


นี่เป็นเรื่องที่ฉินสือโอวค้นเจอในอินเทอร์เน็ตเมื่อวานนี้ มันเรียกว่าการฝึกการควบคุมลมหายใจ อันที่จริงแล้วก็เป็นการหายใจเข้าลึกและเก็บอากาศไว้ เอาอากาศที่ไม่ดีออกมาจากปอดและสูดรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไป แบบนี้จะส่งผลดีต่อร่างกาย แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ได้ผลดีเท่ากับการฝึกกำลังภายในอย่างที่โฆษณาไว้แน่นอน


เขาลองวัดอุณหภูมิที่สระว่ายน้ำ อากาศตอนเช้าในหน้าร้อน น้ำในสระกำลังอุ่นพอดี ฉินสือโอวและไวส์นั่งอยู่ในสระ ฉินสือโอวจัดให้ไวส์นั่งในท่าขัดสมาธิ ให้เขาสงบจิตใจลงจากนั้นก็หลับตาและหายใจเข้าออก


“เวลาที่หายใจเข้านายต้องผสานลมหายใจเข้ากับการเคลื่อนไหวต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการช่องทวาร หน้าท้อง หรือกล้ามเนื้อ ไม่เข้าใจไหม? ดูฉันนะ” กล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนล่างของฉินสือโอวแขม่วเกร็ง จากนั้นก็ค่อยๆ เกิดลมเพิ่มขึ้นจากการหายใจเข้าช้าๆ


“หลังจากนั้นเวลาที่หายใจออกน่ะ ให้ลดการเกร็งหน้าท้อง แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายหน้าท้อง นอกจากนี้ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายบริเวณช่องทวาร นายไม่เข้าใจเรื่องช่องทวารสินะ? อันนี้ไม่มีตัวอย่างแสดงให้ดู นายต้องเข้าใจด้วยตัวเอง!” ฉินสือโอวโบกมือปฏิเสธไปมา


งานนี้ต้องจินตนาการเองแล้ว เขาไม่กล้าทำท่านี้ให้ดูหรอก หากมีคนเอาไปแจ้งความ เขาอาจจะโดนตำรวจจับเข้าคุกข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กได้


“ทำตามจังหวะที่ฉันบอกนะ หายใจเข้าหายใจออก หายใจเข้าหายใจออก หายใจเข้ากลั้นหายใจและหายใจออก หลักในการหายใจในแต่ละครั้ง เมื่อมาถึงจุดที่ผ่อนคลายหรือว่าเกิดความเปลี่ยนแปลง นายจะต้องใช้การกลั้นหายใจ เข้าใจไหม?” สีหน้าของฉินสือโอวดูลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ได้


แต่เขามั่นใจว่าวิธีของเขานั้นมีประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะว่าเขาได้สะบัดมือและปล่อยพลังโพไซดอนลงไปในน้ำแล้วเรียบร้อย ทำให้ร่างกายของไวส์ได้รับพลังโพไซดอนเข้าไปบางส่วน นี่แหละคือเคล็ดลับขั้นสุดยอด!


ฉินสือโอวได้แอบส่งพลังโพไซดอนให้เหล่าเพื่อนสนิทและคนในบ้านอย่างบิลลี่ หรือพวกเหมาเหว่ยหลง พลังนี้ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมนุษย์ได้อย่างชัดเจน เช่นเออร์บัก เมื่อเทียบกับคนที่อายุมากเท่ากันเขาดูอ่อนวัยลงทุกวันๆ


แน่นอนว่า พลังโพไซดอนที่เขามอบให้คนอื่นๆ นั้นเขาส่งให้ค่อนข้างน้อย ขอเพียงทำให้ร่างกายแข็งแรงก็พอแล้ว เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้ท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลต่อร่างกายหรือไม่ หากวันไหนตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาแล้วมีขนหางยาวเหมือนบรรพบุรุษ แบบนั้นคงจะแย่แน่


หลังจากที่หายใจเข้าออกอยู่ราวครึ่งชั่วโมง ฉินสือโอวก็ให้ไวส์ลุกขึ้น ปรากฏว่าเขาเห็นว่าเด็กคนนี้นั่งหลับอยู่ในน้ำ ในที่สุดสีหน้าของเขาก็ดีขึ้นมา และไม่ได้มีสีหน้าซีดราวกับคนเป็นโรคอีก


ฉินสือโอวพาไวส์มายังเก้าอี้เอนหลัง เด็กคนนี้หลับสนิท เขาเพียงแค่ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ จากนั้นก็นอนหลับต่อ


บิลลี่มาหาฉินสือโอว เขาพูดพลางโบกโทรศัพท์ไปมา “ของนายน่ะ เคอร์ สเตราส์ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องด่วนนะ”


ฉินสือโอวรับโทรศัพท์มือถือว่า เคอร์พูดเปิดประเด็นขึ้นมาทันที “เฮ้ เพื่อน ลูกของจอร์จ บรูซอยู่กับคุณหรือไม่ครับ? เด็กชาวตัวเล็กๆ ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นฮีโร่น่ะ ชื่อไวส์”


ฉินสือโอวจึงอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง เคอร์เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมาว่า “โอเค คุณมาหาผมหน่อยสิ จอร์จต้องการจะคุยกับคุณ”


เมื่อวางสายแล้ว ฉินสือโอวก็ถามบิลลี่ว่าใครคือจอร์จ บรูซ บิลลี่หัวเราะออกมาเสียงดังแล้วพูดขึ้นว่า “จอร์จ บรูซนายไม่รู้จักเขาเหรอ? แล้วแอนดรูว์ คาร์เนกีล่ะ? อย่าบอกนะว่านายไม่รู้จักเจ้าพ่อค้าเหล็ก!”


แน่นอนว่าฉินสือโอวรู้จักเจ้าพ่อค้าเหล็กอย่างคาร์เนกีแห่งอเมริกา เขาถามออกมาว่า “สองคนนั้น เกี่ยวข้องกันเหรอ?”


คาร์เนกีตายไปแล้วศตวรรษหนึ่ง อีกอย่างตระกูลที่ยิ่งใหญ่แบบนี้จะเกี่ยวข้องอะไรกันกับบรูซงั้นเหรอ?


“วิเวียน บรูซคือภรรยาของจอร์จ บรูซ ก่อนแต่งงานเธอชื่อวิเวียน คาร์เนกีเข้าใจไหม? คุณบรูซตอนนี้เป็นเจ้าพ่อค้าเหล็กคนใหม่แห่งชิคาโก้ เขาเป็นคนที่เก่งกาจมากเลยนะ” บิลลี่พูด


หลังจากนั้นเขาก็พูดถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวคาร์เนกีและครอบครัวจอร์จ บรูซ เขาถามขึ้นมาว่า “นายถามเรื่องนี้ทำไมกัน?”


ฉินสือโอวชี้ไปที่ไวส์ที่กำลังนอนฝันหวานอยู่ที่ด้านหลังแล้วพูดขึ้นว่า “เด็กคนนั้น ศิษย์ของฉันชื่อไวส์ เหมือนว่าพ่อของเขาก็คือจอร์จ บรูซ”


“แย่แล้ว ตอนนี้นายเป็นอาจารย์ของรัชทายาทแล้ว!” เหมาเหว่ยหลงพูดล้อเล่นออกมา


ฉินสือโอวโบกมือไล่แล้วออกประตูไป เขาบอกทุกคนว่าถ้าเด็กคนนั้นตื่นให้เขาเล่นคนเดียวไปก่อน ตอนเย็นเขาจะกลับมาสอนกังฟู


เมื่อไปถึงที่พักของเคอร์ ทันทีที่ฉินสือโอวลงจากรถเขาก็เห็นชายวัยกลางคนร่างใหญ่ที่เมื่อวานนี้มาลากไวส์ไป ผมของเขาเป็นสีดำสนิทไม่เหมือนกับไวส์ที่มีผมสีทอง เขาเป็นคนตัวใหญ่ จมูกโด่งและมีปากกว้าง มองดูก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาเป็นผู้ชายที่พลังงานเหลือล้นคนหนึ่ง


ฉินสือโอวยื่นมือออกไป ชายวัยกลางคนคนนั้นยื่นมือออกมาจับมือของฉินสือโอว แล้วพูดว่า “จอร์จ บรูซ พ่อของไวส์ ดีใจที่ได้พบคุณครับ”


เคอร์พาทั้งสองคนไปยังห้องสมุด เขาพูดขึ้นมาว่า “ที่นี่ค่อนข้างสงบ เชิญพวกคุณตามสบายครับ”


จอร์จมองฉินสือโอวอย่างพินิจพิเคราะห์ ฉินสือโอวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ว่าเพื่อเห็นแก่ไวส์ เขาจึงทำได้เพียงมองกลับไปยังเจ้าพ่อแห่งการค้าเหล็กด้วยสายตาดุเดือดเท่านั้น แต่ไม่ได้ถึงกับจะไปต่อยตีจอร์จ


แน่นอนว่า เขาแค่คิดเรื่องนี้เล่นๆ เท่านั้น


“ลูกชายของผม เคารพคุณเป็นอะจารย์แล้วงั้นเหรอ?” จอร์จเอ่ยปากถามออกมา


ฉินสือโอวยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “อาจารย์ครับ ไม่ใช่อะจารย์ แน่นอนว่าไวส์เรียกผมแบบนั้น”


ใบหน้าของจอร์จปรากฏร่องรอยแห่งความเศร้าออกมาเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานมันก็หายไป และใบหน้านั้นก็กลับมาดูดุดันอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อวานตอนเย็นไวส์แอบออกไปข้างนอก แล้วเขาก็กลับมาอย่างด้วยท่าทีมีความสุข ผมเลยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เดิมทีผมอยากจะไปคุยกับคุณตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น แต่ว่าแบบนั้นคงจะเป็นการเสียมารยาท และผมก็เกรงใจ วันนี้เลยให้คนไปถามถึงคุณ หวังว่าผมจะไม่ได้ทำให้คุณไม่สบายใจนะครับ”


ฉินสือโอวตอบกลับว่า “คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ผมเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อดี เพราะว่าอีกไม่นานผมก็จะกลายเป็นพ่อคนแล้ว”


ในที่สุดจอร์จก็ยิ้มออกมา เขาลากเก้าอี้เข้ามานั่งอยู่ตรงหน้าฉินสือโอวแล้วพูดขึ้นว่า “ผมสามารถเล่าเรื่องของลูกผมให้คุณฟังได้ไหม? แต่มันค่อนข้างจะน่าเบื่อเสียหน่อยนะ”


ฉินสือโอวแสดงท่าทีบอกเขาว่าเชิญตามสบาย


“ไวส์ เป็นลูกคนที่สี่ของผม เขามีพี่สาวคนหนึ่ง ส่วนพี่ชายของเขาทั้งสองคนเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย” ในขณะที่เล่าถึงเรื่องนี้สีหน้าของจอร์จไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด “คุณน่าจะสัมผัสได้ พวกเราอายุห่างกันไม่มากไม่ใช่เหรอ? เวลาที่อยู่กับไวส์ ถ้าหากว่าไม่แนะนำให้รู้จัก คุณก็คงจะเข้าใจว่าผมเป็นปู่ของเขา”


“ยีนด้อยของผม เกิดขึ้นบนโครโมโซมวาย ถ้ามีลูกชาย ลูกของผมก็จะไม่แข็งแรง แต่การจะมีลูกเป็นชายหรือหญิง เรื่องนี้พระเจ้าเป็นผู้กำหนด ผมและวิเวียนที่เป็นพ่อแม่ขอไวส์ไม่สามารถกำหนดเพศของเขาได้ สิ่งที่พวกเราทำได้ คือการทำทุกวิถีทางเพื่อดูแลลูกชายคนนี้ให้ดีที่สุด”


บทที่ 957 ของขวัญของพระเจ้าไม่ได้ดีขนาดนั้น

Ink Stone_Fantasy

“ในบรรดาลูกชายของผม ไวส์เป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงที่สุด อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ก็ถือว่าเขามีร่างกายแข็งแรงที่สุด แต่ว่าก็ไม่ได้แข็งแรงมากนัก คุณไม่ได้พาเขาไปออกกำลังกายหนักๆ ใช่ไหมครับ? เขาออกไม่ไหวหรอกนะ” จอร์จถามออกมา


“การวิ่งคงไม่ได้ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่หนักหรอกใช่ไหมครับ?”


“ใช่สิ!” จอร์จโพล่งขึ้นมาทันที


ฉินสือโอวโบกมือไปมาพลางพูดว่า “ไม่ต้องตกใจไปครับ ผมไม่ได้ให้เขาออกกำลังกายหนักอะไร เพียงแค่อาบน้ำด้วยกันเท่านั้น ตอนนี้เขาสบายดี กำลังหลับอยู่ครับ”


จอร์จถอนหายใจออกมา จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ไวส์เป็นเด็กดี นอกจากจะชื่นชอบกังฟูแล้ว เวลาที่เขาพูดถึงกังฟูท่าทางของเขาดูคลั่งไคล้มาก กังฟูมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตวัยเด็กของเขา ตอนนั้นเป็นผมเองที่ละเลย ผมคิดแค่ว่าจะให้ไวส์ได้รับประสบการณ์การใช้ชีวิตเหมือนกับเด็กคนอื่นทั่วๆ ไป ไม่ได้คิดเลยว่าเขาจะโดนกลั่นแกล้งที่โรงเรียน และด้วยความที่เขาเป็นเด็กดี เมื่อกลับมาบ้านเขาก็ไม่บอกอะไรเลยสักคำ”


“จนกระทั่งวัยรุ่นชาวจีนผู้มีความยุติธรรมคนหนึ่งเข้ามาช่วยเขา ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มองกังฟูจีนว่าเป็นความหวังในชีวิต แต่ผมรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเรียนกังฟูได้ ผมคิดหาวิธีที่จะตัดเขาออกจากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกังฟู…”


“เดี๋ยวนะครับ ผมขออนุญาตพูดแทรกเสียหน่อย คุณครับ ไวส์บอกว่าพ่อของเพื่อนเปิดโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ แต่ว่าต่อมาพวกเขาก็ย้ายออก คุณคงไม่ได้เป็นคนให้พวกเขาย้ายออกไปใช่ไหมครับ?” ฉินสือโอวมองไปยังจอร์จด้วยความสงสัย


จอร์จพยักหน้าอย่างเรียบง่าย “ใช่แล้ว เป็นผมเอง ผมให้เงินลงทุนแก่พ่อของนักเรียนคนนั้นเพื่อไปเปิดโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ที่สวิตเซอร์แลนด์ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาย้ายไป มีอะไรหรือเปล่าครับ?”


ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วบอกให้เขาพูดต่อ


“ไวส์เป็นเหมือนกับสปริง ผมประเมินความดื้อรั้นของเขาไว้ต่ำเกินไป เพราะว่าทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าผมหรือแม่ของเขา ท่าทางที่แสดงออกมามีแต่การเป็นเด็กดีและดูอ่อนโยน พอผมห้ามไม่ให้เขายุ่งเกี่ยวกับกังฟูจีน กลายเป็นว่าเขายิ่งกลับเข้าไปยุ่งกับกังฟูลับหลังผมมากกว่าเดิม เขาเก็บเงินค่าขนมเพื่อไปจ้างนักเรียนแลกเปลี่ยนคนหนึ่งให้มาเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนของเขาเลยด้วยซ้ำ ”


“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแผนการของพระเจ้า นักเรียนแลกเปลี่ยนคนนั้นเป็นชายผู้คลั่งไคล้ในศิลปะการต่อสู้คนหนึ่ง เหอะ ถ้าไม่เป็นเพราะผมให้นักสืบเอกชนไปสืบเรื่องนี้ล่ะก็ ผมก็ยังคงคิดว่าเป็นศัตรูของผมที่ตั้งใจวางแผนให้เกิดเรื่องแบบนี้กับลูกชายของผม!” จอร์จอดไม่ได้ที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา ในที่สุดภาพลักษณ์ของเจ้าพ่อค้าเหล็กก็หายไป


ฉินสือโอวถามออกมาอย่างไม่เข้าใจว่า “ทำไมคุณถึงมองกังฟูจีนแบบนั้นล่ะครับ?”


จอร์จพูดออกมาเสียงดังว่า “ไม่ ผมไม่ได้มองกังฟูจีนแบบนั้น แต่ไวส์ไม่สามารถรับกับการออกกำลังกายหนักได้! ร่างกายของเขาไม่พร้อม! ผมไม่อนุญาตโดยเด็ดขาด! เขาน่ะ เฮ้อ พระเจ้า!”


เมื่อพูดถึงตรงนี้ คุณพ่อท่านนี้ก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าของตัวเอง ฉินสือโอวไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี เขาทำได้เพียงตบบ่าจอร์จเท่านั้น


จอร์จสะดุ้งตกใจ คาดว่าคงไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเขา ไม่นานเขาก็กลับมาควบคุมอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว เขาพูดต่อว่า “ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว การห้ามเพียงอย่างเดียวคงจะไม่ได้ผล ดังนั้นผมเลยต้องการเจอคุณ อะจารย์ฉิน ผมหวังว่าคุณจะสามารถเปลี่ยนความคิดของไวส์ได้ ทำให้เขาเลิกหมกมุ่นกับกังฟูจีนด้วยเถอะ”


ฉินสือโอวเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น ก่อนหน้านี้คุณไม่เคยทำแบบนี้ใช่ไหม?”


จอร์จพูดกลั้วหัวเราะว่า “ผมแนะนำฮีโร่ของฝั่งอเมริกาให้กับไวส์ทุกตัว โดยเฉพาะไอรอนเมน ผมเคยขอร้องให้โรเบิร์ต ดาวน์นี่ จูเนียร์สวมชุดเกราะไอรอนแมนมางานฉลองวันเกิดของเขาด้วย แต่มันน่าเสียดาย ที่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย!”


“ทำอะไรไม่ได้เลย? ไม่ใช่ว่าเหล่าเด็กๆ จากฝั่งอเมริกาชอบฮีโร่พวกนี้ที่สุดเหรอครับ?”


“แต่ในความเป็นจริงแล้วดาวน์นี่ไม่ใช่ฮีโร่ เขาคือฮีโร่ในจอ! รู้ไหมว่าหลังจากที่ไวส์เจอกับดาวน์นี่เขาทำอะไร? เขาเตรียมอิฐสีแดงอันหนึ่งไว้ จากนั้นก็ส่งมันให้ดาวน์นี่ แล้วให้เขาสับอิฐอันนั้นให้แยกเป็นสองส่วน คุณนึกสีหน้าของไอรอนแมนในตอนนั้นออกหรือเปล่า?” จอร์จหัวเราะออกมา


ลองนึกภาพไอรอนแมนถืออิฐอยู่ในมือแล้วทำอะไรไม่ถูกดูสิ ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเช่นกัน


จอร์จค่อยๆ เล่าเรื่องของลูกชายของตัวเอง เล่าถึงเรื่องที่ตัวเองทำออกมา เขายอมรับในเรื่องที่ฉินสือโอวเป็นอาจารย์ของไวส์ ดังนั้นเขาหวังว่าฉินสือโอวจะสามารถเข้าใจไวส์ได้มากขึ้น


ท้ายที่สุดแล้ว หลังจากที่พูดคุยกัน ฉินสือโอวก็ถามขึ้นว่า “ทำไมคุณถึงไว้ใจผม? แล้วให้ผมดูแลลูกของคุณล่ะครับ?”


จอร์จตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผมไม่ได้วางใจ แต่ไวส์เลือกคุณ อีกอย่าง ผมถามเหล่าคนที่รู้จักคุณแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ประเมินคุณไว้สูงนัก แต่ทุกคนก็บอกว่าคุณเป็นคนดี เป็นคนจริงใจ”


“ประเมินผมไม่สูงหมายความว่าอะไรเหรอครับ?” ฉินสือโอวติดใจในปัญหาข้อนี้


จอร์จแสดงสีหน้าเลิ่กลั่กออกมา เขากระแอมออกมา แล้วพึมพำว่า “บ้าเอ๊ย เหมือนหลอดลมผมจะมีปัญหา ผมขอตัวไปพักก่อนนะ ไว้เราค่อยคุยกันใหม่ อะจารย์ฉิน ไว้เราคุยกันใหม่นะ”


พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว


ฉินสือโอวตะโกนออกมาว่า “คำถามสุดท้าย ไวส์ป่วยเป็นอะไรกันแน่ครับ?”


จอร์จที่กำลังเดินออกไปอย่างรีบร้อนหยุดลงทันที แผ่นหลังที่ดูแข็งแกร่งดูอ่อนยวบลงเล็กน้อย “เป็นโรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อตั้งแต่กำเนิด เป็นของขวัญที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้กับเด็กผิวขาวผู้โดดเดี่ยว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะไม่เกิดขึ้นกับลูกของคุณและคุณแน่นอน ของขวัญบ้าบอนี่!”


ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ โรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะกับเด็กที่มีผิวขาว เป็นความผิดปกติด้านยีน ไขกระดูกไม่สามารถที่จะสร้างเซลล์เม็ดเลือดได้ให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโต การให้ยาและการให้เลือดสามารถบรรเทาอาการลงได้ช่วงระยะแรก แต่ผลการรักษาของมันจะอยู่ได้นานสุดแค่หกปีเท่านั้น


ฉินสือโอวเก็บโทรศัพท์ลง เขาบอกลาจอร์จและไปยังริมทะเล เขาต้องการที่จะพักผ่อนใจไปกับสายลม เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจะสามารถเปลี่ยนยีนของคนได้หรือไม่


นอกจากนี้ ถ้าหากว่าเขารักษาไวส์ได้ แล้วเขาจะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? ปัญหาสุขภาพของลูกชายเจ้าพ่อการค้าเหล็ก โรงพยาบาลใหญ่ๆ คงมีบันทึกการรักษาไว้หมดแล้ว


ฉินสือโอวเดินไปเรื่อยๆ จนเดินมาถึงข้างๆ ท่าเรือ มีคนบางกลุ่มกำลังยืนอยู่แต่เขาไม่ได้สนใจ แต่มีคนเข้ามาดึงเสื้อของเขา


ฉินสือโอวตื่นขึ้นมาจากภวังค์ เขาหัวไปมองใบหน้าสดใส เธอคือเจ้าหญิงซามาลาห์จากดูไบ ด้านหลังของเจ้าหญิงคืออาฟิฟ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมที่กำลังยิ้มกว้างมาให้อยู่ไม่ห่าง


“คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ? ฉันเรียกคุณตั้งหลายรอบ คุณไม่ตอบกลับเลย” เจ้าหญิงโลลิต้าขมวดคิ้วพลางพูดออกมาอย่างไม่พอใจ


ฉินสือโอวยิ้มออกมาแล้วตอบกลับว่า “เอาล่ะ ผมขอโทษครับ ว่าแต่คุณทำอะไรอยู่?”


เจ้าหญิงโลลิต้าตอบกลับมาอย่างร่าเริงว่า “พวกเรากำลังจะไปดูปะการังและก็ไปเก็บเปลือกหอยสวยๆ เราอาจจะจับได้ปูตัวเล็กๆ ที่น่าสนใจมาด้วยก็ได้ คุณอยากไปกับพวกเราไหมคะ?”


ฉินสือโอวแบมือแสดงท่าทีไม่สนใจออกมา เจ้าหญิงโลลิต้าแกว่งแขนเสื้อของเขาไปมาแล้วพูดขึ้นว่า “ไปเถอะนะคะ คุณเป็นเจ้าของฟาร์มปลา คุณจะต้องรู้ว่าที่ไหนมีเปลือกหอยสวยๆ ฉันไม่เคยเก็บเปลือกหอยด้วยตัวเอง อีกอย่างฉันก็อยู่กับพี่ชายที่น่ารำคาญนี่อีก มีพวกเราแค่สองคนมันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่เลย”


อาฟิฟกระแอมออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “ซามาลาห์ เธอไม่ควรวิจารณ์พี่ชายของตัวเองแบบนี้นะ พระอัลเลาะห์ไม่ชอบหญิงสาวที่พูดจาลับหลังคนอื่นในทางไม่ดีนะ”


เจ้าหญิงโลลิต้ายิ้มหวานออกมาแล้วพูดว่า “งั้นขอถามหน่อย ใครเป็นคนที่มาพูดเรื่องไม่ดีของฮามานแดนกับฉันลับหลังเขา? หลายรอบด้วยนะ”


อาฟิฟกะพริบตาปริบๆ เขารีบลากเจ้าหญิงโลลิต้าออกมาอีกด้านหนึ่ง จากนั้นก็กระซิบอะไรไม่รู้กันอยู่สองคน


ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง มันจะต้องเป็นเรื่องในตอนที่อาฟิฟยังเด็กและพูดกับเจ้าหญิงโลลิต้าแน่นอน ปรากฏว่าพวกเขายังคงจำได้จนถึงตอนนี้ และได้กลายเป็นหัวข้อในการต่อรองแล้ว


……………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)